The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เเผนจัดการเรียนรู้ ว21101 วิทยาศาสตร์ 1-2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by rsky691, 2022-10-13 11:25:15

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ว 21101 วิทยาศาสตร์

เเผนจัดการเรียนรู้ ว21101 วิทยาศาสตร์ 1-2565

แบบบันทึกการใหค้ ะแนนใบกจิ กรรมท่ี 2.2 เรอ่ื ง ความหนาแนน่ ของสารบริสุทธแ์ิ ละสารผสมเป็นอยา่ งไร

ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ห้อง……..

คำช้แี จง : ใหท้ ำเคร่ืองหมาย  ลงในช่องรายการประเมินใบกิจกรรมที่ 2.2 เรื่อง ความหนาแนน่ ของสารบริสุทธิแ์ ละ

สารผสมเปน็ อยา่ งไรตรงกบั ระดบั คะแนนท่ีนกั เรียนปฏิบตั ิได้

พฤตกิ รรม

การวางแผน การ การบันทึกผล การอภิปรายผล รวม

ลำ ชื่อ-สกุล การทดลอง ปฏิบัติการ และการจัดการ การทดลองและ

ดับท่ี ทดลอง กับขอมูล การนําเสนอ

ขอสรุป

4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16

1. 1

2. 2

3. 3

4. 4

5. 5

6.

7.

8.

9.

10.

11.

12.

13.

14.

15.

16.

17.

18.

19.

20.

21.

22.

พฤติกรรม

การวางแผน การ การบนั ทึกผล การอภปิ รายผล รวม

ลำ ชื่อ-สกุล การทดลอง ปฏิบัตกิ าร และการจดั การ การทดลองและ

ดับที่ ทดลอง กบั ขอมูล การนาํ เสนอ

ขอสรปุ

4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16

23.

24.

25.

26.

27.

28.

29.

30.

31.

32.

33.

34.

35.

36.

37.

38.

39.

เกณฑก์ ารให้คะแนนระดบั คณุ ภาพ
13-16 อยู่ในระดับ ดมี าก
9-12 อยใู่ นระดับ ดี
5-8 อยู่ในระดบั พอใช้
1-4 อยใู่ นระดับ ปรบั ปรงุ

*หมายเหตุ : นักเรียนสามารถปฏบิ ัตใิ นระดบั ดีขน้ึ ไป คะแนนอย่ใู นระหว่าง 9-12 คะแนน ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์

ลงชื่อ ........................................ ผู้ประเมนิ
(…………………………………….……)
........../.........../...........

รายละเอยี ดการใหค้ ะแนนใบกิจกรรมที่ 2.2 เร่ือง ความหนาแน่นของสารบรสิ ุทธ์แิ ละสารผสมเปน็ อยา่ งไร

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

ประเดน็ การประเมนิ 4321

ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง

1. การวางแผนการทดลอง ปฏบิ ัตไิ ด้ทัง้ 3 ปฏิบตั ิได้ 2 ปฏบิ ัตไิ ดเ้ พียง ไมไ่ ด้ปฏิบัติทัง้

1.1 ร่วมกันวางแผนและแบง่ หน้าทเี่ พื่อ ประเดน็ ประเด็น ประเด็นเดยี ว 3 ประเดน็

ปฏิบตั ิการทดลองตามวิธีการทดลอง

1.2 รว่ มกันออกแบบตางรางบนั ทกึ ผล

1.3 ร่วมกันกำหนดวตั ถุประสงคข์ อง

การทดลอง

2. การปฏบิ ตั ิการทดลอง ปฏิบัติได้ท้ัง 3 ปฏิบตั ิได้ 2 ปฏบิ ัตไิ ด้เพยี ง ไม่ได้ปฏิบัตทิ ัง้

2.1 ดำเนินตามขั้นตอนในเวลาที่ ประเดน็ ประเด็น ประเดน็ เดียว 3 ประเดน็

กำหนด

2.2 เลือกใชว้ ัสดุอุปกรณแ์ ละสารเคมี

ใหถ้ กู ต้องเหมาะสม
2.3 รักษาความสาดและเก็บวสั ดุ

อุปกรณส์ ารเคมีได้เรยี บร้อย

3. การบนั ทกึ ผลและการจดั การกับขอมลู ปฏิบตั ไิ ด้ทง้ั 3 ปฏบิ ตั ไิ ด้ 2 ปฏบิ ตั ิได้เพียง ไมไ่ ด้ปฏิบตั ิทง้ั

3.1 บันทกึ ผลการทดลองในตารางท่ี ประเด็น ประเด็น ประเด็นเดยี ว 3 ประเด็น

ร่วมออกแบบไว้

3.2 จดั กระทำข้อมลู ไดเ้ หมาะสมตาม

ลกั ษณะของข้อมูล

3.3 บันทกึ ผลการทดลองตรงกบั ผล

การทดลองของข้อมลู

4. การอภปิ รายผลการทดลองและการ ปฏบิ ัติได้ทง้ั 3 ปฏิบตั ิได้ 2 ปฏบิ ัติได้เพียง ไม่ไดป้ ฏบิ ตั ทิ ั้ง
ประเด็นเดียว 3 ประเดน็
นําเสนอขอสรุป ประเด็น ประเด็น

4.1 รว่ มกนั อภิปรายผลการทดลอง

และการนำเสนอข้อสรุป

4.2 รว่ มกนั สรุปผลการทดลองโดยใช้

ผลการทดลองของกล่มุ ท่บี นั ทึกไว้

4.3 นำเสนอข้อสรปุ ผลการทดลองได้

ถกู ต้องตรงกบั ข้อสรุปของกลุ่ม

แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม
รายวิชา ว 21101 วิทยาศาสตร์ ระดบั ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 1 หอ้ ง………ภาคเรียน……………..ปกี ารศกึ ษา………

กลุม่ ท…่ี …………ชอื่ กลุม่ ……………
คำชแี้ จง : สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนรายกลุม่ ในระหว่างเรียนแลว้ ทำเครื่องหมาย ✓ ลงช่องทตี่ รงกบั ระดบั
คะแนนท่นี ักเรยี นปฏบิ ตั ิได้

ลำ ช่อื -สกุล พฤตกิ รรม รวม
ดบั ท่ี สมาชิกกลุ่ม ความ การแสดง การรบั ฟงั ความตงั้ ใจ การมีสว่ น 20
รว่ มมือ ความ ความ ในการ รว่ มในการ
1. 1
2. 2 คดิ เหน็ คิดเห็น ทำงาน อภิปราย
3. 3 43214321432143214321
4. 4
5. 5
6. 6
7. 7
8. 8
9. 9
10. 0
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.

พฤติกรรม รวม
20
ความ การแสดง การรบั ฟงั ความตั้งใจ การมสี ่วน

ลำ ชือ่ -สกุล ร่วมมอื ความ ความ ในการ รว่ มในการ

ดับที่ สมาชกิ กลุ่ม คดิ เห็น คิดเหน็ ทำงาน อภิปราย

43214321432143214321

19.

20.

21.

22.

23.

24.

25.

26.

27.

28.

29.

30.

31.

32.

33.

34.

35.

36.

37.

38.

39.

เกณฑก์ ารให้คะแนนระดบั คณุ ภาพ
16-20 อยใู่ นระดับ ดมี าก
11-15 อยู่ในระดบั ดี
6-10 อยู่ในระดับ พอใช้
1-5 อย่ใู นระดบั ปรบั ปรุง

*หมายเหตุ : นักเรยี นสามารถปฏิบัตใิ นระดบั ดีข้ึนไป คะแนนอยู่ระหวา่ ง 11-15 คะแนน ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์

ลงชื่อ ........................................ ผู้ประเมิน
(…………………………………….……)

รายละเอยี ดการให้คะแนนการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่

ประเดน็ การประเมิน 4 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1
ดมี าก 32 ปรบั ปรุง
1. ความรว่ มมือ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิ ดี พอใช้ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ิ
ชดั เจนทกุ ครง้ั พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ิ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติ บางครง้ั
2. การแสดงความ ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชดั เจนและ
คดิ เหน็ พฤติกรรมท่ปี ฏิบัติ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติ
ชดั เจนทกุ ครั้ง บอ่ ยคร้งั บางครง้ั
3. การรบั ฟงั ความ พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิ พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิ
คิดเหน็ พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัติ ชดั เจนและสมำ่ เสมอ ชัดเจนและ พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ิ
ชดั เจนทกุ ครั้ง บางครง้ั
4. ความตง้ั ใจในการ บอ่ ยครั้ง
ทำงาน พฤติกรรมทีป่ ฏิบัติ พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติ พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ิ
ชดั เจนทุกครัง้ ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ บางครงั้
5. การมสี ว่ นรว่ มใน
การอภปิ ราย พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ิ บอ่ ยครง้ั พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ตั ิ
ชัดเจนทุกครั้ง พฤติกรรมที่ปฏบิ ัติ พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ิ บางครั้ง
ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชดั เจนและ

บอ่ ยครั้ง
พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัติ พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ตั ิ
ชดั เจนและสมำ่ เสมอ ชัดเจนและ

บอ่ ยคร้ัง

แบบประเมนิ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 4 ด้าน
ชอ่ื ..............................................................นามสกลุ .................................................... .ชน้ั ......……..เลขท.่ี ....

คำช้แี จง : ให้สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียน แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน

สมรรถนะสำคัญที่ประเมิน ระดับคะแนน สรปุ
432 1 ผล

1. ความสามารถในการสื่อสาร

1.1 มีความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคดิ

ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม

1.2 ใช้วิธกี ารสอื่ สารที่เหมาะสม

1.3 วิเคราะห์แสดงความคิดเหน็ อยา่ งมเี หตุผล

สรุปผลการประเมิน

2. ความสามารถในการคิด

2.1 มีความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ สงั เคราะห์

2.2 มที กั ษะในการคดิ นอกกรอบอย่างสรา้ งสรรค์

2.3 มีความสามารถในการคดิ อย่างมีระบบ

สรปุ ผลการประเมนิ

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา

3.1 สามารถแกป้ ญั หาและอุปสรรคต่าง ๆ ทเ่ี ผชญิ ได้

3.2 ใชเ้ หตผุ ลในการแกป้ ญั หา

3.3 สามารถตดั สนิ ใจได้เหมาะสมตามวัย

4 . ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

4.1 มที ักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี

4.2 สามารถนำเทคโนโลยีไปใชพ้ ฒั นาตนเอง

4.3 มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรมในการใชเท้ คโนโลยี

สรุปผลการประเมิน

สรปุ ผลการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์รายบคุ คล

 ดีมาก  ดี  ปานกลาง  ตอ้ งปรับปรุง

ลงช่อื ........................................ ผปู้ ระเมนิ

(…………………………………….……)

แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์

ชอ่ื ................................................................ชั้น....................เลขที.่ ...................

คำชี้แจง : ให้สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องทตี่ รงกบั ระดบั

คะแนน

คณุ ลกั ษณะอนั พงึ รายการท่ปี ระเมนิ ระดับคะแนน
ประสงค์ 321

1. มวี นิ ัย 1.1 ตรงตอ่ เวลา

1.2 ปฏิบัตงิ านเรยี บรอ้ ยเหมาะสม

1.3 ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง

2. ใฝเ่ รยี นรู้ 2.1 กระตือรือรน้ ในการแสวงหาขอ้ มลู

2.2 มกี ารจดบันทึกความรู้

2.3 สรปุ ความรไู้ ดอ้ ยา่ งมีเหตุผล

3. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน 3.1 มคี วามต้งั ใจและพยายามในการทำงานทไี่ ด้รับมอบหมาย

3.2 มีความอดทนและไม่ย่อทอ้ ต่ออุปสรรคเพื่อให้งานสำเร็จ

เกณฑก์ ารให้คะแนน

- พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชดั เจนและสม่ำเสมอ

- พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัตชิ ดั เจนและบ่อยครงั้

- พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิบางครง้ั

เกณฑ์การให้คะแนนระดบั คณุ ภาพ
18-24 อย่ใู นระดับ ดีมาก
13-18 อยู่ในระดบั ดี
7-12 อยใู่ นระดบั ปานกลาง
1-6 อย่ใู นระดับ ปรบั ปรุง

ลงช่ือ..........................................ผปู้ ระเมนิ
(..........................................)

หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2 สารบริสุทธ์ิ ว 21101 วทิ ยาศาสตร์
บทท่ี 1 สมบตั ขิ องสารบริสทุ ธิ์/เร่ืองท่ี 2 ความหนาแน่น

กิจกรรม 2.2 ความหนาแนน่ ของสารบรสิ ทุ ธ์ิและสารผสมเป็นอย่างไร

ชอ่ื -สกุล………………………………………………………………………..เลขท…ี่ ……………ช้นั ………………………………………..

