The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เเผนจัดการเรียนรู้ ว21101 วิทยาศาสตร์ 1-2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by rsky691, 2022-10-13 11:25:15

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ว 21101 วิทยาศาสตร์

เเผนจัดการเรียนรู้ ว21101 วิทยาศาสตร์ 1-2565

ตอนที่ 2 ออสโมซสิ

2.1 ผลการทดลอง ความสูงของระดับของเหลวในหลอดแก้ว

เวลาทีผ่ า่ นไป
5
10
15
20
25
30

คำถามท้ายกจิ กรรม
1. หลงั จากตั้งชดุ การทดลองทิง้ ไว้ 3 นาที ระดบั ของเหลวในหลอดแกว้ มีการเปลี่ยนแปลงหรอื ไม่ อยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2. ในกิจกรรมนม้ี ีการเคล่ือนท่ีสารใด และเคลื่อนท่ีอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. เขียนแผนภาพแสดงการเคลอื่ นท่ขี องสารในชุดการทดลองได้อย่างไร

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 12

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 การดำรงชวี ติ ของพชื

รหัสวชิ า ว 21101 วทิ ยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ัน
บทท่ี 1 มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
เรื่องที่ 1
ผู้สอน การสบื พนั ธแุ์ ละการขยายพนั ธุ์พืชดอก

การสืบพนั ธแ์ุ บบอาศัยเพศและไม่อาศยั พืชของพชื ดอก จำนวน 2 คาบ

ปส. อาซือมัน รเู ด็ง อาจารยพ์ ่ีเล้ียง อาจารยน์ วนิ ดา คงภกั ดี

1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวติ หน่วยพนื้ ฐานของส่งิ มชี วี ติ การลำเลยี งสารผ่านเซลล์ ความสัมพันธ์

ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและ
หนา้ ท่ีของอวัยวะตา่ ง ๆ ของพืชที่ทำงานสมั พนั ธ์กนั รวมทง้ั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์

ตัวช้วี ดั
ว 1.2 ม.1/11 อธิบายการสบื พันธุ์แบบอาศยั เพศ และไม่อาศยั เพศของพืชดอก
ว 1.2 ม.1/12 อธิบายลักษณะโครงสร้างของดอกที่มีส่วนทำให้เกิดการถ่ายเรณู รวมทั้งบรรยายการปฏิสนธิ
ของพชื ดอก การเกิดผลและเมล็ด การกระจายเมลด็ และการงอกของเมล็ด
ว 1.2 ม.1/13 ตระหนักถึงความสำคัญของสัตว์ที่ช่วยในการถ่ายเรณูของพืชดอก โดยการไม่ทำลายชีวิตของ
สัตวท์ ช่ี ว่ ยในการถา่ ยเรณู
2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
พชื ดอกมดี อกเป็นอวยั วะสืบพนั ธ์ุ ภายในมสี ว่ นประกอบทที่ ำหน้าทส่ี ร้างเซลลส์ บื พันธุ์เพศผู้ (สเปิร์ม) และเซลล์
สืบพนั ธุ์เพศเมีย (เซลลไ์ ข)่ ซึง่ การปฏสิ นธิระหวา่ งสเปริ ์มกับเซลล์ไขจ่ ะเกดิ ข้นึ ภายในรังไข่ แล้วเจริญเป็นเมล็ดอยู่ภายใน
ผล เมื่อถึงเวลาขยายพันธุ์เมล็ดที่อยู่ภายในผลจะแตกออกและกระจายไปยังที่ต่าง ๆ เมื่ออยู่ในสภาวะแวดล้อมและมี
ปัจจัยทีเ่ หมาะสม เมล็ดจะงอกต้นออ่ นทม่ี ลี ักษณะท่ีหลากหลาย หรือแตกต่างไปจากตน้ พอ่ และตน้ แม่
3. สาระการเรียนรู้
การสืบพนั ธ์แุ บบอาศัยเพศ (sexual reproduction)

การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศเกิดจากการผสมกันระหว่างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ (สเปีร์ม) กับเซลล์สืบพันธุ์
เพศเมยี (เซลลไ์ ข)่ ในพืชดอก

ดอกไม้ คอื อวัยวะหรือสว่ นของพืชทีเ่ ปลี่ยนแปลงจากก่งิ และใบเพื่อทำหนา้ ท่ีในการสบื พันธุ์

โครงสรา้ งของดอก (Flower Structure)

ส่วนประกอบท่สี ำคัญของดอกเรียงจากชั้นนอกไปสู่ช้นั ในสุดมีดงั น้ี
1. กลบี เลย้ี ง (sepal) เป็นสว่ นทอ่ี ยูน่ อกสดุ เปล่ียนแปลงมาจากใบ เป็นกลบี เล็ก ๆ ทำหนา้ ทหี่ อ่ หมุ้

ปอ้ งกันอันตรายใหแ้ กด่ อกทยี่ งั ตู
2. กลีบดอก (petal) เป็นส่วนที่อยู่ถัดจากกลีบเลี้ยงเข้าไปมักมีสีสันสวยงาม มีกลิ่นหอม หรือมีต่อม

น้ำหวานทโ่ี คนกลบี ดอกเพ่ือลอ่ แมลงให้ชว่ ยในการผสมเกสร
3. เกสรเพศผู้ (stamen) อย่ถู ดั จากกลบี ดอกเขา้ ไป ทำหนา้ ที่สร้างเซลล์สืบพันธเ์ุ พศผู้ ประกอบด้วย

สว่ นต่าง ๆดังน้ี
3.1 อับเรณู (anther) ภายในอับเรณูจะมีถุงละอองเรณู (pollen sac) อยู่ 2 หรือ 4 ถุง

ภายในถุงบรรจลุ ะอองเรณู (pollen) ไวจ้ ำนวนมาก
3.2 ก้านชอู บั เรณู (flament) ทำหนา้ ทชี่ ูอบั เรณูให้อยสู่ งู เพ่ือให้เกดิ การผสมพันธ์ุได้สะดวกข้ึน

4. เกสรเพศเมยี (pistil) เป็นสว่ นทีอ่ ยูใ่ นสุดทำหนา้ ท่สี รา้ งเซลล์สืบพันธ์เุ พศเมียหรือไข่ ประกอบด้วย
ส่วนตา่ ง ๆ ดังน้ี

4.1 ยอดเกสรเพศเมีย (stigma) มีขนเล็ก ๆ มีน้ำหวานเหนียว ๆ เพื่อดักจับละอองเรณู
นอกจากน้นี ำ้ หวานยงั ชว่ ยในการงอกหลอดละอองเรณู

4.2 ก้านชูเกสรเพศเมีย (style) ทำหน้าทีช่ ยู อดเกสรเพศเมียให้อยู่ในระดบั สูง เพ่ือให้เกิดการ
ถ่ายละอองเรณไู ด้สะดวกขน้ึ

4.3 รังไข่ (ovary) ภายในรังไข่อาจมี 1 ออวุลหรือหลายออวุลก็ได้ ภายในออวุลจะมีเซลล์ไข่
และเซลล์โพลาร์นิวเคลยี สเพื่อใช้ในการปฏสิ นธิ

ประเภทของดอก
1. ใชส้ ่วนประกอบของดอกไม้เปน็ เกณฑ์ แบง่ ได้ดังน้ี
1.1 ดอกครบส่วนหรือดอกสมบูรณ์ (Complete flower) คือ ดอกไม้ที่มีส่วนประกอบ

ครบทั้ง 4 ส่วน คือกลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมีย เช่น ดอกแพงพวย ดอกแค ดอกพู่ระหง ดอกอัญชัน
ดอกมะลิ ดอกการเวก ดอกผกั บุ้ง ดอกบัว ดอกต้อยต่ิง ดอกกหุ ลาบ ดอกมะเขอื ดอกชบา

1.2 ดอกไม่ครบส่วนหรือดอกไม่สมบูรณ์ (Incomplete flower) คือ ดอกไม้ที่มี
ส่วนประกอบไม่ครบทั้ง 4 ส่วน อาจขาดส่วนหนึ่งส่วนใดหรือมากกว่าหนึ่งส่วน เช่น ดอกบานเย็น ดอกเฟื่องฟ้า ดอก
มะพร้าว ดอกข้าวโพดดอกข้าว ดอกตำลึง ดอกเงาะ ดอกจำปี ดอกมะยม ดอกบวบ ดอกกล้วยไม้ ดอกหญ้า ดอก
ฟกั ทอง ดอกมะละกอ

2. ใช้เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมยี เป็นเกณฑ์ แบ่งไดด้ งั น้ี
2.1 ดอกสมบูรณ์เพศ (Perfect flower) คือ ดอกไม้ที่มีทั้งเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียอยู่

ในดอกเดียวกันเช่น ดอกแพงพวย ดอกกล้วยไม้ ดอกมะม่วง ดอกผักบุ้ง ดอกแค ดอกมะลิ ดอกพู่ระหง ดอกมะเขือ
ดอกบัว ดอกชบา ดอกอัญชัน

2.2 ดอกไม่สมบูรณ์เพศ (Imperfect flower) คือ ดอกไม้ที่มีเฉพาะเกสรเพศผู้หรือเกสร
เพศเมียอย่างใดอย่างหนึ่ง ดอกที่มีแต่เกสรเพศผู้ เรียกว่า ดอกตัวผู้ ดอกที่มีแต่เกสรเพศเมีย เรียกว่า ดอกตัวเมีย เช่น
ดอกข้าวโพด ดอกมะละกอ ดอกขนุน ดอกละหุ่ง ดอกมะยม ดอกมะระ ดอกตำลึง ดอกฟกั ทอง ดอกบวบ

การถ่ายละอองเรณู (pollination)
การถา่ ยละอองเรณู (pollination) คือ กระบวนการที่ละอองเรณูไปตกลงบนยอดเกสรเพศเมีย ซง่ึ เกิด

ได้ 2 ลักษณะดงั น้ี
1. การถา่ ยละอองเรณใู นหลอดเดียวกัน (Close pollination)
2. การถ่ายละอองเรณูขา้ มดอก (Cross pollination)
การถ่ายละอองเรณู เกิดได้ตลอดเวลาโดยอาศัยลม แมลง สัตว์ต่าง ๆ และมนุษย์เป็นตัวกลางในการ

ถ่ายละอองเรณู
การงอกของละอองเรณู เมื่อละอองเรณูตกบนยอดเกสรเพศเมียจะเกิดการงอกหลอดเล็ก ๆ ออกไป

ตามก้านเกสรเพศเมีย เรียกว่า หลอดละอองเรณู (pollen tube) ซึ่งจะงอกไปจนถึงรูไมโครไพล์ของออวุล การงอก
หลอดละอองเรณูเกิดเนื่องจากบนยอดเกสรเพศเมียมีสารจำพวกน้ำตาลซึ่งจะกระตุ้นให้ทิวปันิวเคลียสสร้างหลอด
ละอองเรณู เมื่องอกหลอดถึงรูไมโครไพล์ทิวป์นิวเคลียสจะสลายไป ส่วนเจเนเรทีฟนิวเคลียสจะแบ่งตัวให้สเป๊ร์มนิว
เคลยี ส 2 อนั

การปฏสิ นธิ
การปฏิสนธิ ในพืชดอกจะเกิดการปฏิสนธิ 2 ครั้ง เรียกว่า การปฏิสนธิซ้อน (double fertilization)

โดยเกดิ จากการรวมกนั ของเซลล์สืบพันธ์ุดงั น้ี
- สเปิร์มตัวท่ี 1 รวมกับเซลล์ไข่ ได้ไซโกต (zygote) ซึ่งจะเจริญไปเป็นต้นอ่อนหรือเอ็มบริโอ

(embryo) ต่อไป
- สเปิรม์ ตัวท่ี 2 รวมกบั เซลลโ์ พลาร์นิวคลไี อ (polar nuclei) ได้เอนโดสเปร๊ ม์ (endosperm) ซึง่ เป็น

อาหารสำหรบั เล้ียงเอ็มบริโอ

การเปลี่ยนแปลงหลงั ปฏิสนธิ
1. เชลล์ไข่ทีถ่ ูกผสมแล้วจะเจริญไปเปน็ เมล็ด เมล็ดประกอบดว้ ยต้นออ่ นและอาหารเลี้ยงต้นออ่ น

(endosperm) ซ่ึงเกิดจาก
- นวิ เคลยี สละอองเรณูตัวที่ 1 + นวิ เคลยี สไข่ → ไซโกต → ต้นออ่ น
- นวิ เคลียสละอองเรณูตัวท่ี 2 + โพลารน์ วิ เคลียส เอนโดสเปริ ์ม (อาหารเลีย้ งตน้ อ่อน)

