The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เทคนิคการสอนศึกษาเชิงพุทธ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by phanthiwa.thab, 2022-06-22 04:01:49

เทคนิคการสอนศึกษาเชิงพุทธ

เทคนิคการสอนศึกษาเชิงพุทธ

เทคนคิ เกทคานริคสกาอรสนอนสสงั งั คคมมศึกศษึกาเชษิงพาุทเธชิงพทุ ธ

Techniques in Teaching Buddhist Social Studies

ผศ.ดร.วิทยา ทองดี

ผศ.ดร.วิทยา ทองดี

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

มหาวิทยาลยั มวหทิ ายจาเุฬขาตลขงอกนแรกณน่ ราชวทิ ยาลัย
วทิ ยาเขตขอนแก่น

ชือ่ หนงั สอื เทคนิคการสอนสงั คมศึกษาเชิงพุทธ

ISBN : 978-616-300-774-2

ชอ่ื ผู้แต่ง ผศ.ดร.วทิ ยา ทองดี

ผูท้ รงคณุ วฒุ ิ ศ.ดร.กนกอร สมปราชญ์ มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั
รศ.ดร.องั คณา ตุงคะสมติ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น
รศ.ดร.สญั ญา สะสอง มหาวทิ ยาลัยราชภัฏเชยี งใหม่

พิสูจน์อกั ษร : ผศ.ดร.วิทยา ทองดี
ออกแบบปก : อนุธิดา บุญตะวัน
พมิ พ์ครั้งท่ี ๑ : เดอื นมกราคม ๒๕๖๕
จ�ำ นวน : ๕๐๐ เล่ม
จดั ทำ�โดย : หลักสูตรครศุ าสตรมหาบณั ฑติ และหลกั สตู รครุศาสตรดุษฎีบณั ฑติ
สาขาวิชาการสอนสังคมศึกษา
มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแกน่

ราคา : ๒๕๐ บาท

จดั จำ�หน่ายโดย หลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑติ และหลักสูตรครศุ าสตรดษุ ฎีบณั ฑติ
สาขาวชิ าการสอนสงั คมศกึ ษา
มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแกน่
ข้อมูลทางบรรณานกุ รมของหอสมดุ แหง่ ชาติ

วทิ ยา ทองด.ี
เทคนคิ การสอนสังคมศึกษาเชิงพุทธ.-- ขอนแก่น : หลกั สตู รครุศาสตรมหาบัณฑิต
และหลักสูตรครศุ าสตรดุษฎบี ัณฑิต สาขาวิชาการสอนสังคมศกึ ษา
มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น, 2565.
295 หนา้ .
1. สังคมศกึ ษา -- การศกึ ษาและการสอน. I. ช่ือเร่อื ง.
300.71
ISBN 978-616-300-774-2

พิมพ์ท่ี : หจก.ขอนแกน่ การพมิ พ์
64-66 ถ.รื่นรมย ์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000
โทรศัพท์ : 043-221938 แฟกซ์ : 043-221938
Email : [email protected]

กก


คคำำนนำำ

หหนนังังสสอื อื เลเล่ม่มนนี้ไี้ไดดพ้ ้พฒั ฒั นนาาขขนึ้ น้ึ เพเพื่อือ่ สสนนบั ับสสนนนุ นุ เทเทคคนนคิ ิคกกาารรสสออนนขขอองงออาาจจาารรยย์ใ์ในนมมหหาาววิททิ ยยาาลลยั ัยตตลลออดดถถึงึง
ผผู้ทู้ที่มี่มีคีคววาามมสสนนใใจจใในนกกาารรศศึกึกษษาาททาางงดด้า้านนสสังังคคมมศศึกึกษษาา ซซึ่งึ่งเนเนื้อื้อหหาาขขอองงหหนนังังสสือือเลเล่ม่มนนี้ป้ีปรระะกกออบบดด้ว้วยย๑๑๐๐บบทท
ดดังังตต่อ่อไไปปนนี้ ี้ บบทททที่ ี่๑๑ คคววาามมรรู้พู้พื้นื้นฐฐาานนเกเกี่ยี่ยววกกับับเเททคคนนิคิคกกาารรสสออนนสสังังคคมมศศึกึกษษาา บบทททที่ ี่๒๒แแนนววคคิดิดททฤฤษษฎฎีกีกาารร
เรเรียียนนรรู้แู้แลละะกกาารรกกาารรสสออนนสสังังคคมมศศึกึกษษาา บบทททที่ ี่๓๓ ททักักษษะะกกาารรสสออนนสสังังคคมมศศึกึกษษาาใในนศศตตววรรรรษษทที่ ี่๒๒๑๑บบทททที่ ี่๔๔
กกรระะบบววนนกกาารรเรเรยี ยี นนรร้ทู ทู้ ่เี นี่เน้นน้ ผผเู้ รูเ้ รยี ยี นนเปเปน็ ็นศศูนูนยยก์ ์กลลาางง บบทททท่ี ๕ี่ ๕ กกรระะบบววนนททัศศั นน์ใ์ใหหมม่ก่กับบั กกาารรสสออนนสสังังคคมมศศึกึกษษาา บบทท
ทที่ ี๖่ ๖ กกาารรสสออนนสสังังคคมมศศึกึกษษาาตตาามมแแนนววพพรระะพพุทุทธธศศาาสสนนาา บบทททที่ ๗ี่ ๗ กกาารรนนำำพพุทุทธธววิธิธีมีมาาปปรระะยยุกุกตต์ใ์ใชช้ใ้ในนกกาารรสสออนน
สสงั ังคคมมศศึกกึ ษษาาบบทททที่ ี่๘๘หหลลกั ักคคณุ ุณธธรรรมมจจรริยยิ ธธรรรมมแแลละะคคววาามมเปเป็น็นพพลลเมเมือืองงทท่ีเข่ีเข้ม้มแแขข็ง็ง บบทททท่ี ๙่ี ๙กกาารรจจัดัดกกาารรศศึกึกษษาา
ตตาามมหหลลักักสสูตูตรรแแกกนนกกลลาางงกกาารรศศึกึกษษาาขขั้นั้นพพื้นื้นฐฐาานนพพ.ศ.ศ.๒.๒๕๕๕๕๑๑กกลลุ่มุ่มสสาารระะกกาารรเรเรียียนนรรู้สู้สังังคคมมศศึกึกษษาาศศาาสสนนาาแแลละะ
ววฒั ัฒนนธธรรรมม แแลละะบบทททท่ี ๑ี่ ๑๐๐ กกาารรววัดัดแแลละะกกาารรปปรระะเมเมนิ ินผผลลกกาารรเรเรยี ียนนรรู้ ู้

หหววังงัเปเปน็ น็ ออยย่าา่งงยยิ่งิ่งวว่า่าหหนนงั ังสสือือเลเล่ม่มนน้ีจี้จะะเปเปน็ ็นปปรระะโโยยชชนน์ก์กับับคคณณาาจจาารรยย์ ์ นนิสิสิติตนนกั กั ศศกึ ึกษษาานนักักววิชิชาากกาารร
แแลละะผผู้สู้สนนใใจจททั่วั่วไไปป หหาากกมมีเนีเนื้อื้อหหาาสส่ว่วนนใใดดยยังังไไมม่ส่สมมบบูรูรณณ์ข์ข้า้าพพเจเจ้าา้ยยินินดดนี นี ้อ้อมมรรับับฟฟังังคคำำววิพิพาากกษษ์ว์วิจิจาารรณณ์แ์แลละะยยินินดดี ี
แแกกไ้ ้ไขขใใหห้สส้ มมบบรู ูรณณ์ยย์ ิง่ ่งิขขึ้นึ้นตตอ่ อ่ ไไปป

ผผ้ชู ้ชู ว่ ว่ ยยศศาาสสตตรราาจจาารรยย์ ด์ ดรร.ว.วิททิ ยยาา ททอองงดดี ี
มมหหาาววิทิทยยาาลลัยัยมมหหาาจจุฬฬุ าาลลงงกกรรณณรราาชชววทิ ทิ ยยาาลลัยัย ววิทิทยยาาเขเขตตขขออนนแแกก่น่น



สารบัญ ข

เร่อื ง หน้า
คำ� นำ� ก
สารบญั ข
สารบญั ตาราง ซ
สารบัญแผนภาพ ฌ
ค�ำอธิบายสญั ลักษณแ์ ละคำ� ย่อ ญ

บทที่ ๑ ความรพู้ ื้นฐานเกี่ยวกับเทคนคิ การสอนสังคมศึกษา ๑
ความน�ำ ๑
๑. ความหมายของเทคนิคการสอนและทักษะการสอนสังคมศกึ ษา ๒
๒. ความหมายของทกั ษะการสอน ๓
๓. ความสัมพันธร์ ะหว่างทกั ษะและเทคนิคการสอน ๗
๔. ความส�ำคญั ของทักษะและเทคนิคการสอน ๙
๕. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งการสอนและการเรยี นรู้ ๑๐
๖. ลกั ษณะทกั ษะและเทคนิคการสอนที่ด ี ๑๓
๗. เทคนคิ การสอนที่ชว่ ยใหป้ ระสบความส�ำเร็จ ๑๔
๘. คณุ ลกั ษณะของผสู้ อนท่มี ที ักษะการสอน ๑๔
๙. ทกั ษะและเทคนคิ การสอนแนวใหม่ ๑๗
สรุป ๒๐
เอกสารอ้างองิ ประจ�ำบท ๒๒

บทท่ี ๒ แนวคิด ทฤษฎกี ารเรียนรแู้ ละการการสอนสังคมศกึ ษา ๒๕
ความนำ� ๒๕
๑. แนวคดิ เกย่ี วกบั กระบวนการเรียนร ู้ ๒๖
๑.๑ ความหมายของการเรยี นรู ้ ๒๖
๑.๒ กระบวนการของการเรียนร้ ู ๒๗

ค ๓๐
๓๐
๒. ทฤษฎกี ารเรยี นรู ้ ๓๖
๒.๑ ประเภทของการเรียนร ู้ ๓๘
๒.๒ พ้ืนฐานก�ำหนดโครงสร้างของทฤษฎกี ารเรียนร ู้ ๓๘
๒.๓ จดุ มุง่ หมายของการเรยี นรู้ ๓๘
๓. แนวคดิ เกีย่ วกับการสอนสงั คมศกึ ษา ๔๑
๓.๑ ความหมายของการสอนสังคมศกึ ษา ๔๓
๓.๒ ธรรมชาติของวชิ าสงั คมศกึ ษา ๔๔
๓.๓ เป้าหมายของวิชาสังคมศกึ ษา ๔๗
๓.๔ ความสำ� คัญของวชิ าสงั คมศกึ ษา ๕๐
๓.๕ บทบาทและคณุ ค่าของวชิ าสังคมศึกษา ๕๑
๓.๖ แนวโน้มการสอนสังคมศึกษา ๕๒
สรปุ
เอกสารอา้ งองิ ประจำ� บท ๕๕
๕๕
บทท่ี ๓ ทักษะการสอนสังคมศึกษาในศตวรรษท่ี ๒๑ ๕๖
ความน�ำ ๕๘
๑. การพฒั นาการเรยี นการสอนเพ่ือศตวรรษที่ ๒๑ ๕๙
๒. ผลลัพธห์ รอื ตวั ช้ีวดั ผลการเรียนรดู้ ้านทักษะในศตวรรษท่ี ๒๑ ๖๒
๓. การเรียนการสอนในศตวรรษที่ ๒๑ : ความร้แู ละทักษะสำ� คญั ๖๓
๔. องคป์ ระกอบของการเรยี นการสอนในศตวรรษที่ ๒๑ ๖๔
๕. ความสำ� คัญของการเรยี นทกั ษะ 4Cs ๖๗
๖. องคป์ ระกอบสำ� คัญทีส่ นับสนุนการพฒั นาผเู้ รยี นแห่งศตวรรษท่ี ๒๑ ๖๙
๗. แนวทางการพัฒนาทักษะ 4Cs ๗๒
๘. ทกั ษะสำ� คญั ของผเู้ รยี นในศตวรรษท่ี ๒๑ ๗๕
๙. หลักสำ� คญั ในการจัดการเรยี นรใู้ นทศวรรษก่ี ๒๑ ๗๖
สรุป
เอกสารอา้ งองิ ประจ�ำบท

บทท่ี ๔ กระบวนการเรยี นรทู้ เ่ี น้นผู้เรียนเปน็ ศูนย์กลาง ง
ความน�ำ
๑. ความจำ� เป็นในการจัดการเรยี นทเ่ี นน้ ผเู้ รยี นเป็นศูนยก์ ลาง ๗๗
๒. แนวคดิ และหลกั การการจัดการเรยี นรูโ้ ดยเน้นผูเ้ รียนเปน็ สำ� คัญ ๗๗
๓. แนวทางในการจัดท�ำแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ีเนน้ ผู้เรียนเปน็ สำ� คญั ๗๘
๔. ข้นั ตอนกระบวนการจดั การเรยี นร้โู ดยเน้นผู้เรยี นเปน็ ส�ำคญั ๗๙
๕. ประโยชน์การจดั การเรยี นรูโ้ ดยเนน้ ผ้เู รยี นเป็นสำ� คญั ๘๓
๖. กลยทุ ธ์ในการจัดการเรยี นที่เนน้ ผเู้ รียนเปน็ ส�ำคญั ๘๔
๗. รูปแบบการจดั การเรียนรู้ท่ีเนน้ ผ้เู รยี นเป็นสำ� คญั ๘๔
๘. ทกั ษะและเทคนิคการจัดการเรียนรแู้ นวใหม ่ ๘๕
สรปุ ๘๘
เอกสารอ้างองิ ประจ�ำบท ๙๑
๙๕
บทที่ ๕ กระบวนทศั น์ใหมก่ บั การสอนสงั คมศึกษา ๙๘
ความนำ�
๑. ความหมายของกระบวนทศั น์ใหมท่ างการศึกษา ๙๙
๒. ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลง ๙๙
๓. แนวทางการปรับกระบวนทศั น์ต่อการปฏิรูปการจดั การเรียนร ู้ ๑๐๐
๔. การปรบั กระบวนทัศน์การจัดการเรยี นร้ ู ๑๐๑
๕. วิธกี ารจัดการเรียนรตู้ ามแนวการปรบั กระบวนทัศน ์ ๑๐๒
๖. แนวทางการปรบั กระบวนทัศน์การจดั การเรียนรใู้ นศตวรรษที่ ๒๑ ๑๐๖
๗. การศึกษาในกระบวนทศั นใ์ หม่ : กบั การเรยี นโดยใชก้ ารวิจยั เป็นฐาน ๑๐๗
สรุป ๑๐๘
เอกสารอา้ งอิงประจ�ำบท ๑๑๒
๑๑๘
๑๑๙

จ ๑๒๓
๑๒๓
บทท่ี ๖ การสอนสังคมศกึ ษาตามแนวพระพุทธศาสนา ๑๒๔
ความนำ� ๑๒๗
๑. แนวคิดเกีย่ วกบั พระพทุ ธศาสนา ๑๓๑
๒. การศกึ ษาตามหลักพระพุทธศาสนา ๑๓๓
๓. ความหมายการสอนสงั คมศกึ ษาตามทัศนะพระพุทธศาสนา ๑๓๖
๔. ปรชั ญาการสอนสังคมศึกษาตามทัศนะพระพุทธศาสนา ๑๔๗
๕. จุดม่งุ หมายการสอนสงั คมศกึ ษาตามทศั นะพระพทุ ธศาสนา ๑๕๑
๖. องค์ประกอบการสอนสังคมศกึ ษาตามทศั นะพระพุทธศาสนา ๑๕๔
๗. การจดั การสอนสงั คมศกึ ษาตามทศั นะพระพทุ ธศาสนา ๑๕๖
สรุป
เอกสารอ้างองิ ประจ�ำบท ๑๕๙
๑๕๙
บทท่ี ๗ การนำ� พทุ ธวิธีมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการสอนสังคมศึกษา ๑๖๐
ความน�ำ ๑๖๓
๑. ความรูท้ ว่ั ไปเกี่ยวกบั วธิ ีการสอนของพระพทุ ธเจ้า ๑๖๕
๒. แนวคิดเกยี่ วกับเนอื้ หาหรือเร่อื งทสี่ อนตามหลักพทุ ธวิธ ี ๑๖๘
๓. แนวคดิ เกย่ี วกบั เกี่ยวกับตวั ผ้เู รียนตามหลกั พุทธวิธ ี ๑๗๒
๔. แนวคิดเกย่ี วกบั เกยี่ วกบั ตวั ผู้สอนตามหลกั พทุ ธวิธ ี ๑๗๗
๕. แนวคดิ เกีย่ วกบั แนวการสอนพุทธวิธ ี ๑๘๘
๖. แนวคดิ เกย่ี วกบั บทบาทหนา้ ทีข่ องครแู ละการจัดการเรยี นร ู้ ๑๙๐
สรปุ
เอกสารอ้างองิ ประจ�ำบท ๑๙๓
๑๙๓
บทท่ี ๘ หลกั คณุ ธรรมจรยิ ธรรมและความเปน็ พลเมืองทเ่ี ขม้ แข็ง ๑๙๔
ความน�ำ ๑๙๔
๑. แนวคดิ เกย่ี วกับคุณธรรมจริยธรรม
๑.๑ ความหมายของคุณธรรมจริยธรรม



๑.๒ ความสำ� คัญของคุณธรรมจริยธรรมตอ่ คร ู ๑๙๕
๑.๓ ความส�ำคัญของคณุ ธรรมจริยธรรมต่อวิชาชีพคร ู ๑๙๖
๑.๔ คุณธรรมจริยธรรมทีส่ �ำคญั ในวชิ าชีพครู ๑๙๖
๒. จรรยาบรรณส�ำหรบั คร ู ๒๐๖
๒.๑ ความหมายของจรรยาบรรณ ๒๐๖
๒.๒ ความส�ำคัญของจรรยาบรรณ ๒๐๗
๒.๓ จรรยาบรรณท่สี �ำคัญในวิชาชีพครู ๒๐๘
๒.๔ การด�ำเนนิ การทางจรรยาบรรณในวชิ าชพี คร ู ๒๑๓
๓. หลกั ความเปน็ พลเมอื งท่ีเขม้ แข็ง ๒๑๕
๓.๑ ความหมายของความเปน็ พลเมือง ๒๑๕
๓.๒ คณุ สมบัตหิ รือคณุ ลกั ษณะของความเปน็ พลเมอื ง ๒๑๗
๓.๓ หลักการสร้างความเป็นพลเมืองที่เขม้ แขง็ ๒๒๕
สรปุ ๒๒๗
เอกสารอา้ งอิงประจำ� บท ๒๒๘

บทที่ ๙ การจัดการศกึ ษาตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พ.ศ.๒๕๕๑ ๒๓๑
กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม

ความนำ� ๒๓๑

๑. หลักสตู รแกนกลางหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ๒๓๒

๒. กล่มุ สาระการเรยี นร้สู ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๒๓๗

๓. หลักการและแนวทางจัดการเรียนร้สู ังคมศกึ ษา ๒๔๑

๔. วิธีการจดั การเรียนรู้สงั คมศกึ ษาตามสาระการเรยี นรู้ ๒๔๕

สรปุ ๒๕๐

เอกสารอา้ งอิงประจ�ำบท ๒๕๑

ช ๒๕๓
๒๕๓
บทท่ี ๑๐ การวดั และการประเมนิ ผลการเรยี นร้ ู ๒๕๔
ความน�ำ ๒๕๗
๑. การวดั ผลการเรียนรู้ ๒๗๓
๒. การประเมินผลการเรียนร้ ู ๒๗๕
๓. วัตถปุ ระสงค์ของการวัดผลและประเมินผลการเรียนร ู้ ๒๗๙
๔. ประโยชน์ของการวดั ผลและประเมินผลการเรยี นรู้ ๒๘๒
๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้แนวใหม่ ๒๘๓
สรปุ
เอกสารอา้ งองิ ประจ�ำบท ๒๘๕

บรรณานุกรม ๒๙๙
ประวัติผู้แต่ง




สารบัญตาราง

ตารางที่ ทักษะในยคุ ศตวรรษท่ี ๒๑ (21st Century skills) หนา้
การจดั การเรยี นการสอนอย่างสมดลุ สำหรบั การเปลี่ยนแปลงในศตวรรษ ๕๙
ตารางที่ ๓.๑ ที่ ๒๑ ๖๓
ตารางท่ี ๓.๒ การปรบั กระบวนทัศน์ต่อการปฏริ ูปการจัดการเรยี นรู้
การเปรียบเทยี บกระบวนทัศนเ์ กา่ กบั กระบวนทัศน์ใหม่ทางการศึกษา ๘๘
ตารางท่ี ๕.๑ การปรบั กระบวนทศั น์การจดั การเรียนรู้ในสตวรรษที่ ๒๑ ๘๙
ตารางที่ ๕.๒ ตารางเปรยี บเทียบห้องเรยี นในศตวรรษท่ี ๒๐ และศตวรรษท่ี ๒๑ ๙๓
ตารางท่ี ๕.๓ ตวั อยา่ งพฤตกิ รรมของจรรยาบรรณต่อตนเอง ๙๔
ตารางที่ ๕.๔ ตวั อย่างพฤตกิ รรมของจรรยาบรรณต่อวิชาชพี ๑๗๖
ตารางที่ ๘.๑ ประเภทของพลเมอื ง (Kinds of Citizen) ๑๗๗
ตารางที่ ๘.๒ คณุ สมบตั ิของความเป็นพลเมืองท่ปี ระชาชนชาวไทยมี ๑๘๒
ตารางที่ ๘.๓ ๑๘๕
ตารางที่ ๘.๔ ข้อแตกตา่ งระหวา่ งการประเมินผลแบบอิงกลมุ่ และองิ เกณฑ์ ๒๒๖
ตารางที่ ๑๐.๑




