พจนานกุ รมศพั ท์เชงิ อรรถพระไตรปิฎก ๓๓๕
พจนานกุ รมศพั ทเ์ ชิงอรรถพระไตรปฎิ ก
พระสุตตนั ตปฎิ กเลม่ ท่ี ๒๐
กกกฺ (ตะกรัน) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๗๑/๒๘๑. ตะกรัน หมายถึงตะกอนท่ีจับเกรอะอยู่ก้นภาชนะ ใน
ทน่ี ้ีหมายเอาตะกรันมะขามปูอม อง.ฺ ติก.อ. (บาลี) ๒/๗๑/๒๑.
กตญฺญกู ตเวทีปุคคฺ ล (กตัญญกู ตเวทบี ุคคล) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๑๕/๓๕๘. กตัญญูกตเวทีบุคคล
หมายถงึ บคุ คลทร่ี ูอ้ ุปการคณุ ทผ่ี ู้อนื่ กระทาแก่ตนแล้วกระทาปฏกิ ารคุณตอบแทนพร้อมท้ัง
ประกาศเกียรติคณุ ให้ปรากฏ องฺ.ติก.อ. (บาล)ี ๒/๑๑๕/๒๖.
กถาวตฺถุ (กถาวตั ถุ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๖๘/๒๗๐. กถาวัตถุ หมายถึงเหตุที่นามาอภิปราย นามา
เสวนากัน องฺ.ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๖๘/๒๐.
กมมฺ (กรรม) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๗๗/๓๐๐. กรรม หมายถึงกุศลกรรมและอกุศลกรรม องฺ.ติก.อ.
(บาล)ี ๒/๗๗/๒๒.
กมฺมกรณ (กรรมกรณ์) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๓๖/๑๙๔. กรรมกรณ์ หมายถึงเคร่ืองมือหรืออุปกรณ์
สาหรบั ลงอาญา
กรณยี (กิจทคี่ วรทา) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๕๙/๒๒๘. กิจทีค่ วรทา ในทีน่ ี้หมายถึงกิจในอริยสัจ ๔ คือ
การกาหนดรทู้ กุ ข์ การละเหตุเกดิ ทุกข์ การทาให้แจง้ ซง่ึ ความดบั ทกุ ข์และการอบรมมรรค
มอี งค์ ๘ ใหเ้ จริญ ท.ี ส.ี อ. (บาล)ี ๑/๒๔๘/๒๐.
กลยฺ าณวากฺกรณ (กล่าวถอ้ ยคาไพเราะ) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๒๐๖/๒๗. กล่าวถ้อยคาไพเราะ ใน
ท่นี ี้หมายถึงแสดงธรรมกถาด้วยเสียงอันไพเราะ อง.ฺ เอกก.อ. (บาลี) ๑/๒๐๖/๒๑.
กสมพฺ ชุ าต (หยากเยอ่ื ) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๑๓/๑๕๓. หยากเย่อื ในท่ีน้ีหมายถงึ หยากเยื่อคือกิเลสมี
ราคะเปน็ ต้น อง.ฺ ติก.อ. (บาล)ี ๒/๑๓/๘.
กามสขุ (กามสขุ ) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๖๕/๑๐๒. กามสขุ หมายถงึ สุขที่เกิดข้ึนเพราะอาศัยกามคุณ
๕ คอื รปู เสียง กลนิ่ รส และโผฏฐัพพะทนี่ า่ พอใจ อง.ฺ ทุก.อ. (บาลี) ๒/๖๖/๖.
กายคตาสติวิรทฺธ (เบ่อื กายคตาสติ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๖๐๓/๕๕. เบอ่ื กายคตาสติ หมายถึงไม่ให้
กายคตาสตสิ าเร็จ องฺ.เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๖๐๐-๖๑๑/๔๘.
๓๓๖ ผศ.ดร.วโิ รจน์ คุ้มครอง
กายคตาสติอารทฺธ (ชอบใจกายคตาสติ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๖๐๓/๕๕. ชอบใจกายคตาสติ
หมายถงึ บาเพญ็ กายคตาสติใหบ้ ริบูรณ์ องฺ.เอกก.อ. (บาลี) ๑/๖๐๐-๖๑๑/๔๘.
กายสกฺขี (กายสักขีบุคคล) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๒๑/๑๖๖. กายสักขบี ุคคล หมายถึงพระอริยบุคคลผู้
บรรลโุ สดาปัตติผลขน้ึ ไป เป็นผู้เห็นประจักษ์กับตัว สัมผัสวิโมกข์ ๘ ด้วยนามกาย แล้ว
สามารถทาให้แจ้งพระนิพพานภายหลังได้ องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๒๑/๙๘, องฺ.สตฺตก.อ.
(บาลี) ๓/๑๔/๑๖.
กายสกฺขี (กายสักขี) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๔๙/๙๒. กายสักขี หมายถึงผู้มีศรัทธาแก่กล้า ได้สัมผัส
วโิ มกข์ ๘ ด้วยนามกาย และอาสวะบางอยา่ งก็ส้ินไป เพราะเห็นด้วยปัญญา ได้แก่ พระ
อริยบุคคลผบู้ รรลโุ สดาปัตตผิ ลข้นึ ไปจนถึงท่านผู้ปฏิบตั ิเพ่ืออรหัตมรรค องฺ.ทุก.อ. (บาลี)
๒/๔๙/๕๕, องฺ.สตฺตก.อ. (บาล)ี ๓/๑๔/๑๖.
กายสงฺขาร (กายสงั ขาร) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๒๓/๑๗๑. กายสังขาร หมายถึงสภาพปรุงแต่งการ
กระทาทางกาย หรอื กายสญั เจตนา คือความจงใจทางกาย องฺ.ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๒๓/๑๐๑,
อง.ฺ ติก.ฏกี า (บาล)ี ๒/๒๓/๑๑.
กาลาม (กาลามะ) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๖๖/๒๕๕. กาลามะ เป็นชื่อของพวกกษัตริย์ชาวเกสปุตต
นิคม อง.ฺ ติก.อ. (บาลี) ๒/๖๖/๒๐.
กินนฺ ร (กินนร) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๖๑/๙๙. กินนร แปลวา่ คนอะไร หมายถึงเป็นอมนุษย์ในนิยาย
มี ๒ ชนดิ คือ ชนดิ หน่ึงเป็นครงึ่ คนคร่ึงนก ท่อนบนเปน็ คน ท่อนล่างเปน็ นก อีกชนิดหนึ่ง
มีรปู ร่างเหมือนคน เมือ่ จะไปไหนมาไหน ก็ใส่ปีกใส่หางบินไป องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/๖๑/
๕๘, พจนานกุ รม ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒ หน้า ๑๒๘-๑๒.
กลุ (ตระกูล) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๘๘/๓๑๕. ตระกลู ในที่น้ีหมายถึงภพเทวดาหรือมนุษย์ องฺ.ติก.อ.
(บาล)ี ๒/๘๘/๒๔๒, อภ.ิ ปญฺจ.อ. (บาล)ี ๓๑/๕.
กูฏสาร (เรอื นยอด) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๓๕/๑๘๙. เรอื นยอด คือเรือนท่ีมีหลังคาทรงสูง องฺ.ติก.อ.
(บาล)ี ๒/๓๕/๑๓.
เกฏภุ (เกฏุภศาสตร์) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๕๙/๒๒๕. เกฏภุ ศาสตร์ หมายถึงตาราว่าด้วยวิชาการกวี
การแต่งฉนั ท์ องฺ.ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๕๙/๑๖.
โกลโกล (โกลงั โกลโสดาบัน) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๘๘/๓๑๕. โกลังโกลโสดาบนั หมายถึงพระโสดาบัน
ผูเ้ ม่อื จะเกิดในภพใหมเ่ ป็นเทวดาหรือมนุษยก์ เ็ กิดได้ ๒ หรอื ๓ ภพ และถ้าเกดิ เป็นมนุษย์
พจนานกุ รมศพั ทเ์ ชิงอรรถพระไตรปิฎก ๓๓๗
กไ็ มเ่ กิดในตระกลู ต่า คอื เกดิ ในตระกูลทมี่ โี ภคสมบัติมากเท่าน้ัน อภิ.ปุ. (ไทย) ๓๖/๓๒/
๑๖๐, อภ.ิ ปญจฺ .อ. (บาล)ี ๓๑/๕.
ขนฺติ (ความอดทน) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๑๖๖/๑๒๖. ความอดทน ในที่นี้หมายถึงความอดทนด้วย
การอดกล้ัน (อธวิ าสนขนั ต)ิ องฺ.ทกุ .อ. (บาลี) ๒/๑๖๖/๗.
ขรตฺต (ความรนุ แรง) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๑๕/๖๗. ความรุนแรง ในท่ีน้ีหมายถึงเป็นไปเพื่อความมี
วาจาหยาบคาย เช่น ดา่ กนั ด้วยคาหยาบวา่ ทา่ นเป็นทาส เปน็ คนชั่ว เปน็ จณั ฑาลและเป็น
ช่างสาน เป็นตน้ อง.ฺ ทุก.อ. (บาล)ี ๒/๑๕/๑.
ขุทฺทานุขุทฺทกสิกฺขาปท (สิกขาบทเล็กน้อย) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๘๖/๓๑๓. สิกขาบทเล็กน้อย
หมายถึงสิกขาบทท่ีเหลือทง้ั หมดเวน้ ปาราชิก ๔ องฺ.ติก.อ. (บาล)ี ๒/๘๗/๒๔.
เขตฺต (เขต) อง.ฺ ทกุ . (ไทย) ๒๐/๓๖/๗๙. เขต หมายถงึ ที่ตง้ั ที่พ่งึ ทงี่ อกงามแห่งบญุ องฺ.ทกุ .อ. (บาลี)
๒/๓๖/๓.
คตมิ นนฺ (ผู้มคี ติ) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๒๒๑/๒๙. ผู้มีคติ ในที่นี้หมายถึงจดจาที่มาของพระพุทธ
พจน์ได้หมดทุกบท แมจ้ ะมถี ึงหกหมืน่ บท ก็จาได้ตามท่ีพระพุทธเจ้าตรัสไว้ องฺ.เอกก.อ.
(บาล)ี ๑/๒๑๙-๒๒๓/๒๕.
คมฺภรี ปญฺ า (มีปัญญาล่มุ ลกึ ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๕๙๙/๕๔. มีปัญญาลุ่มลึก ในท่ีน้ีหมายถึงมี
ปญั ญาทใี่ ห้ได้รบั ประโยชนอ์ ยา่ งยง่ิ คือพระนิพพาน องฺ.เอกก.อ. (บาลี) ๑/๕๘๔/๔๗.
ครกุ าปตฺติ (อาบัตหิ นกั ) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๑๒๘/๑๑๖. อาบัติหนัก คือปาราชิก และสังฆาทิเสส
อาบัตเิ บา คือ ถุลลจั จยั ปาจติ ตยี ์ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฏ ทพุ ภาสิต วิ.อ. (บาลี) ๓/๒๙๙/
๔๘๓-๔๘๕.
โคณก (ผ้าโกเชาว์) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๖๔/๒๔๘. ผา้ โกเชาว์ หมายถึงผ้าท่ีทาด้วยขนแพะ หรือขน
แกะผืนใหญ่ มีขนยาวเกิน ๔ นิ้ว วิ.อ. (บาลี) ๓/๒๕๔/๑๖๙, องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๖๔/
๑๙๑, องฺ.ติก.อ. (บาล)ี ๒/๖๔/๑๙.
โคณกตถฺ ต (ผ้าโกเชาว์) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๓๕/๑๙๐. ผา้ โกเชาว์ หมายถงึ ผ้าที่ทาด้วยขนแพะหรือ
ขนแกะผนื ใหญ่ มีขนยาวเกิน ๔ นวิ้ ว.ิ อ. (บาลี) ๓/๒๕๔/๑๖.
โคตมกเจตยิ (โคตมกเจดีย์) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๑๒๖/๓๗๓. โคตมกเจดยี ์ หมายถงึ ที่อยู่ของยักษ์ช่ือ
วา่ โคตมกะ องฺ.ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๑๒๖/๒๖.
๓๓๘ ผศ.ดร.วิโรจน์ คุม้ ครอง
จกกฺ (จกั ร) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๔/๑๕๕. จักร ในท่ีน้ีหมายถึงอาณาจักรที่พระเจ้าจักรพรรดิให้
หมุนไปดว้ ยธรรมคอื กุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ อนั ใคร ๆ จะให้หมนุ กลับโดยไม่ให้มีกุศล
กรรมบถ ๑๐ ประการไม่ได้ อง.ฺ ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๑๔/๘.
จกกฺ (จกั ร) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๑๔/๑๕๖. จักร ในท่ีน้ีหมายถึงธรรมจักรอันยอดเย่ียมที่พระพุทธ
องค์ทรงใหห้ มุนไปโดยนวโลกุตตรธรรม ๙ ประการ อนั ใคร ๆ ไม่สามารถให้หมุนกลับได้
อง.ฺ ติก.อ. (บาล)ี ๒/๑๔/๘.
จกฺขุ (นัยน์ตา) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๒๙/๑๗๙. นยั นต์ า ในที่น้ีหมายถึงปัญญาจักษุ องฺ.ติก.อ. (บาลี)
๒/๒๙/๑๐.
จตุปฏิสมฺภิทา (ปฏิสมั ภิทา ๔) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๘๖/๒๔. ปฏิสมั ภิทา ๔ คือ อัตถปฏิสัมภิทา
ปัญญาแตกฉานในเนื้อความ ธัมมปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉาน ในหลักการ นิรุตติ
ปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในภาษา และปฏิภาณปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานใน
ความคดิ ทนั การ อง.ฺ จตกุ ฺก. (ไทย) ๒๑/๑๗๒/๒๗๓-๒๗๔, ขุ.ป. (ไทย) ๓๑/๑๑๐/๑๗๐,
อภ.ิ ว.ิ (ไทย) ๓๕/๗๑๘/๔๘.
จาตุมหาราชสหสฺส (มีท้าวมหาราช ๔,๐๐๐) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๘๑/๓๐๗. มีท้าวมหาราช
๔,๐๐๐ ในทนี่ ีห้ มายถงึ ในโลกธาตุที่มี ๑,๐๐๐ จักรวาลน้ัน แต่ละจักรวาลมีท้าวมหาราช
อยู่ ๔ องค์ อง.ฺ ติก.อ. (บาลี) ๒/๘๑/๒๓.
จติ ฺต (จิต) อง.ฺ ทกุ . (ไทย) ๒๐/๓๒/๗๖. จิต ในที่น้ีหมายถึงมรรคจิต คือจิตในขณะแห่งมรรค องฺ.
ทุก.อ. (บาล)ี ๒/๓๒/๓.
จติ ตฺ ุปกกฺ ิเลส (เครื่องเศร้าหมองแห่งจิต) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๗๑/๒๘๑. เคร่ืองเศร้าหมองแห่งจิต
หมายถึงนิวรณ์ ๕ ประการ คือ กามฉันทะ พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจ-กุกกุจจะ และ
วิจกิ จิ ฉา องฺ.ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๗๑/๒๑.
เจตผฏุ (สัมผัสดว้ ยใจ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๕๖๓/๕๑. สมั ผัสดว้ ยใจ หมายถึงการเจริญอาโปกสิณ
อง.ฺ เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๕๖๓/๔๗.
เจโตวิมตุ ฺติ (เจโตวมิ ตุ ติ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๒/๑๕๑. เจโตวิมุตติ หมายถึงผลสมาธิ องฺ.ติก.อ.
(บาลี) ๒/๑๒/๘.
เจโตวิมตุ ฺติ (เจโตวิมุตติ) อง.ฺ ทกุ . (ไทย) ๒๐/๘๘/๑๐๗. เจโตวิมุตติ หมายถึงผลอันเกิดจากสมาธิ
คือความหลุดพ้นด้วยสมถกัมมฏั ฐาน องฺ.ทุก.อ. (บาล)ี ๒/๘๘/๖๒, ม.มู.อ. (บาลี) ๑/๖๙/
๑๗๗,ม.ม.ู ฏีกา (บาลี) ๑/๖๙/๓๓.
พจนานกุ รมศพั ท์เชงิ อรรถพระไตรปิฎก ๓๓๙
เจโตววิ ฏฺฏกสุ ล (ฉลาดในเจโตวิวัฏ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๙๙/๒๗. ฉลาดในเจโตวิวัฏ หมายถึง
ฉลาดในการปรบั เปล่ยี นใจ คือได้รูปาวจรฌาน ๔ (ป มฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และ
จตตุ ถฌาน) เพราะความฉลาดในสมาบัติ อง.ฺ เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๑๙๙/๑๘.
ฉนฺท (ฉนั ทะ) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๑๑๓/๓๕๕. ฉันทะ ในที่น้ีหมายถึงตัณหา องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/
๑๑๓/๒๖.
ฉนทฺ ราคปฺปหาน (ธรรมเป็นที่กาจัดฉนั ทราคะ) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๑๐๔/๓๔๘. ธรรมเป็นที่กาจัด
ฉันทราคะ หมายถึงนพิ พาน องฺ.ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๑๐๔/๒๕.
ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขาร (ฉันทสมาธิปธานสังขาร) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๔๐๑/๔๗. ฉันทสมาธิ
ปธานสังขารคือ ฉันทสมาธิ หมายถงึ สมาธิทเี่ กดิ จากฉันทะ ปธานสังขาร หมายถึงความ
เพียรทม่ี งุ่ มั่น (ปธาน) คาว่า ฉนั ทสมาธิปธานสังขาร หมายถึงสมาธิที่เกิดจากฉันทะและ
ความเพยี รท่มี ุ่งม่นั วรี ยิ สมาธิ จิตตสมาธิ และ วีมงั สาสมาธิ ก็มีอรรถาธิบายเช่นเดียวกัน
ในสตู รนี้ เปน็ ท้ังโลกยิ ะและโลกุตตระ องฺ.เอกก.อ. (บาลี) ๑/๓๙๘-๔๐๑/๔๔.
ฉานตุ ฺตริย (อนตุ ตริยะ ๖) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๘๖/๒๔. อนตุ ตริยะ ๖ คือ ทัสสนานุตตริยะ การ
เห็นอันเยี่ยม สวนานุตตริยะ การฟังอันเยี่ยม ลาภานุตตริยะ การได้อั นเยี่ยม
สิกขานุตตริยะ การศึกษาอันเยี่ยม ปาริจริยานุตตริยะ การบารุงอันเย่ียม อนุสสตา -
นุตตรยิ ะ การระลกึ อันเยีย่ ม อง.ฺ เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๑๗๕-๑๘๖/๑๐.
ชมฺโพนท (ทองแท่งชมพูนทุ ) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๖๔/๒๔๘. ทองแท่งชมพูนุท หมายถึงทองคาเน้ือ
บริสุทธ์ิ อง.ฺ ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๖๔/๑๙. ที่เรยี กวา่ ชมพูนุท เพราะเป็นทองท่ีเกิดขึ้นในแคว
ของแมน่ า้ มหาชมพู อง.ฺ ตกิ .ฏกี า (บาลี) ๒/๖๔/๑๙๘-๑๙.
ชว (เชาวน์) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๔๑/๓๘๘. เชาวน์ ในที่นี้หมายถึงญาณ คือความหย่ังรู้อริยสัจ ๔
เปน็ ต้น องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๑๔๑/๒๗.
ชีวิต (ชวี ติ ) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๗๙/๓๐๓. ชีวิต ในท่ีน้ีหมายถึงการบาเพ็ญทุกกรกิริยา องฺ.ติก.อ.
(บาล)ี ๒/๗๙/๒๒๘, ข.ุ อ.ุ อ. (บาล)ี ๕๘/๓๗.
ฌายี (มฌี าน) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๒๐๔/๒๗. มฌี าน ในท่ีนี้หมายถงึ ได้ฌานและยินดีฌาน แม้ใน
พระเถรี และอุบาสิกาก็อธิบายทานองเดยี วกัน อง.ฺ เอกก.อ. (บาลี) ๑/๒๐๔/๒๐๖.
าณ (ญาณ) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๘๖/๓๑๒. ญาณ ในที่นีห้ มายถึงมรรคญาณ องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/
๘๖/๒๔๐-๒๔.
๓๔๐ ผศ.ดร.วโิ รจน์ คุ้มครอง
าณ (ญาณ) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๘๖/๓๑๒. ญาณ ในที่นี้หมายถึงปจั จเวกขณญาณ องฺ.ติก.อ. (บาลี)
๒/๘๖/๒๔.
าณทสฺสน (ญาณทัสสนะ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๐๔/๓๔๘. ญาณทัสสนะ หมายถึงปัจจเวกขณ
ญาณ ญาณหย่งั รูด้ ้วยการพจิ ารณาทบทวน คือสารวจรู้มรรคผล กิเลสที่ละแล้ว กิเลสที่
เหลอื อยู่ และนพิ พาน (เว้นพระอรหันต์ไม่มีการพิจารณากิเลสท่ียังเหลืออยู่) องฺ.ติก.อ.
(บาล)ี ๒/๑๐๔/๒๕.
าณทสฺสน (ญาณทัสสนะ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๗๕/๒๙๗. ญาณทัสสนะ หมายถึงพระสัพพัญ-
ญุตญาณ องฺ.ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๗๕/๒๒.
าณทสฺสน (ญาณทัสสนะ) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๕๗๐/๕๑. ญาณทสั สนะ หมายถึงทิพพจักขุญาณ
อง.ฺ เอกก.อ. (บาลี) ๑/๕๖๔-๕๗๐/๔๗.
ายกุสลธมมฺ (ญายกุศลธรรม) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๔๑/๘๖. ญายกุศลธรรม ในท่ีนี้หมายถึงกุศล
ธรรมพรอ้ มทัง้ วปิ ัสสนาและมรรค องฺ.ทุก.อ. (บาล)ี ๒/๔๑/๕.
าน (ฐานะ) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๔๔/๒๐๗. ฐานะ ในที่นี้หมายถงึ เหตุ อง.ฺ ติก.อ. (บาล)ี ๒/๔๔/๑๕.
ตปเฺ ปต (คนทใ่ี หผ้ ้อู ่นื อ่ิม) อง.ฺ ทุก. (ไทย) ๒๐/๑๒๑/๑๑๔. คนท่ีให้ผู้อ่ืนอ่ิม หมายถึงพระตถาคต
อรหันตสมั มาสัมพทุ ธเจ้า อง.ฺ ทุก.อ. (บาลี) ๒/๑๒๑/๖.
ตม (ความมดื มดิ ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๕๙/๒๒๖. ความมืดมิด ในท่ีน้ีหมายถึงโมหะที่ปิดบังไม่ให้
ระลึกชาตไิ ด้ อง.ฺ ติก.อ. (บาลี) ๒/๕๙/๑๖.
ติกฺขปญฺ า (มปี ญั ญาเฉียบแหลม) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๕๙๙/๕๔. มีปัญญาเฉียบแหลม ในท่ีนี้
หมายถึงมปี ญั ญาทล่ี ะ บรรเทา ดับกามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก และบาปอกุศล
ธรรม ทาให้ไมม่ ีราคะ โทสะ โมหะ ฯลฯ กรรมท่ีนาสัตว์ไปสู่ภพ และหมายถึงปัญญาท่ีรู้
แจง้ อริยมรรค ๔ สามัญญผล ๔ ปฏิสัมภทิ า ๔ อภิญญา ๖ องฺ.เอกก.อ. (บาลี) ๑/๕๘๔/
๔๗.
ติตฺต (คนที่อิ่มเอง) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๑๒๑/๑๑๔. คนที่อิ่มเอง หมายถึงพระตถาคตอรหันต
สัมมาสมั พุทธเจ้า พระปจั เจกพทุ ธเจา้ พระสาวกของพระพุทธเจ้า และพระขีณาสพ องฺ.
ทุก.อ. (บาลี) ๒/๑๒๑/๖.
ติตฺถายตน (ที่เกิดแห่งทิฏฐิเป็นดุจท่า) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๖๒/๒๓๘. ที่เกิดแห่งทิฏฐิเป็นดุจท่า
หมายถึงทิฏฐิ ๖๒ ประการที่เรียกวา่ ท่า เพราะเปน็ ท่ีอันสตั ว์ทั้งหลายข้ามไป ลอยไป และ
พจนานกุ รมศพั ทเ์ ชิงอรรถพระไตรปิฎก ๓๔๑
เรร่ ่อนไปดว้ ยการผุดขน้ึ และดาลงไมม่ ที ีส่ ิน้ สุด อง.ฺ ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๖๒/๑๗๓, องฺ.ติก.ฏีกา
(บาลี) ๒/๖๒/๑๗.
ติมาลวุ าลต (เถายา่ นทราย ๓ ชนดิ ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๗๐/๒๗๖. เถายา่ นทราย ๓ ชนิด ในที่น้ีใช้
เปรียบเทยี บถงึ อกุศลมูล ๓ ประการ อง.ฺ ติก.อ. (บาลี) ๒/๗๐/๒๑.
มหาสหสฺสีโลกธาตุ (สหัสสโี ลกธาตุขนาดใหญ่) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๘๑/๓๐๗. สหัสสีโลกธาตุขนาด
ใหญ่ หมายถึงโลกธาตทุ ่ีมี ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิจักรวาล องฺ.ตกิ .อ. (บาล)ี ๒.
เตวิชฺชา (ไตรเพท) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๕๙/๒๒๕. ไตรเพท ในทนี่ ี้หมายถงึ ฤคเวท ยชรุ เวท และสาม
เวท อง.ฺ ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๕๙/๑๖.
ถูปารห (ถูปารหบคุ คล) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๕๖/๙๘. ถูปารหบุคคล หมายถึงบุคคลผู้ควรแก่การ
สรา้ งสถปู บรรจพุ ระธาตุไว้ องฺ.ทกุ .ฏกี า (บาลี) ๒/๕๖/๕.
เถร (พระเถระ) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๖๓/๑๐๐. พระเถระ หมายถึงพระผู้มีระดับอายุ คุณธรรม
ความรู้ ทีน่ ับวา่ เป็นพระผใู้ หญ่ คือมพี รรษาต้งั แต่ ๑๐ ขึน้ ไป และรู้ปาติโมกข์ เป็นต้น ที.
ปา.อ. (บาล)ี ๓/๑๗๒/๙๙, อง.ฺ ตกิ .ฏีกา (บาลี) ๒/๑๐๐/๒๔.
ทสฺสนสมฺปนฺน (ผู้มีทัสสนะสมบูรณ์) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๔๕/๒๐๘. ผู้มีทัสสนะสมบูรณ์ ในท่ีนี้
หมายถึงบุคคลผบู้ ารงุ มารดาบิดา มิใช่หมายถึงพระพุทธเจา้ หรือพระโสดาบัน องฺ.ติก.อ.