2. รงั ไข่เจริญไปเป็นผล
3. ผนังรงั ไข่เจริญไปเปน็ เปลือกและเนื้อของผล
4. ออวุลเจรญิ ไปเปน็ เมล็ด
4. สมรรถนะของผเู้ รยี น
4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4.4 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
5.1 มีวนิ ยั
5.2 ใฝเ่ รยี นรู้
5.3 มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
6. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
6.1 ใบกิจกรรม เรอ่ื ง การสืบพนั ธแ์ุ บบอาศัยเพศ
7. จุดประสงค์การเรียนรู้
7.1 ดา้ นความรู้ (K)
7.1.1 อธิบายการสืบพนั ธแ์ุ บบอาศัยเพศของพืชดอกได้
7.1.2 อธบิ ายลักษณะโครงสร้างของดอกทมี่ สี ่วนทำใหเ้ กดิ การถา่ ยเรณูได้
7.1.3 อธิบายการปฏสิ นธิ การเกิดผลและเมลด็ ของพชื ดอกได้
7.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P)
7.2.1 เขยี นและระบสุ ่วนประกอบของพชื ดอกได้

7.3 ดา้ นเจตคติ/คณุ ลกั ษณะ (A)
7.3.1 ตระหนักถึงความสำคัญของสัตว์ที่ช่วยในการถ่ายเรณูของพืชดอก โดยการไม่ทำลายชีวิตของ

สัตว์ทชี่ ่วยในการถ่ายเรณูได้
7.3.2 รบั ผิดชอบตอ่ หน้าท่ีและงานที่ได้รับมอบหมาย

8. กิจกรรมการเรียนรู้
8.1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement)(10 นาท)ี
8.1.1 นักเรยี นดวู ีดิทัศน์ เรื่อง 'หยุด เก็บ บ่อย' เพ่ือแก้ไขปญั หาผักตบชวา โดยกรมชลประทาน โดยใช้

วีดิทศั น์ เรือ่ ง 'หยุด เก็บ บ่อย' เพอื่ แก้ไขปญั หาผกั ตบชวา โดยกรมชลประทาน ใน youtube

ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=Ig2CcXh9nLw
- เพราะเหตใุ ดผักตบชวาจงึ เป็นปญั หากับแหล่งนำ้ (แนวคำตอบ นักเรยี นตอบตามความเข้าใจ
ตัวอย่างเช่น ผักตบชวาสามารถสร้างเมด็ จำนวนมหาศาล และเมล็ดจะงอกและเจริญเตบิ โตอย่างรวดเรว็ และอีกอย่าง
ผกั ตบชวายงั สามารถเพิม่ จำนวนโดยการแตกต้นใหมอ่ อกจากลำตน้ เดิม)
- แล้วนกั เรยี นมวี ิธแี ก้ปญั หาอยา่ งไร (แนวคำตอบ นักเรยี นตอบตามความเข้าใจ)
8.1.2 นักเรยี นบอกช่ือดอกไม้ทร่ี ้จู กั มาคนละ 1 ชนดิ เชน่ ดอกกุหลาบ ดอกจำปี เปน็ ตน้ และนกั เรียน
ตอบคำถามครูตอ่ ไปนี้
- นกั เรยี นคิดว่าโครงสร้างของดอกสว่ นใหญท่ เี่ ราไดบ้ อกครูมามีโครงสร้างของดอกเหมอื นกนั หรอื
แตกตา่ งกัน อย่างไร (แนวคำตอบ นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจ และครูยงั ไมเ่ ฉลย)
8.2 ขนั้ สำรวจและค้นหา (Exploration) (20 นาท)ี
8.2.1 นักเรยี นแบง่ กลมุ่ 13 กลมุ่ ๆ ละ 2-3 คน โดยใชว้ ธิ ีการสุม่ เลขท่ี
8.2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นและศึกษา เรื่อง ส่วนประกอบของพืชดอกและหน้าที่แต่ละ
สว่ นประกอบ โดยสบื ค้นผ่านอนิ เทอรเ์ นต็ หนงั สอื เรียน เปน็ ต้น
8.2.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรม การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ โดยให้นักเรียนนำดอกไม้ที่เตรยี มไว้
มาศึกษาหลังจากนั้นนักเรียนระบุส่วนประกอบของพืชดอกให้ถูกต้องพร้อมถ่ายรูปลงใน padlet และมีคำถามระหว่าง
กิจกรรม ดงั นี้

- ส่วนใดของดอกที่เกี่ยวข้อโดยตรงกับการสืบพันธุ์แบบอาศัยของพืชดอก เพราะเหตุใด (แนว
คำตอบ ส่วนเกสรเพศผู้แลเกสรเพศเมีย เพราะว่าเกสรเพศผู้เป็นส่วนที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ และเกสรเพศเมียเป็น
ส่วนท่ีสร้างเซลลส์ บื พันธ์ุเพศเมีย)

- การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชมีขั้นตอนอย่างไร (แนวคำตอบ การถ่ายเรณู และการผสมกัน
ของเซลลส์ บี พนั ธเ์ุ พศผู้และเซลล์สบื พนั ธเ์ุ พศเมีย)

8.3 การอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)(30 นาที)
8.3.1 นกั เรยี นร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้ข้อสรุปวา่ การสบื พันธ์แุ บบอาศยั เพศของพืชจะเกิดข้ึนท่ีดอก

ส่วนของดอกทำหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ คือ เรณู ซึ่งอยู่ในอับเรณูของเกสรเพศผู้ และส่วนที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์
เพศเมยี คือ ถงุ เอ็มบริโอ ซึ่งอยใู่ นออวุลของเกสรเพศเมีย การสบื พันธ์แุ บบอาศยั เพศต้องมีการผสมกันของเซลล์สืบพันธุ์
เพศผูแ้ ละเพศเมยี จงึ ตอ้ งมกี ารเคลอ่ื นยา้ ยเรณูจากอับเรณูไปยงั ยอเกสรเพศเมีย

- นกั เรยี นคิดวา่ เรณจู ากอับเรณจู ะไปตกบนยอดเกสรเพศเมยี ได้อยา่ งไร (แนวคำตอบ นกั เรียนตอบ
คำถามตามความเขา้ ใจ)

8.3.2 นกั เรียนดวู ดี ทิ ัศน์ เรือ่ ง การถ่ายละอองเรณแู ละการปฏิสนธิ โดยใชว้ ีดิทัศน์ เรือ่ ง The process
of pollination & fertilization จาก youtube

ท่มี า : https://www.youtube.com/watch?v=78PzI9exMBo
- การถา่ ยเรณู เรณจู ะไปตกท่ีสว่ นใดของเกสรเพศเมยี (แนวคำตอบ ยอดเกสรเพศเมีย)
- ดอกหรือกลีบทีม่ ีสแี ตกต่างกนั จะดงึ ดูดสตั วไ์ ดแ้ ตกต่างกันหรอื ไม่ (แนวคำตอบ ดอกท่ีมีสีของกลบี
ดอกจะดึงดูดสตั ว์ต่างชนิดกัน เช่น ผึ้ง สว่ นใหญจ่ ะเขา้ หาพืชท่ีมกี ลบี ดอกสมี ่วง สีสม้ เหลอื ง เป็นตน้ )
- หลงั จากถา่ ยเรณูแล้ว เซลลส์ บื พันธุ์เพศผทู้ ี่อยใู่ นเรณูจะเข้าผสมกับเซลล์สืบพนั ธุเ์ พศเมียได้
อย่างไร (แนวคำตอบ นกั เรยี นตามความเขา้ ใจ)
8.4 การขยายความรู้ (Elaboration)(30 นาที)

8.4.1 นักเรยี นอ่านจบั ใจความและสรปุ เน้ือหา เรอ่ื ง ปฏิสนธิของพืชดอก โดยใชห้ นังสือเรียนรายวิชา
พน้ื ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 เลม่ ที่ 1 หนา้ 139

8.4.2 นกั เรยี นตอบคำถามครู ดงั นี้
- ไซโกตเกิดข้นึ ไดอ้ ย่างไร (แนวคำตอบ เกดิ จากการปฏิสนธิของสเปิร์มกับเซลลไ์ ข)่

- ไซโกตมีความสำคัญอย่างไร (แนวคำตอบ ไซโกตเป็นเซลล์ทีจ่ ะไปพฒั นาไปเป็นเอ็มบริโอ ซึ่งเป็น

สว่ นท่ีมีลกั ษณะคล้ายต้นอ่อนอยใู่ นเมลด็ )

- เอนโดสเปิรม์ เกดิ ข้นึ ได้อย่างไร และมคี วามสำคญั อย่างไร (แนวคำตอบ เอนโดสเปิรม์ เกิดจากการ

ปฏสิ นธิของสเปริ ์มกับโพลารน์ วิ คลีไอ มีความสำคญั เพราะเป็นแหล่งสะสมอาหารในเมล็ด)

8.5 การประเมินผล/สรุป (Evaluation)(10 นาท)ี

8.5.1 นักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปเนื้อหาทั้งหมดที่ได้เรียนรู้จากการทำกิจกรรมและการอ่าน

เพิ่มเติม โดยอาจให้นักเรียนวาดภาพขั้นตอนตัง้ แต่การถ่ายเรณูจนถึงการปฏสิ นธิของพืชดอก เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า การ

สบื พันธแุ์ บบอาศัยเพศของพชื ดอกเกิดข้นึ ที่ดอก มีการถ่ายเรณูจากอบั เรณูไปยงั ยอดเกสรเพศเมียโดยมีสิ่งต่าง ๆ ชว่ ยใน

การถ่ายเรณูจากนั้นสเปิร์มในเรณูจะเข้าไปปฏิสนธิกับเซลล์ไข่และโพลาร์นิวคลีไอในถุงเอ็มบริโอ ได้ไซโกตและเอนโด

สเปิร์ม สว่ นออวุลจะพฒั นาและเจรญิ เติบโตไปเปน็ เมลด็ รงั ไขจ่ ะพัฒนาและเจรญิ เตบิ โตเป็นผล

8.5.2 นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ จำนวน 5 ข้อ โดยใช้

แบบทดสอบหลงั เรยี น เรือ่ ง การสบื พันธุแ์ บบอาศยั เพศ

9. ส่อื และแหล่งเรยี นรู้

9.1 หนังสอื เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 เล่มท่ี 1

9.2 วีดทิ ัศน์ เรือ่ ง 'หยดุ เก็บ บ่อย' เพื่อแกไ้ ขปญั หาผักตบชวา โดยกรมชลประทาน

9.3 แอปพลิเคชนั Padlet

9.4 วดี ทิ ัศน์ เรอื่ ง The process of pollination & fertilization

9.5 แบบทดสอบหลังเรยี น เรอ่ื ง การสบื พันธ์ุแบบอาศัยเพศ

10. การวัดและการประเมินผล

การวัดผลประเมินผล วิธีการวดั เครอื่ งมอื วดั เกณฑก์ ารผา่ น

1. ดา้ นความรู้

1. อธิบายการสบื พนั ธุ์ - ตรวจใบกิจกรรม เรอ่ื ง - ใบกิจกรรม เรือ่ ง การ - นักเรยี นสามารถปฏิบัตใิ น

แบบอาศัยเพศของพืช การสืบพันธ์ุแบบอาศยั สบื พนั ธ์แุ บบอาศยั เพศ ระดบั ดีข้นึ ไป คะแนนอยใู่ น

ดอกได้ เพศ - ชดุ คำถาม ระหวา่ ง 9-12 คะแนน ถือวา่

2. อธบิ ายลกั ษณะ - สงั เกตการตอบคำถาม ผา่ นเกณฑ์

โครงสร้างของดอกท่ีมี ในช้นั เรียน - นักเรยี นสามารถตอบ

สว่ นทำให้เกดิ การถา่ ยเรณู คำถามไดถ้ ูกต้องรอ้ ยละ 50

ได้ สรปุ ว่าผา่ นเกณฑ์

3. อธิบายการปฏิสนธิ

การเกิดผลและเมล็ดของ

พชื ดอกได้

การวัดผลประเมินผล วิธกี ารวัด เคร่อื งมอื วดั เกณฑก์ ารผ่าน

2. ด้านทักษะกระบวนการ - ใบกจิ กรรม เรือ่ ง การ - นกั เรียนสามารถปฏิบัตใิ น
สืบพนั ธแ์ุ บบอาศัยเพศ ระดับดขี นึ้ ไป คะแนนอยู่ใน
1. เขยี นและระบุ - ตรวจใบกจิ กรรม เร่ือง ระหว่าง 9-12 คะแนน ถือว่า
- ใบกจิ กรรม เรอื่ ง การ ผ่านเกณฑ์
ส่วนประกอบของพชื ดอก การสืบพันธุแ์ บบอาศัย สบื พันธ์ุแบบอาศัยเพศ
- แบบสงั เกตพฤติกรรม - นกั เรยี นสามารถปฏิบัติใน
ได้ เพศ การทำงานกลมุ่ ระดบั ดีขึน้ ไป คะแนนอย่ใู น
ระหว่าง 9-12 คะแนน ถือว่า
3. ด้านเจตคติ /คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์
- นกั เรยี นสามารถเข้าร่วม
1. ตระหนักถงึ - ตรวจใบกิจกรรม เร่ือง กิจกรรมกลมุ่ และรับผดิ ชอบ
งานได้ในระดับดีข้นึ ไป มี
ความสำคัญของสัตวท์ ่ีชว่ ย การสืบพันธุ์แบบอาศัย คะแนนอยูร่ ะหวา่ ง 11-15
สรุปว่าผา่ นเกณฑ์
ในการถา่ ยเรณขู องพืช เพศ

