The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pim_kitty_15, 2021-12-12 21:52:41

แผนวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม 2

แผนวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม 2

การอา่ นค่าความต้านทานที่แสดงไว้บนตัวต้านทานอ่านได้หลายแบบ เชน่ ตวั ต้านทานค่าคงท่ี มักมแี ถบสี
ปรากฏอยู่บนตัวต้านทานแตกต่างกันไปตามค่าความต้านทาน โดยจะมีทงั้ แบบ 4 แถบสี และ 5 แถบสี ซ่ึงการ
อา่ นค่าความต้านทานจะต้องนำตัวต้านทานไปเทียบกับตารางแสดงรหัสสีของแถบสีบนตวั ต้านทานแล้วแปลง
ออกมาเปน็ คา่ ความต้านทาน และอุปกรณ์ไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้าแต่ละชิ้นมักจะมคี วามต้านทาน เมื่อนำมาตอ่ เข้า
กันเป็นวงจรส่วนใหญ่จะเป็นการต่อแบบอนุกรมและแบบขนานขึ้นอยู่กับการใช้งาน โดยความต่างศักย์ท่ีตก
ครอ่ มตัวต้านทานแตล่ ะตวั กบั กระแสไฟฟ้าท่ไี หลผ่านในวงจรจะมีค่าแตกต่างกนั ไปตามรปู แบบการต่อวงจร

ชน้ิ ส่วนอิเลก็ ทรอนิกส์เป็นอุปกรณ์ท่ีสำคัญอย่างหนึ่งในวงจรไฟฟ้า โดยชิ้นสว่ นอิเล็กทรอนิกส์แต่ละอย่าง
จะมีหน้าท่ีแตกต่างกันไป เช่น ตัวต้านทาน ทำหน้าท่ีควบคุมปริมาณกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า ไดโอด
ทำหน้าที่ให้กระแสไฟฟ้าผ่านทางเดียว ทรานซิสเตอร์ ทำหน้าท่ีเป็นสวิตช์ปิดหรือเปิดวงจรไฟฟ้าและควบคุม
ปริมาณกระแสไฟฟ้า ตัวเก็บประจุ ทำหน้าท่ีเก็บและคายประจุไฟฟ้า การต่อช้ินส่วนอิเล็กทรอนิกส์เข้าใน
วงจรไฟฟ้าจะต้องทำการต่อให้ถูกต้องและถูกหลักการทางไฟฟ้า จึงจะทำให้วงจรไฟฟ้านั้นทำงานได้ตามที่
ต้องการและมปี ระสทิ ธภิ าพ

พลังงานไฟฟ้าเป็นงานหรือพลังงานทีใ่ ช้ในการเคล่ือนท่ีหรือการถ่ายเทของประจุไฟฟ้าจากจุดหน่ึงไปยัง
จุดหน่ึง พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ไปในหนึ่งหน่วยเวลา เรียกว่า กำลังไฟฟ้า มีหน่วยเป็น วัตต์ หรือจูลต่อวินาที
กลา่ วไดว้ ่า กำลังไฟฟ้า คอื อตั ราการใชพ้ ลงั งานไฟฟ้า เคร่ืองมือทีใ่ ชใ้ นการวดั ปริมาณการไหลของกระแสไฟฟ้า
เข้าส่บู า้ นเรือนเรียกวา่ มาตรไฟฟา้

ไฟฟ้าที่ใช้ในบ้านเรือนโดยท่ัวไปเป็นไฟฟ้ากระแสสลับมีความต่างศักย์ 220 โวลต์ การส่งพลังงานไฟฟ้า
เขา้ บ้านจะใช้สายไฟฟา้ 2 สาย คือ สายมีศักย์ เป็นสายที่มพี ลังงานศักยไ์ ฟฟ้า อาจเรียกวา่ สาย L และสายกลาง
มีศักย์ไฟฟ้าเป็นศนู ย์เมื่อเทียบกับดิน อาจเรียกว่า สาย N วงจรไฟฟ้าในบ้านมีการต่อเคร่ืองใช้ไฟฟา้ แบบขนาน
เพื่อให้ความต่างศักย์เท่ากัน เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเมื่อแบ่งตามลักษณะพลังงานที่ได้รับจากเคร่ืองใช้ไฟฟ้า
สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ เคร่ืองใช้ไฟฟ้าท่ีเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงาน แสงสว่าง
เคร่ืองใช้ไฟฟ้าท่ีเปล่ียนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานความร้อน และเคร่ืองใช้ไฟฟ้าท่ีเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็น
พลงั งานกล

การใช้พลังงานไฟฟ้ามากจะทำให้เสียค่าไฟฟ้าต่อหน่วยมากขึ้นด้วย เพื่อความประหยัดควรเลือกใช้
เคร่ืองใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสมกบั ความต้องการในการใช้งานเท่าที่จำเป็น เพื่อความปลอดภยั ของผูใ้ ช้ไฟฟ้าควรใช้
เคร่ืองใช้ไฟฟ้าอย่างระมดั ระวงั รวมทั้งตรวจสอบสภาพการใช้งานอยา่ งสม่ำเสมอ

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มวี นิ ัย รับผิดชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้

1) ทักษะการวัด 3. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน

2) ทักษะการสังเกต

3) ทักษะการทดลอง

4) ทักษะการคำนวณ

5) ทักษะการวิเคราะห์

6) ทักษะการนำความรไู้ ปใช้

7) ทกั ษะการจัดกระทำและสอื่ ความหมายข้อมลู

8) ทักษะการตคี วามหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรุป

3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ

4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. ชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- การสรา้ งชน้ิ งานส่ิงประดษิ ฐ์ เรือ่ ง การต่อวงจรไฟฟ้า

6. การวัดและการประเมนิ ผล

รายการวัด วิธีวัด เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมิน
- ระดับคณุ ภาพ 2
6.1 การประเมินชิ้นงาน/ - แบบประเมนิ ชิ้นงาน/
ภาระงาน (รวบยอด) ผ่านเกณฑ์
ภาระงาน (รวบยอด)
- แบบทดสอบก่อนเรียน - ประเมินตามสภาพจรงิ
- ออกแบบและ - ตรวจชิ้นงาน หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 5
ไฟฟ้าและ
สร้างช้ินงาน สง่ิ ประดิษฐ์จากการ อเิ ล็กทรอนกิ ส์

สิง่ ประดษิ ฐ์จากการ ต่อวงจรไฟฟา้

ตอ่ วงจรไฟฟา้

6.2 การประเมินก่อนเรยี น

- แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ

กอ่ นเรียน หนว่ ยการ ก่อนเรียน หน่วยการ

เรยี นรู้ท่ี 5 ไฟฟา้ และ เรียนรู้ที่ 5 ไฟฟา้

อิเลก็ ทรอนกิ ส์ และอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์

รายการวดั วิธวี ัด เครือ่ งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ

6.3 การประเมนิ ระหว่าง

การจดั กจิ กรรม

1) ความสัมพันธ์ - ตรวจใบงานท่ี 5.1 - ใบงานท่ี 5.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ระหว่างกระแสไฟฟ้า - ตรวจสมุดประจำตวั - สมุดประจำตวั หรือ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

กับความต่างศกั ย์ หรอื แบบฝกึ หัด แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์

วทิ ยาศาสตรแ์ ละ และเทคโนโลยี ม.3

เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2

เล่ม 2

2) ผลบันทกึ การปฏิบัติ - ตรวจสมุดประจำตัว - สมุดประจำตวั หรอื - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์
กิจกรรม หรือแบบฝกึ หดั และเทคโนโลยี ม.3
เล่ม 2
ความสัมพันธ์ วทิ ยาศาสตรแ์ ละ

ระหวา่ ง เทคโนโลยี ม.3

กระแสไฟฟา้ กบั เลม่ 2

ความต่างศักย์

3) ตัวต้านทาน - ตรวจใบงานท่ี 5.2 - ใบงานที่ 5.2 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

- ตรวจสมุดประจำตวั - สมุดประจำตวั หรอื - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

หรือแบบฝกึ หัด แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์

วิทยาศาสตร์และ และเทคโนโลยี ม.3

เทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2

เล่ม 2

4) ผลบันทกึ การปฏบิ ตั ิ - ตรวจสมุดประจำตัว - สมุดประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์
กิจกรรมการตอ่ ตวั หรือแบบฝึกหดั และเทคโนโลยี ม.3
เลม่ 2
ต้านทานแบบ วิทยาศาสตร์และ

อนุกรม เทคโนโลยี ม.3

เลม่ 2

5) ผลบนั ทกึ การปฏิบัติ - ตรวจสมุดประจำตวั - สมุดประจำตัว หรือ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์
กิจกรรมการต่อตัว หรอื แบบฝกึ หดั และเทคโนโลยี ม.3
เลม่ 2
ต้านทานแบบขนาน วทิ ยาศาสตร์และ

เทคโนโลยี ม.3

เล่ม 2

รายการวัด วิธวี ดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมนิ
- ใบงานท่ี 5.3 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
6) วงจรอเิ ล็กทรอนกิ ส์ - ตรวจใบงานท่ี 5.3 - สมุดประจำตัว หรือ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์
เบื้องต้น - ตรวจสมุดประจำตวั และเทคโนโลยี ม.3 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
เลม่ 2
หรอื แบบฝกึ หดั - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- สมดุ ประจำตัว หรอื - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
วิทยาศาสตร์และ แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ม.3 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
เทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

เลม่ 2 - ใบงานท่ี 5.4 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- สมดุ ประจำตัว หรือ
7) ผลบันทึกการปฏบิ ตั ิ - ตรวจสมุดประจำตวั แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ - ระดบั คุณภาพ 2
และเทคโนโลยี ม.3 ผา่ นเกณฑ์
กิจกรรมการต่อวงจร หรือแบบฝึกหัด เลม่ 2

ทรานซสิ เตอร์ วทิ ยาศาสตร์และ - ใบงานท่ี 5.5
- สมุดประจำตัว หรือ
เทคโนโลยี ม.3 แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ม.3
เล่ม 2 เล่ม 2

8) พลังงานไฟฟา้ - ตรวจใบงานท่ี 5.4 - สมุดประจำตัว หรือ
แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์
กำลังไฟฟา้ และการ - ตรวจสมุดประจำตัว และเทคโนโลยี ม.3
เลม่ 2
คำนวณค่าไฟฟา้ หรือแบบฝกึ หดั
- แบบประเมนิ การ
วิทยาศาสตรแ์ ละ นำเสนอผลงาน/การ
ปฏิบตั ิกิจกรรม
เทคโนโลยี ม.3

เลม่ 2

9) วงจรไฟฟา้ และ - ตรวจใบงานท่ี 5.5

เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ ใน - ตรวจสมุดประจำตัว

บ้าน หรอื แบบฝึกหัด

วิทยาศาสตร์และ

เทคโนโลยี ม.3

เล่ม 2

10) การใชไ้ ฟฟา้ อยา่ ง - ตรวจสมุดประจำตวั

ประหยัดและ หรือแบบฝึกหดั

ปลอดภัย วทิ ยาศาสตรแ์ ละ

เทคโนโลยี ม.3

เลม่ 2

11) การนำเสนอผลงาน/ - ประเมนิ การนำเสนอ

การปฏิบตั กิ ิจกรรม ผลงาน/การปฏบิ ัติ

กจิ กรรม

รายการวดั วธิ ีวัด เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
- ระดบั คณุ ภาพ 2
12) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์
- ระดบั คณุ ภาพ 2
ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล ผ่านเกณฑ์
- ระดับคุณภาพ 2
13) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์

ทำงานกลุ่ม การทำงานกลมุ่ การทำงานกลุม่ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

14) คุณลกั ษณะอนั พงึ - สังเกตความมีวนิ ัย - แบบประเมิน

ประสงค์ รบั ผดิ ชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ คณุ ลักษณะ

และมงุ่ มั่นในการ อนั พงึ ประสงค์

ทำงาน

6.4 การประเมินหลงั เรยี น

- แบบทดสอบหลงั เรยี น - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลงั เรยี น

