The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เทคนิคการสอนศึกษาเชิงพุทธ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by phanthiwa.thab, 2022-06-22 04:01:49

เทคนิคการสอนศึกษาเชิงพุทธ

เทคนิคการสอนศึกษาเชิงพุทธ

๑๘๒

186

ควรมรี ปู แบบทีห่ ลากหลาย ซ่ึงอาจจะนำไปสกู่ ารบรรลผุ ลการเรยี นรู้เพียงข้อเดยี วก็ได้ ในขณะเดียวกัน
ประสบการณ์การเรียนรู้อย่างเดียว อาจจะนำไปสู่การบรรลุผลการเรียนรู้หลายอย่างก็ได้ การจัด
ประสบการณ์การเรียนรู้ ควรเป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนได้แสดงออก โดยไม่มีความรู้สึกว่ากำลังถูก
บงั คับใหท้ ำ เพราะถา้ มกี ารบังคบั จะทำใหเ้ กดิ การเรยี นรไู้ ดน้ ้อย

๔. ครูควรจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับความต้องการ ความสนใจ และความถนัดของ
ผเู้ รยี นแต่ละคนโดยมีความเช่ือว่าผเู้ รียนทกุ คนสามารถเรียนและพฒั นาตนเองไดส้ ูงสุดตามศักยภาพ

๕. ครูต้องคอยเป็นผู้เอื้ออำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ เมื่อผู้เรียนผ่านกระบวนการ
เรียนรู้แล้วผู้เรียนควรจะต้องปรับเปลีย่ นพฤตกิ รรม จากความไม่รู้ เป็นรู้และรู้จรงิ จากทำไม่ได้ ทำไม่
เป็นเปลี่ยนมาเปน็ ทำได้ ทำเปน็ จากไม่ชอบ เปล่ยี นมาเปน็ ชอบ

๖. ครูต้องยืดหลักการที่ว่า การจัดการเรียนรู้ที่ดีจะต้องมีกิจกรรมที่สามารถพัฒนา
ศักยภาพทุกด้านคือ ร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม ครูต้องมองผู้เรียนว่ามีภูมิรู้และภูมิธรรม
อยู่ในระดับหนึ่ง ครูจะให้หลักการของศาสตร์ที่จะสอนเท่าที่จำเป็น ให้เพียงวิธีการเรียนรู้ แต่ต้อง
พยายามส่งเสริมให้ผู้เรียน เรียนรู้จากการปฏิบัติของตนเองให้มากท่ีสุด หรือที่เรียกว่าเรียนจากสมาธิ
และพิจารณาตน (Self Learning) คือเรียนไปประเมินผลการปฏิบัติของตน ปรับปรุง ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ รู้
รอบ ร้ลู กึ และรแู้ จ้งในท่ีสดุ

๗. ครูต้องทบทวนบทบาทของตนวา่ คือ ผูท้ ีใ่ หอ้ งค์คุณของกัลยาณมิตร ๗ ประการ คอื
๑) วางตนในฐานะผทู้ ี่ศษิ ย์ไวว้ างใจ
๒) วางตนให้น่าเคารพ
๓) วางตนในฐานะผทู้ รงคณุ ความรู้
๔) วางตนในฐานะเป็นท่ปี รึกษาทด่ี ี
๕) วางตนในฐานะผู้ฟงั ที่ดี ฟงั ท้ังคำพูดและความรูส้ ึกของศิษย์
๖) วางตนในฐานะผู้ทรงปญั ญา สามารถอธบิ ายอยา่ งลกึ ซ้งึ ใหศ้ ษิ ย์กระจ่างได้
๗) วางตนเป็นแบบอย่างทีด่ ี เป็นแบบในการประพฤตปิ ฏิบัติ

๘. ครูจะต้องรู้จักเด็กเป็นรายกลุ่ม รายบุคคล และมองว่าผู้เรียนทุกคนมีโอกาสที่จะเป็น
อจั ฉริยะได้อย่างน้อย ๘ ด้าน คอื ดา้ นเหตุผล ภาษา ศลิ ปะ กายสมั ผัส ดนตรี มนุษยสัมพันธ์การเข้าใจ
ตนเองหรือเข้าใจชีวิต เข้าใจธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือที่เรียกว่า อัจฉริยภาพในเชิง พหุปัญญา
(Multiple Intelligences) ของโฮเวริ ด์ การ์ดเนอร์

๙. ครูต้องพร้อมให้ความรัก และศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์แก่ลูกศิษย์ ครูจึงต้องเปลี่ยน
หนา้ ทจี่ ากผู้สอนเปน็ ผ้อู อกแบบการเรียนรใู้ ห้เอ้ือต่อการพัฒนาไปสู่อจั ฉรยิ ภาพ ทั้ง ๘ ดา้ นของเด็ก

๑๘๓

187

๑๐. การจัดการเรียนการสอนหรือการจัดการเรียนรู้ ครูจะต้องเน้นและให้ความสำคัญกับ
ผู้เรียนควบคู่ไปกับธรรมชาติของวิชา ครูจะต้องรู้ใจนักเรียน ให้นักเรียนรู้ทั้งหลักการ วิธีการเรียนรู้
และคณุ ธรรมทจ่ี ะเกดิ ตามธรรมชาติของวชิ า

๑๑. ครูควรจัดประสบการณ์และกิจกรรมที่ใช้คุณธรรมนำความรู้บูรณาการคุณธรรมใน
การจดั ประสบการณท์ กุ กล่มุ สาระการเรียนรู้และทุกข้ันตอนในการจัดการเรียนรู้ โดยถือว่า ครทู กุ คนมี
หน้าท่พี ฒั นาผู้เรียนให้ประพฤตติ นยดึ หลักคณุ ธรรมและพฒั นาคนให้มีคา่ นิยมอันพึงประสงค์๕๐

กิตติชัย สุธาสิโนบล ได้กล่าวถึง บทบาทของครูผู้สอนกับการจัดการเรียนการสอนตาม
แบบพทุ ธไวอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ มีดังนี้

๑. จัดการสภาพแวดล้อมและบรรยากาศ (ปรโตโฆสะ) ที่เป็นกัลยามิตรเพื่อส่งเสริมให้
นักเรียนมุ่งศึกษา แก้ปัญหา หรือแสวงหาความรู้อย่างเป็นองค์รวมเพื่อพัฒนานักเรียนอย่างรอบด้าน
ดว้ ยวถิ ีวฒั นธรรมแสวงปญั ญาผา่ นระบบไตรสกิ ขาเพื่อความงอกงามแห่งปญั ญา

๒. เตรียมนักเรียนเพื่อให้เกิดความเชื่อและความรู้สึกซาบซึ้ง ซึ่งเกิดจากความมั่นใจใน
เหตุผลเทา่ ท่รี ู้เหน็ มั่นใจวา่ เป็นไปได้ มคี ณุ คา่ และมัน่ ใจวา่ สามารถพสิ ูจน์ใหเ้ ห็นจริงไดใ้ นกระบวนการ
เรียนรู้ ซึ่งประกอบด้วยการสวดมนต์ ฝึกสมาธิในลักษณะต่าง ๆ และทำกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริม
การคิดวิเคราะห์ ได้ทดลองปฏิบัติจนประจักษ์ความรู้จริงด้วยตนเอง ด้วยการสนทนา อภิปราย ถาม
คำถามเพ่ือนำเขา้ สูบ่ ทเรียน

๓. เตรียมบุคลิกภาพที่เป็นกัลยาณมิตร สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้เรียน แสดงความรัก
ความเมตตา ความจริงใจต่อนักเรียน โดยการทำให้ดู อยู่ให้เห็น เป็นให้ปรากฏ ให้นักเรียนเห็นเป็น
แบบอยา่ งที่ด๕ี ๑

สรุปได้ว่า ครู คอื ผทู้ ำหน้าทอ่ี บรมสั่งสอนถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ตา่ ง ๆ ใหแ้ กศ่ ษิ ย์
เพอ่ื พัฒนาใหศ้ ิษยม์ คี วามเจริญงอกงามทั้งร่างกาย สติปญั ญา อารมณ์ และสังคมเปน็ ทรพั ยากรท่ี มี
คุณภาพของสังคม ทำหน้าที่สั่งสอนให้ความรู้และอบรมความประพฤติของศิษย์๕๒ บทบาทสำคัญใน
ฐานะเปน็ ผู้ออกแบบการจัดการเรียนรู้ เพอื่ เอือ้ อำนวยความสะดวกให้นกั เรียน จัดกจิ กรรมให้นักเรียน
สามารถ เป็นผู้แสวงหาความรู้และพัฒนาตนเอง ในบรรยากาศและสถานการณ์ที่ครูจัดให้นักเรียนได้
คิดเอง ปฏิบัติเองและนำไปสู่การสร้างความรู้ด้วยตนเองอย่างพึงพอใจ ครูต้องมองนักเรียนว่ามีภูมิรู้

๕๐ กรมวิชาการ, การจัดการเรียนพระพุทธศาสนา, พิมพ์ครั้งท่ี ๕, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์
พระพทุ ธศาสนาของธรรมสภา, ๒๕๕๑), หน้า ๒๑๘ -๒๒๐.

๕๑ กิตติชัย สุธาสิโนบล, การจัดการเรียนการสอนแบบพุทธะเพื่อพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมสำหรับ
นักเรยี น, (กรุงเทพมหานคร : บริษัทคอมเมอร์เชียล เวิลด์ มเี ดยี จำกดั , ๒๕๕๘), หนา้ ๑๔๑-๑๔๒

๕๒ ธราญา จิตรชญาวณิช, การศึกษาความเป็นครูไทย, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย, ๒๕๖๐), หนา้ ๑๓๔.

๑๘๔

188

และภมู ธิ รรมอย่ใู นระดบั หนึ่ง การรู้จกั ผเู้ รยี นเปน็ รายบคุ คล หรอื รายกลมุ่ จะช่วยให้ครูมขี ้อมลู ท่สี ำคัญ
ในการออกแบบการจัดกจิ กรรมการเรยี นรูท้ ีเ่ หมาะสม สนองตอบความต้องการ ความถนดั ความสนใจ
และวิธีการหรือลีลาการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคน บทบาทของครูที่จะต้องปรับเปลี่ยนให้เท่าทัน
กระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกและสังคมที่ขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว และนอกจากนี้จะต้องประพฤติ
ปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ รวมทั้งจรรยาบรรณวิชาชีพครูอยา่ งเครง่ ครัด บทบาทสำคัญยิ่ง คือ ครูต้อง
เป็นแบบอย่างท่ดี แี กศ่ ษิ ยใ์ นทุกด้าน

สรปุ

วิธีการสอนของพระพุทธเจ้า คือ แบบสากัจฉา หรือสนทนา แบบบรรยาย แบบตอบ
ปัญหา แบบวางกฎข้อบังคับ หลักการสอนของพระพุทธเจ้าดังกล่าวมาน้ี แสดงให้เห็นถึงพระปรีชา
สามารถในการสอนของ พระองค์ได้อย่างชัดเจน สามารถสรุปการสอนของพระพุทธเจ้าได้ว่า
“พระพุทธเจ้าทรงมีวิธีสอนอันชาญฉลาด เมื่อพระองค์แสดงพระธรรมเทศนาจบลง ผู้ฟังจะสรรเสริญ
เสมอว่า แจ่มแจ้งจริง พระองค์ผู้เจริญ แจ่มแจ้งจริง พระธรรมเทศนาของพระองค์เสมือนหงายของท่ี
ควำ่ บอกหนทางแก่คนหลงทาง สอ่ งประทีปในที่มดื ให้คนมีจักษุไดเห็นรูป...”จึงสมควรอย่างย่ิงที่ผู้ทำ
หน้าที่ในการสอนจะได้ศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการสอนของพระพุทธเจ้า พร้อมกับ
ยึดถือเป็นหลักปฏบิ ัติตอ่ ไป

การสอน คือกรรมวิธีสำหรับเร้าให้ผู้เรียนเกิดความรู้ในระดับต่างๆ ตั้งแต่ระดับต่ำสุดถึง
สูงสุด การสอนที่จะมีผลดีนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น สติปัญญาและความ เอาใจใส่ของ
นกั เรยี น ความรู้ความสามารถและความเอาใจใส่ของครู ตลอดถงึ วธิ กี ารสอนท่ีดี พระพทุ ธเจ้าทรงเป็น
ครูชั้นยอดพระองค์หนึ่ง ทรงสามารถสอนให้คนเกิดความรู้ถึงขั้นวิชชุญาณและสัมโพธิญาณได้ด้วย
การพูดธรรมดา และสามารถให้ผู้ฟังรู้ถึงขั้นอริยะสัจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงถึงขั้นจากปุถุชนเป็น
อริยบุคคลได้ การศึกษาถึงคุณสมบัติและวิธีการสอนของ พระพุทธเจ้าจึงเท่ากับเป็นการศึกษาถึงวิธี
สอนตามหลักพทุ ธศาสตร์ และสามารถนำหลกั การบางอย่างมาประยกุ ต์ใช้ในปจั จุบันได้การศึกษาหรือ
สกิ ขา เปน็ สาระสำคญั ของการสอนในทางพระพทุ ธศาสนา ซึ่งสามารถแบ่งออกเปน็ ๔ ประการคือการ
เรยี นรแู้ บบพุทธเปน็ วิธกี ารที่พระพุทธเจ้าทรงเผยแพร่พระธรรมที่พระองคไ์ ด้ตรัสรเู้ พ่ือใหป้ ระชาชนทุก
หมเู่ หล่าได้เรียนรู้แนวการสอนของพระพทุ ธเจ้าซ่ึงมีลักษณะสำคัญ ๔ ประการดงั นี้ สนั ทัสสนา ในการ
อบรมสั่งสอนธรรมะของพระองค์จะชี้แจงให้ผู้ฟังอย่างเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งชัดเจนเห็นจริง สมาปทา
พระองค์จะอธบิ ายให้ผู้ฟังเห็นว่าเรอ่ื งที่พดู ถึงน้นั เป็นความจริง สมตุ เตชนา พระองค์จะใชว้ ธิ ีปลุกเร้าใจ
ให้ผู้ฟังคึกคักกระตือรือร้นที่จะปฏิบัติตามหลักธรรมนั้นให้ประสบความสำเร็จ สัมปหังสนา ในการ
บรรยายธรรมะพระองค์จะสร้างบรรยากาศให้เอื้อต่อการเรียนรู้ และ ๓ ด้านโดยสอดคล้องกับ
องค์ประกอบและการดำเนินชีวิตของมนุษย์ที่มี ๓ ดา้ น คือ พฤติกรรม จติ ใจและปัญญา มีสาระสำคัญ

๑๘๕
189

คือ ศีล สมาธิ ปัญญา จุดมุ่งหมายในการสอนของพระพุทธเจ้าจึงหมายถึง การสร้างประโยชน์ความ
เกื้อกูล และความสุขแก่ชนหมู่มากและเกื้อกูลต่อสังคมโลกการศึกษาถึงวิธีสอนตามหลักพุทธศาสตร์
และสามารถนำหลกั การบางอย่างมาประยกุ ต์ใชไ้ ด้

๑๘๖
190

เอกสารอา้ งองิ ประจำบท

๑. ภาษาไทย

กรมวิชาการ. การจัดสาระการเรียนพระพุทธศาสนา. พิมพ์ครั้งที่ ๕. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์

พระพุทธศาสนาของธรรมสภา, ๒๕๕๑.

กิตติชัย สุธาสิโนบล. การจัดการเรียนการสอนแบบพุทธะเพื่อพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมสำหรับ
นกั เรยี น.กรุงเทพมหานคร : บริษทั คอมเมอร์เชยี ล เวลิ ด์ มีเดีย จำกดั , ๒๕๕๘.

คณาจารย์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พุทธปรัชญาการศึกษา. พระนครศรีอยุธยา :
โรงพมิ พม์ หาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๕๖.

คณาจารย์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พุทธวิธีการสอน. พิมพ์ครั้งที่ ๒,
พระนครศรอี ยธุ ยา : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั , ๒๕๕๙.

ธราญา จิตรชญาวณิช. การศึกษาความเป็นครูไทย. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลัย, ๒๕๖๐.

ธราญา จิตรชญาวณิช. การศึกษาและความเป็นครูไทย. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์แห่ง
จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย, ๒๕๖๐.

พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต). พุทธวิธีในการสอน, พิมพ์ครั้งที่ ๕. กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิพุทธ
ธรรม, ๒๕๔๑.

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตโต). พุทธธรรม ฉบับปรับขยาย. พิมพ์ครั้งที่ ๔๔. กรุงเทพมหานคร :
โรงพิมพ์ผลธิ ัมม์, ๒๕๕๘.
. พุทธวิธีในการสอน. พิมพ์ครั้งที่ ๑๘. กรุงเทพมหานคร : บริษัทพิมพ์สวย จำกัด,
๒๔๔๖.

. พุทธธรรม ฉบับปรับขยาย. พิมพ์ครั้งที่ ๔๔. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ผลิธัมม์,
๒๕๕๘.

. พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์. พิมพ์ครั้งที่ ๒๗.กรุงเทพมหานคร: โรง
พิมพ์พระพุทธศาสนาของธรรมสภา, ๒๕๕๙.
ไพฑูรย์ สนิ ลารัตน์ และ นักรบ หม้แี สน. ความเป็นครูและการพฒั นาการมืออาชีพ. กรุงเทพมหานคร
: โรงพมิ พ์แหง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั , ๒๕๖๐.

ยนต์ ชุม่ จติ . ความเปน็ ครู. พมิ พ์ครง้ั ท่ี ๕. กรงุ เทพมหานคร: โอเดยี นสโตร์, ๒๕๕๓.
. ความเป็นคร.ู พิมพ์ครงั้ ท่ี ๖. กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร์, ๒๕๕๘.

๑๘๗

191

ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๕๕๔. พิมพ์ครั้งที่ ๒.
กรุงเทพมหานาคร: นานมบี ุค๊ ส,์ ๒๕๕๖.

วศิน อินทสระ. พุทธวิธกี ารสอน. พมิ พ์ครั้งท่ี ๕. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพเ์ มด็ ทราย, ๒๕๔๕.
สมบูรณ์ พรรณนาภพ อ้างถึงใน ไพฑรู ย์ สนิ ลารัตน์. ครู. กรงุ เทพมหานคร : สารานุกรมศึกษาศาสตร์,

๒๕๓๘.
สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. พระราชบญั ญัติการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไข

เพมิ่ เตมิ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕. กรงุ เทพมหานคร : สำนกั พมิ พ์เดอะบคุ ส์, ๒๕๔๖.
สุชีพ ปุญญานุภาพ. คุณลักษณะพิเศษแห่งพระพุทธศาสนา. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหามกุฏ

ราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๓.

๒. ภาษาองั กฤษ

Barr, A.S. Characteristics of Successful Teachers. Wisconsin : Phi Delta Kappan, 1958.
Carroll, J.B. A model of school learning. Teacher College Record, 1963.
Gilbert, H. The Art Teacher. New York : Pyramid Books, 1979.
Good, Carter V, Dictionary of Education. New York, McGraw-Hill Book, 1973.
Hessong, Robert F. and Thomas H. Week. Introduction to Education. New York, 1987.



