Da jnāª ชฺญา แปลว่า รู้ ผันด้วย หมวดโลฏฺ (คาํ สั่ง) ปรัสไมบท
บุรุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. ประถมบุรษุ
jan¥ a¥tu, jan¥ ≠tat¥ * ja¥n≠ta¥m jan¥ antu
2. มธั ยมบรุ ษุ
janatu janItat( janItam( janNtu
1. อตุ ตมบรุ ษุ
ja¥n≠hi, jan¥ ≠ta¥t* ja¥n≠tam jan¥ ≠ta
janIih janItat( janItm( janIt
ja¥na¥ni ja¥nav¥ a jan¥ a¥ma
Janain janav janam
* jan¥ ≠ta¥t นิยมใช้มากในประโยคคําสง่ั ใช้ได้ท้งั บรุ ษุ ที่ 3 และบรุ ุษที่ 2
Da jnāª ชฺญา แปลว่า รู้ ผนั ด้วย หมวดโลฏฺ (คาํ สั่ง) อาตมเนบท
บุรุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. ประถมบรุ ษุ
ja¥n≠ta¥m ja¥n≠ta¥m* ja¥nata¥m*
2. มธั ยมบรุ ษุ
janItam( janatam( jantam(
1. อุตตมบรุ ษุ
ja¥n≠s‹va ja¥na¥tha¥m* jan¥ ≠dhvam
janIZv janaqam( janI?vm(
ja¥nai* jan¥ av¥ ahai ja¥na¥mahai
janW janavhW janamhW
* ขอ้ สงั เกต หน้าวิภักติทขี่ ึ้นต้นด้วย สระ (a,¥ a, i) ให้ลบ ≠ ที่ n≠ และ a¥ ที่ na¥ ออก
เสีย
Da jn⥠ชฺญา แปลว่า รู้ ผนั ด้วย หมวดลิงฺ (รําพึง) ปรัสไมบท
บรุ ษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. ประถมบรุ ษุ
jan¥ ≠yat¥ ja¥n≠yat¥ a¥m jan¥ ≠yus
2. มัธยมบรุ ษุ
janIyat( janIyatam( janIyus(
1. อุตตมบรุ ษุ
jan¥ ≠ya¥s ja¥n≠ya¥tam ja¥n≠yat¥ a
janIyas( janIyatm( janIyat
ja¥n≠ya¥m ja¥n≠yav¥ a ja¥n≠ya¥ma
janIyam( janIyav janIyam
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 230
230
สนั สกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
¹I kr≠ กรฺ ี แปลว่า ซ้ือ ผันด้วย หมวดลิงฺ (ราํ พึง) อาตมเนบท
บรุ ุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. ประถมบุรษุ
jan¥ ≠ta ja¥n≠ya¥ta¥m ja¥n≠ran
2. มธั ยมบรุ ษุ
janIt janIyatam( janIrn(
1. อุตตมบรุ ษุ
jan¥ ≠ha¥s jan¥ ≠ya¥tha¥m jan¥ ≠dhvam
janIqas( janIyaqam( janI?vm(
jan¥ ≠ya ja¥n≠vahi jan¥ ≠mahi
janIy janIvih janImih
ธาตหุ มวดที่ 9 ที่ใช้มาก ดงั ตาราง ด้านลา่ ง
ธาตุ (โรมัน) เทวนาครี ความหมาย รปู แข็ง รปู อ่อน ปรสั ไมบท อาตมเนบท
granthna¥ granthn≠
granth g[Nq( ผูก, มดั , แต่ง badhna¥ badhn≠ granthnat¥ i -
bandh bN/( ผูก, มัด manthna¥ manthn≠
manth mNq( กวน(น้ํานม) stambhna¥ stambhn≠ badhnat¥ i -
stambh StM.( หยุด kr≠na‹ ¥ kr≠n≠‹
kr≠ ¹I ซ้ือ grh‹ n‹a¥ grh‹ n≠‹ manthnat¥ i -
grah g[h( จบั , ถือ jan¥ a¥ ja¥n≠
jnªa¥ Da ร้,ู ทราบ stambhna¥ti -
kr≠na‹ ¥ti kr≠n‹≠te
gr‹hn‹at¥ i grh‹ n≠te
ja¥nat¥ i ja¥n≠te
19.2 ธาตุหมวด 7 รุธาทิคณะ
ธาตุหมวดที่ 7 อย่ใู น ธาตกุ ล่มุ ที่ 3 คือ ธาตุทีไ่ มม่ ีปจั จยั มี 3 หมวด ได้แก่
ธาตหุ มวด 2 (อทาทิคณะ) มีวิธีการผนั เฉพาะตวั มรี ปู อ่อน และรปู แขง็
ธาตหุ มวด 3 (ชุโหตฺยาทิคณะ) มีการซ้ําพยางค์ต้นธาตุ และกริยามีรูปอ่อนและ
รปู แข็ง
ธาตุหมวด 7 (รธุ าทิคณะ) มีการเติม นฺ, น n, na หน้าพยญั ชนะสดุ ธาตุ
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 231
231
สันสกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
สว่ นประกอบของกริยากลุม่ ธาตทุ ี่ 7 รธุ าทิคณะ rudha¥digan‹a
ธาตุหมวดที่ 7 น้ี ไม่ยาก (อีกแล้ว) มีเพียง 25 ธาตเุ ท่าน้ัน และใช้มากประมาณ 7 ธาตุ
(คือเพียงเกือบ 1 ใน 4) โดยมี รุธฺ ธาตุ (rudh) แปลว่า ก้นั , ขวาง เป็นตัวแรก มีลักษณะ
การผนั แบ่งเป็น รปู แข็งและรูปออ่ น โดยมีส่วนประกอบที่สําคญั ดงั ตารางต่อไปนี้
รูปที่ 1. แขง็
ธาตทุ ี่เพิ่ม น (na) หน้าพยญั ชนะตวั ท้ายธาตุ + วิภักติแข็ง = กริยาอาขยาต
รปู ที่ 2. อ่อน
ธาตทุ ีเ่ พิม่ นฺ (n) หน้าพยญั ชนะตัวท้ายธาตุ + วิภักติแข็ง = กริยาอาขยาต
ตัวอย่าง การผันกริยาธาตุหมวด 7 หมวดลฏฺ (ปัจจุบนั กาล)
ตารางวิภักติหมวด ลฏฺ ปัจจบุ ันกาล วิภกั ติแขง็ ในช่องเอกพจน์ สีดํา
ที่เหลือเป็นวิภักติออ่ น
ä/( rudh รธุ ฺ แปลว่า ก้นั , ปิด ผันด้วยวิภักติหมวด ลฏฺ ปจั จบุ นั กาล
รูปแขง็ + na หน้าพยัญชนะท้ายธาตุ = runadh / รูปอ่อน + n = rundh
บรุ ุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. prathama
runa‹ ddhi rundhah‹* rundhanti
puruṣa
ä,i† äN/" ¹I,iNt
ประถมบรุ ษุ
2. madhyama เขาก้นั เขาท้งั สองก้นั พวกเขาก้นั
puruṣa run‹atsi rundhah‹* rundha*
มธั ยมบรุ ุษ ä,iTs äN/" äN/
1. uttama
เธอกน้ั เธอท้งั สองก้นั พวกเธอก้นั
puruṣa
runa‹ dhmi rundhvah‹ rundhmah‹
อุตตมบรุ ุษ
ä,i?m äN?v" äN?m"
ฉันกน้ั เราท้งั สองกน้ั พวกเราก้ัน
* ข้อสังเกต หน้าวิภักติ tah‹, thah,‹ tha มีการสนธิภายในระหว่าง dh กับ t, th
และลบบางตัว
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 232
232
สันสกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
ä/( rudh รธุ ฺ แปลว่า กน้ั , ปิด ผันด้วยวิภกั ติหมวด ลฏฺ อาตมเนบท (ไม่มีวิภกั ติแขง็ )
รปู แขง็ + na หน้าพยัญชนะท้ายธาตุ = runadh / รูปอ่อน + n = rundh
บุรุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. ประถมบุรษุ rundhe* rundhat¥ e rundhate
2. มธั ยมบรุ ษุ äN/e äN/ate äN/te
runtse* rundha¥the rundhve*
1. อุตตมบรุ ษุ äNTse äN/aqe äN?ve
runddhe* rundhvahe rundhmahe
äN†e äN?vhe äN?mhe
* ข้อสังเกต หน้าวิภกั ติ te, se, e มีการสนธิภายในระหว่าง dh กับ t, s
ตารางวิภกั ติหมวด ลงฺ อดีตกาล แสดงวิภกั ติแข็งในวงกลม ส่วนทีเ่ หลือเปน็ วิภักติอ่อน
ä/( rudh รธุ ฺ แปลวา่ ก้นั , ปิด ผันด้วย หมวดลงฺ (อดีตกาลไม่สมบูรณ์) ปรัสไมบท
รปู แขง็ + na หน้าพยญั ชนะท้ายธาตุ = runadh / รปู อ่อน + n = rundh
บรุ ษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. ประถมบุรษุ
aruna‹ t* arund‹ ha¥m* arun‹dhan*
2. มธั ยมบรุ ษุ
Aä,t( AäN/am( AäN/n(
1. อตุ ตมบรุ ษุ
arun‹as* arundham* arundha*
Aä,s( AäN/m( AäN/
arund‹ ham arundhva arundhma
Aä</m( AäN?v AäN?m
* ข้อสังเกต มีการสนธิภายในระหว่าง dh กับ t, s
ธาตุหมวดที่ 7 ทีใ่ ช้มาก ดังตารางนี้
ธาตุ (โรมัน) เทวนาครี ความหมาย รูปอ่อน รปู แข็ง ปรสั ไมบท อาตมเนบท
chid chinad chind chinatti -
i^d( ตดั , ฟัน
bhid i.d( bhinad bhind bhinatti -
yuj( ทําลาย yunjª yunakti yunƒkte
yuj yunaj
ประกอบ, ใช้
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 233
233
สันสกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
19.3 ธาตหุ มวด 3 ชุโหตฺยาทิคณะ
ธาตุหมวดที่ 3 อยู่ในธาตุกลุ่มที่ 3 คือธาตุที่ไม่มีปัจจัย ประกอบอยู่กับธาตุ มี 3 หมวด
ได้แก่
ธาตุหมวด 2 (อทาทิคณะ) มีวิธีการผันเฉพาะตวั มีรปู อ่อน และรปู แขง็
ธาตุหมวด 3 (ชโุ หตยฺ าทคิ ณะ) มีการซ้าํ พยางค์ต้นธาตุ และกริยามีรปู อ่อนและรูป
แข็ง
ธาตุหมวด 7 (รุธาทิคณะ) มีการเติม นฺ, น n( na หน้าพยญั ชนะสดุ ธาตุ
ส่วนประกอบของกริยากลมุ่ ธาตุที่ 3 ชโุ หตฺยาทิคณะ juhotyad¥ igana‹
ธาตุหมวดที่ 3 น้ี ไม่ยาก มีเพียง 24 ธาตุเท่าน้ัน (แต่นิยมใช้เพียง 11 ตัวเท่าน้ัน) โดยมี
หุ ธาตุ (hu) แปลว่า มอบถวาย, บชู า, บวงสรวง เป็นตัวแรก มีวิธีการประสมส่วนประกอบ
ก่อนผันต่างกันกับ ธาตุกลุ่มที่ 1 (หมวด 1-4-6-10) มากถึงมากที่สุด คือ ไม่มีปัจจัยประจํา
หมวด แต่มีการซ้ําพยางค์ต้นของธาตุแต่ละตัว แล้วนําไปผันตามวิภักติอาขยาตที่แบ่งเป็น
รูปแข็งและรูปอ่อน (ตามตารางที่เคยให้ไว้ใน หมวดที่ 8 kr‹ ธาตุ) โดยมีส่วนประกอบท่ี
สาํ คญั ดังตารางต่อไปนี้
รูปที่ 1. แขง็
พยางค์ซ้ําต้นธาตุ + ธาตุ (ข้ันคณุ ) + วิภกั ติแขง็ = กริยาอาขยาต
เช่น ju + ho + ti = juhoti
รปู ที่ 2. ออ่ น
พยางค์ซ้าํ ต้นธาตุ + ธาตุ (ธรรมดา) + วิภกั ติอ่อน = กริยาอาขยาต
เช่น
ju + hu + tas = juhutas
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 234
234
สันสกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)
19.4 กฎท่วั ไปของการซ้าํ พยางค์
กฎท่ัวไปของการซ้ําพยางค์ (ตามหลักไวยากรณ์การซ้ําพยางค์เรียกว่า อัพยาส abhyas¥ a)
คือ
1. ธาตุที่มีพยัญชนะสังยุกต์ ซ้อนกัน 2 ตัวขึ้นไป เช่น ตฺยชฺ tyaj เมื่อซ้ําพยางค์จะ
ตอ้ งซ้าํ เฉพาะตัวแรก ผสมกับสระทีต่ ามมา เช่น
tyaj แปลว่า สละ, ละ เมื่อซ้าํ พยางค์ = tatyaj
2. ธาตุที่มีพยัญชนะ สฺ s ข้ึนต้นตามมาด้วย พยัญชนะวรรค ให้ซ้ําเฉพาะพยัญชนะ
วรรคตวั ที่ตามมาและห้ามมีเสียงมีลม (h) ตามมาด้วย (ดูกฎการซ้าํ พยางค์ ข้อ 2
ของธาตหุ มวดที่ 3 ด้านล่าง ประกอบด้วย) เช่น
สฺถา stha¥ (ธาตหุ มวด 1) แปลว่า ดาํ รง, ยืน, หยุด = tist‹ h‹
กฎการซาํ้ พยางค์ของธาตหุ มวดที่ 3 มี ดังนี้
1. ธาตุทีม่ ีสระเสียงยาว โดยเฉพาะสระ อา เมื่อซ้ําพยางค์จะต้องเปน็ เสียงส้นั เช่น
da¥ แปลว่า ให้ เมื่อซ้ําพยางค์ = dada¥ นําไปประกอบตามตาราง ได้ดงั นี้
da + da¥ + ti = dada¥ti แปลว่า เขาให้..