จดุ ประสงค์ 1. วดั มวลและปริมาตรเพื่อคำนวณหาความหนาแน่นของสารบรสิ ุทธแ์ิ ละสารผสม
2. วเิ คราะหแ์ ละเปรียบเทยี บความหนาแนน่ ของสารบริสุทธ์ิและสารผสม

วัสดแุ ละอุปกรณ์ 1. เหล็ก 2 กอ้ นทีม่ มี วลตา่ งกัน 6. กระบอกตวงขนาด 50 cm3
2. ทองแดง 2 ก้อนทม่ี มี วลต่างกัน 7. บีกเกอร์ขนาด 100 cm3
3. สารละลายโซเดยี มคลอไรด์ความเขม้ ขน้ ตา่ งกนั 2 ชุด 8. แก้วน้ำ
4. สารละลายนำ้ ตาลทรายความเข้มข้นตา่ งกัน 2 ชดุ 9. เครื่องช่ัง
5. เชือกหรือด้าย 10. ถว้ ยยรู ีกา

ตารางบนั ทึกมวล ปริมาตร และความหนาแน่นของของแข็งที่ไมใ่ ช่รปู ทรงเราขาคณิต

วตั ถุ มวลของวตั ถุ (g) ปรมิ าตร (cm3) ความหนาแน่น (g/cm3)

ก้อนที่ 1 เหล็ก
ก้อนที่ 2
เฉลย่ี ทองแดง

กอ้ นที่ 1
ก้อนที่ 2
เฉลี่ย

ตารางบนั ทึกมวล ปรมิ าตร และความหนาแน่นของสารละลายท่ีอตั ราส่วนผสมตา่ งกัน

สาร มวลของวตั ถุ (g) ปริมาตร (cm3) ความหนาแนน่ (g/cm3)
สารละลายโซเดยี มคลอไรด์ชุดที่ 1
สารละลายโซเดยี มคลอไรด์ชุดที่ 2

สารละลายนำ้ ตาลทราย
สารละลายน้ำตาลทราย

สรุปผลกจิ กรรม

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

คำถามท้ายกิจกรรม

1. ความหนาแนน่ คืออะไร หาไดอ้ ยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ความหนาแนน่ ของเหลก็ ก้อนที่ 1 และ 2 และความหนาแน่นทองแดงชุดท่ี 1 และชุดท่ี 2 เป็นอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ความหนาแนน่ ของเหลก็ และทองแดงเหมือนหรือแตกต่างกนั อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. ความหนาแนน่ ของสารละลายโซเดยี มคลอไรด์ ชดุ ท่ี 1 และชดุ ที่ 2 และสารละลายน้ำตาลทราย ชดุ ท่ี 1 และชดุ ท่ี 2
เปน็ อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. ความหนาแน่นของสารละลายโซเดยี มคลอไรด์และสารละลายน้ำตาลทราย เหมือนหรือแตกต่างกนั
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

คำถามท้ายกจิ กรรม (เฉลย)

1. ความหนาแน่นคืออะไร หาได้อยา่ งไร

ความหนาแนน่ (Density) ของสาร คอื ความสัมพนั ธร์ ะหว่างมวลของสารในหนึง่ หนว่ ยปริมาตร ซ่งึ สามารถหา

ได้ดงั น้ี ความหนาแน่นของสาร = มวล (g)
ปรมิ าตร (cm3)

2. ความหนาแนน่ ของเหล็กก้อนที่ 1 และ 2 และความหนาแน่นทองแดงชุดท่ี 1 และชดุ ที่ 2 เปน็ อย่างไร
ความหนาแนน่ เหลก็ กอ้ นที่ 1 และ 2 มีคา่ เทา่ กันหรือใกล้เคียงกนั และความหนาแน่นทองแดงชดุ ท่ี 1 และชุด

ที่ 2 มีค่าเท่ากันหรือใกล้เคยี งกนั
3. ความหนาแน่นของเหลก็ และทองแดงเหมือนหรือแตกต่างกนั อย่างไร

ความหนาแน่นของเหลก็ ทง้ั สองก้อน มคี ่าใกลเ้ คยี งกัน และความหนาแน่นของทองแดงทั้งสองก้อน มคี ่า
ใกล้เคยี งกัน ส่วนความหนาแนน่ ของเหลก็ และทองแดงมีค่าไม่เท่ากนั
4. ความหนาแน่นของสารละลายโซเดียมคลอไรด์ ชดุ ท่ี 1 และชดุ ท่ี 2 และสารละลายน้ำตาลทราย ชุดที่ 1 และชุดที่ 2
เปน็ อย่างไร

ความหนาแน่นของสารละลายโซเดยี มคลอไรด์ ชุดท่ี 1 และชดุ ที่ 2 มีคา่ ไมเ่ ท่ากนั และสารละลายนำ้ ตาลทราย
ชดุ ที่ 1 และชดุ ท่ี 2 มคี ่าไม่เท่ากนั
5. ความหนาแน่นของสารละลายโซเดียมคลอไรดแ์ ละสารละลายน้ำตาลทราย เหมือนหรอื แตกตา่ งกนั

สารละลายท้ังสองชุด มีความหนาแนน่ ไม่คงที่ และสารละลายชนิดเดียวกนั แต่อตั ราสว่ นของสารที่มาผสมกัน
ตา่ งมีควาหนาแนน่ ทไ่ี ม่คงท่เี ช่นกัน ซง่ึ ขน้ึ อย่กู ับอตั ราสว่ นของสารท่มี าผสมกนั

กจิ กรรม จับคฉู่ ันและเธอ

คำช้แี จง : ให้นักเรียนแกป้ ัญหาสถานการณ์ดังกล่าวให้ถูกต้อง พร้อมแสดงวิธีทำ

สถานการณ์ท่ี 1 : เด็กชายฮซี ึง ไปเท่ียวอเมริกาในเดือนกมุ ภาพันธ์ ซง่ึ เด็กชายฮีซงึ ได้ไปพกั ที่โรงแรมแห่งหนง่ึ พอถงึ
โรงแรมเรียบร้อยแล้วเดก็ ชายฮซี งึ เข้าหอ้ งน้ำเพ่ืออาบนำ้ แล้วเขาก็พบวา่ นำ้ ท่เี ขาอาบเป็นน้ำบริสทุ ธิ์ท่ี 4 องศาเซลเซยี ส มี
ความหนาแนน่ 1 กรัม/ลกู บาศก์เซนตเิ มตร และนำ้ บรสิ ุทธท์ิ ่เี ดก็ ชายฮีซึงอาบมมี วลอยู่ท่ี 2000 กรัม อยากทราบว่านำ้
บริสุทธิน์ ีม้ ปี ริมาตรกล่ี ูกบาศก์เมตร

สถานการณท์ ี่ 2 : คุณพ่อลอยดว์ านใหอ้ าเนยี ไปซือ้ เหล็ก 1 แท่งทีร่ ้านของปา้ เพ็ญศรี และคุณพ่อลอยด์ก็กำชบั อาเนยี
ด้วยว่า ใหถ้ ามมวล ปริมาตร และความหนาแน่นของเหลก็ มาด้วย พออาเนยี ซื้อเสรจ็ และเดินกลบั บ้าน ในระหว่างกลับ
บา้ นอาเนยี พงึ่ นกึ ถึงได้วา่ ลมื ถามความหนาแนน่ ของเหล็กแท่งนีจ้ ากป้าเพญ็ ศรี แต่อาเนียจำไดว้ า่ เหลก็ แท่งน้มี มี วล 1
กโิ ลกรมั มปี ริมาตร 128 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร แต่อาเนยี ลมื ว่าความหนาแน่นเหลก็ นี้มีความหนาแนน่ กี่กรัมต่อลกู บาศก์
เซนตเิ มตร

สถานการณ์ท่ี 3 : โคนันมีอาชพี เปน็ นกั ออกแบบของแต่งบ้าน แล้วมไี มท้ ่อนหน่ึงกวา้ ง 5 เซนติเมตร ยาว 10 เซนตเิ มตร
หนา 1.2 เซนตเิ มตร มคี วามหนาแน่น 14 กรมั ต่อลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร จำนวน 100 ทอ่ น เพ่อื ทำเป็นเฟอร์นเี จอรต์ กแตง่
บ้าน โคนนั อยากทราบว่าไม้ท่อนนีม้ มี วลทัง้ หมดกี่กโิ ลกรมั จะไดว้ างแผนในขนไม้ไปวางไว้ท่หี อ้ งของตัวเอง

สถานการณ์ท่ี 4 : “สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ไดต้ รวจสอบครีมยห่ี ้อดงั ยีห่ ่อหนงึ่ พบว่าพบเจอสารปรอท
สะสมอยูใ่ นเน้ือครมี ” ต้นน้ำไดอ้ า่ นขา่ วก็ตกใจ เพราะว่าเป็นครีมท่ีตัวเขาใชอ้ ยู่ ตน้ นำ้ จึงไปหาขอ้ มลู ในเว็บไซต์พบว่า
ปรอทที่อย่ใู นครมี มีมวล 100 กรมั มคี วามหนาแนน่ 13.6 กรมั ตอ่ ลกู บาศก์เซนตเิ มตร และในเวบ็ ไซตด์ ังกลา่ วไม่ไดบ้ อก
วา่ มปี ริมาตรเท่าไร ต้นนำ้ อยากทราบว่าปรอทที่อยู่ในครีมวา่ มปี รมิ าตรกล่ี ูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร

สถานการณท์ ่ี 5 : วัตถุ A มีความหนาแน่น 4.2 กรมั ต่อลกู บาศกเ์ ซนติเมตร ปริมาตร 24 ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร มีมวล
เท่ากับวตั ถุ B ซ่ึงมีปรมิ าตร 12 ลกู บาศก์เซนติเมตร จงหาว่าวตั ถุ B มคี วามหนาแนน่ กี่กรัมต่อลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร

สถานการณท์ ี่ 6 : เด็กชายแจฮยอนกบั แม่ไปสวนสนุกในสุดสปั ดาห์ จากน้ันเด็กชายแจฮยอนมองเหน็ คนกำลงั ข้นึ
บอลลูน เด็กชายแจฮยอนเลยว่งิ ไปถามข้อมูลเจา้ หน้าทท่ี ่ีดูแลบอลลูน เขาพบว่าในบอลลูนมีแกส๊ ฮีเลยี ม ทมี่ ีความ
หนาแน่น 0.2 กิโลกรัม/ลูกบาศกเ์ มตร และมีมวล 70 กิโลกรมั บรรจใุ นบอลลนู เดก็ ชายแจฮยอนเกิดความสงสัยว่าแก๊ส
ฮีเลียมบรรจใุ นบอลลูนนี้จะมีปริมาตรเท่าใด

สถานการณท์ ่ี 7 : สมชายนำแกลลอนที่บรรจุนำ้ มนั 100 ลูกบาศกเ์ มตร มมี วล 900 กิโลกรัม นำมันนีจ้ ะมีความ
หนาแนน่ กกี่ รัมต่อลูกบาศก์เซนตเิ มตร

สถานการณ์ท่ี 8 : วัตถุชนดิ หนง่ึ มีมวลเป็น 3 เท่าของปรอท ท่มี ปี ริมาตร 20 ลกู บาศก์เซนติเมตร และมีความหนาแน่น
เป็นครึ่งหนึง่ ของปรอทวตั ถุน้ันมีปริมาตรเท่าใด (กำหนดความหนาแนน่ ของปรอท 13.6 กรัมต่อลูกบาศก์เซนตเิ มตร)

((เเฉฉลลยย) )

สถานการณ์ท่ี 1 : เด็กชายฮซี ึง ไปเท่ียวอเมรกิ าในเดอื นกมุ ภาพันธ์ ซง่ึ เด็กชายฮีซึงได้ไปพักที่โรงแรมแห่งหนง่ึ พอถึง

โรงแรมเรยี บรอ้ ยแล้วเดก็ ชายฮซี งึ เข้าหอ้ งนำ้ เพ่ืออาบน้ำ แล้วเขาก็พบว่าน้ำทเี่ ขาอาบเปน็ น้ำบรสิ ุทธ์ทิ ่ี 4 องศาเซลเซยี ส มี

ความหนาแนน่ 1 กรัม/ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร และนำ้ บรสิ ุทธท์ิ เ่ี ด็กชายฮีซึงอาบมมี วลอยู่ท่ี 2000 กรัม อยากทราบว่านำ้

บริสทุ ธิ์นี้มปี ริมาตรกล่ี กู บาศก์เมตร

จากโจทย์ กำหนดให้ D : 1 กรัม/ลกู บาศก์เซนติเมตร , m : 2000 กรัม , V : ?

จากสูตร D = m/V

V = m/D

แทน V = 2000 g/ 1 g/cm3

= 2000 cm3

จาก cm3 เปลยี่ นเปน็ m3 จะได้ 2000 x (10-2)3 เทา่ กับ 2000 x 10-6 หรอื 0.002 m3

ดงั น้ัน น้ำบริสุทธิน์ ี้มปี รมิ าตร 2000 x 10-6 หรอื 0.002 ลูกบาศกเ์ มตร

สถานการณ์ที่ 2 : คุณพ่อลอยดว์ านใหอ้ าเนยี ไปซอื้ เหล็ก 1 แท่งท่รี ้านของปา้ เพญ็ ศรี และคณุ พ่อลอยด์กก็ ำชบั อาเนยี

ด้วยว่า ใหถ้ ามมวล ปรมิ าตร และความหนาแน่นของเหล็กมาด้วย พออาเนียซ้ือเสร็จและเดนิ กลบั บา้ น ในระหวา่ งกลับ

บ้านอาเนียพึง่ นึกถึงไดว้ า่ ลมื ถามความหนาแน่นของเหลก็ แทง่ นจ้ี ากป้าเพ็ญศรี แต่อาเนียจำได้ว่าเหล็กแท่งนี้มีมวล 1

กิโลกรัม มปี ริมาตร 128 ลูกบาศก์เซนติเมตร แต่อาเนียลมื ว่าความหนาแนน่ เหล็กน้ีมีความหนาแนน่ กี่กรมั ต่อลกู บาศก์

เซนตเิ มตร

จากโจทย์ กำหนดให้ m : 1 กิโลกรมั เปลีย่ นเปน็ กรมั , V : 128 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร , D : ?