บทท่ี ๘

หลักคุณธรรมจริยธรรมและความเป็นพลเมอื งทีเ่ ข้มแขง็

ความนำ

คุณธรรมจริยธรรมมคี วามสําคัญในการรกั ษามาตรฐานวชาชพี และทำใหค้ รูมคี วามพร้อมที่
จะปฏิบัติงานด้วยความรักงานและบุคคลท่ีเก่ียวข้อง แต่ครูยังมีปัญหาคณธรรมจริยธรรมทั้งด้าน
ความรู้เจตคติและทักษะทางคุณธรรมที่ไม่เพียงพอการพฒนาคุณณธรรมจริยธรรมของครูจึงต้องเน้น
การพัฒนาความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในคุณธรรมจริยธรรมและพัฒนาด้วยชุดจริยธรรมท่ีครบวงจร

จรรยาบรรณมความสำคัญในการสร้างมาตรฐานพฤติกรรมของผู้ประกอบวิชาชีพตาม
ขอบเขตของจรรยาบรรณในวิชาชีพ แต่ครูยังมีปัญหาไม่ตระหนักในความสําคัญของจรรยาบรรณ
แม้จะมีมาตรการที่เด็ดขาดการพัฒนาจรรยาบรรณของครูจึงควรเน้นการใช้อิทธิพลสังคมเพื่อขดั เกลา
และโน้มน้าวใหค้ รูมจี รรยาบรรณ

คําท่ีมีความเกี่ยวขอ้ งอยา่ งสำคัญกับคุณธรรมคือคําว่า จรยิ ธรรม ซ่ึงเป็นคำทีม่ ีความหมาย
ใกล้เคียงกันและสัมพันธ์กัน คนในสังคมจึงอาจเรียกว่าคุณธรรมจริยธรรมเพื่อให้ครอบคลุม
ความหมายของท้ังสองคําหรืออาจเรยี กว่าคุณธรรมเพียงคำเดียวโดยมักรวมความหมายของจรยิ ธรรม
ไว้ด้วย นอกจากนั้นยังมีคําทางการประกอบอาชีพท่ีเก่ียวของกับคำว่า คุณธรรมจริยธรรม อีกสอง
คำคือ คําว่าจรรยาบรรณและวินัย โดยคุณธรรมจริยธรรมจะเป็นหลักการสําหรับคนท่ัวไปในสังคม
ในขณะที่จรรยาบรรณเป็นการนำคุณธรรมจริยธรรมในสังคมไปปฏิบัติให้เหมาะสมกับการประกอบ
อาชีพแต่ละอาชีพท่ีมีลักษณะแตกต่างกัน จรรยาบรรณของอาชีพต่างๆ จึงมีความแตกต่างกันในบาง
ประเด็น ส่วนวินัยเป็นระเบียบท่ีกํากับความประพฤติของผู้ประกอบวิชาชีพให้เป็นไปตาม
จรรยาบรรณของอาชีพที่กําหนดไว้ในหน่วยนี้ จึงเสนอท้ังคุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ และ
ความเปน็ พลเมืองทเี่ ขม้ แขง็ ดงั จะได้อธิบายดังต่อไปนี้

194 ๑๘๙

๑. แนวคดิ เก่ียวกับคุณธรรมจรยิ ธรรม

คุณธรรมจริยธรรมมีความสำคัญต่อครูและวิชาชีพครู ครูจึงต้องเข้าใจความหมายและ
ความสำคัญของคุณธรรมจรยิ ธรรมทีม่ ตี อ่ บุคลากรครแู ละวชิ าชีพครู ดงั น้ี

๑.๑ ความหมายของคุณธรรมจรยิ ธรรม
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้ความหมายของคุณธรรมและ
จริยธรรมไว้แตกต่างกันดงั น้ี
คุณธรรม หมายถึง สภาพคุณงามความดี๑ จริยธรรม หมายถึง ธรรมที่เป็นข้อประพฤติ
ปฏบิ ัติ ศลี ธรรม กฎศลี ธรรม๒
นอกจากความหมายข้างต้นแล้ว พจนานุกรมลองแมน ได้ให้ความหมายของคำว่า
คุณธรรมและจรยิ ธรรม สรุปไดด้ ังน้ี
คณุ ธรรม (Virtue) คอื สภาพความดีของลักษณะและพฤตกิ รรม คุณภาพความดีเฉพาะใน
ลักษณะของบคุ คล ประโยชนห์ รือข้อได้เปรียบท่ที ำใหข้ องบางอย่างดีกว่าหรือใหป้ ระโยชน์ไดม้ ากกวา่ ๓
จริยธรรม (Ethic) คือ ความคิดหรือความเชื่อท่ีมีอิทธิพลตอ่ ความประพฤตแิ ละเจตคติของ
บุคคล หลักการของความประพฤติสำหรบั การตดั สินใจวา่ สิ่งใดผดิ หรือถูก๔
ศลี ธรรม (Moral) คือ หลักการหรือมาตรฐานของความประพฤติ๕
ความหมายของคุณธรรมจริยธรรมท่ีใช้ในสังคมจึงยังไม่ชัดเจนตายตัว แต่ก็มีความหมาย
หลักในแนวทางเดียวกันคือเป็นหลักของการทำดีเพ่ือประโยชน์ของผู้ปฏิบัติ ผู้เกี่ยวข้อง และสังคม
อน่ึงในหน่วยน้ีจะกล่าวถึงคุณธรรมจริยธรรม ตามความหมายในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
พ.ศ. ๒๕๕๔
คุณธรรมและจริยธรรมจึงมีความหมายใกล้เคียงกันและมีความสัมพันธ์กัน โดยคุณธรรม
เปน็ สภาพที่พึงประสงคใ์ นด้านความดี ความควร ความถูกต้อง ส่วนจริยธรรมเป็นการปฏิบัติไปส่สู ภาพ
ทพ่ี ึงประสงคน์ ั้น คุณธรรมจงึ เปน็ สภาพทางจิตใจทีจ่ ะโนม้ นำการกระทำให้เกิดการประพฤติปฏิบตั สิ ง่ิ ท่ี
ดี และไม่ประพฤติสิ่งท่ีไม่ดี ดังนั้น คุณธรรมจะเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้เกิดจริยธรรม และจริยธรรมเป็น

๑ ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ , พิมพ์ครั้งท่ี ๒,
(กรงุ เทพมหานคร: นานมบี คุ๊ ส์ พับลเิ คชนั่ ส์ จำกัด, ๒๕๕๔), หนา้ ๒๖๓.

๒ เร่ืองเดยี วกนั , หน้า ๓๐๓.
๓ Longman, Longman Dictionary of Contemporary English, The Living Dictionary,
(3d ed.), Pearson Education Limited, Harlow, England, 2003, P. 184.
๔ Ibid. 533.
๕ Ibid. 106.

1๑9๙5๐

ผลของการมีคุณธรรม หรืออีกนัยหน่ึงคุณธรรมเป็นเร่ืองของความจริงแท้หรือสัจธรรม ส่วนจริยธรรม
เป็นส่งิ ท่มี นษุ ย์ทำข้ึน แตง่ ข้ึนตามเหตผุ ลของมนุษย์ หรือตามความตอ้ งการของมนุษย์

๑.๒ ความสำคญั ของคณุ ธรรมจรยิ ธรรมต่อครู
๑.๒.๑ ความสำคัญต่อการดำรงชีวิตประจำวัน การมีคุณธรรมจริยธรรมช่วยให้ครูมี

การดำรงชวี ิตทีด่ ที งั้ การมสี ขุ ภาพทางกายและสุขภาพจิตท่ีดี เช่น๖
๑) ด้านสุขภาพทางกาย หลักคุณธรรมจริยธรรมที่สังคมยึดถือน้ันมีขอบข่ายสาระที่

ชว่ ยพัฒนาทั้งร่างกายและจติ ใจของคน การใชห้ ลักคุณธรรมจรยิ ธรรมจึงเกิดผลดีทางรา่ งกาย เชน่ ครู
ท่ีมีคุณธรรมเกี่ยวกับทางสายกลางจะมีพฤติกรรมบริโภคอาหารแต่พอสมควร ครูจึงไม่อ้วนเกินควร
และไม่เป็นโรคต่าง ๆ อันเนื่องจากการบริโภค ทำให้สามารถประกอบอาชีพเล้ียงตนและครอบครัวได้
เป็นปกติ และมีความแคล่วคล่องในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิต นอกจากน้ันจะทำให้ครูเป็นผู้มี
บคุ ลิกภาพท่ีดี เป็นท่ีชื่นชมของบคุ ลอนื่

๒) ด้านสุขภาพจิต หากครูดำรงตนในคุณธรรมจริยธรรมแล้ว ครูจะเป็นผู้ประพฤติ
ในทางท่ีดีหลีกเล่ียงหรือลดเลิกการประพฤติท่ีไม่ดี สามารถใช้คุณธรรมเป็นเคร่ืองประคับประคอง
จิตใจและการดำรงชีวิตให้เป็นไปในทางที่เป็นผลดีต่อตน คนอื่น และสังคม เช่น มีการประกอบอาชีพ
โดยสุจริต ไม่หลงในลาภยศของตนเองมีการคิดการพูดและการกระทำของตนเองท่ีสอดคล้องกัน ไม่
พูดอย่างหน่ึงแต่ทำอีกอย่างหนึ่ง ไม่ทำดีในเรื่องหน่ึงแต่ทำช่ัวในอีกเร่ืองหน่ึง นอกจากน้ันครูท่ีมี
คุณธรรมจริยธรรมสามารถเผชิญชีวิตอย่างมีสติปัญญาและสุขภาพจิตที่ดี รวมท้ังได้รับการยอมรับยก
ยอ่ งจากบคุ คลอ่นื

๑.๒.๒ ความสำคัญต่อการปฏิบัติงาน ในวิชาชีพ ครูที่มีคุณธรรมจริยธรรม จะได้รับ
การเคารพจากศิษย์ได้รับการยอมรับจากผู้ปกครอง ได้รับการสนับสนุนจากเพ่ือนและผู้บังคับบัญชา
ทำให้มีความก้าวหน้าในการทำงานและการประกอบอาชีพ ซึ่งอาจได้รับการยกยอ่ งประกาศเกียรติคุณ
ให้เป็นตัวอย่างท่ีดีของบุคลากรในวิชาชีพในด้านภาระงานการเป็นผู้นำของสังคม ครูท่ีมีคุณธรรม
จริยธรรมจะเป็นสมาชิกท่ีดีของสังคมที่ตนเป็นสมาชิกอยู่รวมทั้งเป็นเพื่อนมนุษย์ท่ีดีของคนในกลุ่ม
สังคมอื่น เม่ือครูที่มีคุณธรรมจริยธรรมหลาย ๆ คนมาอยู่ร่วมกัน ซ่ึงแม้แต่ละคนจะมีคุณลักษณะและ
ความคิดแตกต่างกันก็ตาม ครูเหล่านั้นจะมีวิธีการดำเนินงานและวิธีการหาข้อยุติในทางที่เป็นคุณแก่
บุคคลและส่วนรวมได้โดยไม่ต้องมีการขัดแย้งกัน สังคมครูจึงเป็นสังคมท่ีดี ครูจึงเป็นตัวแบบท่ีดีของ
สงั คม สามารถนำให้สังคมมคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรมที่ดี และไดร้ ับการยกย่องใหเ้ ป็นเปน็ ผู้นำท่ีดขี องสงั คม

๖ ดวงเดอื น พนิ สวุ รรณ์, คณุ ธรรมจริยธรมสำหรบั ครู, (นนทบรุ ี : มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช,
ม.ป.ป.), หน้า ๘.

196 ๑๙๑

๑.๓ ความสำคัญของคุณธรรมจริยธรรมต่อวิชาชีพครู คุณธรรมจรยิ ธรรมมีความสำคัญ
ต่อวิชาชีพครูในดา้ นตา่ งๆ ท่สี ำคญั คอื

๑) การรักษามาตรฐานวิชาชีพ การท่ีครูมีคุณธรรมจริยธรรมในการปฏิบัติงาน เป็นปัจจัย
สำคัญในการรักษามาตรฐานวิชาชีพที่กำหนดไว้ในกฎหมายทางการศึกษา และช่วยให้วิชาชีพมี
บทบาทตามหน้าที่ที่มีต่อปฏิบัติงาน เป็นปัจจัยสำคัญในสังคมรวมท้ังมีบทบาทตามสถานภาพที่ได้รับ
การยกย่องให้เป็นวิชาชีพชั้นสูง ผู้รับบริการและสังคมได้รับคุณประโยชน์จากกาศึกษาตามมาตรฐาน
การประกนั คุณภาพการศกึ ษา

๒) การยกระดับมาตรฐานวิชาชีพ การท่ีครูมีมาตรฐานการทำงานตามมาตรฐานวิชาชีพที่
กำหนดไว้ ทำให้ครูมีวัฒนธรรมองค์การที่พึ่งประสงค์ องค์การท่ีรับผิดชอบเกี่ยวข้องกับการพัฒนา
วิชาชีพจึงสามารถใช้วิชาการ งบประมาณ และทรัพยากรอ่ืนในการยกระดับวิชาชีพให้เกิด
คณุ ประโยชนต์ ่อสงั คมมากยิง่ ขน้ึ

การท่ีครูแต่ละคนจะมีคุณธรรมจริยธรรมหรือไม่ เพียงใด จึงไม่ได้มีความสำคัญเฉพาะต่อ
ตัวครูเท่านั้น แต่มีความสำคัญอย่างย่ิงต่อสังคมและวิชาชีพ ผู้เป็นสมาชิกของวิชาชีพจึงต้องไม่ปล่อย
ปละละเลยการมีคุณธรรม ไม่ควรพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมตามความพอใจของตนเอง แต่จะต้อง
พัฒนาตนให้เป็นคนท่ีสมบูรณ์และครูท่ีสมบูรณ์เพื่อสร้างนักเรียนท่ีสมบูรณ์ รวมท้ังการสร้างวิชาชีพท่ี
สมบูรณท์ งั้ ดา้ นภาพลกั ษณ์ของวิชาชพี มาตรฐานวชิ าชีพ และศักดศ์ิ รขี องวชิ าชีพ

๑.๔ คณุ ธรรมจริยธรรมที่สำคัญในวิชาชพี ครู
คุณธรรมจริยธรรมที่สำคัญในวิชาชีพครูอาจแบ่งได้เป็น ๕ ด้าน คือ คุณธรรมของความ
เป็นคน คุณธรรมตามหลักศาสนา คุณธรรมของความเป็นคนไทย คุณธรรมของการเป็นข้าราชการ
และจรยิ ธรรมของครู โดยมีสาระสำคญั ดงั นี้
๑) คณุ ธรรมของความเปน็ คน
กีรติ บุญเจือ๗ ได้อธิบายเกี่ยวกับคุณธรรมความเป็นคนว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้
จัดการระดมสมองผู้ทรงคุณวุฒิจากศาสนา องค์การต่าง ๆ และได้ข้อสรุปได้ว่าการพัฒนาคุณธรรม
จริยธรรมต้องเร่ิมจากการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมแห่งความเป็นคนก่อน โดยสร้างให้คนไทยทั้งชาติ
สำนึกว่าทุกคนเป็นคน ก่อนท่ีเขาจะนับถือศาสนา และเข้าสู่ฐานะใดในสังคม มิฉะน้ันเขาจะไม่เป็นคน
ท่ีพึงประสงค์ คนไทยท่ีพึงประสงค์ ศาสนิกท่ีพึงประสงค์ และผู้ประกอบวิชาชีพท่ีพึงประสงค์
คุณธรรมของความเป็นคนเป็นคุณธรรมที่ทุกคนต้องมีอยู่เสมอ และต้องมีทั้ง ๔ ข้อ เน่ืองจากเป็น
องค์ประกอบของการเป็นคนที่สมบูรณ์ หากขาดข้อใดขอ้ หน่ึงจะทำให้เกิดความไม่สมดุลหรอื เสียศูนย์

๗กีรติ บุญเจือ, สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ, สอนคุณธรรมอย่างไรให้
ธำรงสามคั ค,ี (กรงุ เทพมหานคร : วิธี.ท.่ี ซี. คอมมวิ นิเคชนั่ ., ๒๕๕๐), หนา้ ๒-๗.

1๑9๙7๒

เพราะคุณธรรมบางประการมีผลท้ังให้คณุ และโทษเนื่องจากมีสภาพเป็นกิเลสด้วย คุณธรรมแม่บทของ
ความเปน็ มนุษย์ ๔ ประการ ได้แก่

๑) ความรรู้ อบ เป็นลักษณะท่ีจำเปน็ ของความประพฤตดิ ี หมายถึง การเลง็ เห็น การหยั่งรู้
โดยง่ายและชัดเจนว่าอะไรควรประพฤติ อะไรไม่ควรประพฤติ การคิดคำนึงและประสบการณ์จะช่วย
ให้ เกิด ความรู้รอบ ท่ี ลึกซ้ึงความรู้รอบ น้ี จึ งไม่ได้ ห ม าย ความเพี ย งการมีความรู้มากห รือการเป็ น ผู้
แสวงหาความรเู้ ทา่ น้ัน

๒) ความเข้มแข็ง แบ่งเป็นความเข้มแข็งทางกายภาพ ได้แก่ กล้าเสี่ยง กล้าเผชิญความ
ยากลำบากอันตราย และความตายเพ่ืออุดมการณ์ และความเข้มแข็งทางจิตใจ รวมทั้งกล้าเผชิญการ
ถกู ใสร่ า้ ย การเยาะเยย้ การถูกเข้าใจผิดโดยม่นั ใจว่าตนทำดี

๓) ความพอเพียง มนุษย์มีสัญชาตญาณที่จะกระตุ้นใหท้ ำกิจการบางอย่างเพื่อการอยู่รอด
ของตนและเผ่าพันธ์ุ ซึ่งเม่ือหมดความจำเป็นสัญชาตญาณนั้นก็จะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติ
นอกจากนั้นมนุษย์ยังสามารถสำนึกและปลุกสัญชาตญาณได้ตามใจ มนุษย์จึงใช้สัญชาตญาณเลยเถิด
เกินความจำเป็นตามธรรมชาติ จนบางคร้ังเป็นการใช้สัญชาตญาณเพื่อความพึงพอใจเท่านั้น การไม่
ร้จู ักควบคุมพลังในตัวให้อยู่ในขอบเขตของจุดมุ่งหมายของชวี ิต มักจะก่อใหเ้ กดิ ปัญหายุง่ ยากมากมาย
แก่ตัวเองและสังคม เน่ืองจากเม่ือคนหนึ่งใช้พลังเกินขอบเขตอย่างไม่ถูกต้อง ก็มักจะก้าวก่ายสิทธิอัน
ชอบธรรมของผ้อู ื่น เชน่ การสงั่ สมสมบตั ิด้วยวิธที ี่ไมถ่ ูกต้อง คุณธรรมความพอเพียงจึงช่วยให้รูว้ า่ อะไร
ควรอยู่ในขอบเขตแค่ไหน ขณะเดียวกันการไม่ใช้สัญชาตญาณเลยจะทำให้เป็นคนไร้พลังและไร้
ประโยชน์ การใช้สัญชาตญาณเกินขอบเขตก็จะก่อใหเ้ กดิ ความเดือดร้อน จงึ ตอ้ งฝึกให้รู้จักใช้พลังและ
สญั ชาตญาณในขอบเขตอนั ควรตามสภาพและฐานะของบุคคล

ความพอเพียง เป็นการเดินสายกลางระหว่างกิเลสท่ีตรงกันข้าม เช่น ความเข้มแข็งเป็น
ทางสายกลางระหว่างความข้ขี ลาดกบั ความข้าบ่ิน ความพอเพียงเปน็ ทางสายกลางระหวา่ งการขาดกับ
การเกิน ทั้งนี้ทางสายกลางมิได้หมายถึงการบวกกันหารสองด้วยวิธีการทางเลขคณิต แต่หมายถึงการ
เก็บข้อดีจากท้ังสองข้างที่เลยเถิดเพ่ือดำเนินชีวิตให้สูงข้ึนไปเร่ือย ๆ ดังนั้น แม้ทางสายกลางจะอยู่
ระหวา่ งกเิ ลสที่ตรงขา้ มกนั แตก่ ็อยู่คนละระดบั กับกิเลส

๔) ความยุติธรรม ได้แก่ การให้แก่ทุกคนตามความเหมาะสมโดยต้องรู้ว่าเรามีกำลังให้
เพียงใด ควรให้แก่ใคร อย่างไร โดยจำเป็นต้องมีคุณธรรมความรู้รอบ ความเข้มแข็ง และความ
พอเพยี งเข้ามากำกบั ด้วย ความยตุ ิธรรมน้ีถือเป็นคุณธรรมพนื้ ฐานของคุณธรรมทุกอยา่ ง เป็นแกน่ หรือ
สารัตถะของคุณธรรมทุกชนิด คุณธรรมอื่นๆ เป็นเพียงแง่ต่าง ๆ ของความยุติธรรม ผู้ที่มีความ
ยุตธิ รรมสูงจึงเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมทุกอย่าง มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยในตัว แตส่ ังคมพยายาม
นิยามความยุติธรรมเพ่ือตอบสนองความเห็นแก่ตัวอยู่เนือง ๆ จึงต้องพิจารณาว่าอะไรคือความ

198 ๑๙๓

ยุติธรรมท่ีต้องปฏิบัติในสังคม ใครควรได้รับความยุติธรรมแค่ไหน ใครเป็นผู้กำหนดกรอบและ
กระบวนการความยุติธรรม

๒) คณุ ธรรมตามหลักพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนามีหลักธรรมท่ีช่วยให้บุคคลเป็นคนดีโดยมีตัวอยา่ งหลักคุณธรรมจริยธรรม
ทางศาสนาท่ีสำคัญได้แก่ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)๘ ได้ระบุว่าคนมีศีลธรรมหรือมี
มนุษยธรรมท่ีเรียกได้ว่าเป็นอารยชน เป็นผู้มีธรรม ๑๐ ข้อ เรียกว่า กุศลธรรมบถ (ทางทำกรรมดี)
หรือธรรมจริยาซึ่งจัดเป็นอารยธรรมที่ครบถ้วนสมบูรณ์โดยทำให้คนเจริญข้ึนพร้อมท้ังทางกาย ทาง
วาจา ทางใจ ธรรมจริยา ๑๐ ขอ้ นี้ประกอบด้วย
(๑) มีสจุ รติ ๓ คือ มีความประพฤตดิ ีประพฤตชิ อบ ๓ ประการได้แก่

๑) กายสุจริต ความสุจรติ ทางกาย ทำสิง่ ดีงามถกู ต้อง ประพฤติดชี อบดว้ ยกาย
๒) วจีสุจรติ ความสจุ รติ ทางวาจา พดู สงิ่ ดีงามถูกตอ้ ง ประพฤติดีชอบด้วยวาจา
๓) มโนสุจรติ ความสจุ รติ ทางใจ คิดสงิ่ ดีงามถูกต้อง ประพฤตดิ ชี อบดว้ ยใจ
(๒) ประพฤติตามอารยธรรม โดยปฏิบัติถูกต้องตามทางแห่งกุศลกรรม ๑๐ ประการ คือ
ทางกาย ไดแ้ ก่
๑) ละเว้นการฆ่า การบีบค้ันเบียดเบียน มีเมตตากรุณาช่วยเหลือเกื้อกูลสงเคราะห์
กัน
๒) ละเว้นการแย่งชิงลักขโมย การเอาเปรยี บ เคารพสทิ ธิในทรัพย์สินของกันและกัน
๓) ละเวน้ การประพฤติผดิ ล่วงละเมิดในของรกั ของหวงแหนของผอู้ ่ืน ไมข่ ่มเหงจิตใจ
หรอื ทำลายลบหลเู่ กยี รติและวงศต์ ระกูลของกัน
ทางวาจา ๔ ได้แก่
๔) ละเว้นการพูดเท็จ โกหกหลอกลวง กล่าวแต่คำสัตย์ ไม่จงใจพูดให้ผิดจากความ
จริงเพราะเหน็ แก่ประโยชนใ์ ด ๆ
๕) ละเว้นการพูดส่อเสียด ยุยง สร้างความแตกแยก พูดแต่คำที่สมานและส่งเสริม
ความสามัคคี
๖) ละเวน้ การพูดคำหยาบ สกปรกเสียหาย พดู แต่คำสุภาพ นมุ่ นวลควรฟงั

๘ พระพรหมคุณาภรณ์, (ป.อ.ปยุตโต), ธรรมนูญชีวิต, (กรุงเทพมหานคร : พิมพ์สวย, ๒๕๔๗), หน้า
๒๑-๒๒.

