The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เเผนจัดการเรียนรู้ ว21101 วิทยาศาสตร์ 1-2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by rsky691, 2022-10-13 11:25:15

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ว 21101 วิทยาศาสตร์

เเผนจัดการเรียนรู้ ว21101 วิทยาศาสตร์ 1-2565

พฤติกรรม

การวางแผน การ การบนั ทกึ ผล การอภิปรายผล รวม

ลำ ชือ่ -สกุล การทดลอง ปฏบิ ัติการ และการจดั การ การทดลองและ

ดับท่ี ทดลอง กับขอมูล การนําเสนอ

ขอสรปุ

4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16

62.

63.

64.

65.

66.

67.

68.

69.

70.

71.

72.

73.

74.

75.

76.

77.

78.

เกณฑก์ ารให้คะแนนระดับคณุ ภาพ
13-16 อยู่ในระดับ ดมี าก
9-12 อยู่ในระดับ ดี
5-8 อยู่ในระดับ พอใช้
1-4 อยู่ในระดบั ปรบั ปรุง

*หมายเหตุ : นกั เรียนสามารถปฏบิ ตั ิในระดับดีขน้ึ ไป คะแนนอย่ใู นระหวา่ ง 9-12 คะแนน ถือวา่ ผ่านเกณฑ์

ลงชื่อ...........................................ผู้สังเกต
(...............................................................)

........../.........../...........
รายละเอียดการใหค้ ะแนนใบกิจกรรมที่ 1.3 เรื่อง จรวดกระดาษของใครบินได้นานทีส่ ดุ

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

ประเดน็ การประเมิน 4 32 1
ดีมาก ปรบั ปรงุ
1. การวางแผนการทดลอง ปฏิบัติไดท้ ้ัง 3 ดี พอใช้ ไม่ไดป้ ฏบิ ัติทงั้
1.1 รว่ มกนั วางแผนและแบ่งหนา้ ท่ีเพื่อ ประเดน็ 3 ประเดน็
ปฏิบัตกิ ารทดลองตามวิธีการทดลอง ปฏิบัติได้ 2 ปฏิบตั ิไดเ้ พยี ง
1.2 รว่ มกันออกแบบตางรางบนั ทึกผล ปฏิบัติไดท้ งั้ 3 ไม่ไดป้ ฏบิ ัติทงั้
1.3 รว่ มกันกำหนดวัตถุประสงค์ของการ ประเดน็ ประเด็น ประเด็นเดียว 3 ประเดน็
ทดลอง
2. การปฏิบัติการทดลอง ปฏบิ ัติไดท้ ง้ั 3 ปฏบิ ัติได้ 2 ปฏิบตั ิไดเ้ พยี ง ไม่ไดป้ ฏบิ ัติทงั้
2.1 ดำเนนิ ตามขั้นตอนในเวลาทกี่ ำหนด ประเดน็ ประเด็น ประเด็นเดียว 3 ประเดน็
2.2 เลือกใช้วสั ดุอุปกรณ์และสารเคมีให้
ถกู ต้องเหมาะสม ปฏิบัติไดท้ ้ัง 3 ปฏบิ ตั ิได้ 2 ปฏบิ ตั ิไดเ้ พยี ง ไม่ไดป้ ฏิบัติทง้ั
2.3 รกั ษาความสาดและเกบ็ วัสดุอุปกรณ์ ประเด็น ประเด็น ประเด็นเดียว 3 ประเดน็
สารเคมีไดเ้ รยี บร้อย
3. การบนั ทกึ ผลและการจัดการกบั ขอมูล ปฏบิ ัติได้ 2 ปฏบิ ัติไดเ้ พยี ง
3.1 บันทึกผลการทดลองในตารางทร่ี ่วม ประเดน็ ประเด็นเดียว
ออกแบบไว้
3.2 จัดกระทำข้อมูลได้เหมาะสมตาม
ลกั ษณะของข้อมลู
3.3 บันทกึ ผลการทดลองตรงกบั ผลการ
ทดลองของขอ้ มูล
4. การอภปิ รายผลการทดลองและการ
นาํ เสนอ
ขอสรุป
4.1 รว่ มกันอภิปรายผลการทดลองและ
การนำเสนอขอ้ สรุป

ประเด็นการประเมนิ 4 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1
ดมี าก 32 ปรบั ปรงุ
4.2 ร่วมกนั สรุปผลการทดลองโดยใช้ผล ดี พอใช้
การทดลองของกลมุ่ ทบ่ี นั ทึกไว้
4.3 นำเสนอข้อสรุปผลการทดลองได้
ถูกต้องตรงกับข้อสรุปของกลุ่ม

แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
รายวชิ า ว 21101 วิทยาศาสตร์ ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ห้อง………ภาคเรียน……………..ปกี ารศกึ ษา………

กลมุ่ ท…่ี …………ชื่อกลุ่ม……………
คำชี้แจง : สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนรายกล่มุ ในระหว่างเรียนแล้วทำเครื่องหมาย ✓ ลงช่องท่ีตรงกบั ระดับ
คะแนนท่นี กั เรียนปฏบิ ตั ิได้

ลำ ชอ่ื -สกุล พฤติกรรม รวม
ดับท่ี สมาชิกกลุ่ม ความ การแสดง การรบั ฟัง ความตงั้ ใจ การมีสว่ น 20
ร่วมมอื ความ ความ ในการ รว่ มในการ
1. 1
2. 2 คิดเหน็ คดิ เห็น ทำงาน อภิปราย
3. 3 43214321432143214321
4. 4
5. 5
6. 6
7. 7
8. 8
9. 9
10. 0
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.

พฤติกรรม รวม
20
ความ การแสดง การรบั ฟงั ความตั้งใจ การมสี ่วน

ลำ ชือ่ -สกุล ร่วมมอื ความ ความ ในการ รว่ มในการ

ดับที่ สมาชกิ กลุ่ม คดิ เห็น คิดเหน็ ทำงาน อภิปราย

43214321432143214321

19.

20.

21.

22.

23.

24.

25.

26.

27.

28.

29.

30.

31.

32.

33.

34.

35.

36.

37.

38.

39.

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนระดบั คุณภาพ
16-20 อยใู่ นระดบั ดีมาก
11-15 อยู่ในระดบั ดี
6-10 อยใู่ นระดับ พอใช้
1-5 อยใู่ นระดบั ปรับปรุง

*หมายเหตุ : นักเรยี นสามารถปฏบิ ตั ิในระดบั ดีข้นึ ไป คะแนนอย่รู ะหวา่ ง 11-15 คะแนน ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์

ลงช่อื ...........................................ผสู้ งั เกต
(...............................................................)

........../.........../...........

รายละเอยี ดการให้คะแนนการเข้ารว่ มกจิ กรรมกล่มุ

ประเด็นการประเมิน 4 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1
ดมี าก 32 ปรับปรุง
1. ความรว่ มมอื พฤติกรรมท่ปี ฏิบัติ ดี พอใช้ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิ
ชัดเจนทุกคร้ัง พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิ พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิ บางครงั้
2. การแสดงความ ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ
คดิ เห็น พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ พฤติกรรมที่ปฏบิ ัติ
ชัดเจนทุกครั้ง บ่อยครงั้ บางครง้ั
3. การรับฟังความ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติ พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ิ
คดิ เหน็ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิ ชดั เจนและสมำ่ เสมอ ชดั เจนและ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติ
ชัดเจนทุกครง้ั บางครั้ง
4. ความตงั้ ใจในการ บ่อยครัง้
ทำงาน พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ิ พฤติกรรมที่ปฏบิ ัติ พฤติกรรมทีป่ ฏิบัติ
ชดั เจนทุกครั้ง ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชดั เจนและ บางครั้ง
5. การมีสว่ นรว่ มใน
การอภปิ ราย พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิ บ่อยครง้ั พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัติ
ชัดเจนทุกคร้ัง พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติ พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัติ บางครั้ง
ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ

บอ่ ยครง้ั
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิ พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัติ
ชัดเจนและสมำ่ เสมอ ชดั เจนและ

บอ่ ยครง้ั

กลุ่มท่ี ………

กจิ กรรมท่ี 1.2 เรื่อง น้ำสีเคลอื่ นที่ได้อย่างไร

สมาชิกกลุ่ม
1. ช่อื - สกลุ ………………………………………………………เลขที่………..
2. ชอ่ื - สกลุ ………………………………………………………เลขท่ี………..
3. ช่อื - สกลุ ………………………………………………………เลขท่…ี ……..
4. ช่ือ- สกลุ ………………………………………………………เลขที…่ ……..
5. ชอ่ื - สกลุ ………………………………………………………เลขที่………..
6. ชอ่ื - สกุล………………………………………………………เลขท่…ี ……..
7. ชอ่ื - สกลุ ………………………………………………………เลขที่………..

ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 /……….

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 วิทยาศาสตร์ (ว 21101) ชั้น ม. 1
เรือ่ ง ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

ใบกจิ กรรมท่ี 1.2 เร่อื ง น้ำสเี คล่ือนทอ่ี ย่างไร

จดุ ประสงค์ สงั เกตการทดลองการเคลื่อนท่ีของน้ำสแี ละวเิ คราะห์การใช้ทกั ษะกระบวนการทาง

วิทยาศาสตรใ์ นการทดลอง

สมมติฐาน……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ตวั แปรท่ีเกีย่ วข้อง ตวั แปรตน้ ……………………………………………………………………………………………………………………………….

ตวั แปรตาม……………………………………………………………………………………………………………………………..

ตัวแปรควบคมุ ………………………………………………………………………………………………………………………

วัสด/ุ อุปกรณ์ 1. น้ำเยน็ และนำ้ ร้อน อุณหภูมิประมาณ 15 องศาเซลเซียส และ 60 องศาเซลเซยี ส
2. สผี สมอาหารสแี ดงและสีน้ำเงิน หรอื สที แ่ี ตกตา่ งกนั
3. แกว้ นำ้
4. แผน่ พลาสตกิ ขนาดพอดปี ากแก้วน้ำ
5. ถาด

วิธดี ำเนนิ การทดลอง

1. เตมิ น้ำเย็นและนำ้ ร้อนในแกว้ อย่างละใบจนเต็มแกว้ โดยหยดสผี สมอาหารสแี ดงลงในแก้วนำ้ ร้อน และสนี ำ้
เงินลงในแก้วนำ้ เย็น

2. วางแก้วน้ำเย็นบนถาดใช้แผ่นพลาสติกปดิ ปากแก้วแลว้ คว่ำแก้วนำ้ ร้อนลงบนแก้วน้ำเย็น โดยจัดวางปากแก้ว
ทง้ั สองให้ประกบกนั พอดี และให้แก้วนำ้ ร้อนอยู่ด้านบน พยากรณผ์ ลท่ีอาจเกดิ ขน้ึ

3. ดงึ แผน่ พลาสตกิ ทีป่ ิดปากแกว้ ออก สังเกตสงิ่ ท่ีเกิดขน้ึ โดยไมเ่ พมิ่ ความเห็นส่วนตัวลงไป บนั ทึกผล

4. ทำซ้ำตามข้อ 1-3 แต่สลับตำแหน่งแก้วโดยวางแกว้ ร้อนไวบ้ นถาด แลว้ นำแผน่ พลาสติกปดิ ปากแก้วนำ้ เยน็
ประกบลงบนแลว้ น้ำร้อน

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 การคาดคะเน วิทยาศาสตร์ (ว 21101) ช้ัน ม. 1
เรือ่ ง ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ผลการเปล่ียนแปลง
ตารางบนั ทึกผลการทดลอง
การทดลอง

1. แกว้ นำ้ รอ้ นประกบลงบนแก้วนำ้
เยน็

2. แก้วนำ้ เย็นประกบบนแกว้ นำ้ ร้อน

สรปุ ผลการทดลอง…………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

คำถามท้ายกิจกรรม

นักเรียนได้ฝึกทักษะกระบวนการวิทยาศาสตรใ์ ดบ้าง ในการทำกจิ กรรมแต่ละข้ันตอน

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 วิทยาศาสตร์ (ว 21101) ช้ัน ม. 1
เรอ่ื ง ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
เร่อื ง น้ำสเี คล่อื นทอ่ี ยา่ งไร (เฉลย)
ใบกจิ กรรมที่ 1.2

จดุ ประสงค์ สังเกตการทดลองการเคล่ือนท่ีของน้ำสแี ละวิเคราะหก์ ารใชท้ กั ษะกระบวนการทาง