ดอก โดยการไม่ทำลาย - สงั เกตพฤติกรรมการ

ชีวิตของสัตว์ที่ช่วยในการ ทำงานกลมุ่

ถา่ ยเรณไู ด้

2. รับผิดชอบตอ่ หนา้ ท่ี

และงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย

11. บันทึกหลงั การสอน

ชนั้ ม.1/1 ช้ัน ม.1/2 ชัน้ ม.1/3

ผลการสอน - นักเรียนอธิบายการสืบพันธุ์ - นักเรียนอธิบายการสืบพันธุ์ - นักเรียนอธิบายการสืบพันธุ์
ปญั หา/
แบบอาศัยเพศของพืชดอก แบบอาศัยเพศของพืชดอก แบบอาศัยเพศของพืชดอก

ลักษณะโครงสร้างของดอกที่มี ลักษณะโครงสร้างของดอกที่มี ลักษณะโครงสร้างของดอกที่มี

ส่วนทำให้เกิดการถ่ายเรณู การ ส่วนทำให้เกิดการถ่ายเรณู การ ส่วนทำให้เกิดการถ่ายเรณู การ

ปฏิสนธิ การเกิดผลและเมล็ด ปฏิสนธิ การเกิดผลและเมล็ด ปฏิสนธิ การเกิดผลและเมล็ด

ของพืชดอกได้ได้ถูกต้อง คิด ของพืชดอกได้ได้ถูกต้อง คิด ของพืชดอกได้ได้ถูกต้อง คิด

เปน็ รอ้ ยละ 100 เปน็ รอ้ ยละ 100 เปน็ ร้อยละ 100

- น ั ก เ ร ี ย น เ ข ี ย น แ ล ะ ร ะ บุ - น ั ก เ ร ี ย น เ ข ี ย น แ ล ะ ร ะ บุ - น ั ก เ ร ี ย น เ ข ี ย น แ ล ะ ร ะ บุ

ส่วนประกอบของพืชดอกได้ ส่วนประกอบของพืชดอกได้ ส่วนประกอบของพืชดอกได้

ถูกต้อง คิดเป็นรอ้ ยละ 100 ถูกตอ้ ง คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ถกู ต้อง คดิ เป็นร้อยละ 100

- น ั ก เ ร ี ย น ต ร ะ ห น ั ก ถึ ง - น ั ก เ ร ี ย น ต ร ะ ห น ั ก ถึ ง - น ั ก เ ร ี ย น ต ร ะ ห น ั ก ถึ ง

ความสำคัญของสัตว์ที่ช่วยใน ความสำคัญของสัตว์ที่ช่วยใน ความสำคัญของสัตว์ที่ช่วยใน

การถ่ายเรณูของพืชดอก โดย การถ่ายเรณูของพืชดอก โดย การถ่ายเรณูของพืชดอก โดย

การไม่ทำลายชีวิตของสัตว์ที่ การไม่ทำลายชีวิตของสัตว์ท่ี การไม่ทำลายชีวิตของสัตว์ที่

ช่วยในการถ่ายเรณูได้ถูกต้อง ช่วยในการถ่ายเรณูได้ถูกต้อง ช่วยในการถ่ายเรณูได้ถูกต้อง

คดิ เป็นร้อยละ 100 คดิ เปน็ ร้อยละ 100 คิดเป็นรอ้ ยละ 100

- นักเรียนมีความกระตือรือร้น - นักเรียนมีความกระตือรือร้น - นักเรียนมีความกระตือรือร้น

ในการทำกิจกรรมกลุ่ม สามารถ ในการทำกจิ กรรมกลุ่ม สามารถ ในการทำกจิ กรรมกลุ่ม สามารถ

ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมี ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมี ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมี

ความรับผิดชอบต่องานที่ได้ ความรับผิดชอบต่องานที่ได้ ความรับผิดชอบต่องานที่ได้

มอบหมายไว้ คิดเป็นร้อยละ มอบหมายไว้ คิดเป็นร้อยละ มอบหมายไว้ คิดเป็นร้อยละ

100 100 100

---

อุปสรรค

ขอ้ เสนอแนะ - - -

/แนว

ทางแก้ไข

บันทกึ สำหรบั อาจารยพ์ เ่ี ลีย้ ง
............................................................................................................................. ...............................................................
.................................................................... .......................................................................................................... ..............
............................................................................................................................. ...............................................................
............................................................................................................................. ...............................................................

ลงช่อื .......c.......f.....u.......t.....n.................ผสู้ อน ลงชื่อ............................................................
(อาจารย์นวนิ ดา คงภักด)ี
(นายอาซอื มนั รูเดง็ ) อาจารย์พ่ีเลย้ี ง
นักศึกษาปฏบิ ตั ิการสอน
วนั ที่ 19 เดอื นสิงหาคม พ.ศ. 2565 วันท่ี 19 เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565

แบบบันทกึ การใหค้ ะแนนใบกิจกรรม เรอ่ื ง การสบื พันธุ์แบบอาศยั เพศ

ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ห้อง……..

คำช้ีแจง : ให้ทำเครื่องหมาย  ลงในช่องรายการประเมิน- ใบกิจกรรม เร่อื ง การสืบพนั ธุ์แบบอาศัยเพศตรงกับระดบั
คะแนนทน่ี กั เรยี นปฏิบัติได้

พฤตกิ รรม
ความถูกต้อง ความ ความต้ังใจใน การนำเสนอ รวม
ลำ ชอ่ื -สกุล ของเนือ้ หา สรา้ งสรรค์ การทำงาน
ดับที่ 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16
1. 1
2. 2
3. 3
4. 4
5. 5
6.
7.
8.
9.
10.
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
19.
20.
21.
22.
23.
24.

พฤติกรรม
ความถูกตอ้ ง ความ ความตงั้ ใจใน การนำเสนอ รวม
ลำ ชอื่ -สกุล ของเนอ้ื หา สรา้ งสรรค์ การทำงาน
ดับที่ 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16
25.
26.
27.
28.
29.
30.
31.
32.
33.
34.
35.
36.
37.
38.
39.

เกณฑ์การให้คะแนนระดบั คณุ ภาพ
13-16 อยู่ในระดบั ดมี าก
9-12 อยู่ในระดบั ดี
5-8 อย่ใู นระดบั พอใช้
1-4 อยู่ในระดบั ปรับปรุง

*หมายเหตุ : นักเรยี นสามารถปฏบิ ัติในระดบั ดีขนึ้ ไป คะแนนอยใู่ นระหวา่ ง 9-12 คะแนน ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
ลงช่ือ...........................................ผสู้ ังเกต
(...............................................................)
........../.........../...........

รายละเอยี ดการใหค้ ะแนนใบกิจกรรม เรอ่ื ง การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ

ประเด็นการประเมนิ 4 เกณฑ์การให้คะแนน 1
ดีมาก 32 ปรบั ปรุง
1. ความถูกต้องของ เนื้อหาถูกตอ้ งครบถ้วน ดี พอใช้ เนื้อหาผดิ พลาด
เน้อื หา เนอ้ื หาครบถว้ นมี เน้ือหาไม่ครบถ้วน ตอ้ งบอกให้แก้ไข
2. ความคิดสรา้ งสรรค์ รปู แบบแปลกใหม่ ผดิ พลาดเล็กน้อย ผิดพลาดเลก็ น้อย เลยี นแบบ
มคี วามแปลกใหม่ ไม่ค่อยแปลกใหม่

3. ความตัง้ ใจในการ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติ พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ตั ิ พฤติกรรมท่ปี ฏิบัติ พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิ
ทำงาน ชัดเจนทกุ คร้งั ชดั เจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ บางคร้งั
บอ่ ยครงั้
4. การนำเสนอ เมอื่ นำเสนอถกู ตอ้ ง เมอื่ นำเสนอถูกตอ้ ง เม่อื นำเสนอไม่ เมอ่ื นำเสนอ
ครบถ้วน เน้นประเด็น ครบถ้วน ประเดน็ ผิดพลาดมาก
สำคญั ไม่ชัดเจน คอ่ ยถูกต้อง ไม่มี
สำคัญ ประเด็นชัดเจน

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
รายวชิ า ว 21101 วิทยาศาสตร์ ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 หอ้ ง………ภาคเรียน……………..ปกี ารศกึ ษา………

กลุ่มท…่ี …………ชอื่ กลุม่ ……………
คำช้แี จง : สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนรายกลมุ่ ในระหว่างเรยี นแล้วทำเครื่องหมาย ✓ ลงช่องทตี่ รงกบั ระดับ
คะแนนที่นกั เรียนปฏิบัติได้

ลำ ชื่อ-สกลุ พฤติกรรม รวม
ดบั ท่ี สมาชิกกลุ่ม ความ การแสดง การรบั ฟงั ความตงั้ ใจ การมีสว่ น 20
รว่ มมอื ความ ความ ในการ รว่ มในการ
1. 1 คิดเห็น คิดเห็น ทำงาน อภิปราย
2. 2
3. 3 43214321432143214321
4. 4
5. 5
6. 6
7. 7
8. 8
9. 9
10. 0
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.

ลำ ชอื่ -สกลุ พฤตกิ รรม รวม
ดบั ที่ สมาชกิ กลุ่ม ความ การแสดง การรับฟงั ความตั้งใจ การมสี ่วน 20
ร่วมมือ ความ ความ ในการ รว่ มในการ
19. คิดเหน็ คิดเห็น ทำงาน อภิปราย
20.
21. 43214321432143214321
22.
23.
24.
25.
26.
27.
28.
29.
30.
31.
32.
33.
34.
35.
36.
37.
38.
39.

เกณฑ์การให้คะแนนระดับคุณภาพ
16-20 อยู่ในระดบั ดมี าก
11-15 อยู่ในระดบั ดี
6-10 อยู่ในระดบั พอใช้
1-5 อย่ใู นระดบั ปรบั ปรงุ

*หมายเหตุ : นกั เรียนสามารถปฏิบตั ใิ นระดับดีข้นึ ไป คะแนนอย่รู ะหวา่ ง 11-15 คะแนน ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์

ลงชอ่ื ........................................ ผู้ประเมนิ
(…………………………………….……)

รายละเอียดการใหค้ ะแนนการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม

ประเดน็ การประเมนิ 4 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1
ดมี าก 32 ปรับปรุง
1. ความร่วมมือ พฤติกรรมที่ปฏบิ ัติ ดี พอใช้ พฤติกรรมที่ปฏิบัติ
ชดั เจนทุกคร้ัง พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ตั ิ พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ตั ิ บางครง้ั
2. การแสดงความ ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ
คดิ เห็น พฤติกรรมที่ปฏิบัติ พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ
ชดั เจนทุกครั้ง บอ่ ยครั้ง บางครง้ั
3. การรับฟงั ความ พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ิ พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ
คิดเหน็ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติ ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชดั เจนและ พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ตั ิ
ชดั เจนทุกคร้งั บางคร้ัง
4. ความตงั้ ใจในการ บอ่ ยครง้ั
ทำงาน พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิ พฤติกรรมทปี่ ฏิบัติ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิ
ชัดเจนทุกครง้ั ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ บางครั้ง
5. การมีส่วนรว่ มใน
การอภิปราย พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติ บ่อยครัง้ พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ
ชดั เจนทุกครัง้ พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิ พฤติกรรมที่ปฏิบัติ บางครั้ง
ชดั เจนและสมำ่ เสมอ ชดั เจนและ

บอ่ ยครั้ง
พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิ พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ิ
ชัดเจนและสมำ่ เสมอ ชัดเจนและ

บ่อยครง้ั

แบบประเมนิ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 4 ด้าน
ชอ่ื ..............................................................นามสกลุ .................................................... .ชน้ั ......……..เลขที.่ ....

