เซลล์ พชื
เซลล์ สตั ว์
เซลลพ์ ชื
เซลลพ์ ชื มรี ูปร่างเปนเหลยี ม
มผี นังเซลล์อยูด่ า้ นนอก
มคี ลอโรพลาสตภ์ ายในเซลล์
แวคคิวโอลมขี นาดใหญ่ มองเหน็ ไดช้ ดั เจน
ไมม่ ไี ลโซโซม
เซลลส์ ตั ว์
เซลล์สตั วม์ รี ูปร่างกลม หรือรี
ไมม่ ผี นังเซลล์ แตม่ สี ารเคลอื บเซลลอ์ ยดู่ า้ นนอก
ไมม่ คี ลอโรพลาสต์
แวคควิ โอลมขี นาดเล็ก มองเหน็ ไดไ้ มช่ ดั เจน
มไี ลโซโซม
กจิ กรรมทา้ ยบท?
ใหน้ ักเรียนบอกโครงสร้างและอธิบายหน้าท
ของเซลลส์ ตั วแ์ ละเซลลพ์ ชื ทกี าํ หนดให้
1. 5. 8.
7.
2.
ที 3. 6.
5.
4.
9.
1. 8.
7.
2. 6.
3.
4.
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3
รายวิชาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 ภาคเรียนที่ 1/2564
เวลา 2 ช่ัวโมง
หนว่ ยการเรียนรู้ 4 เร่อื ง การเคลอ่ื นท่ี เรอื่ ง การเครือ่ งที่
วันท่ี 1กนั ยายน2564
และแรง
โรงเรยี น เทศบาลวดั หนองผา ผสู้ อน นายอานนท์ นุ่มพรม
1.มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชว้ี ัด
มาตรฐานการเรียนรู้
สาระท่ี 1.2 วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวี ิตประจาวนั ผลของแรงทกี่ ระทาตอ่ วัตถุลักษณะการ
เคล่อื นทแ่ี บบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมท้งั นาความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชี้วดั
ว 2.2 ม.2/1 พยากรณ์การเคล่ือนที่ของวัตถุที่เป็นผลของ แรงลัพธ์ท่ีเกิดจากแรงหลายแรงที่กระทา
ตอ่ วตั ถุในแนวเดียวกนั จากหลักฐานเชงิ ประจักษ์
2.จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (K)
1.นกั เรยี นสามารถหาระยะทางและการกระจัดได้
2.นกั เรยี นสามารถอธบิ ายความหมายของปริมาณเวกเตอร์และปรมิ าณสเกลารไ์ ด้
3.นักเรยี นสามารถคานวณอัตราเร็วและความเรว็ ได้
ดา้ นทักษะและกระบวนการ (P)
1.นกั เรยี นสามารถจาแนกความแตกต่างระหวา่ งความเร็วและอตั ราเร็วได้
2.นกั เรยี นสามารถจาแนกความแตกต่างระหว่างปรมิ าณเวกเตอร์และปรมิ าณสเกลาร์ได้
ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)
1. นักเรยี นมคี วามใฝเ่ รยี นรู้และรับผดิ ชอบต่อหน้าที่
3. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การเคลื่อนที่ในฟิสิกส์ หมายถึง การเปล่ียนตาแหน่งของวัตถุในช่วงเวลาหนึ่ง ถูกอธิบายด้วย การ
กระจัด ระยะทาง ความเรว็ ความเรง่ เวลา และอตั ราเรว็
1.1 ระยะทาง (Distance)
จากการศึกษาการเคล่ือนที่ของวัตถุ เช่น รถยนต์ สัตว์ วตั ถุตกในอากาศ พบวา่ ตาแหน่งของวัตถุ
