เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
10-12 ดีมาก
7-9 ดี
4-6 พอใช้
0-3 ปรับปรุง
แบบประเมินการนำเสนอผลงาน
คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งที่
ตรงกับระดับคะแนน
ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1
32
1 ความถกู ต้องของเนอื้ หา
2 ความคดิ สร้างสรรค์
3 วิธกี ารนำเสนอผลงาน
4 การนำไปใช้ประโยชน์
5 การตรงตอ่ เวลา
รวม
ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมนิ
............/................./...................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน
เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่ำกวา่ 8 ปรับปรุง
แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
คำชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งท่ี
ตรงกบั ระดับคะแนน
ลำดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1
32
1 การแสดงความคิดเห็น
2 การยอมรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผ้อู ่นื
3 การทำงานตามหน้าท่ีท่ไี ดร้ ับมอบหมาย
4 ความมนี ำ้ ใจ
5 การตรงต่อเวลา
รวม
เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่ือ ................................................... ผูป้ ระเมนิ
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ............/.................../................
ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรุง
แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่
คำชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งท่ี
ตรงกบั ระดับคะแนน
การทำงาน การมี
ตามท่ไี ด้รับ
ลำดบั ท่ี ชอ่ื –สกลุ การแสดง การยอมรับ มอบหมาย ความมนี ำ้ ใจ สว่ นร่วมใน รวม
ของนักเรียน ความคดิ เห็น ฟังคนอ่นื การปรับปรุง 15
คะแนน
ผลงานกล่มุ
321321321321321
เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่อื ................................................... ผู้ประเมิน
ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ............./.................../...............
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครัง้
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
14–15 ดมี าก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรงุ
แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
คำชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องท่ี
ตรงกับระดับคะแนน
คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
อนั พึงประสงคด์ ้าน 321
1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้
กษตั รยิ ์ 1.2 เข้ารว่ มกจิ กรรมที่สรา้ งความสามคั คีปรองดอง และเปน็ ประโยชน์
ตอ่ โรงเรียน
1.3 เข้ารว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทีต่ นนับถอื ปฏิบตั ติ ามหลกั ศาสนา
1.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมทีเ่ กย่ี วกับสถาบันพระมหากษัตรยิ ต์ ามทโี่ รงเรียนจดั ขนึ้
2. ซื่อสตั ย์ สุจริต 2.1 ใหข้ อ้ มูลทถี่ ูกต้องและเปน็ จริง
2.2 ปฏิบตั ใิ นสง่ิ ท่ีถูกต้อง
3. มีวินยั รับผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บงั คับของครอบครัว
มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตา่ ง ๆ ในชวี ิตประจำวนั
4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 รู้จักใช้เวลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบัตไิ ด้
4.2 ร้จู ักจดั สรรเวลาให้เหมาะสม
4.3 เชือ่ ฟงั คำสงั่ สอนของบดิ า-มารดา โดยไม่โต้แยง้
4.4 ต้งั ใจเรียน
5. อยอู่ ย่างพอเพียง 5.1 ใชท้ รัพยส์ ินและสิง่ ของของโรงเรยี นอยา่ งประหยัด
5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรยี นอย่างประหยดั และรคู้ ณุ ค่า
5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยดั และมีการเกบ็ ออมเงนิ
6. ม่งุ ม่ันในการทำงาน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย
6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรคเพือ่ ใหง้ านสำเร็จ
7. รักความเปน็ ไทย 7.1 มจี ติ สำนึกในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย
7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทย
8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รูจ้ ักชว่ ยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครทู ำงาน
8.2 รู้จกั การดูแลรักษาทรพั ยส์ มบัตแิ ละสงิ่ แวดล้อมของห้องเรยี นและโรงเรียน
ลงชื่อ .................................................. ผูป้ ระเมนิ
............/.................../................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ
พฤตกิ รรมทีป่ ฏบิ ตั ิชัดเจนและสม่ำเสมอ
พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชัดเจนและบอ่ ยคร้งั ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
พฤติกรรมทีป่ ฏิบัตบิ างครง้ั ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน 51-60 ดีมาก
41-50 ดี
30-40 พอใช้
ต่ำกวา่ 30 ปรบั ปรุง
แผนการจัดการเรียนรู้ ท่ี 10
กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร์ 6 (ว23102)
ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3/1-8 ภาคเรียนท่ี 2/2564
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 7 เรอ่ื ง แสงและการมองเห็น เวลา 17 ชว่ั โมง
เรือ่ ง การสะทอ้ นของแสง เวลา 2 ชว่ั โมง
ผูส้ อน นางสาวรุจิราวรรณ จนั สว่าง โรงเรยี นบ้านแพงพิทยาคม
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด
ว 2.3 ม.3/13 ออกแบบการทดลองและดำเนินการทดลองด้วยวิธที ี่เหมาะสมในการอธบิ ายกฎการ
สะทอ้ นของแสง
ว 2.3 ม.3/14 เขยี นแผนภาพการเคล่อื นท่ีของแสง แสดงการเกิดภาพจากกระจกเงา
2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธิบายการเกิดการสะท้อนของแสง แนวรังสีตกกระทบ และแนวรังสีสะทอ้ นได้ (K)
2. อธิบายความสัมพนั ธ์ของมุมตกกระทบและมุมสะท้อนได้ (K)
3. ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมการสะท้อนของแสงได้อยา่ งถกู ตอ้ งและเป็นลำดบั ข้นั ตอน (P)
4. นำความรู้เกีย่ วกบั การสะท้อนของแสงไปใช้ในชวี ติ ประจำวันได้ (A)
3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถนิ่
พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
• เมอื่ แสงตกกระทบวัตถุจะเกิดการสะท้อนซึ่งเปน็ ไป
ตามกฎการสะท้อนของแสง โดยรังสีตกกระทบ
เส้นแนวฉาก รังสีสะท้อนอยู่ในระนาบเดียวกัน
และมุมตกกระทบเท่ากับมุมสะท้อน ภาพจาก
กระจกเงาเกิดจากรังสีสะท้อนตัดกันหรือต่อแนว
รังสีสะท้อนให้ตัดกัน โดยถ้ารังสีสะท้อนตัดกันจริง
จะเกิดภาพจริง แต่ถ้าต่อแนวรังสีสะท้อนให้ไปตัด
กนั จะเกดิ ภาพเสมือน
4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การสะทอ้ นของแสง เกิดจากแสงเดนิ ทางไปตกกระทบกบั ผวิ ของวัตถุท่ีแสงไมส่ ามารถเดินทางผ่านได้
ทำให้แสงท่ีตกกระทบผิวของวัตถุนั้น ๆ เกิดการสะท้อนกลับหมดลักษณะการสะท้อนของแสงจะสะท้อน
กลบั มากหรอื น้อย จะขนึ้ อยูก่ ับลักษณะของผิวของวตั ถทุ ่ีแสงตกกระทบ
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี นและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี ินัย รับผิดชอบ
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
1) ทกั ษะการวดั 3. มุ่งม่นั ในการทำงาน
2) ทักษะการสงั เกต
3) ทักษะการทดลอง
4) ทักษะการลงความเหน็ จากขอ้ มลู
5) ทกั ษะการจัดกระทำและส่ือความหมายขอ้ มูล
3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ชัว่ โมงท่ี 1
ขนั้ นำ
ข้นั ท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage)
1. ครูแจ้งจุดประสงคก์ ารเรยี นรใู้ หน้ กั เรียนทราบ จากนัน้ ครูให้นักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 7 แสงและการมองเห็น เพอ่ื วัดความรเู้ ดิมของนักเรียนเปน็ รายบคุ คลกอ่ นเขา้ สู่
กจิ กรรม
2. นกั เรียนแตล่ ะคนพจิ ารณาภาพหน้าหนว่ ย จากหนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3
เล่ม 2 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 7 แสงและการมองเห็น จากน้นั ครตู ั้งประเดน็ คำถามกระตนุ้ ความคดิ
นกั เรยี น โดยใหน้ กั เรยี นแต่ละคนรว่ มกันอภิปรายแสดงความคิดเหน็ อย่างอสิ ระโดยครเู ขียน
คำตอบของนักเรยี นไว้ แล้วครจู ะมาตรวจสอบคำตอบหลังเรียนเสรจ็ ตัวอยา่ งคำถามเชน่
• เพราะเหตุใดลำแสงต่าง ๆ ทสี่ ังเกตได้จึงมลี กั ษณะเปน็ เสน้ ตรง
• แสงเคลือ่ นที่ได้หรอื ไม่ หากเคลอื่ นที่ไดแ้ ลว้ แสงมีความเร็วเท่าใด
• สมบตั ิของแสงที่นกั เรียนรจู้ ักมอี ะไรบา้ ง
3. ครถู ามคำถามกระตุ้นความสนใจของนักเรยี นโดยใชค้ ำถาม Big Question จากหนังสอื เรียน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 7 แสงและการมองเหน็ และรว่ มกนั
อภิปรายแสดงความคดิ เห็นอยา่ งอสิ ระโดยครูเขียนคำตอบของนักเรยี นไว้ แล้วครจู ะมาตรวจสอบ
คำตอบหลงั เรยี นเสรจ็
4. นักเรียนตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเองก่อนเข้าสกู่ จิ กรรมการเรียนการสอน จากกรอบ
Check for Understanding ในหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 7 แสงและการมองเหน็ โดยบันทกึ ลงในสมดุ ประจำตัวนกั เรยี น
5. นักเรียนทำกิจกรรม Engaging Activity จากหนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 7 แสงและการมองเหน็ พจิ ารณาภาพ แลว้ ระบวุ า่ ภาพแต่ละภาพตรงกบั
สมบตั ิใดของแสง โดยบนั ทึกลงในสมุดประจำตัวนักเรียน
ข้นั สอน
ข้ันท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore)
1. ครถู ามคำถาม Key Question จากหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 7 แสงและการมองเห็น ว่า “ผวิ ของวัตถุมผี ลต่อการสะท้อนแสงหรือไม่
อย่างไร” โดยใหน้ ักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ อย่างอสิ ระโดยไมม่ กี ารเฉลยว่าถูก
หรือผดิ
(แนวตอบ : มีผลตอ่ การสะทอ้ น โดยการสะทอ้ นบนผวิ เรยี บจะเกดิ การสะท้อนอย่างเป็นระเบยี บใน
ทศิ เดียวกัน สว่ นการสะท้อนบนผิวขรขุ ระจะเกิดการสะทอ้ นแบบกระจาย)
2. นกั เรยี นจับค่กู บั เพ่อื นในชนั้ เรยี นตามความสมัครใจ จากนน้ั รว่ มกันศกึ ษาคน้ คว้าข้อมูลเกี่ยวกับ
เรอ่ื ง การสะทอ้ นของแสง จากหนังสือเรยี นวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการ
เรียนรทู้ ่ี 7 แสงและการมองเห็น หรือแหล่งการเรียนรตู้ ่าง ๆ เชน่ อินเทอร์เน็ต
3. นักเรยี นแตล่ ะครู่ ่วมกนั สรปุ ความรูท้ ่ไี ดจ้ ากการศกึ ษาค้นคว้าลงในสมุดประจำตวั นกั เรียน
ช่ัวโมงที่ 2
4. ครูทบทวนความรู้เดมิ ของนกั เรยี น โดยครูตัง้ ประเดน็ คำถามกระตุ้นความคิดนกั เรียน โดยให้
นักเรียนแตล่ ะคนรว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ เพ่อื หาคำตอบ ดงั น้ี
• เมอ่ื รงั สีตกกระทบเคลอื่ นทีก่ ระทบผวิ ของกระจกแลว้ เกิดการสะท้อนกลับสอู่ ากาศ เรียกรังสีนนั้
วา่ อย่างไร
(แนวตอบ : รังสีสะท้อน)
• หลักการสะท้อนของแสงคืออะไร
(แนวตอบ : เม่ือรังสีตกกระทบ เสน้ แนวฉาก และรังสีสะท้อนอยู่ในระนาบเดียวกนั มุมตกกระทบ
เท่ากบั มมุ สะท้อนเสมอ)
5. นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กลุม่ ละ 6 คน ตามความสมคั รใจ เพื่อศึกษากิจกรรมการสะท้อนของแสง
