The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สันสกฤตพื้นฐาน 64 ebook

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by mcu pali, 2021-04-27 23:11:25

สันสกฤตพื้นฐาน 64 ebook

สันสกฤตพื้นฐาน 64 ebook

Keywords: สันสกฤตพื้นฐาน 64 ebook

3. “นาม + วิเศษณ์ (ประธาน)” ในการวิเคราะห์ใช้ศัพท์ว่า ‘iva’ แปลว่า “เหมือน” ดัง

ตัวอย่าง

meghas´ya¥mah‹ vigraha meghah‹ iva sy´ am¥ ah‹

ดาํ ดุจเมฆ วิเคราะห์ ดาํ เหมือน เมฆ

kusumasukuma¥ra¥ vigraha kusumam‹ iva sukuma¥ra¥

น่มุ ดุจดอกไม้ วิเคราะห์ น่มุ เหมือน ดอกไม้ท้งั หลาย

4. “นาม + นาม” ในการวิเคราะห์ใช้ศัพท์ว่า ‘eva’ แปลว่า “คือ” ดังตัวอย่าง

caurav≠rah‹ vigraha caurah‹ eva v≠rah‹

โจรนักปล้น วิเคราะห์ คนห้าว คือ โจร

meghadut¥ ah‹ vigraha meghah‹ eva dut¥ ah‹

เมฆทตู วิเคราะห์ ทตู (คนส่งข่าว) คือ เมฆ

15.13 พหุวรีหิสมาส (Bahuvrīhi or The Attributive Compounds)

ความหมายของคําว่า “พหวุ รีหิ” คือ “ผู้มีข้าวเปลือกมาก” จัดเปน็ สมาสที่ทาํ หน้าที่
เปน็ “คําวิเศษณ์” เพียงอย่างเดียว คอื ต้องทาํ หน้าทีข่ ยายคํานาม หรือ สรรพนามอื่น ๆ มี
ลักษณะเฉพาะ คือ

1. คําแปลจะต้องเปน็ ว่า มี หรือ ผมู้ ี อนั แสดงความเปน็ เจ้าของ
2. ในการวิเคราะห์ จะใช้ศพั ท์ค่กู นั คือ yad - tad ศัพท์ ในรปู yasya (ปุลลงิ ค์

และนปงุ สกลิงค์), yasya¥h‹ (สตรีลิงค์) เพื่อแสดงความเปน็ เจ้าของ และรปู
สําเร็จของสมาส tad ศัพท์จะเปน็ sa (so’) (ปุลลงิ ค์) sa¥ (สตรีลิงค์) และ
tam (นปงุ สกลิงค์) ดงั ตวั อย่าง

1. bahuvr≠hih‹ vigraha bahuh‹ vr≠hih‹ yasya sa bahuvr≠hih‹
ผ้มู ีข้าวเปลือกมาก
ข้าวเปลือกมาก วิเคราะห์ ข้าวเปลือก มาก ของผ้ใู ด ผู้น้นั (ชื่อว่า) มี
2. visv´ aru¥pah‹
ผ้มู ีทุกรปู แบบ vigraha visv´ ah‹ rup¥ ah‹ yasya sa vis´varu¥pah‹

วิเคราะห์ รูป ทกุ แบบ ของผู้ใด ผ้นู น้ั (ชือ่ ว่า) มีรปู ทุกแบบ

3. sthitaprajnªah‹ vigraha sthita¥ prajnªa¥ yasya sa sthitaprajnªah‹
ผ้มู ีปญั ญาต้งั มัน่
ปัญญาต้งั มน่ั วิเคราะห์ ปัญญา ของผ้ใู ด ต้งั ม่นั แล้ว ผนู้ ้นั (ชือ่ ว่า) มี

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 180

180

สนั สกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)

15.14 อัพยยีภาวสมาส (Avyayībhāva or The Adverbial Compounds)

ความหมายของคําว่า “อวยยีภาวะ” คือ “ภาวะที่ไม่สามารถเปลีย่ นแปลงได้” ได้แก่

สมาสที่มีคาํ “อพั ยยศพั ท์” เปน็ คําส่วนหน้า และนามเปน็ คาํ ส่วนหลงั รปู สาํ เร็จ มีรปู เปน็

นปงุ สกลิงค์ เอกวจนะ อย่างเดียว มีลกั ษณะเฉพาะคือ

1. เมื่อคาํ ส่วนหลังลงท้ายด้วย a จะเปน็ am

2. เมือ่ คําส่วนหลงั ลงท้ายด้วย ī จะเปน็ i

3. เมื่อคาํ ส่วนหลงั ลงท้ายด้วย ū จะเปน็ u

4. เมื่อคําส่วนหลงั ลงท้ายด้วย e หรือ ai จะเปน็ i

สมาสนีท้ ําหน้าทีเ่ ปน็ กริยาวิเศษณ์แปลตามความหมายของคํา แปลจากคาํ สว่ นหน้า

ไปหาคาํ สว่ นหลงั ดังตวั อย่าง

yathākāmam ตามความปรารถนา (กริยาวิเศษณ์)

vigraha kāmamanatikramyeti yathākāmam

วิเคราะห์ ไม่ล่วงแล้ว ซึ่งความปรารถนา ชือ่ ว่าตามความปรารถนา

upanadī ใกล้แม่น้าํ (กริยาวิเศษณ์)

vigraha nadyāḥ samīpe upanadī

วิเคราะห์ ในทีใ่ กล้ แห่งแม่น้ํา ชือ่ ว่า ใกล้แม่น้ํา

upavadhu ใกล้หญิง (กริยาวิเศษณ์)

vigraha vadhvāḥ samīpe upavadhu

วิเคราะห์ ในทใี่ กล้ แห่งหญิง ชือ่ ว่า ใกล้หญิง

ศัพทานกุ รม

นามศพั ท์ ไทย ลิงค์ คาํ แปล
โรมนั นมสฺ n. ความนอบน้อม, การไหว้
อทุ ยฺ าน n. สวน
namas ชีวิต n. ชีวิต
udyāna ภกฺษณ n. การกิน
jīvita มิตรฺ n. มิตร, เพือ่ น
bhakṣaṇa ยทุ ฺธ n. การต่อสู้
mitra วาณิชยฺ n. การค้า
yuddha มรณ n. ความตาย
vāṇijya
maraṇa

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 181

181

สันสกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)

โรมัน ไทย ลิงค์ คําแปล
m. ลกู เขย
jāmātṛ ชามาตฺฤ f. ธิดา, ลกู สาว
m. ความแน่นอน, การตัดสินใจ
duhitṛ ทุหิตฤฺ m. บัณฑิต, ผรู้ ู้
m. คดี, เรื่องพิพาทในศาล
niścaya นิศฺจย m. หญ้าแห้ง
m. ผ้ฉู ลาด, ปราชญ์, ดาวพระพธุ
paṇḍita ปณฑฺ ติ m. เดือน
m. ปุโรหิต
vyavahāra วยฺ วหาร m. คนใช้
m. คาํ สัง่ , คําชี้แจง
ghāsa ฆาส m. พ่อตา

budha พธุ

māsa มาส

purohita ปุโรหิต

bhṛtaka ภฺฤตก

nideśa นิเทศ

śvaśura ศฺวศุร

กริยาศพั ท์ ไทย ตัวอย่าง ความหมายธาตุ (+อุปสรรค)
โรมัน ศุจฺ ร้สู ึกเศร้าโศก
ษทฺ -นิ śocate นัง่ ลง
śuc คมฺ –อนุ niṣīdati ตาม, ติดตาม
sad -ni จรฺ -สมา praviśati ประกอบ, กระทาํ
gam -anu ทํศ samācarati ขบ, กัด
car -sam-ā วทฺ -วิ daśati โต้แย้ง, อภิปรายโต้แย้ง, ววิ าท
daṃś มนฺ vivadati คิด, เชื่อ
vad -vi อีกฺษฺ -ปฺรติ manyate คอย, คาดว่าจะได้รบั
man วิทฺ pratīkṣate แสวงหา, พบ, ได้, มี
īkṣ -prati นนทฺ ฺ -อภิ vindate ชืน่ ชมใน, ต้อนรบั ด้วยความยินดี
vid รมฺ abhinandati, -te เชยชม, เพลิดเพลิน
nand -abhi ramate หยุด, เลิก, ละเว้นจาก (c.5)
ram -วิ viramati ปฏิบตั ิตาม
สฺถา -อนุ
-vi anutiṣṭhati

athā -anu

***** จบ บทที่ 15 ***** 182

สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)

182

สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)

แบบฝึกหัดที่ 15

1. คาํ วิเศษณ์ คอื คําเช่นไร? มีวิธีใช้และการผนั อย่างไร?
2. ในเบื้องต้นเรากําหนดร้คู าํ วิเศษณ์ได้อย่างไร
3. สมาส คืออะไร?
4. ทวนั ทวะสมาส หมายถึง? มีวิธีใช้และวิธีผนั อย่างไร?
5. สมาสต่างจากสนธิอย่างไร?
6. สมาสใดบ้าง นิยมปลดปลงเปน็ นปงุ สกลิงค์ เอกพจน์อย่างเดียว จะทราบได้อย่างไรว่าเป็น
สมาสไหน?

7. จงแปลเปน็ ภาษาไทย

1. रँमयो ऽ हां ब।े raśmayo 'śvasya hanvāṃ badhyante

2. राऽौ ौिु तमपठाव। rātrau śrutim apaṭhāva

3. नपृ ितिषणा पापािषत। nṛpatir ṛṣiṇā pāpāt pratyaṣidhyata

4. िवयषः पऽु ौ शोभते ।े vidyayarṣeḥ putrau śobhete

5. िपतृ ो मासे मासे ौां यये ःु ।
pitṛbhyo māse māse śrāddhaṃ yaccheyuḥ (yam > yacch-ให้)

8. จงอธิบายหลกั เกณฑ์ทางไวยากรณ์ของคําทีพ่ ิมพ์ด้วยอกั ษรดาํ หนาในข้อ 7 ข้างต้น
9. จงแปลเปน็ ภาษาสันสกฤต (ทําสนธิให้ถกู ต้องด้วย)

1. มหาสมทุ ร3 อนั พราหมณ์ท้งั หลาย1 ไม4่ พึงข้าม5 ด้วยเรอื (เนา)2
2. พระราชาท้งั สอง1 พึงรบ3 ดว้ ยข้าศึกท้งั หลาย2
3. ดกู ร (เห)1 ลูกศษิ ย์2 เจ้าจงนํามา5 ซึง่ ฟืนท้งั หลาย3 จากป่า5
4. ศิษย์ท้งั สอง3 ของราม2 ย่อมดํารงชีพอยู่ (วฤฺ ตฺ)4 ด้วยภกิ ษา1
5. การต่อสู้2 ได้มีแล้ว3 ในเรือท้งั หลาย1

สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 183

183

สนั สกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)

บทที่ 16

คํานาม 2-3 รปู และจํานวนนบั (สงั ขยา)

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introd1u8c4tion to Sanskrit) 184

สันสกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)

ขอบข่ายการศึกษา

1. พยญั ชนะการนั ต์ที่ลงท้ายด้วย -mat, -vat
2. การผันพยัญชนะการนั ต์ -at ปงุ ลิงค์ และวิธีใช้ผนั ใน สตรีลิงค์ นปงุ สกลิงค์
3. พยัญชนะการนั ต์ที่ลงท้ายด้วย -an ปุงลิงค์ และ สตรีลิงค์
4. พยัญชนะการนั ต์ที่ลงท้ายด้วย -an นปงุ สกลิงค์
5. จาํ นวนนบั และการผันจาํ นวนนับ (สังขยา – Numeral System)
6. ลิงค์และพจน์ ของระบบเลขภาษาสันสกฤต

วตั ถปุ ระสงค์

1. เพื่อให้สามารถผนั คํานาม พยัญชนะการนั ต์ทีล่ งท้ายด้วย -mat, -vat, -at และ -an
ได้

2. เพื่อให้เข้าใจจาํ นวนนบั และเลขอันดบั (สังขยา) ในภาษาสันสกฤต พร้อมท้งั ลิงค์และ
พจน์ ของระบบเลขภาษาสนั สกฤต และหลักการผนั ในเบื้องต้น

3. นักศึกษาสามารถแต่ง-แปล ข้อความส้ันๆ ตามทีก่ ําหนดได้

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 185

185

สันสกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)

บทที่ 16

คํานาม 2-3 รปู และจํานวนนับ (สังขยา)

16.1 พยัญชนะการนั ตท์ ี่ลงท้ายดว้ ย -mat, -vat
ในบทน้ี เราจะเรียนการผันคํานามในภาษาสันสกฤต มีท้ังที่ลงท้ายด้วย -mat, -vat

ซึ่งเปน็ คํานามทีจ่ ะต้องทําเปน็ 2 รปู คือ รปู แขง็ และ รูปอ่อน

16.2 พยญั ชนะการนั ต์ -at ปงุ ลิงค์
พยัญชนะการันต์ ที่ลงท้ายด้วย -mat, vat (ใช้กบั สุปวิภกั ติแข็ง อ่อน)

ปุงลิงค์ ผันเหมือน dh≠mat (ผ้ฉู ลาด) ดังนี้

คําอธิบาย ตาราง นี้ใช้สาํ หรับผนั ศัพท์ต่อไปน้ี
1. คํานาม คําคุณศัพท์ ปุงลิงค์ที่ลงท้ายด้วย -mat, -vat ทุกตัว เช่น murtimat (มี

รปู ร่าง) bhagavat (มีโชค, ได้พร)
2. คําปฤจฉาสรรพนาม ปุงลิงค์ คือ kiyat (เท่าไร) และ iyat (เท่านี้)

3. วิธีการผนั มีข้อควรจาํ ดงั น้ี (ดูตารางสปุ วิภกั ติแข็ง อ่อน ประกอบด้วย)
3.1. เมื่อผสมกบั วิภกั ติแขง็ จะมีรปู ก่อนประสมวิภักติ คือ dh≠mant
3.2. เมื่อผสมกบั วิภกั ติอ่อน จะมีรปู ก่อนประสมวิภกั ติ คือ dh≠mat
3.3. c.1 s. เมื่อประสมกับ s วิภักติ ให้ลบ t ท้าย dh≠mant ทิ้งพร้อมกับ s
เพราะตามกฎห้ามมีพยัญชนะซ้อนกันอยู่ท้ายคํา แต่มีการชดเชยการลบไปด้วย
การทําเสียงสระ a ให้มีเสียงยาว คือ เป็น a¥ ดังน้ี dh≠mat > dh≠mant
(รูปแขง็ ) + s = dh≠mants > dh≠man > dh≠man¥