มีการเปลี่ยนไปจากเดิม หรือกล่าวว่าวัตถุจะเลื่อนจากตาแหน่งเดิมไปยังตาแหน่งใหม่ ซึ่งจะเรียกการเคลื่อนท่ี
เช่นนี้ว่า การเคลื่อนท่ีแบบเล่ือนตาแหน่ง (translation motion) ถ้าเราทราบตาแหน่งเริ่มต้นเส้นทางการ
เคลื่อนท่ีและตาแหน่งสุดท้ายของการเคลื่อนที่ ก็จะได้ระยะทางจากความยาวตามเส้นทางการเคลื่อนที่น้ัน
ระยะทางใช้สัญลักษณ์ “s” เป็นปริมาณสเกลาร์ คือมีแต่ขนาดเพียงอย่างเดียว แต่ไม่บอกทิศทาง มีหน่วย
เปน็ เมตร (m)
1.2 การกระจัด (Displacement)
เม่ือวัตถุมีการเคลื่อนที่จากตาแหน่งหน่ึงไปยังอีกตาแหน่งหน่ึง การบอกตาแหน่งใหม่เทียบกับ
ตาแหน่งเดิม เพ่ือให้เข้าใจได้ชัดเจนต้องบอกท้ังระยะห่างและทิศทาง ปริมาณท่ีบอกให้ทราบถึงการเปล่ียน
ตาแหน่ง เรยี กว่า การกระจดั
1.3 อตั ราเรว็ (Speed)
เมื่อวัตถุมีการเคลื่อนท่ี ปริมาณท่ีบอกได้ว่าวัตถุนั้นเคลื่อนที่ได้เร็วมากหรือน้อยน้ัน คือ
อัตราเร็ว ซึ่งโดยท่ัวไป อัตราเร็ว หมายถึง ระยะทางท่ีวัตถุเคลื่อนท่ีได้ในหนึ่งเวลา หรือ อัตราการเปล่ียน
ระยะทาง อตั ราเร็วเป็นปรมิ าณสเกลาร์ ใชส้ ญั ลกั ษณ์ “ v ” มีหน่วย เมตรต่อวนิ าที ( m/s)
1.4 ความเรว็ (velocity)
เมื่อวัตถุมีการเคลื่อนท่ี ตาแหน่งของวัตถุจะเปล่ียนแปลง การเปลี่ยนแปลงตาแหน่งของวัตถุอาจ
ทาให้ทราบวา่ วตั ถุเคล่ือนท่ีมีลักษณะอย่างไร โดยมีการกาหนดว่า อตั ราการเปลี่ยนแปลงการกระจัด หรือ การ
กระจัดท่เี ปล่ยี นแปลงไปในหนง่ึ หน่วยเวลา เรียกว่า ความเร็ว
4. สาระการเรยี นรู้
1.การเคลื่อนท่ขี องวตั ถุ
2.ระยะทางและการกระจัด
3.ปริมาณสเกลาร์และปรมิ าณเวกเตอร์
4.อตั ราเรว็ และความเร็ว
5. สมรรถนะของผ้เู รียน
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคิด
- ทักษะการสังเกต
6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มคี วามสนใจใฝ่รู้
2. มีวนิ ยั
7. ขน้ั ตอนการจัดการเรียนรู้
ใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5 Es
1. ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement)
1.1 ครูสร้างความสนใจโดยการยกตัวอย่างกิจกรรมที่อยู่ในชีวิตจริงในเร่ืองเก่ียวกับการ
เคล่ือนที่
2. ขนั้ สารวจและค้นหา (Exploration)
2.1 ครูอธบิ ายวิธีการบอกตาแหน่งและความหมายของระยะทางและการกระจดั
2.2 ครใู ห้นกั เรียนอภปิ รายความแตกตา่ งระหว่างระยะทางและการกระจดั โดยการตั้งคาถาม
จากครู หาระยะทางและการกระจัดจาก ใบงานที่ 1 เรื่องการเคล่ือนทข่ี องแรง
3. การอภิปรายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