จากสตู ร D = m/V

แทน D = 1x103 g/ 128 cm3

= 7.81 g/cm3

ดังน้ัน ความหนาแน่นเหล็กน้ีมีความหนาแนน่ 7.81 กรมั ต่อลกู บาศกเ์ ซนติเมตร

สถานการณท์ ี่ 3 : โคนนั มีอาชพี เป็นนกั ออกแบบของแต่งบ้าน แลว้ มไี ม้ท่อนหนง่ึ กวา้ ง 5 เซนติเมตร ยาว 10 เซนตเิ มตร
หนา 1.2 เซนตเิ มตร มคี วามหนาแน่น 14 กรัมต่อลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร จำนวน 100 ทอ่ น เพ่อื ทำเป็นเฟอร์นีเจอรต์ กแต่ง
บ้าน โคนนั อยากทราบว่าไม้ท่อนนมี้ ีมวลทงั้ หมดกี่กิโลกรัมจะได้วางแผนในขนไม้ไปวางไว้ท่ีห้องของตวั เอง

จากโจทย์ กำหนดให้ D: 14 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร , V : 5x10x1.2 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร , m : ?

จากสูตร D = m/V

m = DV

แทน m = 14 g/cm3x (5x10x1.2) cm3

= 840 g

เน่อื งจาก ท่อนไม้มีทั้งหมด 100 ท่อน จะได้ (840x100) มีคา่ เท่ากบั 84000 g โจทยใ์ ห้หาเปน็ kg จะได้ 84 kg

ดงั นั้น ไม้ท่อนนีม้ ีมวลท้ังหมด 84 กิโลกรัม

สถานการณท์ ี่ 4 : “สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ไดต้ รวจสอบครีมย่ีห้อดังย่ีห่อหน่งึ พบว่าพบเจอสารปรอท
สะสมอยู่ในเน้ือครมี ” ตน้ นำ้ ไดอ้ ่านข่าวก็ตกใจ เพราะวา่ เปน็ ครมี ที่ตวั เขาใช้อยู่ ต้นน้ำจงึ ไปหาข้อมลู ในเวบ็ ไซต์พบว่า
ปรอทที่อย่ใู นครีมมีมวล 100 กรัม มคี วามหนาแน่น 13.6 กรมั ต่อลูกบาศกเ์ ซนติเมตร และในเว็บไซตด์ ังกลา่ วไมไ่ ด้บอก
วา่ มีปรมิ าตรเท่าไร ดังนนั้ ตน้ นำ้ อยากทราบว่าปรอทที่อยู่ในครีมวา่ มปี รมิ าตรกล่ี กู บาศกเ์ ซนตเิ มตร

จากโจทย์ กำหนดให้ D : 13.6 กรมั ต่อลกู บาศก์เซนตเิ มตร , m : 100 กรมั , V : ?

จากสูตร D = m/V

V = m/D

แทน V = 100 g/ 13.6 g/cm3

= 7.35 cm3

ดังน้นั ปรอทท่ีอยใู่ นครมี วา่ มีปริมาตร 7.35 ลูกบาศก์เซนติเมตร

สถานการณท์ ี่ 5 : วตั ถุ A มีความหนาแนน่ 4.2 กรมั ต่อลกู บาศก์เซนติเมตร ปริมาตร 24 ลูกบาศก์เซนติเมตร มีมวล
เทา่ กบั วตั ถุ B ซ่ึงมีปริมาตร 12 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร จงหาว่าวัตถุ B มีความหนาแน่นก่ีกรัมตอ่ ลูกบาศก์เซนตเิ มตร

จากโจทย์ กำหนดให้ DA : 4.2 กรมั ต่อลูกบาศก์เซนติเมตร , VA : 24 ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร , mA : ?

จากสูตร DA = mA/VA

mA = DA VA

แทน mA = 4.2 g/cm3x 24 cm3

= 100.8 g

เนอื่ งจาก มวลของวตั ถุ A = มวลของวัตถุ B

จากโจทย์ กำหนดให้ mB : 100.8 กรมั , VB : 12 ลูกบาศก์เซนตเิ มตร , DB : ?

จากสตู ร DB = mB/VB

แทน DB = 100.8 g/ 12 cm3

= 8.4 g/cm3

ดังนั้น วตั ถุ B มคี วามหนาแน่น 8.4 กรมั ต่อลูกบาศก์เซนตเิ มตร

สถานการณท์ ี่ 6 : เด็กชายแจฮยอนกับแม่ไปสวนสนกุ ในสุดสัปดาห์ จากนั้นเด็กชายแจฮยอนมองเห็นคนกำลังขน้ึ

บอลลูน เด็กชายแจฮยอนเลยวิง่ ไปถามข้อมลู เจ้าหน้าที่ที่ดูแลบอลลูน เขาพบวา่ ในบอลลูนมีแกส๊ ฮีเลยี ม ทมี่ ีความ

หนาแน่น 0.2 กโิ ลกรัม/ลกู บาศกเ์ มตร และมมี วล 70 กโิ ลกรัม บรรจุในบอลลูน เด็กชายแจฮยอนเกดิ ความสงสัยวา่ แก๊ส

ฮเี ลียมบรรจุในบอลลนู นจี้ ะมีปรมิ าตรเท่าใด

จากโจทย์ กำหนดให้ D : 0.2 กโิ ลกรัม/ลกู บาศกเ์ มตร, m : 70 กโิ ลกรมั , V : ?

จากสูตร D = m/V

V = m/D

แทน V = 70 kg/ 0.2 kg/m3

= 350 m3

ดังนนั้ แก๊สฮีเลียมบรรจุในบอลลนู นี้จะมีปริมาตร 350 ลกู บาศก์เมตร

สถานการณท์ ี่ 7 : สมชายนำแกลลอนที่บรรจุนำ้ มนั 100 ลูกบาศก์เมตร มีมวล 900 กโิ ลกรมั นำ้ มันนจี้ ะมคี วาม

หนาแน่นกก่ี โิ ลกรมั ต่อลกู บาศก์เมตร

จากโจทย์ กำหนดให้ m : 900 กโิ ลกรมั เปลี่ยนเป็น กรมั , V : 100 ลูกบาศกเ์ มตร , D : ?

จากสูตร D = m/V

แทน D = 900 kg/ 100 m3

= 9 kg/m3

ดังน้นั นำ้ มันน้ีจะมีความหนาแน่น 9 กิโลกรมั ต่อลกู บาศก์เซนตเิ มตร

สถานการณ์ที่ 8 : วัตถุชนิดหนึ่งมมี วลเปน็ 3 เท่าของปรอท ท่ีมปี ริมาตร 20 ลูกบาศก์เซนตเิ มตร และมีความหนาแน่น
เปน็ ครงึ่ หน่ึงของปรอทวัตถุนั้นมีปริมาตรเท่าใด (กำหนดความหนาแนน่ ของปรอท 13.6 กรัมตอ่ ลูกบาศก์เซนตเิ มตร)

จากโจทย์ กำหนดให้ Dปรอท : 13.6 กรมั ต่อลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร , Vปรอท : 20 ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร , mปรอท : ?

จากสูตร Dปรอท = mปรอท/Vปรอท

mปรอท = Dปรอท Vปรอท

แทน mปรอท = 13.6 g/cm3x 20 cm3
= 272 g

เนือ่ งจาก วตั ถุชนดิ นี้มีมวล 3 เทา่ ของปรอท 3(272) g มคี า่ เทา่ กบั 816 กรมั

และมีความหนาแนน่ เป็นครึ่งหนง่ึ ของปรอท 13.6/2 มคี ่าเท่ากบั 6.8 กรัมตอ่ ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร

จากโจทย์ กำหนดให้ m : 816 กรมั , D: 6.8 กรมั ต่อลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร, V : ?

จากสตู ร D = m/V

V = m/D

แทน V = 816 g/ 6.8 g/cm3

= 120 cm3

ดงั นน้ั วตั ถุน้ีมีปริมาตร 120 ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร

แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 6

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 สารบริสุทธ์ิ

รหสั วชิ า ว 21101 วทิ ยาศาสตร์ กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ช้นั
บทที่ 2 มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565
เรือ่ ง
ผสู้ อน การจำแนกและองคป์ ระกอบของสารบริสทุ ธิ์

การจำแนกสารบรสิ ุทธ์ิ จำนวน 3 คาบ

ปส. อาซอื มนั รเู ดง็ อาจารยพ์ ี่เลี้ยง อาจารย์นวินดา คงภักดี

1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่าสมบัติของสสารกับ

โครงสร้างและแรงยึดหน่วยระหว่าอนุภาค หลักธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง สถานะของสสาร การเกิดสารละลาย
และปฏกิ ิรยิ าเคมี

ตวั ชี้วดั
ว 2.1 ม. 1/6 อธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอะตอม ธาตุ และสารประกอบ โดยใช้แบบจำลองและ
สารสนเทศ
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
สารบริสุทธ์ิสามารถแบ่งออกเป็นธาตุและสารประกอบ ธาตุมีองค์ประกอบเพียงชนิดเดียวและไม่สามารถ
แยกสลายเป็นสารอื่นได้ด้วยทางเคมี ส่วนสารประกอบธาตุองค์ประกอบตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปรวมตัวกันทางเคมีใน
อัตราส่วนคงที่มีสมบัติแตกต่างจากธาตุที่เป็นองค์ประกอบ สามารถแยกองค์ประกอบของสารประกอบออกจากกันได้
ด้วยวิธีทางเคมี โดยธาตุแต่ละชนิดประกอบด้วยอนุภาคที่เล็กที่สุดเรียกว่าอะตอม อะตอมประกอบด้วยโปรตอน
นิวตรอน และอิเล็กตรอนซึ่งโปรตอนและนวิ ตรอนรวมกันตรงกลางอะตอมเรียกว่า นิวเคลียส ส่วนอิเลก็ ตรอนเคล่ือนที่
รอบนวิ เคลยี ส อะตอมของแต่ธาตแุ ตกตา่ งกนั ทจี่ ำนวนโปรตอน
ธาตุแต่ละชนิดมีสมบัตเิ ฉพาะตัว นกั วทิ ยาศาสตรใ์ ชส้ มบตั ทิ างกายภาพของธาตุเพื่อจำแนกธาตุเป็นโละ อโลหะ
และกึ่งโลหะ ธาตุบางชนิดเป็นธาตุกัมมันตรังสี ซึ่งธาตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะและธาตุกัมตรังสีใช้ประโยชน์ได้แตกต่าง
กันการนำธาตมุ าใช้อาจมีผลกระทบต่อสิ่งมีชวี ติ สิง่ แวดลอ้ ม เศรษฐกจิ และสงั คม
3. สาระการเรยี นรู้
สารบริสทุ ธิจ์ ำแนกได้ 2 ประเภท คือ ธาตแุ ละสารประกอบ
1. ธาตุ (Element) คือสารบริสุทธิ์ที่ประกอบด้วยอนุภาคขนาดเล็ก เรียกว่า อะตอม (atom) อะตอมคือ
หนว่ ยที่เลก็ ทสี่ ดุ ของธาตุ อะตอมของธาตุแต่ละชนิดมีสมบัติท่ีแตกต่างกนั ในธรรมชาติธาตอุ าจอยู่เป็นอะตอมเด่ียวหรือ

มีอะตอมชนิดเดียวกันหลาย ๆ อะตอมอยู่รวมกัน เช่น แก๊สไฮโดรเจนประกอบด้วยอะตอมของไฮโดรเจน 2 อะตอม
โอโซนประกอบดว้ ยอะตอมออกซเิ จน 3 อะตอม

2. สารประกอบ (compound) คือ สารบริสุทธิ์ที่ประกอบด้วยอะตอมของธาตุต่างชนิดกันรวมตัวกันใน
อัตราส่วนจำนวนอะตอมคงที่ เช่น น้ำ ประกอบด้วยอะตอมของไฮโดรเจน 2 อะตอมและอะตอมออกซิเจน 1 อะตอม
คงท่ี โดยมอี ัตราส่วนมวลออกซเิ จนตอ่ ไฮโดรเจนเปน็ 8 : 1
สญั ลักษณ์ของธาตุ

เนื่องจากธาตุมีหลายชนิดนักวิทยาศาสตร์จึงกำหนดสัญลักษณ์ของธาตุ (chemical symbol) แทนการเขียน
ชื่อธาตุเพื่อใหเ้ กิดความสะดวกและเขา้ ใจตรงกันเป็นสากล

การกำหนดสัญลักษณ์ของธาตุส่วนใหญ่มาจากชื่อในภาษาอังกฤษ โดยใช้ตัวอักษรตัวแรกของชื่อธาตุเป็น
ตัวพิมพ์ใหญ่ ในกรณีที่ตัวอักษรตัวแรกของธาตุซ้ำกันให้ตามด้วยตัวอักษรตัวพิมพ์เล็กตัวอื่น นอกจากนี้สัญลักษณ์ของ
ธาตบุ างชนดิ กำหนดมาจากช่ือธาตุในภาษาละตนิ
สูตรเคมี

