The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by prasopchock.pra, 2021-06-10 05:47:28

แผนการจัดการเรียนการสอนวิทย์พื้นฐาน ม.2

199





4) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศกษาคนคว้าเนื้อหา เพื่อจดการเรียนรู้ครั้งตอไป โดยให้นักเรียนศกษาคนคว้า



ล่วงหน้าในหัวข้อแรง
5) ครูให้นักเรียนเตรียมประเด็นค าถามที่สงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 ค าถาม เพื่อน ามาอภิปรายร่วมกันในห้องเรียน
ครั้งต่อไป
10. สื่อการเรียนร ู้
1. ใบกิจกรรม สืบค้นข้อมูลเทคโนโลยีช่วยให้มีบุตร

2. หนังสือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต
3. แบบทดสอบหลังเรียน
4. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1
5. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เลม 1

6. แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีท 2 เล่ม 1
ี่
7. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1
11. การวดและประเมินผลการเรียนร ู้


ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ
ด้านความรู้ (K) ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
จิตวิทยาศาสตร์ (A)

1. ซักถามความรู้เรื่องเทคโนโลยีช่วยให้มี 1. ประเมินเจตคตทางวิทยาศาสตร์เป็น 1. ประเมินทักษะการคิดโดยการ
บุตร รายบุคคลโดยการสังเกตและใช้แบบ สังเกตการท างานกลุ่ม
2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ วัดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 2. ประเมินพฤติกรรมในการปฏิบัต ิ

กิจกรรมฝึกทักษะระหว่างเรียน 2. ประเมินเจตคติต่อวิทยาศาสตร์เป็น กิจกรรมเป็นรายบุคคลหรือราย
3. ทดสอบหลังเรียนโดยใช้แบบทดสอบ รายบุคคลโดยการสังเกตและใช้แบบ กลุ่มโดยการสังเกตการทางาน

หลังเรียน วัดเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ กลุ่ม















บันทึกผลหลังการสอน
สรุปผลการเรียนการสอน

200


1. นักเรียนจ านวน ..................... คน
ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ..................... คน คิดเป็นร้อยละ .........................

ไม่ผ่านจุดประสงค์ .................................. คน คิดเป็นร้อยละ .........................

2. ด้านความรู้ความเข้าใจ (K)
……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………….……

…………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………

3. ด้านทักษะกระบวนการ (P)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………….……

…………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………

4. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………….……

………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………………

ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข

………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………….……
…………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………

ข้อแนะน า
………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………….……

………………………………………………………………..………………………………………………………………………………………………





ลงชื่อ .......................................................
(นายประสพโชค ประภา)

ต าแหน่ง ครู




ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย

201


ได้จัดท าการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ................ รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (ว22101)

แล้วมีความคดเห็นดังนี้
1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท ี่
 มีองค์ประกอบครบ
 มีองค์ประกอบยังไม่ครบ ควรเพิ่มเติม ...................................................................................................


2. การจัดกิจกรรมได้น าเอากระบวนการเรียนรู้
 เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป


3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท ี่
 น าไปใช้ได้จริง
 ควรปรับปรุงก่อนน าไปใช ้


4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………….……

…………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………
………………………….…………………………………………………………………………………………………………….………………………





ลงชื่อ ..............................................................
(นางลัดดา ผาพันธ์)

ผู้อ านวยการโรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษา

202



แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 30
สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษา

รายวิชา ว22101 วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงและการเคลื่อนที่ จ านวน 28 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง แรง เวลาสอน 1 ชั่วโมง


ู้
1. มาตรฐานการเรียนร


มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวิตประจาวัน ผลของแรงทกระทาตอวัตถุ ลกษณะการเคลอนทแบบ
ี่
ื่
ี่



ต่างๆ ของวัตถุ รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์

2. ตัวชี้วดชั้นปี
ี่

ี่

ื่



ี่
ี่
พยากรณการเคลอนทของวัตถุทเป็นผลของแรงลพธ์ทเกิดจากแรงหลายแรงทกระทาตอวัตถุในแนวเดยวกันจาก
หลักฐานเชิงประจักษ์ (ว 2.2 ม. 2/1)
3. จุดประสงค์การเรียนร ู้
1. อธิบายความหมายของแรงและผลของแรงที่กระท าต่อวัตถุได้ (K)
2. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ (A)
4. ท างานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ (A)
5. สื่อสารและน าความรู้เรื่องแรงไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ (P)
4. สาระส าคัญ
แรง คือ สิ่งที่กระท าต่อวัตถุแล้วท าให้วัตถเปลยนรูปร่างหรือเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่ เช่น เมื่อออกแรงกระท าตอ


ี่
ี่
วัตถุทหยุดนิ่งจะทาให้วัตถุเคลอนทหรือทาให้วัตถุทก าลงเคลอนทมีความเร็วเพิ่มขึ้น ชาลง หยุดนิ่ง หรืออาจเปลยนทศ

ื่

ี่


ี่
ี่
ี่
ื่

ทางการเคลื่อนที่ได้ แรงเปนปริมาณเวกเตอร์ที่มีทั้งขนาดและทิศทาง ในระบบ SI แรงมีหน่วยเป็นนิวตัน (Newton: N)

5. สาระการเรียนร ู้
แรง
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งมั่นในการท างาน
4. มีจิตวิทยาศาสตร์
7. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชเทคโนโลยี

8. ชิ้นงานหรือภาระงาน
สืบค้นข้อมูลแรง

203



9. การจัดกจกรรมการเรียนร ู้



ครูดาเนินการทดสอบก่อนเรียน โดยให้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความพร้อมและพื้นฐาน
ของนักเรียน
ขั้นน าเข้าสู่บทเรียน
(1) ครูถามค าถามนักเรียนเพื่อกระตุ้นความสนใจ เช่น
– ถ้านักเรียนตองการให้วัตถุตางๆ เปลยนรูปร่างหรือทาให้วัตถุทหยุดนิ่งเกิดการเคลอนท นักเรียนควรทา


ื่
ี่
ี่

ี่

อย่างไร (แนวค าตอบ ออกแรงกระท าต่อวัตถุ)
– วิธีการใดบ้างที่ท าให้วัตถุเคลื่อนที่ (แนวค าตอบ ออกแรงดึงและผลัก)
2) นักเรียนร่วมกันตอบค าถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับค าตอบ เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง แรง
ขั้นจัดกิจกรรมการเรียนร ู้



ั้
จดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใชกระบวนการสบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลบดาน ชนเรียน


(flipped classroom) ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)
ี่

ุ่
(1) ครูแบ่งกลมนักเรียนแลวเปิดโอกาสให้นักเรียนในกลมน าเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแรงทครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้
ุ่
ล่วงหน้าให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มฟัง จากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมาน าเสนอข้อมูลหน้าห้องเรียน
ี่


(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนท าภาระงานทไดรับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทกของนักเรียน
และถามค าถามเกี่ยวกับภาระงาน ดังนี้
– แรงคืออะไร (แนวค าตอบ สิ่งที่กระท าต่อวัตถุแล้วท าให้วัตถุเปลี่ยนรูปร่างหรือเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่)



– แรงที่นักเรียนพบในชีวิตประจ าวันมีอะไรบ้าง (แนวคาตอบ แรงผลัก แรงดง แรงจากน้ า แรงเสยดทาน แรง
โน้มถ่วง แรงไฟฟ้า และแรงแม่เหล็ก)




(3) ครูเปดโอกาสให้นักเรียนตั้งประเดนคาถามทนักเรียนสงสยจากการท าภาระงานอย่างน้อยคนละ 1 ค าถาม ซึ่ง
ี่
ครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดงความคิดเห็น
(4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า เมื่อมีแรงมากระท าต่อวัตถุ
จะท าให้วัตถุเกิดการเปลี่ยนรูปร่างหรือเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่ได ้
2) ขั้นส ารวจและค้นหา (Exploration)

(1) ครูให้นักเรียนศกษาเรื่องแรง จากใบความรู้หรือในหนังสอเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า แรง


(force) ในทางวิทยาศาสตร์ หมายถง สิ่งที่ทาให้วัตถุเกิดการเปลี่ยนรูปร่างหรือเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนท เช่น เมื่อออกแรง
ี่

ื่
ี่

ี่



ี่
กระทาตอวัตถุทหยุดนิ่งจะทาให้วัตถุเคลอนทหรือทาให้วัตถุทก าลงเคลอนทมีความเร็วเพิ่มขึ้น ชาลง หยุดนิ่ง หรืออาจ
ี่


ื่
เปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ได ้
(2) ครูแบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับแรง ตามขั้นตอนดังนี้
– แตละกลมวางแผนการสบคนข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อย่อยให้เพื่อนสมาชกชวยกันสบคนตามทสมาชกกลม


ี่



ุ่

ุ่


ช่วยกันก าหนดหัวข้อย่อย เช่น ความหมายของแรง หน่วยของแรง และผลที่เกิดจากแรงกระท าต่อวัตถุ

ุ่




ุ่
– สมาชกกลมแตละคนหรือกลมย่อยชวยกันสบคนข้อมูลตามหัวข้อย่อยทตนเองรับผดชอบ โดยการสบคน

ี่


จากหนังสือ วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยส าหรับเยาวชน หรืออินเทอร์เน็ต
ุ่
ี่
– สมาชกกลมน าข้อมูลทสืบคนได้มารายงานให้เพื่อนๆ สมาชกในกลมฟัง รวมทงร่วมกันอภิปรายซักถามจน

ุ่
ั้


คาดว่าสมาชิกทุกคนมีความรู้ความเข้าใจที่ตรงกัน

204






– สมาชิกกลุ่มช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้ทั้งหมดเปนผลงานของกลุ่ม และชวยกันจดท ารายงานการศกษาค้นคว้า

เกี่ยวกับแรง
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้จากการปฏิบัติกิจกรรม

(4) ครูคอยแนะน าช่วยเหลอนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาสให้นักเรียน

ทุกคนซักถามเมื่อมีปัญหา
3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)

(1) นักเรียนแต่ละกลุ่มน าเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าห้องเรียน
(2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวค าถาม เช่น
ี่
– แรงทกระทาตอวัตถุมีผลตอวัตถุอย่างไร (แนวคาตอบ แรงทาให้วัตถุเปลยนรูปร่างหรือเปลยนสภาพการ

ี่
ี่




เคลื่อนที่)
ี่


– กิจกรรมใดในชวิตประจาวันทเกี่ยวข้องกับแรง (แนวคาตอบ การโยนลูกบอล การเปิด – ปิดหน้าตาง การ


ฉีกกระดาษ และการลากเก้าอี้)

ิ่
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า แรง คือ สงที่กระท าตอ
ื่
ี่

วัตถุแลวท าให้วัตถุเปลยนรูปร่างหรือเปลี่ยนสภาพการเคลอนท แรงเปนปริมาณเวกเตอร์ทมีทั้งขนาดและทศทาง ในระบบ

ี่
ี่




ี่



ี่
SI แรงมีหน่วยเป็นนิวตน (Newton: N) โดยผลทเกิดจากแรงกระทาตอวัตถุมีหลายลกษณะ เชน ทาให้วัตถุเปลยนรูปร่าง
หรือเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนท ี่
4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)

นักเรียนคนคว้าคาศพทภาษาตางประเทศเกี่ยวกับแรง จากหนังสอเรียนภาษาตางประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และ






น าเสนอให้เพื่อนฟัง คัดค าศัพท์พร้อมทั้งค าแปลลงสมุดส่งครู
5) ขั้นประเมิน (Evaluation)
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อทเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจดใดบ้างที่ยังไม่เข้าใจหรือยัง

ี่
มีข้อสงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจ

(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และไดมีการแก้ไขอย่างไรบ้าง

(3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหนเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และการน าความรู้ท ี่
ได้ไปใช้ประโยชน์
(4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบค าถาม เช่น
– สิ่งที่ท าให้วัตถุเปลี่ยนรูปร่างหรือเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่เรียกว่าอะไร (แนวค าตอบ แรง)
ี่

– ผลของแรงท าให้วัตถุที่ก าลงเคลื่อนที่เปลี่ยนสภาพการเคลื่อนทในลักษณะใด (แนวค าตอบ ท าให้วัตถุที่ก าลง

เคลื่อนที่มีความเร็วเพิ่มขึ้น ช้าลง หยุดนิ่ง หรืออาจเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ได้)
ขั้นสรุป
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับแรง โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผังมโนทัศน์
10. สื่อการเรียนร ู้
1. แบบทดสอบก่อนเรียน
2. หนังสือ วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยส าหรับเยาวชน หรืออินเทอร์เน็ต
3. หนังสือเรียนภาษาต่างประเทศ

205



4. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1
5. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เลม 1

6. แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีท 2 เล่ม 1
ี่
7. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1
11. การวดและประเมินผลการเรียนร ู้


ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ
ด้านความรู้ (K) ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
จิตวิทยาศาสตร์ (A)


1. ซักถามความรู้เรื่องแรง 1. ประเมินเจตคตทางวิทยาศาสตร์เป็น 1. ประเมินทักษะการคิดโดยการ
2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ รายบุคคลโดยการสังเกตและใช้แบบ สังเกตการท างานกลุ่ม
กิจกรรมฝึกทักษะระหว่างเรียน วัดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 2. ประเมินพฤติกรรมในการปฏิบัต ิ
3. ทดสอบก่อนเรียนโดยใช้แบบทดสอบ 2. ประเมินเจตคติต่อวิทยาศาสตร์เป็น กิจกรรมเป็นรายบุคคลหรือราย


ก่อนเรียน รายบุคคลโดยการสังเกตและใช้แบบ กลุ่มโดยการสังเกตการทางาน
วัดเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ กลุ่ม

206



บันทึกผลหลังการสอน
สรุปผลการเรียนการสอน

1. นักเรียนจ านวน ..................... คน
ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ..................... คน คิดเป็นร้อยละ .........................
ไม่ผ่านจุดประสงค์ .................................. คน คิดเป็นร้อยละ .........................


