รหสั วิชา ว 21101 วิทยาศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เรือ่ ง การปฐมนิเทศนักเรยี น ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
ผสู้ อน ปส.อาซอื มนั รเู ด็ง จำนวน 1 คาบ
อาจารย์พี่เลี้ยง อาจารย์นวนิ ดา คงภักดี
1. มาตรฐานการเรียนรู้
-
2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
การปฐมนิเทศก่อนเรียนเป็นการแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เพื่อทำ
ความเขา้ ใจรว่ มกนั ระหว่างครูผ้สู อนกบั นักเรียนก่อนเร่ิมทำการเรียนการสอน ทำใหผ้ ู้เรียนรแู้ ละเขา้ ใจวิธีการเรียนรู้
และขอบข่ายของรายวิชา ตวั ชวี้ ดั ผลการเรยี นรูท้ ่คี าดหวัง การวดั และประเมนิ ผล รวมไปถึงการกำหนดข้อตกลงใน
การเรียนการสอนร่วมกันและให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถบรรลุผลตามที่คาดหวงั
และเปน็ การเตรียมความพร้อมของผู้เรยี นก่อนเรยี นในรายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1
3. สาระการเรียนรู้
3.1 คำอธบิ ายรายวิชา
3.2 ตัวชี้วัด
3.3 หน่วยการเรยี นรู้
3.4 การเชค็ เวลาเรียน
3.5 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน และการตัดเกรด
3.6 ขอ้ ตกลงในการเรียนการสอน
4. สมรรถนะของผ้เู รียน
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
4.2 ความสามารถในการคิด
4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา
4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
5.1 มีวินยั
5.2 ใฝ่เรยี นรู้
5.3 มุง่ มน่ั ในการทำงาน
6. ชนิ้ งาน/ภาระงาน
-
7. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
7.1 ด้านความรู้ (K)
7.1.1 อธิบายขอบข่ายเนื้อหา ตวั ชีว้ ัด เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผลได้
7.2 ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
7.2.1 แสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับข้อตกลงในชน้ั เรยี น
7.2.2 ทำความรจู้ ักและสรา้ งปฏสิ มั พนั ธ์ที่ดรี ะหวา่ งครูกบั นักเรียน
7.3 ด้านเจตคติ/คุณลักษณะ (A)
7.3.1 มีความรบั ผดิ ชอบ ตรงตอ่ เวลา มรี ะเบียบวนิ ัย และเจตคตทิ ีด่ ี
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
8.1 ขัน้ นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (30 นาท)ี
8.1.1 นกั เรียนฟงั ครแู นะนำตัวเองเพื่อสรา้ งความคุ้นเคย พรอ้ มกับละลายพฤติกรรม
8.1.2 นกั เรียนทำกิจกรรม “วงลอ้ ชวี ติ ” โดยมรี ายละเอยี ด ดังนี้
- นักเรียนรับกระดาษรปู วงกลมจากครู
- ให้นกั เรียนวาดชอ่ งในวงกลม ให้มีกลมกลาง 1 ช่อง และล้อมรอบกลมกลางอีก 2 ช่อง
ช่องทีศ่ นู ยค์ ือช่องกลมกลาง ให้นกั เรียนเขยี นชือ่ หรอื วาดรูปตวั เอง แล้วนยิ ามความเป็นตวั ในเองใน 3 คำ
- ช่องทหี่ นง่ึ เขียน วนั /เดอื น/ปีค.ศ. เกดิ
- ครูตั้งประเด็นว่าเกี่ยวกับความชอบ ให้นักเรียนเถียงกันว่าเราควรเลือกหัวข้ออะไร
เพ่ือท่ีเราจะได้รูจ้ ักตัวตนของเพื่อนได้มากขน้ึ และนกั เรียนตอบคำถามให้ครบทกุ ชอ่ ง
- เมื่อนักเรียนตอบคำถามครบทุกช่อง ครูเริ่มจากให้นักเรียนบอกสิ่งที่เขียนในช่องตรง
กลาง และช่องรอบวงกลมลำดบั ถัดไป โดยมกี ตกิ าว่าตอนทเี่ พื่อนนำเสนอหา้ มหวั เราะตัวตนของเพ่ือน
- ให้นักเรียนจับกลุ่มคนที่เกิดเดือนเดียวกัน แล้วอภิปรายร่วมกันว่า จุดร่วม/นิสัยท่ี
เหมือนกันของพวกเราคืออะไร เมื่อคุยจบ กลับมาที่วงใหญ่ เพื่อแชร์สิ่งที่ได้คุยกันมา บางกลุ่มเดือนเหมือน บาง
กลุ่มต่าง
8.1.3 นักเรียนและครูทำข้อตกลงร่วมกันในชั้นเรียน โดยให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นผ่าน
Padlet
8.1.4 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปข้อตกลงร่วมกันในชั้นเรียนโดยใช้ padlet เพื่อให้นักเรียนทุก
คนรับรแู้ ละปฏบิ ัตเิ ป็นแนวเดยี วกนั
8.2 ข้ันจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (10 นาที)
8.2.1 นักเรียนฟังครูบรรยายและทำความเข้าใจคำอธิบายรายวิชา ตัวชี้วัด กิจกรรมการเรียนรู้
การวัดและประเมินผล วิชาวิทยาศาสตร์ รวมทั้งวางแผนร่วมกับนักเรยี นในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ซึ่งได้แขวน
ประมวลการสอนไว้ในหอ้ งเรยี นออนไลน์แล้ว
8.2.2 นักเรียนฟังครูแจ้งขอบข่ายเนื้อหา ตัวชี้วัด หน่วยการเรียนรู้ การเช็คเวลาเรียน และเกณฑ์การ
วัดและประเมินผล
8.3 ขน้ั สรปุ ผลการเรยี น (10 นาที)
8.3.1 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปข้อตกลงเกี่ยวกับกิจกรรมการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ โดยการ
สมุ่ นกั เรียน 2-3 คน ถามนกั เรยี นเกี่ยวกับขอ้ ตกลงต่าง ๆ ที่ครแู จ้งไปวา่ นักเรยี นมคี วามเข้าใจมากนอ้ ยเพยี งใด
8.3.2 นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง ความสำคัญและความหมายของวิทยาศาสตร์
กระบวนการทำงานของนักวิทยาศาสตร์ และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จำนวน 10 ข้อ เวลา 10 นาที โดยใช้
Socrative
9. ส่อื และแหลง่ เรียนรู้
9.1 สไลด์นำเสนอ
9.2 กระดาษวงกลม
9.3 Padlet
9.4 ไฟล์ประมวลการสอน
9.5 แบบทดสอบก่อนเรยี น เรื่อง ความสำคัญและความหมายของวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการทำงานของ
นกั วิทยาศาสตร์ และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้ Socrative
10. การวัดและการประเมนิ ผล
การวัดผลประเมนิ ผล วธิ กี ารวัด เคร่อื งมือวัด เกณฑก์ ารผ่าน
- การซกั ถามจากครู - นกั เรยี นมคี วามรู้
1. ดา้ นความรู้ - การตอบคำถามในชน้ั - แบบทดสอบก่อนเรยี น ความเข้าใจเกีย่ วกับ
เร่ือง ความสำคัญและ ขอบข่าย เนื้อหา
เรยี น
การวัดผลประเมนิ ผล วธิ กี ารวัด เคร่ืองมือวดั เกณฑก์ ารผ่าน
- ทำแบบทดสอบก่อน ความหมายของ ตวั ชีว้ ดั เกณฑก์ ารวัด
2. ด้านทักษะกระบวนการ เรยี น เร่อื ง ความสำคัญ วทิ ยาศาสตร์ กระบวนการ และประเมนิ ผล
3. ดา้ นเจตคติ / และความหมายของ ทำงานของนักวิทยาศาสตร์ สรุปวา่ ผ่านเกณฑก์ าร
คุณลกั ษณะ วทิ ยาศาสตร์ กระบวนการ และทักษะกระบวนการทาง ประเมิน
ทำงานของนักวทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ รูปแบบ - นกั เรยี นตอบถูกต้อง
และทักษะกระบวนการทาง Socrative อย่างน้อยร้อยละ 70
วิทยาศาสตร์ ข้นึ ไป ถือวา่ ผา่ น
- การซกั ถามจากครู เกณฑ์
- การตอบคำถามในชน้ั - นักเรยี นสามารถบอก
เรยี น - การสังเกตพฤตกิ รรม ถึงขอบเขต คำอธิบาย
- การสรปุ และอภิปราย รายวิชาและตวั ชวี้ ดั
- สังเกตพฤติกรรมของ ร่วมกันของครแู ละ ของหน่วยการเรยี นรู้
นกั เรยี นในระหว่างเรยี น นักเรียน ตา่ ง ๆ สรปุ ว่าผา่ น
- การมีส่วนรว่ มของ เกณฑ์การประเมนิ
นกั เรียนในชัน้ เรยี น - นักเรยี นมีความ
รับผดิ ชอบ ตรงตอ่
เวลา มีระเบียบวินัย
และเจตคติท่ีดีต่อ
รายวชิ าวิทยาศาสตร์
สรปุ ว่าผา่ นเกณฑก์ าร
ประเมนิ
11. บนั ทึกหลังการสอน
ชน้ั ม.1/1 ช้นั ม.1/2 ช้ัน ม.1/3
ผลการสอน - นักเรยี นทราบถงึ ขอบเขต - นกั เรียนทราบถงึ ขอบเขต - นกั เรยี นทราบถงึ ขอบเขต
ปัญหา/ เนื้อหาวชิ า การวัดและ เนอ้ื หาวชิ า การวัดและ เน้อื หาวิชา การวัดและ
อุปสรรค
ประเมนิ ผล รวมถงึ การปฏบิ ตั ิ ประเมนิ ผล รวมถงึ การปฏบิ ตั ิ ประเมินผล รวมถึงการปฏบิ ตั ิ
ตนในการเรยี นรายวิชา ว ตนในการเรียนรายวิชา ตนในการเรยี นรายวชิ า
21101 วทิ ยาศาสตร์ คดิ เปน็ ว 21101 วทิ ยาศาสตร์ คิด ว 21101 วิทยาศาสตร์ คิด
ร้อยละ 100 เป็นร้อยละ 100 เป็นร้อยละ 100
- นกั เรียนสว่ นใหญม่ คี วาม - นักเรียนส่วนใหญม่ ีความ - นกั เรียนสว่ นใหญ่มีความ
สนใจและตง้ั ใจเรียนเป็นอย่าง สนใจและต้งั ใจเรียนเปน็ อยา่ ง สนใจและตั้งใจเรียนเป็นอย่าง
ดี ให้ความรว่ มมือในการทำ ดี ให้ความรว่ มมือในการทำ ดี ให้ความรว่ มมือในการทำ
กิจกรรมในระหวา่ งการเรียน กจิ กรรมในระหว่างการเรยี น กจิ กรรมในระหว่างการเรยี น
การสอน ตวั อยา่ ง กิจกรรม วง การสอน ตัวอยา่ ง กจิ กรรม วง การสอน ตัวอยา่ ง กจิ กรรม วง
ล้อชวี ติ จากผา่ นการสังเกต ลอ้ ชวี ติ จากผา่ นการสังเกต ลอ้ ชวี ติ จากผ่านการสังเกต
แล้วนกั เรียนสนกุ และไดท้ ำ แลว้ นกั เรียนสนกุ และได้ทำ แลว้ นักเรยี นสนกุ และไดท้ ำ
ความรูจ้ กั กับเพ่ือนและตวั ตน ความรจู้ กั กบั เพื่อนและตวั ตน ความรู้จักกับเพ่ือนและตวั ตน
เพ่ือนมากยง่ิ ขึน้ แต่มนี ักเรียน เพอ่ื นมากยง่ิ ขนึ้ เพ่อื นมากยิง่ ขึ้น แต่มนี ักเรยี น
รอ้ ยละ 2 ทยี่ ังไม่กล้าแสดง ร้อยละ 7 ท่ยี ังพูดคุยและ
ออกมานำเสนอหน้าชนั้ เรยี น หยอกล้อเล่นกันในห้องเรยี น
- ในระหว่างการทำกิจกรรม - ในระหว่างการทำกิจกรรม - ในระหว่างการทำกิจกรรม
“วงล้อชีวิต” ใช้เวลา “วงล้อชีวิต” ใช้เวลา “วงล้อชีวิต” ใช้เวลา
ค ่ อ น ข ้ า ง ม า ก พ อ ส ม ค ว ร คอ่ นข้างมากพอสมควร ค่อนขา้ งมากพอสมควร
เนื่องจากเป็นคาบสุดท้ายของ - มีปัญหาด้านเครื่องอุปกรณ์ - มนี กั เรยี นบางคนท่ยี ังคุยและ
วันแล้วทำให้นักเรียนบางคน ในห้องเรียนของนักเรียน หยอกเล่นกนั ในหอ้ งเรยี น
เริ่มไม่จดจ่อกับการเรียนการ อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นคาบ
สอน แรกในการสอนของตัวผู้สอน
และทำให้เกิดความประหม่า
เกดิ ข้นึ
ชัน้ ม.1/1 ช้นั ม.1/2 ชัน้ ม.1/3
ข้อเสนอแนะ - จัดการเวลาให้กระชับขึ้น - จัดการเวลาให้กระชับข้ึน - จัดการเวลาให้กระชับข้ึน
/แนว โดยที่กำหนดเวลาในการ
ทางแกไ้ ข โดยที่กำหนดเวลาในการ โดยที่กำหนดเวลาในการ แนะนำตัวคนละไมเ่ กนิ 2 นาที
- สร้างข้อตกลงร่วมกันใน
แนะนำตวั คนละไม่เกิน 2 นาที แนะนำตวั คนละไม่เกิน 2 นาที ระหว่างครูและนักเรียน ถ้า
หากนักเรียนคนใดที่ไม่ปฏิบัติ
- สร้างข้อตกลงร่วมกันใน - ครูผู้สอนเรียนรู้เกี่ยวกับ ตามข้อตกลง ตักเตือนแล้วไม่
เชื่อฟังอาจจะมีการหักคะแนน
ระหว่างครูและนักเรียน ถ้า เครื่องอุปกรณ์ในห้องเรียน จิตพสิ ัย
หากนักเรียนคนใดที่ไม่ปฏิบัติ โดยการถามผูเ้ ชยี่ วชาญ
ตามข้อตกลง ตักเตือนแล้วไม่ - สร้างข้อตกลงร่วมกันใน
เชื่อฟังอาจจะมีการหกั คะแนน ระหว่างครูและนักเรียน ถ้า
จิตพิสัย หากนักเรียนคนใดที่ไม่ปฏิบัติ
ตามข้อตกลง ตักเตือนแล้วไม่
เชื่อฟังอาจจะมีการหักคะแนน
จติ พิสัย
บนั ทึกสำหรับอาจารยพ์ เี่ ล้ยี ง
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................. .......................................