สารบัญภาพ

ภาพท่ี แสดงกระบวนการรบั รู้ตามแนวตะวนั ตก หน้า
๒๕
แผนภาพท่ี ๒.๑ แสดงการแกป้ ัญหาดว้ ยวิธีการลองผดิ ลองถกู ๒๙
แผนภาพที่ ๒.๒ ๒๙
แผนภาพที่ ๒.๓ แสดงการแก้ปญั หาดว้ ยวธิ ีการหย่ังรู้ ๓๕
แผนภาพท่ี ๒.๔ ๕๔
แผนภาพท่ี ๓.๑ วิชาท่ีมลี กั ษณะเป็นสหวิทยาการ ๖๒
แผนภาพท่ี ๓.๒
องคป์ ระกอบของการเรียนการสอนในศตวรรษท่ี ๒๑ ๑๐๙
แผนภาพท่ี ๖.๑ กรอบแนวคิดเพื่อการเรียนรู้ในยุคศตวรรษที ๒๑ (21st Century
Learning Framework)
พระสทั ธรรม ๓ (ธรรมะอันดี)

แผนภาพท่ี ๘.๑ คุณลกั ษณะพ้ืนฐานของความเปน็ พลเมอื ง ๑๘๖
แผนภาพท่ี ๙.๑ ๑๙๗
ความสัมพันธ์ของการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลาง
แผนภาพที่ ๑๐.๑ การศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน ๒๒๙
ภาพแสดงวธิ กี ารประเมนิ ตามสภาพจรงิ




คำอธบิ ายสญั ลกั ษณ์และคำย่อ

คัมภีร์พระไตรปฎิ ก คมั ภีรอ์ รรถกถา คัมภรี ์ฎีกา และคมั ภรี ์อนุฎกี าท่ีใช้อา้ งอิง ในหนังสือ
เล่มนี้ใช้ฉบบั มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั เปน็ หลัก และในการอ้างอิงทีเ่ ชิงอรรถไม่ได้ระบุ
ฉบับไว้ท้ายคัมภีร์ แต่ให้ทราบว่าเป็นฉบับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาราชวิทยาลัย และคัมภีร์อรรถกถา
ธรรมบทที่ศึกษาครั้งนี้ได้ใช้ฉบับของมหามกุฎราชวิทยาลัย ซึ่งการอ้างอิงที่เชิงอรรถโดยได้ระบุไว้ท้าย
คมั ภีร์วา่ ฉบบั มหามกฎุ ราชวทิ ยาลัย

สำหรับอกั ษรย่อชอ่ื คัมภีร์ในหนงั สือเล่มนี้อา้ งอิงจากคัมภีร์พระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย
ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พุทธศักราช ๒๕๐๐ เรียกย่อว่า “ฉบับมหาจุฬาเตปิฎกํ” และ
พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พทุ ธศักราช ๒๕๓๙ ในท่ีนี้ขอเรียก ยอ่ ว่า “ฉบบั มหาจุฬาฯ แปล” ดงั น้ี

วิ. มหา. (ไทย) = วนิ ยั ปฎิ ก พระวินัยปฎิ ก (ภาษาไทย)
มหาวิภังค์

ท.ี มหา. (ไทย) = สุตตนั ตปฎิ ก พระสุตตนั ตปิฎก (ภาษาไทย)
ท.ี ปา. (ไทย) = สตุ ตนั ตปฎิ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค (ภาษาไทย)
ม.ม.ู (ไทย) = สตุ ตนั ตปฎิ ก ทฆี นกิ าย ปาฏิกวรรค (ภาษาไทย)
ม.ม. (ไทย) = สตุ ตันตปฎิ ก มชั ฌมิ นกิ าย มูลปัณณาสก์ (ภาษาไทย)
สํ.ม. (ไทย) = สตุ ตันตปิฎก มัชฌมิ นกิ าย มชั ฌมิ ปัณณาสก์ (ภาษาไทย)
ส.ํ ส. (บาล)ี = สตุ ตฺ นฺตปฎิ ก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค (ภาษาบาลี)
องฺ ติก. (ไทย) = สตุ ตนั ตปิฎก สังยุตตฺ นิกาย สคาถวคคฺ ปาลิ (ภาษาไทย)
อง.ฺ ฉกกฺ . (ไทย) = สุตตันตปิฎก อังคตุ ตรนิกาย ตกิ นบิ าต (ภาษาไทย)
ข.ุ ธ. (ไทย) = สตุ ตนั ตปิฎก อังคตุ ตรนกิ าย ฉกั กนบิ าต (ภาษาไทย)
ข.ุ อ.ุ (ไทย) = สุตตันตปิฎก ขุททกนกิ าย ธัมมบท (ภาษาไทย)
ขุ.ม.(ไทย) = สุตตันตปิฎก ขทุ ทกนกิ าย อุทาน (ภาษาไทย)
ขุททกนิกาย มหานิทเทส
อภ.ิ วิ. (ไทย) = อภิธัมมปฎิ ก (ภาษาไทย)
พระอภิธรรมปฎิ ก
วภิ งั ค์





วธิ อี ่าน
๑. พระไตรปิฎก อ้าง เล่ม/ข้อ/หน้า ตามลำดับ ตัวอย่าง ขุ.ธ. (บาลี) ๒๕/๑๙/๓๐
หมายถึง สุตตันตปฎิ ก ขุททกนกิ าย ธมมฺ ปทปาลิ เลม่ ที่ ๒๕ ข้อ ๑๙ หนา้ ๓๐.
๒. พระไตรปิฎก อ้าง เล่ม/ข้อ/หน้า ตามลำดับ ตัวอย่าง ขุ.ธ. (ไทย) ๒๕/๑๙/๓๐
หมายถงึ สุตตนั ตปิฎก ขุททกนิกาย ธรรมบท เลม่ ท่ี ๒๕ ขอ้ ๑๙ หน้า ๓๐.

บทท่ี ๑

ความร้พู ้นื ฐานเกยี่ วกับเทคนิคการสอนสงั คมศกึ ษา

บทนำ

การศึกษาเปน็ กระบวนการเรียนร้เู พ่ือความเจรญิ งอกงามของบุคคลและสงั คมโดยผา่ นการ
ถ่ายทอดความรู้ การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัด
สภาพแวดล้อม สังคม ให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเน่ืองตลอดชีวิต เพื่อพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
ทัง้ ร่างกาย จิตใจ สติปญั ญา ความรู้ และคณุ ธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวติ สามารถ
อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข การจัดการศึกษา จึงเป็นการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดข้ึนกับ
ผู้เรียนโดยการจัดการเรียนการสอนของครู ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดความรู้และ
ประสบการณ์ต่างๆผ่านการสอนที่มีประสิทธิภาพ การสอนเป็นท้ังศาสตร์และศิลป์ คือต้องใช้ท้ัง
ความรู้ด้านการศึกษาหลักจิตวิทยาการเรียนรู้ของมนุษย์ซึ่งจะต้องมีการเรียนและฝึกฝนในสถานบัน
การศกึ ษาท่ีเช่ียวชาญเก่ียวกบั การเรียนการสอน และทเี่ ป็นศิลป์ หรือเป็นศิลปะ เพราะการสอนต้องใช้
ทกั ษะดา้ นการสื่อสาร ทางวาจาและภาษารา่ งกายและใช้จิตวิทยาในการดึงดดู ความสนใจของผเู้ รียนท่ี
มคี วามแตกต่างกันไปตามพื้นฐานความรู้ และอุปนิสัยใจคอ อันเกิดจากสภาพแวดล้อมของการเล้ียงดู
และปลูกฝังต้ังแต่ยังเล็กๆ ดังนั้นผู้สอนต้องมีหลักจิตวิทยาผสมผสานกับกลยุทธ์และวิธีการต่างๆ ตาม
ประสบการณ์และความสามารถของผู้สอนแต่ละคน ซ่ึงนานวันเข้าก็จะกลายมาเป็นเทคนิคการสอน
ของแต่ละบุคคลหรอื เปน็ เทคนิคเฉพาะตัวของผู้สอนแต่ละคนนน่ั เอง

ทักษะและเทคนิคการสอนนับว่ามีความสำคัญต่อการสอนของครูอย่างย่ิง นับตั้งแต่การ
นำเข้าสู่บทเรียน การเร้าความสนใจ การตั้งคำถาม การใช้สื่อการเรียนการสอน การอธิบาย การ
ยกตัวอย่าง การสรุปบทเรียน ตลอดจนการใช้กระดาน การใช้กิริยาท่าทางและวาจา การเสริมแรง
ต่างเพ่ือให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของบทเรียนหรือสาระการเรียนรู้นั้นๆ ผู้สอน
จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาตนเองทั้งด้านทักษะและเทคนิคการสอน เพ่ือให้เกิดความ
คล่องแคล่วว่องไว ชำนิชำนาญในการปฏิบัติการสอน สามารถสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ที่มี
ประสิทธิภาพ ผู้เรียนสนุกสนานไม่เบ่ือหน่ายต่อการเรียน ผู้สอนมีความกระตือรือร้นและบรรลุ
จดุ ประสงค์ที่ได้ต้ังเอาไว้ ทักษะการสอนจึงจำเป็นต้องใช้ควบคู่กบั เทคนิคการสอนอยตู่ ลอดระยะเวลา
ของการสอนในครง้ั น้นั ๆ

2๒

๑. ความหมายของเทคนิคการสอน

คำว่า เทคนิค หมายถึง ศิลปะหรือกลวิธีสำหรับปฏิบัติงานใดงานหนึ่งท่ีไม่เหมือนผู้อื่น
หรอื

เทคนคิ หมายถงึ ศิลปะ กระบวนการหลายอยา่ งที่จดั เป็นกระบวนการทมี่ ีหลายๆ อยา่ งใน
การกระทำต่อสิ่งใดสงิ่ หนึ่งของมนุษยเ์ รา

เมื่อนำเทคนิคมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน เทคนิค ก็หมายถึงวิธีการเฉพาะในการ
กระทำบางสิ่งบางอย่าง ซ่ึงการกระทำดังกล่าวเป็นกระบวนการเก่ียวกับการเรียนการสอนที่เกิดจาก
การคาดคะเนและเช่ือถือได้ หรอื อาจกลา่ วอกี นัยหนึ่งวา่ เทคนิคเป็นวิธกี ารหรือระบบพเิ ศษท่ีใชใ้ นการ
ทำบางส่งิ บางอย่างให้สำเร็จ

เทคนิคการสอน หมายถึง วิธีสอนที่ประกอบด้วยทักษะ ศิลปะ หรือ กระบวนการท่ีมี
ระบบหรือมีความสามารถนำเอาศิลปะวิธีการถ่ายทอด ความรู้ในการจัดกิจกรรมและประสบการณ์
ตลอดจนการแนะแนวทางในการเรียนการสอนในทุกสถานการณ์ เพราะฉะน้ันในการฝึกทักษะการ
สอนที่นำเทคนคิ การสอนมาผสมผสานนน้ั ควรคำนึงถึง ๒ วิธี คอื

วธิ ีที่ ๑ ฝกึ ทกั ษะที่ละทักษะย่อยๆ เรยี กวา่ การฝึกทักษะการสอนแบบจุลภาค
วธิ ีที่ ๒ ฝึกที่ละหลายๆ ทักษะรวมกันอย่างผสมผสานกับเทคนิคการสอนวิธีต่างๆ วิธีสอน
แบบวิทยาศาสตร์ วธิ ีสอนแบบสาธติ วิธีสอนแบบสบื สวนสอบสวน ฯลฯ เป็นต้น
ทิศนา แขมมณี กล่าวว่า เทคนิคการสอน หมายถึง กลวิธีต่างๆท่ีใช้เสริมกระบวน การ
สอน ขัน้ ตอนการสอน หรอื การกระทำตา่ งๆ ในการสอนใหม้ ีคุณภาพและประสิทธิภาพเพมิ่ ขึน้ ๑
พานชัย เกษฎา กล่าวว่า เทคนิคการสอน หมายถึง กลวิธีต่างๆ ที่ใช้เสริมกระบวนการ
สอน ข้ันตอนการสอน วิธีการสอน หรือการดำเนินการทางการสอนใดๆเพื่อช่วยให้การสอนมีคุณภาพ
และประสิทธิภาพมากข้ึน๒ เช่น ในการบรรยาย ผู้สอนอาจใช้เทคนิคต่างๆท่ีสามารถช่วยให้การ
บรรยายมีคณุ ภาพและประสิทธภิ าพมากขึน้ เชน่ การยกตัวอย่าง การใชส้ อ่ื และการใช้คำถาม เปน็ ตน้
ดารกา วรรณวนิช ให้ความหมายของเทคนิคการสอนว่า หมายถึง วิธีการเฉพาะหรือ
ระบบกระบวนการพิเศษท่ีใช้ในการจัดการเรียนการสอน เทคนิคการสอนมีอยู่มากมาย แล้วแต่ว่า

๑ ทิศนา แขมมณี, ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพ่ือการจัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพ,
พมิ พค์ ร้ังท่ี ๑๗, (กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์แห่งจฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย, ๒๕๕๖), หนา้ ๓๘๖.

๒ พานชยั เกษฎา, เอกสารประกอบการสอน รายวชิ าทกั ษะและเทคนิคการสอน, (สรุ นิ ทร์ : คณะครุ
ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสุรนิ ทร์, ๒๕๕๕), หนา้ ๒.

3๓

ผูส้ อนจะปรบั ใช้อย่างไรให้ดที ี่สุด๓ และเข้าได้กับสภาพของผู้เรียนสภาพแวดล้อมที่ครูมอี ยู่ เทคนิคการ
สอนวธิ ีเดียวกันอาจใช้ไม่ได้ในกรณีเดียวกัน หากอยู่ในสถานการณ์และส่ิงแวดล้อมต่างกัน เพราะไม่มี
สถานการณ์ใดท่ีเหมือนกับสถานการณ์หน่ึงทุกแง่ทุกมุม ผู้สอนควรทำความเข้าใจเทคนิคการสอนใน
รปู แบบต่างๆ กัน เพ่ือใช้เสรมิ กระบวนการสอน ข้ันตอนการสอนหรือการกระทำต่างๆ ในการสอน มี
เทคนิควธิ ีการจัดการเรียนการสอนอยู่มากมายและหลายวิธีท่ีส่งเสริมและให้ความสำคัญกับผู้เรียนใน
ฐานะศูนย์กลางของการเรียนการสอน ซึ่งผู้สอนสามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมลักษณะของผู้เรียน
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ และเน้อื หาหรือสาระการเรยี นรูต้ ่างๆเทคนคิ การสอน เป็นการจัดประสบการณ์
หรือกิจกรรมอย่างมีจดุ หมายเพ่ือส่งเสรมิ ให้ผู้เรียนเกิดประสบการณ์ เกิดการเรียนรู้ได้รวดเร็วขึ้น ง่าย
ขึ้น เทคนิคการสอน จึงหมายถงึ กลวิธีต่างๆ ทใ่ี ชเ้ สริมกระบวนการสอน ข้ันตอนการสอน วิธีการสอน
หรือการดำเนินการทางการสอนใดๆเพ่ือช่วยให้การสอนมีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ใน
การบรรยาย ผ้สู อนอาจใช้เทคนิคต่างๆ ท่ีสามารถช่วยให้การบรรยายมีคุณภาพและประสิทธิภาพมาก
ข้นึ เชน่ การยกตัวอย่าง การใช้สื่อ การใช้คำถาม เปน็ ต้น (ศรมี งคล เทพเรณู, ๒๕๔๕, หน้า ๓๙-๔๐)๔

สรุปได้ว่า เทคนิคการสอน คือ กลวิธีต่างๆที่ใช้เสริมกระบวนการสอน ขั้นตอนการสอน
วธิ ีการสอน หรือการดำเนินการทางการสอนใดๆ เพ่ือชว่ ยให้การสอนมีคุณภาพและประสิทธภิ าพมาก
ข้ึน มีเทคนิคการสอนที่หลากหลายวิธีท่ีเหมาะสมกับเนื้อหาสาระ ความสนใจและความต้องการของ
ผูเ้ รยี นและสามารถเออ้ื ใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรแู้ ละบรรลจุ ุดมงุ่ หมายท่ีกำหนด

๒. ความหมายของทักษะการสอน

ทักษะเป็นคำที่นำมาจากรากศัพท์ ภาษาสันสกฤต และในวิชาการศึกษาได้แปลมาจากคำ
ว่า skill ซ่ึงมีความหมายถึง ความสามารถ ขยันหม่ันเพียร ความคล่องแคล่ว แข็งแรง นอกจากน้ี
พจนานุกรมไทยได้ให้ความหมายของทักษะไว้ว่าเป็นความชำนาญ และความสามารถในการ
ปฏิบัตงิ านอย่างใดอยา่ งหน่ึง ในเวลารวดเร็วและเกดิ ประสิทธภิ าพ ในเร่ืองน้ี

ศรีมงคล เทพเรณู กล่าวว่า ทักษะ หมายถึง ความสามารถ ความชำนิชำนาญ และความ
คล่องแคล่วว่องไว ซึ่งเป็นสิ่งที่บุคคลได้เรียนรู้ท่ีจะทำด้วยความรวดเร็ว แม่นยำถูกต้อง ซ่ึงอาจจะเป็น
ทางรา่ งกายหรือสมอง ในระยะทีร่ วดเร็ว เชน่ ความสามารถในการคิดเลขไดร้ วดเร็ว การวาดภาพเร็ว๕

๓ ดารกา วรรณวนิช, ยทุ ธศาสตรก์ ารสอน, (กรุงเทพมหานคร : โรงเรยี นสาธิตมหาวทิ ยาลัยศรนี ครินท
รวโิ รฒ (ฝ่ายมธั ยม), ๒๕๔๙), (เอกสารอัดสำเนา), หน้า ๒๗๔.

๔ ศรีมงคล เทพเรณู, เอกสารคำสอน รายวิชาทกั ษะและเทคนคิ การสอน, (กรุงเทพมหานคร: คณะครุ
ศาสตร์ สถาบนั ราชภฏั บ้านสมเดจ็ เจ้าพระยา, ๒๕๔๕), (เอกสารอัดสำเนา), หน้า ๓๙-๔๐.

๕ ศรมี งคล เทพเรณู, ทกั ษะและเทคนิคการสอน, (กรุงเทพมหานคร : คณะครุศาสตร์ สถาบันราชภฏั
บ้านสมเดจ็ เจา้ พระยา, ๒๕๔๓), หนา้ ๑.

4๔

ทิศนา แขมมณี ได้ให้ความหมายของคำว่า ทักษะ (skill) ว่าหมายถึง ความสามารถใน
การกระทำอย่างชำนาญ หากเรากระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้อย่างชำนาญก็เรียกได้ว่าเรามี ทักษะ ในการ
กระทำนน้ั ๖

วลยั อิศรางกูร ณ อยุธยา (พานิช) ใหค้ วามหมายของทักษะ ว่าหมายถึง ความสามารถใน
การทำสิ่งใดส่ิงหน่ึงได้อย่างดี ซ่ึงการจะมีทักษะนั้นจะต้องมีการฝึกทักษะ (train) และมีประสบการณ์
คำว่าทักษะ (skill) และสมรรถนะ/สมรรถภ าพ (competencies) สามารถใช้สลับกัน ได้
(Intechangable) การมีทักษะจะต้องมีความสามารถ (abilities) ที่เช่ียวชาญเป็นพิเศษท่ีเรียกว่า
mastery๗

อาภรณ์ ใจเท่ียง ได้สรุปว่า ทักษะ คือ ความสามารถในการกระทำสิ่งใดส่ิงหนึ่งได้อย่าง
ถูกต้อง คล่องแคลว่ ชำนาญและมีประสิทธิภาพ๘

แกร์ริสัน (Grarrison) ให้ความหมายของทักษะว่าหมายถึง แบบของพฤติกรรมที่กระทำ
ไปด้วยความราบเรียบ (smoothly) ถูกต้อง รวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนา
ความสามารถของตน๙

แกร์ริสัน (Garrison)๑๐ ได้อธิบายถึงลักษณะการกระทำที่แสดงถึงการมีทักษะไว้ว่า
จะต้องประกอบดว้ ยทักษะ ๒ ประการ ได้แก่

๑. ความแม่นยำและความรวดเร็วในการกระทำ (accuracy and speed) เช่น พนักงาน
พิมพ์ดีด พิมพ์ได้เร็ว กดแป้นพิมพ์ไม่ผิดที่ พิมพ์ได้ถูกต้องคล่องแคล่ว หรือ เช่น คนขับรถมอเตอร์ไซค์
เหน็ อะไรขวางหน้ามือขวาจะบดิ ลดความเร็ว พรอ้ มท้ังดึงเบรกมือ ในขณะท่ีเท้าขวากเ็ หยียบเบรกและ
พยายามเบนรถเลี่ยงหลบ ท้ังมือและเท้าทำงานสอดคล้องสัมพันธ์กันตาก็ต้องจ้องดูว่ายังอยู่ใกล้กล
เพียงใด มีท่ีว่างจะหลบไปทางไหนดี ถ้าเท้าเหยยี บเบรก แต่มือไม่บิดคลายเพือ่ ลดความเร็ว รถก็จะล้ม

๖ ทศิ นา แขมมณี, ศาสตรก์ ารสอน : องค์ความรเู้ พือ่ การจัดกระบวนการเรยี นร้ทู ่มี ีประสิทธภิ าพ,
พิมพ์ครัง้ ท่ี ๑๗, (กรุงเทพมหานคร : สำนักพมิ พ์แห่งจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย, ๒๕๕๖), หน้า ๓๘๖.