2. ธาตุที่มีพยัญชนะที่มีเสียงพ่นลม (h) เช่น ธฺ dh เมื่อซ้ําพยางค์จะต้องตัด
เสียง พ่นลมออก เช่น
dha¥ แปลว่า วาง เมื่อซ้ําพยางค์ = dadha¥ นําไปประกอบตามตาราง ได้
ดงั นี้
da + dha¥ + ti = dadhat¥ i แปลว่า เขาวาง..
3. ธาตุที่มีสระ ฤ r‹ และสระ อา a¥ เมื่อซ้ําพยางค์จะต้องเปลี่ยนเป็นสระ อิ i
ตามกฏท่ัวไปของการซ้าํ พยางค์ เช่น
bhr‹ แปลว่า พา, นําไป เมื่อซ้ําพยางค์ = bibhr‹ นําไปประกอบตามตาราง
ได้ดงั นี้
bi + bhr‹ + ti = bibharti แปลว่า เขานาํ ..
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 235
235
สันสกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)
ตัวอย่าง การผนั กริยาธาตุหมวด 3
ดว้ ย ติงวฺ ิภกั ติ หรือ วิภักติกริยาอาขยาต หมวดลฏฺ (ปัจจบุ ันกาล)
hu hu หุ แปลว่า ถวาย, บวงสรวง ผนั ได้เฉพาะ ปรสั ไมบท ดงั นี้
(ดตู ารางวิภกั ติแขง็ อ่อน ทแี่ จกให้ไว้แล้ว ประกอบด้วย)
บรุ ษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. prathama
juhoti juhutah‹ juhvati
puruṣa
juhoit juhut" juøit
ประถมบรุ ษุ
2. madhyama เขาถวาย เขาท้งั สองถวาย พวกเขาถวาย
puruṣa juhos‹i juhuthah‹ juhutha
มธั ยมบรุ ุษ juhoiz juhuq" juhuq
1. uttama
เธอถวาย เธอท้งั สองถวาย พวกเธอถวาย
puruṣa
juhomi juhuvah‹ juhumah‹
อุตตมบรุ ษุ
juhoim juhuv" juhum"
ฉันถวาย เราท้งั สองถวาย พวกเราถวาย
hu แปลว่า ถวาย ผัน หมวดลงฺ (อดีตกาลไม่สมบรู ณ์) เฉพาะปรัสไมบท ดงั นี้
บรุ ษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. ประถมบรุ ษุ
ajuhot ajuhutam¥ ajuhavuh‹*
2. มธั ยมบรุ ษุ
Ajuhot( Ajuhutam( Ajuhvu"
1. อุตตมบรุ ษุ
ajuhos ajuhutam ajuhuta
Ajuhos( Ajuhutm( Ajuhut
ajuhavam** ajuhuva ajuhuma
Ajuhvm( Ajuhuv Ajuhum
* เฉพาะ บุรุษที่ 3 พหุพจน์ ของ วิภักติหมวด ลงฺ (อดีตกาลไม่สมบูรณ์) รูป ติงฺ
วิภักติ จะเป็น us เสมอและเมื่อประสมแล้วจะเป็น ajuhavuh‹
** a + juho (ข้ันคณุ ) + am = ajuhavam โดยกฎ o + a = ava ต่างจาก
u + a = va
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 236
236
สนั สกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
hu แปลว่า ถวาย ผนั ด้วย หมวดโลฏฺ (คาํ ส่ัง) เฉพาะปรสั ไมบท
บรุ ษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. ประถมบุรษุ
juhotu, juhuta¥t* juhuta¥m juhvatu
2. มธั ยมบรุ ษุ
juhotu - juhutat( juhutam( juøtu
1. อตุ ตมบรุ ษุ
juhudhi**, juhutat¥ * juhutam juhuta
juhui/ - juhutat( juhutm( juhut
juhava¥ni juhavav¥ a juhava¥ma
juhvain juhvav juhvam
* juhutat¥ นิยมใช้มากในประโยคคาํ ส่ัง ใช้ได้ท้งั บรุ ษุ ที่ 3 และบรุ ษุ ที่ 2
**juhudhi เป็นรูปแบบพิเศษ ประสมกันระหว่าง ju+hu+hi ( แปลว่า ท่านจง
ถวาย)
hu แปลวา่ ถวาย ผนั ด้วย หมวดลิงฺ (รําพึง) เฉพาะปรสั ไมบท
บุรษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. ประถมบรุ ษุ
juhuyat¥ juhuyat¥ a¥m juhuyus
2. มัธยมบรุ ษุ
juhuyat( juhuyatam( juhuyus(
1. อตุ ตมบรุ ษุ
juhuyas¥ juhuyat¥ am juhuya¥ta
juhuyas( juhuyatm( juhuyat
juhuya¥m juhuyav¥ a juhuya¥ma
juhuyam( juhuyav juhuyam
การผนั กริยาธาตุหมวด 3 ha¥ ธาตุ แปลว่า ทิ้ง, ละ
ha ha¥ หา แปลว่า ทิ้ง, ละ ผนั ได้เฉพาะ ปรสั ไมบท แตกต่างจาก การผนั hu บ้าง ดังนี้
1. ก่อนประสมวภิ กั ติแขง็ ha¥ จะซ้ําพยางค์เปน็ jaha¥
2. ก่อนประสมวภิ กั ติออ่ น ทขี่ ึ้นต้นด้วย พยัญชนะ ha¥ จะซ้ําพยางค์เปน็ jah≠
3. ก่อนประสมวภิ ักติอ่อนทีข่ ึ้นต้นด้วย สระ ha¥ จะซ้ําพยางค์เปน็ jah
(กฎข้อ 3 นี้ รวมถึง วิภักติหมวด วิธิลิงฺ (ราํ พึง) ที่แม้จะเป็นวิภกั ติอ่อนท้งั หมด แต่เมื่อใช้ผัน
ธาตหุ มวดที่ 3 จะข้ึนต้นด้วย พยญั ชนะ คือ ya ทุกพจน์ และบรุ ษุ )
(ดตู ารางวิภกั ติแขง็ อ่อน ทแี่ จกให้ไว้แล้ว ประกอบด้วย)
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 237
237
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)
ผัน ha¥ ธาตุ ปัจจบุ นั กาล หมวด ลฏฺ เฉพาะปรสั ไมบท
บรุ ษุ ที่ เอกพจน์
3. prathama ทวิพจน์ พหุพจน์
jaha¥ti
puruṣa jah≠tah‹ jahati
jhait
ประถมบรุ ษุ jhIt" jhit
2. madhyama เขาทิ้ง
เขาท้งั สองทิ้ง พวกเขาทิ้ง
puruṣa jahas¥ i
jah≠thah‹ jah≠tha
มัธยมบรุ ุษ jhais
1. uttama jhIq" jhIq
เธอทิ้ง
puruṣa เธอท้งั สองทิ้ง พวกเธอทิ้ง
jaha¥mi
อตุ ตมบรุ ษุ jah≠vah‹ jah≠mah‹
jhaim
jhIv" jhIm"
ฉนั ทิ้ง
เราท้งั สองทิ้ง พวกเราทิ้ง
ผนั ha¥ ธาตุ อดีตกาล ไม่สมบรู ณ์ หมวด ลงฺ เฉพาะปรัสไมบท
บุรุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. ประถมบรุ ษุ ajaha¥t ajah≠ta¥m ajahus
2. มธั ยมบรุ ษุ Ajhat( AjhItam( Ajhus(
ajaha¥s ajah≠tam ajah≠ta
1. อุตตมบรุ ษุ Ajhais AjhItm( AjhIt
ajaha¥m ajah≠va ajah≠ma
Ajham( AjhIv AjhIm
ha¥ แปลวา่ ทิ้ง ผนั ด้วย หมวดโลฏฺ (คาํ สง่ั ) เฉพาะปรสั ไมบท
บุรุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. ประถมบรุ ษุ jaha¥tu, jah≠ta¥t* jah≠ta¥m jahatu
2. มัธยมบรุ ษุ jhatu - jhItat( jhItam( juhtu
jahah¥ i, jah≠ta¥t* jah≠tam jah≠ta
1. อตุ ตมบรุ ษุ jhaih - jhItat( jhItm( jhIt
jaha¥ni jaha¥va jaha¥ma
jhain jhav jham
* jah≠tat¥ นิยมใช้มากในประโยคคาํ สง่ั ใช้ได้ท้งั บรุ ุษที่ 3 และบรุ ุษที่ 2
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 238
238
สนั สกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
ha¥ แปลว่า ทิ้ง ผนั ด้วย หมวดลิงฺ (ราํ พึง) เฉพาะปรสั ไมบท
(เป็นวิภกั ติอ่อนท้งั หมด แม้จะขึ้นต้นด้วย พยญั ชนะ แต่ ha¥ จะเปลี่ยนเปน็ jah)
บรุ ุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. ประถมบุรษุ
jahyat¥ jahyat¥ a¥m jahyus
2. มธั ยมบรุ ษุ
jöat( jöatam( jöus(
jahya¥s jahya¥tam jahyat¥ a
1. อุตตมบรุ ษุ jöas( jöatm( jöat
jahya¥m jahya¥va jahya¥ma
jöam( jöav jöam
ธาตหุ มวดที่ 3 ที่ใช้มาก ดังตารางนี้
ธาตุ (โรมนั ) เทวนาครี ความหมาย รูปแข็ง รูปอ่อน ปรสั ไมบท อาตมเนบท
ถวาย,บรวง
hu hu สรวง juho juhu juhoti -
bh≠ .I กลัว bibhe bibh≠ bibheti -
ha¥ ha jaha¥ jah≠, jah jahat¥ i -
ma¥ ma ละ, สละ - mim≠ mim≠te
da¥ da dada¥ dad dada¥ti datte
dha¥ /a นบั , คาํ นวณ dadha¥ dadh dadha¥ti dhatte
ให้, ถวาย
ธํารง, ถือ
19.5 ธาตุหมวดที่ 2 อทาทิคณะ
ธาตุหมวดที่ 2 อย่ใู น ธาตกุ ล่มุ ที่ 3 คือ ธาตทุ ีไ่ มม่ ปี จั จยั มี 3 หมวด ได้แก่
ธาตุหมวด 2 (อทาทิคณะ) มีวิธีการผนั เฉพาะตวั มีรปู อ่อน และรปู แขง็
ธาตหุ มวด 3 (ชุโหตฺยาทิคณะ) มกี ารซ้ําพยางค์ต้นธาตุ และกริยามีรปู อ่อนและ
รปู แขง็
ธาตหุ มวด 7 (รธุ าทิคณะ) มีการเติม น,ฺ น n, na หน้าพยญั ชนะสดุ ธาตุ
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 239
239
สันสกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
ส่วนประกอบของกริยากลุ่มธาตุที่ 2 อทาทิคณะ ada¥digan‹a
ธาตุหมวดที่ 2 น้ี มีจํานวน 72 ธาตุเท่าน้ัน โดยมี อทฺ ธาตุ (ad) แปลว่า กิน เป็น
ตัวแรก บางคร้ังเรียกว่า คณะธาตุ (root class) เพราะในการผันกริยาจะใช้ ตัวธาตุ ได้เลย
โดยไม่ต้องมีปัจจัย แต่บางคร้ังก็เรียกว่า คุณธาตุ (gunated root) เพราะรูปแข็งของธาตุหมวด
นี้ต้องทาํ เปน็ ข้นั คณุ ก่อน
แต่อย่างไรก็ตาม ธาตุหมวดที่ 2 นี้ จะมีกฏเกณฑ์การผันเฉพาะตัวของแต่ละธาตุ
อาจจะเรียกได้ว่า หมวดที่ 2 น้ี เป็นหมวดรวมของธาตุที่ผันไม่เหมือนกันเลยในหมวด พร้อมกับ
ผันไม่เหมือนกนั กบั ท้ัง 9 หมวดทีเ่ ราได้เรียนมาแล้วกไ็ ด้ จดั เปน็ หมวดที่เปน็ กฎขอ้ ยกเวน้
การผันธาตุหมวดที่ 2 นี้ ก็ยังมีลักษณะการผันแบ่งเป็น รูปแข็งและรูปอ่อน โดยมี
ส่วนประกอบที่สาํ คัญ ดังตารางต่อไปนี้
รูปที่ 1. แข็ง
ธาตุ (ข้ันคุณ) + วิภกั ติแขง็ = กริยาอาขยาต
เชน่
i > e + ti = eti – เขาไป
รูปที่ 2. ออ่ น
ธาตุ (ขั้นปกติ) + วิภักติอ่อน = กริยาอาขยาต
เช่น
i + tas = itas – เขาท้งั สองไป
จะผันธาตุ คอื ad (กิน) ซึง่ เป็นตวั แรกของหมวดนี้ เปน็ ตวั อย่าง ดงั นี้
Ad( ad อทฺ แปลว่า กนิ ผนั ด้วยวิภกั ติหมวด ลฏฺ ปัจจบุ นั กาล
บุรุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. prathama
atti attah‹ adanti*
puruṣa
AiTt ATt" AdiNt
ประถมบรุ ษุ
2. madhyama เขากิน เขาท้งั สองกิน พวกเขากิน
puruṣa atsi atthah‹ attha
มธั ยมบรุ ษุ AiTs ATq" ATq
1. uttama
เธอกิน เธอท้งั สองกิน พวกเธอกิน
puruṣa
admi advah‹ admah‹
อตุ ตมบรุ ษุ
AiÚ AÜ" AÚ"
ฉันกิน เราท้งั สองกิน พวกเรากิน
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 240
240
สนั สกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
ธาตุที่ใชม้ ากที่สดุ ในหมวดที่ 2 น้ี คือ as แปลว่า มี, เป็น, อย่,ู คือ เมื่อจะผัน
จะเปลี่ยนรปู ให้ง่ายขึ้น ดังนี้
รูปที่ 1. แข็ง
ธาตุ (ตวั เต็ม - as) + วิภักติแขง็ = กริยาอาขยาต
as + ti = asti – เขาเปน็
รปู ที่ 2. ออ่ น
ธาตุ (ตัด a ทิง้ ) + วิภักติออ่ น = กริยาอาขยาต
s + tas = stas – เขาท้งั สองเปน็
As( as อสฺ แปลว่า มี, เปน็ , อย่,ู คือ ผันด้วยวิภกั ติหมวด ลฏฺ ปัจจบุ ันกาล
บรุ ษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. prathama asti stah‹ santi*
puruṣa AiSt St" siNt
ประถมบรุ ษุ เขาเปน็ เขาท้งั สองเปน็ พวกเขาเปน็
2. madhyama asi* sthah‹ stha
puruṣa Ais Sq" Sq
มธั ยมบรุ ษุ เธอเปน็ เธอท้งั สองเปน็ พวกเธอเปน็
1. uttama asmi svah‹ smah‹
puruṣa AiSm Sv" Sm"
อตุ ตมบรุ ุษ ฉนั เป็น เราท้งั สองเปน็ พวกเราเปน็
