บทที่ 7
กริยาอาตมเนบทและสรรพนาม
7.1 วิภักติกริยาอาขยาต ปจั จบุ ันกาล อาตมเนบท
วิภกั ติกริยาอาขยาตท้งั หมด ทุกชนิด ทกุ หมวด แบ่งเปน็ 2 ฝ่ายคือ
1. ปรสั ไมบท ใช้เพื่อผู้อืน่ (ปร = ผ้อู ื่น) ทเี่ รียนมาแล้วคือ ti, tas, anti เปน็ ต้น
2. อาตมเนบท ใช้เพือ่ ตนเอง (อาตมฺ = ตนเอง)
ความแตกต่างของวิภักติท้ังสองฝ่ายน้ี แม้แต่นักไวยากรณ์ก็ยังบอกความแตกต่างใน
การใช้เพื่อตนเองหรือเพื่อผู้อื่นเองได้ไม่ชัด คาดว่าในสมัยต้นยุคพระเวทอาจจะแตกต่างกัน
ชดั เจน แต่พอมาถึงยุคของปาณินิ ท้งั สองฝ่ายใช้ปะปนกนั แล้ว
ในหน่วยการเรียนนี้เราจะศึกษาเร่ือง วิภักติกริยาอาขยาต อาตมเนบท ปัจจุบันกาล
ซึ่งมี 9 วิภักติ แยกตามบุรุษ 3 x 3 พจน์ ดงั นี้
ติงฺวิภกั ติ หรอื วิภกั ติกริยาอาขยาต หมวด ลฏฺ (ปจั จุบนั กาล)
อาตมเนบท
บุรษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. prathama te ite ante
puruṣa te šte ANte
ประถมบรุ ษุ เขา, มนั , หล่อน เขา,มัน ท้งั สอง พวกเขา, พวกมัน
2. madhyama se ithe dhve
puruṣa se šqe ?ve
มธั ยมบรุ ษุ ท่าน,เธอ,คุณ ท่าน,เธอท้งั สอง พวกท่าน,พวกเธอ
1. uttama i vahe mahe
puruṣa š vhe mhe
อตุ ตมบรุ ษุ ฉนั , ข้าพเจ้า เราท้งั สอง พวกเรา
Sanskrit Tip 8
ขอให้ดูเปรียบเทียบกบั ปรัสไมบท (ti, tas, anti) แล้วจะเหน็ ข้อแตกต่างว่า
อาตมเนบทเกือบทกุ วิภกั ติ จะลงท้ายด้วยสระ เอ e เหมือนกบั ปรสั ไมบท ทีม่ ัก
ลงท้ายด้วยสระ อิ คือ ti, anti, si, mi
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 80
80
สันสกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
วิธีใช้ อาตมเนบท เหมือนกับ ปรัสไมบท คือ ใช้ผสมกับเค้ากริยา (stem) ได้เลย
แต่มีเพียงธาตุบางตัวเท่านั้นที่สามารถใช้กับ อาตมเนบท (ธาตุบางตัวที่ว่าน้ีจะมีตําราบอกไว้
ชดั เจน ไม่ต้องหนักใจนะครบั ) เช่น
ธาตุ + ปัจจยั เค้ากริยา + ติงฺ วิภักติ ความหมาย
อาตมเนบท
bha¥s‹ (stem) bha¥s‹ate เขาพดู , กลา่ ว...
labh เขาไดร้ บั ....
man a bhas¥ a‹ labhate เขาคดิ วา่ , เขา้ ใจวา่ ...
sev a labha เขารบั ใช.้ .
ya manya manyate
a seva
sevate
ตวั อยา่ ง การผันกริยาอาขยาตด้วย ตงิ ฺวิภักติ หรือ วิภักติกริยาอาขยาต
ปัจจบุ ันกาล อาตมเนบท
l.( labh + a ปัจจยั แปลว่า ได้รบั
บุรษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. prathama
labhate labhete labhante
puruṣa
l.te l.ete l.Nte
ประถมบรุ ษุ
2. madhyama เขา, มัน, หล่อนได้ เขา,มัน ท้งั สองได้ พวกเขา, พวกมันได้
puruṣa labhase labhethe labhadhve
มัธยมบรุ ุษ l.se l.eqe l.?ve
1. uttama
ท่าน,เธอ,คณุ ได้รบั ท่าน,เธอท้งั สองได้รบั พวกท่าน,พวกเธอได้รบั
puruṣa
labhe labhāvahe labhāmahe
อตุ ตมบรุ ษุ
l.e l.avhe l.amhe
ฉนั ได้รบั เราท้งั สองได้รับ พวกเราได้รบั
กฎการผสม วิภกั ติอาขยาต อาตมเนบท ปจั จุบนั กาล กบั เคา้ กริยา ดังนี้
1. a ท้ายเค้ากริยา + วภิ ักติอาตมเนบท ที่ขึ้นต้นด้วย i = e
เช่น labha + ite = labhete
2. a ท้ายเค้ากริยา + วภิ กั ติอาตมเนบท บรุ ุษที่ 1 ทวิพจน์และพหพุ จน์ = ā
เช่น labha + vahe = labhāvahe
labha + mahe = labhāmahe
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 81
81
สันสกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
การผันสรรพนาม บรุ ุษที่ 1 – 2
7.2 สรรพนามคืออะไร?
สรรพนาม คือ คําที่ใช้แทนคํานามเพื่อเลี่ยงการใช้คํานามซ้ําบ่อยๆ ในภาษา
สันสกฤต มี 3 บุรุษ เหมือนภาษาอื่นๆ โดยเรียงจากบุรุษที 3 ก่อน (ตรงข้ามกับ
ภาษาอังกฤษที่เรียงบรุ ุษที่ 1 ข้ึนก่อน) และแบ่งเป็น 3 พจน์ เหมือนคาํ นามทว่ั ไป ต่างแต่ไม่มี
วิภักติที่ 8 เพราะมีคําทักทายแยกต่างหากสําหรับแต่ละบรุ ษุ ดังตารางต่อไปนี้
ศัพท์ทใี่ ช้เปน็ สรรพนามในภาษาสนั สกฤตท้งั 3 บรุ ษุ มีดงั นี้
บรุ ษุ ศัพทท์ ีใ่ ช้เปน็ สรรพนาม (ซึ่งจะมีการผนั ตอ่ ไปขา้ งหน้า)
3rd person เขา, หล่อน, มนั tad แบ่งผันเปน็ 3 ลิงค์ ตามเพศของนามที่ใช้
2nd person ท่าน, เธอ yus‹mad ผันแบบเดียว ใช้ได้ท้ัง 2 ลิงค์ (นปงุ .พูดด้วยไม่ได้)
1st person ฉัน, เรา asmad ผันแบบเดียว ใช้ได้ท้งั 2 ลิงค์ (นปงุ .พูดไมไ่ ด้)
7.3 ในภาษาสนั สกฤตคําสรรพนาม (sarva-na¥man) แบ่งตามบุรษุ ได้ 3 เหมือนกริยาอาขยาต
ผนั ด้วย สปุ ฺ วภิ ักติ (สุพนตฺ ะ) และมีข้อสังเกต คือ คาํ สรรพนาม จะไม่มีวิภักติที่ 8 (คาํ ทกั ทาย)
อีกประการหนึ่ง คือ บรุ ษุ ที่ 1 และ 2 จะผนั เหมือนกนั ท้งั ปงุ ลิงค์และสตรีลิงค์ (ไม่มีนปงุ สกลิงค์)
สรรพนามบรุ ุษที่ 1 ปงุ ลิงค์, สตรีลิงค์ ผันอย่าง ASmd( asmad ฉัน, เรา, พวกเรา ดังนี้
วิภักติที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
1 prathamā aham a¥va¥m vayam
ปฺรถมา Ahm( Aavam( vym(
2 dvitīyā ma¥m, ma¥ av¥ a¥m, nau asma¥n, nas
ทวฺ ิตียา mam( - ma Aavam( - naW ASman( - ns(
3 tṛtīyā maya¥ a¥vab¥ hya¥m, asmab¥ his
ตฤฺ ตียา mya Aava>yam( ASmai.s(
4 caturthī mahyam, me a¥vab¥ hya¥m, nau asmabhyam, nas
จตรุ ถฺ ี möm( - me Aava>yam( - naW ASm>ym( - ns(
5 pañcamī mat a¥vab¥ hya¥m asmat
ปญฺจมี mt( Aava>yam( ASmt(
6 ṣaṣṭhī mama, me a¥vayos, nau asmak¥ am, nas
ษษฐฺ ี mm - me Aavyaes( - naW ASmakm( - ns(
7 saptamī mayi a¥vayos asmas¥ u
สปฺตมี miy Aavyaes( ASmasu
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 82
82
สนั สกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
ขอ้ สังเกต การผนั สรรพนาม บุรษุ ที่ 1
1. เอกพจน์ ข้ึนต้นด้วยคําว่า ma- หรือ ma-¥ ยกเว้น c.1 = aham
2. ทวิพจน์ ขึ้นต้นด้วยคําว่า av¥ a- หรือ av¥ a-¥
3. พหุพจน์ ขึ้นต้นด้วยคาํ ว่า asma- หรือ asma¥- ยกเว้น c.1 = vayam
4. แบบผันด้านขวามือ เป็นแบบพิเศษ (เรียกว่า enclitic form) มีเฉพาะวิภักติคู่ คือ 2-4-6
และ แบบผันนี้ห้ามใช้วางไว้เป็น ตัวแรกของประโยคหรือตัวแรกในการแต่งฉันท์ และ
ห้ามอย่หู นา้ ศัพท์เหลา่ นี้ คือ ca, va¥, และ eva ดังตัวอย่าง ต่อไปนี้
pustakam me asti ฉนั มีหนงั สือเล่มหนงึ่
ห้ามเรียงเปน็ me pustakam asti เพราะ me (c.6 s.) จะใช้เรียงไว้ตัวแรกของประโยค
ไม่ได้
สรรพนามบรุ ษุ ที่ 2 ปงุ ลิงค์, สตรีลิงค์ ผันอยา่ ง yuZmd( yus‹mad ดังนี้
วิภกั ติที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
1 prathamā tvam yuvam¥ yuy¥ am
ปรฺ ถมา Tvm( yuvam( yUym(
2 dvitīyā tva¥m, tva¥ yuva¥m, va¥m yus‹man¥ , vas
ทฺวิตียา Tvam( - Tva yuvam( - vam( yuZman( - vs(
3 tṛtīyā tvaya¥ yuvab¥ hya¥m yus‹mab¥ his
ตฺฤตียา Tvya yuva>yam( yuZmai.s(
4 caturthī tubhyam, te yuvab¥ hya¥m, va¥m yus‹mabhyam, vas
จตรุ ฺถี tu>ym( - te yuva>yam( - vam( yuZm>ym( - vs(
5 pañcamī tvat yuvab¥ hya¥m yus‹mat
ปญฺจมี Tvt( yuva>yam( yuZmt(
6 ṣaṣṭhī tava, te yuvayos, va¥m yus‹ma¥kam, vas
ษษฺฐี tv - te yuvyaes( - vam( yuZmakm( - vs(
7 saptamī tvayi yuvayos yus‹ma¥su
สปฺตมี Tviy yuvyaes( yuZmasu
ข้อสังเกต การผนั สรรพนาม บุรุษที่ 2 มีดงั นี้
1. เอกพจน์ ขึ้นต้นด้วยคําว่า tva- หรือ tva-¥ ยกเว้น c.4 = tu- และ c.6 = tava
2. ทวิพจน์ ขึ้นต้นด้วยคําว่า yuva- หรือ yuva¥-
3. พหพุ จน์ ขึ้นต้นด้วยคาํ ว่า yus‹ma- หรือ yusm‹ a-¥ ยกเว้น c.1 = yuy¥ am
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 83
83
สันสกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
4. แบบผนั แบบพิเศษมีคาํ อธิบายและวิธีใช้เหมือนสรรพนามบรุ ษุ ที่ 1 ข้างต้น ดังตวั อย่าง
ต่อไปนี้
pustakam te asti ท่าน (เธอ) มีหนังสือเล่มหนึ่ง
ห้ามเรียงเปน็ te pustakam asti เพราะ te (c.6 s.) จะใช้เรียงไว้ตวั แรก
ของประโยคไม่ได้
ศพั ทานกุ รม
กริยาธาตุ ใช้ในอาตมเนบททั้งหมด
ธาตุ ไทย เคา้ กริยา + วิภักติ ลฏฺ กริยาสมบูรณ์ ความหมาย
เขาขอ
arthaya อรถฺ ย arthaya + te arthayate เขามองด,ู เหน็
īkṣate เขาส่ัน, หว่นั ไหว
īkṣ อีกฺษฺ īkṣa + te kampate เขาเกิด (แม่ใช้ c.7)
jāyate เขาพูด
kamp กมฺปฺ kampa + te bhāṣate เขาตาย
mriyate เขาพยายาม (เพื่อ c.4)
jan (4) ชนฺ jā + te yatate เขาต่อสู้, รบ(ใช้กับ c.3)
yudhyate
bhāṣ ภาษฺ bhāṣa + te ārabhate เขาเริม่ , ลงมือ, ดาํ เนินการ
mṛ5 (6) มฺฤ mriya + te rocate
labhate เขาทาํ ให้พอใจ, เป็นทีพ่ อใจ
yat ยตฺ yata + te vandate
śikṣate เขาได้มา, ได้รบั
yudh(4) ยุธฺ yudhya + te sahate เขาไหว้
sevate เขาเรียน, ศึกษา
rabh -ā รภฺ -อา ā rabha + te เขาอดทนต่อ ( c.2)
เขารับใช้
ruc รจุ ฺ roca + te
labh ลภฺ labha + te
vand วนทฺ ฺ vanda + te
śikṣ ศิกษฺ ฺ śikṣa + te
sah สหฺ saha + te
sev เสวฺ seva + te
หมายเหตุ ตวั เลขในวงเลบ็ แสดงธาตุหมวดอื่นมิใช่หมวด 1 ซึง่ จะไดก้ ล่าวต่อไปข้างหน้า
5 ธาตุ mṛ เปน็ ปรัสไมบทในวิภักติ ลิฏ,ฺ ลฏุ ฺ, ลุงฺ 84
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)
84
สันสกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
อ การันต์ นปุงสกลิงค์ (Neuter)
เทวนาครี โรมนั ไทย ลิงค์ การันต์ คําแปล
ne] netra เนตรฺ n. a ตา
mu% mukha มุข n. a ปาก, หน้า
pu<y puṇya ปุณยฺ n. a บญุ
ramay, rāmāyaṇa รามายณ n. a รามายณะ
åpk rūpaka รูปก n. a เงิน
suv,R suvarṇa สุวรณฺ n. a ทองคาํ
kLya, kalyāṇa กลยฺ าณ n.