3.1 ครูอธิบายเรือ่ งปรมิ าณเวกเตอร์และปริมาณสเกลาร์
3.2 ครอู ธิบายความหมายและความแตกต่างระหวา่ งอตั ราเรว็ และความเร็ว
4. ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration)
4.1 ครูขยายความรู้ให้นักเรียนโดยให้นักเรียนตอบคาถามจากใบงงานท่ี 1 เร่ืองการเคล่ือนท่ี
ของแรง
5. ขั้นประเมินผล (Evaluation)
5.1 ประเมินความรู้และทกั ษะดว้ ยการใหน้ กั เรยี นทาใบงานท่ี 1 เรือ่ งการเคลอ่ื นท่ีของแรง
5.2 ประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดว้ ยการสงั เกตุจาการภาระงานของนักเรยี น
8.สือ่ และแหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สือเรยี นวชิ าวิทยาศาสตรเ์ ลม่ 1 ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2
2. PowerPoint เร่ือง การเครื่องท่ี
9. ช้นิ งาน / ภาระงาน
1. ใบงานท่ี 1 เรื่อง การเคลอื่ นท่ขี องแรง
10. การวัดและประเมนิ ผล
1. กรอบการวดั และประเมนิ ผล แตล่ ะจุดประสงค์การเรียนรนู้ าเสนอประเด็นที่ทาการวัด และ
ประเมนิ ผล วธิ กี ารวัด และเครือ่ งมอื วัด ดงั ตาราง
ตาราง : แสดงกรอบการวัดและประเมนิ ผล
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ วธิ ีการวดั ผล เครือ่ งมือ เกณฑก์ ารผา่ น
จุดประสงค์
ดา้ นความรู้ (K) - นกั เรยี นทาใบงาน - ใบงานท่ี 1 การ
- นกั เรยี นสามารถหาระยะทางและการ ผา่ นจดุ ประสงคร์ ้อยละ
กระจัด ที่ 1 การเคลอ่ื นท่ี เคล่อื นทข่ี องแรง 70 ข้ึนไป
- นกั เรยี นสามารถอธบิ ายความหมายของ ของแรง
ปรมิ าณเวกเตอร์และปรมิ าณสเกลาร์ได้
- นกั เรยี นสามารถคานวณอตั ราเรว็ และ
ความเรว็ ได้
ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
- นกั เรยี นสามารถจาแนกความแตกตา่ ง - นกั เรยี นทาใบงาน - ใบงานท่ี 1 การ ผ่านจดุ ประสงค์รอ้ ยละ
ระหว่างความเรว็ และอตั ราเร็วได้ ที่ 1 การเคลอื่ นที่ เคล่ือนทข่ี องแรง 70 ขน้ึ ไป
- นกั เรยี นสามารถจาแนกความแตกตา่ ง ของแรง
ระหว่างปริมาณเวกเตอรแ์ ละปรมิ าณส ระดับ 2 จาก 4ระดบั
เกลาร์ได้ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต (Rubric Scaring)
คุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ (A) และจากการสง่ งาน พฤติกรรม
- นกั เรยี นมคี วามใฝเ่ รยี นรแู้ ละรบั ผดิ ชอบ
ตอ่ หน้าท่ี ตรงต่อเวลา
2. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนเกณฑ์รบู ริคส์ (Rubric Score) ให้คะแนนเป็นรายข้อของเกณฑร์ บู รคิ ส์ ทส่ี รา้ งขนึ้
สาหรบั การประเมิน (Analytical Rubric Score)