วทิ ยาศาสตรใ์ นการทดลอง

สมมติฐาน หากวางแกว้ น้ำเย็นประกบลงบนแก้วน้ำร้อน น้ำเย็นจะเคลื่อนทผ่ี สมกับน้ำรอ้ น
หากวางแกว้ นำ้ รอนประกบลงบนแก้วน้ำเย็น นำ้ รอ้ นจะไมเ่ คลื่อนทผี่ สมกบั นำ้ เยน็

ตวั แปรที่เกี่ยวข้อง ตวั แปรต้น ตำแหน่งการวางแก้วน้ำร้อนและน้ำเยน็
ตัวแปรตาม การเคลอื่ นทีข่ องน้สีในแก้วทั้งสองใบ
ตวั แปรควบคุม - อุณหภมู ขิ องนำ้ รอ้ นและน้ำเย็นในการทดลองทั้ง 2 รอบ
- ขนาดของแกว้ , ชนิดของสีผสมอาหาร
- เวลาในใช้ในการสงั เกต

วัสด/ุ อุปกรณ์ 1. นำ้ เยน็ และน้ำร้อน อุณหภูมิประมาณ 15 องศาเซลเซยี ส และ 60 องศาเซลเซยี ส
2. สีผสมอาหารสีแดงและสนี ้ำเงนิ หรอื สีทีแ่ ตกตา่ งกัน
3. แก้วน้ำ
4. แผ่นพลาสติกขนาดพอดปี ากแกว้ น้ำ
5. ถาด

วธิ ีดำเนนิ การทดลอง

1. เตมิ น้ำเยน็ และน้ำร้อนในแก้วอยา่ งละใบจนเตม็ แกว้ โดยหยดสีผสมอาหารสแี ดงลงในแก้วนำ้ รอ้ น และสีน้ำ
เงินลงในแกว้ นำ้ เย็น

2. วางแกว้ นำ้ เยน็ บนถาดใช้แผ่นพลาสตกิ ปิดปากแกว้ แลว้ คว่ำแก้วน้ำรอ้ นลงบนแก้วนำ้ เย็น โดยจัดวางปากแก้ว
ท้ังสองใหป้ ระกบกันพอดี และใหแ้ กว้ น้ำร้อนอยูด่ ้านบน พยากรณ์ผลท่อี าจเกดิ ขน้ึ

3. ดึงแผ่นพลาสติกท่ีปิดปากแกว้ ออก สังเกตส่งิ ทเี่ กิดขึน้ โดยไม่เพิ่มความเห็นสว่ นตัวลงไป บันทกึ ผล

4. ทำซ้ำตามข้อ 1-3 แตส่ ลบั ตำแหน่งแกว้ โดยวางแก้วร้อนไวบ้ นถาด แล้วนำแผน่ พลาสติกปิดปากแก้วนำ้ เยน็
ประกบลงบนแลว้ นำ้ ร้อน

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 วิทยาศาสตร์ (ว 21101) ชนั้ ม. 1
เรือ่ ง ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ตารางบันทึกผลการทดลอง การคาดคะเน ผลการเปล่ยี นแปลง
การทดลอง

1. แกว้ นำ้ รอ้ นประกบลงบนแกว้ นำ้ นำ้ สจี ากแก้วทงั้ สองผสมกนั นำ้ สีจากแก้วท้ังสองไม่ผสมกันโดยสี
เย็น แดงอยู่ในแก้วบน และสีเขียวอย่ใู น

แก้วล่าง

เมอ่ื ดึงกระดาษทีป่ ิดปากแก้วทง้ั สอง นำ้ สแี ดงและสเี ขยี วมผี สมกันอย่าง
2. แกว้ นำ้ เยน็ ประกบบนแก้วนำ้ ร้อน ออกน้ำในแกว้ ทง้ั สองจะไมผ่ สมกนั รวดเร็ว ทำใหแ้ ก้วน้ำท้ังสองเป็นสี
คล้ำเนื่องจากเกิดจากการผสมกัน
เหมอื นกิจกรรมก่อนหน้าน้ี
ของสแี ดงและนำ้ สเี ขียว

สรปุ ผลการทดลอง
จากการทดลองน้ีจะเหน็ ได้ว่า เมอื่ เรานำนำ้ ร้อนไวด้ ้านบน แล้วนำน้ำเย็นไว้ด้านล่างสีท้งั สองจะไม่ผสมกนั เน่ืองจาก
นำ้ ร้อนและน้ำเยน็ มคี วามหนาแน่นทแ่ี ตกต่างกนั มาก ซึง่ นำ้ รอ้ นมคี วามหนาแนน่ น้อยจึงลอยอยดู่ ้านบน ส่วนน้ำ
เยน็ มคี วามหนาแน่นมากจึงจมอยู่ด้านลา่ ง

คำถามท้ายกิจกรรม

นักเรียนได้ฝกึ ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ใดบา้ ง ในการทำกจิ กรรมแตล่ ะขั้นตอน

การตงั้ สมมตฐิ าน การกำหนดและควบคุมตวั แปร การทดลอง การพยากรณ์ การจดั กระทำและส่ือความหมาย
ขอ้ มลู การตีความหมายและลงข้อสรุป

กลมุ่ ที่ ………

กจิ กรรมท่ี 1.3 เรื่อง จรวดกระดาษของใครบินไดน้ านทส่ี ุด

สมาชกิ กลมุ่
1. ช่ือ- สกลุ ………………………………………………………เลขที่………..
2. ชอ่ื - สกลุ ………………………………………………………เลขท่ี………..
3. ชื่อ- สกลุ ………………………………………………………เลขที่………..
4. ชื่อ- สกุล………………………………………………………เลขท…่ี ……..
5. ชื่อ- สกลุ ………………………………………………………เลขที่………..
6. ชือ่ - สกุล………………………………………………………เลขท…ี่ ……..
7. ช่อื - สกุล………………………………………………………เลขที่………..

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 วิทยาศาสตร์ (ว 21101) ช้ัน ม. 1
เรอ่ื ง ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
จรวดกระดาษของใครบนิ ไดน้ านที่สดุ
ใบกจิ กรรมท่ี 1.3

จุดประสงค์ พับจรวด สังเกตการเคลื่อนที่ของกระดาษ

วสั ดุ/อปุ กรณ์ กระดาษขนาด A4 จำนวน 10 แผน่

วิธีดำเนนิ การทดลอง

1. ใหน้ ักเรียนสืบคน้ และอภปิ รายว่าจรวดกระดาษลักษณะแบบใดทนี่ ่าจะอยใู่ นอากาศไดน้ านท่สี ดุ
2. เลอื กพบั จรวดกระดาษตามวธิ ีที่ได้จากการอภปิ ราย โดยใช้กระดาษ 1 แผน่ ในการพับจรวด 1 ชน้ิ
3. แข่งขันร่อนจรวด โดยมีกติกาการแข่งขัน และวิธกี ารสังเกตวา่ จรวดใครอยู่ในอากาศได้นานท่ีสุด จากการ
แขง่ ขันร่อนจรวด 3 ครั้ง บันทึกเวลาทงั้ 3 ครง้ั และหาค่าเฉล่ีย
4. จัดกล่มุ จรวดตามระยะเวลาเฉล่ยี ท่รี ่อนอย่ใู นอากาศ และจัดแสดงผลงานจรวดท้ังเวลาเฉลย่ี ทจ่ี รวดแตล่ ะ
ชนิ้ ใชใ้ นการเคลื่อนท่ี ใหเ้ ข้าใจงา่ ย
5. รว่ มกนั อภปิ รายและลงขอ้ สรุปเก่ยี วกับลกั ษณะร่วมกันของจรวดกระดาษที่สามมารถร่อนอย่ใู นอากาศได้
นานที่สุด

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 วิทยาศาสตร์ (ว 21101) ชน้ั ม. 1
เรอ่ื ง ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

วาดรูปลักษณะของจรวดทน่ี ักเรียนเลอื ก

ตารางบันทึกผลการทำกจิ กรรม

การทดลอง

กิจกรรม ครง้ั ท่ี 1 คร้งั ท่ี 2 ครง้ั ท่ี 3 เฉล่ยี
เวลาท่ีจรวดรอ่ นอยู่
ในอากาศ (วนิ าที)

สรปุ ผลการทำกิจกรรม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...

คำถามทา้ ยกิจกรรม
นกั เรยี นไดฝ้ กึ ทักษะกระบวนการวทิ ยาศาสตร์ใดบ้าง ในการทำกิจกรรมในแตล่ ะขั้นตอน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 4

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 สารบริสุทธิ์

รหสั วชิ า ว 21101 วิทยาศาสตร์ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชน้ั
เรือ่ ง มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565
ผ้สู อน
จุดเดอื ดและจุดหลอมเหลว จำนวน 3 คาบ

ปส. อาซือมัน รูเดง็ อาจารยพ์ เี่ ลย้ี ง อาจารยน์ วนิ ดา คงภกั ดี

1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่าสมบัติของสสารกับ

โครงสร้างและแรงยึดหน่วยระหว่าอนุภาค หลักธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง สถานะของสสาร การเกิดสารละลาย
และปฏิกริ ิยาเคมี

ตวั ชวี้ ัด
ว 2.1 ม. 1/4 เปรียบเทียบจุดเดือด จุดหลอมเหลวของสารบริสุทธิ์และสารผสม โดยการวัดอุณหภูมิ เขียน
กราฟ แปลความหมายข้อมูลจากกราฟหรือสารสนเทศ
2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
สารบรสิ ทุ ธปิ์ ระกอบด้วยสารเพียงชนิดเดียว ส่วนสารผสมประกอบด้วยสารตั้งแต่ 2 ชนดิ ขึ้นไป สารบริสุทธิ์แต่
ละชนิดมีสมบตั บิ างประการท่ีเป็นค่าเฉพาะตวั มีค่าคงท่ี เช่น จุดเดอื ด จุดหลอมเหลว และความหนาแนน่ แตส่ ารผสมมี
จุดเดือด จดุ หลอมเหลว และความหนาแน่นไมค่ งท่ี ขน้ึ อย่กู บั ชนิดและสดั สว่ นของสารท่ีผสมอยู่ดว้ ยกัน
3. สาระการเรียนรู้
สารบริสทุ ธ์ิ คือ สารเนือ้ เดยี วที่ประกอบดว้ ยสารเพียงชนดิ เดียว แบ่งเป็นธาตุ และสารประกอบ สารบริสุทธ์ิมี
สมบัติสำคัญ คือ มีจุดเดือด จุดหลอมเหลวคงท่ี และมีช่วงของการหลอมเหลวแคบ ดังนั้นในการพิจารณาว่าสารใดเปน็
สารบริสุทธ์หิ รือสารผสมดูได้จากจุดเดือด จดุ หลอมเหลว ถ้าคงทจ่ี ดั เป็นสารบรสิ ทุ ธ์ิ ถา้ ไม่คงท่ีจดั เปน็ จัดเป็นสารผสม
สารผสม คือ สารที่เกิดจากการนำสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปมาผสมกันโดยมีอัตราส่วนไม่แน่นอนและไม่
เกดิ ปฏิกริ ิยาเคมีได้สารชนิดใหม่ สารแตล่ ะชนดิ ท่นี ำมาผสมกันยงั คงสมบตั ขิ องสารน้นั
จุดเดือด (Boiling point : b.p.) คือ อุณหภูมิที่สารเปลี่ยนสถานะจากของเหลวไปเป็นแก๊ส ถ้าเป็นสาร
บริสุทธจ์ิ ะมจี ดุ เดอื ดคงทตี่ ลอดเวลาต้ังแตข่ องเหลวเร่ิมเดอื ดจนกลายเปน็ ไอหมด เช่น น้ำมจี ดุ เดือด 100 องศาเซลเซียส
เอทานอลมจี ดุ เดอื ด 78.5 องศาเซลเซยี ส ส่วนสารผสมจะมจี ดุ เดอื ดไม่คงที่เนื่องจากประกอบดว้ ยสารหลายชนิด เม่ือถึง
จุดเดือดของสารชนิดนั้นจะระเหยไปเหลือสารอื่นซึ่งมีจุดเดือดแตกต่างกันออกไป จึงทำให้สารไม่บริสุทธิ์มีจุดเดือดไม่
คงที่