/WyR dhairya ไธรฺ ย n. a ความดีงาม, การพ้นทุกข์
bl bala พล n.
vn vana วน n. a ความม่ันคง, ความแน่วแน่
xaS] śāstra ศาสตฺ รฺ n.
iht hita หิต n. a แรง, กําลงั
a ป่า
a วิชาการ, ตํารา
a ประโยชน์
อ การันต์ ปุงลิงค์ (Masculine)
เทวนาครี โรมนั . ไทย ลิงค์ การนั ต์ คาํ แปล
jn jana ชน m. a คน, ประชาชน (พห)ุ
v*= vṛkṣa วฺฤกฺษ m.
ixv śiva ศิว m. a ต้นไม้
Aë aśva อศฺว m.
ix%r śikhara ศิขร m. a ชือ่ คน, พระศิวะ
ixZy śiṣya ศิษฺย m.
A= akṣa อกฺษ m. a ม้า
A/mR adharma อธรมฺ m.
kop kopa โกป m. a ยอดเขา
=i]y kṣatriya กฺษตรฺ ิย m.
n*pit nṛpati นฺฤปติ m. a ศิษย์, ผ้พู ึงสอน
a ลูกเต๋า, ลูกบาศก์
a ความอธรรม
a ความโกรธ
a นกั รบ (วรรณะกษัตริย์)
a พระเจ้าแผ่นดิน
***** จบ บทที่ 7 ***** 85
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
85
สันสกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
แบบฝึกหดั ที่ 7
1. จงผนั กริยาธาตุ ईक्ष ् (īkṣ) และ भाष ्(bhāṣ) ซึ่งเปน็ ธาตุหมวดที่ 1 มี a ปจั จยั ประจํา
หมวดธาตุ ดว้ ยวิภักติอาขยาต หมวด ลฏฺ ฝ่าอาตมเนบท ปจั จบุ นั กาล ให้ครบทกุ พจน์และบรุ ษุ
พร้อมท้งั เทียบอักษรโรมนั ด้วย
2. คาํ สรรพนามต่อไปนี้แปลว่าอะไร?
1. मया ..................................................................................
2. यु ान ् ...................................................................................
3. त ् ..................................................................................
4. यु ािभस ् ..................................................................................
5. यवु ाम ् ...................................................................................
6. आवाम ् ...................................................................................
7. आवााम ् ...................................................................................
8. अाकम ् ...................................................................................
9. तव ...................................................................................
10.अान ् ...................................................................................
3. จงเติมคาํ ต่อไปนี้ลงในวงเลบ็ ให้ตรงตามบรุ ษุ และพจน์
नरौ जलं ययु म ् यवु ाम ् वयम ् अहम ् जनाः आवाम ्
1. (...........) ............................................................... पतावः
2. (...........) ............................................................... भाषावहे
3. (...........) ............................................................... पतित
4. (...........) ............................................................... लभे
5. (...........) ............................................................... सीदतः
6. (...........) ............................................................... जीवामः
7. (...........) ............................................................... गहु ि
8. (...........) ............................................................... लभे
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 86
86
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
4. จงแปลเปน็ ภาษาไทย
1. धनािन गहृ षे ु गहु ि। dhanāni gṛheṣu guhanti
2. मागण मामं गावः। mārgeṇa grāmaṃ gacchāvaḥ
3. िशो गरु ं नमित। śiṣyo guraṁ namati
4. सखु ने हे गहृ े ितित पऽु ः। sukheneha gṛhe tiṣṭhati putraḥ
5. हयोः फले िततः। hastayoḥ phale tiṣṭhataḥ
6. नरः पऽु णे माग गित। naraḥ putreṇa mārge gacchati
7. माम ् ाम च् िपतरौ रक्षतः। mām tvām ca pitarau rakṣataḥ
8. पापद ्ःखं जायत।े pāpād duḥkhaṃ jāyate
5. จงแปลเปน็ ภาษาสันสกฤต
1. คนท้งั สอง1 ย่อมไป4 ส่เู มือง3 โดยทาง2
2. คนท้งั สอง1 ย่อมนาํ 4 ซึ่งบตุ รท้งั หลาย2 ส่เู รือน3
3. บุตรท้งั หลาย2 ของคน1 ย่อมน่ัง4 บนเสือ่ ท้งั หลาย3
4. ท่านย่อมกล่าว2 เพราะเหตใุ ด1
5. พระเจ้าแผ่นดิน4 ย่อมให3้ ซึ่งเงิน2 แก่คนท้งั สอง1
6. ผลไม้ท้งั หลาย1 ย่อมมีอยู่ (√sthā)3 บนต้นไม้ท้งั หลาย2
7. ประชาชน (พหุ.)1 ย่อมระลึกถึง3 ซึ่งพระหริ2
8. พระเจ้าแผ่นดินท้งั สอง1 ย่อมมีความโลภ3 ในแก้วมณีท้งั หลาย2
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 87
87
สันสกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
บทที่ 8
สรรพนามบรุ ุษที่ 3 อิ การนั ต์ นปุงสกลิงค์
และพยญั ชนะการันต์ (หลันตะ)
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 88
88
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)
ขอบขา่ ยการศึกษา
1. การผนั สรรพนามบุรษุ ที่ 3 ใน 3 ลิงค์ (ปงุ ลิงค์, สตรลี ิงค์, นปงุ สกลิงค์)
2. การผันคํานามที่ลงท้ายดว้ ย อิ การนั ต์ ในนปงุ สกลิงค์
3. การผันคํานามที่ลงท้ายด้วยพยญั ชนะ หรือหลันตะ
4. การผนั คํานามที่ลงทา้ ยด้วย -in (อินฺ การนั ต์) ในปงุ ลิงค์
5. หลักการทาํ ให้คณุ ศัพท์ทีล่ งท้ายด้วย -in (อินฺ การนั ต์) ไปขยายคาํ นามสตรีลิงค์ และ
การผนั
6. การผันคํานามที่ลงท้ายดว้ ย -in (อินฺ การนั ต์) ในนปงุ สกลิงค์
วัตถปุ ระสงค์
1. เพือ่ ให้เข้าใจและสามารถผนั สรรพนามบรุ ษุ ที่ 3 ใน 3 ลิงค์ คือ ปุงลิงค์, สตรีลิงค์ และ
นปงุ สกลิงค์ ได้
2. เพือ่ ให้เข้าใจและสามารถผนั คํานามที่ลงท้ายด้วย อิ การนั ต์ ในนปงุ สกลิงค์ ได้
3. เพื่อให้สามารถผนั คํานามทลี่ งท้ายด้วย -in (อินฺ การนั ต์) ในปงุ ลงิ ค์ สตรีลงิ ค์ และ
นปงุ สกลิงคไ์ ด้
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 89
89
สนั สกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
บทที่ 8
สรรพนามบุรุษที่ 3 อิ การันต์ นปงุ สกลิงค์
และพยญั ชนะการนั ต์ (หลนั ตะ)
8.1 ดังเราได้ศึกษาเรื่องสรรพนามบุรุษที่ 1 และ 2 มาแล้วในบทที่ 7 ที่ผ่านมา ต่อไปนี้เราจะ
ศึกษาสรรพนามบุรุษที่ 3 ซึ่งแปลกจากท้ังสองบุรุษที่เราได้ศึกษามา คือ แต่ละลิงค์มีแบบผัน
เฉพาะตวั (ต่างจากบุรุษที่ 1 และ 2 ทีท่ ้งั ปุงลิงค์ และสตรีลิงค์ผันเหมือนกนั )
สรรพนามบรุ ษุ ที่ 3 แทนด้วย tad ปงุ ลิงค์ แปลว่า เขา ผนั ดังนี้
สรรพนามบุรษุ ที่ 3 แทนด้วย tad สตรีลิงค์ แปลว่า หล่อน, เธอ ผันดงั น้ี
คําอธิบาย การผัน tad ปงุ ลิงค์และสตรีลิงค์ มีข้อสังเกต ดังนี้
1. ปุงลิงค์ วิภักติที่ 3 - 7 เอกพจน์ เป็นสูตรลงท้ายด้วย -ena, -asmai, -asma¥t,
-asya, -asmin และจะใช้ผนั วิเศษณ์สรรพนามด้วย
2. สตรีลิงค์ ยังคงใช้สูตร ya¥, yai, yas¥ , yam¥ (ดูการผันคํานามลงท้ายด้วยสระ a,¥
i, ≠ สตรีลิงค์ ข้างหน้าประกอบด้วย)
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 90
90
สนั สกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
สรรพนามบรุ ษุ ที่ 3 แทนด้วย tad นปุงสกลิงค์ แปลว่า มนั ผนั ดงั นี้
คําอธิบาย การผนั tad นปุงสกลิงค์ มีข้อสังเกต ดงั นี้
1. นปุงสกลิงค์ วิภักติที่ 3 - 7 เอกพจน์ เป็นสูตรลงท้ายด้วย -ena, -asmai, -
asmat¥ , -asya, -asmin เหมือนปงุ ลิงค์
2. ทวิพจน์ของท้ังสามลิงค์ ผันเหมือนกัน ยกเว้น ปุงลิงค์ c. 1-2 d. (= 1st, 2nd
Case, Dual วิภกั ติที่ 1-2 ทวิพจน์) เท่าน้ัน
8.2 การผนั คาํ นาม อิ การนั ต์ นปงุ สกลิงค์
i อิ การนั ต์ นปงุ สกลิงค์ ผันเหมือน va¥ri (น้ํา)
ตารางนี้ใช้สําหรับผนั ศพั ท์ต่อไปน้ี
1. คํานาม อิ การันต์ นปุงสกลิงค์มีศัพท์เดียวน้ี และส่วนใหญ่มีแบบผันต่างหาก คือ
aks‹i (ดวงตา), asthi (กระดูก), dadhi (นมเปรี้ยว), sakthi (ขาอ่อน) ผันไม่เหมือน
ศัพท์ อิ การนั ต์ปกติ
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 91
91
สนั สกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
8.3 การผันคํานามลงทา้ ยดว้ ยพยัญชนะ หรือ หลนั ตะ (halanta)