2. ด้านความรู้ความเข้าใจ (K)
……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………….……
…………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………


3. ด้านทักษะกระบวนการ (P)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………….……
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………


4. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………………


ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………….……
…………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………


ข้อแนะน า
………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………….……
………………………………………………………………..………………………………………………………………………………………………






ลงชื่อ .......................................................
(นายประสพโชค ประภา)
ต าแหน่ง ครู

207



ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย


ได้จัดท าการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ................ รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (ว22101)

แล้วมีความคดเห็นดังนี้
1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท ี่
 มีองค์ประกอบครบ

 มีองค์ประกอบยังไม่ครบ ควรเพิ่มเติม ...................................................................................................

2. การจัดกิจกรรมได้น าเอากระบวนการเรียนรู้

 เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป

3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท ี่

 น าไปใช้ได้จริง
 ควรปรับปรุงก่อนน าไปใช ้


4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………….……
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………
………………………….…………………………………………………………………………………………………………….………………………






ลงชื่อ ..............................................................
(นางลัดดา ผาพันธ์)
ผู้อ านวยการโรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษา

208



แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 31
สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษา

รายวิชา ว22101 วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงและการเคลื่อนที่ จ านวน 28 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง แรงลัพธ์ เวลาสอน 1 ชั่วโมง


1. มาตรฐานการเรียนร
ู้
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวิตประจาวัน ผลของแรงทกระทาตอวัตถุ ลกษณะการเคลอนทแบบ




ี่
ื่

ี่
ต่างๆ ของวัตถุ รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์

2. ตัวชี้วดชั้นปี


1. พยากรณ์การเคลื่อนทของวัตถุทเป็นผลของแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงที่กระท าตอวัตถุในแนวเดยวกันจาก
ี่
ี่
หลักฐานเชิงประจักษ์ (ว 2.2 ม. 2/1)
2. เขียนแผนภาพแสดงแรงและแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงที่กระท าต่อวัตถุในแนวเดียวกัน (ว 2.2 ม. 2/2)

3. จดประสงค์การเรียนร ู้
1. อธิบายการหาแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงที่กระท าต่อวัตถุในแนวเดียวกันได้ (K)
2. เขียนแผนภาพแสดงแรงและแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงที่กระท าต่อวัตถุในแนวเดียวกันได้ (K)
3. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
4. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ (A)
5. ท างานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ (A)
6. สื่อสารและน าความรู้เรื่องแรงลัพธ์ไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ (P)
4. สาระส าคัญ
แรงลัพธ์เป็นปริมาณเวกเตอร์ที่มีทั้งขนาดและทิศทาง ซึ่งถ้าแรงลัพธ์ที่กระท าต่อวัตถุมค่าเป็นศูนย์ วัตถุจะไม่เปลี่ยน

สภาพการเคลื่อนที่ แต่ถ้าแรงลัพธ์ที่กระท าต่อวัตถุมีค่าไม่เป็นศูนย์ วัตถุจะเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนท ี่
5. สาระการเรียนร ู้
แรง

– แรงลัพธ์
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรียนรู้

3. มุ่งมั่นในการท างาน
4. มีจิตวิทยาศาสตร์
7. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร

2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา

209




4. ความสามารถในการใชทักษะ/กระบวนการและทักษะในการด าเนินชีวิต
5. ความสามารถในการใชเทคโนโลยี

8. ชิ้นงานหรือภาระงาน
สังเกตผลของแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงที่กระท าต่อวัตถุในแนวเดียวกัน

9. การจัดกจกรรมการเรียนร ู้

ครูดาเนินการทดสอบก่อนเรียน โดยให้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความพร้อมและพื้นฐาน


ของนักเรียน
ขั้นน าเข้าสู่บทเรียน
1) ครูให้นักเรียนดูรูปตู้เสื้อผ้า แล้วถามค าถามนักเรียนดังนี้
– นักเรียนสามารถเคลื่อนย้ายตู้เสื้อผ้าด้วยตนเองได้หรือไม่ (แนวค าตอบ ไม่ได้)

– ถ้าต้องการเคลื่อนย้ายตู้เสื้อผ้าควรท าอย่างไร (แนวค าตอบ ให้เพื่อนหลายๆ คนช่วยกันออกแรงเคลื่อนย้าย)
2) นักเรียนร่วมกันตอบค าถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับค าตอบ เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง แรงลัพธ์
ขั้นจัดกิจกรรมการเรียนร ู้

จดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใชกระบวนการสบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลบดาน ชนเรียน



ั้

(flipped classroom) ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)
(1) ครูถามค าถามนักเรียนเพื่อกระตุ้นความสนใจ เช่น

– กิจกรรมใดในชีวิตประจ าวันต้องใช้แรงมากกว่า 1 แรงกระท าต่อวัตถเพื่อให้วัตถุเคลื่อนท (แนวค าตอบ การ
ี่
แข่งพายเรือยาว การชักเย่อ และการเข็นรถยนต์)
(2) นักเรียนร่วมกันอภิปรายหาค าตอบเกี่ยวกับค าถามตามความคิดเห็นของแต่ละคน
2) ขั้นส ารวจและค้นหา (Exploration)
(1) ครูให้นักเรียนศึกษาเรื่องแรงลัพธ์ จากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า ใน







ี่


ชีวิตประจาวันเราตองออกแรงกระทาตอวัตถุใดวัตถุหนึ่งซึ่งไม่จาเป็นตองมีแรงทกระทาเพียงแรงเดยว แตอาจมีแรงหลาย
แรงมากระท าต่อวัตถุนั้น โดยแรงทั้งหมดจะรวมกันเหมือนเป็นแรงแรงเดียว เรียกว่า แรงลัพธ์
ุ่
(2) ครูแบ่งนักเรียนกลมละ 5 – 6 คน ปฏิบติกิจกรรม สังเกตผลของแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงทกระทาตอ


ี่

วัตถุในแนวเดียวกัน ตามขั้นตอน ดังนี้

– ใช้เครื่องชั่งสปริง 2 อัน ดึงถุงทรายในแนวเดยวกันและทิศทางเดียวกันให้เคลื่อนที่ช้า ๆในแนวระดบ สังเกต


การเปลี่ยนแปลงและบันทกขนาดของแรง แลวเขียนแผนภาพแสดงแรงและแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงทกระทาตอถุง

ี่


ทราย


ี่

ี่
ื่
– ด าเนินการเชนเดยวกับขนตอนท 1 แต่เปลยนเป็นดึงถุงทรายในทิศทางตรงกันข้าม ให้ถงทรายเคลอนที่ไป
ั้
ด้านใดด้านหนึ่ง และดึงถุงทรายทิศทางตรงกันข้ามให้ถุงทรายหยุดนิ่ง ตามล าดับ
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้จากการปฏิบัติกิจกรรม

(4) ครูคอยแนะน าช่วยเหลอนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาสให้นักเรียน

ทุกคนซักถามเมื่อมีปัญหา
3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
(1) นักเรียนแต่ละกลุ่มน าเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าห้องเรียน

210



(2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวค าถาม เช่น

ี่
– ในขณะทออกแรงดงถุงทรายในทศทางเดยวกัน ถุงทรายเคลอนทไปในทศทางใด (แนวคาตอบ ถุงทราย

ื่
ี่



เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกับแรงดึงถุงทราย)


ั่
ี่


– ลกษณะการเคลื่อนทของถุงทรายเมื่อใชเครื่องชงสปริง 2 อัน ดงถุงทรายในทศทางเดยวกันและในทศทาง




ั่
ตรงกันข้ามแตกตางกันหรือไม่ อย่างไร (แนวคาตอบ แตกตางกัน โดยเมื่อใชเครื่องชงสปริง 2 อัน ดงถุงทรายในทศทาง





ี่

ื่
ี่




เดยวกัน ถุงทรายจะเคลอนทตามทศทางของแรงทดง แตเมื่อใช้เครื่องชงสปริง 2 อัน ดงถุงทรายในทศทางตรงกันข้าม ถุง
ั่
ทรายจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกับแรงดึงที่มากกว่า แต่ถ้าแรงดึงทั้ง 2 แรงมีค่าเท่ากัน ถุงทรายจะหยุดนิ่ง)
ั้
ั่




– เมื่อใชเครื่องชงสปริง 2 อัน ดงถุงทรายจนหยุดนิ่ง ผลรวมของแรงทง 2 แรงมีขนาดเทาใด (แนวคาตอบ
ผลรวมของแรงทั้ง 2 แรงมีขนาดเท่ากับศูนย์)
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัตกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า เมื่อมีแรงหลายๆ แรงมา



กระทาตอวัตถุ แลวแรงลพธ์ทกระทาตอวัตถุมีคาเป็นศนย์หรือผลรวมของแรงทกระทาตอวัตถุเป็นศนย์ วัตถุจะไม่เปลยน
ี่



ี่
ี่







ี่
สภาพการเคลื่อนที่ แต่ถ้าแรงลัพธ์ที่กระทาต่อวัตถุไม่เป็นศูนย์หรือผลรวมของแรงทกระท าต่อวัตถุไม่เป็นศูนย์ วัตถุจะเปลี่ยน
สภาพการเคลื่อนท ี่
4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)

ี่
ี่

ื่
ี่
(1) ครูอธิบายเพิ่มเตมเกี่ยวกับแรงลพธ์กับการเปลยนสภาพการเคลอนทของวัตถุที่ก าลงเคลอนทดวยความเร็วคง


ื่





ตว ให้นักเรียนเข้าใจว่า วัตถุเคลอนทดวยความเร็วคงตว ถ้ามีแรงมากระทาตอวัตถุนั้นแลววัตถุยังคงมีความเร็วเทาเดม


ี่
ื่



แสดงว่าแรงลพธ์ที่เกิดขึ้นมีคาเป็นศูนย์ เพราะแรงลัพธ์ที่เกิดขึ้นไม่สามารถเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุได นอกจากนี้

ื่

ถ้าแรงลัพธ์ที่กระทาต่อวัตถุไม่เป็นศูนย์ วัตถนั้นจะเปลี่ยนสภาพการเคลอนที่ โดยอาจเคลอนที่เร็วขึ้น ช้าลง หรือเปลี่ยนทศ
ื่


ทางการเคลื่อนที่ได ้
(2) ครูอธิบายเรื่องน่ารู้ เรื่องการรวมเวกเตอร์แบบหางต่อหัว ให้นักเรียนเขาใจว่า แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์ ดังนั้น


การรวมแรงต้องพิจารณาทั้งขนาดและทศทางของแรงเหล่านั้นดวย การหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์ของแรงหลายแรง



ที่กระทาต่อวัตถุทไดรับความนิยม คือ การรวมเวกเตอร์แบบหางตอหัว (tail to head method) ทาได้โดยการเขียนแทน


ี่
ด้วยลูกศรและให้ความยาวของลูกศรแทนขนาดของเวกเตอร์และให้หัวลูกศรแทนทิศทางของเวกเตอร์ แล้วน าหางเวกเตอร์
หนึ่งมาต่อกับหัวของอีกเวกเตอร์หนึ่ง และหาเวกเตอร์ลัพธ์โดยลากเส้นจากหางเวกเตอร์แรกไปยังหัวเวกเตอร์สุดท้าย

(3) ครูเชอมโยงความรู้เข้ากับบูรณาการอาเซียน โดยครูอธิบายเกี่ยวกับกีฬาชกเย่อ ให้นักเรียนเข้าใจว่า ชกเย่อ
ื่

ี่
(tug-of-war) เป็นการละเลนของไทยซึ่งเป็นทนิยมตามเทศกาลหรือประเพณตางๆ และยังเป็นการละเลนทนิยมของชาว




ี่


เวียดนามอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันชักเย่อไดพัฒนาเป็นการแขงขันในระดบนานาชาต มีกติกาที่แน่นอน มีการจัดแข่งขันในทวีป