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 หลังเรยี น หน่วยการ หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 5

ไฟฟ้าและ เรียนรู้ที่ 5 ไฟฟ้า ไฟฟา้ และ

อิเล็กทรอนกิ ส์ และอเิ ล็กทรอนกิ ส์ อิเล็กทรอนิกส์

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ เวลา 3 ชว่ั โมง
เวลา 5 ชั่วโมง
• แผนท่ี 1 : ความสัมพันธ์ระหวา่ งกระแสไฟฟา้ กับความตา่ งศักย์ เวลา 4 ช่วั โมง
วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 3 ชั่วโมง
เวลา 2 ช่ัวโมง
• แผนท่ี 2 : ตัวต้านทาน เวลา 3 ชว่ั โมง
วิธีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) (รวมเวลา 20 ช่ัวโมง)

• แผนท่ี 3 : วงจรอิเล็กทรอนกิ ส์เบ้ืองตน้
วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนท่ี 4 : พลังงานไฟฟ้า กำลังไฟฟ้า และการคำนวณค่าไฟฟ้า
วิธสี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนท่ี 5 : วงจรไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟา้ ในบา้ น
วธิ ีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนท่ี 6 : การใช้ไฟฟา้ อย่างประหยดั และปลอดภยั
วธิ สี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้

8.1 สือ่ การเรียนรู้
1) หนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 5 ไฟฟา้ และอิเล็กทรอนิกส์
2) แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 ไฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนกิ ส์
3) ใบงานท่ี 5.1 เรอ่ื ง กฎของโอห์ม
4) ใบงานที่ 5.2 เรื่อง ตวั ต้านทาน
5) ใบงานที่ 5.3 เร่ือง ช้นิ ส่วนอิเลก็ ทรอนกิ ส์
6) ใบงานท่ี 5.4 เรอ่ื ง พลังงานไฟฟ้า
7) ใบงานที่ 5.5 เรอื่ ง ประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า
8) วสั ดุอุปกรณท์ ีใ่ ช้ในการปฏิบตั ิกจิ กรรมความสมั พนั ธ์ระหวา่ งกระแสไฟฟา้ กบั ความตา่ งศักย์
9) วสั ดุอุปกรณ์ท่ใี ช้ในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการต่อตัวต้านทานแบบอนกุ รม
10) วัสดุอุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการตอ่ ตวั ตา้ นทานแบบขนาน
11) วัสดุอปุ กรณ์ทใ่ี ช้ในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมการตอ่ วงจรทรานซิสเตอร์
12) วสั ดอุ ปุ กรณท์ ่ีใช้ในการปฏิบตั ิกิจกรรม Fun Science Activity เรอื่ ง ไฟฉายจากขวดพลาสตกิ
13) PowerPoint เรื่อง ความสัมพนั ธร์ ะหว่างกระแสไฟฟ้ากับความต่างศกั ย์
14) PowerPoint เรือ่ ง ตัวต้านทาน
15) PowerPoint เรอื่ ง วงจรอิเลก็ ทรอนิกสเ์ บ้ืองต้น
16) PowerPoint เรือ่ ง พลงั งานไฟฟ้า
17) PowerPoint เร่ือง วงจรไฟฟา้ และเครอ่ื งใช้ไฟฟ้าในบ้าน
18) PowerPoint เรื่อง การใช้ไฟฟา้ อย่างประหยัดและปลอดภยั
19) สลากหมายเลข
20) ตวั ตา้ นทานค่าคงที่
21) บตั รคำ
22) บตั รภาพ
23) QR Code เรอ่ื ง ระบบการสง่ กระแสไฟฟ้า
24) สมดุ ประจำตวั นักเรียน

8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) ห้องสมุด
3) อินเทอร์เนต็

แบบทดสอบก่อนเรยี น

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 5 ไฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนิกส์

คำช้ีแจง : ให้นกั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. เคร่อื งมือท่ีใชว้ ัดความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าคอื ขอ้ ใด 6. ถ้าตอ้ งการต่อเครอื่ งสบู น้ำกับวงจรไฟฟ้าท่ีมคี วามตา่ ง
1. แอมมเิ ตอร์ ศกั ยไ์ ฟฟา้ 220 โวลต์ กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านได้ 5
2. โวลตม์ ิเตอร์ แอมแปร์ จะมีกำลังไฟฟ้าเท่าใด
3. โอหม์ มิเตอร์ 1. 110 วัตต์
4. แกลวานอมเิ ตอร์ 2. 225 วัตต์
3. 1,100 วตั ต์
2. ข้อใดเป็นหนว่ ยของกำลงั ไฟฟา้ 4. 2,200 วัตต์
1. วัตต์
2. กิโลวตั ต์ 7. ห้องเชา่ ห้องหนงึ่ ตดิ เครือ่ งปรับอากาศขนาด 1,000 วัตต์
3. จลู ต่อวินาที จำนวน 1 เครอื่ ง เปิดใชง้ านวันละ 10 ชวั่ โมง จะตอ้ งเสียค่า
4. ถูกทุกขอ้ ไฟฟ้าเดือนเมษายนเทา่ ใด ถา้ คา่ ไฟฟ้าตามหอ้ งเช่าคดิ
หนว่ ยละ 7 บาท
3. เครอ่ื งใช้ไฟฟ้าขอ้ ใดทใี่ หพ้ ลงั งานความร้อนทัง้ หมด 1. 1,800 บาท
1. เตาอบไมโครเวฟ เตารีดไฟฟา้ 2. 2,100 บาท
2. เตารีดไอน้ำ เครอ่ื งปรบั อากาศ 3. 2,900 บาท
3. เครอ่ื งปรบั อากาศ เคร่อื งสูบน้ำ 4. 3,200 บาท
4. เครื่องเปา่ ผมไฟฟา้ หมอ้ ตม้ กาแฟ
8. การตรวจไฟฟ้ารั่วที่เครือ่ งใช้ไฟฟา้ หรือไม่ วิธีการท่ีเกิดความ
4. กระแสไฟฟ้าไหลจากบริเวณศักยไ์ ฟฟา้ สงู ไปยังบริเวณ ปลอดภยั และทำง่ายทส่ี ุดคือข้อใด
ศักยไ์ ฟฟา้ ต่ำ หมายความวา่ อย่างไร 1. ดทู คี่ ่าไฟฟา้
1. กระแสไฟฟ้าจากท่สี ูงไปยงั ท่ีต่ำ 2. ใชม้ เิ ตอรว์ ัด
2. กระแสไฟฟ้าไหลจากข้ัวบวกไปยงั ขว้ั ลบ 3. ใชม้ ือสมั ผัส
3. กระแสไฟฟา้ ไหลจากความตา้ นทานมากไปยังความ 4. ใช้ไขควงตรวจสอบไฟฟา้
ตา้ นทานน้อย
4. กระแสไฟฟา้ ไหลจากความต้านทานน้อยไปยงั ความ 9. การกระทำของนกั เรียนคนใดถกู ต้องและเหมาะสมท่ีสุด
ต้านทานมาก 1. สมศรชี อบเลน่ ว่าวใกล้สายไฟฟา้
2. สมชายใชล้ วดทองแดงต่อแทนฟวิ ส์
5. การเลือกใชเ้ คร่ืองใช้ไฟฟ้าจะต้องตรวจสอบค่าสิ่งใดเพอื่ ให้ 3. ธนั วาถอดปล๊ักทุกครั้งหลงั จากเลิกใช้เคร่อื งใช้ไฟฟ้า
เหมาะสมกับความตอ้ งการ 4. กาญจนาติดปลกั๊ ไฟฟา้ ไวใ้ นระดับต่ำเพ่ือไมใ่ ห้เกะกะ
1. จำนวนวัตต์และค่ากระแสไฟฟา้
2. จำนวนวัตต์และค่าความต้านทาน 10. สายดินปอ้ งกนั กระแสไฟฟ้าร่วั ได้อยา่ งไร
3. จำนวนวัตต์และค่าความต่างศักย์ไฟฟา้ 1. ทำให้ความตา่ งศกั ย์ลดลงครึ่งหน่งึ
4. ค่าความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้าและค่าความตา้ นทานไฟฟา้ 2. ถ้ากระแสไฟฟา้ ร่วั สวิตชอ์ ัตโนมตั ิจะตัดเอง
3. ถ้ากระแสไฟฟ้ารัว่ ความตา้ นทานจะสูงขึ้นมาก
4. ถ้ากระแสไฟฟ้ารวั่ กระแสไฟฟ้าจะไหลไปทางสายดิน

เฉลย 1. 2 2. 1 3. 1 4. 2 5. 3 6. 3 7. 2 8. 4 9. 3 10. 4

แบบทดสอบหลงั เรยี น

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 5 ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์

คำชแ้ี จง : ให้นกั เรียนเลือกคำตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. อุปกรณใ์ ดจะตอ้ งต่อแบบอนุกรมเขา้ กับวงจรไฟฟ้าเท่านน้ั 7. ค่าความต้านไฟฟ้าของเส้นลวดเส้นหนง่ึ จะข้ึนอยู่กบั ข้อใด
1. แอมมิเตอร์ 1. แปรผนั ตรงกับความยาวของเสน้ ลวด
2. โวลตม์ ิเตอร์ 2. แปรผันตรงกับพ้นื ทีภ่ าคตดั ขวางของเส้นลวด
3. โอห์มมิเตอร์ 3. แปรผกผันกับความยาว แตแ่ ปรผันตรงกับพ้ืนท่ี
4. แกลวานอมเิ ตอร์ ภาคตัดขวางของเส้นลวด
4. แปรผันตรงกับความยาว แต่แปรผกผันกับพนื้ ท่ี
2. อัตราการใชพ้ ลงั งานไฟฟ้าคอื ขอ้ ใด ภาคตัดขวางของเส้นลวด
1. กำลงั ไฟฟ้า
2. ความจุไฟฟ้า 8. เมื่อนำถา่ นไฟฉายขนาด 1.5 โวลต์ มาตอ่ อนกุ รม 4 ก้อน
3. ความต่างศักย์ แลว้ นำไปตอ่ ขนานกบั หลอดไฟทมี่ คี วามต้านทาน 3 โอหม์
4. พลงั งานไฟฟา้ จำนวน 3 หลอด กระแสไฟฟา้ ทีไ่ หลผา่ นทง้ั วงจรมีค่าเทา่ ใด
1. 4 แอมแปร์
3. การต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมมขี ้อเสียอยา่ งไร 2. 5 แอมแปร์
1. ไม่ปลอดภัยต่อผ้ใู ช้งาน 3. 6 แอมแปร์
2. ต้องใช้อุปกรณ์ในการตอ่ มาก 4. 7 แอมแปร์
3. กระแสไฟฟา้ ในวงจรเดินไมส่ ะดวก
4. ถ้าสายไฟขาดจะทำให้วงจรเปิดท้งั วงจร 9. อรอุมาต่อตู้เยน็ กบั ความตา่ งศักย์ 220 โวลต์ มกี ระแสไฟฟา้
ไหลผ่าน 2.2 แอมแปร์ ตู้เย็นเครือ่ งน้มี กี ำลังไฟฟา้ เท่าไร
4. นิชาต่อวงจรไฟฟ้าโดยต่อแบตเตอรีเ่ ขา้ กับไดโอด แลว้ ต่อ 1. 264 วตั ต์
เขา้ กบั หลอดไฟ หากนชิ าตอ่ ไดโอดสลบั ขัว้ จะเกดิ อะไรข้ึน 2. 484 วัตต์
1. หลอดไฟดับ 3. 684 วัตต์
2. หลอดไฟจะติด ๆ ดบั ๆ 4. 884 วัตต์
3. ไม่เกิดการเปล่ยี นแปลง
4. หลอดไฟจะสวา่ งมากขึ้น 10. บา้ นหลงั หนึ่งมีหลอดไฟขนาด 50 วตั ต์ จำนวน 10 ดวง
เปดิ ใช้งานวันละ 10 ชว่ั โมง และเคร่ืองปรับอากาศขนาด
5. เพราะเหตใุ ดจงึ นิยมตอ่ เครื่องใช้ไฟฟา้ ในบ้านแบบขนาน 2,500 วตั ต์ จำนวน 1 เคร่อื ง เปดิ ใช้งานวันละ 8 ช่ัวโมง
1. เมื่อเครือ่ งใช้ไฟฟา้ ชำรุดไฟฟ้าจะไม่ดบั ทงั้ หมด ในเดือนกนั ยายนบา้ นหลงั นี้จะต้องชำระค่าไฟเท่าใด
2. สามารถเลอื กใชเ้ ครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ ตามตอ้ งการได้ (กำหนดอตั ราคา่ ไฟฟ้าหน่วยละ 3 บาท)
3. ทำให้ความต่างศกั ย์ของเครื่องใชไ้ ฟฟ้าทกุ ชนิดมีค่าเท่ากนั 1. 1,500 บาท
4. ถูกทุกขอ้ ทีก่ ลา่ วมา 2. 1,750 บาท
3. 2,200 บาท
6. โวลต์มิเตอร์มวี ธิ กี ารต่อกับสิ่งท่ีต้องการจะวัดในวงจรไฟฟ้า 4. 2,250 บาท
แบบใด
1. ตอ่ คร่อมข้ัวแบตเตอร่ี
2. ต่อสลบั ขั้วกับแบตเตอร่ี
3. ต่อแบบขนานกบั สง่ิ ท่ีจะวดั
4. ต่อแบบอนุกรมกับสิง่ ทีจ่ ะวดั