สูตรเคมี (chemical formula) คือ สัญลักษณ์ใช้เขียนแทนธาตุหรือสารประกอบเพื่อแสดงองค์ประกอบของ
สารเหล่าน้ันว่าประกอบด้วยธาตุใดบา้ งเป็นอัตราส่วนเทา่ ใด เช่น น้ำ มีสูตรเคมี คือ H2O หมายความว่า น้ำ 1 โมเลกลุ
ประกอบด้วยไฮโดรเจน 2 อะตอม และออกซิเจน 1 อะตอม
การแยกนำ้ ด้วยไฟฟ้า

1. ใชไ้ ฟฟา้ กระแสตรงความต่างศกั ย์ประมาณ 6 โวลต์
2. ทำให้น้ำนำไฟฟ้า โดยการเติมสารบางชนิดที่ไม่มีผลต่อการแยกสลายของน้ำ เช่น โซเดียมซัลเฟต กรด
ซัลฟิวรกิ
3. ภายหลงั การแยกนำ้ ดว้ ยไฟฟา้ จะเก็บแกส๊ ได้ 2 ชนิด คือ

- ขัว้ บวก แกส๊ ออกซิเจน มสี มบัติ ชว่ ยใหไ้ ฟติด
- ขว้ั ลบ แก๊สไฮโดรเจน มีสมบัติ ติดไฟได้
4. สมรรถนะของผ้เู รยี น
4.1 ความสามารถในการส่อื สาร
4.2 ความสามารถในการคิด
4.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
5.1 มวี ินัย
5.2 ใฝ่เรยี นรู้
5.3 มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
6. ชิ้นงาน/ภาระงาน
6.1 ใบกิจกรรมท่ี 2.3 เร่อื ง สารบริสทุ ธิ์มีองค์ประกอบอะไรบ้าง

6.2 ใบกจิ กรรม แผนภาพแบบจำลองอนภุ าคของสารบรสิ ุทธ์ิ
7. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

7.1 ด้านความรู้ (K)
7.1.1 อธิบายความสมั พันธร์ ะหว่างอะตอม ธาตุ และสารประกอบได้
7.1.2 ยกตัวอย่างธาตุและสารประกอบทพี่ บในชีวติ ประจำวันได้
7.1.3 จำแนกธาตแุ ละสารประกอบได้

7.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
7.2.1 วาดแบบจำลองอะตอมของธาตุและสารประกอบได้

7.3 ด้านเจตคต/ิ คุณลกั ษณะ (A)
7.3.1 ม่งุ มน่ั และรบั ผดิ ชอบในการทำงานกลุม่ ท่ไี ดร้ ับมอบหมายได้

8. กิจกรรมการเรยี นรู้
8.1 ขนั้ สรา้ งความสนใจ (Engagement)(10 นาท)ี
8.1.1 นกั เรียนดภู าพเพชรกับแกรไฟต์ โดยใชห้ นงั สือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 เลม่ ท่ี 1 หนา้ 38 แลว้ ตอบคำถามดังนี้

ภาพเพชรและแกรไฟต์
ที่มา : https://st.depositphotos.com/1698754/2635/i/600/depositphotos_26355007-stock-photo

- เพชรกบั แกรไฟตม์ ีลักษณะเหมือนหรือแตกตา่ งกนั อยา่ งไร (แนวคำตอบ เพชรและแกรไฟต์เปน็
ของแขง็ เหมือนกัน เพชรและแกรไฟตม์ ีลักษณะแตกต่าง คือ เพชรโปร่งและมคี วามแขง็ แตแ่ กรไฟต์ทึบแสงและเปราะ)

- อนภุ าคทเ่ี ลก็ ที่สุดของเพชรและแกรไฟต์เหมอื นหรือแตกต่างกนั อยา่ งไร (แนวคำตอบ อนภุ าคที
เลก็ ทีส่ ดุ ของเพชรและแกรไฟต์เหมือนกนั แต่มีการจัดเรยี งตวั ของอนภุ าคแตกต่างกัน)

8.1.2 นักเรียนทบทวนความรู้ก่อนเรียน บทที่ 1 สมบัติของสารบริสุทธิ์ โดยทำแบบทบทวนความรู้
ก่อนเรียนในหนังสือรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เล่มท่ี 1 หน้า 39 (แนวคำตอบมี
ดังน)ี้

ภาพ เฉลยทบทวนความรู้ก่อนเรยี น
ที่มา : คมู่ อื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เลม่ 1

8.2 การสํารวจและค้นหา (Exploration) (70 นาท)ี
8.2.1 นักเรียนทุกคนทำกจิ กรรม รอู้ ะไรบา้ งกอ่ นเรยี น โดยใช้กระดาษโพสอิท ลักษณะของกจิ กรรมให้

นักเรียนทุกคนเขียนคำตอบความรู้เดิมในเรื่อง การจำแนกประเภทของสารบริสุทธิ์ ลงในกระดาษโพสอิทหลังจากน้ัน
นำมาติดบนกระดาษปรู๊ฟ หลังจากนั้นครูนำตัวอย่างสารผสมให้นักเรียนพิจารณาว่าจะแยกสารผสมออกจากกันได้
อย่างไร โดยมีคำถามดงั น้ี

- เราสามารถแยกน้ำเกลือ โดยใช้วิธีใดบา้ ง (แนวคำตอบ การเหยแหง้ เป็นต้น)
- แล้วหลังจากนัน้ เกลือและน้ำ สามารถแยกต่อไปได้อีกหรือไม่ อย่างไร (แนวคำตอบ สารบริสุทธ์ิ
เราจะแยกต่อโดยใช้วิธกี ารที่ใช้กบั สารผสมไม่ได)้
8.2.2 นักเรียนฟังครูบรรยาย เรื่อง การจำแนกประเภทของสารบริสุทธิ์ โดยใช้สไลด์นำเสนอ เรื่อง
การจำแนกประเภทของสารบริสุทธิ์ โดยควบคู่กับหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น
มัธยมศึกษาปที ี่ 1 เล่มที่ 1
8.2.3 นักเรยี นแบ่งกล่มุ 6 กลุ่ม ๆ ละ 6-7 คน โดยแบง่ ตามอัธยาศัย
8.2.3 นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ส่งตวั แทนมารบั ใบกิจกรรมที่ 2.3 เรอ่ื ง สารบริสุทธ์ิมอี งค์ประกอบอะไรบ้าง
8.2.4 นกั เรยี นลงมอื ปฏิบัติกจิ กรรมท่ี 2.3 เรอ่ื ง สารบรสิ ทุ ธิ์มอี งคป์ ระกอบอะไรบ้าง
8.3 การอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)( 20 นาท)ี
8.3.1 นักเรียนส่งตัวแทนกลุ่ม 1 คน ออกมาอภิปรายผลการทดลองในกิจกรรมที่ 2.3 เรื่อง สาร
บรสิ ุทธมิ์ อี งคป์ ระกอบอะไรบา้ ง
8.3.1 นักเรียนและครูร่วมกันลงข้อสรุปเกี่ยวกับกิจกรรที่ 2.3 เรื่อง สารบริสุทธิ์มีองค์ประกอบ
อะไรบา้ ง และเรื่อง การจำแนกประเภทของสารบรสิ ุทธ์ิ โดยมคี ำถามดงั น้ี
- สารในหลอดจากขั้วบวกและขั้วลบเป็นสารชนิดเดียวกันหรือไม่ ทราบได้อย่างไร (แนวคำตอบ
สารในหลอดจากขั้วบวกและขั้วลบไม่เป็นสารชนิดเดียวกัน เพราะทราบได้จากผลการทดสอบด้วยธูปซึ่งได้ผลต่างกัน

โดยแก๊สในหลอดจากขั้วบวกช่วยให้ไฟตดิ ส่วนแก๊สในหลอดจากขั้วลบตดิ ไฟได้และสามารถทราบได้จากปริมาณแกส๊ ท่ี
เกดิ ขึ้นดว้ ย โดยแก๊สทหี่ ลอดจากข้วั บวกมีปรมิ าณน้อยกวา่ แก๊สทีห่ ลอดจากขว้ั ลบประมาณคร่ึงหนงึ่ )

- จากกิจกรรมที่ 2.3 เรื่อง สารบริสุทธิ์มีองค์ประกอบอะไรบ้าง สรุปได้ว่าอย่างไร (แนวคำตอบ การ
ผา่ นกระแสไฟฟ้าลงไปในนำ้ ซึ่งเปน็ สารบริสุทธ์ิ ทำใหน้ ้ำสลายตัวได้เปน็ แกส๊ ท่ีมสี มบัติแตกตา่ งกนั 2 ชนิด คือแก๊สท่ีช่วย
ใหไ้ ฟติดและแก๊สท่ีตดิ ไฟได้ ในอตั ราสว่ น 1:2 ซง่ึ แก๊สท้งั สองมสี มบตั แิ ตกตา่ งจากสมบตั ิของนำ้ ซึง่ เป็นของเหลว ไม่มสี )ี

- แสดงว่าน้ำมีองคป์ ระกอบย่อยอะไรบา้ ง (แนวคำตอบ น้ำมีองค์ประกอบย่อย 2 ชนิด คือออกซิเจน
และไฮโดรเจนมารวมตัวกันเป็นนำ้ )

- แล้วน้ำเป็นเป็นธาตุหรือสารประกอบ เพราะอะไร (แนวคำตอบ เป็นสารประกอบ เพราะน้ำมี
องคป์ ระกอบย่อย 2 ชนิดทแ่ี ตกตา่ งกนั )

8.4 การขยายความรู้ (Elaboration)(40 นาที)
8.4.1 นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ 6 กล่มุ ๆ ละ 6-7 คน โดยแบ่งตามอธั ยาศัย
8.4.2 นักเรียนทำกิจกรรม แผนภาพแบบจำลองอนุภาคของสารบริสุทธิ์ โดยมีวิธีการดำเนินกิจกรรม

ดังน้ี
- นักเรียนแต่ละกลุ่มจะได้ธาตุและสารประกอบที่เป็นชื่อเคมีแล้วให้นักเรียนสืบค้นสตู รเคมี ซึ่งแต่

ละกลุ่มจะได้ธาตแุ ละสารประกอบที่เป็นช่ือสามัญกลุ่มละ 2 ชนิด จากน้ันให้นกั เรียนวาดอนุภาค 5 อะตอมและสูตรทาง
เคมีของธาตุและสารประกอบลงในใบงาน เร่ือง แผนภาพแบบจำลองอนภุ าคของสารบรสิ ทุ ธิ์

- ตวั อย่างเช่นธาตทุ ่ีใช้ คือ ไนโตรเจน ออกซเิ จน ไฮโดรเจน คารบ์ อน โซเดยี ม โบรอน
- ตัวอย่างสารประกอบ ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์ แอมโมเนีย โซเดียมคลอไรด์ โซเดียมไฮดรอก
ไซด์ กรดไฮโดรคลอรกิ และคารบ์ อนมอนอกไซด์
- ให้นักเรียนเลือกตอบว่าแผนภาพใดเป็นแบบจลองอนุภาคของธาตุแล้วแผนภาพใดเป็น
แบบจำลองของสารประกอบ

8.4.3 นักเรียนส่งตัวแทนกลุ่ม 1-2 คนออกมาทำเสนอกิจกรรม แผนภาพแบบจำลองอนุภาคของสาร
บรสิ ุทธ์ิ

8.5 การประเมนิ ผล/สรุป (Evaluation)(10 นาที)
8.5.1 นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรปุ เรอ่ื ง การจำแนกสารบรสิ ทุ ธ์ิ โดยใช้สไลด์นำเสนอ โดยมคี ำถามดงั น้ี
- ธาตุกับสารประกอบแตกตา่ งหรอื ไม่ อยา่ งไร (แนวคำตอบ แตกต่างกนั ธาตุเป็นสารประสทุ ธิ์ที่มี

อะตอมเดย่ี วหรืออะตอมของธาตชุ นดิ เดียวกันหลาย ๆ อะตอมอยรู่ ว่ มกนั สว่ นสารประกอบ เป็นสารบริสทุ ธ์ทิ ี่
ประกอบด้วยของธาตุตา่ งชนิดมารวมกัน

- สารรอบตัวเรามีสตู รเคมีอะไรบา้ ง (แนวคำตอบ ผงฟู วิตามนิ ซี น้ำตาลทราย เป็นตน้ )
8.5.2 นกั เรยี นรว่ มกนั ตอบคำถามทา้ ยบทเรยี น เรอ่ื ง การจำแนกสารบริสทุ ธ์ิ โดยใชแ้ อปพลิเคชนั
Vonder go

9. สอื่ และแหล่งเรียนรู้
9.1 หนงั สือเรียนรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 เล่มที่ 1
9.2 สไลด์นำเสนอ เรอ่ื ง การจำแนกประเภทของสารบรสิ ทุ ธ์ิ
9.3 ตวั อยา่ งแผนภาพแบบจำลองอนภุ าคของสารบรสิ ทุ ธ์ิ
9.4 แอปพลเิ คชนั Vonder go

10. การวดั และการประเมินผล

การวัดผลประเมินผล วิธีการวดั เครือ่ งมือวดั เกณฑก์ ารผ่าน

1. ดา้ นความรู้

1. อธบิ ายความสัมพันธ์ - ตรวจใบกจิ กรรมท่ี 2.3 - เกณฑต์ รวจใบกิจกรรมที่ - นกั เรียนสามารถปฏิบัตใิ น

ระหวา่ งอะตอม ธาตุ และ เร่ือง สารบริสทุ ธิม์ ี 2.3 เรอ่ื ง สารบริสุทธมิ์ ี ระดบั ดขี น้ึ ไป คะแนนอยใู่ น