(บาลี) ๒/๔๕/๑๕.
ทิฏฺ ธมฺมสุขวิหาร (การอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๓๑/๗๖. การอยู่เป็นสุขใน
ปัจจบุ ัน หมายถึงการอยผู่ าสุกอนั เป็นโลกิยะและโลกตุ ตระ อง.ฺ ทุก.อ. (บาลี) ๒/๓๑/๓.
ทฏิ ฺ ปตฺต (ทฏิ ฐิปัตตะ) อง.ฺ ทกุ . (ไทย) ๒๐/๔๙/๙๒. ทิฏฐิปัตตะ ได้แก่ ผู้บรรลุสัมมาทิฏฐิ เข้าใจ
อริยสัจถกู ต้อง กิเลสบางสว่ นสิน้ ไปเพราะเหน็ ดว้ ยปญั ญา มีปัญญาแก่กล้า ได้แก่ ผู้บรรลุ
โสดาปตั ติผลจนถึงผูป้ ฏิบัติเพอ่ื อรหัตมรรค องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/๔๙/๕๕, องฺ.สตฺตก.อ.
(บาล)ี ๓/๑๔/๑๖.
ทิฏฺ ปฺปตฺต (ทิฏฐิปัตตบุคคล) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๒๑/๑๖๖. ทิฏฐิปัตตบุคคล หมายถึงพระ
อรยิ บคุ คลผู้บรรลุโสดาปัตติผลขน้ึ ไป บรรลสุ ัมมาทฏิ ฐิ เขา้ ใจอริยสัจถูกต้อง องฺ.สตฺตก.อ.
(บาล)ี ๓/๑๔/๑๖.
ทิฏฺ ราค (ทิฏฐริ าคะ) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๓๘/๘๓. ทิฏฐิราคะ ในท่ีน้ีหมายถึงราคะท่ีเกิดขึ้นเพราะ
อาศัยทิฏฐิ ๖๒ ประการ องฺ.ทกุ .อ. (บาลี) ๒/๓๘/๔.
๓๔๒ ผศ.ดร.วโิ รจน์ คุม้ ครอง
ทิฏฺ วสิ ทุ ฺธิ (ทฏิ ฐวิ สิ ทุ ธิ) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๑๗๖/๑๒๘. ทิฏฐิวิสุทธิ ในที่นี้หมายถึงสัมมาทิฏฐิใน
อรยิ มรรค ๔ ท่ใี หเ้ กดิ ความบริสุทธ์ิ องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/๑๗๖/๗.
ทฏิ ฺ สมฺปทา (ทิฏฐสิ ัมปทา) อง.ฺ ทุก. (ไทย) ๒๐/๑๗๕/๑๒๘. ทิฏฐิสัมปทา ในท่ีน้ีหมายถึงความถึง
พรอ้ มดว้ ยสัมมาทิฏฐิ ๕ ประการ คือ กัมมัสสกตาสัมมาทิฏฐิ ฌานสัมมาทิฏฐิ วิปัสสนา
สัมมาทฏิ ฐิ มัคคสมั มาทฏิ ฐิ ผลสัมมาทฏิ ฐิ อง.ฺ ทกุ .อ. (บาลี) ๒/๑๗๕/๗.
ทฏิ ฺ สมฺปนฺนปุคคฺ ล (บคุ คลผู้ถึงพร้อมดว้ ยทฏิ ฐ)ิ อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๒๖๘/๓๓. บุคคลผู้ถึงพร้อม
ด้วยทิฏฐิ ในท่ีนี้หมายถึงพระอริยบุคคลชั้นโสดาบันข้ึนไป และ ทิฏฐิ ในท่ีน้ีหมายถึง
สมั มาทิฏฐิ คือความเหน็ ชอบ องฺ.เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๒๖๘/๔๐.
ทปิ ท (สัตว์สองเท้า) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๗๒/๒๔. สตั ว์สองเทา้ ในท่นี ห้ี มายถึงมนุษย์ และเทวดา
ท้งั หลาย องฺ.เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๑๗๔/๑๐.
ทิยฑฺฒสิกฺขาปทสต (สิกขาบท ๑๕๐ ถ้วน) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๘๕/๓๑๑. สกิ ขาบท ๑๕๐ ถ้วน คือ
สมยั ทพ่ี ระวชั ชบี ุตรกราบทูลพระผูม้ พี ระภาคน้ัน สิกขาบทท่ีทรงบัญญัติไว้ มีเพียง ๑๕๐
ขอ้ องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๘๕/๒๔.
ทกุ กฺ ตกมฺมการี (ชอบทาแต่กรรมชั่ว) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๓/๑๔๑. ชอบทาแต่กรรมชั่ว หมายถึง
ประกอบกายทุจริต ๓ ประการ คือ ปาณาติบาต(ฆ่าสัตว์) อทินนาทาน (ลักทรัพย์)
กาเมสุมิจฉาจาร (ความประพฤติผิดในกาม) องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๓/๗๙, องฺ.ติก.ฏีกา
(บาลี) ๒/๓-๔/๙๖, อง.ฺ ทสก. (ไทย) ๒๔/๑๗๑/๓๑๓-๓๑.
ทกุ ฺข (ทุกข์) อง.ฺ ทกุ . (ไทย) ๒๐/๖/๖๒. ทุกข์ ในท่ีน้ีหมายถึงทุกข์ในวฏั ฏทกุ ข์ท้ังสิน้ องฺ.ทุก.อ. (บาลี)
๒/๖.
ทคุ คฺ ติ (ทุคติ) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๗๐/๒๗๖. ทคุ ติ ในที่นีห้ มายถึงทุคติ ๔ คือ นรก เปรต อสุรกาย
และสัตวด์ ริ ัจฉาน องฺ.ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๗๐/๒๑.
ทุจฺจินฺติตจนฺตี (ชอบคิดแต่เร่ืองชั่ว) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๓/๑๔๑. ชอบคิดแต่เรื่องชั่ว หมายถึง
ประกอบมโนทุจรติ ๓ ประการ คือ อภิชฌา (เพง่ เลง็ อยากไดข้ องเขา) พยาบาท (ความคิด
ร้าย) มิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นผิด) องฺ.ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๓/๗๙, อง.ฺ ติก.ฏีกา (บาลี) ๒/๓-๔/๙.
ทฏุ ฐฺ ุลลฺ าปตฺติ (อาบตั ิช่ัวหยาบ) อง.ฺ ทกุ . (ไทย) ๒๐/๑๒๙/๑๑๖. อาบัติชั่วหยาบ คือปาราชิกและ
สังฆาทเิ สส วิ.อ. (บาล)ี ๓/๒๙๙/๔๘๓-๔๘๕.
พจนานกุ รมศัพทเ์ ชงิ อรรถพระไตรปิฎก ๓๔๓
ทนุ ฺนิกฺขิตฺตตถฺ (อรรถทส่ี ืบทอดขยายความไม่ดี) อง.ฺ ทุก. (ไทย) ๒๐/๒๐/๗๒. อรรถที่สืบทอดขยาย
ความไมด่ ี ในที่นีห้ มายถึงอรรถกถาทีส่ วดสืบทอดกันมาผิดระเบียบ องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/
๒๐/๒.
ทุนฺนิกฺขิตฺตปทพยญฺชน (บทพยัญชนะที่สืบทอดกันมาไม่ดี) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๒๐/๗๒. บท
พยัญชนะทสี่ ืบทอดกนั มาไมด่ ี ในท่ีนีห้ มายถึงบทบาลีที่สืบทอดกันผิดระเบียบ องฺ.ทุก.อ.
(บาล)ี ๒/๒๐/๒.
ทพุ ฺภาสิตภาสี (ชอบพูดแต่เรื่องช่ัว) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๓/๑๔๑. ชอบพูดแต่เร่ืองชั่ว หมายถึง
ประกอบวจที ุจริต ๔ ประการ คือ มสุ าวาท (พดู เทจ็ ) ปสิ ณุ าวาจา (พูดสอ่ เสยี ด) ผรสุ วาจา
(พดู คาหยาบ) สัมผปั ปลาปะ (พูดเพอ้ เจอ้ ) อง.ฺ ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๓/๗๙, องฺ.ติก.ฏีกา (บาลี)
๒/๓-๔/๙.
ทสุ สฺ ลี (ทศุ ลี ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๓/๑๕๒. ทศุ ีล หมายถงึ ไมม่ ศี ลี อง.ฺ ตกิ ฺ.อ. (บาล)ี ๒/๑๓/๘.
ทสุ สฺ ลี ย (ความเป็นคนทศุ ีล) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๙๔/๓๒๗. ความเป็นคนทุศีล ในที่น้ีหมายถึงการ
ประพฤตลิ ว่ งละเมดิ เบญจศีลมปี าณาติบาตเป็นต้น องฺ.ติก.ฏีกา (บาล)ี ๒/๙๔/๒๔.
สหสสฺ มี ชฌฺ มิ ิกโลกธาตุ (สหสั สีโลกธาตุขนาดกลาง) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๘๑/๓๐๗. สหัสสีโลกธาตุ
ขนาดกลาง หมายถงึ โลกธาตทุ ม่ี ี ๑,๐๐๐,๐๐๐ จักรวาล องฺ.ติก.อ. (บาล)ี ๒/๘๑/๒๓.
เทวทูต (เทวทูต) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๓๖/๑๙๑. เทวทูต ในทีน้ีหมายถึงสื่อแจ้งข่าวมฤตยู เป็น
สัญญาณท่เี ตอื นให้ระลึกถึงคติธรรมดาของชีวิตมิให้ประมาท ได้แก่ ความแก่ ความเจ็บ
และความตาย ปรากฏเสมือนเทวดาทรงเคร่ืองประดับมายืนในอากาศ เตือนว่า วันโน้น
ท่านจะตาย องฺ.ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๓๖/๑๓.
ธมฺม (ธรรม) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๔/๑๕๔. ธรรม ในท่ีนี้หมายถึงกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ
จัดเปน็ ราชาของพระเจา้ จักรพรรดิ อง.ฺ ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๑๔/๘.
ธมฺม (ธรรม) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๓๙๓/๔๗. ธรรม ในท่ีน้ีหมายถึงนิวรณ์ ๕ อุปาทานขันธ์ ๕
อายตนะภายใน ๖ และอายตนะภายนอก ๖ โพชฌงค์ ๗ อริยสัจ ๔ องฺ.เอกก.อ. (บาลี)
๑/๓๙๐/๔๔.
ธมมฺ จกฺขุ (ธรรมจักษุ) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๙๕/๓๒๘. ธรรมจักษุ ในทนี่ ีห้ มายถงึ ดวงตาเหน็ ธรรม คือ
การบรรลโุ สดาปตั ติมรรคทีก่ าหนดรู้อริยสัจ ๔ องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๙๕/๒๔.
๓๔๔ ผศ.ดร.วโิ รจน์ คุม้ ครอง
ธมฺมตกฺก (การตรึกตรองธรรม) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๓๓/๑๘๖. การตรกึ ตรองธรรม ในที่น้ีหมายถึง
สมั มาสังกัปปะในอริยมรรคมีองค์ ๘ อง.ฺ ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๓๓/๑๑.
ธมฺมทาน (ธัมมทาน) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๑๔๒/๑๒๐. ธมั มทาน หมายถึงการแนะนาข้อปฏิบัติเพื่อ
บรรลอุ มตธรรม (พระนิพพาน) อง.ฺ ทุก.อ. (บาลี) ๒/๑๔๒/๖.
ธมฺมปฏสิ เวที (รูแ้ จ้งธรรม) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๔๓/๒๐๖. รู้แจ้งธรรม ในท่ีนี้หมายถึงรู้ธรรมบาลี
คือพทุ ธพจน์ องฺ.ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๔๓/๑๕๓, อง.ฺ ติก.ฏกี า (บาลี) ๒/๔๓/๑๕.
ธมมฺ รส (ธรรมรส) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๓๓๕/๔๔. ธรรมรส หมายถงึ มรรค ๔ คือ โสดาปัตติมรรค
สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค และอรหัตมรรค องฺ. เอกก.อ. (บาลี) ๑/๓๓๕/๔๓๖,
องฺ.ฏีกา (บาลี) ๑/๓๓๕/๒๘.
ธมฺมราช (ธรรมราชา) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๔/๑๕๕. ธรรมราชา เป็นพระนามของพระอรหันต
สมั มาสมั พุทธเจา้ หมายถึงพระผู้ทรงใหม้ หาชนยนิ ดีด้วยโลกุตตรธรรม ๙ ประการ (มรรค
๔ ผล ๔ นพิ พาน ๑ อง.ฺ ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๑๔/๘๘.
ธมฺมวินยาจริ ปกฺกนฺต (ออกไปจากพระธรรมวินัยน้ีไม่นาน) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๖๕/๒๕๒. ออกไป
จากพระธรรมวนิ ยั นี้ไม่นาน หมายถงึ บอกคนื (ลา) สกิ ขาไปไดไ้ ม่นาน องฺ.ตกิ .อ. (บาลี) ๒/
๖๕/๑๙.
ธมฺมานสุ ารี (ธัมมานุสารี) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๔๙/๙๓. ธัมมานุสารี หมายถึงผู้แล่นไปตามธรรม
ทา่ นผู้ปฏบิ ัติเพอื่ บรรลุโสดาปัตติมรรค มีปัญญาแกก่ ล้า บรรลผุ ลแลว้ กลายเปน็ ทฏิ ฐิปัตตะ
องฺ.ทกุ .อ. (บาลี) ๒/๔๙/๕๕, องฺ.สตฺตก.อ. (บาลี) ๓/๑๔/๑๖.
ธมฺมูโปสถ (ธัมมอุโบสถ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๗๑/๒๘๓. ธัมมอุโบสถ หมายถึงอุโบสถที่รักษา
ปรารภโลกุตตรธรรม ๙ ประการ คือ มรรค ๔ ผล ๔ นพิ พาน ๑ องฺ.ติก.อ. (บาล)ี ๒/๗๑/
๒๑.
ธาตุ (ธาต)ุ อง.ฺ ทกุ . (ไทย) ๒๐/๙๗/๑๐๙. ธาตุ หมายถึงส่ิงที่ทรงสภาวะของตนอยู่เองตามที่เหตุ
ปจั จัยปรุงแต่งขนึ้ ไมม่ ีผูส้ ร้างผู้บนั ดาล มี ๑๘ คอื จักขธุ าตุ รปู ธาตุ จกั ขวุ ญิ ญาณธาตุ โสต
ธาตุ สทั ทธาตุ โสตวิญญาณธาตุ ฆานธาตุ คันธธาตุ ฆานวิญญาณธาตุ ชิวหาธาตุ รสธาตุ
ชิวหาวิญญาณธาตุ กายธาตุ โผฏฐัพพธาตุ กายวิญญาณธาตุ มโนธาตุ ธัมมธาตุ มโน
วญิ ญาณธาตุ อภ.ิ วิ. (ไทย) ๓๕/๑๘๓/๑๔๙, องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/๙๗/๖๓ วิสุทฺธิ. (บาลี)
๒/๕๑๗/๑๒.
พจนานกุ รมศัพท์เชิงอรรถพระไตรปิฎก ๓๔๕
ธติ มิ นตฺ (ผมู้ ธี ิติ) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๒๒๒/๒๙. ผู้มีธิติ ในที่น้ีหมายถึงเพียรเรียน เพียรสาธยาย
เพยี รทรงจาพระพทุ ธพจน์ และเพยี รอปุ ฏั ฐาก องฺ. เอกก.อ. (บาลี) ๑/๒๑๙-๒๒๓/๒๕.
นวก (พระนวกะ) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๖๓/๑๐๐. พระนวกะ ในที่นี้หมายถึงพระใหม่ มีระดับอายุ
คุณธรรม ความรูท้ ่ีนับวา่ ยงั ใหม่ มีพรรษาต่ากวา่ ๕ ทยี่ ังต้องถือนสิ สยั องฺ.ติก.ฏีกา (บาลี)
๒/๑๐๐/๒๔.
นาปรติ ถฺ ตตฺ (ไม่มีกจิ อนื่ เพอ่ื ความเปน็ อย่างน้ีอีกตอ่ ไป) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๕๙/๒๒๘. ไม่มีกิจอื่น
เพอื่ ความเป็นอย่างนีอ้ ีกตอ่ ไป หมายถึงไม่มีหนา้ ทใ่ี นการบาเพ็ญมรรคญาณเพ่ือความสิ้น
กิเลสอกี ต่อไป เพราะพุทธศาสนาถือว่าการบรรลุอรหัตผล เป็นจุดหมายสูงสุด ที.สี.อ.
(บาล)ี ๑/๒๔๘/๒๐.
นกิ ขฺ ติ ฺตธรุ (ทอดธรุ ะ) อง.ฺ ทกุ . (ไทย) ๒๐/๔๕/๘๙. ทอดธุระ ในท่นี ้หี มายถงึ ทอดทิ้งหน้าที่ในวิเวก ๓
ประการ คือ กายวเิ วก จติ ตวเิ วก และอปุ ธวิ เิ วก องฺ.ทกุ .อ. (บาล)ี ๒/๔๕/๕.
นิฆณฺฑุ (นิฆัณฑุศาสตร์) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๕๙/๒๒๕. นิฆัณฑุศาสตร์ หมายถึงวิชาว่าด้วยช่ือ
สงิ่ ของมตี น้ ไม้เปน็ ต้น องฺ.ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๕๙/๑๖.
นิทาน (นทิ าน) อง.ฺ ทุก. (ไทย) ๒๐/๗๙/๑๐๖. นทิ าน หมายถึงเหตุ อง.ฺ ทุก.อ. (บาลี) ๒/๗๘-๗๙/๖.
นปิ ปฺ ตี ิกสขุ (สุขที่ไมม่ ปี ตี ิ) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๗๒/๑๐๔. สุขทีไ่ ม่มีปีติ หมายถึงสุขในตติยฌานและ
จตุตถฌาน องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/๗๒/๖.
นปิ ฺปตี ิการมมฺ ณสุข (สุขที่เกิดจากฌานไม่มีปีติเป็นอารมณ์) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๗๕/๑๐๔. สุขท่ี
เกิดจากฌานไม่มีปีติเป็นอารมณ์ หมายถึงสุขที่เกิดแก่ผู้พิจารณาฌาน ๒ ไม่มีปีติเป็น
อารมณ์ อง.ฺ ทกุ .อ. (บาล)ี ๒/๗๕/๖.
นมิ ิตฺต (นมิ ติ ) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๗๘/๑๐๕. นมิ ติ หมายถึงเหตุ อง.ฺ ทุก.อ. (บาลี) ๒/๗๘-๗๙/๖.
นิมติ ฺตคฺคาหี (รวบถือ) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๑๖/๑๕๙. รวบถอื หมายถึงมองภาพด้านเดียว คือมอง
ภาพรวมโดยเห็นเป็นหญิงหรือชาย เห็นว่ารูปสวย เสียง ไพเราะ กลิ่นหอม รสอร่อย
สมั ผัสที่ออ่ นน่มุ เป็นอารมณ์ทนี่ ่าปรารถนาด้วยอานาจฉันทราคะ อภิ.สงฺ.อ. (บาลี) ๑๓๕๒/
๔๕.
นิรยปาล (นายนริ ยบาล) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๓๖/๑๙๑. นายนิรยบาล หมายถึงผู้ทาหน้าท่ีลงโทษ
สตั วน์ รก อง.ฺ ติก.อ. (บาล)ี ๒/๓๖/๑๓๓, องฺ.ตกิ .ฏกี า (บาลี) ๒/๓๖/๑๔.
๓๔๖ ผศ.ดร.วโิ รจน์ คุ้มครอง
นริ ามิสสุข (สุขท่ไี ม่องิ อามิส) อง.ฺ ทุก. (ไทย) ๒๐/๖๙/๑๐๓. สุขท่ีไม่อิงอามิส หมายถึงสุขที่ไม่ต้อง
อาศยั เหยือ่ ล่อ เปน็ สขุ ที่ไมท่ าใจใหเ้ ศรา้ หมองพ้นจากวงจรแห่งวฏั ฏะ อง.ฺ ทกุ .อ. (บาลี) ๒/
๖๙/๖๑, องฺ.ทุก.ฏกี า (บาล)ี ๒/๖๘/๕.
นริ ุปธิ (ธรรมท่หี มดอปุ ธิ) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๓๙/๒๐๑. ธรรมที่หมดอุปธิ ในที่น้ีหมายถึงนิพพาน
ธรรมท่ปี ราศจากกิเลส ขันธ์ และอภิสังขารทง้ั ปวง อง.ฺ ติก.อ. (บาลี) ๒/๓๙/๑๔.
นิรุปธิสขุ (สุขท่ไี มม่ อี ปุ ธิ) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๖๗/๑๐๒. สขุ ทีไ่ มม่ ีอุปธิ หมายถึงสุขไม่เจือกิเลส เป็น
สุขระดับโลกุตตระ อง.ฺ ทกุ .อ. (บาลี) ๒/๖๗/๖.
เนกฺขมฺมสุข (เนกขัมมสุข) อง.ฺ ทุก. (ไทย) ๒๐/๖๕/๑๐๒. เนกขัมมสุข หมายถึงสุขท่ีเกิดขึ้นเพราะ
อาศัยบรรพชา อง.ฺ ทกุ .อ. (บาล)ี ๒/๖๖/๖.
บลลฺ งฺก (บังลังก์) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๖๔/๒๔๘. บงั ลงั ก์ ในท่ีน้ีหมายถึงเตียงมีเท้าแกะสลักเป็นรูป
สตั ว์รา้ ย วิ.อ. (บาล)ี ๓/๒๕๔/๑๖๙, อง.ฺ ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๖๔/๑๙.
บลฺลงฺก (บัลลังก์) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๓๕/๑๙๐. บลั ลงั ก์ ในทนี่ ห้ี มายถึงเตียงมีเท้าแกะสลักเป็นรูป
สตั ว์ร้าย ว.ิ อ. (บาล)ี ๓/๒๕๔/๑๖.
ปคคฺ หนมิ ิตฺต (ปคั คหนิมิต) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๐๓/๓๔๕. ปัคคหนิมิต หมายถึงความเพียรท่ีเป็น
เหตุ องฺ.ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๑๐๓/๒๕.
ปญฺ า (ปัญญา) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๓๒/๗๖. ปัญญา ในที่นี้หมายถึงมรรคปัญญา คือปัญญา
ในขณะแห่งมรรค องฺ.ทกุ .อ. (บาล)ี ๒/๓๒/๓.
ปญฺ า (ปญั ญา) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๕๙๙/๕๓. ปัญญา ในท่ีน้ีหมายถึงปัญญาของพระอริยเสข
บคุ คล ๗ จาพวก กัลยาณปถุ ุชน และปญั ญาของพระอรหนั ต์ องฺ.เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๕๘๔/
๔๗.
ปญฺ า (ปัญญา) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๕๙๙/๕๓. ปญั ญา ในที่นี้หมายถึงมัคคญาณ ๔ ผลญาณ ๔
ปฏสิ ัมภทิ าญาณ ๔ อภิญญาญาณ ๖ ญาณ ๗๓ และญาณ ๗๗ องฺ.เอกก.อ. (บาลี) ๑/
๕๘๔/๔๗.
ปญฺ วา (มีปัญญา) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๓๒๔/๔๓. มีปญั ญา ในที่น้ีหมายถึงมีปัญญา ๕ ประการ
คือ กัมมัสสกตาปญั ญา ฌานปญั ญา วิปัสสนาปัญญา มัคคปญั ญา ผลปัญญา องฺ.เอกก.อ.
(บาลี) ๑/๓๒๔/๔๓.
พจนานกุ รมศพั ท์เชิงอรรถพระไตรปิฎก ๓๔๗
ปญฺ าวมิ ตุ ฺต (ปัญญาวิมตุ ) อง.ฺ ทุก. (ไทย) ๒๐/๔๙/๙๒. ปัญญาวิมุต หมายถึงผู้บาเพ็ญวิปัสสนา
ล้วน ๆ จนบรรลุอรหตั ผล อง.ฺ ทกุ .อ. (บาลี) ๒/๔๙/๕๕, องฺ.สตตฺ ก.อ. (บาลี) ๓/๑๔/๑๖.
ปญฺ าวมิ ุตฺติ (ปัญญาวมิ ุตติ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๒/๑๕๑. ปัญญาวิมุตติ หมายถึงผลปัญญา องฺ.ติ
ก.อ. (บาล)ี ๒/๑๒/๘.
ปญฺ าวมิ ตุ ฺติ (ปัญญาวมิ ตุ ติ) อง.ฺ ทกุ . (ไทย) ๒๐/๘๘/๑๐๗. ปัญญาวิมุตติ หมายถึงผลอันเกิดจาก
ปัญญา คอื ความหลดุ พ้นด้วยวิปัสสนากัมมัฏฐาน องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/๘๘/๖๒, ม.มู.อ.
(บาลี) ๑/๖๙/๑๗๗,ม.ม.ู ฏีกา (บาลี) ๑/๖๙/๓๓.
ปฏฆิ นิมติ ฺต (ปฏฆิ นิมิต) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๑๒๕/๑๑๕. ปฏิฆนมิ ติ หมายถงึ อนฏิ ฐนมิ ิต คืออารมณ์
ทไ่ี มน่ า่ ปรารถนา องฺ.ทกุ .อ. (บาล)ี ๒/๑๒๕/๖.
ปฏฆิ นิมิตฺต (ปฏิฆนมิ ิต) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๒/๓. ปฏิฆนมิ ิต หมายถึงนิมติ ที่ไม่น่าปรารถนา องฺ.
เอกก.อ. (บาลี) ๑/๑๒/๒.
ปฏิจฉฺ นนฺ กมฺมนฺต (การงานท่ีปกปิดไว้) อง.ฺ ทุก. (ไทย) ๒๐/๒๗/๗๕. การงานที่ปกปิดไว้ หมายถึง
บาปกรรม แท้จริง ขึ้นชื่อว่าบาป บุคคลจะทาอย่างปกปิดหรือไม่ปกปิดก็ตาม ก็ชื่อว่า
บาปกรรมท่ปี กปิดไว้ อง.ฺ ทกุ .อ. (บาล)ี ๒/๒๗/๒.
ปฏชิ าครูโปสถ (ปฏิชาครอุโบสถ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๓๗/๑๙๕. ปฏิชาครอุโบสถ หมายถึงการ
รกั ษาอุโบสถศีลในวนั รับและวนั ส่ง วนั รบั คอื วัน ๔ ค่า, ๗ คา่ และ ๑๓ ค่า สาหรับเดือน
ขาด หรอื วัน ๑๔ คา่ สาหรับเดือนเต็ม วันส่งคอื ๖ คา่ , ๙ คา่ และ ๑ ค่า อง.ฺ ตกิ .อ. (บาลี)
๒/๓๘/๑๓.