เฉลย 1. 1 2. 1 3. 4 4. 1 5. 4 6. 3 7. 4 8. 3 9. 2 10. 4

แบบประเมนิ ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

แบบประเมนิ ชิ้นงานสง่ิ ประดิษฐ์ เรือ่ ง การตอ่ วงจรไฟฟ้า

คำช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนประเมนิ ผลงาน/ชิ้นงานของนกั เรียนตามรายการทกี่ ำหนด แลว้ ขีด ✓ลงในชอ่ งที่ตรงกบั

ระดับคะแนน

ลำดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
4 3 21

1 การออกแบบช้ินงาน

2 การเลือกใชว้ ัสดเุ พื่อสรา้ งชิน้ งาน

3 ความสมบูรณ์ของช้ินงาน

4 การสร้างสรรคช์ ิ้นงาน

5 กำหนดเวลาส่งงาน

รวม

ลงช่อื ................................................... ผู้ประเมนิ
............../................./................

เกณฑก์ ารประเมนิ ชนิ้ งานส่งิ ประดษิ ฐ์ เร่ือง การตอ่ วงจรไฟฟา้

ประเดน็ ที่ประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1
32

1. การออกแบบชิ้นงาน ชิ้นงานมีความถูกต้องท่ี ช้ินงานมีความถูกต้องท่ี ช้ินงานมีความถูกต้องที่ ช้ิ น ง า น ไม่ ถู ก ต้ อ ง ท่ี

ออกแบ บ ไว้ มี ขน าด ออกแบ บ ไว้ มี ขน าด ออกแบ บ ไว้ มี ขน าด ออกแบบไว้ มีขนาดไม่

เห ม า ะ ส ม รู ป แ บ บ เห ม า ะ ส ม รู ป แ บ บ เห ม า ะ ส ม รู ป แ บ บ เหมาะสม รูปแบบไม่

น่าสนใจ แปลกตา และ น่าสนใจ และสร้างสรรค์ นา่ สนใจ น่าสนใจ

สร้างสรรคด์ ี

2. การเลือกใชว้ ัสดเุ พ่อื เลือกใช้วัส ดุมาสร้าง เลือกใช้วัส ดุมาสร้าง เลือกใช้วัส ดุมาสร้าง เลือกใช้วัส ดุมาสร้าง

สร้างชิ้นงาน ช้ินงานตามที่กำหนดได้ ชิ้นงานตามที่กำหนดได้ ชิ้นงานตามท่ีกำหนด ชิ้นงาน ไม่ตรงตาม ที่

ถูกต้อง และวัสดุมีความ ถูกต้อง และวัสดุมีความ แต่วัสดมุ ีความเหมาะสม กำหนด และวัสดุไม่มี

เหมาะสมกับการสร้าง เหมาะสมกับการสร้าง กับการสร้างช้ินงานที่ ความเหมาะสมกับการ

ชิน้ งานดมี าก ชิ้นงานดี ออกแบบไว้ สร้างชิ้นงานที่ออกแบบ

ไว้

3. ความสมบรู ณ์ของ ช้ินงานมีความแข็งแรง ช้ินงานมีความแข็งแรง ช้ิ น ง า น ไ ม่ มี ค ว า ม ช้ิ น ง า น ไ ม่ มี ค ว า ม
ชน้ิ งาน
ท น ท า น ส า ม า ร ถ ท น ท า น ส า ม า ร ถ แข็งแรง แต่ส ามารถ แ ข็ ง แ ร ง แ ล ะ ไ ม่

นำไปใช้งานได้จริงและ นำไปใช้งานได้จริงและ นำไปใช้งานไดบ้ า้ ง สามารถนำไปใช้งานได้

ใชไ้ ดด้ มี าก ใชไ้ ด้ดี

4. การสร้างสรรค์ ต ก แ ต่ ง ช้ิ น ง า น ไ ด้ ต ก แ ต่ ง ชิ้ น ง า น ไ ด้ ต ก แ ต่ ง ช้ิ น ง า น ไ ด้ ช้ิ น ง า น ไ ม่ มี ค ว า ม
ชิ้นงาน
สวยงามดีมาก สวยงามดี สวยงามน้อย สวยงาม

5. กำหนดเวลาสง่ งาน ส่งชิ้นงานภายในเวลาท่ี สง่ ชนิ้ งานช้ากว่ากำหนด ส่งชิ้นงานช้ากว่ากำหนด สง่ ช้นิ งานช้ากว่ากำหนด

กำหนด 1-2 วัน เกนิ 3 วนั ข้นึ ไป เกิน 5 วนั ข้ึนไป

เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ

18-20 ดมี าก

14-17 ดี

10-13 พอใช้

ตำ่ กว่า 10 ปรับปรงุ

แบบประเมินการปฏิบตั ิกจิ กรรม

คำช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนประเมนิ การปฏิบัติกจิ กรรมของนกั เรียนตามรายการที่กำหนด แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ งท่ีตรงกับ
ระดบั คะแนน

ลำดับท่ี รายการประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1
32

1 การปฏิบัตกิ ารทำกิจกรรม
2 ความคล่องแคลว่ ในขณะปฏบิ ัติกจิ กรรม
3 การบนั ทึก สรุปและนำเสนอผลการทำกิจกรรม

รวม

ลงชือ่ ................................................... ผปู้ ระเมิน
................./................../..................

เกณฑก์ ารประเมนิ การปฏบิ ัตกิ ิจกรรม

ประเดน็ ทป่ี ระเมิน ระดับคะแนน

1. การปฏิบตั ิ 432 1
กจิ กรรม ต้องให้ความชว่ ยเหลือ
ทำกจิ กรรมตามข้ันตอน ทำกจิ กรรมตามข้ันตอน ต้องใหค้ วามช่วยเหลือ อยา่ งมากในการทำ
2. ความ และใชอ้ ปุ กรณ์ได้อย่าง และใชอ้ ุปกรณ์ไดอ้ ย่าง บ้างในการทำกิจกรรม กิจกรรม และการใช้
คล่องแคล่ว ถกู ต้อง ถกู ตอ้ ง แตอ่ าจตอ้ ง และการใช้อุปกรณ์ อุปกรณ์
ในขณะปฏิบัติ ได้รบั คำแนะนำบา้ ง ทำกจิ กรรมเสรจ็ ไม่
กิจกรรม ทนั เวลา และทำ
มคี วามคล่องแคล่ว มีความคล่องแคลว่ ขาดความคลอ่ งแคลว่ อุปกรณ์เสียหาย
3. การบันทกึ สรุป ในขณะทำกจิ กรรมโดย ในขณะทำกิจกรรมแต่ ในขณะทำกิจกรรมจงึ
และนำเสนอผล ไมต่ อ้ งได้รับคำชี้แนะ ตอ้ งได้รบั คำแนะนำบ้าง ทำกจิ กรรมเสรจ็ ไม่ ตอ้ งให้ความช่วยเหลอื
การปฏิบตั ิ และทำกิจกรรมเสร็จ และทำกิจกรรมเสร็จ ทันเวลา อยา่ งมากในการบันทกึ
กิจกรรม ทันเวลา ทันเวลา สรปุ และนำเสนอผล
บันทึกและสรุปผลการ บันทึกและสรปุ ผลการ ต้องให้คำแนะนำในการ การทำกจิ กรรม
ทำกจิ กรรมได้ถูกต้อง ทำกิจกรรมได้ถกู ต้อง บนั ทกึ สรปุ และ
รัดกุม นำเสนอผลการ แต่การนำเสนอผลการ นำเสนอผลการทำ
ทำกจิ กรรมเปน็ ขนั้ ตอน ทำกจิ กรรมยังไม่เปน็ กิจกรรม
ชัดเจน ขน้ั ตอน

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ

10-12 ดีมาก

7-9 ดี

4-6 พอใช้

0-3 ปรับปรุง

แบบประเมินการนำเสนอผลงาน

คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งที่

ตรงกับระดับคะแนน

ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1
32

1 ความถกู ต้องของเนอื้ หา  

2 ความคดิ สร้างสรรค์  

3 วิธกี ารนำเสนอผลงาน  

4 การนำไปใช้ประโยชน์  

5 การตรงตอ่ เวลา  

รวม

ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมนิ
............/................./...................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน

เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ

14–15 ดีมาก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ต่ำกวา่ 8 ปรับปรุง

แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล

คำชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งท่ี

ตรงกบั ระดับคะแนน

ลำดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1
32

1 การแสดงความคิดเห็น  

2 การยอมรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผ้อู ่นื  

3 การทำงานตามหน้าท่ีท่ไี ดร้ ับมอบหมาย  

4 ความมนี ำ้ ใจ  

5 การตรงต่อเวลา  

รวม

เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่ือ ................................................... ผูป้ ระเมนิ
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ............/.................../................
ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ

14–15 ดีมาก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรุง

แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่

คำชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งท่ี
ตรงกบั ระดับคะแนน

การทำงาน การมี
ตามท่ไี ด้รับ
ลำดบั ท่ี ชอ่ื –สกลุ การแสดง การยอมรับ มอบหมาย ความมนี ำ้ ใจ สว่ นร่วมใน รวม
ของนักเรียน ความคดิ เห็น ฟังคนอ่นื การปรับปรุง 15
คะแนน
ผลงานกล่มุ

321321321321321

เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่อื ................................................... ผู้ประเมิน
ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ............./.................../...............
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครัง้
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ

14–15 ดมี าก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรงุ

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

คำชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องท่ี

ตรงกับระดับคะแนน

คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
อนั พึงประสงคด์ ้าน 321

1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้

กษตั รยิ ์ 1.2 เข้ารว่ มกจิ กรรมที่สรา้ งความสามคั คีปรองดอง และเปน็ ประโยชน์

ตอ่ โรงเรียน

1.3 เข้ารว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทีต่ นนับถอื ปฏิบตั ติ ามหลกั ศาสนา

1.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมทีเ่ กย่ี วกับสถาบันพระมหากษัตรยิ ต์ ามทโี่ รงเรียนจดั ขนึ้

2. ซื่อสตั ย์ สุจริต 2.1 ใหข้ อ้ มูลทถี่ ูกต้องและเปน็ จริง

2.2 ปฏิบตั ใิ นสง่ิ ท่ีถูกต้อง

3. มีวินยั รับผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บงั คับของครอบครัว

มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตา่ ง ๆ ในชวี ิตประจำวนั

4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 รู้จักใช้เวลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบัตไิ ด้

