The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เทคนิคการสอนศึกษาเชิงพุทธ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by phanthiwa.thab, 2022-06-22 04:01:49

เทคนิคการสอนศึกษาเชิงพุทธ

เทคนิคการสอนศึกษาเชิงพุทธ

๓๕

36

ความซาบซึ้งมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกและแรงจูงใจ ซึ่งเป็นพ้ืนฐานของการพัฒนามนุษย์ให้มีความ
ฝักใฝ่ ค้นคว้า หรือที่จะทำให้เกิดทักษะและสังกัป ส่วนการเรียนเพ่ือแก้ปัญหาและการคิด เป็น
รากฐานท่จี ะพฒั นาบุคคลใหส้ ามารถแกป้ ญั หาและปรับตวั ในการดำเนนิ ชวี ิต

๒.๒ พน้ื ฐานกำหนดโครงสรา้ งของทฤษฎีการเรียนรู้
โครงสร้างพ้ืนฐานของทฤษฎีการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นสำนักหรือกลุ่มทฤษฎีการเรียนรู้ใดก็
ตาม สิ่งทจี่ ะเปน็ ตัวกำหนดโครงสรา้ งของทฤษฎีนัน้ ๆ ขึน้ อยูก่ ับแนวความใน ๓ ประการ๒๒ คอื
๑. แนวคดิ เกีย่ วกับธรรมชาติเบอื้ งต้นของมนุษย์
๒. ความคดิ ทางจิตวิทยา
๓. พืน้ ฐานสำหรับใช้ในการถ่ายโยงการเรียนรู้
ประการแรกแนวคิดเกี่ยวกับธรรมชาติเบ้ืองต้นของมนุษย์ คำว่าธรรมชาติ หมายถึง
ลักษณะท่ีสืบต่อมาทางพันธุกรรม และมักมีคำถามต่าง ๆ เช่น มนุษย์โดยธรรมชาติเลวหรือดีหรือเป็น
กลางๆ ไม่ดีไม่เลว นอกจากน้ียังมีปัญหาเกี่ยวกับความสำคัญระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมอีก เช่น
โดยธรรมชาติมนุษย์เป็นฝ่ายกระทำหรือฝ่ายปฏิกิริยาตอบโต้ หรือว่าเป็นทั้งฝ่ายกระทำและฝ่ายถูก
กระทำ ถ้ายอมรบั ว่าโดยธรรมชาติแล้วมนุษยน์ ัน้ เลว จะไม่สามารถคาดหวังสิ่งดไี ด้จากมนุษย์เลย แต่
ถ้ายอมรับว่ามนุษย์โดยธรรมชาติน้ันแล้วดี ทุกส่ิงทุกอย่างท่ีเกิดจากมนุษย์นั้นย่อมดีทั้งส้ิน และถ้า
ยอมรบั วา่ มนุษยโ์ ดยธรรมชาตแิ ล้วเปน็ กลางหมายความวา่ มนษุ ย์ไมม่ ีทงั้ ดีและเลวมาแตก่ ำเนิด
ถ้ากล่าวว่ามนุษย์โดยธรรมชาติแล้วเป็นฝ่ายกระทำซึ่งเป็นลักษณะมาแต่กำเนิดย่อม
หมายความว่าพฤติกรรมของมนุษย์นั้นมาแต่ภายใน สิ่งแวดล้อมจะทำหน้าที่เพียงแต่เป็นสถานท่ีให้
ลักษณะพฤติกรรมเช่นน้ันงอกงามออกมาเท่านั้น แต่ถ้าเรายอมรับว่ามนุษย์โดยธรรมชาติน้ันเป็นฝ่าย
ถูกกระทำหรอื ฝ่ายปฏิกิรยิ าตอบโต้แล้ว พฤติกรรมของมนุษย์นน้ั สว่ นใหญย่ ่อมเป็นผลิตผลของอิทธิพล
แห่งส่ิงแวดล้อม แต่ถ้ายอมรับว่าลักษณะของมนุษย์เป็นทั้งฝ่ายกระทำและถูกกระทำ ลักษณะ
พฤติกรรมของบุคคลย่อมเป็นผลมาจากสิ่งแวดล้อมทางกายภาพและสังคมของมนุษย์ น่ันคือส่ิงที่เกิด
จากประสบการณ์นัน่ เอง
ทฤษฎีการเรียนรู้นอกจากอาศัยความคิดเกี่ยวกับธรรมชาติเบ้ืองต้นแล้ว ยังอาศัย
แนวความคิดประการทส่ี อง คอื ความคดิ ทางจิตวิทยา เช่น ทฤษฎกี ารเชอ่ื มโยงระหว่างส่ิงเร้ากับการ
ตอบสนอง อาศัยความคิดทางจิตวิทยาท่ีเรียกว่าทฤษฎีการเช่ือมโยง (Connectionism) ทฤษฎีการ
เรยี นรขู้ องนกั จติ วิทยากลุ่มเกสตัลต์ท่ีแยกออกไปเปน็ ทฤษฎีการหยงั่ เหน็ อาศัยความคดิ ทางจิตวิทยาท่ี
เรียกวา่ ทฤษฎีกลุ่มเกสตัลต์(Gestalt’s Theory)

๒๒ M.L. Bigge, P.M. Hunt, Psychology Foundations of Education, (New York : Harper &
Row, Publishers, 1968), pp. 262-263. อ้างอิงใน ประสาท อิศรปรีดา, ธรรมชาติและกระบวนการเรียนรู้,หน้า
๒๖.

๓๖

37

โครงสร้างพื้นฐานของทฤษฎีการเรียนรู้ท่ีเป็นตัวกำหนดทฤษฎีการเรียนรู้ในประการท่ีสาม
คือ การถ่ายโยงการเรียนรู้ (Transfer of Learning) หมายถึง การที่บุคคลเรียนรู้ส่ิงใดแล้ว
ประสบการณท์ ่ไี ด้รบั จากการเรียนร้นู น้ั จะส่งผลหรือมอี ทิ ธิพลต่อการเรียนรูอ้ ันใหม่ ทำใหก้ ารเรียนรู้อัน
ใหมง่ ่ายและเร็วขน้ึ หรอื ผลจากการเรียนรู้อันเดิมไปช่วยเสรมิ อำนวยความสะดวกแกก่ ารเรียนรู้อันใหม่
เช่น เราเคยเรียนภาษาอังกฤษ เมื่อเรียนสูงข้ึนเราจึงเรียนภาษาฝร่ังเศสเพ่ิม ภาษาองั กฤษช่วยให้การ
เรียนภาษาฝรัง่ เศสคลอ่ งข้นึ กวา่ ผูไ้ ม่เคยเรียนภาษาองั กฤษเลย๒๓

การถ่ายโยงการเรยี นรู้ซึง่ เกิดข้ึนได้ ๒ ลักษณะ ดังน้ี
๑. การถา่ ยโยงการเรียนรู้ทางบวก (Positive Transfer) คือ การถ่ายโยงการเรียนรูช้ นิด
ท่ีผลของการเรียนรสู้ ่ิงหน่งึ ไดเ้ รว็ ขึ้น งา่ ยข้ึน หรอื ดีขึ้น การถ่ายโยงการเรยี นรู้ทางบวกมักเกิดจาก

๑.๑ เมื่องานหนึ่งมีความคล้ายคลึงกับอีกงานหน่ึง และเกิดการเรียนรู้งานแรก
อย่างแจ่มแจ้งแล้ว