ตาราง : แสดงเกณฑ์การใหค้ ะแนนเกณฑร์ บู ริคส์
ประเดน็ ระดับคณุ ภาพ
การประเมนิ 4 3 21
(ดีมาก) (ด)ี (ปานกลาง) (ค่อนข้างนอ้ ย)
ด้านความรู้ (K)
- นกั เรยี นสามารถอธบิ ายการใชก้ ลอ้ ง
จลุ ทรรศนไ์ ด้ รอ้ ยละ 70 ข้นึ ไป
ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P)
- นกั เรยี นสามารถใชก้ ลอ้ งจลุ ทรรศน์ ร้อยละ 70 ขน้ึ ไป
ในการศึกษาวตั ถไุ ดอ้ ย่างถูกต้อง
คุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ (A)
- นกั เรยี นมพี ฤตกิ รรมใฝเ่ รยี นรู้ มคี วาม - มีความตง้ั ใจทางาน ีมีผลการเรียนรตู้ าม ีมีผลการเรยี นรู้ ีมีผลการเรยี นรู้
ตาม คาอธิบาย
มงุ่ มน่ั ในการทางาน - มคี วามเพยี รพยายาม คาอธบิ ายเป็นราย ตาม คาอธบิ าย เป็นรายข้อ ดังที่
กาหนด ระดบั ดี
- ความรับผิดชอบงาน ข้อดงั ทก่ี าหนด เป็นราย ข้อดังท่ี มากข้อใดๆ
น้อยกว่า 2 ข้อ
ท่ไี ดร้ ับมอบหมาย ระดบั ดมี ากข้อใดๆ กาหนด ระดับดี
- มีความอดทนอดกลั้น จานวน 3 ข้อ มากข้อใดๆ
จานวน 2 ขอ้
ใบกจิ กรรมท่ี 1
การเคล่อื นที่
คำช้แี จง : จงตอบคำถำมตอ่ ไปนใ้ี หถ้ ูกตอ้ ง
1. จงอธิบำยควำมแตกตำ่ งระหว่ำงระยะทำงและกำรกระจดั
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. จงอธิบำยควำมแตกต่ำงระหว่ำงปริมำณเวกเตอรแ์ ละปรมิ ำณสเกลำร์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. จงอธิบำยควำมแตกตำ่ งระหว่ำงอัตรำเร็วและควำมเรว็
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4.
300 m
จำกภำพ เดนิ จำกบำ้ นไปโรงเรียนโดยแวะเติมน้ำมัน ทป่ี ม้ั นำ้ มันก่อนไปโรงเรียน ระยะทำงและกำร
กระจัดทเ่ี ขำเคล่อื นท่ีได้ มีค่ำเทำ่ ใดตำมลำดบั
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5.
จำกภำพในเวลำ 5 นำที รถยนต์คันหนง่ึ วิ่งจำก A ไปถึง C ตำมเสน้ ทำง ABC ดังรูปขนำดของควำมเรว็
เฉลี่ยและอัตรำเรว็ เฉลย่ี ของรถยนต์คนั น้ีเป็นเท่ำใด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แบบสังเกตคณุ ลักษณะท่พี ึงประสงค์ (A)
เลข ่ีทชื่อ – สกลุ ผลการประเมนิ
ีมความ ัรบผิดชอบงานท่ีไ ้ด ัรบ
และอดทนอด ้กัน
ผลการเ ีรยน ูร้ตาม คาอ ิธบายเป็นราย
้ขอดังที่กาหนด ระดับดีมาก ้ขอใด ๆ
จานวน 3 ้ขอ
ีมีผลการเ ีรยน ูร้ตาม คาอ ิธบายเป็น
ราย ้ขอดัง ่ีทกาหนด ระดับดีมาก
้ขอใด ๆ จานวน 2 ้ขอ
ีมีผลการเรียนรู้ตาม คาอ ิธบายเป็น
ราย ้ขอดัง ่ีทกาหนด ระดับดีมาก
้ขอใด ๆ ้นอยกว่า 2 ้ขอ
4 3 2 1
/
1 เด็กชายมงคล ศรีพล /
2 เด็กชายธรรศ ชรินรตั น์ /
3 เด็กชายพัสกร กุดแก้ว /