ดังเราได้ศึกษามาแล้วในบทที่ 2 (ข้อ 2.3) ว่า คํานามในภาษาสันสกฤตมีท้ังที่ลงท้าย
ด้วยสระ (เรียกว่า อชันตะ) และ ทีล่ งท้ายด้วยพยัญชนะ (เรียกว่า หลันตะ) ในบทนี้ เราจะเรียน
เพิ่มเติมเรื่องการผนั คาํ นามที่ลงท้ายด้วยพยญั ชนะหรือหลนั ตะ
การผันคํานามที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะน้ี จะไม่จัดให้เรียนตามลิงค์ แต่จะแนะนําให้
เรียนตามการันต์ที่ผันปกติ ผันแล้วมี 2 แบบ หรือ 3 แบบ เพราะการจัดอย่างนี้จะทําให้
จดจาํ ง่ายขึ้น
8.4 การผนั คํานามลงทา้ ยดว้ ยพยญั ชนะ -in (อินฺ การันต์)
พยัญชนะการันต์ ทลี่ งทา้ ยดว้ ย -in
ปงุ ลิงค์ ผนั เหมือน hastin (สตั ว์มีมือ = ช้าง) ดงั น้ี
คาํ อธิบาย ตาราง นี้ใช้สาํ หรับผนั ศพั ทต์ ่อไปน้ี
1. คํานาม คําคุณศัพท์ ปุงลิงค์ที่ลงท้ายด้วย -in ทุกตัว เช่น svam¥ in (เจ้านาย)
dhanin (คนรวย), yogin (นกั บวช, โยคี)
2. วิธีการผนั มีข้อควรจํา ดงั นี้
2.1 เมื่อผสมกับสุปฺวิภักติที่ข้ึนต้นด้วย พยัญชนะ จะมีรูปก่อนประสมวิภักติ คือ
hasti
2.2 เมื่อผสมกับสุปฺวิภักติที่ขึ้นต้นด้วย สระ จะมีรูปก่อนประสมวิภักติ คือ
hastin (รูปเดิม)
หมายเหตุ ถ้าต้องการให้คุณศัพท์ที่ลงท้ายด้วย -in น้ีไปขยายคํานามสตรีลิงค์ ให้เติม
สระ ≠ ต่อท้ายเป็น -in≠ แล้วนําไปผันแบบ ≠ การันต์สตรีลิงค์ (ที่จะเรียนในบทต่อๆ ไป
ข้างหน้า) ได้เลย เช่น จาก balin (ชาย) ทรงพลัง > balin≠ (หญิง) ผ้มู ีพลัง)
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 92
92
สนั สกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
พยัญชนะการันต์ ทลี่ งท้ายด้วย -in นปุงสกลิงค์
นปงุ สกลิงค์ ผันเหมือน balin (สิ่งมีพลงั ) ดงั นี้
คําอธิบาย ตารางนี้ใช้สาํ หรบั ผนั ศพั ทต์ ่อไปน้ี
1. คําคุณศัพท์ นปุงสกลิงค์ที่ลงท้ายด้วย -in ทุกตัว เช่น manasvin (ฉลาด)
dhanin (มีทรพั ย์)
2. วิธีการผนั คล้าย ๆ ปุงลิงค์ ต่างกนั ที่ c.1-2-8 เท่าน้นั
ศัพทานุกรม
นามศัพท์ โรมนั . ไทย ลิงค์ การนั ต์ คําแปล
เทวนาครี ชนก
janaka ทณฺฑ m. a พ่อ
jnk daṇḍa โลก
d<@ loka สตู m. a ไม้เท้า, ไม้ถือ, การลงทณั ฑ์
lok sūta เสตฺ น
sUt stena อนรฺถ m. a โลก
Sten anartha อุทโฺ ยค
AnqR udyoga ทวฺ ิช m. a คนขับรถ
£Ûog dvija มนษุ ยฺ
iÜj manuṣya ยชญฺ m. a ขโมย
mnuZy yajña วินย
yD vinaya อรถฺ m. a ความยากแค้น, ความยากไร้
ivny artha
AqR m. a ความหมน่ั , ความขยนั
m. a ทวิชาติ,
m. a มนษุ ย์
m. a การบชู าบวงสรวง
m. a วินยั ,ความเชื่อฟัง,ความอยู่ในระเบียบ
m. a ความหมาย, จุดประสงค์, ทรัพย์ส่ิงของ
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 93
93
สันสกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)
กริยาธาตุ หมวด 1 ตวั อย่าง ความหมายธาตุ (+อปุ สรรค)
โรมนั ไทย
rohati งอก, เจริญ
ruh รุหฺ
ruh -ā รหุ ฺ -อา rohati ข้ึน, ไต่ขึ้น, ปนี ขึ้น
ruh -ava รหุ ฺ -อว
gam -ā คมฺ -อา rohati ลง, ไต่ลง, ปนี ลง
gam -ava คมฺ -อว
tṛ ตฤฺ āgacchati มา
tṛ -ava ตฤฺ -อว
avagacchati เข้าใจ
tarati ข้าม
tarati ก้าวลงมา, ลงมาเกิดในโลกมนษุ ย์
จากสวรรค์ (สําหรับพระวิษณุ)
nī -upa นี -อุป upanayati รับเข้าเปน็ ศิษย์, นาํ เข้าส่วู งใน
nī -pari นี -ปริ
pat -ud ปตฺ -อทุ ฺ pariṇayati นาํ ไปรอบๆ (กองไฟ), แต่งงาน
ṛ ฤ
kram -ā6 กรฺ มฺ -อา utpatati บินขึ้น
cam -ā จมฺ -อา
hṛ หฺฤ ṛcchati ไป, เคลื่อนที่, ตกเปน็ ของ
khan ขนฺ
ākrāmati ก้าวเข้าสู่, โจมตี
ācāmati บ้วนปาก, ดืม่ , ดืม่ น้ํา
harati แย่งเอาไป, พาไป (โดยพลการ)
khanati, -te ขดุ
กริยาธาตุ หมวด 1 อาตมเนบท (Deponent Verbs)
โรมนั ไทย ตัวอยา่ ง ความหมายธาตุ (+อุปสรรค)
gam-sam คม-ฺ สมฺ saṅgacchate คบด้วย, มาด้วย (ใช้กบั วิภกั ติ 3), พบกนั
ji-parā ชิ-ปรา parājayate พ่ายแพ้
pad-pra ปท-ฺ ปรฺ prapadyate ไปสู่, เพือ่ ที่พงึ่ (ใช้กบั วิภกั ติ 2)
bhikṣ ภิกฺษฺ bhikṣate ขอ, ได้มาด้วยการขอ
vṛt วฤฺ ตฺ vartate อย่,ู ดํารงชีวิตอยู่, เปน็ อยู่
śubh ศภุ ฺ śobhate ฉายแสง, เด่น, ร่งุ เรือง
***** จบ บทที่ 8 *****
6 ธาตเุ หล่านี้ คือ kram, klam, tras, และ laṣ เป็นธาตุหมวดที่ 1 และ 4 เมือ่ ประกอบวิภกั ติฝ่าย
อาตมเนบท สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 94
94
สนั สกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
แบบฝึกหัดที่ 8
1. จงผนั คาํ นาม ािमन ् (svāmin) และ धिनन (् dhanin) ซึง่ เปน็ คาํ นาม คณุ ศพั ท์ ปงุ ลิงค์
ทีล่ งท้ายด้วย -in ให้ครบทกุ วิภกั ติและพจน์ พร้อมท้งั เทียบอักษรโรมนั ด้วย
2. จงเติมคาํ สรรพนามที่ให้ไวล้ งในวงเล็บ
सः तौ ते तत ् तािन
1. (...........) ............................................................... मनु ाः
2. (...........) ............................................................... वनािन
3. (...........) ............................................................... जनः
4. (...........) ............................................................... िहते
5. (...........) ............................................................... शाम ्
6. (...........) ............................................................... फलम ्
7. (...........) ............................................................... दवे ौ
8. (...........) ............................................................... गजाः
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 95
95
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
บทที่ 9
กริยาธาตุหมวด 6, กริยาอาขยาต อดีตกาลไม่สมบรู ณ์
อุ การันต์ นปงุ สกลิงค์
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 96
96
สนั สกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
ขอบขา่ ยการศึกษา
1. กริยาอาขยาต ธาตุหมวดที่ 6 (ตุทาทิคณะ)
2. การประกอบกริยาธาตหุ มวดที่ 6 และการผันกบั วิภกั ติหมวด ลฏฺ (ปัจจบุ นั กาล)
3. กริยาอาขยาต อดีตกาลไม่สมบูรณ์ (Imperfect) การผัน ในฝ่ายปรัสไมบท และ
อาตมเนบท
4. การผนั อุ การันต์ นปงุ สกลิงค์
วตั ถุประสงค์
1. เพื่อให้เข้าใจการประกอบกริยาธาตหุ มวด 6 และสามารถผันได้อย่างถกู ต้อง
2. เพื่อให้เข้าใจเรื่องกาล ในภาษาสันสกฤตในเบื้องต้น และกฏการประกอบกริยาอาขยาต
อดีตกาลไม่สมบรู ณ์ (Imperfect) ท้งั ในฝ่ายปรสั ไมบท และอาตมเนบท
3. นกั ศึกษาสามารถผนั อุ การนั ต์ นปงุ สกลิงค์ ได้อย่างถูกต้อง
4. นักศึกษาสามารถแต่ง-แปล ข้อความส้นั ๆ ตามทีก่ าํ หนดได้
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 97
97
สนั สกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
บทที่ 9
กริยาธาตหุ มวด 6, กริยาอาขยาต อดีตกาลไม่สมบูรณ์
อุ การนั ต์ นปงุ สกลิงค์
9.1 กริยาอาขยาต ธาตุหมวดที่ 6 (ตทุ าทิคณะ)
เราได้ศึกษาการผนั กริยาอาขยาต ธาตุหมวด 1 (ภฺวาทิคณะ) ด้วย ลฏฺ ลการมาแล้ว
ในบทที่ 5 บทนี้เราจะศึกษาธาตุหมวด 6 หรือเรียกทางไวยากรณ์ว่า ตุทาทิคณะ (หมายถึง
หมวดธาตุที่มี ตุทฺ ธาตุ เป็นตัวแรก) ธาตุหมวด 6 นี้มีปัจจัยประจําหมวด คือ อ a ปัจจัย
เช่นเดียวกับธาตุหมวด 1 แต่ที่แตกต่างกัน ก็คือ ธาตุหมวด 6 ไม่ต้องทําสระเป็นข้ันคุณ ให้
นําไปผสมกับ อ a ปจั จยั แล้วกลายเป็น เค้ากริยา (stem) แล้วนําเค้ากริยาไปผันกับวิภักติ
กริยาหมวด ลฏฺ หรือ ลฏฺ ลการ จะได้รูปสมบูรณ์พร้อมนาํ ไปใช้ในประโยคได้
เหตุผลทีธ่ าตหุ มวด 6 ไม่ตอ้ งทาํ สระเป็นขน้ั คณุ เพราะ a ปจั จัย เปน็ เสียง
เน้นหนกั (accented) อย่แู ล้ว (แต่ a ปัจจัย ของธาตหุ มวด 1 เปน็ เสียงเบา – unaccented
จึงต้องทาํ ธาตุเปน็ ข้ันคณุ )
แต่อย่างไรก็ตาม ธาตุหมวด 6 น้ี บางธาตุต้องมีการเติมพยัญชนะอนุนาสิก
(nasal) ลงหน้าพยัญชนะตัวสุดท้ายของธาตุ และบางธาตุก็เปลี่ยนรูปพิเศษเหมือนธาตุ
หมวดที่ 1
การประกอบกริยาธาตหุ มวด 6 มีกฎ ดงั นี้
1. นํา a อ ปัจจัยไปเติมท้ายธาตุหมวดที่ ๖ น้ีได้เลยซึ่งจะได้ เค้ากริยา หรือ stem