คำช้แี จง : ให้สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียน แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งท่ตี รงกับระดบั คะแนน

สมรรถนะสำคัญที่ประเมิน ระดบั คะแนน สรปุ
432 1 ผล

1. ความสามารถในการสื่อสาร

1.1 มีความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคดิ

ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม

1.2 ใช้วิธกี ารสอื่ สารที่เหมาะสม

1.3 วิเคราะห์แสดงความคิดเหน็ อยา่ งมเี หตุผล

สรุปผลการประเมิน

2. ความสามารถในการคิด

2.1 มีความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ สงั เคราะห์

2.2 มที กั ษะในการคดิ นอกกรอบอย่างสรา้ งสรรค์

2.3 มีความสามารถในการคดิ อย่างมีระบบ

สรปุ ผลการประเมนิ

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา

3.1 สามารถแกป้ ญั หาและอุปสรรคต่าง ๆ ทเ่ี ผชญิ ได้

3.2 ใชเ้ หตผุ ลในการแกป้ ญั หา

3.3 สามารถตดั สนิ ใจได้เหมาะสมตามวัย

4 . ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

4.1 มที ักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี

4.2 สามารถนำเทคโนโลยีไปใชพ้ ฒั นาตนเอง

4.3 มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรมในการใชเท้ คโนโลยี

สรุปผลการประเมิน

สรปุ ผลการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์รายบคุ คล

 ดีมาก  ดี  ปานกลาง  ตอ้ งปรับปรุง

ลงช่อื ........................................ ผู้ประเมนิ

(…………………………………….……)

แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์

ชอ่ื ................................................................ชั้น....................เลขที.่ ...................

คำชี้แจง : ให้สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องทตี่ รงกบั ระดบั

คะแนน

คณุ ลกั ษณะอนั พงึ รายการท่ปี ระเมนิ ระดับคะแนน
ประสงค์ 321

1. มวี นิ ัย 1.1 ตรงตอ่ เวลา

1.2 ปฏิบัตงิ านเรยี บรอ้ ยเหมาะสม

1.3 ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง

2. ใฝเ่ รยี นรู้ 2.1 กระตือรือรน้ ในการแสวงหาขอ้ มลู

2.2 มกี ารจดบันทึกความรู้

2.3 สรปุ ความรไู้ ดอ้ ยา่ งมีเหตุผล

3. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน 3.1 มคี วามต้งั ใจและพยายามในการทำงานทไี่ ด้รับมอบหมาย

3.2 มีความอดทนและไม่ย่อทอ้ ต่ออุปสรรคเพื่อให้งานสำเร็จ

เกณฑก์ ารให้คะแนน

- พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชดั เจนและสม่ำเสมอ

- พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัตชิ ดั เจนและบ่อยครงั้

- พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิบางครง้ั

เกณฑ์การให้คะแนนระดบั คณุ ภาพ
18-24 อย่ใู นระดับ ดีมาก
13-18 อยู่ในระดบั ดี
7-12 อยใู่ นระดบั ปานกลาง
1-6 อย่ใู นระดับ ปรบั ปรุง

ลงช่ือ..........................................ผปู้ ระเมนิ
(..........................................)

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 วทิ ยาศาสตร์ (ว 21101) ชน้ั ม. 1
บทที่ 1 เรอ่ื ง การสบื พนั ธแ์ุ ละการขยายพนั ธพ์ุ ชื ดอก ผู้สอน ปส. อาซือมัน รูเดง็

ใบกิจกรรม
เรื่อง การสบื พันธุ์แบบอาศัยเพศ

สมาชิกกลุ่ม

1. ชอ่ื -สกลุ …………………………………………………………………………...ชัน้ ม.1/……………….เลขท…ี่ ……………..
2. ชื่อ-สกลุ …………………………………………………………………………...ชน้ั ม.1/……………….เลขท…ี่ ……………..
3. ช่อื -สกลุ …………………………………………………………………………...ชั้น ม.1/……………….เลขท…ี่ ……………..

คำช้แี จง ใหน้ ักเรยี นหาดอกไม้ 1 ชนิด หลกั จากนัน้ นำมาติดในใบกิจกรรมให้เรยี บร้อย พรอ้ มทัง้ ชสี้ ว่ นประกอบของพืช
ดอกให้ถูกต้อง

ชอ่ื ดอก : ………………………………………………………………………

แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 13

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 การดำรงชวี ิตของพืช

รหสั วชิ า ว 21101 วิทยาศาสตร์ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้น
บทที่ 1 มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
เรอื่ งท่ี 1
ผู้สอน การสบื พันธุแ์ ละการขยายพนั ธ์ุพชื ดอก

การขยายพันธ์ุพืชดอก จำนวน 3 คาบ

ปส. อาซือมัน รูเดง็ อาจารยพ์ เ่ี ลี้ยง อาจารยน์ วินดา คงภกั ดี

1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบตั ขิ องสิ่งมีชีวิต หนว่ ยพื้นฐานของส่ิงมีชีวิต การลำเลยี งสารผา่ นเซลล์ ความสัมพันธ์

ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและ
หน้าที่ของอวัยวะตา่ ง ๆ ของพืชทท่ี ำงานสมั พันธก์ นั รวมท้ังนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

ตัวชี้วดั
ว 1.2 ม.1/16 เลือกวิธีการขยายพันธุ์พืชให้เหมาะสมกับความต้องการของมนุษย์ โดยใช้ความรู้เกี่ยวกับการ
สืบพนั ธขุ์ องพืช
ว 1.2 ม.1/17 อธบิ ายความสำคัญของเทคโนโลยกี ารเพาะเลย้ี งเน้ือเย่ือพชื ในการใช้ประโยชน์ด้านต่าง ๆ
ว 1.2 ม.1/18 ตระหนกั ถึงประโยชนข์ องการขยายพนั ธุข์ องพืช โดยการนความรไู้ ปใช้ในชวี ติ ประจำวัน
2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ เป็นการขยายพันธุ์ของพืชที่ไม่ได้มาจากการปฏิสนธิระหว่างสเปิร์มกับเซลล์ไข่
ทำใหพ้ ชื ต้นใหม่มลี ักษณะคล้ายกับต้นเดิมทุกประการ โดยมนษุ ย์อาศัยหลักการน้ีมาขยายพันธ์ุพืช เพ่ือให้พืชมีลักษณะ
ตามที่ตอ้ งการโดยการนำส่วนตา่ ง ๆ ของพืช เชน่ ราก ลำตน้ และใบ เป็นตน้ มาทำให้เกดิ เป็นต้นใหม่ ไดแ้ ก่ การปักชำ
การติดตา การตอนกิ่ง การทาบกิ่ง เป็นต้น เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับตน้ พืช หรือปรับปรุงพันธุ์ใหด้ ีข้ึนนอกจากนี้พืชสามารถ
ใช้โครงสร้างพิเศษจากราก ลำต้น และใบ ขยายพนั ธุไ์ ด้
3. สาระการเรยี นรู้
การขยายพนั ธุ์พชื
การขยายพันธุ์พืชจัดว่ามีความสำคัญในการปลูกพืช เพราะขั้นตอนแรกของการเพาะปลูกต้องมีต้นกล้าพืช
เสียก่อน การเลือกวิธีการขยายพันธุ์พืชที่เหมาะสมจะทำให้สามารถผลิตต้นกล้าได้ตามปริมาณและคุณภาพที่ต้องการ
ซึ่งเป็นผลไปถึงคุณภาพหรือปริมาณของผลผลิตของพืชนั้น ๆ นอกจากนี้การขยายพันธุ์พืชยังมีความสำคัญในด้านการ
อนุรักษพ์ ันธุ์พืชที่หายากหรือใกล้จะสญู พันธ์ุ ซึง่ ทำไดห้ ลายวิธี เช่น "การเพาะเมลด็ ปักชำ ตอนกิง่ ติดตา ทาบก่ิง เสียบ
ยอด การแยกหน่อ และการเพาะเลยี้ งเน้ือเยือ่ "เป็นตน้

การขยายพันธ์ุพืชแบ่งออกเปน็ 2 ประเภทดังน้ี
1.การขยายพันธุ์พืชแบบอาศัยเพศ ไดแ้ ก่ การเพาะเมล็ด เป็นการขยายพนั ธ์ุโดยใชส้ ว่ นของเมล็ดท่ี

เกิดจากการผสมเกสรระหว่างเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย โดยนำมาเพาะในวัสดุเพาะ เช่น ทรายหยาบ แกลบดำ ปุ๋ย
คอก และดิน ตามอัตราสว่ นทเี่ หมาะสม

2.การขยายพนั ธแ์ุ บบไมอ่ าศัยเพศ เป็นการขยายพนั ธ์ุพืชด้วยการใช้ส่วนตา่ งๆ ของพชื ไดแ้ ก่ ราก ลำ
ต้น ใบ โดยส่วนต่างๆ ของพืชเหล่าที่สามารถเกิดราก และเจริญเติบโตเป็นต้นพืชได้ การขยายพันธุแบบไม่อาศัยเพศ
เชน่ การปกั ชำกิ่ง การตอนกิ่ง การตดิ ตา การทาบกง่ิ เสยี บยอด และการเพาะเลย้ี งเน้ือเยอ้ื
วิธขี ยายพนั ธ์ุพชื

การปักชำกิ่ง เป็นการขยายพันธุ์พืชโดยใช้ส่วนต่าง ๆ ของพีช เช่น ราก ใบ หรือลำต้นไปปักชำ และส่วนของ
พืชเหล่านจี้ ะเจริญเปน็ ลำตน้ ต่อไป ไดแ้ ก่ ชบา เฟอื่ งฟ้า เปน็ ตน้

การตดิ ตา เป็นการขยายพนั ธ์ุพชื โดยใช้ตาของกิง่ พนั ธทุ์ ี่ดีไปตดิ บนตน้ ตอที่แขง็ แรง ทนต่อสภาพอากาศไดด้ ี
ขอ้ ดีของการขยายพันธแุ์ บบน้ีคอื ได้พันธด์ุ ี ออกดอกออกผลเร็ว ได้ลำต้นที่แข็งแรงเพราะมรี ากแกว้ และทนต่อสภาพ
อากาศได้ดี ตน้ ไม้ที่สามารถติดตาได้ เชน่ ยางพารา พุทรา กหุ ลาบ เป็นตน้

การทาบกงิ่ เป็นการขยายพนั ธพ์ุ ืชทม่ี ีวิธกี ารเหมอื นการตดิ ตา คอื ใช้ต้นตอมาทาบกับกิง่ พันธ์แุ ละมีขอ้ ดี
เหมอื นกับการตดิ ตา ต้นไม้ทส่ี ามารถทาบก่ิงได้ เช่น ทุเรยี น องนุ่ มะมว่ ง เปน็ ต้น

การตอนกง่ิ ใช้กบั ก่ิงของพชื ใบเลยี้ งคทู่ ม่ี ีอายุพอสมควร ต้นใหมท่ ่ไี ด้จากการตอนจะมีลักษณะเหมอื นตน้ เดมิ แต่
แขง็ แรงน้อยกว่า เนื่องจากไม่มรี ากแก้ว ตน้ ไม้ทสี่ ามารถตอนก่ิงได้ เช่น พุทรา จำปา เงาะ ส้ม กหุ ลาบ มะม่วง ฝรั่ง เปน็
ต้น

พชื ใช้ส่วนตา่ ง ๆ ในการสบื พันธ์แุ บบไม่อาศัยเพศ ดงั น้ี
1. ลำต้น ลำตน้ พืชมหี ลายลักษณะ ดังน้ี
- ไหล คือ ส่วนของลำตน้ ทท่ี อดขนานไปบนผิวดนิ เชน่ สตรอเบอรร์ ี่
- เหงา้ คือ สว่ นของลำตน้ ทีแ่ ทงขนานไปใต้ผิวดิน เชน่ ขิง ชา่ ขมนิ้ ไพล พุทธรักษา
-หัว คือส่วนของลำต้นที่อยู่ใต้ดนิ เชน่ เผอื ก มันฝรั่ง กระเทียม หัวหอม
- หน่อ คอื ส่วนของลำต้นท่ีเจรญิ เหนือดนิ และใตด้ ิน เช่น หนอ่ สบั ปะรด หน่อกล้วย หน่อกลว้ ยไม้
2. ใบ เช่น ตน้ ควำ่ ตายหงายเป็น โคมญป่ี ่นุ ต้นกหุ ลาบหนิ
3. ราก ส่วนใหญ่จะเป็นพชื พวกท่ีมีรากสะสมอาหาร ทบี่ ริเวณรากจะมีตาที่สามารถงอกเปน็ พชื ต้นใหม่ได้ เชน่