1๑๙9๔9

๗) ละเว้นการพูดเหลวไหลเพ้อเจ้อ พูดแต่คำจริง มีเหตุมีผล มีสารประโยชน์ ถูก
กาลเทศะ

ทางใจ ๓ ได้แก่
๘) ไม่ละโมบ ไม่เพ่งเล็งคิดหาทางเอาแต่จะได้ คิดให้ คิดเสียสละ ทำใจให้เผื่อแผ่
กว้างขวาง
๙) ไม่คิดร้ายมุ่งเบียดเบียน หรือเพ่งมองในแง่จะทำลาย ต้ังความปรารถนาดี แผ่
ไมตรี มุง่ ให้เกดิ ประโยชนส์ ขุ แกก่ ัน
๑๐) มีความเห็นถูกต้อง เข้าใจในหลักกรรมที่ว่า ทำดีมีผลดี ทำช่ัวมีผลชั่ว รู้เท่าทัน
ความจรงิ ที่เปน็ ธรรมดาของโลกและชวี ิต มองเหน็ ความเป็นไปตามเหตุปัจจัย
หลักกศุ ลกรรมบถ ๑๐ ข้างตน้ เป็นหลกั ธรรมท่คี รบถว้ นสมบรู ณท์ ำใหค้ นเจรญิ ขึน้ พร้อมท้ัง
ทากาย ทางวาจา ทางใจ แต่ผู้ใดท่ียังไม่สามารถปฏิบัติได้ครบท้ัง ๑๐ ประการ ก็ควรควบคุมตนให้ได้
ในทางกายและวาจาก่อนเป็นอย่างน้อย โดยการประพฤติตามหลัก ศีล ๕ ที่เป็นส่วนเบื้องต้นของ
ธรรมจรยิ า ๑๐ น้ี ซึง่ กย็ งั ทำใหไ้ ด้ชอื่ วา่ เปน็ ผู้มศี ลี ธรรม
๓) คุณธรรมของความเปน็ คนไทย
ไกรยุทธ์ ธีรตยานันท์ ได้วิเคราะห์คุณลักษณะที่ดีของคนไทยท่ีพึงประสงค์ซึ่งใช้เป็นกรอบ
ในงานวิจัยของ สวุ มิ ล วอ่ งวานิช และนงลกั ษณ์ วิรัชชัย๙ โดยระบุวา่ คณุ ลกั ษณะท่ีจำเปน็ ตอ้ งพัฒนามี
๓ ด้าน คอื
๓.๑) คุณลักษณะด้านคุณธรรม หมายถึง คุณลักษณะท่ีเป็นสภาพความดีงามใน
ด้านต่างๆ รวม ๔ ชุด ไดแ้ ด่
๑) คุณธรรมที่เป็นแรงปัจจัยผลักดัน หมายถึง สภาพความดีงามท่ีช่วยเร่งรัดให้
กระทำการใด ๆ ให้บรรลุจุดมุ่งหมายที่ต้ังไว้ ได้แก่ ความขยันหม่ันเพียร ความอดทน ความสามารถ
พง่ึ ตนเอง และการมวี ินยั

๙สวุ ิมล ว่องวานิช และนงลักษณ์ วิรชั ชยั , สำนักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ,
รายงานเบ้ืองต้นการสร้างเสริมคุณธรรมในระบบการศึกษาไทย, (กรุงเทพมหานคร : วิธี.ท่ี.ซี. คอมมิวนิเคช่ัน,
๒๕๕๐), หนา้ ๑๑-๑๒.

200 ๑๙๕

๒) คุณธรรมที่เป็นแรงปัจจัยหล่อเล้ียง หมายถึง สภาพความดีงามท่ีช่วยเร่งรัดให้
กระทำการใด ๆ ให้บรรลุจุดมุ่งหมายท่ีต้งั ไว้อยา่ งตอ่ เนือ่ ง ไดแ้ ก่ ฉันทะ สจั จะ ความรับผิดชอบ ความ
สำนึกในหน้าท่ี และความ

๓) คุณธรรมท่ีเป็นแรงปัจจัยเหนี่ยวรั้ง หมายถึง สภาพความดีงามที่ช่วยประวิงหรือ
ตกั เตือนให้การกระทำการใด ๆ ให้บรรลุจุดมุ่งหมายท่ีต้ังไว้ ได้แก่ ความมีสติและรอบคอบ และความ
ตงั้ จติ ให้ดี

๔) คุณธรรมที่เป็นแรงปัจจัยสนับสนุน หมายถึง สภาพความดีงามท่ีช่วยส่งเสริมให้
กระทำการใด ๆ ใหบ้ รรลุจุดมงุ่ หมายท่ีต้ังไว้ ได้แก่ ความเมตตา ความปรารถนาดีต่อกัน ความเอื้อเฟื้อ
ตอ่ กนั ความไม่เหน็ แก่ตัว ความไม่เอารดั เอาเปรียบผ้อู ่ืน และความอะล่มุ อลว่ ย ถอ้ ยท่ีถ้อยอาศัย

๓.๒) คุณลักษณ์ด้านสังคม หมายถึง คุณลักษณ์ท่ีเกี่ยวข้องกับการเข้าสังคมและ
การมปี ฏสิ ัมพันธ์กับผู้อ่ืน เช่น ความมีกริยามารยาท การปรบั ตวั ความตรงต่อเวลา ความสภุ าพ การมี
สมั มาคารวะ การพูดจาไพเราะ และความอ่อนน้อมถ่อมตน

๓.๓) คุณลักษณ์ด้านการเรียนรู้ หมายถึง คุณลักษณ์ที่เก่ียวข้องกับการศึกษาหา
ความรู้ การทำความเข้าใจในเร่ืองตา่ งๆ เช่น ความใฝ่เรียนใฝ่รู้ ความรักโรงเรยี นและความรักการอ่าน
เปน็ ต้น

คุณธรรมจริยธรรมตามแนวทางของประเทศนี้เป็นส่ิงท่ีทำให้ประเทศต่าง ๆ มี
เอกลักษณ์และมีพัฒนาการของประเทศแตกต่างกัน ซึ่งศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิง
คุณธรรม๑๐ ได้ศึกษาคุณลักษณะและกระบวนการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม ใน ๑๐ ประเทศที่มี
ภาพลักษณ์ด้านคุณธรรมจริยธรรม เป็นรูปธรรมและมีคุณลักษะท่ีเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะหรือ
น่าสนใจ เช่น นิวซีแลนด์ สาธารณรัฐเกาหลี สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี พบว่า คุณธรรมพ้ืนฐาน
สำคัญ ๆ ที่ประเทศส่วนใหญ่มี ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา หรือประเทศท่ีพัฒนาแลว้ เพ่ือเป็น
ฐานที่จะอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติ ร่วมกันพัฒนาความเจริญและความมั่นคงของประเทศชาติ
ได้แก่ ความขยัน อดทน ซื่อสัตย์ มีวินัยเคร่งในระเบียบ ความรับผิดชอบ รู้หน้าที่ ประหยัด รวมทั้ง
พบว่า คุณลักษณะเด่นของคนเอเชีย คือ ความกตัญญู ความรัก ชาติ ความอ่อนน้อม ขณะที่

๑๐ ศูนยส์ ง่ เสรมิ และพัฒนาพลงั แผ่นดินเชงิ คุณธรรม, (ศนู ย์คณุ ธรรม), สำนักงานบรหิ ารและพฒั นาองค์
ความรู้ (องค์การมหาชน), รายงานการสังเคราะห์งานวิจัยคุณลักษณะและกระบวนการปลูกฝังคุณธรรม
จริยธรรมของประเทศตา่ งๆ, (กรุงเทพมหานคร : พรกิ หวานกราฟฟิก, ๒๕๕๐), หน้า ช.

2๑0๙1๖

คุณลักษณะเด่นของคนในยุโรป อเมริกาเหนือ และแปซิฟิกใต้ มีจุดเด่นเรื่องการยอมรับในความ

แตกตา่ งและความหลากหลาย
๔) คุณธรรมของการเปน็ ข้าราชการทดี่ ี
รัฐบาลในสมัยที่มี พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นรัฐมนตรีได้จัดทำวาระแห่งชาติด้าน

จริยธรรม ธรรมาภบิ าล และการป้องกนั การทุจริตประพฤติมชิ อบในภาครัฐ ซง่ึ กำหนดยทุ ธศาสตร์การ
ทำงาน ๗ ยุทธศาสตร์ โดยมี ยุทธศาสตร์ท่ี ๒ ท่ีกำหนดเกี่ยวกับคุณธรรมจริยธรรมท่ีพึงประสงค์
ดงั น้ี๑๑

ยุทธศาสตร์ท่ี ๒ การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ วัฒนธรรม ค่านิยม และการพัฒนา
ข้าราชการยดึ หลัก ๔ พ เป็นแนวทางในการดำเนนิ งาน ประกอบดว้ ย

๔.๑ พ่ึงตนเอง สามารถพ่ึงตนเองในการทำงานและการใช้ชีวิต เน้นให้การรับราชการมี
ความเป็นมืออาชพี ทำงานอย่างมศี ักดศิ์ รี (integrity) ขยนั ตั้งใจในการทำงาน (activeness)

๔.๒ พอดี เป็นข้าราชการที่ต้องทำงาน ใช้ชีวิต และวางตัวอย่างพอดี พอควร โดยยึดหลัก
ความเหมาะสม สามารถปรับตัวได้ทันโลก (relevancy) มีจิตใจและการกระทำที่เป็นประชาธิปไตย
ยอมรบั หลักการมสี ่วนรว่ มของประชาชน เพ่ือให้เกดิ ความโปรง่ ใส (democracy)

๔.๓ พอเพียง การทำงานของข้าราชการจะต้องครอบคลุมหลักความรอบคอบ มีเหตุผล
และมีความเพียงพอทั้งในเรอ่ื งของขอบเขตของงานและความครบถ้วน โดยรับผิดชอบผลงานต่อสังคม
(accountability) และมศี ลี ธรรม และ คณุ ธรรม(morality)

๔.๔ พอใจ ข้าราชการต้องพอใจในสถานภาพของตน และเน้นความพึงพอใจของ
ประชาชนจากผลงานของตน (yield) ทม่ี ปี ระสิทธิภาพ (efficiency)

แมว้ ่าคุณธรรมข้างต้นจะถูกกำหนดในนามที่เป็นคุณธรรมของข้าราชการก็ตามแตส่ ามารถ
ประยกุ ต์ใชก้ บั บุคลากรอ่นื เนือ่ งจากเป็นแนวทางที่เป็นคุณธรรมทีพ่ งึ ประสงค์ของประเทศ

๕) จรยิ ธรรมของครู
๕.๑) พรหมวิหาร ๔ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต)๑๒ ได้อธิบายถึงคุณธรรม

จริยธรรม ท่ีสำคัญสำหรับครู คือ พรหมวิหาร ๔ ซึ่งเป็นคุณธรรมของคนท่ีมีคุณต่อส่วนรวม คนผู้สั่ง

๑๑ สำนักงานคณะกรรมการขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ, รวม
ตวั อย่างความผดิ ทางวินัย อทุ ธรณ์ ร้องทกุ ข์ และการหารือขอ้ กฎหมาย, (กรงุ เทพมหานคร : คุรสุ ภาลาดพรา้ ว,
๒๕๔๙), หนา้ ๑๕.

๑๒ พระพรหมคณุ าภรณ์, (ป.อ.ปยตุ โต), ธรรมนญู ชวี ติ , (กรงุ เทพมหานคร : พมิ พ์สวย, ๒๕๔๗), หนา้
๒๔-๖๘.

202 ๑๙๗

สอนหรือให้การศึกษา คนท่ีเป็นสมาชิกท่ีดขี องสังคม ชว่ ยสร้างสรรค์สังคม โดยพรหมวิหาร ๔ มีธรรม
หรอื หลักความประพฤติ ดงั น้ี

เมตตา คือ ความรัก ความปรารถนาดี มีไมตรี ต้องการช่วยเหลือให้ทุกคนประสบ
ประโยชนแ์ ละความสขุ

กรุณา คือ ความสงสาร อยากช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์ ใผ่ใจที่จะปลด
เปลอ้ื งบำบดั ความทกุ ขย์ ากเดือดร้อนของคนและสตั ว์ท้งั ปวง

มุทิตา คือ ความเบิกบานพลอยยินดี เม่ือเห็นผู้อื่นอยู่ดีมีสุข ก็มิใจแช่มช่ืนเบิกบาน
เม่ือเห็นเขาทำความดีงามประสบความสำเรจ็ ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป ก็พลอยยนิ ดีบันเทิงใจด้วย พร้อมที่จะ
ชว่ ยเหลือสนบั สนุน

อุเบกขา คือ ความมีใจเป็นกลาง มองตามความเป็นจริง โดยวางจิตเรียบสม่ำเสมอ
มนั่ คง เท่ียงตรงดุจตาชัง่ มองเหน็ การท่ีบุคคลจะได้รับผลดีหรือชวั่ สมควรแกเ่ หตุท่ีตนประกอบ พร้อม
ทจ่ี ะวนิ ิจฉัย วางตน และปฏบิ ัตไิ ปตามหลกั การ เหตผุ ลและความเทย่ี งธรรม

๕.๒) ความซอ่ื สัตย์สุจรติ อย่ใู นจรรยาบรรณวิชาชพี และคุณลกั ษณะครูทด่ี ี
๑. ความหมายของความซื่อสัตย์สุจริต พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.
๒๕๕๔ ให้ความหมายของคำว่า ชื่อสัตย์ ไว้ว่า ประพฤติตรงและจริงใจ ไม่คิดคดทรยศ ไม่คดโกงและ
ไม่หลอกลวง๑๓ และคำวา่ สุจริต ไวว้ ่า ความประพฤติชอบ๑๔
โกวิท ประวาลพฤกษ์๑๕ ได้ให้ ความหมายคำว่า ความซื่อสัตย์ ไว้ว่าหมายถึงการ
ประพฤติปฏิบัติอย่างเหมาะสมและตรงต่อความเป็นจริง ประพฤติปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมา ทั้งกาย
วาจา ใจ ต่อตนเองและตอ่ ผู้อ่ืน
ความหมายของความซื่อสัตย์สุจริตท่ีปรากฏในพระราชดำรัส พระราชทานแก่
ผู้บังคับบัญชา อาจารย์และนายทหารนักเรียน โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ชุดที่ ๕๗ ซ่ึงเดินทางมา
ศึกษาภูมิประเทศท่ัว ๆ ไปทางภาคใต้ในโอกาสเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ศาลาบุหลัน ทักษิณ
ราชนิเวศน์ วันอังคาร ท่ี ๒๘ สิงหาคม ๒๕๒๒ ความว่า "...ความซ่ือสัตย์สุจริตนั้นขอวิเคราะห์ศัพท์ว่า
ความตรงไปตรงมาต่อส่ิงท้ังหมดน้อยใหญ่ ส่วนงานของราชการ ส่วนงานของตัวเองเป็นส่วนตัว

๑๓ ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ , พิมพ์ครั้งท่ี ๒,
(กรงุ เทพมหานคร: นานมบี คุ๊ ส์ พับลิเคชน่ั ส์ จำกดั , ๒๕๕๖), หน้า ๔๐๒.

๑๔ ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ , พิมพ์ครั้งที่ ๒,
(กรงุ เทพมหานคร: นานมบี ุ๊คส์ พบั ลิเคชัน่ ส์ จำกัด, ๒๕๕๔), หน้า ๑๒๔.

๑๕ โกวิท ประวาลพฤกษ์, การพัฒนาจริยธรรม : การสอนเพื่อเสริมสร้างบุคลิกภาพใน เอกสารการ
สอนชดุ วชิ าจริยศึกษา (หน่วยท่ี ๑๐), ( นนทบรุ ี: สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช, ๒๕๒๘),
หนา้ , ๕๘๒ - ๕๙๒ .

2๑0๙3๘

ท้งั หมดคอื ความซื่อสัตย์สจุ ริต และคำว่าซ่อื สัตย์สุจริตนีก้ ็มาจากคำวา่ การท่องเทีย่ วของจิตใจในทางที่
ดี หรือคิดให้ดี คิดให้สุจริต ท้ังฉลาดด้วย ท้ังไม่เบียดเบียนผู้อื่นหรือการงานของตัว ท้ังไม่เบียดเบียน
ส่วนรวมด้วย จงึ จะเปน็ ผสู้ จุ ริต.."๑๖

ดังน้ัน ความซ่ือสัตย์สุจริต จึงหมายรวมถึง ความประพฤติตรง ความประพฤติชอบ
จริงใจ ไม่คดิ คดทรยศ ไม่คดโกงและไม่หลอกลวง ไม่เบียดเบยี นการงานของตน ผูอ้ นื่ และส่วนรวม

๒. ประโยชน์ของความซื่อสัตย์สุจริต ความซ่อื สัตย์สุจริตมปี ระโยชน์ในการทำหน้าที่
ให้ตรงตามจุดประสงค์และหลักการ ทำประโยชน์ต่อส่วนรวมมีประโยชน์ในการทำงานให้สำเร็จตาม
เปา้ หมาย อันจะนำไปสูค่ วามเจรญิ รุ่งเรอื งของประเทศชาติ

๓. พฤตกิ รรมความซ่ือสตั ย์สจุ รติ ของครู ผู้ท่อี ยู่ในวิชาชีพครูควรมีความซื่อสัตยส์ ุจริต
โกวทิ ประวาลพฤกษ์๑๗ กลา่ วถึง พฤติกรรมความซอ่ื สัตย์สุจริตท่คี รคู วรประพฤติ ดงั ต่อไปน้ี

๑) ถ่ายทอดความรโู้ ดยไมป่ ิดบงั อำพราง
๒) ไม่เบยี ดบงั แรงงานหรอื นำผลงานของผอู้ ่นื มาเปน็ ของตน
๓) ไม่เบียดบังทรัพย์สินส่วนรวมหรือส่วนราชการไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือ
พวกพ้อง
๔) ไมอ่ วดอ้างความสามารถเกนิ ความจริง
๕) ไม่นำหรือยอมให้นำผลงานทางวิชาการของตนไปใช้ในทางทุจริตหรือเป็นภัยต่อ
มนุษยชาติ
๖) ใช้เวลาราชการเพอ่ื ประโยชนท์ างราชการอย่างเตม็ ท่ี
๗) ไมช่ กั ชวนศษิ ย์กระทำในส่งิ ท่เี สื่อมเสยี
๘) เข้าสอนและเลกิ สอนตามเวลาทกี่ ำหนด
๙) ไมป่ ระจบสอพลอผูบ้ ังคับบญั ชาเพอ่ื ประโยชน์ส่วนตน
๑๐) ปฏบิ ตั ิหนา้ ทอ่ี ยา่ งดีทง้ั ตอ่ หนา้ และลบั หลังผู้บังคบั บัญชา
๑๑) เป็นบคุ คลรกั ษาคำมน่ั สญั ญา
๕.๓) จิตสาธารณะ

๑๖ ภูมิพลอดุลยเดช, พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา, พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับการ
ส่งเสริมการซื่อสัตย์สุจริต, (กรุงเทพมหานคร : บริษัทอมรินทร์ พร้ินติ้งแอทนด์พับลิชช่ิง จำกัด มหาชน, ๒๕๕๑),
หนา้ ๓๓.

๑๗ โกวิท ประวาลพฤกษ,์ การพฒั นาจรยิ ธรรม : การสอนเพือ่ เสริมสรา้ งบคุ ลกิ ภาพใน เอกสารการ
สอนชดุ วิชาจรยิ ศกึ ษา (หน่วยท่ี ๑๐), (นนทบุร:ี สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช, ๒๕๒๘),
หน้า, ๕๘๒ - ๕๙๒ .

