แบบประเมินสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 4 ด้าน
ชอ่ื ..............................................................นามสกลุ .................................................... .ชน้ั ......……..เลขที.่ ....
คำช้แี จง : ให้สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียน แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งท่ตี รงกับระดบั คะแนน
สมรรถนะสำคัญที่ประเมิน ระดบั คะแนน สรปุ
432 1 ผล
1. ความสามารถในการส่ือสาร
1.1 มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคดิ
ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม
1.2 ใช้วิธกี ารสอื่ สารท่เี หมาะสม
1.3 วิเคราะห์แสดงความคดิ เหน็ อยา่ งมีเหตุผล
สรุปผลการประเมิน
2. ความสามารถในการคดิ
2.1 มคี วามสามารถในการคิดวเิ คราะห์ สังเคราะห์
2.2 มที กั ษะในการคิดนอกกรอบอย่างสรา้ งสรรค์
2.3 มีความสามารถในการคิดอย่างมรี ะบบ
สรปุ ผลการประเมนิ
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
3.1 สามารถแกป้ ญั หาและอปุ สรรคต่าง ๆ ที่เผชญิ ได้
3.2 ใชเ้ หตผุ ลในการแก้ปญั หา
3.3 สามารถตดั สนิ ใจไดเ้ หมาะสมตามวยั
4 . ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
4.1 มีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี
4.2 สามารถนำเทคโนโลยีไปใช้พฒั นาตนเอง
4.3 มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรมในการใชเท้ คโนโลยี
สรุปผลการประเมิน
สรปุ ผลการประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงคร์ ายบคุ คล
ดีมาก ดี ปานกลาง ตอ้ งปรับปรุง
ลงช่อื ........................................ ผู้ประเมนิ
(…………………………………….……)
แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์
ชอ่ื ................................................................ชั้น....................เลขที.่ ...................
คำชี้แจง : ให้สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องทตี่ รงกบั ระดบั
คะแนน
คณุ ลกั ษณะอนั พงึ รายการท่ีประเมนิ ระดับคะแนน
ประสงค์ 321
1. มวี นิ ัย 1.1 ตรงตอ่ เวลา
1.2 ปฏิบัตงิ านเรยี บรอ้ ยเหมาะสม
1.3 ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง
2. ใฝเ่ รยี นรู้ 2.1 กระตือรือรน้ ในการแสวงหาขอ้ มลู
2.2 มกี ารจดบันทึกความรู้
2.3 สรปุ ความรไู้ ดอ้ ยา่ งมีเหตุผล
3. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน 3.1 มคี วามต้งั ใจและพยายามในการทำงานทไี่ ด้รับมอบหมาย
3.2 มีความอดทนและไม่ย่อทอ้ ต่ออุปสรรคเพื่อให้งานสำเร็จ
เกณฑก์ ารให้คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชดั เจนและสม่ำเสมอ
- พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัตชิ ดั เจนและบ่อยครงั้
- พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิบางครง้ั
เกณฑ์การให้คะแนนระดบั คณุ ภาพ
18-24 อย่ใู นระดับ ดีมาก
13-18 อยู่ในระดบั ดี
7-12 อยใู่ นระดบั ปานกลาง
1-6 อย่ใู นระดับ ปรบั ปรุง
ลงช่ือ..........................................ผปู้ ระเมนิ
(..........................................)
วิวฒั นาการแบบจำลองอะตอมสมัยใหม่
- ชอื่ นักวทิ ยาศาสตร์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- วาดรปู แบบจำลองอะตอมของนกั วทิ ยาศาสตร์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- นักวิทยาศาสตร์ใช้การทดลองอะไรในการค้นพบแบบจำลอง พร้อมทั้งนักวิทยาศาสตร์คนนั้นค้นพบ
อะไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 8
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 สารบริสทุ ธ์ิ
รหสั วิชา ว 21101 วิทยาศาสตร์ กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั
บทท่ี 2 มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565
เรอื่ ง
ผูส้ อน การจำแนกและองค์ประกอบของสารบริสทุ ธ์ิ
การจำแนกธาตุและการใชป้ ระโยชน์ จำนวน 3 คาบ
ปส. อาซอื มนั รเู ดง็ อาจารยพ์ ี่เล้ียง อาจารย์นวนิ ดา คงภกั ดี
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่าสมบัติของสสารกับ
โครงสร้างและแรงยึดหน่วยระหว่าอนุภาค หลักธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง สถานะของสสาร การเกิดสารละลาย
และปฏกิ ริ ิยาเคมี
ตวั ชีว้ ัด
ว 2.1 ม. 1/1 อธิบายสมบัติทางกายภาพบางประการของธาตุโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ โดยใช้หลักฐานเชิง
ประจักษ์ที่ไดจ้ ากการสงั เกตและการทดสอบ และใชส้ ารสรเทศท่ีได้จากแหลง่ ข้อมูลตา่ ง ๆ รวมท้ังจัดกลุม่ ต่าง ๆ รวมทั้ง
จดั กลุ่มธาตุเป็นโลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะ
ว 2.1 ม. 1/2 วิเคราะห์ผลจากการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ และธาตุกัมมันตรังสีที่มีต่อสิ่งมีชีวิต
สง่ิ แวดล้อม เศรษฐกิจและสังคม จากข้อมลู ที่รวบรวมได้
ว 2.1 ม. 1/3 ตระหนักถึงคุณค่าของการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ ธาตุกัมตรังสี โดยเสนอแนวทางการใช้
ธาตุอย่างปลอดภยั คุ้มค่า
2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
ธาตุแต่ละชนิดมีสมบัติเฉพาะตัวและมีสมบัติทางกายภาพบางประการเหมือนกัน และบางประการต่างกันซึ่ง
สามารถนำมาจัดกลุ่มธาตุเป็นโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ ธาตุโลหะมีจุดเดือดจุดหลอมเหลวสูง มีผิวมันวาว นำความ
ร้อนและนำไฟฟ้า ดงึ เปน็ เส้นหรอื ตีเป็นแผ่นบาง ๆ ได้ ธาตอุ โลหะมีจดุ เดอื ดจดุ หลอมเหลวต่ำ ไม่นำความรอ้ นและไฟฟ้า
เปราะแตกหักง่าย ธาตกุ งึ่ โลหะมีสมบัตบิ างประการเหมอื นโลหะ และบางประการเหมอื นอโลหะ ธาตบุ างชนดิ ทสี่ ามารถ
แผร่ ังสไี ดจ้ ดั เป็นธาตกุ ัมมันตรงั สี
ธาตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ และธาตุกัมมันตรังสีใช้ประโยชน์ได้ในด้านต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมการเกษตร
การแพทย์ ธาตุบางชนิดอาจเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ควรคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต สิ่งแวดล้อม
เศรษฐกจิ และสังคม
3. สาระการเรยี นรู้
สมบัติของสาร คอื ลกั ษณะเฉพาะของตวั สารแต่ละชนดิ แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คือ
1. สมบัติทางกายภาพ เป็นสมบัติที่สังเกตได้ง่ายจากลักษณะภายนอก เช่น สี กลิ่น รส สถานะ การนำความ
ร้อน การนำไฟฟ้า จุดเดือด จุดหลอมเหลว ความหนาแน่น การละลาย ลักษณะผลึก เมื่อตรวจสมบัติของสารเหล่านี้
แลว้ พบว่าองค์ประกอบทางเคมขี องสารดังกล่าวไมเ่ ปล่ยี นแปลง
2. สมบัติทางเคมี เป็นสมบัติที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเคมี เช่น การเกิดสนิม การเผาไหม้ การเกิด
สารใหม่ ความเปน็ กรด-เบสของสารละลาย เมือ่ ศกึ ษาองค์ประกอบของสารพบวา่ จะเปล่ียนไป
ธาตุ (Element) หมายถึง สารบริสุทธิ์เนื้อเดียวที่มีองค์ประกอบอะตอมของธาตุชนิดเดียว ธาตุไม่สามารถมา
แยกสลายให้กลายเป็นสารอื่นโดยวิธีทางเคมี แต่อาจจะแยกออกโดยวิธีทางนิวเคลียร์ ธาตุเป็นองค์ประกอบหลักของ
สารทกุ ชนิด ปจั จุบนั มกี ารค้นพบแล้ว 118 ชนดิ เป็นธาตุท่ีมอี ยู่ในธรรมชาติ 89 ธาตุทเี่ หลือเปน็ ธาตุที่สังเคราะห์ข้ึน
ในภาวะปกติ ธาตุบางชนิดดำรงอยู่สถานะของแข็ง บางชนิดของเหลว และบางชนิดเป็นแก๊ส เราสามารถแบ่ง
สมบัติของธาตุท้ังหมดออกไดเ้ ป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ ธาตุโลหะ ธาตอุ โลหะ และธาตกุ ่งึ โลหะ
1. ธาตุโลหะ (metal) เป็นธาตุที่มีสถานะของแข็ง (ยกเว้นปรอทที่เปน็ ของเหลว) มีผิวที่มันวาว นำความร้อน
นำไฟฟ้าได้ดี มีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูง (ช่วงอุณหภูมิระหว่างจุดเดือดและจุดหลอมเหลวต่างกันมาก) เช่น
โซเดียม เหล็ก โลหะ เชน่ ออกซเิ จน กำมะถนั ฟอสฟอรัส เป็นต้น
2. ธาตุอโลหะ (non-metal) เป็นกลุ่มธาตุที่มีสมบัติไม่นำไฟฟ้า มีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดต่ำ เปราะบาง
และมีการแปรผนั ทางด้านคุณสมบตั ทิ างกายภาพมากกวา่ โลหะ เช่น ออกซเิ จน กำมะถนั ฟอสฟอรสั เป็นต้น
3. ธาตุกึ่งโลหะ (metalloid) เป็นกลุ่มที่มีสมบัติก้ำกึ่งระหว่างโลหะและอโลหะ เช่น ธาตุซิลิคอน และ
เจอเมเนยี ม มสี มบตั บิ างประการคล้ายโลหะ เชน่ นำไฟฟ้าได้มากข้ึนเมื่ออุณหภูมิเพ่ิมขึ้น เป็นของแขง็ เป็นมันวาวสีเงิน
จุดเดอื ดสูง แต่เปราะแตกง่ายคลา้ ยอโลหะ
ธาตุกัมมันตรงั สี (Radioactive element) คือ ธาตุท่ีมสี มบตั ิในการแผร่ ังสี สามารถแผ่รงั สแี ละกลายเป็นอะตอมธาตุ
อื่นได้ ตัวอย่างธาตุกัมมันตรังสี เช่น ยูเรเนียม (U) เรเดียม (Ra) โคบอลต์-60 (Co-60) ไอโอดีน-131 (I-131)