๑.๒ เมอ่ื มองเหน็ ความสัมพันธ์ระหวา่ งงานหน่งึ กับอกี งานหน่งึ
๑.๓ เมื่อมีความตั้งใจท่ีจะนำผลการเรียนรู้จากงานหนึ่งไปใช้ให้เป็นประโยชน์
กับการเรียนร้อู ีกงานหนงึ่ และสามารถจำวธิ เี รยี นหรือผลของการเรียนรงู้ านแรกไดอ้ ยา่ งแมน่ ยำ
๑.๔ มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ โดยชอบท่ีจะนำความรู้ต่างๆ ที่เคยเรียนมา
กอ่ นมาลองคิดและทดลองจนเกดิ ความร้ใู หม่ ๆ
๒. การถ่ายโยงการเรียนรู้ทางลบ (Negative Transfer) คือการถ่ายโยงการเรียนรชู้ นิดที่
ผลการเรียนรู้งานหนึ่งไปขัดขวางทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อีกงานหนึ่งได้ช้าลง หรือยากข้ึน และ
ไมไ่ ด้ดีเทา่ ทีค่ วร การถา่ ยโยงกาเรยี นร้ทู างลบ อาจะเกิดข้ึนได้ ๒ แบบคอื
๒.๑ แบบตามรบกวน (Proactive Inhibition) ผลของการเรียนรู้งานแรกไป
ขดั ขวางการเรยี นรงู้ านทส่ี อง
๒.๒ แบบย้อนรบกวน (Retroactive Inhibition) ผลการเรียนรู้งานที่สอง
ทำใหก้ ารเรยี นรูง้ านแรกน้อยลง เกิดเป็นการเรียนรูท้ างลบซ่งึ มักเกิดจาก
- เมื่องานสองอยา่ งคล้ายกันมาก แต่ผเู้ รียนยังไม่เกิดการเรยี นรู้งานใดงานหนึ่งอยา่ ง
แทจ้ รงิ กอ่ นที่จะเรียนอีกงานหน่งึ ทำใหก้ ารเรียนงานสองอย่างในเวลาใกลเ้ คยี งกนั เกิดความสับสน
- เมื่อผู้เรียนต้องเรียนรู้งานหลาย ๆ อย่างในเวลาติดต่อกัน ผลของการเรียนรู้งาน
หน่ึงอาจไปทำให้ผูเ้ รียนเกิดความสับสนในการเรียนรูอ้ กี งานหนึ่งได้๒๔

๒๓ สวุ ิทย์ หิรณั ยกรณ์ และคณะ, พจนานุกรมศัพท์การศกึ ษา, หนา้ ๒๖๗.
๒๔ ปรยี าพร วงศอ์ นุตรโรจน์, รศ.ดร., จติ วทิ ยาการศกึ ษา,หนา้ ๑๙๓-๑๙๗.

๓๗

38

๒.๓ จดุ มุง่ หมายของการเรียนรู้
เบนจามิน เอส. บลูม (Benjamin S. Bloom) นักจิตวิทยาการศึกษา กล่าวไว้ว่า เมื่อ
มนุษยเ์ กดิ การเรยี นรใู้ นแต่ละคร้ังตอ้ งมีการเปล่ียนแปลงพฤตกิ รรมใน ๓ ดา้ น๒๕ ดังน้ี
๑. การเปลี่ยนแปลงดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ ความคิด (Cognitive Domain) หมายถึง
ผลของการเรียนรู้ท่ีเป็นความสามารถทางสมอง เช่น การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การประเมินผล
การเรยี นรู้ความคดิ รวบยอด เป็นตน้
๒. การเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์หรือความรู้สึก (Affective Domain) หมายถึงการ
เปลีย่ นแปลงทางดา้ นจติ ใจ เชน่ ความรสู้ ึก ความสนใจ ทัศนคติ ค่านิยม เปน็ ตน้
๓. การเปล่ียนแปลงทางด้านการเคล่ือนไหวของร่างกาย เพ่ือให้เกิดความชำนาญหรือ
ทกั ษะ (Psychomotor Domain) เชน่ การวา่ ยนำ้ การเล่นดนตรี การเลน่ กฬี าตา่ ง ๆ เปน็ ต้น

๓. แนวคดิ เกีย่ วกบั การสอนสงั คมศกึ ษา

การเข้าใจลักษณะของความคิดรวบยอดของการสอนจะทำให้เห็นความสำคัญ ทราบ
ววิ ัฒนาการของการสอน สามารถวิเคราะห์ความสัมพันธเ์ ชื่อมโยงกระบวนการเรียนรกู้ ับการสอนและ
นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้ในสถานการณ์ที่สอดคล้องกับการทำหน้าท่ีที่เก่ียวข้องได้อย่างถูกต้อง และ
นำไปวางแผนออกแบบการเรยี นการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

๓.๑ ความหมายของวิชาสังคมศกึ ษา
ความหมายของวิชาสงั คมศึกษามีนักวชิ าการท้ังไทยและต่างประเทศไดก้ ลา่ วถึงความหมาย
ของวิชาสังคมศึกษาไว้ ดงั นี้
พนัส หันนาคินทร์๒๖ ให้ความหมายว่า สังคม หมายถึง เนื้อหาวิชาท่ีเกี่ยวข้องโดยตรงกับ
เร่อื งความสัมพันธ์ระหว่างมนษุ ย์
บันลือ พฤกษะวัน ได้ให้ความหมายว่า สังคมศึกษา หมายถึง การศึกษาที่ว่าด้วยการอยู่
ร่วมกันของหมู่ชนซ่ึงมีปัจจัยที่สำคัญเก่ียวข้องกับคน สถานที่ วัฒนธรรม มุ่งให้เกิดการปรับตัว มีมโน
ทศั นเ์ ก่ียวกบั การดำรงชวี ติ และเป็นสมาชิกทมี่ ีคณุ คา่ ของสังคม๒๗
จรญู คณู มี ได้ใหค้ วามหมายวา่ วชิ าสังคมศกึ ษาเน้นถึงความสมั พนั ธใ์ นลกั ษณะต่อไปนี้
๑) ความสัมพนั ธ์ระหว่างมนุษยก์ ับมนษุ ย์
๒) ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งมนุษย์กบั สถาบนั ทางสงั คม

๒๕ เรอ่ื งเดยี วกนั , หนา้ ๗๒.
๒๖ พนัส หนั นาคนิ ทร์, "การจัดการศึกษาระดบั มัธยมกบั ความต้องการทางสงั คมของประเทศชาติ",
ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ พิษณโุ ลก ๑ : ๓๔ มกราคม – เมษายน ๒๕๑๘, หนา้ ๖.
๒๗ บันลอื พฤกษะวนั , การประถมศกึ ษา, (กรุงเทพมหานคร : ไทยวัฒนาพานิช,๒๕๑๙), หน้า ๑๓.

๓๘

39

๓) ความสมั พันธ์ระหว่างมนุษยก์ ับสิ่งแวดล้อม
๔) ความสมั พันธ์ระหว่างมนษุ ยก์ ับปจั จัยแห่งการดำเนินชีวติ ๒๘
ราฟ ซี เพรสตัน (Ralph C. Preston) ได้ใหท้ ัศนะเกยี่ วกบั สงั คมศึกษาว่าเป็นสว่ นหนง่ึ ของ
เน้ือหาวิชาสงั คมศาสตร์ที่เลือกเฟ้นและปรบั ปรุงให้เหมาะสมท่ีจะใช้สอนในโรงเรียนระดบั ประถม และ
มัธยมศกึ ษาเนอื้ หาสว่ นใหญ่ ได้แก่๒๙
๑) ประวัติศาสตร์ เปน็ การศกึ ษาเรอ่ื งอดีตของมนุษย์
๒) ภูมศิ าสตร์ เป็นการศกึ ษาเรือ่ งความสมั พนั ธ์ระหว่างมนุษย์กบั แผ่นดนิ ท่ีอยู่อาศยั
๓) หนา้ ทีพ่ ลเมือง เป็นการศกึ ษาเรื่องสิทธิ และหน้าท่ขี องมนุษย์
๔) สังคมวทิ ยา เปน็ การศกึ ษาเกยี่ วกบั สถาบันของมนุษยแ์ ละกระบวนการทางสงั คม
๕) มานษุ ยวทิ ยา เปน็ การศกึ ษาเกย่ี วกบั วัฒนธรรมของกลุ่มชน
๖) เศรษฐศาสตร์ เป็นการศึกษาเก่ียวกับผลผลิต การแจกจ่าย การใช้สิ่งที่มีค่าในการ
แลกเปล่ยี น และปรากฎการณ์ทางสังคมอันเกดิ จากกจิ กรรมดังกลา่ ว
จอห์น จาโรไลเมค (John Jarolimek)๓๐ ได้กล่าวไว้ว่า สังคมศึกษาเป็นวิชาที่ว่าด้วย
ความสัมพันธ์ของมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติและทางสังคม ทั้งกล่าวถึงวิธีท่ีมนุษย์จะใช้
ส่ิงแวดล้อมเพือ่ สนองความตอ้ งการของตนในการดำรงชวี ติ
คาร์เตอร์ วี กู๊ด (Carter V .Good)๓๑ กล่าวถึงสังคมศึกษาว่า เป็นส่วนต่าง ๆ ของเน้ือหา
สาระของสังคมศาสตร์ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ และสังคมวิทยา
ได้เลือกให้เหมาะสมกับการศึกษาในระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา มีการพัฒนาข้ึนเป็น
รายวิชาต่างเพ่ือการศึกษา ไม่ว่าจะบูรณาการแล้วหรือไม่ และต้องมีท้ังเนื้อหาสาระและจุดหมายท่ี
เก่ียวข้องกับสังคม แต่ต้องไม่สับสนกับวิชาในสายสังคมศาสตร์ หรือวิชาอ่ืนท่ีมีจุดหมายทางสังคม แต่
เน้อื หาไม่เกีย่ วกับสงั คม หรือไมอ่ ยูใ่ นขอบเขตท่ีแคบหรอื ตามตวั เกินไปในการศกึ ษาแบบบรู ณาการ
จอร์น ยู ไมเคิลลิส (John U. Michaelis, ๑๙๘๐: p. ๓-๔)๓๒ ได้ให้ความหมายของวิชา
สังคมศกึ ษาว่า "เป็นวชิ าท่ีช่วยให้ผู้เรยี นมีความรู้เกี่ยวกบั สังคมมนุษย์ เศรษฐกิจ กิจกรรมทางการเมือง

