The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pim_kitty_15, 2021-12-12 21:52:41

แผนวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม 2

แผนวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม 2

8. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้

8.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 8 ปฏสิ ัมพันธใ์ นระบบ
สุริยะและเทคโนโลยอี วกาศ
2) แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 8 ปฏิสมั พนั ธ์ในระบบ
สรุ ิยะและเทคโนโลยอี วกาศ
3) ใบงานที่ 8.1 เรือ่ ง การโคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทิตย์
4) PowerPoint เรือ่ ง การโคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทิตย์
5) บัตรภาพ
6) สมดุ ประจำตัวนักเรียน

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) อนิ เทอรเ์ น็ต

ใบงานที่ 8.1

เรอ่ื ง การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทติ ย์

คำช้ีแจง : แสดงวธิ ีทำอยา่ งละเอยี ด

1. โลกมีมวล 5.971024 กิโลกรัม ดวงจันทร์มีมวล 7.351022 กิโลกรัม และระยะห่างระหว่างจุด
ศูนย์กลางของโลกและดวงจันทร์เป็น 2.20109 เมตร จงหาแรงโน้มถ่วงระหว่างโลกกับดวงจันทร์มีค่า

เท่าใด ดวงจันทร์

โลก

2.20109 m

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………..……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………..……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. นกั บินอวกาศมีมวล 80 กิโลกรมั ขณะท่อี ยบู่ นผวิ โลก เมอื่ นกั บนิ อวกาศโคจรรอบโลกท่ีระยะหา่ งจากผิวโลก
เป็น 3 เท่าของรศั มขี องโลก นักบนิ อวกาศจะมนี ำ้ หนกั เทา่ ใด (กำหนดให้ค่า g = 9.8 เมตรตอ่ วนิ าที2)
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………..……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………..……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………

ใบงานที่ 8.1 เฉลย

เรอ่ื ง การโคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทิตย์

คำช้ีแจง : แสดงวิธที ำอย่างละเอยี ด

1. โลกมีมวล 5.971024 กิโลกรัม ดวงจันทร์มีมวล 7.351022 กิโลกรัม และระยะห่างระหว่างจุด
ศูนย์กลางของโลกและดวงจันทร์เป็น 2.20109 เมตร จงหาแรงโน้มถ่วงระหว่างโลกกับดวงจันทร์มีค่า

เท่าใด ดวงจนั ทร์

โลก

2.20109 m

วธิ ที ำ เนอ่ื งจาก G = 6.674  10−11 Nm2 / kg2

มวลของโลก m1 = 5.97  1024 kg
มวลของดวงจนั ทร์ m2 = 7.35  1022 kg
ระยะห่างระหวา่ งโลกกบั ดวงจนั ทร์ r = 2.20  109 m

จากกฎแรงโนม้ ถว่ งของนวิ ตนั

F = Gm1m2
r2
6.674  10−11 Nm2 / kg2  5.97  1024 kg  7.35  1022 kg
F = (2.20  109 m)2

292.85  1035 Nm2
F = 4.84  1018 m2

F = 60.51  1017 N

ดงั นน้ั แรงโน้มถ่วงระหวา่ งโลกกบั ดวงจันทรม์ คี า่ เท่ากบั 60.51  1017 นิวตัน

2. นกั บนิ อวกาศมีมวล 80 กิโลกรัม ขณะท่ีอยบู่ นผวิ โลก เมื่อนักบินอวกาศโคจรรอบโลกทรี่ ะยะหา่ งจากผิวโลก

เปน็ 3 เท่าของรศั มีของโลก นักบนิ อวกาศจะมีนำ้ หนกั เท่าใด (กำหนดใหค้ า่ g = 9.8 เมตรต่อวินาที2)

วิธีทำ จากกฎแรงโน้มถว่ งของนิวตนั

FG = GMm
r2
GMm
(FG คือ นำ้ หนักของวตั ถุ) W = r2

W  1
r2
2
W1 =  r2
W2 r1
80kg  9.8 m / s2
W2 =  r + 3r 2
 r 

784 =  r + 3r 2
W2  r 

W2 = 784
16
W2 = 49 N

ดังนน้ั นกั บินอวกาศจะมีน้ำหนกั เทา่ กับ 49 นิวตัน

บตั รภาพ 

ภาพที่ 1 ดวงอาทิตย์
ภาพท่ี 2 โลก

ภาพท่ี 3 ดวงจนั ทร์

9. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย

ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......

10. บันทกึ ผลหลังการสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น

 ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

แผนการจัดการเรยี นรู้ ที่ 18

กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 6 (ว23102)

ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 3/1-8 ภาคเรียนที่ 2/2564

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 8 เรื่อง ปฏิสัมพนั ธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยีอวกาศ เวลา 16 ชั่วโมง

เรือ่ ง การเกดิ ฤดูกาลและการเคลอื่ นท่ีปรากฏของดวงอาทิตย์ เวลา 3 ชัว่ โมง

ผสู้ อน นางสาวรุจริ าวรรณ จันสว่าง โรงเรียนบ้านแพงพิทยาคม

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ดั

ว 3.1 ม.3/2 สร้างแบบจำลองทีอ่ ธิบายการเกิดฤดู และการเคลอ่ื นทปี่ รากฏของดวงอาทิตย์

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายการเกิดฤดูกาลได้ (K)
2. อธบิ ายการเคล่อื นที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ได้ (K)
3. สรา้ งแบบจำลองทอี่ ธบิ ายการเกดิ ฤดู และการเคล่อื นทปี่ รากฏของดวงอาทิตยไ์ ด้ (P)
4. มคี วามสนใจใฝ่รู้หรอื อยากรอู้ ยากเห็น และทำงานรว่ มกบั ผูอ้ ่นื อย่างสร้างสรรค์ (A)

3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถนิ่
พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
• การท่ีโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ในลักษณะท่ีแกน

โลกเอียงกับแนวตั้งฉากของระนาบทางโคจร ทำให้
สว่ นต่าง ๆ บนโลกได้รับปรมิ าณแสงจากดวงอาทิตย์
แตกต่างกันในรอบปี เกิดเป็นฤดูกลางวันกลางคืน
ยาวไม่เท่ากัน และตำแหน่งการข้ึนและตกของดวง
อาทิตย์ที่ขอบฟ้าและเส้นทางการขึ้นและตกของ
ดวงอาทิตย์เปลี่ยนไปในรอบปี ซ่ึงส่งผลต่อการ
ดำรงชวี ติ

4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

การทโี่ ลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ในลักษณะทแี่ กนโลกเอียงทำมุมประมาณ 23.5 องศา กบั แนวตั้งฉาก
ของระนาบทางโคจร ทำให้ส่วนต่าง ๆ บนโลกได้รบั ปริมาณแสงจากดวงอาทิตยแ์ ตกต่างกันในรอบปีเกิดเป็น
ฤดูกาล (seasons) โลกหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ ใช้เวลา 24 ช่ัวโมง หรือ 1 วัน โดยหมุนจากทิศตะวันตกไปยัง
ทิศตะวันออก การหมุนรอบตัวเองของโลกทำให้เราสังเกตเห็นการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์จาก
ทิศตะวนั ออกไปยังทิศตะวันตก เรียกปรากฏการณท์ ี่เกิดน้วี ่า การข้ึนและตกของดวงอาทิตย์ ซ่ึงสังเกตเห็น
ได้จากบริเวณขอบฟ้า เรียกบริเวณท่ีดวงอาทิตย์ข้ึนจากขอบฟ้าว่า ทิศตะวันออก และเรียกบริเวณที่
ดวงอาทิตยต์ กจากขอบฟา้ ว่า ทิศตะวนั ตก

5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียนและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มวี นิ ัย รับผดิ ชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้

1) ทกั ษะการสงั เกต 3. มุง่ มั่นในการทำงาน

2) ทกั ษะการทดลอง

2) ทักษะการสร้างแบบจำลอง

3) ทักษะการลงความเหน็ จากขอ้ มลู

4) ทกั ษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ

3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ

4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

 แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชว่ั โมงท่ี 1

ข้นั นำ

ขนั้ ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูเปิดวีดิทัศน์เก่ยี วกับการเกิดฤดูกาล จาก https://www.youtube.com/watch?v=
ENMnNK1FOAc ใหน้ ักเรียนดู จากน้ันครตู ้งั ประเด็นคำถามกระตนุ้ ความคดิ นักเรียน โดยให้
นักเรยี นแตล่ ะคนรว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคดิ เห็นอยา่ งอสิ ระโดยไม่มกี ารเฉลยว่าถูกหรอื ผดิ

ดังนี้
• ฤดกู าลเกิดข้นึ ไดอ้ ย่างไร

(แนวตอบ : เกดิ จากการท่ีโลกโคจรรอบดวงอาทิตยใ์ นรอบ 1 ปี โดยแกนโลกเอยี งทำมุม
ประมาณ 23.5 องศากับแนวต้ังฉากของระนาบโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ จึงทำให้ส่วนตา่ ง ๆ
ของโลกได้รับพลงั งานความร้อนแตกต่างกัน)
• ในประเทศไทยมีกี่ฤดู อะไรบ้าง
(แนวตอบ : มี 3 ฤดู ไดแ้ ก่ ฤดรู อ้ น ฤดูฝน และฤดหู นาว)

ขัน้ สอน

ขัน้ ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore)
1. นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 5 คน ตามความสมัครใจ จากน้ันให้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนออกมา
จับสลากเรื่องทศี่ กึ ษา โดยครูเตรยี มสลากฤดกู าลตา่ ง ๆ ไวห้ น้าชั้นเรียนดงั น้ี
• ฤดูร้อน
• ฤดูฝน
• ฤดหู นาว
• ฤดใู บไม้ร่วง
• ฤดใู บไม้ผลิ
2. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั ศกึ ษาตามเรอ่ื งทจี่ ับสลากได้ โดยให้แต่ละกล่มุ ศึกษาเกีย่ วกบั การเกดิ
ฤดกู าลนน้ั ลักษณะการหมนุ ของโลกรอบดวงอาทิตย์ ช่วงเวลาในการเกิดฤดูกาล ประเทศท่มี ี
ฤดกู าลนน้ั จากหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 8
ปฏสิ มั พนั ธใ์ นระบบสุรยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ หรือแหล่งการเรียนรูต้ า่ ง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต
ห้องสมดุ QR Code เร่อื ง การเกดิ ฤดกู าล
3. สมาชิกภายในกลมุ่ รว่ มกนั สรุปความรู้ทีไ่ ดจ้ ากการศกึ ษาคน้ ควา้ ลงในสมดุ ประจำตัวนกั เรียน

ชั่วโมงที่ 2

4. ครทู บทวนความรู้เดมิ ของนกั เรียนเกย่ี วกับการเกิดฤดกู าลจากช่ัวโมงที่ผ่านมา โดยครตู ั้งประเดน็
คำถามกระตุ้นความคิดนักเรียน ดังนี้
• สาเหตุท่ีโลกเกิดฤดกู าลท่แี ตกตา่ งกันมอี ะไรบ้าง
(แนวตอบ : โลกโคจรรอบดวงอาทิตยแ์ ละแกนโลกเอยี งทำมมุ 23.5 องศา สว่ นตา่ ง ๆ บนโลก
ได้รบั ปริมาณแสงจากดวงอาทิตย์แตกต่างกนั ในรอบปี)
• เมือ่ ซีกโลกเหนือได้รับแสงสวา่ งและความรอ้ นจากดวงอาทิตย์มาก ซีกโลกใตจ้ ะเปน็ ฤดูใด

(แนวตอบ : ฤดูหนาว)
5. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลุ่ม 6 คน ตามความสมัครใจ จากน้ันครแู จง้ จดุ ประสงคข์ องกจิ กรรม

แบบจำลองการโคจรของโลกรอบดวงอาทติ ย์ ใหน้ ักเรียนทราบเพ่ือเปน็ แนวทางการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม
ที่ถกู ต้อง
6. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ร่วมกนั ศกึ ษากิจกรรม แบบจำลองการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์
จากหนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 8 ปฏิสมั พันธ์ในระบบ
สรุ ยิ ะและเทคโนโลยอี วกาศ โดยครูใช้รูปแบบการเรียนร้แู บบร่วมมอื มาจดั กระบวนการเรยี นรู้
โดยกำหนดให้สมาชกิ แต่ละคนภายในกล่มุ มีบทบาทหนา้ ที่ของตนเองดงั น้ี

• สมาชกิ คนที่ 1-2 ทำหน้าท่ีเตรยี มวสั ดอุ ุปกรณ์ทีใ่ ชใ้ นการปฏิบตั กิ ิจกรรมแบบจำลอง
การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์