จากน้นั ให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนออกมารบั วัสดอุ ุปกรณท์ ี่ใชใ้ นการปฏิบตั กิ จิ กรรม
การสะท้อนของแสง
6. สมาชิกภายในกลุ่มร่วมกันศึกษาจุดประสงค์ วสั ดอุ ุปกรณ์ และวิธปี ฏบิ ตั ิกิจกรรม จากหนงั สอื เรยี น
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 7 แสงและการมองเหน็
7. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันปฏิบัตกิ ิจกรรมตามข้นั ตอน ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 7 แสงและการมองเห็น จากนน้ั สมาชกิ แต่ละกลุ่มนำผลการทดลอง
ทไี่ ดม้ าอภปิ รายร่วมกันภายในกลมุ่ เพือ่ หาข้อสรุปของผลการทดลอง
ข้นั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
8. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลการปฏบิ ัติกิจกรรมการสะทอ้ นของแสงหนา้ ชั้นเรยี น
ในระหวา่ งที่นักเรยี นนำเสนอ ครูคอยใหข้ ้อเสนอแนะเพ่ิมเติม เพื่อใหน้ กั เรียนมคี วามเข้าใจถกู ต้อง
9. นกั เรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกนั ตอบคำถามท้ายกิจกรรม โดยใหน้ กั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายแสดงความ
คิดเหน็ เพ่อื หาคำตอบ จากนนั้ ครูสุ่มนกั เรยี นให้ตอบคำถามท้ายกิจกรรม
10. นักเรยี นและครรู ว่ มกันอภิปรายผลทา้ ยกิจกรรมการสะท้อนของแสง และเฉลยคำถามทา้ ยกจิ กรรม
11. ครูตงั้ ประเด็นคำถามเพิม่ เติมจากกจิ กรรมการสะท้อนของแสง โดยให้นักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั
อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ เพื่อหาคำตอบ ดังนี้
• เม่อื แนวลำแสงจากกลอ่ งแสงตกกระทบกับผวิ ของกระจกเงาราบ นักเรยี นสังเกตเห็นอะไร
(แนวตอบ : มแี นวลำแสงพงุ่ ออกจากกระจก)
• ถา้ ให้รงั สีตกกระทบตง้ั ฉากกับบกระจกเงาราบ รงั สสี ะท้อนจะเกดิ ในลักษณะใด
(แนวตอบ : รงั สีสะทอ้ นจะทิศทางตรงกันขา้ มกับรังสีตกกระทบ)
• เม่อื เปล่ยี นมุมระหว่างแนวลำแสงจากกล่องแสงกบั เส้นแนวฉาก มมุ ระหว่างแนวลำแสงท่ีพงุ่ ออก
จากกระจกเงาราบกับเส้นแนวฉากมคี ่าเปลี่ยนแปลงในลักษณะใด
(แนวตอบ : เปล่ียนแปลงตามมมุ ระหวา่ งแนวลำแสงจากกลอ่ งแสงกบั เสน้ แนวฉาก โดยจะมคี า่
เท่ากนั เสมอ)
ข้นั ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
12. ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรียนซักถามเน้ือหาเก่ยี วกบั เรื่อง การสะท้อนของแสง และให้ความรู้เพมิ่ เติม
จากคำถามของนักเรียน โดยครใู ช้ PowerPoint เร่อื ง การสะทอ้ นของแสง ในการอธิบาย
เพ่ิมเตมิ
13. ครมู อบหมายใหน้ ักเรียนแต่ละคนทำแบบฝกึ หดั เรือ่ ง การสะทอ้ นของแสง จากแบบฝกึ หัด
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 7 แสงและการมองเห็น
เปน็ การบา้ นสง่ ชว่ั โมงถดั ไป
ขัน้ สรปุ
ขนั้ ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรยี นหน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 7 แสงและการมองเหน็
เพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจก่อนเรยี นของนกั เรียน
2. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรมหน้าช้ันเรียน
3. ครตู รวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นกอ่ นเขา้ สู่กิจกรรมการเรยี นการสอน จากกรอบ
Check for Understanding ในสมดุ ประจำตวั นกั เรียน
4. ครูตรวจสอบผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม การสะท้อนของแสง
5. ครตู รวจแบบฝกึ หัด เรอื่ ง การสะท้อนของแสง จากแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 7 แสงและการมองเหน็
6. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรปุ เก่ยี วกับเร่ือง การสะทอ้ นของแสง
7. การวัดและประเมนิ ผล
รายการวดั วิธกี าร เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมิน
7.1 การประเมินกอ่ นเรยี น
- แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบกอ่ นเรียน - ประเมินตามสภาพจริง
กอ่ นเรียน หนว่ ยการ กอ่ นเรยี น หนว่ ยการ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 7
เรยี นรู้ที่ 7 แสงและ เรียนรทู้ ี่ 7 แสงและ แสงและการมองเหน็
การมองเห็น การมองเห็น
7.2 ประเมนิ ระหวา่ ง
การจดั กิจกรรม
การเรยี นรู้
1) การสะทอ้ นของแสง - ตรวจสมุดประจำตัว - สมดุ ประจำตวั หรอื - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
หรือแบบฝึกหดั แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
วทิ ยาศาสตร์และ และเทคโนโลยี ม.3
เทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 เลม่ 2
2) ผลบันทกึ การ - ตรวจสมุดประจำตัว - สมดุ ประจำตัว หรือ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ปฏบิ ตั ิกิจกรรม หรือแบบฝึกหัด แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์
การสะทอ้ นของ วทิ ยาศาสตรแ์ ละ และเทคโนโลยี ม.3
แสง เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 เลม่ 2
3) การนำเสนอ - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดบั คุณภาพ 2
ผลงาน/การปฏิบตั ิ ผลงาน/การปฏิบตั ิ นำเสนอผลงาน/การ ผา่ นเกณฑ์
กิจกรรม กิจกรรม ปฏบิ ัติกิจกรรม
4) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2
ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล ผ่านเกณฑ์
5) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
ทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
6) คณุ ลักษณะ - สังเกตความมีวินัย - แบบประเมิน - ระดบั คณุ ภาพ 2
อนั พึงประสงค์ รับผดิ ชอบ ใฝ่เรยี นรู้ คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
และมุง่ มัน่ ในการ อนั พงึ ประสงค์
ทำงาน
8. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้
8.1 ส่ือการเรยี นรู้
1) หนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 7 แสงและการมองเหน็
2) แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 7 แสงและการมองเหน็
3) วสั ดอุ ุปกรณ์ท่ีใช้ในการปฏบิ ัติกจิ กรรมการสะท้อนของแสง
4) PowerPoint เรื่อง การสะท้อนของแสง
5) สมดุ ประจำตัวนักเรียน
8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องเรยี น
2) อนิ เทอร์เนต็
9. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย
ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บันทกึ ผลหลังการสอน
ดา้ นความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น
ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ด้านอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้ามี))
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
แผนการจัดการเรยี นรู้ ที่ 11
กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 6 (ว23102)
ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3/1-8 ภาคเรยี นที่ 2/2564
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 7 เรื่อง แสงและการมองเหน็ เวลา 17 ชัว่ โมง
เรอ่ื ง การเกดิ ภาพจากกระจกเงา เวลา 2 ชว่ั โมง
ผู้สอน นางสาวรจุ ิราวรรณ จันสว่าง โรงเรยี นบ้านแพงพทิ ยาคม
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั
ว 2.3 ม.3/13 ออกแบบการทดลองและดำเนินการทดลองดว้ ยวธิ ีท่ีเหมาะสมในการอธิบายกฎการ
สะท้อนของแสง
ว 2.3 ม.3/14 เขียนแผนภาพการเคล่อื นท่ีของแสง แสดงการเกิดภาพจากกระจกเงา
2. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายการเกดิ ภาพจากกระจกเงาราบและกระจกเงาโคง้ ได้ (K)
2. อธิบายลกั ษณะของภาพท่ีเกดิ จากการสะท้อนแสงขอวตั ถุท่มี ผี ิวราบได้ (K)
3. เขยี นเส้นรังสีการสะท้อนของแสงเพอ่ื หาตำแหน่งและลักษณะของภาพทเี่ กดิ จากกระจกเงาเวา้
และกระจกเงานนู ได้ (P)
4. มีความสนใจใฝร่ ู้หรอื อยากรู้อยากเหน็ และทำงานรว่ มกับผ้อู ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน
พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา
สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
• เมือ่ แสงตกกระทบวัตถุจะเกิดการสะท้อนซึ่งเป็นไป
ตามกฎการสะท้อนของแสง โดยรังสีตกกระทบ
เส้นแนวฉาก รังสีสะท้อนอยู่ในระนาบเดียวกัน
และมุมตกกระทบเท่ากับมุมสะท้อน ภาพจาก
กระจกเงาเกิดจากรังสีสะท้อนตัดกันหรือต่อแนว
รังสีสะท้อนให้ตัดกัน โดยถ้ารังสีสะท้อนตัดกันจริง
จะเกิดภาพจริง แต่ถ้าต่อแนวรังสีสะท้อนให้ไปตัด
กัน จะเกดิ ภาพเสมือน
4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
การสะทอ้ นของแสงบนกระจกเงาราบ ทำให้เกิดภาพเสมอื นหัวตงั้ ท่ีมขี นาดเท่ากับวัตถุ แตภ่ าพท่ีเห็น
จะกลับด้านจากซ้ายเป็นขวา และขวาเป็นซ้าย ส่วนการสะท้อนของแสงบนกระจกเงานูนทำให้เกิด
ภาพเสมือนหัวตั้งท่ีมีขนาดเล็กกว่าวัตถุ ส่วนการสะท้อนของแสงบนกระจกเงาเว้า สามารถเกิดภาพได้
หลายแบบขนึ้ อยู่กบั ระยะระหว่างวัตถุกบั กระจก
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี นและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้
1) ทักษะการวดั 3. มงุ่ มั่นในการทำงาน
2) ทักษะการสังเกต
3) ทกั ษะการทดลอง
4) ทกั ษะการลงความเหน็ จากขอ้ มลู
3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ชัว่ โมงที่ 1
ขน้ั นำ
ขน้ั ท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage)
1. ครูสนทนาซกั ถามประสบการณ์เดมิ ของนักเรียนเกีย่ วกบั เรอื่ ง การสะทอ้ นของแสงบนกระจก
เงาราบและกระจกเงาโคง้ วา่ “นกั เรยี นเคยสังเกตกระจกทตี่ ดิ ต้ังบริเวณทางเลีย้ วหรอื ทางสามแยก
และกระจกในมมุ ร้านสะดวกซ้อื หรอื ไม่ แล้วกระจกมลี ักษณะอย่างไร และภาพทเี่ กดิ ในกระจกของ
อปุ กรณ์นัน้ มลี กั ษณะอย่างไร”
(แนวตอบ : คำตอบข้ึนอยูก่ บั ดลุ ยพินิจของครูผสู้ อน)
2. ครเู ตรยี มอุปกรณ์สาธติ การทดลอง เช่น กระจกเงาราบ จากนัน้ ครขู ออาสมัครนกั เรยี น 1-2 คน
ออกมาสาธติ การทดลองให้เพ่ือน ๆ ในชน้ั เรยี นดู โดยให้ส่องกระจกเงาราบ ครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคน
สงั เกตแล้วรว่ มกันอภปิ รายแสดงความคดิ เห็น
3. ครูตัง้ ประเด็นคำถามกระตนุ้ ความสนใจนกั เรียนวา่ “เมอ่ื เราสอ่ งกระจกเงาราบ ภาพท่ีปรากฏใน
กระจกจะมขี นาดเลก็ กว่าตัวเราหรอื ไม่ และภาพที่เกิดข้นึ จะเป็นภาพแบบใด” โดยใหน้ ักเรยี น
แต่ละคนรว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคดิ เห็นอยา่ งอิสระโดยไม่มกี ารเฉลยว่าถูกหรอื ผิด
(แนวตอบ : ไม่เล็กกวา่ แตม่ ขี นาดเทา่ กบั ตัวเรา โดยเป็นภาพเสมอื นหัวตั้ง สามารถมองเหน็ ภาพ
เหมอื นกบั ตวั เราทีป่ รากฏอย่ดู า้ นหลงั ของกระจก)
ขั้นสอน
ขนั้ ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore)
1. นกั เรียนแต่ละคนศกึ ษาค้นควา้ ข้อมูลเกย่ี วกบั เร่ือง กระจกเงาราบ จากหนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 7 แสงและการมองเห็น หรือแหลง่ การเรยี นรู้
ต่าง ๆ เชน่ อนิ เทอรเ์ น็ต จากน้นั เขยี นสรุปความรู้ที่ได้จากการศกึ ษาค้นควา้ ลงในสมุดประจำตวั
นักเรียน
2. ครใู หน้ กั เรียนตอบคำถามทา้ ทายการคิดขัน้ สูง (H.O.T.S.) จากหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 7 แสงและการมองเหน็ โดยเขยี นคำตอบของตนเอง
ลงในสมดุ ประจำตวั นกั เรยี น
3. นักเรียนแบง่ กลุม่ กลุม่ ละ 6 คน ตามความสมัครใจ เพ่อื ศึกษากจิ กรรมภาพจากการสะท้อนแสง
ของวัตถุท่ีมผี ิวราบ จากนนั้ ให้นกั เรียนแต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนออกมารับวสั ดอุ ปุ กรณท์ ่ใี ชใ้ นการ