๗ วลัย อิศรางกูร ณ อยุธยา, หน่วยท่ี ๒ การจัดการเรียนรู้สังคมศึกษา, ประมวลชุดสาระชุด
วิ ช า ก า ร จั ด ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ก า ร เรี ย น รู้ สั ง ค ม ศึ ก ษ า ห น่ ว ย ที่ ๑ -๕ , (น น ท บุ รี : ส ำ นั ก พิ ม พ์
มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช, ๒๕๕๕),หนา้ ๑.

๘ อาภรณ์ ใจเท่ียง, หลกั การสอน (ฉบับปรับปรุง), (กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร์, ๒๕๕๓), หน้า
๖๗.

๙ Garrison, K. C. & Magoon, R, Educational Psychology, (Columbia Ohio : Charles E,
Merrill Publishing Company, 1972), p. 640.

๑๐ Garrison, K. C. & Magoon, R, Educational Psychology, (Columbia Ohio : Charles E,
Merrill Publishing Company, 1972), pp. 348-350.

๕5

ได้ง่าย พฤติกรรมใดกระทำไปได้ด้วยความรวดเร็วถูกต้องแม่นยำ ย่อมแสดงถึงการมีทักษะในการ
กระทำนนั้

๒. ความสอดคล้องผสมผสานกัน (co-ordination) อย่างเหมาะสมของกล้ามเนื้อต่างๆ
ย่อมจะปรากฏในการกระทำที่มที ักษะการทำงานประสานกนั ของกล้ามเน้อื และอวัยวะต่างๆ เช่น การ
เตะตะกร้อ ตาต้องดู หูฟังเสียง เท้าวิ่ง ศีรษะโหม่งลูก หรือการเล่นดนตรี คนเป่าแตร อวัยวะต้อง
ประสานสอดคลอ้ งกนั ตาดูโน้ต หูฟงั จังหวะ ปากเป่า มือขยบั จมกู หายใจไดจ้ งั หวะ

ครอนบัค (Cronbach) ได้กล่าวว่า ทักษะเป็นการปฏิบัติท่ีเกิดจากการเรียนรู้สามารถ
กระทำได้โดยแทบจะไมต่ ้องใช้ความคิด๑๑

กู๊ด (Go๐d)๑๒ ได้ให้ความหมายของทักษะไว้ในหนังสือ Dictionary of Education ว่า
เป็นสิ่งที่บุคคลได้เรียนรู้ท่ีกระทำด้วยความยาก ง่าย แม่นยำ อาจจะทางด้านร่างกาย สมองก็ได้ หรือ
ทักษะ หมายถงึ ความชัดเจน ความกลมกลืนในการใชน้ ิว้ มือ นวิ้ เทา้ มอื เท้า และสายตา

จากความหมายดังกลา่ ว สรุปได้ว่า ทักษะ คือความสามารถในการกระทำอย่างชำนาญ ผู้
ที่เกิดทักษะในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ย่อมกระทำสิ่งนั้นได้อย่างชำนาญ ถูกต้องคล่องแคล่ว และแล้วเสร็จได้
ด้วยดี

ทิศนา แขมมณี๑๓ ให้ความหมายของทักษะการสอน ไว้ว่าหมายถึง ความสามารถในการ
ปฏิบัติการสอนด้านต่างๆอย่างชำนาญ ซึ่งจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อผู้สอนมีความรู้ ความสามารถเข้าใจ
เก่ียวกับการสอน ได้แก่ ความรู้ความเข้าใจในเร่ืองทฤษฎี/หลักการสอน ระบบการสอน รูปแบบการ
เรียนการสอน วธิ ีสอน เทคนิคการสอน และลงมอื ปฏิบตั ิตามความรคู้ วามเข้าใจนนั้ จนสามารถปฏิบตั ิ
ได้ผลดีอย่างคล่องแคล่วชำนาญ ทักษะการสอนไม่ใช่เทคนิคการสอน แต่เป็นการใช้เทคนิคการสอน
รวมถึงการใชว้ ธิ สี อน รูปแบบการเรียนการสอน ระบบการสอนและหลกั การสอนดว้ ย

พานชัย เกษฎา๑๔ สรุปความหมายของทักษะการสอนไว้ว่า ทักษะการสอน หมายถึง
ความสามารถในการปฏิบัติการสอนได้อย่างถูกต้อง คล่องแคล่ว ชำนาญ ทำให้การสอนบรรลุ
วัตถุประสงค์ทวี่ างไว้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ โดยใชเ้ วลาไมม่ ากนัก

๑๑ Cronbach, L.J., Educational Psychology, (New York : Harcourt Brace Jevanovich,
Inc, 1977), P. 393.

๑๒ Good, C. V., Dictionary of Education, ( Michigan : McGraw-Hill., 1973), p. 19.
๑๓ ทศิ นา แขมมณี, ศาสตร์การสอน: องค์ความรเู้ พ่ือการจดั กระบวนการเรียนรู้ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ,
พมิ พ์ครงั้ ที่ ๑๗, (กรุงเทพมหานคร : สำนกั พิมพแ์ หง่ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๖), หนา้ ๓๘๖-๓๘๗.
๑๔ พานชยั เกษฎา, เอกสารประกอบการสอน รายวิชาทกั ษะและเทคนิคการสอน, (สรุ นิ ทร์ : คณะ
ครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สรุ นิ ทร์, ๒๕๕๕), (เอกสารอดั สำเนา), หนา้ ๑.

6๖

อาภรณ์ ใจเที่ยง๑๕ กล่าวว่า ผู้ท่ีมีทักษะการสอน หมายถึง ผู้ที่มีความเช่ียวชาญในการ
สอน สามารถดำเนินการสอนได้อย่างคล่องแคล่ว ราบรื่นและเรียบรอ้ ย ทำให้ผู้เรียนเกิดความกระจ่าง
ในบทเรยี นได้ โดยใช้เวลาไมม่ ากนกั

ดารกา วรรณวนิช ๑๖ ให้ความหมายของทักษะการสนว่าหมายถึง ความสามารถในการ
ปฏิบัติการสอนด้านต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถถ่ายทอดความรู้หรือประสบการณ์ต่างๆ
ให้กับผู้เรียนได้อย่างดี ด้วยการใช้เทคนิคการสอนเพื่อช่วยเสริมให้วิธีสอน รูปแบบการเรียนการสอน
และระบบการสอนมีคณุ ภาพและประสิทธภิ าพมากขน้ึ

รังสรรค์ บุษยะมา๑๗ ได้ให้ความหมายของทักษะการสอน (instructional skill) ไว้ว่า
หมายถึง ความชำนาญ ความว่องไว ความคล่องแคล่วในการปฏิบัติกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัด
กิจกรรมการเรียนการสอน ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงบทบาทของครูผู้สอนในการดำเนินงานเกี่ยวกับการจัด
กจิ กรรมการเรยี นการสอนในห้องเรียนแลว้ จะเหน็ ว่าผู้สอนแสดงบทบาทในการสอนแยกเปน็ กจิ กรรม
ย่อย ได้หลายกิจกรรมด้วยกัน แต่สำหรับในการจัดกิจกรรมย่อยนี้ ผู้สอนจะต้องมีทักษะหรือสามารถ
แสดงพฤติกรรมด้วยความชำนาญในหลายด้านด้วยกัน จึงจะทำให้กระบวนการเรียนการสอนประสบ
ความสำเร็จตามจุดประสงค์การเรียนรู้ พฤติกรรมการสอนของครูในการใช้ทักษะการสอนจึงมีผลต่อ
ผู้เรียนมาก

สรปุ ได้วา่ ทักษะการสอน หมายถึง ความสามารถ ความชำนาญในการนำวธิ ีสอนไปใช้ให้
เกิดประโยชน์คุ้มค่า หรือมีความหมายในแนวกวา้ งว่าเป็นความสามารถ ความชำนาญท่ีนำเอาวธิ ีสอน
สื่อการสอน เทคโนโลยี และนวัตกรรมการศึกษามาช่วยสอน เพื่อทำให้การสอนมีประสิทธิภาพสูงใน
ระยะเวลารวดเร็ว ทักษะการสอนท่ใี ช้ในการสอนมมี ากมายหลายทกั ษะ เช่น การนำเข้าสู่บทเรยี นการ
อธิบาย การเร้าความสนใจ การใช้ส่ือการสอน การใช้กระดานดำ การเสริมแรง และการสรปุ บทเรียน
ฯลฯ เป็นต้น ผู้ท่ีมีทักษะการสอน จึงหมายถึง ผู้ท่ีมีความชำนาญในการสอน สามารถดำเนินการสอน
ได้อย่างคล่องแคล่ว ราบร่ืนและเรียบร้อย ทำให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจในบทเรียนได้ชัดเจนในเวลาท่ี
เหมาะสม

๑๕ อาภรณ์ ใจเทีย่ ง, หลกั การสอน (ฉบับปรับปรุง), (กรงุ เทพมหานคร : โอเดียนสโตร์, ๒๕๕๓), หนา้
๑๗๖.

๑๖ ดารกา วรรณวนชิ , ยทุ ธศาสตรก์ ารสอน, (กรุงเทพมหานคร : โรงเรยี นสาธติ มหาวิทยาลยั ศรนี คริ
นทรวิโรฒ, ฝา่ ยมัธยม, ๒๕๔๙), (เอกสารอดั สำเนา), หน้า ๒๗๔.

๑๗ รงั สรรค์ บษุ ยะมา, คมู่ อื การฝกึ ทกั ษะการสอน, (กรงุ เทพมหานคร : คณะครศุ าสตร์ สถาบนั ราชภฏั
บา้ นสมเด็จเจา้ พระยา, ๒๕๔๑), (เอกสารอดั สำเนา) , หน้า ๑-๒.

7๗

๓. ความสัมพันธ์ระหว่างทักษะและเทคนิคการสอน

ในการสอนของครูผู้สอนจะต้องมีท้ังทักษะและเทคนิคการสอน กล่าวคือ ผู้สอนต้องมีความรู้
ความเข้าใจในศาสตร์การสอน กลวิธีต่างๆ ที่ใช้เสริมกระบวนการสอน ขั้นตอนการสอนหรือการ
กระทำต่างๆในการสอน การถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้เรียนให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากข้ึน นั่น
คือ เทคนิคการสอน และเม่ือรู้และเข้าใจในกลวิธีการสอนแล้ว ผู้สอนจะต้องมีทักษะการสอนได้แก่
ความชำนาญ ความคล่องแคล่วว่องไวในการใช้กลวิธีการสอนน้ันๆ จึงจะทำให้การสอนนั้นมี
ประสิทธิภาพมากย่ิงขึ้น การฝึกทักษะการสอนเป็นส่ิงท่ีจำเป็นสำหรับครูมืออาชีพ ผู้สอนต้องมี
ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้เรียน ถ้าผู้เรียนไม่เข้าใจจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง
พฤติกรรมตามทผี่ ู้สอนตง้ั จดุ มุ่งหมายไว้ ซึ่งทักษะการสอนจะไมส่ ามารถเกิดขึ้นเองได้ถ้าไม่มกี ารฝกึ ฝน
จนชำนาญ สามารถถา่ ยทอดความรไู้ ด้อยา่ งคล่องแคลว่ และมปี ระสิทธภิ าพ๑๘

ผู้เขียนได้สัมภาษณ์ผู้เช่ียวชาญศาสตร์การสอนถึงทัศนะเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างทักษะ
และเทคนิคการสอน ไว้ดงั น้ี

สุรศักด์ิ หลาบมาลา๑๙ ได้แสดงทัศนะในเร่ืองทักษะและเทคนิคการสอนไว้ว่า "ถ้าหากคุณ
เปน็ ศิลปินแกะสลกั ต้องการสลกั ไม้ทอ่ นหนึ่งให้เป็นสาวสวย ประการแรกคุณต้องมมี โนภาพ กล่าวคือ
สาวสวยน้ันจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร ประการที่สอง ท่อนไม้น้ันเป็นไม้ประเภทไหน เหมาะแก่การ
แกะสลักหรือไม่ ประการท่ีสาม คุณต้องมีเคร่ืองมือในการแกะสลัก คุณต้องรู้ว่าจะสลักตรงไหน ตา หู
จมูก แขน ต้องใช้เคร่ืองมือช้ินใด นั่นคือ เทคนิคการสอน หรือกลวิธีการสอนที่เหมาะกับงานที่ทำ
ประการสุดท้าย คือคุณต้องมีความชำนาญ หรือทักษะในการใช้เครื่องมือชิ้นน้ันอย่างดี ผลงานจึง
ออกมาดี พูดโดยตรงก็คือ ครูต้องมีแนวคิดกว้างว่าสิ่งท่ีต้องทำนั้น มีรูปร่างอย่างไรจึงเรียกว่า ดีหรือ
สวย ท่อนไม้ หรือ เด็กที่สอนนั้นเป็นอย่างไร ต้องรู้จักเขาดี ข้ันต่อไป ครูจะใช้เคร่ืองมือหรือวิธีสอน
อย่างไร จึงจะบรรลุแต่ละส่วน หรือเป้าหมายอย่างสวย และครูต้องมีทักษะในการสอนและใช้เทคนิค
น้ันๆอย่างชำนาญด้วย สิ่งเหล่านี้จะเสริมซ่ึงกันและกันในการสอนให้บรรลุเป้าหมาย ซ่ึงหาได้จาก
ประสบการณส์ อนอนั ยาวนาน มนุษยสมั พนั ธ์ การเรยี นรู้และการคน้ ควา้ วิจัย"

วาสนา เพิ่มพูล๒๐ ได้แสดงทัศนะไว้ว่า เม่ือกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างทักษะและ
เทคนิคการสอนนั้น มีความสำคัญสำหรับผู้สอนในการท่ีจะจัดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพเนื่องจาก
ทักษะคือ ความรู้ ความสามารถ ความคล่องแคล่วในศาสตร์ท่ีตนเองเช่ียวชาญเป็นอย่างดีเพื่อท่ีจะ
ถา่ ยทอดความรู้หรอื ประสบการณก์ ารสอนไปยังผ้เู รียนให้บรรลุตามเป้าหมาย ซึง่ สอดคลอ้ งกับแนวคิด

๑๘ พงษพ์ ัชรินทร์ พุธวฒั นะ, ทกั ษะและเทคนคิ การสอน, (ธนบรุ ี : คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราช
ภัฏธนบุร,ี ๒๕๕๙, (เอกสารอดั สำเนา), หน้า ๑๔.

๑๙ สุรศกั ด์ิ หลาบมาลา, อา้ งใน พงษพ์ ัชรินทร์ พุธวฒั นะ, หนา้ ๑๔.
๒๐ เรือ่ งเดยี วกนั หน้า ๑๔.

8๘

ของ อาภรณ์ ใจเที่ยง๒๑ ระบุว่า ผู้ท่ีจะเป็นครูจำเป็นจะต้องได้รับการฝึกทักษะในด้านต่างๆจน
คล่องแคล่ว ถูกต้องแม่นยำ จนบรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพในเวลาที่ไม่นานนัก ส่วนเทคนิค
การสอนคือศิลปะอย่างหน่ึงที่จะช่วยเสริมกระบวนการเรียนการสอนให้น่าสนใจ ไม่เบื่อหน่าย
สนุกสนาน เขา้ ใจบทเรียนง่ายข้ึน ซึ่งเปน็ การเพิ่มท้ังคุณภาพและประสิทธิภาพในการสอน โดยมีกลวิธี
ต่างๆมากมายขึ้นอยู่กับผู้สอนนำไปประยุกต์ใช้ ดังน้ันทักษะและเทคนิคการสอนจึงมีความสัมพันธ์
เก่ียวข้องในการเรียนการสอน เน่ืองจากการเรียนการสอนต้องใช้ท้ังศาสตร์ผสมผสานกับศิลป์ ตาม
ประสบการณ์และความสามารถเฉพาะตัวของผู้สอนแต่ละคน ซึ่งผู้สอนบางรายอาจจะมีทักษะการ
สอน แตอ่ าจจะไมม่ เี ทคนิคการสอนกเ็ ป็นไปได้

นฤมล ปภัสสรานนท์ ได้อธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างทักษะและเทคนิค การสอนไว้ว่า
การจัดการเรียนรู้หรือการจัดการเรียนการสอนในปัจจุบัน มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ด้วย
กระบวนการเรียนรู้ของตนเอง๒๒ โดยให้ได้ตามมาตรฐานและตัวชี้วัดที่หลักสูตรกำหนด ซ่ึงจาก
ความหมายของทักษะและเทคนิคการสอนท่ีได้นำเสนอข้างต้น จะเห็นได้ว่า ท้ังสองเรื่องมี
ความสัมพันธ์กนั มีความคล้ายคลึงกนั แต่ไม่ใช่เร่อื งเดียวกันเพราะการที่จะกล่าววา่ ครทู ่านใดมที ักษะ
การสอนย่อมแสดงให้เห็นว่า ครูท่านนั้นได้ลงมือปฏิบัติและฝึกฝนจนเกิดความชำนาญสามารถปฏิบัติ
ได้อยา่ งคลอ่ งแคล่ว เช่น การออกแบบการจัดกจิ กรรม หากตัวช้ีวัดในหลักสูตรกำหนดใหผ้ ู้เรยี นรอู้ ะไร
และทำอะไร ครูท่านน้ันจะสามารถกำหนดกิจกรรมได้ว่า จะใช้รูปแบบหรือวิธีการสอนใด มีข้ันตอน
กระบวนการอย่างไร เพ่ือให้ผู้เรียนบรรลุตามเป้าหมายท่ีหลักสูตรกำหนดไว้ ส่วนเทคนิคการสอนจะ
ช่วยส่งเสริมให้กิจกรรมหรือข้ันตอนที่ครูออกแบบไว้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จะเป็นกลวิธีหรือศิลปะ
ต่างๆ เช่น เทคนิคการเสริมแรง เทคนิคในการใช้คำถาม เป็นต้น จะเห็นได้ว่าท้ังสองเรื่องไม่สามารถ
แยกออกจากกันได้อย่างชัดเจนแต่จะเป็นเกลียวที่ร้อยรัดและส่งเสริมกันเพ่ือให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
และบรรลุตามเป้าหมายของหลกั สตู รได้อยา่ งมีคุณภาพ

จากทัศนะของผู้เช่ียวชาญในศาสตร์การสอนดังกล่าว สะท้อนให้เห็นขึ้นความสัมพันธ์
ระหวา่ งทกั ษะและเทคนิคการสอนที่เกี่ยวพันกนั อย่างแน่นแฟ้น ผูส้ อนท่ีมีทักษะและเทคนคิ การสอนท่ี
ดี จะสามารถทำใหก้ ระบวนการเรยี นรู้ของผเู้ รียนมคี ุณภาพและมปี ระสิทธิภาพย่ิงขึ้น

๒๑ อาภรณ์ ใจเทย่ี ง, หลกั การสอน (ฉบบั ปรับปรงุ ), (กรุงเทพมหานคร : โอเดยี นสโตร์, ๒๕๕๓) , หนา้
๑๗๒-๑๗๓.

๒๒ นฤมล ปภสั สรานนท์, อ้างใน พงษพ์ ชั รินทร์ พธุ วัฒนะ, หนา้ ๑๕.