4.2 ร้จู ักจดั สรรเวลาให้เหมาะสม

4.3 เชือ่ ฟงั คำสงั่ สอนของบดิ า-มารดา โดยไม่โต้แยง้

4.4 ต้งั ใจเรียน

5. อยอู่ ย่างพอเพียง 5.1 ใชท้ รัพยส์ ินและสิง่ ของของโรงเรยี นอยา่ งประหยัด

5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรยี นอย่างประหยดั และรคู้ ณุ ค่า

5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยดั และมีการเกบ็ ออมเงนิ

6. ม่งุ ม่ันในการทำงาน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย

6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรคเพือ่ ใหง้ านสำเร็จ

7. รักความเปน็ ไทย 7.1 มจี ติ สำนึกในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย

7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทย

8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รูจ้ ักชว่ ยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครทู ำงาน

8.2 รู้จกั การดูแลรักษาทรพั ยส์ มบัตแิ ละสงิ่ แวดล้อมของห้องเรยี นและโรงเรียน

ลงชื่อ .................................................. ผูป้ ระเมนิ
............/.................../................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ
พฤตกิ รรมทีป่ ฏบิ ตั ิชัดเจนและสม่ำเสมอ
พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชัดเจนและบอ่ ยคร้งั ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
พฤติกรรมทีป่ ฏิบัตบิ างครง้ั ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน 51-60 ดีมาก

41-50 ดี

30-40 พอใช้

ต่ำกวา่ 30 ปรบั ปรุง

แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 1

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 6 (ว23102)

ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3/1-8 ภาคเรียนที่ 2/2564

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 เรอ่ื ง ไฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนกิ ส์ เวลา 20 ชว่ั โมง

เร่อื ง ความสัมพนั ธร์ ะหว่างกระแสไฟฟา้ กบั ความตา่ งศกั ย์ เวลา 3 ช่วั โมง

ผสู้ อน นางสาวรุจริ าวรรณ จันสว่าง โรงเรียนบา้ นแพงพทิ ยาคม

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ดั

ว 2.3 ม.3/1 วเิ คราะห์ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งความต่างศกั ยก์ ระแสไฟฟา้ และความตา้ นทาน
และคำนวณปรมิ าณทเี่ ก่ียวข้องโดยใช้สมการ V = IR จากหลกั ฐานเชิงประจักษ์

ว 2.3 ม.3/2 เขยี นกราฟความสมั พนั ธ์ระหวา่ งกระแสไฟฟ้า และความต่างศกั ยไ์ ฟฟา้
ว 2.3 ม.3/3 ใช้โวลต์มเิ ตอร์ แอมมเิ ตอร์ในการวัดปริมาณทางไฟฟา้

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. อธิบายความหมายของกระแสไฟฟา้ และความตา่ งศักย์ได้ (K)
2. คำนวณหาปริมาณท่เี ก่ียวข้องกับความสัมพันธร์ ะหวา่ งกระแสไฟฟ้า ความตา่ งศกั ย์ และ

ความต้านทานได้ (P)
3. ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมความสมั พนั ธ์ระหวา่ งกระแสไฟฟ้ากับความต่างศกั ย์ไดอ้ ย่างถูกต้องและเป็นลำดับ

ขั้นตอน (P)
4. มีความใฝเ่ รยี นร้แู ละมคี วามมุ่งมั่นในการทำงาน (A)

3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่ิน
พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
• เมื่อต่อวงจรไฟฟ้าครบวงจรจะมีกระแสไฟฟ้า

ออกจากขั้วบวกผ่านวงจรไฟฟ้าไปยังข้ัวลบของ
แหลง่ กำเนิดไฟฟา้ ซึง่ วัดคา่ ได้จากแอมมเิ ตอร์
• คา่ ทบี่ อกความแตกต่างของพลงั งานไฟฟ้าตอ่ หน่วย
ประจุระหว่างจุด 2 จุด เรียกว่า ความต่างศักย์ซ่ึง
วัดคา่ ได้จากโวลตม์ ิเตอร์
• ขนาดของกระแสไฟฟ้ามีค่าแปรผันตรงกับความ

ต่างศักย์ระหว่างปลายท้ังสองของตัวนำ โดย
อัตราส่วนระหว่างความต่างศักย์และกระแสไฟฟ้า
มีค่าคงที่ เรียกค่าคงทน่ี ีว้ ่า ความต้านทาน

4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

กระแสไฟฟ้า เป็นปริมาณประจุไฟฟ้าท่ีเคลื่อนที่หรือถ่ายเทจากจุดหน่ึงไปยังอีกจุดหน่ึง เป็นความ
แตกต่างของพลังงานไฟฟ้าตอ่ หนว่ ยประจุระหว่างจุด 2 จุด ซึง่ ทำให้เกดิ กระแสไฟฟ้า โดยกระแสไฟฟ้าจะ
ไหลจากจุดที่มีระดับพลังงานไฟฟ้าสูงกว่าไปยังจุดที่มีระดับพลังงานไฟฟ้าต่ำกว่า และจะหยุดไหลเมื่อ
ศักย์ไฟฟ้าของทั้งสองจุดเท่ากัน สามารถวัดค่ากระแสไฟฟ้าได้โดยใช้แอมมิเตอร์ ซ่ึงความสัมพันธ์ระหว่าง
กระแสไฟฟ้าและความตา่ งศกั ย์ เป็นไปตามกฎของโอห์ม มใี จความสำคัญว่า เมือ่ อุณหภูมิคงที่ กระแสไฟฟ้า
ในตัวนำโลหะจะแปรผนั ตรงกบั ความต่างศกั ยร์ ะหว่างปลายทง้ั 2 ขา้ ง ของตวั นำนนั้

5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียนและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มวี ินัย รบั ผดิ ชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้

1) ทักษะการทดลอง 3. มุ่งมัน่ ในการทำงาน

2) ทกั ษะการคำนวณ

3) ทักษะการวเิ คราะห์

4) ทกั ษะการจดั กระทำและสอ่ื ความหมายข้อมูล

3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ

4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

 แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชวั่ โมงที่ 1

ขน้ั นำ

ขั้นที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูแจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร้ใู หน้ ักเรยี นทราบ จากนั้นครูใหน้ กั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี น
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 5 ไฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนิกส์ เพื่อวดั ความร้เู ดิมของนกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล
กอ่ นเข้าส่กู จิ กรรม
2. ครูถามคำถามกระตุ้นความสนใจของนกั เรยี นโดยใชค้ ำถาม Big Question จากหนังสือเรียน
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 5 ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนกิ ส์
และร่วมกันอภิปรายแสดงความคดิ เห็นอย่างอิสระโดยครเู ขียนคำตอบของนักเรยี นไว้ แล้วครจู ะมา
ตรวจสอบคำตอบหลงั เรยี นเสร็จ
3. นักเรียนตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเองกอ่ นเข้าสู่กจิ กรรมการเรียนการสอน จากกรอบ
Check for Understanding ในหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5 ไฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ โดยบันทึกลงในสมุดประจำตวั นกั เรยี น
4. นักเรียนทำกิจกรรม Engaging Activity จากหนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์ พจิ ารณาฉลากเครือ่ งใชไ้ ฟฟา้ แล้วอธิบายว่าฉลาก
เคร่ืองใช้ไฟฟ้าแสดงขอ้ มูลใดบ้าง โดยบนั ทกึ ลงในสมุดประจำตัวนักเรียน

ข้ันสอน

ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore)
1. ครถู ามคำถาม Key Question จากหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 5 ไฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนกิ ส์ เพอ่ื เปน็ การนำเขา้ สู่เนือ้ หาที่เรียนว่า “ปรมิ าณทาง
ไฟฟ้ามอี ะไรบ้าง และมคี วามสัมพนั ธ์กนั อย่างไร” โดยให้นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายแสดงความ
คิดเห็นอย่างอสิ ระโดยครูเขียนคำตอบของนักเรียนไว้ แลว้ ครูจะมาตรวจสอบคำตอบหลงั เรียนเสรจ็
(แนวตอบ : ปรมิ าณทางไฟฟา้ ประกอบด้วย กระแสไฟฟา้ ความต่างศกั ย์ และความต้านทาน
โดยอัตราสว่ นระหวา่ งกระแสไฟฟา้ กบั ความตา่ งศักยจ์ ะมีค่าเท่ากับความต้านทาน)

2. นกั เรียนแต่ละคนศึกษาค้นคว้าข้อมูลเก่ยี วกับเร่ือง กระแสไฟฟา้ และความต่างศักย์ จากหนงั สอื
เรียนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 5 ไฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนกิ ส์
หรือแหลง่ การเรียนรู้ตา่ ง ๆ เชน่ อนิ เทอร์เนต็ จากนนั้ ร่วมกนั สรปุ ความรทู้ ไ่ี ด้จากการศกึ ษาค้นควา้
ลงในสมุดประจำตวั นักเรยี น

3. ครตู ัง้ ประเดน็ คำถามกระตนุ้ ความคดิ นักเรยี น โดยให้นักเรียนรว่ มกันอภปิ รายแสดงความคิดเหน็
เพอ่ื หาคำตอบ ดงั นี้
• ถ้านักเรียนตอ้ งการจะวดั กระแสไฟฟ้ากบั ความต่างศกั ย์ นกั เรยี นจะเลอื กใช้อปุ กรณใ์ ด
และจะต่ออปุ กรณอ์ ย่างไร”
(แนวตอบ : สามารถวัดกระแสไฟฟา้ ในวงจรโดยการตอ่ แอมมเิ ตอร์เข้าไปในวงจร แบบอนกุ รม
และความตา่ งศักยโ์ ดยการต่อโวลตม์ ิเตอร์ แบบขนาน)
• กระแสไฟฟ้าเกดิ ขึ้นไดอ้ ย่างไร
(แนวตอบ : เกิดจากการเคล่ือนที่ของประจุไฟฟ้า เม่ือประจุไฟฟ้าเกิดการเคล่ือนที่จะก่อให้เกิด
กระแสไฟฟา้ )

ชั่วโมงที่ 2

4. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 6 คน ตามความสมัครใจ เพือ่ ศึกษากจิ กรรมความสัมพันธ์ระหวา่ ง
กระแสไฟฟา้ กบั ความตา่ งศักย์ จากนนั้ ใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมารับวสั ดุอปุ กรณท์ ี่ใช้
ในการปฏบิ ัติกิจกรรมความสัมพนั ธร์ ะหว่างกระแสไฟฟา้ กบั ความตา่ งศกั ย์

5. สมาชิกภายในกลมุ่ ร่วมกันศึกษาจุดประสงค์ วัสดอุ ุปกรณ์ และวธิ ปี ฏิบัตกิ ิจกรรม จากหนังสอื เรยี น
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 5 ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนกิ ส์

6. นักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกันปฏิบัติกิจกรรมตามข้ันตอน ในหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 5 ไฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนกิ ส์ จากนน้ั สมาชกิ แตล่ ะกล่มุ นำผลการ
ทดลองทีไ่ ดม้ าอภปิ รายรว่ มกันภายในกลมุ่ เพือ่ หาขอ้ สรปุ ของผลการทดลอง และเขียนกราฟแสดง
ความสัมพันธร์ ะหวา่ งกระแสไฟฟา้ กับความต่างศกั ย์