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 186

186

สันสกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)

หมายเหตุ ถ้าต้องการให้คุณศัพท์ทีล่ งท้ายด้วย -mat, -vat น้ีไปขยายคํานามสตรีลิงค์
ให้เติมสระ ≠ ต่อท้ายเป็น -mat≠, -vat≠ แล้วนําไปผันแบบ ≠ การันต์สตรีลิงค์
ได้เลย
ส่วน นปงุ สกลิงค์ ศัพท์ทลี่ งท้ายด้วย -mat, -vat ให้ผันเหมือนกับคาํ นามที่
ลงท้ายด้วย t ทวั่ ไป

16.3 พยัญชนะการันตท์ ีล่ งทา้ ยดว้ ย -an ปงุ ลิงค์ และ สตรีลิงค์
คํานามที่ลงท้ายด้วย -an ซึ่งเป็นคํานามที่จะต้องทําเป็น 3 รูป คือ รูปแข็ง รูปกลาง

และรูปอ่อน

พยญั ชนะการันต์ ทลี่ งท้ายดว้ ย -an (ใช้กับสุปวิภกั ติแขง็ กลาง ออ่ น)
ศพั ท์ทีม่ ีพยญั ชนะเพียงตวั เดียวอยหู่ น้าติดกบั -an ปุงลิงค์ และ สตรีลิงค์

ผันเหมือน ra¥jan (พระราชา) ซึ่งเป็น ปุงลิงค์ ดงั นี้

คาํ อธิบาย ตารางนี้ใช้สาํ หรับผนั ศัพท์ต่อไปนี้
1. คํานาม คําคุณศัพท์ ปุงลิงค์ และสตรีลิงค์ ที่ลงท้ายด้วย -an ทุกตัว ที่มี
พยัญชนะเพียงตัวเดียวอยู่หน้าติดกับ –an เช่น gariman (ความหนัก)
s≠man (ขอบเขต,สีมา) ท้ังสองศัพท์เป็น ปุงลิงค์ และ คุณศัพท์ เช่น suna¥man

(มีชือ่ เสียง)
2. วิธีการผนั มีข้อควรจาํ ดงั นี้ (ดูตารางสุปวิภักติแขง็ กลาง ออ่ น ประกอบด้วย)

2.1. รปู ก่อนประสมวิภกั ติแข็ง คอื ra¥jan¥ (สระข้นั วฤทธิ ของ a )

2.2. รูปก่อนประสมวิภักติกลาง คือ ra¥jan (สระข้นั คณุ ของ a )

2.3. รปู ก่อนประสมวิภักติอ่อน คือ ra¥jnª (สระข้นั ปกติ ของ a )

2.4. c.1 s. เมือ่ ประสมกบั s วิภักติ ให้ลบ n ท้าย raj¥ an¥ ทิ้งพร้อมกับ s

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 187

187

สันสกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)

ศัพท์ที่มีพยญั ชนะอย่หู น้าติดกบั -an 2 ตวั ขึ้นไป ปุงลิงค์ และ สตรีลิงค์
ผันเหมือน a¥tman (ตัวตน, อาตมนั ) ซงึ่ เปน็ ปุงลิงค์ ดงั นี้

คาํ อธิบาย ตารางนี้ใช้สาํ หรบั ผนั ศพั ทต์ ่อไปน้ี
1. คํานาม คําคุณศัพท์ ปุงลิงค์ และสตรีลิงค์ ที่ลงท้ายด้วย -an ทุกตัว ที่มีพยัญชนะ 2

ตัวขึ้นไปอยู่หน้าติดกับ -an เช่น brahman (พระพรหม) yajvan (ผู้บวงสรวง)
ท้งั สองศพั ท์เป็น ปุงลิงค์ และ คุณศัพท์ เช่น suparvan (ฤกษ์ดี, มีข้อต่อสวยงาม)
2. วิธีการผนั เหมือน raj¥ an ต่างกันบ้างดังน้ี
2.1. เมื่อผสมกบั วิภกั ติอ่อน จะมีรปู ก่อนประสมวิภักติ คือ a¥tman แทนทีจ่ ะเป็น a¥tmn เหมือน

กรณีของ raj¥ an > raj¥ nª ท้ังน้ีก็เพื่อป้องกันไม่ให้มีพยัญชนะซ้อนกันมากเกินไป (ซึ่ง a¥tmn
ซ้อนกนั ถึง 3 ตัว)
2.2. ขอ้ ยกเวน้ สําหรับศัพท์ทีม่ ีพยญั ชนะหน้า -an 2 ตวั ขึ้นไป มีเพียงศัพท์เดียว คือ ศัพท์
ว่า mu¥rdhan (ศีรษะ) แม้ว่าจะมีพยัญชนะซ้อนกันมาก แต่เมื่อผันวิภักติอ่อนก็จะ
ได้ รับยกเว้นให้มีรูปก่อนประสม คือ mur¥ dhn (ไม่ใช่ mu¥rdhan) และผันเหมือน

raj¥ an

16.4 พยญั ชนะการันต์ -an นปุงสกลิงค์
ศัพท์ที่มีพยญั ชนะเพียงตวั เดียวอยูห่ น้าติดกบั -an นปงุ สกลิงค์
ผนั เหมือน na¥man (ชื่อ) ดงั นี้

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 188

188

สนั สกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)

คําอธิบาย ตารางนี้ใช้สาํ หรบั ผนั ศพั ท์ต่อไปนี้
1. คํานาม คาํ คณุ ศพั ท์ นปุงสกลิงค์ ที่ลงท้ายด้วย -an ทกุ ตวั ที่มีพยญั ชนะหน้าเพียงตวั

เดียวอย่หู น้าติดกบั -an เช่น sa¥man (สามเวท) heman (ทอง) และ คุณศพั ท์
เช่น suna¥man (มชี ื่อเสียง)
2. วิธีการผนั ต้งั แต่ c.3 – 7 เหมือนกนั กบั ra¥jan

ศัพท์ที่มีพยญั ชนะอยหู่ น้าติดกับ -an 2 ตัวขึ้นไป นปงุ สกลิงค์
ผนั เหมือน karman (งาน, หน้าที,่ กรรม) ดงั นี้

คาํ อธิบาย ตารางนี้ใช้สาํ หรบั ผนั ศัพท์ต่อไปน้ี
1. คํานาม คาํ คณุ ศพั ท์ นปงุ สกลิงค์ ทีล่ งท้ายด้วย -an ทกุ ตวั ที่มีพยญั ชนะ2 ตวั ขึ้นไป

หนา้ ติดกับ -an เช่น carman (ผิวหนงั ) janman (การเกิด) และ คณุ ศพั ท์ เช่น
suparvan (ฤกษ์ดี, มีข้อต่อสวยงาม)
2. วิธีการผนั และคาํ อธิบายดู ข้อ 15.3 ประกอบด้วย

16.5 การผนั จํานวนนบั (สังขยา – Numeral System)
จํานวนนับ และเลขลําดับ ในภาษาสันสกฤต เรียกตามไวยากรณ์ว่า สังขยา (ที่ไม่ใช่

ขนม เพราะยากพอดูเหมือนกัน) ก่อนจะทําความเข้าใจระบบตัวเลขของภาษาสันสกฤต ขอ
สดดุ ีความอัจฉริยะของคนอินเดียทีส่ ามารถคิดค้นสญั ลกั ษณ์แทนตวั เลขท้งั 10 ตัว (0-9) ได้
เป็นคร้งั แรก และทาํ ให้โลกท้งั โลกหมุนด้วยเลขฐาน 10 มากว่า 2000 ปีแล้ว เก่งจริงๆ ครบั

สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 189

189

สันสกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)

จาํ นวนนบั เลขลาํ ดบั

1. ekaḥ ekam ekā pratham-

2. dvau dve dve dvitīya-

3. trayaḥ trīṇi tisraḥ tṛtīya-

4. catvāraḥ catvāri tur[ī]ya-
catasraḥ caturtha-

5. pañca pañcam-

6. ṣaṭ ṣaṣṭha-

7. sapta saptama-

8. aṣṭa[u] aṣṭa-

9. nava navama-

10. daśa daśama-

11. ekādaśa ekādaśa-

12. dvādaśa dvādaśa-

13. trayodaśa trayodaśa-

14. caturdaśa caturdaśa-

15. pañcadaśa pañcadaśa-

16. ṣoḍaśa ṣodaśa-

17. saptadaśa saptadaśa-

18. aṣṭādaśa aśṭādaśa-

19. navadaśa navadaśa-
ūnaviṃśatiḥ ūnaviṃśa
ekonaviṃśatiḥ ekonaviṃśa
ekānnaviṃśatiḥ ekānnaviṃśa

20. viṃśatiḥ viṃsa[titama]-

21. ekaviṃśatiḥ ekaviṃśa[titama]-

22. dvāviṃśatiḥ dvāviṃśa[titama]-

23. trayoviṃśatiḥ trayoviṃśa[titama]-

24. caturviṃśatiḥ caturviṃśa[titama]-

25. pañcaviṃśatiḥ pañcaviṃśa[titama]-

26. ṣaḍviṃśatiḥ ṣaḍviṃśa[titama]-

27. saptaviṃśatiḥ saptaviṃśa[titama]-

28. aṣṭāviṃśatiḥ aṣṭāviṃśa[titama]-

29. navaviṃśatiḥ navaviṃśa[titama]-

30. triṃśat triṃśa[ttama]- 190
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)

190

สันสกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)

จํานวนนบั เลขลําดับ

31. ekatriṃśat ekatriṃśa[ttama]-

32. dvātriṃśat dvātriṃśa[ttama]-

33. trayastriṃśat trayastriṃśa[ttama]-

34. catustriṃśat catustriṃśa[ttama]-

35. pañcatriṃśat pañcatriṃśa[ttama]-

36. ṣaṭtriṃśat ṣaṭtriṃśa[ttama]-

37. saptatriṃśat saptatriṃśa[ttama]-

38. aṣṭātriṃśat aṣṭātriṃśa[ttama]-

39. navatriṃśat navatriṃśa[ttama]-

40. catvāriṃśat daśama-[ttama]-

41. ekacatvāriṃśat ekacatvāriṃśa[ttama]-

42. dvācatvāriṃśat dvācatvāriṃśa[ttama]-
dvicatvāriṃśat dvicatvāriṃśa[ttama]-

43. trayaścatvāriṃśat trayaścatvāriṃśa[ttama]-
tricatvāriṃśat tricatvāriṃśa[ttama]-

44. catuścatvāriṃśat catuścatvāriṃśa[ttama]-

45. pañcacatvāriṃśat pañcacatvāriṃśa[ttama]-

46. ṣaṭcatvāriṃśat ṣaṭcatvāriṃśa[ttama]-

47. saptacatvāriṃśat saptacatvāriṃśa[ttama]-

48. aṣṭācatvāriṃśat aṣṭācatvāriṃśa[ttama]-

49. navacatvāriṃśat navacatvāriṃśa[ttama]-

50. pañcāśat pañcāśa[ttama]-

51. ekapañcāśat ekapañcāśa[ttama]-

52. dvāpañcāśat dvāpañcāśa[ttama]-
dvipañcāśat dvipañcāśa[ttama]-

53. trayaḥpañcāśat trayaḥpañcāśa[ttama]-
tripañcāśat tripañcāśa[ttama]-

54. catuḥpañcāśat catuḥpañcāśa[ttama]-

55. pañcapañcāśat pañcapañcāśa[ttama]-

56. ṣaṭpañcāśat ṣaṭpañcāśa[ttama]-

57. saptapañcāśat saptapañcāśa[ttama]-

58. aṣṭāpañcāśat aṣṭāpañcāśa[ttama]-

59. navapañcāśat navapañcāśa[ttama]-

60. ṣaṣṭiḥ ṣaṣṭitama- 191
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)

191

สันสกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)

จาํ นวนนบั เลขลําดบั

61. ekaṣaṣṭiḥ ekaṣaṣṭ[itam]a-
62. dvāṣaṣṭiḥ dvāṣaṣṭ[itam]a-
63. trayaḥṣaṣṭiḥ trayaḥṣaṣṭ[itam]a-
triṣaṣṭ[itam]a-
triṣaṣṭiḥ catuḥṣaṣṭ[itam]a-
64. catuḥṣaṣṭiḥ pañcaṣaṣṭ[itam]a-
65. pañcaṣaṣṭiḥ ṣaṭṣaṣṭ[itam]a-
66. ṣaṭṣaṣṭiḥ saptaṣaṣṭ[itam]a-
67. saptaṣaṣṭiḥ aṣṭāṣaṣṭ[itam]a-
68. aṣṭāṣaṣṭiḥ navaṣaṣṭ[itam]a-
69. navaṣaṣṭiḥ saptatitama
70. saptatiḥ ekasaptat[itam]a-
71. ekasaptatiḥ dvāsaptat[itam]a-
72. dvāsaptatiḥ dvisaptat[itam]a-
trayoḥsaptat[itam]a-
dvisaptatiḥ trisaptat[itam]a-
73. trayaḥsaptatiḥ catuḥsaptat[itam]a-
pañcasaptat[itam]a-
trisaptatiḥ ṣaṭsaptat[itam]a-
74. catuḥsaptatiḥ saptasaptat[itam]a-
75. pañcasaptatiḥ aṣṭāsaptat[itam]a-
76. ṣaṭsaptatiḥ navasaptat[itam]a-
77. saptasaptatiḥ aśītitama[itam]a-
78. aṣṭāsaptatiḥ ekāśīt[itam]a-
79. navasaptatiḥ dvyaśīt[itam]a-
80. aśītiḥ tryaśīt[itam]a-
81. ekāśītiḥ caturaśīt[itam]a-
82. dvyaśītiḥ pañcāśīt[itam]a-
83. tryaśītiḥ ṣaḍaśīt[itam]a-
84. caturaśītiḥ saptāśīt[itam]a-
85. pañcāśītiḥ aṣṭāśīt[itam]a-
86. ṣaḍaśītiḥ navāaśīt[itam]a-
87. saptāśītiḥ navatitama-
88. aṣṭāśītiḥ
89. navāaśītiḥ
90. navatiḥ