ปฏบิ ตั ิกิจกรรมภาพจากการสะท้อนแสงของวตั ถุทีม่ ผี ิวราบ
4. สมาชิกภายในกลมุ่ ร่วมกนั ศึกษาจุดประสงค์ วัสดุอปุ กรณ์ และวิธปี ฏบิ ัติกิจกรรม จากหนงั สอื เรียน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 7 แสงและการมองเห็น
5. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันปฏิบตั ิกจิ กรรมตามขั้นตอน ในหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 7 แสงและการมองเห็น จากน้ันสมาชิกแต่ละกลมุ่ นำผลการทดลอง
ทไ่ี ดม้ าอภิปรายรว่ มกันภายในกลุ่ม เพอื่ หาข้อสรปุ ของผลการทดลอง
ช่ัวโมงที่ 2
ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
6. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมภาพจากการสะท้อนแสงของวัตถทุ ่ีมี
ผวิ ราบหนา้ ชน้ั เรยี น ในระหว่างที่นักเรยี นนำเสนอ ครคู อยให้ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเติม เพ่อื ให้นักเรยี น
มีความเขา้ ใจถกู ต้อง
7. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรม โดยใหน้ กั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายแสดงความ
คิดเห็นเพ่อื หาคำตอบ จากนนั้ ครสู ่มุ นักเรยี นใหต้ อบคำถามท้ายกจิ กรรม
8. นักเรียนและครรู ว่ มกนั อภปิ รายผลท้ายกจิ กรรมภาพจากการสะท้อนแสงของวตั ถุทีม่ ีผิวราบ
และเฉลยคำถามทา้ ยกจิ กรรม
9. ครอู ธิบายเพ่ิมเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่ “เมื่อนำวัตถทุ ่มี รี ปู ทรงตา่ ง ๆ ไปวางอยู่หนา้ กระจกเงาราบ
ขนาดของภาพทไ่ี ดจ้ ากการวางวัตถไุ ว้หนา้ ผวิ สะท้อนราบใด ๆ จะเท่ากบั ขนาดของวัตถุเสมอ”
10. นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 3 คน ตามความสมัครใจ จากนั้นรว่ มกนั ศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู เพ่มิ เติม
เกย่ี วกบั เร่ือง กระจกเงาโค้ง จากหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการ
เรียนรทู้ ่ี 7 แสงและการมองเหน็ หรือแหลง่ การเรียนร้ตู า่ ง ๆ เชน่ อนิ เทอร์เนต็ โดยใหส้ มาชกิ
ภายในกลมุ่ แบ่งหนา้ ทกี่ ันศึกษาคนละ 1 เรือ่ ง ซึง่ หัวข้อมีดังนี้
• คนท่ี 1 ศึกษาสว่ นประกอบในการเกิดภาพของกระจกเงาโค้ง
• คนท่ี 2 ศกึ ษาการเขยี นภาพจากกระจกเงาโค้ง
• คนท่ี 3 ศึกษาลักษณะการเกดิ ภาพจากกระจกเงาโคง้
11. สมาชิกภายในกลมุ่ นำเรอื่ งทตี่ นเองศกึ ษาค้นคว้ามาอธบิ ายให้เพื่อนในกลมุ่ ฟงั จากนน้ั ร่วมกนั สรุป
ความรทู้ ่ีได้ลงในสมุดประจำตัวนักเรยี น
12. ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะคนอธบิ ายการเกิดภาพจากการสะท้อนของแสงบนกระจกเงาราบ และเขยี น
เส้นรังสีการสะท้อนของแสงเพอ่ื หาตำแหน่งและลกั ษณะของภาพ เมอ่ื วางวัตถุไว้หนา้ กระจกเงาเว้า
และกระจกเงานนู ในตำแหนง่ ตา่ ง ๆ เช่น ระหวา่ งกระจกและจดุ โฟกสั ระหว่างจดุ โฟกสั และรัศมี
ความโคง้ และไกลกว่ารัศมคี วามโคง้ ลงในสมดุ ประจำตวั นกั เรียน
13. ครูสุ่มนักเรยี น 3-4 คน ออกมาเขียนภาพแสดงการเกดิ ภาพ เนือ่ งจากการสะทอ้ นแสงบนกระจก
เงาราบหนา้ ชั้นเรยี น โดยให้เพอ่ื นในช้นั เรียนรว่ มกนั พิจารณาวา่ คำตอบถูกต้องหรือไม่ จากน้ันครู
เฉลยคำตอบทถี่ กู ตอ้ งใหน้ กั เรยี น
14. นกั เรียนและครรู ว่ มกันอธิบายวา่ “ลักษณะการสะทอ้ นของแสงและภาพที่ได้จากกระจกเงาโคง้
ทัง้ 2 ชนิด ไดแ้ ก่ กระจกเงาเว้าและกระจกเงานูน ในตำแหนง่ การวางวตั ถุท่แี ตกต่างกนั ”
จากนนั้ ครูระบุลกั ษณะและองคป์ ระกอบของกระจกเงาโค้งกบั ตำแหน่งของวตั ถุ
ข้นั ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
15. ครูเปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนซกั ถามเนอ้ื หาเกีย่ วกบั เรือ่ ง การเกิดภาพจากกระจกเงา และให้ความรู้
เพม่ิ เตมิ จากคำถามของนกั เรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง การสะท้อนของแสง ในการ
อธิบายเพิม่ เตมิ
16. นกั เรียนจับคู่กับเพือ่ นในชัน้ เรียน ตามความสมัครใจ จากนน้ั ร่วมกนั ศกึ ษากรอบ Application
Activity ในหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 แสงและการ
มองเหน็
17. นักเรยี นแต่ละคนทำใบงานที่ 7.1 เรือ่ ง การสะท้อนของแสง จากนัน้ ครสู มุ่ นักเรยี น 3-4 คน
ออกมานำเสนอคำตอบของตนเองหนา้ ช้ันเรยี น โดยใหเ้ พ่อื นในช้ันเรยี นร่วมกันพิจารณาวา่ คำตอบ
ถูกตอ้ งหรอื ไม่ จากน้นั ครูเฉลยคำตอบที่ถกู ต้องให้นกั เรียน
18. นกั เรียนทำ Topic Questions เรื่อง การสะท้อนของแสง จากหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 7 แสงและการมองเห็น ลงในสมุดประจำตวั นักเรยี น
19. ครูมอบหมายใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนทำแบบฝกึ หัด เรอ่ื ง การสะทอ้ นของแสง จากแบบฝึกหัด
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 7 แสงและการมองเหน็
เป็นการบ้านสง่ ช่ัวโมงถัดไป
ขั้นสรปุ
ขัน้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูประเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลุม่ และจากการนำเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมหนา้ ชน้ั เรยี น
2. ครตู รวจสอบผลการปฏิบตั ิกจิ กรรม ภาพจากการสะท้อนแสงของวตั ถทุ ม่ี ผี ิวราบ
3. ครตู รวจสอบผลการทำใบงานที่ 7.1 เรอ่ื ง การสะทอ้ นของแสง
4. ครูตรวจ Topic Questions เร่อื ง การสะทอ้ นของแสง ในสมุดประจำตัวนกั เรียน
5. ครูตรวจแบบฝกึ หดั เร่ือง การสะท้อนของแสง จากแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 7 แสงและการมองเหน็
6. นักเรยี นและครูรว่ มกนั สรุปเกย่ี วกบั เรอ่ื ง การเกดิ ภาพจากกระจกเงา
7. การวดั และประเมนิ ผล
รายการวัด วิธกี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมิน
7.1 ประเมินระหวา่ ง
การจดั กิจกรรม
การเรยี นรู้
1) การเกดิ ภาพจาก - ตรวจใบงานท่ี 7.1 - ใบงานที่ 7.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
กระจกเงา - ตรวจสมุดประจำตัว - สมุดประจำตัว หรือ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
หรือแบบฝึกหดั แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์และ และเทคโนโลยี ม.3
เทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 เลม่ 2
2) ผลบนั ทึกการ - ตรวจสมุดประจำตัว - สมุดประจำตวั หรอื - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ปฏบิ ตั ิกิจกรรม หรอื แบบฝึกหดั แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์
ภาพจากการ วิทยาศาสตรแ์ ละ และเทคโนโลยี ม.3
สะทอ้ นแสงของ เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 เลม่ 2
วตั ถุที่มผี ิวราบ
3) การนำเสนอ - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดับคณุ ภาพ 2
ผลงาน/การปฏบิ ตั ิ ผลงาน/การปฏิบตั ิ นำเสนอผลงาน/การ ผา่ นเกณฑ์
กจิ กรรม กิจกรรม ปฏิบตั กิ จิ กรรม
4) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์
5) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2
ทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
6) คุณลักษณะ - สังเกตความมีวนิ ัย - แบบประเมนิ - ระดับคณุ ภาพ 2
อันพึงประสงค์ รบั ผดิ ชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์
และมุ่งมนั่ ในการ อนั พึงประสงค์
ทำงาน
8. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้
8.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 7 แสงและการมองเห็น
2) แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 7 แสงและการมองเหน็
3) ใบงานที่ 7.1 เรอื่ ง การสะทอ้ นของแสง
4) วสั ดุอปุ กรณ์ทใ่ี ช้ในการปฏิบัติกจิ กรรมภาพจากการสะท้อนแสงของวตั ถุทีม่ ผี ิวราบ
5) PowerPoint เร่ือง การสะท้อนของแสง
6) อุปกรณส์ าธิตการทดลอง เช่น กระจกเงาราบ
7) สมดุ ประจำตัวนกั เรยี น
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) อนิ เทอรเ์ น็ต
ใบงานท่ี 7.1
เรื่อง การสะท้อนของแสง
คำชแ้ี จง : ให้นักเรยี นตอบคำถามต่อไปน้ีให้ถูกต้อง
1. รังสีตกกระทบจากวัตถุท่ีมีแนวรังสีขนานกับเส้นแกนมุขสำคัญ เมื่อตกกระทบบนกระจกเงาโค้งทรงกลม
แนวของรงั สสี ะท้อนเป็นอยา่ งไร
1.1 ในกรณกี ระจกเงาเว้า
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
1.2 ในกรณกี ระจกเงานนู
.................................................................................................................................................................
2. รังสีตกกระทบจากวัตถุที่มีแนวรังสีผ่านจุดโฟกัสสำหรับกระจกเงาเว้าหรือเสมือนผ่านจุดโฟกัส สำหรับ
กระจกเงานูน รงั สสี ะทอ้ นจะมแี นวอยา่ งไร
........................................................................................................................................................................
3. รังสีตกกระทบจากวัตถุที่มีแนวรังสีผ่านจุดศูนย์กลางความโค้งสำหรับกระจกเงาเว้าหรือเสมือนผ่านจุด
ศนู ย์กลางความโค้ง สำหรบั กระจกเงานูน รังสีสะท้อนจะมแี นวอย่างไร
........................................................................................................................................................................
4. แนวรังสีสะทอ้ นของรังสีตกกระทบต่าง ๆ และตำแหน่งของภาพของวัตถุซ่ึงวางไว้หน้ากระจกเว้า เมื่อวัตถุ
อย่ทู รี่ ะยะอนนั ต์ (จดุ ∞)
CF
4.1 รงั สีตกกระทบ QA ให้รังสสี ะทอ้ นอะไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4.2 รังสตี กกระทบ BF ใหร้ ังสีสะทอ้ นอะไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4.3 ภาพท่เี กดิ ข้นึ เป็นภาพจรงิ หรอื ภาพเสมือนและอยทู่ จี่ ุดใด
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4.4 ขนาดของภาพเลก็ หรอื ใหญ่กวา่ วตั ถุ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานท่ี 7.1 เฉลย
เรื่อง การสะทอ้ นของแสง
คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามต่อไปนใี้ หถ้ กู ตอ้ ง
1. รังสีตกกระทบจากวัตถุที่มีแนวรังสีขนานกับเส้นแกนมุขสำคัญ เม่ือตกกระทบบนกระจกเงาโค้งทรงกลม
แนวของรังสีสะทอ้ นเปน็ อยา่ งไร
1.1 ในกรณีกระจกเงาเวา้
…ผ…า่ …น…จดุ…โ…ฟ…กัส……………………………………………………………………………………………………………………………
1.2 ในกรณกี ระจกเงานูน
...เ.ส..ม...อื..น...ผ..่า..น...จ..ุด..โ..ฟ...ก..สั....ค..ือ....เ.ม...อื่ ..ต..่อ...แ..น...ว..ร..ัง..ส..ีส..ะ..ท...้อ..น...ไ..ป..ท...า..ง..ท..ิศ...ต..ร..ง..ข..า้..ม...จ..ะ..ผ..า่..น...จ..ุด...โ.ฟ...ก..สั................................
2. รังสีตกกระทบจากวัตถุที่มีแนวรังสีผ่านจุดโฟกัสสำหรับกระจกเงาเว้าหรือเสมือนผ่านจุดโฟกัส สำหรับ
กระจกเงานนู รงั สีสะท้อนจะมีแนวอย่างไร
...ข...น..า..น...ก..ับ...เ.ส..น้...แ..ก...น..ม...ุข..ส..ำ..ค...ญั .............................................................................................................................
3. รังสีตกกระทบจากวัตถุท่ีมีแนวรังสีผ่านจุดศูนย์กลางความโค้งสำหรับกระจกเงาเว้าหรือเสมือนผ่านจุด
ศนู ยก์ ลางความโคง้ สำหรบั กระจกเงานูน รังสสี ะท้อนจะมีแนวอยา่ งไร
...แ...น..ว..เ..ด..ยี..ว..ก...บั ..ร..งั..ส..ตี...ก..ก...ร..ะ..ท...บ....แ..ต..่ท...ิศ..ต...ร..ง..ข..้า..ม....................................................................................................