* as + si ลบ s ออกหนึง่ ตัว
ธาตหุ มวดที่ 2 ที่ใชม้ าก ดังตาราง ต่อไปนี้
ธาตุ (โรมัน) เทวนาครี ความหมาย รปู อ่อน รปู แข็ง ปรัสไมบท อาตมเนบท
-
ad Ad( กิน ād ad atti
-
as As( เป็น, อย่,ู คือ s as asti
-
pa¥ pa ปกป้อง pa¥ pa¥ pat¥ i
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 241
241
สนั สกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
นามศัพท์ ศัพทานกุ รม
โรมนั ไทย ลิงค์ คาํ แปล
n. พสั ด,ุ สิ่งของ
vastu วสฺตุ m. พระจันทร์
f. ท่าเดิน, แดนไป, ทีพ่ ึ่ง
candramas จนทฺ รฺ มสฺ n. น้ํานม
m. ลม
gati คติ m. สวามี, เจ้าของ, นาย, ผ้เู ปน็ ใหญ่
n. ยศ
dugdha ทคุ ธฺ n. วยั
m. สวรรค์
vāta วาต m. สัตว์, ผ้มู ีชีวิต
f. ฟืน
svāmin สวฺ ามินฺ
yaśas ยศสฺ
vayas วยสฺ
svarga สฺวรคฺ
prāṇin ปฺราณินฺ
samidh สมิธฺ
กริยาศพั ท์ ไทย ตัวอย่าง ความหมายธาตุ (+อุสรรค)
โรมนั มุษฺ ลัก
ปษุ ฺ muṣṇāti เลี้ยงดู
muṣ /9p กาศฺ –ปรฺ puṣṇāti ส่องแสง
ภญุ ฺช prakāśate กิน, บริโภค
puṣ /9p จกษฺ ฺ -อา bhanakti พดู , อธิบาย
āceṣṭe
kāś /1a -pra
bhuñja /7p
cakṣ /2a -ā
***** จบ บทที่ 19 *****
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 242
242
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
แบบฝึกหดั ที่ 19
1. จงแปลเปน็ ภาษาไทย
१ ं सु रािण वू बीणीथाः।
tvaṃ kva sundarāṇi vastūnyakrīṇīthāḥ
२ राऽौ चमाः ूकाशते ।
rātrau candramāḥ prakāśate
३ पऽु ा मातरं च िपतरं च पु ीयःु ।
putrā mātaraṃ ca pitaraṃ ca puṣṇīyuḥ
४ चोरा जनानां वू चोरयन।्
corā janānāṃ vastūnyacorayan
५ तव सु दो मम गहृ याहारमभु त।
tava suhṛdo mama gṛhyāhāramabhuñjata
६ धम मामाचवे तमवे ाचरािम।
dharmaṃ māmācaḍḍheva tamevācarāmi
2. จงอธิบายหลกั เกณฑ์ทางไวยากรณ์ของคาํ ทีพ่ ิมพ์ด้วยอกั ษรดาํ หนาในข้อ 1 ข้างต้น
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 243
243
สนั สกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
บทที่ 20
กริยากฤต ta, tum, tva¥ ปัจจัย
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 244
244
สนั สกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
ขอบขา่ ยการศึกษา
1. กริยากฤต ทปี่ ระกอบด้วยปัจจัยที่ข้ึนตน้ ดว้ ย t (ta, tum, tvā)
2. กริยากฤต ปจั จบุ นั กาล (Present Participle) ant, māna (āna) ปจั จัย
วตั ถุประสงค์
1. เพือ่ ให้สามารถประกอบปัจจัยทีข่ ึน้ ตน้ ดว้ ย t (ta, tum, tvā) ปจั จยั และนาํ ไปใช้ได้
อย่างถกู ต้อง
2. เพือ่ ให้สามารถประกอบปัจจยั ที่ข้ึนต้นดว้ ย ant, māna (āna) ปัจจยั และนําไปใชไ้ ด้
อย่างถกู ต้อง
3. นักศึกษาสามารถแต่ง-แปล ข้อความส้ันๆ ตามทีก่ ําหนดได้
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 245
245
สนั สกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
บทที่ 20
กริยากฤต ta, tum, tva¥ ปจั จัย
20.1 กริยากฤต ทปี่ ระกอบดว้ ยปจั จยั ที่ขึน้ ต้นด้วย t (ta, tum, tva¥)
ปจั จัยเหล่านี้ เรียกรวม ๆ ว่า ปัจจยั กฤต
คาํ ว่า กฤต ในไวยากรณ์สนั สกฤต คือ ศพั ท์พวกหนึง่ ทีป่ ระกอบขึ้นจากธาตุ ผสมกบั ปัจจยั
แบ่งเปน็ 2 ชนิด คือ ศัพทท์ ี่ใช้เป็นคํานาม เรียกว่า นามกฤต ศพั ทท์ ีใ่ ช้เปน็ กริยา เรียกว่า
กริยากฤต
ท้งั นามกฤต และกริยากฤต ทีม่ รี ปู สาํ เร็จมาจากปจั จยั บางตัว เช่น
1. ta, tavant, ant, ma¥na และ ya, tavya, anīya ต้องผัน หรือแจกอย่างคํานาม
คือ ต้องใช้ สุปฺ (sup) วิภักตินามเท่าน้ัน (แม้เป็นกริยากฤตก็ใช้วิภักตินาม ไม่ใช้วิภักติ
อาขยาต)
2. tva¥, tum ไมต่ ้องผัน และใช้ได้โดยไม่ต้องคาํ นึงถึง ลิงค์ วจนะ วิภักติ บรุ ษุ เลย
- ta -
ta ปจั จยั นี้ จดั เป็น กริยากฤต อดีตกาล (past participle)
เมือ่ ประกอบกบั ธาตุที่เรียกหากรรม รูปสําเร็จจะกลายเป็น กรรมวาจก (passive voice)
เช่น han (ฆ่า) + ta = hata (ถกู ฆ่าแล้ว)
เมือ่ ประกอบกับธาตทุ ี่ไม่เรียกหากรรม รูปสําเร็จจะกลายเป็น กรรตุวาจก (active voice)
เช่น gam (ไป) + ta = gata (ไปแล้ว)
(ต่อแต่นี้ไป ในตัวอย่าง จะให้ผู้ศึกษาสังเกตเอาเองจากคําแปลของธาตุว่า คําไหนควรเป็น
กรรมวาจก หรือเปน็ เพียงกรรตุวาจก โดยใช้เกณฑ์การเรียกหากรรม และไม่เรียกหากรรมเป็น
หลักในการแยกแยะ)
ta ที่จะประกอบกับธาตตุ า่ ง ๆ แบ่งเป็น 3 รปู คือ 246
1. ta ที่แปลงเปน็ na แล้ว
2. ta ทีผ่ สมกับธาตไุ ด้เลย
3. ta ทตี่ ้องบวก i ก่อนไปผสมกบั ธาตุ หรือ เรียกง่ายๆ คือ ita ปัจจัย
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
246
สนั สกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
1. ta ที่แปลงเป็น na แล้ว มีวิธีประกอบกบั ธาตดุ ังนี้
1.1 ธาตุที่ ลงท้ายด้วย a¥, i, ī, u, ū เช่น
ธาตุ คําแปล รูปกริยากฤต ta คาํ แปลเมื่อผสม ta
ha¥ ละ, ทิ้ง hīna ถูกละ, ถกู ทิ้ง
mla¥ ร่วงโรย mla¥na ร่วงโรย
ksī¤ เสือ่ มส้ินไป ks≠‹ na‹ เสือ่ มส้ินไป
1.2 ธาตทุ ี่ ลงท้ายด้วย ṝ จะเปลยี่ นเปน็ īr และ ūr + na
ธาตุ คําแปล รปู กริยากฤต ta คําแปลเมือ่ ผสม ta
ถกู โปรย, ถกู หว่าน
kṝ โปรย, หว่าน kīrna¤ ข้าม, ถกู ข้าม
ถกู ทาํ ให้เตม็ , ถูกเติม
tṝ ข้าม tīrn¤a
pṝ ทําให้เตม็ , เติม pūrn¤a
1.3 ธาตทุ ี่ ลงท้ายด้วย j บางตวั + ta = -gna เช่น
ธาตุ คาํ แปล รปู กริยากฤต ta
bhaj หัก, ทําให้แตก bhagna
bhuj ขด, ทําขนด bhugna
vij หวนั่ ไหว, ตกใจ vigna
1.4 ธาตทุ ี่ ลงท้ายด้วย d บางตวั + ta = -nna เช่น
รูปกริยากฤต ta
ธาตุ คําแปล
bhinna
bhid หัก, ทาํ ให้แตก
nisanna
ni+sad นง่ั
utpanna
ut+pad เกิดขึ้น
2. ta ที่ผสมกบั ธาตุ ได้ทันที มีวิธีประกอบกบั ธาตดุ งั นี้
2.1 ธาตทุ ว่ั ไป + ta ได้เลย เช่น
ธาตุ คําแปล รปู กริยากฤต ta
ji ชนะ jita
vr¤t เป็นไป vr¤tta
jnāª รู้ jnāª ta
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 247
247
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
2.2 ธาตทุ ี่ ลงท้ายด้วย c, j + ta = kta รปู กริยากฤต ta
ธาตุ คําแปล
sikta
sic รด, พรม
muc ปล่อย, พ้น mukta
yuj ประกอบ, เทียม
yukta
2.3 ธาตทุ ี่ ลงท้ายด้วย j บางตัว , ś , s,¤ ch, ks¤ + ta = s¤ta¤
ธาตุ คําแปล รูปกริยากฤต ta
is¤ ปรารถนา ist¤ ¤a
dr¤ś เห็น, มองดู drs¤ t¤ a¤
prach ถาม prs¤ ¤t¤a
srj¤ สร้าง sr¤st¤ a¤
2.4 ธาตทุ ี่ ลงท้ายด้วย dh + ta = ddha และ bh + ta = bdha
ธาตุ คําแปล รปู กริยากฤต ta
budh ร้,ู ตรัสรู้ buddha
labh ได้รบั labdha
2.5 ธาตทุ ี่ ลงท้ายด้วย h + ta แล้วได้ 3 รปู แบบ ตามทมี่ าของมัน ดงั นี้
2.5.1 ธาตทุ ี่ ลงท้ายด้วย h + ta = dh¤ a (แล้วทีฆะสระเสียงส้นั ของธาตุ ยกเว้น
สระ ṛ)
ธาตุ คําแปล รูปกริยากฤต ta
muh หลงลืม mūdh¤ a
ruh งอกงามขึ้น rūd¤ha
vah นําไป ūd¤ha
dr¤h ข้น dr¤dh¤ a
2.5.2 ธาตลุ งท้ายด้วย h + ta = gdha (กรณีเป็นธาตโุ บราณทีม่ าจาก gh)
ธาตุ คําแปล รปู กริยากฤต ta
dah (dagh) เผาไหม้ dagdha
duh รีด, ไหลออก dugdha
snih รกั , ชอบพอ snigdha
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 248
248
สันสกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
2.5.3 เฉพาะธาตุ nah + ta = naddha ถูกผกู
2.6 ธาตทุ ี่มีพยัญชนะนาสิกย์ เมือ่ + ta ให้ลบพยญั ชนะนาสิกย์ออกก่อน + ta
ธาตุ คําแปล รูปกริยากฤต ta
anªj เจิม akta
dam¤ś กดั dast¤ ¤a
sinªc รด, พรม sikta
śam¤s สรรเสริญ śast¤ ¤a
2.7 ya > i / va > u / ra > ṛ ก่อน + ta
ธาตุ คาํ แปล รูปกริยากฤต ta
yaj บูชา is¤ta¤
vah นําไป ūd¤ha
vac กล่าว, พดู ukta
svap หลับ sputa
vyadh ต,ี แทง viddha
prach ถาม pr¤st¤ a¤
2.8 ธาตทุ มี่ ี ā อย่ทู ้าย ให้เปลี่ยนเป็น ī หรือ i แล้ว + ta
ธาตุ คาํ แปล รูปกริยากฤต ta
gā ร้องเพลง gīta
dhā รองรบั , สร้าง hita (dh>h)
pā ดื่ม pīta
mā วดั mita
sthā ยืน , ดาํ รงอยู่ sthita
2.9 ธาตทุ ี่มี m, n อย่ทู ้าย ให้ลบแล้ว + ta
ธาตุ คําแปล รปู กริยากฤต ta
gam ไป, เดินทางไป gata
nam ไหว้, นอบน้อม nata
man คิด, ร้กู ันดี mata
han ฆ่า hat
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 249
249
สันสกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
2.10 ธาตทุ ี่ลงท้ายด้วย am บางตวั เมือ่ + ta = ānta
ธาตุ คําแปล รปู กริยากฤต ta
kam รัก kānta
kram เดิน, ย่างก้าว krānta
dam ฝกึ , ข่ม dānta
śam สงบ śānta
2.11 jan ธาตุ ซึ่งแปลว่า “กําเนิด, เกิด” เมือ่ + ta = jāta
da¥ ธาตุ ซึง่ แปลว่า “ให้, ถวาย” เมือ่ + ta = datta
3. ta ที่ต้องบวก i กอ่ นไปผสมกับธาตุ หรือ เรียกง่ายๆ คือ ita ปจั จัย
3.1 ธาตหุ มวดที่ 10 ทําเป็นข้นั คณุ แล้ว + ita ได้เลย เช่น
ธาตุ คาํ แปล ทําเปน็ ข้ันคุณ รูปกริยากฤต ita ปัจจัย
cur ลกั cor corita
puj¥ บูชา pu¥j pu¥jita
p≠d¤ เบียดเบียน p≠d¤ p≠d¤ita
3.2 กริยานามธาตุ (ธาตุทมี่ ีรปู มาจากคาํ นาม) + ita ได้เลย เช่น
นามธาตุ คําแปล รูปกริยากฤต ita ปจั จยั
katha¥ เล่า, บอก kathita
gan‹a นับ, คํานวณ gani‹ ta
dan‹d‹a ลงโทษ dand‹ ‹ita
ขอ้ บงั คับสาํ หรบั คําทปี่ ระกอบด้วย ta ปจั จยั
การผัน ต้องผนั โดยใช้วิภักติคํานาม (สุปฺ) โดยคํานึงถึง ลิงค์ วจนะ วิภักติ ของคํานามที่
มนั ขยาย เป็นหลัก
การใช้ในประโยค ใช้เป็นกริยาหลัก ในประโยคก็ได้ ใช้เป็นคําคุณศัพท์ ขยายคํานามก็
ได้ โดยใช้เรียงไว้หน้าคําที่มันขยายเป็นส่วนใหญ่ หรือหากใช้เป็นกริยาหลักก็นิยมเรียงไว้
หลัง
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 250
250
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
- tum -