ปณีต (ธรรมอนั ประณตี ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๖๗/๒๖๙. ธรรมอันประณีต หมายถึงมรรคสัจ องฺ.
ติก.อ. (บาลี) ๒/๖๗/๒๐.
ปณตี ธาตุ (ธาตอุ ย่างประณีต) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๗๗/๓๐๑. ธาตอุ ยา่ งประณตี ในท่นี ้ีหมายถึงอรูป
ธาตุ องฺ.ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๗๗/๒๒.
ปณฑฺ ุกมฺพล (ผ้ากัมพล) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๖๔/๒๔๘. ผ้ากัมพล หมายถึงผ้าทอด้วยขนสัตว์สีแดง
องฺ.ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๖๔/๑๙.
ปทกฺขิณา (เบ้อื งขวา) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๑๕๖/๔๐๐. เบ้ืองขวา ในท่ีน้ีหมายถึงความเจริญหรือ
พฤตกิ รรมฝาุ ยดี อง.ฺ ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๑๕๖/๒๗.
๓๔๘ ผศ.ดร.วโิ รจน์ ค้มุ ครอง
ปภสสฺ ร (จติ นผี้ ดุ ผ่อง) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๔๙/๙. จติ น้ผี ุดผ่อง ในทน่ี ีห้ มายถึง ภวังคจิต คือจิตที่
เปน็ พืน้ อยู่ระหวา่ งปฏสิ นธจิ ิตกับจุติคือต้งั แตเ่ กิดจนถึงตายในเวลาท่มี ไิ ด้เสวยอารมณ์ทาง
ทวาร ๖ มีจักขุทวารเป็นต้น และคาว่า ผุดผ่อง หมายถึงผุดผ่องเพราะบริสุทธ์ิ ไม่มี
อุปกิเลส องฺ.เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๔๙/๕๓-๕.
ปรโตโฆส (ปรโตโฆสะ) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๑๒๗/๑๑๕. ปรโตโฆสะ ในที่น้ีหมายถึงการฟังพระ
สทั ธรรมจากผูอ้ ่นื อง.ฺ ทกุ .อ. (บาล)ี ๒/๑๒๗/๖.
ปรโตโฆส (ปรโตโฆสะ) อง.ฺ ทกุ . (ไทย) ๒๐/๑๒๖/๑๑๕. ปรโตโฆสะ ในท่นี หี้ มายถึงการฟังอสัทธรรม
จากผอู้ ่ืน อง.ฺ ทุก.อ. (บาลี) ๒/๑๒๖/๖.
ปริกขฺ ีณภวสญฺโ ชน (ส้ินภวสังโยชน์) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๓๘/๑๙๗. สิ้นภวสังโยชน์ หมายถึงส้ิน
กเิ ลสท่เี ปน็ เคร่อื งผูกสัตว์ คร่าสตั ว์มาไวใ้ นภพทั้งหลาย อง.ฺ ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๓๘/๑๓.
ปวิเวก (ปวิเวก) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๔๕/๘๙. ปวิเวก หมายถึงอุปธิวิเวก คือนิพพานอันเป็นท่ีสลัด
ออกจากอุปธิกิเลสท้งั ปวง อง.ฺ ทกุ .ฏีกา (บาลี) ๒/๕๕/๕.
ปสวติ (ประสพ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๔๑/๒๐๕. ประสพ ในท่ีนี้หมายถึงได้รับผลตอบ องฺ.ติก.อ.
(บาลี) ๒/๔๑/๑๔.
ปสวติ (ประสพ) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๙/๑๔๖. ประสพ หมายถึงได้รับผลตอบ (ปฏิลภติ) องฺ.ติก.อ.
(บาล)ี ๒/๔๑/๑๔๘, องฺ.จตุกฺก.อ. (บาล)ี ๒/๔/๒๘.
ปสวนตฺ ิ (ประสพ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๓๐/๒๐. ประสพ หมายถงึ ไดร้ ับผลตอบ (ปฏิลภนฺติ) องฺ.
ติก.อ. (บาลี) ๒/๔๖/๑๕.
ปหียติ (ละได้) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๖/๓. ละได้ หมายถึงละได้ด้วยปหานะ ๕ อย่าง คือ
ตทงั คปหานะ วิกขัมภนปหานะ สมจุ เฉทปหานะ ปสั สัทธปิ หานะ และนิสสรณปหานะ องฺ.
เอกก.อ. (บาลี) ๑/๑๖/๔.
ปาฏิกงขฺ า (พึงหวังได้) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๒๗/๗๕. พึงหวังได้ ในที่นี้หมายถึงจาต้องปรารถนา
จาตอ้ งมีแน่นอน หรอื จาต้องบังเกดิ ในคติน้ัน ๆ แน่นอน องฺ.ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๗๐/๒๑.
ปาฏหิ าริย (ปาฏหิ าริย์) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๖๑/๒๓๓. ปาฏิหาริย์ ในที่น้ีหมายถึงความอัศจรรย์
กลา่ วคอื การทาใหป้ ฏิปกั ษ์ท่เี ปน็ เดยี รถยี ์ยอมได้ องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๖๑/๑๗๐, องฺ.ติก.
ฏีกา (บาล)ี ๒/๖๑/๑๗๕
พจนานกุ รมศพั ท์เชิงอรรถพระไตรปิฎก ๓๔๙
ปาฏิหาริยปกฺข (ปาฏิหาริยปักษ์) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๓๘/๑๙๗. ปาฏิหาริยปักษ์ ในท่ีน้ีหมายถึง
อุโบสถท่ีรกั ษาประจาตลอด ๓ เดือน ภายในพรรษา ถ้าไม่อาจรักษา ๓ เดอื นไดก้ ็รกั ษา ๑
เดือน ในระหวา่ งวันปวารณาทงั้ สอง หรอื ถา้ ไม่อาจรกั ษาไดถ้ งึ ๑ เดอื น กร็ กั ษาตลอด คร่ึง
เดือนต้ังแต่วันปวารณาตน้ อง.ฺ ติก.อ. (บาลี) ๒/๓๘/๑๓.
ปุคคฺ ล (บุคคล) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๐๑/๓๓๗. บุคคล ในท่ีน้ีหมายถึงปุถุชนผู้ตกอยู่ในวงจรแห่ง
วัฏฏะ
ปุถุปญฺ า (มปี ญั ญาแนน่ หนา) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๕๙๙/๕๓. มีปญั ญาแน่นหนา ในท่นี ี้หมายถึงมี
ญาณ (ความรู้) ในธาตุ ๑๘ อายตนะ ๑๒ ฯลฯ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘ องฺ.
เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๕๘๔/๔๗.
พยญฺชนปฏริ ูปก (พยญั ชนปฏิรปู ) อง.ฺ ทกุ . (ไทย) ๒๐/๔๒/๘๗. พยัญชนปฏิรปู หมายถึงพยัญชนะท่ี
ไดส้ ืบทอดมาโดยทาอักษรให้วิจิตร องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/๔๒/๕.
พล (พละ) อง.ฺ ทกุ . (ไทย) ๒๐/๑๑/๖๔. พละ ในที่น้ีหมายถึงกาลัง เพราะอรรถว่าอันธรรมอ่ืนให้
หวนั่ ไหวไมไ่ ด้ กลา่ วคืออันธรรมอืน่ จะครอบงา และย่ายีได้โดยยาก องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/
๑๑/๑.
พลวา (มีกาลัง) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๔๐/๘๖. มีกาลัง ในท่ีน้ีหมายถึงเพียบพร้อมด้วยฝักฝุาย
เพยี บพร้อมดว้ ยลกู น้อง บรวิ าร เพยี บพรอ้ มด้วยทรัพย์ เพียบพร้อมด้วยท่ีอยู่อาศัย และ
เพยี บพร้อมดว้ ยพาหนะ องฺ.ทกุ .อ. (บาลี) ๒/๔๐/๕.
พลวา (มกี าลงั ) อง.ฺ ทุก. (ไทย) ๒๐/๔๐/๘๖. มีกาลัง ในท่ีนห้ี มายถงึ มีฝักฝุายท่ีมีกาลังประกอบด้วย
คนอปุ ัฏฐากท้ังหญิงท้ังชายจานวนมาก มีความเกี่ยวข้องคุ้นเคยกับพระราชาและมหา
อามาตย์ของพระราชา องฺ.ทุก.อ. (บาล)ี ๒/๔๐/๕.
พหทิ ฺธา (ภายนอก) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๕๘/๒๒๔. ภายนอก ในที่น้ีหมายถึงนอกพุทธศาสนา องฺ.ติ
ก.อ. (บาลี) ๒/๕๘/๑๖.
พหิทฺธสญฺโ ชน (สังโยชน์ภายนอก) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๓๗/๘๐. สังโยชน์ภายนอก ในท่ีน้ี
หมายถงึ ฉันทราคะในรปู ภพและอรปู ภพทีอ่ ยภู่ ายนอก หรอื หมายถึงอุทธัมภาคิยสังโยชน์
(สงั โยชนเ์ บ้อื งสงู ) ๕ ประการ อง.ฺ ทุก.อ. (บาล)ี ๒/๓๗/๔.
พหิทธฺ สพพฺ นมิ ติ ฺต (นมิ ิตท้ังปวงภายนอก) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๓๒/๑๘๔. นิมิตทั้งปวงภายนอก ใน
ทน่ี ีห้ มายถงึ รูป เสียง กล่นิ รส โผฏฐพั พะ องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๓๒/๑๑.
๓๕๐ ผศ.ดร.วิโรจน์ คมุ้ ครอง
พหุชนหิต (เกื้อกูลแก่คนหมู่มาก) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๕๓/๙๗. เก้ือกูลแก่คนหมู่มาก หมายถึง
เพราะพระเจา้ จกั รพรรดบิ งั เกิดขึ้น จึงเปน็ เหตุให้เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ได้สมบัติ ๒
อย่าง คือ มนุษย์สมบัติ สมบัติในมนุษย์ เทวสมบัติ สมบัติในสวรรค์ และเพราะ
พระพทุ ธเจา้ บังเกิดข้ึน จึงเป็นเหตุให้เทวดาและมนุษย์ท้ังหลายได้สมบัติ ๓ อย่าง คือ
มนษุ ยส์ มบตั ิ สมบัตใิ นมนุษย์ เทวสมบตั ิ สมบัติในสวรรค์ นิพพานสมบัติ สมบัติคือพระ
นพิ พาน อง.ฺ ทุก.อ. (บาลี) ๒/๕๓/๕๘, องฺ.ทกุ .ฏกี า (บาล)ี ๒/๕๓/๕.
พหสุ ฺสุต (ผูเ้ ปน็ พหสู ตู ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๒๑๙/๒๙. ผู้เป็นพหูสูต ในท่ีน้ีหมายถึงได้เรียนพระ
พุทธพจนโ์ ดยตรงจากพระผมู้ ีพระภาค ตง้ั อยูใ่ นฐานะขุนคลังปริยัติ ในศาสนาของพระทศ
พล อง.ฺ เอกก.อ. (บาลี) ๑/๒๑๙-๒๒๓/๒๕.
พาหิรก (อยู่ภายนอก) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๔๘/๙๑. อยู่ภายนอก หมายถึงอยู่ภายนอก
พระพทุ ธศาสนา องฺ.ทกุ .อ. (บาลี) ๒/๔๘/๕.
พาหริ สฺสาท (มีแต่ความแช่มชื่นภายนอก) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๒๙/๓๗๗. มีแต่ความแช่มช่ืน
ภายนอก ในท่ีน้ีหมายถึงมคี วามสขุ ทเี่ กิดจากกามคุณ ๕ คือ รปู เสยี ง กล่ิน รส โผฏฐัพพะ
องฺ.ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๑๒๙/๒๗.
พฺรหมฺ จริย (พรหมจรรย์) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๓๐/๑๘๐. พรหมจรรย์ ในทน่ี ีห้ มายถงึ อริยมรรคมีองค์
๘ ซง่ึ รวมอยู่ในไตรสิกขา คือ ศลี สมาธิ และปัญญาอันเป็นความประพฤติประเสริฐ องฺ.
ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๓๐/๑๐.
พฺรหฺมจริย (พรหมจรรย์) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๗๑/๒๘๖. พรหมจรรย์ มคี วามหมายหลายนัย ในท่ีนี้
หมายถึงเมถนุ วริ ตั ิ หรอื การงดเว้นจากเมถุนธรรม คือกิจของคนคู่ การร่วมประเวณีหรือ
การเสพสังวาสกัน ที.สี.อ. (บาลี) ๑/๑๘๙/๑๖.
พฺรหมฺ ูโปสถ (พรหมอุโบสถ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๗๑/๒๘๒. พรหมอุโบสถ หมายถึงอุโบสถที่รักษา
โดยระลกึ ถึงพระคุณของพระสมั มาสัมพทุ ธเจา้ คาว่า พรหม ในทน่ี ี้หมายถึงพระสัมมาสัม
พุทธเจา้ องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๗๑/๒๑.
พฺราหฺมณ (พราหมณ์) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๓๕/๑๙๑. พราหมณ์ ในท่ีน้ีหมายถึงผู้สิ้นอาสวะ ลอย
บาปได้ อง.ฺ ติก.อ. (บาลี) ๒/๓๕/๑๓.
โพชฺฌงฺค (โพชฌงค์) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๗๔/๑๓. โพชฌงค์ ในท่ีน้ีหมายถึง โพชฌงค์ ๗ คือ
๑. สติ ความระลึกได้ ๒. ธัมมวิจยะ ความสอดส่อง สืบค้นธรรม ๓. วีริยะ ความเพียร
๔. ปีติ ความอ่ิมใจ ๕. ปัสสัทธิ ความสงบกายสงบใจ ๖. สมาธิ ความมีใจตั้งม่ัน
พจนานกุ รมศพั ทเ์ ชงิ อรรถพระไตรปิฎก ๓๕๑
๗. อเุ บกขา ความมใี จเปน็ กลางเพราะเห็นตามความเป็นจริง ที.ปา. (ไทย) ๑๑/๓๓๐/
๓๓๑,๓๕๗/๓๙๗-๓๙๘, อง.ฺ สตตฺ ก. (ไทย) ๒๓/๒๖/๔๒-๔.
ภย (ภยั ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑/๑๓๙. ภยั ในทีน่ ีห้ มายถึงความมีจิตสะด้งุ กลวั เช่น การได้ทราบข่าว
ว่าโจรจะปลน้ แล้วเกดิ ความหวาดสะดุ้ง องฺ.ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๑/๗.
ภย (ภยั ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๖๓/๒๔๕. ภยั ในทนี่ ้หี มายถงึ ความกลัว ความสะด้งุ หวั่นไหว องฺ.ติก.อ.
(บาลี) ๒/๖๓/๑๘.
ภวทฏิ ฺ (ภวทิฏฐิ) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๙๒/๑๐๘. ภวทิฏฐิ หมายถึงสัสสตทิฏฐิ ความเห็นว่าเท่ียง
องฺ.ทกุ .อ. (บาล)ี ๒/๙๒/๖.
ภาวิตกาย (ผู้เจริญกาย) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๑๐๑/๓๓๗. ผ้เู จรญิ กาย ในท่ีนี้หมายถึงพระขีณาสพผู้
สน้ิ อาสวะ องฺ.ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๑๐๑/๒๕.
ภาวิตจติ ตฺ (ผเู้ จริญจติ ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๐๑/๓๓๗. ผู้เจรญิ จิต ในที่น้หี มายถึงพระขีณาสพผู้สิ้น
อาสวะ อง.ฺ ติก.อ. (บาล)ี ๒/๑๐๑/๒๕.
ภาวิตปญฺ า (ผู้เจริญปัญญา) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๑๐๑/๓๓๗. ผู้เจริญปัญญา ในท่ีน้ีหมายถึงพระ
ขณี าสพผสู้ น้ิ อาสวะ องฺ.ติก.อ. (บาล)ี ๒/๑๐๑/๒๕.
ภาวติ สีล (ผู้เจรญิ ศีล) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๑๐๑/๓๓๗. ผเู้ จริญศีล ในที่น้ีหมายถึงพระขีณาสพผู้ส้ิน
อาสวะ อง.ฺ ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๑๐๑/๒๕.
ภูริปญฺ า (มีปัญญากว้างขวาง) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๕๙๙/๕๔. มีปัญญากว้างขวาง ในท่ีน้ี
หมายถงึ มีปัญญาท่หี นักหนว่ งดุจแผ่นดนิ สามารถข่มกิเลสท้งั ปวงมรี าคะเปน็ ต้นได้ องฺ.เอก
ก.อ. (บาล)ี ๑/๕๘๔/๔๗.
มชฺฌิม (พระมัชฌิมะ) อง.ฺ ทุก. (ไทย) ๒๐/๖๓/๑๐๐. พระมัชฌมิ ะ หมายถงึ พระระดับกลางมีระดับ
อายุ คุณธรรม ความรู้ ท่นี ับวา่ พระปูนกลาง คือมีพรรษา ตั้งแต่ครบ ๕ แต่ยังไม่ถึง ๑๐
องฺ.ตกิ .ฏีกา (บาล)ี ๒/๑๐๐/๒๔.
มชฌฺ ิมธาตุ (ธาตอุ ยา่ งกลาง) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๗๗/๓๐๑. ธาตุอย่างกลาง หมายถึงรูปธาตุ องฺ.
ติก.อ. (บาล)ี ๒/๗๗/๒๒.
มนุสฺสธมฺม (ธรรมของมนษุ ย์) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๔๕/๘. ธรรมของมนุษย์ ในท่ีนี้หมายถึงกุศล
กรรมบถ ๑๐ ประการ องฺ.เอกก.อ. (บาลี) ๑/๔๕/๕.
๓๕๒ ผศ.ดร.วิโรจน์ คมุ้ ครอง
มโนปวิจาร (มโนปวิจาร) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๖๒/๒๔๐. มโนปวิจาร คืออาการที่ใจไตร่ตรอง
พิจารณาถงึ อารมณน์ ้ัน หรอื หมายถึงการพิจาณาแห่งใจในฐานะ ๑๘ ประการ คือท่ีต้ัง
แหง่ โสมนสั ๖ ประการ ที่ตง้ั แห่งโทมนัส ๖ ประการ และท่ีต้ังแห่งอุเบกขา ๖ ประการ
องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๖๒/๑๗๘, องฺ.ตกิ .ฏกี า (บาลี) ๒/๖๒/๑๘.
มโนมยกายาภนิ มิ มฺ นิ นตฺ (เนรมติ กายมโนมัย) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๙๘/๒๖. เนรมิตกายมโนมัย
หมายถึงเนรมิตกายทเี่ กิดข้นึ ด้วยใจ เชน่ ตามปกตภิ ิกษอุ ืน่ หลายรูปเนรมติ ใหก้ ายเกิดขึ้นมี
รปู ร่างลกั ษณะเหมอื นกนั ทางานอย่างเดยี วกันได้เพียง ๓ หรือ ๔ รูป ไม่มาก ส่วนท่าน
พระจฬู ปนั ถก เนรมติ กายให้เป็นสมณะตงั้ ๑,๐๐๐ รูป โดยการนึกเพียงคร้ังเดียว ทั้งยัง
สามารถทาใหก้ ายทีเ่ นรมิตน้ันมีรูปรา่ งตา่ งกัน ทาการงานต่างกนั เพราะฉะนั้น ทา่ นจึงเลิศ
กว่าภกิ ษุผเู้ นรมติ กายมโนมยั ท้งั หลาย องฺ. เอกก.อ. (บาลี) ๑/๑๙๘/๑๘.
มโนสงฺขาร (มโนสังขาร) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๒๓/๑๗๑. มโนสังขาร หมายถึงสภาพปรุงแต่งการ
กระทาทางใจ ได้แก่ สัญญาและเวทนา หรือมโนสัญเจตนา คือ ความจงใจทางใจ องฺ.
ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๒๓/๑๐๑, องฺ.ตกิ .ฏีกา (บาลี) ๒/๒๓/๑๑.
มมงฺการ (มมังการ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๓๒/๑๘๔. มมงั การ หมายถงึ ตณั หา อง.ฺ ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๓๒/
๑๑.
มล (มลทิน) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๐/๑๔๗. มลทิน ในท่ีนี้หมายถึงการตามแผดเผา คือแผดเผาใน
อบายมีนรกเป็นต้น หมายถึงมีกล่ินเหม็น คือ ความช่ัวฟูุงไปว่า เขาทาความช่ัว และ
หมายถึงก่อใหเ้ กดิ ความเศรา้ หมอง เพราะกายกรรมเป็นต้นของเขาไม่สะอาด ไม่ผ่องใส
อีกนัยหนึ่ง หมายถงึ มลทิน เพราะทามนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติให้
เสอ่ื มไป องฺ.ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๑๐/๘.
มหคคฺ ต (มหคั คตะ) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๑๐๒/๓๔๓. มหคั คตะ หมายถึงอารมณ์ท่ีถึงความเป็นใหญ่
ชน้ั รูปาวจรและอรปู าวจร เพราะเป็นภาวะที่สามารถขม่ กเิ ลสไดแ้ ละหมายถึง ฉนั ทะ วิรยิ ะ
จิตตะและปัญญาอนั ย่งิ ใหญ่ อภ.ิ สงฺ.อ. (บาลี) ๑๒/๙.
มหตตฺ (มีอัตภาพใหญ่) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๐๑/๓๓๗. มีอัตภาพใหญ่ ในท่ีน้ีหมายถึงมีคุณมาก
องฺ.ติก.อ. (บาล)ี ๒/๑๐๑/๒๕.
มหนตฺ ตฺถ (ประโยชนใ์ หญ่) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๕๗๐/๕๑. ประโยชนใ์ หญ่ ในที่นี้หมายถึงมรรค ๔
อกี นยั หน่งึ หมายถงึ สามญั ญผล ๔ องฺ.เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๕๖๔-๕๗๐/๔๗.
พจนานกุ รมศพั ทเ์ ชิงอรรถพระไตรปฎิ ก ๓๕๓
มหาปญฺ า (มีปญั ญามาก) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๕๙๙/๕๓. มีปัญญามาก ในท่ีนหี้ มายถึงมีปัญญาท่ี
ให้ได้รบั ประโยชนอ์ ยา่ งยงิ่ คือพระนิพพาน ไดแ้ ก่ ธาตุ ๑๘ อายตนะ ๑๒ ปฏิจจสมุปปาท
ธรรม นริ ุตติ ปฏภิ าณ สีลขนั ธ์ สมาธขิ นั ธ์ ปัญญาขนั ธ์ วิมุตติขันธ์ วิมุตติญาณทัสสนขันธ์
ฐานาฏฐานขันธ์ ฐานะ อัฏฐานะ วหิ ารสมาบตั ิ ๘ อรยิ สัจ ๔ สตปิ ฏั ฐาน ๔ สมั มัปปธาน ๔
อทิ ธิบาท ๔ อินทรยี ์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘ สามญั ญผล ๔ อภญิ ญา ๖
อง.ฺ เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๕๘๔/๔๗.
มหาโยคคเฺ ขม (ธรรมเป็นแดนเกษมจากโยคะใหญ่) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๕๗๐/๕๑. ธรรมเป็น
แดนเกษมจากโยคะใหญ่ หมายถงึ นิพพาน องฺ.เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๕๖๔-๕๗๐/๔๗.
มหาสเวค (สังเวชใหญ่) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๕๗๐/๕๑. สังเวชใหญ่ ในที่น้ีหมายถึงวิปัสสนาหรือ
อกี นัยหน่ึงหมายถงึ มรรคแห่งวปิ ัสสนา องฺ.เอกก.อ. (บาลี) ๑/๕๖๔-๕๗๐/๔๗.
มหาภิญฺ า (มหาอภิญญา) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๒๓๐/๒๙. มหาอภิญญา หมายถึงการระลึกชาติ
ได้ ๑ อสงไขย กบั ๑๐๐,๐๐๐ กัป ในศาสนาของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จะมีผู้บรรลุ
มหาอภิญญา ๔ องคเ์ ทา่ น้ัน เฉพาะในศาสนาของพระสมณโคดม ได้แก่ พระสารีบุตร พระ
มหาโมคคลั ลานะ พระพากุละ และพระภัททากัจจานาเถรี ในบรรดาทั้ง ๔ องค์นี้ พระ
ภทั ทากัจจานาเถรีเปน็ ผู้เลศิ อง.ฺ เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๒๔๕/๓๓.
มิจฺฉาทิฏฺ (มิจฉาทิฏฐิ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๒๙๘/๓๘. มิจฉาทิฏฐิ ในที่น้ีหมายถึงทิฏฐิ ๖๒
ประการ องฺ.เอกก.อ. (บาลี) ๑/๒๙๘/๔๒๒, เรื่องทิฏฐิ ๖๒ ประการใน ที.สี. (ไทย) ๙/
๒๘-๙๘/๑๒-๓.
มิจฺฉาธมฺมปเรต (ประกอบด้วยธรรมผิด) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๕๗/๒๒๐. ประกอบด้วยธรรมผิด
หมายถึงเสพวตั ถุที่ไมเ่ หมาะสม ได้แก่ เสพวัตถุอ่ืนจากวัตถุที่ชาวโลกยอมรับกันว่าดี องฺ.
ติก.อ. (บาลี) ๒/๕๗/๑๕.
มุทธฺ าภิสติ ตฺ (มูรธาภิเษก) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๑๒/๑๕๐. มูรธาภิเษก หมายถึงน้ารดพระเศียรใน
งานราชาภิเษกหรอื พระราชพิธอี ืน่ ๆ องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/๑๒/๘.
เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ (เมตตาเจโตวิมุตติ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๗/๔. เมตตาเจโตวิมุตติ ในท่ีนี้
หมายถึง เมตตาที่แผ่ประโยชน์เกื้อกูลไปในสรรพสัตว์ คือจิตท่ีสัมปยุตด้วยเมตตานั้น
เรียกวา่ เมตตาเจโตวมิ ุตติ เพราะพน้ จากธรรมที่ไม่ดีทั้งหลายมีนิวรณ์ ๕ คือ กามฉันทะ
พยาบาท ถีนมทิ ธะ อุทธัจจกกุ กุจจะ และวิจกิ ิจฉา เปน็ ต้น อง.ฺ เอกก.อ. (บาลี) ๑/๑๗/๔.
๓๕๔ ผศ.ดร.วิโรจน์ คุม้ ครอง
เมถุนธมฺมสมาปตฺติ (การเสพเมถุนธรรม) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๖๒/๙๙. การเสพเมถุนธรรม
หมายถึงการรว่ มประเวณี การรว่ มสังวาส กล่าวคือ การเสพอสัทธรรมอันเป็น ประเวณี
ของชาวบ้าน มนี า้ เป็นที่สุด เปน็ กจิ ที่จะต้องทาในท่ลี ับ เป็นการกระทาของคนที่เป็นคู่ ๆ
วิ.มหา. (ไทย) ๑/๕๕/๔.