4. แนวรังสีสะทอ้ นของรังสีตกกระทบต่าง ๆ และตำแหน่งของภาพของวัตถุซึ่งวางไว้หน้ากระจกเว้า เม่ือวัตถุ
อยู่ทร่ี ะยะอนนั ต์ (จุด ∞)
CF
4.1 รงั สตี กกระทบ QA ให้รงั สสี ะทอ้ นอะไร
…O…A……ให…้ A…F………………………………………………………………………………………………………………………………
4.2 รังสตี กกระทบ BF ใหร้ ังสีสะท้อนอะไร
…B…F…ส…ะ…ท…อ้ …นผ…า่ …น…F……………………………………………………………………………………………………………………
4.3 ภาพท่ีเกิดข้นึ เปน็ ภาพจริงหรือภาพเสมือนและอยูท่ ี่จดุ ใด
…ภ…า…พ…จ…ริง…อ…ยู่ท…่จี…ดุ …โฟ…ก…สั ………………………………………………………………………………………………………………
4.4 ขนาดของภาพเล็กหรือใหญก่ วา่ วัตถุ
…ข…น…า…ดภ…า…พ…ม…ขี …นา…ด…เล…ก็ …ก…วา่…ว…ัต…ถุ…………………………………………………………………………………………………
9. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย
ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บันทกึ ผลหลังการสอน
ดา้ นความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น
ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ด้านอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้ามี))
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
แผนการจัดการเรียนรู้ ท่ี 12
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 6 (ว23102)
ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 3/1-8 ภาคเรียนท่ี 2/2564
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 7 เรือ่ ง แสงและการมองเห็น เวลา 17 ชว่ั โมง
เร่ือง การหกั เหของแสง เวลา 5 ชัว่ โมง
ผสู้ อน นางสาวรจุ ริ าวรรณ จนั สวา่ ง โรงเรียนบ้านแพงพทิ ยาคม
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้วี ัด
ว 2.3 ม.3/15 อธบิ ายการหกั เหของแสงเมือ่ ผ่านตัวกลางโปรง่ ใสทแ่ี ตกต่างกัน และอธิบายการ
กระจายแสงของแสงขาวเมอ่ื ผ่านปริซมึ จากหลักฐานเชงิ ประจักษ์
ว 2.3 ม.3/16 เขยี นแผนภาพการเคลอื่ นท่ีของแสงแสดงการเกดิ ภาพจากเลนสบ์ าง
2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายการเกิดการหกั เหของแสง แนวรงั สตี กกระทบ และแนวรงั สหี ักเหได้ (K)
2. อธิบายการกระจายแสงของแสงขาวเม่ือผ่านปริซึมได้ (K)
3. เขียนเสน้ รงั สีของแสงเพ่อื หาตำแหน่งและลักษณะของภาพที่เกดิ จากการหักเหผ่านเลนส์นนู
และเลนส์เว้าได้ (P)
4. ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมการหกั เหของแสงผ่านตัวกลางทีต่ า่ งชนิดกันได้อยา่ งถกู ตอ้ งและเปน็ ลำดบั ข้นั ตอน (P)
5. นำความรูเ้ กย่ี วกับการหักเหของแสงไปใชใ้ นชวี ิตประจำวันได้ (A)
3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนร้ทู อ้ งถิ่น
พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
• เมื่อแสงเดินทางผ่านตัวกลางโปร่งใสที่แตกต่างกัน
เช่น อากาศและน้ำ อากาศและแก้ว จะเกิดการ
หักเห หรืออาจเกิดการสะท้อนกลบั หมดในตัวกลาง
ท่ีแสงตกกระทบ การหักเหของแสงผ่านเลนส์ทำให้
เกิดภาพทีม่ ชี นดิ และขนาดต่าง ๆ
• แสงขาวประกอบดว้ ยแสงสตี ่าง ๆ เม่ือแสงขาวผ่าน
ปริซึมจะเกิดการกระจายแสงเป็นแสงสีต่าง ๆ
เรียกว่า สเปกตรัมของแสงขาว เม่ือเคล่ือนท่ีใน
ตัวกลางใด ๆ ท่ีไม่ใช่อากาศ จะมีอัตราเร็วต่างกัน
จึงมีการหักเหตา่ งกัน
4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
การหักเหของแสง เกิดจากการที่ความเร็วของแสงเปลี่ยนไป เม่ือเดินทางผ่านตัวกลางต่างชนิดกัน
แสงจะเบนมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความหนาแน่นและดรรชนีการหักเหของตัวกลางท่ีแสงเดินทางผ่าน
การหักเหของแสงผ่านเลนส์นูน ทำให้เกิดภาพได้หลายแบบขึ้นอยู่กับระยะระหว่างวัตถุกับเลนส์ และการ
หกั เหของแสงผา่ นเลนส์เวา้ ทำให้เกดิ ภาพเสมอื นหวั ตงั้ ขนาดเล็กกวา่ วัตถุ
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี นและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มวี ินยั รับผิดชอบ
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้
1) ทักษะการวัด 3. มุ่งมั่นในการทำงาน
2) ทกั ษะการสังเกต
3) ทักษะการทดลอง
4) ทักษะการลงความเห็นจากขอ้ มูล
5) ทกั ษะการจดั กระทำและสอ่ื ความหมายขอ้ มลู
3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ
4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ช่วั โมงที่ 1
ขน้ั นำ
ขนั้ ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูทบทวนความรเู้ ดมิ ของนกั เรียนเกย่ี วกบั เรอื่ ง การสะท้อนของแสง จากนัน้ ครูแจง้ จุดประสงค์
การเรียนรใู้ หน้ กั เรยี นทราบ
2. นกั เรียนตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเองก่อนเข้าสู่กจิ กรรมการเรียนการสอน จากกรอบ
Check for Understanding ในหนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 7 แสงและการมองเห็น โดยบนั ทกึ ลงในสมดุ ประจำตวั นกั เรยี น
3. นักเรยี นทำกจิ กรรม Engaging Activity จากหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 7 แสงและการมองเห็น
4. ครเู ตรียมอปุ กรณ์สาธติ การทดลอง เชน่ แก้ว ดนิ สอ จากนน้ั ครูสุ่มนกั เรยี น 2 คน ออกมาสาธติ
การทดลองหนา้ ชั้นเรยี น ครูให้ตัวแทนนกั เรียนเทน้ำใสล่ งในแก้วโดยให้ระดบั นำ้ สูงประมาณ 3/4
ของความสูงของแกว้ แลว้ นำดนิ สอจุ่มลงในแกว้ ทีม่ ีน้ำ โดยครูใหน้ กั เรยี นแต่ละคนสังเกตดนิ สอที่
อยใู่ นแก้วนำ้ และร่วมกนั อภิปรายแสดงความคิดเหน็ อยา่ งอิสระ
5. ครูตง้ั ประเดน็ คำถามกระตนุ้ ความสนใจนกั เรยี นว่า “นักเรยี นสงั เกตเห็นการเปลีย่ นแปลงอยา่ งไร
ในแก้วนำ้ หรือไม่ แล้วเกิดจากอะไร” โดยใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนรว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็
อยา่ งอสิ ระโดยครูเขยี นคำตอบของนกั เรยี นไว้ แล้วครูจะมาตรวจสอบคำตอบหลังเรยี นเสร็จ
(แนวตอบ : เมื่อมองแท่งดินสอในแก้วนำ้ ดนิ สอจะเบยี้ ว ไมเ่ ป็นเสน้ ตรง ซ่ึงเกิดจากการหักเหของ
แสง)
ขนั้ สอน
ขน้ั ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore)
1. ครูถามคำถาม Key Question จากหนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 7 แสงและการมองเห็น ว่า “การหกั เหของแสงตา่ งจากการสะทอ้ นของแสง
อย่างไร” โดยใหน้ ักเรยี นรว่ มกันอภิปรายแสดงความคิดเหน็ อยา่ งอสิ ระโดยครเู ขียนคำตอบของ
นักเรยี นไว้ แล้วครูจะมาตรวจสอบคำตอบหลงั เรียนเสร็จ
(แนวตอบ : การหกั เหของแสง เกดิ ขึ้นเมือ่ แสงเคล่ือนท่ีจากตวั กลางหน่งึ ไปส่อู ีกตวั กลางหนง่ึ ทำให้
อัตราเร็วและทศิ ทางการเคลอ่ื นท่ีของแสงเปล่ยี นแปลงไป ส่วนการสะทอ้ นของแสง เกิดขึน้ เมอ่ื แสง
เดนิ ทางไปตกกระทบผวิ ของวัตถุท่ีไม่สามารถสะท้อนแสงได้)
2. ครูสนทนาซกั ถามประสบการณเ์ ดิมของนักเรยี นเกี่ยวกับการสะทอ้ นของแสง ดงั นี้
• เพราะเหตุใด เราจึงเห็นร้งุ กนิ น้ำเป็นแถบสีตา่ ง ๆ
• ในวันที่มอี ากาศร้อนจดั นักเรยี นเคยมองพน้ื ถนนแลว้ เหน็ เหมอื นมีนำ้ อยู่ท่ีพืน้ ถนนดา้ นหนา้
หรอื ไม่ แลว้ เมอ่ื นกั เรยี นเข้าไปใกล้บริเวณนนั้ มนี ำ้ อย่จู รงิ หรือไม่
• นกั เรียนคิดวา่ การมองเห็นภาพลวงตาว่ามนี ำ้ อยู่บนพนื้ ถนนเปน็ เพราะเหตุใด
3. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลุม่ ละ 3 คน ตามความสมัครใจ จากนน้ั ร่วมกันศกึ ษาคน้ คว้าข้อมลู เก่ยี วกับ
เรอ่ื ง การหกั เหของแสง จากหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 7 แสงและการมองเหน็ หรอื แหล่งการเรียนรตู้ ่าง ๆ เชน่ อนิ เทอร์เน็ต
โดยให้สมาชิกภายในกลุ่มแบ่งหนา้ ทก่ี ันศึกษาคนละ 1 เรือ่ ง ซ่ึงมหี ัวข้อดงั นี้
• คนท่ี 1 ศึกษาการหักเหของแสง
• คนที่ 2 ศึกษาดรรชนีหกั เห
• คนท่ี 3 ศกึ ษาการสะท้อนกลบั หมดของแสง
4. สมาชกิ ภายในกลุม่ นำเร่อื งทต่ี นเองศึกษาค้นคว้ามาอธิบายให้เพอ่ื นในกลมุ่ ฟงั จากน้ันร่วมกันสรปุ
ความรูท้ ี่ได้ลงในสมุดประจำตัวนกั เรียน
5. ครูตง้ั ประเด็นคำถามกระตนุ้ ความคดิ นักเรียน โดยใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั อภปิ รายแสดง
ความคิดเห็นเพ่ือหาคำตอบ ดงั น้ี
• การหักเหของแสงเกดิ ขึน้ ได้อย่างไร
(แนวตอบ : เมือ่ แสงเคล่ือนที่จากตวั กลางโปรง่ ใสหนึง่ ไปสูต่ ัวกลางหน่งึ ทมี่ ีความหนาแน่นหรือค่า
ดรรชนหี กั เหตา่ งกัน)
• การหักเหของแสงจะเบนมากหรอื น้อยขึ้นอยกู่ ับอะไร
(แนวตอบ : ความหนาแนน่ ของตัวกลางที่แสงเคลื่อนท่ีผ่าน)
• มุมวกิ ฤตคืออะไร
(แนวตอบ : มุมตกกระทบที่ทำให้มุมหกั เหมีคา่ เทา่ กบั 90 องศา)
• ถ้ามุมตกกระทบมีขนาดใหญ่กว่ามุมวิกฤตจะเกิดเหตุการณใ์ ด
(แนวตอบ : แสงจะเดินทางกลบั สู่ตัวกลางเดมิ เรียกว่า การสะท้อนกลับหมดของแสง)
6. ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละคนยกตัวอยา่ งเก่ียวกับปรากฏการณ์ธรรมชาตทิ ีเ่ กิดจากการสะท้อนกลับหมด
ของแสงท่ีพบเห็นในชีวิตประจำวนั โดยบันทกึ ลงในสมดุ ประจำตวั นกั เรยี น
ช่ัวโมงท่ี 2-3
7. ครูเตรียมตัวอยา่ งเลนส์นูน และเลนสเ์ วา้ มาให้นักเรยี นสังเกต จากนนั้ ครตู ัง้ ประเดน็ คำถามกระตนุ้
ความสนใจนักเรียนวา่ “เลนส์แตล่ ะชนิดทำหน้าท่ีเหมอื น หรอื แตกต่างกนั อยา่ งไร” โดยให้นักเรียน
ร่วมกันอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ อยา่ งอสิ ระ
(แนวตอบ : แตกตา่ งกนั เลนส์นูนทำหนา้ ที่รวมแสง ส่วนเลนส์ทำหนา้ ทกี่ ระจายแสง)
8. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ (กล่มุ เดิม) จากช่วั โมงทผ่ี ่านมา จากน้ันร่วมกนั ศึกษาค้นควา้ ขอ้ มลู เกย่ี วกับเร่ือง
การเกดิ ภาพจากเลนส์ จากหนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 7
แสงและการมองเหน็ หรอื แหล่งการเรียนรตู้ ่าง ๆ เช่น อนิ เทอรเ์ น็ต โดยให้สมาชิกภายในกลมุ่ แบ่ง
หนา้ ที่กนั ศึกษาคนละ 1 เรื่อง ซ่งึ มหี ัวขอ้ ดังน้ี
• คนที่ 1 ศกึ ษาส่วนประกอบในการเกิดภาพของเลนส์
• คนท่ี 2 ศึกษาการเขยี นตำแหน่งภาพจากเลนส์
• คนที่ 3 ศึกษาลักษณะการเกิดภาพจากเลนส์
9. สมาชกิ ภายในกลมุ่ นำเรอื่ งที่ตนเองศกึ ษาค้นคว้ามาอธิบายใหเ้ พ่ือนในกลมุ่ ฟัง จากนนั้ รว่ มกันสรปุ
ความร้ทู ไี่ ด้ลงในสมุดประจำตวั นักเรยี น
10. ครูให้นักเรยี นพิจารณาภาพสว่ นประกอบในการเกิดภาพของเลนสน์ ูนและเลนส์เว้า จากหนังสอื
เรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 7 แสงและการมองเหน็ แลว้ ให้
นักเรียนร่วมกนั อภิปรายแสดงความคิดเหน็ ลักษณะการเคล่ือนที่ของแสง เมอ่ื ลำแสงขนานหักเห
ผ่านเลนส์นูนและเลนสเ์ ว้า
11. ครตู ง้ั ประเด็นคำถามกระตุน้ ความคดิ นกั เรียน ดังน้ี
• ลักษณะภาพท่ไี ด้เหมือน หรือแตกต่างกันอยา่ งไร
(แนวตอบ : ไมเ่ หมือนกัน เลนสน์ ูนจะทง้ั ภาพจริงหวั กลบั และภาพเสมอื นหวั ตงั้ สว่ นเลนสเ์ วา้ จะ
ไดภ้ าพเสมือนหวั ตั้ง)
• ถา้ เปลย่ี นมุมแสงที่ตกกระทบเลนส์ มุมของแสงที่หักเหเลนส์จะเปล่ยี นหรอื ไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ : มุมของแสงท่ีหักเหเลนส์จะเปล่ียนไป แต่เลนส์นูนจะรวมแสงและเลนส์เว้าจะ