............................................................................................................................. .......................................................
................................
ลงชื่อ...c........f....u........t.....n....................ผสู้ อน ลงชือ่ ............................................................
(นายอาซือมนั รเู ด็ง) (อาจารย์นวินดา คงภักด)ี
นักศกึ ษาปฏบิ ตั ิการสอน อาจารยพ์ ่เี ลย้ี ง
วันท่ี 12 เดอื นพฤษภาคม พ.ศ.แ2บ5บ6ส5ังเกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมวันที่ 12 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565
รายวชิ า ว 21101 วิทยาศาสตร์ ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1 หอ้ ง………ภาคเรียน……………..ปกี ารศึกษา………
แบบทดสอบก่อนเรยี น
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์อยา่ งไร
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1
ช่อื -สกุล………………………………………………………………………เลขท…ี่ ……เลขประจำตัว…………………ชั้น…………
1. วทิ ยาศาสตร์ หมายถงึ อะไร 6. ขอ้ ใดเรียงลำดบั ขน้ั ตอนของวิธีการทางวิทยาศาสตร์ได้
ก. ความรทู้ ่แี สดงหรอื พิสจู น์ได้ว่าถูกต้องเปน็ ความจริง ถกู ต้อง
ข.ความรทู้ ่ไี ดจ้ ากการสงั เกตและคน้ คว้าจนได้เป็นหลกั ฐาน ก. การต้ังสมมติฐาน การต้ังปัญหา การทดลอง และสรุปผล
และเหตผุ ล ข. การสังเกต การต้ังปญั หา การทดลอง การตง้ั สมมติฐาน
ค. ความรูท้ ี่ได้จากการศึกษาปรากฏการณ์ธรรมชาติ ซง่ึ การตรวจสอบสมมตฐิ าน และการสรปุ ผล
พสิ จู น์ได้วา่ ถูกต้องแลว้ จดั เข้าเปน็ ระเบียบและหมวดหมู่ ค. การสงั เกต การตัง้ ปัญหา การตั้งสมมตฐิ าน การทดลอง
ง. ถูกทุกข้อ และการสรปุ ผล
ง. การต้งั สมมตฐิ าน การสงั เกต การตงั้ ปญั หา การทดลอง
2. การสังเกตของนักวทิ ยาศาสตรท์ ำใหเ้ กิดสง่ิ ใดเปน็ อันดับ และการสรุปผล
แรก
ก. สมมตฐิ าน 7. “ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ” ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ข. ทฤษฎี ก. วธิ ีการทางวิทยาศาสตร์
ค. ปญั หา ข. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ง. กฎ ค. เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์
ง. ถกู ทุกข้อ
3. ความรูท้ างวิทยาศาสตร์ได้มาอยา่ งไร
ก. การสงั เกต 8. การเปน็ นกั วทิ ยาศาสตร์ท่ีดตี ้องมีทักษะดา้ นใดเปน็ อันดับ
ข. การตงั้ ปญั หาและการตงั้ สมมติฐาน แรก
ค. การทดลองและสรปุ ผล ก. ทกั ษะการสังเกต
ง. ถกู ทุกข้อ ข. ทกั ษะการตงั้ สมมตฐิ าน
ค. ทักษะการจำแนก
4. ในการออกแบบการทดลองจะตอ้ งยดึ อะไรเป็นหลัก ง. ถกู ทุกข้อ
ก. ขอ้ เท็จจริง
ข. สมมตฐิ าน 9. “ส่งิ ทีม่ นุษยเ์ รยี กวา่ เปน็ ความจริง แต่การบันทึกอาจคาด
ค.ปญั หา เคลือ่ นได้ ” มคี วามหมายตรงกบั ข้อใด
ง. ข้อมูล ก. ข้อมลู
ข. ข้อเท็จจรงิ
5. ข้อใดกล่าวถูกต้องเก่ียวกบั การตัง้ สมมติฐาน ค. หลกั การ
ก. การคาดคะเนคำตอบของปญั หาอยา่ งมีเหตุผล ง. ทฤษฎี
ข. ข้อเท็จจริงท่ีได้จากการสงั เกตหรอื ทดลอง
ค. สง่ิ ท่ีเป็นข้อปฏบิ ตั หิ รือหลักปฏบิ ัติ 10. ขอ้ ใดกลา่ วถูกต้อง
ง. สิ่งทีไ่ ดร้ บั การยอมรบั ว่าถูกต้องอย่างมีเหตผุ ล ก. วทิ ยาศาสตร์ช่วยใหร้ ู้จกั ใช้ทรัพยากรธรรมชาติใหเ้ ปน็
ประโยชนอ์ ยา่ งคุ้มค่าและยั่งยืน
ข. วทิ ยาศาสตรช์ ่วยแนะแนวอาชพี และก่อใหเ้ กดิ อาชีพหลาย
สาขา
ค. วิทยาศาสตร์ชว่ ยให้เกดิ ความเจรญิ ทางดา้ นร่างกายและ
จิตใจ
ง. ถูกทกุ ข้อ
แบบทดสอบก่อนเรยี น(เฉลย)
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรียนร้วู ิทยาศาสตร์อยา่ งไร
ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 1
1. วทิ ยาศาสตร์ หมายถึงอะไร 6. ขอ้ ใดเรยี งลำดบั ข้ันตอนของวธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ได้
ก. ความรทู้ ี่แสดงหรอื พิสูจน์ได้ว่าถูกต้องเป็นความจริง ถกู ต้อง
ข.ความรู้ท่ไี ดจ้ ากการสังเกตและคน้ ควา้ จนได้เป็นหลกั ฐาน ก. การต้งั สมมติฐาน การตั้งปัญหา การทดลอง และ
และเหตผุ ล สรปุ ผล
ค. ความรทู้ ไี่ ด้จากการศึกษาปรากฏการณธ์ รรมชาติ ซงึ่ ข. การสงั เกต การตั้งปัญหา การทดลอง การตั้งสมมติฐาน
พสิ จู นไ์ ด้ว่าถูกตอ้ งแล้วจัดเขา้ เป็นระเบยี บและหมวดหมู่ การตรวจสอบสมมตฐิ าน และการสรุปผล
ง. ถูกทุกข้อ ค. การสังเกต การตัง้ ปัญหา การตง้ั สมมติฐาน การ
ทดลอง และการสรปุ ผล
2. การสงั เกตของนักวทิ ยาศาสตรท์ ำให้เกิดสงิ่ ใดเป็นอนั ดับ ง. การตั้งสมมตฐิ าน การสังเกต การตั้งปัญหา การทดลอง
แรก และการสรุปผล
ก. สมมตฐิ าน
ข. ทฤษฎี 7. “ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ” ข้อใดกลา่ วถูกต้อง
ค. ปญั หา ก. วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์
ง. กฎ ข. ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
ค. เจตคติทางวิทยาศาสตร์
3. ความรู้ทางวทิ ยาศาสตรไ์ ด้มาอย่างไร ง. ถูกทกุ ข้อ
ก. การสงั เกต
ข. การตั้งปญั หาและการต้ังสมมตฐิ าน 8. การเปน็ นักวิทยาศาสตร์ท่ีดตี ้องมีทกั ษะดา้ นใดเปน็ อนั ดับ
ค. การทดลองและสรปุ ผล แรก
ง. ถกู ทกุ ขอ้ ก. ทักษะการสังเกต
ข. ทักษะการตั้งสมมติฐาน
4. ในการออกแบบการทดลองจะตอ้ งยึดอะไรเป็นหลัก ค. ทักษะการจำแนก
ก. ข้อเทจ็ จริง ง. ถูกทุกข้อ
ข. สมมติฐาน
ค.ปัญหา 9. “สง่ิ ทม่ี นษุ ยเ์ รยี กวา่ เป็นความจรงิ แต่การบนั ทกึ อาจคาด
ง. ขอ้ มูล เคลอื่ นได้ ” มคี วามหมายตรงกับข้อใด
5. ขอ้ ใดกล่าวถกู ต้องเกีย่ วกับการตงั้ สมมติฐาน ก. ข้อมลู
ก. การคาดคะเนคำตอบของปญั หาอย่างมเี หตผุ ล ข. ขอ้ เท็จจริง
ข. ขอ้ เท็จจริงท่ีไดจ้ ากการสงั เกตหรือทดลอง ค. หลักการ
ค. ส่ิงทเี่ ปน็ ขอ้ ปฏิบัตหิ รือหลักปฏิบตั ิ ง. ทฤษฎี
ง. สิ่งทไ่ี ดร้ บั การยอมรับว่าถูกตอ้ งอยา่ งมีเหตุผล
10. ขอ้ ใดกลา่ วถูกต้อง
ก. วทิ ยาศาสตรช์ ่วยใหร้ จู้ กั ใชท้ รพั ยากรธรรมชาติใหเ้ ป็น
ประโยชน์อย่างคุ้มคา่ และย่ังยืน
ข. วทิ ยาศาสตรช์ ่วยแนะแนวอาชีพและก่อใหเ้ กิดอาชีพหลาย
สาขา
ค. วทิ ยาศาสตร์ช่วยให้เกิดความเจริญทางด้านรา่ งกายและ
จติ ใจ
ง. ถกู ทุกข้อ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 2
รหสั วชิ า ว 21101 วทิ ยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชนั้
เรื่อง มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
ผู้สอน ความสำคัญ ความหมายของวิทยาศาสตร์ จำนวน 2 คาบ
และกระบวนการทำงานของนักวิทยาศาสตร์
ปส. อาซือมัน รเู ดง็ อาจารย์พเ่ี ลี้ยง อาจารยน์ วินดา คงภักดี
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
-
2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
ความรทู้ ีเ่ ป็นวทิ ยาศาสตรเ์ ป็นการเรยี นรู้ส่วนทเี่ ป็นองค์ความร้แู ละวธิ ีการหรอื ข้นั ตอนในการแสวงหาความรู้ ซงึ่
ตอ้ งมีทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ลกั ษณะสำคัญของนกั วิทยาศาสตร์ ซ่งึ เปน็ ผทู้ ี่ทำงานเป็นกระบวนการอยา่ ง
เปน็ ระบบ สามารถคิดคน้ สิ่งท่ีเปน็ ประโยชน์ตอ่ โลกอย่างมากมาย สรา้ งความสะดวกสบายให้มนุษย์
3. สาระการเรยี นรู้
ความหมายและความสำคัญของวทิ ยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์ คือ ความรู้ทีเ่ กิดขึ้นมาจากการสงั เกตปรากฏการณ์ท่ีที่เกิดขึ้นของธรรมชาติ วิทยาศาสตร์จะเป็น
วิธีการค้นหาความจริงของธรรมชาติวิธีหนึ่ง ที่ได้ผลแน่นอนหรือถูกต้องที่สุด วิทยาศาสตร์จะมีหลักอันเป็นหัวใจ คือ มี
การศึกษาอยา่ งเป็นระบบ โดยศกึ ษาจากพื้นฐานแลว้ แตกกงิ่ ก้านสาขาออกไปอย่างมีระเบียบ รวมทัง้ ยังมีการศึกษาและ
ปฏิบัติอย่างมีขั้นตอน ศึกษาจากสิ่งที่มีอยู่จริงที่เราสามารถรู้เห็นหรือสัมผัสได้จริงในปัจจุบัน โดยใช้เหตุผล ที่
สมเหตสุ มผลทส่ี ุด และจะเช่อื ต่อเมื่อได้มีการพิสูจน์หรือทดลองจนเห็นผลอย่างแน่ชัดแล้วเท่าน้ัน วิทยาศาสตร์ทำให้เรา
เข้าใจธรรมชาติอย่างเป็นเหตุเป็นผล นอกจากนั้นวิทยาศาสตร์ยังมีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์มากมาย เช่น
ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย อาหาร เสื้อผ้า การสื่อสาร ล้วนสร้างสรรค์มาโดยใช้วิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐาน ความรู้ทาง
วิทยาศาสตร์เป็นจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการในด้านต่าง ๆ แก่มนุษย์
กลา่ วไดว้ า่ วิทยาศาสตรเ์ กี่ยวขอ้ งกบั มนุษยท์ ุกคน
กระบวนการทำงานของนักวิทยาศาสตร์
นักวทิ ยาศาสตร์มีกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบและมีข้นั ตอน เพอื่ ใหไ้ ด้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง
แม่นยำ และเชื่อถือได้ กระบวนการที่ใช้เพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เรียกว่า กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
(the process of science หรือ scientific process) ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ได้แก่ 1.การสังเกตและระบุปัญหา 2.