จุดหลอมเหลว (Melting point : m.p.) คือ อุณหภูมิที่สารเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลวหมด
และมอี ุณหภูมิชว่ งการหลอมเหลวแคบ เชน่ น้ำแข็งมีจุดหลอมเหลว 0 องศาเซลเซียส โซเดียมคลอไรด์มีจุดหลอมเหลว
801 องศาเซลเซียส ส่วนสารผสมจะมจี ดุ หลอมเหลวไม่คงทแ่ี ละมอี ุณหภูมิช่วงการหลอมเหลวกวา้ ง
การตรวจสอบสารบรสิ ทุ ธ์ิ และสารผสม

1. วิธกี ารระเหยแห้ง โดยการใหค้ วามร้อน ทำให้สารเปลีย่ นสถานะจากของเหลวกลายเป็นแกส๊
ถ้ามีของแข็งเหลืออยู่แสดงว่า มีองค์ประกอบ 2 ส่วนขึ้นไปโดยมีสถานะที่แตกต่างกัน แสดงว่าเป็น

สารละลาย หรอื สารผสม
ถ้าไม่มีสารใดเหลืออยู่ แสดงว่า อาจเป็นสารบริสุทธิ์ที่มีองค์ประกอบเดียวหรือเป็นสารละลายที่มี

องคป์ ระกอบสถานะเดียวกนั (ของเหลวทง้ั ตัวทำละลายและตวั ละลาย) ดงั น้ันจงึ สรปุ ไม่ได้วา่ เป็นสารบรเิ ภทใด
2. วิธีการหาอุณภูมิจุดเดือด สารบริสุทธิ์จะมีจุดเดือดคงที่ ส่วนสารที่ไม่บริสุทธิ์จะมีจุดเดือดไม่คงที่ เนื่องจาก

ประกอบดว้ ยสารหลายชนิด เมือ่ ถงึ จุดเดือดสารชนิดหน่ึง สารนนั้ จะระเหยไปเหลือสารอ่ืน ซ่งึ มีจดุ เดือดแตกต่างออกไป
จึงทำให้สารไม่บรสิ ุทธ์มิ ีจดุ เดอื ดไมค่ งที่

กราฟแสดงจดุ เดอื ดของสารบริสทุ ธ์แิ ละสารผสม
(ทม่ี า: https://sites.google.com/site/chamicalproject1)
3. วธิ กี ารหาจุดหลอมเหลว สารบรสิ ทุ ธิจ์ ะมีจุดหลอมเหลวคงท่แี ละมีอณุ หภูมิชว่ งการหลอมเหลวแคบ (ไมเ่ กนิ
2 องศาเซลเซยี ส) สารผสมจะมจี ุดหลอมเหลวไม่คงที่และมีอณุ หภูมชิ ว่ งการหลอมเหลวกวา้ งกวา่ (เกิน 2 องศา
เซลเซยี ส)

กราฟแสดงจดุ หลอมเหลวของสารบริสุทธแิ์ ละสารผสม
(ทม่ี า: https://sites.google.com/site/chamicalproject1/)

4. สมรรถนะของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.2 ความสามารถในการคิด
4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา
4.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
5.1 มวี ินยั
5.2 ใฝเ่ รียนรู้
5.3 มงุ่ มน่ั ในการทำงาน

6. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
6.1 กิจกรรม 2.1 จดุ เดอื ด จดุ หลอมเหลวของสารบริสทุ ธิ์และสารผสม

7. จุดประสงค์การเรียนรู้
7.1 ดา้ นความรู้ (K)
7.1.1 อธิบายจดุ เดือด จุดหลอมเหลวของสารบรสิ ทุ ธแ์ิ ละสารผสม โดยการวัดอุณหภูมิได้
7.1.2 เปรียบเทยี บจดุ เดอื ด จุดหลอมเหลวของสารบริสุทธิ์และสารผสมโดยการวัดอณุ หภมู ิได้
7.1.3 จำแนกสารบรสิ ทุ ธ์แิ ละสารผสมได้
7.2 ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
7.2.1 เขยี นกราฟเปรยี บเทียบจุดเดอื ด จุดหลอมเหลวของสารบริสุทธ์แิ ละสารผสมได้
7.3 ด้านเจตคต/ิ คณุ ลกั ษณะ (A)
7.3.1 มงุ่ มัน่ และรับผดิ ชอบในการทำงานกลุ่มท่ไี ด้รับมอบหมายได้

8. กจิ กรรมการเรียนรู้
8.1 ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement)(20 นาที)
8.1.1 นักเรยี นดูภาพทองคำ 2 รูป ดงั นี้

- นกั เรยี นคิดว่า 2 รปู นมี้ เี หมือนหรอื แตกต่างกันอย่างไร (แนวคำตอบ นักเรียนตอบตามความเข้าใจ
เชน่ แตกตา่ งกนั รูปที่ 1 เป็นทองคำแท่ง สว่ นรูปที่ 2 เปน็ ทองคำรูปพรรณ)

- แลว้ นกั เรยี นคิดว่าทองคำทั้งสอง รปู น้ี รูปไหนเปน็ สารบริสุทธิแ์ ล้วรปู ไหนเปน็ สารผสม (แนวคำตอบ
นักเรียนตอบตามความเข้าใจ)

8.1.2 นกั เรยี นอา่ นบทความเร่ือง ทองคำแท่งและทองคำรูปพรรณ โดยใชห้ นังสือวิทยาศาสตรแ์ ละ
เทคโนโลยี ม.1 เล่ม 1

- ทองคำท่ีใชท้ ำเครื่องประดับหรือทองรูปพรรณ ไม่ได้เป็นสารบริสทุ ธท์ิ ีป่ ระกอบดว้ ยทองคำเพียงอยา่ ง
เดยี ว เนอ่ื งจากทองคำบรสิ ุทธ์ิ 100% แม้จะมีความเหนยี ว สามารถยดื ขยาย ตหี รอื รีดในทุกทิศทางได้ แต่มีความออ่ นตัว
มากกวา่ โลหะชนิดอน่ื ๆ ทำให้ไม่สามารถทำเปน็ รูปทรงต่าง ๆ ตามทีต่ ้องการได้ ส่วนทองรปู พรรณเปน็ สารผสมระหวา่ ง
ทองคำกบั โลหะชนดิ อื่น ๆ เช่น เงิน ทองแดง ในอัตราสว่ นท่เี หมาะสม ซึ่งจะทำใหส้ มบตั ิต่าง ๆ ของทองคำ เช่น สี จุด
หลอมเหลว ความหนาแนน่ เปล่ียนไป นองจากนั้นยงั ทำให้ทองคำแข็งและคงรปู ดีขึน้ สามารถทำเครื่องประดับไดง้ ่ายข้ึน

8.1.3 นักเรยี นตอบคำถามครู ดังนี้
- ทองคำแทง่ และทองรปู พรรณมสี มบตั ิตา่ งกันอย่างไร (แนวคำตอบทองคำแทง่ มีความเหนยี ว
สามารถยดื ขยาย ตีหรือรีดในทุกทิศทางได้ แต่มีความออ่ นตวั มากกวา่ โลหะชนิดอ่ืน ๆ ทำให้ไม่สามารถทำเป็นรปู ทรงตา่ ง
ๆ ตามที่ต้องการได้ ส่วนทองรูปพรรณมสี ่วนผสมของโลหะอน่ื ทำใหม้ สี มบัติแข็งและคงรปู ดขี นึ้ สามารถประดิษฐ์เป็น
เครอื่ งประดับได้ง่าย)
- นกั เรยี นคดิ ว่าทองรปู พรรณมจี ุดเดือดจดุ หลอมเหลว และความหนาแน่นเหมือนหรือแตกตา่ งจาก
ทองคำอย่างไร (แนวคำตอบ นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจ)
8.2 การสํารวจและค้นหา (Exploration) (60 นาท)ี
8.2.1 นักเรียนฟังครูบรรยาย เรื่อง สารบริสุทธิ์และสารผสม โดยใช้สไลด์นำเสนอ เรื่อง สารบริสุทธ์ิ
และสารผสม และนักเรยี นสามารถสืบค้นขอ้ มลู เพ่ิมเตมิ ในหนงั สือ หรืออินเทอรเ์ น็ต
8.2.2 นักเรยี นแบ่งกลมุ่ 6 กลุม่ ละ 6-7 คน โดยแบ่งตามอธั ยาศัย
8.2.3 นกั เรยี นดคู รูสาธติ การทำกิจกรรมที่ 2.1 จุดเดอื ด จุดหลอมเหลวของสารบริสทุ ธ์แิ ละสารผสม
8.2.4 นกั เรียนแต่ละกลมุ่ รบั ใบกิจกรรมท่ี 2.1 จุดเดอื ด จดุ หลอมเหลวของสารบรสิ ทุ ธ์ิและสารผสม
8.3 การอธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation)( 20 นาท)ี
8.3.1 นักเรียนส่งตัวแทนนำเสนอ 1-2 คนจำนวน 1 กลุ่ม โดยใช้กลุ่มที่อาสาในการสำเสนอ และ
นกั เรยี นตอบคำถามครู ดงั น้ี
- จากต้นคาบนักเรียนคิดว่าทองรูปพรรณมีจุดเดือดจุดหลอมเหลว และความหนาแน่นเหมือนหรือ
แตกต่างจากทองคำอย่างไร (แนวคำตอบ ทองรูปพรรณยมีจดุ เดือดและจุดหลอมเหลวไม่คงที่และมีช่วงอุณหภูมิในการ
หลอมเหลวกว้าง เพราะว่าทองรูปพรรณเป็นสารผสมทองคำกับโลหะชนิดอื่น ๆ ส่วนทองคำ มีจุดเดือดและจุด
หลอมเหลวคงที่ เพราะว่าทองคำมีเปน็ สารบรสิ ุทธิ์

- นักเรียนลองคิดดูว่าถ้าครูเอาน้ำเกลือกับน้ำกลั่นนักเรียนคิดว่าจุดเดือด จุดหลอมเหลวของสารท้ัง
สองชนดิ นเ้ี หมอื นกนั หรือไม่ อยา่ งไร (แนวคำตอบ จุดเดือดจดุ หลอมเหลวของสารทั้งสองแตกตา่ งกัน เพราะว่าน้ำเกลือ
เป็นสารผสมระหวา่ งนำ้ กับเกลอื สว่ นนำ้ กลัน่ เป็นสารบรสิ ุทธ์ิ
8.3.2 นกั เรียนและครูร่วมกบั อภปิ รายลงข้อสรุปกจิ กรรม 2.1 จดุ เดอื ด จดุ หลอมเหลวของสารบรสิ ทุ ธ์ิและสารผสม

8.4 การขยายความรู้ (Elaboration)(40 นาที)
8.4.1 นักเรียนแบ่งกลมุ่ 6 กลมุ่ ละ 6-7 คน โดยใชก้ ลมุ่ เดิมจากกิจกรรมท่ผี ่านมา
8.4.2 นกั เรยี นแต่ละกลุม่ เลน่ เกม “เอฟการ์ดสารบริสทุ ธ์ิและสารผสม” โดยมีกตกิ า ดังนี้
- นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มจะได้รบั เงินในการเลน่ เกมคนละ 10 เหรยี ญ และในหอ้ งเรยี นครูจะเป็นพ่อค้า

ในการขายการด์ สารบริสทุ ธ์ิและสารผสม ซึ่งการ์ดแต่ละใบจะอยูใ่ นกล่องสุ่ม นักเรียนไม่สามารถรู้ไดเ้ ลยว่าตอนซื้อกล่มุ
ตวั เองจะไดก้ าร์ดอะไร และบนการ์ดจะมคี ะแนนของการด์ ทีแ่ ตกต่างกนั

- นกั เรียนแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนมาซือ้ การ์ด (ราคาการ์ดอยู่ที่ใบละ 1 เหรยี ญ) โดยนักเรยี นจะเริม่ ซ้ือ
ได้ตอนท่ีพอ่ ค้าหรือครูบอกวา่ “รา้ นการด์ เปดิ แลว้ จ้า”

- เม่ือนักเรียนซอื้ การ์ดเรยี บร้อยแลว้ ไปนำใปแปะในสมดุ สะสมการ์ด ตัวอยา่ งเช่น ได้การ์ดน้ำเชื่อม
ซึ่งนักเรียนจะต้องจำแนกให้ได้ว่าการ์ดใบนั้นอยู่ในสารบริสทุ ธิ์หรือสารผสม ถ้าสมมตินักเรียนแปะผิดนักเรียนก็จะต้อง
เสียการ์ดและคะแนนบนการ์ดนั้นไป การ์ดใบนั้นก็จะกลับมาที่พ่อค้าหรือครูแทน และพ่อค้าหรือครูก็จะทำการขาย
ตอ่ ไป