ยมราช (พญายม) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๓๖/๑๙๑. พญายม หมายถึงพญาเวมานิกเปรต ซึ่งบางครั้ง
เสวยสมบัติในวิมานทพิ ย์ บางคราวเสวยวิบากแห่งกรรม และพญายมน้ันมิใช่มีตนเดียว
แต่มถี งึ ๔ ตน ประจาประตูนรก ๔ ประตู อง.ฺ ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๓๖/๑๓.
ยฺญฺ (ยญั ) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๖๐/๒๒๙. ยัญ ในที่น้ีหมายถึงส่ิงท่ีควรบูชา เป็นชื่อของไทยธรรม
องฺ.ติก.อ. (บาล)ี ๒/๖๐/๑๖.
รตฺตญฺญู (รัตตัญญู) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๘๘/๒๕. รัตตัญญู ในท่ีน้ี เป็นตาแหน่งเอตทัคคะท่ี
พระอัญญาโกณฑญั ญะไดร้ บั ยกยอ่ งจากพระพุทธเจ้า มีความหมาย ว่า รู้ราตรีนาน คือ
บวช รู้แจ้งธรรม และเป็นพระขีณาสพก่อนพระสาวกทั้งหลาย องฺ.เอกก.อ. (บาลี) ๑/
๑๘๘/๑๒.
ริตตฺ สสฺ าท (ไมม่ คี วามแชม่ ชนื่ ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๒๙/๓๗๗. ไม่มีความแช่มช่ืน ในท่ีนี้หมายถึง
ปราศจากความสขุ ทเี่ กิดจากฌาน องฺ.ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๑๒๙/๒๗.
โลก (โลก) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๙/๖๓. โลก ในที่น้ีหมายถึงสัตว์โลก โลกคือหมู่สัตว์ องฺ.ทุก.ฏีกา
(บาล)ี ๒/๙/๑.
โลกายต (โลกายตศาสตร์) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๕๙/๒๒๕. โลกายตศาสตร์ ในท่ีนี้หมายถึงวิตัณฑวาท
ศาสตร์ คอื ศิลปะแหง่ การเอาชนะผู้อื่นในเชิงวาทศิลป์โดยการ อ้างทฤษฎีและประเพณี
ทางสงั คมมาหกั ลา้ งสจั ธรรม มุง่ แสดงใหเ้ หน็ วา่ ตนฉลาดกวา่ มไิ ด้มุ่งสัจธรรมแต่อย่างใด ท.ี
ส.ี อ. (บาลี) ๑/๒๕๖/๒๒.
โลภสมุทย (มีโลภะเปน็ แดนเกดิ ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๓๓/๑๘๖. มีโลภะเป็นแดนเกิด หมายถึงมี
โลภะเป็นปจั จยั กลา่ วคอื มีโลภะเป็นเหตใุ ห้เกิด องฺ.ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๓๔/๑๑.
วจสี งฺขาร (วจีสงั ขาร) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๒๓/๑๗๑. วจีสังขาร หมายถึงสภาพปรุงแต่งการกระทา
ทางวาจา ได้แก่ วิตกและวิจาร หรือวจีสัญเจตนา คือ ความจงใจทางวาจา องฺ.ติก.อ.
(บาล)ี ๒/๒๓/๑๐๑, อง.ฺ ตกิ .ฏีกา (บาล)ี ๒/๒๓/๑๑.
วชิรูปมจติ ฺต (จิตเหมอื นเพชร) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๒๕/๑๗๔. จติ เหมอื นเพชร หมายถึงจิตท่ีมีความ
แข็งแกร่ง สามารถกาจัดมลู รากแห่งกเิ ลสทัง้ หลาย องฺ.ติก.อ. (บาล)ี ๒/๒๕/๑๐.
พจนานกุ รมศัพทเ์ ชิงอรรถพระไตรปฎิ ก ๓๕๕
วชฺชีปตุ ฺต (วชั ชบี ุตร) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๘๕/๓๑๐. วัชชีบุตร หมายถึงเป็นบุตรของวัชชีราชสกุล
อง.ฺ ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๘๕/๒๓.
วณณฺ (วรรณะ) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๑๔๑/๓๘๘. วรรณะ ในทีน่ หี้ มายถึงคุณ คือความมีปฏิภาณใน
การโตต้ อบแก้ปัญหาในเร่ืองอภธิ รรม อภิวินยั ไม่จนปัญญา องฺ.ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๑๔๑/๒๗.
วาท (วาทะ) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๑๓๘/๓๘๖. วาทะ ในทีน่ ีห้ มายถงึ ลัทธิ (ความเช่ือถอื ) ของตน ลัทธิ
ของครมู กั ขลิโคสาลจัดอยู่ในประเภทนัตถิกวาทะ คือ เห็นว่าไม่มีเหตุไม่มีปัจจัย คือจะ
บรสิ ุทธกิ์ บ็ รสิ ทุ ธเ์ิ อง จะเศร้าหมองก็เศร้าหมองเอง องฺ.ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๖๖/๒๐.
วาท (วาทะ) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๖๖/๒๕๖. วาทะ ในท่นี ี้หมายถงึ ลัทธิ คอื คติความเชื่อถือหรือความ
คิดเหน็ องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๖๖/๒๐.
วาท (วาทะ) อง.ฺ ทกุ . (ไทย) ๒๐/๓๕/๗๘. วาทะ ในที่นี้หมายถึงลัทธิ ความเชื่อ เช่น คาว่า นัตถิก-
วาทะ ลทั ธทิ ถ่ี อื วา่ ไม่มีเหตุปัจจัยที่ทาให้สัตว์ บริสุทธ์ิหรือเศร้าหมอง ที.สี.อ. (บาลี) ๑/
๑๖๘/๑๔.
วาฬตฺต (ความร้ายแรง) อง.ฺ ทุก. (ไทย) ๒๐/๑๕/๖๗. ความร้ายแรง ในท่ีน้ีหมายถึงเป็นไปเพ่ือการ
ทาร้ายกนั ดว้ ยกอ้ นหิน กอ้ นดิน และท่อนไมเ้ ปน็ ตน้ องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/๑๕/๑.
วชิ ฺชา (วชิ ชา) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๓๔/๑๘๘. วชิ ชา ในทีน่ ห้ี มายถึงอรหัตตมัคควิชชา (ความรู้แจ้ง
อรหตั มรรค) อง.ฺ ติก.อ. (บาล)ี ๒/๓๔/๑๓.
วิชฺชา (วิชชา) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๕๙/๒๒๗. วิชชา ในที่นี้หมายถึงทิพพจักขุญาณ คือญาณที่
สามารถเล็งเห็นหมู่สัตว์ท่ีเป็นไปต่าง ๆ กัน เพราะอานาจกรรม เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
จตุ ูปปาตญาณ อง.ฺ ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๕๙/๑๖.
วชิ ฺชา (วชิ ชา) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๕๙/๒๒๗. วิชชา ในที่นี้หมายถึงปุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือ
ความรู้เปน็ เครอื่ งระลึกไดถ้ ึงขันธ์ทอี่ าศัยอยู่ในกาลก่อน องฺ.ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๕๙/๑๖.
วิชฺชา (วชิ ชา) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๕๖๓/๕๑. วชิ ชา มี ๘ ประการ คือ วิปัสสนาญาณ มโนมยิทธิ
อิทธวิ ิธะ ทพิ พโสตะ เจโตปรยิ ญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติ ทิพพจักขุ อาสวักขยญาณ องฺ.
เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๕๖๓/๔๗.
วชิ ฺชา (วิชชา) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๕๙/๒๒๘. วชิ ชา ในทน่ี ี้หมายถงึ อรหตั ตมคั คญาณ ได้แก่ ญาณคือ
ความรเู้ ป็นเหตลุ ะสังโยชนไ์ ดท้ ้ัง ๑๐ หรืออาสวกั ขยญาณ คอื ญาณหยง่ั รู้ในธรรมเป็นที่สิ้น
ไปแห่งอาสวะ องฺ.ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๕๙/๑๖.
๓๕๖ ผศ.ดร.วิโรจน์ คมุ้ ครอง
วิชฺชาวิมุตฺติผล (ผลแหง่ วิชชาและวมิ ุตติ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๕๗๐/๕๑. ผลแห่งวิชชาและวิมุตติ
หมายถึง อรหัตผล องฺ.เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๕๖๔-๕๗๐/๔๗.
วิญฺ าณ (วญิ ญาณ) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๗๗/๓๐๐. วิญญาณ หมายถึงอภิสังขารวิญญาณท่ีเกิดร่วม
คอื เกดิ พรอ้ มกับกรรม อง.ฺ ติก.อ. (บาล)ี ๒/๗๗/๒๒๘, อง.ฺ ติก.ฎกี า (บาลี) ๒/๗๗-๗๘/๒๓.
วิญฺ าณญจฺ ายตนฌาน (วญิ ญาณัญจายตนฌาน) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๔๓๙/๔๙. วิญญาณัญจาย
ตนฌาน หมายถึงฌานที่กาหนดวิญญาณอันหาท่ีสุดมิได้เป็นอารมณ์ เป็นขั้นท่ี ๒ ของ
อรูปฌาน ๔ ที.ส.ี อ. (บาลี) ๑/๔๑๔/๓๐.
วิตฺถารธมฺมเทสนา (ธรรมเทศนาแบบพิสดาร) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๑๔/๖๗. ธรรมเทศนาแบบ
พิสดาร หมายถงึ การยกหวั ขอ้ ขึน้ ต้งั หรอื ไม่ยกหัวขอ้ ขึ้นต้ังแล้วกล่าวช้ีแจงโดยพิสดาร ใช้
สาหรบั บุคคลผมู้ ปี ญั ญาน้อย ๓ จาพวก คอื วิปจิตญั ญู ผู้รูต้ ่อเม่ือขยายความ เนยยะ ผู้ท่ี
พอแนะนาได้ ปทปรมะ ผู้มีบทเป็นอย่างย่ิง ผู้อับปัญญาสอนให้รู้ได้แค่เพียงตัวบทคือ
พยญั ชนะหรอื ถ้อยคา ไม่อาจเข้าใจอรรถคอื ความหมาย อง.ฺ ทกุ .อ. (บาล)ี ๒/๑๔/๑๒, องฺ.
ทุก.ฏีกา (บาล)ี ๒/๑๔/๑.
วนิ ยานุคฺคห (เออื้ เฟือ้ วนิ ยั ) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๒๐๑/๑๓๕. เออ้ื เฟื้อวินัย หมายถึงเพื่อเชิดชู ค้าจุน
ประคับประคองพระวนิ ัย ๔ อยา่ ง คอื สังวรวินัย ปหานวินัยสมถวินัย ปัญญัติวินัย วิ.อ.
(บาลี) ๑/๓๙/๒๓๖-๒๓.
วิปลุ ปญฺ า (มปี ัญญาไพบูลย์) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๕๙๙/๕๔. มีปัญญาไพบูลย์ ในที่น้ีหมายถึงมี
ปัญญาท่ีใหไ้ ด้รบั ประโยชน์อยา่ งยง่ิ คอื พระนิพพาน อง.ฺ เอกก.อ. (บาลี) ๑/๕๘๔/๔๗.
วิปสฺสนา (วปิ สั สนา) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๑๗๓/๑๒๗. วิปัสสนา หมายถึงปัญญาที่กาหนดรู้สังขาร
อง.ฺ ทุก.อ. (บาล)ี ๒/๑๗๓/๗.
วภิ วทฏิ ฺ (วภิ วทฏิ ฐิ) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๙๒/๑๐๘. วิภวทิฏฐิ หมายถึงอุจเฉททิฏฐิ ความเห็นว่า
ขาดสญู องฺ.ทกุ .อ. (บาล)ี ๒/๙๒/๖.
วิมุตฺติ าณทสฺสนกฺขนฺธ (วิมุตติญาณทัสสนขันธ์) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๕๘/๒๒๓. วิมุตติญาณ
ทัสสนขนั ธ์ หมายถงึ ปจั จเวกขณญาณท่จี ัดเป็นโลกิยะ ส่วนสีลขันธ์เป็นต้นนอกนี้จัดเป็น
โลกุตตระ องฺ.ติก.อ. (บาล)ี ๒/๕๘/๑๖.
วิมุตฺติรส (วมิ ุตติรส) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๓๓๕/๔๔. วมิ ุตตริ ส หมายถึงอมตนิพพาน องฺ.เอกก.อ.
(บาล)ี ๑/๓๓๕/๔๓๖, อง.ฺ ฏีกา (บาลี) ๑/๓๓๕/๒๘.
พจนานกุ รมศพั ทเ์ ชิงอรรถพระไตรปิฎก ๓๕๗
วิรช (ปราศจากธุลี) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๕๘/๒๒๔. ปราศจากธุลี หมายถึงไม่มีธุลี คือราคะ โทสะ
และโมหะ อง.ฺ ติก.อ. (บาล)ี ๒/๕๘/๑๖.
วิเวก (วิเวก) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๑๓/๖๖. วิเวก ในที่นี้หมายถึงวิเวก ๕ อย่าง คือ ตทังควิเวก
วกิ ขมั ภนวเิ วก สมุจเฉทวเิ วก ปสั สทั ธวิ เิ วก นสิ สรณวเิ วก องฺ.ทุก.อ. (บาล)ี ๒/๑๒/๑.
วสิ มโลภาภภิ ตู (ความโลภท่ีไม่สม่าเสมอ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๕๗/๒๒๐. ความโลภท่ีไม่สม่าเสมอ
หมายถึงความโลภที่เกดิ ข้ึนเฉพาะในวตั ถุทีผ่ อู้ ืน่ ครอบครองหวงแหน องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/
๕๗/๑๕.
เวรมฺภวาต (ลมเวรมั ภะ) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๓๕/๑๘๙. ลมเวรัมภะ หมายถึงลมที่พดั มาจาก ๔ ทิศ
พร้อม ๆ กนั ส่วนลมทีพ่ ัดมาจากทิศใดทศิ หนึง่ ไมเ่ รียกว่า ลมเวรมั ภะ องฺ.ติก.อ. (บาล)ี ๒/
๓๕/๑๓.
โวกฺกมน (โวกกมนธรรม) อง.ฺ ทกุ . (ไทย) ๒๐/๔๕/๘๙. โวกกมนธรรม ในที่นี้หมายถึงนิวรณ์ ๕ คือ
กามฉนั ทะ (ความพอใจในกาม) พยาบาท (ความ คิดร้าย) ถนี มทิ ธะ (ความหดหู่และเซ่ือง
ซมึ ) อทุ ธัจจกกุ กจุ จะ (ความฟงุู ซ่านและร้อนใจ) วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย) องฺ.ทุก.อ.
(บาลี) ๒/๔๕/๕.
สฆูโปสถ (สังฆอโุ บสถ) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๗๑/๒๘๔. สังฆอุโบสถ หมายถึงอุโบสถท่ีรักษาปรารภ
อรยิ บุคคล ๘ จาพวก อง.ฺ ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๗๑/๒๑.
สงฺขิตฺตธมฺมเทสนา (ธรรมเทศนาแบบย่อ) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๑๔/๖๗. ธรรมเทศนาแบบย่อ
หมายถึงการยกหัวขอ้ ขึน้ ตง้ั แลว้ กลา่ ว ใช้สาหรบั บคุ คลผมู้ ปี ัญญามาก ผเู้ ป็นอุคฆฏติ ัญญู ผู้
ท่พี อยกหวั ข้อก็รู้ องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/๑๔/๑.
สญฺ าวิวฏฏฺ กุสล (ฉลาดในสัญญาวิวัฏ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๒๐๐/๒๗. ฉลาดในสัญญาวิวัฏ
หมายถึงฉลาดในการปรับเปลีย่ นสญั ญา คือไดอ้ รปู าวจรฌาน ๔ (อากาสานญั จายตนฌาน
วญิ ญาณญั จายตนฌาน อากิญจญั ญายตนฌาน และเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน) องฺ.
เอกก.อ. (บาลี) ๑/๒๐๐/๑๘.
สญโฺ ชน (สังโยชน์) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๘๖/๓๑๓. สงั โยชน์ หมายถงึ กิเลสทีผ่ ูกมัดใจสัตว์, ธรรมท่ี
มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ มี ๑๐ ประการ คือ สักกายทิฏฐิ, วิจิกิจฉา, สีลัพพตปรามาส, กาม
ฉนั ทะหรือกามราคะ พยาบาทหรอื ปฏฆิ ะ, รปู ราคะ, อรูปราคะ, มานะ, อุทธัจจะ, อวิชชา
อง.ฺ ทสก. (ไทย) ๒๔/๑๓/๒.
๓๕๘ ผศ.ดร.วิโรจน์ คุ้มครอง
สตมิ นฺต (ผมู้ ีสติ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๒๒๐/๒๙. ผู้มีสติ ในที่นี้หมายถึงสามารถทรงจาพระพุทธ
พจนไ์ ดเ้ ป็นเลศิ อง.ฺ เอกก.อ. (บาลี) ๑/๒๑๙-๒๒๓/๒๕.
สติอายตน (เหตุแห่งสติ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๐๒/๓๔๓. เหตุแห่งสติ ในท่ีนี้คือฌานที่เป็นบาท
(ปพุ พเหต)ุ แห่งอภิญญา อง.ฺ ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๑๐๒/๒๕.
สตตฺ กฺขตฺตปุ รม (สตั ตกั ขตั ตุปรมโสดาบนั ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๘๘/๓๑๕. สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน
หมายถึงพระโสดาบนั ผู้ละสังโยชน์เบอ้ื งตา่ ๓ ประการไดแ้ ล้ว เปน็ ผู้ไมต่ กไปในอบาย ๔ มี
ความแน่นอนที่จะตรสั รู้มรรค ๓ เบอ้ื งสงู องฺ.ตกิ .ฏกี า (บาลี) ๒/๘๘-๙๑/๒๓๘-๒๓. เมื่อ
จะเกดิ ในภพใหมเ่ ป็นเทวดาหรอื มนษุ ย์ก็เกิดได้ไม่เกิน ๗ คร้งั อภิ.ปุ. (ไทย) ๓๖/๓๑/๑๖๐,
อภิ.ปญจฺ .อ. (บาลี) ๓๑/๕.
สทฺธมฺม (สทั ธรรม) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๑๔/๑๘. สทั ธรรม หมายถึงธรรมอันดี หรือศาสนา มี ๓
ประการ คือ ปริยตั ิสทั ธรรม ปฏบิ ตั ิสัทธรรม และ อธิคมสัทธรรม วิ.อ. (บาลี) ๒/๔๓๘/
๔๒.
สทฺธมฺม (สทั ธรรม) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๓๐๘/๔๐. สัทธรรม ในทน่ี ีห้ มายถึงกศุ ลกรรมบถ ๑๐ องฺ.
เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๓๐๘/๔๒.
สทฺธานุสารี (สัทธานสุ ารี) อง.ฺ ทุก. (ไทย) ๒๐/๔๙/๙๓. สัทธานุสารี คอื ผู้แล่นไปตามศรัทธา ท่านผู้
ปฏิบัติเพอื่ บรรลุโสดาปัตตมิ รรค มีศรัทธาแก่กล้า บรรลุผลแล้วกลายเป็นสัทธาวิมุต องฺ.
ทกุ .อ. (บาลี) ๒/๔๙/๕๕, องฺ.สตตฺ ก.อ. (บาลี) ๓/๑๔/๑๖.
สทฺธาวมิ ุตฺต (สัทธาวิมุต) อง.ฺ ทุก. (ไทย) ๒๐/๔๙/๙๒. สัทธาวิมุต หมายถึงผู้หลุดพ้นด้วยศรัทธา
เขา้ ใจอริยสจั ถูกตอ้ ง กเิ ลสบางส่วนส้ินไปเพราะเห็นด้วยปญั ญา มศี รัทธาแก่กล้า ได้แก่ ผู้
บรรลุโสดาปัตติผลจนถึงผู้ปฏิบัติเพ่ืออรหัตมรรค องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/๔๙/๕๕, องฺ.
สตตฺ ก.อ. (บาลี) ๓/๑๔/๑๖๑-๑๖.
สทธฺ าวมิ ตุ ฺต (สัทธาวมิ ตุ ตบุคคล) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๒๑/๑๖๖. สัทธาวิมุตตบุคคล หมายถึงพระ
อรยิ บุคคลผู้บรรลุโสดาปัตติผลขึ้นไป ผู้หลุดพ้นด้วยศรทั ธา องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๒๑/๙๘,
อง.ฺ สตฺตก.อ. (บาล)ี ๓/๑๔/๑๖๑-๑๖.
สทฺธาสมมฺ ขุ ภี าว (ความพร้อมแห่งศรทั ธา) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๔๑/๒๐๕. ความพร้อมแห่งศรัทธา
ท่ีพระพุทธเจ้าตรสั เรยี งความสาคัญไว้เปน็ อันดับที่ ๑ ในที่นี้เพราะศรัทธามีความสาคัญ
มาก บคุ คลเมอื่ จะให้ทานจาต้องเกิดศรัทธาก่อน หากปราศจากศรทั ธา แมม้ ไี ทยธรรมและ
ปฏคิ าหก (ผู้รบั ) ก็ไม่สามารถทาบญุ ได้ และศรทั ธาเปน็ ส่งิ ที่หาได้ยาก เพราะศรัทธาของ
พจนานกุ รมศัพท์เชงิ อรรถพระไตรปฎิ ก ๓๕๙
ปถุ ุชน ยอ่ มเปล่ียนแปลงได้ทุกขณะ สว่ นไทยธรรม และทกั ขไิ ณยบุคคลเป็นสิ่งท่ีหาได้ง่าย
องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๔๑/๑๔๘, อง.ฺ ตกิ .ฏกี า (บาล)ี ๒/๔๑/๑๕.
สปปฺ าย (เป็นสัปปายะ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๒๒/๑๖๙. เป็นสัปปายะ ในท่ีน้ีหมายถึงมีประโยชน์
กอ่ ใหเ้ กดิ ความเจรญิ องฺ.ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๒๒/๙.
สปปฺ ตี ิกสขุ (สขุ ท่ีมีปีติ) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๗๒/๑๐๔. สขุ ทมี่ ปี ตี ิ หมายถึงสุขในปฐมฌานและทุติย
ฌาน องฺ.ทกุ .อ. (บาลี) ๒/๗๒/๖.
สปฺปตี กิ ารมฺมณสุข (สุขทีเ่ กิดจากฌานมีปีตเิ ปน็ อารมณ์) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๗๕/๑๐๔. สุขท่ีเกิด
จากฌานมีปีติเปน็ อารมณ์ หมายถงึ สขุ ทเ่ี กิดแก่ผู้พิจารณาฌาน ๒ มีปีติเป็นอารมณ์ องฺ.
ทกุ .อ. (บาล)ี ๒/๗๕/๖.
สพฺพธมฺม (ธรรมทกุ อย่าง) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๕๘/๒๒๔. ธรรมทุกอย่าง ในที่นี้หมายถึงขันธ์ ๕
อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อง.ฺ ติก.อ. (บาล)ี ๒/๕๘/๑๖.
สมถ (สมถะ) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๑๗๓/๑๒๗. สมถะ หมายถงึ สภาวะที่จิตมีอารมณ์เดียว องฺ.ทุก.อ.
(บาลี) ๒/๑๗๓/๗.
สมย (ระยะเวลา) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๑๐๒/๓๔๓. ระยะเวลา ในที่นี้หมายถึงกาลท่ีได้รับสัปปายะ
(ความเหมาะสม) ๕ ประการ คือ อุตุสัปปายะ อาหารสัปปายะ เสนาสนสัปปายะ
ปุคคลสปั ปายะ และธัมมสั สวนสัปปายะ อง.ฺ ติก.อ. (บาล)ี ๒/๑๐๒/๒๕.
สมาธิ (สมาธิ) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๓๓๓/๔๔. สมาธิ ในท่ีน้ีหมายถึงมรรคสมาธิและผลสมาธิ องฺ.
เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๓๓๓/๔๓.
สมาธินมิ ติ ฺต (สมาธินิมิต) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๑๐๓/๓๔๕. สมาธินมิ ิต หมายถงึ สภาวะทจี่ ติ แน่วแน่มี
อารมณ์เดยี ว (เอกัคคตา) เปน็ เหตุ อง.ฺ ติก.อ. (บาล)ี ๒/๑๐๓/๒๕.
สมาธสิ ุข (สมาธิสุข) อง.ฺ ทกุ . (ไทย) ๒๐/๗๔/๑๐๔. สมาธิสขุ หมายถึงสขุ ทถี่ ึงขนั้ อปั ปนาสมาธิ หรือ
อปุ จารสมาธิ องฺ.ทกุ .อ. (บาลี) ๒/๗๔/๖.
สมาปตฺตกิ ุสลตา (ความเปน็ ผฉู้ ลาดในการเข้าสมาบตั ิ) อง.ฺ ทกุ . (ไทย) ๒๐/๑๖๔/๑๒๕. ความเป็น
ผฉู้ ลาดในการเขา้ สมาบตั ิ หมายถึงความฉลาดกาหนดรู้อาหารที่เป็นสัปปายะและฤดูท่ี
เปน็ สปั ปายะในการเขา้ สมาบตั ิ องฺ.ทกุ .อ. (บาล)ี ๒/๑๖๔/๗.
๓๖๐ ผศ.ดร.วิโรจน์ คมุ้ ครอง
สสงฺขารปรินิพฺพายี (สสังขารปรินิพพายี) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๘๘/๓๑๖. สสังขารปรินิพพายี
หมายถึงพระอนาคามีผู้เกิดในสุทธาวาสภพใดภพหน่ึงแล้วปรินิพพานโดยต้องใช้ความ
เพียรมาก อภิ.ปุ. (ไทย) ๓๖/๓๙/๑๖๒, อง.ฺ ติก.อ. (บาลี) ๒/๘๘/๒๔.
สมาปตฺติวุฏฺ านกุสลตา (ความเป็นผู้ฉลาดในการออกจากสมาบัติ) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๑๖๔/
๑๒๕. ความเป็นผู้ฉลาดในการออกจากสมาบัติ หมายถึงความฉลาดในการกาหนด
ระยะเวลาที่จะออกจากสมาบัติ อง.ฺ ทุก.อ. (บาลี) ๒/๑๖๔/๗.
สมฺพาหน (การบีบนวด) อง.ฺ ทุก. (ไทย) ๒๐/๓๔/๗๗. การบบี นวด หมายถึงการดึงไปและดึงมาซึ่ง
มอื และเท้าเปน็ ต้น อง.ฺ ทกุ .อ. (บาลี) ๒/๓๔/๓.