ช่วั โมงที่ 3

ข้นั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
7. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมความสมั พันธ์ระหวา่ งกระแสไฟฟ้ากับ
ความต่างศักย์หน้าชั้นเรยี น ในระหวา่ งทีน่ กั เรียนนำเสนอ ครูคอยให้ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติม
เพอ่ื ให้นักเรียนมีความเข้าใจถูกต้อง
8. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันตอบคำถามทา้ ยกิจกรรม โดยให้นกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายแสดงความ
คิดเหน็ เพ่ือหาคำตอบ จากนั้นครสู ุม่ นกั เรียนให้ตอบคำถามทา้ ยกจิ กรรม
9. นักเรียนและครรู ่วมกนั อภปิ รายผลทา้ ยกิจกรรม ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกระแสไฟฟ้ากบั ความต่าง
ศกั ย์ และเฉลยคำถามท้ายกจิ กรรม
10. นกั เรยี นแต่ละคนศกึ ษาค้นคว้าขอ้ มลู เกี่ยวกบั เรื่อง กฎของโอหม์ ความตา้ นทาน และตวั อย่างการ
คำนวณหาความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งกระแสไฟฟา้ ความตา่ งศกั ย์ และความตา้ นทาน จากตวั อย่าง
ที่ 5.1-5.4 ในหนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 5 ไฟฟา้ และ
อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ครูอาจแนะนำใหน้ กั เรียนทำตามขั้นตอนการแก้โจทยป์ ัญหา ดงั นี้
• ข้ันที่ 1 ทำความเขา้ ใจโจทย์ปญั หา
• ขน้ั ท่ี 2 วางแผนการแกโ้ จทยป์ ญั หา เชน่ สงิ่ ทโ่ี จทย์ต้องการถามหา และจะหาสง่ิ ท่โี จทย์ต้องการ
ตอ้ งทำอยา่ งไร
• ขนั้ ที่ 3 ดำเนนิ การแก้โจทย์ปัญหา
• ขั้นที่ 4 ตรวจสอบคำตอบ
11. ครูสุม่ นกั เรียน 4 คน ออกมาหนา้ ชั้นเรยี น จากน้ันครใู ห้นักเรยี นออกมาจับสลาก โดยครูเตรียม
สลากหมายเลข แล้วใหน้ ักเรยี นแสดงวธิ ีการคำนวณหาผลลพั ธจ์ ากตวั อยา่ งทศ่ี ึกษาบนกระดาน
หน้าชนั้ เรียน ครูอาจเสนอแนะ หรืออธบิ ายเพม่ิ เติมในตัวอยา่ งนนั้ ๆ เพือ่ ใหน้ กั เรียนมคี วามเข้าใจ
ทถ่ี กู ตอ้ ง
• หมายเลข 1 ตัวอย่างที่ 5.1
• หมายเลข 2 ตวั อยา่ งที่ 5.2
• หมายเลข 3 ตวั อยา่ งท่ี 5.3
• หมายเลข 4 ตวั อย่างที่ 5.4

12. ครูตั้งประเด็นคำถามกระตุ้นความคิดนักเรียน โดยให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็น
เพ่อื หาคำตอบ ดังนี้
• ปจั จัยใดบา้ งทม่ี ีผลต่อความต้านทานของตัวนำ
(แนวตอบ : ชนิด ความยาว พื้นทห่ี น้าตดั และอณุ หภูมขิ องตัวนำ)
• กฎของโอห์มมีใจความสำคัญอย่างไร
(แนวตอบ : เมื่ออุณหภมู ิคงท่ี กระแสไฟฟา้ ในตัวนำโลหะจะแปรผนั ตรงกับความตา่ งศกั ย์
ระหวา่ งปลายทง้ั 2 ขา้ ง ของตัวนำน้ัน)

13. นักเรยี นแต่ละคนทำใบงานท่ี 5.1 เร่ือง กฎของโอห์ม จากนั้นครใู ห้นักเรยี นแต่ละคนจับคูก่ บั
เพื่อนทนี่ ง่ั ข้างกัน แลว้ ชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ต้องของคำตอบในใบงานท่ี 5.1 เร่อื ง กฎของ
โอหม์

ข้ันที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
14. ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามเนอ้ื หาเกย่ี วกบั เร่ือง กระแสไฟฟา้ ความตา่ งศักย์ และ
ความต้านทาน และใหค้ วามรูเ้ พ่มิ เตมิ จากคำถามของนกั เรียน โดยครใู ช้ PowerPoint เร่ือง
ความสัมพันธร์ ะหวา่ งกระแสไฟฟา้ กบั ความตา่ งศักย์ ในการอธิบายเพิม่ เตมิ
15. นักเรียนแตล่ ะคนทำแบบฝึกหัด เรอ่ื ง กระแสไฟฟ้า ความต่างศกั ย์ และความตา้ นทาน
จากแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 ไฟฟ้าและ
อเิ ล็กทรอนิกส์

ขัน้ สรุป

ข้นั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบกอ่ นเรียนหน่วยการเรียนรูท้ ี่ 5 ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์
เพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจก่อนเรียนของนักเรียน
2. ครูประเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลุม่ และจากการนำเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมหนา้ ชั้นเรยี น
3. ครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนก่อนเขา้ สู่กิจกรรมการเรยี นการสอน จากกรอบ
Check for Understanding ในสมุดประจำตวั นักเรยี น
4. ครตู รวจสอบผลการปฏิบตั กิ ิจกรรม ความสัมพันธ์ระหวา่ งกระแสไฟฟา้ กับความตา่ งศักย์
5. ครตู รวจสอบผลการทำใบงานที่ 5.1 เรือ่ ง กฎของโอห์ม
6. ครูตรวจแบบฝึกหัด เรือ่ ง กระแสไฟฟ้า ความต่างศักย์ และความต้านทาน จากแบบฝึกหัด
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 5 ไฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนกิ ส์
7. นักเรยี นและครูร่วมกันสรปุ เกยี่ วกับเรอ่ื ง กระแสไฟฟา้ ความต่างศักย์ และความต้านทาน

7. การวัดและประเมินผล

รายการวัด วิธกี าร เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมนิ

7.1 การประเมนิ กอ่ นเรยี น

- แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรยี น - ประเมนิ ตามสภาพจริง

ก่อนเรียน หนว่ ยการ กอ่ นเรยี น หนว่ ยการ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5

เรยี นรู้ที่ 5 ไฟฟา้ เรยี นรทู้ ี่ 5 ไฟฟ้าและ ไฟฟ้าและ

และอเิ ลก็ ทรอนิกส์ อเิ ล็กทรอนิกส์ อิเล็กทรอนิกส์

7.2 ประเมินระหว่าง

การจดั กจิ กรรม

การเรียนรู้

1) ความสมั พนั ธ์ - ตรวจใบงานที่ 5.1 - ใบงานท่ี 5.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ระหวา่ ง - ตรวจสมุดประจำตัว - สมุดประจำตัว หรือ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

กระแสไฟฟ้ากับ หรือแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์

ความต่างศกั ย์ วทิ ยาศาสตร์และ และเทคโนโลยี ม.3

เทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 เล่ม 2

2) ผลบนั ทึกการ - ตรวจสมุดประจำตวั - สมดุ ประจำตัว หรอื - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ปฏิบัติกิจกรรม หรือแบบฝกึ หัด แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์

ความสัมพนั ธ์ วิทยาศาสตร์และ และเทคโนโลยี ม.3

ระหว่าง เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 เลม่ 2

กระแสไฟฟ้ากบั

ความตา่ งศักย์

3) การนำเสนอ - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดบั คณุ ภาพ 2

ผลงาน/การปฏิบัติ ผลงาน/การปฏิบัติ นำเสนอผลงาน/การ ผา่ นเกณฑ์

กจิ กรรม กิจกรรม ปฏิบตั ิกิจกรรม

4) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2

ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์

5) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2

ทำงานกลุม่ การทำงานกลมุ่ การทำงานกล่มุ ผา่ นเกณฑ์

6) คุณลกั ษณะ - สังเกตความมีวินัย - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ 2

อันพงึ ประสงค์ รับผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้ คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์

และมงุ่ ม่นั ในการ อนั พงึ ประสงค์

ทำงาน

8. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้

8.1 ส่อื การเรียนรู้
1) หนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 5 ไฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนิกส์
2) แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 5 ไฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนกิ ส์
3) ใบงานที่ 5.1 เรอ่ื ง กฎของโอห์ม
4) วสั ดอุ ปุ กรณ์ทใี่ ช้ในการปฏิบัตกิ ิจกรรมความสัมพนั ธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้ากบั ความตา่ งศกั ย์
5) PowerPoint เรื่อง ความสัมพันธร์ ะหว่างกระแสไฟฟ้ากบั ความตา่ งศักย์
6) สลากหมายเลข
7) สมดุ ประจำตวั นักเรียน

8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) อนิ เทอร์เนต็

ใบงานที่ 5.1

เรอ่ื ง กฎของโอห์ม

คำชี้แจง : แสดงวิธีคำนวณเก่ยี วกับกฎของโอห์มใหถ้ ูกตอ้ ง

1. วงจรไฟฟ้าหน่ึงมแี หล่งกำเนิดไฟฟา้ ทีใ่ หค้ วามต่างศักย์ 6 โวลต์ ตอ่ แบบอนุกรมกับตัวต้านทานขนาด 3 โวลต์
ตอ่ แอมแปร์ จะมีกระแสไฟฟา้ ไหลในวงจรเท่าใด
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………..……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………………………………………………………

2. วงจรไฟฟ้าหน่ึงมีกระแสไฟฟ้า 2 แอมแปร์ ไหลผ่านตัวต้านทานขนาด 20 โอห์ม จงหาความต่างศักย์ของ
แหล่งกำเนดิ ไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………..……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………………………………………………………

3. ในวงจรไฟฟ้ามีแบตเตอรี่ขนาด 20 โวลต์ ทำให้มีกระแสไฟฟ้า 5 แอมแปร์ ไหลผ่านตัวต้านทาน จงหาว่า
ความตา้ นทานนม้ี ีคา่ เทา่ ใด
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………..……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………………………………………………………

4. จงหากระแสไฟฟ้าทไ่ี หลในวงจรไฟฟ้าเมอื่ มีแบตเตอรี่ทใี่ ห้ความต่างศกั ย์ 15 โวลต์ และมีความต้านทาน 200
โวลต์ตอ่ แอมแปร์ ตอ่ อย่ใู นวงจรไฟฟ้า
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………..……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………………………………………………………

5. ต่อลวดโลหะเข้ากับเซลลไ์ ฟฟ้าหนงึ่ พบวา่ มกี ระแสไฟฟ้าไหลผ่านลวดโลหะขนาด 0.1 แอมแปร์ ถา้ ลวดโลหะ
น้ีมคี วามต้านทาน 50 โอห์ม ความต่างศกั ยข์ องเซลลไ์ ฟฟา้ มขี นาดเทา่ ใด
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………..……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………………………………………………………

6. ลวดทองแดงต่ออยู่กับเซลล์ไฟฟ้าขนาด 3 โวลต์ จะมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านลวดทองแดง 0.05 แอมแปร์
ลวดทองแดงจะมีความต้านทานเทา่ ใด
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………..……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………………………………………………………

ใบงานท่ี 5.1 เฉลย

เรือ่ ง กฎของโอหม์

คำชแี้ จง : แสดงวิธีคำนวณเกีย่ วกับกฎของโอห์มให้ถูกต้อง

1. วงจรไฟฟ้าหนึ่งมีแหล่งกำเนดิ ไฟฟา้ ทใ่ี ห้ความตา่ งศักย์ 6 โวลต์ ตอ่ แบบอนุกรมกับตวั ตา้ นทานขนาด 3 โวลต์

ต่อแอมแปร์ จะมีกระแสไฟฟา้ ไหลในวงจรเทา่ ใด

วธิ ที ำ เมื่อพิจารณาโจทย์ จะได้วา่ V = 6 V และ R = 3 V/A

จากสมการ V = IR

เมอ่ื แทนคา่ ลงในสมการจะได้ 6 V = I  3 V/A

6V
I = 3 V/A

I=2A

ดังนน้ั มกี ระแสไฟฟา้ ไหลในวงจรเท่ากับ 2 แอมแปร์

2. วงจรไฟฟ้าหน่ึงมีกระแสไฟฟ้า 2 แอมแปร์ ไหลผ่านตัวต้านทานขนาด 20 โอห์ม จงหาความต่างศักย์ของ

แหลง่ กำเนดิ ไฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้า

วิธีทำ เมอ่ื พจิ ารณาโจทย์ จะไดว้ า่ I = 2 A และ R = 20 Ω

จากสมการ V = IR

เม่อื แทนคา่ ลงในสมการจะได้ V = 2 A  20 
V = 40 V

ดังนน้ั ความต่างศกั ย์ของแหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้าในวงจรไฟฟา้ เท่ากบั 40 โวลต์

3. ในวงจรไฟฟ้ามีแบตเตอรี่ขนาด 20 โวลต์ ทำให้มีกระแสไฟฟ้า 5 แอมแปร์ ไหลผ่านตัวต้านทาน จงหาว่า