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 192

192

สันสกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)

จาํ นวนนบั เลขลําดบั

91. ekanavatiḥ ekanavat[itam]a-

92. dvānavatiḥ dvānavat[itam]a-
dvinavatiḥ dvinavat[itam]a-

93. trayonavatiḥ trayonavat[itam]a-
trinavatiḥ trinavat[itam]a-

94. caturnavatiḥ caturnavat[itam]a-

95. pañcanavatiḥ pañcanavat[itam]a-

96. ṣaṇṇavatiḥ ṣaṇṇavat[itam]a-

97. saptanavatiḥ saptanavat[itam]a-

98. aṣṭānavatiḥ aṣṭānavat[itam]a-

99. navanavatiḥ navanavat[itam]a-

100. śatam śatatama

101. ekaśatam ekāśata[tama]-
ekādhikaśatam ekādhikaśatatama-
ekādhikaṃ śatam ekādhika- śatatama-

102. dviśatam dviśata[tama]-
dvyadhikaśatam dvyadhikaśatatama-
dvyadhikaṃ śatam dvyadhika- śatatama-

103. triśatam triśata[tama]-
tryadhikaśatam etc.
tryadhikaṃ śatam

112 dvādaśaśatam
dvādaśādhikaśatak
dvādaśādhikaṃ śatam

120. viṃśatiśatam

viṃśatyadhikaśatak
viṃśatyadhikaṃ śatam

130. triṃśacchatam
triṃśadadhikaśatak
triṃśadadhikaṃ śatam

200. dviśatam
dave śate

300. triśatam
trīṇi śatāṇi

345. pañcacatvāriṃśad- 193
adhikaṃ śatam
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)

193

สนั สกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)

1000. sahasram sahasratama-
1002.
dvisahasram dvisahasra[tama]-
2000. dvyadhikasahasram etc.
2984. dvayadhikaṃ sahasram

dvisahasram
dvesahasram

caturaśītyadhikam
navaśatādhikaṃ dvisahasram

10000. ayutam ayutatama-
100000. lakśam lakśatama-
1000000. prayutam prayutatama-
10000000. koṭiḥ koṭitama-
100000000. arbudam arbudatama-

ต่อไปนี้คือ ตวั สัญลกั ษณ์ทีใ่ ช้แทนเลขของคนอินเดีย ซึง่ ใช้ ตวั เลขเทวนาครี
เลขอารบิค 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9
เทวนาครี 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9

ข้อสงั เกต การใช้จาํ นวนเลข ในภาษาสนั สกฤต
1. จํานวนนบั (Cardinals) ในภาษาสันสกฤต เป็นเลขฐาน 10 คือเมือ่ นบั ครบ 10
จะนํา 1 มาบวกกับ 10 เป็น 11 (dasa´ (10) + eka (1) = ekad¥ asa´ (11) เป็นต้น
2. ในการสร้างจํานวน 19, 29 และ 39 เป็นต้นไป ถึง 99 ที่ลงท้ายด้วย 9
ภาษาสันสกฤตจะใช้วิธีประสม ระหว่าง 10 + 9 หรือ 20+9 เป็นต้น เช่น
nava (9) + dasa´ (10) = navadas´a (19)
แต่ที่นิยมมากในจํานวนนับที่ลงท้ายด้วยเลข 9 คือ การนําจํานวน
เตม็ แล้วลบด้วย 1 ตัวอย่าง คือ 19 ( = 20-1) ดังน้ัน จํานวนนับจึงสร้าง
รูปตามนี้ เป็น 3 รูปโดยใช้ศัพท์ว่า u¥na- แปลว่า ลด / ekona- แปลว่า
ลดลงไปหนึง่ / หรือ ekan¥ na- แปลว่า ลดลงไปหนึ่ง ดังน้นั จาํ นวนคือ 19
= un¥ avims‹ ´ati แปลว่า 20 ลดลง (คือ 19) / ekonavim‹sa´ ti แปลว่า 20
ลดลงไป 1 (คือ 19) / eka¥nnavims‹ ´ati แปลว่า 20 ลดลงไป 1 (คือ 19)

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 194

194

สนั สกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)

3. จํานวนต้ังแต่ 101 ข้ึนไป การเรียงจะไม่เหมือนจํานวนก่อน 100 เพราะ
หากเรียงเหมือนกันจะทําให้สับสน เช่น 101 หากเรียงเป็น ekasa´ tam
อาจหมายถึง 100 ก็ได้ เพราะ eka (หนึ่ง) ขยาย sa´ tam (ร้อย) ดังน้ัน
ท่านจึงนําศัพท์ ว่า -adhika ซึ่งแปลว่า “เกิน” มาคั่นตรงกลาง เป็น
eka¥dhikas´atam หรือ eka¥dhikam sa´ tam
ตัวอย่างที่ชัดเจนเรื่องการใช้ -adhika คือ จํานวน 103 กับ
300 หากเราไม่ใช้ -adhika มาค่ันตรงกลาง ก็จะได้รูปเหมือนกัน คือ
tris´atam (tri + sa´ tam) ในสมัยพระเวทใช้ศัพท์เดียวนี้หมายถึงท้ังจํานวน
103 และ 300 แต่เป็นที่เข้าใจกัน ท้ังน้ีเป็นเพราะพระเวทมีระบบการเน้น
เสียงทีแ่ น่นอน นนั่ คือ tr≠sa´ tam = 103 แต่ tris´ata¥m = 300 ดังน้ันเพื่อ
ป้องกันการสับสนจํานวน 103 จึงเป็น trya¥dhika- s´atam หรือ
tryad¥ hikam s´atam ส่วน 300 คือ tris´atam หรือ tr≠ni sa´ ta¥ni ซึ่ง
แบบหลงั นิยมใช้มากกว่า

อนึ่ง คําว่า -adhika อาจใช้ -uttara ซึ่งแปลว่า “เกินไป”
เช่นเดียวกันมาแทน เช่น จํานวน 103 = trya¥dhikas´atam หรือ
tryuttarasa´ tam กไ็ ด้ แต่ส่วนใหญ่นิยมใช้ -adhika มากกว่า

ลิงค์และพจน์ ของระบบเลขภาษาสันสกฤต

1. จํานวนนับ (Cardinals)

จัดตามพจน์ ระบบเลขภาษาสันสกฤต มีการจัดให้เป็น พจน์เฉพาะตัว คือ 1 เป็นได้

แค่เอกพจน์ คือ 2 เป็นได้แค่ทวิพจน์ ต้งั แต่ 3 ขึ้นไป เปน็ พหุพจน์

ที่พิเศษ คือ ต้งั แต่ 19 – 98 เป็นเอกพจน์เท่านั้น แม้อยู่หน้า (ขยาย) คํานามที่เป็น

พหพุ จน์ ก็ยงั คงรปู เป็น เอกพจน์ เช่นเดิม

ส่วนต้ังแต่ 99 เป็นต้นไป พจน์จะขึ้นอยู่กับจํานวนหลักร้อย หรือหลักพันที่นับ เช่น

หากเป็น 100 ก็เป็น เอกพจน์ (เพราะมีเพียง 1 = เอก.) 200 เป็น ทวิพจน์ และ 300 ข้ึน

ไปเปน็ พหุพจน์ แต่เมือ่ นบั ถึง 1000 ก็จัดเปน็ เอกพจน์ อีก เช่นนี้เรื่อยไป

จัดตามลิงค์ จะเป็นดังนี้ คือ 1-4 เป็นได้ท้ัง 3 ลิงค์ และมีแบบผันแต่ละลิงค์

ชดั เจน ขณะทีต่ ้งั แต่ 5 – 18 เปน็ ได้ท้งั 3 ลิงค์

แต่ที่พิเศษ คือ 19-98 เป็นสตรีลิงค์ อย่างเดียว และ 99 ข้ึนไป เป็นนปุงสกลิงค์

(เพราะจํานวนต้งั แต่ 100 คือ s´atam และ 1000 คือ sahasram เปน็ ต้น เป็นนปุงสกลิงค์)

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 195

195

สันสกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)

จัดตามคํานาม หรือ คุณศัพท์ ก็มีการจัดเฉพาะตัวเช่นกัน คือ 1-18 จัดเป็นคําขยาย
หรือ คุณศัพท์ ต้ังแต่ 19 เป็นต้นไป จัดเป็น นาม (Bucknell บอกอย่างน้ัน Dict. ของ Monier
Williams บอกว่าเป็น นามเช่นกัน แต่น่าจะเป็นคณุ ศัพท์มากกว่านะ ผมว่า)

จะเห็นว่า การจัดลิงค์ และพจน์ของจํานวนนับ (cardinals) ในภาษาสันสกฤตค่อนข้าง
จะสับสน ดังน้นั จึงขอสรุปเป็นตาราง เพือ่ ความชดั เจน ดงั นี้

จัดตามลิงค์ จดั ตามพจน์
เอก. ทวิ.
จาํ นวน ปงุ ลิงค์ สตรีลิงค์ นปงุ สกลิงค์ พหุ.

1    
  
2    
  
3   

4 

5-19 (1) 

19 (2)-98

99 ข้ึนไป

หมายเหตุ 19 (1) คือ navadas´a ส่วน 19 (2) คือ ekonavims‹ ´ati
2. เลขลาํ ดบั (Ordinals)

เลขบอกลําดับ (Ordinals) ในภาษาสันสกฤตสร้างข้ึนจาก เลขบอกจํานวน
(Cardinals) นัน่ เอง โดยการเติม -tama ลงที่ท้ายเลขบอกจํานวนน้ันๆ (ดูเลขจํานวนและเลข

ลาํ ดับประกอบด้วย) ยกเว้นแต่ลําดับที่ 1-19 ที่มีรูปพิเศษหรือคงรูปเดิมไว้ คือ prathama,
dvit≠ya, tr¤t≠ya, caturtha (tur≠ya) และ sa¤ st¤ ¤ha เปน็ ต้น

ส่วนต้ังแต่ 19 เป็นต้นไป เลขบอกจํานวนที่ลงท้ายด้วย -s´at เช่น trims‹ ´at = 30

เมื่อทําเป็นเลขลําดับ ให้ตัด -t ที่ท้ายออก เป็น trim‹s´a แปลว่า ที่ 30 หรืออาจทําเป็นเลข

ลําดบั โดยการเพิม่ -tama เข้าที่ท้าย เปน็ trim‹s´attama อย่างนี้ก็ได้ท้งั สองอย่าง

การผันเลขบอกลําดับ เนื่องจากเลขบอกลําดับจัดเป็น คุณศัพท์ หรือ คําขยาย
ดังน้นั มนั จึงทําหน้าที่เหมือนคําคุณศัพท์ทุกประการ และมีแบบผันง่าย ๆ คือ

หากเปน็ ปุงลิงค์ จะลงท้ายด้วย สระ a ผันเหมือน a การนั ต์ ปุงลิงค์ (deva)
หากเป็นสตรีลิงค์ จะลงท้ายด้วย สระ a¥ ผันเหมือน a¥ การันต์ ปุงลิงค์ (kanya¥)
แต่ลําดับต้ังแต่ที่ 4 – 17 ที่ลงท้ายด้วย สระ ≠ เช่น caturth≠ ที่ 4, panªcam≠ ที่ 5

สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 196

196

สันสกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)

s‹ast‹ ‹h≠ ที่ 6 saptam≠ ที่ 7 pancª adas´≠ ที่ 15 ก็ผันตาม ≠ การันต์ สตรีลิงค์ (nad≠)
ได้เลย

หากเป็นนปุงสกลิงค์ จะลงท้ายด้วย สระ a ผันเหมือน a การันต์ นปุงสกลิงค์
(phala)

การผันเลขจาํ นวนนับ (Cardinals)

จาํ นวนนบั 1-4 เปน็ ได้ท้งั 3 ลิงค์ และมีแบบผนั แต่ละลิงค์ชัดเจน
ขณะที่ตั้งแต่ 5 – 18 เป็นได้ท้ัง 3 ลิงค์ และผันแบบเดียวกันท้ัง 3 ลิงค์ แต่ใน
เอกสารเล่มนี้จะมีแบบผนั ให้ถึงจาํ นวน 10 เท่าน้ัน (ที่เหลือให้ผนั เหมือน 10)
ต้ังแต่ 19 -98 เลขจํานวนนับใดที่ลงท้ายด้วยสระ i ให้ผันเหมือน i การันต์
สตรีลิงค์ (mati) เลขจํานวนนับใดที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะ -t ให้ผันเหมือน -t การันต์
สตรีลิงค์ (marut) (อย่าลืมว่า ต้องผนั เป็น เอกพจน์เท่าน้นั )
ต้ังแต่ 99 ขึ้นไป เลขจํานวนนับเป็น นปุงสกลิงค์ และลงท้ายด้วย สระ a ดังน้ัน
จึงผนั เหมือน a การันต์ นปุงสกลิงค์

ศพั ทานกุ รม

นามศพั ท์และคณุ ศพั ท์

โรมัน ไทย ลิงค์ คําแปล

pitṛ ปติ ฤฺ m. พ่อ

mātṛ (ทวิพจน์) พ่อและแม่
bhrātṛ
prayoktṛ (พหพู จน์) บรรพบรุ ุษ
kṣīra
dṛṣad มาตฤฺ m. แม่
śrī
saṃrāj ภฺราตฤฺ m. พี่ชาย, น้องชาย
diś
ปฺรโยกตฺ ฺฤ m. ผ้ใู ช้, ผู้จัด

กฺษรี n. นม, น้าํ นม

ทฺฤษทฺ f. หิน, หินบด

ศรฺ ี f. พระนางศรี, โชควาสนา, ความเปน็ มงคล

สํราชฺ m. พระเจ้าจกั รพรรดิ, พระราชาผ้ยู ิ่งใหญ่

ทิศฺ f. ทิศ, ท้องฟ้า

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 197

197

สนั สกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)