สมฺพุทธฺ (ตรัสรู้ชอบ) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๙๑/๓๒๐. ตรัสรู้ชอบ ในที่นี้หมายถึงตรัสรู้อริยสัจ ๔ องฺ.
ติก.อ. (บาลี) ๒/๙๑/๒๔.
สมฺโพธิ (สัมโพธิ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๘๖/๓๑๓. สัมโพธิ ในที่น้ีหมายถึงมรรค ๓ เบ้ืองสูง
(สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค และอรหัตมรรค ) องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๘๗/๒๔๒, องฺ.
ตกิ .ฏกี า (บาลี) ๒/๘๗/๒๓.
สมฺมาทิฏฺ (สัมมาทฏิ ฐิ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๒๙๙/๓๘. สัมมาทิฏฐิ ในท่ีน้ีหมายถึงสัมมาทิฏฐิ ๕
ประการ คอื กัมมสั สกตาทฏิ ฐิ ฌานสัมมาทิฏฐิ วิปัสสนาสัมมาทิฏฐิ มัคคสัมมาทิฏฐิ ผล
สัมมาทิฏฐิ อง.ฺ ทกุ .อ. (บาล)ี ๒/๑๗๕/๗.
สวฏฏฺ กปปฺ (สงั วฏั ฏกัป) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๕๙/๒๒๖. สังวัฏฏกัป คือกัปฝุายเส่ือมช่วงระยะเวลาท่ี
โลกกาลงั พินาศ วิวฏั ฏกปั คอื กัปฝุายเจรญิ ไดแ้ ก่ ช่วงระยะเวลาที่โลกกลับฟ้ืนข้ึนมาใหม่
ว.ิ อ. (บาลี) ๑/๑๒/๑๕.
สเวคมาปาทิ (ถงึ ความสังเวช) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๑๒๙/๓๗๘. ถึงความสังเวช ในท่ีน้ีหมายถึงเป็น
พระโสดาบนั เขา้ สู่กระแสอรยิ มรรค อง.ฺ ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๑๒๙/๒๗.
สหสฺสีจฬู นิกโลกธาตุ (สหัสสีโลกธาตุขนาดเล็ก) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๘๑/๓๐๖. สหัสสีโลกธาตุ
ขนาดเล็ก หมายถงึ โลกธาตุที่มี ๑,๐๐๐ จักรวาล อง.ฺ ติก.อ. (บาลี) ๒/๘๑/๒๓.
สหสฺสีโลกธาตุ (สหัสสีโลกธาตุ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๒๖/๓๗๓. สหัสสีโลกธาตุ ในท่ีน้ีหมายถึง
โลกธาตุท่มี ี ๑,๐๐๐ จักรวาล องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๘๑/๒๓.
สอุปนิส (มีอปุ นิสัย) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๖๘/๒๗๑. มีอุปนิสัย หมายถึงปัจจัยส่งเสริมท่ีส่ังสมไว้ใน
อดีต อง.ฺ ติก.อ. (บาลี) ๒/๖๘/๒๐.
พจนานกุ รมศัพท์เชิงอรรถพระไตรปิฎก ๓๖๑
สาขลฺย (สาขัลยะ) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๑๖๗/๑๒๖. สาขัลยะ หมายถึงความเป็นบคุ คลผู้บันเทิงด้วย
ความมีวาจาออ่ นหวาน องฺ.ทกุ .อ. (บาลี) ๒/๑๖๗/๗.
สาตสุข (สุขทีเ่ กิดจากความยนิ ดี) อง.ฺ ทุก. (ไทย) ๒๐/๗๓/๑๐๔. สุขที่เกิดจากความยินดี หมายถึง
สขุ ในฌาน ๓ (ปฐมฌาน, ทตุ ยิ ฌาน, ตติยฌาน) องฺ.ทุก.อ. (บาล)ี ๒/๗๓/๖.
สาตารมฺมณสุข (สขุ ทเ่ี กดิ จากฌานมีความยินดีเปน็ อารมณ์) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๗๖/๑๐๕. สุขท่ี
เกดิ จากฌานมีความยินดีเป็นอารมณ์ หมายถงึ สุขท่ีเกดิ แก่ผู้พจิ ารณาฌาน ๓ (ปฐมฌาน,
ทุตยิ ฌาน, ตติยฌาน) มีความยินดเี ปน็ อารมณ์ อง.ฺ ทกุ .อ. (บาลี) ๒/๗๓,๗๕/๖.
สาถลิก (ย่อหย่อน) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๔๕/๘๙. ย่อหย่อน หมายถึงยึดถือปฏิบัติตามคาส่ังสอน
หย่อนยาน อง.ฺ ทุก.อ. (บาล)ี ๒/๔๕/๕.
สามสิ สขุ (สขุ ทอี่ ิงอามสิ ) อง.ฺ ทุก. (ไทย) ๒๐/๖๙/๑๐๓. สุขท่ีอิงอามิส หมายถึงสุขอาศัยเหยื่อล่อ
เปน็ สุขท่ีทาใหใ้ จเศร้าหมอง ทาใหส้ ตั วอ์ ยู่ในวงจรแหง่ วัฏฏะ องฺ.ทกุ .อ. (บาลี) ๒/๖๙/๖๑,
อง.ฺ ทกุ .ฏีกา (บาล)ี ๒/๖๘/๕.
สาร (ธรรมทเี่ ป็นสาระ) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๙๔/๓๒๗. ธรรมที่เป็นสาระ ในท่ีน้ีหมายถึงศีล สมาธิ
และปญั ญา องฺ.ติก.อ. (บาล)ี ๒/๙๔/๒๔.
สารท (สารทกาล) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๖๔/๒๔๘. สารทกาล หมายถึงฤดใู บไม้รว่ ง ฤดูสารท เทศกาล
ทาบุญส้นิ เดอื น ๑๐ อง.ฺ ฉกกฺ .อ. (บาล)ี ๓/๖๒/๑๔๘, องฺ.ฉกฺก.ฏกี า (บาล)ี ๓/๖๒/๑๖.
สาลิสูก (เดือยข้าว) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๔๑/๗. เดือยข้าว หมายถึงส่วนปลายของเมล็ด
ข้าวเปลอื ก
สาโลหติ (สาโลหติ ) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๗๖/๒๙๙. สาโลหิต หมายถึงผู้ร่วมสายเลือดเดียวกัน ได้แก่
พีช่ าย น้องชาย พ่ีสาว น้องสาว เปน็ ต้น องฺ.ติก.อ. (บาล)ี ๒/๗๖/๒๒.
สาวกภาสติ (เป็นสาวกภาษติ ) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๔๘/๙๑. เปน็ สาวกภาษติ หมายถงึ เป็นภาษิตอัน
เหล่าสาวกของเจ้าลทั ธิคนใดคนหนึ่งทีไ่ มไ่ ด้ชอ่ื วา่ เปน็ พระพทุ ธสาวกได้ภาษิตไว้ องฺ.ทุก.อ.
(บาล)ี ๒/๔๘/๕๕, อง.ฺ ทุก.ฏกี า (บาลี) ๒/๔๘/๕.
สาวเสสาปตฺติ (อาบัติท่มี ีส่วนเหลือ) อง.ฺ ทกุ . (ไทย) ๒๐/๑๓๐/๑๑๖. อาบัติที่มีส่วนเหลือ หมายถึง
อาบัติที่เป็นสเตกิจฉา (อาบัติท่ียังพอเยียวยาหรือแก้ไขได้) คือ สังฆาทิเสส ถุลลัจจัย
ปาจติ ตีย์ ปาฏเิ ทสนยี ะ ทกุ กฏ ทุพภาสิต วิ.อ. (บาล)ี ๓/๒๙๙/๔๘๓-๔๘๕.
๓๖๒ ผศ.ดร.วิโรจน์ คุม้ ครอง
สาวเสสาปตฺติ (อาบัติที่มีส่วนเหลือ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๕๙/๒๑. อาบัติที่มีส่วนเหลือ คือ
สังฆาทเิ สส ถุลลัจจัย ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฏ ทุพภาสิต องฺ.เอกก.อ. (บาลี) ๑/
๑๕๐/๘.
สาสวสขุ (สขุ ท่ีมอี าสวะ) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๖๘/๑๐๓. สุขท่ีมีอาสวะ หมายถึงสุขท่ีนับเนื่องใน
วฏั ฏะทเี่ ป็นปัจจัยแก่อาสวะ องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/๖๘/๖.
สกิ ฺขาปท (สิกขาบท) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๘๖/๓๑๓. สิกขาบท ในท่ีนี้หมายถึงปาราชิก ๔ องฺ.ติก.
ฏีกา (บาล)ี ๒/๘๗/๒๓.
สลี วา (มีศลี ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๙๔/๓๒๗. มีศีล ในท่ีนี้หมายถึงประกอบกิจด้วยปาริสุทธิศีล ๔
ประการ คือ ปาติโมกขสังวรศลี ศีลคอื ความสารวมในพระปาตโิ มกข์ อินทรียสังวรศีล ศีล
คือความสารวมอินทรีย์ทั้ง ๖ อาชีวปาริสุทธิศีล ศีลคือความบริสุทธิ์แห่งอาชีวะ ปัจจย
สนั นิสสติ ศลี ศีลท่ีเก่ียวกับการพจิ ารณาในการใช้สอยปัจจัย ๔ องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๙๔/
๒๔.
สหี นาท (สหี นาท) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๙๖/๒๖. สีหนาท ในทนี่ ห้ี มายถงึ อาการท่ีเปล่งวาจาอย่าง
องอาจดุจพญาราชสหี ์ในขณะที่เดนิ รอบ ๆ วหิ าร มีใจความว่า ผมู้ คี วามสงสยั ในมรรคและ
ผล จงถามข้าพเจ้า หรอื แม้จะยืนตรงพระพักตร์ของพระ พุทธเจา้ ก็เปล่งวาจาว่า กิจที่จะ
พงึ ทาในพระศาสนานี้ของข้าพระองคถ์ งึ ท่ีสุดแล้ว องฺ.เอกก.อ. (บาลี) ๑/๑๙๕/๑๗.
สุขมุ าล (สขุ ุมาลชาติ) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๓๙/๑๙๘. สุขมุ าลชาติ ในทีน่ ีห้ มายถึงไม่มีทุกข์ องฺ.ติก.อ.
(บาลี) ๒/๓๙/๑๔.
สุภนมิ ิตฺต (สุภนิมติ ) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๑๒๔/๑๑๕. สุภนมิ ิต หมายถึงอิฏฐารมณ์ คืออารมณ์ท่ีน่า
ปรารถนา องฺ.ทุก.อ. (บาล)ี ๒/๑๒๔/๖.
สุภนิมติ ฺต (สุภนมิ ิต) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๑/๒. สุภนิมิต หมายถึงอารมณ์อันเป็นที่ต้ังแห่งความ
ใคร่ องฺ.เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๑๑/๒.
สุราเมรย (สุราและเมรัย) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๗๑/๒๘๗. สุราและเมรัย หมายถึงสุรา ๕ อย่าง คือ
สรุ าแปงู สุราขนม สุราข้าวสุก สุราใส่เชื้อ สุราผสมเครื่องปรุง และเมรัย ๕ อย่าง คือ
เครอ่ื งดองดอกไม้ เครือ่ งดองผลไม้ เคร่ืองดองน้าอ้อย เครื่องดองน้าผึ้ง เคร่ืองดองผสม
เครื่องปรุง ขุ.ข.ุ อ. (บาลี) ๑๗-๑.
เสข (ที่เปน็ ของพระเสขะ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๗๔/๒๙๖. ที่เป็นของพระเสขะ ในที่นี้หมายถึงศีล
สมาธิ และปัญญาท่ีเป็นระดับของพระอริยบุคคล ๗ จาพวกเบ้ืองต้น ในจานวนพระ
พจนานกุ รมศพั ท์เชงิ อรรถพระไตรปฎิ ก ๓๖๓
อรยิ บคุ คล ๘ องฺ.ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๗๔/๒๒๕, องฺ.จตุกฺก.อ. (บาลี) ๒/๘๗/๓๖๔, องฺ.ติก.
ฏกี า (บาลี) ๒/๗๔/๒๒.
โสเจยฺย (โสเจยยะ) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๑๖๘/๑๒๖. โสเจยยะ ในที่น้ีหมายถึงความสะอาดด้วย
อานาจศลี องฺ.ทุก.อ. (บาล)ี ๒/๑๖๘/๗.
โสตาปนฺน (โสดาบนั ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๘๖/๓๑๓. โสดาบัน หมายถึงผู้ประกอบด้วยอริยมรรคมี
องค์ ๘ เพราะคาวา่ โสตะ เปน็ ชอ่ื ของอริยมรรคมอี งค์ ๘ อภิ.ปญฺจ.อ. (บาลี) ๓๑/๕๓๐,
อง.ฺ ติก.อ. (บาล)ี ๒/๘๗/๒๔๒., ส.ม. (ไทย) ๑๙/๑๐๐๑/๕๑.
โสภติ (งดงาม) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๒/๑๔๐. งดงาม หมายถงึ ปรากฏ คือท้งั คนพาลและบัณฑิตย่อม
ปรากฏเพราะจริตของตน ๆ อง.ฺ ติก.อ. (บาล)ี ๒/๒/๗.
โสรจฺจ (ความเสง่ยี ม) อง.ฺ ทุก. (ไทย) ๒๐/๑๖๖/๑๒๖. ความเสงยี่ ม ในทีน่ หี้ มายถึงความเป็นผู้มีศีล
งาม (สุสลี ภาวะ) ความเป็นผูน้ า่ ยนิ ดี (สุรตภาวะ) อง.ฺ ทกุ .อ. (บาล)ี ๒/๑๖๖/๗.
หฏ (ยาง) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๑๖๓/๔๐๒. ยาง หมายรวมถึงสาหร่ายและยางไม้ด้วย องฺ.ติก.อ.
(บาล)ี ๒/๙๔/๒๔.
หฏ (ยาง) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๙๔/๓๒๖. ยาง หมายรวมถึงสาหรา่ ยและยางไม้ด้วย องฺ.ติก.อ. (บาลี)
๒/๙๔/๒๔.
หทรภตู (เป็นเดก็ ) อง.ฺ ทุก. (ไทย) ๒๐/๓๙/๘๕. เป็นเด็ก ในที่นี้หมายถึงคนหนุ่ม องฺ.ทุก.อ. (บาลี)
๒/๓๙/๕.
หนี (ธรรมอันทราม) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๖๗/๒๖๙. ธรรมอันทราม หมายถึงสมุทัยสัจ องฺ.ติก.อ.
(บาล)ี ๒/๖๗/๒๐.
หีนธาตุ (ธาตอุ ยา่ งหยาบ) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๗๗/๓๐๐. ธาตุอย่างหยาบ หมายถึงกามธาตุ องฺ.
ติก.อ. (บาล)ี ๒/๗๗/๒๒.
อกตญฺญู (อกตัญญู) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๓๓/๗๗. อกตัญญู หมายถึงผู้ไม่รู้อุปการะท่ีบุคคลอื่น
กระทาแกต่ น องฺ.ทุก.อ. (บาล)ี ๒/๓๓/๓.
อกตเวที (อกตเวที) อง.ฺ ทกุ . (ไทย) ๒๐/๓๓/๗๗. อกตเวที หมายถึงผู้ไม่รู้จักทาอุปการะท่ีบุคคลอื่น
กระทาแกต่ นใหป้ รากฏ องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/๓๓/๓.
๓๖๔ ผศ.ดร.วิโรจน์ คมุ้ ครอง
อกาลกิ (ไมป่ ระกอบด้วยกาล) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๔๐/๒๐๓. ไม่ประกอบด้วยกาล หมายถึงให้ผล
ไม่จากัดกาล คอื ไม่ข้ึนกับกาลเวลา ให้ผลแก่ผู้ปฏิบัติทุกเวลา ทุกโอกาส บรรลุเมื่อใดก็
ไดร้ บั ผลเม่ือน้นั อง.ฺ ทุก.อ. (บาลี) ๒/๕๔/๑๕.
อกาลิก (ไมป่ ระกอบดว้ ยกาล) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๗๑/๒๘๒. ไมป่ ระกอบดว้ ยกาล หมายถึงให้ผลไม่
จากัดกาล คือไม่ขนึ้ กบั กาลเวลา ไม่จากัดด้วยกาล ให้ผลแก่ ผู้ปฏิบัติทุกเวลาทุกโอกาส
บรรลเุ มือ่ ใดกไ็ ดร้ ับผลเมื่อนั้น อง.ฺ ติก.อ. (บาลี) ๒/๕๖/๑๕๘, องฺ.ติก.ฏีกา (บาลี) ๒/๕๖/
๑๖.
อกิริยวาท (อกริ ยิ วาทะ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๖๒/๒๓๘. อกริ ยิ วาทะ ในที่น้ีหมายถึงลัทธิท่ีถือว่าการ
กระทาทกุ อยา่ งไมม่ ีผล ทาดีก็ไม่ได้ดี ทาชั่วกไ็ มไ่ ด้ชว่ั
อจฺจย (โทษ) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๔/๑๔๓. โทษ ในทน่ี หี้ มายถึงความผิด (อปราธะ) องฺ.ติก.อ. (บาลี)
๒/๔/๗.
อจฺฉริยมนุสฺส (เป็นอจั ฉริยมนษุ ย์) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๕๔/๙๗. เปน็ อจั ฉริยมนุษย์ ในท่ีนี้หมายถึง
เป็นบุคคลทีห่ าได้ยากไมป่ รากฏทวั่ ไป องฺ.ทกุ .อ. (บาล)ี ๒/๕๔/๕.
อจฺฉริยมนุสฺส (เป็นอัจฉริยมนุษย์) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๗๒/๒๓. เป็นอัจฉริยมนุษย์ ในที่น้ี
หมายถึงประกอบด้วยธรรมท่ีน่าอัศจรรย์เป็นอันมาก หรือเป็นมนุษย์ผู้ได้สั่งสมบารมี
มาแลว้ โดยลาดบั ซง่ึ ยากที่ใครจะสงั่ สมได้ เชน่ ให้ทานในชาติท่ีเป็นพระเวสสันดรแล้วถือ
ปฏิสนธิในภพดสุ ติ ทรงรบั คาอ้อนวอนของเทวดาเปิดวันมหาวิโลกนะ ๕ ถือปฏิสนธิใน
ตระกูลมีโภคะมาก แม้ในวันถือปฏิสนธิและในวันประสูติก็ให้โลกธาตุหวั่นไหว เสด็จ
ดาเนนิ ได้ ๗ ก้าว ทรงเศวตฉัตรทพิ ย์ บนั ลือสหี นาทวา่ เราเปน็ ผเู้ ลศิ แห่งโลก เมื่อญาณแก่
เต็มที่กท็ รงสละราชสมบัติออกผนวช ตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณ องฺ.เอกก.อ. (บาลี) ๑/
๑๗๒/๑๐๒-๑๐.
อชฌฺ ตตฺ สญโฺ ชน (สังโยชนภ์ ายใน) อง.ฺ ทกุ . (ไทย) ๒๐/๓๗/๘๐. สังโยชน์ภายใน ในท่ีน้ีหมายถึง
ฉันทราคะในกามภพทเี่ ป็นไปภายใน หรอื หมายถึงโอรัมภาคยิ สังโยชน์ (สังโยชน์เบ้ืองต่า)
๕ ประการ องฺ.ทกุ .อ. (บาล)ี ๒/๓๗/๔.
อญฺ ตรเทวนิกาย (หมู่เทพหมู่ใดหมู่หน่ึง) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๓๗/๘๐. หมู่เทพหมู่ใดหมู่หน่ึง
หมายถงึ หมเู่ ทพชั้นกามาวจรสวรรค์ ๖ ชนั้ ช้นั ใดชนั้ หนึ่ง อง.ฺ ทุก.อ. (บาล)ี ๒/๓๗/๔.
อญฺ ตรเทวนิกาย (หมู่เทพหมู่ใดหมู่หนึ่ง) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๓๗/๘๑. หมู่เทพหมู่ใดหมู่หนึ่ง
หมายถงึ หมูเ่ ทพชัน้ สุทธาวาส ๕ ชน้ั ชัน้ ใดช้ันหนง่ึ อง.ฺ ทกุ .อ. (บาลี) ๒/๓๗/๔.
พจนานกุ รมศัพทเ์ ชงิ อรรถพระไตรปฎิ ก ๓๖๕
อญฺ ถตฺต (ความแปร) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๔๗/๒๐๙. ความแปร ในท่นี ห้ี มายถงึ ความเปล่ียนกลาย
ไปจากลักษณะหรือภาวะเดิม ได้แก่ ชรา องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๔๗/๑๕๔, องฺ.ติก.ฏีกา
(บาลี) ๒/๔๗/๑๕.
กามสญฺ า (กามสัญญา) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๓๓/๑๘๖. กามสัญญา หมายถึงสัญญาท่ีเกิดข้ึน
ปรารภกาม หรอื สญั ญาทส่ี หรคตดว้ ยโลภจติ ๘ ดวง อง.ฺ ติก.อ. (บาลี) ๒/๓๓/๑๑.
อญฺ าวิโมกฺข (อัญญาวิโมกข์) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๓๓/๑๘๖. อัญญาวิโมกข์ หมายถึง อรหัตผล
องฺ.ติก.อ. (บาล)ี ๒/๓๓/๑๑.
อฏฺ งคฺ (องค์ ๘) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๓๘/๑๙๗. องค์ ๘ ในท่ีน้ีหมายถึงศีล ๘ องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/
๓๘/๑๓.
อฏฺ ปุริสปคุ คฺ ล (๘ บุคคล) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๗๑/๒๘๓. ๘ บคุ คล ไดแ้ ก่ พระผู้บรรลุโสดาปัตติผล
พระผู้ดารงอยู่ในโสดาปัตติมรรค พระผู้บรรลุ สกทาคามิผล พระผู้ดารงอยู่ใน
สกทาคามมิ รรค พระผู้บรรลุอนาคามิผล พระผู้ดารงอยู่ในอนาคามิมรรค พระผู้บรรลุ
อรหตั ผล พระผู้ดารงอยู่ในอรหตั มรรค อภ.ิ ป.ุ (ไทย) ๓๖/๒๐๗/๒๒.
อตถฺ ปฏิสเวที (รแู้ จ้งอรรถ) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๔๓/๒๐๖. รู้แจ้งอรรถ ในที่น้ีหมายถึงรู้อรรถกถา
องฺ.ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๔๓/๑๕๓, องฺ.ติก.ฏีกา (บาล)ี ๒/๔๓/๑๕.
อตฺถรส (อรรถรส) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๓๓๕/๔๔. อรรถรส หมายถงึ สามญั ญผล ๔ คือ โสดาปัตติ
ผล สกทาคามิผล อนาคามิผล และ อรหัตผล องฺ. เอกก.อ. (บาลี) ๑/๓๓๕/๔๓๖, องฺ.
ฏีกา (บาลี) ๑/๓๓๕/๒๘.
อตฺถวส (อานาจประโยชน์) อง.ฺ ทกุ . (ไทย) ๒๐/๓๑/๗๕. อานาจประโยชน์ หมายถึงเหตุท้ังหลาย
อง.ฺ ทุก.อ. (บาลี) ๒/๓๑/๓.
อทุฏฐฺ ลุ ลฺ าปตตฺ ิ (อาบตั ิไม่ชวั่ หยาบ) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๑๒๙/๑๑๖. อาบัตไิ มช่ ัว่ หยาบ คืออาบัติ ๕
อย่างท่ีเหลือ วิ.อ. (บาล)ี ๓/๒๙๙/๔๘๓-๔๘๕
อทุตยิ (ไมเ่ ปน็ ทส่ี อง) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๗๔/๒๓. ไม่เป็นทส่ี อง หมายถึงไม่มีพุทธเจ้าองค์ท่ีสอง
(ในโลกธาตเุ ดยี วกัน) กล่าวคือไม่มพี ระสพั พญั ญูพุทธเจ้า ผบู้ าเพ็ญบารมี ๔ อสงไขย แสน
กัป ๘ อสงไขย แสนกัป หรือ ๑๖ อสงไขย แสนกปั กาจัดยอดแห่งมาร ๓ จาพวก รู้แจ้ง
พระสัพพญั ญตุ ญาณ อง.ฺ เอกก.อ. (บาลี) ๑/๑๗๔/๑๐.
๓๖๖ ผศ.ดร.วิโรจน์ คุม้ ครอง
อธมมฺ ราครตฺต (ยนิ ดีด้วยความยนิ ดีทีไ่ มช่ อบธรรม) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๕๗/๒๒๐. ยินดีด้วยความ
ยินดที ไี่ มช่ อบธรรม หมายถงึ ความยนิ ดีในบรขิ ารของผอู้ ่นื อง.ฺ ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๕๗/๑๕.
อธิกรณ (อธิกรณ์) อง.ฺ ทุก. (ไทย) ๒๐/๑๕/๖๗. อธิกรณ์ ในทีน่ ีห้ มายถึงเรื่องที่สงฆ์ต้องดาเนินการมี
๔ อยา่ ง คอื ววิ าทาธกิ รณ์ การเถียงกันเก่ียวกับพระธรรมวินัย อนุวาทาธิกรณ์ การโจท
หรือกลา่ วหากันด้วยอาบัติ อาปัตตาธิกรณ์ การตอ้ งอาบัติ การปรับอาบัติ และการแก้ไข
ตัวเองใหพ้ ้นจากอาบตั ิ กิจจาธิกรณ์ กจิ ธรุ ะตา่ ง ๆ ทส่ี งฆจ์ ะตอ้ งทา เช่น ให้อุปสมบท ให้
ผ้ากฐิน เป็นตน้ อง.ฺ ทกุ .อ. (บาล)ี ๒/๑๕/๑๒, องฺ.ทกุ .ฏีกา (บาล)ี ๒/๑๕/๑.
อธิกรณ (อธกิ รณ์) อง.ฺ ทุก. (ไทย) ๒๐/๕๑/๙๕. อธกิ รณ์ ในทน่ี ีห้ มายถึงเรอ่ื งที่สงฆ์ต้องดาเนินการมี
๔ อยา่ ง คอื วิวาทาธิกรณ์ การเถยี งกันเก่ยี วกบั พระธรรมวินัย อนุวาทาธิกรณ์ การโจทย์
หรือกลา่ วหากันด้วยอาบตั ิ อาปัตตาธิกรณ์ การตอ้ งอาบตั ิ การปรับอาบัติ และการแก้ไข
ตัวใหพ้ น้ จากอาบัติ กิจจาธกิ รณ์ กจิ ธรุ ะตา่ ง ๆ ทส่ี งฆ์จะต้องทา เช่น ให้อุปสมบท ให้ผ้า
กฐิน เป็นตน้ องฺ.ทกุ .อ. (บาล)ี ๒/๑๕/๑๒, อง.ฺ ทุก.ฏกี า (บาล)ี ๒/๑๕/๑.