คาร์บอน-14 (C-14) การที่ธาตสุ ามารถแผ่รงั สอี อกมาอยา่ งต่อเนอื่ ง เรยี กว่า กัมมันตรงั สี (Radioactivity)
ประโยชนข์ องธาตุกมั มนั ตรังสี
1. ด้านการแพทย์ ใช้ Co-60, Ra-226 รกั ษาโรคมะเร็ง ใช้ I-131 ตรวจความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ Na-24
ศกึ ษาการหมนุ เวียนเลือดในรา่ งกาย Tc-99 (เทคนเี ซยี ม-99) ใช้ในการวินจิ ฉยั โรคเกี่ยวกบั อวยั วะตา่ ง ๆ เช่น หวั ใจ ปอด
2. ด้านเกษตรกรรม ใช้ Co-60 ในการถนอมอาหาร เนื่องจากสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ใน
อาหารได้
3. ดา้ นพลงั งาน ใช้ U-238 เป็นเชื้อเพลงิ ในโรงงานไฟฟา้ นวิ เคลยี ร์
4. ดา้ นธรณีวทิ ยา ใช้ C-14 ในการหาอยุของวัตถโุ บราณ
5. ด้านอุตสาหกรรม ใช้รังสีตรวจหารอยรั่วของท่อส่งน้ำมัน ใช้ในการฉายรังสีเพื่อเพิ่มความสวยงามของอัญ
มณี
โทษของกมั มนั ตรงั สี
ทำให้โมเลกุลภายในเซลล์เกิดการเปลย่ี นแปลง ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
4. สมรรถนะของผเู้ รียน
4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร
4.2 ความสามารถในการคิด
4.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4.4 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
5.1 มวี นิ ยั
5.2 ใฝ่เรียนรู้
5.3 ม่งุ มนั่ ในการทำงาน
6. ชนิ้ งาน/ภาระงาน
6.1 ใบกจิ กรรมท่ี 2.6 เราจำแนกธาตไุ ดอ้ ย่างไร
6.2 Infographics เร่ือง การใชธ้ าตุมีผลอย่างไรบ้าง
7. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
7.1 ดา้ นความรู้ (K)
7.1.1 อธบิ ายสมบตั ิทางกายภาพบางประการของธาตโุ ลหะ อโลหะและกึ่งโลหะได้
7.1.2 สามารถจำแนกธาตโุ ลหะ อโลหะและก่งึ โลหะได้
7.1.3 วิเคราะห์และสรปุ ผลจากการใช้ธาตโุ ลหะ อโลหะ กึง่ โลหะ และธาตุกมั มนั ตรงั สีได้
7.2 ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
7.2.1 สืบคน้ การจำแนกธาตุโลหะ อโลหะและกง่ึ โลหะได้
7.2.2 นำเสนอแนวทางการใช้ธาตุอย่างปลอดภยั คุ้มคา่
7.3 ดา้ นเจตคต/ิ คุณลกั ษณะ (A)
7.3.1 ตระหนกั ถึงประโยชน์ของธาตุโลหะ อโลหะ กึง่ โลหะ และกมั มันตรังสี
7.3.2 มงุ่ มั่นและรบั ผิดชอบในการทำงานกลมุ่ ท่ีได้รับมอบหมายได้
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
8.1 ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement)(10 นาที)
8.1.1 นักเรียนดูภาพสายไฟทองแดง และสายไฟอะลูมิเนียม โดยใช้หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 เลม่ ท่ี 1 หนา้ 53
ภาพ สายไฟทองแดงและอะลูมเิ นยี ม
ทีม่ า : หนงั สอื เรียนรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 เล่มที่ 1 หน้า 53
8.1.2 นักเรียนตอบคำถามดังตอ่ ไปนี้
- นกั เรียนคิดว่าความหนาแน่นของธาตุทองแดง และธาตุอะลมู ิเนยี มมีความหนาแนน่
เหมอื นกันหรือแตกต่างกนั หรือไม่ อย่างไร (แนวคำตอบ มีความหนาแน่นตา่ งกนั เพราะเปน็ ธาตุชนิดต่างกัน)
- นกั เรียนคดิ วา่ สมบัติของธาตุทั้งสองชนิดแตกตา่ งกนั หรอื ไม่ (แนวคำตอบ ธาตทุ ้ังสองมี
สมบตั ิใกลเ้ คยี งกันคือการนำไฟฟา้ ความแข็งแรง และความเหนยี ว)
- สมบัติทางกายภาพ คืออะไร (แนวคำตอบ เป็นสมบัตทิ ส่ี งั เกตไดง้ ่ายจากลักษณะภายนอก
เช่น สีกลิ่น รส สถานะ การนำความร้อน การนำไฟฟ้า จุดเดือด จุดหลอมเหลว ความหนาแน่น การละลาย ลักษณะ
ผลกึ เมือ่ ตรวจสมบัติของสารเหลา่ นแ้ี ล้ว พบวา่ องค์ประกอบทางเคมีของสารดังกล่าวไม่เปลีย่ นแปลง)
- สมตั ิทางเคมี คอื อะไร (แนวคำตอบ เป็นสมบัตทิ ่ีเก่ียวข้องกบั การเปลี่ยนแปลงทางเคมี เชน่
การเกดิ สนิม การเผาไหม้ การเกิดสารใหม่ ความเป็นกรด-เบสของสารละลาย เมื่อศกึ ษาองค์ประกอบของสารพบว่าจะ
เปลี่ยนไป)
8.2 ข้ันสำรวจและคน้ หา (Exploration) (10 นาท)ี
8.2.1 นักเรยี นศึกษาสไลดน์ ำเสนอเรอื่ ง การจำแนกธาตุและการใช้ประโยชน์
8.2.2 นกั เรียนสบื คน้ ลักษณะทางกายภาพของธาตุ ได้แก่ ความมนั วาว ความเหนียว และตรวจสอบ
สมบัติการนำไฟฟ้า การนำความร้อนของธาตุตัวอย่าง เช่น อะลูมิเนียม เหล็ก ทองแดง สังกะสี กำมะถัน ถ่านไม้ โดย
สืบค้นในอนิ ทอรเ์ นต็ และตอบคำถามดังน้ี
- ธาตุจำแนกได้อย่างไร ใช้สมบัติใดบ้างเป็นเกณฑ์ในการจำแนก (ธาตุสามารถจำแนกได้เป็น
โลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ โดยใช้สมบัติทางกายภาพ ได้แก่ ความมันวาว ความเหนียว และตรวจสอบสมบัติการนำ
ไฟฟ้า การนำความรอ้ น นอกจากน้ีสามารถจำแนกธาตุกมั มนั ตรงั สี โดยใช้สมบัตกิ ารแผ่รงั สเี ปน็ เกณฑ)์
8.2.3 นักเรียนแบ่งกลุ่ม 6 กลุ่ม ๆ ละ 6-7 คน โดยใช้การสุ่มเลขที่ของนักเรียน และนักเรียนทำ
กิจกรรมที่ 2.6 เราจำแนกธาตุได้อย่างไร โดยที่ครูจะนำตัวอย่างของธาตุจากที่นักเรียนสืบค้นมาเป็นตัวอย่างในการทำ
กิจกรรม
8.3 การอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)(20 นาที)
8.3.1 นักเรียนสรุปผลจากการทำกิจกรรมที่ 2.6 เราจำแนกธาตุได้อย่างไร โดยการสุ่มตัวแทนตอบ
คำถาม
8.3.2 นกั เรียนสามารถสรุป โดยใช้แผนผงั ได้ดังน้ี
- ในภาวะปกติ ธาตุบางชนิดดำรงอยู่ในสถานะของแข็ง บางชนิดของเหลว และบางชนิดเป็น
แก๊ส เราสามารถแบ่งสมบตั ิของธาตทุ ้ังหมดออกเป็น 3 กลมุ่ คอื ธาตุโลหะ ธาตุอโลหะ และธาตกุ ึง่ โลหะ
8.4 การขยายความรู้ (Elaboration)(40 นาที)
8.4.1 นักเรียนศึกษาต่อไปว่า นอกจากจำแนกธาตุโดยใชส้ มบัติทางกายภาพแล้วยังสามารถจำแนก
โดยใช้สมบัติการแผ่รังสีเป็นเกณฑ์ได้อีกด้วย ธาตุโลหะ อโลหะ หรือกึ่งโลหะบางชนิดสามารถแผ่รังสีได้ ธาตุเหล่าน้ี
เรยี กวา่ ธาตุกัมตรังสี (radioactive element) โดยใชสไลดน์ ำเสนอเรอ่ื ง การจำแนกธาตุและการใช้ประโยชน์
8.4.2 นกั เรียนแบง่ กลุ่ม 6 กลุ่ม ๆ ละ 6-7 คน โดยใชก้ ารสมุ่ เลขทขี่ องนกั เรยี น
8.4.3 นกั เรียนทำกจิ กรรมเร่ือง การใช้ธาตุมผี ลอยา่ งไรบา้ ง โดยทำในรูปแบบ Infographic นักเรียน
สามารถใช้โปรแกรมในการออกแบบ infographic อย่างเช่น PowerPoint Canva Photoshop เป็นต้น จำนวน 1
หนา้ กระดาษขนาด A4 โดยมหี วั ขอ้ ดงั ต่อไปน้ี
- ให้นักเรียนค้นหาธาตกุ ัมมันตรังสีกลุม่ ละ 3 ธาตุพร้อมระบุสญั ลักษณ์ของธาตุกมั มันตรังสี(แต่
ละกล่มุ ค้นหาธาตุห้ามซ้ำกนั )
- ให้นักเรียนบอกการประโยชน์ของธาตุกัมมันตรังสีที่นักเรีนสืบค้นทั้ง 3 ธาตุพร้อมระบุ
ประโยชนใ์ นดา้ นต่าง ๆ เช่น ด้านการแพทย์ ด้านการเกษตร เป็นตน้
- ให้นกั เรียนบอกโทษของธาตุกมั มันตรงั สี โดยรวมว่ามโี ทษอันตรายถึงข้นั ใด
- สง่ infographic เรื่อง การใชธ้ าตุมีผลอยา่ งไรบ้าง
ตัวอย่าง infographic
8.5 การประเมินผล/สรปุ (Evaluation)(10 นาที)
8.5.1 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปบทเรียนเรื่อง การจำแนกธาตุและการใช้ประโยชน์ โดยใช้สไลด์
นำเสนอ เรอ่ื ง การจำแนกธาตุและการใช้ประโยชน์
8.5.2 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปองค์ความรู้ในบทเรียนการจำแนกและองค์ประกอบของสาร
บริสุทธ์ิ โดยใช้ผังมโนทัศน์ เรอื่ ง การจำแนกและองคป์ ระกอบของสารบริสทุ ธิ์
8.5.3 นกั เรียนทำแบบทดสอบทา้ ยหน่วยที่ 2 เร่ือง สารบรสิ ุทธ์ิ
9. สอื่ และแหลง่ เรยี นรู้
9.1 หนงั สือเรยี นรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 เล่มท่ี 1
9.2 สไลดน์ ำเสนอ เรอ่ื ง การจำแนกธาตแุ ละการใช้ประโยชน์
9.3 ผงั มโนทศั น์ เรื่อง การจำแนกและองค์ประกอบของสารบริสทุ ธ์ิ
10. การวัดและการประเมินผล
การวัดผลประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั เครอ่ื งมอื วัด เกณฑ์การผ่าน
1. ด้านความรู้
1. อ ธ ิ บ า ย ส ม บ ั ต ิ ท า ง - ตรวจใบกจิ กรรม 2.6 - เกณฑต์ รวจใบกจิ กรรม - นักเรียนสามารถปฏบิ ัตใิ น
2.6 เรอื่ ง เราจำแนกธาตุ ระดบั ดขี ึน้ ไป คะแนนอยใู่ น
กายภาพบางประการของ เร่ือง เราจำแนกธาตุได้ ไดอ้ ยา่ งไร ระหวา่ ง 9-12 คะแนน ถือวา่
- เกณฑ์ Infographics ผ่านเกณฑ์
ธาตุโลหะ อโลหะและกึ่ง อยา่ งไร เรอ่ื ง การใช้ธาตุมีผล - นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ิใน
อยา่ งไรบ้าง ระดับดีขน้ึ ไป คะแนนอยู่ใน
โลหะได้ - ตรวจ Infographics - ชดุ คำถาม ระหวา่ ง 9-12 คะแนน ถือวา่
ผา่ นเกณฑ์
2. สามารถจำแนกธาตุ เร่ือง การใช้ธาตุมีผล
โลหะ อโลหะและกึ่งโลหะ อยา่ งไรบ้าง
ได้ - สังเกตการตอบคำถาม
ในช้ันเรยี น
การวัดผลประเมินผล วธิ กี ารวดั เครื่องมอื วัด เกณฑ์การผา่ น
3. วิเคราะห์และสรุปผล - นกั เรยี นสามารถตอบ
จากการใช้ธาตุโลหะ คำถามได้ถูกต้องรอ้ ยละ 50
อโลหะ กึ่งโลหะ และธาตุ สรปุ ว่าผา่ นเกณฑ์
กัมมนั ตรงั สีได้
2. ด้านทักษะกระบวนการ - เกณฑต์ รวจใบกจิ กรรม - นกั เรียนสามารถปฏบิ ัติใน
1. สืบค้นการจำแนกธาตุ - ตรวจใบกิจกรรม 2.6 2.6 เร่ือง เราจำแนกธาตุ ระดบั ดีขึ้นไป คะแนนอยใู่ น