กระจายแสง)
12. ครูใหน้ กั เรียนเขยี นเส้นรังสขี องแสงเพอื่ หาตำแหน่งและลักษณะของภาพ เม่อื วางวัตถุไว้หน้า
เลนส์นูนและเลนส์เวา้ ในตำแหน่งต่าง ๆ เช่น ระหว่างเลนส์และจดุ โฟกัส ระหวา่ งจดุ โฟกสั และ
จดุ ศูนยก์ ลางความโคง้ และไกลกวา่ จุดศนู ย์กลางความโค้ง ลงในสมดุ ประจำตวั นกั เรียน
13. ครูสุ่มนักเรียน 2-3 คน ออกมาเขียนภาพแสดงการหกั เหของแสงผ่านเลนสน์ นู และเลนส์เว้า
หน้าช้นั เรียน โดยใหเ้ พื่อนในช้นั เรียนรว่ มกันพจิ ารณาว่าคำตอบถูกต้องหรอื ไม่ จากนนั้ ครูเฉลย
คำตอบทถ่ี กู ต้องใหน้ ักเรียน
ช่ัวโมงท่ี 4
14. นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลุม่ ละ 6 คน ตามความสมัครใจ เพอ่ื ศึกษากจิ กรรมการหกั เหของแสงผา่ น
ตวั กลางท่ตี า่ งชนิดกัน จากนน้ั ให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมารบั วัสดอุ ปุ กรณ์ทใ่ี ช้ในการ
ปฏิบตั กิ ิจกรรมการหักเหของแสงผา่ นตัวกลางท่ตี า่ งชนิดกัน
15. สมาชกิ ภายในกลุ่มรว่ มกันศึกษาจดุ ประสงค์ วสั ดุอปุ กรณ์ และวธิ ีปฏบิ ัติกิจกรรม จากหนังสอื เรยี น
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 7 แสงและการมองเห็น
16. นกั เรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกันปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตามขนั้ ตอน ในหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 7 แสงและการมองเหน็ จากน้ันสมาชกิ แต่ละกล่มุ นำผลการทดลอง
ทไ่ี ดม้ าอภิปรายรว่ มกันภายในกลุ่ม เพอ่ื หาขอ้ สรปุ ของผลการทดลอง
ชวั่ โมงท่ี 5
ข้นั ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
17. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการหกั เหของแสงผา่ นตัวกลางท่ีต่าง
ชนดิ กนั หนา้ ชนั้ เรยี น ในระหวา่ งทน่ี ักเรยี นนำเสนอ ครคู อยใหข้ ้อเสนอแนะเพิม่ เติม เพื่อให้นักเรียน
มคี วามเข้าใจถูกตอ้ ง
18. นักเรยี นแต่ละกลุม่ รว่ มกนั ตอบคำถามทา้ ยกจิ กรรม โดยใหน้ ักเรียนรว่ มกันอภิปรายแสดงความ
คดิ เหน็ เพือ่ หาคำตอบ จากนนั้ ครูสุม่ นกั เรียนให้ตอบคำถามทา้ ยกจิ กรรม
19. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภิปรายผลทา้ ยกจิ กรรมการหักเหของแสงผา่ นตวั กลางทตี่ า่ งชนดิ กัน
และเฉลยคำถามทา้ ยกจิ กรรม
20. ครูอธิบายเพิม่ เตมิ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ ดังนี้
• “เม่ือแสงเดนิ ทางผ่านอากาศเขา้ สแู่ ทง่ พลาสติกใส แนวรงั สีหักเหจะเบนออกจากเสน้ แนวฉาก
ทำให้มมุ หกั เหมคี า่ นอ้ ยกว่ามมุ ตกกระทบ
• เมื่อแสงผ่านแทง่ พลาสติกใสออกสู่อากาศ แนวรงั สีหักเหจะเบนเข้าหาเสน้ แนวฉาก ทำให้มมุ
หกั เหมีค่ามากกว่ามุมตกกระทบ
• เม่อื ลำแสงตกกระทบตง้ั ฉากกับผิวรอยต่อ แนวลำแสงทงั้ หมดจะเป็นเสน้ ตรงเดียวกัน”
21. ครอู ธบิ ายเพิม่ เติมให้นกั เรียนเขา้ ใจเกย่ี วกบั เร่ือง การสะทอ้ นกลบั หมดของแสงวา่ “เมือ่ แสง
เคลอื่ นทจ่ี ากตวั กลางทม่ี ีความหนาแนน่ มากไปสู่ตัวกลางทีม่ ีความหนาแนน่ นอ้ ย มมุ ตกกระทบมีคา่
เพ่มิ ข้นึ จะทำใหม้ มุ หักเหของแสงเพิ่มขน้ึ มุมตกกระทบทีท่ ำใหม้ ุมหกั เหมีค่าเทา่ กับ 90 องศา
เรียกว่า มมุ วิกฤต และเมือ่ มมุ ตกกระทบมีคา่ มากกว่ามุมวิกฤต แสงจะเกดิ การสะทอ้ นกลบั หมด
ซึ่งรังสหี ักเหจะไม่เดนิ ทางสตู่ ัวกลางใหม่ แต่จะสะท้อนกลบั ตัวกลางเดมิ ”
ข้นั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
22. ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรียนซักถามเน้ือหาเกี่ยวกบั เรอ่ื ง การหกั เหของแสง และให้ความรเู้ พิ่มเตมิ
จากคำถามของนักเรยี น โดยครูใช้ PowerPoint เรือ่ ง การหักเหของแสง ในการอธบิ ายเพ่มิ เติม
23. นักเรียนแบ่งกลุม่ กลุ่มละ 4-5 คน ตามความสมัครใจ จากนัน้ รว่ มกันศึกษากรอบ Application
Activity ในหนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 7 แสงและการ
มองเหน็
24. นักเรยี นแตล่ ะคนทำใบงานท่ี 7.2 เร่ือง การหกั เหของแสง จากนนั้ ครูสุ่มนกั เรียน 3-4 คน
ออกมานำเสนอคำตอบของตนเองหน้าชน้ั เรียน โดยใหเ้ พอ่ื นในชน้ั เรยี นรว่ มกันพิจารณาวา่ คำตอบ
ถกู ต้องหรือไม่ จากนั้นครเู ฉลยคำตอบทีถ่ ูกต้องให้นกั เรียน
25. นักเรียนทำ Topic Questions เรอ่ื ง การหักเหของแสง จากหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 7 แสงและการมองเหน็ ลงในสมุดประจำตวั นักเรียน
26. ครูมอบหมายใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนทำแบบฝึกหดั เรอ่ื ง การหกั เหของแสง จากแบบฝึกหดั
วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 7 แสงและการมองเหน็
เป็นการบา้ นส่งชวั่ โมงถัดไป
ขั้นสรปุ
ข้นั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูประเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล
พฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมหนา้ ชั้นเรยี น
2. ครูตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียนก่อนเขา้ สู่กิจกรรมการเรยี นการสอน จากกรอบ
Check for Understanding ในสมดุ ประจำตวั นักเรยี น
3. ครูตรวจสอบผลการปฏิบัติกิจกรรม การหักเหของแสงผ่านตัวกลางทตี่ ่างชนิดกนั
4. ครตู รวจสอบผลการทำใบงานที่ 7.2 เร่อื ง การหักเหของแสง
5. ครูตรวจ Topic Questions เรอื่ ง การหักเหของแสง ในสมดุ ประจำตวั นักเรยี น
6. ครูตรวจแบบฝกึ หดั เรอ่ื ง การหักเหของแสง จากแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 แสงและการมองเห็น
7. นกั เรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกบั เรื่อง การหกั เหของแสง
7. การวดั และประเมินผล
รายการวัด วธิ ีการ เครื่องมอื เกณฑ์การประเมิน
7.1 ประเมินระหว่าง
การจดั กจิ กรรม
การเรยี นรู้
1) การหกั เหของแสง - ตรวจใบงานที่ 7.2 - ใบงานที่ 7.2 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจสมุดประจำตวั - สมุดประจำตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
หรือแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์
วทิ ยาศาสตร์และ และเทคโนโลยี ม.3
เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 เล่ม 2
2) ผลบนั ทึกการ - ตรวจสมุดประจำตวั - สมุดประจำตวั หรือ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ปฏิบัติกิจกรรม หรอื แบบฝกึ หดั แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์
การหกั เหของแสง วทิ ยาศาสตรแ์ ละ และเทคโนโลยี ม.3
ผา่ นตวั กลางท่ตี ่าง เทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 เล่ม 2
ชนิดกนั
3) การนำเสนอ - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดับคณุ ภาพ 2
ผลงาน/การปฏบิ ัติ ผลงาน/การปฏิบตั ิ นำเสนอผลงาน/การ ผา่ นเกณฑ์
กิจกรรม กจิ กรรม ปฏบิ ัตกิ จิ กรรม
4) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
5) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2
ทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม การทำงานกลมุ่ ผ่านเกณฑ์
6) คณุ ลกั ษณะ - สังเกตความมีวินยั - แบบประเมิน - ระดับคณุ ภาพ 2
อนั พงึ ประสงค์ รับผิดชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
และมงุ่ มัน่ ในการ อนั พงึ ประสงค์
ทำงาน
8. สือ่ /แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 7 แสงและการมองเห็น
2) แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 7 แสงและการมองเห็น
3) ใบงานท่ี 7.2 เรอื่ ง การหักเหของแสง
4) วสั ดุอปุ กรณ์ทีใ่ ช้ในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมการหักเหของแสงผา่ นตวั กลางทตี่ ่างชนดิ กัน
5) PowerPoint เร่อื ง การหักเหของแสง
6) อปุ กรณ์สาธิตการทดลอง เช่น แก้ว ดินสอ
7) เลนสน์ ูน และเลนส์เวา้
8) สมุดประจำตวั นักเรียน
8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) หอ้ งเรียน
2) อินเทอรเ์ นต็
ใบงานท่ี 7.2
เร่อื ง การหักเหของแสง
คำช้ีแจง : ใหน้ ักเรียนตอบคำถามตอ่ ไปนี้ให้ถกู ต้อง
1. เมื่อมีรังสีของแสงมาตกกระทบบนผิววัตถุท่ีขัดเป็นมัน ปรากฏการณ์ท่ีเกิดข้ึนกับรังสีตกกระทบนั้นเป็น
อยา่ งไร
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
2. เม่ือมีรังสีของแสงมาตกกระทบจากวัตถทุ ่ีโปร่งแสง ปรากฏการณท์ เ่ี กดิ ข้นึ กับรงั สีตกกระทบน้ัน เป็นอย่างไร
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
3. แนวรงั สีของแสงเมอื่ เคล่อื นจากตวั กลางหนึ่งเขา้ ไปในอกี ตวั กลางหนึง่ มแี นวรังสีเปล่ยี นแปลงหรือไม่
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
4. ปรากฏการณ์ท่ีรังสขี องแสง เม่ือผ่านตัวกลางหน่ึงไปยงั อีกตัวกลางหน่ึงแล้วแนวของรงั สีเบนไปจากแนวเดิม
เรียกปรากฏการณน์ ้วี ่าอย่างไร
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
5. เมอ่ื มีการหกั เหของแสงเกดิ ขึ้น อัตราเรว็ ของแสงในตัวกลางแตล่ ะตวั กลางเทา่ กันหรือไม่
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
6. ถ้ารังสีของแสงผ่านตัวกลางหน่ึงไปยังอีกตัวกลางหน่ึง ปรากฏว่ารังสีของแสงเบนเข้าหาเส้นแนวฉาก
แสดงวา่ อัตราเร็วของแสงในตัวกลางใดเร็วกวา่ กัน
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
7. ถ้ารังสีของแสงผ่านตัวกลางหน่ึงไปยังอีกตัวกลางหนึ่ง ปรากฏว่ารังสีของแสงเบนออกจากเส้นแนวฉาก
แสดงวา่ อตั ราเรว็ ของแสงในตัวกลางใดเร็วกว่ากนั
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
8. ยกตวั อยา่ งปรากฏการณก์ ารหักเหของแสงที่พบในชีวติ ประจำวัน และนำมาใชป้ ระโยชน์ได้อย่างไร
........................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
ใบงานท่ี 7.2 เฉลย
เรื่อง การหักเหของแสง
คำชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามต่อไปนใี้ หถ้ กู ต้อง
1. เม่ือมีรังสีของแสงมาตกกระทบบนผิววัตถุที่ขัดเป็นมัน ปรากฏการณ์ที่เกิดข้ึนกับรังสีตกกระทบนั้นเป็น
อย่างไร
...ร..ัง..ส..นี...้ัน...จ..ะ..ส..ะ...ท..้อ...น..เ..ป..็น...ไ.ป...ต..า..ม...ก..ฎ...ก..า..ร..ส..ะ...ท..้อ...น..ข...อ..ง..แ..ส..ง.....................................................................................
........................................................................................................................................................................
2. เม่ือมรี ังสขี องแสงมาตกกระทบจากวัตถุที่โปรง่ แสง ปรากฏการณ์ท่ีเกดิ ข้นึ กับรังสีตกกระทบนั้น เปน็ อย่างไร
...ม...ีร..งั ..ส..สี..ว่..น...ห...น..ง่ึ..ส..ะ...ท..อ้...น....แ..ต..ร่..ัง..ส..สี...่ว..น..ใ..ห...ญ...่จ..ะ..ผ...า่ .น...เ.ข...า้ ..ไ.ป...ใ.น...ว..ัต..ถ...ทุ ..ี่โ..ป..ร..่ง..แ..ส...ง........................................................