- กลุ่มไหนทีส่ ะสมคะแนนบนการด์ สงู สดุ กลุ่มนั้นจะเป็นผชู้ นะ รบั คะพเิ ศษคนละ 1 คะแนน
8.5 การประเมินผล/สรปุ (Evaluation)(10 นาท)ี

8.5.1 นักเรียนอภิปรายพรอ้ มกันเกีย่ วกับประโยชน์จากความรู้เรือ่ ง จุดเดือดและจุดหลอมเหลวมาใช้
ในชวี ิตประจำวัน โดยมีคำถามดังนี้

- การจำแนกของสารบรสิ ทุ ธิแ์ ละสารผสม นอกจากใช้วิธกี ารหาจุดเดือดและจุดหลอมเหลว เราสามาร
ใช้วิธกี ารอนื่ ได้หรอื ไม่ (แนวคำตอบ นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจ อยา่ งเชน่ การกรอง การกลั่น เป็นต้น

8.5.2 นักเรียนและครรู ว่ มกันสรปุ บทเรยี นจุดเดอื ดจุดหลอมเหลวของสารบรสิ ุทธิแ์ ละสารผสม
8.5.3 นกั เรียนร่วมกันสะท้อนการเรยี นการสอนและควารสู้ ึกหลังเรียน โดยใช้ Padlet
9. ส่อื และแหล่งเรียนรู้
9.1 หนังสือเรียนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (สสวท.) เล่มท่ี 1
9.2 เกม “เอฟการ์ดสารบริสทุ ธ์แิ ละสารผสม”
9.3 สไลดน์ ำเสนอ เรือ่ ง สารบริสุทธ์ิและสารผสม
9.4 แอปฟลเิ คชนั Padlet

10. การวัดและการประเมินผล

การวัดผลประเมนิ ผล วธิ ีการวัด เครือ่ งมอื วัด เกณฑ์การผา่ น
1. ด้านความรู้
1. อธบิ ายจดุ เดอื ด จุด - ตรวจใบกิจกรรม 2.1จุด - เกณฑก์ ารตรวจใบ - นกั เรียนสามารถ
หลอมเหลวของสาร เดอื ด จดุ หลอมเหลวของ กิจกรรม 2.1จดุ เดือด จุด ปฏบิ ตั ิในระดับดีขนึ้ ไป
บริสุทธิแ์ ละสารผสม โดย สารบรสิ ุทธแ์ิ ละสารผสม หลอมเหลวของสาร คะแนนอยใู่ นระหว่าง
การวัดอณุ หภูมิได้ - สังเกตการตอบคำถาม บรสิ ุทธ์ิและสารผสม 9-12 คะแนน ถือว่า
2. เปรียบเทยี บจดุ เดอื ด จากจากเกม “เอฟการด์ - เกม “เอฟการ์ดสาร ผา่ นเกณฑ์
จุดหลอมเหลวของสาร สารบริสทุ ธ์ิและสารผสม” บริสุทธิ์และสารผสม” - นกั เรยี นสามารถตอบ
บรสิ ุทธ์แิ ละสารผสมโดย - สังเกตการตอบคำถามใน - ชุดคำถาม คำถามไดถ้ ูกต้องรอ้ ย
การวดั อณุ หภมู ิได้ ชั้นเรยี น ละ 80 และมสี ว่ นร่วม
3. จำแนกสารบรสิ ทุ ธแิ์ ละ ในเกมถือว่าผา่ เกณฑ์
สารผสมได้ - นักเรียนสามารถตอบ
คำถามได้ถูกต้องร้อย
ละ 50 สรปุ ว่าผ่าน
เกณฑ์

2. ด้านทักษะกระบวนการ

7.2.1 เขยี นกราฟ - ตรวจใบกิจกรรม 2.1จดุ - เกณฑ์การตรวจใบ - นกั เรยี นสามารถ
กจิ กรรม 2.1 จดุ เดือด จุด ปฏบิ ตั ิในระดบั ดีข้นึ ไป
เปรยี บเทียบจุดเดือด จุด เดือด จุดหลอมเหลวของ หลอมเหลวของสาร คะแนนอย่ใู นระหวา่ ง
บรสิ ทุ ธิแ์ ละสารผสม 9-12 คะแนน ถือว่า
หลอมเหลวของสาร สารบรสิ ทุ ธแิ์ ละสารผสม ผ่านเกณฑ์
- แบบสงั เกตพฤติกรรม
บรสิ ทุ ธแ์ิ ละสารผสมได้ การทำงานกลมุ่ นกั เรียนสามารถเขา้
ร่วมกจิ กรรมกลุ่มและ
3. ดา้ นเจตคติ /คณุ ลักษณะ รับผดิ ชอบงานได้ใน
ระดับดีข้นึ ไป มีคะแนน
มุ่งมัน่ และรบั ผดิ ชอบใน - สงั เกตพฤติกรรมการ อยรู่ ะหว่าง 11-15
การทำงานกลมุ่ ท่ีได้รบั ทำงานกลุ่ม สรุปวา่ ผา่ นเกณฑ์
มอบหมายได้

11. บันทกึ หลังการสอน

ช้นั ม.1/1 ชนั้ ม.1/2 ช้นั ม.1/3

ผลการสอน - นักเรียนสามารถอธิบายจุด - นักเรียนสามารถอธิบายจุด - นักเรียนสามารถอธิบายจุด

ปัญหา/ เดือด จุดหลอมเหลวของสาร เดือด จุดหลอมเหลวของสาร เดือด จุดหลอมเหลวของสาร
อุปสรรค
ขอ้ เสนอแนะ บรสิ ทุ ธแิ์ ละสารผสม โดยการวดั บรสิ ทุ ธ์ิและสารผสม โดยการวัด บรสิ ุทธิ์และสารผสม โดยการวัด
/แนว
ทางแก้ไข อุณหภมู ไิ ด้ อ ุ ณ ห ภ ู ม ิ ไ ด้ ส า ม า ร ถ อุณหภมู ิได้

สามารถเปรียบเทียบจุดเดือด เปรียบเทียบจุดเดือด จุด สามารถเปรียบเทียบจุดเดือด

จุดหลอมเหลวของสารบริสุทธ์ิ หลอมเหลวของสารบริสุทธิ์และ จุดหลอมเหลวของสารบริสุทธิ์

แ ล ะ ส า ร ผ ส ม โ ด ย ก า ร วั ด สารผสมโดยการวดั อุณหภูมไิ ด้ แ ล ะ ส า ร ผ ส ม โ ด ย ก า ร วั ด

อุณหภูมิได้และสามารถจำแนก และสามารถจำแนกสารบริสุทธิ์ อุณหภูมิได้และสามารถจำแนก

สารบริสุทธิ์และสารผสมได้ คิด และสารผสมได้ คิดเป็นร้อยละ สารบริสุทธิ์และสารผสมได้ คิด

เปน็ รอ้ ยละ 100 100 เปน็ รอ้ ยละ 100

- นักเรียนสามารถเขียนกราฟ - นักเรียนสามารถเขียนกราฟ - นักเรียนสามารถเขียนกราฟ

จุดเดือดจุดหลอมเหลวของสาร จุดเดือดจุดหลอมเหลวของสาร จุดเดือดจุดหลอมเหลวของสาร

บริสุทธ์และสารผสมได้ ร้อยละ บริสุทธ์และสารผสมได้ ร้อยละ บริสุทธ์และสารผสมได้ ร้อยละ

80 80 70

- นักเรียนมีความกระตือรือร้น - นักเรียนมีความกระตือรือร้น - นักเรียนมีความกระตือรือร้น

ในการทำกิจกรรมกลุ่ม สามารถ ในการทำกจิ กรรมกลุ่ม สามารถ ในการทำกิจกรรมกลุ่ม สามารถ

ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ คิดเป็น ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ คิดเป็น ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ คิดเป็น

รอ้ ยละ 100 รอ้ ยละ 100 ร้อยละ 100

- มีนักเรียนร้อยละ 5 ที่ยังไม่ - มีนักเรียนร้อยละ 5 ที่ยังไม่ - มีนักเรียนร้อยละ 5 ที่ยังไม่

สามารถอ่านเครื่องวัดอุณหภูมิ สามารถอ่านเครื่องวัดอุณหภูมิ สามารถอ่านเครื่องวัดอุณหภูมิ

(เทอรม์ อมิเตอร)์ ได้ (เทอร์มอมิเตอร์) ได้ (เทอรม์ อมิเตอร์) ได้

- นกั เรียนบางสว่ นยังไม่สามารถ - นักเรยี นบางส่วนยังไม่สามารถ - นักเรียนบางส่วนยงั ไมส่ ามารถ

วาดกราฟท่ีถูกต้อง วาดกราฟท่ีถกู ตอ้ ง วาดกราฟทถี่ ูกตอ้ ง

- สอนเพ่ิมเติมเก่ียวกบั การวิธีใช้ - สอนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิธีใช้ - สอนเพิม่ เตมิ เก่ียวกบั การวิธีใช้

เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ให้ เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ให้ เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ให้

นักเรียน นกั เรียน นกั เรียน

- เน้นให้นักเรียนเขียนกราฟเชิง - เน้นให้นักเรียนเขียนกราฟเชิง - เน้นให้นักเรียนเขียนกราฟเชิง

เส้นบอ่ ย ๆ ให้เกิดความชำนาญ เสน้ บอ่ ย ๆ ใหเ้ กิดความชำนาญ เสน้ บ่อย ๆ ใหเ้ กิดความชำนาญ

บันทึกสำหรบั อาจารยพ์ ่ีเล้ยี ง
............................................................................................................................. ...............................................................
.................................................................... .......................................................................................................... ..............
............................................................................................................................. ...............................................................
............................................................................................................................. ...............................................................

ลงช่อื .....c.......f.....u.......t.....n...................ผู้สอน ลงชอ่ื ............................................................
(อาจารยน์ วนิ ดา คงภักดี)
(นายอาซอื มนั รูเด็ง)

นกั ศกึ ษาปฏบิ ัตกิ ารสอน อาจารยพ์ ่ีเลีย้ ง

วนั ที่ 25 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565 วนั ท่ี 25 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565

แบบบันทึกการใหค้ ะแนนใบกิจกรรมท่ี 2.1 จุดเดือด จดุ หลอมเหลวของสารบริสุทธ์แิ ละสารผสม

ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1 ห้อง……..

คำชแี้ จง : ใหท้ ำเคร่ืองหมาย  ลงในชอ่ งรายการประเมนิ ใบกิจกรรมที่ 1.2 2.1 จุดเดือด จดุ หลอมเหลวของสาร

บริสุทธ์ิและสารผสมตรงกับระดบั คะแนนทน่ี ักเรยี นปฏิบัตไิ ด้

พฤติกรรม

การวางแผน การ การบนั ทึกผล การอภิปรายผล รวม

ลำ ชือ่ -สกุล การทดลอง ปฏิบัติการ และการจัดการ การทดลองและ

ดับท่ี ทดลอง กบั ขอมูล การนําเสนอ

ขอสรุป

4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16

1. 1

2. 2

3. 3

4. 4

5. 5

6.

7.

8.

9.

10.

11.

12.

13.

14.

15.

16.

17.

18.

19.

20.

21.

22.

พฤติกรรม

การวางแผน การ การบนั ทกึ ผล การอภิปรายผล รวม

ลำ ชือ่ -สกุล การทดลอง ปฏบิ ัติการ และการจดั การ การทดลองและ

ดับท่ี ทดลอง กับขอมูล การนําเสนอ

ขอสรปุ

4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16

23.

24.

25.

26.

27.

28.

29.

30.

31.

32.

33.

34.

35.

36.

37.

38.

39.

เกณฑก์ ารให้คะแนนระดับคณุ ภาพ
13-16 อยู่ในระดับ ดมี าก
9-12 อยู่ในระดับ ดี
5-8 อยู่ในระดับ พอใช้
1-4 อยู่ในระดบั ปรบั ปรุง

*หมายเหตุ : นกั เรียนสามารถปฏบิ ตั ิในระดับดีขน้ึ ไป คะแนนอย่ใู นระหวา่ ง 9-12 คะแนน ถือวา่ ผ่านเกณฑ์

ลงช่อื ...........................................ผสู้ งั เกต
(...............................................................)