หวั แครอท หวั ผกั กาด มันสำปะหลงั มันเทศ กระชาย
4. สมรรถนะของผู้เรียน

4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร
4.2 ความสามารถในการคิด
4.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
5.1 มีวนิ ยั
5.2 ใฝเ่ รยี นรู้
5.3 ม่งุ ม่ันในการทำงาน
6. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
6.1 ใบกจิ กรรม “ตลาดขยายพนั ธุพ์ ืช”

7. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
7.1 ด้านความรู้ (K)
7.1.1 เลือกวธิ ีการขยายพนั ธุใ์ หเ้ หมาะสมกับชนดิ ของพชื และความตอ้ งการของมนุษย์ได้
7.1.2 อธิบายความสำคญั ของการใชเ้ ทคโนโลยเี พาะเลีย้ งเนอ้ื เย่ือพชื ในการขยายพนั ธ์ุพชื ได้
7.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P)
7.2.1 สบื ค้นวิธีการขยายพนั ธ์ุพชื ทีเ่ หมาะสมกับชนดิ ของพืชและความต้องการของมนุษย์ได้
7.3 ดา้ นเจตคติ/คณุ ลักษณะ (A)
7.3.1 รับผิดชอบต่อหนา้ ท่แี ละงานทไ่ี ด้รับมอบหมาย

8. กิจกรรมการเรยี นรู้
8.1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)(10 นาท)ี
8.1.1 นกั เรียนร่วมกนั ทบทวนความรกู้ อ่ นเรียน โดยใหน้ กั เรียนเขยี นเครอื่ งหมายถกู หนา้ ขอ้ ความทถ่ี กู

8.1.2 นักเรียนตอบคำถามจากสถานการณท์ ่ีครใู หม้ า ดงั น้ี
- “มนุษยจ์ ะดำเนนิ ชีวติ อย่ไู ด้จำเปน็ ต้องพึง่ พาปัจจัยส่ี ไดแ้ ก่ อาหาร ที่อย่อู าศัย เคร่ืองนุ่มห่ม และ

ยารกั ษาโรค ซ่งึ พืชก็เปน็ สว่ นหนึ่งในการนำไปใชป้ ระโยชนใ์ นเรอื่ งปัจจัยสี่ แตข่ ้อเสียคือพืชเป็นทรัพยากรทีใ่ ช้แลว้ หมด
ไป ยิ่งประชากรมนุษยเ์ พม่ิ มากขึ้น ความต้องการในเร่ืองของปัจจัยส่กี ็ยิง่ เพ่ิมทวีคณู ข้ึน นักเรียนมีวธิ แี กป้ ญั หาอยา่ งไรที่
จะใหพ้ ืชเพยี งพอกับความต้องการของมนุษย์” (แนวคำตอบ คือ มนษุ ยจ์ ะต้องมีการขยายพันธุพ์ ชื เพ่ือใหพ้ ชื เพียงพอ
ตอ่ การนำไปใช้)

- นกั เรยี นคดิ วา่ เราสามารถขยายพนั ธพ์ุ ชื ไดจ้ ากวธิ ไี หนบา้ ง (แนวคำตอบ นักเรียนตอบตามความ
เขา้ ใจ)

8.2 ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration) (10 นาท)ี
8.2.1 นักเรียนแบ่งกลุ่ม 5 กลุ่ม ๆ ละ 6-7 คน ใช้โค้ดสีในการแบ่งกลุ่ม โดยมีวิธีการแบ่งตามโค้ดสี

ดงั นี้
- นกั เรยี นแตล่ ะคนจะได้รับโคด้ สีทีแ่ ตกตา่ งกนั โดยมสี เี ขยี ว สีแดง สเี หลือง เปน็ ต้น
- ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ซึ่งภายในกลุ่มจะต้องมีทั้งสามสีนี้อยู่ด้วยกัน เช่น สมาชิกกลุ่ม 6 กลุ่ม

ภายในกลุ่มต้องมีสีแดง 2 คน สแี ดง 2 คน สีเหลอื ง 2 คน
8.2.2 นกั เรียนแต่ละกลุม่ ทำกจิ กรรม “ตลาดขยายพันธุพ์ ืช” โดยมวี ิธีดำเนนิ กจิ กรรม ดงั นี้

- แตล่ ะกลมุ่ จะได้รับใบสงั่ ซ้ือจากลกู คา้ เพื่อขยายพันธพุ์ ืชตามที่ลูกคา้ ตอ้ งการ
- เมื่อได้รับใบสั่งซื้อเรียบร้อยแล้ว นักเรียนแต่กลุ่มเริ่มดำเนินสืบค้นข้อมูลในการขยายพันธุ์พืช
ตามท่ีลกู ค้าตอ้ งการ
- ในการสืบค้นข้อมูลนักเรียนต้องสืบค้นตั้งแต่เริ่มต้นจนได้พืชที่ลูกค้าต้องการ ตัวอย่างเช่น ลูกค้า
ต้องการให้ขยายพันธุ์แคคตัสนักเรียนควรใช้วิธีการขยายพันธุ์วิธีใด หลังจากนั้นนักเรียนสืบค้นข้อมูลแล้วเขียนลงใน
กระดาษปรฟู๊
8.3 การอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)(20 นาที)
8.3.1 นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ นำข้อมูลที่เขยี นไวใ้ นกระดาษปรู๊ฟมาติดทผี่ นังห้อง
8.3.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอกิจกรรม “ตลาดขยายพันธุ์พืช” โดยใช้ข้อมูลที่เขียนใน
กระดาษปรูฟ๊
8.3.3 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุป จากกิจกรรม “ตลาดขยายพันธุ์พืช” และ
นักเรยี นตอบคำถามดังนี้
- การขยายพนั ธ์ุพืชมีก่ีประเภท อะไรบา้ ง (แนวคำตอบ การขยายพันธ์ุพชื แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท
ไดแ้ ก่ การขยายพนั ธพ์ุ ืชแบบอาศยั เพศและการขยายพันธพ์ุ ืชแบบไม่อาศัยเพศ)
- จงยกตวั ยา่ งการขยายพันธ์ุพชื แบบอาศัยเพศมอี ะไรบา้ ง (แนวคำตอบ การเพาะเมล็ด)
- จงยกตัวย่างการขยายพันธุ์พืชแบบไม่อาศัยเพศมีอะไรบ้าง (แนวคำตอบ การขยายพันธุแบบไม่
อาศยั เพศ เชน่ การปักชำกิง่ การตอนกง่ิ การตดิ ตา การทาบกิง่ เสียบยอด และการเพาะเล้ยี งเนอื้ เย่ือ)
8.4 การขยายความรู้ (Elaboration)(40 นาท)ี

8.4.1 นกั เรียนดรู ปู ภาพเฟอ่ื งฟ้าหลากสี

- นักเรยี นคดิ ว่าเฟือ่ งฟ้าหลากสเี ป็นการขยายพันธุแ์ บบใด (แนวคำตอบ นักเรียนตอบตามความ

เข้าใจ)

8.4.2 นักเรียนฟังครูบรรยายเพิ่มเติม เรื่อง การขยายพันธุ์พืชดอก โดยใช้สไลด์ประกอบการสอน

เรื่อง การขยายพนั ธพุ์ ืชดอก

8.4.3 นักเรยี นตอบคำถามครู ดงั นี้

- ในการขยายพันธุ์พืชแบบไม่อาศัยเพศเรามารถใช้ส่วนใดของพชื บ้าง (แนวคำตอบ การขยายพันธุ์

พืชแบบไม่อาศัยเพศเรามารถใช้ส่วนด้วยการใช้ส่วนต่างๆ ของพืช ได้แก่ ราก ลำต้น ใบ โดยส่วนต่างๆ ของพืชเหล่าท่ี
สามารถเกดิ ราก และเจรญิ เตบิ โตเป็นต้นพชื ได้)

- ประโยชน์ของการขยายพันธุ์พืชดอกมีอะไรบ้าง (แนวคำตอบ การขยายพันธุ์พืชมีประโยชน์ใน

การเพ่ิมจำนวนพืชห้ำดล้ กั ษณะและจำนวนท่ตี ้องการ)
8.5 การประเมนิ ผล/สรปุ (Evaluation)(10 นาที)
8.5.1 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปบทเรียนการสืบพันธุ์และการขยายพันธุ์พืชดอก โดยใช้ผังมโนทัศน์

ในบทเรยี นการสบื พนั ธุ์และการขยายพนั ธพ์ุ ืชดอก

9. สอื่ และแหล่งเรียนรู้
9.1 หนังสอื เรียนรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 เล่มท่ี 1
9.2 โค้ดสีในการแบ่งกลุ่ม
9.3 สไลด์ประกอบการสอน เร่อื ง การขยายพนั ธุ์พชื ดอก
9.4 ผงั มโนทศั น์ในบทเรยี นการสืบพนั ธุแ์ ละการขยายพันธุพ์ ืชดอก

10. การวดั และการประเมินผล

การวดั ผลประเมนิ ผล วธิ กี ารวัด เครอ่ื งมอื วัด เกณฑก์ ารผ่าน

1. ด้านความรู้ ใบกิจกรรม “ตลาด - นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ิใน
ขยายพันธ์ุพืช” ระดับดขี ้นึ ไป คะแนนอยใู่ น
1. เลือกวิธีการขยายพันธ์ุ - ตรวจใบกจิ กรรม - ชุดคำถาม ระหว่าง 9-12 คะแนน ถือวา่
ผ่านเกณฑ์
ให้เหมาะสมกับชนิดของ “ตลาดขยายพนั ธพุ์ ชื ” - นกั เรียนสามารถตอบ
คำถามไดถ้ ูกต้องรอ้ ยละ 50
พืชและความต้องการของ - สงั เกตการตอบคำถาม สรปุ วา่ ผ่านเกณฑ์

มนษุ ย์ได้ ในชนั้ เรียน

2. อธิบายความสำคัญของ

ก า ร ใ ช ้ เ ท ค โ น โ ล ยี

การวดั ผลประเมนิ ผล วิธกี ารวดั เครื่องมือวัด เกณฑก์ ารผา่ น

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชใน

การขยายพนั ธุพ์ ืชได้

2. ด้านทักษะกระบวนการ

1. สืบคน้ วธิ ีการขยายพนั ธ์ุ - ตรวจใบกจิ กรรม ใบกิจกรรม “ตลาด - นกั เรยี นสามารถปฏิบตั ใิ น
ขยายพันธุพ์ ชื ” ระดบั ดีขึน้ ไป คะแนนอย่ใู น
พชื ทเี่ หมาะสมกบั ชนิด “ตลาดขยายพนั ธพ์ุ ืช” ระหว่าง 9-12 คะแนน ถือว่า
ผ่านเกณฑ์
ของพชื และความตอ้ งการ

ของมนษุ ย์ได้

3. ด้านเจตคติ /คณุ ลักษณะ

1. รบั ผิดชอบต่อหนา้ ที่ - สังเกตพฤติกรรมการ - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - นักเรยี นสามารถเข้ารว่ ม
การทำงานกลมุ่ กิจกรรมกลุม่ และรับผดิ ชอบ
และงานที่ไดร้ บั มอบหมาย ทำงานกลุ่ม งานได้ในระดับดีขน้ึ ไป มี
คะแนนอยรู่ ะหว่าง 11-15
สรปุ วา่ ผา่ นเกณฑ์

11. บนั ทกึ หลงั การสอน

ชั้น ม.1/1 ช้ัน ม.1/2 ชั้น ม.1/3

ผลการสอน - นักเรียนสามารถเลือกวิธีการ - นักเรียนสามารถเลือกวิธีการ - นักเรียนสามารถเลือกวิธีการ

ขยายพันธุ์ให้เหมาะสมกับชนิด ขยายพันธุ์ให้เหมาะสมกับชนิด ขยายพันธุ์ให้เหมาะสมกับชนิด

ของพืชและความต้องการของ ของพืชและความต้องการของ ของพืชและความต้องการของ

มนุษย์ โดยผ่านกิจกรรม ตลาด มนุษย์ โดยผ่านกิจกรรม ตลาด มนุษย์ โดยผ่านกิจกรรม ตลาด

ขยายพันธุพ์ ืช ไดถ้ ูกต้อง คดิ เปน็ ขยายพนั ธุพ์ ชื ไดถ้ ูกต้อง คิดเป็น ขยายพันธ์พุ ชื ได้ถูกต้อง คดิ เปน็