........................................................................................................................................................................
3. แนวรังสขี องแสงเม่ือเคลอ่ื นจากตัวกลางหน่งึ เข้าไปในอกี ตวั กลางหนง่ึ มีแนวรังสีเปลย่ี นแปลงหรือไม่
...เ..ป..ล...ยี่ ..น..แ...ป..ล...ง...น..อ...ก..จ..า..ก...ร..ัง..ส..ีต..ก...ก..ร..ะ..ท...บ...ต..ง้ั..ฉ..า..ก..ก...บั ..แ...น...ว..ร..อ..ย..ต...อ่ ..ข..อ...ง..ต..ัว..ก..ล...า..ง......................................................
........................................................................................................................................................................
4. ปรากฏการณท์ ี่รงั สขี องแสง เม่ือผา่ นตวั กลางหนึ่งไปยังอกี ตัวกลางหนึ่งแล้วแนวของรังสีเบนไปจากแนวเดิม
เรียกปรากฏการณ์นว้ี า่ อยา่ งไร
...ก...า..ร..ห..กั...เ.ห...ข..อ..ง..แ..ส...ง..........................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
5. เมือ่ มีการหกั เหของแสงเกดิ ขึ้น อัตราเร็วของแสงในตวั กลางแตล่ ะตัวกลางเทา่ กันหรอื ไม่
.....ไ.ม..่เ..ท..า่..ก...นั .......................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
6. ถ้ารังสีของแสงผ่านตัวกลางหนึ่งไปยังอีกตัวกลางหน่ึง ปรากฏว่ารังสีของแสงเบนเข้าหาเส้นแนวฉาก
แสดงวา่ อัตราเร็วของแสงในตัวกลางใดเรว็ กวา่ กัน
...อ...ตั ..ร..า..เ.ร..ว็..ข...อ..ง..แ..ส..ง..ใ..น..ต...วั ..ก..ล...า..ง.แ...ร..ก..จ..ะ...เ.ร..็ว..ก..ว..่า....................................................................................................
........................................................................................................................................................................
7. ถ้ารังสีของแสงผ่านตัวกลางหน่ึงไปยังอีกตัวกลางหน่ึง ปรากฏว่ารังสีของแสงเบนออกจากเส้นแนวฉาก
แสดงว่าอตั ราเรว็ ของแสงในตัวกลางใดเร็วกวา่ กัน
...อ...ตั ..ร..า..เ.ร..็ว..ข...อ..ง..แ..ส..ง..ใ..น..ต...ัว..ก..ล...า..ง.ห...ล..ัง..จ..ะ...เ.ร..ว็..ก..ว..่า....................................................................................................
........................................................................................................................................................................
8. ยกตัวอย่างปรากฏการณ์การหกั เหของแสงที่พบในชวี ิตประจำวัน และนำมาใช้ประโยชน์ไดอ้ ยา่ งไร
...ก...า..ร..ม..อ..ง..เ..ห..น็...ป..ล...า..ท..อี่...ย..ู่ใ.น...น...ำ้ ..ต..น้ื...ก..ว..า่..ป...ล..า..ท...อ่ี ..ย..จู่...ร..งิ ...ท..ำ..ใ..ห..ก้...า..ร..จ..บั...ป..ล...า..ผ..ิด..พ...ล..า..ด....แ..ต...ถ่ ..า้..ม...ีค..ว..า..ม...ร.ู้เ..ร..่ือ..ง...ก...า..ร..ห..ัก...เ.ห...
...ข...อ..ง..แ..ส..ง..จ...ะ..ท..ำ..ใ..ห..้เ..ร..า..ส..า..ม..า..ร..ถ...ค..า..ด..ค...ะ..เ.น...ค..ว..า..ม...ล..ึก...ข..อ..ง..ป...ล..า..ท...อี่ ..ย..จู่...ร..ิง.ไ..ด..้............................................................
9. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย
ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บันทกึ ผลหลังการสอน
ดา้ นความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น
ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ด้านอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้ามี))
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 13
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 6 (ว23102)
ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 3/1-8 ภาคเรียนที่ 2/2564
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 7 เรอื่ ง แสงและการมองเห็น เวลา 17 ช่วั โมง
เร่อื ง ปรากฏการณท์ ี่เกยี่ วกับแสง เวลา 2 ชวั่ โมง
ผสู้ อน นางสาวรจุ ริ าวรรณ จนั สว่าง โรงเรยี นบ้านแพงพทิ ยาคม
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ัด
ว 2.3 ม.3/17 อธิบายปรากฏการณ์ท่ีเก่ยี วกับแสง และการทำงานของทศั นอปุ กรณ์จากข้อมลู
ที่รวบรวมได้
2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายปรากฏการณท์ ่เี กยี่ วกบั แสงได้ (K)
2. สืบคน้ ข้อมลู เกย่ี วกบั ปรากฏการณท์ ี่เก่ยี วกับแสงได้ถกู ต้อง (P)
3. มคี วามใฝเ่ รยี นรแู้ ละมคี วามม่งุ มน่ั ในการเสาะแสวงหาความรู้ (A)
3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรูท้ อ้ งถิน่
พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
• การสะท้อนและการหักเหของแสงนำไปใช้อธิบาย
ปรากฏการณ์ท่ีเก่ียวกับแสง เช่น รุ้ง มิราจ และ
อธบิ ายการทำงานของทศั นอุปกรณ์ เช่น แว่นขยาย
กระจกโคง้ จราจร กลอ้ งโทรทรรศน์ กล้องจุลทรรศน์
และแว่นขยาย
4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
กฎการสะท้อนของแสงและการหักเหของแสง สามารถนำมาใช้อธบิ ายปรากฏการณ์ท่ีเก่ียวกับแสง
เชน่ รุ้ง พระอาทติ ย์ทรงกลด ภาพลวงตาหรือมิราจ
5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี นและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มีวินยั รับผิดชอบ
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้
1) ทักษะการสงั เกต 3. ม่งุ มัน่ ในการทำงาน
2) ทักษะการวิเคราะห์
3) ทักษะการนำความร้ไู ปใช้
3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ชว่ั โมงท่ี 1
ขัน้ นำ
ขั้นท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนเก่ียวกับเรอื่ ง การสะทอ้ นของแสง และการหักเหของแสง
เพื่อนำมาเช่ือมโยงในการอธิบายเกย่ี วกับปรากฏการณท์ ่เี ก่ียวกบั แสง จากนั้นครแู จง้ จุดประสงค์
การเรยี นรู้ใหน้ ักเรยี นทราบ
2. นกั เรยี นตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเองก่อนเข้าสู่กจิ กรรมการเรยี นการสอน จากกรอบ
Check for Understanding ในหนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 7 แสงและการมองเหน็ โดยบันทึกลงในสมดุ ประจำตวั นกั เรียน
3. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กล่มุ ละ 3-4 คน รว่ มกันทำกจิ กรรม Engaging Activity จากหนังสือเรยี น
วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 7 แสงและการมองเห็น
4. ครเู ตรียมบตั รภาพ เช่น รงุ้ กนิ นำ้ พระอาทิตย์ทรงกลด จากน้ันครูต้ังประเด็นคำถามกระต้นุ
ความคดิ นักเรียน โดยใหน้ ักเรียนแต่ละคนร่วมกนั อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ อย่างอสิ ระดงั นี้
• รุ้ง คอื อะไร
(แนวตอบ : เป็นปรากฏการณท์ เี่ กิดขึน้ เนอ่ื งจากสมบัติของแสง เมื่อเดนิ ทางผา่ นตวั กลางโปร่งใส
ต่างชนิดกนั จะทำใหเ้ กดิ การหักเหของแสง โดยละอองน้ำทำหน้าท่ีแทนปรซิ มึ )
• พระอาทติ ยท์ รงกลด เกดิ ขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไร
(แนวตอบ : เกดิ ขึ้นจากบรรยากาศของโลก มอี ากาศเยน็ จัดต้งั แต่ช่วงเชา้ กอ่ นดวงอาทติ ย์ข้นึ
จนทำให้ละอองนำ้ ในอากาศแขง็ ตวั เป็นเกลด็ น้ำแข็งอนุภาคเลก็ ๆ จำนวนมากลอยอยบู่ นท้องฟ้า
เมอื่ พระอาทิตยข์ ึ้น และส่องแสงทำมุมกบั เกล็ดนำ้ แข็ง ทำใหเ้ กดิ เปน็ แถบสีรงุ้ คลา้ ยการเกดิ รุง้ กิน
น้ำหลังฝนตก)
• รุง้ และพระอาทิตย์ทรงกลด เปน็ ปรากฏการณท์ ี่เป็นผลจากสมบตั ิใดของแสง
(แนวตอบ : การหกั เหของแสง และการสะทอ้ นของแสง)
ขนั้ สอน
ขน้ั ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore)
1. ครถู ามคำถาม Key Question จากหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 7 แสงและการมองเหน็ ว่า “เหตุใดท้องฟา้ จึงเปน็ สฟี ้า และบางเวลาก็
เปลีย่ นเป็นสอี ืน่ ” โดยให้นักเรียนร่วมกนั อภิปรายแสดงความคิดเหน็ อย่างอสิ ระโดยครเู ขยี นคำตอบ
ของนักเรยี นไว้ แล้วครจู ะมาตรวจสอบคำตอบหลังเรยี นเสรจ็
(แนวตอบ : คำตอบขน้ึ อย่กู บั ดุลยพนิ ิจของครูผู้สอน)
2. นักเรียนแบ่งกลมุ่ ออกเป็น 8 กลมุ่ กล่มุ ละเท่า ๆ กนั ตามความสมัครใจ จากน้นั ใหน้ ักเรียนแตล่ ะ
กลุ่มสง่ ตวั แทนออกมาจบั สลากเรอ่ื งที่ศึกษา โดยครเู ตรียมสลากหมายเลขไว้หน้าช้ันเรยี น
ซึ่งหมายเลขจะระบุเรือ่ งท่ใี ห้นกั เรยี นศึกษา ดงั นี้
• หมายเลข 1 และ 2 ศกึ ษาการกระจายแสง
• หมายเลข 3 และ 4 ศึกษาการเกิดรุ้ง
• หมายเลข 5 และ 6 ศึกษาการทรงกลด
• หมายเลข 7 และ 8 ศึกษาการเกิดมิราจ
3. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั ศกึ ษาค้นควา้ ขอ้ มลู เรอื่ งท่ีกลมุ่ ตนเองจบั สลากได้ จากหนังสือเรียน
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 7 แสงและการมองเห็น หรือแหล่งการ
เรียนรตู้ ่าง ๆ เช่น อินเทอร์เนต็ หอ้ งสมดุ จากน้นั ร่วมกันสรุปความรูท้ ่ีได้จากการศึกษาคน้ คว้า
ลงในกระดาษฟลปิ ชารท์ ท่ีครูแจกใหแ้ ต่ละกล่มุ
.