........../.........../...........
รายละเอียดการใหค้ ะแนนใบกจิ กรรมท่ี 1.2 เรือ่ ง น้ำเคล่ือนท่อี ยา่ งไร

เกณฑก์ ารให้คะแนน

ประเด็นการประเมิน 4 32 1
ปรบั ปรุง
ดมี าก ดี พอใช้ ไมไ่ ด้ปฏบิ ัติทงั้
3 ประเดน็
1. การวางแผนการทดลอง ปฏบิ ัติไดท้ ง้ั 3 ปฏบิ ัติได้ 2 ปฏิบตั ิไดเ้ พยี ง
ไมไ่ ด้ปฏบิ ัติทงั้
1.1 รว่ มกนั วางแผนและแบง่ หนา้ ทเี่ พ่ือ ประเดน็ ประเดน็ ประเด็นเดียว 3 ประเดน็

ปฏิบัตกิ ารทดลองตามวิธีการทดลอง ไม่ไดป้ ฏบิ ัติทงั้
3 ประเดน็
1.2 รว่ มกันออกแบบตางรางบันทึกผล
ไมไ่ ดป้ ฏิบัติทง้ั
1.3 รว่ มกันกำหนดวัตถุประสงค์ของ 3 ประเดน็

การทดลอง

2. การปฏบิ ตั กิ ารทดลอง ปฏิบัติไดท้ ั้ง 3 ปฏิบัติได้ 2 ปฏบิ ัติไดเ้ พยี ง
ประเดน็ ประเด็นเดียว
2.1 ดำเนนิ ตามข้ันตอนในเวลาท่ี ประเดน็

กำหนด

2.2 เลือกใช้วสั ดอุ ุปกรณ์และสารเคมี

ให้ถกู ต้องเหมาะสม

2.3 รักษาความสาดและเก็บวสั ดุ

อปุ กรณส์ ารเคมีไดเ้ รียบร้อย

3. การบนั ทกึ ผลและการจัดการกบั ขอมูล ปฏิบัติไดท้ ้งั 3 ปฏิบตั ิได้ 2 ปฏิบตั ิไดเ้ พยี ง
ประเด็น ประเด็นเดียว
3.1 บันทกึ ผลการทดลองในตารางท่ี ประเดน็

รว่ มออกแบบไว้

3.2 จดั กระทำข้อมูลไดเ้ หมาะสมตาม

ลกั ษณะของข้อมูล

3.3 บันทึกผลการทดลองตรงกับผล

การทดลองของข้อมลู

4. การอภปิ รายผลการทดลองและการ ปฏิบตั ิไดท้ งั้ 3 ปฏบิ ตั ิได้ 2 ปฏบิ ัติไดเ้ พยี ง
ประเดน็ ประเด็นเดียว
นาํ เสนอขอสรุป ประเดน็

4.1 ร่วมกนั อภิปรายผลการทดลอง

และการนำเสนอข้อสรปุ

ประเดน็ การประเมิน 4 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1
ดีมาก 32 ปรับปรงุ
4.2 รว่ มกันสรุปผลการทดลองโดยใช้ ดี พอใช้
ผลการทดลองของกลมุ่ ที่บันทึกไว้

4.3 นำเสนอข้อสรุปผลการทดลองได้
ถูกต้องตรงกบั ข้อสรปุ ของกลุ่ม

แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
รายวชิ า ว 21101 วิทยาศาสตร์ ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ห้อง………ภาคเรียน……………..ปกี ารศกึ ษา………

กลมุ่ ท…่ี …………ชื่อกลุ่ม……………
คำชี้แจง : สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนรายกล่มุ ในระหว่างเรียนแล้วทำเครื่องหมาย ✓ ลงช่องท่ีตรงกบั ระดับ
คะแนนท่นี กั เรียนปฏบิ ตั ิได้

ลำ ชอ่ื -สกุล พฤติกรรม รวม
ดับท่ี สมาชิกกลุ่ม ความ การแสดง การรบั ฟัง ความตงั้ ใจ การมีสว่ น 20
ร่วมมอื ความ ความ ในการ รว่ มในการ
1. 1
2. 2 คิดเหน็ คดิ เห็น ทำงาน อภิปราย
3. 3 43214321432143214321
4. 4
5. 5
6. 6
7. 7
8. 8
9. 9
10. 0
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.

พฤติกรรม รวม
20
ความ การแสดง การรบั ฟงั ความตั้งใจ การมสี ่วน

ลำ ชือ่ -สกุล ร่วมมอื ความ ความ ในการ รว่ มในการ

ดับที่ สมาชกิ กลุ่ม คดิ เห็น คิดเหน็ ทำงาน อภิปราย

43214321432143214321

19.

20.

21.

22.

23.

24.

25.

26.

27.

28.

29.

30.

31.

32.

33.

34.

35.

36.

37.

38.

39.

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนระดบั คุณภาพ
16-20 อยใู่ นระดบั ดีมาก
11-15 อยู่ในระดบั ดี
6-10 อยใู่ นระดับ พอใช้
1-5 อยใู่ นระดบั ปรับปรุง

*หมายเหตุ : นักเรยี นสามารถปฏบิ ตั ิในระดบั ดีข้นึ ไป คะแนนอย่รู ะหวา่ ง 11-15 คะแนน ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์

ลงช่อื ...........................................ผสู้ งั เกต
(...............................................................)

........../.........../...........

รายละเอยี ดการให้คะแนนการเข้ารว่ มกจิ กรรมกล่มุ

ประเด็นการประเมิน 4 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1
ดมี าก 32 ปรบั ปรุง
1. ความรว่ มมอื พฤติกรรมท่ปี ฏิบัติ ดี พอใช้ พฤติกรรมที่ปฏิบัติ
ชัดเจนทุกคร้ัง พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิ พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิ บางครงั้
2. การแสดงความ ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ
คดิ เห็น พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิ
ชัดเจนทุกครั้ง บ่อยครงั้ บางครง้ั
3. การรับฟังความ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติ พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ิ
คดิ เห็น พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิ ชดั เจนและสมำ่ เสมอ ชดั เจนและ พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ
ชัดเจนทุกครง้ั บางครั้ง
4. ความตงั้ ใจในการ บ่อยครัง้
ทำงาน พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ิ พฤติกรรมที่ปฏบิ ัติ พฤติกรรมทปี่ ฏิบัติ
ชดั เจนทุกครั้ง ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชดั เจนและ บางครั้ง
5. การมีสว่ นรว่ มใน
การอภปิ ราย พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิ บ่อยครง้ั พฤติกรรมท่ปี ฏิบัติ
ชัดเจนทุกคร้ัง พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติ พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัติ บางครั้ง
ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ

บอ่ ยครง้ั
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิ พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัติ
ชัดเจนและสมำ่ เสมอ ชดั เจนและ

บอ่ ยครง้ั

แบบประเมนิ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 4 ด้าน
ชื่อ..............................................................นามสกลุ .....................................................ช้ัน ......…….. เลขที่.....

คำชแี้ จง : ให้สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี น แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ งที่ตรงกับระดับคะแนน

สมรรถนะสำคญั ท่ีประเมนิ ระดับคะแนน สรปุ
432 1 ผล

1. ความสามารถในการส่อื สาร
1.1 มคี วามสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคิด

ความเข้าใจของตนเอง โดยใชภ้ าษาอยา่ งเหมาะสม
1.2 ใช้วธิ ีการส่ือสารท่เี หมาะสม
1.3 วิเคราะหแ์ สดงความคดิ เห็นอยา่ งมีเหตผุ ล
สรุปผลการประเมิน
2. ความสามารถในการคิด
2.1 มีความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ สังเคราะห์
2.2 มีทกั ษะในการคดิ นอกกรอบอยา่ งสร้างสรรค์
2.3 มีความสามารถในการคดิ อย่างมรี ะบบ
สรปุ ผลการประเมิน
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
3.1 สามารถแก้ปญั หาและอุปสรรคตา่ ง ๆ ทีเ่ ผชญิ ได้
3.2 ใชเ้ หตผุ ลในการแก้ปญั หา
3.3 สามารถตดั สนิ ใจไดเ้ หมาะสมตามวยั
4 . ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
4.1 มีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี
4.2 สามารถนำเทคโนโลยีไปใช้พัฒนาตนเอง
4.3 มคี ุณธรรมจรยิ ธรรมในการใชเท้ คโนโลยี
สรปุ ผลการประเมนิ

สรปุ ผลการประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงคร์ ายบุคคล

 ดีมาก  ดี  ปานกลาง  ตอ้ งปรบั ปรุง

ลงช่อื ........................................ ผปู้ ระเมิน
(…………………………………….……)

แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์

ช่ือ................................................................ช้ัน....................เลขท่ี....................

คำชี้แจง : ใหส้ งั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในชอ่ งทตี่ รงกับระดบั

คะแนน

คุณลักษณะอนั พึง รายการท่ีประเมิน ระดับคะแนน
ประสงค์ 321

1. มีวินัย 1.1 ตรงต่อเวลา

1.2 ปฏบิ ัติงานเรียบร้อยเหมาะสม

1.3 ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง

2. ใฝ่เรยี นรู้ 2.1 กระตอื รือร้นในการแสวงหาข้อมูล

2.2 มีการจดบนั ทึกความรู้

2.3 สรุปความรู้ได้อย่างมีเหตุผล

3. มุง่ มน่ั ในการทำงาน 3.1 มคี วามต้งั ใจและพยายามในการทำงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย

3.2 มคี วามอดทนและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเร็จ

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

- พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ชิ ดั เจนและสมำ่ เสมอ

- พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติชดั เจนและบอ่ ยครง้ั

- พฤติกรรมที่ปฏบิ ัตบิ างครงั้

เกณฑ์การให้คะแนนระดบั คณุ ภาพ
18-24 อยใู่ นระดบั ดีมาก
13-18 อยใู่ นระดบั ดี
7-12 อยู่ในระดบั ปานกลาง
1-6 อยู่ในระดบั ปรบั ปรงุ

ลงชือ่ ..........................................ผู้ประเมนิ
(..........................................)

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 สารบรสิ ทุ ธิ์ ว 21101 วิทยาศาสตร์
บทที่ 1 สมบัติของสารบรสิ ุทธิ์/เรอื่ งท่ี 1 จดุ เดือดจุดหลอมเหลว

ใบกิจกรรม 2.1 จุดเดอื ด จดุ หลอมเหลวของสารบรสิ ทุ ธแ์ิ ละสารผสม

ช่ือ-สกุล………………………………………………………….เลขท…่ี …………….เลขประจำตัว…………………….……ช้ัน………………

จุดประสงค์

1. วดั อุณหภมู ิและเขยี นกราฟการเปลยี่ นแปลงอุณหภมู ขิ องน้ำกล่นั และสารละลายโซเดยี มคลอไรด์เมื่อไดร้ บั ความร้อน
2. ตคี วามหมายข้อมลู กราฟ เพื่อเปรยี บเทยี บจุดเดือดของน้ำกลัน่ และสารละลายโซเดยี มคลอไรด์
3. วิเคราะหข์ ้อมูลสารสนเทศเพือ่ เปรียบเทียบช่วงอณุ ภูมิหลอมเหลว และจดุ หลอมเหลวของแนฟทาลนี และกรดเบนโซ
อกิ ในแนฟทาลีน

ตอนที่ 1 การหาจดุ เดือด

วิธกี ารดำเนินการทดลอง

1. เติมน้ำกล่ันปริมาตร 50 ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร ลงในบกี เกอร์
2. จัดอุปกรณเ์ พือ่ วดั อณุ หภูมิของนำ้ กลนั่ เม่อื ให้ความร้อน โดยระวังกระเปาะของเทอรม์ อมิเตอร์ไม่ใหส้ มั ผสั กบั บกี เกอร์
3. ใช้แทง่ แกว้ คนน้ำกล่นั ขณะใหค้ วามร้อนสังเกตการเปลย่ี นแปลง วดั อณุ หภมู ขิ องน้ำในทกุ ๆ 1 นาที บันทึกผลลงในตาราง
4. ทำเชน่ เดยี วกับขอ้ 1-3 โดยใชส้ ารละลายโวเดยี มคลอไรดแ์ ทนนำ้ กล่นั ในปริมาตรท่เี ทา่ กนั
5. นำขอ้ มลู ท่ไี ดจ้ ากตารางบนั ทึกผลมาเขียนกราฟความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งอุณหภมู ิและเวลา