ความต้านทานนี้มีค่าเทา่ ใด

วธิ ีทำ เมอื่ พจิ ารณาโจทย์ จะไดว้ า่ V = 20 V และ I = 5 A

จากสมการ V = IR

เมื่อแทนค่าลงในสมการจะได้ 20 V = 5 A  R

20 V
R = 5A

R=4

ดงั น้นั ความต้านทานของตวั ต้านทานน้ีเทา่ กับ 4 โอหม์

4. จงหากระแสไฟฟ้าท่ีไหลในวงจรไฟฟา้ เมอื่ มีแบตเตอร่ีท่ีให้ความต่างศกั ย์ 15 โวลต์ และมีความตา้ นทาน 200

โวลตต์ ่อแอมแปร์ ต่ออย่ใู นวงจรไฟฟา้

วิธที ำ เมื่อพิจารณาโจทย์ จะไดว้ า่ V = 15 V และ R = 200 V/A

จากสมการ V = IR

เมอ่ื แทนค่าลงในสมการจะได้ 15 V = I  200 V / A

15 V
I = 200 V / A

I = 0.075 A

ดงั น้ัน มีกระแสไฟฟ้าไหลในวงจรเท่ากบั 0.075 แอมแปร์

5. ตอ่ ลวดโลหะเข้ากบั เซลลไ์ ฟฟ้าหนึ่งพบว่ามีกระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นลวดโลหะขนาด 0.1 แอมแปร์ ถ้าลวดโลหะ

น้ีมีความตา้ นทาน 50 โอหม์ ความต่างศกั ยข์ องเซลล์ไฟฟา้ มีขนาดเท่าใด

วิธที ำ เมอื่ พิจารณาโจทย์ จะไดว้ ่า I = 0.1 A และ R = 50 Ω

จากสมการ V = IR

เม่อื แทนค่าลงในสมการจะได้ V = 0.1 A  50 
V=5V

ดังน้ัน ความต่างศักย์ของเซลลไ์ ฟฟา้ เท่ากับ 5 โวลต์

6. ลวดทองแดงต่ออยู่กับเซลล์ไฟฟ้าขนาด 3 โวลต์ จะมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านลวดทองแดง 0.05 แอมแปร์

ลวดทองแดงจะมีความต้านทานเท่าใด

วิธที ำ เมือ่ พิจารณาโจทย์ จะไดว้ ่า V = 3 V และ I = 0.05 A

จากสมการ V = IR

เมอ่ื แทนคา่ ลงในสมการจะได้ 3 V = 0.05 A  R

3V
R = 0.05 A

R = 60 

ดงั นนั้ ลวดทองแดงจะมีความต้านทานเท่ากับ 60 โอหม์

สลากหมายเลข 2 
4
1
3

9. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย

ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......

10. บันทกึ ผลหลังการสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น

 ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

แผนการจัดการเรียนรู้ ท่ี 2

กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 6 (ว23102)

ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3/1-8 ภาคเรยี นที่ 2/2564

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 5 เรื่อง ไฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนิกส์ เวลา 20 ชวั่ โมง

เรือ่ ง ตัวตา้ นทาน เวลา 5 ชว่ั โมง

ผสู้ อน นางสาวรจุ ิราวรรณ จนั สว่าง โรงเรียนบ้านแพงพิทยาคม

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ดั

ว 2.3 ม.3/4 วเิ คราะหค์ วามตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ และกระแสไฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้าเม่อื ต่อตัวต้านทานหลายตัว
แบบอนกุ รมและแบบขนานจากหลักฐานเชงิ ประจักษ์

ว 2.3 ม.3/5 เขยี นแผนภาพวงจรไฟฟ้าแสดงการต่อตวั ตา้ นทานแบบอนกุ รมและขนาน

2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธบิ ายชนิดตวั ตา้ นทานค่าคงทีจ่ ากแถบสบี นตวั ตา้ นทานได้ (K)
2. อธิบายความแตกตา่ งของความตา่ งศักยแ์ ละกระแสไฟฟา้ ในวงจรไฟฟา้ เม่ือต่อตวั ต้านทานหลายตวั

แบบอนุกรมและแบบขนานได้ (K)
3. คำนวณหาปรมิ าณท่เี ก่ียวข้องกับตัวตา้ นทานค่าคงที่จากแถบสีบนตวั ต้านทานได้ (P)
4. เขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้าเมอ่ื ต่อตัวต้านทานแบบอนุกรมและแบบขนานได้ (P)
5. มคี วามมงุ่ ม่ันในการเรยี นรแู้ ละทำงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายตลอดเวลา (A)

3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรูท้ ้องถ่ิน
พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

• ในวงจรไฟฟ้าประกอบด้วยแหล่งกำเนิดไฟฟ้า
สายไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยอุปกรณ์ไฟฟ้า
แต่ละชิ้นมีความต้านทาน ในการต่อตัวต้านทาน
หลายตวั มที ้ังต่อแบบอนุกรมและแบบขนาน

• การต่อตัวต้าน ทาน หลายตัวแบบอนุกรมใน
วงจรไฟฟ้า ความต่างศักย์ท่ีคร่อมตัวต้านทาน
แต่ละตัวมีค่าเท่ากับผลรวมของความต่างศักย์ท่ี
ครอ่ มตัวต้านทานแต่ละตัว โดยกระแสไฟฟ้าท่ีผ่าน

ตัวตา้ นทานแตล่ ะตัวมีค่าเท่ากนั
• ก ารต่อ ตั วต้าน ท าน ห ล ายตัว แบ บ ขน าน ใน

วงจรไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าที่ผ่านวงจรมีค่าเท่ากับ
ผลรวมของกระแสไฟฟ้าท่ีผ่านตัวต้านทานแต่ละตัว
โดยความต่างศักย์ท่ีคร่อมตัวต้านทานแต่ละตัว
มีค่าเท่ากนั

4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

การอา่ นค่าความต้านทานที่แสดงไว้บนตัวต้านทานอ่านได้หลายแบบ เช่น ตัวต้านทานค่าคงที่ มักมี
แถบสีปรากฏอยู่บนตัวต้านทานแตกต่างกันไปตามค่าความต้านทาน โดยจะมีทั้งแบบ 4 แถบสี และ 5
แถบสี ซ่ึงการอ่านค่าความต้านทานจะต้องนำตัวต้านทานไปเทียบกับตารางแสดงรหัสสีของแถบสีบน
ตัวต้านทานแล้วแปลงออกมาเป็นค่าความต้านทาน และอุปกรณ์ไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้าแต่ละชิ้นมักจะมี
ความต้านทาน เมื่อนำมาต่อเข้ากันเป็นวงจรส่วนใหญ่จะเป็นการต่อแบบอนุกรมและแบบขนานข้ึนอยู่กับ
การใช้งาน โดยความต่างศักย์ท่ีตกคร่อมตัวต้านทานแต่ละตัวกับกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านในวงจรจะมีค่า
แตกต่างกันไปตามรูปแบบการตอ่ วงจร

5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียนและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี นิ ัย รบั ผดิ ชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้

1) ทกั ษะการวดั 3. มุ่งมัน่ ในการทำงาน

2) ทกั ษะการสงั เกต

3) ทกั ษะการคำนวณ

4) ทักษะการจัดกระทำและสอื่ ความหมายขอ้ มลู

3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ

4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

 แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชว่ั โมงที่ 1

ขน้ั นำ

ขั้นท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครทู บทวนความรเู้ ดมิ ของนกั เรียนเกี่ยวกับเรอ่ื ง กฎของโอหม์ จากน้นั ครูให้นักเรยี นแต่ละคน
ออกมารบั บัตรคำหนา้ ช้นั เรยี น ซึ่งนักเรียนแต่ละคนจะได้บตั รคำทีแ่ ตกต่างกัน แลว้ ใหน้ กั เรียน
แตล่ ะคนเขียนอธบิ ายบตั รคำท่ีตนเองได้รบั ลงในสมุดประจำตัวนักเรียน
2. นักเรียนแบง่ กล่มุ กลุ่มละ 3 คน โดยแต่ละกลุ่มต้องมีสมาชิกทีม่ บี ตั รคำเกย่ี วกบั ความตา่ งศกั ย์
กระแสไฟฟ้า และความต้านทาน จากนัน้ รว่ มกนั อภิปรายแสดงความคิดเหน็ เพื่อหาความสมั พนั ธ์
ระหว่างความต่างศักย์ กระแสไฟฟา้ และความต้านทาน
3. ครแู จกตัวตา้ นทานค่าคงทที่ ่มี ีแถบสีบนตวั ต้านทาน โดยใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนสงั เกตตวั ต้านทาน
คา่ คงที่ จากนน้ั ครตู งั้ ประเดน็ คำถามกระตนุ้ ความสนใจนักเรียน โดยใหน้ กั เรียนรว่ มกันอภิปราย
แสดงความคิดเหน็ อยา่ งอิสระโดยครูเขยี นคำตอบของนกั เรียนไว้ แล้วครจู ะมาตรวจสอบคำตอบ
หลังเรยี นเสร็จ ตวั อยา่ งคำถามเชน่
• ตัวตา้ นทานคอื อะไร และมคี วามสำคญั อย่างไรในวงจรไฟฟา้
• ทำไมตัวต้านทานแต่ละตวั มีแถบสีทีแ่ ตกตา่ งกนั
• แถบสีบนตัวต้านทานมคี วามสำคัญอย่างไร

ขนั้ สอน

ข้ันท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore)
1. นกั เรยี นจบั ค่กู บั เพือ่ นในชัน้ เรยี นตามความสมัครใจ จากนั้นรว่ มกันศกึ ษาคน้ คว้าข้อมลู เก่ยี วกับ
เรอ่ื ง ตวั ต้านทาน และการอา่ นค่าแถบสีบนตัวต้านทานค่าคงท่ี จากหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 5 ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์ หรอื แหลง่ การเรยี นรู้
ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เนต็ ห้องสมุด
2. นักเรียนร่วมกนั สรปุ ความรู้ที่ไดจ้ ากการศกึ ษาค้นคว้าลงในสมุดประจำตัวนักเรยี น จากนน้ั พจิ ารณา
ตารางรหสั สีของแถบสบี นตัวต้านทาน และอา่ นค่าแถบสีบนตวั ต้านทาน จากหนังสอื เรียน
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 5 ไฟฟา้ และอิเล็กทรอนกิ ส์

3. นักเรยี นแต่ละครู่ ่วมกันศกึ ษาตวั อยา่ งท่ี 5.5-5.6 จากหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนจดบนั ทกึ
ขน้ั ตอนเเละวิธกี ารคำนวณหาผลลพั ธล์ งในสมุดประจำตวั นกั เรียน ครอู าจแนะนำให้นกั เรยี นทำ
ตามข้นั ตอนการแก้โจทย์ปญั หา ดังนี้
• ขนั้ ที่ 1 ทำความเขา้ ใจโจทย์ปัญหา
• ขน้ั ท่ี 2 วางแผนการแก้โจทยป์ ัญหา เช่น สิ่งท่โี จทย์ต้องการถามหา และจะหาส่ิงท่โี จทยต์ ้องการ
ตอ้ งทำอยา่ งไร
• ขน้ั ท่ี 3 ดำเนนิ การแก้โจทย์ปญั หา
• ขั้นท่ี 4 ตรวจสอบคำตอบ

4. ครูเตรยี มตัวตา้ นทานค่าคงท่ี จากนนั้ ครูสุ่มนกั เรียน 4-5 คน ออกมาหนา้ ชน้ั เรียน อ่านค่าความ
ตา้ นทานจากแถบสตี ัวต้านทาน โดยครใู ห้นกั เรยี นในช้นั เรยี นร่วมกันพจิ ารณาวา่ คำตอบใดถกู ต้อง
จากนน้ั ครเู ฉลยคำตอบที่ถูกต้องนักเรียน