• สมาชกิ คนที่ 3-4 ทำหนา้ ที่อ่านวธิ ปี ฏิบตั ิกจิ กรรม และนำมาอธิบายให้สมาชิกในกลมุ่ ฟัง
• สมาชิกคนท่ี 5-6 ทำหนา้ ท่ีบนั ทึกผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมลงในสมุดประจำตวั นกั เรยี น
7. นักเรียนแตล่ ะกล่มุ ร่วมกันปฏิบัตกิ ิจกรรมตามขนั้ ตอน จากหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 8 ปฏิสมั พันธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยีอวกาศ
8. นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้และวเิ คราะหผ์ ลการปฏิบัตกิ จิ กรรม แลว้ อภิปรายผล
รว่ มกนั

ช่วั โมงที่ 3

ข้ันท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain)
9. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรมแบบจำลองการโคจรของโลกรอบ
ดวงอาทติ ย์หน้าช้นั เรยี น ในระหว่างท่นี กั เรียนนำเสนอ ครคู อยใหข้ อ้ เสนอแนะเพม่ิ เติม
เพ่ือให้นักเรยี นมีความเข้าใจถกู ต้อง
10. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั ตอบคำถามท้ายกิจกรรม โดยใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายแสดงความ
คิดเห็นเพอื่ หาคำตอบ จากนนั้ ครูสมุ่ นกั เรยี นให้ตอบคำถามท้ายกจิ กรรม
11. นักเรียนและครูรว่ มกนั อภปิ รายผลทา้ ยกิจกรรมแบบจำลองการโคจรของโลกรอบดวงอาทติ ย์
และเฉลยคำถามท้ายกิจกรรม
12. ครูอธบิ ายเพิม่ เตมิ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจเกยี่ วกับวันท่ี 21 มถิ ุนายน วันครีษมายนั วา่ “วันท่ี 21 มิถุนายน
เปน็ วนั ครีษมายัน เวลากลางวนั จะยาวท่สี ุดในรอบปี ดวงอาทิตย์จะขึน้ ทางทิศตะวนั ออกเฉียงไป
ทางเหนือมากท่สี ุด และตกทางทิศตะวนั ตกเฉยี งไปทางเหนือมากทีส่ ุด ซ่ึงเป็นวันเปล่ียนฤดูกาล
เขา้ สู่ฤดูรอ้ นของประเทศทางซีกโลกเหนือ”

ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
13. ครอู ธิบายเพมิ่ เตมิ ให้นกั เรียนเขา้ ใจเก่ียวกับการเคลอื่ นท่ีของวัตถตุ ่าง ๆ บนทอ้ งฟา้ วา่
“การเคลื่อนท่ีของวตั ถุในท้องฟ้า แบ่งออกเป็น 2 ลกั ษณะ ได้แก่ 1) การเคลือ่ นที่ปรากฏ เปน็ การ
เคลอื่ นที่ทเี่ กดิ ขึ้นจากการเคล่อื นท่ีของโลก และ 2) การเคลอ่ื นที่แทจ้ รงิ เปน็ การเคล่อื นท่ีท่เี กิด
จากการเคลือ่ นทข่ี องดาวเคราะห์ หรือวตั ถุในทอ้ งฟา้ นั้นจรงิ ดังนนั้ การเคลอ่ื นที่ปรากฏของ
ดวงอาทติ ย์จริง ๆ แลว้ เปน็ การเคลื่อนท่ีของโลก ซ่ึงทำใหเ้ ราเห็นปรากฏการณก์ ารขน้ึ และตกของ
ดวงอาทติ ย”์
14. ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะคนศกึ ษาค้นควา้ ข้อมูลเพิ่มเติมเกย่ี วกับเรือ่ ง การเคลอื่ นท่ีปรากฏของดวง
อาทติ ย์ จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 8 ปฏิสัมพันธ์
ในระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยอี วกาศ หรอื ใบความรู้ เรอ่ื ง การเคล่อื นท่ีปรากฏของดวงอาทติ ย์
จากนนั้ เขยี นสรปุ ความรู้ท่ไี ดจ้ ากการศกึ ษาคน้ คว้าลงในสมุดประจำตวั นกั เรยี น
15. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นซกั ถามเนื้อหาเกี่ยวกบั เรอ่ื ง การเกดิ ฤดูกาล และการเคลอ่ื นที่ปรากฏของ
ดวงอาทิตย์ และใหค้ วามร้เู พ่มิ เติมจากคำถามของนกั เรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง การเกิด
ฤดูกาล และการเคล่ือนท่ปี รากฏของดวงอาทติ ย์ ในการอธิบายเพ่ิมเติม
16. ครูตั้งประเดน็ คำถาม โดยให้นกั เรยี นร่วมกันตอบคำถามว่า “การเกิดฤดูกาลมีผลต่อมนุษย์และ
สิง่ แวดลอ้ มอย่างไร”
(แนวตอบ : ฤดกู าลมีผลต่อการดำรงชีวิตของพืช สัตว์ และมนุษย์ เช่น มีผลตอ่ การสังเคราะหด์ ้วย
แสงของพืช การปรับตัว การทำการเกษตรของมนษุ ย์)
16. นักเรียนแตล่ ะคนทำใบงานท่ี 8.2 เรอ่ื ง การเกดิ ฤดูกาล จากน้ันครูมอบหมายให้นกั เรียน
ทำแบบฝึกหัด เร่อื ง การเกดิ ฤดกู าล และการเคล่ือนทป่ี รากฏของดวงอาทิตย์ จากแบบฝกึ หดั
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 8 ปฏสิ ัมพันธใ์ นระบบสรุ ยิ ะและ
เทคโนโลยีอวกาศ เปน็ การบ้านสง่ ช่ัวโมงถัดไป

ขนั้ สรุป

ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหนา้ ช้ันเรียน
2. ครูตรวจสอบผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม แบบจำลองการโคจรของโลกรอบดวงอาทติ ย์
3. ครูตรวจสอบผลการทำใบงานท่ี 8.2 เรอ่ื ง การเกดิ ฤดูกาล
4. ครตู รวจแบบฝกึ หัด เร่อื ง การเกิดฤดกู าล และการเคลื่อนทปี่ รากฏของดวงอาทิตย์ จากแบบฝกึ หัด
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 8 ปฏิสัมพันธใ์ นระบบสรุ ยิ ะและ
เทคโนโลยีอวกาศ
5. นกั เรียนและครูร่วมกันสรุปเก่ียวกบั เรอ่ื ง การเกิดฤดกู าล และการเคล่ือนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์

7. การวัดและประเมนิ ผล

รายการวดั วธิ กี าร เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ

7.1 ประเมินระหว่าง

การจดั กิจกรรม

การเรยี นรู้

1) การเกิดฤดูกาลและ - ตรวจใบงานท่ี 8.2 - ใบงานที่ 8.2 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

การเคล่อื นทป่ี รากฏ - ตรวจสมุดประจำตวั - สมุดประจำตวั หรอื - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ของดวงอาทิตย์ หรือแบบฝกึ หัด แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์

วิทยาศาสตร์และ และเทคโนโลยี ม.3

เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 เลม่ 2

2) ผลบันทกึ การ - ตรวจสมุดประจำตัว - สมดุ ประจำตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ปฏบิ ัติกิจกรรม หรือแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์

แบบจำลองการ วทิ ยาศาสตร์และ และเทคโนโลยี ม.3

โคจรของโลกรอบ เทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 เลม่ 2

ดวงอาทติ ย์

3) การนำเสนอ - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดับคุณภาพ 2

ผลงาน/การปฏบิ ตั ิ ผลงาน/การปฏบิ ตั ิ นำเสนอผลงาน/การ ผา่ นเกณฑ์

กิจกรรม กิจกรรม ปฏิบัติกิจกรรม

4) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2

ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล ผ่านเกณฑ์

รายการวดั วธิ กี าร เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมิน
5) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2
การทำงานกลุ่ม การทำงานกล่มุ ผ่านเกณฑ์
ทำงานกลุ่ม - สงั เกตความมีวินัย - แบบประเมนิ - ระดับคณุ ภาพ 2
6) คณุ ลกั ษณะ รับผดิ ชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ คุณลักษณะ ผา่ นเกณฑ์
และมุ่งมน่ั ในการ อนั พงึ ประสงค์
อันพึงประสงค์ ทำงาน

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้

8.1 สือ่ การเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 8 ปฏิสมั พนั ธ์ในระบบ
สุริยะและเทคโนโลยีอวกาศ
2) แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 8 ปฏิสมั พันธใ์ นระบบ
สุรยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ
3) ใบงานที่ 8.2 เรื่อง การเกิดฤดกู าล
4) ใบความรู้ เรอื่ ง การเคลื่อนท่ีปรากฏของดวงอาทิตย์
5) วัสดุอปุ กรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมแบบจำลองการโคจรของโลกรอบดวงอาทติ ย์
6) PowerPoint เรอ่ื ง การเกดิ ฤดูกาล และการเคลือ่ นท่ีปรากฏของดวงอาทติ ย์
7) สลากฤดูกาลตา่ ง ๆ
8) QR Code เร่อื ง การเกดิ ฤดกู าล
9) วดี ทิ ัศนเ์ กย่ี วกับการเกดิ ฤดกู าล จาก https://www.youtube.com/watch?v=ENMnNK1FOAc
10) สมดุ ประจำตัวนักเรียน

8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) ห้องสมุด
3) อนิ เทอรเ์ น็ต

ใบงานท่ี 8.2

เร่อื ง การเกิดฤดูกาล

คำชี้แจง : พจิ ารณาภาพการเคลือ่ นทขี่ องโลกรอบดวงอาทติ ยบ์ นระนาบสุรยิ ะวิถีและอธบิ ายการเกิดกลางวนั
กลางคนื และการเกดิ ฤดูกาล

ที่มา : สถาบันวจิ ัยดาราศาสตร์แหง่ ชาติ (องคก์ ารมหาชน)

การเกดิ กลางวันกลางคืน การเกดิ ฤดูกาล

.................................................................................... ....................................................................................

.................................................................................... ....................................................................................

.................................................................................... ....................................................................................

.................................................................................... ....................................................................................

.................................................................................... ....................................................................................

.................................................................................... ....................................................................................

.................................................................................... ....................................................................................

.................................................................................... ....................................................................................

.................................................................................... ....................................................................................

.................................................................................... ....................................................................................

.................................................................................... ....................................................................................

.................................................................................... ....................................................................................

ใบงานที่ 8.2 เฉลย

เรือ่ ง การเกิดฤดกู าล

คำช้ีแจง : พจิ ารณาภาพการเคลอ่ื นท่ีของโลกรอบดวงอาทิตย์บนระนาบสุริยะวถิ ีและอธบิ ายการเกิดกลางวนั
กลางคนื และการเกิดฤดูกาล

ทีม่ า : สถาบันวิจยั ดาราศาสตรแ์ ห่งชาติ (องคก์ ารมหาชน)

การเกดิ กลางวนั กลางคนื การเกดิ ฤดูกาล

.................................................................................... ....................................................................................
ใ..น...ข..ณ...ะ..ท...โ่ี..ล..ก..โ..ค..จ..ร..ร..อ...บ...ด..ว..ง..อ..า..ท...ิต..ย...์ .โ.ล...ก..ก...จ็ ..ะ..ห...ม..นุ...ร..อ..บ... .โ..ล..ก...โ.ค..จ...ร..ร..อ..บ...ด..ว..ง..อ...า.ท...ิต...ย..โ์.ด...ย..แ..ก...น...ข..อ..ง..โ..ล..ก..เ..อ..ีย..ง..ท...ำ..ม..ุม..
.ต..ัว..เ..อ..ง..ไ..ป...ด..้ว..ย....ท...ำ..ใ..ห..้บ...ร..ิ.เ.ว..ณ....ต..่า..ง....ๆ....บ...น...ผ..ิว..โ..ล..ก...ไ..ด..้ร..ับ... .2...3....5....อ...ง..ศ..า....ก..ับ...ว..ง..โ..ค..จ...ร...ท...ำ..ใ..ห..้.แ..ต...่ล..ะ...ต..ำ..แ...ห...น..่ง..ท...ี่โ..ล..ก..
.แ..ส..ง..อ...า..ท..ิต...ย..์แ...ล..ะ...ไ.ม...่ไ.ด...้ร..ับ...แ..ส...ง..อ..า..ท...ิต..ย...์ส..ล...ับ..ก...ัน...ไ.ป....โ..ด...ย.. .โ..ค..จ...ร..ไ.ป...จ..ะ...ห..ัน...ส..่ว...น..ท...่ีเ.ป...็น...ซ..ีก...โ.ล..ก...เ.ห...น..ื.อ...แ...ล..ะ..ซ...ีก..โ..ล..ก...ใ.ต..้
บ...ร..ิเ..ว..ณ...ท...่ีไ.ด...้ร..ับ...แ..ส..ง..อ...า..ท..ิต...ย..์ท...ี่ไ..ด..้ร..ับ...แ..ส...ง..อ..า..ท...ิต..ย...์จ..ะ..เ.ป...็น... .เ..ข..า้..ห...า.ด...ว..ง..อ..า..ท...ิต..ย...์ใ.น...ช..่ว..ง..เ.ว...ล..า..ท..ต่ี...่า..ง..ก..ัน....จ..ึง..เ..ก..ิด..ฤ...ด..ูก...า..ล.
.เ.ว..ล..า..ก...ล..า..ง..ว..ัน....ส...่ว..น...บ..ร..ิเ..ว..ณ...ท...ี่ไ.ด...้ร..ับ...แ..ส...ง..อ..า..ท...ิต..ย..์จ...ะ..เ.ป...็น... .ต...่า..ง...ๆ.....ข..้ึน....เ..ช..่น.....ถ..้า..โ..ล..ก...ห..ั.น...ซ..ีก...โ.ล...ก..เ..ห...น..ือ...เ.ข...้า..ห...า..ด...ว..ง.
.เ.ว..ล..า..ก..ล...า..ง.ค...ืน................................................................. .อ...า..ท...ิต..ย...์ซ..ี.ก..โ..ล..ก...เ.ห...น...ือ..จ...ะ..เ..ป..็น...ฤ...ด..ูร..้.อ..น....ซ...ีก...โ.ล...ก..ใ..ต..้ก...็จ...ะ.
.................................................................................... .เ..ป..็น...ฤ..ด...ูห..น...า..ว................................................................