4 เด็กชายสทิ ธชิ ัย โตไพรศรี /
5 เดก็ ชายอโณทัย ไทยธรรม /
6 เดก็ ชายสทิ ธพิ งษ์ มะตนั /
7 เดก็ ชายมนตธ์ ชั ไชยเสนา /
8 เด็กชายทักษณิ ธญั ญะเจรญิ /
9 เดก็ ชายกติ ตธิ ัช อนิ สา /
10 เดก็ ชายกิตติพันธ์ คงคณะ /
11 เดก็ ชายไชยา ดอนงัน /
12 เด็กชายธนกฤต สารคาม /
13 เดก็ ชายธนิวตั น์ นาสา /
14 เด็กชายวุฒภิ ทั ร เชอ้ื นพคุณ /
15 เด็กหญงิ จีระวรรณ ศรอี นิ ทร์ภริ มย์ /
16 เดก็ หญงิ ญาณทัศน์ ถมยา /
17 เดก็ หญงิ มยุรี อุตรแปลง /
18 เด็กหญิงณิชมนต์ แก้วเปยี /
19 เดก็ หญิงวีระภัทรา อตุ ใจ
แบบสังเกตคณุ ลักษณะท่พี ึงประสงค์ (A)
เลข ่ีท ชื่อ – สกุล ผลการประเมนิ
ีมความ ัรบผิดชอบงานท่ีไ ้ด ัรบ
และอดทนอด ้กัน
ผลการเ ีรยน ูร้ตาม คาอ ิธบายเป็นราย
้ขอดัง ี่ทกาหนด ระดับดีมาก ้ขอใด ๆ
จานวน 3 ้ขอ
ีมีผลการเ ีรยน ูร้ตาม คาอ ิธบายเป็น
ราย ้ขอดัง ่ีทกาหนด ระดับดีมาก
้ขอใด ๆ จานวน 2 ้ขอ
ีมีผลการเรียนรู้ตาม คาอ ิธบายเป็น
ราย ้ขอดัง ่ีทกาหนด ระดับดีมาก
้ขอใด ๆ ้นอยกว่า 2 ้ขอ
4 3 2 1
/
20 เด็กชายพชั รพงศ์ ชุ่มวิเศษ / /
21 เด็กหญงิ สพุ ิชญา เพ็งถา /
22 เด็กหญิงปิยะภรณ์ อยูอ่ อ่ ง / /
23 เด็กหญิงนรศิ า บญุ ป้ัน / /
24 เดก็ หญิงปรีญาภรณ์ สขุ เกษม /
25 เด็กหญงิ รัตนาวดี จาปาดะ /
26 เด็กหญิงนธิตา สีมา /
27 เดก็ หญิงชญาดา ววิ ัฒนว์ านิชกุล
28 เด็กหญงิ ธญั ลักษณ์ วงษโ์ สภา
29 เดก็ หญงิ อนติ ดา โลท่ อง
30 เดก็ หญิงสทุ ธิกานต์ สทิ ธชิ ยากลุ
ผลการประเมนิ
นกั เรยี นมผี ลการประเมนิ ในระดบั ดมี าก จานวน 0 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 0
นกั เรยี นมผี ลการประเมนิ ในระดบั ดี จานวน 4 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 13.33
นกั เรยี นมผี ลการประเมนิ ในระดบั ปานกลาง จานวน 26 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 86.66
นกั เรยี นมผี ลการประเมนิ ในระดบั คอ่ นข้างน้อย จานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0
แบบบันทกึ การประเมินด้านความรู้ (K) และ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P)
เลข ่ีทช่ือ – สกุล ผลการประเมิน
ร้อยละ 70 ้ึขนไป
ตากว่าร้อยละ 70 ขึ้นไป
1 เด็กชายมงคล ศรีพล / ผา่ น ไม่ผา่ น
2 เดก็ ชายธรรศ ชรินรัตน์ / /
3 เดก็ ชายพสั กร กุดแกว้ / /
4 เด็กชายสิทธิชัย โตไพรศรี / /
5 เด็กชายอโณทัย ไทยธรรม /
6 เดก็ ชายสทิ ธพิ งษ์ มะตัน /
7 เด็กชายมนต์ธัช ไชยเสนา / //
8 เดก็ ชายทกั ษิณ ธญั ญะเจรญิ / //
9 เดก็ ชายกิตติธัช อนิ สา / //