โลหะ อโลหะและกึ่งโลหะ เร่ือง เราจำแนกธาตุได้ ไดอ้ ย่างไร ระหว่าง 9-12 คะแนน ถือวา่
ได้ อย่างไร - เกณฑ์ Infographics ผ่านเกณฑ์
2. นำเสนอแนวทางการใช้ - ตรวจ Infographics เรอ่ื ง การใช้ธาตุมีผล - นักเรียนสามารถปฏิบัตใิ น
ธาตอุ ย่างปลอดภัย คุ้มคา่ เรือ่ ง การใชธ้ าตุมผี ล อยา่ งไรบ้าง ระดบั ดีข้ึนไป คะแนนอยูใ่ น
ระหว่าง 9-12 คะแนน ถือวา่
อยา่ งไรบ้าง ผา่ นเกณฑ์
3. ด้านเจตคติ /คณุ ลักษณะ - เกณฑ์ Infographics - นักเรียนสามารถปฏบิ ัตใิ น
1. ตระหนักถึงประโยชน์ - ตรวจ Infographics เร่อื ง การใชธ้ าตมุ ผี ล ระดับดีขึ้นไป คะแนนอยใู่ น
ของธาตุโลหะ อโลหะ กึ่ง เรื่อง การใช้ธาตมุ ผี ล อยา่ งไรบ้าง ระหว่าง 9-12 คะแนน ถือว่า
โลหะ และกมั มนั ตรงั สี อยา่ งไรบ้าง - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑ์
2. ม่งุ มั่นและรับผิดชอบ - สงั เกตพฤติกรรมการ การทำงานกลุ่ม - นักเรยี นสามารถเข้ารว่ ม
ในการทำงานกลุ่มทีไ่ ดร้ บั ทำงานกลุ่ม กจิ กรรมกลุม่ และรบั ผดิ ชอบ
มอบหมายได้ งานได้ในระดับดีข้นึ ไป มี
คะแนนอยู่ระหวา่ ง 11-15
สรปุ วา่ ผ่านเกณฑ์
11. บันทกึ หลงั การสอน
ช้นั ม.1/1 ช้นั ม.1/2 ชน้ั ม.1/3
ผลการสอน - นักเรียนอธิบายและจำแนก - นักเรียนอธิบายและจำแนก - นักเรียนอธิบายและจำแนก
ปญั หา/ สมบัติทางกายภาพบางประการ สมบัติทางกายภาพบางประการ สมบัติทางกายภาพบางประการ
อุปสรรค
ของธาตุโลหะ อโลหะและกึ่ง ของธาตุโลหะ อโลหะและก่ึง ของธาตุโลหะ อโลหะและกึ่ง
โลหะได้ถูกต้อง คิดเป็นร้อยละ โลหะได้ถูกต้อง คิดเป็นร้อยละ โลหะได้ถูกต้อง คิดเป็นร้อยละ
100 100 100
- นักเรียนวิเคราะห์และสรุปผล - นักเรียนวิเคราะห์และสรุปผล - นักเรียนวิเคราะห์และสรุปผล
จากการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ ก่ึง จากการใช้ธาตโุ ลหะ อโลหะ ก่ึง จากการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ ก่ึง
โลหะ และธาตุกัมมันตรังสีได้ โลหะ และธาตุกัมมันตรังสีได้ โลหะ และธาตุกัมมันตรังสีได้
ถกู ตอ้ ง คดิ เป็นร้อยละ 100 ถูกต้อง คดิ เป็นร้อยละ 100 ถกู ต้อง คิดเป็นร้อยละ 100
- สืบค้นการจำแนกธาตุโลหะ - สืบค้นการจำแนกธาตุโลหะ - สืบค้นการจำแนกธาตุโลหะ
อโลหะและกึ่งโลหะและ อโลหะและกึ่งโลหะและ อโลหะและกึ่งโลหะและ
นำเสนอแนวทางการใช้ธาตุ นำเสนอแนวทางการใช้ธาตุ นำเสนอแนวทางการใช้ธาตุ
อย่างปลอดภัย คุ้มค่า คิดเป็น อย่างปลอดภัย คุ้มค่า คิดเป็น อย่างปลอดภัย คุ้มค่า คิดเป็น
ร้อยละ 100 ร้อยละ 100 รอ้ ยละ 100
- นักเรียนมีความกระตือรือร้น - นักเรียนมีความกระตือรือร้น - นักเรียนมีความกระตือรือร้น
ในการทำกิจกรรมกลุ่ม สามารถ ในการทำกิจกรรมกลุ่ม สามารถ ในการทำกจิ กรรมกลุ่ม สามารถ
ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมี ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมี ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมี
ความรับผิดชอบต่องานที่ได้ ความรับผิดชอบต่องานที่ได้ ความรับผิดชอบต่องานที่ได้
มอบหมายไว้ คิดเป็นร้อยละ มอบหมายไว้ คิดเป็นร้อยละ มอบหมายไว้ คิดเป็นร้อยละ
100 100 100
- - - เนือ่ งจากนกั เรียนในห้องตรวจ
พบเชือ้ โควดิ -19 กรทันหันทำให้
ตอ้ งปรับรูปแบบห้องเรียนเป็นก
ห้องเรียนออนไลน์ เกิดการ
ข ั ด ข ้ อ ง ข อ ง อ ุ ป ก ร ณ ์ ห รื อ
เครื่องมอื ที่ใชส้ อน
- ในระหว่างเรียนไม่เกิดการ
ป ฏ ิ ส ั ม พ ั น ธ ์ ร ะ ห ว ่ า ง ค ร ู กั บ
นักเรียน เช่น ไม่เปิดกล้อง ถาม
แล้วไม่ตอบ เป็นตน้
ชั้น ม.1/1 ชั้น ม.1/2 ชน้ั ม.1/3
-
ขอ้ เสนอแนะ - - ต้องเตรียมอุปกรณใ์ นการสอน
/แนว อยู่เสมอ
ทางแก้ไข - เน้นถามคำถามระหว่างเรียน
ตลอดเวลาในการสอน และให้
นักเรียนตอบผ่านช่องแชทถ้าไม่
สะดวกเปิดไมค์ โดยที่ใครตอบ
ครูจะเพม่ิ คะแนนพเิ ศษ
บนั ทึกสำหรับอาจารยพ์ ี่เลย้ี ง
............................................................................................................................. ...............................................................
.................................................................... .......................................................................................................... ..............
............................................................................................................................. ...............................................................
............................................................................................................................. ...............................................................
ลงชือ่ .....c.......f.....u.......t.....n...................ผสู้ อน ลงชื่อ............................................................
(อาจารย์นวินดา คงภักด)ี
(นายอาซอื มนั รูเดง็ ) อาจารย์พ่ีเล้ยี ง
นักศกึ ษาปฏิบตั กิ ารสอน
วันที่ 7 เดอื นกรกฎาคม พ.ศ. 2565 วนั ท่ี 7 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565
แบบบันทกึ การให้คะแนน Infographics เร่อื ง การใช้ธาตมุ ผี ลอยา่ งไรบา้ ง
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 หอ้ ง……..
คำชแี้ จง : ใหท้ ำเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ งรายการประเมินใบกจิ กรรม Infographics เรื่อง การใชธ้ าตมุ ีผลอย่างไรบ้าง
ตรงกบั ระดับคะแนนท่ีนักเรยี นปฏบิ ัตไิ ด้
พฤติกรรม
ความถูกต้อง ความ ความต้ังใจใน การนำเสนอ รวม
ลำ ชอ่ื -สกุล ของเนือ้ หา สร้างสรรค์ การทำงาน
ดับที่ 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16
1. 1
2. 2
3. 3
4. 4
5. 5
6.
7.
8.
9.
10.
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
19.
20.
21.
22.
23.
24.
พฤติกรรม
ความถูกตอ้ ง ความ ความตงั้ ใจใน การนำเสนอ รวม
ลำ ชอื่ -สกุล ของเนอ้ื หา สรา้ งสรรค์ การทำงาน
ดับที่ 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16
25.
26.
27.
28.
29.
30.
31.
32.
33.
34.
35.
36.
37.
38.
39.
เกณฑ์การให้คะแนนระดบั คณุ ภาพ
13-16 อยู่ในระดบั ดมี าก
9-12 อยู่ในระดบั ดี
5-8 อย่ใู นระดบั พอใช้
1-4 อยู่ในระดบั ปรับปรุง
*หมายเหตุ : นักเรยี นสามารถปฏบิ ัติในระดบั ดีขนึ้ ไป คะแนนอยใู่ นระหวา่ ง 9-12 คะแนน ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
ลงช่ือ...........................................ผสู้ ังเกต
(...............................................................)
........../.........../...........
รายละเอียดการใหค้ ะแนน Infographics เร่ือง การใชธ้ าตุมผี ลอย่างไรบา้ ง
ประเดน็ การประเมิน 4 เกณฑก์ ารให้คะแนน 1
ดมี าก 32 ปรบั ปรุง
1. ความถูกต้องของ เนอ้ื หาถูกตอ้ งครบถ้วน ดี พอใช้ เนอื้ หาผดิ พลาด
เน้อื หา เนอ้ื หาครบถว้ นมี เนอ้ื หาไมค่ รบถว้ น ต้องบอกให้แก้ไข
2. ความคดิ สรา้ งสรรค์ รูปแบบแปลกใหม่ ผดิ พลาดเล็กน้อย ผดิ พลาดเล็กน้อย เลียนแบบ
มคี วามแปลกใหม่ ไมค่ ่อยแปลกใหม่
3. ความต้งั ใจในการ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติ พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ตั ิ พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ิ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ิ
ทำงาน ชดั เจนทุกคร้งั ชดั เจนและสมำ่ เสมอ ชัดเจนและ บางคร้งั
บ่อยครง้ั
4. การนำเสนอ เมอื่ นำเสนอถูกตอ้ ง เมือ่ นำเสนอถกู ตอ้ ง เมื่อนำเสนอไม่ เมื่อนำเสนอ
ครบถ้วน เนน้ ประเด็น ครบถ้วน ประเดน็ ผิดพลาดมาก
สำคัญไม่ชัดเจน ค่อยถูกต้อง ไม่มี
สำคญั ประเดน็ ชดั เจน
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
รายวชิ า ว 21101 วิทยาศาสตร์ ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 หอ้ ง………ภาคเรียน……………..ปกี ารศึกษา………
กลุ่มท…่ี …………ชอื่ กลุม่ ……………
คำช้แี จง : สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนรายกลมุ่ ในระหว่างเรยี นแล้วทำเครื่องหมาย ✓ ลงช่องท่ตี รงกบั ระดับ
คะแนนที่นกั เรียนปฏิบัติได้
พฤติกรรม รวม
ความ การแสดง การรบั ฟงั ความตัง้ ใจ การมสี ่วน
ลำ ชื่อ-สกลุ รว่ มมอื ความ ความ ในการ ร่วมในการ
ดบั ท่ี สมาชิกกลุ่ม
คิดเห็น คิดเห็น ทำงาน อภปิ ราย
1. 1
2. 2 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20
3. 3
4. 4
5. 5
6. 6
7. 7
8. 8
9. 9
10. 0
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
พฤตกิ รรม รวม
ความ การแสดง การรับฟงั ความตั้งใจ การมสี ่วน
ลำ ชอื่ -สกลุ ร่วมมือ ความ ความ ในการ รว่ มในการ
ดบั ที่ สมาชกิ กลุ่ม
คิดเหน็ คิดเห็น ทำงาน อภิปราย
19.