ตารางบนั ทกึ ผลการทดลอง

อุณหภมู ิ (องศาเซลเซียส)
สาร เวลา(s) 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

น้ำกล่นั
สารละลายโซเดียมคลอไรด์

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 สารบรสิ ุทธิ์ ว 21101 วทิ ยาศาสตร์
บทที่ 1 สมบตั ิของสารบรสิ ทุ ธ/์ิ เรอ่ื งท่ี 1 จุดเดอื ดจดุ หลอมเหลว

กราฟแสดงความสัมพันธร์ ะหว่างอณุ หภูมิกับเวลา

สรปุ ผลการทดลอง

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 สารบรสิ ทุ ธ์ิ ว 21101 วิทยาศาสตร์
บทที่ 1 สมบตั ิของสารบริสทุ ธิ/์ เรือ่ งท่ี 1 จุดเดือดจุดหลอมเหลว

คำถามทา้ ยกิจกรรม
1. น้ำกล่ันและสารละลายโซเดียมคลอไรด์ เมอ่ื ได้รับความรอ้ นมกี ารเปลยี่ นแปลงอยา่ งไร

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ทราบไดอ้ ยา่ งไรว่า นำ้ กลน่ั และสารละลายโซเดยี มคลอไรด์กำลังเดอื ด
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. จากกราฟ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำกลั่นและสารละลายโซเดียมคลอไรด์เมื่อให้ความร้อนเป็น
อยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

4. การเปล่ียนแปลงอุณหภูมขิ องน้ำกลั่นและสารละลายโซเดยี มคลอไรด์เหมอื นหรือแตกต่างกันอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

5. อณุ หภูมขิ ณะเดือดของนำ้ กลั่นและสารละลายโซเดียมคลอไรด์เป็นอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 สารบริสทุ ธิ์ ว 21101 วทิ ยาศาสตร์
บทท่ี 1 สมบตั ิของสารบรสิ ุทธิ/์ เรือ่ งท่ี 1 จุดเดือดจุดหลอมเหลว
(เฉลย)
ตอนที่ 1 การหาจุดเดอื ด

สรปุ ผลการทดลอง

จากกิจกรรมนี้สามารถสรุปไดว้ า่ นำ้ กลั่นเมอื่ ไดร้ บั ความร้อนจะมีอณุ หภมู สิ งู ข้นึ และกลายเปน็ ไอ จนกระทั่งเกิด
การเดือด อุณหภูมิขณะที่เดือดจะคงที่ถึงแม้ว่าจะให้ความร้อนต่อไป ส่วนสารละลายโซเดียมคลอไรด์เมื่อให้ความร้อน
จะมอี ุณหภูมเิ พม่ิ ขน้ึ และกลายเปน็ ไอจนกระท่งั เกดิ การเดือดโดยอุณหภูมิขณะเดือดจะเพ่มิ ขึ้นเร่อื ย ๆ ไม่คงท่ี

คำถามทา้ ยกจิ กรรม
1. นำ้ กลัน่ และสารละลายโซเดียมคลอไรด์ เมอื่ ได้รับความรอ้ นมกี ารเปลีย่ นแปลงอย่างไร
เมอื่ น้ำกลน่ั และสารละลายโซเดียมคลอไรดไ์ ดร้ ับความร้อน อณุ หภมู ขิ องสารสูงข้นึ เร่ือย ๆ มีฟองแก๊ส

ขนาดเล็ก ๆ เกิดขึ้นและเกาะอยู่บริเวณก้นบีกเกอร์ฟองแก๊สบางส่วนลอยขึ้นสู่ด้านบนและเมื่อเวลาผ่านไปมีฟองแก๊ส
ขนาดใหญเ่ ถิดขนึ้ ท่ัวทั้งภาชนะ สังเกตเหน็ ไอน้ำปริมาณมาก

2. ทราบไดอ้ ยา่ งไรว่า น้ำกลั่นและสารละลายโซเดยี มคลอไรดก์ ำลงั เดือด
เกิดฟองแก๊สเล็ก ๆ ที่ก้นบีกเกอร์แลว้ ลอยขึน้ สู่ดา้ นบนและขณะเดือดสังเกตเห็นแก๊สมีฟองขนาดใหญ่

เกดิ ขึน้ ทัว่ ทัง้ ภาชนะ สารเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเปน็ แกส๊
3. จากกราฟ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำกลั่นและสารละลายโซเดียมคลอไรด์เมื่อให้ความร้อนเป็น

อยา่ งไร
จากกราฟการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำกลั่นเมื่อได้รับความร้อนอุณหภูมิจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ

จนกระทั่งอุณหภูมิสูงถึง 100 องศาเซลเซียส จะมีอุณหภูมิคงท่ี ส่วนการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสารละลายโซเดียม
คลอไรด์เมอ่ื ได้รบั ความร้อนอุณหภมู ิจะเพิ่มสงู ขึน้ ไปเร่ือย ๆ ไม่คงท่ี และกราฟความสัมพนั ธ์ระหว่างอุณหภมู ิของสารกับ
เวลาเมื่อใหค้ วามร้อนกบั สารละลายโซเดยี มคลอไรดม์ ีความชนั มากกวา่ น้ำในชว่ ง 5 นาทีแรก

4. การเปล่ียนแปลงอุณหภูมิของนำ้ กลัน่ และสารละลายโซเดียมคลอไรด์เหมือนหรือแตกต่างกันอยา่ งไร
แตกต่างกัน การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำกลั่นเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่ง 100 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิจะคงท่แี ละไม่เปล่ียนแปลง สว่ นอุณหภูมขิ องสารละลายโซเดยี มคลอไรดจ์ ะเพมิ่ สงู ขึน้ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ
5. อุณหภูมขิ ณะเดือดของนำ้ กล่ันและสารละลายโซเดียมคลอไรดเ์ ปน็ อยา่ งไร
อณุ หภมู ิขณะเดือดของน้ำกลน่ั จะคงที่. .ส่วนสารละลายโขเดียมคลอไรคอ์ ณุ หภมู ิขณะเดือดจะเพิม่

สงู ขึ้น.เร่อื ย ๆ และสงู เกนิ 100 องศาเซลเซียส

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 สารบรสิ ุทธ์ิ ว 21101 วิทยาศาสตร์
บทท่ี 1 สมบัติของสารบรสิ ุทธิ/์ เร่อื งที่ 1 จดุ เดอื ดจดุ หลอมเหลว

ตอนท่ี 2 การหาจดุ หลอมเหลว

วธิ ดี ำเนนิ การทดลอง

สงั เกตชว่ งอุณหภูมิท่หี ลอมเหลวของแนฟทาลีนและสารผสมระหว่างกรดเบนโซอกิ ในแนฟทาลนี ท่ีมีอัตราสว่ น
ต่าง ๆ จากตารางและตอบคำถามท้ายกจิ กรรม

ตารางช่วงอณุ หภูมิที่หลอมเหลวของแนฟทาลีน

ครัง้ ท่ี อุณหภมู ิของแนฟทาลนี (องศาเซลเซยี ส)
1 78.5-79.0
2 78.0-78.5
3 78.5-79.0

ตารางช่วงอุณหภูมิท่หี ลอมเหลวของกรดเบนโซอกิ ในแนฟทาลนี ที่มีอตั ราสว่ นต่างกัน

สาร อัตราส่วน ชว่ งอณุ หภมู ิท่หี ลอมเหลว
(องศาเซลเซียส)
1. กรดเบนโซอกิ ในแนฟทาลีน 0.1 : 2 73.0-76.5
2. กรดเบนโซอิกในแนฟทาลีน 0.2 : 2 67.0-71.5
3. กรดเบนโซอกิ ในแนฟทาลีน 0.4 : 2 64.5-69.5

คำถามทา้ ยกจิ กรรม
1. ชว่ งอุณหภูมิท่ีหลอมเหลวของแนฟทาลีนในแตล่ ะคร้ังเป็นอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2. จุดหลอมเหลวของแนฟทาลนี ทัง้ สามคร้งั เป้นอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 สารบริสทุ ธ์ิ ว 21101 วิทยาศาสตร์
บทท่ี 1 สมบัตขิ องสารบริสทุ ธ์ิ/เรื่องท่ี 1 จดุ เดอื ดจุดหลอมเหลว

3. ชว่ งอุณหภมู ทิ ่หี ลอมเหลวของสารผสมระหวา่ งกรดเบนโซอกิ ในแนฟทาลนี ทีม่ ีอัตราส่วนของสารต่างกันเป็นอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. จดุ หลอมเหลวของสารผสมระหว่างกรดเบนโซอิกในแนฟทาลีนท่ีมีอัตราส่วนของสารตา่ งกันเปน็ อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
5. จากกิจกรรม สามารถสรุปไดว้ ่าอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 สารบริสทุ ธิ์ ว 21101 วิทยาศาสตร์
บทท่ี 1 สมบัตขิ องสารบรสิ ุทธ/์ิ เร่อื งท่ี 1 จดุ เดือดจดุ หลอมเหลว
(เฉลย)
ตอนที่ 2 การหาจุดหลอมเหลว

คำถามทา้ ยกจิ กรรม
1. ช่วงอุณหภมู ิทหี่ ลอมเหลวของแนฟทาลีนในแตล่ ะครั้งเป็นอย่างไร
ช่วงอุณหภูมิที่หลอมเหลวของแนฟทาลีนในแต่ละครัง้ มีช่วงอุณภูมิทีห่ ลอมเหลวแคบ มีค่าเท่ากับ 0.5

องศาเซลเซยี ส
2. จดุ หลอมเหลวของแนฟทาลีนท้ังสามครงั้ เป็นอย่างไร
จุดหลอมเหลวของแนฟทาลีนทั้งสามครั้งมคี ่าใกล้เคียงกัน โดยมีค่าเฉลย่ี ของจุดหลอมเหลวคร้ังท่ี 1 มี

ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 78.75 องศาเซลเซียส ครั้งที่ 2 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 78.2 องศาเซลเซียส และครั้งที่ 3 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ
78.75 องศาเซลเซยี ส

3. ชว่ งอุณหภมู ทิ หี่ ลอมเหลวของสารผสมระหว่างกรดเบนโซอิกในแนฟทาลีนทมี่ ีอัตราส่วนของสารต่างกันเป็น
อย่างไร

ช่วงอุณหภูมิที่หลอมเหลวของสารผสมระหว่างเบนโซอิกในแนฟทาลีนที่มีอัตราส่วนของสารแตกต่าง
กันมชี ่วงอณุ หภมู ทิ หี่ ลอมเหลวค่อนข้างกวา้ ง มคี ่าเพ่มิ ข้ึนตามอตั ราสว่ นของเบนโซอกิ

4. จุดหลอมเหลวของสารผสมระหวา่ งกรดเบนโซอิกในแนฟทาลีนที่มีอัตราส่วนของสารตา่ งกันเปน็ อยา่ งไร
จุดหลอมเหลวของสารผสมระหว่างกรดเบนโซอิกในแนฟทาลีนที่มีอัตราส่วนของสารต่างกันมีค่าไม่

เท่ากัน โดยจุดหลอมเหลวของกรดเบนโซอิกในแนฟทาลีนที่มีอัตราส่วน 0.1 : 2 มีจุดหลอมเหลวเฉลี่ย 74.75 องศา
เซลเซียส อัตราส่วน 0.2 : 2 มีจุดหลอมเหลวเฉลี่ย 69.25 องศาเซลเซียส อัตราส่วน 0.4 : 2 มีจุดหลอมเหลวเฉลี่ย 67
องศาเซลเซียส

5. จากกิจกรรม สามารถสรปุ ไดว้ า่ อยา่ งไร
จุดหลอมเหลวของแนฟทาลีนทั้ง 3 ครั้งมีค่าใกล้เคียงกัน แนฟทาลีนซึ่งเป็นสารบริสุทธิ์ไม่ได้

หลอมเหลวจนหมดที่อุณหภูมิเดียวกัน และมีช่วงอุณหภูมิหลอมเหลวค่อนข้างแคบ ส่วนกรดเบนโซอิกในแนฟทาลีนมี
ช่วงอุณภูมหิ ลอมเหลวค่อนขา้ งกวา้ ง และจุดหลอมเหลวไม่คงทข่ี ึน้ อยูก่ บั อตั ราสว่ นของสารผสมน้นั ๆ