204 ๑๙๙

๑. ความหมายของจิตสาธารณะ จิตสาธารณะ (Public Mind) หรือจิตสำนึก
สาธารณะ (Public Consciousness) มีผใู้ ห้ความหมายไว้ใกลเ้ คยี งกัน ดังนี้

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้ความหมายของคำว่า จิตสำนึก
ไว้ว่า ภาวะที่จิตต่ืน และรู้ตัวสามารถตอบสนองต่อส่ิงเร้าจากประสาทสัมผัสท้ัง ๕ คือ รูป เสียง กลิ่น
รส และสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยกาย๑๘ และคำว่าสาธารณะ ไว้ว่า เพื่อประชาชนทั่วไป เช่น สวนสาธารณะ
โทรศัพท์สาธารณะ บ่อน้ำสาธารณะ ท่ัวไป เช่น ถนนน้ีไม่ใช่ถนนสาธารณะ อย่าแต่งตัวประเจิ ด
ประเจ้อในที่สาธารณะ๑๙

สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ๒๐ ได้ให้ความหมายของ จิต
สาธารณะ ว่า หมายถึง การรู้จักเอาใจใส่เป็นธุระและเข้าร่วมในเรื่องของส่วนรวมท่ีเป็นประโยชน์ต่อ
ชาติ มีความสำนึกและยึดมั่นในระบบคุณธรรมและจริยธรรมที่ดีงาม ละอายต่อส่ิงผิด เน้นความ
เรยี บร้อย ประหยัดและมคี วามสมดุลระหว่างมนุษย์ และธรรมชาติ

ชัยวัฒน์ ถิระพันธ์ุ๒๑ กล่าวว่า จิตสาธารณะ หมายถึง ความเป็นพลเมืองผู้ตื่น รู้
ตระหนักในสิทธิและความรับผิดชอบที่จะสร้างสรรค์สังคมส่วนรวมของคนสามัญ พลเมืองท่ีรก
เรยี กร้องกามีส่วนรว่ ม และต้องการที่จะจัดการดแู ลกำหนดชะตากรรมของตนและชุมชน

เกรียงศักด์ิ เจริญวงศ์ศักดิ์๒๒ ได้ให้ความหมาย จิตสาธารณะ วา่ หมายถึง ความคิดท่ี
ไม่เห็นแก่ตัว มีความปรารถนาที่จะช่วยเหลือ ช่วยแก้ปัญหาให้แก่ผู้อ่ืนหรือสังคม พยายามฉวยโอกาส
ทีจ่ ะช่วยเหลืออยา่ งจริงจงั และมองโลกในแงด่ บี นพ้นื ฐานของความเป็นจรงิ

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ ให้ความหมายของจิต
สาธารณะว่าหมายถึงคุณลักษณะท่ีแสดงออกถึงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือสถานการณ์ท่ีก่อ
ประโยชนใ์ หแ้ ก่ผู้อน่ื ชมุ ชน และสงั คมด้วยความเต็มใจ กระตอื รอื ร้น โดยไมห่ วังผลตอบแทน

๑๘ ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ , พิมพ์คร้ังท่ี ๒,
(กรุงเทพมหานคร: นานมบี ุ๊คส์ พบั ลเิ คชนั่ ส์ จำกดั , ๒๕๕๖), หนา้ ๓๒๕.

๑๙ ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ , พิมพ์ครั้งที่ ๒,
(กรุงเทพมหานคร: นานมบี คุ๊ ส์ พบั ลเิ คช่นั ส์ จำกัด, ๒๕๕๖), หนา้ ๑๒๑.

๒๐ สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ, พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.
๒๕๔๒, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ครุ ุสภา, ๒๕๔๒).

๒๑ ชัยวัฒน์ ถิระพันธ์, Chaos Theory กับจุดเปล่ียนสังคมไทย สื่อพลัง สมบัติ: กรณีศึกษา
กรุงเทพมหานคร, สถาบันวิจัยประชากรและสังคม, (นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหิดล (ศาลายา), ถ่ายเอกสาร,
๒๕๔๒).

๒๒ เกรยี งศกั ดิ์ เจรญิ วงศศ์ กั ด์ิ, โรงเรยี นสร้างคนมีจิตสาธารณะ, การศึกษา ๒๐๐๐, ๒๕๔๓.

2๒๐05๐

จากความหมายของจติ สาธารณะที่กล่าวมาข้างต้น สรปุ ได้ว่า จิตสาธารณะ หมายถึง
การรู้จักเอาใจใส่ เป็นธุระมีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือสถานการณ์ของส่วนรวม ที่ก่อให้เกิดประโยชน์
ร่วมกนั ในสังคมด้วยความเตม็ ใจ โดยไมม่ ุ่งหวังสิ่งตอบแทน

๒. ความสำคัญของจิตสาธารณะ จิตสาธารณะมีความสำคัญสำหรับการรักษา
ผลประโยชน์ของส่วนรวมและประเทศชาติ ดังที่พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้
กำหนดไว้ในมาตรฐานการศึกษาของชาติมาตรฐานท่ี ๑ ว่า คุณลักษณะของคนไทยท่ีพึ่งประสงค์ ท้ัง
ในฐานะพลเมืองและพลโลก โดยคนไทย ต้องเป็นคนเก่ง คนดี และมีความสุขตัวบ่งชี้คือ กำลังกาย
กำลังใจที่สมบูรณ์ ความรแู้ ละทักษะที่จำเปน็ และเพยี งพอในการดำรงชีวติ และการพัฒนาสังคม ทักษะ
การเรียนรู้และการปรับตัว ทักษะทางสังคม คุณธรรม จิตสาธารณะ และจิตสำนึกในความเป็น
พลเมืองไทยและพลโลก โดยมุ่งปลูกฝังจิตสำนึกที่ถูกต้องด้านต่ำๆ ให้กับผู้เรียน รวมถึงการรู้จักรกั ษา
ผลประโยชน์ส่วนรวมและของประเทศชาติ ซึ่งต่อมากระทรวง-ศึกษาธิการได้ให้ความสำคัญกับการมี
จิตสาธารณะท่ีเหน็ แก่ประโยชน์สว่ นรวม การรู้จกั ดแู ลของส่วนรวม รวมถึงรู้จักการรักษาผลประโยชน์
ส่วนรวมและของประเทศชาติ โดยให้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
กำหนด "จิตสาธารณะ" เป็นคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ของผู้เรียน ๑ ใน ๘ ข้อ ที่สถานศึกษาต้องเน้น
โดยสถานศึกษาต้องมีชว่ั โมงใหผ้ ู้เรียนทำกิจกรรมสาธารณะ รวม ๑๖๕ ชว่ั โมง (ประถมศกึ ษาปีที่ ๑-๖
จะตอ้ งทำกิจกรรม ๖๐ ชวั่ โมง มัธยมศกึ ษาตอนตน้ ๔๕ ช่วั โมง มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ๖๐ ชว่ั โมง)

๓. พฤติกรรมบ่งช้ีการมีจิตสาธารณะ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑ กำหนดไว้ว่า ผู้มีจิตสาธารณะ คือ ผู้ท่ีมีลักษณะเป็นผู้ให้และช่วยเหลือผู้อื่น
แบ่งปันความสุขส่วนตนเพอ่ื ทำประโยชน์แก่ส่วนรวมเขา้ ใจ เห็นใจผู้ท่คี วามเดือดร้อน อาสาช่วยเหลือ
สงั คม อนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม ด้วยแรงกาย สติปัญญา ลงมือปฏิบัติเพ่ือแก้ปัญหาหรือร่วมสร้างสรรค์สิ่งท่ี
ดงี ามให้เกิดขึ้นในชมุ ชน โดยไม่หวังส่งิ ตอบแทน

๔. พฤติกรรมการมีจิตสาธารณะของครู ครูสามารถแสดงพฤติกรรมการมีจิต
สาธารณะได้ ดงั ตวั อย่างต่อไปน้ี (๑) อาสาทำงานในโรงเรียนด้วยความเต็มใจ (๒) ดูแลรักษาทรัพย์สิน
หรือครุภัณฑ์ในโรงเรียนให้ใช้ประโยชน์ได้เต็มประสิทธิภาพ (๓) เข้าร่วมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อ
นักเรียน โรงเรียน ชมุ ชน และสงั คม (๔) เข้าร่วมกิจกรรมแกป้ ัญหาหรอื ร่วมสร้างสงิ่ ที่งามของสว่ นรวม
ดว้ ยความกระตือรอื รน้

๕.๔) เสียสละตอ่ สว่ นรวม ความเสยี สละอยใู่ นจรรยาบรรณวชิ าชีพและคณุ ลักษณะ
ครทู ีด่ ี

206 ๒๐๑

๑. ความหมายของการเสียสละต่อส่วนรวม พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้ความหมายของคำว่า เสียสละ ไว้ว่า ให้โดยยินยอมให้ด้วยความเต็มใจ เช่น ทหาร
เสียสละชีวิตเพ่ือปกป้องเอกราชของชาติ พ่อแม่เสียสละทุกสิ่งทุกอย่างได้เพ่ือลูก๒๓ โกวิท ประวาล
พฤกษ์๒๔ ไดใ้ ห้ความหมายคำว่า ความเสียสละ ว่า หมายถึง การละความเห็นแกต่ ัว การให้ปันแก่คนที่
ควรใหด้ ว้ ยกำลงั กาย กำลังทรัพย์ กำลังสติปญั ญา รวมทั้งการรูจ้ ักสลดั ท้งิ อารมณร์ า้ ยในตนเอง

๒. พฤติกรรมการเสียสละต่อส่วนรวมของครู ครูควรแสดงพฤติกรรมความเสียสละ
ดังตอ่ ไปนี้

๑) ร่วมกิจกรรมท่กี ่อให้เกิดการพัฒนาทางการศึกษากับศษิ ย์ทั้งในและนอก
เวลาราชการอยเู่ สมอ

๒) ให้คำปรึกษากับศิษย์ในปัญหาต่าง ๆ ท้ังในและนอกเวลาราชการอยู่
เสมอ

๓) แบ่งปันทรัพย์สินตามสมควร เพ่ือให้กิจการของศิษยห์ รือสถาบันประสบ
ความสำเรจ็

๔) ชว่ ยเจรจาเปน็ ธรุ ะในกจิ การของศิษยแ์ ละสถาบนั ใหส้ ำเรจ็ ประโยชน์
๕) ให้อภัยผูอ้ น่ื ไม่แสดงการอาฆาตพยาบาท
๖) ใจกว้าง รับฟงั ความคิดเหน็ ผู้อนื่
๗) มเี หตุผลไม่งมงายในความเชื่อของตน

๒. จรรยาบรรณสำหรับครู

จรรยาบรรณมีความสำคัญต่อครูและวิชาชีพครู ครูจึงต้องเข้าใจความหมายและ
ความสำคัญของจรรยาบรรณที่มีต่อบุคลากรครูและวชิ าชีพครู ดังนี้

๒.๑ ความหมายของจรรยาบรรณ
พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้ความหมายของจรรยาบรรณ ดังนี้

๒๓ ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๖, (พิมพ์ครั้งที่ ๒),
(กรุงเทพมหานคร: นานมีบุ๊คส์ พับลเิ คชน่ั ส์ จำกดั , ๒๕๕๔), หนา้ ๑๒๖.

๒๔ โกวทิ ประวาลพฤกษ์, การพัฒนาจริยธรรม : การสอนเพื่อเสริมสร้างบุคลิกภาพใน เอกสารการ
สอนชุดวชิ าจรยิ ศกึ ษา (หนว่ ยท่ี ๑๐), ( นนทบรุ ี: สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช, ๒๕๒๘),
หนา้ , ๕๘๒ - ๕๙๒ .

2๒0๐7๒

จรรยาบรรณ หมายถึง ประมวลความประพฤติท่ีผู้ประกอบวิชาอาชีพการงานแต่ละอย่าง
กำหนดขึ้น เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณ ช่ือเสียงและฐานะของสมาชิก อาจเขียนเป็นลายลักษณ์
อกั ษรหรือไม่กไ็ ด้๒๕

ประยงค์ เนาวบุตร๒๖ อธิบายว่าจรรยาวิชาชีพ (Professional Ethics) เป็นกฎเกณฑ์
ความประพฤติหรือมรรยาทในการประกอบวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพแต่ละสาขา ซ่ึงเม่ือกำหนด
และบันทึกข้ึนไว้เป็นลายลักษณ์อักษรจะเรียกกันว่า “จรรยาบรรณ” (Code of Ethics) ซ่ึงเป็น
ประมวลกฎเกณฑ์ความประพฤติหรือประมวลมารยาทของผู้ประกอบวิชาชีพน้ัน ๆ ดังน้ัน ในขณะท่ี
ศีลธรรมของศาสนาเป็นข้อปฏิบัติที่บุคคล “ควร” ปฏิบัติตาม จรรยาวิชาชีพมีผลผูกมัดให้ผู้ประกอบ
วิชาชพี “พงึ ” ปฏบิ ตั ติ าม สว่ นวินัยเปน็ ข้อบังคับใหบ้ คุ คล “ต้อง” ปฏิบัติตาม

๒.๒ ความสำคัญของจรรยาบรรณ
จรรยาบรรณมีความสำคญั โดยสรุป ดังน้ี
๑) สรา้ งมาตรฐานพฤติกรรมของผู้ประกอบวิชาชีพ เนื่องจากคุณธรรมจริยธรรมของคน
ท่ัวไปในสังคมมีขอบข่ายกว้างขวาง จรรยาบรรณจะเลือกคุณธรรมจริยธรรมในสังคมบางประการมา
กำหนดเป็นจริยธรรมท่ีสำคัญและจำเป็นสำหรับการประกอบอาชีพนั้น โดยพิจารณาจากบทบาทและ
สถานภาพของวิชาชีพ จรรยาบรรณวิชาชพี จึงเปน็ กรอบท่ีแสดงมาตรฐานการประพฤติของผู้ประกอบ
วิชาชีพทัง้ หมด เพอื่ รักษาและสง่ เสรมิ ศกั ดศ์ิ รี ชื่อเสยี ง และเกียรตคิ ุณของผปู้ ระกอบวิชาชีพ
๒) เป็นแนวทางการส่งเสริมจริยธรรมในวิชาชีพ การกำหนดจรรยาบรรณจะทำให้ครู
และผู้เก่ียวข้องมีแนวทางท่ีจะพัฒนาและส่งเสริมจริยธรรมในการประกอบวิชาชีพที่ชัดเจนและเป็น
แนวทางเดยี วกัน ทำใหเ้ กดิ เอกภาพทางด้านจริยธรรมในวิชาชพี
๓) ช่วยพิทักษ์สิทธิของบุคคล โดยพิทักษ์สิทธิของบุคคลทั้งในวิชาชีพและผู้อยู่นอก
วิชาชีพ เช่น สิทธิทางร่างกาย ทรัพย์สิน ผลงานทางวิชาการ เอกสาร ความลับต่าง ๆ เนื่องจากมี
ข้อกำหนดห้ามการละเมิดสิทธิต่าง ๆ หลายประการ ผู้ที่ทำผิดต้องได้รับโทษในระดับต่าง ๆ ตาม
สภาพการณ์ของปัญหา

๒๕ ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ , พิมพ์คร้ังท่ี ๒,
(กรงุ เทพมหานคร : นานมบี ุค๊ ส์ พบั ลเิ คช่ันส์ จำกดั , ๒๕๕๔), หนา้ ๓๐๑.

๒๖ ประยงค์ เนาวบตุ ร, คุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาวชิ าชีพของผ้บู ริหารในประมวลสาระชดุ วิชา
ประสบการณ์วิชาชีพประกาศนียบัตรบัณฑิตทางการบริหารการศึกษา (หน่วยที่ ๑๔), (นนทบุรี : สาขาวิชา
ศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช, ๒๕๔๖), หน้า ๒๑๘.

208 ๒๐๓

๔) เป็นแนวทางการควบคมุ มาตรฐานวิชาชีพ เนื่องจากจรรยาบรรณกำหนดท้ังสิ่งทค่ี วร
ปฏบิ ัติ และสิง่ ทีไ่ มค่ วรปฏบิ ัติ อันเปน็ แนวทางความประพฤติ จึงชว่ ยให้ครูในวิชาชีพมีความประพฤตทิ ่ี
ดี ลดปัญหาทั้งของสงั คมในวิชาชีพและสังคมที่อยู่อาศัย ผู้อย่ใู นวิชาชีพและบุคคลภายนอกสามารถใช้
จรรยาบรรณเป็นส่ิงตรวจสอบและตัดสินพฤติกรรมของครูได้จรรยาบรรณจึงเป็นเคร่ืองมือสำคัญใน
การแกป้ ัญหาของบคุ ลากรและวชิ าชีพ

๕) เป็นแนวทางในการลงโทษ เน่ืองจากจรรยาบรรณเป็นข้อผูกพันในการทำงานสำหรับ
ผู้ประกอบวิชาชีพ จึงมีการกำหนดโทษสำหรับผู้กระทำผิดจรรยาบรรณ โดยมีโทษสูงสุดคือการเพิก
ถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ซึ่งจะยังผลให้ผู้ได้รับการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพไม่
สามารถทำงานในวชิ าชีพนั้นได้อกี ตอ่ ไป

จรรยาบรรณวิชาชีพมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาความเจริญของบุคลากรในวิชาชีพซึ่งหากมี
มาตรฐานความประพฤติเปน็ มาตรฐานเดยี วกนั แลว้ จะส่งผลใหว้ ิชาชีพมีภาพลักษณ์ตามการกย่องของ
สังคมและตามสถานภาพของวิชาชีพอันจะทำให้วิชาชีพครูสร้างคุณประโยชน์ให้แก่บุคคลและสังคม
ตามบทบาทหน้าที่ด้านการศึกษาได้อย่างเต็มที่ จรรยาบรรณจึงเป็นมาตรการเชิงบวก แต่เนื่องจากยัง
มีครูส่วนหนึ่งท่ียังประพฤติผิดจรรยาบรรณ จรรยาบรรณจึงต้องมีการกำหนดโทษเพ่ือการควบคุมให้
วชิ าชพี มปี ัญหานอ้ ยทีส่ ุดและมีความพรอ้ มท่จี ะเจรญิ กา้ วหน้าให้มากทสี่ ดุ

๒.๓ จรรยาบรรณท่ีสำคญั ในวชิ าชพี ครู
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับจรรยาบรรณท่ีสำคัญของครจู ะต้องเข้าใจถึง องค์ประกอบของ
จรรยาบรรณ จรรยาบรรณท่ีสำคัญทางศาสนา จรรยาบรรณตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายวิชาชีพครู
และการดำเนนิ การทางจรรยาบรรณในวชิ าชีพครู ดงั นี้
๑. องค์ประกอบของจรรยาบรรณ
จรรยาบรรณของวิชาชีพครูประกอบด้วยองค์ประกอบของมาตรฐานจรรยาบรรณ ๔ ด้าน
คอื ๒๗

๑) มาตรฐานความประพฤติส่วนบุคคล ท่ีผู้อยู่ในวิชาชีพน้ันพึงปฏิบัติหรือไม่พึง
ปฏิบัติ มาตรฐานการประพฤตินี้ประมวลจากหลักศาสนา กฎหมายและวินัยหลักของประเทศ เช่น

๒๗ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชกรพลเรอื น, วาระแหง่ ชาตดิ ้านจริยธรรม ธรรมาภิบาล และการ
ป้องกนั การทจุ รติ และประพฤติมชิ อบในภาครัฐ, เอกสารเย็บเล่ม, ๒๕๔๘, หน้า ๑๑.

2๒๐0๔9

กฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายการศึกษา วินัยข้าราชการพลเรือน พระราชดำริ/พระราชโอวาทของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังน้ัน แม้ในสมัยโบราณจะยงั ไม่กำหนดจรรยาบรรณไวเ้ ป็นลายลักษณ์
อกั ษร ก็ไดอ้ าศัยคตธิ รรมทางศาสนาและพระบรมราโชวาทเปน็ บรรทดั ฐานยึดถือปฏิบตั ิสบื เน่ืองมา

๒) จุดเน้นในการปฏิบัติตน ในลักษณะหรือวิธีการทำงานตามวิชาชีพ โดยมี
แนวทางตามภารกิจขององค์การเน่อื งจากหน้าที่ความรับผิดชอบหรือพันธกิจของหน่วยงานจะเป็นตัว
บ่งช้ีคุณลักษณะท่ีต้องการสำหรับผู้ปฏิบัติในแต่ละภารกิจที่มีความแตกต่างกันทั้งหลักของการเป็น
พลเมืองดแี ละการเป็นผูน้ ำทดี่ ี

๓) ลักษณะความสัมพันธ์ท่ีพึงมีต่อบุคคลอื่น ทั้งในระดับเดียวกัน สูงกว่าหรือต่ำ
กว่า โดยสัมพันธ์กับหลักการทำงานตามนโยบายของรัฐ เช่น หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองและ
สังคมที่ดี ๖ ประการคือ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรมหลักความโปร่งใส หลักความมีส่วนร่วม หลัก
ความรับผดิ ชอบ และหลักความคมุ้ คา่

๔) ความคาดหวังท่ีองค์การอยากให้ผู้นั้นรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชน โดย
ครอบคลมุ ทั้งความคาดหวงั ให้ผปู้ ระกอบวชิ าชีพมีพฤติกรรมเชิงบวก เช่น คาดหวังใหค้ รมู ีความเป็นครู
ตามสถานภาพของวิชาชีพ และมีค่านิยมสร้างสรรค์ ๕ ประการ ได้แก่ กล้ายืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้อง
ช่อื สัตยแ์ ละมีความรับผิดชอบ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่เลอื กปฏิบัติ และมงุ่ ผลสัมฤทธิข์ องงาน และลด
พฤติกรรมเชิงลบ เช่น การทำน้อยกว่าหรือมากกว่ากฎหมาย และการทำตามกฎหมายแต่ใช้วิธีท่ีผิด
กฎหมาย เปน็ ต้น

๒. จรรยาบรรณตามหลักศาสนา
นอกจากจรรยาบรรณตามกฎหมายวิชาชีพครูแล้ว ในศาสนาพุทธได้กำหนดจรรยาบรรณ
ของครูโดยเรียกว่า กัลยาณมิตรธรรม ไว้เป็นคุณธรรมของคนผู้ส่ังสอนหรือให้การศึกษา ซ่ึง
ประกอบดว้ ยองคค์ ณุ ๗ ประการ ดังท่ี พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ.ปยตุ ฺโต)๒๘

๑) นา่ รัก มีเมตตากรุณา ใสใ่ จคนและประโยชน์สขุ ของเขา เขา้ ถึงจติ ใจ เป็นที่วางใจ
สรา้ งความรสู้ กึ สนทิ สนมเปน็ กันเอง ชวนใจผูเ้ รียนใหอ้ ยากเข้าไปปรกึ ษาไตถ่ าม

๒) น่าเคารพ เป็นผู้หนักแน่น ถือหลักการเป็นสำคัญ และมีความประพฤติสมควร
แก่ฐานะ ทำให้เกดิ ความรูส้ กึ อบอ่นุ ใจ เปน็ ท่พี ึ่งได้ ปลอดภยั

๒๘ พระพรหมคุณาภรณ์, (ป.อ.ปยตุ โต), ธรรมนูญชีวิต, (กรุงเทพมหานคร : พมิ พ์สวย, ๒๕๕๗), หน้า
๒๗.