9๙

๔. ความสำคัญของทักษะและเทคนคิ การสอน

ทักษะการสอน คือความสามารถทางการสอนของครู เป็นความชำนาญในการจัด
ประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียน ส่งผลต่อกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนให้เกิดการพัฒนาในตัวผู้เรียนทุก
ด้าน ส่วนเทคนิคการสอน คือกลวิธีต่างๆ ท่ีใช้เสริมกระบวนการสอน ขั้นตอนการสอน วิธีการสอน
หรือการดำเนินการทางการสอนใดๆ เพื่อช่วยให้การสอนมีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้สอน
จำเป็นต้องมีทักษะต่างๆ ท่ีจำเป็นในการสอน และการจัดกิจกรรม รวมทั้งใช้เทคนิคการสอนได้อย่าง
เหมาะสม หากผู้สอนขาดทักษะในการสอน ผู้เรียนอาจเกิดความสับสนไม่เข้าใจในบทเรียน และอาจ
เกิดความเบ่ือหน่ายในการเรียน ดังนั้น ทักษะและเทคนิคการสอนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จำทำให้
ผเู้ รียนเกิดความเข้าใจและมีแรงจงู ใจในการเรียน ดงั ต่อไปน้ี

๑. ทักษะนับเป็นจุดมุ่งหมายหมวดหนึ่งของการศึกษา ซ่ึงจะต้องฝึกควบคู่กับความรู้และ
เจตคตยิ ่ิงขนึ้

๒. เป็นการส่งเสรมิ ความชำนาญคลอ่ งแคล่วหรือเชีย่ วชาญในด้านการปฏิบตั ิการสอน
๓. ชว่ ยใหก้ ารสอนมคี ณุ ภาพและประสิทธภิ าพมากข้ึน
๔. ชว่ ยให้เกดิ ความมนั่ ใจในตนเองมากขน้ึ ซ่ึงเป็นการเสรมิ สร้างบคุ ลิกภาพของผ้สู อนใหด้ ี
๕. ช่วยไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการสอน
๖. ช่วยให้งานสอนบรรลตุ ามจุดประสงค์ที่กำหนด
๗. ชว่ ยให้การทำงานมปี ระสิทธิภาพและสามารถพัฒนางานสอนให้ดีย่งิ ข้ึน
ทักษะการสอนมีความสำคัญต่อการสอน จากผลการวิจัยของ แอน พินิจด้า ได้ทำความ
วิจัย เร่ือง ความคิดเห็นของศึกษาวิทยาลัยครู เกี่ยวกับทักษะการสอนในการฝึกประสบการณ์
วชิ าชีพ๒๓ กล่าวว่า การฝึกทักษะการสอนเป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาวิชาครูได้มีการฝึกทักษะการ
สอนกอ่ นออกฝึกจริง เพราะช่วยให้นักศกึ ษาได้มคี วามตระหนักถึงการให้ผู้เรียนมีสว่ นร่วมในการเรียน
การสอน และจะนำประสบการณ์ที่ได้จากการฝึกทักษะการสอนไปใช้ในการฝึกสอน นอกจากน้ีผู้ตอบ
แบบสอบถามยังกลา่ วถึงในด้านการนำผลการฝกึ ทักษะการสอนไปใช้ในการปรับปรุงตัวเองมกี ารเสริม
กำลังใจผู้เรียน มีการจัดเตรียมส่ือการสอนให้เหมาะสมกับบทเรียนนักศึกษาได้เรียนรู้การเร้าความ
สนใจ ช่วยทำให้มีการปรับปรุงวิธีการสอนอยู่ตลอดเวลา เพราะลักษณะการสอนเป็นองค์ประกอบที่
สำคัญยิ่งสำหรับประสิทธิภาพในการสอน ทำให้ผู้ฝึกเกิดสมรรถภาพในการสอนเพิ่ม เนื่องจากจะช่วย
ให้ผฝู้ ึกมีทักษะในการแกป้ ัญหาการใชก้ ระดานดำ การสอนเพ่ือพัฒนาความคิดสร้างสมดุล เป็นต้น ได้

๒๓ Nokyung22ny, ทั กษ ะและเท ค นิ ค การส อน , (ออน ไลน์ ), จาก https://nokyung22ny.
wordpress.com/, (๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๔).

10 ๑๐

ทำความวิจัยเร่ือง ความคิดเห็นของศึกษาวิทยาลัยครูเก่ียวกับทักษะการสอนในการฝึกประสบการณ์
วชิ าชพี กลา่ วว่า การฝึกทกั ษะการสอนเป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาวิชาครูได้มีการฝกึ ทักษะการสอน
ก่อนออกฝึกจริง เพราะช่วยให้นักศึกษาได้มีความตระหนักถึงการให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรยี นการ
สอน และจะนำประสบการณ์ท่ีได้จากการฝึกทักษะการสอนไปใช้ในการฝึกสอน นอกจากน้ีผู้ตอบ
แบบสอบถามยังกลา่ วถึงในด้านการนำผลการฝึกทักษะการสอนไปใช้ในการปรับปรุงตัวเองมกี ารเสริม
กำลังใจผู้เรียน มีการจัดเตรียมสื่อการสอนให้เหมาะสมกับบทเรียนนักศึกษาได้เรียนรู้การเร้าความ
สนใจ ช่วยทำให้มีการปรับปรุงวิธีการสอนอยู่ตลอดเวลา เพราะลักษณะการสอนเป็นองค์ประกอบท่ี
สำคัญยิ่งสำหรับประสิทธิภาพในการสอน ทำให้ผู้ฝึกเกิดสมรรถภาพในการสอนเพิ่ม เน่ืองจากจะช่วย
ใหผ้ ู้ฝึกมที กั ษะในการแกป้ ัญหาการใชก้ ระดานดำ การสอนเพอื่ พฒั นาความคิดสร้างสมดุล เปน็ ต้น

จากผลงานวิจัยในชั้นเรียนของพงษ์พัชรินทร์ พุธวัฒนะ๒๔ เร่ือง การบูรณาการทักษะและ
เทคนิคการสอนเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา การจัดการชั้นเรียนและส่ิงแวดล้อมเพ่ือ
การเรียนรู้ ของนักศึกษาชั้นปีที่ ๓ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ผลการวิจัยพบว่า
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาเฉล่ียอยู่ในระดับดีมาก เม่ือผู้สอนได้นำทักษะและเทคนิคการ
สอนทหี่ ลากหลายมคี วามสอดคลอ้ งกับเนื้อหาสาระในแตล่ ะหน่วยการเรียนรมู้ าจดั กระบวนการเรยี นรู้
ให้กับผู้เรียน และระดับความพึงพอใจในการเรียนด้วยการบูรณาการทักษะและเทคนิคการสอนเฉล่ีย
อยู่ในระดับดีมาก แสดงถึงความสำคัญของการทักษะและเทคนิคการสอนท่ีมีต่อคุณภาพและ
ประสิทธภิ าพของผู้เรียน

๕. ความสมั พนั ธ์ระหว่างการสอนและการเรยี นรู้

การสอน คือ การถ่ายทอดความความร้ขู องครใู ห้นักเรียน รวมถึงการกระทำทั้งหลายที่มี
ระบบของครู เพื่อส่งเสริมให้เกิดความสะดวกต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน การสอนจึงเป็นระบบของการ
กระทำของครู ซึ่งครูจะตอ้ งพิจารณาวา่ ระบบการสอนนั้นยอ่ มประกอบดว้ ยหลายส่วน และแต่ละส่วน
นนั้ มีผลซึ่งกันและกนั ทุกส่วนในระบบมุ่งใหเ้ กดิ การเรียนรู้ในตัวผู้เรียนและผลการเรยี นรู้น่ันเองก็มีผล
ตอ่ สว่ นต่างๆในระบบดว้ ย๒๕

ส่วนการเรียนรู้ ได้สังเคราะห์นิยามของการเรียนรู้จากนักจิตวิทยาหลายกลุ่ม โดยได้
สรุปว่า การเรียนรู้ หมายถึง กระบวนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปจากเดิม เป็นผลมาจากการได้รับ

๒๔ พงษ์พัชรินทร์ พุธวัฒนะ, การบูรณาการทักษะและเทคนิคการสอนเพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการ
เรียนรายวิชา การจัดการชั้นเรียนและสิ่งแวดล้อมเพ่ือการเรียนรู้ ของนักศึกษาชั้นปีท่ี ๓ คณะครุศาสตร์
มหาวทิ ยาลัยราชภัฎธนบุรี, รายงานการวิจัย, คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ธนบรุ ี, ๒๕๕๙.

๒๕ ฉันทนา วิริยเวชกุล, เทคนิคการสอนสำหรับครู, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลยั , ๒๕๕๙), หนา้ ๓.

1๑๑1

ประสบการณ์ การฝึกหัดหรือฝึกฝนบ่อยๆ พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลง มิได้หมายถึงเฉพาะพฤติกรรม
ทางกายเท่าน้นั แต่รวมถงึ พฤติกรรมท้งั มวลทม่ี นษุ ยแ์ สดงออกมาได้ ซง่ึ แยกได้เป็น ๓ ดา้ นคอื

๑. พฤติกรรมทางสมอง (cognitive) หรือพุทธิพิสัย เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริง
(fact) ความคดิ รวบยอด (concept) และหลกั การ (principle)

๒. พฤติกรรมด้านทักษะ (psychomotor) หรือทักษะพิสัย เป็นพฤติกรรมทางกล้ามเนื้อ
แสดงออกทางดา้ นรา่ งกาย เช่น การพูด การขบั รถ การเขียนแต่งความ การเล่นดนตรี เป็นตน้ และ

๓. พฤตกิ รรมทางความรู้สึก (affective) หรือจิตพิสัย เป็นพฤติกรรมที่เกิดขน้ึ ภายใน เช่น
การเหน็ คณุ คา่ เจตคติ ความรสู้ ึกสงสารเห็นใจเพอื่ นมนษุ ย์ เป็นต้น๒๖

ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์๒๗ได้สรุปความหมายของการเรียนรู้ ไว้ว่า การเรียนรู้เป็นการ
เปล่ียนแปลงพฤตกิ รรม ซึง่ เป็นผลเนือ่ งมาจากกระบวนการเรยี นรู้ โดยการเปลย่ี นแปลงพฤติกรรมของ
บุคคลนั้นจะเกิดข้ึนค่อนข้างถาวรหรอื ถาวร

อารี พันธ์มณี๒๘ สรุปว่าการเรียนรู้หมายถึง กระบวนการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมเดิมสู่
พฤติกรรมใหม่ท่ีค่อนข้างถาวร และเป็นผลมาจากประสบการณ์หรือการฝึกฝน มิใช่เป็นผลมาจาก
ธรรมชาติ สัญชาตญาณ วุฒิภาวะ พิษยาตา่ งๆ อุบัตเิ หตุหรือความบงั เอญิ

ฮลิ การ์ด และ เบาเวอร์ (Hilgard & Bower)๒๙ การเรยี นรู้ เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลง
พฤติกรรม อันเป็นผลมาจากประสบการณ์และการฝึก ท้ังน้ีไม่รวมการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมท่ีเกิด
จากการตอบสนองตามสัญชาตญาณ ฤทธข์ิ องยา หรือสารเคมี หรือปฏิกิรยิ าสะท้อนตามธรรมชาตขิ อง
มนุษย์

กล่าวโดยสรุป การเรียนรู้ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างถาวรหรือค่อนข้าง
ถาวรอันเปน็ ผลมาจากการฝึกฝน และประสบการณ์ การเรียนรู้เกดิ ขนึ้ ได้ตามลำดบั ดังน้ี ๓๐

๑. การรับรู้ (perception) หมายถึง การที่ผู้รับ "รับ" ข้อมูลข่าวสารและองค์ความรู้ต่างๆ
จากแหล่งความรทู้ หี่ ลากหลาย และจากครูผู้สอนโดยผ่านประสาทสมั ผสั ตา หู จมูก ล้ิน ผวิ หนัง

๒๖ ศศิธร เวียงวะลัย, การจัดการเรียนรู้ Learning Management, (กรุงเทพมหานคร : โอ. เอส.
พริน้ ติง้ เฮ้าส,์ ๒๕๕๖), หน้า ๑๙๕.

๒๗ ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์, ๘๐ นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ, (กรุงเทพมหานคร :
แดเน็กซ์ อนิ เตอร์คอร์ปอเรช่ัน, ๒๕๕๒), หน้า ๔๘.

๒๘ อารี พันธ์มณี, จิตวิทยาสร้างสรรค์การเรียนการสอน, (กรุงเทพมหานคร: ใยไหมเอดดูเคท,
๒๕๔๖) , หน้า ๑๗๖.

๒๙ Hilgard & Bower, Quality middle school leadership, (New York : Dell Publishing,
1981). P. 17.

๓๐ อาภรณ์ ใจเที่ยง, หลกั การสอน (ฉบบั ปรับปรุง), (กรงุ เทพมหานคร : โอเดยี นสโตร์, ๒๕๕๓) , หน้า
๑๖.

12 ๑๒

๒. การเข้าใจ (comprehension) หมายถึง การท่ีผู้รับสามารถแปลความหมาย ตีความ
หรือสรุปความสำคัญในส่ิงท่ีรับรู้ได้ เกิดการเชื่อมโยงประสบการณ์หรือความรู้ใหม่กับความรู้เก่าได้
สามารถโยงความสัมพันธข์ องสิง่ ต่างๆทตี่ นเองรบั รู้และสามารถอธบิ ายโดยให้เหตผุ ลประกอบได้

๓. การปรับเปล่ียน (transformation) หมายถึง การที่บุคคลนำความเข้าใจที่เกิดจากการ
รบั รมู้ าสรา้ งแบบแผนพฤตกิ รรมของตนข้ึน และต่อเน่อื งไปยงั การสร้างค่านิยมดว้ ย

การเรียนรู้จึงเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตามลำดับ ตั้งแต่การรับรู้แล้วเกิดความเข้าใจ
ต่อจากน้ันจึงนำมาปรับเปล่ียนเป็นพฤติกรรมที่จะกระทำหรือไม่กระทำส่ิงน้ันๆต่อไปในการเรียนการ
สอน หากครผู ูส้ อนเข้าใจวธิ กี ารเรียนรู้ การจดจำ การทำความเขา้ ใจ การคดิ วิเคราะห์ สังเคราะห์ และ
คิดสรา้ งสรรค์ ตลอดจนองค์ประกอบต่าง ๆ ที่จะมีสว่ นชว่ ยในการเรยี นร้ขู องผู้เรยี น๓๑ สิง่ เหล่านยี้ อ่ มมี
ประโยชน์ต่อการเรียนการสอนอย่างมาก ส่ิงเหล่าน้ีจะช่วยให้ผู้สอนเข้าใจว่าความรู้นั้นจะไม่เกิดจาก
การสอนของผู้สอน หากแต่เกิดจากการเรียนรู้ของผู้เรียน เพราะถ้าผู้สอนตั้งใจสอนแต่ผู้เรียนไม่เกิด
การเรียนรู้กย็ ่อมไร้ประโยชน์ ในทางตรงกันข้าม ถ้าผู้เรียนพยายามเรียนรู้ด้วยตนเอง รวบรวมข้อมูลที่
ค้นหาและประสบการณ์ที่ไดพ้ บเจอ จะตกผลึกเป็นองคค์ วามรู้ได้แม้วา่ ผู้สอนจะไมไ่ ด้สอนเลยกต็ าม สิ่ง
เหล่านี้จะทำให้ผู้สอนเข้าใจว่าการจับเด็กมานั่งในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ เพียงอย่างเดียวเป็นเวลาเกือบ
ยี่สิบปีไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในโลกท่ีกว้างและกลมได้ การเรียนรู้ท่ี
แท้จริง อยู่ในโลกจริงหรือชีวติ จรงิ การเรียนวิชาในห้องเรยี น ยังเป็นการเรียนแบบสมมติ ดังนั้นผสู้ อน
จึงต้องออกแบบการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้เรียนในสถานท่ีใกล้เคียงชีวิตจริงที่สุด๓๒ ให้ผู้เรียนฝึกคิด มี
ความสุข พึงพอใจ ทำบ่อยๆจนเป็นนิสัยเป็นคนช่างคิด คิดเป็น คิดอย่างมีวิจารณญาณ พัฒนาทักษะ
เพื่อการดำรงชวี ิตที่ดี

การจัดการเรียนการสอนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ผู้สอนต้องมีทักษะและเทคนิคการสอน
ที่หลากหลายเพื่อกระตุ้นและจูงใจให้ผเู้ รียนเกิดความสนใจและใคร่รูใ้ นบทเรียนใหม้ ากท่ีสุด ซึ่งเทคนิค
วธิ ีการสอนต่างๆ ต้องอาศัยหลักการและทฤษฎีทางจิตวิทยาการเรียนรู้เข้ามาเกี่ยวข้องกับการจัดการ
เรียนรู้อย่างมาก ฉะน้ันผู้สอนจึงจำเป็นอย่างย่ิงท่ีจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจในศาสตร์ของจิตวิทยา
การเรียนรู้ เพราะการสอนและการเรียนรู้มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ดังท่ี อาภรณ์ ใจเท่ียง๓๓ กล่าว
ไว้ว่า หลักการเรียนรู้กับหลักการสอนมีความสัมพันธ์กัน ถ้าผู้สอนเข้าใจหลักการเรียนรู้ก็จะจัดการ
สอนให้สอดคล้องสัมพันธ์กันได้ การสอนที่คำนึงถึงหลักจิตวิทยาในการเรียนรู้ จะช่วยให้ผู้เรียนเกิด

๓๑ พงษ์พชั รนิ ทร์ พธุ วัฒนะ, ทักษะและเทคนิคการสอน, หนา้ ๑๘.
๓๒ วจิ ารณ์ พานิช, วถิ ีสร้างการเรยี นรเู พื่อศิษย์ในศตวรรษที่ ๒๑, (กรุงเทพมหานคร : มลู นิธสิ ดศรี –
สฤษด์ิวงศ,์ ๒๕๕๕), หนา้ ๕.
๓๓ อาภรณ์ ใจเทยี่ ง, หลกั การสอน (ฉบับปรบั ปรุง), (กรงุ เทพมหานคร : โอเดยี นสโตร์, ๒๕๕๓) ,หน้า
๑๙.

1๑3๓

การเรียนรู้ได้สะดวกง่ายดายขึ้น และเกิดเจตคติที่ดีต่อการเรียน ดังนั้นครูผู้สอนจึงต้องนำหลักการ
เรยี นร้มู าเปน็ ประโยชน์ต่อการสอนใหเ้ กิดประสิทธภิ าพที่สุด

๖. ลักษณะทกั ษะและเทคนิคการสอนท่ีดี

ครูในยุคปัจจุบันต้องมีความเข้าใจเด็กในสมัยใหม่ ซึ่งเป็นยุคนวัตกรรมส่วนใหญ่แล้วเด็ก
จะอยู่กับเทคโนโลยี ผ้สู อนจะต้องตามให้ทันยุคสมัย ซ่ึงจะต้องมีทกั ษะและเทคนิคการสอนท่ีดี ควรมี
ลกั ษณะดงั ตอ่ ไปน้ี๓๔

๑. มีการส่งเสริมผู้เรียนให้เรียนด้วยการกระทำ เพราะการได้ลงมือทำจริง จะทำให้
ประสบการณท์ ีม่ คี วามหมาย

๒. มีการส่งเสริมผู้เรียนให้เรียนด้วยการทำงานเป็นกลุ่ม ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็น
ยอมรับความคิดเห็นซง่ึ กนั และกัน และรจู้ ักการทำงานรว่ มกบั ผู้อน่ื

๓. มกี ารตอบสนองความต้องการของผู้เรียน เรยี นด้วยความสขุ ความสนใจ กระตอื รือร้น
ในการทำกจิ กรรมตา่ ง ๆ

๔. มกี ารสอนใหส้ ัมพนั ธร์ ะหวา่ งวิชาที่เรียนกับวชิ าอ่นื ๆ ในหลักสตู รเปน็ อยา่ งดี
๕. มีการใช้สือ่ การสอน จำพวกโสตทศั นวัสดุ เพื่อเร้าความสนใจช่วยผเู้ รียนเข้าใจบทเรียน
ไดง้ ่ายขึน้
๖. มีกจิ กรรมที่หลากหลาย เพื่อเร้าความสนใจ ผู้เรยี นสนุกสนาน ได้ลงมือปฏิบัติจรงิ และ
ดผู ลการปฏิบตั ิของตนเอง
๗. มีการส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ใช้ความคิดอยู่เสมอ ด้วยการชักถาม หรือให้แสดงความ
คิดเหน็ เกยี่ วกบั ปญั หาง่ายๆ เด็กคดิ หาเหตุผลเปรยี บเทียบ และพจิ ารณาความสมั พนั ธ์ของส่งิ ตา่ ง ๆ
๘. มีการส่งเสริมความคิดริเริ่ม และความคิดสรา้ งสรรค์ ส่งเสริมการคิดทำส่ิงใหม่ ๆ ที่ดีมี
ประโยชนไ์ ม่เลียนแบบใครสง่ เสริมกิจกรรมสุนทรยี ภาพ รอ้ ยกรอง วาดภาพ และแสดงละคร
๙. มีการใช้การจูงใจ ในระหว่างเรียน เช่น รางวัล การชมเชย คะแนนแขง่ ขัน เคร่ืองเชิดชู
เกียรตกิ ารลงโทษ ซึ่งจะช่วยใหเ้ กิดความสนใจ ตง้ั ใจ ขยันหม่นั เพยี รในการเรยี นและทำกิจกรรม
๑๐. มกี ารสง่ เสริมการดำเนินชีวติ ตามแบบประชาธิปไตย เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น
มีการรับฟังความคิดเห็นซ่ึงกันและกัน เคารพความคิดเห็นของผู้อ่ืน ยกย่องความคิดเห็นท่ีดีผู้เรียนมี
สว่ นรว่ มในการวางแผนรว่ มกับครู
๑๑. มีการเรา้ ความสนใจก่อนลงมือทำการสอนเสมอ

๓๔ Langford, G. (1986). อ้างใน พงษ์พัชรินทร์ พุธวัฒนะ, ทักษะและเทคนิคการสอน, (ธนบุรี :
คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏธนบรุ ี, ๒๕๕๙, (เอกสารอดั สำเนา), หนา้ ๑๘.