.................................................................................... ....................................................................................

.................................................................................... ....................................................................................

.................................................................................... ....................................................................................

.................................................................................... ....................................................................................

ใบความรู้

เร่ือง การเคลอ่ื นที่ปรากฏของดวงอาทติ ย์

การเคลือ่ นทข่ี องวตั ถุต่าง ๆ บนท้องฟา้ จะเกิดการเคลือ่ นท่ี 2 ลกั ษณะ ดงั น้ี
1. การเคลอ่ื นทจี่ รงิ เปน็ การเคล่ือนทแี่ ทจ้ ริงของดาวหรือวัตถุทอ้ งฟา้ ดวงน้ัน ๆ
2. การเคลอื่ นทปี่ รากฏ เปน็ การเคลื่อนท่ีของโลกแล้วทำให้เหน็ เหมอื นกบั วตั ถุตา่ ง ๆ ในทอ้ งฟ้าเคลือ่ นท่ี

เชน่ การเคลอื่ นทป่ี รากฏของดวงอาทิตย์
แท้จริงแล้วเป็นการเคลื่อนที่ของโลก เป็นผลให้เราเห็นปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเคล่ือนท่ีน้ี

ผู้สังเกตบนโลกจะสังเกตเห็นการข้ึนตกของดวงอาทิตย์ โดยจะเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นบริเวณขอบฟ้าทางทิศ
ตะวันออก และตกบริเวณขอบฟ้าทางทิศตะวันตก ซึ่งการข้นึ ตกของดวงอาทิตย์ที่สังเกตได้น้ีเป็นการเคลอื่ นที่
ปรากฏของดวงอาทติ ย์โดยเป็นผลมาจากการเคล่อื นท่ีของโลกหรอื เรยี กว่า การหมุนรอบตวั เองของโลก โลกจะ
หมุนรอบตัวเองจากตะวนั ตกไปตะวันออกจึงทำใหผ้ ู้สงั เกตเห็นดวงดาวขึ้นตกทางทิศตะวันออกและตกทางทิศ
ตะวันตก

ดวงอาทิตย์จะข้ึนและตกไม่ซ้ำรอยเดิมในทุกวัน ซ่ึงบางวันดวงอาทิตย์ข้ึนทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
และตกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ บางวันขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงใต้และตกทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
โดยในรอบ 1 ปี ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกพอดีและตกทางทิศตะวันตกพอดีเพียง 2 วันเท่าน้ัน คือ
วนั ที่ 21 มีนาคมและวันที่ 23 กันยายน โดยมีระยะเวลากลางวนั และกลางคืนยาวเท่ากัน ดวงอาทิตย์ขึ้นทาง
ทิศตะวันออกเฉียงเหนอื มากท่ีสดุ ในวนั ท่ี 22 มิถุนายน โดยมีระยะเวลากลางวนั มากกว่ากลางคืนและยาวนาน
ที่สุด ส่วนในวันที่ 22 ธันวาคม ดวงอาทิตย์จะข้ึนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้มากท่ีสุดและตกทางทิศตะวันตก
เฉียงใต้มากท่ีสุด ชว่ งเวลากลางคืนจะมากกว่ากลางวันและกลางคืนยาวนานท่ีสุด จากลักษณะการข้ึนตกของ
ดวงอาทิตย์ขา้ งต้นท่ผี ู้สังเกตมองเห็นเกดิ จากที่แกนโลกเอยี ง

ท่ีมา : https://sites.google.com/site/sitepornpimon/reuxng-kar-khun-tk-khxng-dwng-xathity

สลากฤดูกาลต่าง ๆ 

ฤดูรอ้ น
ฤดูฝน
ฤดหู นาว
ฤดใู บไม้รว่ ง
ฤดูใบไมผ้ ลิ

9. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย

ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......

10. บันทกึ ผลหลังการสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น

 ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 19

กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 6 (ว23102)

ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 3/1-8 ภาคเรยี นท่ี 2/2564

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 8 เรือ่ ง ปฏสิ ัมพนั ธใ์ นระบบสุริยะและเทคโนโลยีอวกาศ เวลา 16 ชัว่ โมง

เรอ่ื ง การเกิดข้างขึ้นข้างแรม เวลา 3 ช่ัวโมง

ผ้สู อน นางสาวรจุ ริ าวรรณ จันสว่าง โรงเรยี นบา้ นแพงพิทยาคม

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัด

ว 3.1 ม.3/3 สรา้ งแบบจำลองทอี่ ธบิ ายการเกิดขา้ งข้ึนขา้ งแรม การเปล่ียนแปลงเวลาการขน้ึ และตก
ของดวงจนั ทร์ และการเกดิ นำ้ ขึ้นนำ้ ลง

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายการเกดิ ขา้ งขึ้นข้างแรมของดวงจนั ทร์ได้ (K)
2. อธิบายการเคลอ่ื นทป่ี รากฏของดวงจนั ทร์ทเี่ ปล่ียนแปลงไปได้ (K)
3. เขยี นแผนภาพแสดงการหมนุ รอบตวั เองและการโคจรรอบโลกของดวงจันทร์ได้ (P)
4. ปฏบิ ัติกิจกรรมการขนึ้ และตกของดวงจนั ทร์ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเป็นลำดับข้ันตอน (P)
5. เหน็ ประโยชน์ของการเกดิ ข้างขน้ึ ข้างแรม (A)

3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ
พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
• ดวงจันทร์โคจรรอบโลก โลกและดวงจันทร์โคจร

รอบดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์รับแสงจากดวงอาทิตย์
คร่ึงดวงตลอดเวลา เม่ือดวงจันทร์โคจรรอบโลกได้
หันส่วนสว่างมายังโลกแตกต่างกัน จึงทำให้คนบน
โลกสงั เกตสว่ นสวา่ งของดวงจนั ทร์แตกต่างไปในแต่
ละวันเกิดเปน็ ขา้ งข้ึนข้างแรม
• ดวงจนั ทร์โคจรรอบโลกในทิศทางเดยี วกันกับที่โลก
หมุนรอบตัวเอง จึงทำให้เห็นดวงจันทร์ขึ้นช้าไป
ประมาณวนั ละ 50 นาที

4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

ดวงจันทร์มีการหมุนรอบตัวเองและโคจรรอบโลก ซึ่งดวงจันทร์รับแสงจากดวงอาทิตย์ครึ่งดวง
ตลอดเวลา ด้านสว่างได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ แต่ด้านตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ถูกบังด้วยเงาของตัวเอง
ดวงจันทร์มีการหมุนรอบตัวเองเท่ากับคาบการโคจรรอบโลก ทำให้ดวงจันทร์หันด้านเดียวเข้าหาโลก
เม่ือดวงจันทร์โคจรรอบโลกจะหันส่วนสว่างมายังโลกแตกต่างกัน ทำให้เราสังเกตเห็นส่วนสว่างของดวง
จนั ทร์แตกตา่ งไปในแตล่ ะวัน เกิดเป็นข้างข้นึ ข้างแรม

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี นและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวนิ ยั รบั ผดิ ชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้

1) ทักษะการสงั เกต 3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน

2) ทักษะการทดลอง

3) ทกั ษะการสร้างแบบจำลอง

4) ทักษะการลงความเหน็ จากข้อมลู

5) ทกั ษะการตคี วามหมายขอ้ มูลและลงข้อสรปุ

3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต

4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

 แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชัว่ โมงท่ี 1

ขัน้ นำ

ขั้นที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูทบทวนความรเู้ ดิมของนักเรยี นเกย่ี วกบั เรอ่ื ง การเกดิ ฤดกู าล และการเคลื่อนที่ปรากฏของดวง
อาทติ ย์ จากน้ันครูแจง้ จดุ ประสงค์การเรียนรูใ้ ห้นกั เรยี นทราบ
2. ครูเตรียมบัตรภาพลักษณะของดวงจนั ทร์ท่ีแตกต่างกันมาใหน้ ักเรยี นดู จากนนั้ ครถู ามนกั เรยี นวา่
“ตอนกลางคืนนกั เรยี นเคยสังเกตดวงจันทรห์ รอื ไมว่ ่า ดวงจนั ทร์ในแตล่ ะคืนมลี ักษณะและตำแหน่ง
อยทู่ เ่ี ดมิ หรือไม่ เพราะเหตใุ ด” โดยให้นักเรียนแต่ละคนรว่ มกนั อภิปรายแสดงความคดิ เห็น

ข้ันสอน

ข้นั ท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore)
1. นกั เรียนจบั คกู่ บั เพอื่ นในช้นั เรยี นตามความสมัครใจ จากนนั้ รว่ มกันศกึ ษาค้นควา้ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั
เรื่อง การเกดิ ขา้ งขึ้นขา้ งแรม และความสมั พันธข์ องดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก จากหนงั สือ
เรียนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 8 ปฏสิ ัมพันธใ์ นระบบสุริยะ
และเทคโนโลยอี วกาศ หรอื แหลง่ การเรียนรตู้ า่ ง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต
2. นกั เรยี นแตล่ ะคูร่ ่วมกนั สรุปความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการศึกษาค้นคว้าลงในสมุดประจำตัวนกั เรยี น

ชวั่ โมงท่ี 2

3. ครูทบทวนความรเู้ ดิมของนกั เรยี นเกย่ี วกับการเกดิ ขา้ งขนึ้ ข้างแรมจากชว่ั โมงทผี่ ่านมา โดยครูต้งั
ประเด็นคำถามกระตนุ้ ความคิดนักเรียน ดงั น้ี
• คนื จันทร์เพญ็ และคนื จนั ทร์ดบั มีระยะเวลาห่างกนั กี่วนั
(แนวตอบ : คืนจนั ทรเ์ พญ็ และคืนจันทรด์ ับมีระยะเวลาหา่ งกนั ประมาณ 15 วนั )
• ดวงจนั ทรใ์ นวนั ขา้ งขึ้นและดวงจันทร์ในวนั ข้างแรมมีเวลาข้ึนและตกแตกต่างกนั หรือไม่ อย่างไร
(แนวตอบ : ดวงจันทร์วันขา้ งขึน้ เริม่ ขน้ึ บรเิ วณขอบฟ้าจากทิศตะวันออกในเวลากลางวนั และตก
บริเวณขอบฟ้าทางทศิ ตะวนั ตกในเวลากลางคืน ส่วนดวงจนั ทร์ขา้ งแรมเริม่ ขึ้นบริเวณขอบฟ้า
จากทิศตะวนั ออกในเวลากลางคืนและตกบริเวณขอบฟ้าทางทิศตะวันตกในเวลากลางวนั โดย
ดวงจนั ทร์ข้างข้ึนจะขึน้ ในเวลากลางวนั และตกในเวลากลางคืน แต่ดวงจนั ทร์ขา้ งแรมจะขน้ึ ใน
เวลากลางคนื และตกในเวลากลางวัน)

4. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ 6 คน ตามความสมัครใจ จากนัน้ ครูแจ้งจุดประสงคข์ องกจิ กรรมการขึ้น
และตกของดวงจันทร์ ใหน้ กั เรยี นทราบเพือ่ เปน็ แนวทางการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมทถี่ กู ต้อง

5. นักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั ศกึ ษากจิ กรรม การขนึ้ และตกของดวงจันทร์ จากหนงั สือเรยี น
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 8 ปฏิสัมพันธใ์ นระบบสรุ ยิ ะและ
เทคโนโลยีอวกาศ โดยครูใชร้ ปู แบบการเรยี นรแู้ บบร่วมมือมาจัดกระบวนการเรยี นรู้ โดยกำหนดให้
สมาชิกแต่ละคนภายในกล่มุ มบี ทบาทหนา้ ท่ขี องตนเองดังนี้
• สมาชกิ คนที่ 1-2 ทำหนา้ ท่ีเตรยี มวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบตั กิ ิจกรรมการขน้ึ และตก
ของดวงจนั ทร์
• สมาชกิ คนที่ 3-4 ทำหนา้ ท่ีอ่านวิธปี ฏิบตั ิกิจกรรม และนำมาอธิบายให้สมาชิกในกลมุ่ ฟัง
• สมาชิกคนท่ี 5-6 ทำหนา้ ท่ีบนั ทึกผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมลงในสมดุ ประจำตัวนกั เรยี น

6. นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ รว่ มกันปฏิบตั ิกิจกรรมตามขั้นตอน จากหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 8 ปฏิสัมพันธใ์ นระบบสุริยะและเทคโนโลยีอวกาศ

7. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันแลกเปล่ียนความรู้และวเิ คราะหผ์ ลการปฏิบตั กิ จิ กรรม แลว้ อภปิ รายผล
ร่วมกนั

ชั่วโมงท่ี 3

ข้นั ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain)
8. นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ออกมานำเสนอผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการข้นึ และตกของดวงจนั ทร์หน้าช้นั เรียน
ในระหวา่ งทน่ี กั เรยี นนำเสนอ ครคู อยให้ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติม เพื่อให้นกั เรียนมคี วามเข้าใจถูกต้อง
9. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ร่วมกนั ตอบคำถามท้ายกิจกรรม โดยใหน้ กั เรียนรว่ มกันอภปิ รายแสดงความ
คดิ เหน็ เพื่อหาคำตอบ จากน้นั ครสู มุ่ นกั เรยี นให้ตอบคำถามท้ายกจิ กรรม
10. นกั เรยี นและครูรว่ มกันอภปิ รายผลทา้ ยกจิ กรรมการขึ้นและตกของดวงจันทร์ และเฉลยคำถามทา้ ย
กจิ กรรม
11. ครูต้ังประเด็นคำถามเพ่มิ เตมิ จากกิจกรรม โดยใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกนั อภิปรายแสดงความ
คิดเห็นเพอ่ื หาคำตอบ ดงั นี้
• การเกิดข้างขึ้นข้างแรมเกดิ ข้ึนจากสาเหตุใด
(แนวตอบ : เกิดจากภาพปรากฏของดวงจันทร์ท่ีมองจากโลกเปลย่ี นไป เน่อื งจากดวงจนั ทร์โคจร
รอบโลก)
• ในวนั ใดท่เี ราจะเหน็ ดา้ นสวา่ งและดา้ นมดื ของดวงจันทรม์ ขี นาดเทา่ กนั
(แนวตอบ : วนั ขน้ึ 8 คำ่ และวันแรม 8 คำ่ )
• คืนเดอื นมืดกับคืนเดือนหงาย เราสามารถมองเหน็ ดวงจันทร์แตกต่างกันอยา่ งไร
(แนวตอบ : ในคืนเดือนมืดจะมองไมเ่ หน็ ดวงจันทร์ ส่วนคืนเดือนหงายจะมองเห็นดวงจันทร์
เต็มดวง)
• เพราะเหตุใดในวันขนึ้ 15 ค่ำ บางเดือนดวงจนั ทร์จึงไมส่ ว่างเตม็ ดวง
(แนวตอบ : ดวงจันทรโ์ คจรรอบโลก 1 รอบ จะใช้เวลาประมาณ 29.5 วัน ซ่ึงสาเหตุนเี้ ปน็ ผลทำ
ใหใ้ นบางเดือนดวงจันทร์จะไม่สวา่ งเต็มดวง)
• ปรากฏการณแ์ สงโลกเกยี่ วขอ้ งกับดวงจันทรห์ รือไม่อยา่ งไร
(แนวตอบ : ปรากฏการณ์แสงโลกเปน็ ปรากฏการณ์ที่ดวงจันทร์ปรากฏเป็นเสย้ี วบาง แต่ผู้สงั เกต
สามารถมองเห็นด้านมดื ของดวงจนั ทรไ์ ด้ เนอื่ งจากแสงอาทติ ยส์ ่องกระทบพ้นื ผิวโลกแล้ว
สะทอ้ นไปยงั ดวงจนั ทร)์

12. ครูอธบิ ายเพม่ิ เติมให้นักเรยี นเขา้ ใจวา่ “ขา้ งขึ้นจะเห็นดวงจันทร์ในชว่ งหัวคำ่ และข้างแรมจะเหน็
ดวงจนั ทร์ในชว่ งเชา้ มืด ในแต่ละวันดวงจันทร์จะขนึ้ ชา้ วนั ละ 50 นาที เนื่องจากดวงจนั ทรใ์ ช้เวลา
ในการโคจรรอบโลกนานกว่าเวลาที่โลกหมุนรอบตัวเอง”

ขน้ั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
13. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นซักถามเนื้อหาเกีย่ วกบั เรื่อง การเกิดข้างขนึ้ ข้างแรม และให้ความรเู้ พมิ่ เตมิ
จากคำถามของนกั เรียน โดยครูใช้ PowerPoint เร่อื ง การเกดิ ขา้ งขนึ้ ข้างแรม ในการอธบิ าย
เพ่ิมเติม
14. นกั เรียนแตล่ ะคนเขยี นแผนภาพแสดงการหมุนรอบตัวเองและการโคจรรอบโลกของดวงจันทร์
และประโยชน์ของการเกิดขา้ งขนึ้ ข้างแรม ลงในสมดุ ประจำตวั นักเรยี น จากน้ันครูสุ่มนักเรียน
2-3 คน ออกมานำเสนอคำตอบของตนเองหน้าชั้นเรียน โดยครใู ห้เพ่อื นในชน้ั เรยี นร่วมกัน
พจิ ารณาว่าคำตอบถูกตอ้ งหรอื ไม่
15. นักเรียนจับคูก่ ับเพ่อื นในชั้นเรยี น (คู่เดิม) จากน้ันร่วมกนั ทำใบงานท่ี 8.3 เร่ือง การเกิดข้างขน้ึ
ข้างแรม
16. ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หัด เรือ่ ง การเกดิ ขา้ งขึ้นข้างแรม จากแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 8 ปฏสิ มั พนั ธใ์ นระบบสุรยิ ะและเทคโนโลยี
อวกาศ เป็นการบ้านสง่ ชั่วโมงถัดไป

ข้นั สรปุ

ขั้นท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกล่มุ และจากการนำเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรมหนา้ ชนั้ เรยี น
2. ครูตรวจสอบผลการปฏิบตั กิ ิจกรรม การขึน้ และตกของดวงจันทร์
3. ครูตรวจสอบผลการทำใบงานท่ี 8.3 เรื่อง การเกิดขา้ งขน้ึ ข้างแรม
4. ครูตรวจแบบฝึกหัด เรื่อง การเกดิ ขา้ งข้นึ ขา้ งแรม จากแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 ปฏสิ มั พนั ธ์ในระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยอี วกาศ
5. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ เกยี่ วกบั เรื่อง การเกิดขา้ งขึ้นข้างแรม

7. การวดั และประเมินผล

รายการวัด วธิ ีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมิน

7.1 ประเมนิ ระหวา่ ง

การจดั กจิ กรรม

การเรียนรู้

1) การเกิดข้างข้นึ - ตรวจใบงานที่ 8.3 - ใบงานที่ 8.3 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ข้างแรม - ตรวจสมุดประจำตัว - สมดุ ประจำตวั หรือ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

หรอื แบบฝึกหดั แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์

วิทยาศาสตร์และ และเทคโนโลยี ม.3

เทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 เลม่ 2

2) ผลบนั ทึกการ - ตรวจสมุดประจำตวั - สมุดประจำตัว หรือ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ปฏบิ ตั ิกิจกรรม หรือแบบฝึกหัด แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์

การขน้ึ และตกของ วทิ ยาศาสตร์และ และเทคโนโลยี ม.3

ดวงจนั ทร์ เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 เลม่ 2

3) การนำเสนอ - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดับคณุ ภาพ 2

ผลงาน/การปฏบิ ตั ิ ผลงาน/การปฏิบตั ิ นำเสนอผลงาน/การ ผา่ นเกณฑ์

กิจกรรม กจิ กรรม ปฏิบัตกิ จิ กรรม

4) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2

ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์

5) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2

ทำงานกลมุ่ การทำงานกลุ่ม การทำงานกล่มุ ผ่านเกณฑ์

6) คุณลักษณะ - สงั เกตความมวี ินยั - แบบประเมิน - ระดับคณุ ภาพ 2

อันพงึ ประสงค์ รับผิดชอบ ใฝเ่ รียนรู้ คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์

และมงุ่ มนั่ ในการ อนั พงึ ประสงค์

ทำงาน

8. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้

8.1 สอ่ื การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 8 ปฏสิ ัมพนั ธ์ในระบบ
สุรยิ ะและเทคโนโลยอี วกาศ
2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 8 ปฏิสมั พนั ธ์ในระบบ
สรุ ยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ
3) ใบงานที่ 8.3 เร่อื ง การเกดิ ขา้ งข้ึนขา้ งแรม
4) วัสดุอปุ กรณ์ที่ใช้ในการปฏบิ ตั ิกิจกรรมการขน้ึ และตกของดวงจนั ทร์
5) PowerPoint เรื่อง การเกดิ ขา้ งข้ึนขา้ งแรม
6) บตั รภาพ
7) สมดุ ประจำตวั นักเรยี น

8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องเรียน
2) อนิ เทอร์เน็ต

ใบงานที่ 8.3

เรื่อง การเกดิ ข้างขึ้นขา้ งแรม

คำช้แี จง : พจิ ารณาความถูกตอ้ งของข้อความท่ีให้ หากข้อความน้นั ไม่ถกู ตอ้ งใหแ้ ก้ไขพรอ้ มให้เหตุผล

ขอ้ ความ ความถกู ต้อง แกไ้ ขและเหตผุ ล

1. ดวงจันทร์มีด้านมืดและด้านสว่างเพราะ .......................................................................

เงาของดวงอาทิตย์ หากด้านใดของดวง ......................................................................

จันทร์ถูกเงาของอาทิตย์ตกถึง ด้านนั้น ………………….. ......................................................................

ของดวงจันทร์จะกลายเปน็ ด้านมืด ......................................................................

......................................................................

......................................................................

.......................................................................

.......................................................................

2. ดวงจันทร์ใช้เวลาหมุนรอบตัวเองเท่ากับ .......................................................................

เวลาที่ใช้ในการโคจรรอบโลก ทำให้ดวง ......................................................................

จันทร์หันด้านเดยี วเขา้ หาโลก ………………….. ......................................................................

3. วนั ท่ีดวงจันทรม์ ดื ทั้งดวง เรียกว่า จันทรด์ ับ .......................................................................

ซ่ึงเป็นวันท่ีดวงจันทร์โคจรมาอยู่ระหว่าง ......................................................................

โลกกับดวงอาทิตย์ ………………….. ......................................................................

4. วันข้ึน 15 ค่ำ หรือวันเพ็ญ เป็นวันท่ีดวง .......................................................................

จันทร์โคจรมาอยู่ด้านตรงข้ามกับดวง ......................................................................

อาทติ ย์ ………………….. ......................................................................

5. วันขนึ้ 8 คำ่ เปน็ วนั ที่ดวงจันทร์โคจรมา .......................................................................

อยู่ในตำแหน่งมมุ ฉากระหวา่ งโลกกับดวง ......................................................................

อาทติ ย์ ………………….. ......................................................................

6. วันแรม 8 ค่ำ เป็นวันท่ีดวงจันทร์โคจรมา .......................................................................

อย่เู ย้อื งกบั ดวงอาทติ ยด์ ้านไกล ......................................................................
………………….. ......................................................................

.......................................................................