โรมัน ไทย ลิงค์ คาํ แปล
กฤฺ ษณฺ m. พระกฤษณะ
kṛṣṇa อนธฺ ร m. pl. แคว้นอันธระ, ประชาชนแห่งแคว้นอนั ธระ
andhra รชุ ฺ f. โรค, ความเจบ็ ไข้
ruj สภา f. มณเทียร, บรษิ ทั , สมาคม, ทีป่ ระชมุ
sabhā ทกฺษิณ, -ณา adj. ทางทิศใต้, ทางขวามือ, (นาม)ดินแดนทางใต้
dakṣiṇa, -ā ธีร, -รา adj. มั่นคง, กล้า, ฉลาด
dhīra อปร, -รา adj. ต่ํากว่า, อื่น, ต่อไปภายหน้า
apara, -ā ปร, -รา adj. สงู สุด (เทียบ ปร, ปรม), อื่น
para, -ā วกรฺ , -รา adj. โค้ง, คด, บิด
vakra, -ā สุนทฺ ร, -รี adj. งาม
sundra, -ī

กริยาศพั ท์ แจกปรกติ แจกเปน็ ความหมายธาตุ
โรมัน ไทย เหตกุ รรต.ุ
rohati งอก, เจริญขึ้น (ให้ปลกู )
ruh รุหฺ labhate rohayati ได้, ได้รบั , (ให้)
labh ลภฺ dāmyati ฝึก, ข่ม, ทรมาน
dam ทมฺ lambhayati

damayati

นิบาตและอพั ยยศพั ท์

api อปิ แม้, ถึงแม้, ดว้ ย, อีกประการหนึง่

paścāt ปศฺจาทฺ ข้างหลงั , เบื้องหลงั (ใช้กบั c.6 )

vinā วินา ปราศจาก (ใช้กับ c.2 หรือ c.3 )

samyak สมฺยกฺ ด้วยดี, โดยชอบ

manye มนเฺ ย ข้าพเจ้าเข้าใจว่า, ดูเหมือนว่า

adhastāt อธสตฺ าตฺ ล่าง, ใต้

kadācit, kadācana, kadāpi กทาจิต,ฺ กทาจน, กทาปิ ไม่ว่าในกาลใด บางเวลา

***** จบ บทที่ 16 *****

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 198

198

สันสกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)

แบบฝึกหดั ที่ 16

1. สังขยาคืออะไร? แบ่งเปน็ เท่าไหร่? อะไรบ้าง?
2. การผนั เลขบอกลําดับ และการผันเลขบอกจํานวน มีวิธีการอย่างไร?
3. จงแปลเปน็ ภาษาไทย

१ सु या्र ॅवु ौ वबे ँयते ।े sundaryā bhruvau vakre dṛśyete

२ षु ािभः सह ौणू ां काःअः ूावततर् ।snuṣābhiḥ saha śvaśrūṇāṃ kāḥaḥ prāvartata

३ अितिथं पृ तु राऽौ कु ऽ वस इित। atithiṃ pṛcchatu rātrau kutra nyavasa iti

४ जलमचं मे य। jalamannaṃca me yaccha

५ मिय िय च िपतरौ ितः। mayi tvayi ca pitarau snihyataḥ

६ दिक्षणां िदिश कृ ो ऽाणां सॆाडभवत।्
dakṣiṇasyāṃ diśi kṛṣṇo 'ndhrāṇāṃ samrāḍ abhavat

3. จงอธิบายหลกั เกณฑ์ทางไวยากรณ์ของคาํ ทีพ่ ิมพ์ด้วยอกั ษรดาํ หนาในข้อ 3 ข้างต้น

4. จงแปลเปน็ ภาษาสันสกฤต (ทําสนธิให้ถกู ต้องด้วย)
1. ตาท้งั สอง3 ย่อมอยู่3 ใต2้ ค้ิว1
2. บทสดดุ 3ี แห่งอินทราณี2 ถกู ขับอย่4ู โดยหญิงท้งั หลาย1
3. จงวาง (เหตกุ รรตุ. สถฺ า)4 ซึง่ หิน3 ไว้เบื้องหลงั 2 แห่งกองไฟ1
4. ลูกชายท้งั หลาย4 ผ้งู ดงาม3 ได้เกิดแล้ว5 ในภรรยา2 ของหริ1
5. โชควาสนาท้งั หลาย3 ย่อมติดตาม (นิษเฺ สว)ฺ 5 ซึง่ บรุ ษุ 2 ผ้กู ล้า1 ในกาลทกุ เมือ่ 4
6. บ้าน2 ของกวี1 ได้ร่งุ เรืองแล้ว3 ด้วยความเปน็ มงคล3

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 199

199

สันสกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)

บทที่ 17

การผนั และการใชจ้ าํ นวนนับ (สังขยา)

สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 200

200

สันสกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)

ขอบข่ายการศึกษา

1. การผันเลขนบั จาํ นวน (Cardinals)
2. วิธีการใช้จาํ นวนนบั กบั คาํ นาม
3. การใชเ้ ลขบอกลําดบั

วัตถุประสงค์

1. เพือ่ ให้สามารถผันเลขจํานวนนบั ได้อย่างถกู ต้อง
2. เพือ่ ให้เข้าใจหลักการนาํ จาํ นวนนับไปใช้กับคาํ นาม
3. เพื่อให้เข้าใจวิธีและลกั ษณะการใช้เลขบอกลาํ ดบั
4. นักศึกษาสามารถแต่ง-แปล ข้อความส้นั ๆ ตามที่กาํ หนดได้

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 201

201

สนั สกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)

บทที่ 17

การผนั และการใช้จาํ นวนนับ (สงั ขยา)

17.1 การผันเลขนบั จํานวน (Cardinals)
ในบทที่ 16 นี้ เราจะศึกษาและฝึกการผันเลขนับจํานวนเพื่อให้ทราบความแตกต่างกัน

ของจาํ นวนแต่ละจาํ นวน และเพื่อจะนําไปใช้ขยายคาํ นามได้อย่างถูกต้อง

ตารางผนั 1-5 ปุงลิงค์

ตารางผนั 1-5 นปงุ สกลิงค์

ตารางผนั 1-5 สตรีลิงค์

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 202

202

สันสกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)

ตัง้ แต่ 5 – 18 เปน็ ได้ท้ัง 3 ลิงค์ และผนั แบบเดียวกนั ทัง้ 3 ลิงค์ แต่ในเอกสาร
เล่มนี้จะมีแบบผันให้ถึงจาํ นวน 10 เท่าน้นั (ทีเ่ หลือให้ผันเหมือน 10)

ต้งั แต่ 5-18 ผันเหมือนกนั ท้งั 3 ลิงค์

คาํ อธิบาย และข้อสงั เกต ดงั นี้
1. eka¥ ศพั ท์ สตรลี งิ ค์ ยงั คงใชส้ ตู ร -ya,¥ -yai, -ya¥s, -ya¥m (ดกู ารผนั สตรีลิงค์)
2. จํานวนนับ คือ 2 ท้ัง 3 ลิงค์ เป็นทวิพจน์อย่างเดียว ส่วนจํานวนต้ังแต่ 5 ข้ึนไปแม้จะ

เปน็ พหพุ จน์ และเป็น 3 ลิงค์ dvi จาํ นวน 2 ผันแล้วเป็น dvau, dve, dva¥- หรอื dva-
3. จํานวน ต้งั แต่ 5 ข้ึนไป ท้งั หมดที่เป็นพหุพจน์ เมื่อประสมกับวิภักติที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ

ให้นาํ มาประสมกนั ได้เลย โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

17.2 วิธีการใช้จํานวนนับกับคาํ นาม
ต่อไปนี้จะเป็นตัวอย่างการใช้ระบบเลขภาษาสันสกฤต ขยายคํานาม (ในตัวอย่างเพื่อให้

เหน็ แบบผันที่ชดั เจน จึงงดใช้กฏการสนธิ)

การใชเ้ ลขบอกจาํ นวน ต่าํ กวา่ 100

จาํ นวน(ไทย) จํานวน (สันสกฤต) คาํ นาม ลักษณะการใช้

แก่บุตร 1 คน ekasmai (c.4 s.) putray¥ a (c.4 s.) ผันตามลิงค์ พจน์
เทวดา 4 ตน (ประธาน) ผันตามลิงค์ พจน์
ของพี่น้องชาย 5 คน catvar¥ ah‹ (c.1 pl.) deva¥h‹ (c.1 pl.) ผันตามพจน์
กบั สาว 18 นาง ผันตามพจน์
เทวดา 24 ตน (ประธาน) panªca¥nam¥ (c.6 pl.) bha¥tr‹n¥ ‹a¥m (c.6 pl.) ต่างลิงค์ พจน์
กบั เทวดา 24 ตน ต่างลิงค์ พจน์
เทวดา 33 ตน (ประธาน) as‹t‹ad¥ as´abhih‹ (c.3 pl.) kanya¥bhih‹ (c.3 pl.) ต่างลิงค์ พจน์
ของเทวดา 33 ตน ต่างลิงค์ พจน์
caturvim‹s´atih‹ (F., c.1 s.) deva¥h‹ (c.1 pl.)

caturvim‹sa´ tya¥ (F., c.3 s.) devaih‹ (c.3 pl.)

trayatrim‹s´at (F., c.1 s.) deva¥h‹ (c.1 pl.)

trayatrims‹ ´atas (F., c.6 s.) deva¥na¥m (c.6 pl.)

สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 203

203

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)

จากตัวอย่าง ตารางด้านบน เราจะเห็นการผันที่มีลิงค์ พจน์ เหมือนกันบ้าง ต่างกัน
บ้าง แต่ที่ตอ้ งตรงกนั เหมือนกนั อยู่ตลอด น่นั คือ วิภกั ติ

การใชเ้ ลขบอกจาํ นวน 100 ขึน้ ไป

จาํ นวน(ไทย) จาํ นวน (สันสกฤต) คํานาม ลักษณะการใช้

เทวดา 100 ตน sa´ tam (N.,c.1 s.) deva¥h‹ (M.,c.1 pl.) ตา่ งลิงค์ พจน์
เทวดา 100 ตน sa´ tam (N.,c.1 s.) deva¥nam¥ (M.,c.6 pl.)
โดยเทวดา 108 ตน ast‹ ‹adhikas´atena devaih‹ (M.,c.3 pl.) ตา่ งลิงค์ พจน์ วิภกั ติ
(N., c.3 s.)
โดยเทวดา 108 ตน deva¥na¥m (M.,c.6 ตา่ งลงิ ค์ พจน์ และใช้
as‹t‹adhikas´atena pl.) ศพั ท์ -adhika
โดยเทวดา 108 ตน (N., c.3 s.) devaih‹ (M.,c.3 pl.)
ตา่ งลงิ ค์ พจน์ วิภักติ
โดยเทวดา 108 ตน ast‹ ‹adhikena s´atena devaih‹ (M.,c.3 pl.) และใช้ศัพท์ -adhika

(N., c.3 s.) แยกศพั ท์ ต่างลิงค์ พจน์ และใช้
ศัพท์ -adhika แยก
ast‹ ‹ottarasa´ tena
(N., c.3 s.) ต่างลงิ ค์ พจน์ และใช้
ศัพท์ -uttara

จากตัวอย่าง เราจะเห็นว่า คํานามต้องเป็นวิภักติเดียวกันกับจํานวนนับต้ังแต่ 100
ข้ึนไป หรือเป็น วิภกั ติที่ 6 เท่าน้ัน

17.3 การใช้เลขบอกลําดับ

ตารางต่อไปนี้ เปน็ ตัวอย่างการใช้เลขบอกลาํ ดบั ซึง่ มลี กั ษณะเช่นเดียวกบั คําคณุ ศพั ท์
คือ เปน็ ได้ทง้ั 3 ลิงค์

เลข ปงุ ลิงค์ (ผันเหมือน) สตรีลิงค์ (ผนั เหมือน) นปงุ สกลิงค์ (ผันเหมือน)
ลําดับที่
prathamah¤ (deva) prathama¥ (kanya)¥ prathamam (phala)
1 dvit≠yah¤ (deva) dvit≠ya¥ (kanya¥) dvit≠yam (phala)
2 pancª amah¤ (deva) pancª am≠ (kanya)¥ panªcamam (phala)
5 dasa´ mah¤ (deva) dasa´ ma¥ (kanya¥), dasa´ mam (phala)
10 dasa´ m≠ (nad≠)

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 204

204

สันสกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)

กากราใชรเ้ใลชข้เลบขอบกอลกําดลบัาํ ดขับยาขยยคาํายนคาํามนาม
เเพพือ่ ืจ่อลจาํลูกาํ นูกสนวสาวนาวน(วคไ(คนทไนทแยรแย)กร)ก prparจtahําจtaนhmําaวนamนว¥yaนa(สy¥i aัน((สFiสนั.(ก,Fcสฤ..ก4,ตcฤ)s.4.ต))s.) kankyaany¥ yaคaiาํ¥yน(aคFาiาํ.ม,นc(F.า4.ม,pc.l4.) pl.)ลิงค์ ลพลิงจักคนษ์ ์ พณลวิภจักะกันษกต์ ณาวิเรดิภะใียักชกวต้ ากิเรดันใียชว้ กัน
เเพพือ่ ือ่ ลลูกูกสสาาววคคนนแรแกรก prpartahtahmaamsaysayi a(Fi .(,Fc..4,cs.4.)s.)kankyaan¥yyaaiy¥ (aFi.,c(F.4.,pc.l4.) pl.)ผันตาผมนั ตtaาdมสtูตaรd สูตร
จจาากกลลกู กู ชชาายยคคนนทที่สี่สององ dvdivt≠iyt≠ayt¥ a(¥tM(M.,c..,5c.s5.)s.) putprau¥ttr(aM¥t .(,Mc.5.,cs..)5 s.) yลaิงค¥, y์ yลพaaิงจiค,¥,นyy์ ์ พaวa¥sิภจi,,กันyyต์ aaวิเ¥m¥sดิภ,ียักyวตaกิเ¥mดันียวกัน
จจาากกลลกู กู ชชาายยคคนนทที่สี่สององ dvdivt≠iyt≠aysamsamt¥ a(t¥ M(.M,c..5,cs.5.)s.)putprau¥ttr(aMt¥ .(,Mc.5.,cs..)5 s.) ผันตาผมันตtaาdมสtูตaรd สูตร
-ena-,e-nasam, -aais, m-aasim, a-at¥ ,s-mat¥ , -
ใในนบบ้า้านนหหลลงั ทังที่สี่สามาม tr¤t≠ry¤t≠eye(N(.N,c..,7c.s7.)s.) grh¤ ger¤h(eN.(,cN.7.,cs.)7 s.) asyaa, s-ysma,in-smin