14 ๑๔

๑๒. มีการประเมินผลตลอดเวลา โดยวิธีการต่าง ๆ เช่น การสังเกต การซักถาม การ
ทดสอบเพือ่ ใหแ้ น่ใจวา่ การสอนของครตู รงตามจดุ ประสงค์มากทส่ี ดุ

๗. เทคนิคทชี่ ่วยใหก้ ารสอนประสบความสำเรจ็

การสอนถือว่าเป็นหัวใจสำคญั ในการถา่ ยทอดความรู้สผู่ ู้เรียน ซึง่ ฉันทนา วิริยเวชกุล๓๕ ได้
กลา่ วถงึ เทคนคิ ท่ีจะช่วยใหก้ ารสอนประสบความสำเรจ็ ไว้ดังนี้

๑. ผู้สอน บุคลิกภาพและความสามารถของผู้สอนมีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน
ผู้สอนจะต้องพัฒนาบุคลิกภาพของตนให้เอ้ือต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน รู้จักเลือกปรับปรุงเทคนิคและ
วธิ สี อนใหเ้ หมาะสม ควรดัดแปลงวิธีการสอนหลายๆวิธีจึงจะทำใหผ้ ูเ้ รยี นสนใจไม่เบื่อหนา่ ย

๒. ความเข้าใจของผู้สอนเกย่ี วกับกระบวนการเรียนรู้ การเรยี นคือ กระบวนการแก้ปญั หา
เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดผลการเรียนในด้านการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมซ่ึงเรียนว่า การเรียนรู้ ฉะน้ัน การ
เรียนรู้จะเกิดจากการกระทำของผู้เรียนโดยตรง ในการสอนจึงควรจัดบรรยากาศทั้งภายในห้องเรียน
และนอกห้องเรียนเพ่ือจูงใจให้ผู้เรียนได้กระทำพฤติกรรมต่างๆทำให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ เกิด
ทักษะ มีเจตคตทิ ่ดี ีและซาบซ้งึ ในการเรยี น

๓. เนื้อหาสาระ จะต้องจัดลำดับเน้ือหาก่อนหลังอย่างมีระเบียบซึ่งจะช่วยให้ง่ายต่อการ
เรยี นรู้และรวดเร็ว

๔. ผเู้ รียน คือผลผลติ ขัน้ สุดท้ายของการเรียน ผู้เรยี นมีความสามารถแตกต่างกนั การสอน
จงึ มที ง้ั การสอนรายบุคคลและเปน็ กลมุ่ เพอื่ ส่งเสริมความสามารถของแต่ละบคุ คล

๕. ปฏิสัมพนั ธ์ระหวา่ งผู้สอนและผู้เรียน ผูส้ อนต้องตอบสนองความตอ้ งการของผู้เรียนให้
มากที่สดุ เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รยี นมคี วามมน่ั ใจก้าวส้โู ลกแห่งการเรยี นรู้และประสบความสำเร็จต่อไป

๘. คุณลักษณะของผู้สอนทม่ี ที กั ษะการสอน

ผสู้ อนที่มีทักษะการสอน หมายถึง ผู้สอนท่ีมีความชำนาญในการสอน สามารถดำเนินการ
สอนให้สำเร็จลุล่วงไปได้เป็นอย่างดี ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ตามวัตถุประสงค์ของบทเรียน
ผูส้ อนท่ีมที ักษะการสอนจึงควรมีคณุ ลักษณะดังนี้๓๖

๓๕ ฉันทนา วิริยเวชกุล, เทคนิคการสอนสำหรับครู, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๙) , หน้า ๗-๘.

๓๖ อาภรณ์ ใจเท่ยี ง, หลกั การสอน (ฉบบั ปรับปรุง), (กรุงเทพมหานคร: โอเดยี นสโตร์, ๒๕๕๓) , หนา้
๑๗๖.

1๑๕5

๑. สอนด้วยความคล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง มีความคล่องตัวในการแสดงออกพฤติกรรม
ต่างๆ เป็นไปอย่างสอดคล้อง เหมาะสม ราบรื่น ไม่ติดขัด เช่น การพูด การอธิบาย การถามคำถาม
การเขียนกระดาน การใช้ส่ือการสอน ทุกพฤติกรรมครูแสดงออกด้วยความม่ันใจ ไม่ขัดเขิน หรือไม่
แน่ใจ ทำให้การสอนเป็นไปอย่างราบรื่นและสำเร็จลงด้วยความเรียบร้อย แม้อาจจะพบอุปสรรคบ้าง
อันเน่ืองมาจากสภาพแวดล้อมต่างๆ แต่ก็สามารถแก้ปัญหาผ่านไปได้ด้วยความม่ันใจ ไม่ทำให้เกิดผล
เสยี ต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนแตป่ ระการใด

๒. สอนด้วยความถูกต้องแม่นยำ หมายถึง มีความถูกต้องแม่นยำทั้งด้านเนื้อหาสาระและ
วิธีการ กล่าวคือ เน้ือหาหรือประสบการณ์ต่างๆ ท่ีจัดให้แก่ผู้เรียนมีความถูกต้องตรงตามทฤษฎี
หลักการ ผู้สอนสามารถให้เน้ือหาสาระที่ถูกต้องได้ครอบคลุมขอบข่ายของวิชา และมีความแม่นยำใน
การให้เน้ือหา โดยไม่ต้องดูเนื้อหาประกอบการสอนตลอดเวลา ส่วนด้านวิชาการหมายความวา่ ผูส้ อน
มีทักษะในการใช้วิธีการสอนหรือจัดกระบวนการเรียนการสอนได้สอดคล้องเหมาะสมกับลักษณะของ
เน้ือหาวิชา วัย ระดับสติปัญญาของผู้เรียน และสภาพแวดล้อมต่างๆ ตลอดจนสามารถสร้าง
บรรยากาศการเรยี นรู้ เพอื่ ส่งเสรมิ การเรียนการสอนไดถ้ ูกต้องเหมาะสม เช่น การรู้จกั ใช้ทกั ษะการเร้า
ความสนใจ การเสรมิ กำลงั ใจ การใช้คำถามต่างๆ ไดด้ ี เป็นตน้

๓. สอนแล้วบรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพในเวลาที่เหมาะสม ผู้สอนท่ีมีทักษะการ
สอนจะทำให้ผู้เรียนบรรลุจุดประสงค์ของการสอนได้อย่างดีตามเวลาท่ีกำหนด กล่าวคือผู้เรียนเกิด
ความรู้ความเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง เกิดเจตคติที่ดีต่อวิชาที่เรียนและต่อผู้สอน เกิดทักษะในการ
คิดค้นคว้า ในการปฏิบัติกิจกรรมตามที่ผู้สอนมอบหมาย ผู้สอนเองก็จะเกิดความสุขและความ
ภาคภูมิใจในการสอน ส่วนผู้เรียนก็จะเกิดความสุขในการเรียน และภูมิใจในความสำเร็จของตนเอง
เช่นเดยี วกัน

ซึ่งอาภรณ์ ใจเที่ยง๓๗ ได้สรุปว่า ผู้สอนท่ีมีทักษะการสอน ควรประกอบด้วยคุณลักษณะ
"๔ กระ" ดงั นี้

๑. กระตือรือร้น พฤติกรรมข้อน้ีหมายความว่า ครูที่มีทักษะการสอนดี จะมีความ
กระตือรือรน้ ในการสอน และมีเทคนิควิธใี นการกระตุน้ ผเู้ รียนให้เกดิ ความกระตือรือร้นในการเรียนทำ
ใหผ้ เู้ รียนสนใจเรียน ตลอดจนจบชัว่ โมงสอน

๒. กระฉับกระเฉง พฤติกรรมข้อน้ีหมายความว่า ครูท่ีมีทักษะการสอนดี จะมีการ
แสดงออกท่ีกระฉับกระเฉงแคล่วคล่อง ไม่เคอะเขนิ ไม่อดื อาด ชักช้า ครูจะแสดงพฤติกรรมต่างๆ ออก
ด้วยความมน่ั ใจ ทงั้ อากัปกิรยิ า และทงั้ วิธกี ารสอน กล่าวคือ มคี วามคล่องแคลว่ ในบุคลิกท่าทาง และมี
ความคล่องตัวในการสอน อนั สง่ ผลให้ผู้เรยี นเกิดความกระฉับกระเฉงในการเรียนดว้ ย

๓๗ เร่ืองเดยี วกนั หนา้ ๑๗๗.

16 ๑๖

๓. กระจ่าง หมายความว่า ครูที่มีทักษะการสอนดี จะมีความสามารถในการจัด
ประสบการณ์ให้ผู้เรียนได้รับอย่างกระจ่างแจ้ง สามารถสอนเรื่องยากให้เป็นเรียนง่ายได้ ทำให้ผู้เรียน
เกิดความเข้าใจได้ชัดเจนถูกต้องอย่างสมบูรณ์ ผู้สอนจะให้ความกระจ่างในบทเรียนแก่ผู้เรียนได้น้ัน
ตัวผู้สอนเองจะต้องมีความกระจ่างในเน้ือหาสาระนั้นเสียก่อนดังนั้น "กระจ่าง" ในข้อนี้จึงหมายถึง
ความสามารถของผู้สอนในการใช้ภาษาได้อย่างกระจ่าง และตนเองมีความรู้อย่างกระจ่างแจ้งซึ่งเป็น
ความรูท้ ถ่ี ูกตอ้ งแทจ้ ริง

๔. กระบวนการ หมายความว่า ครูที่มีทักษะการสอนดี จะมีความสามารถในการ
ดำเนินการสอนอย่างมีข้ันตอนที่ต่อเนื่องกัน เป็นไปตามลำดับ ไม่สับสน และไม่ขัดแย้งกัน และ
สามารถดำเนินการสอนจนเสร็จส้ินกระบวนการ บรรลุจุดประสงค์การสอนตามแผนที่วางไว้อย่างมี
ประสิทธิภาพ ครูที่มีทักษะการสอนดี จึงเป็นครูที่มีความสามารถในการสอนอย่างเป็นกระบวนการมี
ลำดับข้นั ตอนในการสอนท่ีทำใหผ้ ้เู รยี นเกิดการเรยี นร้ไู ดด้ ตี ลอดเวลาเรียนนน้ั

ซ่ึงมีความสอดคล้องกับคัวชาค และเอจเจน (Kauchak & Eggen)๓๘ ซึ่งสรุปคุณลักษณะ
ของครูผู้สอนที่มีทักษะการสอนอย่างมีประสิทธิผลว่า ต้องเป็นผู้ที่ใส่ใจและคาดหวังกระบวนการ
เรียนรู้ของผู้เรียน มีทักษะและเทคนคิ การสอนท่ีมปี ระสทิ ธิภาพ มีรปู แบบการสรา้ งแรงบันดาลใจและ
ความคิดบวกให้กับผู้เรียน มีทักษะในการส่ือสารท่ีดี นำเสนอสาระการเรียนรู้ได้อย่างมีเหตุผล ใช้
ภาษาได้อย่างเหมาะสมทั้งภาษาพูดและภาษากายเป็นผู้ประสานงานท่ีดี เริ่มกิจกรรมการเรียนรู้ได้
อยา่ งทนั ท่วงที มกี ารเตรยี มสอ่ื การเรียนการสอน และมีการจดั การช้ันเรียนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ

สรุปได้วา่ คุณลักษณะของครูผู้สอนที่มที ักษะและเทคนคิ การสอนทด่ี ี ต้องเป็นผู้ท่ีปรับตัว
ไดอ้ ย่างเท่าทันโลก มีความเข้าใจว่า การศกึ ษาที่มคี ุณภาพจะต้องเปล่ียนรูปแบบการเรียนร้ขู องผ้เู รียน
จากการเป็นผู้รับ (passive learner) มาเป็นผู้ลงมือปฏิบัติและแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง (active
learner) นั่นหมายถึง การท่ีครูผู้สอนต้องปรับเปล่ียนบทบาทมาเป็น "โค้ช" หรือผู้ให้การสนับสนุน
(facilitator) ในการเรียนของลูกศิษย์ สอนหรือบรรยายให้น้อยลง เรียนรู้ให้มากข้ึน ก้าวข้ามสาระ
เน้ือหาโดยให้ความสำคัญกับกระบวนการเรียนรู้ผู้สอนต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์ในการสอน กล่าวคือ
ต้องมีความรู้ดี มีทักษะและเทคนิคการสอนท่ีมีประสิทธิภาพ มีความรู้ในหลักการและวิธีสอนท่ีดี ต้อง
รู้เท่าทันส่ือเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ มีทักษะการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ และมีทักษะใน
การส่ือสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้สอนต้องมีความรู้ดีท้ังด้านวิชาการและวิชาชีพครู คุณลักษณะ
สำคัญอีกประการหน่ึงของผู้สอนที่ดีคือ การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูกับศิษย์ ถือเป็นหัวใจของการ
จัดการชั้นเรียน ผู้สอนต้องมีความรู้ทางจิตวิทยา สามารถเข้าใจธรรมชาติของผู้เรียนในแต่ละช่วงวัย
การจัดประสบการณ์เรียนรู้ต้องสอดคล้องกับพัฒนาการของผู้เรียน การสร้างสภาพแวดล้อมและ

๓๘ Kauchak & Eggen, Learning and Teaching Research-Based Methods, ( Boston :
Pearson Education, Inc, 2003), p.145.

1๑7๗

บรรยากาศในชัน้ เรียนท่ีส่งเสริมการเรียนรู้ การสร้างแรงจงู ใจและการเสริมแรงในการเรยี น กระตุ้นให้
ผู้เรียนมีความกระตือรือร้น และไม่เบ่ือหน่ายต่อการเรียน มีเป้าหมายในการเรียนที่ชัดเจน ซึ่ง
สอดคล้องกับ อาภรณ์ ใจเท่ียง๓๙ ที่สรุปไว้ว่า การสอนจะเกิดขึ้นได้จะต้องมีกระบวนการปฏิสัมพันธ์
ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน มีเป้าหมายการสอน และการสอนจะประสบผลสำเร็จได้ดีถ้าผู้สอนใชศ้ าสตร์
อย่างมีศิลป์ สำหรับผู้เขียนซ่ึงสอนในระดับอุดมศึกษา ยึดหลักการในการสอนว่า จะต้องจัด
ประสบการณใ์ หผ้ ู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมคี วามสุข เกิดการพัฒนาตนเองท้ังด้านรา่ งกาย อารมณ์
สังคมและสตปิ ญั ญาสามารถนำความร้ไู ปใช้ในการดำเนนิ ชวี ติ ได้อย่างชาญฉลาด

๙. ทักษะและเทคนคิ การสอนแนวใหม่

ทกั ษะและเทคนิคการสอนแนวใหม่ เป็นการนำแนวคิด วธิ ีการ กระบวนการหรอื ส่ิงประดิษฐ์
ใหม่ๆ และรวมถึงเทคโนโลยีท่ีทันสมัย มาใช้ในการจัดการเรียนรู้ ในการแก้ปัญหาหรือพัฒนาการ
เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพตรงตามเป้าหมายของหลักสูตร ซึ่งจะช่วยให้การศึกษาและการเรียนการ
สอนมีประสทิ ธิภาพดียง่ิ ข้ึน ผูเ้ รยี นสามารถเกิดการเรียนรู้ได้อยา่ งรวดเร็วมีประสิทธผิ ลสูงกวา่ เดิม เกิด
แรงจูงใจในการเรียนด้วยนวัตกรรมเหล่านั้น และประหยัดเวลาในการเรียนได้อีกด้วย กระบวนทัศน์
ใหม่ของการเรียนรู้ แนวคิดแบบใหม่ๆเริ่มเข้ามามีอิทธิพลต่อการจัดการศึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ
การปฏิรูปการศึกษาในปัจจุบัน ด้วยมุมมองที่ว่า ผู้เรียนแต่ละคนมีความแตกต่างกันและต่างก็มี
เอกลักษณ์ของตน ดังนั้น การจัดหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ยอ่ มต้องมีการปรับเปล่ียนให้คำนึงถึง
ลกั ษณะดังกล่าว การเปล่ียนแปลงอย่างรวดเรว็ สร้างความวิตกกังวลและความไม่มนั่ คงในหมู่ครูผู้สอน
ซึ่งถือเป็นความท้าทายท่ีจะเรียนรู้กลยุทธ์ใหม่ ในฐานะที่เป็นผู้นำการศึกษา ผู้สอนต้องยอมรับท่ีจะ
เรยี นรูแ้ ละแก้ปัญหาทอี่ าจจะเกดิ จากทฤษฎีใหมๆ่ ที่เข้ามา ผสู้ อนต้องเป็นตัวอย่างของผ้ทู ี่มีการเรียนรู้
ตลอดชีวิต การศึกษาจะต้องเรียนรู้วิธีการคิดนอกกรอบและพัฒนามากข้ึน งานของผู้สอนไม่ได้เป็น
เพียงแค่ปรับแต่งสภาพที่เป็นอยู่ ถ้าหากจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ย่ังยืนในระบบโรงเรียน เรา
ควรจะแสวงหาความจริงจากหลายมิติในฐานะที่เป็นมนุษย์ เรามีความซับซ้อนหลายแง่มุมชีวิตที่ไม่
สามารถจำกดั อยู่เพียงรูปแบบเดียวมนุษย์ชอบความจรงิ แต่ก็ตอ้ งอาศัยอยู่บนหน้ากากของการเรียนรู้
จากความหลากหลายของแหล่งที่มา ขณะเดียวกันครูผู้สอนควรจะได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับวิธีการ
จัดการเรียนรู้แบบใหม่ๆเพ่ือรับมือกับการเปล่ียนแปลง ความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จะ
นำไปสกู่ ารพัฒนาทักษะของมนษุ ย์ของพวกเขา

อีกทั้ง ครูผู้สอนต้องเรียนรู้ท่ีจะทำงานร่วมกับชุมชนที่หลากหลายมากขึ้น การถ่ายทอด
ความรู้สำหรับผู้เรียนยุคใหม่ ครูผู้สอนสามารถเรียนรู้ส่ิงต่างๆ ได้โดยการลงมือปฏิบัติเช่นเดียวกบั การ

๓๙ อาภรณ์ ใจเทย่ี ง, หลกั การสอน (ฉบับปรบั ปรุง), (กรุงเทพมหานคร : โอเดยี นสโตร์, ๒๕๕๓) ,หนา้ ๔.

18 ๑๘

เชิญชวนให้ผู้เรียนร่วมลงมือกับผู้สอน หรือเน้นกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้วยผู้สอนจะอาศัยโอกาส
ดังกล่าวนี้ในการสังเกตการณ์การทำงานและร่วมแบ่งปันประสบการณ์ท่ีค้นพบด้วยกัน การเรียนรู้
ลักษณะน้ีจะช่วยให้ผู้สอนท่ีจะทำให้ก้าวกระโดดจากทฤษฎีไปสู่การปฏิบัติที่ประสบความสำเร็จ
เพราะการเรียนการสอนในยุคใหม่ ไม่เพียงแต่สอนผู้เรียน แต่ยังต้องดูแลและสร้างความสัมพันธ์กับ
ผ้เู รียนดว้ ยกระบวนการของการเรียนรผู้ ่านการแก้ปัญหาเป็นขั้นตอนสำคญั ผู้สอนจะกระตุ้นให้ผู้เรยี น
ต้ังคำถามและตรวจสอบคำถามของผู้เรียนวิธีการเช่นนี้จะทำให้หลักสูตรมีความหมายมากข้ึน
บทเรียนไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยคำตอบท่ีถูก แต่ควรจะเป็นคำตอบท่ีสามารถขยายผลไปสู่การตั้ง
คำถามของผ้เู รยี นต่อไป เพราะแนวคิดสมัยใหม่มองว่า ความคิดของผู้เรยี นมคี ุณค่า ผ้เู รยี นจะใชพ้ ัฒนา
ความหมายของตัวเองแทนการถ่ายโอนความรู้จากผู้สอน โดยจะเน้นการคิดเชิงวิพากษ์มากกว่าข้อมูล
ที่เป็นข้อเท็จจริง กิจกรรมการเรียนควรมีความหมายและน่าสนใจให้กับผู้เรียน พวกเขาควรได้รับ
อนุญาตในการสร้างพัฒนาและประยุกต์ใช้ความรู้หรือทักษะเพิ่มเติม พวกเขาควรจะมีทางเลือกและ
ได้รบั โอกาสท่ีจะเป็นนกั วางแผน และผ้มู ีอำนาจตัดสินใจ กิจกรรมควรจะสร้างข้ึนทีช่ ่วยให้ผเู้ รียนที่จะ
ใช้ประโยชน์จากความรู้ในสถานการณ์ใหม่ ผู้เรียนควรจะเป็นการสนับสนุนในการหาคำตอบสำหรับ
คำถามของตวั เองโดยใช้การวเิ คราะห์๔๐

คุณภาพของผู้เรียนน้ันนอกจากจะเก่ียวข้องกับองค์ประกอบในตัวผู้เรียนเอง เช่น ความ
พร้อม สติปัญญา เจตคติ และสภาพแวดล้อมอื่นๆ แล้ว กระบวนการเรียนการสอนท่ีผู้สอนจัดให้ก็
นับว่าเป็นส่ิงสำคัญย่ิงต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียนเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างย่ิงการนำ
นวตั กรรมตา่ งๆ มาใชใ้ นการจัดการเรียนการสอนเพื่อใหผ้ เู้ รียนสามารถเรียนรู้ เขา้ ใจในส่งิ ทต่ี อ้ งการให้
ผูร้ ู้นั้น นับว่าเป็นอีกก้าวหน่ึงของการพัฒนาคุณภาพของผู้เรยี น ดังนั้นเพื่อให้เกดิ ประโยชน์โดยตรงต่อ
การส่งเสริมให้ผู้สอนได้เห็นแนวทางในการสอนให้มีประสิทธิภาพดีย่ิงข้ึน ความรู้เร่ืองเทคนิคการสอน
แนวใหมจ่ งึ มคี วามจำเปน็ ที่ผูส้ อนควรจะศึกษาเพื่อจะเป็นผู้สอนในยุคโลกาภวิ ัตน์