อธิจติ ตฺ (อธิจติ ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๐๓/๓๔๕. อธิจิต ในท่ีน้ีหมายถึงสมถวิปัสสนาจิต (จิตใน
สมถะและวิปัสสนา) องฺ.ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๑๐๓/๒๕.
อธิสีล (อธิศีล) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๒๘/๓๗๗. อธิศีล ในที่น้ีหมายถึงศีล ๑๐ ซ่ึงเรียกว่าอธิศีล
เพราะเทยี บศลี ๕ อง.ฺ ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๑๒๘/๒๖.
องคฺ ณ (กเิ ลสเพียงดงั เนนิ ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๕๙/๒๒๖. กิเลสเพียงดังเนิน กิเลสมีราคะเป็นต้น
ทา่ นเรยี กว่า (อังคณะ) เพราะยงั จติ ให้ตกต่า โน้มเอียงไปสู่ท่ีต่า เช่น ต้องย้อนไปสู่จตุตถ
ฌานอกี เป็นตน้ วิ.อ. (บาลี) ๓/๑๒/๑๕๕, สารตฺถ.ฏกี า (บาลี) ๑/๑๒/๔๗.
อนริยสุข (สุขของผู้ไม่ใช่พระอริยะ) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๗๐/๑๐๓. สุขของผู้ไม่ใช่พระอริยะ
หมายถึงสุขของปุถชุ น ไม่ใช่สุขของพระอรยิ บุคคล องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/๗๐/๖๑, องฺ.ทุก.
ฏกี า (บาลี) ๒/๖๘/๕.
อนวเสสาปตตฺ ิ (อาบัตทิ ่ีไม่มีสว่ นเหลือ) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๕๙/๒๑. อาบัติที่ไม่มีส่วนเหลือ คือ
ปาราชกิ อง.ฺ เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๑๕๐/๘.
อนวเสสาปตฺติ (อาบัติที่ไม่มีส่วนเหลือ) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๑๓๐/๑๑๖. อาบัติท่ีไม่มีส่วนเหลือ
หมายถึงอเตกิจฉา (อาบัติที่เยียวยาไม่ได้หรือแก้ไขไม่ได้) คือปาราชิก วิ.อ. (บาลี) ๓/
๒๙๙/๔๘๓-๔๘๕.
พจนานกุ รมศัพทเ์ ชงิ อรรถพระไตรปฎิ ก ๓๖๗
อนาสวสุข (สุขที่ไม่มีอาสวะ) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๖๘/๑๐๓. สุขท่ีไม่มีอาสวะ หมายถึงสุขที่มี
นิพพานเป็นอารมณ์ท่ไี มเ่ ปน็ ปจั จยั แก่อาสวะ องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/๖๘/๖๐, องฺ.ทุก.ฏีกา
(บาล)ี ๒/๖๘/๕.
อนุตตฺ ร (ประโยชน์ยอดเย่ยี ม) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๑๓๑/๓๘๐. ประโยชน์ยอดเย่ียม ในท่ีน้ีหมายถึง
อรหตั ผล หรอื อริยผลอนั เป็นท่ีสดุ แหง่ มัคคพรหมจรรย์ องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/๕/๗, ม.ม.อ.
(บาล)ี ๒/๘๒/๘.
อนุตฺตร (ประโยชน์ยอดเย่ียม) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๕/๖๑. ประโยชน์ยอดเยี่ยม ในท่ีน้ีหมายถึง
อรหตั ผล หรืออรยิ ผลอันเปน็ ที่สดุ แหง่ มรรคพรหมจรรย์ อง.ฺ ทุก.อ. (บาลี) ๒/๕/๗, ม.ม.อ.
(บาล)ี ๒/๘๒/๘.
อนตุ ฺตรโยคกเฺ ขม (ธรรมเป็นแดนเกษมจากโยคะที่ยอดเย่ยี ม) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๕/๖๑. ธรรมเป็น
แดนเกษมจากโยคะท่ยี อดเยยี่ ม หมายถึง อรหตั ผล หรือนพิ พาน อง.ฺ ทุก.อ. (บาลี) ๒/๕.
อนุปฺปตฺตสทตฺถ (บรรลุประโยชน์ตนโดยลาดับแล้ว) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๓๘/๑๙๗. บรรลุ
ประโยชนต์ นโดยลาดับแลว้ ในท่ีนี้หมายถึงบรรลุพระอรหตั ผล องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๓๘/
๑๓.
อนพุ ยฺ ญฺชนคคฺ าหี (แยกถือ) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๑๖/๑๕๙. แยกถือ หมายถึงมองภาพ ๒ ด้าน คือ
มองแยกแยะเป็นส่วน ๆ ไปดว้ ยอานาจกิเลส เช่น เห็นมือ เท้า ว่าสวยหรือไม่สวย เห็น
อาการยิ้มแยม้ หวั เราะ การพูด การเหลยี วซ้าย แลขวา ว่าน่ารักหรือไม่น่ารัก ถ้าเห็นว่า
สวยน่ารักก็เกิดอิฏฐารมณ์(อารมณ์ที่น่าปรารถนา) ถ้าเห็นว่าไม่สวยไม่น่ารักก็เกิด
อนฏิ ฐารมณ์ (อารมณท์ ีไ่ ม่น่าปรารถนา) อภ.ิ สงฺ.อ. (บาล)ี ๑๓๕๒/๔๕๖-๔๕.
อนุมาน (อนุมาน) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๖๖/๒๕๗. อนมุ าน ในทีน่ ี้หมายถึงคาดคะเนตามหลักเหตุผล
อง.ฺ ติก.อ. (บาล)ี ๒/๖๖/๒๐๓, อง.ฺ ติก.ฏกี า (บาลี) ๒/๖๖/๒๐.
อนุสย (อนุสัย) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๕๗๔/๕๒. อนุสัย มี ๗ คือ กามราคะ (ความกาหนัดในกาม)
ปฏิฆะ (ความขัดใจ) ทิฏฐิ (ความเหน็ ผิด) วิจิกิจฉา (ความลงั เลใจ) มานะ (ความถือตวั ) ภว
ราคะ (ความกาหนัดในภพ) อวชิ ชา (ความไม่รู้จริง) ที.ปา. (ไทย) ๑๑/๓๓๒/๓๓๗, องฺ.
สตตฺ ก. (ไทย) ๒๓/๑๑/๑.
อนฺตคาหิกทิฏฺ (อันตคาหิกทิฏฐิ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๕๑/๒๑๓. อันตคาหิกทิฏฐิ หมายถึง
ความเหน็ ผดิ แล่นไปสุดโตง่ ขา้ งใดข้างหนึ่ง มี ๑๐ ประการ คือ เห็นว่า โลกเที่ยง โลกไม่
เที่ยง โลกมีท่ีสุด โลกไม่มีทีส่ ุด ชีวะกับสรีระ เป็นอย่างเดียวกัน ชีวะกับสรีระเป็นคนละ
๓๖๘ ผศ.ดร.วโิ รจน์ คุ้มครอง
อยา่ งกัน หลงั จากตายไปตถาคตเกดิ อีก หลงั จากตายไปตถาคต ไมเ่ กิดอีก หลงั จากตายไป
ตถาคตเกิดอกี ก็มี ไม่เกิดอีกก็มี หลงั จากตายไป ตถาคตเกิดอีก ก็ไม่ใช่ ไม่เกิดอีกก็ไม่ใช่
อง.ทสก. (ไทย) ๒๔/๙๓/๒๓๐, องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๕๑/๑๕. ชีวะ ในท่ีนี้ หมายถึง
วญิ ญาณอมตะหรอื อาตมนั (Soul) อภ.ิ ปญฺจ.อ. (บาล)ี ๑/๑๒. ตถาคต ในที่น้เี ปน็ คาที่ลัทธิ
อื่น ๆ ใช้กันมาก่อนพุทธกาล หมายถึงอัตตา (อาตมนั ) ไมไ่ ด้หมายถึงพระพุทธเจ้า อรรถ
กถาอธิบายหมายถงึ สัตตะ ที.สี.อ. (บาลี) ๑/๖๕/๑๐.
อนฺตราปรนิ ิพฺพายี (อนั ตราปรินพิ พายี) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๘๘/๓๑๖. อันตราปรินิพพายี หมายถึง
พระอนาคามีผู้ปรินพิ พานในระหว่าง คือเกิดในสทุ ธาวาสภพใดภพหนึ่งแล้ว อายุยังไม่ถึง
ก่งึ ก็ปรินิพพาน มี ๓ จาพวก คอื พวกท่ี ๑ เกิดในสุทธาวาสชน้ั อวหิ าซงึ่ มอี ายุ ๑,๐๐๐ กัป
แตก่ ็บรรลุพระอรหัตผล ในวนั ท่เี กิด ถ้าไมบ่ รรลใุ นวันท่ีเกดิ ไดก้ บ็ รรลุไม่เกินภายใน ๑๐๐
กัป พวกท่ี ๒ เมื่อไม่สามารถบรรลุพระอรหตั ผล ในวนั ทีเ่ กิดได้ก็บรรลุไมเ่ กนิ ภายใน ๒๐๐
กปั พวกท่ี ๓ บรรลุพระอรหัตผล ไมเ่ กินภายใน ๔๐๐ กัป อภิ.ปุ. (ไทย) ๓๖/๓๖/๑๖๑,
อง.ฺ ติก.อ. (บาล)ี ๒/๘๘/๒๔.
อนโฺ ตชน (ชนภายใน) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๑๔/๑๕๔. ชนภายใน ในที่นห้ี มายถึงพระมเหสี พระราช
โอรส และพระราชธิดา อง.ฺ ติก.อ. (บาลี) ๒/๑๔/๘.
อนฺธการ (ที่มืด) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๑๖/๖๙. ท่ีมืด ในที่น้ีหมายถึงความมืดมีองค์ ๔ อย่าง คือ
ความมืดในวันแรม ๑๔ คา่ ความมืดในเวลาเที่ยงคืน ความมดื ในปาุ ทึบ ความมืดในเวลา
เมฆปกคลุม อง.ฺ ทุก.อ. (บาล)ี ๒/๑๖/๑.
อเนกธาตุ (ธาตหุ ลายชนิด) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๕๗๙/๕๓. ธาตุหลายชนิด หมายถึงธาตุ ๑๘ มี
จกั ขุธาตเุ ปน็ ตน้ องฺ.เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๕๗๗/๔๗๓, อภิ.ว.ิ (ไทย) ๓๕/๑๘๕/๑๕.
อเนกสารีริกปุญฺ ปฏิปทา (ปุญญปฏิปทาท่ีเกิดแก่หลายสรีระ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๖๑/๒๓๒.
ปญุ ญปฏิปทาทเ่ี กิดแก่หลายสรีระ หมายถงึ วิธีทาบุญท่ีคนคนเดียวให้ทานเองหรือใช้ ให้
ผู้อื่นใหท้ านแก่คนจานวนมาก หรอื คนจานวนมากใหท้ านเอง หรอื ใช้ให้ผูอ้ ืน่ ใหท้ านแก่คน
จานวนมากน้ี เปน็ ลทั ธภิ ายนอกพทุ ธศาสนา องฺ.ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๖๑/๑๖.
อปปฺ ฏปิ คุ คฺ ล (หาบุคคลเปรียบเทยี บมไิ ด้) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๗๒/๒๔. หาบุคคลเปรียบเทียบ
มิได้ หมายถึงไม่มีคู่แข่ง คือ ไม่มีใครอ่ืนท่ีจะกล้าปฏิญญาว่า เราเป็นพระพุทธเจ้า ได้
เหมือนพระตถาคต องฺ.เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๑๗๔/๑๐.
พจนานกุ รมศัพทเ์ ชงิ อรรถพระไตรปิฎก ๓๖๙
อปปฺ ฏภิ าค (ไม่มีผ้ทู ากิจเปรียบเทียบ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๗๔/๒๓. ไม่มีผู้ทากิจเปรียบเทียบ
หมายถงึ ไม่มีผูเ้ ทียมทาน คือไมม่ ีใครสามารถเปล่ยี นแปลงธรรมท่ีพระตถาคต แสดงไว้ได้
เช่น สตปิ ฏั ฐาน ๔ ประการท่ีทรงแสดงไว้ ไม่มีใครสามารถลดให้เหลือเป็น ๓ ประการ
หรอื เพิ่มให้เป็น ๕ ประการได้ อง.ฺ เอกก.อ. (บาลี) ๑/๑๗๔/๑๐๔-๑๐.
อปปฺ ฏมิ (ไม่มีอตั ภาพใดเหมอื น) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๗๔/๒๓. ไมม่ อี ัตภาพใดเหมอื น หมายถึงไม่
มอี ัตภาพอนื่ เหมือนอตั ภาพของพระพทุ ธเจ้า แม้ในสงิ่ ท่พี วกมนุษย์ใชเ้ งนิ หรือทองสร้างรูป
เหมือนนัน้ กไ็ ม่มีใครสามารถสร้างให้เหมอื นพระองคไ์ ดเ้ ลยแมแ้ ต่น้อย องฺ.เอกก.อ. (บาลี)
๑/๑๗๔/๑๐.
อปฺปฏิสม (ไมม่ ีใครเปรียบเทียบ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๗๔/๒๓. ไมม่ ใี ครเปรียบเทยี บ หมายถึงไม่
ว่าจะเป็นอัตภาพของผู้ใดก็ไม่สามารถจะเปรียบเทียบกับอัตภาพของพระพุทธเจ้า องฺ.
เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๑๗๔/๑๐.
อปฺปมตฺต (ไม่ประมาท) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๓๑/๓๘๐. ไม่ประมาท ในที่นี้หมายถึงไม่ละสติใน
กมั มฏั ฐาน ม.ม.อ. (บาลี) ๒/๘๒/๘.
อปฺปมาณวหิ ารี (อปั ปมาณวหิ ารี) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑๐๑/๓๓๗. อัปปมาณวิหารี หมายถึงผู้มี
ปกตอิ ยอู่ ยา่ งไม่มีราคะ โทสะ และโมหะซึ่งเป็นกิเลสท่ีแสดงลักษณะหรือจริตของบุคคล
คานี้เป็นชื่อของพระขีณาสพ องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๑๐๑/๒๕๓, องฺ.ติก.ฏีกา (บาลี) ๒/
๑๐๑/๒๔.
อปฺปมาณสมาธิ (อปั ปมาณสมาธิ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๙๑/๓๒๐. อัปปมาณสมาธิ หมายถึงสมาธิท่ี
สัมปยุตด้วยอรหตั มรรค อง.ฺ ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๙๑/๒๔.
อพหลุ กี ต (ไมท่ าให้มากแลว้ ) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๒๗/๕. ไม่ทาให้มากแล้ว หมายถึงไม่กระทา
บ่อย ๆ องฺ.เอกก.อ. (บาลี) ๑/๒๗/๔.
อพฺรหมฺ จารพี ฺรหฺมจารีปฏิญฺ า (ไม่ใช่พรหมจารแี ต่ปฏิญญาวา่ เปน็ พรหมจารี) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/
๑๓/๑๕๓. ไมใ่ ช่พรหมจารีแต่ปฏิญญาว่าเป็นพรหมจารี หมายถึงตนเองไม่มีศีล หมด
สภาพความเปน็ ภกิ ษุ แตย่ งั เรียกตนวา่ เป็นภิกษแุ ลว้ รว่ มอยู่ ร่วมฉันกับภิกษุอื่นผู้มีศีล ใช้
สิทธิ์ถือเอาลาภท่เี กดิ ขนึ้ ในสงฆ์ อง.ฺ ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๑๓/๘.
อภาวติ กาย (ไม่เจริญกาย) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๑๐๑/๓๓๗. ไม่เจริญกาย ในท่ีน้ีหมายถึงไม่เจริญ
กายานุปัสสนา คือการพิจารณาอาการทไี่ มส่ วยไม่งาม และไม่เท่ียงแห่งกายเป็นต้น องฺ.
ติก.อ. (บาล)ี ๒/๑๐๑/๒๕๓, อง.ฺ ตกิ .ฏีกา (บาล)ี ๒/๑๐๑/๒๔.
๓๗๐ ผศ.ดร.วโิ รจน์ คุ้มครอง
อภิญฺ าย (รู้ยงิ่ แล้ว) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๑๒๖/๓๗๓. รู้ย่ิงแล้ว ในที่นหี้ มายถงึ ทรงรขู้ นั ธ์ ๕ อายตนะ
๑๒ ธาตุ ๑๘ อนิ ทรีย์ ๒๒ อรยิ สัจ ๔ เหตุ ๙ ผสั สะ ๗ เวทนา ๗ เจตนา ๗ สัญญา ๗ จิต
๗ และสติปฏั ฐาน ๔ เปน็ ตน้ อง.ฺ ติก.อ. (บาลี) ๒/๑๒๖/๒๖.
อมตธาตุ (อมตธาตุ) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๑๓๑/๓๘๐. อมตธาตุ หมายถึงนพิ พาน องฺ.เอกก.อ. (บาลี)
๑/๖๐๐-๖๑๑/๔๘๐, องฺ.จตกุ ฺก.อ. (บาลี) ๒/๔๘/๓๔.
อมาตาปุตฺตกิ ภย (อมาตาปุตตกิ ภยั ) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๖๓/๒๔๔. อมาตาปุตติกภัย หมายถึงภัยที่
เมอื่ เกิดขน้ึ แล้ว มารดาและบุตรไม่สามารถจะเป็นท่ีพ่งึ แก่กนั ได้ ไม่สามารถจะพบเห็นกัน
ได้ อง.ฺ ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๖๓/๑๘.
อรญฺ วนปตถฺ (ปุาโปรง่ และปุาทบึ ) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๓๑/๗๕. ปาุ โปร่งและปุาทึบ มีอธิบายดังน้ี
ปาุ โปรง่ (อรญฺ ) หมายถงึ ปุาอยู่นอกเสาหลักเมืองออกไปอย่างน้อยชั่ว ๕๐๐ ลูกธนู ปุา
ทึบ (วนปตฺถ) หมายถึงสถานที่ไม่มผี ู้คนอยอู่ าศัยเลยเขตหมู่บ้านไป องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/
๓๑/๓.
อริย าณทสฺสนวิเสส (ญาณทัสสนะท่ีประเสริฐอันสามารถ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๔๕/๘.
ญาณทสั สนะที่ประเสริฐอันสามารถ หมายถงึ มหัคคตโลกุตตรปัญญา (ปญั ญาช้ันโลกุตตระ
ที่ถงึ ความเปน็ ใหญ)่ อันประเสรฐิ บรสิ ทุ ธิ์ สงู สดุ สามารถกาจัดกิเลสได้ องฺ.ทสก.อ. (บาลี)
๓/๔๘/๓๕.
อรยิ สุข (สุขของพระอรยิ ะ) อง.ฺ ทุก. (ไทย) ๒๐/๗๐/๑๐๓. สุขของพระอริยะ หมายถึงสุขท่ีไม่ใช่
ของปุถุชน เปน็ สขุ ของพระอริยบุคคล ๘ จาพวก องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/๗๐/๖๑, องฺ.ทุก.
ฏีกา (บาลี) ๒/๖๘/๕.
อวชิ านนตฺ า (ไม่รู้แจ้ง) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๕๘/๒๒๔. ไม่รู้แจง้ ในท่นี ้หี มายถึงไมร่ ู้จกั นาบุญหรือเขต
บญุ องฺ.ติก.อ. (บาล)ี ๒/๕๘/๑๖.
อวินิปาตธมมฺ (ไม่มีทางตกตา่ ) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๘๖/๓๑๓. ไม่มีทางตกต่า หมายถึงไม่ตกไปใน
อบาย ๔ คือ นรก กาเนิดสัตว์ดิรัจฉาน แดนเปรต และพวกอสูร องฺ.ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๘๗/
๒๔.
อสงฺขารปรินิพพายี (อสังขารปรินิพพายี) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๘๘/๓๑๖. อสังขารปรินิพพายี
หมายถงึ พระอนาคามผี ้ปู รินพิ พานโดยไม่ตอ้ งใช้ความเพียรมาก อภิ.ปุ. (ไทย) ๓๖/๓๘/
๑๕๕, อง.ฺ ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๘๘/๒๔.
พจนานกุ รมศัพทเ์ ชิงอรรถพระไตรปิฎก ๓๗๑
อสทฺธมมฺ (อสัทธรรม) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๓๐๘/๔๐. อสัทธรรม ในท่ีนี้หมายถึงอกุศลกรรมบถ
๑๐ องฺ.เอกก.อ. (บาลี) ๑/๓๐๘/๔๒.
อสม (หาผเู้ สมอมิได้) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๗๒/๒๔. หาผู้เสมอมิได้ หมายถึงไม่มีสรรพสัตว์เท่ากับ
พระองค์ เพราะไมม่ ีบคุ คลจะเทา่ เทียมได้ องฺ.เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๑๗๔/๑๐.
อสมนฺตปญฺ า (มีปญั ญาสามารถยงิ่ ) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๕๙๙/๕๔. มีปัญญาสามารถยิ่ง ในท่ีน้ี
หมายถงึ ไดบ้ รรลอุ ัตถปฏิสัมภิทา ธมั มปฏิสมั ภิทา นิรุตติปฏิสัมภิทา ปฏิภาณปฏิสัมภิทา
อง.ฺ เอกก.อ. (บาลี) ๑/๕๘๔/๔๗.
อสมสม (เสมอกับบุคคลผู้หาผู้เสมอมิได้) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๗๒/๒๔. เสมอกับบุคคลผู้หาผู้
เสมอมิได้ หมายถึงทรงเป็นผู้เสมอกับพระสัพพัญญูพุทธเจ้าทั้งหลายท้ังในอดีต และ
อนาคต ซงึ่ หาผเู้ สมอมไิ ด้ องฺ.เอกก.อ. (บาลี) ๑/๑๗๔/๑๐.
อสมาธิสขุ (อสมาธสิ ขุ ) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๗๔/๑๐๔. อสมาธสิ ขุ หมายถึงสุขที่ยังไม่ถึงข้ันอัปปนา
สมาธิหรอื อุปจารสมาธิ องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/๗๔/๖.
อสหาย (ไมม่ ีสหาย) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๗๔/๒๓. ไมม่ สี หาย หมายถึงไม่มบี ุคคลทมี่ ีอัตภาพหรือ
ธรรมท่ีตรัสรูเ้ สมอเหมือน อง.ฺ เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๑๗๔/๑๐.
อสจุ ิ (ไมส่ ะอาด) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๑๓/๑๕๒. ไม่สะอาด ในที่น้หี มายถึงกายกรรม วจีกรรม และ
มโนกรรมไม่สะอาด (ฺอง.ฺ ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๑๓/๘.
อสภุ นมิ ติ ฺต (อสภุ นิมิต) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๖/๓. อสุภนิมิต หมายถึงสภาพอันไม่งามซ่ึงเป็น
อารมณ์สมถกมั มัฏฐานในช้ันปฐมฌาน คือ อทุ ธุมาตกะ ซากศพท่ีเน่าพองขึ้นอืด วินีลกะ
ซากศพทม่ี สี ีเขียวคลา้ คละด้วยสีต่างๆ วิปุพพกะ ซากศพที่มีน้าเหลือง ไหลเยิ้มตามท่ีที่
แตกปริออก วจิ ฉทิ ทกะ ซากศพที่ขาดจากกันเปน็ ๒ ท่อน วิกขายิตกะ ซากศพท่ีถูกสัตว์
จกิ ทงึ้ กดั กิน วกิ ขติ ตกะ ซากศพท่ีกระจุยกระจาย หตวิกขิตตกะ ซากศพที่ถูกสับฟันบั่น
เป็นท่อนๆ โลหิตกะ ซากศพท่ีมีโลหิตไหลอาบเร่ียราดอยู่ ปุฬุวกะ ซากศพท่ีมีหนอน
คลาคล่าเต็มไปหมด อัฏ ิกะ ซากศพทยี่ งั เหลอื อยูแ่ ต่ร่างกระดูก หรือกระดูกท่อน วิสุทฺธิ.
(บาลี) ๑/๑๐๒/๑๙.
อสฺมิมาน (อสั มมิ านะ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๕๗๔/๕๒. อัสมิมานะ หมายถึงความสาคัญตนเป็น
อยา่ งนัน้ อยา่ งนี้ มี ๙ ประการ คือ เปน็ ผเู้ ลิศกว่าเขา สาคัญตัวว่าเลิศกว่าเขา เป็นผู้เลิศ
กวา่ เขาสาคัญตวั ว่าเสมอเขา เป็นผู้เลิศกว่าเขาสาคัญตัว ว่าเลวกว่าเขา เป็นผู้เสมอเขา
สาคญั ตัววา่ เลิศกว่าเขา เปน็ ผู้เสมอเขาสาคัญตัวว่าเสมอเขา เป็นผู้เสมอเขาสาคัญตัวว่า
๓๗๒ ผศ.ดร.วิโรจน์ ค้มุ ครอง
เลวกวา่ เขา เปน็ ผู้เลวกวา่ เขาสาคัญตัววา่ เลศิ กวา่ เขา เปน็ ผู้เลว กว่าเขาสาคัญตัวว่าเสมอ
เขา เป็นผเู้ ลวกวา่ เขาสาคัญตัวว่าเลวกว่าเขา ขุ.ม. (ไทย) ๒๙/๑๗๘/๕๑๐, ขุ.จู. (ไทย)
๓๐/๑๐๓/๓๕๓, อภ.ิ วิ. (ไทย) ๓๕/๙๖๒/๖๕๕-๖๕๖ อง.ฺ เอกก.อ. (บาลี) ๑/๕๗๔/๔๗.
อสสฺ าชานีย (ม้าอาชาไนย) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๙๗/๓๓๐. มา้ อาชาไนย หมายถึงม้าที่เกิดในตระกูล
ม้าสินธพ หรือในตระกลู พญาม้าวลาหก ขุ.ธ.อ. (บาลี) ๒/๑๑. หรือ ม้ารู้เหตุท่ีควรและไม่
ควร อง.ฺ ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๑๔๓/๒๗.
อสฺสุตวปุถุชฺชน (ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๕๑/๙. ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ในท่ีน้ี
หมายถึงผู้ไมม่ ีปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ องฺ.เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๕๑/๕.
อเสกฺข (อเสขะ) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๕๘/๒๒๓. อเสขะ ในทีน่ หี้ มายถงึ ธรรมระดบั โลกุตตระของพระ
อเสขะ องฺ.ทสก.อ. (บาลี) ๓/๑๒/๓๒.
อเสข (ที่เปน็ ของพระอเสขะ) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๗๔/๒๙๖. ท่ีเป็นของพระอเสขะ หมายถึงศีล
สมาธิ และปญั ญาทเี่ ปน็ ระดับอรหัตผลของพระขีณาสพ องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๗๔/๒๒๕,
อง.ฺ ทสก.อ. (บาล)ี ๓/๑๑๒/๓๗.