การตั้งสมมติฐาน 3. การวางแผนและการสำรวจหรือการทดลองหรือการเก็บข้อมูล 4.การกวิเคราะห์ข้อมูลหรือสร้าง
คำอธิบาย 5.การสรุปผลและการสื่อสาร โดยกระบวนการดังกล่าวมีวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่มีขั้นตอนแตกต่างกันไป
และสามารถสลบั ลำดับหรอื เพมิ่ ลดขน้ั ตอนตามความเหมาะสม
จติ วิทยาศาสตร์
จิตวิทยาศาสตร์ (Science mind) หมายถึง ลักษณะนิสัยของบุคคลที่เกิดขึ้นจากการศึกษาหาความรู้โดยใช้
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น มีเหตุผล ความอยากรู้อยากเห็น ใจกว้าง ความซื่อสัตย์ เป็นกลาง มีความ เพียร
พยายาม มีความรอบคอบ เป็นตน้
4. สมรรถนะของผเู้ รยี น
4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4.4 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
5.1 มวี ินยั
5.2 ใฝเ่ รียนรู้
5.3 ม่งุ มัน่ ในการทำงาน
6. ช้นิ งาน/ภาระงาน
6.1 ใบกิจกรรม 1.1 เร่ือง นักวิทยาศาสตร์ทำงานอย่างไร
6.2 ใบงานท่ี 1 เรอ่ื ง นกั วทิ ยาศาสตรท์ ช่ี อบและตวั ฉัน
7. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
7.1 ด้านความรู้ (K)
7.1.1 อธบิ ายความสำคญั และความหมายของวิทยาศาสตร์ได้
7.1.2 ยกตัวอย่างการใช้ประโยชนจ์ ากวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวันได้
7.1.3 อธบิ ายกระบวนการทำงานของนกั วิทยาศาสตร์ได้
7.1.4 ยกตวั อย่างนักวิทยาศาสตรท์ ส่ี นใจได้
7.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P)
7.2.1 สบื ค้นข้อมลู นักวิทยาศาสตร์ได้
7.3 ดา้ นเจตคติ/คุณลักษณะ (A)
7.3.1 กระตือรอื ร้นในการทำงานและรบั ผิดชอบงานทม่ี อบหมาย
8. กจิ กรรมการเรียนรู้
คาบที่ 1
8.1 ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement)(10 นาที)
8.1.1 นกั เรียนดวู ีดิทัศน์เร่ือง Long Ago and Now
ทม่ี า : https://youtu.be/U-r-xHln6nE
- จากวีดิทัศน์ข้างต้นนักเรียนเห็นอะไรบ้าง (แนวคำตอบ นักเรียนตามความเข้าใจ
ตวั อยา่ งเช่น ในอดตี ใช้เทยี นในการให้ความสวา่ ง แตบ่ ปจั จุบนั ใช้หลอดไฟให้ความสว่างแทน)
- นักเรียนคิดว่าสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นจากอะไร (แนวคำตอบ
นกั เรียนตอบตามความเข้าใจ ตวั อย่างเช่น เกดิ จากความต้องการของมนุษย์ ไมว่ ่าจะเปน็ ในเรือ่ งของปัจจัยพืน้ ฐาน และ
ปจั จัยอน่ื ๆ ทำให้มีการพฒั นาคิดค้นส่งิ อำนวยความสะดวกสบายต่อการดำชวี ิต)
- แล้วนักเรียนคิดว่าปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์หรือไม่ อย่างไร
(แนวคำตอบ เก่ยี วข้อง ส่วนเหตผุ ลนักเรียนตอบตามความเข้าใจ)
- จากวีดิทัศน์ข้างต้น นักเรียนลองยกตัวอย่างสิ่งที่เป็นวิทยาศาสตร์มา 2 ตัวอย่าง (แนว
คำตอบ ตอบได้หลากหลาย ตวั อยา่ งเช่น รถยนตเ์ คล่อื นทไ่ี ดเ้ พราะอาศยั เครื่องยนต์ เป็นต้น)
8.2 การสาํ รวจและคน้ หา (Exploration) (15 นาที)
8.2.1 นักเรียนศึกษา เรื่อง ความสำคัญและและความหมายของวิทยาศาสตร์ และกระบวนการ
วิทยาศาสตร์ โดยใช้สไลด์นำเสนอ เรื่อง ความสำคัญและและความหมายของวิทยาศาสตร์ และกระบวนการ
วทิ ยาศาสตร์ และสืบคน้ ในอินเทอรเ์ น็ตเพมิ่ เติม
8.3 การอธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)(25 นาท)ี
8.3.1 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปราย เรื่อง ความสำคัญและและความหมายของวิทยาศาสตร์ และ
กระบวนการวิทยาศาสตร์
8.2.3 นักเรียนฟังครูบรรยาย เรื่อง การค้นพบแรงโน้มถ่วงของโลก ของ เซอร์ ไอแซก นิวตัน โดยใช้
สไลด์นำเสนอ เรอ่ื ง การคน้ พบแรงโนม้ ถ่วงของโลก
8.3.2 นักเรยี นตอบคำถามครู ดังน้ี
- นักเรียนคดิ วา่ วิทยาศาสตรค์ ืออะไร (แนวคำตอบ นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจ)
- นักเรียนยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวันมา 2 ตัวอย่าง (แนว
คำตอบ ตอบได้หลากหลายคำตอบ เช่น การเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะกับเพศและวัยและได้รับสารครบถ้วน
อาศยั ความรทู้ างด้านสารอาหารทจ่ี ำเปน็ การใช้โทรศพั ท์เพ่อื การสือ่ สารอาศัยเทคโนโลยีการสื่อสารช่วย)
คาบที่ 2
8.4 การขยายความรู้ (Elaboration)(45 นาที)
8.4.1 นักเรยี นแบง่ กลมุ่ 4 กลุ่ม กลุ่มละ 9-10 คน โดยแบง่ ตามอัธยาศยั และครูไดส้ ุ่มหัวขอ้ ใหแ้ ตล่ ะ
กล่มุ ไวเ้ รยี บร้อยแลว้
- กลุ่มที่ 1,3 เพอรซ์ ี สเปอรเ์ ซอร์
- กลมุ่ ท่ี 2,4 ศาสตราจารย์ ดร.พิมพใ์ จ ใจเยน็
8.4.2 นักเรยี นฟังครอู ธิบายวิธีดำเนินกจิ กรรม 1.1 เรอ่ื ง นกั วิทยาศาสตรท์ ำงานอย่างไร โดยวิธดี ำเนนิ
กิจกรรมมีดงั นี้
- อ่านข้อมลู เก่ยี วกับการทำงานของ เพอรซ์ ี สเปอรเ์ ซอร์ และศาสตราจารย์ ดร.พิมพ์ใจ ใจ
เยน็ มดี ังนี้
- เพอร์ซี สเปอร์เซอร์ ทำงานในห้องปฏิบัติการเกี่ยวกับเรดาร์ วันหนึ่งในปี พ.ศ.
2482 ขณะที่ยืนอยู่บริเวณชุดอุปกรณ์หลอดเรดาร์นั้นเขาสังเกตว่าแท่งช็อกโกแลตที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขา
หลอมเหลว
เขาเกิดความสงสัยและคิดว่าการ์ที่ช็อกโกแลตหลอมเหลวนั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับหลอดเรดาร์ดังกล่าว เขาจึงทำการ
ทดลองโดยนำเอาอาหารชนิดต่าง ๆ มาวางบริเวณเดียวกันนั้น แล้วสังเกตว่าอาหารเหล่านั้นจะร้อนขึ้นหรือไม่ อาหาร
ชนิดแรกที่เขาทดลองคือ เมล็ดข้าวโพดปรากฏว่า เมล็ดข้าวโพดเกิดแตกตัวกลายเป็นข้าวโพดคั่วหลังจากที่ได้ทำการ
ทดลองกับอาหารอีกหลายชนิดเขาได้ข้อสรุปว่า หลอดเรดาร์ทำให้เกิดคลื่นไมโครเวฟ ซึ่งทำให้การทดลองของเพอร์ซี
สเปนเซอร์ นำไปสู่การประดิษฐ์เตาไมโครเวฟเป็นเครื่องแรกของโลกซึ่งมีขนาดใหญ่มากโดยสูงถึง 1.80 เมตร และ
น้ำหนักมากถึง 450 กิโลกรัม จากนั้นจึงมีการพัฒนาเตาไมโครเวฟเรื่อย ๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2510 จึงมีการผลิตเตา
ไมโครเวฟขนาดพอเหมาะเพอ่ื ใชง้ านในครัวเรอื น และพัฒนาตอ่ เนือ่ งมาจนกระท่ังปัจจบุ นั
- ศาสตราจารย์ ดร.พมิ พ์ใจ ใจเยน็ ทำงานในหอ้ งปฏิบตั ิการ เพอ่ื ศกึ ษาเก่ยี วกบั
กลไกการทำงานของเอนไซม์กลุ่มหนึ่งที่ใช้อนุพันธ์ของวิตามิน บี 2 ซึ่งทำให้ปฏิกิริยาเคมีบางชนิดเกิดได้เร็วขึ้นโดย
เอนไซม์ในกลุ่มนี้ต้องใช้โปรตีนสองส่วนทำงานร่วมกัน ในอดีตเชื่อว่าเอนไชม์กลุ่มนี้จะทำงานได้ก็ต่อเมื่อโปรตีนทั้งสอง
ตอ้ งสมั ผสั กันเพื่อส่งผา่ นวิตามินแต่จากการศกึ ษาของศาสตราจารย์ ดร.พิมพใ์ จพบวา่ การส่งผา่ นวติ ามินใช้การแพร่โดย
ที่โปรตีนท้ังสองส่วนไม่ต้องสัมผัสกัน เมื่อมีความเขา้ ใจมากข้ึน จึงสามารถนำเอน็ ไซม์มาประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ อย่าง
ประสิทธิภาพมากข้ึน เชน่ การสังเคราะหส์ ารเคมมี ูลค่าสงู การกำจดั สารพิษตกค้างในสงิ่ แวดล้อม และการตรวจวัดทาง
ชวี ภาพ
8.4.3 จากนั้นนักเรียนแต่ละกลุ่มวาดแผงผังกระบวนการทำงานของนักวิทยาศาสตร์ทั้ง 2 ท่าน
หลงั จากน้ันนำมาเปรยี บเทยี บกับตัวอย่างทคี่ รูไดเ้ ตรยี มไว้
8.4.4 นักเรียนแตล่ ะกล่มุ รับกระดาษปรู๊ฟและทำใบกิจกรรม 1.1 เร่ือง นกั วทิ ยาศาสตรท์ ำงานอย่างไร
โดยใชก้ ระดาษปรู๊ฟ
8.4.5 นกั เรยี นส่งตวั แทนนำเสนอกลุ่มละ 2-3 คน นำเสนอหน้าชน้ั เรียน
8.5 การประเมนิ ผล/สรุป (Evaluation)(15 นาที)
8.5.1 นักเรยี นและครูร่วมกนั สรุปเกยี่ วกับ เร่อื ง ความสำคัญ ความหมายของวทิ ยาศาสตรแ์ ละ
กระบวนการทำงานของนักวิทยาศาสตร์
8.5.2 นกั เรียนตอบคำถามครู เก่ยี วกับ เร่ือง ความสำคัญ ความหมายของวทิ ยาศาสตร์และ
กระบวนการทำงานของนักวิทยาศาสตร์ โดยมคี ำถามดังน้ี
- ถ้าปัจจบุ นั ไม่มีการนำความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์มาใช้ การดำเนินชีวิตของมนุษย์จะเหมือนกันหรือ
แตกตา่ งกนั อย่างไร (แนวคำตอบ ถา้ ไม่มีวทิ ยาศาสตรจ์ ะเป็นปญั หาอย่างมาก เพราะปจั จุบนั ทุกคนต้องใช้เทคโนโลยีใน
การใช้ชีวติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัจจยั พน้ื ฐาน และในเร่ืองอน่ื ๆ อกี มากมาย ถา้ ไม่มีเทคโนโลยีสารสนเทศ โลกก็จะไม่
เจรญิ ก้าวหน้า การพัฒนาส่งิ ต่างก็จะล่าชา้ ส่งิ ทรี่ ้ายทส่ี ดุ อาจจะไม่มกี ารพัฒนา ทำให้มนษุ ยเ์ ราล้าหลังมาก)
- กระบวนการทางวิทยาศาสตรม์ ขี ้นั ตอนอะไรบา้ ง (แนวคำตอบ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1.