ลิงค์ ลพิงจคน์ ์ พวิภจักนต์ วิเดิภียกั วตกิเดนั ียวกนั

ใในนบบ้า้านนหหลลงั ทงั ที่สีส่ามาม trt¤ ≠ry¤t≠aysamsimnin(N(.N,c.7,c.s7.)s.) gr¤hgerh¤ (eN.(,cN.7.,cs.)7 s.) ผนั ตาผมันตtaาdมสtูตaรd สูตร
-ena-,e-nasam, -aais, m-aasim, a-at¥ ,s-mat¥ , -
asyaa, s-ysma,in-smin
ใในนบบ้า้านนหหลลังทังที่ 1ี่01808 asat¤ a¤st¤¥d¤ah¥dihkiaksa´atsaa´ mtaeme gr¤hgerh¤ (eN.(,cN.7.,cs..)7 s.)
ใในนบบ้า้านนหหลลังทังที่ 1ี่01808 (N(N.,c..,7c.s7.)s.) grh¤ gerh¤ (eN.(,cN.7.,cs..)7 s.) ลิงค์ ลพิงจคน์ ์ พวิภจกันต์ วิเดิภียกั วตกิเดนั ียวกนั
ใช้ -aใชd้hi-kadahเชikื่อaมเชื่อม
(aNs(a¤tN.¤as,t¤cd¥ .a¤ .,h7cd¥ i.hks7ei.k)se.s)´aแtsยaa´แกmtยศaeกพmั ศทeพั ์ ท์ ผนั -ผaันdh-ikaadhแikยaกจแายกกจาก

s´ata s´ata

นนาามมศศพั ัพททแ์ แ์ลละคะคุณุณศพัศัพท์ท์ ศพั ศทพั าทนาุกนรกุมรม

kṛṣi โรโรมมนั ัน ปหกอกฺฤรทอปกิณษฺษฺกฺฤทไนิ ษฺษฺทฺ ไนิ/ยทอฺ /ยกอฺษกิ ฺษิ ลfิง.คล์ิงค์ เกกตทวาา้ารากเตเงทพาา้าราเะพปาละกู ป,ลกูกาค,รํากกแสาคปริกาํ ลกรแรสปมกิ ลรรม

akkṛṣṣain / akṣi n. f.
paakdṣan / akṣi m.n.
hpaardiṇa m.m.
śhaarīrriaṇa ศรหีรริณ n.m. ร่างก, วกาางย, ตัว
aśśavriīnra อศศฺวรินีรฺ m.n. อศั วริน่า,ง,เทกพาผย้ทู, รตงวั ม้า (เปน็ ทวิพจน์เสมอ)
daiśvvin ทิวอฺ ศวฺ ินฺ f.m. ท้องอฟศั ้าวิน, เทพผ้ทู รงม้า (เป็นทวิพจน์เสมอ)
เวททิวฺ m. f. คมั ภทีร้อ์พงรฟะ้าเวท, ความรู้
vdeidva ศาเวขทา f.m. กิ่ง,คสัมําภนีรกั ์พยร่อะยเวท, ความรู้

śvāekdhaā

vśaāikśyhaā ไวศาฺยขา m. f. วรรกณิง่ ะ, แสพาํ ศนยกั ์,ยน่อรยผ้วู าณิชวรรณะ

pvāaśiuśpyāalya ปาไศวศุปฺยาลยฺ m.m. การวเรลรี้ยณงสะตั แวพ์ (ศโดยย์, เนฉรพผา้วู ะากณาริชเวลรี้ยรงณโคะ)

pāśupālya ปาสศนั สปุ กาฤลตยฺ พ้ืนฐาน (Inmtro.ductioกnาtรoเลSี้ยanงsสkัตriวt)์ (โดยเฉพาะการเล้ียง2โค0)5

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 205

205

สันสกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)

นามศัพท์และคุณศัพท์ (ต่อ)

โรมัน ไทย ลิงค์ คาํ แปล
ทิศฺ f. ทิศ, ท้องฟ้า
diś ชคตฺ m. โลก, แดนของผ้เู คลื่อนไปมา
jagat ภรฺ าตฤฺ m. ดินแดน, ประเทศ
deśa โปษก m. ผ้เู ลี้ยงดู, ผู้อปุ ถัมป์
poṣaka ศรทฺ f. ศรัทกาล, ฤดใู บไม้ร่วง, ปี
śarad รถฺยา f. ถนน, ทาง
rathyā สุหฤฺ ทฺ m. เพือ่ น
suhṛd วิศวฺ าส m. ความเชื่อใจ, ความไว้ใจ
viśvāsa ทฤฺ ศฺ f. การมอง, ภาพที่เหน็ , ดวงตา
dṛś ภทรฺ , -รา adj. ดี, งาม, เปน็ ทีร่ กั , เปน็ ที่เจริญใจ
bhadra, -ā สทํ ิคธฺ , -ธา adj. น่าสงสัย, ไม่น่าไว้ใจ
saṃdigdha, -ā

นิบาตและอพั ยยศพั ท์ แน่นอน, โดยแท้, นนั่ เทียว
vai ไว แต่, แต่ทว่า, อนึง่ , โดยแท้
tu ตุ ไปจนถึง (ใช้กบั c.2 หรือ c.5 )
ā อา วันร่งุ ขึ้น, พร่งุ นี้
śvas ศฺวสฺ เพราะว่า, โดยแท้
hi หิ

***** จบ บทที่ 17 *****

สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 206

206

สันสกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)

แบบฝึกหัดที่ 17

1. จงผันศัพท์ नवम (ที่ 9) ปุงลิงค์ และ नवमी (ที่ 9) สตรีลิงค์ ซึ่งเปน็ เลขบอกลาํ ดับ (ปูรณ
สงั ขยา)

2. จงผนั ศัพท์ ततृ ीया (ที่ 3) สตรีลิงค์ และ ततृ ीय (ที่ 3) นปุงสกลิงค์ ซึง่ เป็นเลขบอกลาํ ดับ
(ปรู ณสงั ขยา)
3. จงแปลเปน็ ภาษาไทย

१ सानामषृ ीणां शरीरािण िदिव ँय।े
saptānāmṛṣīṇāṃ śarīrāṇi divi dṛśyante

२ जनानां शतं सभायाम ू् ावतत्र ।
janānāṃ śataṃ sabhāyām prāvartata

३ वँै याः गृ ा वािणने पाशपु ाने वा वतर न।्
vaiśyāḥ gṛṣyā vāṇijyena pāśupālyena vā vartera

४ सिं दग्धां नावं नारोहते ।्
saṃdigdhāṃ nāvaṃ nārohet

५ मम ूथमः पऽु ः।
mama prathamaḥ putraḥ

६ चतणु ा वदे ानां तु बहवः शाखा व्र ।े
caturṇāṃ vedānāṃ tu bahavaḥ śākhā varttante

4. จงอธิบายหลกั เกณฑ์ทางไวยากรณ์ของคําทีพ่ ิมพ์ด้วยอักษรดาํ หนาในข้อ 3 ข้างต้น
5. จงแปลเปน็ ภาษาสันสกฤต (ทําสนธิให้ถกู ต้องด้วย)

1. รถ2 ของพระอศั วินท้งั สอง1 ถกู ประกอบแล้ว (= มี ยชุ )ฺ 5 ด้วยล้อ4 สาม3
2. อรชุน1 เปน็ คนทีส่ าม4 ในบรรดาพนี่ ้องปาณฑวะ5 ท้งั ห้า2
3. กฤษณะ3 เปน็ ผ้อู ายุสูงสุด(พีค่ นโต)4 แห่งพี่น้อง2 หก(คน)1
4. ท่านท้งั สองพึงไหว้1 ซึง่ พ่อแม่1
5. ขอเราท้งั หลายพึงได้รับ3 ซึง่ ผล2 แห่งธรรม1
6. หญ้า1 อันพี่ชาย2 จงนํามา5 เพื่อม้าท้งั หลาย4 ของพระเจ้าแผ่นดิน3

สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 207

207

สนั สกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)

บทที่ 18

กริยาธาตหุ มวด 8 และ 5

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 208

208

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)

ขอบขา่ ยการศึกษา

1. การแบ่งธาตเุ ปน็ 10 หมวด และปัจจยั ประจําหมวดธาตุ
2. การผนั กริยาอาขยาตธาตหุ มวดที่ 8 ด้วยวิภักติกริยาอาขยาต หมวด ลฏฺ (ปจั จบุ นั

กาล)
3. การผัน kṛ ด้วยหมวด ลฏฺ (ปจั จบุ นั การ) หมวด ลงฺ (อดีตกาล) หมวด โลฏฺ (คาํ สง่ั )

หมวด วธิ ิลิงฺ (ราํ พึง)
4. การผนั กริยาอาขยาตธาตหุ มวดที่ 5 (su su) ด้วยวิภกั ติกริยาอาขยาต หมวด ลฏฺ

(ปัจจบุ นั กาล) หมวด ลงฺ (อดีตกาล) หมวด โลฏฺ (คาํ ส่งั ) หมวด วธิ ิลิงฺ (ราํ พึง)

วัตถปุ ระสงค์

1. เพื่อให้เข้าใจโครงสร้างและสามารถผนั กริยาอาขยาตธาตุหมวดที่ 8 ด้วยวิภกั ติกริยา
อาขยาต หมวด ลฏฺ (ปจั จุบันกาล) หมวด ลงฺ (อดีตกาล) หมวด โลฏฺ (คาํ สง่ั ) และ
หมวด วธิ ิลิงฺ (ราํ พึง) ได้

2. เพือ่ ให้เข้าใจโครงสร้างและสามารถผนั กริยาอาขยาตธาตหุ มวดที่ 5 ด้วยวิภกั ติกริยา
อาขยาต หมวด ลฏฺ (ปัจจบุ นั กาล) หมวด ลงฺ (อดีตกาล) หมวด โลฏฺ (คําสง่ั )และ
หมวด วธิ ิลิงฺ (รําพึง) ได้

3. นักศึกษาสามารถแต่ง-แปล ข้อความส้ันๆ ตามที่กาํ หนดได้

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 209

209

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)

บทที่ 18

กริยาธาตหุ มวด 8 และ 5

18.1 กริยาภาษาสนั สกฤต
ในภาษาสันสกฤต กริยาหลัก หรือกริยาสําคัญที่สุดในประโยค เราเรียกว่า กริยา

อาขยาต มีส่วนประกอบที่สาํ คัญที่สุดอยู่ 2 ส่วน คือ
ส่วนแรก รากศัพท์ หรือทีเ่ รียกตามหลกั ไวยากรณ์ว่า ธาตุ
ส่วนที่สอง คือ สิ่งที่นํามาใช้ผันกริยาให้มีความหลากหลาย ที่เรียกว่า วิภักติ (เพื่อให้

ต่างจากสุปวฺ ิภักติ หรือ วิภักตินามทีใ่ ช้ผนั คาํ นามซึง่ เราเคยทราบมาแล้ว เราจึงขอเรียกวิภักติท่ี

ใช้ผันกริยาว่า ติงฺวิภกั ติ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ซปุ กบั ติง)

 ธาตุ คือ รากศัพท์ของคําทุกชนิด ในภาษาสันสกฤตมี 10 หมวด และแบ่งไว้เป็น
3 กล่มุ ใหญ่ ๆ คือ

กลุ่มที่ 1 ธาตุที่มีปัจจัยที่ลงท้ายด้วยเสียง อ อ่านว่า อะ A a ประกอบอยู่กับ
ธาตุ มี 4 หมวด ได้แก่

ธาตุหมวด 1 (ภวฺ าทิคณะ) มีปจั จัยประจาํ หมวด คือ อaA
ธาตหุ มวด 6 (ตทุ าทิคณะ) มีปัจจยั ประจาํ หมวด คือ อa A

ธาตหุ มวด 4 (ทิวาทิคณะ) มีปัจจัยประจาํ หมวด คือ ย ya y

ธาตุหมวด 10 (จุราทิคณะ) มีปจั จยั ประจาํ หมวด คือ อย aya Ay

กลมุ่ ที่ 2 ธาตทุ ี่มีปจั จัย อุ £ u, นุ nu nu, นา na nā ประกอบอยู่
กับธาตุ มี 3 หมวด ได้แก่

ธาตหุ มวด 5 (สวฺ าทิคณะ) มีปจั จัยประจาํ หมวด คือ นุ nu nu

ธาตหุ มวด 8 (ตนาทิคณะ) มีปจั จัยประจาํ หมวด คือ อุ £ u

ธาตุหมวด 9 (กฺรยาทิคณะ) มีปจั จัยประจาํ หมวด คือ นา na nā

กลมุ่ ที่ 3 ธาตุทีไ่ มม่ ีปจั จัย ประกอบอย่กู บั ธาตุ มี 3 หมวด ได้แก่

ธาตุหมวด 2 (อทาทิคณะ) มีวิธีการผนั เฉพาะตัว มีรปู อ่อน และรูปแขง็

ธาตหุ มวด 3 (ชโุ หตฺยาทิคณะ) มีการซ้าํ พยางค์ต้นธาตุ และกริยามีรูปอ่อนและรปู แขง็

ธาตหุ มวด 7 (รธุ าทิคณะ) มีการเติม น,ฺ น n(, n หน้าพยญั ชนะสุดธาตุ

สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 210

210

สันสกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)