เอเชีย และในระดับโลกแล้ว



ชักเยอเปนตัวอย่างทดในการศึกษาเรื่องแรงดึงและการรวมแรงทกระทาตอวัตถุในแนวขนาน ซึ่งมีวิธีเลน คอ การ
ี่


ี่





ู้
ี่

ี่
น าเชอกเส้นใหญ่ทมีความแข็งแรงพอทจะทานก าลงของผเลนทั้ง 2 ฝาย ผกเชอกสหรือทาสีตรงกลางความยาวเชอก แลว







ั้
ั้





ั้

วางเชือกให้บริเวณที่ผกเชอกสหรือทาสอยู่ตรงเสนแบ่งเขตของทง 2 ฝาย จากนั้นให้ผเลนทง 2 ฝายจบสลากหรือไม้สนไม้
ู้

ู้



ยาวว่าใครจะอยู่ดานไหน เมื่อจับสลากแลวผเล่นจะไปยืนประจ าข้างที่เชอกวาง กะระยะให้ห่างกันโดยไม่ชนกันขณะที่เอน
ู้








ตัวดึงเชือก เมื่อวางระยะดแลว ผเลนจะดงเชอกสงประมาณเอว ผู้ตดสินจะไปยืนตรงเส้นเขตกลาง (ซึ่งถือเป็นเสนชยด้วย)

เมื่อผตดสนให้สญญาณ ทง 2 ฝายจะออกแรงดงเชอกเพื่อให้อีกฝายหนึ่งเคลอนทไปในทศทางของตน แตละฝายมีผให้
ู้

ู้




ื่
ี่


ั้




สัญญาณเพื่อให้เกิดความพร้อมเพรียงกัน ผู้ที่อยู่ต้นเชือกและหางเชือกจะเป็นคนที่สาคัญมาก ยิ่งในระหว่างที่ดงเชือกนั้น ถ้า


211





ื่
ี่
ู้


ี่




ผใดเสยหลกยันพื้นไม่อยู่ก็จะเสยก าลง การแพ้ชนะอยู่ทฝายใดสามารถดงอีกฝายหนึ่งให้เคลอนทไปถึงเสนชยจะเป็นฝาย


ชนะ การเล่นชนิดนี้ฝึกความพร้อมเพรียง ความมีระเบียบวินัย การทรงตัว และยังได้ออกก าลังกายทั้งแขนและขา
(4) นักเรียนค้นคว้าค าศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับแรงลัพธ์ จากหนังสือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต
และน าเสนอให้เพื่อนฟัง คัดค าศัพท์พร้อมทั้งค าแปลลงสมุดส่งครู
5) ขั้นประเมิน (Evaluation)
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อทเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจดใดบ้างที่ยังไม่เข้าใจหรือยัง
ี่

มีข้อสงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไขอย่างไรบ้าง

(3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหนเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และการน าความรู้ท ี่
ได้ไปใช้ประโยชน์
(4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบค าถาม
ขั้นสรุป
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับแรงลัพธ์ โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผังมโนทัศน์
10. สื่อการเรียนร ู้
1. รูปตู้เสื้อผ้า
2. ใบกิจกรรม สังเกตผลของแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงที่กระท าต่อวัตถุในแนวเดียวกัน
3. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1


11. การวดและประเมินผลการเรียนร ู้

ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ
ด้านความรู้ (K) ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
จิตวิทยาศาสตร์ (A)
1. ซักถามความรู้เรื่องแรงลัพธ์ 1. ประเมินเจตคตทางวิทยาศาสตร์เป็น 1. ประเมินทักษะกระบวนการทาง

2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ รายบุคคลโดยการสังเกตและใช้แบบ วิทยาศาสตร์โดยใช้แบบวัด

กิจกรรมฝึกทักษะระหว่างเรียน วัดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทาง
2. ประเมินเจตคติต่อวิทยาศาสตร์เป็น วิทยาศาสตร์
รายบุคคลโดยการสังเกตและใช้แบบ 2. ประเมินทักษะการคิดโดยการ
วัดเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ สังเกตการท างานกลุ่ม

3. ประเมินทักษะการแก้ปัญหา
โดยการสังเกตการท างานกลุ่ม
4. ประเมินพฤติกรรมในการปฏิบัต ิ

กิจกรรมเป็นรายบุคคลหรือราย

กลุ่มโดยการสังเกตการทางาน
กลุ่ม

212



บันทึกผลหลังการสอน
สรุปผลการเรียนการสอน

1. นักเรียนจ านวน ..................... คน
ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ..................... คน คิดเป็นร้อยละ .........................
ไม่ผ่านจุดประสงค์ .................................. คน คิดเป็นร้อยละ .........................


2. ด้านความรู้ความเข้าใจ (K)
……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………….……
…………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………


3. ด้านทักษะกระบวนการ (P)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………….……
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………


4. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………………


ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………….……
…………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………


ข้อแนะน า
………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………….……
………………………………………………………………..………………………………………………………………………………………………






ลงชื่อ .......................................................
(นายประสพโชค ประภา)
ต าแหน่ง ครู

213



ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย


ได้จัดท าการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ................ รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (ว22101)

แล้วมีความคดเห็นดังนี้
1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท ี่
 มีองค์ประกอบครบ

 มีองค์ประกอบยังไม่ครบ ควรเพิ่มเติม ...................................................................................................

2. การจัดกิจกรรมได้น าเอากระบวนการเรียนรู้

 เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป

3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท ี่

 น าไปใช้ได้จริง
 ควรปรับปรุงก่อนน าไปใช ้


4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………….……
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………
………………………….…………………………………………………………………………………………………………….………………………






ลงชื่อ ..............................................................
(นางลัดดา ผาพันธ์)
ผู้อ านวยการโรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษา

214



แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 32
สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษา

รายวิชา ว22101 วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงและการเคลื่อนที่ จ านวน 28 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง แรงดันของของเหลว เวลาสอน 1 ชั่วโมง


ู้
1. มาตรฐานการเรียนร
ื่

มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวิตประจาวัน ผลของแรงทกระทาตอวัตถุ ลกษณะการเคลอนทแบบ

ี่



ี่
ต่างๆ ของวัตถุ รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์

2. ตัวชี้วดชั้นปี



ออกแบบการทดลองและทดลองดวยวิธีทเหมาะสมในการอธิบายปัจจยที่มีผลตอความดันของของเหลว (ว 2.2 ม.
ี่
2/3)
3. จุดประสงค์การเรียนร ู้
1. สังเกตและอธิบายทศทางของแรงดันของของเหลวที่กระท าต่อวัตถุที่อยู่ในของเหลวได้ (K)

2. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ (A)
4. ท างานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ (A)
5. สื่อสารและน าความรู้เรื่องแรงดันของของเหลวไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ (P)
4. สาระส าคัญ
วัตถุทอยู่ในของเหลวจะมีแรงที่ของเหลวกระทาต่อวัตถุนั้นในทกทศทาง เรียกแรงทของเหลวกระทาต่อวัตถุนั้นว่า



ี่
ี่


แรงดันของของเหลว ซึ่งวัตถุชนิดต่างๆ จะไดรับแรงดันของของเหลวมากหรือน้อยแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ผว

ของวัตถุชนิดนั้นๆ
5. สาระการเรียนร ู้
แรง
– ความดันของของเหลว
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งมั่นในการท างาน
4. มีจิตวิทยาศาสตร์

7. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา

4. ความสามารถในการใชทักษะ/กระบวนการและทักษะในการด าเนินชีวิต

215



8. ชิ้นงานหรือภาระงาน
สังเกตแรงดันของของเหลวที่กระท าต่อวัตถุ


9. การจัดกจกรรมการเรียนร ู้
ครูดาเนินการทดสอบก่อนเรียน โดยให้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความพร้อมและพื้นฐาน


ของนักเรียน
ขั้นน าเข้าสู่บทเรียน

1) ครูถามค าถามเกี่ยวกับประสบการณ์เดิมของนักเรียน เช่น
– นักเรียนเคยเดินใต้น้ าในสระว่ายน้ าหรือไม่ นักเรียนรู้สึกอย่างไร (แนวค าตอบ เคย รู้สึกมีแรงดันของน้ าขณะ
เดิน)

– ขณะเดินใต้น้ าในสระว่ายน้ า เราสามารถเดนได้เร็วเหมือนขณะเดินบนบกหรือไม่ เพราะอะไร (แนวค าตอบ
ไม่ เพราะน้ าออกแรงดันมาที่ตัวเรา ท าให้เราเดินได้ช้ากว่าขณะเดินบนบก)
ู่
2) นักเรียนร่วมกันตอบค าถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับค าตอบ เพื่อเชื่อมโยงไปสการเรียนรู้เรื่อง แรงดันของ
ของเหลว
ขั้นจัดกิจกรรมการเรียนร ู้




ั้

จดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใชกระบวนการสบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลบดาน ชนเรียน
(flipped classroom) ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)
(1) ครูถามค าถามนักเรียนเพื่อกระตุ้นความสนใจ
(2) นักเรียนร่วมกันอภิปรายหาค าตอบเกี่ยวกับค าถามตามความคิดเห็นของแต่ละคน
2) ขั้นส ารวจและค้นหา (Exploration)

ี่



ุ่

(1) ครูแบ่งนักเรียนกลมละ 5 – 6 คน ปฏิบัตกิจกรรม สงเกตแรงดนของของเหลวทกระทาตอวัตถุ ตามขั้นตอน
ดังนี้


– น าถุงพลาสตกสวมมือข้างหนึ่ง โดยให้ปากถุงพลาสติกอยู่เหนือข้อมือขึ้นมา สังเกตลกษณะของถุงพลาสตก

ที่หุ้มมือไว้ บันทึกผล
– จุ่มมือที่สวมถุงพลาสติกลงในถังน้ าให้มือจมลงในน้ าจนถึงข้อมือ สังเกตลักษณะของถุงพลาสติก บันทึกผล
(2) ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้จากการปฏิบัติกิจกรรม



(3) ครูคอยแนะน าชวยเหลือนักเรียนขณะปฏบัตกิจกรรม โดยครูเดนดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาสให้นักเรียน

ทุกคนซักถามเมื่อมีปัญหา
3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
(1) นักเรียนแต่ละกลุ่มน าเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าห้องเรียน
(2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวค าถาม เช่น

ุ่
ี่
– ขณะที่จมมือทสวมถุงพลาสติกลงในถังน้ า ถุงพลาสตกมีลกษณะอย่างไร (แนวค าตอบ ถุงพลาสติกแนบกับ

ฝ่ามือ นิ้วมือ และข้อมือทุกๆ ด้าน)
ุ่
ิ่
– เมื่อจมมือทสวมถุงพลาสตกลงในน้ ามีแรงกระทาตอถุงพลาสตกหรือไม่ แรงดงกลาวมาจากสงใด (แนว




ี่


ค าตอบ มีแรงกระท าต่อถุงพลาสติก โดยแรงดังกล่าวมาจากน้ า)

216




(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเขาใจว่า เมื่อวัตถุอยู่ในของเหลว


ี่
จะมีแรงทของเหลวกระท าต่อวัตถุในทุกทิศทาง โดยแรงดงกลาวจะกระท าต่อวัตถุในทิศทางตงฉากกับผิวของวัตถุ เรียกแรง
ั้
นี้ว่า แรงดันของของเหลว ซึ่งวัตถุที่มีพื้นผิวแตกต่างกันจะได้รับแรงดันของของเหลวแตกต่างกัน
4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)







นักเรียนคนคว้าคาศพทภาษาตางประเทศเกี่ยวกับแรงดนของของเหลว จากหนังสอเรียนภาษาตางประเทศหรือ

อินเทอร์เน็ต และน าเสนอให้เพื่อนฟัง คัดค าศัพท์พร้อมทั้งค าแปลลงสมุดส่งครู
5) ขั้นประเมิน (Evaluation)

ี่
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อทเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจดใดบ้างที่ยังไม่เข้าใจหรือยัง
มีข้อสงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไขอย่างไรบ้าง
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหนเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และการน าความรู้ท ี่

ได้ไปใช้ประโยชน์
(4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบค าถาม
ขั้นสรุป

ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับแรงดันของของเหลว โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผังมโนทัศน์
10. สื่อการเรียนร ู้
1. ถังบรรจุน้ า

2. ถุงพลาสติก
3. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1

11. การวดและประเมินผลการเรียนร ู้

ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ
ด้านความรู้ (K) ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
จิตวิทยาศาสตร์ (A)

1. ซักถามความรู้เรื่อง แรงดันของ 1. ประเมินเจตคตทางวิทยาศาสตร์เป็น 1. ประเมินทักษะกระบวนการทาง

ของเหลว รายบุคคลโดยการสังเกตและใช้แบบ วิทยาศาสตร์โดยใช้แบบวัด
2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ วัดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทาง
กิจกรรมฝึกทักษะระหว่างเรียน 2. ประเมินเจตคติต่อวิทยาศาสตร์เป็น วิทยาศาสตร์

รายบุคคลโดยการสังเกตและใช้แบบ 2. ประเมินทักษะการคิดโดยการ
วัดเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ สังเกตการท างานกลุ่ม
3. ประเมินทักษะการแก้ปัญหา

โดยการสังเกตการท างานกลุ่ม
4. ประเมินพฤติกรรมในการปฏิบัต ิ
กิจกรรมเป็นรายบุคคลหรือราย

กลุ่มโดยการสังเกตการทางาน
กลุ่ม

217



บันทึกผลหลังการสอน
สรุปผลการเรียนการสอน

1. นักเรียนจ านวน ..................... คน
ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ..................... คน คิดเป็นร้อยละ .........................
ไม่ผ่านจุดประสงค์ .................................. คน คิดเป็นร้อยละ .........................