ใบงานที่ 8.3 เฉลย

เรอื่ ง การเกดิ ขา้ งขึ้นข้างแรม

คำชแ้ี จง : พิจารณาความถูกตอ้ งของขอ้ ความทีใ่ ห้ หากข้อความนัน้ ไม่ถกู ต้องใหแ้ กไ้ ขพร้อมใหเ้ หตุผล

ข้อความ ความถกู ต้อง แกไ้ ขและเหตผุ ล

1. ดวงจันทร์มีด้านมืดและด้านสว่างเพราะ .ด..ว..ง..จ..ัน...ท...ร..์ม..ดี..า้..น...ม..ดื...แ..ล..ะ...ด..า้..น...ส..ว..่า..ง..เ.พ...ร..า..ะ..ด..ว..ง....
.จ..นั...ท..ร..ห์...ม..นุ...ร..อ..บ...ต..ัว..เ..อ..ง..แ..ล...ะ..โ.ค...จ..ร..ร..อ..บ...โ.ล...ก.........
×เงาของดวงอาทิตย์ หากด้านใดของดวง
จันทร์ถูกเงาของอาทิตย์ตกถึง ด้านนั้น ………………….. .แ..ล..ะ...ด..ว..ง..จ..นั...ท..ร..์ม...กี..า..ร..ห...ม..นุ...ร..อ..บ...ต..วั..เ..อ..ง..เ.ท...่า..ก..ับ.....
.ค..า..บ...ก..า..ร..โ..ค..จ..ร..ร..อ...บ..โ..ล..ก....ท..ำ..ใ..ห..้ด...ว..ง..จ..นั ...ท..ร..์ .........
ของดวงจนั ทรจ์ ะกลายเปน็ ด้านมืด .ไ.ด...ร้ ..ับ..แ...ส..ง..จ..า..ก..ด...ว..ง..อ..า..ท...ติ ..ย..์ค...ร..่ึง..ด..ว..ง...................

.ต..ล...อ..ด..เ..ว..ล..า...ด...้า..น..ท...่ไี .ด...้ร..บั ..แ...ส..ง..จ..ะ..เ..ป..น็...ด..้า..น...........
.ส..ว..่า..ง...ส...ว่ ..น..ด...า้ ..น..ท...ไี่ .ม...ไ่ .ด...้ร..ับ..แ...ส..ง..จ..ะ..โ..ด..น...เ.ง..า..ข..อ..ง....
.ด..ว..ง..จ..นั...ท...ร..์เ.อ..ง..บ...งั ..จ..ะ..เ.ป...น็ ..ด...้า..น..ม...ดื .......................

2. ดวงจันทร์ใช้เวลาหมุนรอบตัวเองเท่ากับ .......................................................................

เวลาที่ใช้ในการโคจรรอบโลก ทำให้ดวง ......................................................................

จันทรห์ ันดา้ นเดียวเขา้ หาโลก ………………….. ......................................................................

3. วนั ท่ดี วงจันทร์มืดทง้ั ดวง เรียกว่า จันทรด์ ับ .......................................................................

ซ่ึงเป็นวันท่ีดวงจันทร์โคจรมาอยู่ระหว่าง ......................................................................

โลกกับดวงอาทิตย์ ………………….. ......................................................................

4. วันขึ้น 15 ค่ำ หรือวันเพ็ญ เป็นวันที่ดวง .......................................................................

จันทร์โคจรมาอยู่ด้านตรงข้ามกับดวง ......................................................................

อาทิตย์ ………………….. ......................................................................

5. วันข้ึน 8 ค่ำ เปน็ วันที่ดวงจนั ทรโ์ คจรมา .......................................................................

อย่ใู นตำแหน่งมมุ ฉากระหวา่ งโลกกบั ดวง ......................................................................

อาทติ ย์ ………………….. ......................................................................

6. วันแรม 8 ค่ำ เป็นวันท่ีดวงจันทร์โคจรมา .......................................................................
× .ว..ัน...แ...ร..ม....8....ค..่ำ....แ...ล..ะ..ว...ัน...ข..้ึน....8....ค...่ำ....เ.ป..็.น...ว..ัน...ท..่ี.
อยเู่ ยื้องกับดวงอาทติ ยด์ า้ นไกล
………………….. .ด...ว..ง..จ...ัน...ท...ร..์โ..ค...จ...ร..ม...า..อ...ย..ู่.ต..ำ...แ..ห....น..่.ง..ม..ุ.ม...ฉ..า...ก...
.ร..ะ..ห...ว..่า..ง..โ.ล..ก...ก..ับ...ด..ว..ง..อ..า..ท...ิต..ย...์ ............................

บตั รภาพ 

ภาพลักษณะของดวงจนั ทรท์ ี่แตกตา่ งกัน

9. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย

ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......

10. บันทกึ ผลหลังการสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น

 ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 20

กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 6 (ว23102)

ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3/1-8 ภาคเรยี นท่ี 2/2564

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 8 เรื่อง ปฏิสัมพนั ธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยีอวกาศ เวลา 16 ช่ัวโมง

เรื่อง การเกดิ นำ้ ข้ึนนำ้ ลง เวลา 2 ชัว่ โมง

ผสู้ อน นางสาวรุจิราวรรณ จนั สว่าง โรงเรียนบา้ นแพงพทิ ยาคม

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชวี้ ดั

ว 3.1 ม.3/3 สรา้ งแบบจำลองทีอ่ ธบิ ายการเกดิ ขา้ งขนึ้ ข้างแรม การเปลย่ี นแปลงเวลาการขึน้ และตก
ของดวงจนั ทร์ และการเกดิ นำ้ ข้นึ นำ้ ลง

2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธิบายการเกิดนำ้ ขน้ึ น้ำลงได้ (K)
2. เขยี นความสัมพันธ์ท่เี กี่ยวขอ้ งกบั ดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ และโลก ซงึ่ เป็นผลให้เกดิ การเปลีย่ นแปลง

ระดบั นำ้ บนโลกได้ (P)
3. เหน็ ความสำคญั ของการเกดิ นำ้ ขึ้นน้ำลง (A)

3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ทอ้ งถน่ิ
พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

• แรงโน้มถ่วงท่ีดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์กระทำต่อโลก
ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง ซ่ึงส่งผลต่อ
สง่ิ แวดลอ้ มและส่งิ มีชวี ิตบนโลก วนั ที่น้ำมีระดบั การ
ขึ้นสูงสุดและลงต่ำสุดเรียก วันน้ำเกิด ส่วนวันที่
ระดับน้ำมีการขึ้นและลงน้อยเรียก วันน้ำตาย โดย
วันน้ำเกิด น้ำตาย มีความสัมพันธ์กับข้างข้ึนข้าง
ข้างแรม

4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

ปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง (tides) เป็นปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก
ซึ่งเป็นผลมาจากความต่างของแรงโนม้ ถว่ งท่ีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์กระทำต่อโลก แต่เน่อื งจากระยะหา่ ง
ระหวา่ งดวงอาทติ ย์กับโลกมากกว่าระยะหา่ งระหว่างโลกกับดวงจันทร์มาก จึงทำให้ดวงจนั ทร์มอี ิทธิพลต่อ
การเกิดน้ำข้นึ นำ้ ลงมากกว่าดวงอาทิตย์

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี นและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวนิ ัย รบั ผดิ ชอบ

2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้

1) ทักษะการสงั เกต 3. ม่งุ มน่ั ในการทำงาน

2) ทกั ษะการนำความรไู้ ปใช้

3) ทกั ษะการตีความหมายขอ้ มูลและลงข้อสรุป

3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ

4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

 แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชัว่ โมงท่ี 1

ขนั้ นำ

ขน้ั ท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูทบทวนความร้เู ดิมของนักเรียนเกยี่ วกับเร่ือง การเกิดข้างข้ึนขา้ งแรม จากน้ันครูแจ้งจดุ ประสงค์
การเรยี นรใู้ ห้นักเรยี นทราบ
2. ครเู ปิดวีดิทศั น์เกี่ยวกับภาวะน้ำข้ึนนำ้ ลง จาก https://www.youtube.com/watch?v=
z5EbNQCoJ_A ให้นกั เรียนดู จากนน้ั ครตู ้งั ประเดน็ คำถามกระตนุ้ ความคดิ นกั เรยี นวา่
“ถ้าโลกของเราไม่มีดวงจนั ทร์ จะมีนำ้ ขึ้นน้ำลงหรอื ไม่ อย่างไร” โดยให้นกั เรียนแต่ละคนร่วมกนั
อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ อยา่ งอิสระโดยครเู ขยี นคำตอบของนักเรยี นไว้ แลว้ ครูจะมาตรวจสอบ
คำตอบหลังเรียนเสร็จ
(แนวตอบ : คำตอบข้ึนอยู่กบั ดุลยพนิ จิ ของครูผสู้ อน)
3. ครูสนทนากบั นกั เรยี นวา่ “เวลาทนี่ ักเรียนไปเที่ยวทะเล เคยสังเกตไหมวา่ ระดบั นำ้ ทะเลมกี าร

เปล่ียนแปลงเพิ่มขน้ึ หรอื ลดลงบ้างหรือไม่ ถา้ เคยสงั เกตเหน็ แล้วมีการเปล่ียนแปลงในช่วงเวลาใด
อยา่ งไร”
(แนวตอบ : คำตอบขนึ้ อยกู่ บั ดุลยพินิจของครูผู้สอน)

ขนั้ สอน

ข้นั ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore)
1. นักเรียนแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ 3 คน ตามความสมัครใจ จากนน้ั รว่ มกันศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มูลเกย่ี วกับ
เรอื่ ง การเกิดนำ้ ขึ้นนำ้ ลง จากหนังสือเรยี นวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการ
เรยี นรู้ท่ี 8 ปฏิสมั พนั ธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยอี วกาศ หรือแหล่งการเรยี นรู้ตา่ ง ๆ เชน่
อินเทอร์เน็ต QR Code เร่อื ง นำ้ ข้ึนนำ้ ลง โดยใหส้ มาชิกภายในกล่มุ แบ่งหนา้ ที่กันศกึ ษา
คนละ 1 เรือ่ ง ซึ่งหัวขอ้ มดี ังน้ี
• คนท่ี 1 ศกึ ษาการเกดิ น้ำขึน้ น้ำลง
• คนที่ 2 ศกึ ษาปรากฏการณน์ ้ำเกดิ
• คนที่ 3 ศกึ ษาปรากฏการณน์ ำ้ ตาย
2. สมาชกิ ภายในกลมุ่ นำเร่ืองท่ีตนเองศึกษาคน้ คว้ามาอธิบายให้เพือ่ นในกลุม่ ฟัง จากนนั้ ร่วมกันสรปุ
ความรทู้ ไ่ี ดล้ งในกระดาษฟลปิ ชาร์ททีค่ รแู จกใหแ้ ต่ละกลมุ่

ชวั่ โมงท่ี 2

ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
3. นักเรยี นแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลจากการศึกษาคน้ คว้าหน้าช้นั เรียน ในระหวา่ งที่นักเรียน
นำเสนอ ครคู อยใหข้ อ้ เสนอแนะเพม่ิ เติม เพื่อให้นักเรยี นมคี วามเขา้ ใจทีถ่ ูกตอ้ ง
4. ครูตั้งประเดน็ คำถามกระตุน้ ความคิดนกั เรียน โดยใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันอภปิ รายแสดง
ความคิดเหน็ เพ่อื หาคำตอบ ดังน้ี
• ปรากฏการณ์นำ้ ขึ้นน้ำลงเกดิ จากสาเหตใุ ด
(แนวตอบ : เกิดจากแรงโน้มถว่ งทดี่ วงอาทติ ยแ์ ละดวงจันทรก์ ระทำตอ่ โลก)
• ปรากฏการณน์ ้ำเกดิ และนำ้ ตายแตกตา่ งกันอย่างไร
(แนวตอบ : ปรากฏการณ์นำ้ เกิด ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก โคจรอยใู่ นแนวเสน้ ตรง
เดียวกนั ซ่งึ ระดับนำ้ ขึ้นสูงสดุ และระดบั นำ้ ลงต่ำสุดจะแตกตา่ งกันมาก ส่วนปรากฏการณน์ ำ้ ตาย
ดวงอาทติ ย์ ดงจันทร์ และโลก ไม่ไดโ้ คจรอยใู่ นแนวเสน้ ตรง แตโ่ คจรแลว้ มีตำแหนง่ ต้ังฉากซง่ึ กัน
และกัน ซง่ึ ระดับน้ำขน้ึ สงู สุดและระดับนำ้ ลงจะไมแ่ ตกตา่ งกันมาก)
• ปรากฏการณน์ ้ำเกิดและนำ้ ตายมีการเกิดกีค่ ร้งั ใน 1 เดือน
(แนวตอบ : จะเกดิ ขึน้ รวมกนั 4 ครัง้ ใน 1 เดือน)

ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
5. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นซักถามเนื้อหาเก่ียวกับเรอ่ื ง การเกดิ นำ้ ข้ึนน้ำลง และให้ความรู้เพม่ิ เตมิ
จากคำถามของนกั เรยี น โดยครูใช้ PowerPoint เร่อื ง การเกดิ นำ้ ขน้ึ นำ้ ลง ในการอธบิ ายเพิ่มเตมิ
6. ครใู หน้ กั เรียนแต่ละคนเขียนความสมั พนั ธเ์ ก่ียวกบั ดวงอาทติ ย์ ดวงจันทร์ และโลก ซ่ึงเป็นผลให้เกิด
การเปลี่ยนแปลงระดับนำ้ บนโลกได้ และผลประโยชนแ์ ละผลกระทบทไี่ ด้รบั จากนำ้ ขน้ึ น้ำลง ลงใน
สมุดประจำตัวนักเรยี น
7. นกั เรียนแต่ละคนศกึ ษากรอบ Application Activity ในหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 8 ปฏสิ ัมพนั ธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยีอวกาศ จากน้นั ครู
มอบหมายใหน้ ักเรยี นแต่ละคนสงั เกตดวงจนั ทร์เป็นเวลา 1 เดือน แลว้ ออกแบบตารางบนั ทกึ ขอ้ มลู
ด้วยตนเองลงในสมุดประจำตวั นักเรียน โดยข้อมลู ทนี่ กั เรยี นแตล่ ะคนตอ้ งสงั เกต มดี งั น้ี
• ลกั ษณะดวงจนั ทร์ที่สังเกตเหน็ (สว่ นสวา่ งของดวงจันทร์)
• เวลาการข้นึ ของดวงจนั ทร์ในแตล่ ะวัน
• ทศิ ทางการขึ้นและตกของดวงจันทร์
8. นกั เรยี นแตล่ ะคนทำใบงานท่ี 8.4 เรือ่ ง การเกดิ นำ้ ขนึ้ นำ้ ลง
9. นกั เรยี นทำ Topic Questions เรื่อง ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุรยิ ะ จากหนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 8 ปฏิสมั พันธใ์ นระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยอี วกาศ
ลงในสมุดประจำตัวนกั เรียน
10. นกั เรยี นทำแบบฝกึ หดั เรอ่ื ง การเกดิ น้ำขึ้นนำ้ ลง จากแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 8 ปฏิสัมพันธใ์ นระบบสุรยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ เป็นการบา้ น
ส่งชัว่ โมงถดั ไป

ข้นั สรุป

ขน้ั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครปู ระเมินผล โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
พฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ัติกิจกรรมหน้าช้ันเรยี น
2. ครูตรวจสอบผลการทำใบงานท่ี 8.4 เร่ือง การเกดิ นำ้ ข้นึ น้ำลง
3. ครูตรวจ Topic Questions เรื่อง ปฏิสมั พันธ์ในระบบสุริยะ ในสมดุ ประจำตัวนกั เรยี น
4. ครตู รวจแบบฝึกหัด เรื่อง การเกดิ น้ำข้ึนนำ้ ลง จากแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 8 ปฏิสัมพันธใ์ นระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยอี วกาศ
5. นกั เรียนและครูร่วมกนั สรุปเก่ียวกับเร่ือง การเกดิ นำ้ ข้นึ นำ้ ลง

7. การวดั และประเมนิ ผล

รายการวดั วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมนิ

7.1 ประเมนิ ระหว่าง

การจดั กิจกรรม

การเรยี นรู้

1) การเกิดน้ำข้นึ น้ำลง - ตรวจใบงานท่ี 8.4 - ใบงานท่ี 8.4 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

- ตรวจสมุดประจำตัว - สมดุ ประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

หรือแบบฝกึ หดั แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์

วิทยาศาสตร์และ และเทคโนโลยี ม.3

เทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 เลม่ 2

2) การนำเสนอ - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดบั คณุ ภาพ 2

ผลงาน/การปฏิบัติ ผลงาน/การปฏบิ ตั ิ นำเสนอผลงาน/การ ผ่านเกณฑ์

กจิ กรรม กิจกรรม ปฏบิ ัติกจิ กรรม

3) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2

ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบคุ คล ผ่านเกณฑ์

4) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2

ทำงานกลมุ่ การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์

5) คุณลกั ษณะ - สังเกตความมวี นิ ัย - แบบประเมิน - ระดับคณุ ภาพ 2

อนั พึงประสงค์ รบั ผดิ ชอบ ใฝ่เรียนรู้ คุณลักษณะ ผา่ นเกณฑ์

และม่งุ ม่ันในการ อันพงึ ประสงค์

ทำงาน

8. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้

8.1 สอื่ การเรียนรู้
1) หนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 8 ปฏิสมั พนั ธ์ในระบบ
สรุ ยิ ะและเทคโนโลยอี วกาศ
2) แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 8 ปฏิสัมพันธใ์ นระบบ
สรุ ยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ
3) ใบงานที่ 8.4 เรื่อง การเกิดนำ้ ขนึ้ นำ้ ลง
4) PowerPoint เรื่อง การเกิดนำ้ ข้ึนนำ้ ลง
5) QR Code เรือ่ ง นำ้ ข้ึนน้ำลง
6) วีดิทัศน์เก่ยี วกับภาวะน้ำขึน้ น้ำลง จาก https://www.youtube.com/watch?v=z5EbNQCoJ_A
7) สมุดประจำตัวนกั เรยี น

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) อินเทอรเ์ นต็

ใบงานท่ี 8.4

เร่ือง การเกิดนำ้ ขึ้นน้ำลง

คำชี้แจง : ให้นักเรยี นตอบคำถามต่อไปนีใ้ หถ้ กู ต้อง

1. น้ำข้นึ นำ้ ลงเกิดขึ้นไดอ้ ยา่ งไร
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................

2. ปรากฏการณ์นำ้ เกิดเกดิ ขึ้นได้อย่างไร
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................

3. ปรากฏการณน์ ้ำตายเกิดข้นึ ได้อยา่ งไร
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................

ใบงานที่ 8.4 เฉลย

เร่อื ง การเกดิ น้ำขึ้นนำ้ ลง

คำช้แี จง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนใ้ี ห้ถูกต้อง

1. นำ้ ข้นึ นำ้ ลงเกดิ ขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไร
.......ป...ร..า..ก...ฏ...ก..า..ร...ณ...์น...้ำ..ข..ึ้น...น...้ำ..ล...ง..เ.ก..ิด...ข..้ึ.น..จ...า..ก..ผ...ล..ข...อ..ง..ค...ว..า..ม...แ..ต...ก...ต..่า..ง..ข...อ..ง..แ...ร..ง..โ.น...้ม...ถ..่ว..ง..ข...อ...ง..โ.ล...ก..ท...ี่ด...ว..ง..อ..า..ท...ิต...ย..์.
แ...ล..ะ...ด..ว...ง..จ..ัน...ท...ร..์ก..ร..ะ...ท..ำ...ต..่อ...โ.ล...ก....โ.ด...ย..แ...ร..ง..โ.น...้ม...ถ..่ว...ง..ข..อ...ง..ด..ว..ง..จ...ัน...ท..ร..์.ท..ี่ก...ร..ะ..ท...ำ..ต...่อ..โ..ล..ก...ส..่ง..ผ...ล..ใ..ห...้ด..้า..น...ท...ี่ห...ัน...เ.ข..้า...ห..า...
.ด..ว..ง..จ...ัน...ท..ร..์.ถ..ูก...แ..ร..ง..โ..น...้ม...ถ..่ว..ง..ก...ร..ะ...ท..ำ...ม..า..ก...ก...ว..่า..ต...ำ..แ..ห...น...่ง..อ..ื่.น....ๆ....ท...ำ..ใ..ห..้บ...ร..ิเ..ว..ณ....ผ..ิว..โ..ล...ก..ท...่ีอ...ย..ู่ใ..ก..ล...้ด...ว..ง..จ..ัน...ท...ร..์เ..ก..ิด...
.ป..ร..า..ก...ฏ...ก..า..ร..ณ....์น...้ำ..ข..ึ้น.....ใ.น...ข..ณ....ะ..เ..ด..ีย...ว..ก..ัน...ผ...ิว..โ.ล...ก..ด...้า..น...ท..ี่.อ..ย..ู่.ต..ร..ง..ข...้า..ม..ด...ว..ง..จ..ัน...ท...ร..์ไ..ด..้ร..ั.บ..อ...ิท...ธ..ิพ...ล..จ...า..ก..แ...ร..ง..โ.น...้ม...ถ..่ว...ง..
.ร.ะ...ห..ว...่า..ง.โ..ล..ก...ก..ับ...ด..ว...ง.จ...ัน..ท...ร..์น...้อ..ย...ก..ว..่า..บ...ร..ิเ.ว...ณ...อ..ื่น....แ...ต..่ย...ัง..ม..ีแ...ร..ง.ห...น...ีศ..ูน...ย..์ก...ล..า..ง..ท...ี่เ.ก..ิ.ด..จ..า..ก...ก..า..ร..ห...ม..ุน...ร..อ...บ..ต...ัว..เ.อ...ง..ข..อ..ง...
โ..ล..ก....แ..ล...ะ..ผ...ล..จ..า..ก...ส..ภ...า..พ...เ.ฉ..่ือ...ย..ข..อ...ง..น..้ำ..ใ..น...บ..ร..เิ..ว..ณ...น...้ัน...ท..ำ..ใ..ห...้ผ..วิ ..น...้ำ..บ..ร..ิเ..ว..ณ...น...้ัน...โ.ป...่ง..อ..อ...ก..ใ..น..แ...น...ว..เ.ด...ีย..ว..ก...ับ..ด...ว..ง..จ..ัน...ท...ร..์
.เ.ก..ิด...เ.ป..็น...ป...ร..า.ก...ฏ...ก..า..ร..ณ...์น...้ำ..ข..ึน้ ...เ.ช..น่ ...ก..ัน....................................................................................................................
........................................................................................................................................................................

2. ปรากฏการณ์นำ้ เกดิ เกิดข้นึ ไดอ้ ยา่ งไร
.......ป...ร..า..ก..ฏ...ก..า..ร..ณ....์น..ำ้..เ.ก...ดิ ..เ.ก...ิด..จ..า..ก...ก..า..ร..ท...ี่ด..ว..ง..อ..า..ท...ิต..ย...์ .ด..ว...ง.จ...ัน..ท...ร..์.แ...ล..ะ..โ..ล..ก..โ..ค..จ..ร..อ...ย..ใู่.น...แ..น...ว..เ.ด...ยี ..ว..ก...ัน....แ..ร..ง..โ.น...้ม..ถ...่ว..ง..
ข...อ..ง..ด...ว..ง..อ..า..ท...ิต..ย..์แ...ล..ะ..ด...ว..ง..จ..ัน...ท...ร..์ท..่ีก...ร..ะ..ท...ำ..ต..่อ...โ.ล...ก..จ..ะ...เ.ส..ร..มิ...ก..ัน...ท..ำ..ใ..ห...้เ.ก..ิด...ป..ร..า..ก...ฏ...ก..า..ร..ณ...์น...้ำ..เ.ก...ิด....ซ..่ึง..ใ.น...ว..ัน...ท...ี่เ.ก..ิด...น..้ำ...
.เ.ก..ดิ...ร.ะ...ด..ับ...น..ำ้..ข...น้ึ ..ส..งู..ส...ดุ ..แ..ล...ะ..ร..ะ..ด...ับ..น...้ำ..ล..ง..ต..่ำ..ส...ุด..จ..ะ..แ...ต..ก...ต..่า..ง..ก..ัน...ม..า..ก.........................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................