18.2 ธาตหุ มวดที่ 8 ตนาทิคณะ

สว่ นประกอบของกริยากล่มุ ธาตทุ ี่ 8 ตนาทิคณะ tanad¥ igan‹a

ธาตหุ มวดที่ 8 น้ี ไม่ยาก มีเพียง 10 ธาตุเท่าน้ัน (บางตําราบอกว่ามีเพียง 8 ธาตุ) คือ มี
ตนฺ ธาตุ (tan) แปลว่า ขยาย, แผ่ เป็นตัวแรก และที่ใช้มากที่สุดอีก 1 ตัว คือ กฤ ธาตุ ที่
แปลว่า ทํา มีวิธีการประสมส่วนประกอบก่อนผันต่างกันกับ ธาตุกลุ่มที่ 1 (หมวด 1-4-6-10)
อย่างชนิดหน้ามือเป็นหลังช้าง คือ มีรูปแข็งและรูปอ่อน โดยมีส่วนประกอบที่สําคัญ ดัง
ตารางต่อไปนี้

รูปที่ 1. แขง็
ธาตุ + ปัจจยั โอ Ao o + วิภกั ติแข็ง (ดตู ามตารางทีใ่ ห้ไว้) = กริยาอาขยาต

รูปที่ 2. ออ่ น
ธาตุ + ปัจจยั อุ £ u + วิภกั ติอ่อน (ดตู ามตารางทีใ่ ห้ไว้) = กริยาอาขยาต

ตวั อย่าง การผนั กริยาธาตหุ มวด 8
ด้วย ติงฺวิภกั ติ หรือ วิภักติกริยาอาขยาต หมวด ลฏฺ (ปัจจบุ นั กาล)

tn( tan ตนฺ แปลว่า ขยาย, แผ่

บุรษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. prathama
tanoti tanutah‹ tanvanti
puruṣa
tnoit tnut" tNviNt
ประถมบรุ ษุ
2. madhyama เขาขยาย เขาท้งั สองขยาย พวกเขาขยาย

puruṣa tanos‹i tanuthah‹ tanutha

มัธยมบรุ ุษ tnoiz tnuq" tnuq
1. uttama
เธอขยาย เธอท้งั สองขยาย พวกเธอขยาย
puruṣa
tanomi tanuvah‹, tanvaḥ* tanumah‹ tanmaḥ*
อุตตมบรุ ษุ
tnoim tnuv" tNv" tnum" tNm"

ฉนั ขยาย เราท้งั สองขยาย พวกเราขยาย

* ข้อสงั เกต หน้าวิภกั ติ vas, mas ให้ลบปจั จยั u บ้างก็ได้ (เลยใช้ได้ท้งั สองแบบ)

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 211

211

สนั สกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)

การผันกริยาธาตุหมวด 8 พิเศษ คือ กฤ kr‹ แปลวา่ ทํา
ด้วย ติงวฺ ิภักติ หรือ วิภักติกริยาอาขยาต หมวดลฏฺ (ปจั จบุ ันกาล)

² kr‹ กฤ แปลว่า ทาํ

บุรษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. prathama
karoti kurutah‹ kurvanti
puruṣa
kroit kuät" kuvRiNt
ประถมบรุ ษุ
2. madhyama เขาทาํ เขาท้งั สองทาํ พวกเขาทาํ

puruṣa karos‹i kuruthah‹ kurutah‹

มัธยมบรุ ุษ kroiz kuäq" kuäq
1. uttama
เธอทํา เธอท้งั สองทํา พวกเธอทํา
puruṣa
karomi kurvah*‹ kurmah‹*
อตุ ตมบรุ ุษ
kroim kuvR" kuRm"

ฉันทํา เราท้งั สองทํา พวกเราทํา

กฤ ธาตุ เป็นธาตุพิเศษ ผันต่างจากธาตุอืน่ ในหมวดที่ 8 น้ี ควรจําไว้ให้ดี เพราะมีที่ใช้
มาก เมือ่ ผสมกบั อุปสรรค คือ sam kr‹ ธาตุจะกลายเปน็ skr‹ รวมกันเป็น samskrt‹ a

* ข้อสงั เกต หน้าวิภกั ติ vas, mas ให้ลบปจั จัย u เสมอ

ข้อสงั เกต ในการผันกริยาหมวดที่ 8 ปจั จบุ นั กาล (ลฏ)ฺ โดยเฉพาะ kr‹ ธาตุ คอื

เมื่อจะประสมกับ วิภักติแข็ง คือ เอกพจน์ ของ บุรุษที่ 3, 2, 1 (ti, si, mi) kr‹ จะ
กลายเป็น kar (ทําเป็นข้ันคุณ) เมื่อประสมกับ o (โอ) ปัจจัยสําหรับวิภักติแข็ง ก็จะได้
รูปเค้ากริยา (stem) คือ karo เมื่อนําไปผันจึงได้รูปเป็น karoti, karosi, karomi

ตามลาํ ดับ

เมื่อจะประสมกับ วิภักติอ่อน คือ ทวิพจน์ และพหุพจน์ ของ บุรุษที่ 3, 2, 1 (tas,
anti, thas, tha, vas, mas) kr‹ จะกลายเป็น kur (ทําสระ r‹ เป็น ur) เมื่อประสม
กับ u (อุ) ปัจจัยสําหรับวิภักติอ่อน ก็จะได้รูปเค้ากริยา (stem) คือ kur เมื่อนําไปผันจึง
ได้รปู เป็น kurutas, kurvanti

(kur + u ปัจจัย + anti ต้องนาํ u + a = va ตามกฎสนธิ) เปน็ ต้น

สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 212

212

สนั สกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)

ตารางวิภกั ติหมวด ลฏฺ ปัจจบุ นั กาล แสดงวิภกั ติแขง็ ในวงกลม ส่วนทีเ่ หลือเปน็ วิภกั ติอ่อน

kr‹ กฤ แปลว่า ทาํ ผันด้วย หมวดลฏฺ (ปจั จบุ นั กาล) อาตมเนบท (ไม่มีวิภักติแขง็ )

บรุ ษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. prathama
kurute kurvat¥ e kurvate
puruṣa
kuäte kuvRate kuvRte
ประถมบรุ ษุ
2. madhyama เขาทํา เขาท้งั สองทาํ พวกเขาทํา

puruṣa kuruse‹ kurvat¥ he kurudhve

มัธยมบรุ ุษ kuäze kuvRaqe Kuä?ve
1. uttama
เธอทํา เธอท้งั สองทํา พวกเธอทํา
puruṣa
kurve kurvahe kurmahe
อตุ ตมบรุ ษุ
kuvRe kuvRhe kumRhe

ฉนั ทํา เราท้งั สองทาํ พวกเราทํา

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 213

213

สันสกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)

ตารางวิภักติหมวด ลงฺ อดีตกาล แสดงวิภักติแขง็ ในวงกลม ส่วนที่เหลือเปน็ วิภักติอ่อน

kr‹ กฤ แปลว่า ทํา ผันด้วย หมวดลงฺ (อดีตกาลไม่สมบรู ณ์) ปรัสไมบท

บรุ ษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. ประถมบุรษุ
akarot akuruta¥m akurvan
2. มัธยมบรุ ษุ
Akrot( Akuätam( AkuvRn(
1. อุตตมบรุ ษุ
akaros akurutam akuruta

Akros( Akuätm( Akuät

akaravam* akurva akurma

Akrvm( AkuvR AkuRm

*a + kar + o + am = akaravam โดยกฎ o + a = ava ต่างจาก u + a = va ดูดีๆ นะ

kr‹ กฤ แปลว่า ทํา ผนั ด้วย หมวดลงฺ (อดีตกาลไม่สมบรู ณ์) อาตมเนบท

บรุ ุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. ประถมบรุ ษุ
akuruta akurvat¥ a¥m akurvata
2. มธั ยมบรุ ษุ
Akuät AkuvRatam( AkuvRt
1. อตุ ตมบรุ ษุ
akurutha¥s akurva¥tha¥m akurudhvam

Akuäqas( AkuvRaqam( Akuä?vm(

akurvi akurvahi akurmahi

AkiuvR AkuvRih AkuRmih

สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 214

214

สันสกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)

ตารางวิภกั ติหมวด โลฏฺ (คําส่งั ) แสดงวิภกั ติแขง็ ในวงกลม ส่วนทีเ่ หลือเปน็ วิภกั ติอ่อน

kr‹ กฤ แปลว่า ทาํ ผนั ด้วย หมวดโลฏฺ (คาํ สัง่ ) ปรสั ไมบท

บุรุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์

3. ประถมบุรษุ karotu, kurutat¥ * kuruta¥m kurvantu

2. มัธยมบรุ ษุ krotu - kuätat( kuätam( kuvRNtu

kuru, kurutat¥ * kurutam kuruta

1. อุตตมบรุ ษุ kuäu - kuätat( kuätm( kuät

karava¥ni karava¥va karava¥ma

krvain krvav krvam

 kuruta¥t นิยมใช้มากในประโยคคําสัง่ ใช้ได้ท้งั บุรษุ ที่ 3 และบรุ ษุ ที่ 2

kr‹ กฤ แปลว่า ทํา ผนั ด้วย หมวดโลฏฺ (คําส่งั ) อาตมเนบท

บุรษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์

3. ประถมบุรษุ kuruta¥m kurva¥ta¥m kurvata¥m

2. มธั ยมบรุ ษุ kuätam( kuvRatam( kuvRtam(

kurusva kurva¥tha¥m kurudhvam

1. อตุ ตมบรุ ษุ kuäSv kuvRaqam( kuä?vm(

karavai karava¥vahai karava¥mahai

krvW krvavhW krvamhW

สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 215

215

สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)

ตารางวิภักติหมวด (วธิ ิ)ลิงฺ (ราํ พึง) เปน็ วิภกั ติอ่อนท้งั หมด

kr‹ กฤ แปลว่า ทํา ผนั ด้วย หมวดลิงฺ (ราํ พึง) ปรสั ไมบท

บุรษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. ประถมบรุ ษุ
kuryat¥ kurya¥ta¥m kuryus
2. มธั ยมบรุ ษุ
kuyRat( kuyRatam( kuyRus(
1. อตุ ตมบรุ ษุ
kurya¥s kurya¥tam kurya¥ta

kuyRas( kuyRatm( kuyRat

kurya¥m kuryav¥ a kurya¥ma

kuyRam( kuyRav kuyRam

กฤ kr‹ แปลว่า ทํา ผนั ด้วย หมวดลิงฺ (ราํ พึง) อาตมเนบท

บรุ ุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. ประถมบุรษุ
kurv≠ta kurv≠ya¥ta¥m kurv≠ran
2. มธั ยมบรุ ษุ
kuvRIt kuvIRyatam( kuvIRrn(
1. อตุ ตมบรุ ษุ
kurv≠thas¥ kurv≠ya¥tham¥ kurv≠dhvam

kuvRIqas( kuvIRyaqam( kuvIR?vm(

kurv≠ya kurv≠vahi kurv≠mahi

kuvRIy kuvIRvih kuvIRmih

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 216

216

สันสกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)

18.3 ธาตหุ มวดที่ 5 สฺวาทิคณะ nu,

ธาตุหมวดที่ 5 อยู่ใน ธาตกุ ล่มุ ที่ 2 คือ ธาตทุ ีม่ ีปัจจยั อุ £ u, นุ nu

นา na na¥ ประกอบอย่กู บั ธาตุ มี 3 หมวด ได้แก่
ธาตุหมวด 5 (สวฺ าทิคณะ) มีปจั จยั ประจําหมวด คือ นุ
ธาตุหมวด 8 (ตนาทิคณะ) มีปจั จยั ประจาํ หมวด คือ อุ
ธาตหุ มวด 9 (กฺรยาทิคณะ) มีปัจจัยประจําหมวด คือ นา

ส่วนประกอบของกริยากลมุ่ ธาตุที่ 5 สฺวาทิคณะ svad¥ igana‹
ธาตุหมวดที่ 5 นี้ ไม่ยาก เช่นกัน มีเพียง 34 ธาตุเท่าน้ัน และใช้มากเพียง 15 ธาตุ (คือ
เพียงไม่ถึงครึ่งของที่มี) โดยมี สุ ธาตุ (su) แปลว่า ค้ัน, บีบ (น้ําโสม) เป็นตัวแรก มี
ลักษณะการผันคล้ายกับธาตุหมวดที่ 8 (ตนฺ ธาตุ) อย่างมาก จนดูเหมือนแทบจะเป็นหมวด
เดียวกันเลย คือ มีรูปแข็งและรูปอ่อน แต่ต่างกันที่ปัจจัย คือ หมวดที่ 5 นี้ มีปัจจัยประจํา
หมวดคือ นุ nu (แต่หมวด 8 ตนฺ ธาตุ มีปัจจัยประจําหมวดคือ อุ u) โดยมีส่วนประกอบท่ี
สาํ คัญ ดังตารางต่อไปนี้
รูปที่ 1. แขง็

ธาตุ + ปจั จยั โน no no + วิภักติแขง็ (ดตู ามตารางทีใ่ ห้ไว้) = กริยาอาขยาต

รูปที่ 2. ออ่ น
ธาตุ + ปัจจัย นุ nu nu + วิภกั ติอ่อน (ดูตามตารางทีใ่ ห้ไว้) = กริยาอาขยาต

ตัวอย่าง การผันกริยาธาตหุ มวด 5 หมวดลฏฺ (ปัจจุบนั กาล)

su su สุ แปลว่า บีบ, ค้นั (น้าํ โสม) ผันด้วยวิภกั ติหมวด ลฏฺ ปจั จบุ ันกาล

บรุ ุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์

3. prathama sunoti sunutah‹ sunvanti

puruṣa sunoit sunut" suNviNt

ประถมบรุ ษุ เขาค้นั เขาท้งั สองค้ัน พวกเขาค้นั
2. madhyama
sunos‹i sunuthah‹ sunutha

puruṣa sunoiz sunuq" sunuq

มัธยมบรุ ุษ เธอค้นั เธอท้งั สองคน้ั พวกเธอค้นั
1. uttama
sunomi sunuvah,‹ sunvah*‹ sunumah‹ sunmah*‹

puruṣa sunoim sunuv" suNv" sunum" suNm"

อุตตมบรุ ุษ ฉนั ค้นั เราท้งั สองค้ัน พวกเราค้นั

สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 217

217

สนั สกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)