2. ด้านความรู้ความเข้าใจ (K)
……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………….……
…………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………


3. ด้านทักษะกระบวนการ (P)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………….……
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………


4. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………………


ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………….……
…………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………


ข้อแนะน า
………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………….……
………………………………………………………………..………………………………………………………………………………………………






ลงชื่อ .......................................................
(นายประสพโชค ประภา)
ต าแหน่ง ครู

218



ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย


ได้จัดท าการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ................ รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (ว22101)

แล้วมีความคดเห็นดังนี้
1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท ี่
 มีองค์ประกอบครบ

 มีองค์ประกอบยังไม่ครบ ควรเพิ่มเติม ...................................................................................................

2. การจัดกิจกรรมได้น าเอากระบวนการเรียนรู้

 เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป

3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท ี่

 น าไปใช้ได้จริง
 ควรปรับปรุงก่อนน าไปใช ้


4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………….……
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………
………………………….…………………………………………………………………………………………………………….………………………






ลงชื่อ ..............................................................
(นางลัดดา ผาพันธ์)
ผู้อ านวยการโรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษา

219



แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 33
สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษา

รายวิชา ว22101 วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงและการเคลื่อนที่ จ านวน 28 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ความดันของของเหลว (1) เวลาสอน 1 ชั่วโมง


ู้
1. มาตรฐานการเรียนร

ี่
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวิตประจาวัน ผลของแรงทกระทาตอวัตถุ ลกษณะการเคลอนทแบบ
ื่
ี่




ต่างๆ ของวัตถุ รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์
2. ตัวชี้วดชั้นปี



ี่

ออกแบบการทดลองและทดลองดวยวิธีทเหมาะสมในการอธิบายปัจจยที่มีผลตอความดันของของเหลว (ว 2.2 ม.
2/3)
3. จุดประสงค์การเรียนร ู้
1. อธิบายความหมายของความดันของของเหลวได้ (K)
2. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ (A)
4. ท างานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ (A)
5. สื่อสารและน าความรู้เรื่องความดันของของเหลวไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ (P)
4. สาระส าคัญ
เมื่อวัตถุอยู่ในของเหลวจะมีแรงทของเหลวกระทาต่อวัตถุในทุกทิศทาง โดยแรงทของเหลวกระท าตั้งฉากกับผิววัตถุ
ี่

ี่
ต่อหนึ่งหน่วยพื้นทเรียกว่า ความดนของของเหลว ซึ่งความดนของของเหลวมีความสมพันธ์กับความลกจากระดบผวหน้า


ี่




ของของเหลว
5. สาระการเรียนร ู้
แรง
– ความดันของของเหลว
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งมั่นในการท างาน
4. มีจิตวิทยาศาสตร์

7. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชเทคโนโลยี


220



8. ชิ้นงานหรือภาระงาน
สืบค้นข้อมูลความดันของของเหลว


9. การจัดกจกรรมการเรียนร ู้

ครูดาเนินการทดสอบก่อนเรียน โดยให้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความพร้อมและพื้นฐาน

ของนักเรียน
ขั้นน าเข้าสู่บทเรียน

1) ครูให้นักเรียนทบทวนความรู้เดิมที่ได้เรียนรู้มาแล้ว โดยใช้ค าถามต่อไปนี้
– วัตถุที่อยู่ในของเหลวจะมีแรงชนิดใดกระท าต่อวัตถุนั้น (แนวค าตอบ แรงดันของของเหลว)
– แรงชนิดดังกล่าวกระท าต่อวัตถุในทิศทางใด (แนวค าตอบ ทุกทิศทาง)
2) นักเรียนร่วมกันตอบค าถามและแสดงความคดเห็นเกี่ยวกับคาตอบ เพื่อเชอมโยงไปสการเรียนรู้เรื่อง ความดน

ื่
ู่


ของของเหลว
ขั้นจัดกิจกรรมการเรียนร ู้

ั้


จดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใชกระบวนการสบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลบดาน ชนเรียน


(flipped classroom) ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)
(1) ครูถามค าถามนักเรียนเพื่อกระตุ้นความสนใจ เช่น
– แรงที่ของเหลวกระท าตั้งฉากต่อวัตถุในหนึ่งหน่วยพื้นที่เรียกว่าอะไร (แนวค าตอบ ความดันของของเหลว)
(2) นักเรียนร่วมกันอภิปรายหาค าตอบเกี่ยวกับค าถามตามความคิดเห็นของแต่ละคน
2) ขั้นส ารวจและค้นหา (Exploration)





(1) ครูให้นักเรียนศกษาเรื่องความดนของของเหลว จากใบความรู้หรือในหนังสอเรียน โดยครูชวยอธิบายให้


นักเรียนเข้าใจว่า วัตถุทอยู่ในของเหลวมีแรงทของเหลวกระทาตอวัตถุในทกทศทาง โดยแรงทของเหลวกระทาตอวัตถุมี
ี่




ี่
ี่
ี่
ั้
ทิศทางตงฉากกับผิวของวัตถุ แรงดันของของเหลวตอหนึ่งหน่วยพื้นท เรียกว่า ความดนของของเหลว (liquid pressure)


ซึ่งเป็นปริมาณสเกลาร์ มีหน่วยเป็นนิวตันต่อตารางเมตร
(2) ครูแบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับความดันของของเหลว ตามขั้นตอนดังนี้
ุ่


ี่





ุ่
– แตละกลมวางแผนการสบคนข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อย่อยให้เพื่อนสมาชกชวยกันสบคนตามทสมาชกกลม

ช่วยกันก าหนดหัวข้อย่อย เช่น ความหมายของความดันของของเหลวและปัจจัยที่มีผลต่อความดันของของเหลว



ี่
ุ่

– สมาชกกลมแตละคนหรือกลมย่อยชวยกันสบคนข้อมูลตามหัวข้อย่อยทตนเองรับผดชอบ โดยการสบคน
ุ่




จากหนังสือ วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยส าหรับเยาวชน หรืออินเทอร์เน็ต
ั้
– สมาชกกลมน าข้อมูลทสืบคนได้มารายงานให้เพื่อนๆ สมาชกในกลมฟัง รวมทงร่วมกันอภิปรายซักถามจน


ุ่
ี่
ุ่

คาดว่าสมาชิกทุกคนมีความรู้ความเข้าใจที่ตรงกัน



– สมาชิกกลุ่มช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้ทั้งหมดเปนผลงานของกลุ่ม และชวยกันจดท ารายงานการศกษาค้นคว้า

เกี่ยวกับความดันของของเหลว
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้จากการปฏิบัติกิจกรรม




(4) ครูคอยแนะน าชวยเหลือนักเรียนขณะปฏบัตกิจกรรม โดยครูเดนดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาสให้นักเรียน
ทุกคนซักถามเมื่อมีปัญหา

221



3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
(1) นักเรียนแต่ละกลุ่มน าเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าห้องเรียน

(2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวค าถาม เช่น
– ความดันของของเหลวคืออะไร (แนวค าตอบ แรงที่ของเหลวกระท าตั้งฉากกับผิววัตถุต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่)
– ปัจจัยที่มีผลต่อความดันของของเหลวคืออะไร (แนวค าตอบ ความลึกจากระดับผิวหน้าของของเหลว)

(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเขาใจว่า เมื่อวัตถุอยู่ในของเหลว


ี่

ั้
ี่




ี่
จะมีแรงทของเหลวกระทาตอวัตถุในทกทศทาง โดยแรงทของเหลวกระทาตงฉากกับผววัตถุตอหนึ่งหน่วยพื้นทเรียกว่า



ความดันของของเหลว ซึ่งความดันของของเหลวมีความสมพันธ์กับความลึกจากระดับผวหน้าของของเหลว โดยบริเวณที่ลก

ลงไปจากระดบผิวหน้าของของเหลวมากขึ้น ความดันของของเหลวจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากของเหลวที่อยู่ลึกกว่าจะมีน้ าหนัก
ของของเหลวด้านบนกระท ามากกว่า
4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)




นักเรียนคนคว้าค าศพทภาษาตางประเทศเกี่ยวกับความดันของของเหลว จากหนังสอเรียนภาษาตางประเทศหรือ


อินเทอร์เน็ต และน าเสนอให้เพื่อนฟัง คัดค าศัพท์พร้อมทั้งค าแปลลงสมุดส่งครู
5) ขั้นประเมิน (Evaluation)
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อทเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจดใดบ้างที่ยังไม่เข้าใจหรือยัง
ี่

มีข้อสงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไขอย่างไรบ้าง

(3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหนเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และการน าความรู้ท ี่

ได้ไปใชประโยชน์
(4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบค าถาม
ขั้นสรุป
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับความดันของของเหลว โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผังมโนทัศน์
10. สื่อการเรียนร ู้
1. หนังสือ วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยส าหรับเยาวชน หรืออินเทอร์เน็ต
2. หนังสือเรียนภาษาต่างประเทศ
3. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1

11. การวดและประเมินผลการเรียนร ู้

ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ
ด้านความรู้ (K) ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
จิตวิทยาศาสตร์ (A)

1. ซักถามความรู้เรื่องความดันของ 1. ประเมินเจตคตทางวิทยาศาสตร์เป็น 1. ประเมินทักษะการคิดโดยการ

ของเหลว รายบุคคลโดยการสังเกตและใช้แบบ สังเกตการท างานกลุ่ม
2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ วัดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 2. ประเมินพฤติกรรมในการปฏิบัต ิ
กิจกรรมฝึกทักษะระหว่างเรียน 2. ประเมินเจตคติต่อวิทยาศาสตร์เป็น กิจกรรมเป็นรายบุคคลหรือราย
รายบุคคลโดยการสังเกตและใช้แบบ กลุ่มโดยการสังเกตการทางาน

วัดเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ กลุ่ม

222



บันทึกผลหลังการสอน
สรุปผลการเรียนการสอน

1. นักเรียนจ านวน ..................... คน
ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ..................... คน คิดเป็นร้อยละ .........................
ไม่ผ่านจุดประสงค์ .................................. คน คิดเป็นร้อยละ .........................


2. ด้านความรู้ความเข้าใจ (K)
……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………….……
…………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………


3. ด้านทักษะกระบวนการ (P)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………….……
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………


4. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………………


ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………….……
…………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………


ข้อแนะน า
………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………….……
………………………………………………………………..………………………………………………………………………………………………






ลงชื่อ .......................................................
(นายประสพโชค ประภา)
ต าแหน่ง ครู

223



ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย


ได้จัดท าการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ................ รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (ว22101)

แล้วมีความคดเห็นดังนี้
1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท ี่
 มีองค์ประกอบครบ

 มีองค์ประกอบยังไม่ครบ ควรเพิ่มเติม ...................................................................................................

2. การจัดกิจกรรมได้น าเอากระบวนการเรียนรู้

 เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป

3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท ี่

 น าไปใช้ได้จริง
 ควรปรับปรุงก่อนน าไปใช ้


4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………….……
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………
………………………….…………………………………………………………………………………………………………….………………………






ลงชื่อ ..............................................................
(นางลัดดา ผาพันธ์)
ผู้อ านวยการโรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษา

224



แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 34
สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษา

รายวิชา ว22101 วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงและการเคลื่อนที่ จ านวน 28 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ความดันของของเหลว (2) เวลาสอน 1 ชั่วโมง


1. มาตรฐานการเรียนร
ู้

ี่
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวิตประจาวัน ผลของแรงทกระทาตอวัตถุ ลกษณะการเคลอนทแบบ


ื่

ี่

ต่างๆ ของวัตถุ รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์
2. ตัวชี้วดชั้นปี


ี่
ออกแบบการทดลองและทดลองดวยวิธีทเหมาะสมในการอธิบายปัจจยที่มีผลตอความดันของของเหลว (ว 2.2 ม.