3. ปรากฏการณ์นำ้ ตายเกิดข้ึนได้อย่างไร
.......ป...ร..า..ก..ฏ...ก..า..ร..ณ....์น..ำ้..ต...า..ย..เ.ก...ดิ ..จ..า..ก...ก..า..ร..ท...่ีด..ว..ง..อ..า..ท...ิต..ย...์ .ด...ว..ง.จ...ัน..ท...ร..์.แ...ล..ะ..โ..ล..ก..ไ..ม...่ไ.ด..โ้..ค..จ...ร..อ..ย..ู่ใ..น..แ...น..ว...เ.ด..ยี...ว..ก..นั....แ..ต...อ่ ..ย..ู่.
.ใ.น...แ..น...ว..ต..ั้ง..ฉ...า..ก..ซ...่ึง..ก..ัน...แ..ล...ะ..ก..ัน....โ..ด..ย...ด..ว..ง..อ...า..ท..ิต...ย..์แ...ล..ะ..ด...ว..ง..จ..ัน...ท...ร..์ท..ำ..ม...ุม..ต...้ัง..ฉ..า..ก...ก..ัน....แ...ร..ง..โ.น...้ม..ถ...่ว..ง..ข..อ...ง..ด..ว..ง..อ...า..ท..ิต...ย..์.
.แ..ล..ะ..ด...ว..ง..จ..ัน...ท..ร..์ท...ี่ก...ร..ะ..ท...ำ..ต..่อ..โ..ล..ก...จ..ะ..ไ..ม..่เ..ส..ร..มิ...ก..ัน...ท..ำ..ใ..ห..้เ..ก..ิด...ป..ร..า..ก...ฏ..ก...า..ร..ณ...์น...ำ้ ..ต..า..ย....ซ..่ึง..ใ..น..ว..ัน...ท...่ีเ.ก..ิ.ด..น...้ำ..ต..า..ย..ร..ะ...ด..ับ...น..้ำ...
ข...้ึน..ส...ูง..ส..ุด..แ...ล..ะ..ร..ะ..ด...บั ..น...ำ้..ล..ง..จ..ะ...ไ.ม...่แ..ต..ก...ต..า่..ง..ก..นั...ม..า..ก..................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................

9. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย

ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......

10. บันทกึ ผลหลังการสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น

 ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 21

กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 6 (ว23102)

ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3/1-8 ภาคเรยี นที่ 2/2564

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 8 เรือ่ ง ปฏสิ มั พันธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยีอวกาศ เวลา 16 ชวั่ โมง

เรอ่ื ง กล้องโทรทรรศน์ เวลา 2 ช่วั โมง

ผสู้ อน นางสาวรุจริ าวรรณ จันสว่าง โรงเรียนบ้านแพงพิทยาคม

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้วี ดั

ว 3.1 ม.3/4 อธบิ ายการใชป้ ระโยชนข์ องเทคโนโลยีอวกาศและยกตัวอยา่ งความกา้ วหน้าของโครงการ
สำรวจอวกาศจากข้อมลู ทร่ี วบรวมได้

2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธิบายหลักการทำงานของกล้องโทรทรรศนแ์ ตล่ ะประเภทได้ (K)
2. สรา้ งกล้องโทรทรรศน์อย่างง่ายประเภทหกั เหแสงได้ (P)
3. เห็นประโยชนข์ องกล้องโทรทรรศนท์ ใ่ี ช้ในชวี ติ ประจำวัน (A)

3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่นิ
พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
สาระการเรียนรู้แกนกลาง

• เทคโนโลยีอวกาศได้มีบทบาทต่อการดำรงชีวิตของ
มนษุ ยใ์ นปัจจบุ นั มากมาย มนุษยไ์ ดใ้ ชป้ ระโยชน์จาก
เทคโนโลยีอวกาศ เช่น ระบบนำทางด้วยดาวเทียม
(GNSS) การติดตามพายุ สถานการณ์ไฟปา่ ดาวเทียม
ช่วยภัยแลง้ การตรวจคราบนำ้ มันในทะเล

4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

เทคโนโลยีอวกาศ คือ การนำความรู้ วิธกี ารต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ใหเ้ หมาะสม
ในการศึกษาทางดาราศาสตร์และอวกาศ ตลอดจนสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับทรัพยากร
ธรรมชาติและการดำรงชีวิตของมนุษย์ เช่น การนำเทคโนโลยีอวกาศมาใช้สำรวจและตรวจสอบสภาพ
อากาศของโลก กล้องโทรทรรศน์ เป็นอปุ กรณ์หน่งึ ทีใ่ ช้ในการสำรวจอวกาศ ช่วยทำใหส้ ามารถมองเห็นวัตถุ

ในท้องฟ้าได้ชัดเจนมากกว่าการมองด้วยตาเปลา่ ซงึ่ กลอ้ งโทรทรรศน์ประกอบด้วย เลนส์นูนสองอันทำงาน
ร่วมกนั เลนส์นนู ที่อยู่ดา้ นใกล้วตั ถทุ ำหนา้ ทีร่ วมแสง สว่ นเลนส์นนู ท่ีอยู่ใกลต้ าทำหน้าทีเ่ พิม่ กำลังขยาย

5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี นและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์

1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี ินัย รบั ผิดชอบ

2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้

1) ทกั ษะการสรา้ งแบบจำลอง 3. ม่งุ ม่ันในการทำงาน

2) ทักษะการนำความรูไ้ ปใช้

3) ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล

4) ทกั ษะการตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ

3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ

4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

 แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ช่วั โมงที่ 1

ขนั้ นำ

ข้นั ท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage)
1. ครทู บทวนความรเู้ ดิมของนกั เรยี นเกีย่ วกับเรื่อง การเกิดนำ้ ขนึ้ น้ำลง จากนน้ั ครแู จง้ จดุ ประสงค์
การเรยี นรู้ให้นักเรียนทราบ
2. นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจของตนเองกอ่ นเขา้ สู่กจิ กรรมการเรียนการสอน จากกรอบ
Check for Understanding ในหนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2
หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 ปฏิสมั พันธ์ในระบบสุริยะและเทคโนโลยอี วกาศ โดยบันทกึ ลงใน
สมดุ ประจำตวั นกั เรียน
3. นกั เรียนทำกิจกรรม Engaging Activity จากหนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 8 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยีอวกาศ แลว้ พจิ ารณาภาพที่
กำหนดให้แล้ววเิ คราะห์ว่า แต่ละภาพเก่ยี วขอ้ งกบั เทคโนโลยีอวกาศหรือไม่ อยา่ งไร โดยบนั ทกึ
ลงในสมุดประจำตัวนักเรยี น

ข้ันสอน

ข้นั ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore)
1. ครูถามคำถาม Key Question จากหนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 8 ปฏสิ มั พันธ์ในระบบสุรยิ ะและเทคโนโลยอี วกาศ ว่า “เทคโนโลยอี วกาศคอื
อะไร มปี ระโยชน์อยา่ งไร” โดยให้นักเรียนร่วมกนั อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งอสิ ระโดยครู
เขยี นคำตอบของนกั เรยี นไว้ แลว้ ครูจะมาตรวจสอบคำตอบหลังเรยี นเสรจ็
(แนวตอบ : คำตอบข้นึ อยูก่ บั ดุลยพนิ จิ ของครผู สู้ อน ตัวอย่างเชน่ เทคโนโลยีอวกาศ คือ การนำ
ความรู้ วิธกี ารตา่ ง ๆ ทางวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยมี าใช้ใหเ้ หมาะสมในการศกึ ษาทางดารา
ศาสตร์และอวกาศ ซึง่ มีประโยชน์ในดา้ นตา่ ง ๆ เช่น ด้านการส่ือสาร ด้านการพยากรณ์ ดา้ นการ
สำรวจทรพั ยากรธรรมชาติ)
2. นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลุม่ ละ 3-4 คน ตามความสมัครใจ จากนนั้ รว่ มกนั ศึกษาคน้ คว้าข้อมลู เกยี่ วกับ
ความหมายของเทคโนโลยีอวกาศ และหลักการทำงานของกลอ้ งโทรทรรศนแ์ ตล่ ะประเภท
จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 8 ปฏิสัมพันธ์ในระบบ
สรุ ยิ ะและเทคโนโลยอี วกาศ หรอื แหลง่ การเรยี นร้ตู า่ ง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต วีดิทศั นส์ ารคดีสัน้
Twig เรือ่ ง กล้องโทรทรรศน์ จาก https://www.twig-aksorn.com/film/telescopes-
7780/
3. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกันอภปิ รายแสดงความคิดเห็นเรอ่ื งทีไ่ ด้ศึกษา จากนั้นบันทกึ ข้อมูลที่ไดล้ งใน
ใบงานท่ี 8.5 เรอ่ื ง หลักการทำงานของกล้องโทรทรรศน์
4. นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ตามความสมัครใจ จากน้ันรว่ มกันออกแบบและประดษิ ฐ์กล้อง
โทรทรรศน์ แล้วบันทกึ ขัน้ ตอน วธิ ีการประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์อย่างงา่ ย และภาพชิ้นงาน
ลงในใบงานท่ี 8.6 เรือ่ ง กลอ้ งโทรทรรศน์ โดยครูกำหนดเง่ือนไขในการสรา้ งกล้องโทรทรรศน์
ซ่งึ กลอ้ งโทรทรรศน์ตอ้ งมคี วามคงทน แขง็ แรง ใชง้ านได้จริง และมคี วามสวยงาม เปน็ การบา้ น
แลว้ นำมาสง่ ในชัว่ โมงถัดไป

ชัว่ โมงท่ี 2

ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
5. ครูใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ นำกลอ้ งโทรทรรศนม์ าทดสอบการใชง้ านของกลอ้ งโทรทรรศน์ โดยการ
ส่องดวู ัตถุ จากนนั้ ครูให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลงานเก่ียวกบั กลอ้ งโทรทรรศน์
หน้าชั้นเรยี น พรอ้ มอธบิ ายขนั้ ตอน วธิ ีการประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ ในระหวา่ งทีน่ ักเรยี นนำเสนอ
ครคู อยใหข้ ้อเสนอแนะเพ่มิ เตมิ เพ่อื ให้นักเรียนมคี วามเข้าใจถกู ต้อง
6. นกั เรียนและครรู ่วมกนั อภปิ รายผลจากการใช้กล้องโทรทรรศน์สอ่ งดูวัตถุว่า “เมอ่ื ใชก้ ลอ้ ง
โทรทรรศน์ ส่องดูวัตถุแลว้ จะเหน็ วัตถทุ ี่อยูไ่ กลๆได้ชัดเจนมากยิ่งข้นึ กว่าการมองดดู ้วยตาเปล่า

ซึง่ กล้องโทรทรรศน์จงึ มคี วามสำคญั ตอ่ การสำรวจอวกาศเน่ืองจากเปน็ อุปกรณ์หนง่ึ ที่ใช้ในการ
สำรวจอวกาศ โดยกล้องโทรทรรศนท์ ำหน้าที่ชว่ ยขยายภาพวัตถใุ หม้ ีขนาดใหญข่ นึ้ และเห็นภาพได้
ชดั เจนขึ้น ด้วยเหตนุ ้ีจงึ ทำให้นักดาราศาสตร์สามารถมองเห็นวัตถุทีม่ คี วามสว่างนอ้ ย และสามารถ
มองเห็นรายละเอียดของวัตถไุ ด้มากข้ึน”
7. นักเรยี นตอบคำถามท้าทายการคิดข้ันสูง (H.O.T.S.) จากหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 8 ปฏสิ ัมพันธ์ในระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยอี วกาศ
8. ครูต้ังประเด็นคำถามกระตุ้นความคิดนกั เรียน โดยใหน้ กั เรียนแต่ละคนรว่ มกันอภิปรายแสดง
ความคดิ เหน็ เพอื่ หาคำตอบ ดังน้ี
• ทำไมจึงมีการศกึ ษาวัตถตุ า่ ง ๆ ในอวกาศด้วยกลอ้ งโทรทรรศนต์ า่ งชนดิ กนั

(แนวตอบ : เพราะวัตถตุ า่ ง ๆ ในอวกาศแผ่รังสใี นชว่ งความยาวคล่นื ต่างกนั ระยะทางตา่ งกนั
ความสว่างตา่ งกนั จึงจำเปน็ ตอ้ งใชก้ ลอ้ งโทรทรรศน์ตา่ งชนิดกนั )
• กลอ้ งโทรทรรศน์ชนดิ หักเหแสงประกอบดว้ ยเลนสอ์ ะไรบ้าง และเลนส์แต่ละชนดิ ทำหนา้ ท่ี
อยา่ งไร
(แนวตอบ : ประกอบด้วยเลนสน์ นู 2 อนั เลนสน์ ูนใกลว้ ัตถทุ ำหน้าที่รวมแสง สว่ นเลนสน์ ูนใกล้
ตาทำหน้าท่ีเพม่ิ กำลังขยาย)
9. ครูอธบิ ายเพิม่ เตมิ ใหน้ ักเรยี นเข้าใจวา่ “กล้องโทรทรรศนม์ ีหลายชว่ งความยาวคล่นื เนอ่ื งจากวัตถุ
ทอ้ งฟา้ แตล่ ะชนิดแผร่ ังสีในช่วงความยาวคลนื่ ตา่ งกนั กล้องโทรทรรศนบ์ างชนดิ สามารถติดตั้งอยู่
บนพนื้ โลกได้ บางชนิดไมส่ ามารถติดตั้งบนพ้นื โลก”