20. 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20
21.
22.
23.
24.
25.
26.
27.
28.
29.
30.
31.
32.
33.
34.
35.
36.
37.
38.
39.
เกณฑ์การให้คะแนนระดับคุณภาพ
16-20 อยู่ในระดบั ดมี าก
11-15 อยู่ในระดบั ดี
6-10 อยู่ในระดบั พอใช้
1-5 อย่ใู นระดบั ปรบั ปรงุ
*หมายเหตุ : นกั เรียนสามารถปฏิบตั ใิ นระดับดีข้นึ ไป คะแนนอย่รู ะหวา่ ง 11-15 คะแนน ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
ลงชอ่ื ........................................ ผู้ประเมนิ
(…………………………………….……)
รายละเอียดการใหค้ ะแนนการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
ประเดน็ การประเมนิ 4 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1
ดมี าก 32 ปรับปรุง
1. ความร่วมมือ พฤติกรรมที่ปฏบิ ัติ ดี พอใช้ พฤติกรรมที่ปฏิบัติ
ชดั เจนทุกคร้ัง พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ตั ิ พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ตั ิ บางครง้ั
2. การแสดงความ ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ
คดิ เห็น พฤติกรรมที่ปฏิบัติ พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ
ชดั เจนทุกครั้ง บอ่ ยครั้ง บางครง้ั
3. การรับฟงั ความ พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ิ พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ
คิดเหน็ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติ ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชดั เจนและ พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ตั ิ
ชดั เจนทุกคร้งั บางคร้ัง
4. ความตงั้ ใจในการ บอ่ ยครง้ั
ทำงาน พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิ พฤติกรรมทปี่ ฏิบัติ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิ
ชัดเจนทุกครง้ั ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ บางครั้ง
5. การมีส่วนรว่ มใน
การอภิปราย พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติ บ่อยครัง้ พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ
ชดั เจนทุกครัง้ พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิ พฤติกรรมที่ปฏิบัติ บางครั้ง
ชดั เจนและสมำ่ เสมอ ชดั เจนและ
บอ่ ยครั้ง
พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิ พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ิ
ชัดเจนและสมำ่ เสมอ ชัดเจนและ
บ่อยครง้ั
แบบประเมนิ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 4 ด้าน
ชอ่ื ..............................................................นามสกลุ .................................................... .ชน้ั ......……..เลขที.่ ....
คำช้แี จง : ให้สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียน แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งท่ตี รงกับระดบั คะแนน
สมรรถนะสำคัญที่ประเมิน ระดบั คะแนน สรปุ
432 1 ผล
1. ความสามารถในการสื่อสาร
1.1 มีความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคดิ
ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม
1.2 ใช้วิธกี ารสอื่ สารที่เหมาะสม
1.3 วิเคราะห์แสดงความคิดเหน็ อยา่ งมเี หตุผล
สรุปผลการประเมิน
2. ความสามารถในการคิด
2.1 มีความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ สงั เคราะห์
2.2 มที กั ษะในการคดิ นอกกรอบอย่างสรา้ งสรรค์
2.3 มีความสามารถในการคดิ อย่างมีระบบ
สรปุ ผลการประเมนิ
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
3.1 สามารถแกป้ ญั หาและอุปสรรคต่าง ๆ ทเ่ี ผชญิ ได้
3.2 ใชเ้ หตผุ ลในการแกป้ ญั หา
3.3 สามารถตดั สนิ ใจได้เหมาะสมตามวัย
4 . ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
4.1 มที ักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี
4.2 สามารถนำเทคโนโลยีไปใชพ้ ฒั นาตนเอง
4.3 มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรมในการใชเท้ คโนโลยี
สรุปผลการประเมิน
สรปุ ผลการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์รายบคุ คล
ดีมาก ดี ปานกลาง ตอ้ งปรับปรุง
ลงช่อื ........................................ ผู้ประเมนิ
(…………………………………….……)
แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์
ชอ่ื ................................................................ชั้น....................เลขที.่ ...................
คำชี้แจง : ให้สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องทตี่ รงกบั ระดบั
คะแนน
คณุ ลกั ษณะอนั พงึ รายการท่ปี ระเมนิ ระดับคะแนน
ประสงค์ 321
1. มวี นิ ัย 1.1 ตรงตอ่ เวลา
1.2 ปฏิบัตงิ านเรยี บรอ้ ยเหมาะสม
1.3 ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง
2. ใฝเ่ รยี นรู้ 2.1 กระตือรือรน้ ในการแสวงหาขอ้ มลู
2.2 มกี ารจดบันทึกความรู้
2.3 สรปุ ความรไู้ ดอ้ ยา่ งมีเหตุผล
3. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน 3.1 มคี วามต้งั ใจและพยายามในการทำงานทไี่ ด้รับมอบหมาย
3.2 มีความอดทนและไม่ย่อทอ้ ต่ออุปสรรคเพื่อให้งานสำเร็จ
เกณฑก์ ารให้คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชดั เจนและสม่ำเสมอ
- พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัตชิ ดั เจนและบ่อยครงั้
- พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิบางครง้ั
เกณฑ์การให้คะแนนระดบั คณุ ภาพ
18-24 อย่ใู นระดับ ดีมาก
13-18 อยู่ในระดบั ดี
7-12 อยใู่ นระดบั ปานกลาง
1-6 อย่ใู นระดับ ปรบั ปรุง
ลงช่ือ..........................................ผปู้ ระเมนิ
(..........................................)
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 สารบรสิ ุทธิ์ ว 21101 วิทยาศาสตร์
บทท่ี 2 การจำแนกและองคป์ ระกอบของสารบริสทุ ธ์/ิ การจำแนกธาตุและการใชป้ ระโยชน์ ผ้สู อน ปส. อาซอื มนั รเู ดง็
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 สารบรสิ ุทธิ์ ว 21101 วิทยาศาสตร์
บทท่ี 2 การจำแนกและองคป์ ระกอบของสารบริสทุ ธ์/ิ การจำแนกธาตุและการใชป้ ระโยชน์ ผ้สู อน ปส. อาซอื มนั รเู ดง็
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 9
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 หน่วยพ้ืนฐานของสิง่ มชี ีวติ
รหสั วชิ า ว 21101 วทิ ยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชนั้
บทท่ี 1 มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565
เรื่อง
ผ้สู อน เซลล์
การศกึ ษาเซลล์ด้วยกล้องจลุ ทรรศน์ จำนวน 2 คาบ
ปส. อาซอื มัน รเู ดง็ อาจารย์พี่เลี้ยง อาจารยน์ วนิ ดา คงภักดี
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบตั ิของสิ่งมชี วี ิต หน่วยพนื้ ฐานของสิ่งมชี วี ิต การลำเลยี งสารผา่ นเซลล์ ความสัมพันธ์
ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและ
หนา้ ทีข่ องอวัยวะต่าง ๆ ของพชื ทท่ี ำงานสมั พนั ธ์กนั รวมทัง้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตวั ชี้วัด
ว 1.2 ม.1/2 ใชก้ ล้องจลุ ทรรศน์ใช้แสงศึกษาเซลล์ และโครงสรา้ งตา่ ง ๆ ภายในเซลล์
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
สิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์หรือแม้แต่ร่างกายของคนเราล้วนประกอบด้วยหน่วยพื้นฐานที่เล็กที่สุดที่แสดง
สมบัติการมีชีวิต คือ เซลล์ (cell) เซลล์ของสิ่งมีชีวิตมีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าจงึ ต้องใช้กล้อง
จุลทรรศน์ (microscope) ช่วยขยายภาพของวัตถุขนาดเล็ก ในการศึกษาเซลล์เบื้องต้นใช้กล้องจุลทรรศน์ชนิดใช้แสง
(light microscope)
3. สาระการเรียนรู้
กล้องจุลทรรศน์เป็นเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่สำคัญและจำเป็นในการขยายภาพของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่มีขนาด
เล็กจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าให้สามารถมองเห็นได้ชัดและมีการแจกแจงรายละเอียดหรือมีความคมชัดสูง