๒๘ จรูญ คณู มี, การสอนสังคมศกึ ษา, (กาฬสนิ ธุ์ : ประสานการพมิ พ์, ๒๕๒๐), หน้า ๒๗–๓๐.
๒๙ Preston Ralph C.,Teaching in Social Study in Elementary School., (New York : Holt
Reinhart and Winston, 1960), pp. 1.
๓๐ Jarolimek John., Social Studies in Elementary Education., (New York : Macmillan,
1967) ,P.4.
๓๑ Carter V .Good., Dictionary of Education, ( New York : McGraw-Hill, 1975), : p. 541.
๓๒ Michaelis John U., Social Studies for Children in Democracy., Englewood Cliff, (N.J.:
Prentice-Hall, 1980) , p. 3-4.

๓๙

40

ทั้งใน อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ตลอดจนสิ่งแวดล้อมท่ีมีอิทธิพลต่อมนุษย์ การเปล่ียนแปลง
สิง่ แวดลอ้ มเพ่ือนำมาใช้ประโยชน์ การแก้ปัญหา และวางแนวทางสำหรับอนาคตของผู้เรียนด้วย" และ
ยังกล่าวถึงความหมายของวิชาสังคมศึกษาในเชิงปรัชญาและความเชื่อแบบต่าง ๆ สรุปไว้ ๕ ประเภท
ดงั นีค้ ือ

๑) สังคมศึกษาในฐานะการถ่ายทอดความเป็นพลเมืองดี (Social Studies as Ctizenship
Transmission) ผู้ที่ยึดเช่นน้ีเช่ือว่า สังคมศึกษาควรจะถ่ายทอดลักษณะพื้นฐานทางประวัติศาสตร์
และมรดกทางวัฒนธรรมของสังคม พลเมืองดที มี่ ีความรบั ผิดชอบควรจะได้พฒั นาจากความเข้าใจต่อสิ่ง
ทดี่ ี ทเี่ ปน็ มรดกทางวัฒนธรรมของสังคมน้ัน

๒) สังคมศึกษาในฐานะเป็นการศึกษาทางสังคมศาสตร์ (Social Studies as Social
Science Education) ผู้ท่ียึดเช่นน้ีเชื่อว่า เน้ือหาของสังคมศึกษาและวิธีการศึกษาควรจะนำมาจาก
สังคมศาสตร์ พลเมืองที่มีประสิทธิภาพควรจะรู้มโนมติพื้นฐาน และวิธีการศึกษาของสังคมศาสตร์ เพื่อ
สามารถจัดการกับประเดน็ เรือ่ งราวและปัญหาตา่ ง ๆ

๓) สังคมศึกษาในฐานะการคิดอย่างไตร่ตรอง (Social Studies as Reflective Thin
king) แนวคิดน้ียึดถือโดยกลุ่มประจักษ์นิยม ซึ่งเชื่อว่าเป้าหมายของสังคมศึกษา คือ การพัฒนา
ความสามารถในการคิดและการตัดสินใจ ซึ่งพลเมืองท่ีมปี ระสิทธิภาพจะใช้แบบและกระบวนการใน
การคดิ และการตัดสินใจเพื่อแก้ปญั หาและสรปุ เรอ่ื งราวต่าง ๆได้

๔) สังคมศึกษาในฐานะเป็นการวิพากษ์สังคม และการปฏิบัติ (Social Studies as Social
Criticism and Action) ลักษณะน้ีเป็นการเน้นของกลุ่มปฏิรูป ซ่ึงเชื่อว่าเป้าหมายสำคัญของสังคม
ศกึ ษา คอื เพ่ือพัฒนาความรแู้ ละทักษะทจี่ ำเป็นสำหรบั การปรับปรุงสังคมและพลเมืองท่ีรับผิดชอบ จะ
สามารถวเิ คราะห์เร่อื งราวเหตกุ ารณป์ จั จบุ ัน และปัญหาอยา่ งวพิ ากษแ์ ละปฏิบตั ิการอย่างเหมาะสม

๕) สังคมศึกษาในฐานะเป็นการพัฒนาเอกัตบุคคล (Social Studies as Personal
Development of the Individual) ลักษณะนี้เป็นแนวคิดของกลุ่มพิพัฒนาการนิยม และกลุ่มอัตถิ
ภาวนิยม ซึ่งเช่ือว่าเป็นโปรแกรมการเรียนควรยึดถือนักเรียนเป็นศูนย์กลางหรือให้ความสำคัญแก่
นักเรียน และควรจะพัฒนานักเรียนท้ังตัว ท้ังทางสังคม อารมณ์ สติปัญญา และกาย ความเข้าใจใน
ตนเอง และการนำตนเอง ซ่ึงเป็นลักษณะหรือคุณสมบัติท่ีจำเป็นสำหรับความเป็นพลเมืองท่ีมีความ
รบั ผิดชอบ

การสอนสังคมศึกษาของครูสังคมศึกษาควรเน้นท้ัง ๕ ลักษณะ เพื่อให้กว้างขวางและ
ครอบคลุมสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงในสังคมปัจจุบัน นอกจากนั้นยังสรุปความหมายของวิชา
สังคมศึกษาว่า เป็นการบูรณาการความรู้และประสบการณ์ที่เก่ียวข้องกับความสัมพันธ์ต่าง ๆ ของ
มนษุ ย์เพอื่ วัตถปุ ระสงค์ของการศึกษา และความเป็นพลเมอื งดี

๔๐
41

จากทศั นะตา่ ง ๆ ของนักการศึกษาสามารถสรุปความหมายของวชิ าสังคมศึกษาไดว้ ่าสังคม
ศกึ ษาเป็นส่วนหน่ึงของสังคมศาสตร์ และเลือกสรรเน้ือหาวิชาจากสังคมศาสตร์ทกุ แขนง และสาขาวิชา
ท่ีเก่ียวข้องมาจัดเป็นรายวิชาเพ่ือศึกษาเล่าเรียนในระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา เป็นวิชาท่ี
มนุษย์ได้เรียนรู้และเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ และมนุษย์กับส่ิงแวดล้อม เพื่อพัฒนา
ให้เปน็ พลเมืองดมี ีประสิทธภิ าพ