สารประกอบได้ องค์ประกอบอะไรบา้ ง องคป์ ระกอบอะไรบา้ ง ระหวา่ ง 9-12 คะแนน ถือวา่

2. ยกตัวอยา่ งธาตุและ - ตรวจใบกิจกรรม - เกณฑ์การตรวจใบ ผา่ นเกณฑ์

สารประกอบท่ีพบใน แผนภาพแบบจำลอง กิจกรรม แผนภาพ - นักเรยี นสามารถปฏบิ ัตใิ น

ชวี ิตประจำวนั ได้ อนภุ าคของสารบรสิ ทุ ธิ์ แบบจำลองอนภุ าคของ ระดบั ดขี น้ึ ไป คะแนนอยใู่ น

3. จำแนกธาตแุ ละ - สังเกตการตอบคำถาม สารบริสุทธิ์ ระหวา่ ง 9-12 คะแนน ถือว่า

สารประกอบได้ ในชั้นเรียน - ชดุ คำถาม ผา่ นเกณฑ์

- นักเรียนสามารถตอบ

คำถามไดถ้ ูกต้องรอ้ ยละ 50

สรุปว่าผา่ นเกณฑ์

2. ดา้ นทกั ษะกระบวนการ - เกณฑ์การตรวจใบ - นักเรยี นสามารถปฏบิ ตั ิใน
1. วาดแบบจำลองอะตอม - ตรวจใบกจิ กรรม กิจกรรม แผนภาพ ระดับดขี น้ึ ไป คะแนนอยู่ใน
ของธาตุและสารประกอบ แผนภาพแบบจำลอง แบบจำลองอนภุ าคของ ระหวา่ ง 9-12 คะแนน ถือว่า
ได้ อนุภาคของสารบรสิ ุทธ์ิ สารบรสิ ทุ ธิ์ ผา่ นเกณฑ์

3. ดา้ นเจตคติ /คณุ ลักษณะ - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม นกั เรียนสามารถเขา้ ร่วม
1. มุง่ มน่ั และรบั ผิดชอบ - สงั เกตพฤติกรรมการ การทำงานกลุม่ กจิ กรรมกลุ่มและรับผิดชอบ
ในการทำงานกลมุ่ ทไ่ี ดร้ บั ทำงานกลมุ่ งานได้ในระดบั ดีขนึ้ ไป มี
มอบหมายได้ คะแนนอยรู่ ะหวา่ ง 11-15
สรุปว่าผ่านเกณฑ์

11. บันทึกหลังการสอน

ชนั้ ม.1/1 ชัน้ ม.1/2 ชัน้ ม.1/3

ผลการสอน - นักเรียนเข้าใจเนื้อหาและ - นักเรียนเข้าใจเนื้อหาและ - นักเรียนเข้าใจเนื้อหาและ

ปญั หา/ สามารถอธิบายความสัมพันธ์ สามารถอธิบายความสัมพันธ์ สามารถอธิบายความสัมพันธ์
อุปสรรค
ขอ้ เสนอแนะ ระหว่างอะตอม ธาตุ และ ระหว่างอะตอม ธาตุ และ ระหว่างอะตอม ธาตุ และ
/แนว
สารประกอบได้ ยกตัวอย่าง สารประกอบได้ ยกตัวอย่าง สารประกอบได้ ยกตวั อย่างธาตุ

ธาตุ ธาตุ และสารประกอบที่ พ บ ใ น

และสารประกอบที่พบใน และสารประกอบที่พบใน ชีวิตประจำวันได้และสามารถ

ชีวิตประจำวันได้และสามารถ ชีวิตประจำวันได้และสามารถ จำแนกธาตุและสารประกอบได้

จำแนกธาตุและสารประกอบได้ จำแนกธาตุและสารประกอบได้ โดยผ่านกิจกรรม 2.3 เรื่อง สาร

โดยผ่านกจิ กรรม 2.3 เรื่อง สาร โดยผ่านกจิ กรรม 2.3 เรื่อง สาร บริสุทธิ์มีองค์ประกอบอะไรบ้าง

บริสุทธิ์มีองค์ประกอบอะไรบ้าง บริสุทธิ์มีองค์ประกอบอะไรบ้าง คดิ เป็นรอ้ ยละ 100

คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 คิดเป็นร้อยละ 100 - นักเรียนสามารถวาด

- น ั ก เ ร ี ย น ส า ม า ร ถ ว า ด - น ั ก เ ร ี ย น ส า ม า ร ถ ว า ด แบบจำลองอะตอมของธาตุและ

แบบจำลองอะตอมของธาตุและ แบบจำลองอะตอมของธาตุและ สารประกอบได้ พร้อมกับมา

สารประกอบได้ พร้อมกับมา สารประกอบได้ พร้อมกับมา นำเสนออหน้าชั้นเรียนได้ดี

นำเสนออหน้าชั้นเรียนได้ดี นำเสนออหน้าชั้นเรียนได้ดี ตอบคำถามของเพื่อนได้ คิด

ตอบคำถามของเพื่อนได้ คิด ตอบคำถามของเพื่อนได้ คิด เปน็ รอ้ ยละ 100

เปน็ รอ้ ยละ 100 เปน็ ร้อยละ 100 - นักเรียนมีความกระตือรือร้น

- นักเรียนมีความกระตือรือร้น - นักเรียนมีความกระตือรือร้น ในการทำกจิ กรรมกลุ่ม สามารถ

ในการทำกจิ กรรมกลุ่ม สามารถ ในการทำกิจกรรมกลุ่ม สามารถ ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมี

ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมี ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมี ความรับผิดชอบต่องานที่ได้

ความรับผิดชอบต่องานที่ได้ ความรับผิดชอบต่องานที่ได้ มอบหมายไว้ คิดเป็นร้อยละ

มอบหมายไว้ คิดเป็นร้อยละ มอบหมายไว้ คิดเป็นร้อยละ 100

100 100

- มีนักเรียน 1 คน เป็นลมใน - -

หอ้ งปฏิบตั ิการ

- มีอุปกรณ์การทดลอง 1 ตัวที่

เสีย

- ให้อากาศในห้องปฏิบัติการมี - ให้อากาศในห้องปฏิบัติการมี - ให้อากาศในห้องปฏิบัติการมี

การถ่ายเท และสอนนักเรียน การถ่ายเท และสอนนักเรียน การถ่ายเท และสอนนักเรียน

ทางแกไ้ ข

ชน้ั ม.1/1 ช้ัน ม.1/2 ชน้ั ม.1/3

เรื่อง การปฐมพยาบาลเบื้อต้น เรื่อง การปฐมพยาบาลเบื้อต้น เรื่อง การปฐมพยาบาลเบื้อต้น

เมื่อมีเพื่อนเปน็ ลม เมือ่ มีเพอื่ นเป็นลม เม่อื มเี พอ่ื นเปน็ ลม

- ตรวจสอบเครื่องมืออุปกรณ์ - ตรวจสอบเครื่องมืออุปกรณ์ - ตรวจสอบเครื่องมืออุปกรณ์

ทกุ คร้งั ก่อนทำปฏิบตั ิการ ทกุ คร้งั ก่อนทำปฏิบตั ิการ ทุกครง้ั กอ่ นทำปฏิบตั กิ าร

บันทกึ สำหรับอาจารย์พ่เี ลยี้ ง
............................................................................................................................. ...............................................................
.................................................................... .......................................................................................................... ..............
............................................................................................................................. ...............................................................
............................................................................................................................. ...............................................................

ลงชอื่ .......c.......f.....u........t....n.................ผ้สู อน ลงช่อื ............................................................
(อาจารยน์ วินดา คงภักด)ี
(นายอาซอื มนั รเู ดง็ ) อาจารยพ์ ี่เลี้ยง
นกั ศึกษาปฏบิ ตั กิ ารสอน
วันท่ี 13 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 วันที่ 13 เดือนมิถนุ ายน พ.ศ. 2565

แบบบันทกึ การใหค้ ะแนนใบกิจกรรมที่ 2.3 เรอ่ื ง สารบริสทุ ธ์มิ อี งคป์ ระกอบอะไรบา้ ง

ชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ห้อง……..

คำชี้แจง : ให้ทำเครื่องหมาย  ลงในชอ่ งรายการประเมนิ ใบกจิ กรรมท่ี 2.3 เรื่อง สารบรสิ ุทธิม์ ีองค์ประกอบอะไรบา้ ง

ตรงกบั ระดับคะแนนทน่ี ักเรียนปฏิบตั ไิ ด้

พฤติกรรม

การวางแผน การ การบนั ทึกผล การอภปิ รายผล รวม

ลำ ชื่อ-สกุล การทดลอง ปฏบิ ัตกิ าร และการจดั การ การทดลองและ

ดับที่ ทดลอง กบั ขอมลู การนาํ เสนอ

ขอสรปุ

4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16

1. 1

2. 2

3. 3

4. 4

5. 5

6.

7.

8.

9.

10.

11.

12.

13.

14.

15.

16.

17.

18.

19.

20.

21.

22.

พฤติกรรม

การวางแผน การ การบนั ทึกผล การอภปิ รายผล รวม

ลำ ชื่อ-สกุล การทดลอง ปฏิบัตกิ าร และการจดั การ การทดลองและ

ดับที่ ทดลอง กบั ขอมูล การนาํ เสนอ

ขอสรปุ

4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16

23.

24.

25.

26.

27.

28.

29.

30.

31.

32.

33.

34.

35.

36.

37.

38.

39.

เกณฑก์ ารให้คะแนนระดบั คณุ ภาพ
13-16 อยู่ในระดับ ดมี าก
9-12 อยใู่ นระดับ ดี
5-8 อยู่ในระดบั พอใช้
1-4 อยใู่ นระดับ ปรบั ปรงุ

*หมายเหตุ : นักเรียนสามารถปฏบิ ัตใิ นระดบั ดีขน้ึ ไป คะแนนอย่ใู นระหว่าง 9-12 คะแนน ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์

ลงชื่อ ........................................ ผู้ประเมนิ
(…………………………………….……)
........../.........../...........

รายละเอียดการให้คะแนนใบกจิ กรรมที่ 2.3 เร่ือง สารบริสุทธม์ิ อี งคป์ ระกอบอะไรบ้าง

เกณฑ์การให้คะแนน

ประเดน็ การประเมิน 4321

ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง

1. การวางแผนการทดลอง ปฏบิ ตั ไิ ดท้ ้งั 3 ปฏิบตั ไิ ด้ 2 ปฏบิ ัตไิ ดเ้ พยี ง ไม่ไดป้ ฏิบัตทิ ง้ั

1.1 ร่วมกนั วางแผนและแบ่งหนา้ ทีเ่ พื่อ ประเดน็ ประเด็น ประเด็นเดยี ว 3 ประเด็น

ปฏิบัติการทดลองตามวิธีการทดลอง

1.2 ร่วมกนั ออกแบบตางรางบันทึกผล

1.3 ร่วมกันกำหนดวัตถุประสงค์ของ

การทดลอง

2. การปฏิบตั กิ ารทดลอง ปฏิบัติได้ทง้ั 3 ปฏิบัตไิ ด้ 2 ปฏบิ ตั ิได้เพยี ง ไม่ได้ปฏบิ ตั ทิ ้งั

2.1 ดำเนนิ ตามขัน้ ตอนในเวลาที่ ประเด็น ประเด็น ประเด็นเดยี ว 3 ประเดน็

กำหนด

2.2 เลอื กใชว้ สั ดุอปุ กรณ์และสารเคมี

ใหถ้ ูกต้องเหมาะสม
2.3 รกั ษาความสาดและเก็บวัสดุ

อุปกรณส์ ารเคมีไดเ้ รยี บร้อย

3. การบนั ทึกผลและการจัดการกับขอมลู ปฏิบตั ิไดท้ งั้ 3 ปฏบิ ัติได้ 2 ปฏบิ ัตไิ ดเ้ พียง ไมไ่ ด้ปฏบิ ัตทิ ง้ั

3.1 บันทึกผลการทดลองในตารางท่ี ประเด็น ประเดน็ ประเด็นเดยี ว 3 ประเด็น

ร่วมออกแบบไว้

3.2 จัดกระทำข้อมลู ได้เหมาะสมตาม

ลกั ษณะของข้อมลู

3.3 บันทกึ ผลการทดลองตรงกบั ผล

การทดลองของข้อมลู

4. การอภปิ รายผลการทดลองและการ ปฏบิ ตั ิได้ทั้ง 3 ปฏบิ ัตไิ ด้ 2 ปฏิบตั ไิ ดเ้ พยี ง ไม่ไดป้ ฏบิ ตั ทิ ั้ง
นําเสนอขอสรุป
ประเด็น ประเดน็ ประเดน็ เดยี ว 3 ประเด็น

4.1 รว่ มกนั อภปิ รายผลการทดลอง

และการนำเสนอข้อสรปุ

4.2 รว่ มกนั สรปุ ผลการทดลองโดยใช้

ผลการทดลองของกลุ่มทบ่ี ันทึกไว้

4.3 นำเสนอขอ้ สรปุ ผลการทดลองได้

ถูกต้องตรงกบั ข้อสรปุ ของกลุ่ม

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
รายวชิ า ว 21101 วิทยาศาสตร์ ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 หอ้ ง………ภาคเรียน……………..ปกี ารศึกษา………

กลุ่มท…่ี …………ชอื่ กลุม่ ……………
คำช้แี จง : สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนรายกลมุ่ ในระหว่างเรยี นแล้วทำเครื่องหมาย ✓ ลงช่องท่ตี รงกบั ระดับ
คะแนนที่นกั เรียนปฏิบัติได้

พฤติกรรม รวม

ความ การแสดง การรบั ฟงั ความตัง้ ใจ การมสี ่วน

ลำ ชื่อ-สกลุ รว่ มมอื ความ ความ ในการ ร่วมในการ
ดบั ท่ี สมาชิกกลุ่ม
คิดเห็น คิดเห็น ทำงาน อภปิ ราย
1. 1
2. 2 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20
3. 3
4. 4
5. 5
6. 6
7. 7
8. 8
9. 9
10. 0
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.