(high resolution) กล้องจุลทรรศน์มีหลายชนดิ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ แบบใช้แสงธรรมดาและแบบใช้
แสงอิเลก็ ตรอน ซึ่งในการศกึ ษาเบ้ืองต้นเราจะใชก้ ลอ้ งจลุ ทรรศน์ชนิดใชแ้ สง (light microscope)
กลอ้ งจุลทรรศนช์ นิดใชแ้ สง (light microscope)
โครงสรา้ งโดยทว่ั ไปของกลอ้ งจลุ ทรรศน์แบบใชแ้ สงธรรมดา มสี ว่ นประกอบ ดงั นี้
1. ส่วนฐาน (base) คอื ส่วนฐานทวี่ างตดิ กับโต๊ะ มหี ลอดไฟฟ้าตดิ อยทู่ ี่ฐานกล้องพร้อมสวทิ ช์ปดิ เปดิ
2. สว่ นแขน (arm) คอื สว่ นที่ยึดตดิ ระหว่างลำกล้องกับสว่ นฐาน
3. ลำกลอ้ ง (body tube) มเี ลนสใ์ กล้ตาตดิ อยูด่ า้ นบน ส่วนด้านล่างติดกับแผน่ หมนุ ซึ่งมเี ลนสใ์ กล้
วตั ถตุ ิดอยู่ บางกลอ้ งมปี ริซึมตดิ อยู่เพือ่ หกั เหแสงจากเลนสใ์ กล้วตั ถใุ ห้ผา่ นเลนส์ใกล้ตา
4. แผน่ หมุน (revolving nosepiece) คือแผน่ กลมหมุนได้ มเี ลนส์ใกลว้ ตั ถตุ ิดอย่เู พอ่ื หมนุ เปลีย่ น
กำลังขยายของเลนส์ตามความต้องการ
5. เลนสใ์ กล้วตั ถุ (objective lens) คอื เลนสท์ ตี่ ดิ อยู่บนแผ่นหมนุ ตามปกติจะมี 3 หรอื 4 อัน
แต่ละอันจะมีตัวเลขแสดงกำลังขยายกำกับไว้ เช่น x4, x10, x40 หรือ x100 เป็นต้น ในกรณีที่ใช้เลนส์ใกล้วัตถุกาลัง
ขยาย x100 ตอ้ งใชน้ ้ำมันเปน็ ตวั กลางระหวา่ งเลนส์และวัตถจุ งึ จะเห็นภาพ
6. เลนสใ์ กล้ตา (eyepiece lens) คือเลนส์ชดุ ท่อี ยสู่ ว่ นบนสดุ ของกลอ้ ง มตี วั เลขบอกกำลงั ขยายอยู่
ทางด้านบน เช่น x5, x10, หรือ x15 เป็นตน้ บางกลอ้ งมีเลนสใ์ กลต้ าอนั เดียว (monocular) บางกล้องมีเลนส์ใกลต้ า 2
อัน (binocular) เลนส์ชุดนี้ขยายภาพที่เกิดจากเลนส์ใกล้วัตถุ ภาพที่เห็นมีขนาดขยาย เป็นภาพเสมือนหัวกลับ และ
กลบั ซ้ายเปน็ ขวากับวตั ถุ
7. วงลอ้ ปรบั ภาพ (adjustment wheel) สำหรับปรบั ระยะหา่ งระหวา่ งวัตถุกับเลนส์ใกลว้ ตั ถุ เพอื่
ปรับภาพให้เหน็ ชดั ซง่ึ ระยะหา่ งทีท่ าใหเ้ ห็นภาพชัด เรียกว่า ระยะการทำงานของกลอ้ ง (working distance) หรอื ระยะ
โฟกัสของกล้อง วงล้อดังกล่าวมี 2 ชนิด คือ ชนิดปรับภาพหยาบ (coarse adjustment wheel) ใช้ปรับระยะห่าง
ระหว่างวัตถุกบั เลนส์ใกล้วัตถชุ นิดกำลังขยาย 10 เทา่ ลงมา และชนดิ ปรบั ภาพละเอียด (fine adjustment wheel) ใช้
ปรบั ภาพใหช้ ัด เม่อื ใช้เลนสใ์ กลว้ ัตถกุ ำลงั ขยายสูง 40 เท่าข้นึ ไป
8. แทน่ วางวตั ถุ (stage) มชี อ่ งตรงกลางสำหรบั ให้แสงผา่ น และใช้วางสไลดแ์ ก้ว เปน็ อุปกรณท์ ี่
เคลื่อนที่ได้ (mechanical stage) ด้วยการหมุนปุ่มบังคับ อุปกรณ์ดังกล่าวมีคลิปเกาะสไลด์ และมีสเกลบอกตำแหน่ง
ของสไลดบ์ นแท่นวางวัตถุ ฉะนนั้ อุปกรณ์นจ้ี ะชว่ ยอำนวยความสะดวกในการเล่ือนสไลด์ไปทางขวา ซา้ ย หน้า และหลัง
ไดใ้ นขณะท่ตี ามองภาพในกล้อง ช่วยใหห้ าภาพได้รวดเร็ว และมสี เกลบอกตำแหนง่ ของวัตถุบนสไลด์
9. คอนเดนเซอร์ (condenser) คอื ชดุ ของเลนสท์ ีท่ ำหน้าท่รี วมแสงใหม้ คี วามเขม้ มากท่สี ุด เพื่อสอ่ ง
วัตถบุ นสไลด์แก้วใหส้ ว่างท่ีสุด มปี มุ่ ปรับความสงู ตำ่ ของ condenser
10. ไอรสิ ไดอะแฟรม (iris diaphragm) เปน็ ม่านปรบั รเู ปิดเพอ่ื ใหแ้ สงผา่ นเข้า condenser และมปี ุ่ม
สำหรับปรบั iris diaphragm ใหแ้ สงผา่ นเข้ามากน้อยตามตอ้ งการ
11. แหล่งกำเนดิ แสง (light source) เป็นหลอดไฟฟ้าใหแ้ สงสว่างตดิ อยู่ท่ีฐานกลอ้ ง มสี วทิ ชเ์ ปิดปดิ
และมสี เกลปรับปรมิ าณแสงสว่าง
โดยท่ีส่วนประกอบตา่ ง ๆ ของกลอ้ งจุลทรรศน์แบบใชแ้ สง ดงั รูป
การใช้กลอ้ งจลุ ทรรศน์แบบใชแ้ สง มวี ิธใี ชด้ ังนี้
1. การจับกลอ้ งและเคล่ือนย้ายกลอ้ ง ต้องใชม้ ือหนึ่งจบั ทแ่ี ขนและอกี มอื หน่งึ รองทฐ่ี านของกล้อง
2. ตง้ั ลำกลอ้ งใหต้ รง
3. เปิดไฟเพื่อใหแ้ สงเข้าลำกล้องไดเ้ ต็มที่
4. หมุนเลนสใ์ กล้วัตถุ ให้เลนสท์ ีม่ กี ำลังขยายต่ำสุดอยูใ่ นตำแหน่งแนวของลำกล้อง
5. นำสไลดท์ จ่ี ะศกึ ษามาวางบนแทน่ วางวัตถุ โดยปรับใหอ้ ยูก่ ลางบริเวณทแ่ี สงผ่าน
6. ค่อยๆหมุนปุ่มปรับภาพหยาบให้กล้องเลื่อนขึ้นช้าๆเพื่อหาระยะภาพ แต่ต้องระวังไม่ให้เลนส์ใกล้วัตถุ
กระทบกบั สไลดต์ วั อยา่ ง เพราะจะทำใหเ้ ลนส์แตกได้
7. ปรับภาพให้ชัดเจนขึ้นด้วยปุ่มปรับภาพละเอียด ถ้าวัตถุที่ศึกษาไม่อยู่ตรงกลางให้เลื่อนสไลด์ให้มาอยู่ตรง
กลาง
8. ถ้าต้องการให้ภาพขยายใหญ่ขึ้นให้หมุนเลนส์ใกล้วัตถุที่มีกำลังขยายสูงกว่าเดิมมาอยู่ในตำแหน่งแนวของ
ลำกล้อง จากน้ันปรบั ภาพให้ชัดเจนดว้ ยปมุ่ ปรับภาพละเอียดเท่าน้ัน หา้ มปรบั ภาพดว้ ยปุ่มปรบั ภาพหยาบเพราะจะทำ
ใหร้ ะยะของภาพ หรือจดุ โฟกสั ของภาพเปล่ยี นไป
9. บนั ทึกกำลังขยายโดยหาได้จากผลคณู ของกำลงั ขยายของเลนสใ์ กลว้ ัตถกุ บั กำลังขยายของเลนส์ใกล้ตา
4. สมรรถนะของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร
4.2 ความสามารถในการคิด
4.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
5.1 มีวินัย
5.2 ใฝเ่ รียนรู้
5.3 มุ่งมนั่ ในการทำงาน
6. ชิ้นงาน/ภาระงาน
6.1 ใบกจิ กรรม ฉันคืออะไรและวิธีใช้งานฉนั เป็นอยา่ งไร
6.2 ใบกิจกรรมที่ 3.1 โลกใต้กล้องจลุ ทรรศน์เป็นอยา่ งไร
6.3 ใบงาน กล้องจลุ ทรรศน์แบบใชแ้ สง
7. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
7.1 ดา้ นความรู้ (K)
7.1.1 บอกส่วนประกอบและหน้าทข่ี องกลอ้ งจลุ ทรรศนแ์ บบใช้แสงได้
7.2 ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
7.2.1 ใช้กลอ้ งจลุ ทรรศนแ์ บบใช้แสงศึกษาเซลล์ และโครงต่าง ๆ ภายในเซลลไ์ ด้
7.3 ดา้ นเจตคติ/คุณลกั ษณะ (A)
7.3.1 มุ่งมน่ั และรับผดิ ชอบในการทำงานกลุม่ ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย
8. กจิ กรรมการเรียนรู้
8.1 ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (10 นาท)ี
8.1.1 นกั เรยี นทกุ คนดูภาพระบบนิเทศในป่าแห่งหน่ึง และตอบคำถามต่อไปนี้
- นกั เรยี นคิดวา่ สิ่งมีชวี ิตในภาพมีกี่กลุม่ (แนวคำตอบ ส่ิงมชี ีวติ ในภาพมี 3 กล่มุ คือ กลุ่มพืช กลุ่มสัตว์
และกลุ่มท่ีไมใ่ ช่พืชและสัตว)์
- แล้วนักเรียนคิดว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในห้องเรามีกี่กลุ่ม (แนวคำตอบ สิ่งมีชีวิตในภาพมี 3 กลุ่ม
เช่นเดียวกนั คือ กล่มุ พืช กลุ่มสัตว์ และกลมุ่ ท่ีไม่ใช่พชื และสตั ว์)
- ถ้านักเรยี นจะสังเกตผีเสือ้ ให้เห็นชัดขนึ้ จะใช้เคร่อื งมืออะไร (แนวคำตอบ แว่นขยาย)
- ถ้าสมมติอยากศึกษาสิ่งเล็ก ๆ ที่ตาเรามองไม่เห็นเราจะใช้เครื่องมืออะไร (แนวคำตอบ ใช้กล้อง
จลุ ทรรศน์)
8.2 ขนั้ สำรวจและค้นหา (Exploration) (15 นาท)ี
8.2.1 นักเรยี นฟงั ครบู รรยาย เร่ือง กลอ้ งจุลทรรศน์ โดยใช้สไลด์นำเสนอ เร่ือง กล้องจุลทรรศน์
8.2.2 นักเรียนแบง่ กลุ่ม 6 กลุ่ม ๆ ละ 6-7 คน โดยใชว้ ธิ กี ารสมุ่ เลขท่ี
8.2.3 นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ทำกจิ กรรม ฉนั คืออะไรและวธิ ีใชง้ านฉันเป็นอย่างไร โดยใช้กระดาษปรูฟ๊ ซ่ึง
ลายละเอียดกิจกรรมนี้จะแบ่งนักเรียนแต่ละกลุ่มให้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ โดยที่กลุ่มที่เป็นเลขคี่จะต้องสืบค้นในส่วนฉันคือ
อะไร ส่วนกลุม่ ที่เป็นเลขคู่จะต้องสบื คน้ ในส่วนของวธิ ใี ชง้ านฉันเป็นอยา่ งไร
8.2.4 นักเรียนแต่กลุ่มทำกิจกรรม ฉันคืออะไรและวิธีใช้งานฉันเป็นอย่างไร และนักเรียนสามารถ
สบื คน้ โดยใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ หรอื หนงั สอื เป็นตน้
8.3 การอธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (5 นาท)ี
8.3.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทน 2 กลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนในจากกิจกรรม ฉันคืออะไร
และวธิ ใี ชง้ านฉันเปน็ อยา่ งไร โดยที่นักเรียนกลุ่มที่เป็นเลขคส่ี ง่ กลมุ่ ตวั แทนทจ่ี ะออกมานำเสนอในสว่ นของฉันคืออะไรมา
1 กลุ่ม และกลุ่มที่เป็นเลขคู่ก็ส่งกลุ่มตัวแทนที่จะออกมานำเสนอในส่วนของวิธีใช้งานฉันเป็นอย่างไรมา 1 กลุ่ม
เช่นเดียวกนั
8.3.2 นักเรียนและครูร่วมกันลงข้อสรุปจากกิจกรรม ฉันคือใครและวิธีใช้งานฉันเป็นอย่างไร โดยมี
คำถามดงั นี้