5. ครสู นทนากบั นักเรียนวา่ “นอกจากตวั ตา้ นทานค่าคงท่แี ล้ว ในวงจรไฟฟ้าโดยทวั่ ไปมกั พบ
ตัวต้านทานอน่ื ๆ ซง่ึ ขน้ึ อยกู่ ับความตอ้ งการในการใช้งาน” จากนัน้ ครใู หน้ ักเรียนแบ่งกลุ่ม
กลุ่มละ 4 คน ตามความสมัครใจ ร่วมกันศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกบั เร่ือง ตวั ตา้ นทานชนิดต่าง ๆ
จากหนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 5 ไฟฟา้ และ
อเิ ล็กทรอนิกส์ โดยให้สมาชกิ ภายในกลมุ่ แบง่ หนา้ ท่ีกนั ศึกษาคนละ 1 เร่ือง ซ่ึงหัวข้อมีดงั น้ี
• คนท่ี 1 ศกึ ษาตัวต้านทานปรับค่าได้
• คนที่ 2 ศกึ ษาตวั ต้านทานทเี่ ปลี่ยนค่าตามปริมาณแสง
• คนท่ี 3 ศึกษาตัวตา้ นทานท่ีเปล่ียนคา่ ตามอุณหภูมิ
• คนท่ี 4 ศึกษาตวั ต้านทานทเ่ี ปลี่ยนค่าตามแรงดันไฟฟา้

6. สมาชิกภายในกลมุ่ นำเรือ่ งท่ตี นเองศกึ ษาค้นคว้ามาอธบิ ายให้เพือ่ นในกลมุ่ ฟัง จากนั้นร่วมกนั สรปุ
ความรทู้ ไ่ี ดล้ งในสมุดประจำตัวนกั เรียน

ชัว่ โมงที่ 2-3

7. นักเรียนศึกษาคน้ คว้าข้อมลู เกี่ยวกบั เร่ือง การต่อตัวตา้ นทานแบบอนุกรม จากหนงั สือเรียน
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5 ไฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนิกส์

8. นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 6 คน ตามความสมัครใจ เพือ่ ศึกษากจิ กรรมการตอ่ ตัวตา้ นทานแบบ
อนกุ รม จากนัน้ ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนออกมารับวัสดุอปุ กรณ์ท่ีใช้ในการปฏิบตั ิกจิ กรรม
การตอ่ ตัวต้านทานแบบอนกุ รม

9. สมาชิกภายในกลุ่มรว่ มกนั ศกึ ษาจดุ ประสงค์ วสั ดุอปุ กรณ์ และวธิ ีปฏบิ ัตกิ จิ กรรม จากหนงั สอื เรยี น
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 ไฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนิกส์

10. นักเรียนแต่ละกล่มุ รว่ มกนั ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามขนั้ ตอน ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 ไฟฟา้ และอิเล็กทรอนิกส์ จากนนั้ สมาชิกแตล่ ะกลุม่ นำผลการ
ทดลองท่ไี ด้มาอภิปรายร่วมกนั ภายในกล่มุ เพอ่ื หาข้อสรุปของผลการทดลอง

11. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการปฏบิ ัติกิจกรรมการต่อตัวต้านทานแบบอนุกรม
หนา้ ชน้ั เรยี น ในระหวา่ งท่นี ักเรียนนำเสนอ ครคู อยให้ข้อเสนอแนะเพม่ิ เติม เพ่อื ใหน้ กั เรียนมี
ความเขา้ ใจถกู ต้อง

12. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ตอบคำถามท้ายกจิ กรรม โดยใหน้ ักเรยี นรว่ มกันอภิปรายแสดงความ
คดิ เหน็ เพื่อหาคำตอบ จากนัน้ ครสู มุ่ นักเรียนให้ตอบคำถามท้ายกจิ กรรม

13. นักเรียนและครูรว่ มกันอภิปรายผลทา้ ยกิจกรรมการต่อตวั ตา้ นทานแบบอนุกรม และเฉลยคำถาม
ทา้ ยกจิ กรรม

ชั่วโมงที่ 4

14. นักเรียนศกึ ษาค้นคว้าข้อมลู เกีย่ วกบั เรือ่ ง การต่อตัวตา้ นทานแบบขนาน จากหนังสอื เรยี น
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 ไฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนิกส์

15. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ (กลุม่ เดมิ ) จากชั่วโมงท่ผี ่านมา เพ่อื ศกึ ษากจิ กรรมการตอ่ ตวั ต้านทานแบบขนาน
จากนัน้ ให้นักเรยี นแต่ละกลุม่ สง่ ตวั แทนออกมารับวัสดุอปุ กรณท์ ใี่ ช้ในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมการต่อ
ตัวต้านทานแบบขนาน

16. สมาชกิ ภายในกล่มุ ร่วมกนั ศึกษาจดุ ประสงค์ วัสดุอุปกรณ์ และวิธีปฏบิ ตั กิ จิ กรรม จากหนงั สือเรียน
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 5 ไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนกิ ส์

17. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันปฏิบัติกจิ กรรมตามขั้นตอน ในหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 5 ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์ จากน้ันสมาชิกแตล่ ะกลมุ่ นำผลการ
ทดลองทีไ่ ด้มาอภิปรายร่วมกันภายในกลุม่ เพ่อื หาข้อสรุปของผลการทดลอง

ชวั่ โมงที่ 5

ข้นั ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain)
18. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมการตอ่ ตัวตา้ นทานแบบอนุกรม
หนา้ ช้นั เรยี น ในระหว่างทน่ี ักเรียนนำเสนอ ครูคอยใหข้ อ้ เสนอแนะเพ่ิมเตมิ เพือ่ ใหน้ ักเรยี นมี
ความเขา้ ใจถูกต้อง
19. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั ตอบคำถามทา้ ยกจิ กรรม โดยใหน้ กั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายแสดงความ
คดิ เห็นเพื่อหาคำตอบ จากนน้ั ครูส่มุ นักเรียนใหต้ อบคำถามทา้ ยกิจกรรม
20. นกั เรยี นและครูร่วมกันอภิปรายผลท้ายกิจกรรมการต่อตวั ตา้ นทานแบบอนกุ รม และเฉลยคำถาม
ทา้ ยกจิ กรรม
21. นกั เรยี นจบั คกู่ ับเพ่อื นในชน้ั เรยี นตามความสมัครใจ จากนน้ั รว่ มกนั ศกึ ษาตวั อย่างท่ี 5.7-5.9
ในหนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 5 ไฟฟ้าและ
อิเล็กทรอนกิ ส์ ครอู าจแนะนำให้นกั เรียนทำตามขั้นตอนการแก้โจทยป์ ญั หา ดังนี้
• ขั้นท่ี 1 ทำความเขา้ ใจโจทยป์ ญั หา
• ขัน้ ที่ 2 วางแผนการแกโ้ จทยป์ ัญหา เช่น ส่งิ ท่ีโจทย์ต้องการถามหา และจะหาสงิ่ ท่ีโจทยต์ ้องการ
ตอ้ งทำอยา่ งไร
• ขั้นท่ี 3 ดำเนินการแก้โจทยป์ ญั หา
• ขัน้ ที่ 4 ตรวจสอบคำตอบ
22. ครอู ธบิ ายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจวา่ “นอกจากการตอ่ ตัวต้านทานแบบอนกุ รมและแบบขนาน
แลว้ สามารถนำมาตอ่ เขา้ กันทง้ั 2 รปู แบบ เรยี กการตอ่ แบบนีว้ า่ การต่อตวั ต้านทานแบบผสม”
23. ครตู ัง้ ประเด็นคำถามกระตนุ้ ความคิดนกั เรียน โดยให้นกั เรยี นแต่ละคนร่วมกันอภิปรายแสดงความ
คดิ เห็นเพอื่ หาคำตอบ ดังน้ี
• การต่อวงจรไฟฟา้ แบบใดทีท่ ำให้ความตา้ นทานรวมมีค่าเพิ่มขึ้น
(แนวตอบ : การต่อตวั ตา้ นทานแบบอนุกรม)
• การต่อวงจรไฟฟา้ แบบใดทท่ี ำใหค้ วามตา้ นทานรวมมีค่าลดลง
(แนวตอบ : การตอ่ ตัวตา้ นทานแบบขนาน)
24. นกั เรยี นทำใบงานท่ี 5.2 เรื่อง ตวั ต้านทาน จากนั้นครสู ่มุ นกั เรียน 5 คน ออกมาเฉลยคำตอบ
ของตนเองหน้าชนั้ เรียน โดยให้เพื่อนในชนั้ เรียนรว่ มกนั พจิ ารณาว่าคำตอบถูกตอ้ งหรอื ไม่ จากนน้ั
ครเู ฉลยคำตอบทถ่ี ูกตอ้ งให้นักเรียน

ขนั้ ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
25. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนซักถามเนือ้ หาเก่ียวกับเรื่อง ตวั ตา้ นทาน และให้ความรเู้ พิ่มเตมิ จาก
คำถามของนกั เรียน โดยครใู ช้ PowerPoint เรอ่ื ง ตัวต้านทาน ในการอธบิ ายเพมิ่ เติม
26. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลุม่ ละ 5-6 คน ตามความสมัครใจ โดยใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกนั ศึกษา
กรอบ Application Activity ในหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 5 ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อออกแบบและเขียนแผนภาพวงจรไฟฟา้ ของ
ต้นครสิ ต์มาส พรอ้ มทั้งอธิบายว่าเป็นการตอ่ วงจรไฟฟ้าแบบใด เพราะเหตุใด
27. นกั เรยี นทำ Topic Questions เร่ือง วงจรไฟฟา้ เบื้องต้น จากหนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 5 ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์ ลงในสมดุ ประจำตัวนกั เรยี น
28. นกั เรยี นแต่ละคนทำแบบฝกึ หดั เรือ่ ง ตวั ต้านทาน จากแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์ เปน็ การบ้านสง่ ในชว่ั โมงถัดไป

ขัน้ สรปุ

ขัน้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูประเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล
พฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหนา้ ชั้นเรียน
2. ครตู รวจสอบผลการปฏิบตั ิกจิ กรรม การต่อตวั ต้านทานแบบอนุกรม
3. ครูตรวจสอบผลการปฏิบตั ิกิจกรรม การต่อตวั ตา้ นทานแบบขนาน
4. ครตู รวจสอบผลการทำใบงานที่ 5.2 เรอ่ื ง ตวั ต้านทาน
5. ครูตรวจ Topic Questions เรื่อง วงจรไฟฟ้าเบ้อื งตน้ ในสมุดประจำตวั นกั เรยี น
6. ครูตรวจแบบฝึกหัด เรอื่ ง ตัวต้านทาน จากแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 5 ไฟฟา้ และอิเล็กทรอนกิ ส์
7. นกั เรยี นและครูรว่ มกันสรปุ เกี่ยวกบั เรอ่ื ง ตัวตา้ นทาน

7. การวัดและประเมินผล

รายการวดั วิธกี าร เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมิน

7.1 ประเมินระหวา่ ง

การจดั กจิ กรรม

การเรยี นรู้

1) ตวั ต้านทาน - ตรวจใบงานท่ี 5.2 - ใบงานที่ 5.2 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

- ตรวจสมุดประจำตวั - สมดุ ประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

หรอื แบบฝกึ หัด แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์

วิทยาศาสตร์และ และเทคโนโลยี

เทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 ม.3 เลม่ 2

2) ผลบันทึกการ - ตรวจสมุดประจำตวั - สมุดประจำตัว หรือ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ปฏิบัติกิจกรรม หรือแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์

การตอ่ ตัวต้าน วิทยาศาสตร์และ และเทคโนโลยี

แบบอนุกรม เทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 ม.3 เลม่ 2

3) ผลบันทกึ การ - ตรวจสมุดประจำตัว - สมุดประจำตัว หรือ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ปฏบิ ตั ิกิจกรรม หรือแบบฝึกหัด แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์

การต่อตวั ตา้ น วทิ ยาศาสตรแ์ ละ และเทคโนโลยี

แบบขนาน เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 ม.3 เล่ม 2

4) การนำเสนอ - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดับคุณภาพ 2

ผลงาน/การปฏิบตั ิ ผลงาน/การปฏบิ ัติ นำเสนอผลงาน/การ ผ่านเกณฑ์

กิจกรรม กจิ กรรม ปฏิบัติกิจรรม

5) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คณุ ภาพ 2

ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์

6) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2

ทำงานกลุม่ การทำงานกลุม่ การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์

7) คุณลักษณะ - สงั เกตความมีวินัย - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพ 2

อันพงึ ประสงค์ รบั ผดิ ชอบ ใฝเ่ รียนรู้ คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์

และม่งุ มัน่ ในการ อันพึงประสงค์

ทำงาน

8. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้

8.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 5 ไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนิกส์
2) แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 ไฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
3) ใบงานที่ 5.2 เรื่อง ตวั ตา้ นทาน
4) วสั ดุอปุ กรณ์ท่ีใช้ในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการตอ่ ตัวตา้ นทานแบบอนุกรม
5) วัสดุอปุ กรณ์ท่ีใช้ในการปฏบิ ัติกิจกรรมการตอ่ ตัวต้านทานแบบขนาน
6) PowerPoint เร่ือง ตวั ตา้ นทาน
7) ตัวต้านทานค่าคงท่ี
8) บตั รคำ
9) สมุดประจำตัวนกั เรียน

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรยี น
2) ห้องสมุด
3) อนิ เทอร์เน็ต

ใบงานที่ 5.2

เร่อื ง ตัวตา้ นทาน

คำชีแ้ จง : แสดงวธิ คี ำนวณเก่ยี วกบั การตอ่ ตวั ต้านทานสมมลู ใหถ้ ูกตอ้ ง
1. กำหนดให้ R1 = 1.5 โอห์ม R2 = 2.5 โอหม์ และ R3 = 3.5 โอหม์

R1 R2 R3

.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................