10 เด็กชายกติ ตพิ ันธ์ คงคณะ /
11 เดก็ ชายไชยา ดอนงนั / /
12 เดก็ ชายธนกฤต สารคาม / /
13 เดก็ ชายธนิวตั น์ นาสา / /
14 เดก็ ชายวฒุ ภิ ทั ร เชื้อนพคุณ / /
15 เด็กหญงิ จรี ะวรรณ ศรีอนิ ทรภ์ ริ มย์ / /
16 เดก็ หญิงญาณทัศน์ ถมยา / /
17 เดก็ หญิงมยรุ ี อตุ รแปลง / /
18 เดก็ หญิงณิชมนต์ แก้วเปีย /
19 เด็กหญงิ วีระภทั รา อตุ ใจ /
/
/
/
แบบบนั ทกึ การประเมนิ ด้านความรู้ (K) และ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
เลข ี่ทช่ือ – สกลุ ผลการประเมิน
ร้อยละ 70 ข้ึนไป
ตากว่าร้อยละ 70
20 เด็กชายพัชรพงศ์ ชุ่มวเิ ศษ / ผา่ น ไม่ผา่ น
21 เด็กหญงิ สุพิชญา เพง็ ถา / /
22 เดก็ หญงิ ปยิ ะภรณ์ อยอู่ อ่ ง /
23 เดก็ หญงิ นริศา บญุ ปนั้ /
24 เดก็ หญงิ ปรญี าภรณ์ สขุ เกษม / //
25 เด็กหญงิ รตั นาวดี จาปาดะ / //
26 เด็กหญิงนธิตา สมี า / //
27 เด็กหญิงชญาดา ววิ ัฒนว์ านชิ กลุ /
28 เดก็ หญงิ ธัญลักษณ์ วงษ์โสภา / /
29 เดก็ หญงิ อนติ ดา โล่ทอง /
30 เด็กหญิงสทุ ธกิ านต์ สิทธชิ ยากลุ /
/
/
/
ผลการประเมนิ
นกั เรยี นมผี ลการประเมนิ รอ้ ยละ 70 ขนึ้ ไป จานวน 24 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 80
นกั เรยี นมผี ลการประเมนิ ตากว่ารอ้ ยละ 70 ขึ้น จานวน 6 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 20
สวสั ดคี รบั
นกั เรยี นทกุ
HI....
กคน..
นายอานนท์ นมุ่ พรม
มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อุตรดติ ถ์
WELC
TO CL
COME
LASS!
หนว่ ยที 4.....
การเคลือนทีและแ
แรง
การเคลือนที ?.....
การเคลือนที ?.....
การเคลือนที ?.....
การเปลียนตาํ แหนง่ ของวตั ถหุ รอื สิงมีชีว
ในช่วงเวลาหนงึ
วติ
การเคลือนที แบบต่างๆ
การเคลือนทแี บบวงกลม
การเคลือนทีแนววถิ ีโค้ง
การเคลือนทขี องวตั ถใุ นแนวราบ
ตําแหนง่
ตําแหนง่ ที 1
ตําแหนง่ ที 2
ตําแหนง่
2 เมตร
2 เมตร 2
2เ
2 เมตร
เมตร
ตําแหนง่
2 เมตร
ระยะทางและการกร
ระยะทาง เปนความยาวทสี ัด
ซึงเปนระยะทางท
การกระจัด เปนระยะหา่ งทวี ดั
ตาํ แหนง่ สุดทา้ ย พ
ระจดั
ดไดท้ งั หมดตามแนวทางการเคลืนทขี องวตั ถุ
ทเี คลือนทจี รงิ มีหยว่ ยเปนเมตร (S)
ดในแนวตรงจากตาํ แหนง่ เรมิ ตน้ ไปยงั
พรอ้ มทงั บอกทศฺ ทาง มีหนว่ ยเปนเมตร
ระยะทาง (s)
ตวั อยา่ ง
500 เม
มตร
ระยะทาง (s)
ตวั อยา่ ง
500 เมตร
รา้ นขายของ
200 เมตร
โรงเรยี น
ระยะทาง (s)
ตวั อยา่ ง
500 เมตร
โรงเรยี น
รา้ นขายของ
250 เมตร
การกระจดั
ตวั อยา่ ง
300 เมตร
สวนสาธารณะ 45
บา้ น
200 เมตร
สวนสตั ว์
50 เมตร