พฤตกิ รรม รวม

ความ การแสดง การรับฟงั ความตั้งใจ การมสี ่วน

ลำ ชอื่ -สกลุ ร่วมมือ ความ ความ ในการ รว่ มในการ
ดบั ที่ สมาชกิ กลุ่ม
คิดเหน็ คิดเห็น ทำงาน อภิปราย
19.
20. 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20
21.
22.
23.
24.
25.
26.
27.
28.
29.
30.
31.
32.
33.
34.
35.
36.
37.
38.
39.

เกณฑ์การให้คะแนนระดับคุณภาพ
16-20 อยู่ในระดับ ดมี าก
11-15 อยู่ในระดับ ดี
6-10 อยใู่ นระดับ พอใช้
1-5 อยใู่ นระดับ ปรับปรุง

*หมายเหตุ : นกั เรียนสามารถปฏบิ ัติในระดับดีขึน้ ไป คะแนนอยู่ระหวา่ ง 11-15 คะแนน ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์

ลงช่ือ ........................................ ผ้ปู ระเมนิ
(…………………………………….……)

รายละเอยี ดการให้คะแนนการเขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ

ประเดน็ การประเมิน 4 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1
ดมี าก 32 ปรับปรุง
1. ความรว่ มมอื พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติ ดี พอใช้ พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ
ชดั เจนทุกครง้ั พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ิ บางคร้ัง
2. การแสดงความ ชดั เจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ
คดิ เห็น พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั ิ พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ
ชดั เจนทกุ คร้ัง บ่อยคร้งั บางครั้ง
3. การรบั ฟังความ พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัติ พฤติกรรมทปี่ ฏิบัติ
คดิ เหน็ พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัติ ชดั เจนและสมำ่ เสมอ ชัดเจนและ พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิ
ชัดเจนทกุ ครง้ั บางคร้งั
4. ความตัง้ ใจในการ บ่อยครั้ง
ทำงาน พฤติกรรมที่ปฏบิ ัติ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติ พฤติกรรมที่ปฏิบัติ พฤติกรรมที่ปฏิบัติ
ชดั เจนทุกครั้ง ชดั เจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ บางครัง้
5. การมีสว่ นร่วมใน
การอภิปราย พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั ิ บอ่ ยครง้ั พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิ
ชัดเจนทกุ ครงั้ พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ตั ิ พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิ บางครั้ง
ชดั เจนและสมำ่ เสมอ ชัดเจนและ

บอ่ ยครั้ง
พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิ พฤติกรรมท่ีปฏิบัติ
ชัดเจนและสมำ่ เสมอ ชัดเจนและ

บอ่ ยครง้ั

แบบประเมนิ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 4 ด้าน
ชอ่ื ..............................................................นามสกลุ .................................................... .ชน้ั ......……..เลขที.่ ....

คำช้แี จง : ให้สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียน แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งท่ตี รงกับระดบั คะแนน

สมรรถนะสำคัญที่ประเมิน ระดบั คะแนน สรปุ
432 1 ผล

1. ความสามารถในการสื่อสาร

1.1 มีความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคดิ

ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม

1.2 ใช้วิธกี ารสอื่ สารที่เหมาะสม

1.3 วิเคราะห์แสดงความคิดเหน็ อยา่ งมเี หตุผล

สรุปผลการประเมิน

2. ความสามารถในการคิด

2.1 มีความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ สงั เคราะห์

2.2 มที กั ษะในการคดิ นอกกรอบอย่างสรา้ งสรรค์

2.3 มีความสามารถในการคดิ อย่างมีระบบ

สรปุ ผลการประเมนิ

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา

3.1 สามารถแกป้ ญั หาและอุปสรรคต่าง ๆ ทเ่ี ผชญิ ได้

3.2 ใชเ้ หตผุ ลในการแกป้ ญั หา

3.3 สามารถตดั สนิ ใจได้เหมาะสมตามวัย

4 . ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

4.1 มที ักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี

4.2 สามารถนำเทคโนโลยีไปใชพ้ ฒั นาตนเอง

4.3 มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรมในการใชเท้ คโนโลยี

สรุปผลการประเมิน

สรปุ ผลการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์รายบคุ คล

 ดีมาก  ดี  ปานกลาง  ตอ้ งปรับปรุง

ลงช่อื ........................................ ผู้ประเมนิ

(…………………………………….……)

แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์

ชอ่ื ................................................................ชั้น....................เลขที.่ ...................

คำชี้แจง : ให้สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องทตี่ รงกบั ระดบั

คะแนน

คณุ ลกั ษณะอนั พงึ รายการท่ปี ระเมนิ ระดับคะแนน
ประสงค์ 321

1. มวี นิ ัย 1.1 ตรงตอ่ เวลา

1.2 ปฏิบัตงิ านเรยี บรอ้ ยเหมาะสม

1.3 ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง

2. ใฝเ่ รยี นรู้ 2.1 กระตือรือรน้ ในการแสวงหาขอ้ มลู

2.2 มกี ารจดบันทึกความรู้

2.3 สรปุ ความรไู้ ดอ้ ยา่ งมีเหตุผล

3. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน 3.1 มคี วามต้งั ใจและพยายามในการทำงานทไี่ ด้รับมอบหมาย

3.2 มีความอดทนและไม่ย่อทอ้ ต่ออุปสรรคเพื่อให้งานสำเร็จ

เกณฑก์ ารให้คะแนน

- พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชดั เจนและสม่ำเสมอ

- พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัตชิ ดั เจนและบ่อยครงั้

- พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิบางครง้ั

เกณฑ์การให้คะแนนระดบั คณุ ภาพ
18-24 อย่ใู นระดับ ดีมาก
13-18 อยู่ในระดบั ดี
7-12 อยใู่ นระดบั ปานกลาง
1-6 อย่ใู นระดับ ปรบั ปรุง

ลงช่ือ..........................................ผปู้ ระเมนิ
(..........................................)

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 สารบริสทุ ธิ์ ว 21101 วิทยาศาสตร์
บทท่ี 2 การจำแนกและองค์ประกอบของสารบรสิ ทุ ธ์ิ/การจำแนกสารบริสทุ ธิ์ ปส. อาซอื มัน รเู ด็ง

กจิ กรรม 2.3 เรือ่ ง สารบรสิ ุทธ์ิมอี งคป์ ระกอบอะไรบ้าง

จุดประสงค์ แยกนำ้ ดว้ ยไฟฟ้าและอธิบายผลจากการแยกน้ำดว้ ยไฟฟ้า

วัสดุและอุปกรณ์ 1. สารละลายกรดซัลฟิวริกเจือจาง 6. เครือ่ งแยกนำ้ ด้วยไฟฟา้
2. นำ้ 7. สายไฟพร้อมคลิปปากจระเข้
3. แบตเตอร่ี ขนาด 9V
4. ไฟแช็ก
5. ธูป

ตารางบันทึกผลการทดลอง

ส่ิงที่สังเกตได้ การเปลย่ี นแปลงท่ี ผลทดสอบด้วยธปู ท่ีมีเปลวไฟ ผลทดสอบดว้ ยธูปทตี่ ดิ ถ่าน
ชดุ การทดลอง สงั เกตได้ แดง

สารในหลอดแก้วที่ข้ัวบวก

สารในหลอดแก้วท่ีขวั้ ลบ

…สร…ปุ …ผ…ล…กา…ร…ท…ด…ลอ…ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

คำถามทา้ ยกิจกรรม
1.เม่ือต่อสายไฟจากแบตเตอรีเ่ ขา้ กับเคร่อื งแยกนำ้ ไฟฟา้ ให้ครบวงจร ในหลอดแกว้ จากข้ัวบวกและข้ัวลบมีการ

เปลี่ยนแปลงเหมอื นหรือตา่ งกันอยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. เม่ือเปรยี บเทยี บปริมาณสารทเ่ี กิดขึ้นในหลอดจากขว้ั บวกและขั้วลบ มอี ัตราส่วนประมาณเทา่ ใด
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. เม่ือทดสอบสารในหลอดจากขั้วบวกและข้ัวลบโดยใช้ธูปที่ลุกเปน็ เปลวไฟ และธูปท่เี ป็นถา่ นแดง สังเกตเหน็
การเปลยี่ นแปลงแตกตา่ งกันหรือไม่ อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

4. สารในหลอดจากขวั้ บวกและขั้วลบเป็นสารชนิดเดยี วกันหรือไม่ ทราบได้อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

กจิ กรรม 2.3 เร่ือง สารบรสิ ุทธม์ิ ีองคป์ ระกอบอะไรบ้าง

สมาชกิ กลุ่ม

1. ช่อื - สกุล………………………………………..…เลขที่………..หนา้ ท่ี………………………………..
2. ชอื่ - สกุล…………………………………………..เลขที่………..หน้าที่…………………………………
3. ชื่อ- สกลุ …………………………………………..เลขที่………..หน้าท่ี…………………………………
4. ชื่อ- สกลุ …………………………………………..เลขที่………..หน้าที่…………………………………
5. ชื่อ- สกลุ …………………………………………..เลขท่ี………..หน้าที่…………………………………
6. ชือ่ - สกุล…………………………………………..เลขท่ี………..หน้าที่…………………………………
7. ชอื่ - สกุล…………………………………………..เลขที่………..หน้าที่…………………………………

ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ห้อง……………..

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 7

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 สารบริสทุ ธิ์

รหสั วิชา ว 21101 วทิ ยาศาสตร์ กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชัน้
บทที่ 2 มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
เร่ือง
ผู้สอน การจำแนกและองค์ประกอบของสารบริสุทธิ์

โครงสร้างอะตอม จำนวน 3 คาบ

ปส. อาซือมนั รูเดง็ อาจารยพ์ ีเ่ ลี้ยง อาจารย์นวนิ ดา คงภกั ดี

1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่าสมบัติของสสารกับ

โครงสร้างและแรงยึดหน่วยระหว่าอนุภาค หลักธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง สถานะของสสาร การเกิดสารละลาย
และปฏกิ ริ ิยาเคมี

ตวั ชี้วัด
ว 2.1 ม. 1/8 อธิบายโครงสร้างอะตอมทป่ี ระกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน และอเิ ลก็ ตรอน และอเิ ล็กตรอน โดย
ใช้แบบจำลอง
2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
อะตอมประกอบด้วยด้วยโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตอน โปรตอนมีประจุไฟฟ้าบวก ธาตุชนิดเดียวกันมี
จำนวนโปรตอนเท่ากันและเป็นคา่ เฉพาะของธาตนุ ้ัน นวิ ตรอนเปน็ กลางทางไฟฟ้า ส่วนอิเลก็ ตรอนมีประจุไฟฟ้าเป็นลบ
เมอ่ื อะตอมมีจำนวนโปรตอนเทา่ กับอิเลก็ ตรอนจะเปน็ กลางทางไฟฟา้ โปรตอนและนิวตรอนรวมกนั อยตู่ รงกลางอะตอม
เรยี กว่า นวิ เคลยี ส สว่ นอเิ ลก็ ตรอนเคลื่อนท่ีอยู่ในที่ว่างรอบนิวเคลียส
3. สาระการเรียนรู้
อะตอมของธาตุ ประกอบด้วยโปรตอน (proton) นิวตรอน (neutron) และอิเล็กตรอน (electron) อนุภาค
ทั้งสามชนิดเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของอะตอมของธาตุทุกธาตุ โดยโปรตอนและนิวตรอนรวมอยู่ตรงศูนย์กลางของ
อะตอม เรียกว่า นวิ เคลยี ส (nucleus) ซง่ึ มีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดของอะตอม พน้ื ทท่ี เ่ี หลือของอะตอมเป็นที่
ว่างอิเล็กตรอนเคลื่อนอยู่ในที่ว่างโดยรอบนิวเคลียส ธาตุต่างชนิดกันจะมีจำนวนโปรตอนแตกต่างกัน ดังนั้นจำนวน
โปรตรอนจะบอกชนิดของธาตุ นอกจากนี้แต่ละอะตอมอาจจะมีจำนวนโปรตอนใกล้เคียงหรือเท่ากับจำนวนยนิวตรอน
ได้

ทมี่ า : https://th.taylrrenee.com/images/obrazovanie/shema-stroeniya-atoma-yadro-elektronnaya-
obolochka-primeri.jpg