อหงฺการ (อหงั การ) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๓๒/๑๘๔. อหงั การ หมายถึงทิฏฐิ องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๓๒/
๑๑.
อากปฺปสมฺปทา (อากปั กิรยิ า) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๓๘๑/๔๖. อากปั กริ ยิ า ในที่น้ีหมายถึงมารยาท
ในการรบั ปจั จยั ๔ มีจวี รเป็นตน้ อง.ฺ เอกก.อ. (บาลี) ๑/๓๖๖/๔๓.
อากาสานญฺจายตนฌาน (อากาสานญั จายตนฌาน) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๔๓๘/๔๙. อากาสานัญ
จายตนฌาน หมายถงึ ฌานทก่ี าหนดอากาศคือชอ่ งว่างอันหาท่สี ุดมิไดเ้ ปน็ อารมณ์ เป็นขั้น
ที่ ๑ ของอรปู ฌาน ๔ ที.ส.ี อ. (บาลี) ๑/๔๑๔/๓๐.
อากิญฺจ ญฺ ายตนฌาน (อากิญจัญญายตนฌาน ) องฺ. เอ กก. ( ไทย) ๒๐/๔๔๐/๔๙.
อากญิ จัญญายตนฌาน หมายถึงฌานทกี่ าหนดภาวะอนั ไม่มีอะไร (ความว่าง) เปน็ อารมณ์
ฌานนีเ้ รียกอกี อยา่ งหน่งึ ว่า สญั ญัคคะ (ที่สุดแห่งสญั ญา) เพราะเปน็ ภาวะสุดท้ายของการ
มีสัญญากล่าวคือผู้บรรลุอากิญจัญญายตนฌานแล้ว ขั้นต่อไปจะเข้าถึงเนวสัญญานา
สญั ญายตนฌานบ้าง เข้าถึงสญั ญานโิ รธบ้าง ที.ส.ี อ. (บาลี) ๑/๔๑๔/๓๐.
อาคตาคม (เรยี นจบคมั ภรี ์) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๒๐/๑๖๕. เรยี นจบคัมภรี ์ ในท่ีนห้ี มายถึงเรียนจบ
พระพทุ ธพจน์ คือพระไตรปิฎก ๕ นิกาย ได้แก่ ทีฆนิกาย มัชฌิมนิกาย สังยุตตนิกาย
อังคตุ ตรนกิ าย และขุททกนกิ าย อง.ฺ ติก.อ. (บาลี) ๒/๒๐/๙.
พจนานกุ รมศพั ท์เชิงอรรถพระไตรปฎิ ก ๓๗๓
อาปตตฺ ิ (อาบัติ) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๙๘/๑๐๙. อาบัติ ในท่ีนี้หมายถึงกองอาบัติ ๕ ที่มาในมาติกา
คอื ปาราชิก สงั ฆาทเิ สส ปาจติ ตีย์ ปาฏเิ ทสนียะ ทุกกฏ และกองอาบัติ ๗ ที่มาในวิภังค์
คอื ปาราชกิ สงั ฆาทเิ สส ถุลลัจจัย ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฏ ทุพภาสิต องฺ.ทุก.อ.
(บาล)ี ๒/๙๘/๖๓, ว.ิ อ. (บาลี) ๓/๒๗๑/๔๓.
อาปตตฺ ิวฏุ ฺ านกุสล (ฉลาดในการออกจากอาบัติ) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๙๘/๑๐๙. ฉลาดในการออก
จากอาบัติ หมายถึงการรวู้ ธิ ีออกจากอาบัติ ๒ วธิ ี คือ เทสนาวธิ ี ได้แก่ วิธีแสดงอาบัติหรือ
ปลงอาบตั ิ (ได้แก่ อาบัตถิ ลุ ลจั จยั ปาจิตตยี ์ ปาฏเิ ทสนียะ ทกุ กฏ ทพุ ภาสิต) กัมมวาจาวิธี
หรือ วุฏฐานวิธี ได้แก่ วิธีปฏิบัติสาหรับผู้จะเปลื้องตนออกจากอาบัติสังฆาทิเสส มี ๔
อยา่ ง คอื ปรวิ าส มานตั อพั ภาน และปฏกิ สั สนา อง.ฺ ทุก.อ. (บาลี) ๒/๙๘/๖.
อามสิ ทาน (อามิสทาน) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๑๔๒/๑๒๐. อามสิ ทาน หมายถึงการให้สิ่งของคือปัจจัย
๔ (จวี ร บณิ ฑบาต เสนาสนะ และเภสัช) องฺ.ทกุ .อ. (บาลี) ๒/๑๔๒/๖.
อารทธฺ วีริย (ปรารภความเพียร) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๘/๔. ปรารภความเพียร ในที่นี้หมายถึงมี
ความเพยี รที่บริบูรณ์และมีความเพียรที่ประคบั ประคองไวส้ มา่ เสมอ ไม่หยอ่ นนัก ไมต่ งึ นัก
ไมใ่ หจ้ ติ ปรงุ แต่งภายใน ไม่ให้ฟูุงซ่านภายนอก คาว่า ความเพียร ในท่ีน้ีหมาย เอาทั้ง
ความเพยี รทางกาย เช่น เพียรพยายามทางกายตลอดคืนและวัน ดุจในประโยคว่า ภกิ ษใุ น
ธรรมวนิ ยั นี้ชาระจิตให้บริสุทธ์ิจากธรรมที่กั้นจิตไม่ให้บรรลุความดีด้วยการเดินจงกรม
ด้วยการนั่งตลอดวัน อภิ.วิ. (ไทย) ๓๕/๕๑๙/๔๑. และ ความเพียรทางจิต เช่นเพียร
พยายามผูกจติ ไวด้ ้วยการกาหนดสถานทีเ่ ปน็ ต้น ดุจในประโยคว่า เราจะไม่ออกจากถ้านี้
จนกวา่ จติ ของเราจะหลุดพน้ จากอาสวะไม่ถอื ม่นั ด้วยอุปาทาน องฺ.เอกก.อ. (บาลี) ๑/๑๘/
๔.
อาวลิ ตตฺ (จิตท่ขี ุน่ มวั ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๔๕/๘. จิตทข่ี ่นุ มวั หมายถงึ จิตทถี่ ูกนิวรณ์ ๕ ครอบงา
อง.ฺ เอกก.อ. (บาลี) ๑/๔๕/๕.
อาสว (อาสวะ) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๑๐๙/๑๑๑. อาสวะ หมายถงึ กเิ ลสทั้งหลาย อง.ฺ ทุก.อ. (บาลี) ๒/
๑๐๙/๖.
อาสว (อาสวะทงั้ หลาย) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๙๔/๓๒๗. อาสวะทั้งหลาย หมายถึงอาสวะ ๔ คือ
กามาสวะ ภวาสวะ ทิฏฐาสวะ และอวิชชาสวะ อง.ฺ ติก.อ. (บาล)ี ๒/๙๔/๒๘.
อาเสวติ (เสพ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๕๓/๑๐. เสพ ในท่ีน้ีหมายถึงการนึกหน่วง การรู้ เห็น
พิจารณา อธิษฐานจิต นอ้ มใจเช่ือ ประคองความเพียร ตั้งสติไว้ ต้ังจิตไว้ กาหนดรู้ด้วย
๓๗๔ ผศ.ดร.วโิ รจน์ ค้มุ ครอง
ปัญญา รยู ่ิงธรรมทีค่ วรร้ยู ง่ิ กาหนดรูธรรมทีค่ วรกาหนดรู้ ละธรรมทีค่ วรละ เจริญธรรมที่
ควรเจริญ ทาใหแ้ จง้ ธรรมทคี่ วรทาให้แจ้ง ในทน่ี หี้ มายเอาการเสพโดยมุ่งแผ่ประโยชน์ไป
โดยมเี มตตาจิตเป็นเบอ้ื งตน้ องฺ.เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๕๓/๖.
อิติ (เบอื้ งบน) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๖๔/๒๕๐. เบอื้ งบน หมายถึงเทวโลก วิสุทฺธิ.มหาฏีกา (บาลี) ๑/
๒๕๔/๔๓.
อิทฺธิปาฏหิ ารยิ (อทิ ธิปาฏหิ าริย์) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๖๑/๒๓๓. อิทธิปาฏิหาริย์ ในท่ีนี้หมายถึงการ
ไปและ มาทางอากาศเพ่อื ภิกขาจาร อง.ฺ ติก.อ. (บาล)ี ๒/๖๑/๑๖.
อินฺทฺริย (อนิ ทรีย์) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๒๓๐/๒๙. อนิ ทรยี ์ ในที่นห้ี มายถงึ อินทรีย์ ๖ หรืออายตนะ
ภายใน ๖ (ตา หู จมูก ลิน้ กาย และใจ) พระนนั ทะเป็นผู้สารวมระวงั การเหน็ รูป ฟังเสียง
ดมกล่ิน ลิม้ รส ถูกตอ้ งโผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ ที.ปา. (ไทย) ๑๑/๓๒๓/๓๑๕-๓๑๖,
ม.อ.ุ (ไทย) ๑๔/๓๐๕/๓๗๒-๓๗๓, อภ.ิ ว.ิ (ไทย) ๓๕/๒๒๙/๒๓.
อนิ ฺทฺรยิ (อินทรีย์) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๑๖๙/๑๒๗. อนิ ทรีย์ ในทน่ี ี้หมายถงึ อายตนะภายใน ๖ คือ ตา
หู จมกู ล้นิ กาย และใจ องฺ.เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๒๓๐/๒๘.
อชุ มุ คฺคานสุ ารี (ผปู้ ฏบิ ัติตามทางสายตรง) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๘๖/๓๑๒. ผ้ปู ฏบิ ัตติ ามทางสายตรง
ในทีน่ หี้ มายถึงอริยมรรค องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๘๖/๒๔.
อุตฺตรนิ สิ สฺ รณ (การสลัดออกอยา่ งยอดเย่ียม) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๖๗/๒๖๙. การสลัดออกอย่าง
ยอดเย่ียม หมายถงึ นิโรธสัจ องฺ.ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๖๗/๒๐.
อุตฺตริมนุสฺสธมฺม (อุตตริมนุสสธรรม) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๖๑/๒๓๓. อุตตริมนุสสธรรม ในท่ีน้ี
หมายถึงฌาน วปิ ัสสนา มรรค และผล มหัคคตโลกุตตรปัญญาท่ีสามารถกาจัดกิเลสได้
เปน็ ธรรมทยี่ ิ่งกว่าธรรมของมนษุ ย์ กลา่ วคือกศุ ลกรรมบถ ๑๐ ประการ องฺ.เอกก.อ. (บาลี)
๑/๔๕/๕๑, องฺ.ทสก.อ. (บาลี) ๓/๔๘/๓๕.
อทุ ธฺ มธ (เบอ้ื งล่าง) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๖๔/๒๕๐. เบ้ืองล่าง หมายถึงสัตว์นรกและนาค วิสุทฺธิ.
มหาฏกี า (บาลี) ๑/๒๕๔/๔๓.
อุทฺธโสโตอกนฏิ ฺ คามี (อุทธงั โสโตอกนิฏฐคามี) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๘๘/๓๑๖. อุทธังโสโตอกนิฏฐ
คามี หมายถงึ พระอนาคามผี มู้ กี ระแสในเบือ้ งบนไปสูอ่ กนิฏฐภพ คือเกิดในสุทธาวาส ภพ
ใดภพหนงึ่ แลว้ ก็จะเกิดเลื่อนต่อไปจนถึงอกนิฏฐภพแล้วจึงปรินิพพานในภพนั้น อภิ.ปุ.
(ไทย) ๓๖/๔๐/๑๖๒, อง.ฺ ติก.อ. (บาล)ี ๒/๘๘/๒๔.
พจนานกุ รมศัพทเ์ ชิงอรรถพระไตรปิฎก ๓๗๕
อปุ กกฺ เิ ลส (อปุ กิเลส) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๔๙/๙. อุปกิเลส มี ๑๖ ประการ มีอภิชฌาวิสมโลภะ
(ความโลภไมส่ ม่าเสมอคือความเพ่งเลง็ อยากได้ของของผู้อ่ืน) เป็นต้น ม.มู. (ไทย) ๑๒/
๗๑/๖๓-๖.
อุปฏฺ านสาร (การบาบวง) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๗๙/๓๐๓. การบาบวง หมายถึงการบนบาน, เซ่น
สรวง, บูชา ในทน่ี ี้หมายถงึ การถือเอาสาระตามท่ีปรากฏว่า นี้มีแก่นสาร เป็นส่ิงท่ีดี ให้
สาเรจ็ ประโยชน์ได้ อง.ฺ ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๗๙/๒๒๘, องฺ.ติก.ฏีกา (บาลี) ๒/๗๙/๒๓.
อปุ ทฺทว (อปุ ัททวะ) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๑/๑๓๙. อุปัททวะ ในที่น้ีหมายถึงภาวะที่จิตฟุูงซ่าน เช่น
เมือ่ รูว้ า่ โจรจะปล้นก็เกิดความระส่าระสายพยายามจะหนีพร้อมกับขนข้าวของไปด้วย
เทา่ ทพี่ อจะตดิ มือไปได้ อง.ฺ ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๑/๗.
อุปธิ (อปุ ธิ) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๑/๕๙. อุปธิ หมายถึงเบญจขันธ์ กิเลส และอภิสังขาร องฺ.ทุก.อ.
(บาล)ี ๒/๒.
อุปธิสขุ (สุขท่ีมีอปุ ธิ) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๖๗/๑๐๒. สุขทีม่ ีอุปธิ หมายถงึ สขุ เจือกิเลสท่ีเป็นไปในภูมิ
๓ (กามาวจร, รปู าวจร, อรปู าวจร) เปน็ สขุ ระดับโลกยิ ะ องฺ.ทกุ .อ. (บาล)ี ๒/๖๗/๖.
อปุ สคฺค (อุปสรรค) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๑/๑๓๙. อุปสรรค ในที่น้ีหมายถึงอาการท่ีมีความขัดข้อง
เช่น การถกู โจรลอ้ มบ้านจุดไฟปิดประตูไม่ให้หนีไปได้ แล้วฆ่าปล้นเอาทรัพย์ทั้งหมดไป
องฺ.ติก.อ. (บาล)ี ๒/๑/๗.
อุปหจฺจปรินิพฺพายี (อุปหัจจปรินิพพายี) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๘๘/๓๑๖. อุปหัจจปรินิพพายี
หมายถงึ พระอนาคามผี ูเ้ กิดในสทุ ธาวาสภพใดภพหนึ่งแล้วจวนจะถึงปรินิพพาน คืออายุ
พน้ ก่งึ แลว้ จวนจะถงึ ส้นิ อายุจงึ ปรินพิ พาน อภ.ิ ป.ุ (ไทย) ๓๖/๓๗/๑๖๑, องฺ.ติก.อ. (บาลี)
๒/๘๘/๒๔.
อุเปกฺขานมิ ิตฺต (อเุ บกขานิมติ ) อง.ฺ ติก. (ไทย) ๒๐/๑๐๓/๓๔๕. อุเบกขานิมิต หมายถึงสภาวะเป็น
กลาง ๆ (มชั ฌัตตภาวะ) ท่ีเป็นเหตุ องฺ.ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๑๐๓/๒๕.
อุเปกฺขารมมฺ ณสุข (สุขที่เกดิ จากฌานมอี ุเบกขาเป็นอารมณ์) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๗๖/๑๐๕. สุขท่ี
เกิดจากฌานมอี ุเบกขาเป็นอารมณ์ หมายถึงสุขที่เกิดแก่ผู้พิจารณาฌานท่ี ๔ มีอุเบกขา
เปน็ อารมณ์ อง.ฺ ทุก.อ. (บาลี) ๒/๗๓,๗๕/๖.
อุเปกขฺ าสุข (สขุ ท่เี กดิ จากอุเปกขา) องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๗๓/๑๐๔. สุขที่เกิดจากอุเบกขา หมายถึง
สุขในจตุตถฌาน อง.ฺ ทกุ .อ. (บาล)ี ๒/๗๓/๖.
๓๗๖ ผศ.ดร.วิโรจน์ ค้มุ ครอง
อภุ โตภาควมิ ุตฺต (อภุ โตภาควิมุต) อง.ฺ ทกุ . (ไทย) ๒๐/๔๙/๙๒. อุภโตภาควิมุต หมายถึงผู้บาเพ็ญ
สมถกัมมฏั ฐานจนไดอ้ รปู สมาบัติ และใช้สมถะเป็นพื้นฐานในการบาเพ็ญวิปัสสนาจนได้
บรรลุอรหัตผล องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/๔๙/๕๕, องฺ.สตฺตก.อ. (บาลี) ๓/๑๔/๑๖๐,
องฺ.นวก.อ. (บาล)ี ๓/๔๕/๓๑.
อภุ โตโลหติ กปุ ธาน (หมอนสแี ดงวางไวท้ ง้ั ๒ ข้าง) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๓๕/๑๙๐. หมอนสีแดงวาง
ไว้ท้งั ๒ ขา้ ง นี้หมายถึงหมอนท่ใี ช้สาหรับหนนุ ศีรษะ ๑ ใบ และใชห้ นนุ เท้า ๑ ใบ วางไว้
สว่ นศีรษะและสว่ นเทา้ วิ.อ. (บาลี) ๓/๒๕๔/๑๖๙-๑๗.
เอกธมมฺ (ธรรมอันเปน็ เอก) อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๒๐/๒๙๖/๓๗. ธรรมอนั เป็นเอก ในที่น้ีหมายถึงธรรม
ท่มี ีสภาวะเป็นหนง่ึ (เอกสภาวะ) ศัพท์ว่า ธรรม นี้มีความหมายว่า สภาวะ ดุจในคาว่า
กสุ ลา ธมฺมา (สภาวะทีเ่ ป็นกุศล) เป็นต้น องฺ.เอกก.อ. (บาลี) ๑/๒๙๖/๔๑๘, องฺ.เอกก.
ฏีกา (บาล)ี ๑/๒๙๖/๒๗.
เอกพชี ี (เอกพชี โี สดาบัน) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๘๘/๓๑๕. เอกพีชีโสดาบัน หมายถงึ ผมู้ ีพืชคอื อัตภาพ
เดียว คอื เกดิ อีกครั้งเดยี วกจ็ ะบรรลุพระอรหตั อภ.ิ ปุ. ๓๖/๓๓/๑๖๐, องฺ.ตกิ .อ. (บาลี) ๒/
๘๘/๒๔๒, องฺ.ตกิ .ฏีกา (บาล)ี ๒/๘๘/๒๓.
เอกมนตฺ (ทส่ี มควร) องฺ.ทกุ . (ไทย) ๒๐/๑๖/๖๙. ทีส่ มควร (เอกมนฺต) ในท่ีน้ีหมายถึงที่เหมาะสม
คอื เวน้ โทษ ๖ ประการ ได้แก่ ไกลเกินไป ใกล้เกินไป อยเู่ หนอื ลม สูงเกินไป อยู่ตรงหน้า
เกนิ ไป อยู่ขา้ งหลงั เกนิ ไป องฺ.ทกุ .อ. (บาล)ี ๒/๑๖/๑.
เอกโลกธาตุ (โลกธาตเุ ดยี วกัน) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๒๗๗/๓๔. โลกธาตเุ ดียวกัน หมายถึงจักรวาล
เดียวกัน องฺ.เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๒๗๗/๔๑.
เอตทคคฺ (เอตทคั คะ) องฺ.เอกก. (ไทย) ๒๐/๑๘๘/๒๕. เอตทัคคะ ในท่ีนหี้ มายถงึ เป็นยอดบ้าง เป็นผู้
ประเสริฐที่สดุ บา้ ง องฺ.เอกก.อ. (บาล)ี ๑/๑๘๘/๑๑.
เอวทิฏฺ (มีทิฏฐอิ ยา่ งน)ี้ องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๑๑๔/๓๕๗. มีทิฏฐิอย่างนี้ ในที่นี้หมายถึงลัทธิความ
เชื่อถือ องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๖๖/๒๐.
เอววาที (มีวาทะอยา่ งน้)ี องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๑๑๔/๓๕๗. มวี าทะอย่างน้ี ในที่นี้หมายถึงลัทธิความ
เช่อื ถอื อง.ฺ ตกิ .อ. (บาล)ี ๒/๖๖/๒๐.
โอกฺกมน (โอกกมนธรรม) องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๙๖/๓๒๙. โอกกมนธรรม หมายถึงนิวรณ์ ๕ องฺ.
ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๙๖/๒๔.
พจนานกุ รมศพั ท์เชงิ อรรถพระไตรปิฎก ๓๗๗
โอปปาตกิ (โอปปาติกะ) องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๘๗/๓๑๔. โอปปาติกะ หมายถึงสัตว์ท่ีเกิดและเติบโต
เตม็ ทท่ี นั ที และเมือ่ จุติ (ตาย) กห็ ายวบั ไปไม่ท้งิ ซากศพไว้ เช่น เทวดาและสัตว์นรก เป็น
ตน้ ท.ี สี.อ. (บาลี) ๑/๑๗๑/๑๔. แต่ในทน่ี ีห้ มายถึงพระอนาคามที ่เี กิดใน สทุ ธาวาส (ที่อยู่
ของท่านผู้บรสิ ทุ ธ์)ิ ๕ ชัน้ มชี ัน้ อวหิ าเป็นตน้ แล้วดารงภาวะอยู่ในชั้นนน้ั ๆ ปรินพิ พานส้ิน
กิเลสในสุทธาวาสน่ันเองไมก่ ลบั มาเกิดเปน็ มนษุ ย์อกี อง.ฺ ติก.อ. (บาลี) ๒/๘๗-๘๘/๒๔๒-
๒๔.
โอหิตภาร (ปลงภาระได้แลว้ ) อง.ฺ ตกิ . (ไทย) ๒๐/๓๘/๑๙๗. ปลงภาระได้แล้ว ในที่น้ีหมายถึงปลง
ขันธภาระได้ ปลงกิเลสภาระได้ และปลงอภิสังขารภาระได้ องฺ.ติก.อ. (บาล)ี ๒/๓๘/๑๓.
๓๗๘ ผศ.ดร.วิโรจน์ คุ้มครอง
พจนานกุ รมศพั ทเ์ ชิงอรรถพระไตรปฎิ ก
พระสุตตันตปฎิ กเลม่ ที่ ๒๑
กงขฺ ี (มคี วามสงสยั ) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๑๘๔/๒๖๒. มีความสงสัย ในที่น้ีหมายถึงสงสัยในฐานะ
๘ ประการ คอื พทุ ธคณุ ธรรมคณุ และสังฆคณุ สกิ ขา เบ้ืองต้น เบื้องปลาย ท้ังเบื้องต้น
และเบ้ืองปลาย และปฏิจจสมปุ บาท องฺ.จตุกฺก.อ. (บาลี) ๒/๑๘๔/๔๐.
กฏฺ ตฺถ (ประโยชน์เปน็ เคร่อื งเรือน) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๙๕/๑๔๔. ประโยชน์เป็นเคร่ืองเรือน
ในที่น้ีหมายถงึ นาไปใช้เปน็ ไม้กลอน เสา และบนั ไดทค่ี ดเปน็ ตน้ กไ็ ม่ได้ อง.ฺ จตกุ ฺก.อ. (บาลี)
๒/๙๔/๓๖.
กณหฺ กมฺม (กรรมดา) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๒๓๒/๓๔๕. กรรมดา ในท่ีน้ีหมายถึงอกุศลกรรมบถ
๑๐ ประการ ที.ปา. (ไทย) ๑๑/๓๖๐/๔๓๑, องฺ.จตกุ ฺก.อ. (บาลี) ๒/๒๓๒/๔๔.
กณฺหวปิ าก (วบิ ากดา) อง.ฺ จตุกกฺ . (ไทย) ๒๑/๒๓๒/๓๔๕. วบิ ากดา คือ มีผลนาสัตว์ให้เกิดในอบาย
(ทางเสอ่ื ม) มี ๔ ประการ คือ นิรยะ นรก, ภาวะเร่าร้อนกระวนกระวาย ติรัจฉานโยนิ
กาเนดิ สตั วด์ ริ จั ฉาน ปิตตวิ ิสยั แดนเปรต อสุรกาย พวกอสรู องฺ.จตุกกฺ .อ. (บาลี) ๒/๒๓๒/
๔๔.
กปฺป (กัป) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๑๒๓/๑๘๗. กัป ในท่ีน้ีหมายถึงกาลกาหนด ช่วงระยะเวลา
ยาวนานเหลอื เกินท่กี าหนดว่า โลกคือสกลจักรวาลประลัยครัง้ หน่งึ
กปปฺ ิย (กปั ปยิ ะ) อง.ฺ จตุกกฺ . (ไทย) ๒๑/๑๒๒/๑๘๕. กัปปิยะ หมายถึงสิ่งท่ีสมควรแก่ภิกษุบริโภค
ของทส่ี มควรแกภ่ กิ ษุบริโภคใช้สอย คอื พระพทุ ธเจ้าทรงอนุญาตให้ภิกษใุ ช้หรือฉันได้ เช่น
ขา้ วสุก จวี ร ร่ม ยาแดง
กรีส (กรสี ) อง.ฺ จตกุ ฺก. (ไทย) ๒๑/๓๓/๕๑. กรีส หมายถงึ อุจจาระ
กลฺยาณธมมฺ (กลั ยาณธรรม) อง.ฺ จตกุ ฺก. (ไทย) ๒๑/๙๑/๑๓๙. กัลยาณธรรม หมายถึงธรรมดีหรือ
ธรรมที่สะอาด เพราะกาจัดธรรมท่ไี ม่สะอาดมีราคะเป็นต้นได้ องฺ.ทุก.อ. (บาลี) ๒/๔๙/
๕๕, อง.ฺ จตกุ ฺก.อ. (บาล)ี ๒/๗๘/๓๖๑, องฺ.จตุกฺก.ฏีกา (บาลี) ๒/๗๘/๓๙๓ -อีกนัยหนึ่ง
หมายถึงเบญจธรรม ธรรม ๕ ประการ คอื เมตตากรุณา สมั มาอาชีวะ กามสังวร (สารวม
พจนานกุ รมศัพท์เชิงอรรถพระไตรปิฎก ๓๗๙
ในกาม) สัจจะ สติสัมปชญั ญะ บางแหง่ วา่ แปลกไปบางขอ้ คอื ทาน สทารสันโดษ (พอใจ
เฉพาะภรรยาของตน) อัปปมาทะ (ความไม่ประมาท) และธรรม ๕ ประการนี้ควร
ประพฤตคิ ูก่ ันไปกับการรักษาเบญจศีล
กสมฺพุชาต (หยากเยอ่ื ) อง.ฺ จตกุ ฺก. (ไทย) ๒๑/๒๔๓/๓๖๐. หยากเยือ่ ในท่ีนี้หมายถึงหยากเย่ือคือ
กเิ ลสมรี าคะเปน็ ต้น อง.ฺ ติก.อ. (บาล)ี ๒/๑๓/๘.