tum ปัจจัยน้ี จัดเป็น กริยากฤต อัพยยะ คือ ไม่ต้องผัน ไม่มีชื่อเรียกในภาษาไทย แต่
เรียกตามไวยากรณ์ภาษาอังกฤษว่า infinitives ซึง่ หมายถึง รากเดิมของกริยา
ใช้ประกอบกับธาตุ หรือ รากศัพท์ มีวิธีการผสมเหมือนกับ ta ปัจจัยเป็นส่วนมาก แต่มี
บางส่วนแตกต่างกนั ดงั ตวั อย่าง
ธาต(ุ หมวด) รปู ปัจจุบันกาล infinitives ความหมาย
attum กิน
ad(2p) atti āptum ได้รบั , ถึง
a¥p(5p) a¥pnoti āsitum น่งั
as¥ (2a) a¥ste es‹tu‹ m ปรารถนา
is(‹ 6p) icchati kartum ทํา
kr(‹ 8u) karoti, kurute gantum ไป
gam(1p) gacchati gopitum ปกป้อง
gup(1p) gopay¥ ati jetum ชนะ
ji(1p) jayati j≠vitum มีชีวิตอยู่
j≠v(1p) j≠vati jnªat¥ um รู้
jnªa(¥ 9u) ja¥na¥ti, jan¥ ≠te tantum ขยาย, แผ่กระจาย
tan(8u) tanoti, tanute tyaktum สละ, ละ
tyaj(1p) tyajati netum แนะนาํ , นาํ ไป
n≠(1u) nayati pa¥tum ดืม่
pa(¥ 1p) pibati bhas¥ ‹t‹um พดู
bhas¥ (‹ 1a) bhas¥ a‹ te bhavitum เป็น, อยู่
bhu¥(1p) bhavati moktum ปล่อย
muc(6p) munªcati yoktum รวม, ประกอบ
yuj(7u) yunakti, yunƒkte śrotum ฟัง
sr´ u(5p) s´rn‹ o‹ ti hantum ฆ่า
han(2p) hanti hasitum ห้วเราะ
has(1p) hasati hotum ถวาย, มอบ, บูชา
hu(3p) juhoti
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 251
251
สันสกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
วิธีใช้ tum ปัจจยั
1. ใช้เหมือนกรรมตรง เช่น
ra¥mo gantum icchati นายรามต้องการไป
2. ใช้เหมือนกรรมตรงและยังมีกรรมหรือคํานามที่ประกอบด้วยวิภักติอื่นๆ ที่ใช้กับ tum
ปจั จัยได้อีกด้วย เช่น
ra¥mo vanam gantum icchati นายรามต้องการไปยงั ป่า
ram¥ o vana¥t ag¥ antum icchati นายรามต้องการออกมาจากป่า
3. เมื่อต้องการให้เป็นประโยคปฏิเสธ ที่มี na (ไม่) ให้ใช้ tum ปัจจัย กับกริยาเพียง 2
ตัว คือ s´ak (5P) แปลว่า สามารถ, อาจ และอีกตัวคือ arh (1P) แปลว่า เหมาะ,
ควร เช่น
bharato vanam na gantum s´aknoti ภรตไม่สามารถไปยงั ป่าได้
na¥nus´ocitumarhasi ท่านไม่ควรเศร้าโศกถึง...
4. tum ปจั จัย อาจใช้ร่วมกบั ศพั ท์ว่า s´akya (adj. = เป็นคําวิเศษณ์) ซึ่ง แปลว่า อาจ,
สามารถ และมีรปู เดิมมาจากธาตุ sa´ k (5P) คล้ายข้อ 3 ข้างบน เช่น
sa´ kyah‹ avap¥ tum เขาสามารถถึง(ได้รบั )
na s´akyam gantum (มนั ) ไม่สามารถ ไปได้
5. tum ปัจจัย อาจใช้ร่วมกับ ศัพท์ว่า arha¥ (adj. = เป็นคําวิเศษณ์) ซึ่ง แปลว่า ควร,
เหมาะสม และมีรปู เดิมมาจากธาตุ arh (1P) คล้ายข้อ 3 ข้างบน เช่น
na arha¥ vayam‹ tam‹ hantum พวกเรา ไม่ควรฆ่ามนั
6. tum ปัจจยั อาจใช้เหมือนเปน็ ประธานในประโยคกรรมวาจก (Passive Voice) ได้
เช่น
bal¥ ah‹ pustakam‹ pat‹hitum‹ s´aknoti เดก็ ชาย สามารถอ่าน หนังสือได้
(Active)
bal¥ ena pustakam‹ pat‹hitum‹ s´akyate หนงั สือ เดก็ ชาย สามารถ อ่านได้
(Passive)
- tvā -
1. tva¥ ปัจจัยนี้ จัดเป็น กริยากฤต อดีตกาล (past participle) ไม่มีชื่อเรียกในหลัก
ภาษาไทย แต่เรียกในหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษว่า gerund แต่ ปาณินิ เรียกตาม
ไวยากรณ์ว่า ktva¥
2. ไมต่ ้องผนั
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 252
252
สนั สกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
3. กริยาที่ประกอบด้วย tva¥ น้ี บ่งถึงการกระทําที่เกิดขึ้นก่อนกริยาหลัก เราอาจเรียก
กริยา tva¥ นี้ว่า “กริยารอง” หรือ “กริยาในระหว่าง” ดงั ตัวอย่าง
uditva¥ ramah‹ gacchati คําแปล พอพดู แล้ว นายราม ก็จากไป
คําว่า uditva¥ จดั เปน็ กริยารอง ที่เกิดขึ้นแล้วเสรจ็ ก่อนกริยาหลกั คือ gacchati
4. กริยา tva¥ ปจั จัยนี้ ในประโยคหนึ่ง ๆ อาจมีได้มากมาย ไม่จํากัด ใช้ได้ตามแต่เน้ือหา
จะต้องใช้ และที่สําคัญ คือ กริยาเหล่านี้ท้ังหมด ใช้กับประธานเพียงตัวเดียว ใน
ประโยคน้นั ๆ ได้
5. การเรียงกริยา tva¥ ปัจจยั ส่วนมากจะเรียงไว้ขา้ งหนา้ กริยาหลัก ดังตัวอย่าง
คาํ แปล gajam‹ drs‹ ‹tv‹ a¥ jalam‹ labdhva¥ ramah‹ gacchati
พอเห็นช้างแล้ว คร้นั ได้น้ําดืม่ แล้ว นายราม กจ็ ากไป
6. กริยากฤต tva¥ ปัจจัย สามารถมีทุกสิ่งที่ใช้กับกริยาหลัก เช่น กรรม กริยา
วิเศษณ์ ได้เหมือนกันกับกริยาหลักทุกประการ แต่ต้องเรียงไว้ด้านหน้า ของ กริยา
กฤต tva¥ ปจั จัยเท่าน้ัน ดังตัวอย่าง
คาํ แปล sthul¥ am‹ va¥naram‹ drs‹ t‹ ‹va¥ ba¥lah‹ ahasat
พอเหน็ ลงิ อ้วน เด็กชายกห็ วั เราะ
7. วิธีการสร้างกริยากฤต tva¥ ปัจจัย นี้ง่ายๆ คือ เติม tva¥ ที่ท้ายธาตุ (root) ได้
เลย โดยตัวธาตุอาจมีการเปลีย่ นแปลงบ้าง ตามกฎสนธิภายใน หรืออาจต้องเพิ่มสระ
บางตัว เช่น อาจเพิ่ม i เข้ามาหน้า tva¥ ดตู วั อย่างในตาราง
กริยาที่นิยมใช้ในฝา่ ย ปรสั ไมบท
ธาตุ (หมวด) รปู อาขยาต ปจั จบุ ัน รปู กริยากฤต tva¥ คําแปล
cint (10) คิดแล้ว
ji (1) cintayati cintyitvā ชนะแล้ว
j≠v (1) มีชีวิตอยู่
dr‹s´ (1) jayati jitvā เหน็ แล้ว
path (1) อ่านแล้ว
prach (6) j≠vati j≠vitvā ถามแล้ว
bhū (1) เปน็ แล้ว
vad (1) pas´yati dr‹s‹tv‹ ā พูดแล้ว
vas (1) อย่แู ล้ว
sthā (1) paṭhati path‹ itvā ยืนแล้ว
smṛ (1) จดจาํ แล้ว
pṛcchati prs‹ ‹tv‹ ā
bhavati bhut¥ vā
vadati uditvā
vasati us‹itvā
tiṣṭhati sthitvā
smarati smrt‹ vā
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 253
253
สนั สกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
กริยาทีน่ ิยมใช้ในฝา่ ย อาตมเนบท
ธาตุ (หมวด) รูปอาขยาต ปจั จุบนั รปู กริยากฤต tva¥ คาํ แปล
bha¥s‹ (1) พดู แล้ว
man (4) bha¥s‹ate bha¥sitva¥ คิดแล้ว
labh (1) ได้แล้ว
sev (1) manyate matva¥ รบั ใช้แล้ว
labhate labdhva¥
sevate sevitva¥
8. หากมี อปุ สรรค (Prefixes) เติมข้างหน้าของ ธาตุ กริยากฤต อดีตกาล ต้องใช้ ya
แทน tva¥ ดงั ตัวอย่าง
ธาตุหมวด รปู อาขยาต ปัจจบุ ัน รูปกริยากฤต tva¥ คําแปล
gam (1) gacchati gatva¥ ไปแล้ว
da¥ (3) dadat¥ i dattva¥ ให้แล้ว
แต่ หากมี อปุ สรรค อย่หู น้า
อุปสรรค ธาตหุ มวด รูปอาขยาต ปัจจบุ นั กริยากฤต tva¥ > ya คาํ แปล
ā gam (1) a¥gacchati ag¥ amya, a¥gatya มาแล้ว
ā da¥ (3) ad¥ ada¥ti a¥day¥ a ยึดแล้ว
กริยากฤต ปัจจบุ ันกาล (Present Participle)
ant, man¥ a (an¥ a) ปจั จัย
1. กริยากฤต ปัจจุบันกาล (present participle) ใช้ปัจจัย 2 ตัว คือ ant และ
man¥ a (an¥ a) ต้องผันตามวิภักตินาม ใช้เป็นคําวิเศษณ์ (คําขยาย) และ เป็นกริยา
รอง เมือ่ นํามาใช้ในประโยค ต้องมี ลิงค์ (เพศ) พจน์ และวิภักติ เหมือน คํานามที่ถูก
ขยาย หรือ ประธานในประโยค
2. กริยากฤต ปัจจบุ ันกาล มีลกั ษณะการใช้เหมือน tva¥ คือ เป็นกริยาในระหว่างของ
ประธาน ต่างกนั แต่เรือ่ งกาล เท่าน้ัน
กริยากฤต ปจั จุบนั กาล ant ปัจจยั
1. ant ปจั จยั ใช้ในความหมาย กรรตุวาจก เท่านน้ั แปลว่า “...อย่,ู เมื่อ...., กาํ ลัง
...” หลกั การง่าย ๆ สําหรบั การประสม ant ปัจจยั กับธาตทุ ้งั 10 หมวด คือ ให้
นาํ รปู กริยาอาขยาต บรุ ษุ ที่ 3 พหูพจน์ ของธาตนุ น้ั ๆ มา ตัด i ทีท่ ้ายออก แล้ว
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 254
254
สันสกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
นํามาผนั ตามคํานามทีล่ งทา้ ยด้วย at ซึ่งมีการแบ่งเปน็ 2 รปู (แข็ง-อ่อน) โดยแบ่ง
ตามลิงค์ เหมือนคํานามทัว่ ไป
วิธีการสร้างกริยากฤต ปัจจบุ นั กาล ant ปัจจัย จาก กริยาอาขยาต บรุ ษุ ที่ 3
พหพู จน์
ธาตุ (หมวด) รปู บุรุษที่ 3 พหพู จน์ รูปกริยากฤต ant คําแปล
bhū (1) เปน็ อยู่
ad (2) bhavanti bhavant กําลงั กิน
hu (3) adanti adant บวงสรวงอยู่
div (4) juhvati juhvat กําลงั เล่น
su (5) d≠vyanti d≠vyant กําลังค้นั
tud (6) sunvanti sunvant แทงอยู่
rudh (7) tudanti tudant กาํ ลงั กน้ั
tan (8) rundhanti rundhant ยืดออกอยู่
krī (9) tanvanti tanvant ซื้ออยู่
cur (10) kr≠n‹anti kr≠na‹ nt กําลังขโมย
corayanti corayant
พิเศษ สําหรบั as ธาตุ (เป็น, มี) หมวดที่ 2 รปู ปัจจบุ ันกาล ปุลลงิ ค์
คือ sant (แขง็ ), sat (อ่อน) สตรีลิงค์ คือ sat≠ และ นปงุ สกลิงค์ คือ sat
2. ตวั อย่างการผัน ant ปจั จยั พร้อมคาํ อธิบายวิธีการใช้ดังนี้
ปุงลิงค์ ผนั เหมือน nayant (กําลงั แนะนํา)
วิภกั ติที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
1. nayan nayantau nayantas
2. nayantam nayatau nayatas
3. nayatā nayadbhyām nayadbhis
4. nayate nayadbhyām nayadbhyas
5. nayatas nayadbhyām nayadbhyas
6. nayatas nayatos nayatām
7. nayati nayatos nayatsu
8. nayan nayantau nayantas
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 255
255
สันสกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
4. กริยากฤต ปจั จุบนั กาล ปงุ ลิงค์ที่ลงท้ายด้วย -ant ผันอย่างนี้
5. วิธีการผันมีข้อควรจาํ ดงั นี้ (ดตู ารางสปุ วิภักติแข็ง อ่อน ประกอบด้วย)
5.1. เมื่อผสมกบั วิภกั ติแขง็ จะมีรปู ก่อนประสมวิภักติ คือ nayant
5.2. เมือ่ ผสมกบั วิภกั ติอ่อน จะมีรปู ก่อนประสมวิภกั ติ คือ nayat
5.3. วิภักติที่ 1 เอกพจน์ เมือ่ ประสมกบั s วิภกั ติ ให้ลบ t ท้าย nayant
ทิ้งพร้อมกบั s เพราะตามกฎห้ามมีพยญั ชนะซ้อนกนั อย่ทู ้ายคาํ
ถ้าต้องการให้ศัพท์ที่มาจากธาตเุ หล่านี้ ซึ่งลงท้ายด้วย -ant, -at ไปขยาย
คํานามสตรีลิงค์ ให้เติมสระ ≠ ต่อท้ายเป็น -ant≠, -at≠ แล้วนําไปผันแบบ ≠
การนั ต์ สตรีลิงค์ (nad≠) ดงั นี้ (ผนั แบบสตรีลิงค์นี้ ไม่มีรูปอ่อน แขง็ )
สตรีลิงค์ ผันเหมือน nayant≠ (กําลงั แนะนาํ )
วิภักติที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
1.