โปรตอน นิวตรอน และอเิ ลก็ ตรอนมปี ระจแุ ตกตา่ งกัน โดยมีประจไุ ฟฟา้ เปน็ บวก นิวตรอนเปน็ กลางทางไฟฟา้
และอิเล็กตรอนมีประจุไฟฟา้ เป็นลบ อะตอมมจี ำนวนโปรตอนเท่ากบั จำนวนอเิ ลก็ ตรอน ดงั นั้น อะตอมจึงมีจำนวน
อนุภาคท่มี ีประจุไฟฟ้าบวกเท่าจำนวนอนุภาคทมี่ ีประจุไฟฟ้าเป็นลบ ทำใหอ้ ะตอมเป็นกลางทางไฟฟ้า

อนภุ าค (particle) หมายถึง สง่ิ ทีม่ ขี นาดเล็กมาก เช่น อะตอม โมเลกลุ โปรตอน นิวตรอน หรอื อิเลก็ ตรอน
สญั ลักษณ์นิวเคลยี ร์

เลขมวล AZX
เลขอะตอม

เลขอะตอม (Atomic Number, Z) หมายถึง คา่ ตัวเลขแสดงจำนวนโปรตอนในนิวเคลียสเป็นค่าเฉพาะตวั

ของธาตุ

เลขมวล (Mass Number, A) หมายถึง คา่ ตัวเลขแสดงจำนวนโปรตอนรวมกบั นิวตรอนในนวิ เคลยี ส

ตัวอยา่ ง

ประกอบดว้ ย p=8

n=8

e=8

4. สมรรถนะของผู้เรยี น
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
5.1 มวี นิ ัย

5.2 ใฝเ่ รียนรู้
5.3 มงุ่ มัน่ ในการทำงาน
6. ชิน้ งาน/ภาระงาน
6.1 ใบกจิ กรรม เรื่อง วิวัฒนาการแบบจำลองอะตอมสมัยใหม่
7. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
7.1 ด้านความรู้ (K)

7.1.1 อธบิ ายโครงสรา้ งอะตอมท่ปี ระกอบดว้ ยโปรตอน นิวตรอน และอิเลก็ ตรอนได้
7.1.2 บอกจำนวนอนภุ าคมูลฐานของอะตอมจากธาตุ และไอออนได้
7.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
7.2.1 สืบคน้ แบบจำลองโครงสรา้ งอะตอมของธาตไุ ด้
7.2.2 สรา้ งแบบจำลองโครงสรา้ งอะตอมของธาตุได้
7.3 ดา้ นเจตคติ/คณุ ลกั ษณะ (A)
7.3.1 รับผิดชอบและม่งุ ม่ันในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
8. กิจกรรมการเรียนรู้
8.1 ข้ันสร้างความสนใจ (Engagement)(10 นาที)
8.1.1 นักเรียนทบทวนความรเู้ ดมิ เรือ่ ง การจำแนกสารบริสทุ ธ์ิ
8.1.2 นักเรียนฟังครูเล่าเรื่อง ความเป็นมาของอะตอม โครงสร้างอะตอม โดยหนังสือเรียนรายวิชา
พนื้ ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 เล่มท่ี 1 หน้าท่ี 50 และมรี ายละเอยี ดของเร่อื งเล่า ดงั นี้
- มนุษยเ์ ราเต็มไปด้วยความสงสัย บางคนกส็ งสัยว่าเราเกิดมาได้อย่างไร ? แล้วเม่ือ 2,000 ปีที่แล้ว
คนกส็ งสัยวา่ อะไรเปน็ สิง่ ทเี่ ลก็ ท่สี ุดกนั แน่ ต่อมากม็ ีนักปราชญ์ชาวกรีกท่านหนงึ่ บอกว่าส่ิงท่ีเลก็ ทส่ี ดุ นัน้ แปลว่าเป็นส่ิงที่
สามารถแบง่ แยกตอ่ ไปให้เล็กลงอกี ไม่ได้ โดยไม่รดู้ ว้ ยซ้ำวา่ เล็กขนาดไหน เขาได้ตง้ั สิ่งนนั้ วา่ Atomos และชายคนน้ันช่ือ
ว่า Democrttus โดยเขาเปรียบเทียบให้เห็นง่าย ๆ ว่าถ้าเกิดเราทุบก้อนหินให้แตก แล้วทุบไปเรื่อย ๆ จนไม่สามารถ
แบ่งได้อีกแล้ว สิ่งนี้เรียกว่า Atomos ซึ่งเขาเป็นคนเปิดคำถามนี้ขึ้นมา ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันก็จะมีคนหน่ึงออกมาบอก
ว่า สิ่งรอบตัวเกิดจากดิน น้ำ ลม และไฟ เขามีชื่อว่า Aristotle ไม่ว่าทุกคนจะคิดยังไงแต่คนในยุคนั้นเชื่อคำพูด
Aristotle เท่านั้นผา่ นไปอกี 2,000 ปี ความรูเ้ หล่านก้ี ็ได้พัฒนาขึ้น เขา้ สู่ยคุ ของ John Dalton กลา่ วว่าสารทอ่ี ยู่รอบ ๆ
ตัว สามารถแยกออกเป็นอะตอมได้ทำใหเ้ ขาไดเ้ สนอทฤษฎีอะตอม สามารถสรปุ ได้ ดงั น้ี

1. ธาตุต่าง ๆ ประกอบไปดว้ ยอนุภาคเล็ก ๆ จำนวนมากและอนภุ าคเหลา่ นีเ้ รยี กวา่ อะตอม
2. อะตอมของธาตุตา่ ง ๆ มีน้หนกั เฉพาะของอะตอมนั้น ๆ
3. สารประกอบเกิดจากการรวมตัวกันของอะตอมสองชนิดขึ้นไป โดยรวมตัวในอัตราส่วนท่ี
เปน็ เลขลงตวั
4. การเปลยี่ นแปลงทางเคมี ซง่ึ มสี ารใหมเ่ กดิ ขึ้นเกิดจากการเรยี งตวั ใหมข่ องอะตอม
8.1.3 นักเรียนตอบคำถาม ดงั น้ี
- อะตอมคอื อะไร (แนวคำตอบ อะตอมคือหนว่ ยที่เล็กที่สุดของธาตุ )

- เราสามารถมองเหน็ อะตอมด้วยตาเปลา่ ไดห้ รือไม่ เพราะอะไร (แนวคำตอบ ไม่ได้ เพราะอะตอม
มขี นาดเลก็ มากจนไมส่ ามารถมองเหน็ ดว้ ยตาเปล่าหรอื กลอ้ งจลุ ทรรศนแ์ บบใชแ้ สงก็ไม่เหน็

8.2 ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration)
8.2.1 นักเรียนแบ่งกลมุ่ 5 กลุ่ม ๆ ละ 7-8 คน โดยแบ่งตามอธั ยาศัย
8.2.2 นักเรียนทำกิจกรรม วิวัฒนาการแบบจำลองอะตอมสมัยใหม่ โดยให้นักเรียนหาข้อมูล

แบบจำลองอะตอมแต่ละแบบจำลอง ได้แก่ แบบจำลองอะตอมของดาลตัน ทอมสัน รัทเทอร์ฟอร์ด นีลโบร์ และกลุ่ม
หมอก โดยสืบค้นในหนงั สอื หรือในอินเตอร์เน็ตพร้อมเขียนประเด็นสืบค้นลงในกระดาษปรูฟ๊ โดยมีประเด็นการสืบค้น
ดงั น้ี

- ชื่อนกั วทิ ยาศาสตร์ท่แี ตล่ ะกลมุ่ รับผิดชอบ
- วาดรปู แบบจำลองอะตอมของนักวิทยาศาสตร์แตล่ ะกลมุ่ รับผิดชอบ
- นักวิทยาศาสตร์ใช้การทดลองอะไรในการค้นพบแบบจำลอง พร้อมทั้งนักวิทยาศาสตร์คนน้ัน
คน้ พบอะไร
8.3 การอธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)( 20 นาที)
8.3.1 นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ส่งตัวแทนนำเสนอโดยให้ออกมาท้งั กลมุ่ เวลาในการนำเสนอกลุ่มละ 5 นาที
8.3.2 นกั เรยี นและครรู ว่ มกันอภิปรายและลงขอ้ สรุปเรอ่ื ง ววิ ฒั นาการแบบจำลองอะตอมสมัยใหม่
8.3.4 นกั เรยี นฟงั ครูบรรยายเรื่อง โครงสรา้ งอะตอม โดยใชส้ ไลดน์ ำเสนอ เรอ่ื ง โครงสรา้ งอะตอม
- อะตอมของธาตุประกอบด้วยอนุภาคอะไรบ้าง (แนวคำตอบ อะตอมของธาตุประกอบด้วย
โปรตอน นวิ ตรอน และอิเล็กตรอน)
- โปรตอน นวิ ตรอน และอิเลก็ ตรอน มปี ระจไุ ฟฟ้า เหมอื นกนั หรอื แตกตา่ งกันอยา่ งไร (แนวคำตอบ
โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน แตกต่างกัน โดยโปรตอนมีประจุไฟฟ้าเป็นบวก อิเล็กตรอนมีประจุไฟฟ้าเป็นลบ
และนวิ ตรอนเป็นกลางทางไฟฟ้า)
- อะตอมหนึ่งมี 7 โปรตอน 7 นิวตรอน ส่วนอะตอมที่ 2 มี 7 โปรตอน 8 นิวตรอน อะตอมทั้งสอง
นี้เป็นอะตอมของธาตุชนิดเดียวกันหรือไม่ เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ อะตอมทั้งสองเป็นอะตอมของธาตุชนิดเดียวกัน
เพราะมีจำนวนโปรตอนเท่ากนั )
- นิวเคลียสของธาตุแต่ละชนิดมีประจุไฟฟ้ารวมเป็นอยา่ งไร เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ นิวเคลียส
ของธาตุแต่ละชนิดมีประจุไฟฟ้าบวก เนื่องจากประกอบด้วยโปรตอน ซึ่งมีประจุเป็นบวก และนิวตรอนเป็นกลางทาง
ไฟฟ้า เมือ่ อยู่รว่ มกนั แลว้ เป็นบวก)
8.4 การขยายความรู้ (Elaboration)(40 นาที)
8.4.1 นักเรยี นแบ่งกลมุ่ 5 กลุ่ม ๆ ละ 7-8 คน โดยแบ่งตามกิจกรรมก่อนหน้านนั้
8.4.2 นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ทำกจิ กรรม เร่ือง เนือ้ กระทะอะตอม โดยมรี ายละเอยี ดกจิ กรรม ดังนี้
- นักเรียนแตล่ ะกลุม่ ส่งตัวแตม่ าสุม่ หยบิ ไพ่ธาตุกลุ่มละ 1 ใบ ซึ่งในไพ่ธาตุประกอบด้วย สัญลักษณ์
นวิ เคลียร์ จำนวนโปรตอน นิวตรอน และอเิ ลก็ ตรอน ระดบั พลังงานของอเิ ล็กตอน

- ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำกระทะปิ้งย่าง เป็นแบบจำลองของอะตอม ส่วนอนุภาคที่อยู่ภายใน
อะตอมได้แก่ โปรตอนแทนเนื้อกระทะ นิวตรอนแทนไขมันของเนื้อ ส่วนอิเล็กตรอนจะแทนเป็นระดับพลังงาน
อเิ ลก็ ตรอนในอะตอม โดยวงโคจร K (n=1) แทนดว้ ยลกู ชน้ิ , L (n=2) แทนด้วยผักกาดขาว, M (n=3) แทนดว้ ยแครอท
และ N (n=4) แทนดว้ ยผักบงุ้ เปน็ ตน้

- ประกอบอะตอมเสรจ็ เรียบร้อยให้นกั เรยี นช้ีองค์ประกอบแล้วถ่ายรูปลงใน Padlet พร้อมออกมา
นำเสนอและใหก้ ลมุ่ อ่นื ใหค้ ะแนน

8.5 การประเมินผล/สรปุ (Evaluation)(10 นาที)
8.5.1 นักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปสิ่งที่ได้เรียน เรื่อง โครงสร้างอะตอม โดยใช้สไลด์นำเสนอ

เร่อื ง โครงสรา้ งอะตอม
8.5.2 นักเรียนร่วมกันตอบคำถามท้ายบทเรียน เรื่อง โครงสร้างอะตอม โดยใช้แอปพลเิ คชัน kahoot

โดยมีคำถาม ดงั น้ี
9. ส่อื และแหลง่ เรยี นรู้

9.1 หนงั สือเรยี นรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 เล่มท่ี 1
9.2 สไลดน์ ำเสนอ เร่ือง โครงสร้างอะตอม
9.3 แอปพลเิ คชัน Kahoot
10. การวัดและการประเมนิ ผล

การวดั ผลประเมินผล วธิ ีการวดั เครอื่ งมอื วดั เกณฑ์การผ่าน
1. ดา้ นความรู้
1. อธิบายโครงสร้าง - ตรวจใบกจิ กรรม เรอ่ื ง - เกณฑต์ รวจใบกิจกรรม - นักเรยี นสามารถปฏบิ ัติใน
อะตอมท่ีประกอบดว้ ย ววิ ัฒนาการแบบจำลอง
โปรตอน นิวตรอน และ อะตอมสมยั ใหม่ เรอื่ ง ววิ ฒั นาการ ระดบั ดขี ้ึนไป คะแนนอยู่ใน
อเิ ล็กตรอนได้ - ตรวจกจิ กรรม เรื่องเน้ือ
2. บอกจำนวนอนภุ าคมลู กระทะอะตอม แบบจำลองอะตอม ระหวา่ ง 9-12 คะแนน ถือวา่
ฐานของอะตอมจากธาตุ - สังเกตการตอบคำถาม
และไอออนได้ ในช้ันเรยี น สมัยใหม่ ผา่ นเกณฑ์