รอ้ ยละ 100 ร้อยละ 100 ร้อยละ 100

- นักเรียนอธิบายความสำคัญ - นักเรียนอธิบายความสำคัญ - นักเรียนอธิบายความสำคัญ

ของการใช้เทคโนโลยีเพาะเลี้ยง ของการใช้เทคโนโลยีเพาะเลี้ยง ของการใช้เทคโนโลยีเพาะเลี้ยง

เนื้อเยื่อพืชในการขยายพันธุ์พืช เนื้อเยื่อพืชในการขยายพันธุ์พืช เนื้อเยื่อพืชในการขยายพันธุ์พืช

ไดถ้ กู ต้อง คิดเปน็ ร้อยละ 100 ไดถ้ ูกตอ้ ง คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 ได้ถกู ตอ้ ง คิดเปน็ รอ้ ยละ 100

- นักเรียนสืบค้นวิธีการ - นักเรียนสืบค้นวิธีการ - นักเรียนสืบค้นวิธีการ

ขยายพันธุ์พืชที่เหมาะสมกับ ขยายพันธุ์พืชที่เหมาะสมกับ ขยายพันธุ์พืชที่เหมาะสมกับ

ชนิดของพืชและความต้องการ ชนิดของพืชและความต้องการ ชนิดของพืชและความต้องการ

ของมนุษย์ได้ถูกต้อง คิดเป็น ของมนุษย์ได้ถูกต้อง คิดเป็น ของมนุษย์ได้ถูกต้อง คิดเป็น

ร้อยละ 100 ร้อยละ 100 ร้อยละ 100

- นักเรียนมีความกระตือรือร้น - นักเรียนมีความกระตือรือร้น - นักเรียนมีความกระตือรือร้น

ในการทำกิจกรรมกลุ่ม สามารถ ในการทำกิจกรรมกลุ่ม สามารถ ในการทำกิจกรรมกลุ่ม สามารถ

ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมี ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมี ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมี

ความรับผิดชอบต่องานที่ได้ ความรับผิดชอบต่องานที่ได้ ความรับผิดชอบต่องานที่ได้

มอบหมายไว้ คิดเป็นร้อยละ มอบหมายไว้ คิดเป็นร้อยละ มอบหมายไว้ คิดเป็นร้อยละ

100 100 100

ปญั หา/ - - -
อปุ สรรค
ข้อเสนอแนะ - - -
/แนว
ทางแกไ้ ข

บันทกึ สำหรบั อาจารยพ์ ีเ่ ลี้ยง
............................................................................................................................. ...............................................................
.................................................................... .......................................................................................................... ..............
............................................................................................................................. ...............................................................
............................................................................................................................. ...............................................................

ลงชอ่ื ...c.......f.....u........t....n.....................ผ้สู อน ลงชอื่ ............................................................
(อาจารย์นวินดา คงภักด)ี
(นายอาซือมัน รเู ดง็ ) อาจารย์พ่ีเลยี้ ง
นักศกึ ษาปฏบิ ัตกิ ารสอน
วันท่ี 28 เดือนสงิ หาคม พ.ศ. 2565 วันท่ี 28 เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565

แบบบันทกึ การใหค้ ะแนนกจิ กรรม “ตลาดขยายพนั ธพุ์ ืช”
ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 หอ้ ง……..

คำชแี้ จง : ให้ทำเคร่ืองหมาย  ลงในชอ่ งรายการประเมินกจิ กรรม “ตลาดขยายพันธพุ์ ืช”การใชธ้ าตมุ ผี ลอยา่ งไรบา้ ง
ตรงกับระดับคะแนนทน่ี ักเรียนปฏบิ ตั ิได้

พฤตกิ รรม
ความถูกต้อง ความ ความตัง้ ใจใน การนำเสนอ รวม
ลำ ช่ือ-สกุล ของเนือ้ หา สร้างสรรค์ การทำงาน
ดับที่ 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16
1. 1
2. 2
3. 3
4. 4
5. 5
6.
7.
8.
9.
10.
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
19.
20.
21.
22.
23.
24.

พฤติกรรม
ความถูกตอ้ ง ความ ความตงั้ ใจใน การนำเสนอ รวม
ลำ ชอื่ -สกุล ของเนอ้ื หา สรา้ งสรรค์ การทำงาน
ดับที่ 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16
25.
26.
27.
28.
29.
30.
31.
32.
33.
34.
35.
36.
37.
38.
39.

เกณฑ์การให้คะแนนระดบั คณุ ภาพ
13-16 อยู่ในระดบั ดมี าก
9-12 อยู่ในระดบั ดี
5-8 อย่ใู นระดบั พอใช้
1-4 อยู่ในระดบั ปรับปรุง

*หมายเหตุ : นักเรยี นสามารถปฏบิ ัติในระดบั ดีขนึ้ ไป คะแนนอยใู่ นระหว่าง 9-12 คะแนน ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
ลงช่ือ...........................................ผสู้ ังเกต
(...............................................................)
........../.........../...........

รายละเอยี ดการให้คะแนนกจิ กรรม “ตลาดขยายพนั ธ์พุ ืช”

ประเด็นการประเมิน 4 เกณฑก์ ารให้คะแนน 1
ดมี าก 32 ปรบั ปรุง
1. ความถกู ต้องของ เนื้อหาถูกต้องครบถว้ น ดี พอใช้ เนื้อหาผดิ พลาด
เน้อื หา เนื้อหาครบถว้ นมี เนอื้ หาไม่ครบถว้ น ต้องบอกให้แก้ไข
2. ความคิดสรา้ งสรรค์ รปู แบบแปลกใหม่ ผิดพลาดเล็กน้อย ผิดพลาดเล็กน้อย เลยี นแบบ
มีความแปลกใหม่ ไมค่ ่อยแปลกใหม่

3. ความตงั้ ใจในการ พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ตั ิ พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัติ พฤติกรรมท่ปี ฏิบัติ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ิ
ทำงาน ชดั เจนทุกครัง้ ชดั เจนและสมำ่ เสมอ ชดั เจนและ บางคร้งั
บ่อยครง้ั
4. การนำเสนอ เม่อื นำเสนอถกู ต้อง เมอ่ื นำเสนอถูกตอ้ ง เมื่อนำเสนอไม่ เม่อื นำเสนอ
ครบถ้วน เนน้ ประเดน็ ครบถว้ น ประเดน็ ผดิ พลาดมาก
สำคัญไมช่ ดั เจน ค่อยถูกต้อง ไม่มี
สำคญั ประเดน็ ชัดเจน

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
รายวชิ า ว 21101 วิทยาศาสตร์ ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 หอ้ ง………ภาคเรียน……………..ปกี ารศึกษา………

กลุ่มท…่ี …………ชอื่ กลุม่ ……………
คำช้แี จง : สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนรายกลมุ่ ในระหว่างเรยี นแล้วทำเครื่องหมาย ✓ ลงช่องท่ตี รงกบั ระดับ
คะแนนที่นกั เรียนปฏิบัติได้

พฤติกรรม รวม

ความ การแสดง การรบั ฟงั ความตัง้ ใจ การมสี ่วน

ลำ ชื่อ-สกลุ รว่ มมอื ความ ความ ในการ ร่วมในการ
ดบั ท่ี สมาชิกกลุ่ม
คิดเห็น คิดเห็น ทำงาน อภปิ ราย
1. 1
2. 2 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20
3. 3
4. 4
5. 5
6. 6
7. 7
8. 8
9. 9
10. 0
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.

พฤตกิ รรม รวม

ความ การแสดง การรับฟงั ความตั้งใจ การมสี ่วน

ลำ ชอื่ -สกลุ ร่วมมือ ความ ความ ในการ รว่ มในการ
ดบั ที่ สมาชกิ กลุ่ม
คิดเหน็ คิดเห็น ทำงาน อภิปราย
19.
20. 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20
21.
22.
23.
24.
25.
26.
27.
28.
29.
30.
31.
32.
33.
34.
35.
36.
37.
38.
39.

เกณฑ์การให้คะแนนระดับคุณภาพ
16-20 อยู่ในระดบั ดมี าก
11-15 อยู่ในระดบั ดี
6-10 อยู่ในระดบั พอใช้
1-5 อย่ใู นระดบั ปรบั ปรงุ

*หมายเหตุ : นกั เรียนสามารถปฏิบตั ใิ นระดับดีข้นึ ไป คะแนนอย่รู ะหวา่ ง 11-15 คะแนน ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์

ลงชอ่ื ........................................ ผู้ประเมนิ
(…………………………………….……)

รายละเอียดการใหค้ ะแนนการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม

ประเดน็ การประเมนิ 4 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1
ดมี าก 32 ปรับปรุง
1. ความร่วมมือ พฤติกรรมที่ปฏบิ ัติ ดี พอใช้ พฤติกรรมที่ปฏิบัติ
ชดั เจนทุกคร้ัง พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ตั ิ พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ตั ิ บางครง้ั
2. การแสดงความ ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ
คดิ เห็น พฤติกรรมที่ปฏิบัติ พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ
ชดั เจนทุกครั้ง บอ่ ยครั้ง บางครง้ั
3. การรับฟงั ความ พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ิ พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ
คิดเหน็ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติ ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชดั เจนและ พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ตั ิ
ชดั เจนทุกคร้งั บางคร้ัง
4. ความตงั้ ใจในการ บอ่ ยครง้ั
ทำงาน พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิ พฤติกรรมทปี่ ฏิบัติ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิ
ชัดเจนทุกครง้ั ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ บางครั้ง
5. การมีส่วนรว่ มใน
การอภิปราย พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติ บ่อยครัง้ พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ
ชดั เจนทุกครัง้ พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิ พฤติกรรมที่ปฏิบัติ บางครั้ง
ชดั เจนและสมำ่ เสมอ ชดั เจนและ

บอ่ ยครั้ง
พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิ พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ิ
ชัดเจนและสมำ่ เสมอ ชัดเจนและ

บ่อยครง้ั

แบบประเมนิ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 4 ด้าน
ชอ่ื ..............................................................นามสกลุ .................................................... .ชน้ั ......……..เลขที.่ ....

คำช้แี จง : ให้สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียน แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งท่ตี รงกับระดบั คะแนน

สมรรถนะสำคัญที่ประเมิน ระดบั คะแนน สรปุ
432 1 ผล

1. ความสามารถในการสื่อสาร

1.1 มีความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคดิ

ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม

1.2 ใช้วิธกี ารสอื่ สารที่เหมาะสม

1.3 วิเคราะห์แสดงความคิดเหน็ อยา่ งมเี หตุผล

สรุปผลการประเมิน

2. ความสามารถในการคิด

2.1 มีความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ สงั เคราะห์

2.2 มที กั ษะในการคดิ นอกกรอบอย่างสรา้ งสรรค์

2.3 มีความสามารถในการคดิ อย่างมีระบบ

สรปุ ผลการประเมนิ

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา

3.1 สามารถแกป้ ญั หาและอุปสรรคต่าง ๆ ทเ่ี ผชญิ ได้

3.2 ใชเ้ หตผุ ลในการแกป้ ญั หา

3.3 สามารถตดั สนิ ใจได้เหมาะสมตามวัย

4 . ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

4.1 มที ักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี

4.2 สามารถนำเทคโนโลยีไปใชพ้ ฒั นาตนเอง

4.3 มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรมในการใชเท้ คโนโลยี

สรุปผลการประเมิน

สรปุ ผลการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์รายบคุ คล

 ดีมาก  ดี  ปานกลาง  ตอ้ งปรับปรุง

ลงช่อื ........................................ ผู้ประเมนิ

(…………………………………….……)

แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์

ชอ่ื ................................................................ชั้น....................เลขที.่ ...................

คำชี้แจง : ให้สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องทตี่ รงกบั ระดบั

คะแนน

คณุ ลกั ษณะอนั พงึ รายการท่ีประเมนิ ระดับคะแนน
ประสงค์ 321

1. มวี นิ ัย 1.1 ตรงตอ่ เวลา

1.2 ปฏิบัตงิ านเรยี บรอ้ ยเหมาะสม

1.3 ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง

2. ใฝเ่ รยี นรู้ 2.1 กระตือรือรน้ ในการแสวงหาขอ้ มลู

2.2 มกี ารจดบันทึกความรู้

2.3 สรปุ ความรไู้ ดอ้ ยา่ งมีเหตุผล

3. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน 3.1 มคี วามต้งั ใจและพยายามในการทำงานทไี่ ด้รับมอบหมาย

3.2 มีความอดทนและไม่ย่อทอ้ ต่ออุปสรรคเพื่อให้งานสำเร็จ

เกณฑก์ ารให้คะแนน

- พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชดั เจนและสม่ำเสมอ

- พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัตชิ ดั เจนและบ่อยครงั้

- พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิบางครง้ั

เกณฑ์การให้คะแนนระดบั คณุ ภาพ
18-24 อย่ใู นระดับ ดีมาก
13-18 อยู่ในระดบั ดี
7-12 อยใู่ นระดบั ปานกลาง
1-6 อย่ใู นระดับ ปรบั ปรุง

ลงช่ือ..........................................ผปู้ ระเมนิ
(..........................................)