การสังเกตและระบปุ ัญหา 2. การตัง้ สมมติฐาน 3. การวางแผนและการตรวจสอบหรือการทดลอง หรือการเกบ็ ขอ้ มลู
4. การวเิ คราะหข์ ้อมูลและสร้างคำอธบิ าย 5. การสรุปผลและส่อื สาร
- นกั เรียนเคยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ในชีวิตประจำวันหรอื ไม่ เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ
มคี ำตอบทีห่ ลากหลาย ตัวอย่างเช่น เคยสังเกตหรือระบปุ ัญหาเก่ียวขอ้ งในเร่อื งตา่ ง ๆ เป็นตน้ )
8.5.3 ให้นักเรียนทำใบงานเร่ือง นักวิทยาศาสตร์ที่ชอบและตวั ฉนั โดยมีรายละเอียด ดังน้ี
- ใสร่ ูปนักวทิ ยาศาสตร์ทต่ี ัวเองช่ืนชอบพรอ้ มกบั ถา่ ยรูปตวั เองเลียนแบบนักวิทยาศาสตร์คนนัน้
- ใส่ประวัติของนักวิทยาศาสตรท์ ีน่ กั เรยี นเลือก พร้อมทั้งผลงานทโ่ี ดยเดน่ และเหตุผลที่ช่ืนชอบ ไม่เกิน
หนง่ึ หน้ากระดาษ A4 โดยทนี่ ักเรียนสามารถทำในโปรแกรมอะไรก็ได้ (กำหนดสง่ สัปดาห์ถัดไปหลังจากสง่ั งาน)
9. สือ่ และแหลง่ เรียนรู้
9.1 วีดิทัศน์ เรือ่ ง Long Ago and Now https://youtu.be/U-r-xHln6nE
9.2 สไลด์นำเสนอ เรือ่ ง ความสำคัญและและความหมายของวิทยาศาสตร์ และกระบวนการวทิ ยาศาสตร์
9.3 สไลด์นำเสนอ เรื่อง การคน้ พบแรงโนม้ ถว่ งของโลก
10. การวดั และการประเมนิ ผล
การวัดผลประเมนิ ผล วิธีการวดั เคร่ืองมอื วัด เกณฑก์ ารผา่ น
1. ด้านความรู้
1. อธบิ ายความสำคญั และ - ตรวจใบกจิ กรรม 1.1 - เกณฑ์การตรวจใบ - นกั เรยี นสามารถ
ความหมายของ ปฏบิ ตั ิในระดบั ดีข้นึ ไป
วทิ ยาศาสตรไ์ ด้ เรือ่ ง นักวทิ ยาศาสตร์ กจิ กรรม 1.1 เรอ่ื ง คะแนนอย่ใู นระหวา่ ง
2. ยกตัวอย่างการใช้ 9-12 คะแนน ถือวา่
ประโยชนจ์ าก ทำงานอย่างไร นกั วทิ ยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์
วิทยาศาสตร์ใน - นกั เรยี นสามารถหา
ชีวิตประจำวนั ได้ - ตรวจใบงานเรือ่ ง - เกณฑ์การตรวจใบงานท่ี ขอ้ มูลถูกต้องและ
3. อธบิ ายกระบวนการ ผลงานสวยงามจากใบ
ทำงานของ นักวทิ ยาศาสตรท์ ช่ี อบและ 1 เรอื่ งนักวทิ ยาศาสตร์ที่ งานเร่อื ง
นกั วทิ ยาศาสตร์ได้ นกั วิทยาศาสตรท์ ช่ี อบ
4. ยกตัวอยา่ ง ตัวฉนั ชอบและตัวฉัน และตัวฉนั รอ้ ยละ 50
นกั วิทยาศาสตรท์ ส่ี นใจได้ สรุปว่า วา่ ผา่ นเกณฑ์
- สังเกตการตอบคำถามใน - ชดุ คำถาม - นกั เรยี นสามารถตอบ
คำถามได้ถูกต้องรอ้ ย
ช้นั เรยี น
การวดั ผลประเมนิ ผล วิธีการวัด เคร่ืองมือวัด เกณฑก์ ารผา่ น
ละ 50 สรปุ ว่าผ่าน
เกณฑ์
2. ดา้ นทกั ษะกระบวนการ
1. สืบค้นขอ้ มลู - ตรวจใบกิจกรรม 1.1 - เกณฑ์การตรวจใบ - นักเรยี นสามารถ
ปฏบิ ัตใิ นระดบั ดีขึ้นไป
นกั วทิ ยาศาสตร์ได้ เรื่อง นกั วิทยาศาสตร์ กจิ กรรม 1.1 เรื่อง คะแนนอยู่ในระหวา่ ง
9-12 คะแนน ถือวา่
ทำงานอย่างไร นกั วทิ ยาศาสตร์ ผ่านเกณฑ์
- นกั เรียนสามารถหา
- ตรวจใบงานเรอื่ ง - เกณฑก์ ารตรวจใบงานที่ ขอ้ มลู ถกู ต้องและ
ผลงานสวยงามจากใบ
นักวิทยาศาสตร์ที่ชอบและ 1 เร่อื งนักวิทยาศาสตรท์ ่ี งานเรือ่ ง
นกั วิทยาศาสตร์ท่ีชอบ
ตวั ฉนั ชอบและตวั ฉนั และตัวฉัน รอ้ ยละ 50
สรปุ วา่ วา่ ผ่านเกณฑ์
3. ด้านเจตคติ /คณุ ลักษณะ - แบบสงั เกตพฤติกรรม
รายกลุ่ม - นักเรยี นสามารถเข้า
1. กระตอื รือร้นในการ - สงั เกตพฤติกรรมราย ร่วมกิจกรรมกลุ่มและ
ทำงานและรบั ผิดชอบงาน กลมุ่ รบั ผิดชอบงานได้ใน
ท่ีมอบหมาย ระดับดขี นึ้ ไป มีคะแนน
อยรู่ ะหวา่ ง 11-15 ถือ
วา่ ผา่ นเกณฑ์
11. บนั ทกึ หลงั การสอน
ชนั้ ม.1/1 ชัน้ ม.1/2 ชั้น ม.1/3
ผลการสอน - นักเรียนสามารถอธิบาย - นักเรียนสามารถอธิบาย - นักเรียนสามารถอธิบาย
ปัญหา/
ความสำคัญและความหมาย ความสำคัญและความหมาย ความสำคัญและความหมาย
ของวิทยาศาสตร์ กระบวนการ ของวิทยาศาสตร์ กระบวนการ ของวิทยาศาสตร์ กระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ ทักษะทาง ทางวิทยาศาสตร์ ทักษะทาง ทางวิทยาศาสตร์ ทักษะทาง
วิทยาศาสตร์และสามารถ วิทยาศาสตร์และสามารถ วิทยาศาสตร์และสามารถ
ยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของ ยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของ ยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของ
วิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน วิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน วิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน
ได้ คิดเป็นรอ้ ยละ 100 ได้ คิดเปน็ ร้อยละ 100 ได้ คิดเปน็ ร้อยละ 100
- นักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูล - นักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูล - นักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูล
นักวิทยาศาสตร์ผ่านกิจกรรม นักวิทยาศาสตร์ผ่านกิจกรรม นักวิทยาศาสตร์ผ่านกิจกรรม
1.1 เรื่อง นักวิทยาศาสตร์ 1.1 เรื่อง นักวิทยาศาสตร์ 1.1 เรื่อง นักวิทยาศาสตร์
ทำงานอย่างไรได้ คิดเป็นร้อย ทำงานอย่างไรได้ คิดเป็นร้อย ทำงานอย่างไรได้ คิดเป็นร้อย
ละ 100 ละ 100 ละ 100
- นักเรียนมีความกระตือรือร้น - นักเรียนมีความกระตือรือร้น - นักเรียนมีความกระตือรือร้น
ในการทำกิจกรรมกลุ่ม สามารถ ในการทำกิจกรรมกลุ่ม สามารถ ในการทำกิจกรรมกลุ่ม สามารถ
ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ แต่มี ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ แต่มี ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ แต่มี
นักเรียนร้อยละ 2 ที่ยังไม่ให้ นักเรียนร้อยละ 3 ที่ยังไม่ให้ นักเรียนร้อยละ 3 ที่ยังไม่ให้
ความรว่ มมอื ในการทำกจิ กรรม ความร่วมมอื ในการทำกจิ กรรม ความรว่ มมอื ในการทำกิจกรรม
- นักเรียนไม่มีการแบ่งหน้าที่ให้ - นักเรียนไม่มีการแบ่งหน้าที่ให้ - นักเรียนไม่มีการแบ่งหน้าที่ให้
อุปสรรค การทำงานอย่างชัดเจน ทำให้มี การทำงานอย่างชัดเจน ทำให้มี การทำงานอย่างชัดเจน ทำให้มี
นักเรียนบางส่วนไม่ได้ความ นักเรียนบางส่วนไม่ได้ความ นักเรียนบางส่วนไม่ได้ความ
ร่วมมือในการทำกจิ กรรม ร่วมมอื ในการทำกิจกรรม รว่ มมอื ในการทำกิจกรรม
ข้อเสนอแนะ - ให้นักเรียนเขียนชื่อสมาชิก - ให้นักเรียนเขียนชื่อสมาชิก - ให้นักเรียนเขียนชื่อสมาชิก
/แนว กลุ่ม พร้อมกับระบุหน้าที่ที่ กลุ่ม พร้อมกับระบุหน้าที่ท่ี กลุ่ม พร้อมกับระบุหน้าที่ท่ี
ทางแก้ไข นกั เรียนทำใหก้ ารทำงารกลมุ่ นกั เรยี นทำให้การทำงารกลุ่ม นักเรียนทำใหก้ ารทำงารกลุม่
บนั ทึกสำหรบั อาจารยพ์ ่ีเลย้ี ง
............................................................................................................................. ...............................................................
.................................................................... .......................................................................................................... ..............
............................................................................................................................. ...............................................................
............................................................................................................................. ...............................................................
ลงชอื่ .....c........f....u........t.....n..................ผ้สู อน ลงชอ่ื ............................................................
(อาจารยน์ วนิ ดา คงภักด)ี
(นายอาซอื มัน รูเด็ง)
นกั ศึกษาปฏิบัตกิ ารสอน แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม อาจารย์พีเ่ ลย้ี ง
รายววิชันาทวี่ 1221เ1ด0อื 1นวพทิ ฤษภาคม พ.ศ. 2565 วนั ที่ 12 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565
แบบบันทึกการให้คะแนนใบกจิ กรรมที่ 1.1 เรือ่ ง นักวิทยาศาสตร์ทำงานอย่างไร
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ห้อง……..
คำช้แี จง : ให้ทำเครื่องหมาย ลงในช่องรายการประเมินใบกิจกรรมที่ 1.1 เร่ือง นักวิทยาศาสตรท์ ำงานอยา่ งไรให้
ตรงกับระดับคะแนนท่นี ักเรียนปฏบิ ตั ไิ ด้
ลำ ชื่อ-สกุล พฤตกิ รรม รวม
ดับที่ ความถกู ต้อง ความ ความตง้ั ใจใน การนำเสนอ 16
ของเนอ้ื หา สร้างสรรค์ การทำงาน
1. 1 4321 4321432 1 4321
2. 2
3. 3
4. 4
5. 5
6.
7.
8.
9.
10.
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
19.
20.
21.
22.
23.
พฤติกรรม
ความถกู ตอ้ ง ความ ความตงั้ ใจใน การนำเสนอ รวม
ลำ ชอ่ื -สกุล ของเนือ้ หา สร้างสรรค์ การทำงาน
ดบั ที่ 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16
24.
25.
26.
27.
28.
29.
30.
31.
32.
33.
34.
35.
36.
37.
38.
39.
เกณฑ์การให้คะแนนระดบั คุณภาพ
13-16 อยู่ในระดบั ดีมาก
9-12 อยใู่ นระดบั ดี
5-8 อยู่ในระดับ พอใช้
1-4 อยใู่ นระดบั ปรับปรงุ
*หมายเหตุ : นักเรียนสามารถปฏบิ ัตใิ นระดับดีขนึ้ ไป คะแนนอยใู่ นระหวา่ ง 9-12 คะแนน ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
ลงชือ่ ...........................................ผสู้ ังเกต
(...............................................................)