2/3)
3. จุดประสงค์การเรียนร ู้
1. ทดลองและอธิบายความดันของของเหลวที่กระท าต่อวัตถุที่อยู่ในของเหลวได้ (K)
2. ระบุปัจจัยที่มีผลต่อความดันของของเหลวได้ (K)
3. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
4. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ (A)
5. ท างานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ (A)
6. สื่อสารและน าความรู้เรื่องความดันของของเหลวไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ (P)
4. สาระส าคัญ
เมื่อวัตถุอยู่ในของเหลวจะมีแรงที่ของเหลวกระท าต่อวัตถุนั้นในทุกทิศทาง โดยแรงที่ของเหลว

ี่


กระทาตงฉากกับผววัตถุตอหนึ่งหน่วยพื้นท เรียกว่า ความดนของของเหลว ซึ่งความดนของของเหลวมีความสมพันธ์กับ



ั้
ความลึกจากระดับผิวหน้าของของเหลว โดยบริเวณที่ลึกลงไปจากระดับผิวหน้าของของเหลวมากขึ้น ความดนของของเหลว

จะเพิ่มขึ้น
5. สาระการเรียนร ู้
แรง
– ความดันของของเหลว
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มีวินัย

2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งมั่นในการท างาน
4. มีจิตวิทยาศาสตร์
7. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน

1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด

225



3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใชทักษะ/กระบวนการและทักษะในการด าเนินชีวิต

8. ชิ้นงานหรือภาระงาน
1. ทดลองปัจจัยที่มีผลต่อความดันของของเหลว
2. สังเกตความดันของของเหลวในภาชนะต่างกัน

9. การจัดกจกรรมการเรียนร ู้


ครูดาเนินการทดสอบก่อนเรียน โดยให้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความพร้อมและพื้นฐาน
ของนักเรียน
ขั้นน าเข้าสู่บทเรียน
1) ครูให้นักเรียนดูรูปหรือสื่อมัลติมีเดียที่แสดงให้เห็นถึงการด าน้ า แล้วให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย ดังนี้

ี่

– นักเรียนคิดว่าขณะทนักประดาน้ าอยู่ในน้ ามีแรงชนิดใดทกระทาตอนักประดาน้ า (แนวค าตอบ แรงดนของ


ี่
น้ า)
– แรงดังกล่าวกระท าต่อนักประดาน้ าในทิศทางใด (แนวค าตอบ ทุกทิศทาง)
ู่
2) นักเรียนร่วมกันตอบค าถามและแสดงความคดเห็นเกี่ยวกับคาตอบ เพื่อเชอมโยงไปสการเรียนรู้เรื่อง ความดน



ื่
ของของเหลว
ขั้นจัดกิจกรรมการเรียนร ู้


ั้
จดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใชกระบวนการสบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลบดาน ชนเรียน



(flipped classroom) ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)
(1) ครูให้นักเรียนดูรูปหรือสื่อมัลติมีเดียที่แสดงให้เห็นถึงปลาที่ว่ายอยู่ในน้ า แล้วให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย ดังนี้







– นักเรียนคดว่า ปลาทว่ายน้ าอยู่ในระดบความลกแตกตางกันจะมีแรงดนของน้ ามากระทาตอปลาเทากัน

ี่
หรือไม่ อย่างไร (แนวค าตอบ ไม่เท่ากัน โดยปลาที่อยู่ในระดับความลึกมากกว่าจะมีแรงดันของน้ ามากระท าต่อปลามากกว่า)
(2) นักเรียนร่วมกันอภิปรายหาค าตอบเกี่ยวกับค าถามตามความคิดเห็นของแต่ละคน
2) ขั้นส ารวจและค้นหา (Exploration)




(1) ครูให้นักเรียนศกษาเรื่องปัจจยทมีผลต่อความดนของของเหลว จากใบความรู้หรือในหนังสอเรียน โดยครูชวย

ี่

อธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า ความดันของของเหลวมีความสมพันธ์กับความลกจากระดับผวหน้าของของเหลว โดยบริเวณท ี่




ลึกลงไปจากระดบผิวหน้าของของเหลวมากขึ้น ความดนของของเหลวจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากของเหลวที่อยู่ลึกกว่ามีน้ าหนัก
ของของเหลวด้านบนกระท ามากกว่า
ั้
(2) ครูแบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏิบตกิจกรรม ทดลองปัจจัยทมีผลตอความดันของของเหลว ตามขนตอน



ี่
ดังนี้
ขั้นที่ 1 ก าหนดปัญหา
– น้ าที่ระดับความลึกแตกต่างกัน ความดันของน้ าจะแตกต่างกันหรือไม่ ลักษณะใด

ขั้นที่ 2 ก าหนดสมมุตฐาน
– น้ าที่ระดับความลึกมากจะมีความดันของน้ ามาก

ขั้นที่ 3 ทดสอบสมมุตฐาน

226







– น ากระป๋องนมมาลางให้สะอาด แลวใชตะปูเจาะรูดานข้างกระป๋อง 3 รู ให้แตละรูห่างกัน 3 เซนตเมตรใน


แนวตั้ง โดยให้รูที่ 1 ห่างจากก้นกระป๋องประมาณ 5 เซนติเมตร จากนั้นใช้เทปกาวปิดรูไว้

– น ากระป๋องนมที่เจาะแล้ววางไว้ในถาดขนาดใหญ่ จากนั้นใส่น้ าให้เตมกระป๋อง และน าไม้บรรทัดมาวางตาม
แนวที่น้ าจะพุ่งออกมา
– ดึงเทปกาวออก สังเกตน้ าที่พุ่งออกจากรูแต่ละรูทันที พร้อมทั้งวัดระยะของน้ าที่ตกลงบนถาดจากแต่ละรู
ขั้นที่ 4 วิเคราะห์ผลการทดลอง
– แปลความหมายข้อมูลที่ได้จากตารางบันทึกผลการทดลอง
– น าข้อมูลที่ได้มาพิจารณาเพื่ออธิบายว่าเป็นไปตามที่นักเรียนก าหนดสมมุติฐานไว้หรือไม่
ขั้นที่ 5 สรุปผลการทดลอง
– นักเรียนร่วมกันสรุปผลการทดลองแล้วเขียนรายงานสรุปผลการทดลองส่งครู

(3) ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้จากการปฏิบัติกิจกรรม
(4) ครูคอยแนะน าชวยเหลอนักเรียนขณะปฏบัติกิจกรรม โดยครูเดนดรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาสให้นักเรียน





ทุกคนซักถามเมื่อมีปัญหา
3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
(1) นักเรียนแต่ละกลุ่มน าเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าห้องเรียน
(2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวค าถาม เช่น

ั้
– น้ าที่พุ่งออกมาจากรูทง 3 รูมีลกษณะแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร (แนวค าตอบ น้ าที่พุ่งออกมาจากรูทั้ง 3 รู

ี่


ี่
ี่

ี่


มีความดนของน้ าแตกตางกัน โดยน้ าทออกจากรูทระดบความลกมากจะมีความดนของน้ ามากกว่าน้ าทออกจากรูทระดบ
ความลึกน้อย)
– น้ าจะพุ่งออกไปได้ใกล้หรือไกลขึ้นอยู่กับสิ่งใด (แนวค าตอบ ความดันของน้ าที่ระดับความลึกต่างกัน)

(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏบัตกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ความดนของของเหลว


ี่




ขึ้นอยู่กับระดับความลกจากผวหน้าของของเหลว โดยบริเวณทมีระดับความลกจากผวหน้าของของเหลวมาก ความดันของ

ของเหลวก็จะมากขึ้น ในทางกลบกัน บริเวณทมีระดบความลกจากผวหน้าของของเหลวน้อย ความดนของของเหลวก็จะ



ี่

น้อยลง
4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
(1) ครูให้นักเรียนสังเกตความดันของของเหลวในภาชนะต่างกัน ตามขั้นตอน ดังนี้

– น าขวดพลาสตก 2 ขวด ขนาดตางกันมาเจาะรูดานข้างขวดพลาสตกทงสองให้ห่างจากก้นขวดเทาๆ กัน

ั้



แล้วใช้เทปกาวปิดรูที่เจาะไว้
ั้
– น าขวดพลาสตกทง 2 ขวดไปวางบนถาด แลวเทน้ าลงในขวดพลาสตกทงสองให้มีระดบความสงเทากัน




ั้


จากนั้นดึงเทปกาวออก สังเกตการพุ่งของน้ าที่ออกจากขวด บันทึกผล

ี่
(2) นักเรียนน าเสนอผลการปฏิบัตกิจกรรมหน้าห้องเรียน และเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามกัน โดยทครูคอยให้

ค าอธิบายเพิ่มเติมว่า ที่ระดบน้ าเท่ากัน น้ าจะมีความดันเท่ากัน


ี่


(3) ครูอธิบายเพิ่มเตมเกี่ยวกับความดนของของเหลวชนิดตางๆ ทระดบความลกเทากัน ให้นักเรียนเข้าใจว่า






ี่



ของเหลวชนิดตางๆ ทระดบความลกเทากันจะมีความดนของของเหลวตางกัน เนื่องจากของเหลวแตละชนิดมีความ
ี่

หนาแน่นต่างกัน โดยทระดับความลกเท่ากัน ของเหลวที่มีความหนาแน่นมากกว่าจะมีแรงดนของของเหลวที่กระท าตอวัตถุ



227



ที่อยู่ในของเหลวนั้นมากกว่า เพราะในปริมาตรที่เท่ากัน ของเหลวที่มีความหนาแน่นมากกว่าจะมีมวลมากกว่า น้ าหนักของ
ของเหลวที่อยู่ด้านบนจึงมากกว่า ดังนั้นของเหลวที่มีความหนาแน่นมากกว่าจึงมีความดันของของเหลวมากกว่าของเหลวที่มี

ความหนาแน่นน้อยกว่าเมื่อพิจารณาที่ระดับความลึกเท่ากัน
(4) ครูอธิบายเรื่องน่ารู้ เรื่องประโยชน์ของความดนของของเหลว ให้นักเรียนเข้าใจว่า มนุษย์สามารถน าความรู้

เรื่องความดันของของเหลวมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย เช่น การสร้างหอส่งน้ า การสร้างเขื่อน และการด าน้ าให้ปลอดภัย
5) ขั้นประเมิน (Evaluation)


ี่
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อทเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจดใดบ้างที่ยังไม่เข้าใจหรือยัง
มีข้อสงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไขอย่างไรบ้าง

(3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหนเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และการน าความรู้ท ี่
ได้ไปใช้ประโยชน์
(4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบค าถาม เช่น

– เมื่อพิจารณาทระดบความลกเทากัน น้ าในแม่น้ ากับน้ าทะเลมีความดนของของเหลวเหมือนกันหรือไม่



ี่
อย่างไร (แนวค าตอบ ไม่เหมือนกัน โดยน้ าทะเลจะมีความดันของของเหลวมากกว่า เพราะน้ าทะเลมีความหนาแน่นมากกว่า
น้ าในแม่น้ า)
ื่
– ความดันของของเหลวมีประโยชน์ในเรื่องใด (แนวคาตอบ การสร้างหอส่งน้ า การสร้างเขอน และการด าน้ า

ให้ปลอดภัย)
ขั้นสรุป
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับความดันของของเหลว โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผังมโนทัศน์
10. สื่อการเรียนร ู้
1. รูปหรือสื่อมัลติมีเดียที่แสดงให้เห็นถึงการด าน้ า
2. รูปหรือสื่อมัลติมีเดียที่แสดงให้เห็นถึงปลาที่ว่ายอยู่ในน้ า

3. ใบกิจกรรม ทดลองปัจจัยที่มีผลต่อความดันของของเหลว
4. ขวดพลาสติกขนาด 1.5 ลิตร
5. ขวดพลาสติกขนาด 5 ลิตร

6. เทปกาว
7. ถาด
8. ปากกาเคมี
9. มีดคัตเตอร์

10. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1

11. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 เล่ม 1
12. แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1
13. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีท 2 เล่ม 1
ี่

228




11. การวดและประเมินผลการเรียนร ู้

ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ
ด้านความรู้ (K) ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
จิตวิทยาศาสตร์ (A)


1. ซักถามความรู้เรื่องความดันของ 1. ประเมินเจตคตทางวิทยาศาสตร์เป็น 1. ประเมินทักษะกระบวนการทาง
ของเหลว รายบุคคลโดยการสังเกตและใช้แบบ วิทยาศาสตร์โดยใช้แบบวัด
2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ วัดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทาง

กิจกรรมฝึกทักษะระหว่างเรียน 2. ประเมินเจตคติต่อวิทยาศาสตร์เป็น วิทยาศาสตร์
รายบุคคลโดยการสังเกตและใช้แบบ 2. ประเมินทักษะการคิดโดยการ
วัดเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ สังเกตการท างานกลุ่ม
3. ประเมินทักษะการแก้ปัญหา
โดยการสังเกตการท างานกลุ่ม

4. ประเมินพฤติกรรมใน
การปฏิบัติกิจกรรมเป็น
รายบุคคลหรือรายกลุ่มโดยการ

สังเกตการท างานกลุ่ม

229



บันทึกผลหลังการสอน
สรุปผลการเรียนการสอน

1. นักเรียนจ านวน ..................... คน
ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ..................... คน คิดเป็นร้อยละ .........................
ไม่ผ่านจุดประสงค์ .................................. คน คิดเป็นร้อยละ .........................