แล้วนําเค้ากริยาไปผันกับวิภักติกริยาหมวด ลฏฺ (ปัจจุบันกาล) หรือ ลฏฺ ลการ ได้ทันที ดัง
ตัวอย่าง
ธาตหุ มวด 6 +a + ลฏฺ ลการ ความหมาย
เค้ากริยา รูปกริยาสมบูรณ์
kr‹s‹ กฤฺ ษฺ krs‹ a‹ kṛṣati (เขา) ไถ, ลาก,ดึง
kṣip กษฺ ิปฺ kṣipa kṣipasi (ท่าน) ขว้าง
diś ทิศฺ diśa diśāmi (ฉัน) ช้ี, บอก
viś วิศฺ viśa viśatas (เขาท้งั สอง)เข้าไป
spṛś สฺปฤศฺ spṛśa spṛśāmas (พวกเรา) สัมผสั
sṛj สฺฤชฺ sṛja sṛjati (เขา) สร้าง
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 98
98
สนั สกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
2. ธาตหุ มวดที่ 6 บางตวั กม็ ีการแปลงรปู พิเศษ เช่นเดียวกบั ธาตหุ มวดที่ 1 เช่น
ไทย ธาตุ รปู พิเศษ + a ปัจจยั + ลฏฺ ลการ ความหมาย
รปู กริยาสมบูรณ์
อิษฺ iṣ > icch + a = iccha icchati (เขา) ต้องการ,ปรารถนา
ปรฺ ฉฺ prach > pṛcch + a = pṛccha pṛcchasi (ท่าน) ถาม
3. ธาตุหมวด 6 (บางตัว) ที่หน้าพยัญชนะตัวสุดท้ายของธาตุ จะต้องเติมพยัญชนะ
อนุนาสิก (คือ ตัวสดุ ท้ายของวรรคท้งั ห้า) ที่เปน็ วรรคเดียวกันกับพยญั ชนะตวั สดุ ท้ายน้ัน เช่น
kr‹t กฺฤตฺ ธาตุ มี t ตฺ เป็นพยญั ชนะท้าย ต้องเติม n นฺ ซึ่งเป็นพยัญชนะ
นาสิก ท้ายวรรค t ตฺ ไว้ที่หน้า t ตฺ เป็น krn‹ t กฺฤนฺตฺ ก่อนแล้วค่อยนําไป
ประสมกบั อ a ปัจจยั และ ลฏฺ ลการ ต่อไป
ธาตุหมวดที่ 6 ทีม่ ีการเติมพยัญชนะ อนุนาสิก มีดังตารางต่อไปนี้
ไทย ธาตุ + พยัญชนะ + a + ลฏฺ ลการ ความหมาย
อนุนาสิก รูปกริยาสมบรู ณ์
กฺฤตฺ kṛt kṛnt kr‹ntati (เขา) ตัด
มจุ ฺ muc muñc muñcati (เขา) ปล่อย, ปลดเปลื้อง
ลิปฺ lip limp limpati (เขา) ทา
ลปุ ฺ lup lump lumpati (เขา) ปล้น, ทาํ ให้แตก
สิจฺ sic siñc siñcati (เขา) รด
9.2 กริยาอาขยาต อดีตกาลไม่สมบูรณ์ (Imperfect)
เรื่องกาลเวลา เป็นสิ่งที่เหมือนกันสําหรับมนุษย์ทุกชาติทุกภาษา นอกจาก
ชีวิตประจําวันที่ต้องใช้ปัจจุบันกาล อดีตกาลก็เป็นสิ่งที่เราประสพได้ในการพูดและเขียน
ภาษาต่าง ๆ ในภาษาสันสกฤตก็ มีกริยาที่บ่งบอกอดีตกาลเช่นเดียวกับภาษาไทย แต่มี
ความหลากหลายมากกว่า คือ มีอดีตกาลสมบูรณ์ (Perfect) และอดีตกาลไม่สมบูรณ์
(Imperfect) และอดีตกาลใกล้ๆ (Aorist)
วิภกั ติกริยาอาขยาต (กริยาหลัก) ปรัสไมบท อดีตกาล ไมส่ มบรู ณ์ (Imperfect) มี
วิธีการประกอบเหมือนกบั วิภักติอาขยาตปจั จุบนั กาลทกุ ประการ คือ นําธาตหุ มวดทีไ่ ด้เรียน
มาแล้ว (หมวด 1 และ 6) ไปทาํ ตามกฎจนได้รปู เค้ากริยา (stem) ก่อนแล้วจึงนํามาประกอบกบั
วิภักติอาขยาตอดีตกาลนี้ แต่ข้อแตกตา่ งจากกริยาอาขยาตปจั จบุ ันกาล ก็คอื กริยาอาขยาต
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 99
99
สันสกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)
อดีตกาลนี้ต้องเพิ่ม อ อาคม7 (a aucment) ข้างหน้าธาตทุ กุ ตวั ด้วย เมื่อแสดงเปน็ แผนภมู ิ
โครงสร้างจะได้รปู ดงั นี้
a อาคม + เคา้ กริย (stem) + วิภกั ติอาขยาต อดีตกาลไมส่ มบรู ณ์ ปรสั ไมบท
วิภักติกริยา(อาขยาต) อดีตกาลไม่สมบรู ณ์ ปรัสไมบท ดงั น้ี
บุรุษที่ / พจน์ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3 t( t
2 s( s tam( ta¥m An( an1
1 Am( am1 tm( tam t ta
v va2 m ma2
วิธีใช้ วภิ ักติกริยา(อาขยาต) อดีตกาล ปรสั ไมบท คือ
1. a ของ an (บุรุษที่ 3 พหุพจน์) และของ am (บุรุษที่ 1 เอกพจน์) ลบทิ้งเมื่อ
ผสมกับ เค้ากริยา (stem)
2. va (บุรุษที่ 1 ทวิพจน์) ma (บรุ ุษที่ 1 พหุพจน์) เมื่อประกอบท้ายเค้ากริยาต้อง
ทาํ สระ a ท้ายเค้ากริยาน้นั ให้เปน็ เสียงยาว คือ a¥
ตัวอย่าง การผนั กริยาอดีตกาล ปรัสไมบท ธาตหุ มวด 1 (n≠ = นําไป,แนะนาํ )
บรุ ษุ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3 anayat
2 anayas anayata¥m anayan
1 anayam
anayatam anayata
anaya¥ma
anayav¥ a
7 อาคม (aucment) ในไวยากรณ์สันสกฤต หมายถึง ส่ิงท่ีเพิ่มเข้ามาข้างหน้าธาตุ ไม่ใช่คาถาหรือเวท
มนต์ตามภาษาไทยแต่อย่างใด 100
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)
100
สันสกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
วิธีประกอบ อ อาคม (a aucment)
1. เมื่อประสมข้างหน้าของธาตุ (root) ที่ขึ้นต้นด้วยสระ จะรวมกันกับสระน้ันๆ
กลายเปน็ ข้นั วฤทธิ (ไม่ใช่เป็นข้ันคุณ เหมือนกรณีของธาตุหมวดที่ 1) ตวั อย่าง
ธาตุ / หมวด รปู a อาคม+สระหน้าธาตุ = รูป ความหมาย
ปจั จุบนั กาล อดีตกาล
is‹ / 6 ขัน้ วฤทธิ ต้องการ, ปรารถนา
r ‹/ 6 icchati a + iccha = aiccha aicchat ถึง, ได้รับ
rc‹ chati a + rc‹ cha = a¥rccha ar¥ cchat
2. ถ้ากริยาน้ันมีอุปสรรค (ดูเรื่องอุปสรรค หน้าที่ 30 ) อยู่ข้างหน้าธาตุ ให้แทรก a
อาคม ลงตรงกลางระหว่าง อุปสรรค กับ ธาตุ และให้ทําสนธิตามกฎสนธิสระหรือพยัญชนะ
ด้วย ตัวอย่าง
อปุ สรรค ธาตุ /หมวด รปู ปจั จบุ ันกาล แทรก a อาคมตรงกลาง รูปอดีตกาล ความหมาย
parina‹ yati pari + a + naya paryana‹yat แต่งงาน
pari n≠ (1) niran‹ayat ตกลงใจ
nis n≠ (1) nirn‹ayati nis + a + naya บินขึ้น
ut pat (1) udapatat งอกขึ้น, เติบโต
a¥ ruh (1) utpatati ut + a + pata ar¥ ohat ไหว้
pra nam (1) pran¥ a‹ mat ปกครอง
adhi stha¥ (1) a¥rohati a¥ + a + roha adhyatist‹ ‹hat พินาศ
vi nas´ (4) vyanas´yat
pran‹amati pra + a + nama
adhitis‹t‹hati adhi + a + tis‹t‹ha
vinas´yati vi + a + nas´ya
9.3 กริยาอาขยาต อดีตกาลไม่สมบูรณ์ (Imperfect) อาตมเนบท
มี 9 วิภักติ แยกตามบรุ ุษ 3 x 3 พจน์ เช่นเดียวกนั กับ ปรสั ไมบท ดงั นี้
บรุ ุษที่ / พจน์ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3 t ta
2 qas( thas¥ štam( ita¥m1 ANt anta2
1 š i1 štam( itha¥m1 ?vm( dhvam
vih vahi3 mih mahi3
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 101
101
สันสกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
วิธีใช้ วภิ ักติกริยา(อาขยาต) อดีตกาล อาตมเนบท คือ
1. i ที่เป็นสระตัวแรกของวิภักติหมวดน้ี เมื่อประสมกับ a สระทา้ ยของเคา้ กรยิ า
(Stem) จะไดร้ ปู เป็น e เชน่
a + labh(1) + a + ita¥m = alabheta¥m
a + labh(1) + a + i = alabhe
2. a ของ anta (บุรษุ ที่ 3 พหุพจน์) ลบทิ้งเมื่อผสมกบั เค้ากริยา (stem) เช่น
a + labh(1) + a + anta = alabhanta
3. vahi (บุรุษที่ 1 ทวิพจน์) mahi (บุรุษที่ 1 พหุพจน์) เมื่อประกอบท้ายเค้ากริยา
ต้องทําสระ a ท้ายเค้ากริยาน้นั ให้เปน็ เสียงยาว คือ a¥
ตวั อยา่ ง การผันกริยาอดีตกาล อาตมเนบท ธาตหุ มวด 1 (ruc = ถูกใจ)
บุรษุ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3 arocata
2 arocatha¥s aroceta¥m arocanta
1 aroce
arocetha¥m arocadhvam
aroca¥mahi
arocav¥ ahi
หมวด 6 (kamp = สนั่ ,ไหว)
บุรุษ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3 akampata akampeta¥m akampanta
2 akampatha¥s akampetha¥m akampadhvam
akampa¥mahi
1 akampe akampa¥vahi
9.4 การผันคาํ นาม อุ การนั ต์ นปงุ สกลิงค์
u อุ การนั ต์ นปงุ สกลิงค์ ผนั เหมือน madhu (น้าํ ผึ้ง)
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 102
102
สนั สกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
ตารางนี้ใช้สาํ หรับผนั ศัพท์ต่อไปนี้
1. คํานาม อุ การนั ต์ นปงุ สกลิงค์ปกติทกุ ตวั เช่น as´ru (น้าํ ตา), vastu (ทรัพยส์ ิน)
คาํ คณุ ศพั ท์ นปงุ สกลิงค์ทีล่ งท้ายด้วยสระ u เช่น laghu (เบา), guru (หนกั )
ศัพทานกุ รม
นามศพั ท์ โรมนั ไทย ลิงค์ การันต์ คาํ แปล
เทวนาครี อศรฺ ุ
aśru วสุ n. u น้ําตา
Aè[u vasu ทารุ n.
vsu dāru สตู n. u ทรพั ย์สมบตั ิ
daru vastu อมฺพุ n.
vStu ambu ศทู ฺร n. u ไม้, ท่อนไม้
AMbu śūdra คฤฺ หสฺถ m.
xUd[ gṛhastha ปรฺ ยาค m. u วตั ถุ, วัสดุ
g*hSq prayāga วิหค m.
p[yag vihaga วยฺ าธ m. u น้ํา
ivhg vyādha สฺวรคฺ m.
Vya/ svarga รณ m. a ศทู ร
SvgR raṇa ศรณ m./ n.
r, śaraṇa หฺฤทย n. a ผ้คู รองเรือน
Xr, hṛdaya ปาท n.