๓.๒. ธรรมชาตขิ องวิชาสงั คมศกึ ษา
สังคมศึกษา คือ การศึกษาสังคมในระดับโรงเรียน ผู้สอนเป็นผู้มีบทบาทสำคัญท่ีให้ผู้เรียน
ได้เรียนรู้เกี่ยวกบั สังคมในบริบทที่ผเู้ รียนอาศยั อยู่ ซึ่งมีทั้งผคู้ นและสิ่งแวดล้อมท่ีหลากหลายการเรยี นรู้
เกี่ยวกับสังคมจะต้องใช้เน้ือหาสาระที่เป็นองค์ความรู้ต่าง ๆ ซึ่งสังคมศึกษาท่ีสอนในโรงเรียนได้จาก
เนื้อหาในวิชาสังคมศาสตร์ เน้ือหาจากวิชาสังคมศาสตร์เป็นพ้ืนฐานสำคัญและจำเป็นเพราะถ้าไม่มี
เนื้อหาก็ไม่สามารถสอนได้ ความรู้ในสังคมศึกษามีลักษณะพิเศษ คือ ได้มาจากความรู้ท่ีคัดสรรจาก
ความรู้ในสาขาสังคมศาสตร์โดยส่วนใหญ่ ได้แก่ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์เศรษฐศาสตร์รัฐศาสตร์
สงั คมวทิ ยา และมานุษยวทิ ยา รวมท้งั สาขาวิชาอ่ืน ๆ ทเี่ หน็ วา่ เหมาะสม ซ่ึงองค์ความรู้ของสังคมศึกษา
นั้น สามารถแยกเปน็ ข้อเท็จจรงิ มโนมติ และหลกั การหรือแนวคดิ สำคญั ๓๓
๓.๒.๑ ขอบข่ายของวิชาสงั คมศึกษา
เม่ือพิจารณาลักษณะของวิชาสังคมศึกษา จากนิยามความหมายดังกล่าวมาแล้วว่าสังคม
ศึกษานำมาจากสังคมศาสตร์แขนงต่าง ๆ และศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยคัดเลือกมาเฉพาะส่วนที่
จำเปน็ สอดคลอ้ งกับความตอ้ งการของสภาพเศรษฐกจิ และสังคมใหแ้ ก่เยาวชนของชาติ จงึ เป็นวชิ าท่ีมี
ลกั ษณะเป็นสหวทิ ยาการ (Interdisciplinary Subject) เพื่อนำไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ จริงดงั ภาพท่ี ๒.๔

๓๓ สิริวรรณ ศรพี หล, “การพัฒนาชุดฝึกอบรมทางไกล เรือ่ ง การจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระสังคม
ศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับครูท่ีสอนในระดับมัธยมศึกษาของโรงเรียนขยายโอกาส”, รายงานการวิจัย,
(นนทบรุ ี : มหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช, ๒๕๕๕), หน้า ๑๔.

๔๑
42

ประวตั ศิ าสตร์ ภูมศิ าสตร์ สังคมวิทยา/
มานษุ ยวิทยา

รัฐศาสตร์ เศษฐศาสตร์

ประชากรศาส วชิ าสังคม กฎหมาย
ตร์ ศกั ษา

สิง่ แวดล้อม ข่าวและ จริยธรรม
เหตุการณ์
ปัจจุบัน จิตวทิ ยา
สงั คม

แผนภาพที่ ๒.๔ : วชิ าทม่ี ลี ักษณะเป็นสหวิทยาการ

จากแผนภาพท่ี ๒.๔ จะเห็นว่า วิชาสังคมศึกษามีขอบเขตกว้างขวางมากเท่ากับทุกสิ่งทุก
อย่างในโลก มีความยาวนานและลึกซ้ึงคิดเป็นระยะเวลาล้าน ๆ ปี ก่อนประวัติศาสตร์ ไปจนถึงการ
เตรียมการเพื่อสภาพแวดล้อมทางสังคมและทางธรรมชาติในอนาคต ดังน้ันจึงต้องหลอมรวมศาสตร์ใน
สาขาสงั คมศาสตรต์ า่ งๆ และศาสตรอ์ ่ืน ๆ ที่เกยี่ วข้องเขา้ ด้วยกนั เป็นสหวิทยาการและเรียบเรยี งเน้อื หา
เข้าด้วยกันอย่างสัมพันธ์สอดคล้องต่อเน่ือง และเป็นเหตุผลต่อกัน โดยมีความคิดรวบยอด และ
หลกั การใดหลักการหน่ึงเป็นแกนกลาง แมใ้ นบางครง้ั จะให้น้ำหนกั หรือเน้นเนื้อหาจากแขนงวิชาใดวชิ า
หน่ึง แต่จะนำเน้ือหาจากวิชาสังคมศึกษาอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข้องมาสนับสนุนหรือขยายให้สอดคล้องกัน
เพ่ือให้เกิดความชัดเจน มองเห็นทิศทางในการจัดการเรียนการสอนไปในแนวทางเดียวกันสำหรับ
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ได้ระบุถึงความรู้สังคมศึกษาที่ต้องศึกษา
ไว้ดังนี้๓๔

๑) ศาสนา ศลี ธรรม จรยิ ธรรม
แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือ
ศาสนาท่ตี นนับถอื การนำหลักธรรมคำสอนไปปฏิบัตใิ นการพฒั นาตนเอง และการอยู่ร่วมกนั อยา่ งสนั ติ
สขุ เป็นผู้กระทำความดี มีคา่ นิยมท่ีดงี าม พัฒนาตนเองอย่เู สมอ รวมท้ังบำเพ็ญประโยชนต์ ่อสงั คมและ
ส่วนรวม
๒) หน้าทีพ่ ลเมอื ง วฒั นธรรม และการดำเนนิ ชีวติ ในสังคม

๓๔ สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน, สมรรถนะในระบบขา้ ราชการพลเรอื นไทย,
(กรุงเทพมหานคร : สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาแห่งชาติ, ๒๕๕๑), หนา้ ๑-๒.

๔๒

43

ระบบการเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ลักษณะและความสำคัญ การเป็นพลเมืองดี ความแตกต่างและความหลากหลายทางวัฒนธรรม
ค่านิยม ความเชื่อ ปลูกฝังค่านิยมด้านประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขสิทธิ หน้าท่ี
เสรีภาพ การดำเนนิ ชีวติ อยา่ งสันติสขุ ในสังคมไทยและสังคมโลก

๓) เศรษฐศาสตร์
การผลิต การแจกจ่าย และการบริโภคสินค้าและบริการ การบริหารจัดการทรัพยากรที่มี
อยู่อย่างจำกัดอย่างมีประสิทธิภาพ การดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ และการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงไป
ใชใ้ นชีวติ ประจำวัน
๔) ประวตั ศิ าสตร์
เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ วิธีการทางประวัติศาสตร์ พัฒนาการของมนุษยชาติ
จากอดีตถึงปัจจุบัน ความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ผลกระทบท่ีเกิดจาก
เหตุการณ์สำคัญในอดีต บุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในอดีต ความเป็นมาของ
ชาติไทย วัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาไทย แหลง่ อารยธรรมท่สี ำคัญของโลก
๕) ภมู ิศาสตร์
ลักษณะกายภาพของโลก แหล่งทรัพยากร และภูมิอากาศของประเทศไทยและภูมิภาค
ต่างๆ ของโลก การใช้แผนท่ีและเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ ความสัมพันธ์กันของส่ิงต่าง ๆ ในระบบ
ธรรมชาติ ความสัมพันธ์ของมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ และสิ่งท่ีมนุษย์สร้างข้ึน การ
นำเสนอข้อมูลภูมิสารสนเทศ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาท่ียั่งยืนจะเห็นได้ว่าแม้ในปัจจุบัน
วิชาสังคมศึกษายังคงมีขอบเขตกว้างขวางเป็นสหวิทยาการบูรณาการความรู้และประสบการณ์ท่ี
เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ต่าง ๆ ของมนุษย์และเรียบเรียงเน้ือหาเข้าด้วยกันอย่างสัมพันธ์สอดคล้อง
ต่อเนอื่ ง
๓.๓ เป้าหมายในวชิ าสงั คมศกึ ษา
วชิ าสงั คมศึกษาเป็นรายวิชาทตี่ ้องการให้ผเู้ รียน หรือผู้ทสี่ นใจศกึ ษาเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่
รอบตัว จึงมกี ารกำหนดเปา้ หมายการศึกษาในวชิ าสงั คมศึกษาเอาไว้หลายประการดังน้ี๓๕
๑) เป็นกระบวนการถา่ ยทอดมรดกทางสงั คม (Socialization)
เป็นกระบวนการถ่ายทอดมรดกทางสังคม กล่าวคือ ต้องการให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์
ทางสังคม ได้แก่ การเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม ประเพณี อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์ การ
จดั ระบบขององคก์ ารตา่ ง ๆ ท้ังทางเศรษฐกิจ สงั คม และการเมือง ฯลฯ
๒) การนำความรูไ้ ปแก้ไขปญั หาชีวิตประจำวนั

๓๕ ลาวัลย์ วทิ ยาวุฒกิ ุล, การสอนสังคมศึกษาในโรงเรียนมัธยมศึกษา, (กรุงเทพมหานคร : คณะครุศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๓๓), หน้า ๑๘.