2. ด้านความรู้ความเข้าใจ (K)
……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………….……
…………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………


3. ด้านทักษะกระบวนการ (P)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………….……
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………


4. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………………


ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………….……
…………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………


ข้อแนะน า
………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………….……
………………………………………………………………..………………………………………………………………………………………………






ลงชื่อ .......................................................
(นายประสพโชค ประภา)
ต าแหน่ง ครู

230



ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย


ได้จัดท าการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ................ รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (ว22101)

แล้วมีความคดเห็นดังนี้
1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท ี่
 มีองค์ประกอบครบ

 มีองค์ประกอบยังไม่ครบ ควรเพิ่มเติม ...................................................................................................

2. การจัดกิจกรรมได้น าเอากระบวนการเรียนรู้

 เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป

3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท ี่

 น าไปใช้ได้จริง
 ควรปรับปรุงก่อนน าไปใช ้


4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………….……
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………
………………………….…………………………………………………………………………………………………………….………………………






ลงชื่อ ..............................................................
(นางลัดดา ผาพันธ์)
ผู้อ านวยการโรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษา

231



แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 35
สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษา

รายวิชา ว22101 วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงและการเคลื่อนที่ จ านวน 28 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง แรงพยุง (1) เวลาสอน 1 ชั่วโมง


1. มาตรฐานการเรียนร
ู้

ี่
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวิตประจาวัน ผลของแรงทกระทาตอวัตถุ ลกษณะการเคลอนทแบบ


ื่
ี่


ต่างๆ ของวัตถุ รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์

2. ตัวชี้วดชั้นปี
วิเคราะห์แรงพยุงและการจม การลอยของวัตถุในของเหลวจากหลักฐานเชิงประจักษ์ (ว 2.2 ม. 2/4)
3. จุดประสงค์การเรียนร ู้
1. อธิบายแรงพยุงของของเหลวที่กระท าต่อวัตถุได้ (K)
2. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ (A)
4. ท างานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ (A)
5. สื่อสารและน าความรู้เรื่องแรงพยุงไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ (P)

4. สาระส าคัญ
เมื่อวัตถุอยู่ในของเหลว ของเหลวจะมีแรงกระท าตอวัตถุในทศทางตรงกันข้ามกับน้ าหนักของวัตถุเสมอ เรียกแรง


ลัพธ์ที่ของเหลวกระท าต่อวัตถุว่า แรงพยุง
5. สาระการเรียนร ู้
แรง

– แรงพยุง
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มีวินัย

2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งมั่นในการท างาน
4. มีจิตวิทยาศาสตร์
7. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน

1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชเทคโนโลยี

8. ชิ้นงานหรือภาระงาน
สืบค้นข้อมูลแรงพยุง

232




9. การจัดกจกรรมการเรียนร ู้


ครูดาเนินการทดสอบก่อนเรียน โดยให้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความพร้อมและพื้นฐาน
ของนักเรียน
ขั้นน าเข้าสู่บทเรียน
1) ครูถามค าถามเกี่ยวกับประสบการณ์เดิมของนักเรียน เช่น


– นักเรียนเคยน าลูกบอลไปลอยน้ าหรือไม่ ถ้าเคย ลกบอลลอยน้ าหรือจมน้ า (แนวคาตอบ เคย ลูกบอลลอย
น้ า)

– นักเรียนเคยลอยตัวในน้ าหรือไม่ การลอยตัวในสระว่ายน้ ากับการลอยตวในทะเล สถานที่ใดท าให้นักเรียน




ลอยตวไดง่ายกว่ากัน เพราะอะไร (แนวคาตอบ เคย โดยการลอยตวในทะเลง่ายกว่าในสระว่ายน้ า เพราะน้ าทะเลมีแรง
กระท าต่อตัวเรามากกว่าน้ าในสระว่ายน้ า)
2) นักเรียนร่วมกันตอบค าถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับค าตอบ เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง แรงพยุง
ขั้นจัดกิจกรรมการเรียนร ู้


จดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใชกระบวนการสบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลบดาน ชนเรียน
ั้



(flipped classroom) ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)
(1) ครูให้นักเรียนดูรูปเรือที่ลอยอยู่ในน้ า แล้วถามค าถามนักเรียนดังนี้
– นักเรียนคิดว่าเรือลอยอยู่ในน้ าได้เพราะอะไร (แนวค าตอบ เพราะน้ าออกแรงพยุงเรือไว้)
(2) นักเรียนร่วมกันอภิปรายหาค าตอบเกี่ยวกับค าถามตามความคิดเห็นของแต่ละคน
2) ขั้นส ารวจและค้นหา (Exploration)

(1) ครูให้นักเรียนศึกษาเรื่องแรงพยุง โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า เมื่อวัตถุอยู่ในของเหลว ของเหลวมีแรง


กระทาตอวัตถุในทกทศทาง ทาให้มีแรงลพธ์ทของเหลวกระทาตอวัตถุในทศขึ้นตามแนวดง เรียกแรงชนิดนี้ว่า แรงพยุง






ี่
ิ่

(buoyant force)
(2) ครูแบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับแรงพยุง ตามขั้นตอนดังนี้



ุ่


ี่
– แตละกลมวางแผนการสบคนข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อย่อยให้เพื่อนสมาชกชวยกันสบคนตามทสมาชกกลม


ุ่

ช่วยกันก าหนดหัวข้อย่อย เช่น ความหมายของแรงพยุง ทิศทางของแรงพยุง และผู้ค้นพบธรรมชาติของแรงพยุง

ี่

ุ่


– สมาชกกลมแตละคนหรือกลมย่อยชวยกันสบคนข้อมูลตามหัวข้อย่อยทตนเองรับผดชอบ โดยการสบคน

ุ่



จากหนังสือ วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยส าหรับเยาวชน หรืออินเทอร์เน็ต
ุ่
ั้
ี่

ุ่
– สมาชกกลมน าข้อมูลทสืบคนได้มารายงานให้เพื่อนๆ สมาชกในกลมฟัง รวมทงร่วมกันอภิปรายซักถามจน


คาดว่าสมาชิกทุกคนมีความรู้ความเข้าใจที่ตรงกัน

– สมาชิกกลุ่มช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้ทั้งหมดเปนผลงานของกลุ่ม และชวยกันจดท ารายงานการศกษาค้นคว้า



เกี่ยวกับแรงพยุง
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้จากการปฏิบัติกิจกรรม
(4) ครูคอยแนะน าชวยเหลือนักเรียนขณะปฏบัตกิจกรรม โดยครูเดนดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาสให้นักเรียน




ทุกคนซักถามเมื่อมีปัญหา

233



3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
(1) นักเรียนแต่ละกลุ่มน าเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าห้องเรียน

(2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวค าถาม เช่น
– แรงพยุงคืออะไร (แนวค าตอบ แรงลัพธ์ที่ของเหลวกระท าต่อวัตถุ ท าให้วัตถุลอยในของเหลวได้)
– นักวิทยาศาสตร์ท่านใดเป็นผู้ค้นพบธรรมชาติของแรงพยุง (แนวค าตอบ อาร์คิมีดีส)
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า วัตถุที่อยู่ในของเหลวจะ

มีแรงพยุงซึ่งเป็นแรงลัพธ์ที่ของเหลวกระท าต่อวัตถุในทิศตรงกันข้ามกับน้ าหนักของวัตถ ุ
4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)

(1) ครูอธิบายเรื่องน่ารู้ เรื่องผู้คนพบธรรมชาติของแรงพยุง ให้นักเรียนเข้าใจว่า อาร์คมีดีส (Archimedes) นักฟิสิกส ์


ู้

ชาวกรีก เป็นผคนพบธรรมชาตของแรงพยุง โดยให้หลกการไว้ว่า “เมื่อวัตถุอยู่ในของเหลวแรงพยุงจะมีคาเทากับน้ าหนัก


ของของเหลวที่มีปริมาตรเท่ากับส่วนที่จมของวัตถ”

(2) นักเรียนค้นคว้าค าศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับแรงพยุง จากหนังสือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต
และน าเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง คัดค าศัพท์พร้อมทั้งค าแปลลงสมุดส่งครู
5) ขั้นประเมิน (Evaluation)

ี่
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อทเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจดใดบ้างที่ยังไม่เข้าใจหรือยัง
มีข้อสงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไขอย่างไรบ้าง


(3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหนเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และการน าความรู้ท ี่
ได้ไปใช้ประโยชน์
(4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบค าถาม เช่น



– เมื่อน าวัตถุใสลงไปในของเหลวชนิดหนึ่ง จะมีแรงพยุงกระทาตอวัตถุดงกลาวในทศทางใด (แนวคาตอบ




ทิศทางตรงกันข้ามกับน้ าหนักของวัตถุ)
ขั้นสรุป
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับแรงพยุง โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผังมโนทัศน์
10. สื่อการเรียนร ู้
1. รูปเรือที่ลอยอยู่ในน้ า
2. หนังสือ วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยส าหรับเยาวชน หรืออินเทอร์เน็ต
3. หนังสือเรียนภาษาต่างประเทศ
4. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1

5. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เลม 1

ี่
6. แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีท 2 เล่ม 1
7. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1

234



11. การวดและประเมินผลการเรียนร ู้


ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ
ด้านความรู้ (K) ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
จิตวิทยาศาสตร์ (A)


1. ซักถามความรู้เรื่อง แรงพยุง 1. ประเมินเจตคตทางวิทยาศาสตร์เป็น 1. ประเมินทักษะการคิดโดยการ
2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ รายบุคคลโดยการสังเกตและใช้แบบ สังเกตการท างานกลุ่ม
กิจกรรมฝึกทักษะระหว่างเรียน วัดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 2. ประเมินพฤติกรรมในการปฏิบัต ิ

2. ประเมินเจตคติต่อวิทยาศาสตร์เป็น กิจกรรมเป็นรายบุคคลหรือราย
รายบุคคลโดยการสังเกตและใช้แบบ กลุ่มโดยการสังเกตการทางาน

วัดเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ กลุ่ม

235



บันทึกผลหลังการสอน
สรุปผลการเรียนการสอน

1. นักเรียนจ านวน ..................... คน
ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ..................... คน คิดเป็นร้อยละ .........................
ไม่ผ่านจุดประสงค์ .................................. คน คิดเป็นร้อยละ .........................


2. ด้านความรู้ความเข้าใจ (K)
……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………….……
…………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………


3. ด้านทักษะกระบวนการ (P)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………….……
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………


4. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………………


ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………….……
…………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………


ข้อแนะน า
………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………….……
………………………………………………………………..………………………………………………………………………………………………






ลงชื่อ .......................................................
(นายประสพโชค ประภา)
ต าแหน่ง ครู

236



ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย


ได้จัดท าการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ................ รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (ว22101)

แล้วมีความคดเห็นดังนี้
1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท ี่
 มีองค์ประกอบครบ

 มีองค์ประกอบยังไม่ครบ ควรเพิ่มเติม ...................................................................................................