òdy pāda อินฺทรฺ a a ชือ่ เมือง
pad indra กาวฺย a
šNd[ kāvya คฺรนถฺ a a นก
kaVy grantha ปุสฺตก a
g[Nq pustaka ปรู a a พราน, ผ้ลู ่าสตั ว์
puStk pūra a
pUr พฺราหมฺ ณ a สวรรค์
brāhmṇa มตสฺ ยฺ a
b[aõ, matsya a a การรบ
mTSy
a ทีพ่ ึ่ง
a หัวใจ
m. เท้า ,หนึ่งในสเี่ สี้ยว ,รศั มี , แสง
m. พระอินทร์
n. กาพย์, บทประพันธ์ของกวี
m. หนังสือ, งานที่ประพนั ธ์เปน็ เล่ม
n. สมุด
m. กระแสน้าํ ทีไ่ หลมา, น้าํ ที่เต็มฝ่งั
แม่น้าํ
m. พราหมณ์
m. ปลา
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 103
103
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
กริยาธาตุ หมวด 1 ตัวอย่าง ความหมายธาตุ
โรมนั ไทย ท่อง, อ่าน
paṭhati ปกครอง, มีอาํ นาจเหนือ, เกิดขึ้น
paṭha ปฐฺ
bhū -pra ภู -ปฺร prabhūti
กริยาธาตุ หมวด 6 ตัวอย่าง ความหมายธาตุ
โรมัน ไทย ไถ, ลาก,ดึง
kṛṣ กฺฤษฺ kṛṣati ขว้าง
kṣip กฺษิปฺ kṣipati ช้ี, บอก
diś ทิศฺ diśati เข้าไป
viś วิศฺ viśati สัมผัส
spṛś สฺปฤฺ ศฺ spṛśati สร้าง
sṛj สฺฤชฺ sṛjati ต้องการ, ปรารถนา
iṣ อิษฺ icchati ถาม
prach ปฺรฉฺ pṛcchati ตัด
kṛt กฤฺ ตฺ kr‹ntati ปล่อย, ปลดเปลื้อง
muc มุจฺ muñcati ทา
lip ลิปฺ limpati ปล้น, ทําให้แตก
lup ลุปฺ lumpati รด
sic สิจฺ siñcati ขีด, เขียน
likh ลิขฺ likhati
***** จบ บทที่ 9 *****
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 104
104
สันสกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
แบบฝึกหดั ที่ 9
1. จงแปลเปน็ ภาษาไทย
1. कु ान ह् ाां िक्षपामः। kuntān hastābhyāṃ kṣipāmaḥ
2. नपृ ाय नरौ माग िदशतः। nṛpāya narau mārgaṃ diśataḥ
3. जलं िसित मघे ः। jalaṃ siñcati meghaḥ
4. सखु ने हे गहृ े ितित पऽु ः। sukheneha gṛhe tiṣṭhati putraḥ
5. धनने सखु िमि नराः। dhanena sukham icchanti narāḥ
6. हयोः फले िततः। hastayoḥ phale tiṣṭhataḥ
7. जलं हने शृ िस। jalaṃ hastena spṛśasi
8. क्षऽे ािण लालःै कृ षि। kṣetrāṇi lāṅgalaiḥ kṛṣanti
9. नगरं नपृ ौ िवशतः। nagaraṃ nṛpau viśataḥ
10. नराजृ ित दवे ः। narānsṛjati devaḥ
11. सदा दवे ा जनान म् ु ि पापात।् sadā devā janān muñcanti pāpāt
12. नपृ पऽु ौ वसतः। nṛpasya putrau kva vasataḥ
13. ऋिषः्र खाऽु ं रक्षित। ṛṣir duḥkhāt putraṃ rakṣat
14. कवयो हिरमशसं न।् kavayo hariṃ aśaṃsan
2. จงปริวรรตภาษาสนั สกฤตในข้อ 1 เป็นอกั ษรไทย
3. จงแปลเปน็ ภาษาสนั สกฤต
1. เดก็ 4 ยอ่ มถาม3 ซ่ึงทาง2 กะคนทง้ั หลาย1
2. เมฆทั้งหลาย1 ยอ่ มหยาด4 ซงึ่ นํา้ 3 ในทงุ่ นาทงั้ หลาย2
3. เทวะทง้ั หลาย4 ยอ่ มให3้ ซงึ่ น้ํา2 ของเมฆทั้งหลาย1
4. เราทง้ั หลายยอ่ มลา้ ง3 ซง่ึ มือทง้ั สอง2 ด้วยน้าํ 1
5. เด็กทง้ั สอง3 ยอ่ มช4้ี ซึ่งทาง2 สูเ่ มือง (ใช้ Gen.)1
6. พระศวิ ะ1 ย่อมพาํ นักอยู่3 ในภเู ขาท้งั หลาย2
7. ข้าศึกทง้ั สอง1 ย่อมพ่งุ 4 ซึง่ หอกทัง้ หลาย2 แก่พระเจ้าแผน่ ดนิ 3
8. ราม1 ย่อมสมั ผสั 4 ซ่ึงบุตรทั้งสอง3 ด้วยมือท้งั สอง2
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 105
105
สันสกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)
บทที่ 10
กริยาธาตุหมวด 4 และ 10, ผนั คาํ นาม อุ การนั ต์ ปงุ ลิงค์,
อา, อิ, อี, อ,ุ อู สตรีลิงค์
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 106
106
สันสกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
ขอบข่ายการศึกษา
1. กริยาอาขยาต ธาตุหมวดที่ 4 (ทิวาทิคณะ) และการผันในวิภกั ติหมวด ลฏฺ (ปจั จบุ นั
กาล)
2. กริยาอาขยาต ธาตหุ มวดที่ 10 (จรุ าทิคณะ) และการผนั ในวิภกั ติหมวด ลฏฺ (ปจั จุบนั
กาล)
3. การผนั คํานาม อุ การนั ต์ปุงลิงค์
5. การผนั คาํ นาม อา อิ อี อุ และ อู การันต์สตรีลิงค์
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้เข้าใจกริยาอาขยาต ธาตุหมวดที่ 4 (ทิวาทิคณะ) และสามารถผันในวิภกั ติหมวด
ลฏฺ (ปัจจบุ นั กาล)
2. เพื่อให้เข้าใจกริยาอาขยาตธาตหุ มวดที่ 10 (จรุ าทิคณะ) และสามารถผันในวิภกั ติหมวด
ลฏฺ (ปจั จุบนั กาล)
3. นกั ศึกษาสามารถผนั คาํ นาม อุ การนั ต์ปุงลิงค์ ได้
4. นักศึกษาสามารถผนั คาํ นาม อา อิ อี อุ และ อู การันต์สตรีลิงค์ ได้
5. นักศึกษาสามารถแต่ง-แปล ข้อความส้นั ๆ ตามที่กาํ หนดได้
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 107
107
สันสกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
บทที่ 10
กริยาธาตุหมวด 4 และ 10, ผันคํานาม อุ การนั ต์ ปุงลิงค,์
อา, อิ, อี, อ,ุ อู สตรีลิงค์
10.1 กริยาอาขยาต ธาตุหมวดที่ 4 (ทิวาทคิ ณะ)
เราได้ฝึกผนั กริยาหลกั หรือ อาขยาต ทีใ่ ช้ธาตหุ มวดที่ 1 และ 6 ผ่านมาแล้ว ในบทนี้
เราจะฝึกผันกริยาธาตุหมวด 4 ซึ่งมี ya เป็นปัจจัยประจําหมวด มีวิธีการประกอบดัง
ตารางต่อไปนี้
ธาตหุ มวด 4 + ya + วิภักติอาขยาต (ติงฺ)
ธาตุหมวด 4 ส่วนใหญ่ไม่มีการเปล่ียนแปลง ให้ประสม ya ปัจจัย ได้เค้ากริยา
(stem) แล้วนาํ ไปผันด้วย วิภกั ติหมวด ลฏฺ ได้เลย ตัวอย่าง
ธาตหุ มวด 4 + ya ปจั จัย ลฏฺ ลการ รูปกริยา ความหมาย
kup kupya ti kupyati เขาโกรธ (ใช้กับ c.4 หรือ 6)
krudh krudhya si krudhyasi ท่านโกรธ
tuṣ tuṣya thas tuṣyathas ท่านสองคนพอใจ,ยินดี
naś naśya mi naśyāmi เราแย่แล้ว (พินาศ,ฉิบหาย)
paś (dṛś) paśya vas paśyāvas เราท้งั สองเห็น
nṛt nṛtya anti nṛtyanti พวกเขาฟ้อนราํ
sidh sidhya ti sidhyati (ความปรารถนา) สําเร็จ
ธาตุบางตัวในหมวดนี้บางตัวมีการแปลงรูปพิเศษ ก่อนนําไปประสม ya ปัจจัย
ตัวอย่าง
ธาตหุ มวด 4 พิเศษ + ya ลฏฺ ลการ รูปกริยา ความหมาย
gai > gā gāya ti gāyati เขาขบั ร้อง
hve > hū, hvā hvaya tha hvayatha พวกท่านร้องเรียก
dhye > dhā dhaya thas dhayathas ท่านท้งั สองดดู (นม)
vyadh > vidh vidhya si vidhyasi ท่านแทง
jṛ > jīr jīrya mi j≠ryāmi เราแก่เพิม่ เรื่อย ๆ
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 108
108
สันสกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)
ธาตทุ ี่ลงท้าย ad, am, iv ให้เปลีย่ นเสียงสระ เปน็ เสียงยาว คือ ā, ī ตัวอย่าง
ธาตุหมวด 4 + ya ลฏฺ ลการ รปู กริยา ความหมาย
mad > mād mādya ti mādyati เขาเมา
bhram > bhrām bhrāmya ti bhrāmyati เขาท่องเทีย่ วไปเรือ่ ย ๆ
tam > tām tāmya thas tāmyathas ท่านท้งั เสียใจ
kṣam > kṣām kṣāmya si kṣāmyasi ท่านอดทน อดกล้ัน
dam > dām dāmya mas dāmyāmas พวกเราฝึก...ให้เชือ่ ง
div > dīv dīvya anti dīvyanti พวกเขาเล่น
ตัวอยา่ ง การผันกริยาธาตหุ มวด 4
ด้วย ติงฺวิภกั ติ หรือ วิภักติกริยาอาขยาต หมวดลฏฺ (ปัจจบุ ันกาล)
tuz( tuṣ ตุษฺ ยินดี
บรุ ุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. prathama tuṣyati tuṣyatas tuṣyanti
puruṣa tuZyit tuZyts( tuZyiNt
ประถมบรุ ษุ เขายินดี เขาท้งั สองยินดี พวกเขายินดี
2. madhyama tuṣyasi tuṣyathas tuṣyatha
puruṣa tuZyis tuZyqs( tuZyq
มธั ยมบรุ ษุ ท่านยินดี ท่านท้งั สองยินดี พวกท่านยินดี
1. uttama tuṣyāmi tuṣyāvas tuṣyāmas
puruṣa tuZyaim tuZyavs( tuZyams(
อตุ ตมบรุ ุษ ฉันยินดี เราทง้ั สองยนิ ดี พวกเรายินดี
10.2 กริยาอาขยาต ธาตหุ มวดที่ 10 (จรุ าทิคณะ)
กริยาธาตุหมวด 10 (จุราทิคณะ) มี aya ปัจจัยประจําหมวด (คล้าย ๆ กับธาตุ
หมวด 4 ทีม่ ี ya เปน็ ปัจจยั ประจาํ หมวด อย่าจาํ สบั สนกนั นะครับ) วิธีการประกอบ ดังนี้
ธาตุ หมวด 10 (ทีผ่ ่านกฎแลว้ ) + aya ปจั จยั + วิภกั ติกรยิ า (ติง)ฺ
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 109
109
สันสกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)
กฎการผนั กริยาธาตุหมวด 10
1. ธาตุที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะ ให้ทําเป็นข้ันคุณ (ถ้าทําได้ หมายถึง เป็นพยางค์เบา
หรือ ลฆุ ดูเรื่อง พยางค์คุรุ และลฆุ และดูเรื่อง สระข้ันคุณ ข้ันพฤทธิ์ ในบทที่ 5 หน้า
52-53) ก่อนนําไปผสมกับ aya ปัจจัยและผสมวิภกั ติกริยา ดงั ตวั อย่าง
ธาตุ ทาํ เป็นขน้ั คุณ + aya + ลฏฺ ลการ ความหมาย
cur cor coraya corayati เขาลัก, ขโมย
tul tol tolaya tolayāmi ฉันชงั่ , ตวง
vid ved vedaya vedayasi ท่านสอน,ทําให้รู้
pīḍ - pīḍaya pīḍayati เขาเบียดเบียน
pūj - pūjaya pūjayāvas เราท้งั สองบูชา
2. ธาตทุ ี่ลงทา้ ยดว้ ยสระ ให้ทําเปน็ ขนั้ พฤทธิ์ แล้ว + aya ปจั จยั ดงั ตวั อย่าง
ธาตุลงทา้ ย ทําเปน็ ข้ันพฤทธิ์ + aya + ลฏฺ ลการ ความหมาย
ดว้ ยสระ dhār dhāraya พวกท่านรบั ไว้
dhārayatha
dhṛ
3. สระ a กลางธาตุ ให้ทําเปน็ เสียงยาว ā ได้บ้าง ตวั อย่าง ความหมาย
ฉนั ล้าง
ธาตมุ ีสระ a กลางธาตุ ทําเป็น ā + aya + ลฏฺ ลการ พวกเขาตี,ลงโทษ
kṣal kṣāl kṣālaya kṣālayāmi
taḍ tāḍ tāḍaya tāḍayanti
4. ธาตุพิเศษ ที่มาจากคํานาม (กริยานามธาตุ หรือ Denominative verb) ให้ + aya
ปัจจยั ได้เลย ดังตัวอย่าง
ธาตุมาจาก ทําเปน็ + aya + ลฏฺ ลการ ความหมาย