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 14

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 การดำรงชีวติ ของพชื

รหัสวิชา ว 21101 วิทยาศาสตร์ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้
บทท่ี 2 มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565
เรื่องที่ 1
ผสู้ อน การสงั เคราะห์ด้วยแสง

ปัจจัยการสงั เคราะหด์ ้วยแสง จำนวน 1 คาบ

ปส. อาซอื มนั รูเดง็ อาจารยพ์ เ่ี ลี้ยง อาจารย์นวนิ ดา คงภกั ดี

1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ขิ องส่ิงมีชวี ติ หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต การลำเลียงสารผ่านเซลล์ ความสัมพันธ์

ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและ
หนา้ ทข่ี องอวัยวะต่าง ๆ ของพชื ท่ที ำงานสัมพนั ธ์กนั รวมทัง้ นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์

ตวั ชวี้ ดั
ว 1.2 ม.1/6 ระบุปัจจัยที่จำเป็นในการสังเคราะห์ด้วยแสง และผลผลิตที่เกิดขึ้นจากการสังเคราะห์ด้วยแสง
โดยใช้หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์
ว 1.2 ม.1/ อธบิ ายความสำคัญของการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพืชตอ่ ส่งิ มีชีวติ และสงิ่ แวดลอ้ ม
ว 1.2 ม. 1/8 ตระหนักในคุณค่าของพืชที่มีต่อสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม โดยการร่วมกันปลูก และดูแลรักษา
ตน้ ไม้ในโรงเรยี นและชมุ ชน
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (photosynthesis) เป็นกระบวนการผลิตอาหารของพืช โดยพืชจะใช้สาร
คลอโรฟิลล์ที่อยู่ในใบดูดกลืนพลังงานแสงจากดวงอาทิตย์มาเปลี่ยนให้เป็นพลังงานเคมีในรูปของสารอินทรีย์จำพวก
น้ำตาล โดยมนี ำ้ และแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์เป็นสารตั้งต้น และไดผ้ ลติ ภณั ฑเ์ ป็นน้ำตาลกลโู คส น้ำ และแก๊สออกซิเจน
ซึ่งส่งิ มีชวี ิตนำแกส๊ ออกซเิ จนมาใชใ้ นกระบวนการหายใจ
3. สาระการเรยี นรู้
พืชเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถสร้างอาหารเองได้และเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นที่ไม่สามารถ
สร้างอาหารได้ กระบวนการสร้างอาหารของพืชเรียกว่า กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ซึ่งมีน้ำ และแก๊ส
คาร์บอนไดออกไซด์เปน็ วัตถุดบิ มแี สงและคลอโรฟิลล์ช่วยทำ ให้ได้ผลิตภณั ฑ์ คอื น้ำตาล นำ้ และแกส๊ ออกซเิ จน ปัจจัย
ท่ีสำคญั ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ได้แก่ คลอโรฟลิ ล์แสง แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ น้ำ และแสง ปฏิกิริยาของ
การสังเคราะห์แสงเขยี นสรุปได้ดงั นี้

กระบวนการนีจ้ ะเกิดในออรแ์ กเนลลข์ องพืชทีเ่ รียกว่า คลอโรพลาสต์ (Chloroplast)

ปจั จัยที่มผี ลต่อการสงั เคราะห์แสง
1. คลอโรฟลิ ล์ (chlorophyll)
เปน็ สารทีด่ ูดกลนื แสงพบอยู่ในคลอโรพลาสต์ ดดู กลืนแสงสีนำ้ เงนิ -แดงมาใช้ และสะท้อนแสงสีเขยี วออกมา

ทำให้เห็นพืชมสี ีเขยี ว สามารถพบคลอโรฟลิ ล์ได้ท่ีใบและสว่ นอนื่ ๆ ทม่ี สี ีเขียว เช่น ที่ลำตน้ ราก เป็นต้น คลอโรฟิลล์จะ
มมี ากในใบทแ่ี ก่จดั สว่ นในใบอ่อนหรือใบที่แก่จนเหลืองจะมกี ารสรา้ งคลอโรฟลิ ลไ์ ดน้ ้อยหรือคลอโรฟลิ ล์อาจสลายไป

2. แสง (light)
เป็นปัจจัยสำคญั เพื่อนำไปสร้างพลังงานไว้ใช้ในการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืช การสังเคราะห์ด้วยแสงของพชื
จะดีขึ้นเม่ือพชื ได้รับความเข้มของแสงมากข้ึน และเมอื่ พืชได้รับความเข้มของแสงตำ่ กว่าที่พชื ต้องการพืชจะมีอัตราการ
สงั เคราะห์ด้วยแสงต่ำลง ถ้าความเข้มของแสงต่ำลงกว่าน้ีอกี พืชจะขาดอาหารทำให้ตายไปในทสี่ ุด ในทางตรงกันข้ามถ้า
หากความเขม้ ของแสงเพ่มิ มากเกนิ ไปอาจทำให้ใบของพืชไหม้ได้
3. แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ (carbon dioxide : CO2)
เป็นวัตถุดิบที่นำไปใช้ในการสร้างน้ำตาลกลูโคสซึ่งเป็นอาหารของพืช โดยพืชนำ CO2 เข้ามาทางปากใบ การ
สังเคราะหด์ ้วยแสงของพชื จะเพิ่มขนึ้ เมอ่ื มปี ริมาณของ CO2 ในบรรยากาศเพมิ่ ขึน้ (ยกเว้นเม่อื ปากใบปดิ เพราะการขาด
นำ้ หรือลดการสญู เสยี นำ้ ) แตห่ ากปริมาณของ CO2 ในบรรยากาศสงู ตอ่ เนอื่ งกันหลายวันพชื จะชะงักการเจรญิ เติบโต
4. น้ำ (H2O)
พืชดูดนำ้ จากดนิ ผา่ นทางขนรากเพอ่ื ลำเลียงไปใชใ้ นการสังเคราะห์ดว้ ยแสง นำ้ เกี่ยวขอ้ งกบั การเปดิ ปิดของปาก
ใบ การขาดน้ำทำใหป้ ากใบปดิ และการทำงานของเอนไซม์ต่าง ๆ ผดิ ปกติ ทำใหพ้ ืชมอี ตั ราการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงลดลง
ผลผลิตที่ได้จากการสังเคราะห์แสง คือ น้ำตาล และแก๊สออกซิเจน ซึ่งพืชจะนำไปใช้ในกระบวนการหายใจเพื่อสร้าง
พลังงานให้กับพืช นอกจากนี้น้ำตาลยังเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สารประกอบอินทรีย์อื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการ
เจริญเติบโตและการดำรงชีวิตของพืช เชน่ แป้ง เซลลูโลส ไขมนั โปรตนี น้ำมนั หอมระเหย เป็นตน้
4. สมรรถนะของผู้เรยี น
4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร
4.2 ความสามารถในการคิด

4.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4.4 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
5.1 มวี นิ ัย
5.2 ใฝเ่ รียนรู้
5.3 มุ่งมนั่ ในการทำงาน
6. ชิ้นงาน/ภาระงาน
6.1 ใบกิจกรรม อาหารของเราเกี่ยวขอ้ งกับการสงั เคราะห์ด้วยแสงอย่างไร
6.2 ใบงานเร่อื งการสังเคราะห์ดว้ ยแสง
7. จุดประสงค์การเรยี นรู้
7.1 ดา้ นความรู้ (K)

7.1.1 อธบิ ายปจั จยั ทจี่ ำเป็นและการผลผลติ ท่ีเกดิ ขน้ึ จากการสังเคราะห์ด้วยแสงได้
7.1.2 อธิบายความสำคัญของการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพชื ตอ่ สิ่งมีชีวติ และส่ิงแวดลอ้ มได้
7.2 ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
7.2.1 เขียนสรปุ ปจั จยั และผลผลิตในรูปแบบสมการปฏิกริ ยิ าการสังเคราะห์แสงได้
7.3 ด้านเจตคติ/คณุ ลกั ษณะ (A)
7.3.1 ตระหนกั ในคุณคา่ ของพชื ท่มี ีต่อส่ิงมชี ีวิต และสิ่งแวดล้อม โดยการรว่ มกันปลกู และดูแลรักษา
ต้นไมใ้ นโรงเรยี นและชุมชนได้
7.3.2 รับผดิ ชอบงานทม่ี อบหมายได้
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
8.1 ข้ันสรา้ งความสนใจ (Engagement)(5 นาที)
8.1.1 นักเรียนดูวีดิทัศน์การงอกของเมล็ดพืช เรื่อง I Could Watch Time Lapses Of Seeds
Growing All Day

วดิ ที ัศน์ เรอื่ ง I Could Watch Time Lapses Of Seeds Growing All Day
ทม่ี า : https://youtu.be/ECibetK2EYI

- นกั เรยี นคดิ ว่าส่วนใดของมเลด็ ที่เปน็ อาหารสำหรับใชใ้ นการงอกเมลด็ (แนวคำตอบ เอนโดสเปริ ม์

หรอื ใบเล้ียง)

- ถ้าอาหารในเอนโดสเปิรม์ หรือใบเลยี้ งหมดไป พชื จะนำอาหารจากท่ใี ดมาใช้ในการเจริญเติบโต
(แนวคำตอบ นักเรียนตอบความเข้าใจ ตวั อย่างเช่น สรา้ งอาหารขึน้ ใหม่ไดเ้ อง)

8.1.2 นักเรียนทำแบบทบทวนความรู้ก่อนเรยี น โดยใช้หนงั สือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละ
เทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 เล่มท่ี 1 หน้า 163

8.2 ขนั้ สำรวจและค้นหา (Exploration) (10 นาท)ี
8.2.1 นักเรยี นจบั คู่กบั เพอ่ื น โดยใช้การสุ่มเลขท่ีซ่งึ ภายในคจู่ ะต้องมเี ลขที่ค่ี 1 คน เลขที่คู่ 1 คน
8.2.2 นักเรียนแต่ละคู่สืบค้นปัจจัยและผลผลิตในกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช โดยสืบค้นจาก

หนังสือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 เลม่ ที่ 1, อนิ เทอรเ์ น็ต และตามแหลง่ การ
เรียนเรียนตา่ ง ๆ และเขยี นลงในกระดาษ A4 และหัวขอ้ ทีใ่ หส้ บื ค้นมดี ังน้ี

- ปัจจยั ในการเจรญิ เตบิ โตและการดำรงชีวติ ของพชื มอี ะไรบ้าง
- โครงสร้างใดในเซลล์ของพชื มหี น้าที่ในการสร้างอาหารของพืช เพราะเหตใุ ด
8.3 การอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)(15 นาท)ี
8.3.1 นักเรียนแต่ละคูท่ ำการสุ่มและส่งตัวแทนในการนำเสนอทั้งหมด 3 กลุ่ม โดยใช้ข้อมลู ที่นักเรยี น
สืบค้นมานำเสนอ
8.3.2 นักเรียนและครูร่วมกันอภปิ รายและลงข้อสรุปให้ได้ว่า พืชเป็นสิ่งมีชีวิตทีต่ ้องการน้ำ แสง และ
อากาศในการเจริญเติบโตและการดำรงชีวิต พืชมีคลอโรพลาสต์ซึ่งเป็นโครงสร้างในเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างอาหาร ดังน้ัน
ปัจจัยที่พืชใช้ในการสร้างอาหารได้ แก่ แสง คลอโรฟิลล์ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และน้ำ ส่วนผลผลิตที่ได้จากการ
สังเคราะหแ์ สง ได้แก่ นำ้ ตาล และแกส๊ ออกซิเจน
- จากคำถามเมอ่ื ต้นคาบ ถา้ อาหารในเอนโดสเปิร์มหรือใบเลีย้ งหมดไป พืชจะนำอาหารจากท่ีใดมา
ใชใ้ นการเจริญเติบโต (แนวคำตอบ สร้างอาหารได้เอง โดยอาศยั กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืช)
- พืชสามารถใช้แสงจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่ดวงอาทิตย์ในการสังเคราะห์แสงได้หรือไม่ (แนวคำตอบ
นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจ)
- ถ้าขาดปัจจัยในการสังเคราะห์แสงปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง พืชสามารสังเคราะห์ด้วยแสงได้หรือไม่
(แนวคำตอบ นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจ)
8.4 การขยายความรู้ (Elaboration)(15 นาท)ี