2. การจัดกิจกรรมได้น าเอากระบวนการเรียนรู้

 เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป

3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท ี่

 น าไปใช้ได้จริง
 ควรปรับปรุงก่อนน าไปใช ้


4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………….……
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………
………………………….…………………………………………………………………………………………………………….………………………






ลงชื่อ ..............................................................
(นางลัดดา ผาพันธ์)
ผู้อ านวยการโรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษา

237



แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 36
สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษา

รายวิชา ว22101 วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงและการเคลื่อนที่ จ านวน 28 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง แรงพยุง (2) เวลาสอน 1 ชั่วโมง


ู้
1. มาตรฐานการเรียนร
ี่
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวิตประจาวัน ผลของแรงทกระทาตอวัตถุ ลกษณะการเคลอนทแบบ

ื่




ี่
ต่างๆ ของวัตถุ รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์
2. ตัวชี้วดชั้นปี

1. วิเคราะห์แรงพยุงและการจม การลอยของวัตถุในของเหลวจากหลักฐานเชิงประจักษ์ (ว 2.2 ม. 2/4)
2. เขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระท าต่อวัตถุในของเหลว (ว 2.2 ม. 2/5)
3. จุดประสงค์การเรียนร ู้
1. อธิบายหลักการของแรงพยุงที่กระท าต่อวัตถุได้ (K)
2. สังเกตและระบุปัจจัยที่มีผลต่อการจม การลอยของวัตถุได้ (K)
3. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
4. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ (A)

5. ท างานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ (A)
6. สื่อสารและน าความรู้เรื่องแรงพยุงไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ (P)
4. สาระส าคัญ
แรงพยุงเป็นแรงลพธ์ทของเหลวกระทาตอวัตถุ ทาให้วัตถุลอยอยู่ในของเหลวได เมื่อวัตถุอยู่ในของเหลวชนิดใด
ี่





ชนิดหนึ่ง ย่อมมีแรงพยุงเนื่องจากของเหลวกระท าต่อวัตถุนั้นเสมอ แรงพยุงมีทิศทางตรงกันข้ามกับน้ าหนักของวัตถุ
5. สาระการเรียนร ู้
แรง
– แรงพยุง
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งมั่นในการท างาน
4. มีจิตวิทยาศาสตร์

7. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใชทักษะ/กระบวนการและทักษะในการด าเนินชีวิต


238



8. ชิ้นงานหรือภาระงาน
1. ทดลองแรงพยุงของของเหลว
2. สังเกตปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงพยุงของของเหลว

9. การจัดกจกรรมการเรียนร ู้


ครูดาเนินการทดสอบก่อนเรียน โดยให้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความพร้อมและพื้นฐาน

ของนักเรียน
ขั้นน าเข้าสู่บทเรียน
1) ครูให้นักเรียนดูรูปบ้านลอยน้ า แล้วถามค าถามนักเรียนดังนี้
– เพราะเหตุใดบ้านลอยน้ าจึงลอยน้ าได้ (แนวค าตอบ เพราะน้ าออกแรงพยุงบ้านลอยน้ าไว้)
2) นักเรียนร่วมกันตอบค าถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับค าตอบ เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง แรงพยุง


ขั้นจัดกิจกรรมการเรียนร ู้
ั้


จดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใชกระบวนการสบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลบดาน ชนเรียน



(flipped classroom) ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)
(1) ครูให้นักเรียนทบทวนความรู้เดิมที่ได้เรียนรู้มาแล้ว โดยใช้ค าถามต่อไปนี้
– วัตถุที่อยู่ในของเหลวจะมีแรงชนิดใดกระท าต่อวัตถุนั้น (แนวค าตอบ แรงพยุงของของเหลว)
(2) นักเรียนร่วมกันอภิปรายหาค าตอบเกี่ยวกับค าถามตามความคิดเห็นของแต่ละคน
2) ขั้นส ารวจและค้นหา (Exploration)

(1) ครูแบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏิบัติกิจกรรม ทดลองแรงพยุงของของเหลว ตามขั้นตอน ดังนี้
ขั้นที่ 1 ก าหนดปัญหา
– ของเหลวมีแรงพยุงหรือไม่

ขั้นที่ 2 ก าหนดสมมุติฐาน
– เมื่อวัตถุอยู่ในของเหลวน่าจะมีแรงพยุงของของเหลวกระท าต่อวัตถุ
ขั้นที่ 3 ทดสอบสมมุติฐาน
– น าเชือกผูกดินน้ ามันแล้วชั่งน้ าหนักของดินน้ ามันด้วยเครื่องชั่งสปริง บันทึกค่าที่อ่านได ้
– ชั่งน้ าหนักของดินน้ ามันด้วยเครื่องชั่งสปริงอีกครั้ง แต่จุ่มดินน้ ามันครึ่งก้อนลงในน้ า บันทึกค่าที่อ่านได ้

– น าน้ าที่ล้นออกจากถ้วยยูเรกาในขั้นตอนที่ 2 มาชั่งหาน้ าหนัก แล้วบันทึกค่าที่อ่านได ้
– ชั่งน้ าหนักของดินน้ ามันด้วยเครื่องชั่งสปริงอีกครั้ง แต่จุ่มดินน้ ามันทั้งก้อนลงในน้ า บันทึกค่าที่อ่านได ้
– น าน้ าที่ล้นออกจากถ้วยยูเรกาในขั้นตอนที่ 4 มาชั่งหาน้ าหนัก แล้วบันทึกค่าที่อ่านได ้

ขั้นที่ 4 วิเคราะห์ผลการทดลอง
– แปลความหมายข้อมูลที่ได้จากตารางบันทึกผลการทดลอง
– น าข้อมูลที่ได้มาพิจารณาเพื่ออธิบายว่าเป็นไปตามที่นักเรียนก าหนดสมมุติฐานไว้หรือไม่
ขั้นที่ 5 สรุปผลการทดลอง

– นักเรียนร่วมกันสรุปผลการทดลองแล้วเขียนรายงานสรุปผลการทดลองส่งครู
(2) ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้จากการปฏิบัติกิจกรรม

239




(3) ครูคอยแนะน าช่วยเหลอนักเรียนขณะปฏบัติกิจกรรม โดยครูเดนดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาสให้นักเรียน


ทุกคนซักถามเมื่อมีปัญหา
3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
(1) นักเรียนแต่ละกลุ่มน าเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าห้องเรียน
(2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวค าถาม เช่น
– การชงน้ าหนักของดนน้ ามันในอากาศและในน้ ามีค่าแตกตางกันหรือไม่ อย่างไร (แนวคาตอบ แตกต่างกัน



ั่
ั่
โดยน้ าหนักของดินน้ ามันเมื่อชงในน้ ามีค่าน้อยกว่าน้ าหนักของดินน้ ามันเมื่อชั่งในอากาศ)
– เขียนแผนภาพแสดงทิศทางของแรงพยุงของน้ าที่กระท าตอดินน้ ามันขณะดินน้ ามันจมลงครึ่งก้อนและขณะ

ดินน้ ามันจมลงทั้งก้อน (แนวค าตอบ
แรงพยุงของน ้ำ

น ้ำหนักของดิน
ขณะดินน ้ำมันจมลงครึ่ง ขณะดินน ้ำมันจมลงทั ง

– เมื่อเปรียบเทียบน้ าหนักของน้ าที่ล้นออกมากับผลต่างของน้ าหนักของดินน้ ามัน เมื่อชั่งในอากาศกับชั่งในน้ า

ขณะดนน้ ามันจมลงทั้งก้อนสามารถสรุปไดว่าอย่างไร (แนวคาตอบ น้ าหนักของน้ าทลนออกมามีคาเทากับน้ าหนักของดน

ี่





ั่
น้ ามันที่หายไปเมื่อชงในน้ า)
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบตกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า เมื่อวัตถุอยู่ในของเหลว


ของเหลวจะมีแรงพยุงกระท าต่อวัตถุในทิศทางตรงกันข้ามกับน้ าหนักของวัตถุเสมอ
4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
(1) ครูแบงนักเรียนกลมละ 5 – 6 คน ปฏิบติกิจกรรม สังเกตปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงพยุงของของเหลว ตาม


ุ่
ขั้นตอน ดังนี้
– น าเชือกผูกดินน้ ามันแล้วชั่งน้ าหนักของดินน้ ามันด้วยเครื่องชั่งสปริง บันทึกค่าที่อ่านได ้
– ชั่งน้ าหนักของดินน้ ามันด้วยเครื่องชั่งสปริงอีกครั้ง แต่จุ่มดินน้ ามันทั้งก้อนลงในน้ า บันทึกค่าที่อ่านได ้
– ใส่เกลือลงในน้ าด้วยอัตราส่วน เกลือ 100 กรัมต่อน้ า 1 ลิตร คนให้เข้ากันจนกระทั่งเกลือละลายจนหมด
ุ่


– ชั่งน้ าหนักของดินน้ ามันดวยเครื่องชั่งสปริง โดยจมดินน้ ามันทั้งก้อนลงในน้ าเกลอ บันทึกค่าที่อ่านได้ พร้อม
ทั้งเปรียบเทียบน้ าหนักของดินน้ ามันที่อ่านได้ในขั้นตอนที่ 2
(2) นักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม


(3) ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจยที่มีผลตอขนาดของแรงพยุงของของเหลว ให้นักเรียนเข้าใจว่า ขนาดของแรง
ี่
ี่
พยุงของของเหลวขึ้นอยู่กับปริมาตรของวัตถุส่วนทจมลงในของเหลว โดยถ้าปริมาตรส่วนทจมลงในของเหลวมาก แรงพยุง


ของของเหลวจะมีคามาก เนื่องจากของเหลวออกแรงกระทาต่อวัตถุมากขึ้นตามความลกจากผวของเหลว นอกจากนี้ แรง


พยุงของของเหลวยังขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของของเหลวด้วย โดยของเหลวที่มีความหนาแน่นมากกว่าจะมีแรงพยุงกระทา

ต่อวัตถุมากกว่า
ี่

(4) ครูอธิบายเรื่องน่ารู้ เรื่องทะเลเดดซี ให้นักเรียนเขาใจว่า ทะเลเดดซี (Dead Sea) เป็นทะเลสาบน้ าเคมทตั้งอยู่




ระหว่างประเทศอิสราเอลกับประเทศจอร์แดน ทะเลสาบน้ าเคมนี้มีแร่ธาตสะสมอยู่ตามธรรมชาตมาก ซึ่งมีความหนาแน่น
มากกว่าน้ าจืด 1.24 เท่า ท าให้มีแรงพยุงมากกว่าน้ าจืด เราจึงสามารถลอยตัวอยู่ในทะเลสาบได้โดยไม่จม

240



5) ขั้นประเมิน (Evaluation)
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อทเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจดใดบ้างที่ยังไม่เข้าใจหรือยัง

ี่
มีข้อสงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไขอย่างไรบ้าง

(3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหนเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และการน าความรู้ท ี่
ได้ไปใช้ประโยชน์

(4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบค าถาม เช่น

ั่

ั่
– เมื่อชงน้ าหนักของวัตถุ A ดวยเครื่องชงสปริงในอากาศ พบว่า วัตถุ A มีน้ าหนัก 0.5 นิวตน ถ้าชงน้ าหนัก
ั่
ั้
ั่

ของวัตถุ A ดวยเครื่องชงสปริงอีกครั้ง แตจมวัตถุ A ทงก้อนลงในของเหลวชนิดหนึ่ง น้ าหนักของวัตถุ A จะมีคาเทาเดม
ุ่




ี่

หรือไม่ อย่างไร (แนวคาตอบ ไม่เทาเดม โดยน้ าหนักของวัตถุ A จะมีค่าลดลง เนื่องจากขณะทวัตถุ A อยู่ในของเหลวจะมี


แรงพยุงของของเหลวกระท าต่อวัตถุ A)
– ความหนาแน่นของของเหลวมีความสมพันธ์กับแรงพยุงอย่างไร (แนวคาตอบ ของเหลวทมีความหนาแน่น

ี่

มากจะมีแรงพยุงมาก ในทางกลับกัน ของเหลวที่มีความหนาแน่นน้อยจะมีแรงพยุงน้อย)
ขั้นสรุป
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับแรงพยุง โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผังมโนทัศน์
10. สื่อการเรียนร ู้
1. รูปบ้านลอยน้ า
2. ใบกิจกรรม ทดลองแรงพยุงของของเหลว
3. เครื่องชั่งสปริงแบบแขวน
4. ดินน้ ามัน
5. อ่างพลาสติก
6. น้ า
7. เชือก
8. เกลือ
9. แท่งแก้วคนสาร

10. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1
11. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 เล่ม 1

12. แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1
13. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีท 2 เล่ม 1
ี่

241




11. การวดและประเมินผลการเรียนร ู้

ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ
ด้านความรู้ (K) ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
จิตวิทยาศาสตร์ (A)

1. ซักถามความรู้เรื่อง แรงพยุง 1. ประเมินเจตคตทางวิทยาศาสตร์เป็น 1. ประเมินทักษะกระบวนการทาง

2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ รายบุคคลโดยการสังเกตและใช้แบบ วิทยาศาสตร์โดยใช้แบบวัด
กิจกรรมฝึกทักษะระหว่างเรียน วัดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทาง

2. ประเมินเจตคติต่อวิทยาศาสตร์เป็น วิทยาศาสตร์
รายบุคคลโดยการสังเกตและใช้แบบ 2. ประเมินทักษะการคิดโดยการ
วัดเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ สังเกตการท างานกลุ่ม
3. ประเมินทักษะการแก้ปัญหา
โดยการสังเกตการท างานกลุ่ม

4. ประเมินพฤติกรรมในการปฏิบัต ิ
กิจกรรมเป็นรายบุคคลหรือราย

กลุ่มโดยการสังเกตการทางาน
กลุ่ม

242



บันทึกผลหลังการสอน
สรุปผลการเรียนการสอน

1. นักเรียนจ านวน ..................... คน
ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ..................... คน คิดเป็นร้อยละ .........................
ไม่ผ่านจุดประสงค์ .................................. คน คิดเป็นร้อยละ .........................


2. ด้านความรู้ความเข้าใจ (K)
……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………….……
…………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………


3. ด้านทักษะกระบวนการ (P)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………….……
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………


4. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………………


ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………….……
…………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………


ข้อแนะน า
………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………….……
………………………………………………………………..………………………………………………………………………………………………






ลงชื่อ .......................................................
(นายประสพโชค ประภา)
ต าแหน่ง ครู

243



ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย


ได้จัดท าการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ................ รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (ว22101)

แล้วมีความคดเห็นดังนี้
1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท ี่
 มีองค์ประกอบครบ

 มีองค์ประกอบยังไม่ครบ ควรเพิ่มเติม ...................................................................................................