รหัสวชิ า ว 21101 วิทยาศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 5
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 สารบริสทุ ธ์ิ
เร่อื ง ความหนาแน่น
ผู้สอน ปส. อาซือมนั รเู ดง็ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565
จำนวน 3 คาบ

อาจารย์พี่เลย้ี ง อาจารยน์ วนิ ดา คงภกั ดี

1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่าสมบัติของสสารกับ

โครงสร้างและแรงยึดหน่วยระหว่าอนุภาค หลักธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง สถานะของสสาร การเกิดสารละลาย
และปฏกิ ริ ยิ าเคมี

ตวั ชีว้ ัด
ว 2.1 ม. 1/5 อธบิ ายและเปรยี บเทียบความหนาแนน่ ของสารบริสุทธแ์ิ ละสารผสม
ว 2.1 ม. 1/6 ใชเ้ คร่ืองมอื เพื่อวดั ปริมาตร ของสารบริสุทธแิ์ ละสารผสม
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
ความหนาแน่นเป็นสมบัติของสารที่บอกถึงมวลของสารต่อหนึ่งหน่วยปริมาตร ซึ่งสารบริสุทธิ์ชนิดเดียว กันมี
ความหนาแน่นเท่ากัน แต่สารบริสุทธิ์ต่างชนิดกันมีความหนาแน่นไม่เท่ากัน ส่วนสารผสมความหนาแน่นไม่คงที่ขึ้นอยู่
กับชนิดและอัตราส่วนของสารท่ีนำมาผสมกัน
3. สาระการเรยี นรู้
มวล (mass) คอื ปรมิ าณเน้ือสารทั้งหมดของวัตถุ มีหนว่ ยเป็น กโิ ลกรัม(kg) หรอื กรมั (g)
ปริมาตร (Volume) คือ ปริมาณของปริภูมิหรือรูปทรงสามมิติ ซึ่งยึดถือหรือบรรจุอยู่ในภาชนะไม่ว่าจะ
สถานะใด ๆ มีหน่วยเป็น ลูกบากศก์เมตร (m3) หรือลูกบาศก์เซนติเมตร (cm3) วิธีการใช้สารให้เหมาะสมกับการวัด
ปริมาตร มดี งั น้ี

1. สารทเี่ ปน็ ของเหลว ใชบ้ ีกเกอร์ หลอดฉดี ยา กระบอกตวง เป็นตน้
2. สารที่เป็นของแขง็ ที่มรี ูปรา่ งเรขาคณิต ใช้เครอ่ื งมือวัดเส้นผ่านศนู ยก์ ลาง ความกวา้ ง ความยาว
ความสงู พื้นทีฐ่ าน และคำนวณจากสูตรเราขาคณิต
3. ของแข็งที่ไม่เป็นรปู ทรงเราขาคณิต ใหใ้ ชห้ ลกั อารค์ ีมีดสี โดยนำวัตถุนน้ั ไปแทนทน่ี ้ำในถว้ ยยูรีกา
โดยทข่ี องแข็งจะต้องไมล่ ะลายน้ำ สามารถวัดไดจ้ ากปรมิ าตรของน้ำทล่ี ้นออกมา เทา่ กบั ปรมิ าตรทวี่ ัตถจุ ม
ความหนาแน่น (Density) คอื มวลของสารต่อหน่วยปริมาตร สามารถเขยี นเปน็ สมการ ดงั นี้

D = m/V
โดย D คอื ความหนาแนน่ มีหน่วยเป็น กรมั ต่อลูกบาศก์เซนติเมตร (g/cm3) หรือ กิโลกรัมตอ่
ลกู บาศก์เมตร (kg/m3)
m คือ มวล มีหนว่ ยเป็น กรมั (g) หรอื กิโลกรมั (kg)
V คือ ปรมิ าตร มีหนว่ ยเป็น ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร (cm3) ลูกบาศกเ์ มตร (m3) มลิ ลลิ ิตร (ml) หรอื ลติ ร
(l)

ท่มี า : https://www.thaiphysicsteacher.com/wp-content/
4. สมรรถนะของผเู้ รยี น

4.1 ความสามารถในการส่อื สาร
4.2 ความสามารถในการคิด
4.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา
4.4 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
5.1 มวี ินยั
5.2 ใฝเ่ รยี นรู้
5.3 มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
6. ชิ้นงาน/ภาระงาน
6.1 ใบกิจกรรม 2.2 เรอ่ื ง ความหนาแน่นของสารบรสิ ุทธแ์ิ ละสารผสมเปน็ อยา่ งไร
6.2 ใบกจิ กรรมเร่อื ง จบั คู่ฉันและเธอ
7. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
7.1 ด้านความรู้ (K)

7.1.1 อธบิ ายความหนาแนน่ ของสารบรสิ ทุ ธิแ์ ละสารผสมได้
7.1.2 เปรียบเทียบความหนาแนน่ ของสารบริสุทธิแ์ ละสารผสมได้
7.2 ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
7.2.1 ใชเ้ คร่อื งมือเพื่อวัดมวลและปริมาตรของสารบรสิ ุทธ์แิ ละสารผสมได้
7.3 ด้านเจตคติ/คุณลกั ษณะ (A)
7.3.1 มุ่งมัน่ และรับผิดชอบในการทำงานกลมุ่ ทไ่ี ดร้ บั มอบหมายได้

8. กิจกรรมการเรียนรู้
8.1 ข้ันสรา้ งความสนใจ (Engagement)(20 นาท)ี
8.1.1 นักเรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรื่อง ความหนาแนน่ โดยใชแ้ อปพลิชนั kahoot โดยมี

คำถามดงั นี้
- มวลมหี นว่ ยเป็นอะไร (แนวคำตอบ มวลมหี น่วยเปน็ กโิ ลกรัม)
- ปรมิ าตรคอื อะไร (แนวคำตอบ ปรมิ าตรคือความจุของวตั ถ)ุ
- ถ้าเด็กชายซากีรีนตกในน้ำ นักเรียนคิดว่าเด็กชายซากีรีนจะเป็นอย่างไร (แนวคำตอบ

เด็กชายซากีรีนจะจมน้ำ)
- ถ้าเรานำเอทานอลกบั มาผสมกัน นกั เรยี นคดิ วา่ เอทานอลกบั นำ้ จะเป็นลกั ษณะอย่างไร
- ความหนาแน่น คืออะไร (แนวคำตอบ อตั ราส่วนของมวลต่อหนว่ ยปรมิ าตร)

8.1.2 นกั เรยี นเรยี นดูรปู ทะเลเดดซี (Death sea) และตอบคำถาม ดังนี้

รปู ที่ 1 ทะเลสาบเดดซี
ทีม่ า : data:image/jpeg;base64,/9j/4AAQSkZJRgABAQAAAQABAAD/2wCEAAoHCBYW

- จากรูปนักเรียนคิดว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงไม่จมในน้ำทะเลสาบเดดซี (แนวคำตอบ นักเรียนตอบ
ตามความเข้าใจ ตวั อยา่ งเชน่ เพราะความหนาแนน่ ของทะเลสาบเดดซีมคี วามหนาแน่นมากกว่าผู้หญิงคนน)้ี

- แลว้ นักเรียนคิดวา่ ความหนาแน่นคืออะไร (แนวคำตอบ นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจ)
8.1.3 นกั เรยี นดรู ูปเรอื ดำนำ้ แลว้ ตอบคำถามครู ดังนี้

รูปที่ 2 เรือดำน้ำ

- นักเรียนคิดว่าความหนาแน่นมีความเกี่ยวข้องกับเรือดำน้ำอย่างไร (แนวคำตอบ การที่เรือดำน้ำ

สามารถด่ิงส่ทู ะเลลกึ ได้น้นั ต้องทำให้เรือดำน้ำท้ังลำมีความหนาแนน่ มากกวา่ นำ้ และหากต้องการใหเ้ รือลอยสู่ผิวน้ำต้อง

ทำให้เรอื มีความหนาแน่นน้ำนอ้ ยกวา่ นำ้ )

- เราสามารถหาความหนาแน่นของวัตถุอย่างไร (แนวคำตอบ นักเรียนสามารถตอบได้ตามความ

เข้าใจ)

8.2 การสาํ รวจและค้นหา (Exploration) (60 นาท)ี

8.2.1 นักเรียนศึกษาสไลด์นำเสนอ เรื่อง ความหนาแน่นของสารบริสุทธิ์และสารผสม โดยใช้สไลด์

นำเสนอ เรื่อง 1.2 ความหนาแน่นของสารบริสุทธิ์และสารผสม และสามารถสืบค้นในหนังสือวิทยาศาสตร์และ

เทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 เล่มที่ 1 หนา้ 23-30 หรือสบื คน้ ในอนิ เทอร์เน็ต

8.2.2 นักเรียนแบ่งกลุ่ม 8 กลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ทำกิจกรรมที่ 2.2 เรื่อง ความหนาแน่นของสาร

บริสทุ ธแ์ิ ละสารผสมเป็นอย่างไร

8.2.3 ครูสาธิตการใช้อุปกรณ์อุปกรณ์ในกิจกรรมที่ 2.2 เรื่อง ความหนาแน่นของสารบริสุทธิแ์ ละสาร

ผสมเป็นอย่างไร และนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมารับใบกิจกรรมที่ 2.2 เรื่อง ความหนาแน่นของสารบริสทุ ธิ์และสารผสม

เป็นอย่างไร

8.2.4 นักเรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมที่ 2.2 เรื่อง ความหนาแน่นของสารบริสุทธิ์และสารผสมเป็น

อย่างไร

8.3 การอธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation)( 20 นาที)

8.3.1 นักเรียนส่งตัวแทน 1-2 คน มานำเสนอใบกิจกรรมที่ 2.2 เรื่อง ความหนาแน่นของสารบริสุทธ์ิ

และสารผสมเปน็ อย่างไร และนักเรียนทกุ คนตอบคำถามทา้ ยกิจกรรม ดงั นี้

- ความหนาแน่นคืออะไร หาได้อย่างไร (แนวคำตอบ ความหนาแน่น (Density) ของสาร คือ

ความสัมพันธ์ระหวา่ งมวลของสารในหนง่ึ หน่วยปรมิ าตร ซึ่งสามารถหาไดด้ ังน้ี

ความหนาแน่นของสาร = มวล (g)
ปริมาตร (cm3)

- จากกิจกรรมความหนาแน่นของเหล็กและทองแดงเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (แนวคำตอบ

ความหนาแน่นของเหล็กและทองแดงเหมือนกัน คือ ความหนาแน่นเหล็กทั้งสองก้อนมีค่าเท่ากันหรือใกล้เคียงกันและ

ความหนาแน่นของทองแดงทั้งสองก้อนเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน ส่วนความหนาแน่นของเหล็กและทองแดงไม่เท่ากัน

เนื่องจากคนละชนิดกัน)

- ความหนาแน่นของสารละลายโซเดียมคลอไรด์และน้ำตาลทราย เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

(แนวคำตอบ ความหนาแน่นของสารละลายโซเดยี มคลอไรด์และน้ำตาลทรายต่างกัน เนื่องจากสารละลายท้ังสองชุด มี

ความหนาแน่นไม่คงที่ และสารละลายชนิดเดียวกันแต่อัตราส่วนของสารที่นำมาผสมต่างกันทำให้มีความหนาแน่นไม่

คงที่เชน่ กัน เพราะความหนาแน่นจะข้นึ อยทู่ ่ีอัตราส่วนของสารทน่ี ำมาผสมด้วย)

8.3.2 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปใบกิจกรรมที่ 2.2 เรื่อง ความหนาแน่นของสาร

บรสิ ทุ ธแิ์ ละสารผสมเป็นอยา่ งไร

- นกั เรยี นคดิ ว่าเหล็กและสารละลายน้ำตาลทราย สารชนดิ ใดเป็นสารบริสุทธแิ์ ละสารผสม อย่างไร
(แนวคำตอบ เหล็กเป็นสารบริสุทธิ์ ส่วนสารละลายน้ำตาลทรายเป็นสารผสม เพราะความหนาแน่นของสารบริสุทธ์แิ ต่
ละชนิดจะเท่ากันและต่างชนิดจะมีความหนาแน่นไม่เท่ากัน ส่วนสารผสมมีค่าไม่คงที่ แต่ขึ้นอยู่กับอัตราส่วนของสาร
ผสมนนั้ )