คํานาม กริยา
kath kathaya kathayati เขาเล่าเรื่อง
kathā gaṇaya gaṇayatas เขาท้งั สองนบั
gaṇ daṇḍaya daṇḍayāmas พวกเราลงโทษ
gaṇa
daṇḍ
daṇḍa
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 110
110
สันสกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
5. ธาตุพิเศษ jan แปลว่า เกิด เดิมเปน็ ธาตหุ มวด 4 หากเปน็ กรรตวุ าจก (active
voice) แปลว่า เกิด (จาก ใช้กับนามวิภกั ติที่ 5) หากเปน็ เหตกุ รรตวุ าจก (Causative
verb) จะกลายเปน็ ธาตุหมวด 10 แปลว่า ทําให้....เกิด ตวั อย่าง
jan ธาตุ + aya + ลฏฺ ลการ ความหมาย
jāya
Active voice janaya jāyate เขาเกิด (จาก)
Causative verb janayati แม่ให้กาํ เนิด...(ลูก)
ตวั อยา่ ง การผนั กริยาธาตุหมวด 10 ปจั จุบันกาล
cur( cur จรุ ฺ > cor (ข้นั คณุ ) = ลกั , ขโมย
บรุ ุษที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3. prathama corayati corayatas corayanti
puruṣa coryit coryts( coryiNt
ประถมบรุ ษุ เขาลัก เขาท้งั สองลกั พวกเขาลกั
2. madhyama corayasi corayathas corayatha
puruṣa coryis coryqs( coryq
มธั ยมบรุ ษุ ท่านลัก ท่านท้งั สองลกั พวกท่านลกั
1. uttama corayāmi corayāvas corayāmas
puruṣa coryaim coryavs( coryams(
อุตตมบรุ ษุ ฉนั ลกั เราท้งั สองลกั พวกเราลกั
10.3 การผันคํานาม อชนั ตะ (สระการนั ต์) (ต่อ) อุ การนั ต์ ปุงลิงค์
u อุ การนั ต์ ปงุ ลิงค์ ผนั เหมอื น pasu´ (สตั วเ์ ลย้ี ง)
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 111
111
สนั สกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
ตารางนี้ ใช้สาํ หรบั ผนั ศพั ท์ต่อไปน้ี
1. คาํ นาม อุ การันต์ ปงุ ลิงคป์ กติทกุ ตวั เช่น guru (คร)ู sa´ tru (ข้าศึก)
2. คําคณุ ศัพท์ข้นั ธรรมดา ปงุ ลิงค์ทีล่ งท้ายด้วยสระ u เช่น laghu (เบา)
10.4 การผันคาํ นาม อา การนั ต์ สตรีลิงค์
a¥ อา การนั ต์ สตรีลงิ ค์ ผนั เหมือน katha¥ (เรื่องเล่า) (กลุ่ม ya¥, yai, ya¥s, ya¥m)
ตารางนี้ ใช้สําหรับผนั ศพั ท์ต่อไปนี้
1. คาํ นาม อา การนั ต์ ซึง่ เปน็ สตรีลิงค์ทุกตัว เช่น kanya¥ (หญิงสาว) sena¥ (กองทัพ)
2. ในการผันให้สังเกต เอกพจน์ ต้งั แต่วิภักติที่ 3-7 จะมีคําลงท้ายว่า (c.3) -ya,¥ (c.4)
–yai, (c.5-6) -ya¥s, และ (c.7) -yam¥ และในการผัน อิ, อี การันต์ สตรีลิงค์
ก็มีลักษณะเหมือนกันกับ อา การันต์นี้ ดังน้ัน จึงมีสูตรเพื่อการจดจําง่าย ๆ ว่า
F.(a¥, i, ≠ /c.3-7 s.) = ya,¥ yai, ya¥s, ya¥m ความหมาย คือ ในการผันสตรีลิงค์
อา, อิ และ อี การันต์ เอกพจน์ วิภักติต้ังแต่ 3-7 คือ จะลงท้ายด้วย ya¥, yai, ya¥s,
yam¥ หรือ เรียกง่าย ๆ ว่า สูตร ยา, ไย, ยาส, ยาม
3. สูตร ya¥, yai, yas¥ , yam¥ ยังนําไปใช้กับการผันสรรพนาม คือ tad สตรีลิงค์ด้วย
ดกู ารผนั tad ศพั ท์สรรพนาม เป็นสตรีลิงค์ (บทที่ 8 หน้า 74 ด้วย)
10.5 การผนั คาํ นาม อิ การันต์ สตรีลิงค์
i อิ การนั ต์ สตรลี งิ ค์ ผนั เหมอื น mati (ใจ, ความร)ู้ (กลุม่ ya¥, yai, yas¥ , ya¥m)
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 112
112
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)
ตารางนี้ใช้สําหรบั ผนั ศัพทต์ ่อไปนี้
1. คํานาม อิ การนั ต์ สตรีลิงค์ปกติทกุ ตัว เช่น ja¥ti (การเกดิ ) rat¥ ri (กลางคืน,
ราตรี)
2. คาํ คณุ ศัพท์ข้นั ธรรมดา สตรีลิงค์ที่ลงท้ายด้วยสระ i เช่น s´uci (บริสุทธิ)์
10.6 การผันคํานาม อี การันต์ สตรีลิงค์
≠ อี การันต์ สตรีลิงค์ ผนั เหมือน nad≠ (แม่น้าํ ) (กลุ่ม ya,¥ yai, yas¥ , ya¥m)
ตารางนี้ใช้สาํ หรับผนั ศพั ท์ต่อไปนี้
1. คํานาม อี การันต์ สตรีลิงค์ปกติทุกตัว เช่น dev≠ (เทพธิดา) nar¥ ≠ (ผู้หญิง)
ยกเว้นศัพท์พิเศษ 3 ศัพท์ คือ laks‹m≠ (พระนางลักษมี) tar≠ (เรือ) tantr≠
(ดนตรี, เครื่องสาย) และยกเว้นศัพท์นามสตรีลิงค์ อี การันต์ พยางค์เดียว เช่น dh≠
(ปัญญา) ที่มีแบบผันเฉพาะ
2. คาํ คณุ ศพั ท์ข้นั ธรรมดา สตรีลิงค์ทีล่ งท้ายด้วยสระ ≠ เช่น sundar≠ (สวยงาม)
10.7 การผนั คาํ นาม อุ การนั ต์ สตรีลิงค์
u อุ การนั ต์ สตรีลิงค์ ผนั เหมือน dhenu (แม่โคนม) (กลุ่ม -va,¥ vai, va¥s, va¥m)
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 113
113
สันสกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
ตารางนี้ใช้สําหรบั ผนั ศพั ทต์ ่อไปนี้
1. คาํ นาม อุ การันต์ สตรีลิงค์ปกติทกุ ตวั เช่น hanu (ขากรรไกร) rajju (เชือก)
2. คําคุณศัพท์ข้ันธรรมดา สตรีลิงค์ที่ลงท้ายด้วยสระ u ตัวอย่างเช่น tanu (บาง. ผอม)
(ปกติคุณศัพท์สตรีลิงค์ท่ีลงท้ายด้วย u ไม่ค่อยมี ส่วนมากแม้ปุงลิงค์จะเป็นสระ u
เมื่อเป็นสตรีลิงค์จะต้องเปล่ียนเป็น v≠ เช่น laghu = เบา เป็น ปุงลิงค์ แต่เมื่อเป็น
สตรีลิงค์จะต้องแปลงเป็น laghv≠)
3. c.3-7 s. ใช้สตู ร -va¥, vai, va¥s, va¥m คล้ายสตู ร ya,¥ yai, ya¥s, ya¥m
10.8 การผนั คํานาม อู การันต์ สตรีลิงค์
u¥ อู การนั ต์ สตรีลิงค์ ผนั เหมือน vadhu¥ (ภรรยา) (กล่มุ -va¥, vai, va¥s, va¥m)
ตารางนี้ใช้สาํ หรบั ผนั ศพั ท์ต่อไปน้ี
1. คํานาม อู การันต์ สตรีลิงค์หลายพยางค์ ที่ปกติทุกตัว เช่น sv´ as´ru¥ (แม่ผัว)
jahu¥ (ทัพพีในพิธียัญ) ยกเว้นศัพท์นามสตรีลิงค์ อู การันต์ พยางค์เดียว เช่น bhu¥
(แผ่นดิน)
ศพั ทานกุ รม
นามศัพท์
ศพั ท์ โรมนั ไทย การนั ต์ ลิงค์ คําแปล
guä guru ครุ ุ u m. ครู
prèu , prxu paraśu ปรศุ u m. ขวาน
x]u śatru ศตรฺ ุ u m. ศตั ร,ู ข้าศึก
bahu bāhu พาหุ u m. แขน
ibNdu bindu พินทฺ ุ u m. หยด, หยดน้ํา
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 114
114
สันสกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
นามศพั ท์ (ตอ่ )
ศัพท์ โรมัน ไทย การนั ต์ ลิงค์ คาํ แปล
.anu bhānu ภานุ u m. ดวงตะวนั
vayu
ivZ,u vāyu วายุ u m. ลม
Sto]
kNya viṣṇu วิษณฺ ุ u m. พระวิษณุ
g½a
^aya stotra โสฺตตฺร u n. บทสดดุ ี, บทสรรเสริญ (พระเจ้า)
.ayaR
.aza kanyā กนฺยา ā f. ลกู สาว, หญิงสาว
i.=a
sena gaṅgā คงฺคา ā f. แม่น้าํ คงคา
chāyā ฉายา ā f. ร่ม, เงา
bhāryā ภารฺยา ā f. ภรรยา
bhāṣā ภาษา ā f. ภาษา, การพดู กัน
bhikṣā ภิกฺษา ā f. สิ่งทีข่ อมาได้
senā เสนา ā f. กองทพั
กริยาศัพท์ ธาตหุ มวด 4
ธาตุ โรมัน ไทย หมวด + a + ลฏฺ ลการ ความหมายธาตุ
As( as อสฺ 4 asyati ขว้าง, โยน, ซดั
k¦p( kup กปุ ฺ 4 kupyati โกรธ
¹¦/( krudh กรฺ ธุ ฺ 4 krudhyati โกรธ
tuz( tuṣ ตุษฺ 4 tuṣyati พอใจ, อิม่ ใจด้วย
nx( naś นศฺ 4 naśyati พินาศไป, ถงึ ซึง่ ความพินาศ
px( paṣ ปศฺ 4 paśyati เห็น, ดู
lu.( lubh ลุภฺ 4 lubhyati มีความโลภ
xuz( śuṣ ศุษฺ 4 śuṣyati แห้งลง, งวดลง
iSnh( snih สฺนิหฺ 4 snihyati รกั , มีความรกั ใน (ใช้กบั 6,7)
hU , øa hū , ห,ู หวฺ า 4 hvayati เรียก, ร้องเรียก, เรียกหา
hvā
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 115
115
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
กริยาศัพท์ ธาตหุ มวด 4 (พิเศษ)
ธาตุ โรมัน ไทย หมวด การประกอบ รปู สําเรจ็ ความหมายธาตุ
เสียใจ, ร้สู ึกหม่นหมอง
tm( tam ธาตุ + ปัจจยั
idv( div
.[m( bhram ตมฺ 4 > tāmya tāmyati
md( mad
Vy/( vyadh ทิวฺ 4 > dīvya dīvyati พนัน, เล่นการพนนั
xm( śam
è[m( śram ภรฺ มฺ 4 >bhrāmya bhrāmyati ไปๆ มาๆ, วกไปวนมา
มทฺ 4 > mādya mādyati มึนเมา
วยธฺ 4 > vidhya viyadhyati ทาง, ตี
ศมฺ 4 > śāmya śāmyati สงบลง, มอดลง
ศฺรมฺ 4 > śrāmya śrāmyati เหนื่อยอ่อนลง, หมดแรง
กริยาศพั ท์ ธาตหุ มวด 10
ธาตุ โรมัน ไทย หมวด + aya + ลฏฺ ความหมายธาตุ
ลการ ลัก, ขโมย
cur( cur จุรฺ ช่งั , ตวง
10 corayati สอน, ทาํ ให้รู้
tul( tul ตลุ ฺ 10 tolayati เบียดเบียน
10 vedayati บูชา
ivd( vid วิทฺ 10 pīḍayati รบั ไว้, ทรงไว้
10 pūjayati ล้าง
pI@( pīḍ ปีฑฺ 10 dhārayati ตี, ลงโทษ
10 kṣālayati เล่าเรือ่ ง
pUj( pūj ปูชฺ 10 tāḍayati นบั
10 kathayati ลงโทษ
/* dhṛ ธฺฤ 10 gaṇayati ชนะ, ดาํ รงอยู่
10 daṇḍayati
=l( kṣal กษฺ ลฺ 10 pārayati
t@( taḍ ตฑฺ
kq( katha กถฺ
g,( gaṇ คณฺ
d<@( daṇḍ ทณฺฑฺ
p* pṛ ปฤฺ
***** จบ บทที่ 10 ***** 116
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
116
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
แบบฝึกหดั ที่ 10
1. จงผนั คํานาม वायु (vāyu) – ลม ซึง่ เป็นคํานาม อุ การนั ต์ ปุงลิงค์ ให้ครบทกุ วิภกั ติและ
พจน์ พร้อมท้งั เทียบอักษรโรมนั ด้วย
2. จงผันคํานาม भायार् (bhāryā) – ภรรยา ซึง่ เปน็ คํานาม อา การนั ต์ สตรีลิงค์ ให้ครบทกุ
วิภกั ติและพจน์ พร้อมท้งั เทียบอกั ษรโรมนั ด้วย
3. จงแปลเปน็ ภาษาไทย
1. शरािषणे िलथ। śarān viṣeṇa limpatha
2. नपृ ितनगर् र सने याजयत।् nṛpatir nagarīṃ senayā ajayat
3. ऋोः पऽु ौ तऽ माग िततः। ṛṣyoḥ putrau tatra mārge tiṣṭhataḥ
4. हिरः किवां दानािन यित। hariḥ kavibhyāṃ dānāni yacchati