........../.........../...........
รายละเอยี ดการใหค้ ะแนนใบกิจกรรมที่ 1.1 เรื่อง นักวิทยาศาสตรท์ ำงานอยา่ งไร
ประเดน็ การประเมิน 4 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1
ดีมาก 32 ปรบั ปรุง
1. ความถูกต้องของ เนอื้ หาถูกตอ้ งครบถว้ น ดี พอใช้ เนื้อหาผิดพลาด
เนอื้ หา เน้ือหาครบถว้ นมี เน้อื หาไม่ครบถ้วน ตอ้ งบอกให้แก้ไข
2. ความคิดสรา้ งสรรค์ รปู แบบแปลกใหม่ ผดิ พลาดเล็กน้อย ผดิ พลาดเล็กน้อย เลยี นแบบ
มีความแปลกใหม่ ไม่ค่อยแปลกใหม่
3. ความตง้ั ใจในการ พฤติกรรมที่ปฏิบัติ พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิ พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั ิ พฤติกรรมที่ปฏบิ ัติ
ทำงาน ชดั เจนทกุ ครั้ง ชัดเจนและสมำ่ เสมอ ชดั เจนและ บางครั้ง
บ่อยครงั้
4. การนำเสนอ เมอ่ื นำเสนอถูกตอ้ ง เม่ือนำเสนอถูกต้อง เมอ่ื นำเสนอไม่ เมอื่ นำเสนอ
ครบถว้ น เน้นประเด็น ครบถ้วน ประเดน็ คอ่ ยถูกต้อง ไม่มี ผิดพลาดมาก
สำคัญ สำคัญไม่ชัดเจน ประเด็นชดั เจน
แบบบนั ทึกการใหค้ ะแนนใบงานเรื่อง นกั วิทยาศาสตรท์ ่ชี อบและตัวฉนั
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ห้อง……..
คำชแี้ จง : ให้ทำเครื่องหมาย ลงในช่องรายการประเมนิ ใบงานที่ 1 เรอ่ื ง นักวทิ ยาศาสตร์ทช่ี อบและตัวฉันให้ตรงกับ
ระดับคะแนนท่นี ักเรยี นปฏิบัติได้
พฤตกิ รรม
ความถูกต้อง ความคดิ ความต้ังใจใน เวลาในการ รวม
ลำ ชื่อ-สกุล ของเน้ือหา สรา้ งสรรค์ การทำงาน สง่ ใบงาน
ดับที่ 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
พฤติกรรม
ความถกู ต้อง ความคิด ความตั้งใจใน เวลาในการ รวม
ลำ ช่ือ-สกุล ของเนื้อหา สรา้ งสรรค์ การทำงาน สง่ ใบงาน
ดับที่ 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนระดบั คณุ ภาพ
13-16 อยใู่ นระดบั ดีมาก
9-12 อยู่ในระดับ ดี
5-8 อยใู่ นระดับ พอใช้
1-4 อยูใ่ นระดบั ปรบั ปรุง
*หมายเหตุ : นกั เรียนสามารถปฏิบัติในระดบั ดีข้ึนไป คะแนนอยใู่ นระหวา่ ง 9-12 คะแนน ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
ลงชื่อ...........................................ผู้สังเกต
(...............................................................)
........../.........../...........
รายละเอียดการให้คะแนนใบงานเรือ่ ง นักวิทยาศาสตร์ทช่ี อบและตัวฉนั
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ประเดน็ การประเมิน 4 3 21
ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ
1. ความถกู ต้องของ เนอ้ื หาถูกต้องครบถ้วน เนอ้ื หาครบถว้ นมี เน้ือหาไม่ครบถ้วน เนื้อหาผิดพลาด
เนอ้ื หา ผิดพลาดเลก็ น้อย ผิดพลาดเลก็ น้อย ต้องบอกให้แก้ไข
2. ความคิดสร้างสรรค์ รูปแบบแปลกใหม่ มคี วามแปลกใหม่ ไมค่ ่อยแปลกใหม่ เลียนแบบ
3. ความตงั้ ใจในการ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติ พฤติกรรมท่ปี ฏิบัติ พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิ พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ
ทำงาน ชัดเจนทุกครัง้
ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ บางครั้ง
บ่อยครง้ั
4. เวลาในการส่งใบ ส่งใบงานตรงตามเวลา สง่ ใบงานชา้ 1 วนั ส่งใบงานช้า 2 วัน ส่งใบงานชา้ 3 วัน
งาน ทก่ี ำหนด ตามเวลาท่ีกำหนด ตามเวลาท่กี ำหนด ตามเวลาท่กี ำหนด
แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
รายวชิ า ว 21101 วิทยาศาสตร์ ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ห้อง………ภาคเรียน……………..ปกี ารศกึ ษา………
กลุ่มท…่ี …………ชอื่ กลุ่ม……………
คำชี้แจง : สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นรายกล่มุ ในระหว่างเรยี นแลว้ ทำเครื่องหมาย ✓ ลงช่องท่ีตรงกบั ระดับ
คะแนนท่นี กั เรียนปฏบิ ตั ิได้
ลำ ชอ่ื -สกุล พฤติกรรม รวม
ดับท่ี สมาชิกกลุ่ม ความ การแสดง การรบั ฟงั ความตงั้ ใจ การมีสว่ น 20
ร่วมมอื ความ ความ ในการ รว่ มในการ
1. 1
2. 2 คดิ เห็น คดิ เหน็ ทำงาน อภิปราย
3. 3 43214321432143214321
4. 4
5. 5
6. 6
7. 7
8. 8
9. 9
10. 0
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
พฤติกรรม รวม
20
ความ การแสดง การรบั ฟงั ความตั้งใจ การมสี ่วน
ลำ ชือ่ -สกุล ร่วมมอื ความ ความ ในการ รว่ มในการ
ดับที่ สมาชกิ กลุ่ม คดิ เห็น คิดเหน็ ทำงาน อภิปราย
43214321432143214321
19.
20.
21.
22.
23.
24.
25.
26.
27.
28.
29.
30.
31.
32.
33.
34.
35.
36.
37.
38.
39.
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนระดับคุณภาพ
16-20 อยใู่ นระดบั ดีมาก
11-15 อยู่ในระดบั ดี
6-10 อยใู่ นระดับ พอใช้
1-5 อยใู่ นระดบั ปรับปรุง
*หมายเหตุ : นักเรยี นสามารถปฏบิ ตั ิในระดบั ดีข้นึ ไป คะแนนอย่รู ะหวา่ ง 11-15 คะแนน ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์
ลงช่อื ...........................................ผสู้ งั เกต
(...............................................................)
........../.........../...........
รายละเอยี ดการให้คะแนนการเข้ารว่ มกจิ กรรมกล่มุ
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ประเด็นการประเมิน 4 3 21
1. ความรว่ มมอื ดมี าก
พฤติกรรมท่ปี ฏิบัติ ดี พอใช้ ปรับปรุง
ชัดเจนทุกคร้ัง
พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิ พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิ
ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ บางครงั้
บ่อยครงั้
2. การแสดงความ พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติ พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ิ พฤติกรรมที่ปฏบิ ัติ
คดิ เห็น ชัดเจนทุกครั้ง
ชดั เจนและสมำ่ เสมอ ชดั เจนและ บางครง้ั
บ่อยครัง้
3. การรับฟังความ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ิ พฤติกรรมที่ปฏบิ ัติ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติ
คดิ เห็น ชัดเจนทุกครง้ั
ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชดั เจนและ บางครั้ง
บ่อยครง้ั
4. ความตงั้ ใจในการ พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติ พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัติ พฤติกรรมทีป่ ฏิบัติ
ทำงาน ชดั เจนทุกครั้ง
ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ บางครั้ง
บอ่ ยครง้ั
5. การมีสว่ นรว่ มใน พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิ พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิ พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัติ พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัติ
การอภปิ ราย ชัดเจนทุกคร้ัง ชัดเจนและสมำ่ เสมอ ชดั เจนและ บางครั้ง
บอ่ ยครง้ั
แบบประเมินสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 4 ด้าน
ช่อื ..............................................................นามสกุล.....................................................ชั้น ......…….. เลขท่.ี ....
คำชี้แจง : ใหส้ ังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี น แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ งท่ีตรงกบั ระดับคะแนน
สมรรถนะสำคญั ที่ประเมิน ระดบั คะแนน สรุป
432 1 ผล
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
1.1 มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคิด
ความเข้าใจของตนเอง โดยใชภ้ าษาอย่างเหมาะสม
1.2 ใช้วธิ ีการสอ่ื สารทเี่ หมาะสม
1.3 วเิ คราะหแ์ สดงความคดิ เหน็ อย่างมเี หตผุ ล
สรปุ ผลการประเมนิ
2. ความสามารถในการคดิ
2.1 มคี วามสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ สงั เคราะห์
2.2 มีทักษะในการคดิ นอกกรอบอย่างสรา้ งสรรค์
2.3 มคี วามสามารถในการคดิ อยา่ งมรี ะบบ
สรุปผลการประเมิน
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
3.1 สามารถแก้ปญั หาและอุปสรรคต่าง ๆ ท่เี ผชญิ ได้
3.2 ใช้เหตผุ ลในการแก้ปญั หา
3.3 สามารถตดั สนิ ใจได้เหมาะสมตามวัย
4 . ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
4.1 มีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี
4.2 สามารถนำเทคโนโลยไี ปใช้พัฒนาตนเอง
4.3 มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรมในการใชเ้ทคโนโลยี
สรุปผลการประเมนิ
สรปุ ผลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์รายบุคคล
ดีมาก ดี ปานกลาง ตอ้ งปรบั ปรุง
ลงช่อื ........................................ ผู้ประเมิน
(…………………………………….……)
แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ช่ือ................................................................ช้ัน....................เลขท่ี....................
คำชี้แจง : ใหส้ งั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในชอ่ งทตี่ รงกับระดบั
คะแนน
คุณลักษณะอนั พึง รายการท่ีประเมิน ระดับคะแนน
ประสงค์ 321
1. มีวินัย 1.1 ตรงต่อเวลา
1.2 ปฏบิ ัติงานเรียบร้อยเหมาะสม
1.3 ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง
2. ใฝ่เรยี นรู้ 2.1 กระตอื รือร้นในการแสวงหาข้อมูล
2.2 มกี ารจดบนั ทึกความรู้
2.3 สรุปความรู้ไดอ้ ย่างมีเหตุผล
3. มุง่ มน่ั ในการทำงาน 3.1 มคี วามต้งั ใจและพยายามในการทำงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย
3.2 มีความอดทนและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเร็จ
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
- พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ชิ ดั เจนและสมำ่ เสมอ
- พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติชดั เจนและบอ่ ยครง้ั
- พฤติกรรมที่ปฏบิ ัตบิ างคร้งั
เกณฑ์การให้คะแนนระดบั คณุ ภาพ
18-24 อยใู่ นระดับ ดีมาก
13-18 อยใู่ นระดับ ดี
7-12 อยู่ในระดบั ปานกลาง
1-6 อยู่ในระดับ ปรบั ปรงุ
ลงชือ่ ..........................................ผู้ประเมนิ
(..........................................)
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 วิทยาศาสตร์ (ว 21101) ชน้ั ม. 1
เรื่อง ความสำคญั ความหมายของวทิ ยาศาสตร์และกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
ใบกจิ กรรม 1.1 นักวิทยาศาสตรท์ ำงานอยา่ งไร
ชือ่ กลุ่ม…………………………………………กลุ่มท่ี……………………………….