2. nayant≠ nayantyau nayantyas
3.
4. nayant≠m nayatyau nayatyas
5.
6. nayantyā nayant≠bhyām nayant≠bhis
7.
8. nayantyai nayant≠bhyām nayant≠bhyas
nayantyās nayadbhyām nayant≠bhyas
nayantyās nayantyos nayant≠nām
nayantyām nayantyos nayant≠s‹u
nayanti nayantyau nayantyas
หมายเหตุ สตรีลิงค์ สําหรับธาตุหมวดที่ 2-3-5-7-8-9 กริยากฤต ปัจจบันกาล มักใช้
รปู -at≠ แทน ant≠
นปุงสกลิงค์ ผันเหมือน nayant (กาํ ลงั แนะนาํ )
วิภกั ติที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
1.
2. nayat nayant≠ nayanti
3. nayat nayant≠ nayanti
4.
5. nayata¥ nayadbhyam¥ nayadbhis
6.
7. nayate nayadbhya¥m nayadbhyas
8.
nayatas nayadbhya¥m nayadbhyas
nayatas nayatos nayata¥m
nayati nayatos nayatsu
nayat nayant≠ nayanti
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 256
256
สันสกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
ตวั อยา่ ง การใช้ กริยากฤต ปจั จุบนั กาล
แยกสนธิ rāmo vanam‹ gacchanmr‹gam‹ pasy´ ati
คําแปล rāmas vanam gacchan mrg‹ am pas´yati
นายราม กําลงั เดินไปยงั ป่า เห็นกวางตวั หนึง่
แยกสนธิ rāmo mrg‹ am‹ pasy´ anstam‹ gacchati
คําแปล rāmas mr‹gam pasy´ an tam gacchati
นายราม เห็นกวางตวั หนงึ่ จึงเดินไปหามัน
กริยากฤต ปัจจุบนั กาล man¥ a, a¥na ปัจจยั
1. ma¥na, a¥na ปัจจัย ใช้ในความหมาย ท้ังกรรตุวาจก และ กรรมวาจก แต่ในกรรตุ
วาจก นิยมใช้กับธาตุที่เป็นฝ่าย อาตมเนบท แปลว่า “...อยู่, เมื่อ...., กําลัง...”
ปัจจัยท้ัง 2 ตัวนื้ มีวิธีใช้ต่างกัน คือ man¥ a ปัจจัย ใช้กับธาตุหมวด 1-4-6-10
เท่าน้ัน แต่ a¥na ปัจจัย ใช้กบั หมวดธาตุที่เหลือ (2-3-5-7-8-9)
2. ปัจจัยท้ังสองนี้ เมื่อจะใช้ในประโยค ต้องนําไปผันเหมือนกับคํานาม คือ เหมือน a
การนั ต์ ปุลลิงค์ (deva) ā การนั ต์ สตรีลิงค์ (katha)¥ และ a การันต์ นปุงสกลิงค์
(phala)
3. เมื่อจะใช้ ในความหมายเป็น กรรมวาจก (Present Passive Participle) ใช้ ma¥na
ปัจจัย ได้กับธาตทุ กุ หมวด
วิธีการสร้างกริยากฤต ปจั จบุ นั กาล man¥ a, an¥ a ปัจจัย
ธาตุ (หมวด) รปู บุรุษที่ 3 เอกพจน์ อาตมเนบท รปู กริยากฤต ปัจจุบันกาล คาํ แปล
bhāṣate bhaṣamāṇa
bhāṣ (1) sevamāna กําลงั พูด
sev (1) sevate vartamāna กําลงั รบั ใช้
vṛt (1) kurvāṇa กาํ ลังดําเนินไป
kṛ (8) vartate sunvāna กําลังทํา
su (5) rundha¥na กําลงั ค้นั
rudh (7) kurute (รูปอ่อน) กําลงั ก้นั
sunute (รปู อ่อน)
runddhe (รูปอ่อน)
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 257
257
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
วิธีการสรา้ งกริยากฤต ปจั จบุ นั กาล man¥ a ปจั จยั กรรมวาจก
มีรปู ประกอบคาํ ด้วย ธาตุ (สกรรมธาต)ุ + ya ปจั จยั กรรมวาจก + ปัจจัยกริยากฤต
คือ māna ดังตวั อย่าง
ธาตุ (หมวด) รูปบรุ ุษท่ี 3 เอกพจน์ รปู กริยากฤต ปัจจุบนั กาล กรรมวาจก คําแปล
pacyamāṇa
pac (1) pacati, -te ถูกหุงอยู่
jīyamāna ถกู ชนะอยู่
ji (1) jayati pūjyamāna ถูกบูชาอยู่
coryaāṇa ถกู ลักอยู่
pūj (10) pūjayati, -te
cur (10) coryati, -te
วิธีการสรา้ งกริยากฤต ปจั จุบันกาล man¥ a ปัจจยั เหตกุ รรมวาจก
มีรปู ประกอบคาํ ด้วย ธาตุ (สกรรมธาตุ) + aya + ya ปัจจยั โดยลบ aya เสียใน
ภายหลงั + ปจั จัยกริยากฤต คือ māna ดังตัวอย่าง
ธาตุ (หมวด) รูปบรุ ุษท่ี 3 เอกพจน์ รปู กริยากฤต ปัจจุบันกาล กรรมวาจก คาํ แปล
paṭyamāṇa
paṭ (1) paṭati ถูกให้เรียนอยู่
darśyamāna ถูกให้มองอยู่
dṛś (1) paśyati ถกู ให้นาํ ไปอยู่
nāyyamāna
nī (10) nayayati, -te
นามศพั ท์ ไทย ศพั ทานุกรม
หตุ ภชุ ฺ
โรมัน สวฺ ลิงค์ คาํ แปล
ศิศุ m. ผ้เู สวยเครือ่ งสังเวย, ไฟ, พระอัคนี
hutabhuj m. ทรพั ย์, สมบตั ิ, อาตมนั
sva m. เดก็ , เด็กชาย (ทารก)
śiśu
กริยาศัพท์ ไทย ตวั อย่าง ความหมายธาตุ (+อุปสรรค)
โรมนั วฺรชฺ -ปรฺ pravrajati ออกจากบ้าน, สละทางโลก, บรรพชา
vraj -pra
***** จบ บทที่ 20 ***** 258
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
258
สันสกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
แบบฝึกหัดที่ 20
1. คาํ ว่า “กฤต” ตามไวยากรณ์สันสกฤตหมายถึงอะไร? แบ่งเปน็ กีช่ นดิ ?
2. ta ปัจจัยทปี่ ระกอบกบั ธาตแุ ล้วกาํ หนดให้แปลว่าอะไร? บ่งถึงอะไร? แบ่งเปน็ กีร่ ปู ? แต่ละ
รูปมีอะไรบ้าง?
3. จงแปลศัพท์ต่อไปนี้ พร้อมท้งั แยกธาตุและปจั จัยตามตวั อย่างทีใ่ ห้ไว้
คาํ แปล อุปสรรค (ถา้ มี) ธาตุ อาคม (ถ้ามี) ปัจจัย
आग มาแล้ว आ गम ् - ा
१ पीत …………………………………………………………….
२ अनयु ातंु …………………………………………………………….
३ पमान …………………………………………………………….
४ पँयन ् …………………………………………………………….
५ पू मान …………………………………………………………….
६ िनप …………………………………………………………….
७ ना …………………………………………………………….
८ सवे मान ……………………………………………………………
९ अनकु ृ …………………………………………………………….
१० कथियतंु …………………………………………………………….
4. จงแปลเปน็ ภาษาไทย
१ वयं पऽु ं ििु माम vayaṃ putraṃ draṣṭuṃ icchāma
२ गु णा छाऽा वचनािन किथयि। guruṇā chātrā vacanāni kathiyaṣyanti
३ सायां दवे ािा तभिु ज सिमधः ापिया वाा जलमानयते (् इित)।
sandhyāyāṃ devān vanditvā hutabhuji samidha sthāpayitvā vāpyā
jalaṃ ānayet (iti)
४ ॄाणाः ाा ूोिजताः। brāhmaṇāḥ svān tyaktvā pravrajitāḥ
५. िपता फलमानीय तने भाजनपरू यत ।् pitā phalaṃ ānīya tena bhājanaṃ apūrayat
5. จงอธิบายหลกั เกณฑ์ทางไวยากรณ์ของคาํ ที่พิมพ์ด้วยอักษรดําหนาในข้อ 4 ข้างต้น
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 259
259
สันสกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
บทที่ 21
กริยาอาขยาต อดีตกาลสมบรู ณ์ อนาคตกาล
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 260
260
สนั สกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
ขอบขา่ ยการศึกษา
1. วิภกั ติกริยาอาขยาต (ลการ หรือ Verb-Termination) และการจัดแบ่งกลุ่ม
2. กริยา อาขยาต อดีตกาลสมบรู ณ์ (ลิฏฺ) Perfect (2nd past Tense)
3. กริยาอาขยาต อนาคตกาลธรรมดา (ลฤฏฺ – ภวิษยฺ น)ฺ
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้เข้าใจหลกั การแบ่งกล่มุ วิภกั ติอาขยาตและการนาํ ไปใช้กบั หมวดธาตตุ ่างๆ
2. เพื่อให้สามารถผันกริยาอาขยาต อดีตกาลสมบรู ณ์ (ลิฏฺ) Perfect (2nd past
Tense) และนาํ ไปใช้ได้อย่างถกู ต้อง
3. เพื่อให้สามารถผันกริยาอาขยาต อนาคตกาลธรรมดา (ลฤฏฺ – ภวิษยฺ นฺ) และนําไป
ใช้ได้อย่างถกู ต้อง
4. นักศึกษาสามารถแต่ง-แปล ข้อความส้นั ๆ ตามที่กําหนดได้
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 261
261
สันสกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
บทที่ 21
กริยาอาขยาต อดีตกาลสมบูรณ์ อนาคตกาล
21.1 วิภักติกริยาอาขยาต (ลการ หรือ Verbs-Terminations)
วิภักติอาขยาต หรือ ส่วนประกอบสุดท้ายของคํากริยาอาขยาต เรียกอีกอย่างตาม
กฎไวยากรณ์ของปาณินิ ว่า “ลการ”(อ่านว่า ละ-กาน) มีท้ังหมด 10 หมวด แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
ได้แก่
กลุ่มที่ 1
1. หมวด ลฏฺ (วรฺตมานา) หรือ Present Tense แปลว่า อย่,ู ย่อม…, จะ…
2. หมวด ลงฺ (อนทยฺ ตนี) หรือ Imperfect (1st Past Tense) แปลว่า ได้…แล้ว
3. หมวด โลฏฺ (ปญจฺ มี) หรือ Imperative Mood แปลว่า จง…
4. หมวด ลงิ ฺ (วธิ ิลิงฺ, สปตฺ มี) หรือ Optative Mood (Potential) แปลว่า พงึ …
กล่มุ ที่ 2
5. หมวด ลฏิ ฺ (ปโรกฺขา) หรือ Perfect (2nd Past Tense) แปลว่า …แล้ว
6. หมวด ลฏุ ฺ (ศวสตฺ นี) หรือ 1st Future Tense แปลว่า จัก…
7. หมวด ลฤฺ ฏฺ (ภวิษยฺ นฺ) หรือ 2nd Future Tense แปลว่า จัก…
8. หมวด ลฤฺ งฺ (กรฺ ิยาติปตตฺ ิ, สํเกตมาลา) หรือ Conditional แปลว่า จกั ได้…..แล้ว
9. หมวด ลงุ ฺ (อทฺยตนีภตู ) หรอื Aorist (3rd Past Tense) แปลว่า ได้…แล้ว
10.หมวด เลฏฺ (อาศีรฺลิงฺ) หรือ Predicative or Benedictive แปลว่า พงึ ….