ชั่วโมงท่ี 2
ขน้ั ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
4. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอผลจากการศึกษาหนา้ ชน้ั เรียน ในระหว่างท่ีนักเรียนนำเสนอ
ครูคอยใหข้ อ้ เสนอแนะเพ่มิ เติม เพอื่ ให้นกั เรียนมคี วามเข้าใจทถ่ี กู ตอ้ ง
5. ครเู ตรยี มอุปกรณ์สาธิตการทดลอง เช่น ปรซิ มึ สามเหล่ียม เลเซอร์ กระดาษขาว จากนั้นครสู มุ่
นักเรียน 2-3 คน ออกมาสาธิตการทดลองหนา้ ชัน้ เรียน โดยนำเลเซอร์ส่องผ่านปรซิ มึ สามเหล่ียม
ท่ีวางไว้บนกระดาษขาว แล้วใหน้ ักเรียนแต่ละคนสงั เกตลำแสงที่ตกกระทบปรซิ ึม ลำแสงในปริซมึ
และลำแสงทีอ่ อกจากปริซึมสอู่ ากาศ โดยสังเกตบนพืน้ กระดาษขาว
6. นกั เรียนและครรู ่วมกนั อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ จากการสาธิตการทดลอง เพ่ือใหไ้ ดข้ ้อสรปุ
ร่วมกนั ดังนี้
• “เมอ่ื แสงขาวตกกระทบปรซิ ึม แสงทห่ี กั เหออกจากปริซึมจะแยกออกเป็นแสงสีต่าง ๆ เรียง
ตอ่ เนือ่ งกนั เป็นแถบ ปรากฏการณ์นี้เรียกวา่ การกระจายของแสง และเรียกแถบสวี า่ สเปกตรัม
ของแสงขาว
• มุมทีร่ งั สหี กั เหออกจากปริซมึ ทำกบั รงั สีตกกระทบทผี่ ิวแรกของปรซิ มึ เรยี กว่า มมุ เบ่ียงเบน
• มุมเบ่ียงเบนของแสงสแี ดงมคี า่ นอ้ ยทสี่ ดุ มุมเบี่ยงเบนของแสงสมี ่วงมีค่ามากท่สี ดุ ”
7. ครูตัง้ ประเด็นคำถามกระตนุ้ ความคดิ นกั เรียน โดยใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนรว่ มกนั อภิปรายแสดง
ความคิดเหน็ เพ่อื หาคำตอบ ดังน้ี
• ในวันท่ดี วงอาทิตยอ์ ยู่เหนือศรี ษะ และคนื ท่ีดวงจันทร์สวา่ งจา้ นกั เรียนเคยมองเห็นแถบสีต่าง ๆ
รอบดวงอาทติ ย์หรือดวงจนั ทร์ ซง่ึ เปน็ ปรากฏการณอ์ ยา่ งหนงึ่ ของแสง ปรากฏการณ์เช่นนี้
เกิดข้นึ ได้อยา่ งไร
(แนวตอบ : การเกดิ การทรงกลด)
• ในวนั ทีแ่ สงอาทติ ยส์ วา่ งจ้า นักเรยี นเคยน่งั รถยนต์ไปตามถนน และเคยสังเกตมองเห็นนำ้ บนผิว
ถนนทร่ี ้อน แตไ่ ม่ใชน่ ้ำจริง ๆ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์อยา่ งหน่ึงของแสง ปรากฏการณเ์ ชน่ นีเ้ กิดข้นึ
ไดอ้ ย่างไร
(แนวตอบ : การเกิดมิราจ)
ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
8. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามเนื้อหาเกี่ยวกบั เรือ่ ง ปรากฏการณท์ ี่เก่ียวกับแสง และให้ความรู้
เพ่ิมเติมจากคำถามของนักเรยี น โดยครูใช้ PowerPoint เร่ือง ปรากฏการณท์ เ่ี ก่ยี วกบั แสง
ในการอธบิ ายเพ่ิมเตมิ
9. นักเรียนแบ่งกลมุ่ ออกเปน็ 6 กลมุ่ กลุ่มละเท่า ๆ กัน ตามความสมัครใจ จากนนั้ ร่วมกันศึกษา
กรอบ Application Activity ในหนงั สือเรียนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 7 แสงและการมองเหน็
10. นักเรยี นจบั ค่กู ับเพ่อื นในช้นั เรยี น ตามความสมัครใจ จากนนั้ รว่ มกนั ทำใบงานท่ี 7.3
เรอ่ื ง ปรากฏการณท์ เี่ กีย่ วกับแสง
11. ครูสุ่มนักเรยี น 3 คู่ ออกมานำเสนอคำตอบของตนเองหน้าชน้ั เรียน โดยใหเ้ พ่อื นในชั้นเรียนรว่ มกัน
พจิ ารณาวา่ คำตอบถูกตอ้ งหรอื ไม่ จากนัน้ ครูเฉลยคำตอบที่ถูกตอ้ งให้นกั เรียน
12. นกั เรียนทำ Topic Questions เรอ่ื ง ปรากฏการณท์ เี่ กย่ี วกับแสง จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 7 แสงและการมองเหน็ ลงในสมดุ ประจำตวั นักเรียน
13. ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนแต่ละคนทำแบบฝึกหดั เรอื่ ง ปรากฏการณท์ ี่เกยี่ วกับแสง จากแบบฝกึ หดั
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 7 แสงและการมองเห็น
เปน็ การบ้านส่งช่วั โมงถัดไป
ข้นั สรุป
ขน้ั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกล่มุ และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมหน้าชน้ั เรยี น
2. ครตู รวจสอบความเข้าใจของนักเรียนกอ่ นเข้าสู่กจิ กรรมการเรยี นการสอน จากกรอบ
Check for Understanding ในสมดุ ประจำตัวนกั เรียน
3. ครูตรวจสอบผลการทำใบงานท่ี 7.3 เรอ่ื ง ปรากฏการณ์ทเ่ี ก่ยี วกับแสง
4. ครูตรวจ Topic Questions เร่ือง ปรากฏการณ์ท่ีเก่ียวกับแสง ในสมดุ ประจำตัวนกั เรยี น
5. ครตู รวจแบบฝกึ หดั เรอื่ ง ปรากฏการณท์ เี่ ก่ียวกบั แสง จากแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 7 แสงและการมองเห็น
6. นกั เรียนและครรู ว่ มกันสรุปเก่ียวกบั เร่อื ง ปรากฏการณ์ท่เี กี่ยวกับแสง
7. การวดั และประเมินผล
รายการวัด วิธกี าร เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
7.1 ประเมินระหว่าง
การจดั กิจกรรม
การเรยี นรู้
1) ปรากฏการณ์ท่ี - ตรวจใบงานท่ี 7.3 - ใบงานที่ 7.3 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
เก่ยี วกับแสง - ตรวจสมุดประจำตัว - สมุดประจำตวั หรือ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
หรอื แบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์และ และเทคโนโลยี ม.3
เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 เลม่ 2
2) การนำเสนอ - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดบั คุณภาพ 2
ผลงาน/การปฏบิ ัติ ผลงาน/การปฏบิ ตั ิ นำเสนอผลงาน/การ ผ่านเกณฑ์
กจิ กรรม กิจกรรม ปฏิบตั กิ จิ กรรม
3) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์
4) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2
ทำงานกลมุ่ การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
5) คุณลกั ษณะ - สังเกตความมีวนิ ยั - แบบประเมนิ - ระดบั คณุ ภาพ 2
อันพงึ ประสงค์ รับผดิ ชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ คณุ ลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์
และมุ่งมั่นในการ อันพงึ ประสงค์
ทำงาน
8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
8.1 สอ่ื การเรียนรู้
1) หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 7 แสงและการมองเห็น
2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 7 แสงและการมองเห็น
3) ใบงานที่ 7.3 เรอื่ ง ปรากฏการณ์ทีเ่ ก่ยี วกับแสง
4) PowerPoint เรอ่ื ง ปรากฏการณ์ท่เี กี่ยวกับแสง
5) อุปกรณส์ าธิตการทดลอง เช่น ปริซึมสามเหลยี่ ม เลเซอร์ กระดาษขาว
6) บัตรภาพ
7) สลากหมายเลข
8) สมุดประจำตัวนักเรียน
ใบงานท่ี 7.3
เรอื่ ง ปรากฏการณท์ ีเ่ กีย่ วกบั แสง
คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรียนอธบิ ายปรากฏการณท์ ี่เก่ยี วกับแสงตอ่ ไปนี้
❖ การกระจายของแสง
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
❖ รงุ้
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
❖ พระอาทิตย์ทรงกลด
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
❖ มริ าจ
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
ใบงานที่ 7.3 เฉลย
เร่อื ง ปรากฏการณท์ เ่ี กย่ี วกบั แสง
คำช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนอธิบายปรากฏการณ์ที่เกีย่ วกับแสงตอ่ ไปน้ี
❖ การกระจายของแสง
.......เ.ม..อื่...ฉ..า..ย..แ...ส..ง..ข..า..ว..จ...า..ก..ห...ล..อ...ด..ไ..ฟ...ป..ร..ะ...เ.ภ..ท...จ..ดุ...ไ.ส...้ส..ว..่า..ง....ห..ร..ือ...แ..ส..ง..จ...า..ก..ด..ว...ง.อ...า..ท...ิต..ย..์ใ..ห..้ผ...า่ ..น..ป...ร..ิซ...ึม...แ...ส..ง..ข..า..ว...จ..ะ.....
.ก...ร..ะ..จ...า..ย..อ...อ...ก..เ..ป..็น...แ...ส..ง..ส..ี.ต..่า..ง....ๆ....เ.ร..ีย...ง..ต..า..ม...ล...ำ..ด..ับ...ค...ว..า..ม...ถ..่ีจ..า..ก...ม...า..ก..ไ..ป...น..้.อ..ย....ค...ือ....ม..่ว...ง...ค...ร..า..ม....น...้ำ..เ.ง..ิน....เ..ข..ีย...ว.....
.เ..ห..ล...ือ..ง...แ...ส..ด....แ..ล..ะ...แ..ด..ง....แ..ถ..บ...ข..อ...ง..แ..ส..ง..ส..ที...่ีก...ร..ะ..จ..า..ย..อ...อ..ก...จ..า..ก..แ...ส..ง..ข..า..ว....เ.ร..ยี ..ก...ว..่า...ส..เ..ป..ก...ต..ร..มั...ข..อ..ง..แ...ส..ง..ข..า..ว...ใ..น...ก..า..ร.....
.ก...ร..ะ..จ..า..ย...ข..อ..ง..แ..ส...ง...แ..ส...ง.ส...ีต..่า..ง...ๆ....จ..ะ...ม..ีม...มุ ..ห...ัก..เ.ห...แ..ต...ก..ต...า่ ..ง..ก..นั ....โ.ด...ย..แ..ส...ง..ส..ีแ..ด...ง.ซ...่ึง..ม..ีพ...ล..ัง..ง..า..น...ต..่ำ..ส..ุด....ค..ว...า.ม...ส..า..ม...า..ร..ถ.....
.ใ..น..ก...า..ร..ห..กั...เ.ห...จ..ึง..น..้อ...ย...ม...มุ ..ห...ัก..เ..ห..จ..ึง..ม...คี ..่า..ม...า.ก...ท..ส่ี...ดุ ....ท..ำ..ใ..ห..้ม...ุม..เ..บ..ี่ย..ง..เ..บ..น...ข..อ..ง..แ...ส..ง..ส..ีแ..ด...ง..ม..ีค..า่..น...้อ..ย...ท..ีส่...ดุ ........................
.......................................................................................................................................................................
❖ ร้งุ
........ร..ุ้ง..ป...ฐ..ม...ภ...ูม..ิ..เ.ป...็น...ร..ุ้ง..ต..ัว...ล..่า..ง....เ.ก..ิด...จ..า..ก...แ..ส...ง..ข..า..ว...ส..่อ...ง..ท..า..ง..ด...้า..น...บ..น...ข...อ..ง..ล...ะ..อ...อ..ง..น...้ำ...เ..ก..ิด...ก..า..ร..ห...ัก...เ.ห...ข..อ...ง..แ..ส...ง...
...ก..า..ร..ส...ะ..ท...้อ..น...ก..ล...ับ..ห...ม..ด...ข..อ...ง..แ..ส..ง....แ..ล..ะ...ห..กั ...เ.ห...อ..อ..ก...ส..ู่อ...า..ก..า..ศ..เ..ข..้า..ส..ู่น...ัย..น...ต์ ..า..ข...อ..ง..ผ..ู้ส...ัง..เ.ก..ต....ร..ุ้ง..ป...ฐ..ม..ภ...ูม..ิจ...ะ..เ.ห...็น...ส..แี ..ด...ง...
...อ...ย..ู่ด..้า..น...บ...น...แ..ล...ะ..ส..ีม...่ว..ง..อ...ย..ู่ด..้า..น...ล...่า..ง...แ..ล...ะ..ร..ุ้ง..ท...ุต..ิย...ภ...ูม..ิ ..เ.ป...็น..ร..ุ้ง..ต...ัว..บ...น....เ.ก...ิด..จ...า..ก..แ...ส..ง..ข..า..ว..ส...่อ..ง..ท...า..ง..ด..้.า..น..ล...่ า..ง..ข...อ..ง...
...ล..ะ...อ..อ...ง..น..้ำ....เ.ก...ิด..ก...า..ร..ห..ั.ก..เ.ห...ข..อ...ง..แ..ส...ง...ก...า..ร..ส..ะ...ท..้อ...น..ก...ล..ับ...ห...ม..ด...ข..อ...ง..แ..ส...ง...2....ค..ร..้ัง....แ..ล..้ว...ห..ัก...เ.ห...อ..อ...ก..ส...ู่อ..า..ก...า..ศ..เ..ข..้า..ส..ู่..
...น...ยั ..น...์ต..า..ข..อ...ง.ผ...สู้ ..งั..เ.ก...ต...ร..ุง้..ท...ุต..ยิ...ภ..มู...ิจ..ะ..เ.ห...น็...ส..มี..่ว..ง..อ...ย..ู่ข..้า..ง..บ...น..แ...ล..ะ..ส..แี...ด..ง..อ..ย...่ดู ..้า..น...ล..า่..ง................................................
.......................................................................................................................................................................
❖ พระอาทิตยท์ รงกลด
........ป...ร..า.ก...ฏ..ก...า..ร..ณ...์พ...ร..ะ..อ..า..ท...ิต..ย...์ท..ร..ง..ก..ล...ด...เ.ก...ดิ ..ข...ึ้น..จ..า..ก...บ..ร..ร..ย...า.ก...า..ศ..ข..อ...ง..โ.ล..ก...ใ.น...ช..้ัน...โ.ท...ร..โ.พ...ส..เ.ฟ...ีย..ร..์..(.T..r.o...p..o...s.p...h..e..r..e..)..
...ซ..่งึ..เ..ป..น็...บ..ร..ร..ย...า..ก..า..ศ..ช...ั้น..ล...า่ ..ง.ส...ดุ ...แ...ล..ะ..เ..ป..็น...ท..อี่...ย..ขู่..อ...ง..ก..ล..ุ่ม...เ.ม...ฆ..จ..ำ..น...ว..น...ม..า..ก....ม..ีอ...า..ก..า..ศ..เ..ย..น็ ..จ...ัด..ต..้ัง..แ...ต..่ช..่ว..ง..เ..ช..า้ ..ต..ร..่กู...่อ..น....
...ด...ว..ง..อ..า...ท..ิต...ย..์ข...ึ้น....จ...น..ท...ำ..ใ..ห..้.ล..ะ...อ..อ...ง..น..้.ำ..ใ.น...อ...า..ก..า..ศ....ณ.....เ..ว..ล..า..น...้ัน....ๆ.....แ..ข...็ง..ต..ัว...เ.ป...็น...เ.ก..ล...็ด...น..้ำ..แ...ข..็.ง..อ..น...ุภ...า..ค..เ..ล..็ก....ๆ....
...จ..ำ...น..ว...น..ม...ห...า..ศ..า...ล..ล..อ...ย..อ...ย..ู่.บ..น...ท...้อ...ง..ฟ..้า....เ.ม...ื่อ..ด...ว..ง..อ...า..ท..ิ.ต..ย...์ข..้ึน....แ...ล..ะ...ส..่อ...ง..แ...ส..ง..ท...ำ..ม..ุ.ม..ก...ับ...เ.ก...ล..็ด...น..้ำ..แ...ข..็ง..ไ..ด..้.อ..ย...่า..ง...