๔๓

44

การนำความรู้ไปแก้ไขปัญหาชีวิตประจำวัน กล่าวคือ การมุ่งศึกษาให้ผู้เรียนเกิด
ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น การปรับตัวให้เข้ากับส่ิงแวดล้อม การ
ปรงุ แตง่ ชวี ติ ใหด้ ีข้นึ การอนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ การปฏิบตั ติ นตามกฎหมายบ้านเมือง ฯลฯ

๓) เป็นการพัฒนาทกั ษะ ค่านยิ ม เจตคตเิ ปน็ การพฒั นาทกั ษะ ค่านยิ ม เจตคติ
กลา่ วคอื มุ่งฝึกฝนให้เยาวชนมคี ่านิยมท่ดี ี เจตคตทิ ่ีดี มีความซาบซ้งึ ในศลิ ปวัฒนธรรม และ
เต็มใจท่ีจะเข้ารว่ มกิจกรรมของสังคม สรา้ งสรรค์ให้เป็นสังคมท่มี ีคณุ คา่ และการดำรงตนอยู่ในสังคมได้
อย่างผาสุก
๔) เปน็ การศกึ ษาใหเ้ ปน็ พลเมืองทีด่ ี
เป็นการศึกษาให้เปน็ พลเมืองทด่ี ีตามระบอบประชาธิปไตย ให้มีความเขา้ ใจระบบการเมือง
การปกครอง รู้จักสิทธิและหน้าท่ี มีบทบาทการเมือง ยึดหลักประชาธิปไตยในการดำรงชีพเข้าร่วม
กิจกรรมของสงั คมไดช้ ว่ ยกันพฒั นาประเทศหรือสงั คมท่ีตนอยู่อาศัยให้เจรญิ กา้ วหน้า
๕) ฝกึ ให้เป็นคนมีนสิ ยั ใฝ่รู้
ฝึกให้เป็นคนมีนิสัยใฝ่รู้ กล่าวคือ มีความกระตือรือร้นที่จะศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมติดตาม
ข่าวสาร และสถานการณ์รอบ ๆ ตัว เพื่อให้เป็นคนทันต่อเหตุการณ์ และทันโลก สามารถวิเคราะห์
ข่าวสารและสถานการณไ์ ดถ้ ูกต้อง อนั จะเป็นประโยชน์ตอ่ การนำไปแกไ้ ขปญั หาในชีวิตประจำวัน
๖) ฝึกใหเ้ ป็นคนมศี รัทธา และยดึ มัน่ ในศาสนาทีต่ นนบั ถือ
ฝึกให้เป็นคนมีศรทั ธา และยึดม่ันในศาสนาท่ีตนนับถอื กลา่ วคือ การยึดมน่ั และปฏิบัติตาม
หลักคำสอนของศาสนา จะช่วยให้ชีวิตมีแต่ความสงบสุข จิตใจเบิกบานแจ่มใส มีความคิดริเริ่ม
สรา้ งสรรค์ มีเหตุมีผล ทำใหส้ ังคมมคี วามสงบ เรยี บรอ้ ย และพัฒนาไมห่ ยดุ ยงั้
สรุปได้ว่า เป้าหมายในวิชาสังคมศึกษาคือ ต้องการให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์ทางสังคมท่ี
สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ รวมทั้งต้องการพัฒนาทักษะ ค่านิยม เจตคติ มงุ่ ฝึกฝนให้ผู้เรียนมี
ค่านิยมและเจตคติท่ีดี เป็นพลเมืองที่ดีตามระบอบประชาธิปไตย มีนิสัยใฝ่รู้ มีความกระตือรือร้นท่ีจะ
ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมติดตามข่าวสาร สถานการณ์รอบ ๆ ตัว มีศรัทธา ยึดมั่นในศาสนา และปฏิบัติ
ตามหลักคำสอนของศาสนาทต่ี นนบั ถือ
๓.๔. ความสำคญั ของวชิ าสังคมศึกษา
วิชาสังคมศึกษานับเป็นวิชาท่ีมีการจัดการเรียนการสอนมาต้ังแต่ครั้งอดีต และเรื่อยมา
จนถึงปัจจุบัน นับเป็นวิชาที่มีความสำคัญหนึ่งในหลักสูตรที่ให้ผู้เรียนเรียนตลอดจนจบหลักสูตร
ความสำคญั ของการจดั การเรียนรูส้ ังคมศึกษามีดงั นี้๓๖

๓๖ สิริวรรณ ศรีพหล, “การพัฒนาชุดฝึกอบรมทางไกล เรือ่ ง การจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระสังคม
ศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับครูท่ีสอนในระดับ มัธยมศึกษาของโรงเรียนขยายโอกาส”, รายงานการวิจัย,
(นนทบรุ ี : มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช, ๒๕๕๕), หนา้ ๑๒-๑๔.

๔๔

45

๑) มงุ่ พัฒนาผู้เรียนให้เปน็ พลเมอื งดีของสังคม
การจัดการเรียนรู้สังคมศึกษามุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นพลเมืองดีของสังคม และสามารถนำ
ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตในสังคมได้ โดยเน้นให้ผู้เรียนเป็นพลเมืองดีในวิถีชีวิตแบบ
ประชาธิปไตยภายใต้การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ ประมุข
๒) เน้นใหผ้ ู้เรยี นมีความรูค้ วามเข้าใจเก่ยี วกบั การอย่รู ว่ มกันในสังคมไทยและสังคมโลก
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมท่ีปรากฏในหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการอยู่ร่วมกันใน
สังคมไทยและสังคมโลกอย่างสันติสุข การเป็นพลเมืองดี ศรัทธาในหลักธรรมของศาสนา การเห็น
คุณคา่ ของทรพั ยากรและส่ิงแวดล้อม ความรกั ชาติ และภมู ใิ จในความเปน็ ไทย
๓) การพฒั นาผ้เู รยี นให้เกิดความเจริญงอกงามในด้านต่าง ๆ
การจัดการเรียนรู้สังคมศึกษา เป็นการพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความเจริญงอกงามในด้านต่าง
ๆ คือ ด้านความรู้ ด้านทักษะ และด้านเจตคติและค่านิยม โดยในด้านความรู้ สังคมศึกษาจะให้ความรู้
แกผ่ ู้เรียนในเนอ้ื หาสาระท่นี ำมาจากวิชาตา่ ง ๆ ในกลุ่มสังคมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตร์ เพอ่ื ให้นักเรียนมี
พื้นฐานในการสร้างความคิด กระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ รู้จักใช้เหตุผล และสังเคราะห์ข้อมูล
จนสามารถสรปุ เป็นมโนมติและหลักการในท่สี ุด ในดา้ นทักษะ วิชาสังคมศึกษาจะฝึกฝนทกั ษะที่ถอื เป็น
เคร่ืองมือหรือวิธีการที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนที่จะนำไปประยุกตใ์ ช้ในการดำเนนิ ชีวิต วิชาสังคมศึกษามุ่ง
พัฒนาให้นักเรียนมีทักษะทั้งด้านวิชาการและทักษะทางด้านสังคม ทักษะทางด้านวิชาการ เน้นทักษะ
การแสวงหาความรู้ เช่น ทักษะการอ่าน การตีความ การสืบค้นหาข้อมูลการใช้แหล่งเรียนรู้ เป็นต้น
ส่วนทักษะทางด้านสังคม เน้นการรู้จักอยู่ร่วมกับผู้อ่ืน การทำงานเป็นกลุ่มการแลกเปล่ียนเรียนรู้กับ
ผู้อนื่ หรือกลมุ่ ความสามารถในการดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขและในด้านเจตคติ วิชาสังคม
ศึกษามุ่งปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมและการพัฒนาค่านิยมให้เกิดข้ึนกับผู้เรียน การปลูกฝังคุณธรรม
จริยธรรม ตลอดจนการพัฒนาคำนิยมที่พึงประสงค์ให้แก่ผู้เรียนซึ่งเป็นเยาวชนของประเทศ จะทำให้
เยาวชนเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของประเทศอันจะนำมาซึ่งการอยู่ร่วมกันอย่างมี
ความสขุ และเปน็ ระเบยี บเรียบร้อยของสังคม สังคมจะมคี วามเขม้ แข็งในท่สี ุด
๔) วางพน้ื ฐานการดำเนนิ ชีวิตในสังคมใหแ้ ก่ผู้เรยี น
การจัดการเรียนรู้สังคมศึกษามีความสำคัญต่อผู้เรียน ช่วงวางพ้ืนฐานการดำเนินชีวิตใน
สังคมให้แก่ผู้เรียน เพ่ือสร้างผู้เรียนให้เป็นพลเมืองที่มีประสิทธิภาพของประเทศและสังคมโลกอย่าง
แท้จรงิ เม่ือพลเมอื งของประเทศและของโลกมีคุณภาพแลว้ ย่อมเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ
และโลกสคู่ วามเจรญิ และความมั่นคงตอ่ ไป
นอกจากนี้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ได้ระบุเกี่ยวกับ
ความสำคัญของการจัดการเรียนรู้สังคมศึกษาไว้ว่า "กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และ