ข้ันท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
10. ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรียนซักถามเน้ือหาเก่ยี วกบั เร่อื ง กลอ้ งโทรทรรศน์ และใหค้ วามรู้เพ่ิมเติมจาก
คำถามของนกั เรียน โดยครใู ช้ PowerPoint เรือ่ ง กล้องโทรทรรศน์ ในการอธิบายเพิม่ เตมิ
11. ครูให้นกั เรยี นแตล่ ะคนศกึ ษาคน้ คว้าข้อมลู เพ่ิมเตมิ เกย่ี วกับข้อดี ขอ้ เสยี ของกล้องโทรทรรศน์แต่ละ
ประเภท แลว้ บันทกึ ลงในสมดุ ประจำตวั นกั เรยี น
12. นักเรียนแตล่ ะคนทำแบบฝกึ หัด เร่อื ง กล้องโทรทรรศน์ จากแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 ปฏิสมั พนั ธใ์ นระบบสรุ ิยะและเทคโนโลยอี วกาศ

ขน้ั สรุป

ข้ันที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูประเมินผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล
พฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหน้าชน้ั เรยี น
2. ครตู รวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นก่อนเข้าสู่กิจกรรมการเรียนการสอน จากกรอบ

Check for Understanding ในสมดุ ประจำตัวนกั เรยี น
3. ครตู รวจสอบผลการทำใบงานท่ี 8.5 เรื่อง หลกั การทำงานของกล้องโทรทรรศน์
4. ครตู รวจสอบผลการทำใบงานท่ี 8.6 เรอ่ื ง กลอ้ งโทรทรรศน์
5. ครตู รวจแบบฝึกหัด เรอื่ ง กล้องโทรทรรศน์ จากแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 8 ปฏสิ ัมพนั ธ์ในระบบสรุ ยิ ะและเทคโนโลยีอวกาศ
6. นักเรียนและครูรว่ มกนั สรปุ เก่ียวกบั เรอื่ ง กล้องโทรทรรศน์

7. การวดั และประเมินผล

รายการวดั วิธีการ เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ

7.2 ประเมินระหว่าง

การจดั กจิ กรรม

การเรยี นรู้

1) กล้องโทรทรรศน์ - ตรวจใบงานท่ี 8.5 - ใบงานท่ี 8.5 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

- ตรวจใบงานที่ 8.6 - ใบงานที่ 8.6 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

- ตรวจสมุดประจำตวั - สมุดประจำตัว หรือ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

หรอื แบบฝึกหดั แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์

วทิ ยาศาสตร์และ และเทคโนโลยี ม.3

เทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 เลม่ 2

2) การนำเสนอ - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดบั คุณภาพ 2

ผลงาน/การปฏบิ ตั ิ ผลงาน/การปฏิบตั ิ นำเสนอผลงาน/การ ผา่ นเกณฑ์

กจิ กรรม กจิ กรรม ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม

3) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2

ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์

4) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2

ทำงานกลมุ่ การทำงานกลุม่ การทำงานกลมุ่ ผ่านเกณฑ์

5) คุณลกั ษณะ - สังเกตความมีวนิ ยั - แบบประเมิน - ระดบั คณุ ภาพ 2

อนั พงึ ประสงค์ รบั ผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้ คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์

และมุง่ มั่นในการ อันพึงประสงค์

ทำงาน

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้

8.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 8 ปฏสิ มั พนั ธ์ในระบบ
สุริยะและเทคโนโลยีอวกาศ
2) แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 8 ปฏิสัมพนั ธ์ในระบบ
สุริยะและเทคโนโลยอี วกาศ
3) ใบงานที่ 8.5 เรือ่ ง หลักการทำงานของกลอ้ งโทรทรรศน์
4) ใบงานท่ี 8.6 เรือ่ ง กลอ้ งโทรทรรศน์
5) PowerPoint เร่อื ง กลอ้ งโทรทรรศน์
6) วดี ิทัศน์สารคดีส้นั Twig เรอื่ ง กล้องโทรทรรศน์
จาก https://www.twig-aksorn.com/film/telescopes-7780/
7) สมุดประจำตวั นกั เรยี น

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรยี น
2) อนิ เทอร์เนต็

ใบงานที่ 8.5

เรอื่ ง หลักการทำงานของกล้องโทรทรรศน์

คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามต่อไปน้ีใหถ้ ูกตอ้ ง

1. กลอ้ งโทรทรรศน์มีกป่ี ระเภท อะไรบา้ ง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. หลักการทำงานของกลอ้ งโทรทรรศน์
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………..……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………

ใบงานท่ี 8.5 เฉลย

เร่อื ง หลักการทำงานของกลอ้ งโทรทรรศน์

คำชแ้ี จง : ให้นักเรยี นตอบคำถามตอ่ ไปน้ีใหถ้ ูกต้อง

1. กล้องโทรทรรศนม์ กี ป่ี ระเภท อะไรบ้าง
……ก…ล…้อ…งโ…ท…รท…ร…รศ…น…แ์ …บ…่งอ…อ…ก…เป…็น……3…ป…ระ…เ…ภท……ด…ังน…้ี ………………………………………………………………………………
…..……1…. …ก…ลอ้…ง…โท…ร…ท…รร…ศ…น…แ์ …บบ…ห…กั …เห…แ…ส…ง……………………………………………………………………………………………
………..2…. …ก…ลอ้…ง…โท…ร…ท…รร…ศ…น…แ์ …บบ…ส…ะ…ท…้อ…นแ…ส…ง…………………………………………………………………………………………
…………3…. ก..…ลอ้…ง…โท…ร…ท…รร…ศ…น…์แ…บบ…ผ…ส…ม……………………………………………………………………………………………………

…………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. หลักการทำงานของกลอ้ งโทรทรรศน์
………………ก…ล…้อ…งโ…ท…รท…ร…ร…ศ…น…์แบ…บ…ห…ัก…เห…แ…ส…ง…(…re…fr…ac…t…in…g…te…l…es…c…op…e…)…ป…ร…ะก…อ…บ…ด…้ว…ยเ…ล…น…ส์ส…อ…ง…อั…นท…ำ…ง…าน……
…ร..ว่…ม…ก…ัน…โ…ดย…เ…ลน…ส…์น…ูน…ใก…ล…้ว…ตั …ถุท…ำ…ห…น…้าท…่ีร…ว…ม…แส…ง…ส…่ว…น…เล…น…ส…์นนู…ใ…ก…ล…้ตา…ท…ำ…หน…้า…ท…่ีข…ย…าย…ภ…า…พ…แล…ะ…แ…ป…ลง…ภ…า…พ…
…ท…ี่ไ…ด.้ใ.…ห้…เป…็น…ภ…า…พ…เส…ม…ือ…น…ที่…ตา…ม…น…ุษ…ย…์ส…าม…า…ร…ถ…สัง…เ…กต…ไ…ด…้ ซ…่ึง…ก…ล้อ…ง…โ…ทร…ท…ร…ร…ศ…น์…แบ…บ…ห…ัก…เ…ห…แส…ง…เป…็น…ก…ล…้อ…ง…
…โ…ท…รท…ร…ร.ศ.…น…แ์ บ…บ…แ…ร…กท…่ถี…ูก…ป…ร…ะด…ิษ…ฐ…์ขึน้…………………………………………………………………………………………………
………………ก…ล.้อ.…ง…โท…ร…ท…รร…ศ…น…์แ…บ…บ…ส…ะท…้อ…น…แ…ส…ง…(r…e…fl…ec…t…in…g …te…le…s…c…op…e…)…ใช…้ก…ร…ะ…จก…เ…ว…้าแ…ท…น…เล…น…ส…์น…ูน…ท…ำ…
…ห…น…า้ …ท…ีเ่ ป…็น…เล…น…ส.ใ์.…กล…ว้ …ัต…ถ…ุ ร…วบ…ร…ว…ม…แส…ง…ส…่งไ…ป…ยัง…ก…ร…ะจ…ก…ท…ตุ …ิยภ…ูม…ซิ …ึ่ง…เป…็น…ก…ระ…จ…ก…เง…าร…า…บ…ข…นา…ด…เล…ก็ …ท…ี่ต…ดิ ต…ัง้ …อ…ย…ู่
…ใ…น…ล…ำก…ล…อ้ …ง …แล…ว้ …ส…ะ.ท.…อ้ …น…ลำ…แ…ส…งใ…ห…้ตั้ง…ฉ…าก…อ…อ…ก…ม…าท…่ีเ…ลน…ส…์ต…า…ซ่งึ…ต…ิด…ต…งั้ อ…ย…ทู่ …าง…ด…า้ น…ข…้า…งข…อ…ง…ลำ…ก…ล…้อ…ง …กร…ะ…จ…ก…
…เ…ว…้าห…ร…ือ…กร…ะ…จ…ก…ปฐ…ม..ภ…มู …ิ …(p…ri…m…a…ry…m…i…rr…or…) …รูป…พ…า…ล…าโ…บ…ล…าท…ี่ท…้า…ย…กล…้อ…ง…จะ…ส…ะ…ท…้อ…นแ…ส…ง…เข…้า…มา…ร…ว…มก…ัน…ท…่ีจ…ุด…
…โ…ฟ…ก…ัส…จ…าก…น…นั้ …แ…สง…จ…ะ…สะ…ท…อ้ …น…จ…าก…แ…น…วก…ล…้อ…งห…ร…ือ…ก…ระ…จ…ก…ท…ตุ ยิ…ภ…ูม…ิ (…se…c…o…nd…a…ry……m…ir…ro…r)…ซ…ึง่ …เป…็น…ก…ระ…จ…ก…เง…า…
…ร..า…บ…เข…้า…สูเ่…ล…น…ส์ต…า…เพ…อื่ …ข…ย…าย…ภ…า…พใ…ห…้เห…น็ …ไ…ด้ช…ดั …เจ…น…ข…้นึ ……………………………………………………………………………
………..……ก…ล…้อ…งโ…ท…ร…ทร…ร…ศ…น…์แบ…บ…ผ…ส…ม…(…ca…ta…d…io…p…tr…ic…t…e…le…sc…o…p…e…) เ…ป…็น…ก…ล้อ…ง…ท…่ีใช…้ท…ั้ง…เล…น…ส์…แล…ะ…ก…ระ…จ…ก…เว…้า…
…ร…ว…ม…แส…ง…เ…ป…็นก…า…ร…ผส…ม…ผ…ส…าน…จ…ุด…เด…น่ …ข…อง…ก…ล…้อ…งท…งั้ …แบ…บ…ห…กั …เห…แ…ส…งแ…ล…ะ…แ…บบ…ส…ะ…ท…้อ…น…แส…ง…เข…้า…ดว้…ย…ก…ัน…ท…ำ…ให…้ได…้ …
…ภ..…าพ…ท…่ีป…ร…า…ศ…จา…ก…ค…ว…าม…ค…ล…า…ดร…ง…ค…์ด…้วย…ม…ุม…ม…อ…งท…่ีก…ว…้า…งข…ึ้น……แล…ะ…น…อ…ก…จ…าก…น…ี้ก…า…รร…ว…ม…อ…ุป…ก…รณ…์…ทั้ง…ส…อ…ง…เข…้า…
…ด…้ว…ย.ก.…ัน…ท…ำ…ให…้ค…ว…า…ม…ยา…ว…ข…อ…งก…ล…้อ…งส…้ัน…ล…ง…ไ…ด้ก…ล…้อ…ง…โท…ร…ท…ร…รศ…น…์ท…ี่ม…ีข…น…าด…เ…ล็ก…แ…ต…่ย…ังม…ีค…ว…า…ม…สา…ม…า…รถ…แ…ล…ะ…
…ร…า…ย…ละ…เ.อ.…ีย…ด…สูง……ซึ่ง…แ…บ…บ…ท…ี่ได…้ร…ับ…ค…วา…ม…น…ิย…ม…ค…ือ…แ…บ…บ…ช…ม…ิด…ต์…-แ…ค…ส…สิเ…ก…รน……(S…c…h…m…id…t-…C…as…s…eg…ra…in…)…แ…ล…ะ…
…แ…บ…บ…ม…ัก…ซูต…อ..ฟ…-…แค…ส…ส…ิเก…ร…น…(…M…ak…s…ut…o…v-…C…a…ss…e…gr…ai…n)…………………………………………………………………………

………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………

ใบงานที่ 8.6

เร่อื ง กลอ้ งโทรทรรศน์

วัสดอุ ปุ กรณ์
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………..……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………..………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

วิธกี ารประดษิ ฐก์ ล้องโทรทรรศน์
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………


Click to View FlipBook Version