- ฉนั คืออะไรในทนี่ ้นี ักเรียนคดิ ว่าหมายถงึ อะไร (แนวคำตอบ กล้องจุลทรรศนแ์ บบใช้แสง)
- กล้องจุลทรรศนแ์ บบใชแ้ สงทีน่ ักเรียนศึกษาเลนส์ใกลว้ ัตถมุ ีกำลังขยายอยู่ทง้ั หมดเทา่ ไร อะไรบ้าง
(แนวคำตอบ มกี ำลงั ขยายท้ังหมด 4 กำลังขยาย ได้แก่ 4X 10X 40X และ 100X)
- เมื่อเราใช้กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงเสร็จเรียบร้อยแล้ว เลนส์ใกล้วัตถุควรมีตำแหน่งลักษณะ
อย่างไร (แนวคำตอบ เมื่อใช้กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงเรียบร้อยแล้ว ให้หมุนเลนส์ใกลว้ ัตถุทีม่ ีกำลังขยายต่ำสุดให้อยู่
ตรงกลางของวตั ถุ)
8.4 การขยายความรู้ (Elaboration) (50 นาที)
8.4.1 ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลุม่ 6 กลุม่ ๆ ละ 6-7 คน โดยใช้กลุ่มเดิมจากกจิ กรรมทีผ่ า่ นมา
8.4.2 นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ฟังครูอธิบายใบกจิ กรรมที่ 3.1 โลกใตก้ ลอ้ งจลุ ทรรศนเ์ ปน็ อย่างไร โดยใช้ใบ
กิจกรรมท่ี 3.1 โลกใตก้ ล้องจุลทรรศน์เปน็ อยา่ งไร
8.4.3 นักเรียนลงมือทำกจิ กรรมท่ี 3.1 โลกใตก้ ลอ้ งจุลทรรศน์เป็นอยา่ งไร
8.4.4 นักเรียนร่วมการอภิปรายและสรปุ ผลการทำกิจกรรมที่ 3.1 โลกใต้กล้องจุลทรรศน์เป็นอย่างไร
และรวมกันตอบคำถาม ต่อไปน้ี
- ภาพอักษรที่สังเกตจากกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงมีลักษณะเป็นอย่างไร (แนวคำตอบ
ภาพเสมอื นหัวกลับ กลับซา้ ยไปขวา กลบั บนเป็นล่าง)
- ถา้ ใช้กล้องจลุ ทรรศน์แบบใชแ้ สงสังเกตวตั ถุ แล้วพบวา่ มองเห็นเพียงขอบดา้ นซ้ายวตั ถุ นกั เรียนมี
วิธีแก้ปญั หาอยา่ งไร (แนวคำตอบ ปรับแทน่ วางวัตถใุ หเ้ ลอื่ นไปทางซา้ ย)
- รูปร่างลกั ษณะของภาพท่สี ังเกตได้จากสไลด์ถาวรของเนอ้ื เย่ือพืช เน้อื เย่อื สตั ว์ และส่งิ มชี ีวิตเซลล์
เดยี ว มีลักษะเหมือนหรอื แตกต่างกนั อยา่ งไร (แนวคำตอบ นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจ)
8.5 การประเมินผล/สรปุ (Evaluation) (20 นาที)
8.5.1 นักเรียนร่วมกันอภิปรายเนื้อหาทั้งหมดที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรมและฟังจากครูอธิบายเพิ่มเติม
เพื่อใหไ้ ดข้ ้อสรุป โดยใช้สไลด์นำเสนอ เรอื่ ง กล้องจุลทรรศน์ ดงั นี้
- สิ่งมีชีวิตทุกชนิดประกอบด้วยเซลล์ สิ่งมีชีวิตบางชนิดมีกระบวนการต่าง ๆ ของการดำรงชีวิต
เกิดขึ้นภายในเซลล์เพียงเซลล์เดียว เรียกว่า สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น แบคทีเรีย ยีสต์ พารามิเซียม ส่วนสิ่งมีชีวิตที่มี
กระบวนการดำรงชีวิตที่ซบั ซ้อน ประกอบด้วยเซลล์หลายเซลล์ทำงานร่วมกนั เพือ่ การดำรงชีวิต เรียกว่าสิง่ มีชีวิตหลาย
เซลล์ เชน่ พืช สัตว์ เห็ด
- จากที่เราดูสไลด์ถาวรนักเรียนสามารถแยกได้ไหมว่า สไลด์ใดเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว แล้วสิ่งใด
เปน็ ส่ิงมีชวี ิตหลายเซลล์ (แนวคำตอบ สัตว์และพชื เปน็ สง่ิ มีชวี ิตหลายเซลล์ สว่ นพารามเี ซยี มเป็นสิง่ มีชีวิตเซลล์เดยี ว)
8.5.1 นักเรียนรบั ใบงาน เรื่องกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง เพื่อทบทวนความรู้หลังเรียนและส่งใบงาน
ในคาบถัดไป
9. สือ่ และแหล่งเรียนรู้
9.1 หนงั สอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 เลม่ ที่ 1
9.2 สไลดน์ ำเสนอ เรอ่ื ง กลอ้ งจุลทรรศน์
9.3 กระดาษปร๊ฟู
10. การวัดและการประเมนิ ผล
การวดั ผลประเมินผล วิธีการวดั เครอื่ งมอื วดั เกณฑก์ ารผา่ น
1. ด้านความรู้
1. บอกสว่ นประกอบและ - ตรวจใบกจิ กรรม ฉนั คือ - เกณฑต์ รวจฉนั คืออะไร - นกั เรยี นสามารถปฏบิ ัติใน
หน้าทข่ี องกลอ้ งจุลทรรศน์ อะไรและวิธใี ช้งานฉันเปน็ และวิธใี ช้งานฉนั เปน็ ระดับดขี น้ึ ไป คะแนนอย่ใู น
แบบใชแ้ สงได้ อย่างไร อยา่ งไร ระหว่าง 11-15 คะแนน ถือ
- ตรวจใบกิจกรรมท่ี 3.1 - เกณฑต์ รวจใบกจิ กรรมท่ี วา่ ผา่ นเกณฑ์
2. ด้านทกั ษะกระบวนการ โลกใตก้ ลอ้ งจลุ ทรรศน์ 3.1 โลกใต้กลอ้ ง - นกั เรยี นสามารถปฏบิ ัตใิ น
1. ใช้กล้องจุลทรรศนแ์ บบ เป็นอยา่ งไร จลุ ทรรศนเ์ ป็นอยา่ งไร ระดบั ดีขึ้นไป คะแนนอยู่ใน
ใช้แสงศกึ ษาเซลล์ และ - ตรวจใบงาน กลอ้ ง - เกณฑต์ รวจใบงาน ระหวา่ ง 9-12 คะแนน ถือว่า
โครงต่าง ๆ ภายในเซลล์ จุลทรรศน์แบบใช้แสง กลอ้ งจุลทรรศน์แบบใช้ ผา่ นเกณฑ์
ได้ - สงั เกตการตอบคำถาม แสง - นักเรยี นสามารถปฏบิ ตั ใิ น
ในช้นั เรยี น - ชดุ คำถาม ระดบั ดขี ึ้นไป คะแนนอยใู่ น
ระหวา่ ง 11-15 คะแนน ถือ
- ตรวจใบกจิ กรรมที่ 3.1 - เกณฑ์ตรวจใบกจิ กรรมที่ ว่าผา่ นเกณฑ์
โลกใตก้ ล้องจุลทรรศน์ 3.1 โลกใตก้ ลอ้ ง - นกั เรยี นสามารถตอบ
เป็นอย่างไร จลุ ทรรศน์เปน็ อยา่ งไร คำถามไดถ้ ูกต้องร้อยละ 50
- ตรวจใบงาน กลอ้ ง - เกณฑ์ตรวจใบงาน สรปุ ว่าผา่ นเกณฑ์
จลุ ทรรศนแ์ บบใชแ้ สง กล้องจลุ ทรรศน์แบบใช้
แสง - นกั เรียนสามารถปฏบิ ัติใน
ระดบั ดีขึ้นไป คะแนนอยใู่ น
ระหวา่ ง 9-12 คะแนน ถือว่า
ผา่ นเกณฑ์
- นกั เรยี นสามารถปฏิบัติใน
ระดบั ดีข้ึนไป คะแนนอยูใ่ น
ระหวา่ ง 11-15 คะแนน ถือ
ว่าผ่านเกณฑ์
การวัดผลประเมินผล วิธีการวัด เครือ่ งมอื วดั เกณฑก์ ารผา่ น
3. ดา้ นเจตคติ /คณุ ลักษณะ
1. มงุ่ มัน่ และรบั ผดิ ชอบ - สังเกตพฤติกรรมการ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - นกั เรียนสามารถเขา้ ร่วม
การทำงานกล่มุ กิจกรรมกล่มุ และรบั ผดิ ชอบ
ในการทำงานกลุม่ ทไ่ี ด้รบั ทำงานกลมุ่ งานไดใ้ นระดับดีข้ึนไป มี
คะแนนอยู่ระหว่าง 11-15
มอบหมาย สรุปว่าผ่านเกณฑ์
11. บนั ทกึ หลงั การสอน
ช้นั ม.1/1 ชั้น ม.1/2 ชัน้ ม.1/3
ผลการสอน - นักเรียนบอกส่วนประกอบ - นักเรียนบอกส่วนประกอบ - นักเรียนบอกส่วนประกอบ
ปญั หา/
และหน้าที่ของกล้องจุลทรรศน์ และหน้าที่ของกล้องจุลทรรศน์ และหน้าที่ของกล้องจุลทรรศน์
แบบใช้แสงได้ถูกต้อง คิดเป็น แบบใช้แสงได้ถูกต้อง คิดเป็น แบบใช้แสงได้ถูกต้อง คิดเป็น
รอ้ ยละ 100 ร้อยละ 100 ร้อยละ 100
- นักเรียนใช้กล้องจุลทรรศน์ - นักเรียนใช้กล้องจุลทรรศน์ - นักเรียนใช้กล้องจุลทรรศน์
แบบใช้แสงศึกษาเซลล์ และ แบบใช้แสงศึกษาเซลล์ และ แบบใช้แสงศึกษาเซลล์ และ
โครงต่าง ๆ ภายในเซลล์ได้ โครงต่าง ๆ ภายในเซลล์ได้ โครงต่าง ๆ ภายในเซลล์ได้
ถูกตอ้ ง คดิ เป็นร้อยละ 90 ถูกต้อง คดิ เปน็ ร้อยละ 90 ถกู ตอ้ ง คิดเป็นรอ้ ยละ 90
- นักเรียนมีความกระตือรือร้น - นักเรียนมีความกระตือรือร้น - นักเรียนมีความกระตือรือร้น
ในการทำกจิ กรรมกลุ่ม สามารถ ในการทำกิจกรรมกลุ่ม สามารถ ในการทำกจิ กรรมกลุ่ม สามารถ
ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมี ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมี ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมี
ความรับผิดชอบต่องานที่ได้ ความรับผิดชอบต่องานที่ได้ ความรับผิดชอบต่องานที่ได้
มอบหมายไว้ คิดเป็นร้อยละ มอบหมายไว้ คิดเป็นร้อยละ มอบหมายไว้ คิดเป็นร้อยละ
100 100 100
---
อปุ สรรค
ข้อเสนอแนะ - - -
/แนว
ทางแก้ไข
บนั ทึกสำหรับอาจารย์พ่เี ลีย้ ง
............................................................................................................................. ...............................................................
.................................................................... .......................................................................................................... ..............
............................................................................................................................. ...............................................................
............................................................................................................................. ...............................................................
ลงชือ่ .....c.......f.....u........t....n...................ผ้สู อน ลงชอ่ื ............................................................