การจัดกระบวนการเรียนรู้ในการศึกษาแนวใหม่ จะให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อตัวผู้เรียน
ปจั จัยสำคัญที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อวิธีการศึกษา ได้แก่แนวคิดพื้นฐานในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่
เนน้ ผ้เู รยี นเป็นสำคญั ๔๑ พอจะสรุปได้ ๔ ประการ คอื

๑. ความแตกตา่ งระหว่างบคุ คล (individual different)
การจัดกาศึกษาของไทยได้ให้ความสำคัญในเร่ืองความแตกต่างระหว่างบุคคลเอาไว้อย่าง
ชัดเจน ซึ่งจะเห็นได้จากแผนการศึกษาของชาติ ให้มุ่งจัดการศึกษาตามความถนัดความสนใจ และ

๔๐ ขัณธ์ชัย อธิเกียรติ และ ธนารักษ์ สารเถ่ือนแก้ว, การสอนแบบทันสมัยและเทคนิควิธีสอนแนว
ให ม่ , (อ อน ไล น์ ) จาก http://regis.skru.ac.th/RegisWeb/webpage/addnews/data/๒ ๐ ๑ ๗ -๐ ๗ -๒ ๔ _
๐๗๘.pdf, (๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๔)

1๑๙9

ความสามารถของแต่ละคนเปน็ เกณฑ์ ตัวอย่างท่เี ห็นไดช้ ัดเจนได้แก่ การจัดระบบห้องเรียนโดยใช้อายุ
เป็นเกณฑ์บ้าง ใช้ความสามารถเป็นเกณฑ์บ้าง นวัตกรรมที่เกิดขึ้นเพื่อสนองแนวความคิดพ้ืนฐานนี้
เช่น การเรียนแบบไม่แบ่งช้ัน (non-graded school แบบเรียนสำเร็จรูป (programmed text
book) เครื่องสอน (teaching machine) การสอนเป็นคณะ (team teaching) การจัดโรงเรียนใน
โรงเรยี น (school within school เครอื่ งคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน (computer assisted instruction)

๒. ความพร้อม (readiness)
เดมิ ทีเดยี วเช่อื กนั ว่า เด็กจะเร่ิมเรียนไดก้ ต็ ้องมคี วามพร้อมซ่ึงเปน็ พัฒนาการตามธรรมชาติ
แต่ในปจั จุบันการวจิ ัยทางดา้ นจิตวิทยาการเรียนรูช้ ี้ใหเ้ ห็นว่า ความพรอ้ มในการเรียนเป็นส่งิ ท่ีสร้างข้ึน
ได้ถ้าหากสามารถจัดบทเรียน ให้พอเหมาะกับระดับความสามารถของเด็กแต่ละคน วิชาที่เคยเชื่อกัน
ว่ายาก และไม่เหมาะสมสำหรับเด็กเล็กก็สามารถนำมาให้ศึกษาได้ นวัตกรรมที่ตอบสนอง
แนวความคิดพ้ืนฐานนี้ ได้แก่ ศูนย์การเรียน การจัดโรงเรียนในโรงเรียน นวัตกรรมที่สนอง
แนวความคิดพ้ืนฐานด้านน้ี เช่น ศูนย์การเรียน (learning center) การจัดโรงเรียนในโรงเรียน
(school within school) การปรับปรุงการสอนสามชั้น (instructional development in ๓
phases)
๓. การใชเ้ วลาเพื่อการศกึ ษา
แต่เดิมมาการจัดเวลาเพ่ือการสอน หรือตารางสอนมักจะจัดโดยอาศัยความสะดวกเป็น
เกณฑ์ เชน่ ถอื หน่วยเวลาเปน็ ชัว่ โมง เท่ากันทุกวิชา ทุกวนั นอกจากนน้ั ก็ยังจัดเวลาเรยี นเอาไวแ้ น่นอน
เป็นภาคเรียน เป็นปี ในปัจจุบันได้มีความคิดในการจัดเป็นหน่วยเวลาสอนให้สัมพันธ์กับลักษณะของ
แต่ละวิชาซ่ึงจะใช้เวลาไม่เท่ากัน บางวิชาอาจใช้ช่วงส้ันๆ แต่สอนบ่อยคร้ัง การเรียนก็ไม่จำกัดอยู่แต่
เฉพาะในโรงเรียนเท่านั้น นวัตกรรมท่ีสนองแนวความคิดพ้ืนฐานด้านนี้ เช่น การจัดตารางสอนแบบ
ยืดหยุ่น (flexible scheduling) มหาวิทยาลัยเปิด (open university) แบบเรียนสำเร็จรูป
(programmed text book) การเรยี นทางไปรษณีย์
๔. ประสทิ ธภิ าพในการเรยี น
การขยายตัวทางวิชาการ และการเปล่ียนแปลงของสังคม ทำให้มีสิ่งต่างๆ ท่ีคนจะต้อง
เรียนรู้เพ่ิมข้ึนมาก แต่การจัดระบบการศึกษาในปัจจุบันยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอจึงจำเป็นต้อง
แสวงหาวิธีการใหม่ท่ีมีประสิทธิภาพสูงข้ึน ทั้งในด้านปัจจัยเกี่ยวกับตัวผู้เรียน และปัจจัยภายนอก
นวัตกรรมในด้านนี้ที่เกิดข้ึน เช่น การเรียนทางโทรทัศน์การเรียนทางไปรษณีย์ การเรียนการสอน
ทางไกล การเรียนทางเว็บไซต์ การเรียนผ่านเครือข่าย แบบเรียนสำเร็จรูปผู้เขียนขอยกตัวอย่าง
ประเทศฟินแลนด์ซึ่งเป็นหน่ึงในประเทศท่ีได้รับการยกย่องว่ามีระบบการศึกษาดีท่ีสุดในโลก กำลัง
ทบทวนระบบการศึกษาของประเทศให้ก้าวทันโลกยุคดิจิทัล ด้วยการเปลี่ยนรูปแบบการสอนเพื่อ
ส่งเสริมด้านทักษะและเทคโนโลยีให้แก่เยาวชน ฟินแลนด์กำหนดให้ผู้สอนทุกโรงเรียนต้องใช้ทักษะ

20 ๒๐

และเทคนิคการสอนที่เด็กจะได้ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มมากข้ึน โดยให้เด็กเลือกหัวข้อที่สนใจและ
เก่ียวข้องกับส่ิงท่ีเรียน แล้วนำเทคโนโลยีและแหล่งความรู้จากภายนอก เช่น ข้อมูลจากผู้เช่ียวชาญ
หรอื พิพิธภณั ฑ์ มาประกอบการศกึ ษา เพอ่ื ให้เดก็ มที ักษะท่ีพร้อมสำหรบั ใชช้ วี ติ

ในศตวรรษที่ ๒๑ การศึกษารูปแบบใหม่ท่ีฟินแลนด์นำมาใช้เรียกว่า Phenomenon-
Based Learning (PBL) ซ่ึงเป็นการเรียนที่มาจากหัวข้อหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัว เป็นการเรียน
ในลักษณะของโครงงานที่ผู้เรียนทำงานเป็นกลุ่มและมีเน้ือหาการเรียนครอบคลุมหลายวิชา โดยท่ี
ไม่ได้มุ่งเน้นศึกษาวิชาใดวิชาหน่ึงเป็นการเฉพาะเจาะจงเช่น ระบบการศึกษาทั่วไปที่หากศึกษาวิชา
คณิตศาสตร์ก็จะมุ่งเรียนเรื่องการคำนวณเพียงอย่างเดียว ยกตัวอย่างเช่น หากเด็กเรียนเก่ียวกับ
วัฒนธรรมโรมโบราณ ครูก็จะนำเด็กผู้เรียนย้อนกลับไปสู่ยุคโบราณด้วยการชมวิดีโอจำลองภาพ
เหตุการณ์ต่างๆเช่น ยุคท่ีภูเขาไฟวิสุเวียส ระเบิดแล้วพ่นเถ้าถ่านฝังเมืองปอมเปอี ส่วนเด็กๆ จะ
แบ่งเป็นกลุ่มย่อยแล้วใช้แล็ปท็อปขนาดเล็กของพวกเขา ค้นหาข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบยุคโรมโบราณ
กับฟินแลนด์ในยุคปัจจุบัน หรือเปรียบเทียบโคลอสเซียมกับสนามกีฬากลางแจ้งสมัยใหม่ เป็นต้น
อเล็กชิส สเตียนโฮล์ม ครูโรงเรียนแนวบูรณาการเฮาโฮ ทางภาคใต้ของฟินแลนด์ กล่าวว่า นี่เป็นการ
เรยี นวิชาประวัติศาสตรท์ แ่ี ตกตา่ งออกไป การศกึ ษารูปแบบน้ีช่วยให้เดก็ ได้ฝึกฝนทักษะด้านเทคโนโลยี
การค้นคว้าหาข้อมูล การส่ือสาร และมีความรู้ความเข้าใจเร่ืองวัฒนธรรมด้วย (BBC)๔๒ จากตัวอย่าง
การศึกษาของประเทศฟินแลนด์น้ี สะท้อนถึงทักษะและเทคนิคการสอนแนวใหม่ที่ทันสมัยโดยนำ
นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้าใช้ในการเรียนการสอน ท่ีเน้นให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองจาก
แหล่งเรยี นรทู้ ่ีหลากหลาย

สรปุ

ทักษะการสอน หมายถึง ความสามารถ ความชำนาญในการนำวิธีสอนไปใช้ให้เกิด
ประโยชน์คุ้มค่า หรือมีความหมายในแนวกว้างว่าเป็นความสามารถ ความชำนาญท่นี ำเอาวธิ ีสอน ส่ือ
การสอนเทคโนโลยี และนวัตกรรมการศึกษามาช่วยสอน เพื่อทำให้การสอนมีประสิทธิภาพสูงใน
ระยะเวลารวดเร็ว ผู้ท่ีมีทักษะการสอน จึงหมายถึง ผู้ท่ีมีความชำนาญในการสอน สามารดำเนินการ
สอนได้อย่างคล่องแคล่ว ราบรื่นและเรียบร้อย ทำให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจในบทเรียนได้ชัดเจนใน
เวลาที่เหมาะสม

เทคนิคการสอน หมายถึง กลวิธีต่างๆ ที่ใช้เสริมกระบวนการสอน ขั้นตอนการสอน วิธีการ
สอน หรือการดำเนินการทางการสอนใดๆ เพ่ือช่วยให้การสอนมีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น

๔๒ BBC, ระบบการเรียนรูปแบบใหม่ในฟินแลนด์, (ออนไลน์) จากhttp://www.bbc.com/thai/
international-๔๐๐๙๓๕๖๔., (๔ มีนาคม ๒๕๖๔)

2๒1๑

ทักษะและเทคนิคการสอนมีความสำคัญต่อการสอนของผู้สอนอย่างย่ิง นับตั้งแต่การนำเข้าสู่บทเรียน
การเร้าความสนใจ การต้ังคำถาม การใช้สื่อการเรียนการสอน การอธิบาย การยกตัวอย่างการสรุป
บทเรียน ตลอดจนการใช้กระดาน การใช้กิริยาท่าทางและวาจา การเสริมแรงต่างๆเพ่ือให้ผู้เรียนเกิด
การเรียนรู้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของบทเรียนหรือสาระการเรียนรู้น้ันๆ ผู้สอนจึงจำเป็นอย่างยิ่งท่ี
จะต้องพัฒนาตนเองท้ังด้านทักษะและเทคนิคการสอน เพ่ือให้เกิดความคล่องแคล่วว่องไวชำนิชำนาญ
ในการปฏิบัติการสอน สามารถสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ผู้เรียนสนุกสนานไม่
เบอ่ื หน่ายต่อการเรียน ผสู้ อนมีความกระตือรือร้นและบรรลุจุดประสงค์ท่ีได้ต้ังเอาไว้ทักษะการสอนจึง
จำเป็นต้องใช้ควบคู่กับเทคนิคการสอนอยู่ตลอดระยะเวลาของการสอน ในการสอนของครูผู้สอน
จะต้องมีทั้งทักษะและเทคนิคการสอน กล่าวคือ ผู้สอนต้องมีความรู้ ความเข้าใจในศาสตร์การสอน
กลวิธตี ่างๆที่ใช้เสริมกระบวนการสอน ขั้นตอนการสอนหรือการกระทำต่างๆในการสอน การถ่ายทอด
ความรูใ้ ห้กับผู้เรียนให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น น่ันคือเทคนิคการสอนและเม่ือรู้และเข้าใจ
ในกลวิธีการสอนแล้ว ผู้สอนจะต้องมีทักษะการสอนได้แก่ ความชำนาญ ความคล่องแคล่วว่องไวใน
การใช้กลวิธกี ารสอนนนั้ ๆจงึ จะทำใหก้ ารสอนน้นั มปี ระสิทธภิ าพมากย่ิงข้ึน

ในโลกยุคปัจจุบันต้องเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เพราะผู้เรียนคือหัวใจสำคัญของการพัฒนา
กระบวนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ การศึกษารูปแบบใหม่ท่ีฟินแลนด์นำมาใช้เรียกว่า
Phenomenon-Based Learning (PBL) ซึ่งเป็นการเรียนที่มาจากหัวข้อหรือเหตุการณ์ที่เกิดข้ึน
รอบตัว เป็นการเรียนในลักษณะของโครงงานท่ีผู้เรียนทำงานเป็นกลุ่มและมีเนื้อหาการเรียน
ครอบคลมุ หลายวชิ า โดยท่ีไม่ไดม้ ุ่งเน้นศึกษาวิชาใดวชิ าหนง่ึ เป็นการเฉพาะเจาะจง

22 ๒๒

๑. ภาษาไทย เอกสารอา้ งองิ ประจำบท

ฉันทนา วิริยเวชกุล. เทคนิคการสอนสำหรับครู. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๙.

ชยั วัฒน์ สุทธิรัตน์. ๘๐ นวัตกรรมการจัดการเรียนรทู้ ี่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ. กรุงเทพมหานคร : แด
เนก็ ซ์ อนิ เตอรค์ อร์ปอเรชนั่ , ๒๕๕๒.

ดารกา วรรณวนชิ . ยุทธศาสตรก์ ารสอน. กรุงเทพมหานคร : โรงเรยี นสาธิตมหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวิ
โรฒ (ฝา่ ยมัธยม), ๒๕๔๙.

ทิศนา แขมมณี. ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ.
พิมพ์คร้งั ท่ี ๑๗. กรุงเทพมหานคร : สำนกั พมิ พแ์ หง่ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, ๒๕๕๖.

พงษ์พัชรินทร์ พุธวัฒนะ. ทักษะและเทคนิคการสอน. ธนบุรี : คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ
ธนบรุ ,ี ๒๕๕๙.

พงษพ์ ัชรินทร์ พุธวัฒนะ. การบูรณาการทักษะและเทคนิคการสอนเพ่ือพฒั นาผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน

รายวิชา การจัดการช้ันเรียนและส่ิงแวดล้อมเพ่ือการเรียนรู้ ของนักศึกษาชั้นปีที่ ๓ คณะ

ครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี. รายงานการวิจัย. คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ราชภัฏธนบรุ ี, ๒๕๕๙.

พานชัย เกษฎา. เอกสารประกอบการสอน รายวิชาทักษะและเทคนิคการสอน. สุรินทร์ : คณะครุ
ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั สุรนิ ทร์, ๒๕๕๕.

พานชัย เกษฎา. เอกสารประกอบการสอน รายวิชาทักษะและเทคนิคการสอน. สุรินทร์ : คณะครุ
ศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรนิ ทร์, ๒๕๕๕.

รังสรรค์ บุษยะมาฬ. คู่มือการฝึกทักษะการสอน. กรุงเทพมหานคร : คณะครุศาสตร์ สถาบันราชภัฏ
บ้านสมเด็จเจา้ พระยา, ๒๕๔๑.

วลัย อิศรางกูร ณ อยุธยา. หน่วยท่ี ๒ การจัดการเรียนรู้สังคมศึกษา, ประมวลชุดสาระชุด วชิ าการ
จัดประสบการณ์การเรียนรู้สังคมศึกษา หน่วยที่ ๑-๕. นนทบุรี : สำนักพิมพ์
มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช, ๒๕๕๕.

วิจารณ์ พานิช. วิถีสร้างการเรียนรูเพื่อศิษย์ในศตวรรษท่ี ๒๑. กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิสดศรี –
สฤษดว์ิ งศ์, ๒๕๕๕.

ศรีมงคล เทพเรณู. เอกสารคำสอน รายวิชาทักษะและเทคนิคการสอน. กรุงเทพมหานคร: คณะครุ
ศาสตร์ สถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา, ๒๕๔๕.

2๒3๓

ศรีมงคล เทพเรณู. ทักษะและเทคนิคการสอน. กรุงเทพมหานคร : คณะครุศาสตร์ สถาบันราชภัฏ
บ้านสมเด็จเจา้ พระยา, ๒๕๔๓.

ศศิธร เวียงวะลัย. การจัดการเรียนรู้ Learning Management. กรุงเทพมหานคร : โอ. เอส. พร้ิน
ต้ิง เฮ้าส์, ๒๕๕๖.

อาภรณ์ ใจเท่ยี ง. หลักการสอน (ฉบบั ปรับปรุง). กรุงเทพมหานคร : โอเดยี นสโตร์, ๒๕๕๓.
อารี พนั ธม์ ณี. จิตวิทยาสรา้ งสรรคก์ ารเรียนการสอน. กรุงเทพมหานคร: ใยไหมเอดดเู คท, ๒๕๔๖.
ขัณธช์ ัย อธิเกยี รติ และ ธนารักษ์ สารเถื่อนแก้ว. การสอนแบบทันสมัยและเทคนิควิธสี อนแนวใหม่,

(ออนไลน์) จาก http://regis.skru.ac.th/RegisWeb/webpage/addnews/data/
๒๐๑๗-๐๗-๒๔_๐๗๘.pdf, (๒๒ ธนั วาคม ๒๕๖๔)
Nokyung22ny. ทั ก ษ ะ แ ล ะ เท ค นิ ค ก า ร ส อ น . (อ อ น ไล น์ ), จ า ก https://nokyung22ny.
wordpress.com/, (๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๔).
BBC. ระบบการเรียนรูปแบบใหม่ในฟินแลนด์. (ออนไลน์) จากhttp://www.bbc.com/thai/
international-๔๐๐๙๓๕๖๔., (๔ มนี าคม ๒๕๖๔)

๒. ภาษาอังกฤษ

Cronbach, L.J.. Educational Psychology. New York : Harcourt Brace Jevanovich, Inc,
1977.

Garrison, K. C. & Magoon, R. Educational Psychology. Columbia Ohio : Charles E,
Merrill Publishing Company, 1972.

Garrison, K. C. & Magoon, R. Educational Psychology. Columbia Ohio : Charles E,
Merrill Publishing Company, 1972.

Good, C. V.. Dictionary of Education. Michigan : McGraw-Hill., 1973.
Hilgard & Bower. Quality middle school leadership. New York : Dell Publishing, 1981.
Kauchak & Eggen. Learning and Teaching Research-Based Methods. Boston : Pearson

Education, Inc, 2003.