* ข้อสังเกต หน้าวิภกั ติ vas, mas ให้ลบปจั จัย u บ้างก็ได้ (เลยใช้ได้ท้งั สองแบบ)

su su สุ แปลว่า บีบ, ค้นั (น้าํ โสม) ผันด้วยวิภักติหมวด ลฏฺ อาตมเนบท (ไม่มีวิภกั ติแขง็ )

บรุ ุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. ประถมบรุ ษุ
sunute sunvat¥ e sunvate
2. มัธยมบรุ ษุ
sunute suNvate suNvte
1. อตุ ตมบรุ ษุ
sunus‹e sunvat¥ he sunudhve

sunuze suNvaqe sunu?ve

sunve sunuvahe, sunvahe sunumahe, sunmahe

suNve sunuvhe suNvhe sunumhe suNmhe

su su สุ แปลว่า บีบ, ค้นั (น้าํ โสม) ผันด้วย หมวดลงฺ (อดีตกาลไม่สมบูรณ์) ปรัสไมบท

บรุ ษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. ประถมบรุ ษุ
asunot asunutam¥ asunvan
2. มัธยมบรุ ษุ
Asunot( Asuntam( AsuNvn(
1. อตุ ตมบรุ ษุ
asunos asunutam asunuta

Asunos( Asuntm( Asunt

asunavam* asunuva, asunva asunuma, asunma

Asunvm( Asunuv AsuNv Asunum AsuNm

* a + sun + o + am = asunavam โดยกฎ o + a = ava ต่างจาก u + a = va

su ธาตุ ผนั ด้วย หมวดลงฺ (อดีตกาลไม่สมบูรณ์) อาตมเนบท (ไมม่ ีวิภักติแข็ง)

บุรษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. ประถมบรุ ษุ
asunuta asunva¥ta¥m asunvata
2. มธั ยมบรุ ษุ
Asunut AsuNvatam( AsuNvt
1. อตุ ตมบรุ ษุ
asunutha¥s asunva¥tha¥m asunudhvam

Asunuqas( AsuNvaqam( Asunu?vm(

asunvi asunuvahi, asunvahi asunmahi

AsuNiv Asunuvih AsuNvih Asunumih AsuNmih

สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 218

218

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)

su su สุ แปลว่า บีบ, คน้ั (น้าํ โสม) ผนั ด้วย หมวดโลฏฺ (คําส่ัง) ปรัสไมบท

บรุ ุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. ประถมบรุ ษุ
sunotu, sunutat¥ * sunuta¥m sunvantu
2. มัธยมบรุ ษุ
sunotu - sunutat( sunutam( suNvNtu
1. อตุ ตมบรุ ษุ
sunu, sunta¥t* sunutam sunuta

sunu - sunutat( suntm( sunt

sunava¥ni sunavav¥ a sunava¥ma

sunvain sunvav sunvam

* sunuta¥t นิยมใช้มากในประโยคคําสงั่ ใช้ได้ท้งั บรุ ษุ ที่ 3 และบุรษุ ที่ 2

su su สุ แปลว่า บีบ, ค้นั (น้าํ โสม) ผนั ด้วย หมวดโลฏฺ (คาํ ส่งั ) อาตมเนบท

บุรุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. ประถมบรุ ษุ
sunuta¥m sunvat¥ a¥m sunvata¥m
2. มธั ยมบรุ ษุ
sunutam( suNvatam( suNvtam(
1. อตุ ตมบรุ ษุ
sunusv‹ a sunvat¥ ham¥ sunudhvam

sunuZv suNvaqam( sunu?vm(

sunavai sunava¥vahai sunava¥mahai

sunvW sunvavhW sunvamhW

su su สุ แปลว่า บีบ, ค้นั (น้าํ โสม) ผนั ด้วย หมวดลิงฺ (ราํ พึง) ปรัสไมบท

บรุ ุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. ประถมบุรษุ
sunuyat¥ sunuya¥ta¥m sunuyus
2. มัธยมบรุ ษุ
sunuyat( sunuyatam( sunuyus(
1. อตุ ตมบรุ ษุ
sunuya¥s sunuya¥tam sunuya¥ta

sunuyas( sunuyatm( sunuyat

sunuya¥m sunuyav¥ a sunuya¥ma

sunuyam( sunuyav sunuyam

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 219

219

สันสกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)

su su สุ แปลว่า บีบ, ค้ัน (น้ําโสม) ผนั ด้วย หมวดลิงฺ (ราํ พึง) อาตมเนบท

บุรุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. ประถมบุรษุ
sunv≠ta sunv≠yat¥ a¥m sunv≠ran
2. มธั ยมบรุ ษุ
suNvIt suNvIyatam( suNvIrn(
1. อุตตมบรุ ษุ
sunv≠tha¥s sunv≠yat¥ ha¥m sunv≠dhvam

suNvIqas( suNvIyaqam( suNvI?vm(

sunv≠ya sunv≠vahi sunv≠mahi

suNvIy suNvIvih suNvImih

ธาตุ(โรมัน) เทวนาครี ธาตหุ มวดที่ 5 ทีใ่ ชม้ าก ดังตาราง

ความหมาย รูปออ่ น รปู แขง็ ปรัสไมบท อาตมเนบท

ap¥ Aap( ได้รบั , บรรลุ a¥pnu ap¥ no ap¥ noti -

sa´ k xk( อาจ, สามารถ sa´ knu s´akno s´aknoti -

s´ru è[u ฟงั , ได้ยิน sr´ n‹ u s´r‹no s´rn‹ oti

as´ Ax( แผ่, กระจาย asn´ u as´no - as´nute

ci ic เลือก, สะสม cinu cino cinoti cinute

si is เย็บ, ร้อย sinu sino sinoti sinute

ตัวอย่างประโยคสนั สกฤตที่ใช้ธาตุหมวด 8 และ 5

ประโยค ความหมาย

yogasthah‹ kuru karma¥ni‹ แน่ะท่านผู้ดํารงมนั่ ในโยคะ ท่านจงทาํ งาน

ท้งั หลายเถิด

ba¥lika¥h‹ sundar≠m‹ ma¥la¥m‹ kurvanti พวกเด็กหญิง กาํ ลงั ทําพวงมาลัย ทีส่ วยงาม

vayam‹ phala¥ni sunumah‹ พวกเรา คน้ั ผลไม้ท้งั หลาย

sama¥dhistha¥ kanya¥ yogam‹ karoti หญิงสาว ผ้ดู าํ รงมน่ั ในสมาธิ กาํ ลงั ทําโยคะ

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 220

220

สันสกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)

นามศัพท์และคุณศัพท์ ศพั ทานกุ รม

โรมนั ไทย ลิงค์ คาํ แปล
อปุ นิษทฺ f. คมั ภีร์อปุ นิษทั
upaniṣad อาปาทฺ f. เคราะห์ร้าย, ยามวิบตั ิ, ความวิบตั ิ, ยามยาก
ฤจฺ f. บทประพนั ธ์แต่ละบทของคมั ภีร์ฤคเวท.
āpad
(พห)ุ คัมภีร์ฤคเวท
ṛc n. หน้าที่, กิจอนั พึงทํา
f. บทประพนั ธ์แต่ละบทของคมั ภีร์ฤคเวท.
kārya การฺย m. พราหมณ์
ṛc ฤจฺ m. การบูชายญั , พิธีบูชาพลีทาน
vipra วิปฺร m. น้าํ โสม
yajña ยชฺญ m. ต้นไม้
soma โสม adj. มากกว่า, ใหญ่กว่า, ใหญ่ที่สุด, เกิน
taru ตรุ adj. ใหม่
adhika, -ā อธิก, -กา adj. ของตน
navīna, ā นวีน, -นา adj. ดีทีส่ ดุ , ประเสริฐ, เปน็ ศรีอย่างที่สุด
sva สฺว adj. อายุสูงสดุ , เจริญที่สดุ
jyeṣṭha, -ā เศฺรษฐฺ , -ฐา
jyeṣṭha, -ā เชฺยษฺฐ, -ฐา

นิบาตและอพั ยยศัพท์

prāyeṇa ปรฺ าเยณ โดยท่วั ไป, ตามธรรมดา

bhṛśam ภฺฤศมฺ อย่างพากเพียร, ขยนั ขันแข็ง, อย่างยิ่ง

alam อลมฺ เพียงพอ, พอกันทีกบั ... (ใช้กับ c.3)

เหมาะสมกับ... (ใช้กับ c.4)

anantaram อนนตฺ รมฺ ต่อจากน้ัน, ทนั ทีจากน้นั

kvacit กฺวจิตฺ บาง(คน), บาง(สิ่ง), บางที

tadyathā ตทยฺ ถา ในทํานองน้นั , เช่นว่านี่แหละ

sāmpratam สามฺปฺรตมฺ ในขณะนี้, บดั นี้

tadanantaram ตทนนตฺ รมฺ ทันทที ันใดจากน้นั

***** จบ บทที่ 18 ***** 221

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)

221

สนั สกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)

แบบฝึกหดั ที่ 18

1. จงแปลเปน็ ภาษาไทย

१ िवूा यज्ञाय सोमं सु ताम।्
viprā yajñāya somaṃ sunvatām

२ मं पु कािन दशय्र ।।
mahyaṃ pustakāni darśaya

३ ऋषयो वन े फलािन िचनवु ि।
ṛṣayo vane phalāni cinuvanti

४ तरवो मताक ।
taravo marutākampanta

५ बु  धम लोके तनोित।
buddhasya dharmaṃ loke tanoti

६ गरु ोनजुर््ञया कटे िशावपु ािवशताम।्
guror nujñayā kaṭe śiṣyāv upāviśatām

2. จงอธิบายหลกั เกณฑ์ทางไวยากรณ์ของคาํ ทีพ่ ิมพ์ด้วยอกั ษรดาํ หนาในข้อ 1 ข้างต้น

3. จงแปลเปน็ ภาษาสนั สกฤต (ทําสนธิให้ถกู ต้องด้วย)
1. พระอัศวินท้งั สอง1 อนั ฤษ4ี สรรเสริญแล้ว5 ด้วยบทฤคเวท3 สี(่ บท)2
2. (เขาท้งั หลาย) พึงปลกู 5 ซึ่งต้นไม้ท้งั หลาย4 บนถนน3 ท้งั มวล2 เพือ่ ร่มเงา1
3. กฤษณะ3 เปน็ ผ้อู ายสุ ูงสุด(พี่คนโต)4 แห่งพีน่ ้อง2 หก(คน)1
4. ราม1 ได้ฟังแล้ว4 ซึ่งคาํ (ภาษณ) 3 ของคร2ู (ศฺรุ > ศฤฺ ธาตหุ มวด 5 - ฟังได้ยิน)
5. ดอกบัวหลวง เปน็ ทีอ่ าศยั (วสติ-สตรีลิงค์)1 ของพระนางศรี

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 222

222

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)

บทที่ 19

กริยาธาตุหมวด 9-7-3 และ 2

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (In2tr2o3duction to Sanskrit) 223

สนั สกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)

ขอบข่ายการศึกษา

1. การผันกริยาอาขยาตธาตหุ มวดที่ 9 (¹I kr≠) ด้วยวิภักติกริยาอาขยาต หมวด ลฏฺ
(ปัจจุบนั กาล) หมวด ลงฺ (อดีตกาล) หมวด โลฏฺ (คําส่งั ) หมวด วธิ ิลิงฺ (รําพึง)

2. การผันกริยาอาขยาตธาตหุ มวดที่ 9 (Da jñā) ด้วยวิภกั ติกริยาอาขยาต หมวด ลฏฺ
(ปจั จบุ นั กาล) หมวด ลงฺ (อดีตกาล) หมวด โลฏฺ (คาํ สง่ั ) หมวด วธิ ิลิงฺ (ราํ พึง)

3. การผันกริยาอาขยาตธาตหุ มวดที่ 7 (ä/( rudh) ด้วยวิภกั ติกริยาอาขยาต หมวด
ลฏฺ (ปจั จบุ นั กาล) หมวด ลงฺ (อดีตกาล)

4. กฎทัว่ ไปของการซ้ําพยางค์
5. การผันกริยาอาขยาตธาตหุ มวดที่ 3 (hu hu) ด้วยวิภักติกริยาอาขยาต หมวด ลฏฺ

(ปัจจุบนั กาล) หมวด ลงฺ (อดีตกาล) หมวด โลฏฺ (คาํ ส่งั ) หมวด วธิ ิลิงฺ (รําพึง)
6. การผันผนั กริยาอาขยาตธาตุหมวดที่ 3 (ha¥ hā) ด้วยวิภักติกริยาอาขยาต หมวด

ลฏฺ (ปจั จบุ นั กาล) หมวด ลงฺ (อดีตกาล) หมวด โลฏฺ (คาํ สัง่ ) หมวด วิธิลิงฺ (ราํ พึง)

7. การผันกริยาอาขยาตธาตหุ มวดที่ 2 (Ad( ad และ As( as) ด้วยวิภกั ติกริยา
อาขยาต หมวด ลฏฺ (ปจั จบุ นั กาล)

วัตถปุ ระสงค์

1. เพือ่ ให้เข้าใจโครงสร้างและสามารถผนั กริยาอาขยาตธาตหุ มวดที่ 9 และ ธาตุหมวดที่
3 ด้วยวิภกั ติกริยาอาขยาต หมวด ลฏฺ (ปจั จุบนั กาล) หมวด ลงฺ (อดีตกาล) หมวด
โลฏฺ (คาํ สงั่ ) และ หมวด วธิ ิลิงฺ (ราํ พึง) ได้

2. เพื่อให้เข้าใจโครงสร้างและสามารถผนั กริยาอาขยาตธาตุหมวดที่ 7 ด้วยวิภกั ติกริยา
อาขยาต หมวด ลฏฺ (ปจั จบุ นั กาล) หมวด ลงฺ (อดีตกาล) ได้

3. เพือ่ ให้เข้าใจโครงสร้างและสามารถผนั กริยาอาขยาตธาตหุ มวดที่ 2 ด้วยวิภกั ติกริยา
อาขยาต หมวด ลฏฺ (ปจั จบุ ันกาล) ได้

4. นกั ศึกษาสามารถแต่ง-แปล ข้อความส้ันๆ ตามทีก่ ําหนดได้

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 224

224

สนั สกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)