(อาจารย์นวินดา คงภักด)ี
(นายอาซอื มนั รเู ด็ง) อาจารยพ์ ีเ่ ลี้ยง
นกั ศึกษาปฏิบัติการสอน
วันที่ 19 เดอื นกรกฎาคม พ.ศ. 2565 วนั ที่ 19 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565
แบบบนั ทกึ การให้คะแนนใบกิจกรรม ฉนั คอื อะไรและวิธใี ช้งานฉันเป็นอย่างไร
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 หอ้ ง……..
คำช้แี จง : ใหท้ ำเคร่ืองหมาย ลงในช่องรายการประเมนิ ใบกิจกรรม ฉันคืออะไรและวิธีใชง้ านฉนั เปน็ อย่างไรตรงกบั
ระดบั คะแนนทน่ี ักเรยี นปฏบิ ัตไิ ด้
พฤตกิ รรม
ลำ ช่ือ-สกุล ความถกู ต้อง ความ ความตัง้ ใจ การนำเสนอ บุคลิกภาพ รวม
ดบั ของเนอื้ หา สร้างสรรค์ ในการ
ทำงาน
ที่ 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
พฤติกรรม
ลำ ชอ่ื -สกุล ความถกู ตอ้ ง ความ ความตง้ั ใจ การนำเสนอ บคุ ลกิ ภาพ รวม
ดับ ของเนอื้ หา สรา้ งสรรค์ ในการ
ทำงาน
ที่ 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนระดับคณุ ภาพ
16 - 20 อยใู่ นระดับ ดมี าก
11 - 15 อยใู่ นระดับ ดี
6 - 10 อยใู่ นระดับ พอใช้
1 - 5 อยู่ในระดับ ปรบั ปรุง
*หมายเหตุ : นักเรียนสามารถปฏบิ ัตใิ นระดบั ดีขน้ึ ไป คะแนนอยูใ่ นระหว่าง 9-12 คะแนน ถือวา่ ผ่านเกณฑ์
ลงชื่อ...........................................ผสู้ ังเกต
(...............................................................)
........../.........../...........
รายละเอียดการให้คะแนนใบกจิ กรรม ฉนั คืออะไรและวิธใี ช้งานฉนั เป็นอยา่ งไร
ประเดน็ การประเมิน 4 เกณฑ์การให้คะแนน 1
ดมี าก 32 ปรบั ปรุง
1. ความถูกต้องของ ดี พอใช้ เนอ้ื หาผดิ พลาด
เนื้อหา เน้ือหาถูกต้องครบถว้ น เนอ้ื หาครบถ้วนมี เนอื้ หาไมค่ รบถ้วน ต้องบอกให้แก้ไข
ผดิ พลาดเล็กน้อย ผิดพลาดเลก็ น้อย
2. ความคิดสรา้ งสรรค์ รปู แบบแปลกใหม่ มคี วามแปลกใหม่ ไมค่ ่อยแปลกใหม่ เลียนแบบ
3. ความตัง้ ใจในการ พฤติกรรมท่ีปฏิบัติ พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัติ พฤติกรรมท่ีปฏิบัติ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติ
ทำงาน ชดั เจนทกุ ครง้ั ชดั เจนและสมำ่ เสมอ ชดั เจนและ บางคร้งั
บ่อยคร้งั
4. การนำเสนอ เมอื่ นำเสนอถกู ต้อง เมอ่ื นำเสนอถกู ตอ้ ง เมือ่ นำเสนอไม่ เมือ่ นำเสนอ
ครบถว้ น เนน้ ประเดน็ ครบถว้ น ประเด็น ผดิ พลาดมาก
5. บคุ ลิกภาพ สำคัญไมช่ ดั เจน ค่อยถูกต้อง ไม่มี
สำคญั เมอื่ เสยี งเบา แตมี ประเดน็ ชดั เจน เมอ่ื ไมม่นั ใจและ
ความมั่นใจในการ พดู ตะกกุ ตะกักบ
เมือ่ พูดชดั เจน มคี วาม เมอ่ื ไมคอยมนั่ ใจ
ม่นั ใจในการนาํ เสนอ นําเสนอ ในการนําเสนอ อย
แบบบนั ทกึ การใหค้ ะแนนใบกจิ กรรมที่ 3.1 โลกใตก้ ล้องจุลทรรศน์เป็นอยา่ งไร
ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ห้อง……..
คำช้แี จง : ใหท้ ำเครื่องหมาย ลงในชอ่ งรายการประเมนิ ใบกิจกรรมท่ี 3.1 โลกใต้กล้องจลุ ทรรศน์เปน็ อย่างไร ให้ตรง
กับระดบั คะแนนทนี่ กั เรียนปฏิบัติได้
พฤติกรรม
ลำ ช่อื -สกุล การวางแผน การ การบนั ทึก การอภิปราย รวม
ดบั ท่ี การทดลอง ปฏิบตั กิ าร ผลและการ ผลการ
ทดลอง จดั การกบั ข
ทดลองและ
อมูล การนําเสนอ
ขอสรปุ
4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
พฤตกิ รรม
ลำ ชอื่ -สกุล การวางแผน การ การบนั ทึก การอภปิ ราย รวม
ดบั ท่ี การทดลอง ปฏบิ ตั ิการ ผลและการ ผลการ
ทดลอง จดั การกบั ข
ทดลองและ
อมูล การนาํ เสนอ
ขอสรปุ
4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนระดบั คุณภาพ
13-16 อยูใ่ นระดบั ดีมาก
9-12 อยใู่ นระดับ ดี
5-8 อยใู่ นระดบั พอใช้
1-4 อยใู่ นระดับ ปรบั ปรุง
*หมายเหตุ : นกั เรียนสามารถปฏิบัติในระดับดีข้นึ ไป คะแนนอยู่ในระหว่าง 9-12 คะแนน ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
ลงชือ่ ...........................................ผสู้ งั เกต
(...............................................................)
........../.........../...........
รายละเอยี ดการใหค้ ะแนนใบกิจกรรมท่ี 3.1 โลกใต้กล้องจุลทรรศนเ์ ปน็ อยา่ งไร
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ประเด็นการประเมนิ 4 32 1
ปรบั ปรงุ
ดมี าก ดี พอใช้ ไม่ได้ปฏิบัตทิ ง้ั
3 ประเดน็
1. การวางแผนการทดลอง ปฏบิ ัตไิ ด้ท้ัง 3 ปฏิบตั ิได้ 2 ปฏบิ ตั ไิ ด้เพียง
ไมไ่ ดป้ ฏิบตั ทิ ั้ง
1.1 รว่ มกันวางแผนและแบ่งหนา้ ที่เพื่อ ประเดน็ ประเดน็ ประเดน็ เดียว 3 ประเดน็
ปฏิบัติการทดลองตามวิธีการทดลอง ไม่ได้ปฏบิ ตั ิท้ัง
3 ประเด็น
1.2 รว่ มกันออกแบบตางรางบนั ทกึ ผล
ไมไ่ ด้ปฏิบตั ทิ ั้ง
1.3 ร่วมกันกำหนดวัตถปุ ระสงคข์ อง 3 ประเดน็
การทดลอง
2. การปฏบิ ัติการทดลอง ปฏบิ ัติได้ทง้ั 3 ปฏบิ ตั ไิ ด้ 2 ปฏบิ ัติได้เพยี ง
ประเด็น ประเด็นเดียว
2.1 ดำเนนิ ตามขั้นตอนในเวลาท่ี ประเดน็
กำหนด
2.2 เลอื กใช้วสั ดอุ ุปกรณ์และสารเคมี
ใหถ้ ูกต้องเหมาะสม
2.3 รกั ษาความสาดและเก็บวัสดุ
อุปกรณส์ ารเคมีได้เรยี บรอ้ ย
3. การบนั ทึกผลและการจัดการกบั ขอมูล ปฏบิ ัติไดท้ ง้ั 3 ปฏบิ ตั ิได้ 2 ปฏบิ ัติได้เพยี ง
ประเด็น ประเด็นเดียว
3.1 บันทกึ ผลการทดลองในตารางที่ ประเดน็
ร่วมออกแบบไว้
3.2 จัดกระทำข้อมลู ไดเ้ หมาะสมตาม
ลักษณะของข้อมลู
3.3 บันทกึ ผลการทดลองตรงกับผล
การทดลองของข้อมูล
4. การอภปิ รายผลการทดลองและการ ปฏบิ ตั ิไดท้ ้งั 3 ปฏบิ ัตไิ ด้ 2 ปฏิบตั ิได้เพียง
ประเด็น ประเด็นเดยี ว
นาํ เสนอขอสรปุ ประเดน็
4.1 ร่วมกันอภปิ รายผลการทดลอง
และการนำเสนอข้อสรปุ
4.2 รว่ มกนั สรุปผลการทดลองโดยใช้
ผลการทดลองของกลมุ่ ที่บนั ทึกไว้
4.3 นำเสนอขอ้ สรปุ ผลการทดลองได้
ถูกต้องตรงกับข้อสรุปของกลุ่ม
แบบบนั ทึกการใหค้ ะแนนใบงาน กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง
ช้ัน มัธยมศึกษาปีท่ี 1 หอ้ ง……..
คำชีแ้ จง : ให้ทำเครื่องหมาย ลงในชอ่ งรายการประเมนิ ใบกิจกรรม ฉนั คืออะไรและวิธีใช้งานฉนั เป็นอย่างไรตรงกบั
ระดับคะแนนท่ีนักเรยี นปฏิบัตไิ ด้
พฤติกรรม
ลำ ช่อื -สกุล ความถูกต้อง ความ ความตง้ั ใจ ความ เวลา รวม
ดบั ของเนอ้ื หา สรา้ งสรรค์ ในการ เรียบร้อย
ทำงาน
ที่ 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
พฤตกิ รรม
ลำ ชอื่ -สกุล ความถูกต้อง ความ ความต้ังใจ ความ เวลา รวม
ดบั ของเนอื้ หา สร้างสรรค์ ในการ เรียบรอ้ ย
ทำงาน
ที่ 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
เกณฑ์การใหค้ ะแนนระดับคุณภาพ
16 - 20 อยู่ในระดับ ดีมาก
11 - 15 อย่ใู นระดบั ดี
6 - 10 อยใู่ นระดบั พอใช้
1 - 5 อย่ใู นระดบั ปรับปรงุ
*หมายเหตุ : นักเรยี นสามารถปฏิบตั ิในระดบั ดีข้ึนไป คะแนนอยใู่ นระหวา่ ง 11 - 15 คะแนน ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
ลงชื่อ...........................................ผูส้ ังเกต
(...............................................................)
........../.........../...........