210 ๒๐๕

๓) น่ายกย่อง คือ มีความรู้จริง ทรงภูมิปัญญาแท้จริง และเป็นผู้ฝึกฝนปรับปรุงตน
อยู่เสมอ เป็นทนี่ า่ ยกย่องควรเอาอยา่ ง ศิษยอ์ ้างและรำลกึ ถงึ ดว้ ยความซาบซงึ้ ม่ันใจ และภาคภูมิใจ

๔) รู้จักพูด คือ รู้จักช้ีแจงให้เข้าใจ รู้ว่าเม่ือไรควรพูดอะไร อย่างไร คอยให้
คำแนะนำว่ากลา่ วตกั เตอื น เปน็ ท่ปี รึกษาท่ีดี

๕) อดทนต่อถ้อยคำ คือ พร้อมท่ีจะรับฟังคำปรึกษาซักถามแม้จุกจิก ตลอดจนคำ
ลว่ งเกินและคำตกั เตือนวิพากษ์วจิ ารณ์ต่าง ๆ อดทนฟังได้ ไม่เบื่อหนา่ ย ไมเ่ สียอารมณ์

๖) แถลงเร่ืองล้ำลึกได้ คือ กล่าวช้ีแจงเร่ือง ท่ียุ่งยากลึกซ้ึงให้เข้าใจได้ และสอน
ศษิ ยใ์ ห้ ' ไดเ้ รยี นร้เู ร่อื งราวทลี่ ึกซง้ึ ย่ิงขึน้ ไป

๗) ไมช่ กั นำในอธฐิ าน คอื ไม่ชกั จูงไปในทางท่เี สอื่ มเสยี หรือเรอื่ งเหลวไหลไม่สมควร
๓. จรรยาบรรณตามกฎหมายวิชาชีพครู
จรรยาบรรณ ที่สำคัญในวิชาชีพครูกำห นดไว้ในพระราชบัญ ญัติส ภาครูและบุคลากร
ทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ มาตราท่ี ๙ และ ๕๐ ซ่ึงกำหนดไว้เป็นมาตรฐานการปฏิบัติตนต่อวิชาชีพ
และบุคคลกลุ่มต่าง ๆ ซ่ึงประกอบด้วยจรรยาบรรณ ๕ ด้านนอกจากน้ันยังกำหนดไว้ในข้อบังคับคุรุ
สภาว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยกำหนดแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณ
ของวชิ าชีพ ดังน้ี๒๙
๑) จรรยาบรรณต่อตนเอง ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนา
ตนเองด้านวชิ าชีพ
บุคลิกภาพและวิสัยทัศน์ให้ทันต่อการพัฒนาทางวทิ ยาการ เศรษฐกิจสังคม และการเมือง
อยู่เสมอ โดยข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๐
กำหนดไวว้ า่ ต้องประพฤติและละเวน้ การประพฤตติ ามแบบแผนพฤติกรรม ดังตัวอย่างตอ่ ไปน้ี

๒๙ ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔, พิมพ์ครั้งท่ี ๒,
(กรงุ เทพมหานคร: นานมีบุ๊คส์ พบั ลเิ คช่นั ส์ จำกดั , ๒๕๕๖), หน้า ๗๒-๗๔.

2๒1๐1๖

ตารางท่ี ๘.๑ ตวั อย่างพฤติกรรมของจรรยาบรรณต่อตนเอง๓๐

พฤตกิ รรมที่พงึ ประสงค์ พฤตกิ รรมทไ่ี ม่พึงประสงค์

๑. ประพฤติตนเหมาะสมกับสถานภาพและเป็น ๑. ค้นคว้า แสวงหาและนำเทคนิคด้านวิชาชีพท่ีพัฒนา

แบบอยา่ งที่ดี และก้าวหน้าเป็นท่ียอมรับมาใช้แก่ศิษย์และผู้รับบริการ

๒. ประพฤติตนเป็นแบบอย่างท่ีดีในการดำเนินชีวิตตาม ใหเ้ กิดผลสมั ฤทธท์ิ ี่พึงประสงค์เกี่ยวขอ้ งกับอบายมุขหรือ

ประเพณแี ละวฒั นธรรมไทย ส่ิงเสพติดจนขาดสติหรือแสดงกิริยาไม่สุภาพ เป็นที่น่า

๓. ปฏบิ ตั งิ านตามหนา้ ทท่ี ี่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จอย่าง รังเกยี จในสงั คม

มคี ณุ ภาพตามเป้าหมายท่ีกำหนด ๒. ประพฤติผดิ ทางชูส้ าวหรือมีพฤตกิ รรมล่วงละเมิดทาง

๔. ศึกษา หาความรู้ วางแผนพัฒนาตนเอง พัฒนางาน เพศ

และสะสมผลงานอยา่ งสมำ่ เสมอ ๓. ขาดความรับผิดชอบ ความกระตือรือรน้ ความเอาใจ

ใส่ จนเกดิ ความเสียหายในการปฏิบัตงิ านตามหน้าท่ี

๔. ไม่รับรู้หรือไม่แสวงหาความรู้ใหม่ ๆ ในการจัดการ

เรยี นรูแ้ ละการปฏบิ ัติหนา้ ที่

๕. ขัดขวางการพัฒนาองคก์ ารจนเกดิ ผลเสยี หาย

๒) จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องรัก ศรัทธา ซื่อสัตย์
สุจริต รับผิดชอบต่อวิชาชีพและเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพ โดยข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยแบบ
แผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๐ กำหนดไว้ว่าต้องประพฤติและละเว้นการ
ประพฤติตามแบบแผนพฤติกรรม ดังตัวอยา่ งต่อไปนี้

๓๐ สาํ นกั งานเลขาธกิ ารครุ ุสภา, กฎหมายเกย่ี วกบั การประกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษา (เลม่ ๓),
(กรงุ เทพมหานคร : สาํ นกั งานเลขาธกิ ารครุ สุ ภา, ๒๕๕๐), หน้า ๕๐.

212 ๒๐๗
ตารางท่ี ๘.๒ ตัวอย่างพฤติกรรมของจรรยาบรรณต่อวชิ าชีพ๓๑

พฤติกรรมท่ีพงึ ประสงค์ พฤติกรรมท่ไี ม่พงึ ประสงค์

๑. แสดงความช่นื ชมและศรทั ธาในคุณคา่ ของวชิ าชพี ๑. เข้าร่วมกิจกรรมของวิชาชีพหรือองค์กรวิชาชีพอย่าง

๒. รักษาชื่อเสยี งและปกปอ้ งศกั ด์ศิ รีแหง่ วิชาชีพ สร้างสรรค์ ไม่แสดงความภาคภมู ิใจใน

๓. ยกย่องและเชิดชูเกียรติผู้มีผลงานในวิชาชีพให้ ๒. ดูหม่ินเหยียดหยามให้ร้ายผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ

สาธารณชนรบั รู้ วิชาชพี

๔. อทุ ิศตนเพอื่ ความกา้ วหนา้ ของวชิ าชีพ ศาสตร์ในวิชาชีพ หรอื องคก์ รวชิ าชพี

๕. ปฏิบัติหน้าท่ีด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริตตาม ๓. ประกอบการงานอื่นท่ีไม่เหมาะสมกับการเป็นผู้

กฎระเบียบและแบบแผนของทางราชการ ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาไม่ซ่ือสัตย์สุจริต ไม่

๖. เลือกใช้หลักวิชาที่ถูกต้อง สร้างสรรค์เทคนิควิธีการ รบั ผิดชอบ หรอื ไม่ปฏบิ ตั ติ ามกฎ ระเบยี บ หรือแบบแผน

ใหม่ ๆ เพอ่ื พฒั นาวชิ าชีพ ของทางราชการจนกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสียหาย

๗. ใช้องค์ความรู้หลากหลายในการปฏิบัติหน้าท่ีและ ๕. คัดลอกหรือนำผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน

แลกเปลีย่ นเรยี นรกู้ ับสมาชิกในองคก์ าร ๖. ใชห้ ลกั วชิ าการที่ไมถ่ ูกต้องในการปฏบิ ัติวิชาชีพส่งผล

ให้ศิษยห์ รอื ผู้รับบริการเกิดความเสียหาย

๗. ใช้ความรู้ทางวิชาการ วิชาชีพ หรืออาศัยองค์กร

วิชาชพี แสวงหาประโยชน์เพอ่ื ตนเองหรอื ผู้อนื่

๓) จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ ผูป้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศึกษาต้องรัก เมตตา เอาใจใส่
ช่วยเหลือ ส่งเสริม ให้กำลังใจแก่ศิษย์ และผู้รับบริการ ตามบทบาทหน้าที่โดยเสมอหน้า ผู้ประกอบ
วิชาชีพทางการศึกษาต้องส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ทักษะ และนิสัยท่ีถูกต้องดีงามแก่ศิษย์ และ
ผู้รับบริการ ตามบทบาทหน้าท่ีอย่างเต็มความสามารถ ด้วยความบริสุทธ์ิใจผู้ประกอบวิชาชีพทางการ
ศึกษาต้องประพฤติปฏิบัตติ นเป็นแบบอย่างที่ดีทง้ั ทางกาย วาจา และจิตใจ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการ
ศึกษาต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของ
ศิษย์ และผู้รับบริการ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค
โดยไม่เรียกรับหรือยอมรับผลประโยชน์จากการใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ โดยข้อบังคับคุรุสภาว่า
ด้วยแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพพ.ศ. ๒๕๕๐ กำหนดไว้ว่าต้องประพฤติและละ
เว้นการประพฤตติ ามแบบแผนพฤตกิ รรมดงั ตัวอยา่ งต่อไปนี้

๓๑ เร่ืองเดียว, หนา้ ๕๑.

2๒1๐3๘

๔) จรรยาบรรณต่อผรู้ ่วมประกอบวชิ าชีพ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศกึ ษาพึงช่วยเหลือ
เก้ือกูลซ่ึงกันและกันอย่างสร้างสรรค์โดยยึดมั่นในระบบคุณธรรม สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ โดย
ข้อบังคับครุ สภาว่าดว้ ยแบบแผ่นพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวชิ าชีพ พ.ศ. ๒๕๕๐ กำหนดไว้ว่าพึง
ประพฤติและละเวน้ การประพฤติตามแบบแผนพฤตกิ รรม

๕) จรรยาบรรณต่อสงั คม ผู้ประกอบวชิ าชพี ทางการศึกษาพึงประพฤติปฏิบตั ติ นเปน็ ผนู้ ำ
ในการอนุรักษ์และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษา
ผลประโยชน์ของส่วนรวม และยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง
เป็นประมุข โดยข้อบงั คับคุรสุ ภาว่าดว้ ยแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๐
กำหนดไว้วา่ พงึ ประพฤติและละเว้นการประพฤตติ ามแบบแผนพฤติกรรม

๒.๔ การดำเนนิ การทางจรรยาบรรณในวิชาชีพครู
พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ มาตราที่ ๒๑ กำหนดให้
มคี ณะกรรมการมาตรฐานวชิ าชีพท่ีมีอำนาจและหนา้ ที่ประการหน่งึ ตามมาตรา ๒๕ (๒) คือ การกำกับ
ดูแลการปฏิบัติตามมาตรฐานและจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา นอกจากน้ันคุรุ
สภาได้ออกขอ้ บังคับครุ ุสภาว่าด้วยการพิจารณาการประพฤตผิ ิดจรรยาบรรณของวชิ าชพี พ.ศ. ๒๕๕๓
ซึง่ กำหนดรายละเอียดสำคัญไดแ้ ก่
๑) คณะอนุกรรมการสอบสวนการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ ซึ่งเป็น
คณะอนุกรรมการในคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ คณะอนกุ รรมการสืบสวนและคณะอนุกรรมการ
สอบสวนการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพมีอำนาจและหน้าที่ ในการพิสูจน์ความจริงในข้อ
กล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษดว้ ยการดำเนินการดังตอ่ ไปน้ี ๑)แสวงหาพยานหลักฐานทุกอยา่ งทเ่ี กี่ยวขอ้ ง
๒) รับฟังพยานหลักฐาน คำช้ีแจง หรือความเห็นของผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกลา่ วโทษพยานบคุ คลหรือ
พยานผู้เชี่ยวชาญเว้นแต่กรณีที่เห็นว่าเป็นการกล่าวอ้างที่ไม่จำเป็นทุมเฟือยหรือเพ่ือประวิงเวลา ๓)
ขอข้อเท็จจริงหรือความเห็นจากคู่กรณีพยานบุคคล หรือ พยานผู้เชี่ยวชาญท้ังที่เป็นคุณและเป็นโทษ
แก่ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวโทษ ๔) ขอให้ผู้ครอบครองเอกสารหรือวัตถุส่งเอกสารหรือวัตถุที่
เกีย่ วขอ้ ง และ ๕) ออกไปตรวจสถานท่ี
๒) การคัดค้านอนุกรรมการสอบสวน ผู้ถูกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวโทษมีสิทธิคัดค้าน
ภายใน ๗ วันนับแต่วันรับทราบคำส่ังแต่งต้ังคณะอนุกรรมการสอบสวนหรือนับแต่วันที่ทราบสาเหตุ

214 ๒๐๙

แห่งการคัดค้าน โดยทำหนังสือแสดงข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายท่ีเป็นเหตุแห่งการคัดค้าน ย่ืนต่อ
ประธานกรรมการ

๓) คำวินจิ ฉัย คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชพี มีอำนาจในการวินิจฉัยชข้ี าดอย่างใดอย่าง
หน่ึงตอ่ ไปนี้

(๑) ตกั เตือน
(๒) ภาคทัณฑ์
(๓) พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา มีกำหนดตามเวลาท่ีเห็นสมควร
แต่ไมเ่ กิน ๕ ปี
(๔) เพิกถอนใบอนญุ าตประกอบวิชาชพี ทางการศกึ ษา
๔) การอทุ ธรณ์ ครุ ุสภาได้ออกข้อบังคบั ครุ สุ ภาวา่ ด้วยการอุทธรณ์คำวินจิ ฉัยการประพฤติ
ผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๔๙ ที่กำหนดให้มีคณะอนุกรรมการอุทธรณ์คำวินิจฉัยการ
ประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้อุทธรณ์ท่ีเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม
สามารถอุทธรณ์ไดภ้ ายใน ๓๐ วันนับแตว่ ันท่ไี ด้รบั แจ้งคำวินจิ ฉยั เม่ือคณะกรรมการมีคำวินิจฉัยช้ีขาด
แล้วให้ส่งคำส่ังคุรุสภาไปยังผู้อุทธรณ์ ผู้บังคับบัญชาหรือนายจ้าง ถ้าผู้อุทธรณ์ไม่ยอมลงนามรับทราบ
คำส่ังคุรสภา ให้ปิดคำสั่งคุรุสภา ณ ภูมิลำเนาของผู้อุทธรณ์ตามกฎหมายวา่ ด้วยวิธปี ฏิบัตริ าชการทาง
ปกครอง ผู้อทุ ธรณ์ซึง่ ถกู พักใช้ใบอนญุ าตหรือเพิกถอนใบอนุญาต เม่ือได้รับทราบคำสัง่ ครุ ุสภาแล้ว ให้
ตอบรับทราบพร้อมส่งใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาคืนให้คุรุสภาภายใน ๑๕ วันนับแต่
วนั ที่ได้รบั ทราบคำสั่ง ซึ่งการนับระยะเวลาพกั ใช้ใบอนุญาตหรอื เพกิ ถอนใบอนุญาต ให้นับต้ังแต่วันทผ่ี ู้
อุทธรณร์ ับทราบคำส่ังครุสภาหรอื วันทป่ี ิดคำสงั่ คุรุสภา ณ ภมู ิลำเนาของผูอ้ ุทธรณ์แล้วแตก่ รณี
จรรยาบรรณตามกฎหมายวชิ าชีพครูจึงมีความสอดคล้องกับจรรยาบรรณตามหลักศาสนา
โดยมีองค์ประกอบครบตามหลักการขององค์ประกอบจรรยาบรรณ รวมทั้งเป็นจรรยาบรรณที่
สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยโดยรับการอุทธรณ์ของครูเพ่ือให้มีการดำเนินการทางจรรยาบรรณที่
ถกู ตอ้ งและยตุ ิธรรม

2๒1๑5๐

๓. หลักความเปน็ พลเมอื งท่เี ข้มแขง็

การพัฒนาการบริหารระบบการศึกษาเพ่อื เสริมสร้างความเป็นพลเมืองดีวิถีประชาธปิ ไตย
จะต้องเสริมสร้างคุณภาพ ของพลเมืองให้เป็นบุคคลที่สามารถแสดงบทบาทตามหน้าท่ีและความ
รบั ผิดชอบของตนเอง ต่อสังคม มีสิทธิ เสรีภาพ และ ความเสมอภาค ในฐานะเป็นมนุษย์และสมาชิก
ของสังคมที่เท่าเทียมกันซ่ึงการเสริมสร้างความเป็นพลเมืองดีได้จะเกิดข้ึนต้องอาศัยความร่วมมือจาก
ทกุ ภาคส่วน เพือ่ กอ่ ให้เกดิ การพฒั นาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยทีย่ ั่งยนื ต่อไป

๓.๑ ความหมายของความเปน็ พลเมอื ง
จากการสืบค้นและศึกษา พบว่า มีหน่วยงาน องค์กร นักวิชาการ และผู้เกี่ยวข้องด้าน
พลเมืองหลายท่านได้ให้ความหมายของคำว่า “พลเมือง” ไว้หลากหลาย ท้ังน้ี พลเมืองเป็นผู้มี
บทบาทหนา้ ท่แี ละความรบั ผดิ ชอบ ดังน้ี
ชัยอนันต์ สมุทวณิช ให้ความหมายของ พลเมือง ว่าหมายถึง ผู้ที่มีความรู้ มีข้อมูล
ขา่ วสารและมีความคดิ ในการแสดงออกและมีสว่ นร่วมประชาธปิ ไตย๓๒
จันทนา บุญญานุวัตร์ ให้ความหมายว่า คุณลักษณะของความเป็นพลเมืองดี หมายถึง
คุณลักษณะของนักเรียนที่มีการแสดงออกในทางที่ดีต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อสังคม เป็นพลเมืองดี
ตามความต้องการของสงั คมปัจจุบัน๓๓
คณะอนุกรรมการนโยบายปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง ด้านพัฒนาการศึกษาเพื่อ
สร้างความเป็นพลเมืองดี ได้อธิบายและนิยาม “พลเมือง” ไว้ว่า พลเมืองในระบอบประชาธิปไตย
แตกต่างจากพลเมืองของระบอบอ่ืนที่พลเมืองจะมี “คุณสมบัติ” อย่างไร จะเป็นไปตามที่ผู้มีอำนาจ
ประสงค์จะใหเ้ ป็นขณะทร่ี ะบอบประชาธิปไตย เจา้ ของอำนาจสูงสุดคอื ประชาชน ตังนั้น ประชาชนซึ่ง
เป็นเจ้าของอำนาจจึงกำหนดชีวิตตนเองได้ "ประชาชน" ในระบอบประชาธิปไตย จึงแตกต่าง
หลากหลายได้ เมื่อแตกต่างหลากหลายได้ จึงต้องเคารพซึ่งกันและกัน และใช้กติกาในการแก้ปัญหา
จึงจะสามารถอยู่ร่วมกันและปกครองกันตามวิถีทางประชาธิปไตยได้ ดังน้ัน "พลเมือง" ในระบอบ
ประชาธิปไตย จึงหมายถึง สมาชิกของสังคมท่ีพึ่งตนเองและรับผิดชอบตนเองได้ ใช้สิทธิเสรีภาพโดย

๓๒ ชัยอนันต์ สมุทวณิช, ประชารัฐกับการเปลี่ยนแปลง, (กรุงเทพมหานคร : สถาบันนโยบาย
การศกึ ษา, ๒๕๔๒), หน้า ๕.

๓๓ จันทนา บุญญานุวัตร์, องค์ประกอบท่ีสัมพันธ์กับคุณลักษณะของความเป็นพลเมืองดีของ
นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๓ เขตพื้นท่ีการศึกษาพัทลุง, ปริญญานิพนธ์ กศ.ม., (สงขลา : มหาวิทยาลัยทักษิณ,
๒๕๔๙).