กาม (กาม) อง.ฺ จตกุ กฺ . (ไทย) ๒๑/๑๐/๑๖. กาม ในที่นี้หมายถึงวัตถุกาม องฺ.จตุกฺก.อ. (บาลี) ๒/
๑๐/๒๘.
กาม (กาม) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๑๘๕/๒๖๕. กาม ในที่น้ีหมายถึงวัตถุกามและกิเลสกาม องฺ.
จตุกฺก.อ. (บาล)ี ๒/๑๘๕/๔๐.
กามโภคี (ผบู้ ริโภคกาม) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๖๑/๑๐๕. ผบู้ รโิ ภคกาม ในที่นี้หมายถึงผู้เสพวัตถุ
กาม กเิ ลสกาม (หมายเอาผ้อู ยู่ครองเรือน) อง.ฺ จตุกฺก.อ. (บาล)ี ๒/๖๒/๓๕.
กามโภคี (กามโภคีบุคคล) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๑๕/๒๗. กามโภคีบุคคล หมายถึงคฤหัสถ์ผู้อยู่
ครองเรือน ในท่ีนห้ี มายถึงพระเจา้ มันธาตผุ ู้บริโภคกามคณุ ๕ ท้ังที่เป็นทิพย์และเป็นของ
มนษุ ย์ อง.ฺ จตกุ กฺ .อ. (บาล)ี ๒/๑๕/๒๙.
กามเสน (การใฝุกาม) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๓๘/๖๓. การใฝกุ าม หมายถงึ ละได้ด้วยอนาคามิมรรค
อง.ฺ จตุกฺก.อ. (บาล)ี ๒/๓๘/๓๓.
กาย (กาย) อง.ฺ จตกุ ฺก. (ไทย) ๒๑/๑๗๑/๒๓๙. กาย ในท่ีนี้หมายถึงกายทวาร ได้แก่ กายวิญญัติ
(ความเคลื่อนไหวร่างกายให้รู้ความหมาย เช่น ส่ันศีรษะ โบกมือ ขยิบตา ดีดนิ้ว) องฺ.
จตกุ ฺก.อ. (บาลี) ๒/๑๗๑/๓๙.
กาย (กาย) อง.ฺ จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๑๘๙/๒๗๓. กาย ในท่ีนี้หมายถงึ นามกาย อง.ฺ จตกุ ฺก.อ. (บาลี) ๒/
๑๘๙/๔๐.
กายปรยิ นตฺ ิก (มีกายเป็นทส่ี ุด) องฺ.จตุกกฺ . (ไทย) ๒๑/๑๙๕/๒๙๕. มีกายเปน็ ที่สุด หมายถึงเวทนาที่
เปน็ ไปในทวาร ๕ คือ ตา หู จมูก ล้ิน กายยังเป็นไปอยู่ตราบเท่าที่กายคือทวาร ๕ ยัง
เป็นไปอยู่ องฺ.จตุกฺก.อ. (บาลี) ๒/๑๙๕/๔๑.
กายสงฺขาร (กายสังขาร) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๑๗๑/๒๓๙. กายสังขาร หมายถึงสภาพปรุงแต่ง
การกระทาทางกาย หรือกายสญั เจตนา คือความจงใจทางกาย องฺ.ติก.อ. (บาลี) ๒/๒๓/
๑๐.
๓๘๐ ผศ.ดร.วิโรจน์ คมุ้ ครอง
กายสงฺขาร (กายสังขาร) องฺ.จตกุ กฺ . (ไทย) ๒๑/๒๓๓/๓๔๖. กายสังขาร หมายถึงสภาพปรุงแต่ง
การกระทาทางกายหรือกายสัญเจตนา คือ ความจงใจทางกาย องฺ. ตกิ .อ. (บาลี) ๒/๒๓/
๑๐.
กายสญฺเจตนา (กายสัญเจตนา) องฺ.จตกุ ฺก. (ไทย) ๒๑/๑๗๑/๒๓๙. กายสัญเจตนา หมายถึงความ
จงใจทางกายทีเ่ ปน็ ปจั จัยใหเ้ กิดกรรม ไดแ้ ก่ กายกรรม มี ๒๐ ประการ คอื กามาวจรกศุ ล
๘ อกุศล ๑๒ สุขเกิดขึ้นเพราะกุศลกรรม ๘ ประการเป็นปัจจัย ทุกข์เกิดข้ึนเพราะ
อกุศลกรรม ๑๒ ประการเป็นปัจจยั วจสี ญั เจตนาและมโนสัญเจตนา ก็มีนัยเช่นเดียวกัน
องฺ.จตกุ กฺ .อ. (บาลี) ๒/๑๗๑/๓๙.
กาล (กาล) อง.ฺ จตกุ ฺก. (ไทย) ๒๑/๑๔๖/๒๑๑. กาล ในที่น้ีหมายถึงเวลาที่เหมาะสม องฺ.จตุกฺก.อ.
(บาลี) ๒/๑๔๖/๓๘.
กุลคติ (ตระกลู และคติ) องฺ.จตกุ กฺ . (ไทย) ๒๑/๔๐/๖๗. ตระกูลและคติ ในท่นี ้ีหมายถึงวัฏฏะ ๓ คือ
กิเลสวฏั ฏะ, กมั มวัฏฏะ, วปิ ากวัฏฏะ อง.ฺ จตุกฺก.อ. (บาลี) ๒/๔๐/๓๔.
โกฬิย (แควน้ โกฬิยะ) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๕๗/๙๕. แคว้นโกฬิยะ ในที่นี้หมายถึงดินแดนของ
กษตั ริยโ์ กฬิยวงศ์ เปน็ แควน้ หน่ึงในชมพูทวปี คร้ังพุทธกาล มีนครหลวงช่ือเทวทหะ
ขนฺธปญฺจก (ขันธปญั จก) อง.ฺ จตกุ ฺก. (ไทย) ๒๑/๑๙๙/๓๑๑. ขันธปญั จก หมายถึงหมวดหา้ แห่งขันธ์
ได้แก่ รปู ขนั ธ์ เวทนาขันธ์ สญั ญาขนั ธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์ อภิ.วิ. (ไทย) ๓๕/
๑/.
ขมาปฏิปทา (ขมาปฏิปทา) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๑๖๔/๒๓๐. ขมาปฏิปทา หมายถึงอธิ
วาสกิ ปฏปิ ทา (ขอ้ ปฏิบตั ิทอี่ ดกลัน้ อดทน) องฺ.จตกุ กฺ .อ. (บาลี) ๒/๑๖๔/๓๘.
เขตฺต วตฺถุ อายตน อธิกรณ (เขต วตั ถุ อายตนะ และอธกิ รณะ) องฺ.จตกุ กฺ . (ไทย) ๒๑/๑๗๑/๒๔๐.
เขต วัตถุ อายตนะ และอธิกรณะ น้ีเป็นชื่อของกุศลกรรมและอกุศลกรรม ซ่ึงมี
ความหมายว่า ท่ีงอก ท่ีเกิด หรือท่ีตั้งแห่งวิบากที่เป็นสุขทุกข์ องฺ.จตุกฺก.อ. (บาลี) ๒/
๑๗๑/๓๙.
โคจร (โคจร) องฺ.จตุกกฺ . (ไทย) ๒๑/๑๒/๒๒. โคจร หมายถึงสถานที่เที่ยวไปของภิกษุซึ่งไม่มีหญิง
แพศยา (โสเภณี) ไมม่ ีหญิงหมา้ ย ไมม่ ีสาวเท้ือ สาวแก่ ไม่มีบัณเฑาะก์ ไม่มีภิกษุณี ไม่มี
รา้ นสุรา ไมเ่ ปน็ สถานทีต่ ้องคลกุ คลกี ับพระราชา มหาอามาตย์ และพวกเดียรถีย์ ตรงกัน
ข้าม ตอ้ งเปน็ สถานท่ขี องตระกลู ที่มีศรทั ธาเลอื่ มใส เป็นดุจบ่อน้า รุ่งเรืองด้วยผ้ากาสาวะ
อบอวลด้วยกล่นิ ฤาษี มงุ่ หวงั ความผาสุกแกภ่ ิกษุ ภกิ ษุณี อบุ าสก อุบาสิกา เป็นสถานท่ีท่ี
พจนานกุ รมศพั ท์เชิงอรรถพระไตรปิฎก ๓๘๑
ภกิ ษสุ ารวมอินทรยี ์ ๖ งดเว้นการขวนขวายในการดู การละเล่นที่เป็นข้าศึกแก่กุศล เช่น
การฟูอน ขับร้อง ประโคมดนตรี หรือหมายถงึ สตปิ ฏั ฐาน ๔ ขุ.ม. (ไทย) ๒๙/๑๙๖/๕๗๓-
๕๗๔, วสิ ุทธฺ ิ. (บาล)ี ๑/๑๔/๑๗-๑.
ฆราวาส (ฆราวาส) อง.ฺ จตกุ กฺ . (ไทย) ๒๑/๑๙๘/๓๐๗. ฆราวาส ช่ือวา่ คับแคบ เพราะไม่มเี วลาว่างท่ี
จะทากุศลกรรมได้อยา่ งสะดวก แมเ้ รอื นมีเนอ้ื ทีก่ ว้างขวางถึง ๖๐ ศอก มีบริเวณภายใน
บา้ นต้ัง ๑๐๐ โยชน์ มคี นอยอู่ าศยั เพียง ๒ คน คือสามีภรรยา กย็ ังถอื ว่า คับแคบ เพราะ
ต้องคอยห่วงใยและกังวลต่อกัน ที.สี.อ. (บาลี) ๑/๑๙๑/๑๖๓, องฺ.จตุกฺก.อ. (บาลี) ๒/
๑๙๘/๔๒.
จกกฺ (จักร) อง.ฺ จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๓๑/๕๐. จกั ร ในท่ีนี้หมายถึงสมบัติ องฺ.จตุกฺก.อ. (บาลี) ๒/๓๑/
๓๒.
จกฺขุ (จักษุ) องฺ.จตกุ กฺ . (ไทย) ๒๑/๑๘๙/๒๗๓. จักษุ ในที่น้ีหมายถึงทิพพจักขุญาณ องฺ.จตุกฺก.อ.
(บาลี) ๒/๑๘๙/๔๐.
จตุฌาน (ฌาน ๔) องฺ.จตุกกฺ . (ไทย) ๒๑/๘๗/๑๓๓. ฌาน ๔ ในทีน่ ีห้ มายถึงกริ ิยาการเข้าฌานของ
พระขณี าสพและพระพทุ ธเจา้ ทัง้ หลาย องฺ.จตุกกฺ .อ. (บาล)ี ๒/๘๗/๓๖.
จรโณปปนนฺ (กิรยิ ามารยาท) องฺ.จตกุ ฺก. (ไทย) ๒๑/๕๗/๙๖. กิริยามารยาท ในท่ีน้ีหมายถึงจรณ
ธรรม (ธรรมคือความประพฤติ, ขอ้ ปฏบิ ตั อิ นั เปน็ ทางให้บรรลวุ ิชชา) ๑๕ ประการ คือ ๑.
สีลสมั ปทา ๒. อปัณณกสัมปทา ๓ (คือ อินทรียสงั วร โภชเน มัตตัญญุตา ชาคริยานุโยค)
๓. สทั ธรรม ๗ (คอื ศรทั ธา หิริ โอตตปั ปะ พาหุสัจจะ วิริยารัมภะ สติ ปัญญา) และ ๔.
ฌาน ๔ (คือ ปฐมฌาน ทตุ ิยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน) องฺ.จตกุ กฺ .อ. (บาล)ี ๒/๕๗/๓๕.
จินฺตากวิ (จินตากวี) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๒๓๑/๓๔๔. จินตากวี คือ ผู้รู้เช่ียวชาญในศิลปะการ
ประพันธ์บทกลอน ตามแนวความคดิ ของตน อง.ฺ จตกุ ฺก.อ. (บาลี) ๒/๒๒๑-๒๓๑/๔๔.
เจตนา (เจตนา) อง.ฺ จตุกกฺ . (ไทย) ๒๑/๒๓๓/๓๔๘. เจตนา ในท่ีนี้หมายถึงเจตนาในอริยมรรค ท่ี
เป็นข้อปฏบิ ัตใิ ห้ถงึ ววิ ฏั ฏะคอื พระนพิ พาน องฺ.จตกุ ฺก.อ. (บาลี) ๒/๒๓๓/๔๔.
เจตโสเอโกทภิ าว (ภาวะท่ีจิตเป็นหน่ึงผุดขึ้น) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๑๒๓/๑๘๗. ภาวะท่ีจิตเป็น
หน่งึ ผดุ ข้ึน เจตโส เอโกทิภาว คาวา่ เอโกทิ เป็นช่ือของสมาธิ ทตุ ยิ ฌาน ช่ือวา่ เอโกทิภาวะ
เพราะทาสมาธิทช่ี อ่ื วา่ เอโกทนิ ้ีใหเ้ กิดเจริญขึ้น พระผู้มีพระภาคตรัสว่า มีภาวะที่จิตเป็น
หน่ึงผดุ ข้ึน เพราะสมาธิชือ่ เอโกทินีม้ ีแกจ่ ติ เท่าน้นั ไม่มีแก่สตั ว์ ไมม่ ีแก่ชวี ะ วิ.อ. (บาลี) ๑/
๑๑/๑๔๓-๑๔.
๓๘๒ ผศ.ดร.วโิ รจน์ ค้มุ ครอง
เจโตวิมุตฺติ (เจโตวิมุตติ) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๑๕๙/๒๒๑. เจโตวิมุตติ หมายถึงผลสมาธิ องฺ.
ติก.อ. (บาล)ี ๒/๑๒/๘.
ฉนทฺ (ความพอใจ) องฺ.จตกุ กฺ . (ไทย) ๒๑/๙๓/๑๔๑. ความพอใจ หมายถึงกัตตุกัมยตาฉันทะ คือ
ความพอใจคือความเปน็ ผใู้ คร่เพ่ือจะทา (ได้แก่ ฉันทะท่ีเป็นกลาง ๆ ดีก็ได้ ช่ัวก็ได้ ต่าง
จากกามฉันทะทีเ่ ป็นแต่ฝาุ ยชั่ว) องฺ.จตกุ กฺ .อ. (บาลี) ๒/๙๒/๓๖.
ฉนทฺ ราควสูเปต (ตกอยู่ในอานาจของฉนั ทราคะ) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๖๕/๑๐๙. ตกอยู่ในอานาจ
ของฉนั ทราคะ ในท่นี ี้หมายถงึ ตกอยู่ในอานาจของความพอใจและความกาหนัดยินดี องฺ.
จตกุ ฺก.อ. (บาล)ี ๒/๖๕/๓๕.
ชมโฺ พนท (ทองชมพูนทุ ) อง.ฺ จตกุ ฺก. (ไทย) ๒๑/๖/๑๑. ทองชมพูนุท หมายถึงทองคาบริสุทธ์ิ องฺ.
จตกุ ฺก.อ. (บาลี) ๒/๖/๒๘.
าณทสฺสน (ญาณทัสสนะ) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๑๙๖/๒๙๗. ญาณทัสสนะ ในท่ีน้ีหมายถึง
ทสั สนะคอื มรรคญาณ องฺ.จตุกฺก.อ. (บาลี) ๒/๑๙๖/๔๑.
าณทสฺสน (ญาณทสั สนะ) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๔๑/๖๙. ญาณทัสสนะ ในทน่ี หี้ มายถึงทิพพจักขุ
ญาณ องฺ.จตุกกฺ .อ. (บาลี) ๒/๔๑/๓๔.
าน (ฐานะ) องฺ.จตกุ กฺ . (ไทย) ๒๑/๑๑๕/๑๗๗. ฐานะ ในที่น้ีหมายถึงเหตุ องฺ.จตุกฺก.อ. (บาลี) ๒/
๑๑๕/๓๗.
าน (ฐานะ) อง.ฺ จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๓๐/๔๘. ฐานะ ในที่น้ีหมายถึงปัจจัย องฺ.จตุกฺก.อ. (บาลี) ๒/
๓๐/๓๒.
าน (ฐานะ) องฺ.จตกุ กฺ . (ไทย) ๒๑/๕๘/๙๗. ฐานะ หมายถึงเหตุ องฺ.จตุกกฺ .อ. (บาลี) ๒/๕๘/๓๕.
ตณหฺ า (ตณั หา) องฺ.จตุกกฺ . (ไทย) ๒๑/๑๕๙/๒๒๐. ตัณหา ในท่ีน้ีหมายถึงตัณหาท่ีเป็นมูลรากใน
วัฏฏะ อง.ฺ จตกุ กฺ .อ. (บาลี) ๒/๑๕๙/๓๘.
ตณหฺ า (ตัณหา) องฺ.จตุกกฺ . (ไทย) ๒๑/๑๕๙/๒๒๐. ตัณหา ในท่นี ้หี มายถึงตณั หาปัจจุบัน ซึ่งเกิดขึ้น
ขณะน้ี ที่เกดิ ข้ึนแกผ่ ู้ให้ความอยากเกิดขนึ้ ในวิโมกข์อนั ยอดเยี่ยม องฺ.จตุกฺก.อ. (บาลี) ๒/
๑๕๙/๓๘๕, องฺ.จตกุ กฺ .ฏกี า (บาล)ี ๒/๑๕๙/๔๒.
ตถาคต (ตถาคต) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๓๓/๕๒. ตถาคต ท่านกลา่ วอธิบายไว้โดยเหตุ ๘ อย่าง คือ
เรยี กวา่ ตถาคต เพราะเสดจ็ มาแล้วอยา่ งน้นั เรียกว่าตถาคต เพราะเสด็จไปแล้วอย่างน้ัน
เรียกวา่ ตถาคต เพราะเสดจ็ มาสลู่ ักษณะอนั แท้ เรยี กว่าตถาคต เพราะตรัสรู้พร้อมเฉพาะ
พจนานกุ รมศพั ทเ์ ชิงอรรถพระไตรปิฎก ๓๘๓
ซงึ่ ธรรมอันแทต้ ามความเป็นจริง เรยี กว่าตถาคต เพราะทรงเห็นแท้จริง เรียกว่าตถาคต
เพราะตรสั วาจาจริง เรยี กว่าตถาคต เพราะทรงทาจริง เรียกว่าตถาคต เพราะอรรถว่า
ครอบงา อง.ฺ จตกุ ฺก.ฏีกา (บาลี) ๒/๓๓/๓๕.
ตถาคต (ตถาคต) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๓๘/๖๒. ตถาคต ในที่นี้เป็นคาที่ลัทธิอื่น ๆ ใช้มาก่อน
พุทธกาล หมายถึงอัตตา (อาตมัน) ไม่ได้หมายถึงพระพุทธเจ้า อรรถกถาอธิบายว่า
หมายถงึ สัตว์ ท.ี ส.ี อ. (บาล)ี ๑/๖๕/๑๐.
ตโปชิคจุ ฺฉ (เกลียดตบะ) องฺ.จตกุ กฺ . (ไทย) ๒๑/๑๙๖/๒๙๗. เกลียดตบะ หมายถึงการรังเกียจบาป
ด้วยตบะ คือการบาเพ็ญทุกรกิรยิ าเพอื่ ย่างกเิ ลส อง.ฺ จตกุ ฺก.อ. (บาลี) ๒/๑๙๖/๔๑.
ตาทิ (คงที่) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๒๔/๔๐. คงท่ี ในท่ีน้ีหมายถึงไม่หว่ันไหวเพราะโลกธรรม ๘
ประการ คอื ได้ลาภ เสื่อมลาภ ไดย้ ศ เส่ือมยศ นินทา สรรเสริญ สุข ทุกข์ องฺ.จตุกฺก.อ.
(บาล)ี ๒/๒๔/๓๐.
ติริย (ทศิ เฉยี ง) อง.ฺ จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๑๒๕/๑๙๐. ทิศเฉียง หมายถึงทิศย่อยของทิศใหญ่หรือทิศ
รอง วิสุทฺธิ.มหาฏกี า (บาลี) ๑/๒๕๔/๔๓.
ถล (บนบก) องฺ.จตกุ ฺก. (ไทย) ๒๑/๕/๗. บนบก ในทน่ี ้ีหมายถงึ พระนิพพาน องฺ.จตุกกฺ .อ. (บาลี) ๒/
๕/๒๘.
ถูปารห (ถูปารหบคุ คล) อง.ฺ จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๒๔๗/๓๖๗. ถูปารหบุคคล หมายถึงผู้ควรแก่สถูป
คอื หลังจากตายแล้วเป็นผู้ที่อนุชนควรเก็บส่วนที่เหลือไว้ในสถูปเพ่ือบูชา องฺ.จตุกฺก.อ.
(บาล)ี ๒/๕๖/๕๘, ที.ม. (ไทย) ๑๐/๒๐๖/๑๕.
เถร (เป็นเถระ) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๒๒/๓๕. เป็นเถระ หมายถึงผู้มีใจม่ันคง หนักแน่น องฺ.
จตกุ กฺ .อ. (บาลี) ๒/๒๒/๒๙.
ทณฑฺ ภย (ทัณฑภยั ) อง.ฺ จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๑๒๑/๑๘๒. ทณั ฑภัย ในที่น้ีหมายถึงภัยท่ีเกิดจากการ
ลงโทษ ๓๒ ประการตามนัยอรรถกถา แตใ่ นพระบาลีมี ๒๖ ประการ องฺ.จตุกฺก.อ. (บาลี)
๒/๑๒๑/๓๗.
ทนฺธสตุปฺปาท (สติเกิดข้ึนช้า) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๑๙๑/๒๗๖. สติเกิดข้ึนช้า หมายถึงความ
ระลึกถึงพระพุทธพจนท์ เี่ คยเล่าเรียนมาไดช้ ้า อง.ฺ จตุกฺก.อ. (บาลี) ๒/๑๙๑/๔๑.
๓๘๔ ผศ.ดร.วิโรจน์ คมุ้ ครอง
ทมาปฏิปทา (ทมาปฏปิ ทา) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๑๖๔/๒๓๐. ทมาปฏิปทา หมายถึงอินทริยทมน
ปฏิปทา (ข้อปฏิบัติที่ข่มอินทรีย์ทั้งหก คือ ตา หู จมูก ล้ิน กาย และใจ) องฺ.จตุกฺก.อ.
(บาลี) ๒/๑๖๔/๓๘.
ทฏิ ฺ (รูปทไ่ี ด้เห็น) อง.ฺ จตกุ กฺ . (ไทย) ๒๑/๒๓/๓๗. รปู ทีไ่ ด้เห็น ในท่นี หี้ มายถงึ รปู ายตนะ (อายตนะ
คือรปู ) อง.ฺ จตกุ ฺก.อ. (บาล)ี ๒/๒๓/๓๐.
ทิฏฺ สปุ ปฺ ฏิวิทฺธ (แทงตลอดดีด้วยทิฏฐิ) อง.ฺ จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๑๙๑/๒๗๖. แทงตลอดดีด้วยทิฏฐิ
หมายถงึ ทาใหป้ ระจักษ์ชัดด้วยปญั ญาท้ังโดยผลและโดยเหตุ อง.ฺ จตกุ กฺ .อ. (บาล)ี ๒/๑๙๑/
๔๑.
ทิฏฺ สุปฺปฏิวิทฺธ (แทงตลอดดีด้วยทิฏฐิ) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๒๒/๓๖. แทงตลอดดีด้วยทิฏฐิ
หมายถึงรู้แจ้งธรรมโดยผลและเหตุด้วยปญั ญา องฺ.จตกุ กฺ .อ. (บาล)ี ๒/๒๒/๓๐.
ทุกฺขาปฏิปทาขิปฺปาภิญฺ า (ทกุ ขาปฏิปทาขิปปาภิญญา) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๑๖๗/๒๓๔. ทุก
ขาปฏปิ ทา ขิปปาภญิ ญา ในที่น้ีหมายถงึ การบรรลุอรหัตมรรค ของท่านพระมหาโมคคลั ลา
นะ เปน็ ทุกขาปฏิปทา ขปิ ปาภิญญา องฺ.จตกุ ฺก.อ. (บาลี) ๒/๑๖๗/๓๙.
ทคุ คฺ ตภิ ย (ทคุ ตภิ ัย) องฺ.จตุกกฺ . (ไทย) ๒๑/๑๒๑/๑๘๒. ทคุ ตภิ ัย ในท่นี ้ีหมายถึงภัยที่เกิดจากอบาย
ทัง้ ๔ (คือ นรก กาเนิดสัตว์ดิรจั ฉาน แดนเปรต พวกอสูร) องฺ.จตุกฺก.อ. (บาลี) ๒/๑๒๑/
๓๗.
ทุสฺสีล (ทุศีล) อง.ฺ จตุกกฺ . (ไทย) ๒๑/๒๔๓/๓๕๙. ทศุ ลี หมายถึงไม่มีศีล องฺ.ติก.อ. (บาลี) (บาลี)๒/
๑๓/๘.
เทว (เทวดา) อง.ฺ จตกุ กฺ . (ไทย) ๒๑/๒๓๓/๓๔๗. เทวดา ในที่น้ีหมายถึงสุภกิณหพรหม องฺ.ติก.อ.
(บาลี) ๒/๒๓/๑๐.
เทวปปฺ ตฺต (ผูถ้ ึงความเป็นเทวดา) องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๑๘๙/๒๗๔. ผู้ถึงความเป็นเทวดา ในที่นี้
หมายถึงภกิ ษผุ ูด้ ารงอย่ใู นจตตุ ถฌานอันเป็นรูปาวจรหมุนจิตกลับแล้วจึงบรรลุอรหัตผล
องฺ.จตุกฺก.อ. (บาล)ี ๒/๑๙๐/๔๑.
ธมมฺ (ธรรม) อง.ฺ จตกุ ฺก. (ไทย) ๒๑/๔๘/๗๙. ธรรม ในที่น้ีหมายถึงโลกุตตรธรรม ๙ ประการ คือ
มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ อง.ฺ จตุกฺก.อ. (บาล)ี ๒/๔๘/๓๔.
ธมฺม (ธรรม) อง.ฺ จตกุ ฺก. (ไทย) ๒๑/๔๙/๘๐. ธรรม ในที่น้ีหมายถึงสัจธรรม ๔ ประการ คือทุกข์
สมุทัย นิโรธ มรรค อง.ฺ จตุกฺก.อ. (บาล)ี ๒/๔๙/๓๔.