5. अिनारीणं गहृ ािण नपृ ा दहि। agninārīṇaṃ gṛhāṇi nṛpā dahan
6. नदीष ु मानपँयाम। nadīṣu matsyān apaśyāma
7. हिरं क्षीरणे यजतः। hariṃ kṣīreṇa yajataḥ
8. दाो ऽमानयन।् dāsyo ’nnam ānayan
9. गु िशयोः बुतः। gurū śiṣyayoḥ krudhyataḥ
10. नपृ ा अिरः कु ि। nṛpā aribhyaḥ kupyanti
11. अिदधौ ितित। agnir udadhau tiṣṭhati
12. परशनु ा वकृ ्षाृ थ। paraśunā vṛkṣān kṛntatha
13. कवयः सभायां काापटन।् kavyaḥ sabhāyāṃ kāvyāny apaṭan
4. จงปริวรรตภาษาสนั สกฤตในข้อ 1 เปน็ อกั ษรไทย
5. จงแปลเปน็ ภาษาสนั สกฤต
1. ไฟ1 ย่อมเผา3 ซึ่งต้นไม้ท้งั หลาย2
2. ฤษีท้งั หลาย2 ย่อมพดู 3 ซึ่งความสตั ย์1
3. ด้วยความสัตย์1 ความสขุ 3 ของประชาชน (พหุ.)2 ย่อมมีขึ้น (√bhū)4
4. มือท้งั สอง2 ของฤษี1 ย่อมแตะ4 ซึง่ น้ํา3
5. ผลไม้ท้งั หลาย1 ย่อมมีอยู่ (√sthā)3 บนต้นไม้ท้งั หลาย2
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 117
117
สันสกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
6. เมือ่ ใด1 ท่านไป(√prapad) 4 ส่พู ระเจ้าแผ่นดิน2 เพือ่ เปน็ ที่พงึ่ (ทวิ.)3 เมื่อนน้ั 5
ท่านตกอย่(ู √sthā)7 ในความทกุ ข6์
7. ราม1 ย่อมซัด4 ซึ่งดาบ3 จากมือท้งั สอง2
8. บัดน้ี4 แสงท้งั หลาย2 ของดวงตะวนั 1 ย่อมขึ้น5 สู่ภเู ขาท้งั หลาย3
9. หยดหนึง่ 2 แห่งน้าํ 1 ย่อมตก4 จากเมฆ3
10.เราท้งั หลายได้เห็นแล้ว3 ซึ่งปลาทง้ั หลาย2 ในแม่น้าํ ท้งั หลาย1
11. วิษณ4ุ ได้ให้แล้ว3 ซึ่งสมุด1 แก่ลกู สาว2
12.พระความโกรธ1 คร2ู ตีแล้ว4 ซึ่งศษิ ย์5 ด้วยมือ3
13.พระเจ้าแผ่นดิน1 ย่อมซัด (√as)4 ซึ่งหอกท้งั หลาย3 แก่ข้าศึกท้งั หลาย2 (4, 7)
14.ช้างท้งั สอง3 เดินเตร่แล้ว (√bhram)4 ในถนนท้งั หลาย2 ของเมือง1
15.คนใช้ท้งั สอง (ทาสี)1 นํามาแล้ว5 ซึ่งน้ํา4 จากบ่อน้ํา (วาปี)3 ในโอ่งท้งั หลาย2
16.ฤษี1 สรรเสริญแล้ว4 ซึง่ พระหริ3 ด้วยบทสวด2
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 118
118
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)
บทที่ 11
กริยาอาขยาต หมวด โลฏ (คาํ ส่ัง) และหมวด ลิง (ขอรอ้ ง)
คํานามพยางค์เดียว สตรีลิงค์
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 119
119
สนั สกฤตพน้ื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
ขอบข่ายการศึกษา
1. วิภกั ติอาขยาต หมวด โลฏฺ ปจั มี หรือ คาํ สั่ง (Imperative Mood)
2. การผนั ธาตุหมวด 1 และธาตหุ มวด 10 กับวิภกั ติกริยาอาขยาต โลฏฺ ปญั จมี หรือคาํ สงั่
ข้อร้อง ฝ่ายปรสั ไมบท
3. การผันธาตหุ มวด 1 และธาตหุ มวด 4 กบั วิภกั ติกริยาอาขยาต โลฏฺ ปัญจมี หรือคําส่งั ,
ขอร้อง ฝ่ายอาตมเนบท
4. การผันคํานาม (/I) อี การนั ต์สตรีลิงค์ พยางค์เดียว
5. วิภกั ติกริยาอาขยาต หมวด ลิงฺ (lin)ƒ สปั ตมี หรืออ้อนวอน รําพึง (Optative Mood)
6. การผนั ธาตุหมวด 1 และธาตหุ มวด 10 กบั วิภกั ติกริยาอาขยาต หมวด ลิงฺ (linƒ) อ้อน
วอน ราํ พงึ ฝ่ายปรัสไมบท
7. การผันผนั ธาตุหมวด 1 และธาตุหมวด 4 กับวิภักติกริยาอาขยาต หมวด ลิงฺ (lin)ƒ อ้อน
วอน รําพึง ฝ่ายอาตมเนบท
8. การผันคาํ นาม (.U) อู การนั ต์สตรีลิงค์ พยางค์เดียว
วัตถุประสงค์
1. เพือ่ ให้เข้าใจวิภกั ติอาขยาต หมวด โลฏฺ ปัจมี หรือ คําส่ัง (Imperative Mood) และ
สามารถนาํ ไปใช้ได้อย่างถกู ต้อง
2. นักศึกษาสามารถผันคํานาม (/I) อี การนั ต์ และ (.U) อู การนั ต์ สตรีลิงค์ พยางค์เดียว
ได้
3. เพือ่ ให้เข้าใจวิภกั ติกริยาอาขยาต หมวด ลิงฺ (lin)ƒ สปั ตมี หรืออ้อนวอน ราํ พงึ
(Optative Mood) และนําไปใช้ได้อย่างถกู ต้อง
4. นักศึกษาศึกษาสามารถแต่ง-แปล ข้อความส้ันๆ ตามทกี่ ําหนดได้
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 120
120
สันสกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)
บทที่ 11
กริยาอาขยาต หมวด โลฏ (คาํ สั่ง) และหมวด ลิง (ขอรอ้ ง)
คํานามพยางคเ์ ดียว สตรีลิงค์
11.1 วิภกั ติกริยาอาขยาต หมวด โลฏฺ ปญั จมี หรือ คาํ ส่ัง (Imperative Mood)
หากเราต้องการใช้ประโยคคําสั่ง อ้อนวอน หรือขอร้อง ในภาษาสันสกฤต เราต้องใช้
กริยาที่ประกอบด้วยวิภักติกริยาอาขยาต ที่เราเรียกว่า โลฏฺ ลการ หรือ หมวดปัญจมี
(Imperative Mood)
หมวดน้ีมีวิธีการประกอบเหมือนกับวิภักติอาขยาต หมวด ลงฺ (laṅ) ปัจจุบันกาล ทุก
ประการ คือ นําธาตุท้ัง 4 หมวดที่ได้เรียนมาแล้ว (หมวด 1-4-6-10) ไปทําตามกฎของแต่ละ
หมวดจนได้รูปเค้ากริยา (stem) ก่อนแล้วจึงนํามาประกอบกับวิภักติอาขยาตหมวด โลฏฺ หรือ
คาํ ส่ังนี้
ข้อแตกตา่ ง จากกริยาอาขยาตปจั จบุ ันกาล คือ กริยาอาขยาต หมวด ลงฺ หรือคาํ สง่ั นี้
มีรปู วิภักติ (ติงฺ วิภักติ) ต่างกันเท่าน้นั เมื่อแสดงเป็นแผนภมู ิโครงสร้างจะได้รปู ดงั นี้
เค้ากริยา (stem) + วิภักติอาขยาต หมวด ลงฺ ปญั จมี หรือคําสง่ั = กริยาคาํ สั่ง
คําแปล สําหรับวิภักติหมวดคําสั่ง คือ จง, ขอ, โปรด (เป็นเชิงขอร้อง ชักชวน
บังคับ อ้อนวอน)
รูปวิภักติกริยา(อาขยาต) หมวดปัญจมี หรือ คําสั่ง แบ่งเป็น 2 ฝ่ายหรือ 2 บท คือ
ปรัสไมบท และ อาตมเนบท เหมือนกริยาปัจจุบันกาลและอดีตกาล แต่ละฝ่ายมี 9 วิภักติ
แยกตามบรุ ุษ 3 x 3 พจน์ เช่นเดียวกนั กับ ปจั จบุ นั กาล และอดีตกาล ดังนี้
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 121
121
สันสกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
ติงฺวิภักติ หรือ วิภกั ติกริยาอาขยาต หมวด โลฏฺ (คําส่งั ) ปรัสไมบท
ปรสั ไมบท (ใช้กับกรรตุวาจก เหตกุ รรตวุ าจก) พร้อมคําแปลของสรรพนามแต่ละบรุ ุษ
บุรษุ ที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3. prathama tu tām antu
puruṣa tu tam( ANtu
ประถมบรุ ษุ เขา, มัน, หล่อน เขา,มัน ท้งั สอง พวกเขา, พวกมนั
2. madhyama - tam ta
puruṣa • tm( t
มธั ยมบรุ ษุ ท่าน,เธอ,คุณ ท่าน,เธอท้งั สอง พวกท่าน,พวกเธอ
1. uttama āni āva āma
puruṣa Aain Aav Aam
อตุ ตมบรุ ษุ ฉัน เราท้งั สอง พวกเรา
วิธีใช้ วิภกั ติกริยา(อาขยาต) คาํ สัง่ ปรัสไมบท คือ
1. a ของ antu (บรุ ุษที่ 3 พหพุ จน์) ลบทิ้งเมื่อผสมกบั เค้ากริยา (stem)
2. รูปวิภักติ บุรุษที่ 2 เอกพจน์ เมื่อผันกับธาตุหมวดที่ 1-4-6-10 จะไม่ปรากฏจึง
เหลือแต่เค้ากริยา (stem) เท่าน้ัน
ตวั อย่าง ธาตหุ มวด 1 (bhū = เปน็ ,อย่,ู คือ) และหมวด 10 (rac = ประพนั ธ)์ ผันดงั นี้
บุรษุ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3 bhavatu bhavatām bhavantu
.vtu .vtam( .vntu
racayatu racayatām racayantu
rcytu rcytam( rcyntu
2 bhava bhavatam bhavata
.v .vtm( .vt
racaya racayatam racayata
rcy rcytm( rcyt
1 bhavāni bhavāva bhavāma
.vaim .vav .vam
racayāni racayāva racayāma
rcyain rcyav rcyam
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 122
122
สันสกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
11.2 วิภักติอาขยาต บง่ บอกคาํ สง่ั , ขอร้อง (โลฏ)ฺ ฝา่ ยอาตมเนบท
วิภักติอาขยาตหมวดปัญจมีหรือคําส่ัง อาตมเนบทนี้ ข้อแตกต่างจาก ปรัสไมบท คือ
มีรูปวิภักติ (ติงฺ วิภักติ) ต่างกันเท่าน้นั เมือ่ แสดงเปน็ แผนภูมิโครงสร้างจะได้รปู ดังนี้
เค้ากริยา (stem) + วิภักติอาขยาต หมวดปญั จมี หรือคําส่งั อาตเนบท = กริยาคําสง่ั
รูปวิภักติกริยา(อาขยาต)หมวดปัญจมี หรือคําสั่ง อาตมเนบท มี 9 วิภักติ แยกตาม
บุรษุ 3 x 3 พจน์ เช่นเดียวกันกบั ปรัสไมบท ดงั นี้
อาตมเนบท ทวิพจน์ พหพุ จน์
บรุ ุษที่ / พจน์ เอกพจน์ ita¥m2 štam( anta¥m1 ANtam(
3 ta¥m tam( itha¥m2 šqam(
2 sva Sv av¥ ahai AavhW dhvam ?vm(
1 ai EW a¥mahai AamhW
วิธีใช้ วิภักติกริยา(อาขยาต) คําสั่ง อาตมเนบท คือ
1. a ของ anta¥m (บรุ ษุ ที่ 3 พหพุ จน์) ลบท้ิงเมือ่ ผสมกบั เค้ากริยา (stem)
2. i ตัวหน้าของ ita¥m (ทวิพจน์ บุรุษที่ 3) itha¥m (ทวิพจน์ บุรุษที่ 2) เมื่อ
ประสมกับ a ท้ายของเค้ากริยา (stem) ของธาตุหมวดที่ 1-4-6-10 จะ
เป็น e
ตัวอย่าง การผันกริยาคําสั่ง อาตมเนบท ธาตุหมวด 1 (mud = ยินดี) และหมวด 4 (man =
คิด, ร้)ู
บรุ ุษ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3 modata¥m
modeta¥m modanta¥m
manyata¥m manyeta¥m manyanta¥m
modetha¥m
2 modasva manyetha¥m modadhvam
moda¥vahai manyadhvam
manyasva manyav¥ ahai moda¥mahai
manya¥mahai
1 modai
manyai
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 123
123
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)
11.3 คํานาม อี การนั ต์ สตรีลิงค์ พยางคเ์ ดียว ผนั อย่าง /I dh≠ ปัญญา ดงั นี้
วิภกั ติที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
1 prathamā dh≠s dhiyau dhiyas
ปฺรถมา /Is( i/yO i/ys(
2 dvitīyā dhiyam dhiyau dhiyas
ทฺวิตียา i/ym( i/yO i/ys(
3 tṛtīyā dhiyā dh≠bhyām dh≠bhis
ตฺฤตียา i/ya /I>yam( /Ii.s(
4 caturthī dhiye, dhiyai dh≠bhyām dh≠bhyas