ปาณินิ ยอดนักไวยากรณ์สันสกฤต (มีชีวิตอยู่ราว พุทธศตวรรษที่ 3) ได้แบ่งวิภักติ
กริยาอาขยาต (ลการ) 10 หมวดข้างต้นนั้นออกเปน็ 2 กลุ่ม คือ
กลุม่ ที่ 1 เรียกว่า สารวฺ ธาตกุ (sārvadhātuka)
กลุ่มที่ 2 เรียกว่า อารฺธธาตุก (ārdhadhātuka)
กลุ่มที่ 1 สารฺวธาตุกะ (sārvadhātuka) ได้แก่ วิภักติกริยาอาขยาต หมวดที่ 1-4
(ตามรายการด้านบน) ซึ่งมี 2 รูปแบบ (ตามเอกสารที่เราได้ศึกษามาแล้วในบทที่ 5 หน้า 40,
บทที่ 7 หน้า 50, บทที่ 9 หน้า 57, บทที่ 11 หน้า 68 และบทที่ 17 หน้า 115-117) คือ
1. รูปแบบวิภักติที่ใช้กับธาตุหมวดที่ 1, 4, 6, 10 ใช้กับรูปแบบที่หนึ่ง (ไม่มี
วิภักติแขง็ -อ่อน)
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 262
262
สนั สกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
2. รูปแบบวิภักติที่ใช้กับธาตุหมวดที่ 2, 3, 5, 7, 8, 9 ใช้กับรูปแบบที่สอง
(วิภักติแขง็ -อ่อน)
กล่มุ นี้ในการสร้างคํากริยาต้องใช้ปจั จยั ประจําหมวดธาตปุ ระกอบด้วย (ถ้ามี) แผนผังมีดงั นี้
ธาตุ + ปจั จยั ประจาํ หมวดธาตุ (เว้น 2-3-7 ไม่มีปจั จัย) + วิภักติกริยาอาขยาต (sārvadhātuka) = กริยาอาขยาต กรรตวุ าจก
กลุ่มที่ 2 อารฺธธาตุกะ (ārdhadhātuka) ได้แก่ วิภักติกริยาอาขยาต หมวดที่ 5-10
ซึ่งมีรูปแบบเดียว ใช้กบั ธาตไุ ด้ทกุ หมวด
กล่มุ นี้ในการสร้างคํากริยาไม่ตอ้ งใช้ปจั จยั ประจาํ หมวดธาตุมาประกอบ แผนผงั มีดงั นี้
ธาตุ + วิภักติกริยาอาขยาต (ārdhadhātuka) = กริยาอาขยาต กรรตุวาจก
ตารางสรปุ ลการทั้งสองประเภท คือ สารวฺ ธาตกุ ะ และ อารธฺ ธาตกุ ะตวั อยา่ ง
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 263
263
สันสกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 264
264
สันสกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
21.2 กริยาอาขยาต อดีตกาลสมบรู ณ์ (ลิฏฺ) Perfect (2nd Past Tense)
กริยาอาขยาต อดีตกาลสมบูรณ์ เรียกอีกตามกฎไวยากรณ์ของปาณินิ ว่า “ลิฏฺ ลการ
จดั อย่ใู นกล่มุ ที่ 2 (อารฺธธาตกุ ะ) มีรูปวิภักติสาํ หรับใช้กับธาตทุ ว่ั ไป โดยไม่ต้องมี ปจั จัยประจํา
หมวดธาตุ
กริยาหมวดนี้ทําหน้าที่บ่งบอกเหตุการณ์ทีเ่ กิดขึ้นแล้วในอดีต ซึ่งเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้ใช้
กริยานี้ไม่ได้เหน็ ประจกั ษ์หรือรบั ร้ดู ้วยตนเองเลย จึงเรียกว่า กริยาอาขยาต อดีตกาลสมบูรณ์
กริยาหมวดนี้ นิยมใช้เฉพาะ ประถมบรุ ษุ (บุรุษที่ 3)
กริยาหมวดลิฏฺ น้ี แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ
1. ชนิดทตี่ อ้ งซ้ําพยางค์หน้าของธาตุ เรียกว่า ทวฺ ิตตฺ ฺวะ ลิฏฺ เช่น
kr‹ ธาตุ (หมวด 8 แปลว่า ทํา) ผนั แล้วเปน็ cakar¥ a = (เขา) ทําแล้ว
2. ชนิดที่ต้องอย่ใู นรูปแบบนี้ คือ ธาตุ (ทําตามกฎแล้ว) + am¥ + รปู กริยา ทวิตฺตวะ
ลิฏฺ 3 ศัพท์ คือ cakar¥ a (kr‹ ธาตุ – ทํา), babhu¥va (bhu¥ ธาตุ – เป็น, อยู่, คือ) และ as¥ a
(as ธาตุ – มี, เป็น) เหล่านี้เรา เรียกว่า อนปุ รฺ โยคะ ลิฏฺ เช่น
dis´ ธาตุ (หมวด 6 แปลว่า ช้ีแจง, บอก) ผนั แล้วเปน็ des´aya¥mas¥ a = (เขา)
บอกแล้ว
(dis´ > des´ + aya + a¥m + a¥sa = des´aya¥mas¥ a) ใช้เปน็ ณิชนั ตะ
kath ธาตุ (หมวด 10 แปลว่า เล่า, กล่าว) ผนั แล้วเป็น kathya¥nªcaka¥ra = (เขา)
เล่าแล้ว
(katha¥ > kath + ya¥m + caka¥ra = kathyan¥ cª akar¥ a )
กริยาหมวด ลิฏฺ นี้ มีวิธีการประสมศพั ท์ทีห่ ลากหลาย สลบั ซับซ้อน ในช้นั นี้ เรา
เพียงแต่ร้จู ักรปู แบบและความหมายของธาตทุ ีใ่ ช้บ่อย ๆ ดงั ตารางต่อไปนี้
อักษรย่อที่ใช้ในตารางช่องแรก p = ปรัสไมบท a = อาตมเนบท u = ใช้ได้ท้งั สองบท
ธาตุ / หมวด รปู ปจั จบุ ันกาล อดีตกาลสมบรู ณ์ ความหมาย
เขา กินแล้ว
ad / 2p atti a¥da เขา เปน็ แล้ว
asti a¥sa เขา บรรล,ุ ได้รบั แล้ว
as / 2p a¥pnoti ap¥ a เขา นง่ั แล้ว
ap¥ / 5p as¥ te a¥sa เขา ปรารถนาแล้ว
a¥s / 2a icchati เขา ทาํ แล้ว
is‹ / 6p iyeṣa เขา ไปแล้ว
kr‹ / 8u karoti, kurute caka¥ra, cakre
gacchati jaga¥ma
gam / 1p
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 265
265
สันสกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
ธาตุ / หมวด รปู ปัจจุบนั กาล อดีตกาลสมบรู ณ์ ความหมาย
เขา เกิดแล้ว
jan / 4a ja¥yate jajneª เขา ชนะแล้ว
เขา ร้แู ล้ว
ji / 1p jayati jigay¥ a เขา แผ่,ขยายแล้ว
เขา ข้ามแล้ว
jnªa¥ / 9u jan¥ at¥ i, jan¥ ≠te jajnaª u*, jajneª เขา เสียสละแล้ว
tanoti, tanute tata¥na, tene เขา ให้แล้ว
tan / 8u tarati tatar¥ a เขา เล่นแล้ว
tr‹¥ / 1p tyajati tatyaj¥ a เขา รองรับ, วางแล้ว
dada¥ti, date dadau* เขา แนะนาํ , นําไปแล้ว
tyaj / 1p d≠vyati เขา อ่านแล้ว
da¥ / 3u dadha¥ti, dhatte dideva เขา ดืม่ แล้ว
nayati, nayate เขา พูดแล้ว
div / 4p pat‹hati dadhau*, dadhe เขา เปน็ แล้ว
dha¥ / 3u pibati ninay¥ a เขา คิดแล้ว
n≠ / 1u bha¥s‹ate papat¥ ‹ha เขา ปล่อยแล้ว
path‹ / 1p papau* เขา ประกอบ,รวมแล้ว
pa¥ / 1p babhas¥ e‹ เขา ยินดีแล้ว
bhas¥ ‹ /1a เขา ส่องสว่างแล้ว
เขา ได้แล้ว
bhu¥ /1p bhavati babhu¥va เขา พดู แล้ว
เขา ฟงั แล้ว
man /4a manyate mene เขา รับใช้แล้ว
เขา ยืนแล้ว
muc / 6u munªcati, munªcate mumoca,mumuce เขา จําได้แล้ว
เขา ฆ่าแล้ว
yuj / 7u yunakti, yunkƒ te yuyoja, yuyuje เขา หวั เราะแล้ว
เขา ละทิ้งแล้ว
ram /1a ramate reme เขา บรวงสรวงแล้ว
raj¥ /1P ra¥jati raraj¥ a 266
labh / 1a labhate lebhe
vac / 2p vakti uvac¥ a
s´ru / 5p sr´ n‹ ‹oti su´ sr´ av¥ a
sev / 1a sevate sis‹eve
stha¥ / 1p tis‹th‹ ati tasthau*
smr‹ / 1p smarati sasmar¥ a
han / 2p hanti jagha¥na
has / 1p hasati jahas¥ a
ha¥ /3p jahat¥ i jahau*
hu / 3p juhoti juha¥va
* ข้อสงั เกต ธาตทุ ี่ลงท้ายด้วยสระ a¥ เมื่อผนั แล้วท้ายสดุ จะเปน็ -au
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)
266
สนั สกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
ประโยคตัวอย่าง
1. sa´ s≠´ gagane sutara¥m‹ rara¥ja
พระจนั ทร์ งดงาม (ส่องสวา่ ง) เหลือเกิน บนท้องฟ้า
2. buddhasya ma¥ta¥ may¥ ad¥ ev≠ na¥ma babhuv¥ a
พระมารดาของพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า มายาเทวี
21.3 กริยาอาขยาต อนาคตกาลธรรมดา (ลฤฏฺ – ภวิษยฺ นฺ)
กริยาอาขยาต อนาคตกาลธรรมดา เรียกอีกอย่างตามกฎไวยากรณ์ของปาณินิ ว่า
“ลฤฏฺ ลการ หรือ ภวิษฺยนฺ จัดอย่ใู นกล่มุ ที่ 2 (อารธฺ ธาตุกะ) มีรูปวิภักติสาํ หรบั ใช้กับธาตทุ ั่วไป
โดยไมต่ อ้ งมีปจั จัยประจาํ หมวดธาตุ
กริยาหมวดนี้ทําหน้าที่บ่งบอกเหตุการณ์ที่จะเกิดข้ึนในอนาคต หรือเหตุการณ์ที่ยังไม่
เกิดขึ้น (แปลเพิ่มหน้าธาตุว่า จะ, จัก เช่น bhaviṣyati แปลว่า จะเปน็ , จกั เป็น)
รปู วิภกั ติของกริยาหมวดนี้ คือ รปู ปจั จบุ ันกาลทีเ่ ติม sya หรือ sya¥ หน้ารปู ปจั จบุ ัน
กาล เท่านน้ั เช่น ti > syati, mi > sya¥mi, te > syate เปน็ ต้น
วิธีการประสมธาตุให้เปน็ กริยาอาขยาต อนาคตกาล
1. รปู วิภกั ติหมวดนี้เปน็ รูปแขง็ ท้งั หมด
2. ธาตทุ ีล่ งท้ายด้วยสระ และสระเสียงส้นั ต้นธาตทุ ี่ตามด้วยพยญั ชนะตวั เดียวให้
ทําเปน็ ข้นั คณุ
3. คุณสมบตั ิของธาตจุ าํ พวกต่างๆ ให้ทําดงั นี้
- ลง อิ (i - š) ที่สุดธาตุ ในธาตจุ าํ พวกเสฏฺ (seṭ - se$()
- ไม่ลง อิ (i - š) ที่สุดธาตุ ในธาตจุ าํ พวกอนิฏฺ (aniṭ - Ain$()
- ลง อิ (i - š) บ้างไม่ลงบ้าง ในธาตจุ าํ พวกเวฏฺ (veṭ - ve$()
4. ทําสนธิภายในตามกฎทวั่ ไป
5. ธาตสุ ่วนใหญ่ท้ัง 10 หมวดนําไปประสมกบั วิภกั ติหมวด ลฤฏฺ อนาคตกาลได้
เลย เช่น
ธาตุ /หมวด จําพวก รูปปจั จบุ ันกาล รปู อนาคตกาล ความหมายธาตุ
บูชา
arc / 1p seṭ arcati arciṣyati รักษา
ให้
pā / 2p aniṭ pāti pāṣyati
267
dā / 3u aniṭ dadāti, datte dāṣyati
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
267
สนั สกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
ธาตุ /หมวด จาํ พวก รูปปัจจบุ นั กาล รปู อนาคตกาล ความหมายธาตุ
ไหว้, นอบน้อม
nam / 4p aniṭ namati naṃṣyati เลือก
vṛ / 5u seṭ vṛṇoti, vṛnute
variṣyati, -te เสียดแทง
ruj / 6p aniṭ rujati varīṣyati, -te ร่วม, เชื่อม, ต่อ
yuj / 7u aniṭ yunakti, yuṅkte rokṣyati ฆ่า, เบียดเบียน
kṣaṇ / 8u seṭ kṣanoti, kṣanute เลือก
vṛ / 9a seṭ vṛṇīte yokṣyati, -te ลัก, ขโมย
cur / 10u seṭ corayati, -te
kṣaniṣyati, -te
variṣyate
corayiṣyati, -te
หมายเหตุ ธาตทุ ุกตัวของคณะที่ 1-9 ไม่ต้องใช้ปัจจัยประจาํ หมวดธาตุ แต่ธาตุหมวดที่ 10
ต้องลงปจั จยั ประจําหมวดธาตุ คือ aya แล้วแปลงเป็น ay
ตวั อย่างการผนั อนาคตกาล ธรรมดา
.U bhū (เป็น, อยู่, คือ) ธาตุหมวด 1 (se$() ผันหมวด ลฤฏฺ ฝ่ายปรัสไมบท
บรุ ุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3 bhaviṣyati bhaviṣyataḥ bhaviṣyanti
.ivZyit .ivZyt" .ivZyiNt
2 bhaviṣyasi bhaviṣyathaḥ bhaviṣyatha
.ivZyis .ivZyq" .ivZyq
1 bhaviṣyāmi bhaviṣyāvaḥ bhaviṣyāmaḥ
.ivZyaim .ivZyav" .ivZyam"
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 268