...เ.ห...ม..า..ะ...ส..ม....จ..ะ..เ.ก...ดิ ..ก...า.ร...ห..กั...เ.ห..ข...อ..ง..แ..ส...ง...แ..ล..ะ...ก..า..ร..ส..ะ...ท..้อ...น..ข...อ..ง..แ..ส..ง....ท..ำ..ใ..ห..เ้.ก...ดิ..แ...ถ..บ...ส..ีร..ุ้ง...(.s..p...e..c..t..r.u..m....)..ค...ล..้า..ย..ก...า..ร...
...เ.ก...ิด..ร..ุ้ง..ก..นิ...น...้ำ.ห...ล..งั..ฝ...น..ต...ก..................................................................................................................................
❖ มริ าจ
........เ..ป..น็ ...ป...ร..า..ก..ฏ...ก..า..ร..ณ...์ท...่ีเ.ก...ิด..จ..า..ก...ก..า..ร..ห...ัก..เ..ห..ข...อ..ง..แ..ส...ง...แ..ล...ะ..ก..า..ร..ส...ะ..ท..้อ...น...ก..ล..ับ...ห...ม..ด...ข..อ..ง..แ...ส..ง..จ..า..ก...ช..น้ั ...ข..อ..ง..อ...า..ก..า..ศ....
...ร..อ้..น...บ...น..พ...ื้น...ด..ิน....เ.พ...ร..า..ะ..ใ..น..ข...ณ...ะ..ท...ี่แ..ส..ง..แ..ด...ด..ร..อ้...น..จ..ดั....อ...า.ก...า..ศ..ท...ี่ใ.ก...ล..ผ้..ิว..ถ...น..น...จ..ะ..ม...ีอ..ณุ....ห..ภ...มู ..สิ...งู .ก...ว..า่............................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
บตั รภาพ
ภาพที่ 1 ร้งุ กนิ น้ำ
ภาพท่ี 2 พระอาทติ ยท์ รงกลด
สลากหมายเลข 2
4
1 6
3 8
5
7
9. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย
ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บันทกึ ผลหลังการสอน
ดา้ นความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น
ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ด้านอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้ามี))
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
แผนการจัดการเรียนรู้ ท่ี 14
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 6 (ว23102)
ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3/1-8 ภาคเรียนที่ 2/2564
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 7 เรอ่ื ง แสงและการมองเหน็ เวลา 17 ชั่วโมง
เรอื่ ง ทศั นอปุ กรณ์ เวลา 2 ชั่วโมง
ผูส้ อน นางสาวรุจิราวรรณ จนั สวา่ ง โรงเรยี นบา้ นแพงพิทยาคม
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวดั
ว 2.3 ม.3/17 อธบิ ายปรากฏการณท์ ่ีเก่ยี วกับแสง และการทำงานของทัศนอุปกรณ์จากข้อมูล
ทรี่ วบรวมได้
ว 2.3 ม.3/18 เขียนแผนภาพการเคล่ือนท่ีของแสง แสดงการเกดิ ภาพของทัศนอุปกรณแ์ ละเลนสต์ า
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายการทำงานของอปุ กรณต์ ่าง ๆ ทใ่ี ช้ประโยชน์จากการสะท้อนและการหกั เหของแสงได้ (K)
2. เขยี นแผนภาพการเคลื่อนที่ของแสง แสดงการเกดิ ภาพของทศั นอปุ กรณ์และเลนสต์ าได้ (P)
3. เหน็ ประโยชนข์ องทศั นอปุ กรณ์ท่ใี ชใ้ นชวี ิตประจำวัน (A)
3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรทู้ ้องถ่ิน
พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
• การสะท้อนและการหักเหของแสงนำไปใช้อธิบาย
ปรากฏการณ์ที่เก่ียวกับแสง เช่น รุ้ง มิราจ และอธิบาย
การทำงานของทัศนอุปกรณ์ เช่น แว่นขยาย กระจกโค้ง
จราจร กลอ้ งโทรทรรศน์ กล้องจลุ ทรรศน์ และแวน่ ขยาย
• ในการมองวัตถุ เลนส์ตาจะถกู ปรับโฟกัส เพื่อให้เกิดภาพ
ชัดที่จอตา ความบกพร่องทางสายตา เช่น สายตาสั้น
และสายตายาว เป็นเพราะตำแหน่งที่เกิดภาพไม่ได้อยทู่ ่ี
จอตาพอดี จึงต้องใช้เลนส์ในการแก้ไขเพื่อช่วยให้
มองเห็นเหมือนคนสายตาปกติ โดยคนสายสั้นใช้เลนส์
เว้า ส่วนคนสายตายาวใชเ้ ลนสน์ นู
4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
ทัศนอุปกรณ์เป็นอุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมาใช้งานโดยอาศัยความรู้เรื่องหลักการทางแสงมาใช้ และอาศัย
ความรู้เกีย่ วกับการเกิดภาพจากอุปกรณ์พืน้ ฐาน เชน่ เลนส์ กระจกเงาราบ กระจกเงาเวา้ ตวั อย่างของทศั น
อุปกรณ์ ได้แก่ แวน่ ขยาย แว่นตา กล้องจลุ ทรรศน์ กลอ้ งโทรทรรศน์ ทัศนอุปกรณ์เหลา่ น้ีนำไปประโยชนใ์ น
งานดา้ นตา่ ง ๆ
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มวี ินยั รบั ผดิ ชอบ
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้
1) ทักษะการสงั เกต 3. มงุ่ มั่นในการทำงาน
2) ทักษะการวิเคราะห์
3) ทักษะการนำความรไู้ ปใช้
4) ทักษะการจัดกระทำและสือ่ ความหมายขอ้ มูล
3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ช่วั โมงท่ี 1
ข้ันนำ
ขน้ั ท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage)
1. ครูทบทวนความรเู้ ดิมของนกั เรยี นเกย่ี วกบั ภาพที่เกิดจากการสะทอ้ นของแสง และการหกั เห
ของแสง โดยครใู ชค้ ำถามกระตุ้นความคิดนักเรยี น ดงั น้ี
• ภาพที่เกดิ จากกระจกเงาราบ กระจกเว้า และกระจกนูน มลี ักษณะอยา่ งไร
• ลักษณะภาพทเ่ี กิดจากเลนส์เว้าและเลนสน์ นู ขึ้นอยูก่ ับสงิ่ ใด
• อปุ กรณ์ในชีวิตประจำวันของนกั เรยี นท่ีมีส่วนประกอบของกระจกและเลนสม์ อี ะไรบ้าง
และนกั เรียนใชป้ ระโยชนใ์ นเร่อื งใด
2. นักเรียนรว่ มกันตอบคำถามและแสดงความคดิ เห็น เพอ่ื เช่ือมโยงเข้าสกู่ ารเรยี นร้เู รื่อง ทัศนอุปกรณ์
3. นกั เรียนตรวจสอบความเข้าใจของตนเองกอ่ นเข้าส่กู ิจกรรมการเรียนการสอน จากกรอบ
Check for Understanding ในหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 7 แสงและการมองเหน็ โดยบนั ทึกลงในสมดุ ประจำตวั นกั เรียน
4. นักเรยี นทำกิจกรรม Engaging Activity จากหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 แสงและการมองเห็น โดยพจิ ารณาภาพอปุ กรณ์ทเ่ี กย่ี วข้องกับแสงที่
กำหนดให้ แลว้ ระบุว่าใชห้ ลักการทางแสงใดในการสรา้ งหรือนำมาใช้ประโยชน์ โดยบันทกึ ลงใน
สมดุ ประจำตัวนักเรยี น
ขัน้ สอน
ข้นั ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore)
1. ครถู ามคำถาม Key Question จากหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 7 แสงและการมองเห็น วา่ “หลกั การทางแสงทน่ี ำมาใช้สรา้ งทัศนอปุ กรณ์
ต่าง ๆ คอื อะไรบา้ ง” โดยใหน้ ักเรียนร่วมกนั อภิปรายแสดงความคิดเห็นอยา่ งอสิ ระโดยครูเขียน
คำตอบของนกั เรียนไว้ แล้วครูจะมาตรวจสอบคำตอบหลังเรยี นเสร็จ
(แนวตอบ : หลักการการหกั เหของแสงและการสะท้อนของแสง)
2. นกั เรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 5 กลมุ่ กลุ่มละเท่า ๆ กัน ตามความสมัครใจ จากนัน้ ให้นกั เรยี นแต่ละ
กล่มุ สง่ ตัวแทนออกมาจับสลากเรือ่ งทศ่ี กึ ษา โดยครเู ตรียมสลากหมายเลขไวห้ นา้ ชัน้ เรยี น
ซง่ึ หมายเลขจะระบุเรอื่ งที่ใหน้ กั เรยี นศกึ ษา ดังนี้
• หมายเลข 1 ศึกษาแว่นตา
• หมายเลข 2 ศกึ ษากระจก
• หมายเลข 3 ศึกษาแวน่ ขยาย
• หมายเลข 4 ศกึ ษากล้องจุลทรรศน์
• หมายเลข 5 ศึกษากลอ้ งโทรทรรศน์
3. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันศึกษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู เร่อื งท่กี ลมุ่ ตนเองจับสลากได้ จากหนังสือเรยี น
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 7 แสงและการมองเหน็ หรอื แหลง่ การ
เรียนรตู้ ่าง ๆ เช่น อินเทอรเ์ นต็ หอ้ งสมุด จากนน้ั ร่วมกันสรปุ ความรทู้ ไี่ ดจ้ ากการศึกษาค้นควา้
ลงในกระดาษฟลปิ ชารท์ ท่ีครูแจกใหแ้ ต่ละกล่มุ
ชวั่ โมงท่ี 2
ข้นั ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain)
4. นักเรยี นแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลจากการศึกษาหน้าชั้นเรียน ในระหวา่ งทน่ี ักเรียนนำเสนอ
ครคู อยให้ข้อเสนอแนะเพ่มิ เตมิ เพ่ือใหน้ ักเรยี นมีความเข้าใจทถี่ กู ต้อง
5. ครูตงั้ ประเด็นคำถามกระต้นุ ความคิดนกั เรยี น โดยให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกันอภปิ รายแสดง
ความคดิ เหน็ เพ่ือหาคำตอบ ดังนี้
• คนสายตาสนั้ และคนสายตายาวใช้แว่นท่มี ีส่วนประกอบของเลนสเ์ หมอื นกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ : ไมเ่ หมือนกนั คนสายตาส้นั ใชเ้ ลนสเ์ ว้า สว่ นคนสายตายาวใช้เลนส์นูน)
• กล้องจุลทรรศน์มหี ลักในการทำงานอย่างไร
(แนวตอบ : กลอ้ งจุลทรรศนป์ ระกอบด้วย เลนสน์ ูน 2 อนั คือ เลนส์ใกล้วัตถุและเลนส์ใกล้ตา
ภาพทเี่ หน็ จากเลนสใ์ กล้วัตถจุ ะเปน็ ภาพจริงหวั กลับขนาดใหญ่กว่าวตั ถุ และภาพนี้จะทำหน้าที่
เป็นวัตถุของเลนส์ใกล้ตา ภาพท่ีเกดิ จากเลนส์ใกล้ตาเป็นภาพเสมอื นหัวกลับกับวตั ถจุ ริง มขี นาด
ใหญ่กวา่ ภาพทเ่ี กิดจากเลนส์ใกล้วตั ถุ)
• เพราะเหตุใดทนั ตแพทย์จึงใช้กระจกเงาเวา้ สอ่ งฟันผปู้ ว่ ยแทนการใชเ้ ลนสน์ ูน
(แนวตอบ : เพราะกระจกเงาเวา้ ใหภ้ าพเสมอื นหัวตั้ง ขนาดใหญ่กว่าวัตถุ ซ่ึงจะทำใหช้ ่วยเหน็ ฟนั
ใหญ่ขนึ้ และหวั ตง้ั )
6. ครอู ธิบายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจว่า “อปุ กรณแ์ ตล่ ะชนิดใชป้ ระโยชน์จากการสะทอ้ นของแสง
และการหักเหของแสงได้แตกตา่ งกนั ซึง่ อปุ กรณ์เหล่านี้ช่วยให้มนุษย์ดำรงชวี ิตได้ดีและทำงานได้มี
ประสทิ ธิภาพมากขึ้น”
7. นักเรยี นแต่ละคนเขียนแผนภาพการเคล่อื นทข่ี องแสงเพอ่ื แสดงการเกิดภาพของทัศนอปุ กรณต์ ่าง ๆ
ลงในสมดุ ประจำตัวนกั เรยี น ดงั นี้
• แวน่ ตา
• แว่นขยาย
• กลอ้ งจุลทรรศน์
• กล้องโทรทรรศน์
ขน้ั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
8. ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามเน้อื หาเก่ยี วกบั เรื่อง ทศั นอุปกรณ์ และให้ความรู้เพ่ิมเตมิ จาก
คำถามของนกั เรียน โดยครูใช้ PowerPoint เร่ือง ทศั นอุปกรณ์ ในการอธิบายเพ่มิ เตมิ
9. นกั เรยี นแต่ละคนทำใบงานที่ 7.4 เรื่อง ทศั นอปุ กรณ์
10. นักเรยี นแต่ละคนทำแบบฝึกหดั เรื่อง ทัศนอุปกรณ์ จากแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ม.3 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 7 แสงและการมองเหน็ เป็นการบา้ นส่งชั่วโมงถดั ไป