216 ๒๑๑

ควบคู่กับความรับผิดชอบ เคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อ่ืนเคารพความแตกต่าง เคารพหลักความสมอ
ภาค เคารพกติกา ไม่แก้ปัญหาด้วยความรุนแรง ตระหนักว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ร่วม
รับผิดชอบต่อสังคม มีจิตสาธารณะ และกระตือรือร้นท่ีจะรับผิดชอบหรือร่วมขับเคล่ือนสังคมและ
แก้ปัญหาสังคมในระดับต่างๆ ตั้งแต่ในครอบครัว ชุมชน จนถึงระดับประเทศ ระดับอาเซียน และ
ระดับประชาคมโลก๓๔

ถวิลวดี บุรีกุล และคณะ ระบุว่า คำว่า “พลเมือง” มาจากภาษาลาตินว่า Cives
(พลเมือง) เคยใช้ในยุคโบราณ ซ่ึงเกี่ยวข้องกับระบบประชาธิปไตยในกรีกและโรมัน ต่อมาในยุคสมัย
กลางไม่ได้นำมาใช้แต่อย่างไรก็ตาม คำว่า พลเมือง ก็มีการนำกลับมาใช้อีกในช่วงของการปฏิบัติใน
ประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศสในปลายศตวรรษ ๑๘ ซ่ึงการเป็นพลเมืองมีหลายมิติ การที่
จะเป็นพลเมืองได้นั้น จะต้องมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้ ๑) มีเอกลักษณ์ท่ีมาจากความเป็นสมาชิกของ
ชุมชนทางการเมือง ๒) ยึดถือค่านิยมเฉพาะและอุดมคติ ๓) มีสิทธิและหน้าที่ ๔) มีส่วนร่วมทางการ
เมอื ง และ ๕ มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกับการเมืองการปกครอง๓๕

ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ระบุว่า ความเป็นพลเมือง (citizenship) ของระบอบ
ประชาธิปไตย หมายถึง การเป็นสมาชิกของสังคม ท่ีมีอิสรภาพควบคู่กับความรับผิดชอบ และมีสิทธิ
เสรีภาพ ควบคู่กับหน้าท่ีโดยมีความสามารถในการยอมรับความแตกต่าง และคารพกติกาในการอยู่
รว่ มกนั พรอ้ มท้ังมสี ว่ นรว่ มตอ่ ความเปน็ ไปและการแกป้ ัญหาของสงั คมของตนเอง๓๖

ธัญธัช วิภัติภูมิประเทศ ระบุว่า พลเมือง ว่าหมายถึง สมาชิกของชุมชนหรือสังคมท่ีมี
อำนาจในการปกครองตนเอง มีสิทธิเสรีภาพ หน้าท่ี ความรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาของสังคม
ทง้ั นี้ จะต้องมีความเคารพผอู้ ื่น และเคารพกตกิ าทใ่ี ชร้ ่วมกนั ในสงั คม๓๗

๓๔ คณะอนุกรรมการนโยบายปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง ด้านพัฒนาการศึกษาเพื่อสร้างความ
เปน็ พลเมอื งด.ี ยุทธศาสตร์พัฒนาการศึกษาเพื่อสร้างความเปน็ พลเมือง พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๑, (กรงุ เทพมหานคร :
สำนกั งานเลขาธิการสภาการศกึ ษา, ๒๕๕๔), หนา้ ๕.

๓๕ ถวิลวดี บุรีกุล และคณะ, ความเป็นพลเมืองในประเทศไทย (Citizenship in Thailand),
(กรุงเทพมหานคร : สถาบันพระปกเกล้า, ๒๕๕๕), หนา้ ๕.

๓๖ ปริญญา เทวานฤมิตรกุล, การศึกษาเพ่ือสร้างพลเมือง (Civic Education), (กรุงเทพฯ : นาน
มีบุค๊ ส์พับลิเคชั่นส,์ ๒๕๕๕), หนา้

๓๗ ธัญธัช วิภัติภูมิประเทศ, ความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยของนักศึกษามหาวิทยาลัย
ธรุ กจิ บณั ฑติ ย,์ (กรุงเทพมหานคร : มหาวทิ ยาลัยธุรกิจบณั ฑิตย์, ๒๕๕๖), หน้า

2๒1๑7๒

ทพิ ยพ์ าพร ตันติสุนทร กลา่ วว่า พลเมือง หมายถึง คนท่ีมีความสามารถในการแสดงความ
รับผิดชอบท้ังต่อตัวเองและส่วนรวม มีความรู้และช่วยตัดสินใจในปัญหาสำคัญๆ ของสังคม ชุมชน
และประเทศ มีสว่ นรว่ มในความคิดอยา่ งอสิ ระ๓๘

สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา ระบุว่าหนา้ ที่และความเป็นพลเมือง หมายถงึ ภารกิจ
ทบี่ ุคคลได้รับการปลูกฝัง/สร้างจิตสำนึกให้ประพฤติปฏิบัติตามหลักศีลธรรมและคุณธรรมทางศาสนา
กฎหมายขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของชาติ ตลอดจนคำสง่ั สอนของพ่อแม่ ครู อาจารย์
หรือจิตสำนึกที่ถูกต้อง เพ่ือเป็นสมาชิกท่ีดีของสังคม และเป็นการสร้างคุณค่าของตนเองให้เป็นท่ี
ยอมรับของสังคม สามารถรับผิดชอบตนเองได้ ตลอดจนบุคคลน้ันๆ จะต้องเสียสละความรู้
ความสามารถของตนเองเพอื่ ประโยชนต์ ่อส่วนรวมและความเจรญิ ก้าวหนา้ ของประเทศ๓๙

จากการศึกษาแนวคิดสรุปความหมายได้วา่ ความเป็นพลเมือง หมายถึง คุณลักษณะของ
บุคคลที่มีการแสดงออกถึงการมีความรู้ความเข้าใจ ความคิดหรือเจตคติ และการปฏิบัติตนในทางท่ีดี
งามต่อตนเอง ต่อผู้อ่ืน และต่อสังคม ว่าเป็นบุคคลที่มีความรับผิดชอบต่อตนเอง รับผิดชอบต่อสังคม
และมีความเคารพผู้อ่ืน ตามระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย เพ่ือประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต
รว่ มกนั ในสงั คมอยา่ งสันติสุข

๓.๒ คุณสมบตั หิ รอื คณุ ลกั ษณะของความเปน็ พลเมอื ง
จากการศึกษาทบทวน พบว่ามีนักวิชาการท่านต่างๆ ได้กล่าวถึงคุณสมบัติหรือ
คุณลกั ษณะของความเปน็ พลเมืองไว้ โดยสรุปดังน้ี
Westheimer และKahne ได้อธิบายถึงคุณลักษณะของความเป็นพลเมืองในแต่ละ
ประเภทซ่ึงแบ่งออกเป็น ๓ กลุ่ม โดยใช้เกณฑ์การให้คุณค่าและการกระทำท่ีเก่ียวข้องกับการเป็น
พลเมอื งที่ดีประกอบดว้ ย พลเมืองท่ีมีความรบั ผิดชอบ (Personally Responsible Citizen) พลเมือง
ท่ีมีส่วนร่วม (Participatory Citizen) และพลเมืองท่ีมุ่งเน้นความเป็นธรรมต่อสังคม (Justice-
Oriented Citizen)๔๐ ดงั ปรากฏในตารางต่อไปนี้

๓๘ ทพิ ย์พาพร ตนั ติสุนทร, การศกึ ษาเพอื่ สรา้ งพลเมอื ง, (กรุงเทพฯ : สถาบันนโยบายศึกษา, ๒๕๕๔),
หนา้

๓๙ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ, รายงานการพัฒนาเคร่ืองมือวัดและ
ประเมินผลการศึกษาด้านหน้าที่และความเป็นพลเมืองโดยเทียบเคียงมาตรฐานสากล, (กรุงเทพมหานคร :
สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา, ๒๕๕๗), หนา้

๔๐ Westheimer, J., Kahne, J. What kind of Citizen? The Politics of Educating for
Democracy. American Educational Research Journal, 41 (2). (2004).

218 ๒๑๓
ตารางท่ี ๘.๓ ประเภทของพลเมือง (Kinds of Citizen)

พลเมอื งที่มคี วาม พลเมืองทีม่ สี ่วนร่วม พลเมอื งทมี่ ุ่งเน้น
รับผดิ ชอบ ความเป็นธรรมตอ่ สงั คม

การแสดงออก - รบั ผดิ ชอบต่อชมุ ชน - เข้ารว่ มเปน็ สมาชกิ ชมุ ชน - คดิ เชงิ วิพากษต์ อ่ โครงสรา้ ง

- ทำงานอยา่ งสจุ รติ และเสีย และพยายามที่จะร่วม ของสังคมการเมือง และ

ภาษีตามทีร่ ัฐกำหนด พัฒนาขมุ ชน เศรษฐกจิ โดยพิจารณา

- เคารพและปฏบิ ตั ติ าม - ดแู ลชมุ ชน โดยพยายามที่ มากกว่าเหตุการณท์ ผ่ี ิวเผิน

กฎหมาย จะดแู ลความต้องการ - สบื ค้นและนำเสนอประเด็น
- การรีไซเคลิ และบริจาค สนบั สนนุ การพัฒนาด้าน ท่ไี มเ่ ปน็ ธรรมในสงั คม

โลหิต เพอื่ สาธารณะ เศรษฐกิจหรือการดูแล - รับรูเ้ กีย่ วกบั การเคลอ่ื นไหว

ประโยชน์ รักษาส่ิงแวดล้อม ทางสงั คมแบบมีประชาธปิ -

- เป็นอาสาสมคั รทำงาน - รบั รถู้ ึงกระบวนการทำงาน ไตย และรบั รู้ถงึ ผลกระทบ

ช่วยเหลอื ในกรณีเกดิ ของรัฐ เชงิ ระบบท่เี กิดข้นึ

วกิ ฤตการณ์ตา่ งๆ - รบั รูก้ ลยุทธ์ในการบรรลุซง่ึ

งานที่ทำรว่ มกนั

ตวั อย่างการ - แบ่งปนั อาหารเพอื่ - มสี ่วนรว่ มในการจดั - คน้ หาสาเหตุความอด
ปฏิบัติ อยากของคนเพอ่ื ดำเนนิ
แกป้ ัญหาความอดอยากท่ี กจิ กรรมแกป้ ญั หาความ การแกป้ ญั หาจากรากเหงา้
ของ ปญั หา
เกดิ ขึน้ อดอยาก

แนวคดิ หลกั - แกป้ ญั หาทางสงั คมและ - แก้ปัญหาและพฒั นาสังคม - แก้ปญั หาและพัฒนาสังคม
พฒั นาสังคม พลเมือง พลเมืองจะตอ้ งมสี ว่ นรว่ ม พลเมอื งจะตอ้ งต้งั คำถาม
จะตอ้ งมคี ณุ ลักษณะทดี่ ี และเป็นผ้นู ำในการวาง แลกเปลย่ี นความคิด และ

เช่น มคี วามช่ือสัตย์ มี ระบบ และโครงสร้างของ เปล่ียนแปลงระบบและ

ความรบั ผดิ ชอบ สงั คม โครงสร้างท่ีเปน็ อยูข่ อง

เคารพกฎหมาย และ สงั คมทส่ี ร้างความไมเ่ ปน็

กตกิ า กฎระเบียบทาง ธรรม

สงั คม

ศักด์ิชยั นิรญั ทวี กลา่ วถงึ คุณลักษณะที่พ่ึงประสงค์ของความเป็นพลเมืองของเยาวชนไทย

โดยขยายรายละเอียดจากเป้าหมายของการศึกษา คือ การเป็นคนเก่ง เป็นคนดี และมีความสุข ว่า

ความเป็นพลเมืองของเยาวชนไทยควรมี ๓ มิติ คือ ด้านความรู้ความเข้าใจ ด้านความคิดความเชื่อ

และด้านการปฏิบัติตน ดังนี้

๒2๑1๔9

ดา้ นความรู้ความเขา้ ใจ ได้แก่
๑. มีความรู้ความเข้าใจหลักและระเบียบการปกครองประเทศ ในระดับประเทศ

และระดบั ท้องถิ่น
๒. มคี วามรคู้ วามเข้าใจในเรอ่ื งสิทธิ หนา้ ท่ขี องตนเองและผอู้ ่นื
๓. มีความรู้ความเข้าใจในความเกีย่ วโยงกันของสถานภาพของผู้คนกลุ่มตา่ งในสังคม

ในเชงิ ซอ้ น
๔. มีความรู้ความเข้าใจการเมืองการปกครองในมิติสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชน

และการเมืองภาคประชาชน เขา้ ใจเร่ืองของสิทธิขุมชน ทนุ ทางสงั คมอันหลากหลาย
๕. มคี วามรู้ความคิดเท่าทันการเปลี่ยนแปลงทางสงั คมทั้งในระดับประเทศและระดับ

โลกที่อาจมสี ่วนเกยี่ วข้องกบั ประเทศไทย
๖. มีความรคู้ วามสามารถในเทคโนโลยสี มัยใหม่ วิถชี ีวิตอย่างใหม่ตามควรแก่วชิ าชีพ

ของตน
ดา้ นความคดิ เหน็ /เจตคติ ไดแ้ ก่
๑. มีเจตคติท่ีดีต่อการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองอันเป็นประโยชน์ต่อ

สว่ นรวม
๒. มีเจตคตทิ ่ดี ีตอ่ การอยรู่ ่วมกนั อย่างเออ้ื อาทร
๓. เปน็ ผู้มคี วามคิดเห็นต่อเหตุการณ์บ้านเมอื ง
๔. เหน็ คุณค่าของวฒั นธรรมไทย วถิ ีชวี ิตและค่านิยมอยา่ งไทย
๕. เห็นคุณคา่ และผดงุ ความเป็นชาตริ ว่ มกบั ผู้อ่นื
๖. มคี วามคิดเหน็ ท่ีทันสมยั

ดา้ นการปฏบิ ตั ติ น ไดแ้ ก่
๑. ปฏิบัติตนให้ถูกต้องสอดคล้องกับกฎหมาย กฎศีลธรรมและกฎกติกาของชุมชน

ท้องถิน่ ประเทศชาติ
๒. ปฏิบัติตนตามหลักสทิ ธิ หน้าท่ขี องพลเมือง
๓. ปฏิบตั ติ นใหเ้ ป็นประโยชน์ตอ่ ผ้อู น่ื
๔. มีส่วนร่วมในกิจกรรมท่ีเป็นเรื่องของการจรรโลงความถูกต้อง ความเป็นระเบียบ

ความดีงามของสงั คม
จากการระดมความคิดเห็นในการประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ได้สรุปว่า

คณุ ลักษณะของพลเมอื งทีด่ ี มีคณุ ลักษณะดงั นี้

220 ๒๑๕

๑. มคี าราวธรรม คอื ต้องยอมรับความคิดเหน็ ของผู้อืน่ รู้สิทธ์ิ รหู้ นา้ ที่ของตวั เอง
๒. มีสามัคคธี รรม คอื ต้องรูจ้ ักทำงานรว่ มกับผ้อู ื่น
๓. มีนติ ิธรรม คือ การตดั สินปญั หาโดยใชเ้ หตผุ ล
๔. มคี วามสมบูรณท์ างกายและใจ
๕. มีสติปัญญา
๖. มอี ารมณ์ม่ันคง
๗. มวี ฒุ ภิ าวะทางสังคม
๘. เห็นคุณค่าของสภาวะแวดลอ้ มท้องถิ่น
๙. ไมเ่ บียดเบยี นตนเองและผ้อู ืน่
๑๐. ให้เกียรติผ้อู ื่น
๑๑. มจี ติ สาธารณะหรือมจี ติ สำนกึ สาธารณะ
๑๒. มคี วามรู้เทา่ ทันทงั้ งานกฎหมายและขนบธรรมเนียมประเพณี
๑๓. รู้จักพึ่งตนเอง
๑๔. มคี วามกลา้ ทีจ่ ะตอ่ ตา้ นระบอบท่ีไมใ่ ช่ประชาธิปไตย
๑๕. มคี วามไว้วางใจในระบอบประชาธิปไตย
๑๖. รแู้ พ้ รู้ชนะ รจู้ ักทำงานร่วมกันโดยสนั ติ
๑๗. มีความภูมใิ จในตนเอง
๑๘. มีศีล หรืออย่างอนื่ ท่เี ทียบเทา่ ๔๑
ทิพย์พาพร ตันติสุนทร ได้ระบุเก่ียวกับคุณลักษณะของพลเมืองไทยในระบอบ
ประชาธปิ ไตย ว่าประกอบดว้ ย
๑. การเป็นผู้ท่ีมีความรู้ มีการศึกษาและมีความสามารถที่จะมองเห็นและเข้าใจใน
สงั คมของตนและสงั คมโลก เฉกเช่นเปน็ สมาชกิ ของสังคม
๒. ยดึ ถอื ประโยชน์ส่วนรวมและสงั คมเป็นหลัก
๓. มีความรักในเสรีภาพและมคี วามรบั ผิดชอบ
๔. เคารพความเสมอภาค ความยุติธรรม
๕. มีความสามารถท่จี ะคดิ วิเคราะห์อย่างเป็นเหตุเปน็ ผล

๔๑ เอนก เหล่าธรรมทัศน์, การเมืองภาคพลเมือง, พิมพ์ครั้งที่ ๒, (กรุงเทพมหานคร : สถาบัน
พระปกเกลา้ , ๒๕๕๔), หนา้ ๑๐๓-๑๐๔.

2๒2๑๖1

๖. มีความเข้าใจเร่ืองหลักสิทธิมนุษยชน และยอมรับความแตกต่างในความเป็นพหุ
สงั คม

๗. เคารพกฎหมาย และยึดหลกั นติ ริ ฐั
๘. มีความรู้ ความเข้าใจต่อการเปล่ียนแปลงทางสังคมและทางการเมือง (Political
Literacy) และเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมือง (Political Participation) ในทุกระดับตั้งแต่ชุมชน
ทอ้ งถ่นิ ระดบั ชาตแิ ละนานาชาติ
๙. ยดึ มัน่ ในหลกั สันตวิ ิธี ไมใ่ ชค้ วามรุนแรงในการแก้ไขปญั หาความขัดแย้ง๔๒
ถวลิ วดี บุรีกุล และคณะ ได้ศึกษาประเด็นความสำคัญทแ่ี สดงถึงคณุ สมบัติของความเป็น
พลเมืองในทัศนะของประชาชนชาวไทย พบว่า ตัวช้วี ัดท่ีแสดงคุณสมบัติของความเป็นพลเมืองท่มี ีอยู่
ในสังคมไทย สามารถแบ่งเป็น ๓ กลุ่ม คือ ความเป็นพลเมืองที่ให้ความสำคัญกับวิถีวัฒนธรรม
(Traditionalist/Minimalist) ความเป็นพลเมืองท่ีให้ความสำคัญกับชุมชนของตน (Community
Oriented Citizenship) และความเป็นพลเมืองที่ให้ความสำคัญกับอิสรภาพและความก้าวหน้า
ทันสมัย (Modern/Liberal Progressive) โดยมีรายละเอียดองค์ประกอบของความเป็นพลเมืองแต่
ละประเภท๔๓ ดังปรากฏในตารางดงั ตอ่ ไปน้ี
ตารางท่ี ๘.๔ คณุ สมบตั ิของความเป็นพลเมืองทปี่ ระชาชนชาวไทยมี

คุณสมบัตขิ องความเปน็ พลเมือง องคป์ ระกอบ

๑. ความเป็นพลเมอื งท่ีให้ความสำคัญกบั วิถี - ไปใช้สิทธเิ ลือกต้ังเสมอ

วฒั นธรรม (Traditionalist/Minimalist) - เคารพผ้อู าวโุ สกว่า

- เสียสละเวลาทำงานเพ่อื สว่ นรวม

- ปฏิบตั ิตามกฎหมาย

- ปฏบิ ตั ิตามหลกั ศาสนา

- มีความภมู ิใจในการเปน็ คนไทย

- เต็มใจที่จะเสยี ภาษี

๒. ความเปน็ พลเมอื งทใี่ ห้ความสำคัญกับ - เสยี สละเวลาทำงานเพ่ือส่วนรวม

ชมุ ชนของตน (Community Oriented - บรจิ าคโลหิต/เงนิ /สิ่งของ/แรงงาน

๔๒ ทิพย์พาพร ตันติสุนทร, พลเมือง สิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตย, (กรุงเทพมหานคร : สถาบัน
นโยบายการศึกษาภายใต้มลู นิธสิ ง่ เสริมนโยบายการศึกษา, ๒๕๕๗), หน้า ๘.