บทที่ ๒

แนวคิด ทฤษฎีการเรยี นรูแ้ ละการสอนสังคมศึกษา

ความนำ

การเรียนการสอนจะมีประสิทธิภาพเพียงใดนั้นข้ึนอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างการจัด
องค์ประกอบต่าง ๆ ของการเรียนรู้และการสอน การตรวจสอบประสิทธภิ าพของการเรียนการสอนจะ
ทำได้โดยการประเมินผล และเม่ือผลท่ีออกมายังมีความบกพรอ่ งก็ต้องปรับปรุงใหม่ ดังน้ันในการท่ีจะ
สง่ เสริมให้เดก็ เจริญเติบโตและมคี วามงอกงามทางกาย อารมณ์ สังคม และสติปญั ญาน้ัน การส่งเสริมท่ี
ดีที่สุดได้แก่ การให้การศึกษาท่ีเหมาะสมกับการพัฒนาการทั้ง ๔ ด้าน โดยจัดกิจกรรมท่ีสามารถสร้าง
ความงอกงามไดม้ ากที่สุด ซึ่งครเู ป็นผูม้ ีบทบาทสำคัญในการจัดการเรียนรู้เพ่อื สร้างความเขา้ ใจให้ดแี ละ
เข้าถึงทฤษฎีการเรียนรู้ต่าง ๆ ซ่ึงทฤษฎีการเรียนรู้ดังกล่าวนี้ จะให้สาระสำคัญที่ว่า คนเราเรียนรู้
อย่างไร มีกลไกอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ ทำอย่างไรผู้เรียนจะได้รับประโยชน์มากท่ีสุด และ
ทฤษฎีได้ให้ข้อคิดเห็นอย่างไรในการท่ีจะนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียน ถ้าหากศึกษา
ทฤษฎีการเรียนรู้ทั้งหมดอย่างชัดแจ้งจะพบว่าทุก ๆ ทฤษฎีต่างมีส่วนสำคัญที่สนับสนุนและให้
แนวความคิดในด้านการเรียนรู้ท้ังส้ิน แม้ว่าจะไม่มีทฤษฎีใดท่ีสมบูรณ์อย่างแท้จริง แต่ก็ไม่มีทฤษฎีใด
ผิดและไร้ประโยชน์อย่างส้ินเชิง ทฤษฎีการเรียนรู้จึงเป็นเสมือนเครื่องกำหนดแนวทางอย่างกว้าง ๆ
ส่วนการจะนำไปใช้ให้ได้มากน้อยและเป็นประโยชน์เพียงใดย่อมข้ึนอยู่กับผู้ใช้ท่ีจะต้องพิจาร ณาเลือก
ใหเ้ หมาะสม

๒๕

26

๑. กระบวนการเรยี นรู้

ทฤษฎีการเรียนรู้เปน็ วิทยาศาสตรส์ าขาจิตวิทยาแขนงหน่ึง ทศี่ กึ ษาเกยี่ วกับพฤตกิ รรมของ
มนุษย์ ซ่ึงเป็นผลจากการศึกษากายวิภาควิทยาและสรีรวิทยาเก่ียวกับสมองและระบบประสาท
อธิบายหน้าทต่ี ่าง ๆ ของระบบประสาท และอวยั วะรบั ความรู้สึกไวอ้ ย่างละเอยี ดและชัดเจน

ต่อมาวิทยาศาสตร์สาขาจิตวิทยาประสบความก้าวหน้าอย่างมาก ได้นำเอาความรู้ใน
วชิ าการอืน่ ๆ เช่น ชีววิทยา มานุษยวิทยา แพทยศาสตร์ สถิติ ฯลฯ มาใชใ้ ห้เกิดประโยชน์สำหรับ
การศึกษา การอนามัย การอุตสาหกรรม และในกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ รวมถึงนำมาใช้ใน
การศึกษาระบบพฤติกรรมของมนุษย์ เพ่ือศึกษาความต้องการของมนุษย์และพฤติกรรมท่ีแตกต่างกัน
ไปในแต่ละบุคคล

นกั มานุษยวิทยามีแนวความคิดวา่ มนุษย์เป็นสัตว์โลกประเภทหน่ึงท่ีมีลักษณะบางประการ
ทางชีววิทยาคล้ายกับสัตว์โลกทั่วไป เป็นส่ิงมีชีวิต มีการเคล่ือนไหวเปล่ียนแปลงต้องการพักผ่อน มี
ความหิวกระหาย และต้องการสืบพันธ์ เป็นต้น อันเป็นสภาวะตามธรรมชาติแต่มนุษย์มีลักษ ณะ
พเิ ศษทางชีววทิ ยาเหนือกว่าสัตว์ท่ัวไป เช่น มีร่างกายตั้งตรงจากพ้ืนโลก มีสมองที่ทำหน้าท่ดี ้านการ
รบั รู้ การคิด การจำ การลืม มีเชาวป์ ญั ญา มนุษยส์ ามารถใช้สมองคิดสรา้ งสรรค์ และปรับปรงุ แก้ไข
ความเปน็ อยู่ใหป้ ระณตี ได้สูงกวา่ สตั ว์ท่ัวไป ทั้งนี้เนือ่ งจากความต้องการของมนษุ ย์

นักจิตวิทยามีแนวความคิดว่า มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความต้องการ (needs) หลาย
อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ความต้องการหากไม่ได้รับการตอบสนองเป็นสาเหตุให้เกิดความเครียดบีบคั้นทาง
จิตใจ กระวนกระวายใจ เป็นทุกข์ ความต้องการทางจิตใจและสังคมมีแรงขับ (drive) อันเกิดจาก
การเรียนรู้ แรงขับมีพลังผลักดันพฤติกรรมและเป็นสภาพส่งผลเกิดความเครียด ความคับข้องใจ ทำ
ให้มนุษย์ด้ินรนและมีการกระทำหรือพฤติกรรมเพื่อแสวงหาสิ่งที่ตอบสนองความต้องการ เมื่อได้รับ
การตอบสนองก็พอใจเปน็ สุข เม่อื ไม่ไดร้ ับการตอบสนองกร็ สู้ ึกขัดเคืองใจเป็นทุกข์ มนุษย์จึงกระทำส่ิง
ต่าง ๆ ด้วยความคาดหวังที่จะได้รับสิ่งจูงใจเป็นผลตอบแทนเสมอ เม่ือมนุษย์มีการแสวงหาเพ่ือให้ได้
ในส่ิงท่ีตอ้ งการและนำไปส่พู ฤติกรรมดังกลา่ ว จงึ น่าสนใจว่ามนษุ ยม์ ีกระบวนการเรยี นรู้อย่างไร และมี
เกณฑ์ สถานการณ์ หรือสิง่ แวดล้อมต่าง ๆ หรือเง่ือนไขต่าง ๆ ที่ทำให้การเรียนรแู้ ละการแก้ปญั หา
เกิดขึน้ ไดอ้ ย่างไร

๑.๑ ความหมายของการเรียนรู้
นกั วชิ าการหลายทา่ นไดใ้ ห้ความหมายของการเรียนรไู้ วห้ ลากหลาย ดงั น้ี
ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์ ๑ ได้ให้ความหมายของการเรียนรู้ไว้ว่า “การเรียนรู้เป็นการ
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ค่อนข้างถาวร โดยเป็นผลจากการฝึกฝน เม่ือได้รับการเสริมแรง มิใช่ผล

๑ ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์, จิตวิทยาการศึกษา, (กรุงเทพมหานคร : ศูนย์สื่อเสริมกรุงเทพ, ๒๕๔๘),
หนา้ ๓๐.

๒๖

27

จากวุฒิภาวะหรือการใชย้ า รวมถึงการตอบสนองตามธรรมชาติที่เรียกว่าปฏิกิริยาสะท้อน เช่น การ
กะพริบตาเมือ่ ผงเข้าตา

สุวิทย์ หิรัณยกาณฑ์ และคณะ๒ ได้ให้ความหมายของการเรียนรู้ไว้ว่า “การเรียนรู้เป็น
การแก้ไขเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม (Changing Behavior) ของผู้เรยี นไปในทางท่ดี ีขน้ึ อันเน่ืองมากจาก
อนิ ทรีย์ (Organism) ไดร้ บั การปะทะกบั สง่ิ แวดลอ้ ม”

สุชา จนั ทน์เอม๓ ได้ให้ความหมายของการเรียนรู้ไว้วา่ “การเรียนรู้คือกระบวนการเจริญ
งอกงามของอินทรีย์ ทำให้อินทรีย์สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้น หรือปรับตัวให้เข้ากับ
สถานการณใ์ หม่ ๆ ไดด้ ”ี

สถิต วงศส์ วรรค์๔ ไดใ้ ห้ความหมายของการเรียนรู้ไวว้ ่า “การเรียนร้หู มายถงึ กระบวนการ
การเปล่ียนแปลงปฏิกิริยาตอบสนองหรือพฤติกรรม อันเน่ืองมาจากการได้มีประสบการณ์บางส่วน
หรือทง้ั หมด และพฤติกรรมนั้นคอ่ นขา้ งถาวร”

จากความหมายหรือนิยามของการเรียนรู้ สรุปได้ว่า การเรียนรู้เป็นกระบวนการ
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ความรู้สึก ความคิดเห็น และการกระทำของบุคคลภายหลังจากการเรียนรู้
บางสิ่งบางอย่าง ทำให้การแสดงพฤติกรรมหรือการกระทำ หรือการดำเนินกิจกรรมบางอย่าง
เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในลักษณะท่ีคอ่ นข้างถาวร ซึง่ เป็นผลจากประสบการณ์

๑.๒ กระบวนการของการเรยี นรู้
มนุษย์จะเรียนรู้หรือไม่เพียงไร ย่อมข้ึนอยู่กับปัจจัยประกอบต่าง ๆ เช่น อิทธิพลของ
พันธุกรรม ส่ิงแวดล้อม วัย วุฒิภาวะ เพศ ประสบการณ์เดิม สง่ิ เร้า ภมู ิหลังหรือศักยภาพของตัว
ผู้เรียนเอง เป็นต้น ซึ่งเป็นส่ิงที่ทำให้มนุษย์เกิดความพร้อมในการทำกิจกรรมต่าง ๆ๕ การเรียนรู้จะ
เร่ิมต้นขึ้นได้เม่ือผู้เรียนมีความสนใจหรือมีความต้องการในบางสิ่งบางอย่าง และได้ลงมือปฏิบัติด้วย
ความสนใจเพ่ือให้ได้ส่ิงท่ีตนต้องการ นอกจากนี้การเรียนรู้จะเกิดข้ึนได้ต้องอาศัยการรับรู้
(Perception) ซึ่งเกี่ยวเน่ืองควบคู่กันไป กล่าวคือ มีการรับรู้จึงเกิดการเรียนรู้ หรือมีประสบการณ์
เดมิ อยู่กอ่ นแลว้ จึงทำให้การเรียนรู้งา่ ยและเร็วข้ึน การรบั รู้จึงเป็นการเรียนรู้อย่างหน่ึงและเป็นพ้ืนฐาน

๒ สุวิทย์ หิรณั ยกาณฑ์ และคณะ, พจนานุกรมศัพท์การศึกษา, (กรุงเทพมหานคร : บริษัท ไอ.คิว.บุ๊ค
เซ็นเตอร์ จำกดั , ๒๕๔๐), หน้า ๑๔๒.

๓ สชุ า จันทรเ์ อม, จิตวิทยาท่ัวไป ฉบบั แก้ไขเพม่ิ เติม, พิมพ์ครั้งท่ี ๑๑, (กรุงเทพมหานคร : บริษัทโรง
พมิ พไ์ ทยวัฒนาพานชิ จำกัด, ๒๕๔๑), หน้า ๑๔๑.

๔ สถิต วงศ์สรรค์, จิตวิทยาการศึกษา,(กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์บำรุงสาส์น, ๒๕๒๕), หน้า
๒๔๘.

๕ สุชา จนั ทร์เอม, จิตวทิ ยาท่วั ไป ฉบับแก้ไขเพ่ิมเตมิ , หนา้ ๑๕๒.

๒๗

28

ท่ีสำคัญของกระบวนการเรียนรู้เกิดการเรียนรู้ หรือมีประสบการณ์เดิมอยู่ก่อนแล้วจึงทำให้การเรียนรู้
งา่ ยและเรว็ ข้ึน การรบั รจู้ งึ เป็นการเรยี นรูอ้ ย่างหนึ่งและเป็นพ้ืนฐานทสี่ ำคญั ของกระบวนการเรยี นรู้

การรับรู้เป็นกระบวนการท่ีเกิดข้ึนระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนองต่อสิ่งเร้ากล่าวคือ เมื่อ
มีสิง่ เรา้ มาเรา้ ประสาทสัมผสั การรับรจู้ ะดำเนนิ ตอ่ เนอ่ื งไปตามลำดบั ดังนี้

๑. เกิดความร้สู ึกจากการรับสัมผัส (Sensation) คือ การที่อวัยวะของร่างกายได้รับรู้
ต่อสิ่งเร้าทำให้รู้สึกตื่นตัวและตอบสนองต่อสิ่งเร้าน้ัน และถูกนำส่งไปสู่สมองและประสาทบอก
ความรู้สึก (Sensory Nerve) ซึ่งได้แก่ ความรู้สึกในทางกล่ิง รส เสียง แสง ความร้อน ความเย็น
ฯลฯ ๖ นอกจากนี้มนุษย์ยงั มีสัมผัสภายใน ๓ ประเภทได้แก่

๑) สัมผัสท่ีเกิดจากการเคล่ือนไหวหรือกล้ามเน้ือสัมผัส (Kinesthetic Sense) เช่น เอ็น
ข้อต่อ ซึ่งทำให้เราทราบว่ากำลังอยู่ในตำแหน่งใดหรืออยู่ในสภาพใด รู้และเข้าใจขนาดรูปร่างของ
วัตถุ น้ำหนกั ของวัตถุ โดยการใช้มือลบู จับ หรือคลำ และทำใหท้ ราบถึงลักษณะการเคล่อื นไหวส่วน
ต่างๆ ของร่างกาย เช่น หลับตาแล้วเตะเหว่ียงขา เราสามารถรู้ได้ว่าขาท่ีเตะออกไปนั้นสูงเท่าใด
ทั้งๆ ท่ยี งั หลบั ตาอยู่๗

๒) สมั ผัสการทรงตวั (Vestibules sense or sense of balance) ทำให้เราทราบวา่
การทรงตวั ของเราอยูใ่ นลกั ษณะใด๘ เช่น เวลายืนเราทรงตัวได้ดีหรือไม่ หรือโอนเอนไปมา

๓) สมั ผัสจากอวัยวะภายในร่างกาย (Organic sense)๙ เช่น ถ้ารู้สกึ หิวจะมีอาการแสบ
ท้อง เวลากระหายน้ำจะรู้สกึ แหง้ ในลำคอ

๒ . ท บ ท ว น กั บ ค วาม รู้เดิ ม ห รือ ป ระส บ ก ารณ์ เดิ ม (Previous Experience)
ประสบการณเ์ ดิม คือ ความคิด คือ ความคิด ความรแู้ ละการกระทำท่ีเคยทำหรือได้พบเหน็ มาบ่อยๆ
หรือกล่าวได้ว่าประสบการณ์เดิมเป็นผลของการปะทะ(interaction) ระหว่างระบบหรือส่วนต่าง ๆ
ของร่ายกายกับสิ่งเร้า ซึ่งมีความสำคัญมากสำหรับการแปลความรู้สึกจากการรับสัมผัสได้โดยแจ่ม
ชดั ๑๐

๓. แปลความหมายความรู้สึกจากการรับสัมผัส (Interpretation of Sensation)
ในการแปลความหมายของความรู้สึกจากการรับสัมผัสต้องมีเจตนาท่ีจะแปลสัมผัสน้ันๆ โดยสามารถรู้
ได้จากพฤติกรรมที่แสดงออก และขึ้นอยู่กับประสบการณ์เดิมหรือสิ่งท่ีเคยพบเห็นมาแล้ว เช่น เม่ือได้
ยินเสียงตะโกนเรียกช่ือของตน สมองตอ้ งแปลโดยเปรียบเทยี บกับเสยี งท่ีเคยได้ยินว่าเป็นเสียงของใคร

๖ สวุ ทิ ย์ หิรณั ยากาณฑ์ และคณะ พจนานุกรมศัพท์การศกึ ษา,หนา้ ๒๓๗.
๗ เร่อื งเดยี วกนั , หนา้ ๑๓๘.
๘ สถติ วงศ์สรรค,์ จิตวิทยาการศึกษา, หน้า ๗๖.
๙ เร่อื งเดยี วกนั ,หน้า ๗๖.
๑๐ ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์, รศ. ดร., จติ วทิ ยาการศึกษา, หน้า ๑๕๓.

๒๘
29

เช่น เสียงของพ่อ เสียงของแม่ เสียงของพี่ชาย เพราะโดยปกติเม่ือมนุษย์ได้รับสัมผัสอย่างใดอย่าง
หนึ่งแล้วมกั จำแนกอาการสัมผัสน้ันๆ ตามประสบการณ์ทตี่ นมีอยู่เกือบทุกครั้ง ดังนั้น สงิ่ ที่เคยได้เห็น
ได้ยินได้กล่ินมาแล้ว เป็นต้น ย่อมประทับอยู่ในสมอง เม่ือได้รับส่ิงเร้าสมองก็จะทบทวนกับ
ประสบการณ์เดิมว่าส่ิงนั้นคืออะไร การท่ีจะแปลความหมายได้ดีจึงขึ้นอยู่กับองค์ประกอบดังน้ี
๑) เป็นความรู้ที่แน่นอน ถูกต้อง และชัดเจน ๒) ความรู้มีปริมาณมาก การรู้ท่ีหลากหลายจะช่วย
แปลความหมายของส่ิงต่างๆ ได้สะดวกและถูกต้อง๑๑ จึงสรุปได้ว่า การรับรู้เป้นกระบวนการที่เกิด
จากองคป์ ระกอบดงั นี้

๑. ส่งิ เร้าท่ีจะรบั รู้ (Stimulus) ได้แก่ รูป รส กล่ิน เสยี ง ความรอ้ น ความเย็น
๒. อวัยวะรบั สัมผัส (Sense Organs) ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น ผิวหนงั
๓. การแปลความหมายจากความรู้สึกท่ีได้สัมผัส ซึ่งข้ึนอยู่กับประสบการณ์เดิม
(Previous Experience) ซ่ึงประทับอยู่ในสมอง เมื่อได้รับสิ่งเร้าสมองจะทบทวนประสบการณ์เดิม
วา่ ความรู้สึกจากการรับสัมผัสคืออะไร แสดงใหเ้ ห็นเปน็ แผนภาพไดด้ งั นี้

แปลความหมาย

ความรสู้ กึ จากการรับ ประสบการณเ์ ดมิ การรบั รู้
สัมผสั

(สง่ิ เรา้ +อวยั วะสัมผัส)

แผนภาพท่ี ๒.๑ : แสดงกระบวนการรบั รตู้ ามแนวตะวนั ตก

สรุปได้ว่าเม่ืออวัยวะสัมผัสรับสิ่งเร้าที่มากระทบแล้ว ประสาทรับสัมผัสจะส่งกระแส
ประสาทไปยังสมอง เพื่อให้สมองแปลความหมายโดยอาศัยประสบการณ์ การแปลความหมาย
ความรสู้ ึกจากการรบั สัมผัส เรียกวา่ การรับรู้ หรืออาจกล่าวไดว้ ่า การรบั รู้เป็นผลของความรเู้ ดิมกับ
การรับสัมผัส เมื่อเกิดความรู้สึกจากการรับรู้จากการรับสัมผัสจะมีการรับรู้ควบคู่ไปด้วยเม่ือมีความรู้
ใหม่ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน จะไม่สามารถบอกได้ว่าส่ิงท่ีสัมผัสน้ันคือ อะไร จะเป็นเพียง
ความรู้สึกจากการรับสัมผัสเท่าน้ัน ไม่ถือว่าเป็นการรับรู้จนกว่าจะสามารถแปลความหมายของส่ิงเร้า
นน้ั ๆ ได้ การรบั รู้จึงเกดิ ขน้ึ

๑๑ เรอื่ งเดียวกัน , หน้า ๑๕๓.

๒๙

30

๒. ทฤษฎกี ารเรียนรู้

การศึกษาระบบพฤติกรรมของมนุษย์นั้น การศึกษาว่าด้วยกระบวนการเรียนรู้ถือว่ามี
บทบาทสำคัญท่ีสุด จึงทำให้สำนึกจิตวิทยาส่วนใหญ่ท่ีสำคัญ ได้แก่ สำนักโครงสร้างแห่งจิต
(Structuralism) สำนึกพฤติกรรมนิยม (Behaviorism) สำนักหน้าท่ีแห่งจิต (Functionalism)
สำนักเกสตัลต์ (Geatalt’s Psychology) สำนักการรู้คิด (Cognitive Psychology) พัฒนาทฤษฎี
เกย่ี วกบั การเรยี นรู้ มกี ารทดลองเชิงปรมิ าณเก่ียวกับพฤติกรรมการเรยี นรู้โดยใช้สัตว์ทดลอง ทำให้เกิด
ทฤษฎีการเรียนรู้ต่าง ๆ ขึ้น และในบรรดาทฤษฎีเก่ียวกับการเรียนรู้ท้ังหลาย ทฤษฎีพฤติกรรมศาสตร์
ได้รับแรงผลักดันมากที่สุดเป็นจิตวิทยาแห่งการเรียนรู้เบื้องต้นและได้พัฒนามาสู่ทฤษฎีการเรียนรู้ใน
สมัยตอ่ มาจนถงึ ปัจจุบัน๑๒

ทฤษฎีการเรียนรู้ (Theories of Learning) ของนักจิตวิทยาแต่ละสำนักเป็นสิ่งจำเป็น
และมีความสำคัญอย่างมาก ในแง่ท่ีจะเป็นแนวบ่งช้ีให้ทราบถึงกฎเกณฑ์หรือหลักการเงื่อนไขต่างๆ ท่ี
จะทำให้เกิดการเรียนรู้หรือเกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงข้ึนในตัวมนุษย์ การเรียนรู้ทำให้มนุษย์ได้รับ
ความรู้ใหม่เข้าไปอยู่ในโครงสร้างของความคิด ซึ่งโครงสร้างเหล่าน้ันจะรวมกลุ่มกันเป็นข้อเท็จจริง
มโนภาพ และข้อสรุปท่ีสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ ก่อนที่จะศึกษาถึงทฤษฎีการเรียนรู้ต่างๆ
จำเป็นต้องศึกษาถึงแบบของการเรียนรู้ พื้นฐานที่ใช้กำหนดโครงสร้างของทฤษฎีการเรียนรู้ และ
จุดมุง่ หมายของการเรียนรู้ เพ่ือให้เข้าใจถงึ หลักเกณฑท์ ีเ่ ป็นพื้นฐานของทฤษฎีการเรียนร้แู ตล่ ะทฤษฎี

๒.๑ ประเภทของการเรยี นรู้
นักวิชาการได้จำแนกประเภทของการเรียนร้อู อกเปน็ ๔ ประเภท ดงั น้ี
๑) การเรียนรู้สงั กัป (Learning Concepts)
เดอ เชคโก (De Cecco) ๑๓ ให้นิยามของการเรียนรู้สังกัปไว้ว่า เป็นกลุ่มของสิ่งเร้าท่ีมี
คุณลักษณะร่วมกัน กลุ่มสิ่งเร้าน้ันอาจเป็นวัตถุ เหตุการณ์ หรือบุคคลก็ได้ ปกติเรามักให้ช่ือสังกัป
ของส่ิงต่างๆ ในรูปของช่ือทั่วๆ ไป เช่น สนุก ไก่ เป็ด แมว หนังสือ สมุด ฯลฯ ซ่ึงคำเหล่านี้จะ
ครอบคลุมสิ่งที่อยู่ในสกุลเดียวกันเป็นสากล จะไม่มุ่งเฉพาะเจาะจงส่ิงใดส่ิงหนึ่ง เช่น เมื่อเรา
กล่าวถึงสังกัปเกี่ยวกับบ้าน เราไม่ได้หมายถึงเฉพาะเจาะจงว่าเป็นบ้านทรงไทยบ้านทรงเสปน ฯลฯ
แต่หมายถึงบา้ นทอ่ี ยูอ่ าศัยทัว่ ไป

๑๒ ดูรายละเอียดในฟริตจ๊อป ครปร้า, จุดเปล่ียนแห่งศตวรรษ เล่ม ๒, พิมพ์คร้ังที่ ๖, แปลโดยพระ
ปรีชา ปสนฺนธมฺโม และคณะ, (กรุงเทพมหานคร : มลู นธิ ิโกมลคมี ทอง, ๒๕๕๐) ,หน้า ๑๓๕-๑๓๖.