- เกณฑก์ ารตรวจเร่ืองเนื้อ - นักเรียนสามารถปฏบิ ัตใิ น

กระทะอะตอม ระดบั ดขี ึน้ ไป คะแนนอยู่ใน

- ชุดคำถาม ระหว่าง 9-12 คะแนน ถือวา่

ผา่ นเกณฑ์

- นกั เรยี นสามารถตอบ

คำถามได้ถูกต้องร้อยละ 50

สรุปวา่ ผ่านเกณฑ์

2. ดา้ นทักษะกระบวนการ - เกณฑต์ รวจใบกิจกรรม - นกั เรียนสามารถปฏบิ ัติใน
1. สืบค้นแบบจำลอง - ตรวจใบกิจกรรม เรอ่ื ง
โครงสร้างอะตอมของธาตุ วิวัฒนาการแบบจำลอง เรือ่ ง วิวฒั นาการ ระดบั ดีขึ้นไป คะแนนอยู่ใน
ได้ อะตอมสมัยใหม่

การวดั ผลประเมินผล วิธีการวัด เครอื่ งมอื วัด เกณฑ์การผา่ น
แบบจำลองอะตอม ระหวา่ ง 9-12 คะแนน ถือวา่
2. สร้างแบบจำลอง - ตรวจกิจกรรม เรอ่ื ง สมยั ใหม่ ผา่ นเกณฑ์
- เกณฑก์ ารตรวจเรอ่ื ง - นักเรยี นสามารถปฏบิ ัตใิ น
โครงสรา้ งอะตอมของธาตุ อะตอมรอบ ๆ ตัวฉนั อะตอมรอบ ๆ ตวั ฉนั ระดับดขี ้นึ ไป คะแนนอยใู่ น
ระหวา่ ง 9-12 คะแนน ถือวา่
ได้ ผ่านเกณฑ์

3. ด้านเจตคติ /คุณลักษณะ - แบบสังเกตพฤติกรรม นกั เรยี นสามารถเขา้ รว่ ม
การทำงานกลมุ่ กจิ กรรมกลมุ่ และรบั ผิดชอบ
1. มุ่งม่นั และรบั ผิดชอบ - สงั เกตพฤติกรรมการ งานไดใ้ นระดับดีข้นึ ไป มี
ในการทำงานกลุม่ ที่ได้รบั ทำงานกลุ่ม คะแนนอยู่ระหว่าง 11-15
มอบหมายได้ สรปุ วา่ ผ่านเกณฑ์

11. บันทึกหลังการสอน

ชัน้ ม.1/1 ช้ัน ม.1/2 ชัน้ ม.1/3

ผลการสอน - นักเรียนสามารถอธิบาย - นักเรียนสามารถอธิบาย - นักเรียนสามารถอธิบาย
ปญั หา/
โ ค ร ง ส ร ้ า ง อ ะ ต อ ม ท่ี โ ค ร ง ส ร ้ า ง อ ะ ต อ ม ที่ โ ค ร ง ส ร ้ า ง อ ะ ต อ ม ที่

ประกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน ประกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน ประกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน

และอิเล็กตรอนได้ บอกจำนวน และอิเล็กตรอนได้ บอกจำนวน และอิเล็กตรอนได้ บอกจำนวน

อนุภาคมูลฐานของอะตอมจาก อนุภาคมูลฐานของอะตอมจาก อนุภาคมูลฐานของอะตอมจาก

ธาตุ และไอออนได้ถูกต้อง คิด ธาตุ และไอออนได้ถูกต้อง คิด ธาตุ และไอออนได้ถูกต้อง คิด

เปน็ ร้อยละ 100 เปน็ ร้อยละ 100 เปน็ รอ้ ยละ 100

- นักเรียนสืบค้นแบบจำลอง - นักเรียนสืบค้นแบบจำลอง - นักเรียนสืบค้นแบบจำลอง

โครงสร้างอะตอมของธาตุได้ โครงสร้างอะตอมของธาตุได้ โครงสร้างอะตอมของธาตุได้

และสร้างแบบจำลองโครงสร้าง และสร้างแบบจำลองโครงสร้าง และสร้างแบบจำลองโครงสร้าง

อะตอมของธาตุได้ถูกต้อง คิด อะตอมของธาตุได้ถูกต้อง คิด อะตอมของธาตุได้ถูกต้อง คิด

เป็นร้อยละ 100 หลังจากนั้น เป็นร้อยละ 100 หลังจากน้ัน เป็นร้อยละ 100 หลังจากน้ัน

นำมานำเสนอดีได้ดีมาก และ นำมานำเสนอดีได้ดีมาก และ นำมานำเสนอดีได้ดีมาก และ

สามารถตอบคำถามจากสิ่งที่ สามารถตอบคำถามจากสิ่งที่ สามารถตอบคำถามจากสิ่งท่ี

ตวั เองเสนอไดด้ ี ตัวเองเสนอได้ดี ตัวเองเสนอไดด้ ี

- นักเรียนมีความกระตือรือร้น - นักเรียนมีความกระตือรือร้น - นักเรียนมีความกระตือรือร้น

ในการทำกิจกรรมกลุ่ม สามารถ ในการทำกจิ กรรมกลุ่ม สามารถ ในการทำกิจกรรมกลุ่ม สามารถ

ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมี ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมี ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมี

ความรับผิดชอบต่องานที่ได้ ความรับผิดชอบต่องานที่ได้ ความรับผิดชอบต่องานที่ได้

มอบหมายไว้ คิดเป็นร้อยละ มอบหมายไว้ คิดเป็นร้อยละ มอบหมายไว้ คิดเป็นร้อยละ

100 100 100

---

อุปสรรค

ขอ้ เสนอแนะ - - -

/แนว

ทางแกไ้ ข

บันทกึ สำหรบั อาจารย์พเี่ ลยี้ ง
............................................................................................................................. ...............................................................
.................................................................... .......................................................................................................... ..............
............................................................................................................................. ...............................................................
.................................................................... ............................................................................................ ............................

ลงช่อื ......c........f....u........t....n..................ผ้สู อน ลงชอ่ื ............................................................
(อาจารย์นวินดา คงภักดี)
(นายอาซอื มัน รูเดง็ ) อาจารย์พ่ีเล้ยี ง
นักศึกษาปฏบิ ตั ิการสอน
วนั ที่ 27 เดือนมิถนุ ายน พ.ศ. 2565 วนั ท่ี 27 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565

แบบบนั ทกึ การให้คะแนนใบกิจกรรม เรื่อง วิวฒั นาการแบบจำลองอะตอมสมัยใหม่

ช้ัน มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 หอ้ ง……..

คำช้แี จง : ใหท้ ำเคร่ืองหมาย  ลงในช่องรายการประเมินใบกจิ กรรม เรื่อง ววิ ัฒนาการแบบจำลองอะตอมสมยั ใหม่

ตรงกับระดับคะแนนท่ีนักเรียนปฏบิ ตั ไิ ด้

พฤติกรรม
ความถูกต้อง ความ ความตง้ั ใจใน การนำเสนอ รวม
ลำ ชอื่ -สกุล ของเนื้อหา สร้างสรรค์ การทำงาน
ดับที่ 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16
1. 1
2. 2
3. 3
4. 4
5. 5
6.
7.
8.
9.
10.
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
19.
20.
21.
22.
23.
24.

พฤติกรรม
ความถูกตอ้ ง ความ ความตงั้ ใจใน การนำเสนอ รวม
ลำ ชอื่ -สกุล ของเนอ้ื หา สรา้ งสรรค์ การทำงาน
ดับที่ 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16
25.
26.
27.
28.
29.
30.
31.
32.
33.
34.
35.
36.
37.
38.
39.

เกณฑ์การให้คะแนนระดบั คณุ ภาพ
13-16 อยู่ในระดบั ดมี าก
9-12 อยู่ในระดบั ดี
5-8 อย่ใู นระดบั พอใช้
1-4 อยู่ในระดบั ปรับปรุง

*หมายเหตุ : นักเรยี นสามารถปฏบิ ัติในระดบั ดีขนึ้ ไป คะแนนอยใู่ นระหวา่ ง 9-12 คะแนน ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
ลงช่ือ...........................................ผสู้ ังเกต
(...............................................................)
........../.........../...........

รายละเอียดการให้คะแนนใบกจิ กรรมเรื่อง วิวัฒนาการแบบจำลองอะตอมสมัยใหม่

ประเดน็ การประเมิน 4 เกณฑก์ ารให้คะแนน 1
ดมี าก 32 ปรับปรุง
1. ความถกู ต้องของ เนือ้ หาถูกตอ้ งครบถ้วน ดี พอใช้ เนอื้ หาผดิ พลาด
เนื้อหา เน้อื หาครบถ้วนมี เนื้อหาไม่ครบถ้วน ต้องบอกให้แก้ไข
2. ความคิดสรา้ งสรรค์ รูปแบบแปลกใหม่ ผิดพลาดเลก็ น้อย ผิดพลาดเลก็ น้อย เลยี นแบบ
มีความแปลกใหม่ ไม่ค่อยแปลกใหม่

3. ความตงั้ ใจในการ พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั ิ พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัติ พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิ พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ตั ิ
ทำงาน ชัดเจนทกุ ครงั้ ชดั เจนและสมำ่ เสมอ ชัดเจนและ บางคร้งั
บ่อยครง้ั
4. การนำเสนอ เม่ือนำเสนอถกู ตอ้ ง เมือ่ นำเสนอถูกต้อง เม่ือนำเสนอไม่ เม่อื นำเสนอ
ครบถ้วน เน้นประเด็น ครบถ้วน ประเด็น ผดิ พลาดมาก
สำคัญไม่ชดั เจน ค่อยถูกต้อง ไม่มี
สำคญั ประเด็นชัดเจน

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุม่
รายวชิ า ว 21101 วทิ ยาศาสตร์ ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ห้อง………ภาคเรยี น……………..ปกี ารศกึ ษา………

กลุ่มท…ี่ …………ชอ่ื กลมุ่ ……………
คำช้แี จง : สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นรายกลุม่ ในระหว่างเรียนแล้วทำเครื่องหมาย ✓ ลงช่องทตี่ รงกบั ระดับ
คะแนนท่ีนกั เรียนปฏบิ ัติได้

พฤตกิ รรม รวม

ความ การแสดง การรบั ฟงั ความต้งั ใจ การมสี ว่ น

ลำ ชอื่ -สกลุ รว่ มมอื ความ ความ ในการ รว่ มในการ
ดบั ที่ สมาชิกกล่มุ
คิดเหน็ คดิ เหน็ ทำงาน อภิปราย
1. 1
2. 2 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20
3. 3
4. 4
5. 5
6. 6
7. 7
8. 8
9. 9
10. 0
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.

พฤติกรรม รวม

ความ การแสดง การรบั ฟงั ความตั้งใจ การมีส่วน

ลำ ช่อื -สกลุ รว่ มมอื ความ ความ ในการ ร่วมในการ
ดบั ที่ สมาชิกกลมุ่
คิดเหน็ คิดเหน็ ทำงาน อภปิ ราย
18.
19. 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20
20.
21.
22.
23.
24.
25.
26.
27.
28.
29.
30.
31.
32.
33.
34.
35.
36.
37.
38.
39.

เกณฑ์การให้คะแนนระดับคุณภาพ
16-20 อยู่ในระดับ ดมี าก
11-15 อยู่ในระดับ ดี
6-10 อยใู่ นระดับ พอใช้
1-5 อยใู่ นระดับ ปรับปรุง

*หมายเหตุ : นกั เรียนสามารถปฏบิ ัติในระดับดีขึน้ ไป คะแนนอยู่ระหวา่ ง 11-15 คะแนน ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์

ลงช่ือ ........................................ ผ้ปู ระเมนิ
(…………………………………….……)

รายละเอยี ดการให้คะแนนการเขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ

ประเดน็ การประเมิน 4 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1
ดมี าก 32 ปรับปรุง
1. ความรว่ มมอื พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติ ดี พอใช้ พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ
ชดั เจนทุกครง้ั พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ิ บางคร้ัง
2. การแสดงความ ชดั เจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ
คดิ เห็น พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั ิ พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ
ชดั เจนทกุ คร้ัง บ่อยคร้งั บางครั้ง
3. การรบั ฟังความ พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัติ พฤติกรรมทปี่ ฏิบัติ
คดิ เหน็ พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัติ ชดั เจนและสมำ่ เสมอ ชัดเจนและ พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิ
ชัดเจนทกุ ครง้ั บางคร้งั
4. ความตัง้ ใจในการ บ่อยครั้ง
ทำงาน พฤติกรรมที่ปฏบิ ัติ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติ พฤติกรรมที่ปฏิบัติ พฤติกรรมที่ปฏิบัติ
ชดั เจนทุกครั้ง ชดั เจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ บางครัง้
5. การมีสว่ นร่วมใน
การอภิปราย พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั ิ บอ่ ยครง้ั พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิ
ชัดเจนทกุ ครงั้ พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ตั ิ พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิ บางครั้ง
ชดั เจนและสมำ่ เสมอ ชัดเจนและ

บอ่ ยครั้ง
พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิ พฤติกรรมท่ีปฏิบัติ
ชัดเจนและสมำ่ เสมอ ชัดเจนและ

บอ่ ยครง้ั


Click to View FlipBook Version