268
สันสกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
su su (บีบ, ค้นั ) ธาตหุ มวด 5 (se$() ผันหมวด ลฤฏฺ ฝ่ายปรสั ไมบท
บุรษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3 soṣyati soṣyataḥ soṣyanti
soZyit soZyt" soZyiNt
2 soṣyasi soṣyathaḥ soṣyatha
soZyis soZyq" soZyq
1 soṣyāmi soṣyāvaḥ soṣyāmaḥ
soZyaim soZyav" soZyam"
l.( labh (ได้) ธาตหุ มวด 1 (Ain$() ผนั หมวด ลฤฏฺ ฝ่ายอาตมเนบท
บุรษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3 lapsyate lapsyete lapsyante
lPSyte lPSyete lPSyiNt
2 lapsyase lapsyethe lapsyadhve
lPSyse lPSyeqe lPSy?ve
1 lapsye lapsyāvahe lapsyāmahe
lPSye lPSyavhe lPSyamhe
***** จบ บทที่ 21 *****
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 269
269
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
แบบฝึกหัดที่ 21
1. กริยาอาขยาต หมวด ลิฏฺ อดีตกาลสมบรู ณ์ แบ่งเปน็ กี่ชนิด? แต่ละชนิดมีข้อสังเกตอย่างไร?
2. จงผนั กริยาศพั ท์ทใี่ ห้ไว้ด้านล่างนี้ ด้วยวิภักติกริยาอาขยาต หมวด ลฏฺ (ปจั จบุ นั กาล) และ
หมวด ลฤฏฺ (ภวิษฺยนฺ) บรุ ษุ ที่ 3 เอกพจน์ ดังตวั อย่าง
ธาตุ /หมวด จาํ พวก รูปปัจจบุ นั กาล รูปอนาคตกาล ความหมายธาตุ
บชู า
arc / 1p seṭ arcati arciṣyati ไป
โกรธ
gam / 1p aniṭ ตัด
kudh / 4p aniṭ ถาม
kṛt / 6p seṭ โกรธ
prayacch / 6u aniṭ ไป, พัด, เคลอื่ น
krudh / 4p aniṭ ทาํ ร้าย
vā / 2p aniṭ
vrṇ / 10u seṭ
3. จงแปลเปน็ ภาษาไทย
१ ूितिदनं िशः क्षीरं पाि।
pratidinaṃ śiśvaḥ kṣīraṃ pāsyanti
२ या िवहगे ो धां द।ं
tvayā vihagebhyo dhānyaṃ dattaṃ
३ भां सयू िदन े िदन े िजातयः पजू य।ु
bhāsvantaṃ sūryaṃ dine dine dvijātayaḥ pūjayantu
४ यिद ं काययर् ु ु ो भविस तव बिन धनािन भिवि।
yadi tvaṃ kāryayudyukto bhavasi tava bahūni dhanāni bhaviṣyanti
५ sae =ip m&t>।
so ̕ pi mṛtaḥ
4. จงอธิบายหลกั เกณฑ์ทางไวยากรณ์ของคาํ ทีพ่ ิมพ์ด้วยอกั ษรดาํ หนาในข้อ 4 ข้างต้น
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 270
270
สนั สกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
บทที่ 22
กริยากฤตบอกกาลและมาลา นามกฤต ตทั ธิต
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 271
271
สนั สกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
ขอบข่ายการศึกษา
1. กริยากฤตบอกอดีตกาลสมบรู ณ์ อนาคตกาลและมาลารําพึง
2. นามกฤต และปจั จยั นามกฤต
3. ตทั ธิต และปจั จัยตัทธิต
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้เข้าใจหลกั การประกอบและการใช้กริยากฤตบอกอดีตกาลสมบูรณ์ อนาคตกาล
และมาลารําพึง
2. เพือ่ ให้เข้าใจหลกั การสร้างคําศัพท์ด้วยปัจจยั นามกฤต และนําไปใช้ได้อย่างถกู ต้อง
3. เพื่อให้เข้าใจหลักการสร้างคําศัพท์ด้วยปัจจัยตทั ธิต และนําไปใช้ได้อย่างถูกต้อง
4. นกั ศึกษาสามารถแต่ง-แปล ข้อความส้ันๆ ตามที่กาํ หนดได้
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 272
272
สันสกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
บทที่ 22
กริยากฤตบอกกาลและมาลา นามกฤต ตัทธิต
22.1 กริยากฤตบอกอดีตกาลสมบูรณ์ อนาคตและมาลารําพึง
ดังได้เราได้เรียนเรื่อง กฤต ที่แบ่งเป็น 2 คือ กริยากฤต และนามกฤต แล้วในบทที่ 20
ในบทน้ีเราจะเรียนลักษณะของกริยากฤตที่ใช้มากอีก 3 ชนิดเพิ่มเติม ได้แก่ กริยากฤต อดีต
กาลสมบูรณ์ อนาคตกาล และ มาลาราํ พึง ขอร้อง
22.2 กริยากฤตบอกอดีตกาลสมบูรณ์
กริยากฤตอดีตกาล รูปสําเร็จมาจากการนําธาตุ มาประสมกับปัจจัยที่เราได้เรียน
มาแล้ว 2 ตัว คือ ta และ tva¥ ในบทน้ีจะกล่าวถึงปัจจัยกริยากฤตที่บอกอดีตกาลสมบูรณ์
คือ tavat มีข้อสงั เกต ดงั นี้
1. เปน็ อดีตกาลสมบรู ณ์ จึงแปลว่า ...แล้ว
2. ใช้เปน็ กรรตวุ าจก (active voice) เทา่ นัน้
3. ใช้เป็นคําวิเศษณ์ ก็ได้ ใช้เสมือนเป็นกริยาหลักในประโยค ก็ได้ (ความจริง ตาม
หลักไวยากรณ์ คือ ใช้เป็นส่วนเติมเต็มของกริยา (verb complement) โดยละ
กริยาว่ามี ว่าเปน็ ไว้ในฐานทีเ่ ข้าใจ)
4. กริยากฤต อดีตกาลสมบูรณ์ tavat ปัจจัย สามารถมีทุกสิ่งที่ใช้กับกริยาหลัก
เช่น กรรม กริยาวิเศษณ์ ได้เหมือนกันกับกริยาหลักทุกประการ แต่ต้องเรียงไว้
ดา้ นหน้า ของ กริยากฤต tavat ปัจจยั
5. วิธีการสร้างกริยากฤต tavat ปจั จัย นี้ง่ายๆ คือ เติม tavat ทีท่ ้ายธาตุ (root)
ได้เลย โดยตัวธาตุอาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง ตามกฎสนธิภายใน หรืออาจต้อง
เพิ่มสระบางตัว เช่น อาจเพิม่ i เข้ามาหน้า tavat ดูตัวอย่างในตาราง
6. กริยากฤต อดีตกาล ปุงลงิ ค์และ นปุงสกลิงค์ ทีล่ งท้ายด้วย -tavat วิธกี ารผัน
ใช้วิภกั ตินาม (สปุ ฺ วิภักติ) มีข้อควรจาํ ดงั นี้ (ดตู าราง สปุ วิภักติแขง็ วิภักติอ่อน
ประกอบด้วย)
a. เมือ่ ผสมกบั วิภกั ติแขง็ จะมีรปู ก่อนประสมวิภกั ติ คือ -tavant
b. เมื่อผสมกบั วิภักติอ่อน จะมีรปู ก่อนประสมวิภกั ติ คือ -tavat
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 273
273
สันสกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
7. ถ้าต้องการให้ศัพท์ทีม่ าจากธาตุเหล่าน้ี ซึ่งลงท้ายด้วย -tavat ไปขยายคํานาม
สตรีลิงค์ ให้เติมสระ ≠ ต่อท้ายเป็น -tavat≠ แล้วนําไปผันแบบ ≠ การันต์
สตรีลิงค์ (nad≠) ผันแบบสตรีลิงค์นี้ ไม่มีรปู อ่อน แข็ง
ตารางธาตุทปี่ ระสมเปน็ กริยากฤต อดีตกาลสมบูรณ์ -tavat ปจั จัย
ธาตุ/หมวด + tavat ความหมาย ธาตุ/หมวด + tavat ความหมาย
kr‹ / 8 kr‹tavat yuj / 7 yuktavat
ทําแล้ว raks‹ / 1 raksi‹ tavat ประกอบแล้ว
gam /1 gatavat ไปแล้ว varn‹ /10 varni‹ tavat รักษา,ดแู ลแล้ว
กินแล้ว stha¥ / 1 พรรณนาแล้ว
bhuj / 7 bhuktavat เป็นแล้ว sthitavat ยืนแล้ว
bhu¥ / 1 bhut¥ avat
ตัวอย่างวิธีใช้ tavat ปัจจยั
ใช้เหมือนเปน็ กริยาหลกั (ละกริยาว่ามี ว่าเปน็ ไว้) เช่น
ra¥mo vanam‹ gatava¥n นายรามเข้าไปป่าแล้ว
s≠ta¥ vanam‹ gatavat≠ นางสีดาเข้าไปป่าแล้ว
22.3 กริยากฤตบอกอนาคตกาล
กริยากฤตอนาคตกาล รูปสําเร็จมาจากการนําธาตุ มาประสมกับปัจจัย 2 ตัว คือ
syat และ syama¥na (คล้ายกับ กริยากฤต ปัจจุบันกาล บทที่ 20 และมีหลักการทําให้เป็น
อนาคตกาล เหมือนบทที่ 21) มีข้อสังเกต ดังนี้
1. เป็นอนาคต จึงแปลว่า ...จะ
2. -syat ปัจจัย ใช้เป็น กรรตุวาจก (active voice) เท่านั้น แต่ -syama¥na
ปัจจัย ใช้ได้ท้ัง กรรตวุ าจก (active voice) และ กรรมวาจก (passive voice)
3. ใช้เปน็ คําวิเศษณ์ ได้ แต่ใช้เป็นกริยาหลกั ในประโยค ไม่ได้
4. กริยากฤต อนาคตกาล สามารถมีทกุ สิง่ ที่ใช้กบั กริยาหลกั เช่น กรรม กริยา
วิเศษณ์ ได้เหมือนกนั กับกริยาหลักทกุ ประการ แต่ท้งั หมดต้องเรียงไว้ดา้ นหนา้
ของ กริยากฤต อนาคตกาล
5. วิธีการสร้างกริยากฤต syat และ syaman¥ a ปัจจัย น้ีง่ายๆ คือ เติม syat
และ syaman¥ a ที่ท้ายธาตุ (root) ได้เลย โดยตัวธาตุอาจมีการเปลี่ยนแปลง
บ้าง ตามกฎสนธิภายใน หรืออาจต้องเพ่ิมสระบางตัว เช่น อาจเพิ่ม i เข้ามา
หน้า syat และ syaman¥ a ดตู ัวอย่างในตาราง
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 274
274
สนั สกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
6. กริยากฤต อนาคตกาล ปุงลิงค์และ นปุงสกลิงค์ ที่ลงท้ายด้วย syat วิธีการ
ผัน ใช้วิภักตินาม (สุปฺ วิภักติ) มีข้อควรจํา ดังนี้ (ดูตารางสุปวิภักติแข็ง อ่อน
ประกอบด้วย)
a. เมือ่ ผสมกับวิภักติแขง็ จะมีรปู ก่อนประสมวิภักติ คือ -syant
b. เมือ่ ผสมกบั วิภกั ติอ่อน จะมีรปู ก่อนประสมวิภกั ติ คือ -syat
7. ถ้าต้องการให้ศพั ท์ที่มาจากธาตุเหล่าน้ี ซึ่งลงท้ายด้วย -syant ไปขยายคํานาม
สตรีลิงค์ ให้เติมสระ ≠ ต่อท้ายเป็น -syant≠ แล้วนําไปผันแบบ ≠ การันต์
สตรีลิงค์ (nad≠) ผนั แบบสตรีลิงค์นี้ ไม่มีรูปอ่อน แข็ง
8. กริยากฤตอนาคต ทีล่ งท้ายด้วย syaman¥ a วิธีการผนั ใช้วิภกั ตินาม (สปุ ฺ วภิ กั ติ)
คือ เหมือน a การนั ต์ ปลุ ลิงค์ (deva) a¥ การนั ต์ สตรีลิงค์ (katha¥) และ a
การนั ต์ นปงุ สกลิงค์ (phala)
ตารางธาตุทปี่ ระสมเปน็ กริยากฤต อนาคตกาล -syat ปจั จยั
ธาต/ุ หมวด + tavat ความหมาย ธาต/ุ หมวด + tavat ความหมาย
kr‹ / 8 karis‹yat yuj / 7 yoksy‹ at
จะทาํ raks‹ / 1 จะประกอบ
gam /1 gamisy‹ at จะไป varn‹ /10 raksi‹ sy‹ at จะรักษา
จะกิน stha¥ / 1 จะพรรณนา
bhuj / 7 bhoksy‹ at จะเปน็ varni‹ s‹yat จะยืน
bhu¥ / 1
bhavisy‹ at stha¥syat
กริยากฤต อนาคตกาล -syaman¥ a ปัจจัย ใช้กับธาตุที่ใช้เฉพาะ อาตมเนบท เท่าน้ัน ดัง
ตัวอย่าง
ธาต/ุ หมวด + tavat ความหมาย ธาตุ/หมวด + tavat ความหมาย
labh / 1a
bhas¥ ‹ /1a bha¥s‹isy‹ ama¥na จะกล่าว lapsyaman¥ a จะได้
mud/ 1a labhisy‹ aman¥ a
sev /1a sevisy‹ aman¥ a จะรบั ใช้ modis‹yama¥na จะยินดี
22.4 กริยากฤตบอกมาลาราํ พึง ขอร้อง
กริยากฤตบอกมาลารําพึง ขอร้องน้ี รูปสําเร็จมาจากการนําธาตุ มาประสมกับปัจจัย
3 ตวั คือ tavya, an≠ya และ ya มีข้อสังเกต ดงั นี้
1. เป็นการราํ พึง หรือขอร้อง จึงแปลว่า ควร..., จะต้อง....