- ดงั นน้ั ความหนาแน่นของสารบรสิ ทุ ธ์ิ จะเป็นอย่างไร (แนวคำตอบ ความหนาแน่นของสารบริสุทธ์ิ
จะมคี า่ คงทเี่ ฉพาะตัว แตจ่ ะขึน้ อยกู่ บั สถานะของสาร อณุ หภูมิและความดัน)

- ส่วนความหนาแน่นของสารผสม เป็นอย่างไร (แนวคำตอบ ความหนาแน่นของสารผสมมีค่าไม่
คงที่ แตจ่ ะข้นึ อยู่กับอัตราสว่ นของสารผสมนน้ั )

8.4 การขยายความรู้ (Elaboration)(40 นาที)
8.4.1 นักเรยี นแบง่ กลุ่ม 8 กล่มุ กลุม่ ละ 4-5 คน โดยแบ่งตามอธั ยาศยั
8.4.2 นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ทำกจิ กรรม จับคู่ฉนั และเธอ โดยมีกติกาการเลน่ ดงั น้ี
- นักเรียนแต่ละกลุ่มจะได้สถานการณ์เพื่อแก้ปัญหา กลุ่มละ 1 สถานการณ์ รวมทั้งหมด 8

สถานการณ์
- เมื่อทุกกลุ่มแก้โจทย์สถานการณ์ได้แล้ว ให้แต่ละกลุ่มสังเกตมุมขวาบนของกระดาษของกลุ่ม

ตัวเองจะมสี ัญลกั ษณ์ เรขาคณติ อยู่ (ซ่งึ สญั ลกั ษณเ์ รขาคณิตจะมเี ป็นคู)่ ใหแ้ ตล่ ะกล่มุ ไปจบั ค่กู บั สญั ลักษณ์ทเ่ี หมอื นกนั
- กลุ่มที่จับคู่กันเรียบร้อยแล้ว ให้อธิบายสถานการณ์ของกลุ่มตัวเองให้อีกลุ่มฟังจากนั้นผ ลัดกัน

อธิบายให้เรียบร้อย ให้นักเรียนรวมคำตอบ จากนั้นนำไปแปลงตัวเลขให้เป็นคำภาษาอังกฤษ (ซึ่งครูจะแนบใบแปลง
ตัวเลขเปน็ คำภาษาอังกฤษไว้ให้แลว้ ) กลุม่ ไหนไดค้ ำตอบภาษาอังกฤษก่อนกลมุ่ นนั้ เปน็ ผูช้ นะรับไปเลย 10 คะแนน

8.5 การประเมนิ ผล/สรุป (Evaluation)(10 นาที)
8.5.1 นกั เรียนและครูร่วมกันอภิปรายและสรุปบทเรียน เร่อื ง ความหนาแน่นของสารบริสุทธิ์และสาร

ผสม โดยใชส้ ไลด์นำเสนอ เร่ือง 1.2 ความหนาแนน่ ของสารบรสิ ทุ ธ์ิและสารผสม โดยใช้คำถามดังน้ี
- ยกตวั อยา่ งสารบริสุทธิแ์ ละสารผสมในชวี ติ ประจำวนั (แนวคำตอบ นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจ)
- สารบริสุทธิ์มีความหนาแน่นเป็นแบบไหน (แนวคำตอบ ความหนาแน่นของสารบริสุทธิ์จะมี

คา่ คงทเี่ ฉพาะตวั แต่จะขึ้นอยกู่ ับสถานะของสาร อุณหภูมแิ ละความดนั )
- สว่ นสารผสมมีความหนาแน่นเป็นแบบไหน (แนวคำตอบ ความหนาแนน่ ของสารผสมมีค่าไม่คงท่ี

แตจ่ ะข้ึนอยู่กบั อัตราส่วนของสารผสมนั้น)
8.5.2 นกั เรียนและครูรว่ มกันอภิปรายและสรุปองค์ความรู้ในบทเรียนสมบตั ิของสารบรสิ ุทธิ์ โดยใช้ผัง

มโนทศั น์ เร่อื ง สมบัติของสารบรสิ ุทธิ์

9. ส่ือและแหล่งเรยี นรู้
9.1 หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 เลม่ ที่ 1
9.2 สไลดน์ ำเสนอ เรอื่ ง ความหนาแน่นของสารบรสิ ุทธแ์ิ ละสารผสม
9.3 ผังมโนทัศน์ เรือ่ ง สมบัติของสารบริสุทธิ์
9.4 แอปฟลเิ คชัน Kahoot

10. การวดั และการประเมนิ ผล

การวดั ผลประเมนิ ผล วิธกี ารวัด เครื่องมอื วัด เกณฑ์การผา่ น
1. ด้านความรู้

1. อธบิ ายความหนาแนน่ - ตรวจใบกิจกรรม 2.2 - เกณฑก์ ารตรวจใบ - นักเรียนสามารถ
ของสารบริสทุ ธิ์และสาร ปฏิบัตใิ นระดบั ดีข้นึ ไป
ผสมได้ เรอ่ื ง ความหนาแน่นของ กจิ กรรม 2.2 เรื่อง ความ คะแนนอยใู่ นระหว่าง
2. เปรียบเทยี บความ 9-12 คะแนน ถือว่า
หนาแนน่ ของสารบรสิ ทุ ธิ์ สารบริสุทธิ์และสารผสม หนาแน่นของสารบรสิ ุทธ์ิ ผ่านเกณฑ์
และสารผสมได้ - นักเรียนสามารถ
เปน็ อยา่ งไร และสารผสมเปน็ อยา่ งไร ปฏบิ ตั ใิ นระดับดีข้ึนไป
คะแนนอยใู่ นระหวา่ ง
- ตรวจใบกจิ กรรม จับคู่ - เกณฑ์การตรวจใบ 9-12 คะแนน ถือว่า
ผ่านเกณฑ์
ฉนั และเธอ กจิ กรรม จบั คู่ฉันและเธอ - นักเรยี นสามารถตอบ
คำถามได้ถูกต้องร้อย
- สงั เกตการตอบคำถามใน - ชดุ คำถาม ละ 50 สรุปว่าผา่ น

ชน้ั เรียน

เกณฑ์

การวดั ผลประเมินผล วิธกี ารวดั เครือ่ งมอื วัด เกณฑก์ ารผ่าน

2. ดา้ นทกั ษะกระบวนการ - เกณฑ์การตรวจใบ - นกั เรียนสามารถ
กิจกรรม 2.2 เรือ่ ง ความ ปฏิบตั ใิ นระดบั ดีขน้ึ ไป
1. ใชเ้ คร่อื งมือเพ่ือวดั มวล - ตรวจใบกิจกรรม 2.2 หนาแนน่ ของสารบรสิ ุทธ์ิ คะแนนอยูใ่ นระหว่าง
และสารผสมเปน็ อยา่ งไร 9-12 คะแนน ถือว่า
และปรมิ าตรของสาร เรือ่ ง ความหนาแนน่ ของ ผ่านเกณฑ์
- แบบสงั เกตพฤติกรรม
บรสิ ุทธิ์และสารผสมได้ สารบริสทุ ธิ์และสารผสม การทำงานกลมุ่ นกั เรียนสามารถเข้า
รว่ มกจิ กรรมกลุ่มและ
เป็นอยา่ งไร รับผดิ ชอบงานได้ใน
ระดับดขี ึน้ ไป มคี ะแนน
3. ดา้ นเจตคติ /คณุ ลักษณะ อยู่ระหว่าง 11-15
สรปุ ว่าผา่ นเกณฑ์
มงุ่ มั่นและรับผดิ ชอบใน - สงั เกตพฤติกรรมการ
การทำงานกลมุ่ ที่ได้รบั ทำงานกลุ่ม
มอบหมายได้

11. บันทึกหลังการสอน

ชัน้ ม.1/1 ชน้ั ม.1/2 ช้นั ม.1/3

ผลการสอน - นักเรียนสามารถอธิบายความ - นักเรียนสามารถอธิบายความ - นักเรียนสามารถอธิบายความ

ปญั หา/ หนาแน่นของสารบริสุทธิ์และ หนาแน่นของสารบริสุทธิ์และ หนาแน่นของสารบริสุทธิ์และ
อปุ สรรค
ข้อเสนอแนะ สารผสมได้ และยังเปรียบเทียบ สารผสมได้ และยังเปรียบเทียบ สารผสมได้ และยังเปรียบเทียบ
/แนว
ทางแก้ไข ความหนาแน่นของสารบริสุทธ์ิ ความหนาแน่นของสารบริสุทธิ์ ความหนาแน่นของสารบริสุทธ์ิ

และสารผสมได้ คิดเป็นร้อย และสารผสมได้ คิดเป็นร้อย และสารผสมได้ คิดเป็นร้อย

100 100 100

- นักเรียนสามารถใช้เครื่องมือ - นักเรียนสามารถใช้เครื่องมือ - นักเรียนสามารถใช้เครื่องมือ

เพื่อวัดมวลและปริมาตรของ เพื่อวัดมวลและปริมาตรของ เพื่อวัดมวลและปริมาตรของ

สารบริสุทธิ์และสารผสมได้ คิด สารบริสุทธิ์และสารผสมได้ คิด สารบริสุทธิ์และสารผสมได้ คิด

เป็นร้อยละ 100 เปน็ รอ้ ยละ 100 เปน็ รอ้ ยละ 100

- นักเรียนมีความกระตือรือร้น - นักเรียนมีความกระตือรือร้น - นักเรียนมีความกระตือรือร้น

ในการทำกิจกรรมกลุ่ม สามารถ ในการทำกจิ กรรมกลุ่ม สามารถ ในการทำกิจกรรมกลุ่ม สามารถ

ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ คิดเป็น ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ คิดเป็น ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ คิดเป็น

รอ้ ยละ 100 ร้อยละ 100 ร้อยละ 100

- นักเรียนไม่มีการทบทวน - นักเรียนไม่มีการทบทวน - นักเรียนไม่มีการทบทวน

บทเรยี น บทเรียน บทเรยี น

- นักเรียนร้อยละ 50 ยังขาด - นักเรียนร้อยละ 50 ยังขาด - นักเรียนร้อยละ 50 ยังขาด

ทักษะในด้านการคำนวณ และ ทักษะในด้านการคำนวณ และ ทักษะในด้านการคำนวณ และ

การย้ายสมการทางคณติ ศาสตร์ การยา้ ยสมการทางคณติ ศาสตร์ การย้ายสมการทางคณติ ศาสตร์

- เน้นให้นักเรียนเขียนสรุปทุก - เน้นให้นักเรียนเขียนสรุปทุก - เน้นให้นักเรียนเขียนสรุปทุก

คร้ังทเ่ี รยี น ครัง้ ทเี่ รยี น คร้ังที่เรียน

- อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวหลัก - อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวหลัก - อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวหลัก

คณิตศาสตร์ที่จำเป็นต้องใช้ใน คณิตศาสตร์ที่จำเป็นต้องใช้ใน คณิตศาสตร์ที่จำเป็นต้องใช้ใน

การเรียน เช่น การย้ายสมการ การเรียน เช่น การย้ายสมการ การเรียน เช่น การย้ายสมการ

และอาจจะมีการสอนเสริมนอก และอาจจะมีการสอนเสริมนอก และอาจจะมีการสอนเสริมนอก

เรียนให้กับนักเรียนที่ขาดทกั ษะ เรียนให้กับนกั เรียนที่ขาดทักษะ เรียนให้กบั นักเรยี นที่ขาดทกั ษะ

ดา้ นการคำนวณ ด้านการคำนวณ ด้านการคำนวณ

บันทึกสำหรบั อาจารย์พี่เลยี้ ง
............................................................................................................................. ...............................................................
............................................................................................................................. ...............................................................
............................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................................................

ลงช่อื ....c........f....u........t.....n...................ผูส้ อน ลงช่ือ............................................................

(นายอาซือมนั รูเดง็ ) (อาจารย์นวนิ ดา คงภักดี)

นกั ศกึ ษาปฏบิ ัติการสอน อาจารยพ์ ่เี ลี้ยง

วันที่ 3 เดอื นมิถนุ ายน พ.ศ. 2565แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรวรันมท่ี 3 เดอื นมถิ นุ ายน พ.ศ. 2565

รายวิชา ว 211


Click to View FlipBook Version