๑๓ De Cecco,P. John, The Psychology of Learning and Instruction : Education
Psychology,(Prentice-Hall,Inc., Englewood Clifts, N.,I., ๑๙๘๖), อ้างอิงใน ประสาท อิศรปรีดา, ธรรมชาติ
และกระบวนการเรียนรู้, หน้า ๑๒.

๓๐

31

ตวั อยา่ งของการเรียนรู้สงั กปั เช่น การที่เด็กเห็นจ้ิงจก แล้วบอกได้ว่าเป็นจิ้งจกไม่บอกว่า
เป็นลูกของตะกวด หรือการที่เด็กเห็นตะกวดแล้วบอกได้ว่าเป็นตะกวด ไม่บอกว่าเป็นพ่อแม่ของ
จิ้งจก หรือการที่เด็กสามารถแยกได้ถูกว่าเลขใดเป็นเลขคู่ เลขใดเป็นเลขที่แสดงว่าเด็กเกิดการ
เรียนรู้สงั กปั เก่ยี วกับเลขค่แู ละเลขค่ี เปน็ ตน้

มนุษย์มีความสามารถในการเรียนรู้สังกัปแตกต่างกัน เนื่องจากความแตกต่างระหว่าง
บุคคล พื้นฐานทางสติปัญญา สิ่งแวดล้อม แรงจูงใจ ฯลฯ จึงไม่สามารถเรียนรู้สังกัปที่มีอยู่อย่าง
มากมาย ต้องเลือกเรียนรู้แต่สิ่งที่จำเป็นและสำคัญบางส่วน ซ่ึงจะได้ผลดีมากกว่าการเรียนรู้สังกัป
ท้ังหมด ทำให้สามารถท่ีจะเช่ือมโยงข้อมูล เพื่อง่ายต่อการรำลึกความทรงจำที่มีอยู่ เพราะการเก็บ
ขอ้ มลู ท่ไี มเ่ กิดประโยชน์ จะแยง่ ที่ว่างในสมอง ทำให้ความสามารถในการจำจดลดนอ้ ยลง

๒) การเรียนดา้ นทกั ษะ (Learning Skill)
ในชีวิตประจำวันจะสังเกตเห็นว่าคนบางคนสามารถทำงานได้อย่างแคล่วคล่องรวดเร็ว
และถูกต้อง น่ันเพราะว่าเขามีทักษะหรือเกิดการเรียนรู้ทักษะในการทำงานนั้น ๆ ซ่ึงทักษะสามารถ
พฒั นาหรอื ปรบั ปรุงให้ดียงิ่ ๆ ขน้ึ ได้
ฮาโรลด์ ดับบลิว. เบอร์นาร์ด (Harold W. Bernard) ๑๔ ได้แบ่งระดับของการเรียนด้าน
ทักษะไว้ ๒ ระดับได้แก่

๑) ทักษะทางกลไกสัมผัส (Sensorimoter skill) เป็นกลไกท่ีเกิดข้ึนโดย
อัตโนมัติ เช่น การเดนิ การแต่งกาย การเตน้ รำ ฯลฯ ทกั ษะนี้มกั เก่ยี วขอ้ งกับกลา้ มเน้ือและข้อต่อ

๒) ทักษะทางกลไกการรับรู้ (Perceptual Motor Skill) เป็นทักษะท่ีมี
ระดับสูงข้ึนเพราะเกี่ยวข้องกับการจำและการคิด ตัวอย่าง เช่น ในขณะท่ีเราใช้น้ิวเขียนหนังสือ
ลำดับข้ันของทักษะในการเขียนอักษะในการเขียนอักษรแต่ละตัว เราจะต้องใช้การคัดลอก การจำ
การคิด ดังน้ัน ทักษะด้านนี้จะเป็นเร่ืองของการเรียนรู้ความสัมพันธ์(Association Learning) ของส่ิง
ต่าง ๆ

นอกจากนี้การเรียนรู้ด้านทักษะยังมีความสัมพันธ์กับการสร้างสังกัปใหม่ ๆการพัฒนาเจต
คติหรือความคิดท่ีจะหาช่องทางขจัดอุปสรรคต่าง ๆ การเรียนรู้ด้านทักษะเร่ิมขึ้นด้วยความต้ังใจที่จะ
ปรับปรุงให้ดีข้ึนไปตามลำดับ ซ่ึงต้องอาศัยการฝึกฝนอยู่บ่อย ๆ สม่ำเสมอจนรู้ผลเราจะไม่สามารถ
ปรับปรุงส่ิงต่างๆ ให้ดีข้ึนถ้าไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำไปนั้นผิดหรือถูก เช่น การโยนลูกบอลลงตะกร้า จะไม่
แม่นยำเลยถ้าผ้โู ยนไม่เหน็ ผลว่าลกู บอลลงตระกลา้ หรือไม่ หรอื เฉียดตะกรา้ ไปแค่ไหน

๓)การเรยี นรเู้ จตคตแิ ละความซาบซ้งึ (Learning Attitudes and Appreciations)

๑๔ H.W.Bemard, Psychology of Leaching, (New York: McGRAW-Hill Book
Company, Inc.,๑๙๗๒), อา้ งองิ ในประสาท อศิ รปรดี า, ธรรมชาตแิ ละกระบวนการเรียนรู้, หน้า ๑๒.

๓๑

32

เจตคติเป็นเรื่องของความชอบ ความไม่ชอบ ความลำเอียง ความคดิ เห็น ความรู้สึกความ
เชื่อท่ีฝังใจต่อสิ่งใดส่ิงหน่ึง มักจะเกิดข้ึนเม่ือเรารับรู้หรือประเมินผู้คน เหตุการณ์ในสังคมทำให้เกิด
อารมณ์ความรู้สกึ บางอย่างควบคู่ไปกบั การรบั รู้น้นั และมีผลต่อความคดิ และปฏกิ ิริยาในใจ ดังน้นั เจต
คติจงึ เป็นท้งั พฤตกิ รรมภายในมากกวา่ พฤติกรรมภายนอก

อัลล์พอร์ต (Allport) ๑๕ ได้ให้ความหมายของเจตคติว่า เป็นสภาวะของความพร้อมทาง
จิตใจซ่ึงเกิดประสบการณ์ สภาวะความพร้อมนี้เป็นแรงท่ีกำหนดทิศทางของปฏิกิริยาระหว่างบุคคลที่
มีตอ่ บุคคลสง่ิ ของ และสถานการณ์ท่เี กีย่ วขอ้ ง เจตคติจึงกอ่ รปู ไดด้ งั นี้

๑. การเรยี นรวู้ ัฒนธรรมขนบธรรมเนยี มในสงั คม
๒. การสรา้ งความรสู้ ึกจากประสบการณ์ของตนเอง
๓. ประสบการณ์ที่ได้รับจากเดิมทง้ั ทางบวกและลบ จะส่งผลถึงเจตคติสิ่งใหม่ท่ีคล้ายคลึง
กนั
๔. การเลียนแบบบคุ คลทต่ี นเองใหค้ วามสำคญั และรับเอาเจตคตินนั้ มาเปน็ ของตน
เบลกินและสกายเดลล์ (Belkin and Skydell) ๑๖ ให้ความหมายของเจตคติว่าเป็น
แนวโน้มที่บุคคลจะตอบสนองในทางที่พอใจหรอื ไม่พอใจต่อสถานการณ์ต่างๆ เจตคติจึงมีความหมาย
สรปุ ได้ดงั น้ี

๑. ความรูส้ ึกของบคุ คลท่ีมตี ่อสงิ่ ตา่ ง ๆ หลังจากท่ีบุคคลได้มีประสบการณ์ในสิ่ง
นน้ั ความรสู้ กึ นี้แบง่ เปน็ ๓ ลักษณะ คอื

๑.๑ ความรู้สึกในทางบวก เป็นการแสดงออกในลักษณะของความพึง
พอใจเหน็ ด้วย ชอบ และสนับสนุน

๑.๒ ความรู้สึกในทางลบ เป็นการแสดงออกในลักษณะไม่พึงพอใจ ไม่
เหน็ ด้วย ไมช่ อบ และไม่สนบั สนุน

๑.๓ ความรู้สกึ ทเ่ี ปน็ กลางคอื ไมม่ ีความรสู้ กึ ใดๆ
๒. บคุ คลแสดงความรสู้ ึกทางด้านพฤติกรรม ซ่งึ แบ่งพฤติกรรมเป็น ๒ ลักษณะ
คอื

๒.๑ พฤติกรรมภายนอก เป็นพฤติกรรมท่ีสังเกตได้ เช่น มีการกล่าวถึง
สนบั สนุน ท่าทางและสีหนา้ บ่งบอกถึงความพึงพอใจ เปน็ ต้น

๑๕ G.W. Allport, P.E. Verson and Q Lindzey, A Scale for Measuring the Dominant
Interests in Personality,(Boston : Houghton Miffin,๑๙๖๐),อ้างอิงใน รศ. ดร.ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์,
จติ วทิ ยาการศึกษา, หน้า ๒๔๓-๒๔๔.

๑๖ ปรยี าพร วงศ์อนุตรโรจน์ม, จิตวิทยาการศึกษา, หนา้ ๒๔๔.

๓๒

33

๒.๒ พฤติกรรมภายใน เป็นพฤติกรรมท่ีสังเกตไม่ได้ ชอบหรือไม่ชอบ
เป็นตน้ ก็ไม่แสดงออก๑๗

เจตคติประกอบด้วยองค์ประกอบดงั น้ี
๑. ความรู้ความเข้าใจ (Cognitive Component) เป็นความรู้สึกเกี่ยวกับสิ่งน้ันๆ
เชน่ ขนมเค้กมรี สหวาน ทำจากแป้งและนำ้ ตาล มหี ลายสี ฯลฯ
๒. ความรู้สึกและอารมณ์ (Affective Component) เป็นองค์ประกอบด้าน
ความรู้สึกหรืออารมณ์ของบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับสิ่งเร้า เป็นผลเนื่องมากจากการที่บุคคล
ประเมินผลสิ่งเร้าน้ันแล้วว่าพอใจ ต้องการหรือไม่ต้องการ เป็นต้น เช่น มีความต้องการท่ีอยากจะชิม
ขนมที่ตนรูส้ กึ วา่ อรอ่ ยน้ัน ๆ๑๘
๓. พฤติกรรม (Behavioral Component) เป็นองค์ประกอบด้านความพร้อมหรือ
ความโน้มเอียงที่บุคคลจะประพฤติปฏิบัติหรือตอบสนองต่อส่ิงเร้าในทิศทางที่จะสนับสนุนหรือคัดค้าน
ซึ่งข้ึนอยู่กับความเช่ือหรือความรู้สึกของบุคคล ท่ีได้จากการประเมินผลพฤติกรรมท่ีคิดจะแสดงออก
และสอดคล้องกับความรู้สึกท่ีมีอยู่ เช่น ความโน้มน้าวท่ีจะซ้ือขนมเค้กทต่ี นชอบทุกวนั โดยเฉพาะพัก
กลางวัน
จากนิยามและองคป์ ระกอบของเจตคติดังกล่าวข้างต้น การเรียนร้เู จตคตเิ ปน็ ส่ิงที่ชใ้ี หเ้ ห็น
ถึงลักษณะของแรงจูงใจ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือ ความไม่ร่วมมือ ความเช่ือมั่น ความ
กลัว ความอดกลั้น ฯลฯ เป็นเรื่องของความรู้สึกที่เรามีต่อผู้อื่น ต่อตัวเรา และต่อสิ่งแวดล้อมรอบๆ
ตัวเรา เชน่ พอ่ แม่ที่ไม่สนใจเก่ียวกับการอ่านหนงั สือเลย ลูกก็มักจะมีแนวโนม้ ที่จะเป็นเชน่ นัน้ ด้วย น่ัน
คอื หากจะเปลี่ยนเจตคติต้องเปลี่ยนทั้งพฤติกรรมของบุคคลและส่ิงแวดล้อมท่ีเก่ียวข้องกับบคุ คลด้วย
นอกจากน้ีเจตคติยังขึ้นอยู่กับความแตกต่างระหว่างวุฒิภาวะ เช่น การปลูกฝังให้ซาบซึ้งในเรื่อง
ประชาธิปไตยท่ีเข้มแข็งในนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยหรือเจตคติในเร่ืองเพศศึกษาของวัยรุ่นย่อม
แตกตา่ งจากเจตคตเิ รอื่ งเพศศกึ ษาในวยั ผใู้ หญ่
๔) การเรยี นรู้เพอ่ื การแก้ปญั หาและการคิด (Learning to Solve Problems and
Thinkings)
ในการดำรงชีวิตของมนุษย์เรามักจะประสบอยู่เสมอว่า การปรับตัวไม่ได้ราบรื่นเสมอไป
มักมีเหตุการณ์หรือปัญหาใหม่ๆ ให้ขบคิดอยู่เสมอซ่ึงนิสัยหรือความเคยชินที่เคยทำมานั้นบางคร้ังไม่
สามารถแก้หรือปรับตัวได้ เมื่อประสบปัญหามนุษย์จึงต้องคิดเพ่ือแก้ไขปัญหาหรือเป็นความคิดท่ีจะ
หาทางใหม่ๆท่ีไม่ใช่หรือนิสัยหรือความเคยชินมาแกป้ ัญหาน่ันเอง ปัญหาจะเกดิ ขึ้นเมือ่ กิจกรรมท่ีทำถู

๑๗ เรอื่ งเดยี วกนั , หนา้ ๒๔๔.
๑๘ W.J.Mc Keachie and C.L. Doyle, Psychology, Addision-Wealey Publishing Company,
Imc., 1976, อ้างองิ ใน ปรยี าพร วงศ์อนุตรโรจน์, จิตวิทยาการศกึ ษา, หนา้ ๑๖.

๓๓
34

ขัดขวางหรือมีอุปสรรคจนไม่สามารถจะใช้นิสัยเดิมท่ีเคยทำมาแก้ได้เพราะสถาน การณ์เป็นอย่าง
ซบั ซ้อนสับสน ไม่เกิดความกระจ่างในการท่ีจะหาทางฝ่าฟันส่ิงกีดขวางหรืออุปสรรคน้ัน ดงั น้ันมนุษย์
จึงต้องเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาอาจด้วยวิธีการแก้ปัญหาลักษณะใดลักษณะหน่ึงหรือทั้งสองลักษณะ
ดงั ตอ่ ไปนี้

๑) การแกป้ ัญหาดว้ ยวิธีการลองผดิ ลองถูก (Trial and Error)
ปัญหาชนิดนี้ส่วนใหญ่เป็นปัญหาท่ียาก ซ่ึงผู้เผชิญปัญหามักมองไม่เห็นแนวทางหรือไม่
อาจคิดวธิ ีที่จะแก้ปัญหาน้ันได้ จึงใช้วิธีการทดลองทำหลาย ๆอย่างเพื่อจะหาวิธที ่ีดีที่สดุ ที่จะแก้ปัญหา
นั้น แสดงใหเ้ ห็นเป็นแผนภาพได้ดงั น้ี๑๙

R๑ สิ่งกีดขวาง
R๒ R๓
R๗ พฤติกรรมตอ่ ไป

ผู้ R๔ R๕ R๖ เป้าหมาย
เผชิญ
ปัญหา

แผนภาพท่ี ๒.๒ : แสดงการแกป้ ญั หาดว้ ยวธิ กี ารลองผิดลองถกู

จากแผนภาพท่ี ๒.๓ จะเห็นว่า ผู้เผชิญปัญหาต้องใช้วิธีการถึง ๗ วิธี จึงจะสามารถแก้ปัญหา
ได้

๒) การแก้ปญั หาด้วยวธิ กี ารหยงั่ รู้ (Insight)
การมองเห็นปัญหาอย่างกระจ่างแจ้งนั้น นักจิตวิทยาเชื่อว่าเป็นการรับรู้ที่มองเห็ น
ความสำคัญของปัญหาทั้งหมดอย่างทันทีทันใด และมองเห็นล่ทู างท่ีจะแก้ไขปัญหาโดยตลอดแสดงให้
เห็นเป็นแผนภาพได้ดงั นี้๒๐

๑๙ ประสาท อิศรปรดี า, ธรรมชาตแิ ละกระบวนการเรยี นรู้, หนา้ ๒๐.
๒๐ เรอ่ื งเดียวกัน,หนา้ ๒๐.

๓๔
35

ส่ิงกีดขวาง

R๓ พฤตกิ รรมตอ่ ไป
R๑
ผู้ เป้าหมาย

เผชิญ R๒

ปญั หา

แผนภาพที่ ๒.๓ : แสดงการแกป้ ญั หาดว้ ยวธิ ีการหยั่งรู้

จากแผนภาพท่ี ๒.๓ ผู้เผชิญปัญหาจะมองปัญหาท้ังหมดอย่างกระจ่างแจ้งว่า วิธีที่ ๑
และ ๒ น้ันไม่ใชว่ ธิ แี กป้ ญั หาแต่วิธีท่ี ๓ เปน็ ทางเดียวทจี่ ะแก้ปญั หาได้

ลำดบั ข้นั ตอนการเรยี นร้เู พ่อื แก้ปญั หา อาจสรปุ ไดด้ งั นี้
๑. แรงจูงใจท่ีแก้ปัญหา คนที่ไม่มีแรงจูงใจใจการแก้ไขปัญหา ย่อมไม่เกิดความคิดที่จะ
แก้ปัญหา ดงั น้นั ผทู้ ่ีสามารถแก้ปัญหาได้ ตอ้ งมคี วามต้องการทจี่ ะแกป้ ัญหาหรือมีความสนใจในสิ่งนั้น
เปน็ พน้ื ฐาน
๒. การรวบรวมข้อมูลที่ใช้แก้ปัญหา การจะแก้ปัญหาได้ต้องมีความคิดในส่ิงที่จะช่วย
แก้ปัญหา ต้องพยายามรวบรวมแนวความคิด ความรู้ เคร่ืองมือ และข้อมูลอื่น ๆ เพื่อใช้ในการ
แกป้ ญั หานน้ั
๓. การมองเห็นช่องทางแก้ปัญหา ในขณะที่พยามแก้ปัญหา หรือพยายามค้นคว้า
รวบรวมส่ิงที่ช่วยแก้ปัญหา จะมองเห็นวิธีแก้ปัญหาได้หลายทางด้วยกัน ซึ่งยังไม่แน่ใจวิธีใดดีทีสุดท่ี
สามารถแกป้ ญั หานน้ั
๔. การใชว้ ิธีต่างๆ เพ่ือแก้ปญั หาในขั้นนี้จะเป็นขั้นประเมินผลว่า วิธีปัญหา ต่าง ๆ ในข้อ
ที่ ๓ นัน้ วธิ ีใดท่สี ดุ ทจี่ ะสามารถแกป้ ัญหาได้
๕. การทบทวนเพื่อหาข้อบกพร่อง หากเรารู้ความจริงว่า การแก้ปัญหายังไม่สมบูรณ์
หรือยังมีจุดบกพร่อง จะต้องมีการตรวจสอบ หรือหาจุดท่ีทำให้เกิดข้อบกพร่องเพ่ือแก้ไขในการ
แก้ปัญหาตอ่ ไป๒๑
จากแบบของการเรียนรู้ทั้ง ๔ ประเภท ดังกล่าว การเรียนรู้สังกัปกับการเรียนรู้ด้าน
ทักษะเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าการเรียนรู้แบบเจตคติและความซาบซ้ึงกับการเรียนรู้เพ่ือแก้ปัญหาการ
เรียนรู้สังกัปจะช่วยพัฒนาบุคคลให้รอบรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ รอบตัว การเรียนรู้ด้านทักษะทำ
ให้เกิดความคล่องแคล่วทางกลไกและทำให้ผลของการกระทำมีประสิทธิภาพ การเรียนรู้เจตคติและ

๒๑ เรอื่ งเดียวกนั , หนา้ ๒๑.


Click to View FlipBook Version