สมาชิกกลุ่ม
ชอ่ื -สกุล………………………………………………………………………………………….เลขท…่ี ……………………………
ช่อื -สกลุ ………………………………………………………………………………………….เลขท…ี่ ……………………………
ชอ่ื -สกุล………………………………………………………………………………………….เลขท…่ี ……………………………
ชื่อ-สกุล………………………………………………………………………………………….เลขท…ี่ ……………………………
ชอ่ื -สกุล………………………………………………………………………………………….เลขท…่ี ……………………………
ช่อื -สกลุ ………………………………………………………………………………………….เลขท…่ี ……………………………
ชอื่ -สกลุ ………………………………………………………………………………………….เลขท…่ี ……………………………
ช่อื -สกลุ ………………………………………………………………………………………….เลขท…ี่ ……………………………
ช่อื -สกลุ ………………………………………………………………………………………….เลขท…ี่ ……………………………
ชือ่ -สกุล………………………………………………………………………………………….เลขท…่ี ……………………………
ชื่อ-สกลุ ………………………………………………………………………………………….เลขท…่ี ……………………………
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 วิทยาศาสตร์ (ว 21101) ชัน้ ม. 1
เร่อื ง ความสำคญั ความหมายของวทิ ยาศาสตร์และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ใบกิจกรรม 1.1 นกั วิทยาศาสตร์ทำงานอย่างไร
วธิ ีดำเนินกจิ กรรม อา่ นข้อมูลเกีย่ วกับการทำงานของนักวิทยาศาสตร์ที่ไดร้ ับมอบหมาย จากนัน้
วาดแผนผงั กระบวนการทำงานของของนักวิทยาศาสตรล์ งในกระดาษปรู๊ฟ
ตวั อย่าง การทำงานของกาลเิ ลโอ กาลเิ ลอี
การสังเกต ดวงจันทร์ 3 ดวงทีอ่ ย่ใู กลด้ าวพฤหัสบดี พบว่า ดาวท้ัง 3 ดวง มีตำแหนง่ เปล่ียนไปเม่ือเทยี บกบั ดวง
พฤหัสบดี และพบว่ามดี าวดวงหนงึ่ หายไป เกดิ ความสงสยั
สันนษิ ฐานวา่ ดาวทีห่ ายไปน่าจะเคลื่อนที่ไปอยดู่ ้านหลงั ของดาวพฤหัสบดี
เก็บข้อมลู โดยการสงั เกต
ลงข้อสรปุ ได้ว่า ดาวทง้ั 3 ดวง โคจรรอบดาวพฤหสั บดี
การสงั เกต การโคจรของดาวพฤหัสบดีต่อไป พบว่าปรากฏดาวดวงที่ 4 โคจรรอบดาวพฤหสั บดี เกดิ ความสงสยั
สันนิษฐานวา่ ดาวดวงท่ี 4 น่าจะโคจรรอบดาวพฤหสั บดี
เก็บขอ้ มลู โดยการสงั เกต
ลงข้อสรุปไดว้ า่ ดาวทงั้ 4 ดวง โคจรรอบดาวพฤหสั บดี
สรุปผลไดว้ า่ ดาวท้ัง 4 ดวงโคจรรอบดาวพฤหสั บดี และโลกไม่ได้
เปน็ ศนู ยก์ ลางของจกั รวาล
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 วิทยาศาสตร์ (ว 21101) ชน้ั ม. 1
เรื่อง ความสำคญั ความหมายของวิทยาศาสตรแ์ ละกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
ใบกจิ กรรม 1.1 นักวทิ ยาศาสตร์ทำงานอย่างไร(เฉลย)
วธิ ดี ำเนินกจิ กรรม อา่ นข้อมลู เกย่ี วกบั การทำงานของนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รบั มอบหมาย จากนนั้
วาดแผนผังกระบวนการทำงานของของนักวทิ ยาศาสตร์ลงในกระดาษปรฟู๊
เฉลย การทำงานของเพอรซ์ ี สเปนเซอร์
การสังเกต แท่งช็อกโกแลตท่ีอย่ใู นกระเป๋ากางเกงของเขาหลอมเหลว เกดิ ความสงสัย
สนั นิษฐานวา่ การทช่ี ็อกโกแลตหลอมเหลวนัน้ นา่ จะเก่ียวข้องกบั หลอดเรดาห์
เก็บข้อมลู โดยการทดลอง
ลงข้อสรุปได้ว่า เมล็ดข้าวโพดเกดิ แตกตัวกลายเปน็ ข้าวโพดคัว่
สรุปผลไดว้ า่ หลอดเรดาห์ทำให้เกดิ คล่นื ไมโครเวฟ ซ่งึ ทำให้อาหารร้อนได้
เฉลย การทำงานของศาสตาจารย์ ดร.พมิ พใ์ จ ใจเยน็
การสังเกต กลไกการทำงานของเอนไซมก์ ลุ่มอนุพนั ธ์ของวติ ามินบี 2 เอนไซม์กลุ่มน้ตี ้องใช้โปรตีนสองส่วน
ทำงานรว่ มกนั ในอดตี เชื่อว่าโปรตนี สองส่วนทำงานต้องสัมผัสกนั เพ่อื ส่งผา่ นวติ ามนิ แต่พบว่าท้ังสองส่วนสง่ ผา่ น
วิตามินโดยไมต่ ้องสมั ผสั กัน เกิดความสงสัย
สันนษิ ฐานว่า การส่งวิตามินของโปรตนี ทง้ั สองสว่ นนา่ จะเกิดจากวิธีการอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง
เก็บข้อมูลโดยการทดลอง
ลงข้อสรปุ ไดว้ า่ โปรตนี ท้งั สองสว่ นส่งผา่ นวติ ามนิ บี 2 ผา่ นการแพร่
สรุปผลไดว้ ่า กลไกการทำงานของเอนไซมก์ ลุม่ อนุพนั ธ์ของวิตามินบี 2 ใช้โปรตนี
สองส่วนสง่ ผา่ นวติ ามินบี 2 ผา่ นการแพร่
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 วิทยาศาสตร์ (ว 21101) ชนั้ ม. 1
เรอ่ื ง ความสำคญั ความหมายของวทิ ยาศาสตรแ์ ละกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ใบงานเร่ือง นกั วิทยาศาสตร์ทชี่ อบและตัวฉนั
ชือ่ -สกลุ ………………………………………………………………เลขท…่ี ………………ชนั้ …………………………
คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามตอ่ ไปนี้
ใส่รปู นกั วทิ ยาศาสตร์ ใส่รปู นักเรยี นทถ่ี ่าย
ท่ีนกั เรยี นสนใจ เลยี นแบบ
นักวทิ ยาศาสตรท์ ี่
ตนเองสนใจ
1. ประวตั ขิ องนกั วิทยาศาสตรท์ ี่นกั เรยี นสนใจ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2. ผลงานท่โี ดดเด่นของนกั วิทยาศาสตร์ทีน่ กั เรยี นสนใจ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
3. เหตผุ ลท่ีนักเรยี นเลือกนกั วทิ ยาศาสตรท์ ่านน้ี
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 3
รหัสวิชา ว 21101 วทิ ยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้น
เรือ่ ง มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
ผู้สอน
ทกั ษะกระบวนการวทิ ยาศาสตร์ จำนวน 3 คาบ
ปส. อาซือมนั รูเดง็ อาจารยพ์ เี่ ล้ียง อาจารยน์ วินดา คงภักดี
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
-
2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
การทำงานในกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องอาศัยทักษะเพื่อช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างมี
ประสิทธิภาพ ทักษะดังกล่าวเรียกว่า ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (science process skills) แบ่งเป็นทักษะ
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรข์ น้ั พ้นื ฐาน 8 ทักษะ และทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ขัน้ บรู ณาการ 6 ทกั ษะ และ
จิตวิทยาศาสตร์ ทักษะเหลา่ น้ีนำไปสกู่ ารค้นหา ความรู้ จากการสำรวจตรวจสอบหรือจากการทดลอง
3. สาระการเรียนรู้
ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เป็นทักษะการคิดของนักวิทยาศาสตร์ที่นำมาใช้ในการศึกษาค้นคว้าสืบ
เสาะหาความรู้ และแก้ปญั หาตา่ ง ๆ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไดแ้ บ่งออกเป็น 14 ทักษะ
1. การสังเกต (observation) หมายถึง ความสามารถในการใช้ประสาทสัมผัสอย่างใดอย่างหนึ่งหรือ
หลายอยา่ ง ไดแ้ ก่ ตา หู จมูก ลิน้ และผิวกาย เขา้ ไปสัมผัสโดยตรงกับวัตถหุ รือเหตกุ ารณ์ เพื่อหาขอ้ มูล หรือรายละเอียด
ของสิ่งตา่ งๆ โดยไม่ใสค่ วามเหน็ ของผสู้ งั เกตลงไป
2. การวัด (measurement) หมายถึง ความสามารถในการเลือกและการใช้เครื่องมือทำการวัดหา
ปริมาณของส่ิงต่างๆ ออกมาเป็นตวั เลขทแ่ี นน่ อนไดอ้ ยา่ งเหมาะสมและถูกต้อง โดยมีหน่วยกำกับเสมอ
3. การจำแนกประเภท (classification) หมายถึง การแบ่งพวก หรือเรียงลำดับวัตถุหรือสิ่งที่อยู่ใน
ปรากฏการณ์ โดยใช้เกณฑ์ความเหมือน ความแตกต่าง หรือความสมั พันธอ์ ย่างใดอยา่ งหนึง่
4. การหาความสัมพนั ธ์ระหว่างสเปชกบั สเปช และสเปชกบั เวลา (space/space relationships and
space/time relationships) สเปชของวตั ถุ หมายถึง ท่ีว่างท่ีวัตถุน้นั ครองท่ี ซึ่งจะมรี ูปรา่ งลกั ษณะเช่นเดยี วกับวัตถุนั้น
โดยทั่วไปแล้วสเปชของวัตถุจะมี 3 มิติ คือ ความกว้าง ความยาว และความสูง (หรือหนา) ความสัมพันธ์ระหวา่ งสเปช
กบั เวลา ได้แก่ ความสมั พันธร์ ะหว่างการเปล่ียนตำแหน่งที่อยู่ของวัตถุกับเวลา หรอื ความสมั พันธ์ระหว่างสเปชของวัตถุ
ท่ีเปล่ยี นไปกับเวลา
5. การคำนวณ (using numbers) หมายถงึ การนบั จำนวนของวตั ถุและการนำตัวเลข แสดงจำนวนท่ี
นบั ได้ มาคดิ คำนวณโดยการบวก ลบ คณู หาร หรอื หาค่าเฉลยี่
6. การจัดกระทำ และการสื่อความหมายข้อมูล (organizing data and communication) หมายถึง
การนำผลการสังเกต การวัด การทดลองจากแหล่งต่าง ๆ มาจัดกระทำเสียใหม่ โดยอาศัยวิธีการต่าง ๆ เช่น การหา
ความถ่ี การเรียนลำดบั การจดั แยกประเภท การคำนวณหาค่าใหม่ เปน็ ต้น เพื่อให้บคุ คลอน่ื เข้าใจความหมายของข้อมูล
ดยี ิ่งขนึ้ โดยอาจนำเสนอในรปู ของตาราง แผนภมู ิ แผนภาพ ไดอะแกรม วงจร กราฟ สมการ หรือเขียนบรรยาย
7. การลงความเห็นจากข้อมูล (inferring) หมายถึง การเพิ่มความคิดเห็นให้กับข้อมูลที่ได้จากการ
สงั เกตอย่างมีเหตุผล โดยอาศัยความรู้หรือประสบการณ์เดมิ มาชว่ ย
8. การพยากรณ์ (prediction) หมายถึง การสรุปคำตอบล่วงหน้าก่อนการทดลอง โดยอาศัยข้อมูลท่ี
ได้จากการสังเกตหรอื ข้อมูลจากประสบการณ์ทีเ่ กิดขึ้นซ้ำ ๆ หลักการ กฎ หรือทฤษฎีในเร่ืองนั้นมาช่วยในการสรปุ การ
พยากรณ์มีสองทางคือ การพยากรณ์ภายในขอบเขตของข้อมูลที่มีอยู่ (interpolating) และการพยากรณ์ภายนอก
ขอบเขตข้อมลู ท่มี ีอยู่ (extrapolating)
9. การตั้งสมมติฐาน (formulating hypotheses) หมายถึง การให้คำอธิบายซึ่งเป็นคำตอบล่วงหน้า
ก่อนทำการทดลอง เป็นการคาดคะเนคำตอบที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร สมมติฐานที่ต้ังไว้อาจถูกหรือ
ผดิ กไ็ ด้ ซง่ึ จะทราบไดก้ ต็ ่อเม่ือมกี ารพสิ จู น์ทดลองเพ่ือหาคำตอบมาสนับสนนุ สมมติฐานหรอื คัดค้านสมมตฐิ านท่ีตัง้ ไว้
10. การกำหนดนิยามเชงิ ปฏิบัตกิ าร (defining operationally) หมายถึง การกำหนดความหมายและ
ขอบเขตของตวั แปรทอ่ี ยู่ในสมมติฐานทีต่ ้องการทดสอบให้เขา้ ใจตรงกัน และสามารถสังเกตหรือวัดได้
11. การกำหนดและควบคุมตัวแปร (identifjing and controlling variables) หมายถึง การบ่งชี้ตัว
แปรต้น ตัวแปรตาม และตัวแปรที่ต้องควบคุมในสมมติฐานหนึ่ง ๆ การควบคุมตัวแปรเป็นการควบคุมสิ่งอื่น ๆ
นอกเหนือจากตวั แปรตน้ ถา้ หากไม่ควบคมุ ให้เหมือนกนั จะทำให้ผลการทดลองคลาดเคล่ือน