บทที่ 19

กริยาธาตุหมวด 9-7-3 และ 2

19.1 ธาตุหมวดที่ 9 กฺรยาทิคณะ
ธาตหุ มวดที่ 9 อย่ใู นธาตกุ ล่มุ ที่ 2 คือ ธาตทุ ีม่ ีปจั จยั อุ £ u, นุ nu nu, นา na na¥

สว่ นประกอบของกริยากลมุ่ ธาตุที่ 9 กฺรยาทิคณะ kraya¥digana‹
ธาตุหมวดที่ 9 นี้ ไม่ยาก (อีกแล้ว) มีเพียง 61 ธาตุเท่าน้ัน และใช้มากประมาณ 10
ธาตุ (คือเพียง 1 ใน 6) โดยมี กฺรี ธาตุ (kr≠) แปลว่า ซ้ือ เป็นตัวแรก มีลักษณะการผัน
แบ่งเป็น รูปแข็งและรูปอ่อน มีปัจจัยประจําหมวดคือ นา nā มีส่วนประกอบที่สําคัญ
ดงั ตารางต่อไปนี้

รปู ที่ 1. แขง็
ธาตุ + ปัจจยั นา na na¥ + วิภักติแขง็ (ดตู ามตารางทีใ่ ห้ไว้) = กริยาอาขยาต

รูปที่ 2. ออ่ น
ธาตุ + ปจั จยั นี nI n≠ + วิภักติอ่อน (ดูตามตารางทีใ่ ห้ไว้) = กริยาอาขยาต

ตวั อยา่ ง การผนั กริยาธาตุหมวด 9 หมวดลฏฺ (ปัจจบุ นั กาล)

ตารางวิภักติหมวด ลฏฺ ปจั จุบันกาล แสดงวิภกั ติแขง็ ในวงกลม ส่วนทีเ่ หลือเปน็ วิภกั ติออ่ น

¹I kr≠ กฺรี แปลว่า ซ้ือ ผนั ด้วยวิภกั ติหมวด ลฏฺ ปัจจบุ ันกาล

บุรษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. prathama
kr≠n‹a¥ti kr≠n≠‹ tah‹ kr≠n‹anti*
puruṣa
¹I,ait ¹I,It" ¹I,iNt
ประถมบรุ ษุ
2. madhyama เขาซื้อ เขาท้งั สองซื้อ พวกเขาซื้อ

puruṣa kr≠n‹a¥si kr≠n‹≠thah‹ kr≠n‹≠tha

มัธยมบรุ ษุ ¹I,ais ¹I,Iq" ¹I,Iq
1. uttama
เธอซื้อ เธอท้งั สองซื้อ พวกเธอซื้อ
puruṣa
kr≠na‹ ¥mi kr≠n‹≠vah‹ kr≠n‹≠mah‹
อตุ ตมบรุ ุษ
¹I,aim ¹I,Iv" ¹I,Im"

ฉนั ซื้อ เราท้งั สองซื้อ พวกเราซื้อ

* ข้อสังเกต หน้าวิภกั ติ anti ให้ลบปัจจัย ≠ ที่ n≠ ออกเสีย 225

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)

225

สันสกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)

¹I kr≠ กรฺ ี แปลว่า ซ้ือ ผันด้วยวิภกั ติหมวด ลฏฺ อาตมเนบท (ไม่มีวิภกั ติแข็ง)

บุรุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. ประถมบรุ ษุ
kr≠n≠‹ te kr≠n‹at¥ e* kr≠n‹ate*

2. มัธยมบรุ ษุ ¹I,Ite ¹I,ate ¹I,te

kr≠n≠‹ s‹e kr≠na‹ ¥the* kr≠n≠‹ dhve

1. อุตตมบรุ ษุ ¹I,Ize ¹I,aqe ¹I,I?ve

kr≠ne‹ * kr≠n≠‹ vahe kr≠n‹≠mahe

¹I,e ¹I,Ivhe ¹I,Imhe

* ข้อสังเกต หน้าวิภกั ติทขี่ ึ้นต้นด้วย สระ (a¥, a, e) ให้ลบ ≠ ที่ n≠ ออกเสีย

¹I kr≠ กรฺ ี แปลว่า ซ้ือ ผันด้วย หมวดลงฺ (อดีตกาลไม่สมบรู ณ์) ปรัสไมบท

บุรษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. ประถมบุรษุ
akr≠n‹a¥t akr≠n‹≠ta¥m akr≠na‹ n*
2. มัธยมบรุ ษุ
A¹I,at( A¹I,Itam( A¹I,n(
1. อตุ ตมบรุ ษุ
akr≠n‹a¥s akr≠n‹≠tam akr≠n‹≠ta

A¹I,as( A¹I,Itm( A¹I,It

akr≠na‹ ¥m akr≠n‹≠va akr≠n‹≠ma

A¹I,am( A¹I,Iv A¹I,Im

* ข้อสงั เกต หน้าวิภกั ติ an ให้ลบปจั จยั ≠ ที่ n≠ ออกเสีย

¹I kr≠ กรฺ ี แปลว่า ซ้ือ ผนั ด้วย หมวดลงฺ (อดีตกาลไม่สมบูรณ์) อาตมเนบท

(ไมม่ ีวิภักติแขง็ )

บุรษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์

3. ประถมบุรษุ akr≠n‹≠ta akr≠na‹ t¥ a¥m* akr≠na‹ ta*

2. มัธยมบรุ ษุ A¹I,It A¹I,atam( A¹I,t

akr≠n≠‹ tha¥s akr≠na‹ t¥ ha¥m* akr≠n≠‹ dhvam

1. อุตตมบรุ ษุ A¹I,Iqas( A¹I,aqam( A¹I,I?vm(

akr≠ni‹ * akr≠n‹≠vahi akr≠n‹≠mahi

A¹Ii, A¹I,Ivih A¹I,Imih

* ข้อสังเกต หน้าวิภกั ติทขี่ ึ้นต้นด้วย สระ (a,¥ a, i) ให้ลบ ≠ ที่ n≠ ออกเสีย

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 226

226

สันสกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)

¹I kr≠ กรฺ ี แปลว่า ซ้ือ ผันด้วย หมวดโลฏฺ (คําสง่ั ) ปรสั ไมบท

บุรุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. ประถมบุรษุ
kr≠n‹at¥ u, kr≠n‹≠ta¥t* kr≠n‹≠ta¥m kr≠na‹ ntu
2. มัธยมบรุ ษุ
¹I,atu ¹I,Itat( ¹I,Itam( ¹I,Ntu
1. อตุ ตมบรุ ษุ
kr≠n‹≠hi, kr≠n‹≠ta¥t* kr≠n≠‹ tam kr≠n‹≠ta

¹I,Iih ¹I,Itat( ¹I,Itm( ¹I,It

kr≠n‹a¥ni kr≠n‹a¥va kr≠na‹ ¥ma

¹I,ain ¹I,av ¹I,am

* kr≠n‹≠tat¥ นิยมใช้มากในประโยคคําสัง่ ใช้ได้ท้งั บรุ ุษที่ 3 และบุรษุ ที่ 2

¹I kr≠ กฺรี แปลว่า ซ้ือ ผันด้วย หมวดโลฏฺ (คําสั่ง) อาตมเนบท

บุรุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. ประถมบรุ ษุ
kr≠n‹≠ta¥m kr≠n‹at¥ a¥m* kr≠na‹ ta¥m*
2. มัธยมบรุ ษุ
¹I,Itam( ¹I,atam( ¹I,tam(
1. อุตตมบรุ ษุ
kr≠n≠‹ s‹va kr≠na‹ t¥ ha¥m* kr≠n≠‹ dhvam

¹I,IZv ¹I,aqam( ¹I,I?vm(

kr≠na‹ i* kr≠n‹a¥vahai kr≠n‹a¥mahai

¹I,W ¹I,avhW ¹I,amhW

* ขอ้ สงั เกต หน้าวิภกั ติทขี่ ึ้นต้นด้วย สระ (a,¥ a, i) ให้ลบ ≠ ที่ n≠ และ a¥ ที่ na¥ ออกเสีย

ตารางวิภกั ติหมวด (วธิ ิ)ลิงฺ (ราํ พึง) เปน็ วิภกั ติอ่อนท้งั หมด
¹I kr≠ กรฺ ี แปลว่า ซ้ือ ผนั ด้วย หมวดลิงฺ (ราํ พึง) ปรสั ไมบท

บุรุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. ประถมบรุ ษุ
kr≠n‹≠ya¥t kr≠n≠‹ yat¥ a¥m kr≠n≠‹ yus
2. มธั ยมบรุ ษุ
¹I,Iyat( ¹I,Iyatam( ¹I,Iyus(
1. อุตตมบรุ ษุ
kr≠n‹≠yas¥ kr≠n≠‹ yat¥ am kr≠n≠‹ ya¥ta

¹I,Iyas( ¹I,Iyatm( ¹I,Iyat

kr≠n‹≠ya¥m kr≠n≠‹ yav¥ a kr≠n‹≠ya¥ma

¹I,Iyam( ¹I,Iyav ¹I,Iyam

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 227

227

สันสกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)

¹I kr≠ กรฺ ี แปลว่า ซ้ือ ผันด้วย หมวดลิงฺ (รําพึง) อาตมเนบท

บุรุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. ประถมบรุ ษุ
kr≠n≠‹ ta kr≠n‹≠yat¥ a¥m kr≠n‹≠ran
2. มัธยมบรุ ษุ
¹I,It ¹I,Iyatam( ¹I,Irn(
1. อุตตมบรุ ษุ
kr≠n‹≠tha¥s kr≠n‹≠yat¥ ha¥m kr≠n‹≠dhvam

¹I,Iqas( ¹I,Iyaqam( ¹I,I?vm(

kr≠n‹≠ya kr≠n‹≠vahi kr≠n‹≠mahi

¹I,Iy ¹I,Ivih ¹I,Imih

การผนั Da jnªa¥ ชญฺ า แปลวา่ รู้

ธาตุที่ใช้มากที่สุดในหมวดที่ 9 นี้ คือ jnªā แปลว่า รู้ (เป็นรากศัพท์ของคําว่า
prajnªā¥ - ปรัชญา หรือ ปัญญา) เมื่อจะผันจะเปลี่ยนรูปให้ง่ายขึ้น คือ จาก jnāª เป็น jā
แล้ว ประสมปัจจัย คือ na¥ ก่อนผันด้วยวิภักติแข็ง หรือ n≠ ก่อนผันด้วยวิภักติอ่อน แล้ว
นาํ มาผนั ด้วยวิภักติอาขยาต ดังนี้

Da jnāª ชฺญา แปลว่า รู้ ผันด้วยวิภกั ติหมวด ลฏฺ ปัจจบุ ันกาล

บุรุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. prathama
ja¥na¥ti jan¥ ≠tah‹ jan¥ anti*
puruṣa
janait janIt" janiNt
ประถมบรุ ษุ
2. madhyama เขารู้ เขาท้งั สองรู้ พวกเขารู้

puruṣa jan¥ as¥ i jan¥ ≠thah‹ jan¥ ≠tha

มธั ยมบรุ ษุ janais janIq" janIq
1. uttama
เธอรู้ เธอท้งั สองรู้ พวกเธอรู้
puruṣa
ja¥na¥mi jan¥ ≠vah‹ jan¥ ≠mah‹
อตุ ตมบรุ ษุ
janaim janIv" janIm"

ฉนั รู้ เราท้งั สองรู้ พวกเรารู้

* ข้อสงั เกต หน้าวิภกั ติ anti ให้ลบปัจจัย ≠ ที่ n≠ ออกเสีย

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 228

228

สันสกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)

Da jnªā ชฺญา แปลว่า รู้ ผนั ด้วยวิภกั ติหมวด ลฏฺ อาตมเนบท (ไม่มีวิภกั ติแข็ง)

บุรษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. ประถมบุรษุ
jan¥ ≠te jan¥ at¥ e* ja¥nate*
2. มธั ยมบรุ ษุ
janIte janate jante
1. อุตตมบรุ ษุ
ja¥n≠s‹e jan¥ a¥the* jan¥ ≠dhve

janIze janaqe janI?ve

jan¥ e* jan¥ ≠vahe ja¥n≠mahe

jane janIvhe janImhe

* ข้อสงั เกต หน้าวิภกั ติทขี่ ึ้นต้นด้วย สระ (a, a¥ , e) ให้ลบ ≠ ที่ n≠ ออกเสีย

Da jnāª ชญฺ า แปลว่า รู้ ผันด้วย หมวดลงฺ (อดีตกาลไม่สมบรู ณ์) ปรัสไมบท

บรุ ุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. ประถมบุรษุ
ajan¥ a¥t aja¥n≠ta¥m ajan¥ an*
2. มัธยมบรุ ษุ
Ajanat( AjanItam( Ajann(
1. อตุ ตมบรุ ษุ
ajan¥ a¥s ajan¥ ≠tam aja¥n≠ta

Ajanas( AjanItm( AjanIt

aja¥na¥m aja¥n≠va ajan¥ ≠ma

Ajanam( AjanIv AjanIm

* ข้อสงั เกต หน้าวิภกั ติ an ให้ลบปจั จยั ≠ ที่ n≠ ออกเสีย

Da jnaª ¥ ชฺญา แปลว่า รู้ ผนั ด้วย หมวดลงฺ (อดีตกาลไม่สมบรู ณ์) อาตมเนบท

(ไมม่ ีวิภักติแขง็ )

บุรุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์

3. ประถมบรุ ษุ aja¥n≠ta ajan¥ a¥ta¥m* aja¥nata*

2. มธั ยมบรุ ษุ AjanIt Ajanatam( Ajant

aja¥n≠tha¥s aja¥na¥tha¥m* aja¥n≠dhvam

1. อุตตมบรุ ษุ AjanIqas( Ajanaqam( AjanI?vm(

aja¥n‹i* aja¥n≠vahi aja¥n≠mahi

Ajain AjanIvih AjanImih

* ข้อสังเกต หน้าวิภกั ติทขี่ ึ้นต้นด้วย สระ (a¥, a, i) ให้ลบ ≠ ที่ n≠ ออกเสีย

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 229

229

สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)


Click to View FlipBook Version