2. การจัดกิจกรรมได้น าเอากระบวนการเรียนรู้

 เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป

3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท ี่

 น าไปใช้ได้จริง
 ควรปรับปรุงก่อนน าไปใช ้


4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………….……
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………
………………………….…………………………………………………………………………………………………………….………………………






ลงชื่อ ..............................................................
(นางลัดดา ผาพันธ์)
ผู้อ านวยการโรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษา

244



แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 37
สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษา

รายวิชา ว22101 วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงและการเคลื่อนที่ จ านวน 28 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การจม การลอยของวัตถ ุ เวลาสอน 1 ชั่วโมง


1. มาตรฐานการเรียนร
ู้

ื่
ี่
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวิตประจาวัน ผลของแรงทกระทาตอวัตถุ ลกษณะการเคลอนทแบบ


ี่


ต่างๆ ของวัตถุ รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์
2. ตัวชี้วดชั้นปี

วิเคราะห์แรงพยุงและการจม การลอยของวัตถุในของเหลวจากหลักฐานเชิงประจักษ์ (ว 2.2 ม. 2/4)
3. จุดประสงค์การเรียนร ู้
1. อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการจม การลอยของวัตถุได้ (K)
2. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ (A)
4. ท างานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ (A)
5. สื่อสารและน าความรู้เรื่องการจม การลอยของวัตถุไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ (P)

4. สาระส าคัญ
การจม การลอยของวัตถที่อยู่ในของเหลวขึ้นอยู่กับน้ าหนักของวัตถุและแรงพยุงของของเหลว กล่าวคอ ถ้าน้ าหนัก




ของวัตถุและแรงพยุงของของเหลวมีค่าเทากัน วัตถุจะลอยนิ่งอยู่ในของเหลว แตถ้าน้ าหนักของวัตถุมีคามากกว่าแรงพยุง

ของของเหลว วัตถุจะจมลงในของเหลว หลักการจม การลอยของวัตถุสามารถน ามาประยุกต์ใชในการสร้างยานพาหนะใน

การขนส่งทางน้ าได้ เช่น เรือ แพ และทุ่น
5. สาระการเรียนร ู้
แรง
– แรงพยุง

6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งมั่นในการท างาน
4. มีจิตวิทยาศาสตร์

7. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา

4. ความสามารถในการใชทักษะ/กระบวนการและทักษะในการด าเนินชีวิต

245



8. ชิ้นงานหรือภาระงาน
สังเกตการจม การลอยของวัตถ

9. การจัดกจกรรมการเรียนร ู้



ครูดาเนินการทดสอบก่อนเรียน โดยให้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความพร้อมและพื้นฐาน
ของนักเรียน
ขั้นน าเข้าสู่บทเรียน

1) ครูน าก้อนหินและแผ่นโฟมมาให้นักเรียนดูและสัมผัส แล้วให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย ดังนี้
– ก้อนหินและแผ่นโฟมมีน้ าหนักเท่ากันหรือไม่ (แนวค าตอบ ไม่เท่ากัน)


– ถ้าน าก้อนหินและแผนโฟมใสลงในน้ า นักเรียนคิดว่าวัตถุใดจมน้ าและวัตถุใดลอยน้ า (แนวค าตอบ ก้อนหิน
จมน้ าและแผ่นโฟมลอยน้ า)
ื่
ู่


2) นักเรียนร่วมกันตอบคาถามและแสดงความคดเห็นเกี่ยวกับคาตอบ เพื่อเชอมโยงไปสการเรียนรู้เรื่อง การจม

การลอยของวัตถ ุ
ขั้นจัดกิจกรรมการเรียนร ู้


ั้



จดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใชกระบวนการสบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลบดาน ชนเรียน
(flipped classroom) ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)
(1) ครูถามค าถามนักเรียนเพื่อกระตุ้นความสนใจ เช่น

– วัตถุต่างๆ ที่อยู่ในของเหลวจะจมหรือลอยขึ้นอยู่กับปจจัยใด (แนวค าตอบ น้ าหนักของวัตถุและแรงพยุงของ
ของเหลว)
(2) นักเรียนร่วมกันอภิปรายหาค าตอบเกี่ยวกับค าถามตามความคิดเห็นของแต่ละคน
2) ขั้นส ารวจและค้นหา (Exploration)



(1) ครูให้นักเรียนศกษาเรื่องการจม การลอยของวัตถุ จากใบความรู้หรือในหนังสอเรียน โดยครูชวยอธิบายให้

ี่
นักเรียนเข้าใจว่า การจม การลอยของวัตถุทอยู่ในของเหลวขึ้นอยู่กับน้ าหนักของวัตถุและแรงพยุงของของเหลว กลาวคอ


ถ้าน้ าหนักของวัตถุและแรงพยุงของของเหลวมีค่าเท่ากัน วัตถุจะลอยนิ่งอยู่ในของเหลว เชน ท่อนไม้ที่ลอยนิ่งอยู่ในน้ า แต ่
ถ้าน้ าหนักของวัตถุมีค่ามากกว่าแรงพยุงของของเหลว วัตถุจะจมลงในของเหลว เช่น กล่องไม้ที่ก าลังจมลงในของเหลว
(2) ครูแบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏิบัติกิจกรรม สังเกตการจม การลอยของวัตถุ ตามขั้นตอน ดังนี้
– เทน้ าใส่ในอ่างพลาสติกให้ระดับน้ าสูงเกินครึ่งอ่าง
– น าขวดพลาสติกมาปิดฝาให้สนิท ใส่ลงในอ่างน้ า สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นและบันทึกผล
– ด าเนินการเช่นเดียวกับขั้นตอนที่ 2 แต่เติมน้ าในขวดครึ่งขวดและเต็มขวด ตามล าดับ
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้จากการปฏิบัติกิจกรรม




(4) ครูคอยแนะน าชวยเหลือนักเรียนขณะปฏบัตกิจกรรม โดยครูเดนดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาสให้นักเรียน
ทุกคนซักถามเมื่อมีปัญหา
3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
(1) นักเรียนแต่ละกลุ่มน าเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าห้องเรียน

(2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวค าถาม เช่น
– สิ่งที่มีผลต่อการจม การลอยของขวดพลาสติกในกิจกรรมนี้คืออะไร (แนวค าตอบ น้ าหนักของขวดพลาสติก)

246






– นักเรียนไดประโยชน์อะไรจากการปฏบัติกิจกรรมนี้ (แนวคาตอบ สามารถน าหลักการจม การลอยของวัตถุ
มาใช้ในการสร้างยานพาหนะในการขนส่งทางน้ า เช่น เรือ แพ และทุ่น)
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัตกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า การจม การลอยของ

วัตถุขึ้นอยู่กับน้ าหนักของวัตถุและแรงพยุงของของเหลว
4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
ื่
(1) ครูเชอมโยงความรู้เข้ากับบูรณาการอาเซียน โดยครูถามนักเรียนว่า นักเรียนทราบหรือไม่ว่ามีประเทศใดใน
ี่
อาเซียนบ้างทมีหมู่บ้านลอยน้ า จากนั้นครูให้ความรู้เสริมกับนักเรียนว่า หมู่บ้านลอยน้ าท ฮาลองเบย์ ประเทศเวียดนาม
ี่
ี่
เป็นหมู่บ้านทมีประชากรประมาณ 600 คน โดยบ้านสร้างอยู่บนวัสดุทลอยน้ าได้ บ้านจงลอยขึ้น – ลงได้ตามระดับน้ าขึ้น–
ี่

ลง ซึ่งอาชีพหลักของประชากร คือ การท าประมง
นอกจากหมู่บ้านลอยน้ าในเวียดนามแล้ว ยังมีประชากรของหมู่บ้านในทะเลสาบอินเล ประเทศเมียนมาอีกแห่งหนึ่ง


ทใชประโยชน์จากแรงพยุงของของเหลว โดยน าผกตบชวาและโคลนจากก้นทะเลสาบมาผสมกันและปักยึดไว้ดวยไม้ไผ ่
ี่


สร้างเป็นสวนมะเขือเทศลอยน้ า เนื่องจากผกตบชวามีน้ าหนักเบา น้ าในทะเลสาบจงพยุงเอาไว้ได ซึ่งทาให้ประชากรมี



รายได้เลี้ยงชีพจากการขายมะเขือเทศ
(2) ครูอธิบายเรื่องน่ารู้ เรื่องธาราบ าบัด ให้นักเรียนเข้าใจว่า แรงพยุงสามารถน ามาใช้ในด้านการแพทย์ได้ เช่น การ
ี่
รักษาด้วยวิธีกายภาพบ าบัดในน้ า หรือทเรียกว่า ธาราบ าบัด ซึ่งเปนวิธีการรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อและกระดก






ทาให้สามารถออกก าลงกายในน้ าได เนื่องจากน้ ามีแรงพยุงชวยรองรับร่างกาย ทาให้ผป่วยออกแรงยกน้อยลง ลดแรง

ู้
กระแทก และลดการบาดเจ็บระหว่างออกก าลังกาย


(3) นักเรียนค้นคว้าค าศัพทภาษาตางประเทศเกี่ยวกับการจม การลอยของวัตถุ จากหนังสือเรียนภาษาต่างประเทศ
หรืออินเทอร์เน็ต และน าเสนอให้เพื่อนฟัง คัดค าศัพท์พร้อมทั้งค าแปลลงสมุดส่งครู
5) ขั้นประเมิน (Evaluation)
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อทเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจดใดบ้างที่ยังไม่เข้าใจหรือยัง
ี่

มีข้อสงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไขอย่างไรบ้าง
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหนเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และการน าความรู้ท ี่

ได้ไปใช้ประโยชน์
(4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบค าถาม เช่น





ี่
– เรือบรรทกทรายสามารถบรรทกทรายทมีน้ าหนักสงถึง 2,000 ตนไดโดยไม่จมเพราะอะไร (แนวคาตอบ

เพราะเรือบรรทกทรายออกแบบให้มีฐานกว้างเพื่อเพิ่มปริมาตรของเรือให้มีคาสงมาก ทาให้ความหนาแน่นของเรือขณะ




บรรทุกทรายยังคงมีค่าน้อยกว่าน้ า)

– เรารู้สกลอยตวในทะเลไดง่ายกว่าในสระว่ายน้ าเพราะอะไร (แนวคาตอบ เพราะน้ าทะเลมีแร่ธาตุมากจงทา





ให้มีความหนาแน่นมากกว่าน้ าในสระว่ายน้ า แรงพยุงของน้ าทะเลจึงมากกว่าน้ าในสระว่ายน้ า)
ขั้นสรุป
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการจม การลอยของวัตถุ โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผังมโนทัศน์

247



10. สื่อการเรียนร ู้
1. ก้อนหิน

2. แผ่นโฟม
3. อ่างพลาสติก
4. ขวดพลาสติก
6. น้ า

7. หนังสือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต
8. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1
9. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เลม 1

10. แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1

ี่
11. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีท 2 เล่ม 1
11. การวดและประเมินผลการเรียนร ู้


ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ
ด้านความรู้ (K) ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
จิตวิทยาศาสตร์ (A)

1. ซักถามความรู้เรื่องการจม การลอย 1. ประเมินเจตคตทางวิทยาศาสตร์เป็น 1. ประเมินทักษะกระบวนการทาง

ของวัตถ ุ รายบุคคลโดยการสังเกตและใช้แบบ วิทยาศาสตร์โดยใช้แบบวัด
2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ วัดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทาง
กิจกรรมฝึกทักษะระหว่างเรียน 2. ประเมินเจตคติต่อวิทยาศาสตร์เป็น วิทยาศาสตร์
รายบุคคลโดยการสังเกตและใช้แบบ 2. ประเมินทักษะการคิดโดยการ

วัดเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ สังเกตการท างานกลุ่ม
3. ประเมินทักษะการแก้ปัญหา
โดยการสังเกตการท างานกลุ่ม

4. ประเมินพฤติกรรมในการปฏิบัต ิ
กิจกรรมเป็นรายบุคคลหรือราย
ุ่

กลมโดยการสังเกตการทางาน
กลุ่ม

248



บันทึกผลหลังการสอน
สรุปผลการเรียนการสอน

1. นักเรียนจ านวน ..................... คน
ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ..................... คน คิดเป็นร้อยละ .........................
ไม่ผ่านจุดประสงค์ .................................. คน คิดเป็นร้อยละ .........................


2. ด้านความรู้ความเข้าใจ (K)
……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………….……
…………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………


3. ด้านทักษะกระบวนการ (P)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………….……
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………


4. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………….……
………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………………


ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………….……
…………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………


ข้อแนะน า
………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………….……
………………………………………………………………..………………………………………………………………………………………………






ลงชื่อ .......................................................
(นายประสพโชค ประภา)
ต าแหน่ง ครู


Click to View FlipBook Version