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 275
275
สันสกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
2. ใช้ประสมกับธาตุที่เรียกหากรรม (สกรรมธาตุ) เป็นส่วนมาก ความหมายจึงเป็น
กรรมวาจก (passive voice)
3. ใช้เปน็ คําวิเศษณ์ ก็ได้ ใช้เป็นกริยาหลกั ในประโยค กไ็ ด้
4. กริยากฤต บอกมาลารําพึงนี้ สามารถมี กริยาวิเศษณ์ ได้เหมือนกนั กบั กริยาหลกั
5. วิธีการสร้างกริยากฤต บอกมาลาราํ พงึ ด้วยปจั จยั 3 ตัว คือ tavya, an≠ya
และ ya ปัจจัย นี้ง่ายๆ คือ เติมที่ท้ายธาตุ (root) ได้เลย โดยตัวธาตุอาจมกี าร
เปลี่ยนแปลงบ้าง ตามกฎสนธิภายใน หรืออาจต้องเพิ่มสระบางตวั เช่น อาจเพิม่
i เข้ามาหน้า ดูตัวอย่างในตาราง
6. กริยากฤต อนาคต ที่ลงท้ายด้วย ปจั จยั 3 ตัว คือ tavya, an≠ya และ ya
วิธีการผนั ใช้วิภกั ตินาม (สุปฺ วิภกั ติ) คือ เหมือน a การนั ต์ ปลุ ลงิ ค์ (deva)
a¥ การันต์ สตรีลิงค์ (katha)¥ และ a การันต์ นปุงสกลิงค์ (phala)
ตารางธาตทุ ปี่ ระสมเปน็ กริยากฤต มาลารําพึง tavya, an≠ya และ ya ปัจจัย
ข้อสงั เกต tavya ปจั จัย ใช้กฎเดียวกับ การประสม ta ปัจจยั กริยากฤต อดีตกาล (บทที่
20)
ธาตุ/ + tavya + an≠ya + ya ความหมาย
หมวด (ข้ันคณุ ) (ข้ันคุณ) (ข้ันคุณ/ พฤทธิ)
kartavya karan≠‹ ya kar¥ ya ควร(ถกู )ทาํ
kr‹ / 8 gaman≠ya gamya ควร(ถูก)ไป
bhojan≠ya bhojya ควร(ถูก)กนิ
gam /1 gantavya bhav¥ an≠ya bhav¥ ya ควรทาํ ให้มี
bhuj / 7 bhuktavya (ณิชนั ตะ)
bhu¥ / 1 bhavitavya yojan≠ya
bhut¥ avya raksa‹ n‹iya
varna‹ n≠ya
yuj / 7 yuktavya sthap¥ an≠ya yojya ควร(ถูก)ประกอบ
raks‹ya ควรรกั ษา
raks‹ / 1 raks‹itavya (ณิชันตะ) varn‹ya ควรพรรณนา
stha¥ya ควรยืน
varn‹ /10 varn‹itavya sthap¥ ya ควร(ถกู )ทาํ ให้มั่นคง
stha¥ / 1 sthitavya (ณิชนั ตะ)
sthap¥ itavya
(ณิชนั ตะ)
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 276
276
สนั สกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
22.5 นามกฤต (Noun formed by Primary suffixes)
ส่วนต่อแต่นี้ไป เป็นส่วนที่สําคัญที่สุดสําหรับนักศึกษาผู้สนใจศึกษาภาษาสันสกฤตเพื่อ
นาํ ไปศึกษา สืบค้นคาํ ยืมภาษาสันสกฤตในภาษาไทย เพราะเราจะศึกษาเรื่องการสร้างคําศัพท์
ท้งั ทีเ่ ป็น “นามกฤต” และ ศัพท์ “ตทั ธิต”
ในภาษาสันสกฤต มีปจั จยั ทีน่ าํ มาประสมกบั ธาตุ (roots) แล้วทําให้ธาตเุ หล่าน้ัน
กลายเปน็ “คาํ นาม หรือ คําวิเศษณ์” เราปจั จยั เหล่าน้ันว่า “ปจั จัยกฤต ฝา่ ยนาม” และ
คาํ นามที่สาํ เรจ็ รปู มาจากปจั จัยดังกล่าว เราเรียกว่า “นามกฤต”
ปัจจัยเหล่านี้ นักไวยากรณ์ชาวอินเดียแบบประเพณี กับนักไวยากรณ์ชาวตะวันตก
เรียกชื่อ และจัดหมวดหมู่ไม่เหมือนกัน ท้ังน้ีเพราะชาวตะวันตกต้องการวิธีรวบรัด เพื่อศึกษา
ภาษาสันสกฤตให้ใช้ได้อย่างรวดเร็วภายใน 3-6 เดือน ในขณะที่หากเรียนแบบประเพณีต้องใช้
เวลาอย่างน้อย 3-6 ปีจึงใช้การได้ดี แต่ ณ ที่น้ีเราจะใช้แนวทางแบบนักไวยากรณ์
ชาวตะวันตก ท้งั นี้กเ็ พือ่ ให้เราสามารถใช้ภาษาสันสกฤตได้อย่างรวดเรว็ น่นั เอง
ในช้นั นี้เราจะเรียน “ปจั จัยนามกฤต” เพียง 6 ตัว จากจํานวนหลายสิบตวั ดังนี้
1. a 2. a¥
3. ana 4. man
5. as 6. ti
22.5.1 ปัจจัยนามกฤต ตวั ที่ 1 - a
1. เปน็ ปจั จยั นามกฤตที่สําคญั ที่สดุ
2. หากธาตุน้ันลงท้ายด้วยพยัญชนะ เป็นพยางค์เบา หรือลงท้ายด้วยสระ ให้ทํา
เปน็ ข้นั คณุ ก่อนประสมปจั จยั นามกฤต
3. ธาตุทีล่ งท้ายด้วย c ให้แปลงเปน็ k, ธาตลุ งท้ายด้วย j ให้แปลงเป็น g
4. เมื่อเปน็ คาํ นามกฤตแล้ว ส่วนใหญ่เปน็ ปงุ ลิงค์ (m.)
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 277
277
สันสกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
ดงั ตวั อย่าง ความหมายตามธาตุ ทาํ เป็นนามกฤต ความหมาย
ธาต/ุ หมวด (ลักษณะ / ลิงค์)
จบั , ยึด, ถือ กําลงั ถือ
grah /9p graha (adj.) ดวงดาว
ชนะ graha (m.) ชัยชนะ
ji / 1p มีชีวิต สิง่ มีชีวิต
j≠v / 1p ข้าม jaya (m.) การข้าม
tr¥‹ / 1p j≠va (m.) ผ้ลู งมา(เกิด)
สละ, ละทิ้ง tar¥ a (m.) การเสียสละ, จาคะ(บาลี)
tyaj / 1p มี, เปน็ avata¥ra (m.) ความมี, ภาวะ, สภาพ,
bhu¥ / 1p การเปลีย่ นเปน็
กลวั tyag¥ a (m.) ความกลัว
bh≠ / 3p ประกอบ, รวม, เทียม bhava (m.) การรวมกนั , การประกอบ
yuj /7u รู้ bha¥va (m.) ความรู้, พระเวท
vid / 2p สร้าง การสร้างสรรค์
sr‹j /6p bhaya (m.)
yoga (m.)
veda (m.)
sarga (m.)
22.5.2 ปจั จัยนามกฤต ตวั ที่ 2 - ā
1. เปน็ ปจั จัยนามกฤตทที่ ีม่ าและวิธีการประสมเชน่ เดียวกันกบั a ปจั จยั ในข้อ
ก่อนหน้านี้
2. เมื่อเปน็ คาํ นามกฤตแล้ว ท้งั หมดเป็น สตรีลิงค์ (f.)
ดังตัวอยา่ ง ความหมายตามธาตุ ทําเปน็ นามกฤต ความหมาย
ธาตุ/หมวด
(สตรีลิงค์) ความคิด
cint / 10u คําพดู , ภาษา
bha¥s‹ / 1a คิด cinta¥ การรบั ใช้, การบริการ
sev / 1a การฆ่า
han / 2p พูด, กล่าว bhas¥ ‹a¥ การไม่ฆ่า
รับใช้ seva¥
ฆ่า hims‹ a¥
ahim‹sa¥
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 278
278
สันสกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
22.5.3 ปจั จยั นามกฤต ตัวที่ 3 - ana
1. เปน็ ปจั จยั นามกฤตทที่ ีม่ าและวิธีการประสมเชน่ เดียวกันกบั a ปจั จยั ตวั ที่ 1
ในข้อก่อนหน้านี้
2. เมื่อเปน็ คาํ นามกฤตแล้ว ท้งั หมดเป็น นปงุ สกลิงค์ (n.)
ดังตัวอยา่ ง ความหมาย ทําเปน็ นามกฤต ความหมาย
ธาตุ/หมวด ตามธาตุ (นปงุ สกลิงค)์
นั่ง การนงั่ , ท่าทาง
a¥s / 2a ทํา a¥sana การกระทาํ
kr‹ / 8u ไป karana‹ การไป
gam / 1p ให้ การให้
da¥ / 3u พดู gamana คําพูด
vac / 2p ฟัง dan¥ a การฟัง
s´ru / 5p ยืน ทีย่ ◌ืน, การยืน
stha¥ / 1p, 3p vacana
sr´ avana‹
sthan¥ a
22.5.4 ปจั จัยนามกฤต ตัวที่ 4 - man
1. เป็นปัจจัยนามกฤตที่ที่มาและวิธีการประสมเช่นเดียวกันกับ a ปัจจัย ตัวที่ 1
ก่อนหน้านี้ คือ ต้องทําสระของธาตใุ ห้เป็นขนั้ คณุ ก่อนประสม
2. เมื่อเปน็ คาํ นามกฤตแล้ว ส่วนใหญ่เปน็ นปุงสกลิงค์ (n.)
ดงั ตวั อย่าง ความหมาย ทําเปน็ นามกฤต ความหมาย
ธาต/ุ หมวด ตามธาตุ
หายใจ (ส่วนใหญ่ = นปงุ สกลิงค)์ สิง่ มีชีวิต, อาตมนั
an /2p a¥tman (m.) กรรม, การกระทาํ
kr‹ / 8u ทาํ การเกิด
jan / 4a karman การขยาย, พรหมนั
brh‹ / 1p เกิด
janman
ขยาย, พอง
brahman
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 279
279
สันสกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)