๔๓ ถวิลวดี บุรีกุล และคณะ, ความเป็นพลเมืองในประเทศไทย (Citizenship in Thailand),
(กรงุ เทพฯ : สถาบนั พระปกเกล้า, ๒๕๕๕), หนา้

222 ๒๑๗

Citizenship) - รกั ษาส่ิงแวดล้อมโดยการนำกลบั ไปใชใ้ หม/่ ชว่ ยปลูกตันไม/้ แยกขยะ

๓. ความเปน็ พลเมืองท่ีให้ความสำคัญกับ - สามารถเปรยี บเทยี บนโยบายของพรรคและผสู้ มัครรบั เลอื กตั้ง
อสิ รภาพและความก้าวหน้า ทันสมยั - มีความร้เู กีย่ วกับการเมอื งการปกครอง
(Modern/Liberal Progressive) - สามารถวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็นทางการเมือง
- สามารถคยุ เรอื่ งการเมอื งนานาชาติ
- เปน็ สมาชกิ กล่มุ /สมาคม/สหภาพ/ชมรม เป็นต้น
- ตดิ ตามการทำงานของนกั การเมอื งและขา้ ราชการ

คณะอนุกรรมการนโยบายปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง ด้านพฒั นาการศกึ ษาเพ่อื สร้าง
ความเป็นพลเมืองดี (๒๕๕๔) ได้จัดทำยุทธศาสตร์พัฒนาการศึกษาเพ่ือสร้างความเป็นพลเมือง พ.ศ.
๒๕๕๓-๒๕๖๑ ข้ึน เพื่อให้เป็นกลไกสำคัญในการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษท่ีสอง ในด้านการสร้าง
ความเป็นพลเมือง ให้บังเกดิ ผลเป็นรูปธรรมและสคู่ วามสำเร็จตามเปา้ หมายท่ีวางไว้ โดยในยุทธศาสตร
ฯ ดังกล่าว ได้ระบุถึงคุณสมบัติของความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยของคนไทยไว้ ๖
ประการ ได้แก่

๑. พึ่งตนเองและรับผิดชอบตนเองได้ ไมอ่ ย่ภู ายใตก้ ารครอบงำของระบบอุปถัมภ์
๒. เคารพสิทธิผู้อ่ืน ไม่ใช้สิทธิเสรีภาพของตนไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอ่ืน (ท้ังน้ี
เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๘ ท่ีบัญญัติว่า "บุคคลย่อมใช้..สิทธิและเสรีภาพของตนได้เท่าที่ไม่
ละเมิดสทิ ธิเสรีภาพของบุคคลอนื่ ")
๓. เคารพความแตกต่าง มีทักษะในการฟัง และยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างจากตนเอง
๔. เคารพหลักความเสมอภาค เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อ่ืน และเห็นคนเท่า
เทียมกัน มองคนเปน็ แนวระนาบ ไม่ใช่แนวดง่ิ
๕. เคารพกติกา เคารพกฎหมาย ใช้กติกาในการแก้ปัญหา ไม่ใช้กำลัง และยอมรับผลของ
การละเมิดกฎหมาย
๖. รับผดิ ชอบต่อสงั คม ตระหนักว่าตนเองเป็นสว่ นหน่ึงของสังคม กระตอื รือรน้ ทีจ่ ะ
รบั ผิดชอบ และรว่ มแกไ้ ขปัญหาสงั คมโดยเรม่ิ ต้นทตี่ นเอง๔๔
ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ได้อธิบายเพ่ิมเติมถึงคุณลักษณะข้ันพื้นฐานของความเป็นพลเมือง
ในระบอบประชาธิปไตย ตามแนวคดิ ของยุทธศาสตรก์ ารศึกษาเพ่อื สร้างความเปน็ พลเมืองของประเทศ
ไทยว่าคุณสมบัตขิ องความเป็นพลเมอื งในระบอบประชาธปิ ไตยนี้ ไม่ไดเ้ กดิ ขึน้ มาไดโ้ ดยการฟงั

๔๔ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ, ยุทธศาสตร์พัฒนาการศึกษาเพ่ือสร้าง
ความเปน็ พลเมือง พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๑, (กรงุ เทพมหานคร : สำนักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา, ๒๕๕๔), หน้า ๙.

2๒2๑3๘

แผนภาพท่ี ๘.๑ คณุ ลกั ษณะพื้นฐานของความเปน็ พลเมือง

บรรยายหรือสอนด้วยการพูดให้ฟัง หากเกิดจากการเรียนรู้และฝึกฝน โดยใช้กิจกรรมและการลงมือ
ปฏบิ ตั ิ เพอ่ื ให้ผ้เู รียนสามารถคิดได้และพฒั นาคุณสมบัติเหล่าน้ีใหม้ ีขึน้ มาไดด้ ้วยตนเอง๔๕

นอกจากนี้ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา๔๖ ได้อธิบายถึงความเป็นพลเมือง โดย
เชื่อมโยงกับกรอบการศึกษาและการเรียนรู้ว่า พลเมือง เป็นผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ เจตคติ
และค่านิยม มีพฤติกรรมหรือความประพฤติท่ีดีงาม มีความรับผิดชอบท้ังต่อตนเอง สังคม
ประเทศชาติ เปน็ พลเมืองและพลโลกทีด่ ีในระบอบประชาธปิ ไตย กลา่ วคอื

๔๕ ปริญญา เทวานฤมิตรกุล, คู่มือการจัดกิจกรรมในรายวิชาเพ่ือสร้าง "พลเมือง" ในระบอบ
ประชาธิปไตย เอกสารประกอบการประชุมเชิงปฏิบตั ิการ "เทคนิคการจดั การเรียนการสอนความเป็นพลเมืองสู่
การปฏบิ ัติ" วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๖, (กรงเทพมหานคร : สำนักงานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา, ๒๕๕๖), หน้า
๑๐.

๔๖ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, รายงานการวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายการพัฒนา
การศึกษาเพื่อสรา้ งความเปน็ พลเมอื ง, (กรุงเทพมหานคร : สำนักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษากระทรวงศกึ ษาธิการ
, ๒๕๕๙).

224 ๒๑๙

ด้านความรู้ เป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจ มีข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องในวิถีการดำรงตนใน
ระบอบประชาธิปไตย ภายใตก้ ฎหมาย ประเพณีวฒั นธรรมและแนวปฏิบัติของการอยู่รว่ มในสังคมได้
อย่างสงบสุขทัง้ สงั คมไทยและสังคมโลก

ด้านทักษะ เป็นผู้มีความคิดวิจารณญาณและการตัดสินใจบนพื้นฐานของความรู้ ข้อมูล
ข่าวสาร การดำรงชีวิต ความชำนาญ สามารถแก้ปัญหาการอยู่ร่วมกันในสังคม และประเทศชาติได้
อยา่ งมีประสิทธภิ าพ

ด้านเจตคติและค่านิยม เป็นผู้ดำรงและยึดมั่นในวิถีประชาธิปไตย ยึดม่ันคุณความดี มี
ศลี ธรรมจริยธรรม พึ่งพาตนเองและเป็นที่พึ่งของบุคคลอื่นได้ คำนึงถึงการมีส่วนร่วม เคารพสิทธขิ อง
ตนเองและผู้อ่ืน ยอมรับและเชื่อม่ันในวิถีที่แตกต่างทั้งเช้ือชาติ ศาสนา วัฒนธรรม เพศ ผิวพรรณ
วรรณะ และความเปน็ มนุษยข์ องกนั และกนั

ดา้ นพฤติกรรมหรือความประพฤติท่ีดีงาม เป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรม ชื่อสัตยส์ ุจริต ขยัน
อดทน รูจ้ กั เสยี สละ ช่วยเหลือเกื้อกูล ไม่นิ่งดดู าย บำเพ็ญตนให้เปน็ ประโยชน์ คำนึงถึงการมสี ว่ นร่วม
มีสำนกึ ของการพฒั นา ท้ังการพฒั นาตนเอง ชุมชน สงั คมและประเทศชาติ

โดยสรุปแล้ว คุณสมบัติของความเป็นพลเมืองท่ีดีในระบอบประชาธิปไตย ตามแนวคิด
ของยทุ ธศาสตรพ์ ัฒนาการศึกษาเพอ่ื สร้างความเป็นพลเมืองของประเทศไทย สามารถสรปุ ใหเ้ หลอื ๒
ประการ โดยพิจารณาตามการให้คุณค่าหรือให้ความสำคัญต่อการเป็นพลเมืองที่ดี คือ ผลเมืองที่มี
ความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม และพลเมืองท่ีมีความเคารพผู้อื่น ซึ่งการวิจัยคร้ังน้ี คณะผู้วิจัย
ได้กำหนดคุณสมบัติของความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยของผู้เรียนในสถานศึกษาสังกัด
กระทวงศกึ ษาธกิ าร ตามหลกั การดังกลา่ วโดยแบ่งประเภทความเป็นพลเมืองของผเู้ รยี น ดังน้ี

๑. ความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม หมายถึง การพ่ึงพาตนเองและสามารถ
รับผิดชอบตนเองได้ มีอิสรภาพ สิทธิเสรีภาพ ไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลอำนาจหรือระบบอุปถมั ภ์ของผู้ใด
ตระหนักว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของสังคม การกระทำใดๆ ของตนมีผลต่อสังคม กระตือรือร้นที่จะ
รับผิดชอบ ร่วมแก้ไขปัญหาสังคมโดยเรม่ิ ต้นที่ตนเอง เคารพกฎหมาย ใช้กติกาในการแกป้ ัญหา ไม่ใช้
กำลงั หรือความรนุ แรงแกไ้ ขปญั หาและยอมรับผลของการละเมดิ กฎหมาย

๒. ความเคารพผู้อื่น หมายถึง การไม่ใช้สิทธิเสรีภาพของตนไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของ
บุคคลอื่น เคารพผู้อ่ืนท่ีแตกต่างจากตนเองทั้งในด้านวิถีชีวิต ความเช่ือและความคิด และเคารพ
ศกั ด์ิศรีความเป็นมนุษยข์ องผ้อู ่นื มองคนในสังคมมีความเท่าเทยี มกัน

2๒2๒5๐

๓.๓ หลักการสร้างความเป็นพลเมือง
“พลเมือง” ในระบอบประชาธิปไตยแตกต่างจากพลเมืองของระบอบอื่นที่พลเมืองจะมี
“คุณสมบัติ” อย่างไรจะเป็นไปตามท่ีผู้มีอำนาจประสงค์จะให้เป็นขณะท่ีระบอบประชาธิปไตย
เจ้าของ อำนาจสูงสุดคือประชาชน ดังนั้น ประชาชนซ่ึงเป็นเจ้าของอำนาจจึงกำหนดชีวิตตนเองได้
“ประชาชน” ในระบอบประชาธิปไตยจึงแตกต่างหลากหลายได้ เม่ือแตกต่างหลากหลายได้จึงต้อง
เคารพซึ่งกัน และกันและใช้กติกาในการแก้ปัญหา จึงจะสามารถอยู่ร่วมกันและปกครองกันตาม
วิถีทางประชาธิปไตยได้ ดังนั้น “พลเมือง” ในระบอบประชาธิปไตยจึงหมายถึง สมาชิกของสังคมท่ีมี
อิสรภาพ (Liberty) และพึ่งตนเองได้ (Independent) ใช้สิทธิเสรีภาพโดยควบคู่กับความรับผิดขอบ
เคารพสิทธิเสรีภาพ ของผู้อื่น เคารพความแตกต่าง เคารพหลักความเสมอภาค เคารพกติกา ไม่
แก้ปัญหาด้วยความรุนแรง ตระหนักว่าตนเองเป็นส่วนหน่ึงของสังคม ร่วมรับผิดชอบต่อสังคม มีจิต
สาธารณะ และกระตือรือร้นท่ีจะรบั ผิดขอบหรือรว่ มขับเคล่ือนสังคม และแก้ปัญหาสังคมในระดับต่าง
ๆ ต้ังแตใ่ นครอบครวั ชุมชน จนถึงระดบั ประเทศ ระดับอาเซยี น และระดบั ประชาคมโลก
“พลเมือง” ในระบอบประชาธิปไตยสามารถสรุปคุณสมบัตไิ ด้ ๖ ประการดังตอ่ ไปนี้๔๗
๑. มีอิสรภาพ (Liberty) และพึ่งตนเองได้ (Independent) ไม่อยู่ภายใต้การครอบงำของ
ระบบอุปถัมภ์
๒. เคารพสิทธิผู้อ่ืน ไม่ใช้สิทธิเสรีภาพของตนไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอ่ืน (ทั้งน้ี
เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๘ ท่ีบัญญัติว่า “บุคคลย่อมใช้สิทธิและเสรีภาพของตนได้เท่าท่ี ไม่
ละเมดิ สิทธิเสรีภาพของบุคคลอ่ืน”
๓. เคารพความแตกต่าง มีทักษะในการฟงั และยอมรับความคดิ เห็นท่ีแตกต่างจากตนเอง
๔. เคารพหลักความเสมอภาค เคารพศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อ่ืน และเห็นคนเท่า
เทยี มกัน มองคนเปน็ แนวระนาบ ไมใช่แนวด่งิ
๕. เคารพกติกา เคารพกฎหมาย ใช้กติกาในการแก้ปัญหาไม่ใช้กำลัง และยอมรับผลของ
การละเมิดกฎหมาย
๖. รับผิดชอบต่อสังคม ตระหนักว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของสังคม กระตือรือร้นที่จะ
รบั ผดิ ชอบและร่วมแก้ไขปัญหาสงั คมโดยเร่ิมต้นทีต่ นเอง

๔๗ คณะกรรมการนโยบายปฏริ ูปการศึกษาในทศวรรษท่ีสอง (กนป.), ยุทธศาสตรพ์ ฒั นา การศึกษา
เพ่ือสร้างความเป็นพลเมอื ง พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๑, (กรุงเทพมหานคร : ทำเนยี บรัฐบาล, ๒๕๕๓).

226 ๒๒๑

หลกั การ
๑. การปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ ๒๑ ในมิติการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมือง
จำเป็น ต้องดำเนินการให้ครอบคลุมสมาชิกทุกวัยของประเทศ เพื่อให้สมาชิกในชุมชนในสังคม ใน
ประเทศที่มีความคิด ความเชื่อที่แตกต่างถันหรือขัดแย้งกัน สามารถอยู่ร่วมกันได้บนพื้นฐานของการ
รับฟังความคิดเห็นของกันและกัน เคารพกติกาของสังคม เคารพผู้อื่น และเคารพหลักการปกครอง
ตามระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมขุ
๒. การศึกษาเพ่ือสร้างความเป็นพลเมืองไม่ได้ปฏิเสธด้านดีของมนุษย์ แต่มนุษย์ท่ีแท้ก็
ต้องผ่านการขัดเกลา ฝึกฝนในทุกมิติ รวมถึงมิติ “ประชาธิปไตย” ซึ่งเป็นระบอบการปกครองที่
ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจสูงสุด แต่การปกครองระบอบประชาธิปไตยจะประสบความสำเร็จได้
หรอื เป็นประชาธปิ ไตยที่แขง็ แรงและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของสมาชิกในชมุ ชน สงั คม และประเทศ ได้
นั้น จำเป็นต้องมีกลไกที่ยกระดับสมาชิกในสังคมให้เป็นพลเมืองในระดับที่มีแรงเหวี่ยงหรือมวลแห่ง
การเปลี่ยนแปลงท่ีเพียงพอซ่ึงในเชิงหลักการให้น้ำหนักมวลแห่งการเปลี่ยนแปลง (Critical Mass) ไว้
ท่ีร้อยละ ๓๕ โดยมีจุดเปล่ียนท่ีสำคัญคือ พ้ืนที่การศึกษาทั้งในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตาม
อัธยาศัยทุกระดับและทุกประเภทการศึกษา โดยท่ีผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหารเขตพื้นที่
การศึกษาต้องมีความเป็นพลเมืองร้อยละ ๑๐๐ เพื่อเป็นแกนนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบ
การศึกษาอันจะสง่ ผลต่อเน่ืองไปจนถงึ ครอบครวั สังคม และสื่อมวลชน
๓. หลักการสำคัญของการศกึ ษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองจะไม่เน้นการเรียนวิชาหน้าท่ี
พลเมืองแบบด้ังเดิม ซึ่งเป็นหน้าท่ีตามที่กระทรวงศึกษาธิการส่ังหรือหน้าท่ีตามที่รัฐบาลกำหนด และ
ไม่เน้น “ความรู้เรื่องประชาธิปไตย” แต่ให้ความสำคัญท่ี “ความเป็นประชาธิปไตย” มากกว่าด้วย
เหตุผลดังกล่าวการศึกษาเพื่อความเป็นพลเมืองจึงไมใช่การสอนด้วยการ “บรรยาย” แต่ผู้สอนต้อง
พัฒนาการสอนในรูป “กิจกรรม” และ “การลงมอื ปฏิบัติ” หรือการเรียนการสอนผ่าน “กระบวนการ
คิดวิเคราะห์แกปฏิบัติ” ข้ึนมา เพ่ือให้ผู้เรียนได้เห็นความเช่ือมโยงท่ีมีนัยสำคัญมากน้ัน คือเราทุกคน
ต่างเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาและการคลี่คลายแก้ไขปัญหา สำหรบั กระบวนการเรยี นร้ดู ังกล่าวผูส้ อนจะ
เป็น “วิทยากรกระบวนการ” ท่ีมีหน้าที่เชื่อมโยงการเรียนรู้กับประสบการณ์จริงในวิถีชีวิต ทั้งใน
หอ้ งเรยี นและนอกห้องเรยี น เพื่อให้ผเู้ รียนเกดิ ความรู้ ความเข้าใจในความเปน็ พลเมอื งและการพฒั นา
ประชาธปิ ไตยจนก้าวลกึ ไปถึงการมจี ิตสำนึก มีจติ วญิ ญาณประชาธปิ ไตย
๔. สำหรับการดำเนินงานเพ่ือสร้างความเป็นพลเมืองและสังคมประชาธิปไตยนั้น
หน่วยงาน ภาครัฐท่ีรับผิดชอบดูแลการจัดการศึกษาของชาติในทุกระดับ ทั้งในระบบการศึกษาและ
นอกระบบ การศึกษาต้องทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางโดยเชื่อมประสานและอำนวยการให้หน่วยงาน
ภาครัฐท่ีเก่ียวข้อง รวมถึงภาคเอกชนและองค์กรภาคประชาชน เข้ามาทำงานร่วมกันภายใต้ยุทธวิธที ี่
หลากหลาย แต่มี ยุทธศาสตรเ์ ดยี วกัน

2๒2๒๒7

สรุป

คุณธรรม คือ ความดงี ามทีถ่ ูกปลกู ฝังขึ้นในจิตใจ มคี วามกตัญญู ขยนั ประหยัด ซ่ือสัตย์
สามัคคี มีวนิ ัย มีนำ้ ใจ และ เปน็ สุภาพชน เป็นตน้ จนเกิดจติ สำนกึ ทีด่ ี รูส้ ึกรับผิดชอบ ช่วั ดี เกรงกลวั
ตอ่ การกระทำความชัว่ โดยประการต่างๆ เม่ือจิตเกดิ คุณธรรมขน้ึ แล้ว จะทำใหเ้ ปน็ ผมู้ จี ิตใจดี และคดิ
แตส่ ่ิงท่ีดี จงึ ได้ช่ือว่า “เป็นผมู้ คี ุณธรรม”

จรยิ ธรรม คือ การประพฤติปฏิบตั ิ การกระทำดี ตามคุณธรรมที่มีอยู่ในจติ ใจ ปรากฏ
เป็นความดงี าม ทงั้ ทางกาย ทางวาจา และ ทางใจ เมื่อความดงี าม มีความกตัญญู ขยนั ประหยัด
ซ่อื สตั ย์ สามคั คี มีวนิ ยั มนี ำ้ ใจ และ เป็นสุภาพชน เปน็ ตน้ ถกู แสดงออกทางจรรยา มารยาท การ
ประพฤติปฏิบัติ และการกระทำทดี่ ี ตามคุณธรรมที่มใี นจิตใจนนั้ จงึ ไดช้ ื่อวา่ “เปน็ ผมู้ จี รยิ ธรรม”

คุณธรรมและจริยธรรมจึงมีความหมายใกล้เคียงกันและมีความสัมพันธ์กัน โดยคุณธรรม
เป็นสภาพทพ่ี ึงประสงคใ์ นด้านความดี ความควร ความถกู ต้อง ส่วนจริยธรรมเปน็ การปฏิบัตไิ ปส่สู ภาพ
ทีพ่ ึงประสงคน์ ั้น คุณธรรมจงึ เป็นสภาพทางจติ ใจทจ่ี ะโนม้ นำการกระทำใหเ้ กิดการประพฤตปิ ฏิบตั ิสงิ่ ที่
ดี และไม่ประพฤติส่ิงที่ไม่ดี ดงั นั้น คุณธรรมจะเป็นปัจจัยเก้ือหนุนให้เกิดจริยธรรม และจริยธรรมเป็น
ผลของการมีคุณธรรม หรืออีกนัยหนึ่งคุณธรรมเป็นเร่ืองของความจริงแท้หรอื สัจธรรม ส่วนจริยธรรม
เปน็ ส่ิงทีม่ นษุ ยท์ ำขนึ้ แต่งขึ้นตามเหตุผลของมนษุ ย์ หรอื ตามความตอ้ งการของมนษุ ย์

เม่ือครูมีคุณธรรมจริยธรรม ก็จะสร้างนักเรียนให้เป็นคนดี ท่ีเรียกว่า คนดีมีคุณภาพ
ให้แก่สังคม สังคมจะดีขึ้นหรือแย่ลงก็อยู่ที่การกระทำของคนในสังคม เด็กในประเทศท่ีมีการศึกษา
เพ่ือความเป็นพลเมือง จึงมีสิทธิเสรีภาพมากข้ึนตามวัยที่โตขึ้นพร้อมๆ กับมีความรับผิดชอบมากข้ึน
ตามไปด้วย และไม่ใช่เรียนรู้แต่ การแข่งขัน (Competition) แต่จะต้องเรียนรู้เร่ืองการประนีประนอม
(Compromise) และการทำงานร่วมกับคนอ่ืน (Cooperation) เพราะประชาธิปไตยคือ การอยู่
ร่วมกันในสังคม จึงต้องสอนให้เด็กเรียนรู้ท่ีจะแก้ไขความขัดแย้ง เรียนรู้ท่ีจะตกลงกัน และเรียนรู้ท่ีจะ
ทำงานและอยู่ร่วมกบั ผ้อู ่ืน

228 ๒๒๓

เอกสารอา้ งอิงประจำบท

๑. ภาษาไทย
กีรติ บุญเจือ. สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ. สอนคุณธรรมอย่างไรให้

ธำรงสามคั คี. กรุงเทพมหานคร : วธิ .ี ที่.ซี. คอมมวิ นเิ คช่ัน, ๒๕๕๐.
เกรียงศกั ด์ิ เจรญิ วงศ์ศักดิ์. โรงเรียนสร้างคนมจี ิตสาธารณะ. การศกึ ษา ๒๐๐๐. ๒๕๔๓.
โกวิท ประวาลพฤกษ์. การพัฒนาจริยธรรม : การสอนเพื่อเสริมสร้างบุคลิกภาพใน. เอกสารการ

ส อ น ชุ ด วิช าจ ริย ศึ ก ษ า (ห น่ วย ที่ ๑ ๐ ). น น ท บุ รี: ส าข าวิช าศึ ก ษ าศ าส ต ร์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. ๒๕๒๘.
คณะกรรมการนโยบายปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษท่ีสอง (กนป.). ยุทธศาสตรพ์ ัฒนา การศึกษาเพื่อ
สร้างความเป็นพลเมือง พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๑. กรุงเทพมหานคร : ทำเนียบรัฐบาล,
๒๕๕๓.
คณะอนุกรรมการนโยบายปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษท่ีสอง ด้านพัฒนาการศึกษาเพื่อสร้างความเป็น
พลเมืองดี. ยุทธศาสตร์พัฒนาการศึกษาเพ่ือสร้างความเป็นพลเมือง พ.ศ. ๒๕๕๓-
๒๕๖๑. กรงุ เทพมหานคร : สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. ๒๕๕๔.
จันทนา บุญญานุวัตร์. องค์ประกอบที่สัมพันธ์กับคุณลักษณะของความเป็นพลเมืองดีของนักเรียน
ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ เขตพ้ืนท่ีการศึกษาพัทลุง. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม.. สงขลา :
มหาวทิ ยาลัยทักษิณ, ๒๕๔๙.
ชัยวัฒน์ ถิระพันธ์. Chaos Theory กับจุดเปล่ียนสังคมไทย ส่ือพลัง สมบัติ: กรณี ศึกษา
กรุงเทพมหานคร. สถาบันวิจัยประชากรและสังคม. นครปฐม : มหาวิทยาลัยมหิดล
ศาลายา, ๒๕๔๒.
ชัยอนันต์ สมุทวณิช. ประชารัฐกับการเปลี่ยนแปลง. กรุงเทพมหานคร : สถาบันนโยบายการศึกษา,
๒๕๔๒.
ดวงเดือน พินสุวรรณ์. คุณธรรมจริยธรมสำหรับครู. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
มปป.
ถวิลวดี บุรีกุล และคณะ. ความเป็นพลเมืองในประเทศไทย (Citizenship in Thailand).
กรงุ เทพมหานคร : สถาบนั พระปกเกลา้ , ๒๕๕๕.
ถวิลวดี บุรีกุล และคณะ. ความเป็นพลเมืองในประเทศไทย (Citizenship in Thailand). กรุงเทพฯ :
สถาบนั พระปกเกลา้ .๒๕๕๕.