๔๕

46

วัฒนธรรม ชว่ ยให้ผู้เรียนมคี วามรู้ความเข้าใจการดำรงชวี ิตของมนุษย์ท้ังในฐานะปัจเจกบคุ คลและการ
อยู่ร่วมกันในสังคม การปรับตัวตามสภาพแวดล้อม การจัดการทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างจำกัด เข้าใจถึง
การพัฒนาเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย กาลเวลา ตามเหตุปัจจัยต่าง ๆ เกดิ ความเข้าใจในตนเองและผู้อื่น
มีความอดทน อดกลั้น ยอมรับในความแตกต่างและมีคุณธรรม สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการ
ดำเนนิ ชีวติ เป็นพลเมืองดขี องประเทศและสงั คมโลก" ๓๗

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐานได้กำหนดให้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา
ศาสนาและวัฒนธรรม เป็นกลุ่มสาระพ้ืนฐาน ประกอบด้วย ศาสตร์สาขาต่าง ๆ หลายแขนง มีลักษณะ
เป็นพหุวิทยาการมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ มีทักษะกระบวนการ มีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมอันพึ่ง
ประสงค์ รวมทัง้ ไดแ้ สดงบทบาทและความรับผดิ ชอบทง้ั ต่อตนเอง ต่อผู้อน่ื และต่อสภาพแวดลอ้ ม

จากองค์ประกอบดงั กล่าวจึงทำใหก้ ลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรมมี
จุดเนน้ ในการสรา้ งคุณภาพผู้เรียนดังน้ี๓๘

(๑) ยึดม่ันในหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาท่ีตนนับถือ สามารถนำหลักธรรม
คำสอน ๆ ไปใช้ปฏิบัติในการอยู่ร่วมกันได้ เป็นผู้กระทำความดี มีค่านิยมท่ีดี พัฒนาตนเองอยู่เสมอ
รวมท้ังบำเพญ็ ตนให้เปน็ ประโยชน์ต่อสงั คมสว่ นรวม

(๒) ยึดม่ันศรัทธาและธำรงรักษาไว้ซ่ึงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดี ปฏิบัติตามกฎหมาย ขนบธรรมเนียม
ประเพณีและวัฒนธรรมไทยรวมทั้งถ่ายทอดสิ่งท่ีดีงามไว้เป็นมรดกของชาติ เพื่อสันติสุขของสังคมไทย
และสงั คมโลก

(๓) มีความสามารถในการบริหารจัดการทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อการดำรงชีวิต
อย่างมดี ุลภาพ และสามารถนำหลักการของเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏบิ ตั ิได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ

(๔) เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตจนปัจจุบันภาคภูมิใจในความเป็นไทยท้ังใน
อดีตและปัจจุบัน สามารถใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ
และนำไปสร้างองค์ความรู้ใหม่ได้

(๕) มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีงามระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม เป็นผู้สร้าง
วัฒนธรรม มจี ติ สำนึกอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดลอ้ มเพื่อการพฒั นาท่ยี ง่ั ยืน

๓๗ กระทรวงศึกษาธิการ, หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑,
(กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พค์ ุรสุ ภา ลาดพร้าว, ๒๕๕๑), หน้า ๑.

๓๘ กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ, การปฏิรูปการเรียนรู้ของกระทรวงศึกษาธิการ ,
(กรงุ เทพมหานคร : กรมวชิ าการ, ๒๕๔๔), หนา้ ๑๒.

๔๖

47

สรปุ ไดว้ ่า วิชาสังคมศึกษามีความสำคัญหน่ึงในหลักสูตรท่ีให้ผ้เู รียนเรียนตลอดระยะเวลาที่
ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐานน้ัน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและ
วัฒนธรรมได้ มีส่วนสำคัญการส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพและเป็นพลเมืองดีของ
สังคม การจัดการเรียนร้สู ังคมศึกษามีความสำคัญท่ีมุ่งพัฒนาผู้เรยี นให้เป็นพลเมืองดีของสังคม เน้นให้
ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการอยู่ร่วมกันในสังคมไทยและสังคมโลกการพัฒนาผู้เรียนให้เกิด
ความเจริญงอกงามในด้านต่าง ๆ และวางพ้นื ฐานการดำเนนิ ชีวติ ท่ีเหมาะสมในสงั คมให้แก่ผู้เรยี น

๓.๕ บทบาทและคณุ คา่ ของวิชาสังคมศึกษา
สังคมศึกษาในหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ เปน็ ส่วนสำคัญ
ของหลักสูตรในระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ท้ังช้ันประถมศึกษาและชั้นมัธยมศึกษา ซ่ึงเป็นวิชาบังคับ
เรยี นทกุ ระดบั ชน้ั ดังนนั้ วิชาสงั คมจึงมบี ทบาทและคณุ ค่าในการพฒั นาผเู้ รียน ดังนี้
๑) บทบาทของวชิ าสงั คมศกึ ษา
วิชาสังคมศึกษามีส่วนสอดคล้องกับจุดหมายของหลักสูตรทุกระดับ นอกจากน้ันยังมี
ความสัมพันธ์กับวิชาอ่ืนๆในหลักสูตร เพราะแต่ละวิชาต่างสามารถและเหมาะสมที่จะสนับสนุนซึ่งกัน
และกันอย่างสอดคล้องไปสู่เป้าหมายเดียวกันคือ การพัฒนาผู้เรียนให้มีความเจริญงอกงามสูงสุดตาม
ความคาดหวังของสังคม ดังน้ันวิชาสังคมศึกษาจึงมีบทบาทในการจัดกระบวนการเรียนการสอนใน
โรงเรยี นทีช่ ดั เจน๓๙ ดังน้ี
(๑) เป็นการศึกษาเพื่อพัฒนาความคิดรวบยอด เจตคติ ค่านิยม และทักษะของพลเมืองดี
ของสังคมท่ีจะขาดเสียมไิ ด้ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นวิชาท่ีต้องกำหนดหรือบังคับให้ผู้เรียนในโรงเรียนทั่วไป ไม่
วา่ จะในสังคมท่ีมีระบบการเมืองการปกครองแบบใด
(๒) สังคมศกึ ษามบี ทบาทหน้าท่ีเบือ้ งตน้ คือช่วยพัฒนาผูเ้ รียนให้เปน็ พลเมืองที่รอบรู้มีเหตุ
มีผลและใช้เหตุผล มีความเป็นมนุษย์ มีความรู้สึกหรือสัมผัสฉับไว สามารถสนองตอบต่อสังคมรอบตัว
ไดง้ า่ ยอย่างเหมาะสม สามารถตัดสนิ ใจ และแกป้ ัญหาได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพในสังคมประชาธิปไตย
(๓) สังคมศึกษามีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ทางสังคม (Social Education) ซ่ึง
เกิดขึ้นได้ในเกือบทุกสถานการณ์และสถานที่ นอกเหนือจากการเรียนรู้ในห้องเรียน เป็นการเรียนรู้ที่
เป็นระบบและการเรียนการสอนจะต้องประกอบด้วยท้ังในห้องเรียนและนอกห้องเรียน ซึ่งเป็น
ภาคปฏบิ ัตจิ งึ ตอ้ งอาศัยการเรยี นร้ทู างสังคมรูปแบบอน่ื ประกอบ
(๔) สังคมศึกษามีบทบาทเป็นแกนกลางของการสัมพันธ์หลักสูตรไปสู่เป้าหมายเพื่อความ
เป็นพลเมอื งดีและมีคณุ ภาพของสังคม เพราะการเรียนรู้ทางสังคมศึกษาแทรกอยู่ในทุกวชิ าในโรงเรียน
ประถมศึกษาและมัธยมศึกษา การเรียนการสอนสังคมศึกษาจึงต้องเป็นไปในแนวทางสัมพันธ์กับวิชา

๓๙ ลาวัลย์ วิทยาวุฒิกลุ , การสอนสงั คมศกึ ษาในโรงเรยี นมัธยมศกึ ษา, (กรุงเทพมหานคร : คณะครุ
ศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั , ๒๕๓๓), หนา้ ๑๙-๒๐.