จตรุ ฺถี
i/ye , i/yW /I>yam( /I>ys(
5 pañcamī dhiyas, dhiyās dh≠bhyām dh≠bhyas
ปญฺจมี
i/ys( , i/yas( /I>yam( /I>ys(
6 ṣaṣṭhī dhiyas, dhiyās dhiyos dhiyām
ษษฐฺ ี
i/ys( , i/yas( i/yos( i/yam(
7 saptamī dhiyi, dhiyām dhiyos dh≠ṣu
สปฺตมี
i/iy , i/yam( i/yos( /Izu
8. sambodhana dh≠s dhiyau dhiyas
prathamā /Is( i/yO i/ys(
สมฺโพธนปรฺ ถมา
กฎ การผนั คํานาม อี การนั ต์ สตรีลิงค์ พยางค์เดยี ว
1. ถ้าวิภักติที่ข้ึนต้นด้วยพยญั ชนะ ให้ผสมเข้าไปได้เลย เช่น dh≠ + bhis = dh≠bhis
2. ถ้าวิภักติขึ้นต้นด้วยสระ ให้แปลง ≠ เปน็ iy แล้วผสมวิภกั ตินน้ั เช่น dh≠ + au =
dhiyau
3. นอกจากนี้การผนั อี การนั ต์ พยางค์เดียวยงั ใช้ข้อสงั เกต เรือ่ งวิภกั ติที่ 3-4-5-6-7
เอกพจน์ ทีเ่ มือ่ ผนั แล้วมักลงท้ายด้วคําว่า -yā, -yai, -yās, -yām ของคาํ นาม
ā , i , ī , การันต์ สตรีลิงค์ ได้ด้วย
คาํ นาม อี การนั ต์ สตรีลิงค์ หลายพยางค์ ให้ผนั เหมือน nad≠ แปลว่า แม่น้าํ (ดูบทที่
10 ข้อ 10.6 หน้า 113 เปรียบเทียบด้วย)
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 124
124
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)
11.4 วิภักติกริยาอาขยาต หมวด ลิงฺ (lin)ƒ สปั ตมี หรืออ้อนวอน รําพึง (Optative Mood)
หากเราต้องการใช้ประโยคสําหรับการแนะนําหรือรําพึงในภาษาสันสกฤต เราต้องใช้
กริยาที่ประกอบด้วยวิภักติกริยาอาขยาต หมวดสัปตมี (Optative Mood) มีวิธีการประกอบ
เหมือนกับวิภกั ติอาขยาตปัจจุบันกาลทุกประการ
คือ นําธาตุท้ัง 4 หมวดที่ได้เรียนมาแล้ว (หมวด 1-4-6-10) ไปทําตามกฎของแต่ละ
หมวดจนได้รูปเค้ากริยา (stem) ก่อนแล้วจึงนํามาประกอบกับวิภักติอาขยาตหมวดสัปตมีหรือ
ราํ พึงนี้
ข้อแตกตา่ งจากกริยาอาขยาตปจั จุบนั กาลกค็ ือ กริยาอาขยาตหมวดสปั ตมี มีรูปวิภักติ
(ติงฺ วิภักติ) ต่างกนั เท่าน้นั เมื่อแสดงเปน็ แผนภมู ิโครงสร้างจะได้รูป ดงั นี้
เคา้ กริยา (stem) + วิภักติอาขยาต หมวดสปั ตมี หรือราํ พึง = กริยารําพึง
คําแปล สําหรับวิภกั ติหมวดราํ พึง คือ ควร.., พึง.., ขอให้.. (เปน็ เชิงรําพึง,แนะนาํ )
รูปวิภักติกริยา(อาขยาต)หมวดสัปตมี หรือแนะนํา รําพึง แบ่งเป็น 2 ฝ่ายหรือบท คือ
ปรัสไมบท และอาตมเนบท เหมือนกริยาปัจจุบันกาลและอดีตกาล แต่ละฝ่ายมี 9 วิภักติ
แยกตามบรุ ุษ 3 x 3 พจน์ เช่นเดียวกนั กบั ปัจจบุ ันกาล และอดีตกาล ดังนี้
1. ปรัสไมบท
บรุ ษุ / พจน์ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3
2 īt1 ¡t( ītām ¡tam( īyus ¡yus(
1 īs ¡s( ītam ¡tm( īta ¡t
īyam ¡ym( īva ¡v īma ¡m
วิธีใช้ วิภกั ติกริยา(อาขยาต) สัปตมี แนะนาํ ราํ พงึ ปรสั ไมบท คือ
1. ī ของ วิภักติท้ัง 9 เมื่อผสมกับ a ท้ายเค้ากริยา (stem) ของธาตุหมวด
1-4-6-10 จะได้รูปเป็น e เช่น bhava + īt = bhavet = พึงเป็น,
ควรเป็น
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 125
125
สันสกฤตพ้นื ฐาน (Introduction to Sanskrit)
ตวั อยา่ ง การผนั กริยารําพึง ปรัสไมบท
ธาตหุ มวด 1 (bhū = เป็น,อยู่,คือ) และหมวด 10 (rac = ประพนั ธ)์
บุรุษ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3 bhavet
bhavetām bhaveyus
racayet racayetām racayeyus
bhavetam bhaveta
2 bhaves racayetam racayeta
bhaveva bhavema
racayes racayeva racayema
1 bhaveyam
racayeyam
11.5 วิภักติกริยาอาขยาต หมวด ลิงฺ (linƒ) สัปตมี หรืออ้อนวอน รําพึง (Optative Mood)
อาตมเนบท
วิภักติอาขยาตหมวดสัปตมี หรือ รําพึง อาตมเนบทนี้ ข้อแตกต่างจาก ปรัสไมบท
คือ มีรูปวิภักติ (ติงฺ วิภกั ติ) ต่างกันเท่าน้นั เมือ่ แสดงเปน็ แผนภมู ิโครงสร้างจะได้รปู ดังนี้
เค้ากริยา (stem) + วิภกั ติอาขยาต หมวดสปั ตมีหรือรําพงึ อาตเนบท = กริยารําพึง
รูปวิภกั ตกิ รยิ า(อาขยาต)หมวดสัปตมีหรือรําพึง อาตมเนบท มี 9 วภิ ักติ แยกตามบรุ ษุ
3 x 3 พจน์ เช่นเดียวกนั กับ ปรัสไมบท ดงั น้ี
2. อาตมเนบท
บุรุษที่ / พจน์ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหพุ จน์
3 īta ¡t īyātām ¡yatam( īran ¡rn(
2 īthās ¡q īyāthām ¡yaqam( īdhvam ¡?vm(
1 ≠ya ¡y īvahi ¡vih īmahi ¡mih
วิธีใช้ วิภกั ติกริยา(อาขยาต) คาํ ส่ัง อาตมเนบท คือ
1. ī ของ วิภกั ติท้ัง 9 เมือ่ ผสมกบั a ท้ายเค้ากริยา (stem) ของธาตุหมวด 1-4-
6-10 จะได้รปู เปน็ e เช่น bhāṣa + īta = bhāṣeta = พึงกล่าว, ควร
พดู
สนั สกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit) 126
126
สันสกฤตพนื้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)
ตวั อย่าง การผนั กริยาหมวดสปั ตมี ราํ พึง อาตมเนบท
ธาตุหมวด 1 (mud = ยนิ ดี) และหมวด 4 (man = คิด, รู้)
บุรษุ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
3 modeta
modeyātām moderan
manyeta manyeyātām manyeran
modeyāthām modedhvam
2 modethās manyeyāthām manyedhvam
modevahi modemahi
manyasva manyevahi manyemahi
1 modeya
manyeya
11.6 คํานาม อู การันต์ สตรีลิงค์ พยางคเ์ ดยี ว ผนั อย่าง .U bhū โลก ดังนี้
วิภักติที่ เอกพจน์ ทวิพจน์ พหุพจน์
1 prathamā bhūs bhuvau bhuvas
ปฺรถมา .us( .uvO .uvs(
2 dvitīyā bhuvam bhuvau bhuvas
ทวฺ ิตียา .uvm( .uvO .uvs(
3 tṛtīyā bhuvā bhūbhyām bhūbhis
ตฤฺ ตียา .uva .U>yam( .Ui.s(
4 caturthī bhuve, bhuvai bhūbhyām bhūbhyas
จตรุ ฺถี
.uve , .uvW .U>yam( .U>ys(
5 pañcamī bhuvas, bhuvās bhūbhyām bhūbhyas
ปญฺจมี
.uvs( , .uvas( .U>yam( .U>ys(
6 ṣaṣṭhī bhuvas, bhuvās bhuvos bhuvām, bhūnām
ษษฐฺ ี
.uvs( , .uvas( .uvos( .uvam( , .Unam(
7 saptamī bhuvi, bhuvām bhuvos bhūṣu
สปตฺ มี
.uiv , .uvam( .uvos( .Uzu
8 sambodhana bhūs bhuvau bhuvas
prathamā .us( .uvO .uvs(
สมโฺ พธนปรฺ ถมา
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 127
127
สันสกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit)
กฎ การผนั คํานาม อู การันต์ สตรีลิงค์ พยางคเ์ ดยี ว
1. ถ้าวิภักติที่ข้ึนต้นด้วยพยัญชนะให้ผสมเข้าไปได้เลย เช่น bhū + bhis = bhūbhis
2. ถ้าวิภักติข้ึนต้นด้วยสระ ให้แปลง ū เป็น uv แล้วผสมวิภักติน้ัน เช่น bhū + au
= bhuvau
3. นอกจากนี้การผัน อู การันต์ พยางค์เดียวยังใช้ข้อสังเกต เรื่องวิภักติที่ 3-4-5-6-7
เอกพจน์ คําลงท้ายจะเป็น -vā, -vai, -vās, -vām เช่น bhū + as (วิภักติที่ 5
และ 6 เอกพจน์) = bhuvas หรือ bhuvās กไ็ ด้ท้งั คู่
คาํ นาม อู การนั ต์ สตรีลิงค์ หลายพยางค์ เช่น vadhū แปลว่า ผ้หู ญิง, ภรรยา ก็ผัน
โดยใช้กฏเดียวกันกับการผัน bhū จะต่างกันก็เฉพาะ วิภักติที่ 1 เอกพจน์ และวิภักติที่ 2
พหพุ จน์ = vadhūs (ดูบทที่ 10 ข้อ 10.8 หน้า 114 เปรียบเทียบด้วย)
ศพั ทานกุ รม
นามศพั ท์
ศพั ท์ โรมัน ไทย การนั ต์ ลิงค์ คําแปล
`$ ghaṭa ฆฏ a m. หม้อ, โอ่ง, ไห, ภาชนะดิน
pax pāśa ปาศ a m. บ่วง, แร้ว, เครือ่ งดัก
.ar bhāra ภาร a m. สิง่ ทีบ่ รรทกุ , ภาระ, สิ่งแบกหาม
.*Ty bhṛtya ภฺฤตยฺ a m. คนใช้, ผ้รู บั ใช้
spR sarpa สรปฺ a m. งู
sa/u sādhu สาธุ u m. นกั บวช, นกั บญุ
tru taru ตรุ u m. ต้นไม้
šzu iṣu อิษุ u m. ลูกศร, หน้าไม้
i.=u bhikṣu ภิกษฺ ุ u m. ภิกษุ, นกั บวช, ผ้ขู อ
ixxu śiśu ศิศุ u m. เด็ก
kaì kāṣṭha กาษฺฐ a n. ไม้, เศษไม้, ไม้ฟนื
gIt gīta คีต a n. เพลง
`*t ghṛta ฆฤฺ ต a n. เนยใส
/aNy dhānya ธานยฺ a n. ข้าวเปลือก
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 128
128
สันสกฤตพ้ืนฐาน (Introduction to Sanskrit)
นามศพั ท์ (ต่อ)
ศพั ท์ โรมัน ไทย การันต์ ลิงค์ คําแปล
raJy rājya ราชยฺ a n. ดินแดนของพระราชา
ymuna yamunā ยมนุ า ā f. ชือ่ แม่น้ํา
rQya rathyā รถฺยา ā f. ถนน
ivÛa vidyā วิทฺยา ā f. ความร้,ู การเรียน
sN?ya sandhyā สนฺธยา ā f. พลบค่ํา, ย่ําร่งุ (เวลาทีค่ วามมืดและ
ความสว่างมาพบกนั ใช้ c. 7 d.)
ADa ājñā อาชญฺ า ā f. คาํ ส่งั
Aaxa āśā อาศา ā f. ความหวัง
mala mālā มาลา ā f. พวงดอกไม้
s.a sabhā สภา ā f. ที่ประชมุ
hnu hanu หนุ u f. ขากรรไกร
juhU juhū ชุหู ū f. ทพั พี (ใช้ตักเนยในพิธี ยชั ญะ)
ū f. หญิง, ภรรยา
v/U vadhū วธู
.U bhū ภู ū f. แผ่นดิน, โลก
kIitR kīrti กีรตฺ ิ i f. เกียรติ
Jait jāti ชาติ i f. ความเกิด, สญั ชาติ, ชนช้นั ของคน
/*it dhṛti ธฤฺ ติ i f. ความหนกั แนน่ , ความมัน่ คง
bui× buddhi พุทธฺ ิ i f. ความรู้
.iμ bhakti ภกตฺ ิ i f. ความภักดี
jnnI jananī ชนนี ī f. แม่
dasI dāsī ทาสี ī f. นางทาส, หญิงรับใช้
devI devī เทวี ī f. เทวี, พระนาง
narI nārī นารี ī f. หญิง
pTnI patnī ปตนฺ ี ī f. แม่เรือน, ภรรยา
pu]I putrī ปุตรฺ ี ī f. ลกู สาว
p*iqvI pṛthivī ปฺฤถิวี ī f. แผ่นดิน
vapI vāpī วาปี ī f. หนองน้ํา, สระน้าํ , บ่อน้าํ
สนั สกฤตพื้นฐาน (Introduction to Sanskrit) 129
129
สนั สกฤตพืน้ ฐาน (Introduction to Sanskrit)