รายละเอยี ดการใหค้ ะแนนใบงาน กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง
ประเด็นการประเมิน 4 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1
ดีมาก 32 ปรบั ปรงุ
1. ความถกู ต้องของ ดี พอใช้ เนือ้ หาผดิ พลาดต้อง
เนอ้ื หา เนือ้ หาถูกตอ้ งครบถ้วน เนื้อหาครบถว้ นมี เน้อื หาไมค่ รบถ้วน บอกให้แก้ไข
ผดิ พลาดเล็กน้อย ผดิ พลาดเล็กน้อย
2. ความคดิ สรา้ งสรรค์ รปู แบบแปลกใหม่ มคี วามแปลกใหม่ ไมค่ ่อยแปลกใหม่ เลียนแบบ
3. ความต้ังใจในการ พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ตั ิ พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิ พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัติ พฤติกรรมท่ีปฏิบัติ
ทำงาน ชดั เจนทุกครง้ั ชดั เจนและสมำ่ เสมอ ชัดเจนและ บางครัง้
บอ่ ยคร้งั
4. บคุ ลกิ ภาพ เมื่อพูดชัดเจน มคี วาม เม่อื เสยี งเบา แตมี เม่ือไมม่นั ใจและพูด
มน่ั ใจในการนําเสนอ ความม่นั ใจในการ เม่อื ไมคอยมั่นใจ ตะกุกตะกักบอย
5. เวลาในการสง่ ใบ ในการนําเสนอ
งาน ส่งใบงานตรงตามเวลา นําเสนอ ส่งใบงานชา้ 3 วัน
ท่ีกำหนด สง่ ใบงานช้า 1 วนั สง่ ใบงานช้า 2 วัน ตามเวลาที่กำหนด
ตามเวลาท่ีกำหนด ตามเวลาท่กี ำหนด
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
รายวชิ า ว 21101 วิทยาศาสตร์ ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 หอ้ ง………ภาคเรียน……………..ปกี ารศกึ ษา………
กลุ่มท…่ี …………ชอื่ กลุม่ ……………
คำช้แี จง : สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนรายกลมุ่ ในระหว่างเรยี นแล้วทำเครื่องหมาย ✓ ลงช่องทตี่ รงกบั ระดับ
คะแนนที่นกั เรียนปฏิบัติได้
ลำ ชื่อ-สกลุ พฤติกรรม รวม
ดบั ท่ี สมาชิกกลุ่ม ความ การแสดง การรบั ฟงั ความตงั้ ใจ การมีสว่ น 20
รว่ มมอื ความ ความ ในการ รว่ มในการ
1. 1 คิดเห็น คิดเห็น ทำงาน อภิปราย
2. 2
3. 3 43214321432143214321
4. 4
5. 5
6. 6
7. 7
8. 8
9. 9
10. 0
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
ลำ ชอื่ -สกลุ พฤตกิ รรม รวม
ดบั ที่ สมาชกิ กลุ่ม ความ การแสดง การรับฟงั ความตั้งใจ การมสี ่วน 20
ร่วมมือ ความ ความ ในการ รว่ มในการ
19. คิดเหน็ คิดเห็น ทำงาน อภิปราย
20.
21. 43214321432143214321
22.
23.
24.
25.
26.
27.
28.
29.
30.
31.
32.
33.
34.
35.
36.
37.
38.
39.
เกณฑ์การให้คะแนนระดับคุณภาพ
16-20 อยู่ในระดบั ดมี าก
11-15 อยู่ในระดบั ดี
6-10 อยู่ในระดับ พอใช้
1-5 อย่ใู นระดับ ปรับปรงุ
*หมายเหตุ : นกั เรียนสามารถปฏิบตั ใิ นระดบั ดีข้นึ ไป คะแนนอย่รู ะหวา่ ง 11-15 คะแนน ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
ลงชอ่ื ........................................ ผู้ประเมนิ
(…………………………………….……)
รายละเอียดการใหค้ ะแนนการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
ประเดน็ การประเมนิ 4 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1
ดมี าก 32 ปรับปรุง
1. ความร่วมมือ พฤติกรรมที่ปฏบิ ัติ ดี พอใช้ พฤติกรรมที่ปฏิบัติ
ชดั เจนทุกคร้ัง พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ตั ิ พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ตั ิ บางครง้ั
2. การแสดงความ ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ
คดิ เห็น พฤติกรรมที่ปฏิบัติ พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ
ชดั เจนทุกครั้ง บอ่ ยครั้ง บางครง้ั
3. การรับฟงั ความ พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ิ พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ
คิดเหน็ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติ ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชดั เจนและ พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ตั ิ
ชดั เจนทุกคร้งั บางคร้ัง
4. ความตงั้ ใจในการ บอ่ ยครง้ั
ทำงาน พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิ พฤติกรรมทปี่ ฏิบัติ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิ
ชัดเจนทุกครง้ั ชัดเจนและสม่ำเสมอ ชัดเจนและ บางครั้ง
5. การมีส่วนรว่ มใน
การอภิปราย พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติ บ่อยครัง้ พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติ
ชดั เจนทุกครัง้ พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิ พฤติกรรมที่ปฏิบัติ บางครั้ง
ชดั เจนและสมำ่ เสมอ ชดั เจนและ
บอ่ ยครั้ง
พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิ พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ิ
ชัดเจนและสมำ่ เสมอ ชัดเจนและ
บ่อยครง้ั
แบบประเมินสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 4 ด้าน
ชอ่ื ..............................................................นามสกลุ .................................................... .ชน้ั ......……..เลขที.่ ....
คำช้แี จง : ให้สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียน แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งท่ตี รงกับระดบั คะแนน
สมรรถนะสำคัญที่ประเมิน ระดบั คะแนน สรปุ
432 1 ผล
1. ความสามารถในการสื่อสาร
1.1 มีความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคดิ
ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม
1.2 ใช้วิธกี ารสอื่ สารที่เหมาะสม
1.3 วิเคราะห์แสดงความคิดเหน็ อยา่ งมีเหตุผล
สรุปผลการประเมิน
2. ความสามารถในการคิด
2.1 มีความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ สังเคราะห์
2.2 มที กั ษะในการคดิ นอกกรอบอย่างสรา้ งสรรค์
2.3 มีความสามารถในการคดิ อย่างมรี ะบบ
สรปุ ผลการประเมนิ
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
3.1 สามารถแกป้ ญั หาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชญิ ได้
3.2 ใชเ้ หตผุ ลในการแกป้ ญั หา
3.3 สามารถตดั สนิ ใจได้เหมาะสมตามวยั
4 . ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
4.1 มที ักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี
4.2 สามารถนำเทคโนโลยีไปใชพ้ ฒั นาตนเอง
4.3 มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรมในการใชเท้ คโนโลยี
สรุปผลการประเมิน
สรปุ ผลการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคร์ ายบคุ คล
ดีมาก ดี ปานกลาง ตอ้ งปรับปรุง
ลงช่อื ........................................ ผู้ประเมนิ
(…………………………………….……)
แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
ชอ่ื ................................................................ช้นั ....................เลขที่....................
คำชี้แจง : ให้สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ตี รงกบั ระดบั
คะแนน
คณุ ลกั ษณะอนั พงึ รายการท่ีประเมนิ ระดบั คะแนน
ประสงค์ 321
1. มวี นิ ัย 1.1 ตรงตอ่ เวลา
1.2 ปฏิบัตงิ านเรยี บรอ้ ยเหมาะสม
1.3 ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง
2. ใฝเ่ รยี นรู้ 2.1 กระตือรือรน้ ในการแสวงหาขอ้ มลู
2.2 มกี ารจดบันทึกความรู้
2.3 สรปุ ความรไู้ ดอ้ ยา่ งมีเหตุผล
3. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน 3.1 มคี วามต้งั ใจและพยายามในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
3.2 มีความอดทนและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคเพ่ือให้งานสำเร็จ
เกณฑก์ ารให้คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชดั เจนและสม่ำเสมอ
- พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัตชิ ดั เจนและบ่อยครงั้
- พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิบางครง้ั
เกณฑ์การให้คะแนนระดบั คณุ ภาพ
18-24 อย่ใู นระดับ ดีมาก
13-18 อยู่ในระดบั ดี
7-12 อยใู่ นระดบั ปานกลาง
1-6 อย่ใู นระดับ ปรบั ปรุง
ลงช่ือ..........................................ผู้ประเมิน
(..........................................)
กิจกรรม 3.1 โลกใต้กล้องจลุ ทรรศนเ์ ปน็ อยา่ งไร
สมาชิกกลุม่
1. ชอื่ - สกลุ ………………………………………..…เลขที่………..หน้าท่ี………………………………..
2. ชอ่ื - สกลุ …………………………………………..เลขท่ี………..หน้าท่ี…………………………………
3. ช่ือ- สกลุ …………………………………………..เลขท่ี………..หน้าท่ี…………………………………
4. ชือ่ - สกุล…………………………………………..เลขที่………..หน้าที่…………………………………
5. ชือ่ - สกลุ …………………………………………..เลขที่………..หน้าที่…………………………………
6. ชื่อ- สกุล…………………………………………..เลขท่ี………..หนา้ ที่…………………………………
7. ช่ือ- สกุล…………………………………………..เลขท่ี………..หนา้ ที่…………………………………
8 . ชือ่ - สกุล…………………………………………..เลขที่………..หน้าที่…………………………………
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ห้อง……………..
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 วทิ ยาศาสตร์ (ว 21101) ช้ัน ม. 1
บทท่ี 1 เซลล์ เรอื่ ง การศึกษาเซลล์ด้วยกล้องจุลทรรศน์ ผู้สอน ปส. อาซือมนั รเู ด็ง
ใบกิจกรรม 3.1 โลกใตก้ ล้องจลุ ทรรศนเ์ ป็นอย่างไร
จุดประสงค์ 1. สังเกตและอภิปราย เพ่ือระบสุ ว่ นประกอบและบรรยายหนา้ ทแ่ี ตล่ ะสว่ นประกอบ
ของกลอ้ งจลุ ทรรศน์
2. ฝึกปฏบิ ตั ิการใช้กล้องจุลทรรศนใ์ ช้แสงเพื่อสงั เกตเซลล์
3. สงั เกตเซลลแ์ ละนำเสนอหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษเ์ ก่ยี วกบั ลักษณะของเซลล์
ตอนที่ 1 การใชก้ ล้องจุลทรรศนใ์ ช้แสง
1.1 จงวาดภาพท่ีสงั เกตได้จากแว่นขยาย
1.1.1 ภาพ่ีสงั เกตไดจ้ ากแวน่ ขยายมลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร: …………………………………………………………………………………
ภาพกอ่ นสงั เกตดว้ ยแวน่ ขยาย ภาพหลังสงั เกตด้วยแวน่ ขยาย
1.2 จงวาดภาพท่ีสังเกตไดห้ ลงั จากใช้เลนสใ์ กล้วัตถุขนาด 4X 10X และ 40X
1.2.1 ภาพที่สงั เกตได้มลี ักษณะเปน็ อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ภาพทไ่ี ดจ้ ากกำลงั ขยาย 4X ภาพที่ไดจ้ ากกำลังขยาย 10X ภาพที่ได้จากกำลงั ขยาย 40X
1.3 จงวาดภาพท่สี งั เกตได้จากการเล่อื นแทน่ วางสไลด์ไปทางซ้าย ขวา บน และล่าง
1.3.1 ภาพทีส่ ังเกตไดม้ ลี ักษณะเปน็ อยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
กอ่ นเล่ือนสไลด์ เลอ่ื นไปทางซา้ ย เลือ่ นไปทางขวา เล่อื นขึ้นบน เล่ือนลงลา่ ง
ตอนที่ 2 เซลลข์ องสง่ิ มีชีวิตตา่ ง ๆ
2.1 จงวาดภาพที่นกั เรียนสงั เกตได้จากการทำกจิ กรรม
ภาพวาดจากสไลด์ถาวรของเนอ้ื เยอ่ื พืช ภาพวาดจากสไลดถ์ าวรของเน้ือเยอื่ สตั ว์ ภาพวาดจากสไลดถ์ าวรของ………………
2.1 ลกั ษณะร่วมกันของเซลลข์ องส่งิ มีชีวติ เปน็ อย่างไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
คำถามทา้ ยกจิ กรรม
1. แวน่ ขยายมีส่วนประกอบและหนา้ ท่ีเหมือนหรอื แตกต่างจากกลอ้ งจลุ ทรรศน์อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………