๔๗

48

อ่ืนๆ ในขณะที่วิชาอ่ืน ๆ นั้นจะสัมพันธ์กับวิชาสังคมศึกษา ในฐานะเป็นแกนกลางท่ีเน้นการพัฒนา
คุณภาพ และคณู สมบัตอิ นั จำเปน็ แกก่ ารเป็นสมาชกิ ท่ีดีของสงั คมศึกษาและย่ิงไปกว่าน้นั สังคมศกึ ษายัง
เป็นตัวเช่ือมโยงความรู้ในวิชาต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตร่วมกัน โดยการจัดกิจกรรมการ
เรียนในห้องเรยี น และกจิ กรรมเสรมิ หลักสตู รตา่ ง ๆ ด้วย

(๕) สังคมศึกษามีบทบาทพัฒนาผู้เรียนให้สามารถปฏิบัติตนในฐานะพลเมือง (Ctizen
Actor) โดยการประยุกต์ความรู้ เจตคติ ค่านิยม และทักษะท่ีได้รับในโอกาส และสถานการณ์ต่าง ๆ
อย่างเหมาะสม

จากท่ีกล่าวมาสามารถสรุปได้ว่า สังคมศึกษาจึงมีบทบาทในการจัดกระบวนการเรียนการ
สอนเพ่ือพัฒนาความคิดรวบยอด เจตคติ ค่านิยม และทักษะของพลเมืองดี ช่วยพัฒนาผู้เรียนให้เป็น
พลเมืองท่ีรอบรู้มีเหตมุ ีผลและใช้เหตผุ ล เป็นส่วนหน่ึงของการเรียนรูท้ างสังคม มีบทบาทพัฒนาผู้เรียน
ให้สามารถปฏิบัติตนในฐานะพลเมือง รวมทั้งมีบทบาทเป็นแกนกลางของการสัมพันธ์หลักสูตรไปสู่
เป้าหมายเพ่ือความเป็นพลเมืองดีและมีคุณภาพของสังคม ดังนั้นความเข้าใจในลักษณะเฉพาะและ
บทบาทที่สำคัญของวิชาสังคมศึกษา จะเป็นพ้ืนฐานให้เข้าใจปรัชญาความมุ่งหมาย และการจัดการ
เรียนการสอนให้บรรลุตามวตั ถปุ ระสงคไ์ ดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

๒) คุณคา่ ของวชิ าสังคมศึกษา
ในการจัดการศึกษาของไทยและนานาอารยประเทศในปจั จบุ ันให้ความสำคัญกับวิชาสังคม
ศึกษามากขนึ้ ท้ังนี้เพราะได้ตระหนักถงึ ความจำเป็นและคุณค่าของวิชาสังคมศึกษาซ่ึงปลูกฝงั ให้ มนุษย์
ได้อยู่ร่วมกันกับส่ิงแวดล้อมได้อย่างสงบสุข โดยเฉพาะในภาวะปัจจุบันที่มีความเจริญก้าวหน้าทาง
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นไปอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้วิถีชีวิตของมนุษย์เปลี่ยนไป หากไม่ปลูกฝัง
ความรับผิดชอบต่อสว่ นรวม ตลอดจนปลูกฝังวิจารณญาณและคุณธรรมซ่ึงเป็นเป้าหมายของวชิ าสังคม
ศึกษาแล้ว โลกจะเข้าสู่ภาวะวิกฤต โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม การทำลายล้างซึ่งกันและกัน ฯลฯ ซึ่ง
วชิ าสังคมศึกษาสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวน้ีได้และยังสามารถสร้างสรรค์ประโยชน์สุขให้เกิดข้ึนในโลก
อย่างย่งั ยนื
คุณค่าของวิชาสงั คมศึกษาที่มตี ่อผู้เรยี น ดังนี้๔๐
(๑) ให้มีความรู้ความเข้าใจในความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ผู้เรียนได้ศกึ ษา
ปัญหาตา่ ง ๆ ทงั้ ใกล้ตัวและไกลตัวออกไป ทั้งปัญหาของตนเองและส่วนรวมศึกษาถงึ กลไกและรูปแบบ
องค์กรต่าง ๆ ของสังคม เข้าใจปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมได้เรียนพฤติกรรมของกลุ่มชน
รวมท้ังปัญหาต่างๆ ท่ีมนุษย์กำลังเผชิญอยู่ เน้ือหาสาระต่าง ๆ เหล่าน้ีได้มาจากการศึกษาภูมิศาสตร์
ประวตั ศิ าสตร์ รฐั ตาสตร์ สงั คมวิทยา เศรษฐศาสตร์ ประชากร และส่งิ แวดล้อม เปน็ ต้น

๔๐ เจรญิ จามรธญั ญวาท, พฤติกรรมการสอนสังคมศกึ ษา, (อุบลราชธานี : ภาควชิ าหลกั สตู รและการ
สอน วทิ ยาลัยครูอบุ ลราชธานี, ๒๕๓๔), หน้า ๑๐-๑๒.

๔๘

49

(๒) ก่อให้เกิดกระบวนการและทักษะทางสังคม การศึกษาวิชาสังคมศึกษาอีกประการหนึ่ง
คือ ฝึกให้ผ้เู รียนเกิดทักษะทางสังคม เช่น ทกั ษะการแกป้ ัญหา ทกั ษะการอย่รู ว่ มกันทักษะการศึกษาหา
ความรู้ ทักษะกระบวนการ ทักษะการทำงานกลุ่ม ทักษะต่าง ๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อมีการ
จัดระบบการเรียนการสอน และกิจกรรมเสริมหลักสูตรได้อย่างเหมาะสมทักษะดังกล่าวเป็นปัจจัย
สำคัญ ที่จะทำให้มีการอยู่รว่ มกันในสังคมได้อย่างสันติ มอี ิสรภาพ มเี สรภี าพ ในขณะเดียวกนั กจ็ ะชว่ ย
ใหผ้ ูเ้ รยี นมีความคิด มีเหตุผล มวี จิ ารณญาณ รู้จักตัดสินใจ และแก้ปัญหารว่ มกัน ซ่ึงจะเป็นรากฐานการ
พฒั นาระบอบประชาธิปไตยใหเ้ จริญกา้ วหนา้ สอดคล้องกับระบอบการปกครองของประเทศ

(๓) ปลูกฝังเจตคติคา่ นยิ มและความซาบซงึ้ คือ พัฒนาดา้ นจิตพิสัยนั่นเอง วิชาสงั คมศกึ ษา
จะช่วยให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าของกฎหมาย จารีต ประเพณี ระเบียบกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของสังคมตระหนัก
ถึงภาระ และหน้าที่ของตน มีความรับผิดชอบ และแก้ไขปัญหาของสังคมด้วยความเต็มใจมีเหตุผล
ฯลฯ วิชาสังคมศึกษาจะช่วยขัดเกลาให้เยาวชนมีค่านิยมท่ีดี มีความซาบซ้ึงในศิลปวัฒนธรรมประเพณี
ของชาติ ส่ิงเหล่านี้จะทำให้ผู้เรียนเกิดความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ และเป็นพลเมืองดีของสังคมซ่ึงเท่ากับ
เป็นการแก้ไขปญั หาต่าง ๆ ของสังคมอกี ทางหน่ึง

(๔) มีมาตรฐานทางสังคม วิชาสังคมเป็นวิชาท่ีช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของ
สังคมไม่วาจะเป็นกฎหมาย ระเบยี บขอ้ บังคบั กต็ าม หากผเู้ รียนได้มีความร้คู วามเข้าใจ ปฏิบตั ติ ามอยา่ ง
เคร่งครัดย่อมทำให้สังคมน้ันมีความสงบสุข ลดปัญหาการขัดแย้งลงอย่างสิ้นเชิง เพราะแต่ละคนเลือก
ประพฤติ และปฏบิ ัตใิ นทศิ ทางเดยี วกนั ย่อมทำใหส้ ังคมมมี าตรฐานดีขน้ึ ในท่ีสุด