8.4.1 นักเรียนจบั กลมุ่ ๆ ละ 3 คน โดยแบง่ ตามอธั ยาศยั

8.4.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มมารับใบกิจกรรม อาหารของเราเกี่ยวขอ้ งกับการสังเคราะหด์ ้วยแสงอยา่ งไร
กับครู

8.4.3 นักเรียนทำกิจกรรม อาหารของเราเกีย่ วข้องกับการสังเคราะห์ดว้ ยแสงอย่างไร จากนั้นสุม่ กลมุ่
นกั เรียนเพ่อื อกมานำเสนอใบกจิ กรรม อาหารของเราเกี่ยวข้องกบั การสงั เคราะหด์ ้วยแสงอยา่ งไร

8.5 การประเมนิ ผล/สรปุ (Evaluation)(5 นาที)
8.5.1 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปราย เรื่อง ปัจจัยการสังเคราะห์ด้วยแสง โดยใช้รูปภาพในหนังสือ

เรียนรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 เลม่ ที่ 1 หนา้ ที่ 172
8.5.2 นกั เรียนทำใบงานเรอ่ื งการสงั เคราะห์ด้วยแสง และสง่ ในคาบเรยี นถดั ไป

9. สอ่ื และแหลง่ เรียนรู้
9.1 หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 เล่มที่ 1
9.2 สไลด์ประกอบการสอน เรอ่ื ง การสังเคราะหด์ ว้ ยแสง
9.3 วดิ ที ศั น์ เรอ่ื ง I Could Watch Time Lapses Of Seeds Growing All Day
ท่ีมา : https://youtu.be/ECibetK2EYI

10. การวดั และการประเมนิ ผล

การวดั ผลประเมินผล วิธีการวัด เคร่อื งมอื วดั เกณฑก์ ารผ่าน

1. ด้านความรู้

1. อธิบายปัจจัยที่จำเป็น - ตรวจใบกิจกรรม อาหาร - ใบกจิ กรรม อาหารของ - นักเรยี นสามารถปฏิบตั ิใน
ระดับดีข้ึนไป คะแนนอย่ใู น
และการผลผลิตที่เกิดข้ึน ของเราเก่ยี วข้องกับการ เราเกีย่ วขอ้ งกับการ ระหวา่ ง 9-12 คะแนน ถือวา่
ผา่ นเกณฑ์
จากการสังเคราะห์ด้วย สงั เคราะห์ด้วยแสง สังเคราะห์ด้วยแสง - นกั เรียนสามารถปฏิบตั ใิ น
ระดับดขี ้นึ ไป คะแนนอยใู่ น
แสงได้ อยา่ งไร อยา่ งไร ระหว่าง 9-12 คะแนน ถือว่า
ผา่ นเกณฑ์
2. อธบิ ายความสำคัญของ - ตรวจใบงานเรือ่ งการ - ใบงานเรื่องการ - นักเรียนสามารถตอบ
คำถามได้ถูกต้องรอ้ ยละ 50
การสังเคราะห์ด้วยแสง สังเคราะห์ด้วยแสง สงั เคราะหด์ ้วยแสง สรปุ วา่ ผา่ นเกณฑ์

ของพืชต่อสิ่งมีชีวิตและ - สงั เกตการตอบคำถาม - ชุดคำถาม

สงิ่ แวดล้อมได้ ในชนั้ เรยี น

2. ดา้ นทักษะกระบวนการ - ใบงานเรือ่ งการ - นักเรยี นสามารถปฏบิ ัตใิ น
1. เขยี นสรุปปัจจยั และ - ตรวจใบงานเรือ่ งการ สังเคราะหด์ ้วยแสง ระดับดขี ึ้นไป คะแนนอยู่ใน
ผลผลติ ในรปู แบบสมการ สังเคราะห์ดว้ ยแสง ระหว่าง 9-12 คะแนน ถือว่า
ปฏิกิรยิ าการสังเคราะห์ ผ่านเกณฑ์
แสงได้

การวัดผลประเมินผล วธิ กี ารวัด เครอ่ื งมือวัด เกณฑ์การผา่ น

3. ดา้ นเจตคติ /คุณลักษณะ - ใบงานเรือ่ งการ - นกั เรียนสามารถเข้ารว่ ม
สงั เคราะหด์ ้วยแสง กจิ กรรมกลุ่มและรบั ผดิ ชอบ
1. ตระหนกั ในคุณค่าของ - ตรวจใบงานเรือ่ งการ - แบบสังเกตพฤติกรรม งานไดใ้ นระดบั ดีขน้ึ ไป มี
การทำงานกลมุ่ คะแนนอยรู่ ะหว่าง 11-15
พชื ทมี่ ตี ่อสง่ิ มชี ีวิต และ สังเคราะหด์ ว้ ยแสง สรุปวา่ ผ่านเกณฑ์

สิ่งแวดลอ้ ม โดยการ - สงั เกตพฤติกรรมการ

รว่ มกนั ปลูก และดูแล ทำงานกลมุ่

รักษาตน้ ไมใ้ นโรงเรยี น

และชุมชนได้

2. รับผดิ ชอบงานท่ี

มอบหมายได้

11. บันทกึ หลังการสอน

ช้นั ม.1/1 ชั้น ม.1/2 ชัน้ ม.1/3

ผลการสอน - นกั เรียนอธบิ ายปจั จัยท่ีจำเป็น - นักเรียนอธบิ ายปจั จัยท่ีจำเป็น - นกั เรยี นอธบิ ายปจั จัยที่จำเป็น
ปัญหา/
และการผลผลิตที่เกิดขึ้นจาก และการผลผลิตที่เกิดขึ้นจาก และการผลผลิตที่เกิดขึ้นจาก

การสังเคราะห์ด้วยแสงได้ การสังเคราะห์ด้วยแสงได้ การสังเคราะห์ด้วยแสงได้

ถูกต้อง คิดเปน็ ร้อยละ 100 ถกู ตอ้ ง คิดเป็นรอ้ ยละ 100 ถกู ต้อง คดิ เป็นร้อยละ 100

- นักเรียนอธิบายความสำคัญ - นักเรียนอธิบายความสำคัญ - นักเรียนอธิบายความสำคัญ

ของการสังเคราะห์ด้วยแสงของ ของการสังเคราะห์ด้วยแสงของ ของการสังเคราะห์ด้วยแสงของ

พืชต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม พืชต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม พืชต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม

ไดถ้ กู ต้อง ได้ถูกต้อง ได้ถูกตอ้ ง

- นักเรียนมีความเข้าใจและ - นักเรียนมีความเข้าใจและ - นักเรียนมีความเข้าใจและ

สามารถเขียนสรุปปัจจัยและ สามารถเขียนสรุปปัจจัยและ สามารถเขียนสรุปปัจจัยและ

ผลผลิตในรูปแ บบ ส ม ก า ร ผ ล ผ ล ิ ต ใ น รู ป แ บ บ ส ม ก า ร ผลผลิตในรูปแ บบ ส ม ก า ร

ปฏิกิริยาการสังเคราะห์แสงได้ ปฏิกิริยาการสังเคราะห์แสงได้ ปฏิกิริยาการสังเคราะห์แสงได้

ถูกต้อง ถูกตอ้ ง ถกู ต้อง

- นักเรียนสามารถตระหนักใน - นักเรียนสามารถตระหนักใน - นักเรียนสามารถตระหนักใน

คุณค่าของพืชที่มีต่อสิ่งมีชีวิต คุณค่าของพืชที่มีต่อสิ่งมีชีวิต คุณค่าของพืชที่มีต่อสิ่งมีชีวิต

และสง่ิ แวดลอ้ ม โดยการร่วมกัน และสิง่ แวดล้อม โดยการร่วมกัน และส่งิ แวดล้อม โดยการรว่ มกัน

ปลูก และดูแลรักษาต้นไม้ใน ปลูก และดูแลรักษาต้นไม้ใน ปลูก และดูแลรักษาต้นไม้ใน

โรงเรยี นและชุมชน โรงเรียนและชมุ ชน โรงเรยี นและชมุ ชน

---

อุปสรรค

ขอ้ เสนอแนะ - - -

/แนว

ทางแกไ้ ข

บันทกึ สำหรบั อาจารยพ์ ี่เล้ียง
............................................................................................................................. ...............................................................
.................................................................... .......................................................................................................... ..............
............................................................................................................................. ...............................................................
.................................................................... ............................................................................................ ............................

ลงช่อื ......c.......f.....u........t....n..................ผ้สู อน ลงช่ือ............................................................
(อาจารย์นวินดา คงภักด)ี
(นายอาซือมนั รูเดง็ ) อาจารยพ์ เี่ ล้ียง
นักศึกษาปฏิบตั ิการสอน
วนั ที่ 1 เดอื นกนั ยายน พ.ศ. 2565 วันที่ 1 เดือนกันยายน พ.ศ. 2565

แบบบนั ทึกการให้คะแนนใบกจิ กรรม อาหารของเราเกีย่ วขอ้ งกับการสงั เคราะห์ด้วยแสงอยา่ งไร

ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 หอ้ ง……..

คำชแี้ จง : ให้ทำเคร่ืองหมาย  ลงในชอ่ งรายการประเมนิ ใบกิจกรรม อาหารของเราเกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ดว้ ย
แสงอยา่ งไร ให้ตรงกับระดบั คะแนนท่ีนักเรยี นปฏิบตั ิได้

พฤติกรรม
ความถกู ตอ้ ง ความ ความตง้ั ใจใน การนำเสนอ รวม
ลำ ช่ือ-สกุล ของเนื้อหา สรา้ งสรรค์ การทำงาน
ดับท่ี 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16
1. 1
2. 2
3. 3
4. 4
5. 5
6.
7.
8.
9.
10.
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
19.
20.
21.
22.
23.
24.

พฤติกรรม
ความถูกตอ้ ง ความ ความตงั้ ใจใน การนำเสนอ รวม
ลำ ชอื่ -สกุล ของเนอ้ื หา สรา้ งสรรค์ การทำงาน
ดับที่ 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16
25.
26.
27.
28.
29.
30.
31.
32.
33.
34.
35.
36.
37.
38.
39.

เกณฑ์การให้คะแนนระดบั คณุ ภาพ
13-16 อยู่ในระดบั ดมี าก
9-12 อยู่ในระดบั ดี
5-8 อย่ใู นระดบั พอใช้
1-4 อยู่ในระดบั ปรับปรุง

*หมายเหตุ : นักเรยี นสามารถปฏบิ ัติในระดบั ดีขนึ้ ไป คะแนนอยใู่ นระหว่าง 9-12 คะแนน ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
ลงช่ือ...........................................ผสู้ ังเกต
(...............................................................)
........../.........../...........

รายละเอียดการให้ใบกิจกรรม อาหารของเราเกีย่ วข้องกับการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงอย่างไร

ประเด็นการประเมนิ 4 เกณฑก์ ารให้คะแนน 1
ดีมาก 32 ปรับปรุง
1. ความถกู ต้องของ เนอื้ หาถูกต้องครบถว้ น ดี พอใช้ เนือ้ หาผดิ พลาด
เนอ้ื หา เนื้อหาครบถ้วนมี เนือ้ หาไมค่ รบถว้ น ต้องบอกให้แก้ไข
2. ความคดิ สร้างสรรค์ รูปแบบแปลกใหม่ ผดิ พลาดเลก็ น้อย ผดิ พลาดเล็กน้อย เลียนแบบ
มคี วามแปลกใหม่ ไม่ค่อยแปลกใหม่

3. ความต้งั ใจในการ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติ พฤติกรรมท่ปี ฏิบัติ พฤติกรรมที่ปฏบิ ัติ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ิ
ทำงาน ชัดเจนทุกคร้งั ชดั เจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ บางคร้งั
บ่อยครั้ง
4. การนำเสนอ เมอ่ื นำเสนอถกู ตอ้ ง เมอ่ื นำเสนอถูกตอ้ ง เมือ่ นำเสนอไม่ เมื่อนำเสนอ
ครบถว้ น เนน้ ประเดน็ ครบถ้วน ประเด็น ผิดพลาดมาก
สำคัญไมช่ ัดเจน คอ่ ยถูกต้อง ไม่มี
สำคญั ประเดน็ ชดั เจน


Click to View FlipBook Version