12. การทดลอง (experimenting) หมายถึง กรลงลงมือปฏิบัติการทดลองจริง โดยมี 3 ประเภท คือ
การทดลองแบบแบ่งกลุ่มเปรียบเทียบ ไมม่ ีกลมุ่ เปรยี บเทียบและลองผิดลองถูก การทดลองเปน็ กระบวนการปฏิบัติการ
เพ่ือหาคำตอบหรือเพื่อทดสอบสมมติฐานที่ตั้งไว้ ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ การออกแบบการทดลองการปฏิบัติการ
ทดลอง และการบนั ทกึ ผลการทดลอง
13. การตีความหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป (interpreting data conclusion) การตีความหมาย
ข้อมูล คือ การแปลความหมายหรือการบรรยายลักษณะและสมบัติของข้อมูลที่มีอยู่ การลงข้อสรุป หมายถึง การสรุป
ความสัมพันธ์ของขอ้ มูลท้งั หมด
14. การสร้างแบบจำลอง (Modeling Construction) หมายถึง การนำเสนอข้อมูล แนวคิด ความคิด
รวบยอด เพือ่ ใหผ้ ้อู ื่นเข้าใจในรปู ของแบบจำลองต่าง ๆ เช่น กราฟ รปู ภาพ ภาพเคล่ือนไหว วัสดุ สง่ิ ของส่ิงประดิษฐ์ หุ่น
เปน็ ต้น
4. สมรรถนะของผ้เู รยี น
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
4.2 ความสามารถในการคิด
4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา
4.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
5.1 มวี ินยั
5.2 ใฝเ่ รยี นรู้
5.3 มงุ่ มัน่ ในการทำงาน
6. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
6.1 ใบกิจกรรม 1.2 นำ้ สีเคลอื่ นที่อย่างไร
6.2 ใบกิจกรรม 1.3 จรวดกระดาษของใครบนิ ไดน้ านที่สุด
7. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
7.1 ดา้ นความรู้ (K)
7.1.1 อธบิ ายทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้
7.1.2 ระบุทกั ษะทางกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรไ์ ด้
7.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P)
7.2.1 ปฏิบัติทกั ษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ได้
7.3 ดา้ นเจตคต/ิ คุณลักษณะ (A)
7.3.1 มงุ่ มน่ั และรับผดิ ชอบในการทำงานกล่มุ ท่ีไดร้ บั มอบหมายได้
8. กิจกรรมการเรยี นรู้
คาบท่ี 1-2
8.1 ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement)(15 นาที)
8.1.1 นักเรยี นทักทายครู พูดเร่อื งท่วั ๆ ไป
8.1.2 นักเรียนและครรู ว่ มกนั ทบทวนความร้เู ดมิ จากคาบท่ีแล้ว เร่อื ง ความสำคัญ ความหมายของ
วิทยาศาสตร์ และกระบวนการทำงานของนักวทิ ยาศาสตร์
8.1.3 นกั เรยี นสง่ ตัวแทน 3 คนเพื่อทำกิจกรรม “เร่ืองไหนเรือ่ งจริง กนั แนน่ ะ” โดยมีขน้ั ตอนการทำ
กิจกรรม ดงั นี้
1. คนท่พี ร้อมเล่าเรื่องในวยั เด็กทั้งสองเร่อื ง เร่ิมก่อนเลยเม่ือเล่าจบ กใ็ ห้เพ่ือนทีเ่ หลือโหวต ว่าเรอ่ื ง
ไหนเป็นเร่อื งจรงิ จากนัน้ นับจำนวนคนท่ตี อบผิด
2. ทำซำ้ กับคนท่ีพร้อมเลา่ คนตอ่ ไป จนครบ 3 คน ดูคะแนนวา่ ใครได้คะแนนมากทส่ี ดุ เป็นผ้ชู นะ
- จากกิจกรรมดังกล่าวนักเรยี นได้ข้อคดิ อะไรบ้าง (แนวคำตอบนกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจ
ตวั อยา่ งเชน่ การจบั ผิดและการสงั เกต การพยากรณ์ ในขณะที่เพ่ือนพูดเท็จและพดู จริง เปน็ ตน้ )
8.2 การสาํ รวจและค้นหา (Exploration) (40 นาที)
8.2.1 นักเรยี นแบ่งกล่มุ 6 กลุ่ม กลมุ่ ละ 6-7 คน โดยแบ่งตามอธั ยาศยั
8.2.2 นกั เรยี นฟงั ครบู รรยาย เร่ือง ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้แบบเรียน สสวท. และ
นกั เรยี นตอบคำถามครู ดังต่อไป
- ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ตามหนังสือ สสวท. มีทง้ั หมดกที่ ักษะ อะไรบา้ ง (แนวคำตอบ
มีทั้งหมด 14 ทักษะ ได้แก่ 1. การสังเกต 2. การวัด 3. การจำแนกประเภท 5. การคำนวณ 6. การจัดกระทำ และการ
สื่อความหมายข้อมูล 7. การลงความเห็นจากข้อมูล 8. การพยากรณ์ 9. การตั้งสมมติฐาน 10. การกำหนดนิยามเชิง
ปฏิบัติการ 11. การกำหนดและควบคุมตัวแปร 12. การทดลอง 13. การตีความหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป และ
14. การสร้างแบบจำลอง)
8.2.2 นักเรียนฟังครูอธิบายวธิ ีการดำเนนิ กจิ กรรมที่ 1.2 เรื่อง น้ำเคลื่อนทีอ่ ย่างไร โดยครูอธิบายด้วย
พูดปากเปล่า
8.2.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มมารับใบกิจกรรมที่ 1.2 เรื่อง น้ำเคลื่อนที่อย่างไร และบันทึกการทดลองลง
ในใบกิจกรรมที่ 1.2 เรอื่ ง นำ้ เคลือ่ นท่อี ย่างไร เพอ่ื ฝึกทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
8.3 การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)(10 นาที)
8.3.1 นักเรียนส่งตัวแทนนำเสนอ 1-2 คนมา 1 กลุ่ม เพื่อนำเสนอผลการทำกิจกรรมที่ 1.2 เรื่อง น้ำ
เคล่อื นท่ีอย่างไร หน้าช้ันเรยี น โดยใช้วิธีการสุ่มตัวแทนนำเสนอ
- เมื่อนักเรียนศึกษาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในแบบเรียน สสวท. แล้ว จากกิจกรรมที่
1.2 เรื่อง น้ำเคลื่อนที่อย่างไร นักเรียนได้ฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ใด และในขั้นตอนไหนบ้าง (แนว
คำตอบ ไดฝ้ ึกทกั ษะกระบวนการดังนี้ เชน่ การพยากรณ์ จากการพยากรณ์สิ่งที่เกดิ ขนึ้ เม่อื ดงึ กระดาษทป่ี ดิ ปากแก้วออก
การหาความสมั พันธร์ ะหว่างสเปซกับสเปซ จากการจัดวางปากแก้วทั้งสองใหป้ ระกบกันพอดี การสังเกต จากการสังเกต
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อดึงกระดาษที่ปิดปากแก้วออก การลงความเห็นจากข้อมูล จากการอภิปรายสาเหตุของการเกิดผลการ
ทดลอง การจัดกระทำสื่อและความหมายข้อมูล และการสร้างแบบจำลอง จากการสร้างแผนผังแสดงแนวคิดเพื่อผู้อ่ืน
เข้าใจแนวคิดของตนเองเก่ียวกบั การเคลื่อนที่ของนำ้ สใี นแก้วทง้ สองใบ)
8.3.2 นกั เรยี นพกั การทำกิจกรรม 5 นาที
8.4 การขยายความรู้ (Elaboration)(35 นาที)
8.4.1 นกั เรียนแบ่งกลมุ่ 6 กลุ่ม กลุ่มละ 6-7 คน โดยใช้กล่มุ เดมิ จากกจิ กรรมท่ีผ่านมา
8.4.2 นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ออกมารบั ใบกิจกรรมที่ 1.3 เร่ือง จรวดกระดาษของใครบนิ ได้นานทสี่ ดุ และ
ลงมือทำกจิ กรรม
8.4.3 ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกล่มุ สืบค้นและอภิปรายว่าจรวดกระดาษลักษณะใดที่นา่ จะอยู่ในอากาศได้
นานทส่ี ุด หลังจากนั้นแตล่ ะกล่มุ เลือกออกมาอภปิ รายว่าเลอื กจรวดกระดาษลักษณะใดมาทำกิจกรรม
8.4.4 นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ แข่งกนั รอ่ นจรวดโดยร่วมกนั ตกลงกติกา ดงั นี้
- จรวดกลุ่มไหนทอ่ี ยู่ในอากาศมากท่ีสุด กลมุ่ นน้ั เปน็ ผชู้ นะ
- นักเรียนแตล่ ะกลุ่มตอ้ งแขง่ กัน 3 คร้งั และบนั ทึกเวลาทอ่ี ยใู่ นอากาศท้ัง 3 ครง้ั แล้วนำมาหา
คา่ เฉลย่ี แลว้ บันทึกลงในใบกิจกรรม 1.2 เร่อื ง จรวดกระดาษของใครบินไดน้ านที่สุด
8.4.5 ใหน้ ักเรียนกลมุ่ ท่ชี นะออกมาอภปิ รายกิจกรรมที่ 1.3 เรื่อง จรวดกระดาษของใครบินไดน้ าน
ที่สุด ออกมาหนา้ ช้ันเรยี น
คาบท่ี 3
8.5 การประเมนิ ผล/สรปุ (Evaluation)(50 นาที)
8.5.1 นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั อภปิ ราย เรือ่ ง ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้ผังมโนทัศน์
สรปุ บทเรยี นหนว่ ยที่ 1 เรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์อย่างไร และนักเรยี นตอบคำถามดังน้ี
- นกั เรยี นเคยใชท้ กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ นการทำงานหรอื ไม่ (แนวคำตอบ นกั เรียน
ตอบตามความเข้าใจ เชน่ เคยสงั เกตเรือ่ งตา่ ง ๆ, เคยพยากรณ์ เปน็ ตน้ )
- หากนักเรียนต้องการที่จะพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรข์ องนักเรยี นเองให้ดยี งิ่ ข้ึน
นักเรียนคิดวา่ ควรทำอย่างไร (แนวคำตอบ การที่พัฒนาทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เราต้องมน่ั ฝึกฝนอยู่
ตลอดเวลา เป็นต้น)
8.5.2 นักเรยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี น ในหน่วยที่ 1 เรียนรวู้ ิทยาศาสตร์อย่างไร โดยใช้โปรแกรม
Socrative
9. สือ่ และแหล่งเรยี นรู้
9.1 หนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เลม่ ที่ 1
9.2 ผงั มโนทัศนส์ รปุ บทเรียนหนว่ ยท่ี 1 เรียนรู้วิทยาศาสตร์อยา่ งไร
9.3 เว็บไซต์ Socrative
10. การวดั และการประเมินผล
การวดั ผลประเมนิ ผล วิธีการวดั เครอ่ื งมือวดั เกณฑก์ ารผ่าน
1. ด้านความรู้
1. อธบิ ายทกั ษะ - ตรวจใบกิจกรรม 1.2 - เกณฑก์ ารตรวจใบ - นกั เรยี นสามารถ
กระบวนการทาง เรอ่ื ง น้ำเคล่ือนที่อยา่ งไร กจิ กรรม 1.2 เร่ือง นำ้ ปฏบิ ตั ใิ นระดบั ดีข้นึ ไป
วิทยาศาสตรไ์ ด้ - ตรวจใบกจิ กรรม 1.3 เคลือ่ นท่ีอยา่ งไร คะแนนอยใู่ นระหวา่ ง
2. ระบทุ กั ษะทาง เรอ่ื ง จรวดกระดาษของ - เกณฑ์การตรวจใบ 9-12 คะแนน ถือวา่
กระบวนการทาง ใครบินได้นานทีส่ ดุ กจิ กรรม 1.3 เรอ่ื ง จรวด ผ่านเกณฑ์
วทิ ยาศาสตรไ์ ด้ - สังเกตการตอบคำถาม กระดาษของใครบนิ ได้ - นกั เรียนสามารถ
ในชัน้ เรียน นานท่ีสุด ปฏิบัติในระดับดีขึ้นไป
- ชุดคำถาม คะแนนอย่ใู นระหว่าง
การวัดผลประเมินผล วธิ กี ารวัด เครือ่ งมือวดั เกณฑก์ ารผ่าน
9-12 คะแนน ถือวา่
ผา่ นเกณฑ์
- นกั เรยี นสามารถตอบ
คำถามไดถ้ ูกต้องร้อย
ละ 50 สรุปว่าผ่าน
เกณฑ์
2. ด้านทักษะกระบวนการ
1. ปฏิบัติทักษะ - ตรวจใบกิจกรรม 1.2 - เกณฑ์การตรวจใบ - นักเรียนสามารถ
กจิ กรรม 1.2 เร่อื ง น้ำ ปฏิบัตใิ นระดับดีขนึ้ ไป
กระบวนการวทิ ยาศาสตร์ เร่ือง นำ้ เคลื่อนท่ีอย่างไร เคล่อื นท่ีอยา่ งไร คะแนนอยูใ่ นระหวา่ ง
- เกณฑก์ ารตรวจใบ 9-12 คะแนน ถือวา่
ได้ - ตรวจใบกิจกรรม 1.3 กจิ กรรม 1.3 เรือ่ ง จรวด ผา่ นเกณฑ์
กระดาษของใครบนิ ได้ - นกั เรียนสามารถ
เรอ่ื ง จรวดกระดาษของ นานทีส่ ุด ปฏิบตั ิในระดับดีขึน้ ไป
คะแนนอยใู่ นระหว่าง
ใครบินไดน้ านทีส่ ุด - แบบสังเกตพฤติกรรม 9-12 คะแนน ถือวา่
การทำงานกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์
3. ด้านเจตคติ /คุณลักษณะ
นักเรียนสามารถเขา้
มงุ่ มัน่ และรับผิดชอบใน - สงั เกตพฤติกรรมการ ร่วมกจิ กรรมกลุ่มและ
การทำงานกล่มุ ท่ีได้รบั ทำงานกล่มุ รบั ผดิ ชอบงานได้ใน
มอบหมายได้ ระดับดีข้ึนไป มคี ะแนน
อย่รู ะหวา่ ง 11-15
สรปุ ว่าผา่ นเกณฑ์
11. บนั ทึกหลงั การสอน
ชั้น ม.1/1 ช้นั ม.1/2 ชั้น ม.1/3
ผลการสอน - นักเรียนสามารถอธิบายและ - นักเรียนสามารถอธิบายและ - นักเรียนสามารถอธิบายและ
ปัญหา/ ระบุประเภทของทักษะ ระบุประเภทของทักษะ ระบุประเภทของทักษะ
อปุ สรรค
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ขอ้ เสนอแนะ
/แนว ได้ คิดเปน็ ร้อยละ 100 ได้ คิดเป็นรอ้ ยละ 100 ได้ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100
ทางแกไ้ ข
- นักเรียนสามารถปฏิบัติทักษะ - นักเรียนสามารถปฏิบัติทักษะ - นักเรียนสามารถปฏิบัติทักษะ
กระบวนการวิทยาศาสตร์โดย กระบวนการวิทยาศาสตร์โดย กระบวนการวิทยาศาสตร์โดย
ผ่านกิจกรรม 1.2 น้ำสีเคลื่อนท่ี ผ่านกิจกรรม 1.2 น้ำสีเคลื่อนท่ี ผ่านกิจกรรม 1.2 น้ำสีเคลื่อนท่ี
อย่างไรและกิจกรรม 1.3 จรวด อย่างไรและกิจกรรม 1.3 จรวด อย่างไรและกิจกรรม 1.3 จรวด
กระดาษของใครบินได้นานที่สุด กระดาษของใครบินได้นานที่สุด กระดาษของใครบินได้นานทีส่ ุด
ได้ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 80 ได้ คิดเปน็ รอ้ ยละ 80 ได้ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 80
- นักเรียนมีความกระตือรือร้น - นักเรียนมีความกระตือรือร้น - นักเรียนมีความกระตือรือร้น
ในการทำกิจกรรมกลุ่ม สามารถ ในการทำกจิ กรรมกลุ่ม สามารถ ในการทำกิจกรรมกลุ่ม สามารถ
ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ คิดเป็น ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ คิดเป็น ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ คิดเป็น
รอ้ ยละ 100 ร้อยละ 100 ร้อยละ 100
- นักเรียนยังขาดทักษะการ - นักเรียนยังขาดทักษะการ - นักเรียนยังขาดทักษะการ
ทดลอง จึงทำให้บางครั้งไม่ ทดลอง จึงทำให้บางครั้งไม่ ทดลอง จึงทำให้บางครั้งไม่
สามารถดำเนินการตามขั้นตอน สามารถดำเนินการตามขั้นตอน สามารถดำเนินการตามขั้นตอน
การทดลองที่กำหนดไว้ได้ และ การทดลองที่กำหนดไว้ได้ และ การทดลองท่ีกำหนดไว้ได้ และ
ยังขาดทักษะการบันทึกผลและ ยังขาดทักษะการบันทึกผลและ ยังขาดทักษะการบันทึกผลและ
สรปุ ผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง สรปุ ผลการทดลอง
- นักเรียนไม่ค่อยอ่านวิธีการ - นักเรียนไม่ค่อยอ่านวิธีการ - นักเรียนไม่ค่อยอ่านวิธีการ
ทดลองตอ้ งรอให้ครูเป็นคนบอก ทดลองตอ้ งรอให้ครูเป็นคนบอก ทดลองตอ้ งรอให้ครูเป็นคนบอก
อย่ตู ลอด อยตู่ ลอด อย่ตู ลอด
- ก่อนทำการทดลองทุกครั้งให้ - ก่อนทำการทดลองทุกครั้งให้ - ก่อนทำการทดลองทุกครั้งให้
นักเรียนไปสรุปวิธีการทดลอง นักเรียนไปสรุปวิธีการทดลอง นักเรียนไปสรุปวิธีการทดลอง
และสร้างแรง จู งใ จ ใ ห ้ กั บ และสร้างแรง จู งใ จใ ห ้ กั บ และสร้างแรง จู งใ จใ ห ้ กั บ
นักเรียนเกี่ยวข้องกับการ นักเรียนเกี่ยวข้องกับการ นักเรียนเกี่ยวข้องกับการ
ทดลอง เน้นให้ทำการทดลอง ทดลอง เน้นให้ทำการทดลอง ทดลอง เน้นให้ทำการทดลอง
บอ่ ย ๆ ใหเกิดทกั ษะ อกี ทงั้ สอน บ่อย ๆ ใหเกิดทักษะ อกี ทง้ั สอน บอ่ ย ๆ ใหเกดิ ทกั ษะ อกี ท้ังสอน
ในเรอ่ื งวิธกี ารบนั ทกึ การทดลอง ในเร่อื งวธิ กี ารบนั ทึกการทดลอง ในเร่อื งวธิ กี ารบันทกึ การทดลอง
ชนั้ ม.1/1 ชั้น ม.1/2 ช้นั ม.1/3
และสรุปผลการทดลองทีถ่ ูกต้อง และสรปุ ผลการทดลองท่ีถกู ต้อง และสรปุ ผลการทดลองทถ่ี ูกต้อง
ให้กับนักเรียน และให้นักเรียน ให้กับนักเรียน และให้นักเรียน ให้กับนักเรียน และให้นักเรียน
ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง โดยมี ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง โดยมี ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง โดยมี
ครเู ป็นผู้ชแ้ี นะเทา่ นน้ั ครูเป็นผู้ชแ้ี นะเท่านน้ั ครเู ป็นผูช้ ้ีแนะเทา่ น้นั
บันทึกสำหรบั อาจารยพ์ ่เี ลยี้ ง
............................................................................................................................. ...............................................................
.................................................................... .......................................................................................................... ..............
............................................................................................................................. ...............................................................
............................................................................................................................. ...............................................................
ลงชอ่ื ....c........f....u........t.....n...................ผูส้ อน ลงชอ่ื ............................................................
(อาจารย์นวินดา คงภักดี)
(นายอาซือมนั รเู ดง็ )
นกั ศกึ ษาปฏบิ ตั ิการสอน อาจารย์พ่ีเลี้ยง
วนั ท่ี 18 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565 วนั ท่ี 18 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565
แบบบันทึกการใหค้ ะแนนใบกจิ กรรมที่ 1.2 เรอ่ื ง นำ้ เคล่ือนที่อยา่ งไร
ชั้น มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ห้อง……..
คำช้ีแจง : ให้ทำเคร่ืองหมาย ลงในช่องรายการประเมนิ ใบกิจกรรมที่ 1.2 เรื่อง น้ำเคลอ่ื นทอ่ี ยา่ งไรตรงกบั ระดับ
คะแนนทน่ี กั เรียนปฏบิ ตั ิได้
พฤติกรรม
การวางแผน การ การบันทกึ ผล การอภปิ รายผล รวม
ลำ ชอ่ื -สกุล การทดลอง ปฏบิ ัติการ และการจดั การ การทดลองและ
ดับท่ี ทดลอง กบั ขอมูล การนาํ เสนอ
ขอสรุป
4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16
1. 1
2. 2
3. 3
4. 4
5. 5
6.
7.
8.
9.
10.
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
19.
20.
21.
22.
พฤติกรรม
การวางแผน การ การบนั ทกึ ผล การอภิปรายผล รวม
ลำ ชือ่ -สกุล การทดลอง ปฏบิ ัติการ และการจดั การ การทดลองและ
ดับท่ี ทดลอง กับขอมูล การนําเสนอ
ขอสรปุ
4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16
23.
24.
25.
26.
27.
28.
29.
30.
31.
32.
33.
34.
35.
36.
37.
38.
39.
เกณฑก์ ารให้คะแนนระดับคณุ ภาพ
13-16 อยู่ในระดับ ดมี าก
9-12 อยู่ในระดับ ดี
5-8 อยู่ในระดับ พอใช้
1-4 อยู่ในระดบั ปรบั ปรุง
*หมายเหตุ : นกั เรียนสามารถปฏบิ ตั ิในระดับดีขน้ึ ไป คะแนนอย่ใู นระหวา่ ง 9-12 คะแนน ถือวา่ ผ่านเกณฑ์
ลงช่อื ...........................................ผสู้ งั เกต
(...............................................................)
........../.........../...........
รายละเอียดการให้คะแนนใบกจิ กรรมที่ 1.2 เรือ่ ง น้ำเคล่ือนท่อี ยา่ งไร
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ประเดน็ การประเมนิ 4 32 1
ดีมาก ปรบั ปรุง
1. การวางแผนการทดลอง ปฏิบตั ิไดท้ ้งั 3 ดี พอใช้ ไมไ่ ด้ปฏบิ ัติทงั้
1.1 รว่ มกนั วางแผนและแบ่งหน้าท่ีเพื่อ ประเดน็ 3 ประเดน็
ปฏิบตั ิการทดลองตามวธิ กี ารทดลอง ปฏบิ ัติได้ 2 ปฏิบตั ิไดเ้ พยี ง
1.2 ร่วมกนั ออกแบบตางรางบันทกึ ผล ปฏบิ ตั ิไดท้ ั้ง 3 ไมไ่ ด้ปฏบิ ัติทงั้
1.3 รว่ มกนั กำหนดวตั ถุประสงค์ของการ ประเด็น ประเดน็ ประเด็นเดียว 3 ประเดน็
ทดลอง
2. การปฏิบัตกิ ารทดลอง ปฏิบตั ิไดท้ ้ัง 3 ปฏิบัติได้ 2 ปฏบิ ัติไดเ้ พยี ง ไม่ไดป้ ฏบิ ัติทงั้
2.1 ดำเนนิ ตามขน้ั ตอนในเวลาทกี่ ำหนด ประเดน็ ประเดน็ ประเด็นเดียว 3 ประเดน็
2.2 เลอื กใช้วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละสารเคมีให้
ถกู ต้องเหมาะสม ปฏิบตั ิไดท้ ั้ง 3 ปฏิบตั ิได้ 2 ปฏิบตั ิไดเ้ พยี ง ไมไ่ ดป้ ฏิบัติทง้ั
2.3 รกั ษาความสาดและเกบ็ วสั ดุอปุ กรณ์ ประเด็น ประเด็น ประเด็นเดียว 3 ประเดน็
สารเคมไี ด้เรียบร้อย
3. การบันทกึ ผลและการจัดการกับขอมูล ปฏบิ ตั ิได้ 2 ปฏบิ ัติไดเ้ พยี ง
3.1 บันทกึ ผลการทดลองในตารางทรี่ ว่ ม ประเดน็ ประเด็นเดียว
ออกแบบไว้
3.2 จัดกระทำข้อมูลได้เหมาะสมตาม
ลกั ษณะของข้อมูล
3.3 บนั ทึกผลการทดลองตรงกับผลการ
ทดลองของข้อมลู
4. การอภปิ รายผลการทดลองและการ
นําเสนอ
ขอสรุป
4.1 ร่วมกันอภิปรายผลการทดลองและ
การนำเสนอขอ้ สรปุ
ประเด็นการประเมนิ 4 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1
ดมี าก 32 ปรบั ปรงุ
4.2 ร่วมกนั สรุปผลการทดลองโดยใช้ผล ดี พอใช้
การทดลองของกลมุ่ ทบ่ี นั ทึกไว้
4.3 นำเสนอข้อสรุปผลการทดลองได้
ถูกต้องตรงกับข้อสรุปของกลุ่ม
แบบบันทึกการให้คะแนนใบกจิ กรรมที่ 1.3 เรอื่ ง น้ำเคลือ่ นที่อยา่ งไร
ช้ัน มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ห้อง……..
คำชแี้ จง : ให้ทำเคร่ืองหมาย ลงในช่องรายการประเมนิ ใบกจิ กรรมที่ 1.3 เรื่อง จรวดกระดาษของใครบนิ ได้นาน
ท่สี ดุ ตรงกับระดับคะแนนทน่ี ักเรียนปฏบิ ัตไิ ด้
พฤตกิ รรม
การวางแผน การ การบันทกึ ผล การอภปิ รายผล รวม
ลำ ชอ่ื -สกุล การทดลอง ปฏิบัติการ และการจดั การ การทดลองและ
ดับที่ ทดลอง กบั ขอมูล การนาํ เสนอ
ขอสรุป
4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16
40. 1
41. 2
42. 3
43. 4
44. 5
45.
46.
47.
48.
49.
50.
51.
52.
53.
54.
55.
56.
57.
58.
59.
60.
61.