2๒2๒๔9

ทิพย์พาพร ตันติสุนทร. การศึกษาเพ่ือสร้างพลเมือง. กรุงเทพมหานคร : สถาบันนโยบายศึกษา.
๒๕๕๔.

ทิพย์พาพร ตันติสุนทร. พลเมือง สิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตย. กรุงเทพมหานคร : สถาบัน
นโยบายการศกึ ษาภายใตม้ ลู นธิ ิส่งเสรมิ นโยบายการศกึ ษา. ๒๕๕๗.

ธัญธัช วิภัติภูมิประเทศ. ความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยของนักศึกษามหาวิทยาลัย
ธุรกจิ บณั ฑิตย์. กรงุ เทพมหานคร : มหาวทิ ยาลัยธุรกิจบณั ฑิตย์, ๒๕๕๖.

ประยงค์ เนาวบุตร. คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาวิชาชีพของผู้บริหารในประมวลสาระชุดวิชา
ประสบการณ์วิชาชีพประกาศนียบัตรบัณฑิตทางการบรหิ ารการศึกษา (หน่วยที่ ๑๔).
นนทบุรี : สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช, ๒๕๔๖.

ปริญญา เทวานฤมิตรกุล. การศึกษาเพ่ือสร้างพลเมือง (Civic Education). กรุงเทพมหานคร :
นานมีบุ๊คสพ์ บั ลิเคช่ันส์, ๒๕๕๕.

ปริญญา เทวานฤมิตรกุล. การศึกษาเพ่ือสร้างพลเมือง (Civic Education). พิมพ์ครั้งท่ี ๒.
กรุงเทพมหานคร : มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๕๙.

ปริญญา เทวานฤมิตรกุล. คู่มือการจัดกิจกรรมในรายวิชาเพ่ือสร้าง "พลเมือง" ในระบอบ
ประชาธปิ ไตย เอกสารประกอบการประชุมเชงิ ปฏบิ ัติการ "เทคนคิ การจดั การเรียนการ
สอนความเป็นพลเมืองสู่การปฏิบัติ". กรุงเทพมหานคร : สำนักงานคณะกรรมการการ
อดุ มศึกษา, ๒๕๕๖.

พระพรหมคุณาภรณ์. (ป.อ.ปยตุ โต). ธรรมนญู ชีวติ . กรงุ เทพมหานคร : พิมพส์ วย, ๒๕๔๗.
ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมฉบับราชบัณ ฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔. พิมพ์คร้ังท่ี ๒ .

กรุงเทพมหานคร : นานมบี คุ๊ ส์พบั ลเิ คช่ันส,์ ๒๕๕๔.
ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม, (ศูนย์คุณธรรม). สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์

ความรู้ (องค์การมหาชน). รายงานการสังเคราะห์งานวิจัยคุณลักษณะและกระบวนการ
ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมของประเทศต่างๆ. กรุงเทพมหานคร : พริกหวานกราฟฟิก,
๒๕๕๐.
สำนกั งานคณะกรรมการการประถมศกึ ษาแห่งชาติ. พระราชบัญญัติการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒.
กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์ครุ ุสภา, ๒๕๔๒.
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชกรพลเรือน. วาระแห่งชาติด้านจริยธรรม ธรรมาภิบาล และการ
ปอ้ งกนั การทจุ ริตและประพฤตมิ ิชอบในภาครฐั , ๒๕๔๘.
สำนักงานคณะกรรมการขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ. รวมตัวอยา่ ง
ความผิดทางวินัย อุทธรณ์ รอ้ งทุกข์ และการหารือข้อกฎหมาย. กรงุ เทพมหานคร : คุรุ
สภาลาดพรา้ ว, ๒๕๔๙.

230 ๒๒๕

สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา. กฎหมายเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพทางการศึกษา (เล่ม ๓).
กรงุ เทพมหานคร : สำนกั งานเลขาธิการครุ ุสภา, ๒๕๕๐.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ. ยุทธศาสตร์พัฒนาการศึกษาเพื่อสร้าง
ความเป็นพลเมือง พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๑. กรุงเทพมหานคร : สำนักงานเลขาธิการสภา
การศึกษา, ๒๕๕๔.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ. รายงานการพัฒนาเครื่องมือวัดและ
ประเมินผลการศึกษาด้านหน้าที่และความเป็นพลเมืองโดยเทยี บเคียงมาตรฐานสากล.
กรุงเทพมหานคร : สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา, ๒๕๕๗.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. รายงานการวิจัยเพ่ือจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายการพัฒนา
การศึกษาเพ่ือสร้างความเป็นพลเมือง. กรุงเทพมหานคร : สำนักงานเลขาธิการสภา
การศกึ ษากระทรวงศึกษาธกิ าร, ๒๕๕๙.

สุวิมล ว่องวานิช และนงลักษณ์ วิรัชชัย. สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ.
รายงานเบ้ืองต้นการสร้างเสริมคุณธรรมในระบบการศึกษาไทย. กรุงเทพมหานคร : วธิ ี.
ที่.ซี. คอมมวิ นิเคชน่ั , ๒๕๕๐.

เอนก เหล่าธรรมทัศน์. การเมืองภาคพลเมือง. พิมพ์คร้ังท่ี ๒. กรุงเทพมหานคร : สถาบัน
พระปกเกล้า, ๒๕๕๔.

๒. ภาษาองั กฤษ
Longman. Longman Dictionary of Contemporary English. The Living Dictionary. (3d

ed.). Pearson Education Limited. Harlow. England. 2003.
Westheimer. J. Kahne. J. What kind of Citizen? The Politics of Educating for

Democracy. American Educational Research Journal. 41 (2). (2004).

บทที่ ๙

การจดั การศึกษาตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
กลมุ่ สาระการเรยี นรูส้ งั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม

ความนำ

กระทรวงศกึ ษาธิการไดป้ ระกาศใช้หลักสตู รการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๔๔ ใน
โรงเรียนนำร่องและโรงเรียนเครือข่าย ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๔๕ และใช้ในโรงเรียนทั่วไป ตั้งแต่ปี
การศึกษา ๒๕๔๖ เป็นตันมาจนถึงปัจจุบัน หน่วยงานต่างๆ ที่ รับผิดชอบโดยตรงและมีส่วนเกี่ยวข้อง
ในการใช้หลักสูตรฉบับดังกล่าวนี้ ได้ติดตามและประเมินผลการใช้หลักสูตรเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง
พบว่า หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ มีจุดดีหลายประการ เช่น หลักสูตรช่วย
สง่ เสริมการกระจายอำนาจทางการศกึ ษา ทำให้ทอ้ งถ่นิ และสถานศึกษามีสว่ นร่วมและมบี ทบาทสำคัญ
ในการพัฒนาหลักสูตรใหส้ อดคลอ้ งกับความต้องการของตนเอง มีแนวคิดและหลกั การในการส่งเสริม
การพัฒนาผู้เรียนแบบองค์รวมอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาดังกล่าว ยังได้สะท้อนให้เห็น
ถงึ ประเด็นท่เี ปน็ ปญั หาและความไม่ชดั เจนของหลักสูตรหลายประการทง้ั ในสว่ นของเอกสารหลักสูตร
กระบวนการนำหลักสูตรสู่การปฏบิ ตั ิ และผลผลติ ที่เกิดจากการใช้หลักสูตร ได้แก่ ปัญหาความสับสน
ของผู้ปฏิบัติในระดับสถานศึกษา ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา สถานศึกษาส่วนใหญ่กำหนด
สาระการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ที่คาดหวังไว้มาก การวัดและประเมินผล ไม่สะท้อนมาตรฐาน
สง่ ผลตอ่ ปัญหาการจัดทำเอกสารหลักฐานทางการศึกษาและการเทียบโอนผลการเรียน รวมทั้งปัญหา
คุณภาพของผู้เรียนในด้านความรู้ ทักษะ ความสามารถ และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ยังไม่เป็นที่น่า
พอใจคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้
ดำเนินการทบทวนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๕ เพื่อพัฒนาไปสู่หลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ โดยนำขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากการศึกษาวจิ ัยดงั กล่าว และ
ข้อมลู จากแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ

คณะกรรมการการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ได้
ดำเนินการทบทวนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๔ เพื่อพัฒนาไปสู่หลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ โดยนำขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากการศึกษาวจิ ยั ดังกลา่ ว และ
ข้อมูลจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๒๕๕๔) มาใช้ในการ
พัฒนาหลักสูตร ให้มีความเหมาะสมชัดเจนยิ่งขึ้นทั้งเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและ
กระบวนการนำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติในระดับเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา โดยได้มีการ

๒๒๗

232

กำหนดวิสัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มาตรฐานการ
เรียนรู้และตัวชี้วัด โครงสร้างเวลาเรียนของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ในแต่ละชั้นปี ตลอดจนเกณฑ์
การวัดประเมินผลให้มีความสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรียนรู้ และมีความชัดเจนต่อการนำไปปฏิบตั ิ
เพื่อใช้เป็นทิศทางในการจัดทำหลักสูตร การเรียนการสอนในแต่ละระดับ โดยเปิดโอกาสให้
สถานศึกษาเพิม่ เติมไดต้ ามความพรอ้ ม

๑. หลกั สูตรแกนกลางหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

การที่พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๒ ได้กำหนดแนวทางใน
การจัดการศึกษาไว้ว่า “การจัดการศึกษาต้องยึดว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนา
ตนเองไดแ้ ละถอื ว่าผู้เรียนสำคญั ทสี่ ดุ ” ดังน้ันผู้สอนจึงตอ้ งเปล่ียนแปลงบทบาทจากการเปน็ ผ้ชู ี้นำ ผู้
ถ่ายทอดความรู้ ไปเปน็ ผ้ชู ว่ ยเหลอื สง่ เสริม และสนับสนุนผเู้ รยี นในการแสวงหาความรจู้ ากสื่อ และ
แหล่งการเรียนรู้ต่างๆ และให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้เรียน เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้สร้างสรรค์ความรู้
ของตน การจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ มุ่งพัฒนาผู้เรียน
ใหม้ คี ุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนเกดิ สมรรถนะสำคัญ ๕ ประการ๑ คอื

๑) ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมใน
การใช้ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยน
ขอ้ มูลขา่ วสารและประสบการณ์อนั จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมท้ังการเจรจา
ตอ่ รองเพ่อื ขจดั และลดปญั หาความขดั แย้งต่าง ๆ การเลอื กรบั หรอื ไม่รบั ข้อมลู ขา่ วสารดว้ ยหลกั เหตุผล
ตลอดจนการเลือกใชว้ ธิ กี ารสอื่ สาร ทีม่ ปี ระสิทธิภาพโดยคำนึงถงึ ผลกระทบท่ีมตี อ่ ตนเองและสงั คม

๒) ความสามารถในการคิด เปน็ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การ
คิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์
ความรหู้ รือสารสนเทศเพ่ือการตัดสินใจเก่ยี วกบั ตนเองและสังคมได้อยา่ งเหมาะสม

๓) ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรค
ต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ
เข้าใจความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์
ความรู้มาใชใ้ นการปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หา และมีการตดั สนิ ใจท่มี ีประสิทธภิ าพโดยคำนึงถงึ ผลกระทบ
ทเ่ี กิดข้ึนต่อตนเอง สังคมและส่ิงแวดล้อม

๑ กรมวชิ าการ กระทรวงศึกษาธิการ, หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑,
(กรุงเทพมหานคร : ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย, ๒๕๕๑), หน้า ๖-๗.

๒๒๘

233

๔) ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ เปน็ ความสามารถในการนำกระบวนการตา่ งๆ ไป
ใช้ในการดำเนินชวี ิตประจำวัน การเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง การทำงานและการอยู่
ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความ
ขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม
และการรู้จักหลีกเลยี่ งพฤติกรรมไมพ่ ึงประสงค์ทส่ี ง่ ผลกระทบต่อตนเองและผู้อนื่

๕) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยี
ดา้ นตา่ ง ๆ และมที ักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพือ่ การพัฒนาตนเองและสังคมในดา้ นการเรียนรู้
การส่ือสาร การทำงาน การแกป้ ัญหาอย่างสร้างสรรค์ถูกตอ้ งเหมาะสมและมีคุณธรรม

รวมทั้งมุ่งส่งเสริมให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๘ ประการ ที่จะสามารถอยู่ร่วม
กบั ผ้อู นื่ ในสังคมได้อย่างมีความสุขในฐานะพลเมืองไทยและพลโลก คือ

(๑) รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
(๒) ซ่ือสัตย์ สจุ ริต
(๓) มีวินัย
(๔) ใฝเ่ รยี นรู้
(๕) อยอู่ ย่างพอเพยี ง
(๖) มุ่งมน่ั ในการทำงาน
(๗) รกั ความ เปน็ ไทย และ
(๘) มจี ิตสาธารณะ๒
โดยในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ยังได้กำหนดให้ผู้สอนต้อง
พยายามคัดสรรกระบวนการเรียนรู้ จัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามมาตรฐานการ
เรยี นรู้ท้ัง ๘ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ให้มคี วามสัมพันธ์กับการพัฒนาคณุ ภาพของผู้เรยี น ดงั ในแผนภาพท่ี
๙.๑ รวมทง้ั ปลูกฝังเสริมสรา้ งคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ พฒั นาทักษะต่างๆ อันเปน็ สมรรถนะสำคัญที่
ต้องการให้เกิดแก่ผู้เรียน โดยยึดหลักว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุดเชื่อว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้
และพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ที่เกิดแก่ผู้เรียนกระบวนการจัดการเรียนรู้ ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน
สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ คำนึงถึงความแตกต่างระหว่าง บุคคลและพัฒนาการ
ทางสมองเนน้ ใหค้ วามสำคัญท้ังความรู้และคณุ ธรรม๓

๒ กรมวชิ าการ กระทรวงศกึ ษาธิการ, หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑,
(กรุงเทพมหานคร : ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย, ๒๕๕๑), หน้า ๗.

๓ กระทรวงศึกษาธิการ, หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑, หนา้ ๗

๒๒๙

234

มาตรฐานการเรยี นรู้
การพัฒนาผู้เรียนใหเ้ กิดความสมดุลต้องคำนึงถึงหลักพัฒนาการทางสมองและพหุปัญญา
หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน จึงกำหนดให้ผู้เรียนเรยี นรู้ ๘ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ดงั นี้
๑. ภาษาไทย
๒. คณิตศาสตร์
๓. วทิ ยาศาสตร์
๔. สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
๕. สขุ ศึกษาและพลศึกษา
๖. ศิลปะ
๗. การงานอาชพี และเทคโนโลยี
๘. ภาษาตา่ งประเทศ
ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ เป็นเป้าหมายสำคัญของการ
พัฒนาคุณภาพผู้เรียน มาตรฐานการเรียนรู้ ระบุสิ่งที่ผู้เรียนพึงรู้และปฏิบัติได้ มีคุณธรรมจริยธรรม
และค่านิยมท่ีพึงประสงค์ ที่ต้องการให้เกิดแก่ผู้เรียนเมื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐานนอกจากน้ัน
มาตรฐานการเรียนรู้ ยังเป็นกลไกสำคัญ ในการขับเคลื่อนพัฒนาการศึกษาทั้งระบบเพราะมาตรฐาน
การเรียนรู้จะสะท้อนให้ทราบว่า ต้องการอะไร ต้องสอนอะไร จะสอนอย่างไรและประเมินอย่างไร
รวมทั้งเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบเพื่อการประกันคุณภาพการศึกษาโดยใช้ระบบการประเมิน
คุณภาพภายใน และการประเมนิ คุณภาพภายนอก

๒๓๐

235

ภาพท่ี ๙.๑ ความสัมพันธข์ องการพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียนตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน

วิสัยทัศน์

หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน มุ่งพฒั นาผเู้ รียนทกุ คน ซ่งึ เปน็ กำลงั ของชาติให้เปน็ มนษุ ย์ท่มี คี วามสมดลุ
ทง้ั ดา้ นร่างกาย ความรู้ คณุ ธรรม มจี ติ สำนกึ ในความเป็นพลเมืองไทยและเปน็ พลโลก ยดึ มัน่ ในการปกครองตาม
ระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมุข มีความร้แู ละทักษะพ้นื ฐาน รวมท้ัง เจตคติ ที่จำเป็นต่อ
การศึกษาต่อ การประกอบอาชพี และการศกึ ษาตลอดชวี ิต โดยมงุ่ เนน้ ผู้เรยี นเป็นสำคัญบนพน้ื ฐานความเชอื่ ว่า
ทุกคนสามารถเรยี นรแู้ ละพัฒนาตนเองไดเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพ

จดุ หมาย

๑. มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่พี งึ ประสงค์ เหน็ คณุ คา่ ของตนเอง มวี ินยั และปฏิบตั ติ นตามหลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา
หรอื ศาสนาที่ตนนับถอื ยึดหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

๒. มีความรู้อนั เปน็ สากลและมคี วามสามารถในการสอ่ื สาร การคดิ การแกป้ ญั หา การใช้เทคโนโลยแี ละมที กั ษะชีวติ
๓. มสี ุขภาพกายและสขุ ภาพจิตท่ดี ี มสี ขุ นสิ ัย และรกั การออกกำลังกาย
๔. มีความรกั ชาติ มจี ติ สำนกึ ในความเปน็ พลเมืองไทยและพลโลก ยดึ มนั่ ในวิถีชวี ิตและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอนั มี
พระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ
๕. มีจติ สำนึกในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย การอนุรกั ษแ์ ละพฒั นาสิ่งแวดล้อม มจี ิตสาธารณะทมี่ งุ่ ทำประโยชนแ์ ละ
สร้างสงิ่ ท่ดี งี ามในสงั คม และอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมอยา่ งมีความสุข

สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

๑.ความสามารถในการสือ่ สาร ๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ๒. ซื่อสตั ย์สุจริต
๒. ความสามารถในการคดิ
๓. ความสามารถในการแก้ปญั หา ๓. มีวินัย ๔. ใฝ่เรยี นรู้
๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๕. อย่อู ย่างพอเพียง ๖. มุ่งม่ันในการทำงาน

๗. รกั ความเปน็ ไทย ๘. มจี ิตสาธารณะ

มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวดั ๘ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน

๑. ภาษาไทย ๕. สุขศกึ ษาและพลศึกษา ๑. กิจกรรมแนะแนว
๒. กจิ กรรมนักเรียน
๒. คณติ ศาสตร์ ๖. ศิลปะ ๓. กจิ กรรมเพือ่ สังคม
และสาธารณะประโยชน์
๓. วทิ ยาศาสตร์ ๗. การงานอาชพี และเทคโนโลยี

๔. สังคมศึกษา ๘. ภาษาต่างประเทศ

ศาสนา และวฒั นธรรม

คุณภาพผู้เรียนระดบั การศึกษาขั้นพนื้ ฐาน


Click to View FlipBook Version