2. กำหนดให้ R1 = 5 โอห์ม R2 = 2 โอห์ม R3 = 5 โอหม์ และ R4 = 10 โอห์ม
R1 R2 R3

R4

.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................

3. กำหนดให้ R1 = 13 โอห์ม R2 = 12 โอหม์ R3 = 15 โอห์ม และ R4 = 85 โอหม์
R1 R2

R3 R4

.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................

4. กำหนดให้ R1 = 13 โอหม์ R2 = 12 โอห์ม R3 = 15 โอห์ม R4 = 85 โอหม์ และ R5 = 12 โอห์ม

R1 R2 R5
R3 R4

.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................

5. กำหนดให้ R1 = 12 โอห์ม R2 = 12 โอห์ม R3 = 20 โอหม์ และ R4 = 15 โอห์ม
R1

R2

R3

R4

.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................

ใบงานที่ 5.2 เฉลย

เรอ่ื ง ตวั ตา้ นทาน

คำช้แี จง : แสดงวธิ คี ำนวณเกย่ี วกบั การตอ่ ตวั ต้านทานสมมูลใหถ้ ูกตอ้ ง
1. กำหนดให้ R1 = 1.5 โอหม์ R2 = 2.5 โอห์ม และ R3 = 3.5 โอหม์

R1 R2 R3

วิธที ำ สามารถหาความต้านทานสมมูลไดจ้ ากสมการ
R = R1 + R2 + R3
R = 1.5  + 2.5  + 3.5 
R = 7.5 

ดังนนั้ ความต้านทานสมมูลของตัวต้านทาน 3 ตัวทตี่ ่อกนั แบบอนกุ รม เท่ากบั 7.5 โอหม์

2. กำหนดให้ R1 = 5 โอหม์ R2 = 2 โอหม์ R3 = 5 โอหม์ และ R4 = 10 โอหม์
R1 R2 R3

R4

วิธีทำ ความต้านทานรวม R1 R2 และ R3
R123 = R1 + R2 + R3

R123 = 5  + 2  + 5 

R123 = 12 

จะไดว้ ่า ความต้านทานสมมลู ของตวั ต้านทานทั้ง 4 ตวั เท่ากับ

1 = 1 + 1 = 1 + 1
R R123 R4 12  10 

1 10 + 12 = 22
R = 120  120 

120 
R = 22 = 5.45 

ดงั น้ัน ความต้านทานสมมูลของตวั ต้านทานท้งั 4 ตัว เท่ากบั 5.45 โอห์ม

3. กำหนดให้ R1 = 13 โอห์ม R2 = 12 โอหม์ R3 = 15 โอหม์ และ R4 = 85 โอหม์
R1 R2

R3 R4

วิธที ำ ความต้านทานรวม R1 กบั R2
R12 = R1 + R2

R12 = 13  + 12 

R12 = 25 

ความต้านทานรวม R3 กับ R4
R34 = R3 + R4

R34 = 15  + 85 

R34 = 100 

จะไดว้ ่า ความตา้ นทานสมมลู ของตัวตา้ นทานทง้ั 4 ตวั เท่ากบั

1 = 1 + 1
R R12 R34

1 = 1 + 1 
R 25  100

1 = 4+1
R 100 

1 = 5
R 100 

100 
R= 5

R = 20 

ดงั นั้น ความต้านทานสมมูลของตวั ต้านทานท้งั 4 ตวั เท่ากบั 20 โอหม์

4. กำหนดให้ R1 = 13 โอหม์ R2 = 12 โอหม์ R3 = 15 โอห์ม R4 = 85 โอหม์ และ R5 = 12 โอห์ม

R1 R2 R5
R3 R4

วธิ ที ำ ความต้านทานรวม R1 กบั R2
R12 = R1 + R2

R12 = 13  + 12 

R12 = 25 

ความตา้ นทานรวม R3 กับ R4
R34 = R3 + R4

R34 = 15  + 85 

R34 = 100 

ความต้านทานรวม R12 กับ R34

1 = 1 + 1
R1234 R12 R34
1 1 1
R1234 = 25  + 100 

1 4+1
R1234 = 100 

1 = 5
R1234 100 

100 
R1234 = 5

R1234 = 20 

จะไดว้ า่ ความต้านทานสมมูลของตัวต้านทานทง้ั 4 ตัว เท่ากบั
R = R1234 + R5
R = 20  + 12 

R = 32 

ดังนนั้ ความต้านทานสมมูลของตัวต้านทานทัง้ 5 ตวั เท่ากบั 32 โอหม์

5. กำหนดให้ R1 = 12 โอห์ม R2 = 12 โอห์ม R3 = 20 โอหม์ และ R4 = 15 โอห์ม
R1
R2
R3
R4

วิธที ำ สามารถหาความตา้ นทานสมมูลไดจ้ ากสมการ

1 = 1 + 1 + 1 + 1
R R1 R2 R3 R4

1 = 1 + 1 + 1 + 1
R 12  12  20  15 

1 = 1+1 3+4
R 12  + 60 

1 = 2 + 7
R 12  60 

1 = 10 + 7
R 60 

1 = 17
R 60 

60 
R = 17

R = 3.53 

ดงั นนั้ ความต้านทานสมมูลของตวั ต้านทานท้ัง 4 ตวั ทีต่ อ่ กันแบบขนาน เท่ากับ 3.53 โอห์ม

บตั รคำ 

V
I
R

9. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย

ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......

10. บันทกึ ผลหลังการสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น

 ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 3

กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 6 (ว23102)

ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 3/1-8 ภาคเรยี นท่ี 2/2564

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 5 เรื่อง ไฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนกิ ส์ เวลา 20 ชวั่ โมง

เรื่อง วงจรอเิ ล็กทรอนกิ ส์เบอื้ งต้น เวลา 4 ชว่ั โมง

ผู้สอน นางสาวรุจริ าวรรณ จันสว่าง โรงเรียนบ้านแพงพทิ ยาคม

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด

ว 2.3 ม.3/6 บรรยายการทำงานของช้ินสว่ นอเิ ล็กทรอนกิ สอ์ ย่างงา่ ยในวงจรจากข้อมูลท่ีรวบรวมได้
ว 2.3 ม.3/7 เขยี นแผนภาพและตอ่ ชิน้ ส่วนอิเลก็ ทรอนิกส์อยา่ งง่ายในวงจรไฟฟ้า

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายหลักการทำงานของชิ้นสว่ นอิเล็กทรอนิกส์ในวงจรอิเล็กทรอนิกสอ์ ย่างง่ายได้ (K)
2. ปฏบิ ตั ิกิจกรรมการตอ่ วงจรทรานซิสเตอร์ได้อยา่ งถูกตอ้ งและเปน็ ลำดบั ข้นั ตอน (P)
3. นำความรเู้ ก่ียวกับวงจรอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์เบ้ืองตน้ ไปประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้ (A)

3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถิน่
พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
สาระการเรยี นร้แู กนกลาง

• การต่อตัวต้านทานหลายตัวแบบขนานในวงจรไฟฟ้า
ก ร ะ แ ส ไ ฟ ฟ้ า ท่ี ผ่ าน ว ง จ ร มี ค่ าเท่ า กั บ ผ ล ร ว ม ข อ ง
กระแสไฟฟ้าที่ผ่านตัวต้านทานแต่ละตัว โดยความ
ต่างศักย์ที่ครอ่ มตัวต้านทานแต่ละตวั มีค่าเท่ากัน

• ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีหลายชนิด เช่น ตัวต้านทาน
ไดโอด ทรานซิสเตอร์ ตัวเก็บประจุ โดยชิ้นส่วน
แต่ละชนิดทำหน้าท่ีแตกต่างกนั เพ่ือใหว้ งจรทำงานได้
ตามต้องการ

• ตัวต้านทานทำหน้าท่ีควบคุมปริมาณกระแสไฟฟ้าใน
วงจรไฟฟ้า ไดโอดทำหน้าท่ีให้กระแสไฟฟ้าผ่านทาง
เดียว ทรานซิสเตอร์ทำหน้าที่เป็นสวิตช์ปิดหรือเปิด
วงจรไฟ ฟ้ าและควบคุมปริมาณ กระแสไฟ ฟ้ า
ตัวเก็บประจุทำหนา้ ทเ่ี กบ็ และคายประจุไฟฟา้

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถน่ิ

• เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างง่ายประกอบด้วยช้ินส่วน
อิเล็กทรอนิกส์หลายชนิดที่ทำงานร่วมกัน การต่อ
ว ง จ ร อิ เล็ ก ท ร อ นิ ก ส์ โด ย เลื อ ก ใช้ ช้ิ น ส่ ว น
อิเล็กทรอนิกส์ที่เหมาะสมตามหน้าที่ของช้ินส่วน
น้ัน ๆ จะสามารถทำให้วงจรไฟฟ้าทำงานได้ตาม
ตอ้ งการ

4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

ช้ินส่วนอิเล็กทรอนิกส์เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างหน่ึงในวงจรไฟฟ้า โดยช้ินส่วนอิเล็กทรอนิกส์แต่ละ
อย่างจะมหี น้าท่ีแตกต่างกันไป เชน่ ตัวต้านทาน ทำหน้าท่ีควบคุมปรมิ าณกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า ไดโอด
ทำหน้าที่ให้กระแสไฟฟ้าผ่านทางเดียว ทรานซิสเตอร์ ทำหน้าท่ีเป็นสวิตช์ปิดหรือเปิดวงจรไฟฟ้าและ
ควบคุมปริมาณกระแสไฟฟ้า ตัวเกบ็ ประจุ ทำหน้าที่เกบ็ และคายประจไุ ฟฟ้า การต่อชิน้ สว่ นอิเล็กทรอนิกส์
เข้าในวงจรไฟฟ้าจะตอ้ งทำการต่อให้ถกู ต้องและถกู หลกั การทางไฟฟ้า จึงจะทำให้วงจรไฟฟ้านั้นทำงานได้
ตามที่ตอ้ งการและมีประสิทธภิ าพ

5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี นและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี นิ ัย รบั ผิดชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้

1) ทักษะการสังเกต 3. มุ่งมั่นในการทำงาน

2) ทักษะการทดลอง

3) ทกั ษะการจดั กระทำและสอื่ ความหมายขอ้ มลู

3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ

4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี


Click to View FlipBook Version