(๕) การแก้ปัญหาร่วมกัน วชิ าสังคมศึกษามุ่งที่จะปลูกฝังวิถีทางแห่งประชาธิปไตย คือ ฝึก
ให้ผู้เรียนแก้ไขปัญหาอย่างมีหลักการและเหตุผล มีการตัดสินใจร่วมกันรู้จักเสียสละ เห็นแก่ประโยชน์
ส่วนรวมย่ิงกว่าส่วนตน ฝึกการเป็นผู้นำและผู้ตามท่ีดี นอกจากน้ันยังช่วยให้ผู้เรียนสามารถค้นคว้าหา
ความรู้ และวินิจฉัยข้อเท็จจริงโดยอาศัยเหตุผลและหลักฐานต่าง ๆ รู้จักนำข้อมูลมาเปรียบเทียบ
วิเคราะหป์ ัญหาตา่ งๆ ของสงั คมร้จู ักตัดสนิ ใจแกไ้ ขปญั หาโดยวถิ ที างแห่งปญั ญาและความมเี หตมุ ีผล

(๖) ปลูกฝงั ใหเ้ กิดความรกั ชาติ มีความหวงแหนและรจู้ ักเสียสละเพ่ือสว่ นรวมเข้าใจซาบซึ้ง
ผลงานดเี ดน่ ของคนไทยและธำรงรักษาไว้ซึง่ ประเพณีอนั ดงี านของชาติ

(๗) ปลูกฝังให้เกิดความรับผิดชอบ เข้าใจบทบาทและหน้าท่ีของตน เสริมสร้างความเข้าใจ
อันดีระหวา่ งสมาชิกขององค์กรต่าง ๆ และสถาบันตา่ ง ๆ ของสงั คม

(๘) ปลกู ฝงั ให้มีความรัก และความผกู พนั กับท้องถน่ิ ของตน ใหค้ วามร่วมมือในการอนุรกั ษ์
ทรัพยากรและสภาพแวดล้อมโดยคำนงึ ถึงประโยชนร์ ว่ มกัน

(๙) ปลูกฝังให้เป็นพลเมืองดีในระบอบประชาธิปไตย หากผู้เรียนได้ผ่านกระบวนการเรียน
การสอนไดอ้ ยา่ งครบถว้ นกเ็ ช่อื แนว่ ่าจะเป็นพลเมืองดใี นอนาคตได้

๔๙

50

กล่าวโดยสรปุ คุณค่าของวิชาสงั คมศึกษาช่วยปลูกฝังให้มนุษย์ได้อยู่ร่วมกนั กับสิ่งแวดล้อม
ไดอ้ ยา่ งสงบสุข ทำให้มีความรู้ความเข้าใจในความสัมพนั ธ์ระหว่างมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ฝึกให้ผ้เู รยี น
เกิดทักษะทางสังคม ช่วยขัดเกลาให้มีค่านิยมท่ีดี มีความซาบซ้ึงในศิลปวัฒนธรรม ประเพณีของชาติ
ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของสังคม การแก้ปัญหาร่วมกัน ปลูกฝังให้เกิดความรักชาติ
ความรับผิดชอบ ความรัก ความผูกพันกบั ทอ้ งถน่ิ และปลูกฝังให้เปน็ พลเมอื งดีในระบอบประชาธปิ ไตย

๓.๖ แนวโนม้ การสอนสังคมศึกษา
จากปัญหาการเรียนการสอนสังคมศึกษาในปัจจุบันการสอนจะเห็นได้ว่ากลุ่มสาระการ
เรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เป็นวิชาที่มีรายละเอียดเนื้อหาสาระค่อนข้างมาก ทำให้
ผู้เรียนไม่ค่อยสนใจเรียน เกิดความเบื่อหน่าย จึงเป็นหน้าท่ีของผู้สอนที่ต้องปรับรูปแบบการเรียนการ
สอนให้น่าสนใจยิ่งขึน้ แนวโน้มการสอนสังคมศึกษามีดังน้ี๔๑
๑) การสอนแบบบรู ณาการ
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เป็นสาระท่ีรวบรวมศาสตร์หลาย
ศาสตร์ การเรียนการสอนต้องมีการสอนแบบบูรณาการเชื่อมโยงศาสตร์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน โดยการฝึก
ให้ผเู้ รียนได้มโี อกาสฝึกปฏิบัตจิ ริงนำไปใช้ในชีวติ ประจำวัน เพือ่ ใหผ้ ูเ้ รียนเข้าใจและเล็งเห็นความสำคัญ
ของการเรยี น
๒) การใชส้ อ่ื นวัตกรรมและแหล่งเรยี นรู้
ปัจจุบันมีสื่อสารสนเทศท่ีผู้สอนสามารถนำไปใช้ประกอบการเรียนการสอนได้สะดวก
รวดเร็วและทันสมยั
๓) สง่ เสรมิ การเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง
ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง โดยผู้เรียนต้องรู้จักวิธีการแสวงหาความรู้ เพราะ
คนเราคงไม่มใี ครสามารถจดจำขอ้ มลู ต่าง ๆ ได้ทง้ั หมด แตถ่ า้ ผู้เรียนรู้จกั วิธีการแสวงหาก็จะมาสามารถ
ได้ข้อมูลท่ีต้องการได้และข้อมูลต่าง ๆ ก็อาจมีการพัฒนาเปล่ียนแปลงอยู่เสมอ จำเป็นต้องมีการศึกษา
ค้นคว้าต่อยอด
๔) การสอนโดยใชก้ ระบวนการคดิ
การสอนเพ่อื ส่งเสริมความสามารถในการคิด คอื การคิดแบบนักวิเคราะห์ การคิดแบบรวบ
ยอด การคิดแบบโครงสรา้ งและการคิดแบบผ้นู ำสงั คม

๔๑ ประณาท เทยี นศรี, การสอนสงั คมศกึ ษาเพ่อื พัฒนาการคิดของนักเรยี นระดบั ชัน้ ประถมศึกษา,
พมิ พค์ รัง้ ที่ ๑, (กรุงเทพมหานคร : สำนักพมิ พแ์ ห่งจุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย, ๒๕๕๖), หน้า ๙๓-๓๔.

๕๐

51

๕) การสอนโดยผู้เรียนมสี ่วนรว่ ม
เป็นรูปแบบการเรียนการสอนในการพัฒนาบุคคลทั้งด้านความรู้ ทัศนคติและทักษะเป็น
การเรียนรู้เชิงประสบการณ์ผสมผสานกับกระบวนการกลุ่ม มีการเรียนรโู้ ดยการแลกเปล่ียนซึ่งกันและ
กัน
๖) การสอนโดยใช้โครงการทัศนศึกษา
เป็นวิธีการที่ช่วยให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ตรง เรียนรู้สภาพความเป็นจริง ใช้แหล่ง
ชุมชนให้เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ ทำให้เกิดความเข้าใจ และเกิดเจตคติที่ดีต่อท้ังแหล่งการเรียนรู้
จากที่กล่าวมาเกี่ยวกับแนวโน้มการสอนสังคมศึกษา ถือเป็นแนวทางการปรับรูปแบบการสอนให้มี
ความน่าสนใจ และสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนมีความ
สนใจในการเรียนการสอนสงั คมศกึ ษามากข้นึ นนั้ ๆ

สรุป

ธรรมชาติของการสอนเกิดขึ้นได้ท้ังมนุษย์และสัตว์ ในด้านของวิชาหลักการสอนสนใจศึกษา
ธรรมชาติของการสอนของมนุษย์เท่าน้ัน โดยธรรมชาติการสอนมีลักษณะเป็นสัญชาตญาณ เป็นการ
แสดงปฏิสัมพันธ์และสื่อสารระหว่างมนุษย์ มีวิวัฒนาการเป็นท้ังศาสตร์และศิลป์ และมีความเป็น
ระบบ

การสอนมีความหมายหลายลักษณะ ท้ังความหมายตามรูปศัพท์ ความหมายท่ีเป็นศิลป์
ความหมายท่ีเป็นศาสตร์ ความหมายในฐานะผู้ปฏิบัติงานวิชาชีพครู อย่างไรก็ตาม ความหมายของ
ผู้เขียน หมายถึง ความพยายามท้ังปวงของครูท่ีใช้ศาสตร์และศิลป์ปฏิบัติงานด้านวิชาชีพให้เกิดผลดี
ต่อการบรรลุศักยภาพของผูเ้ รียนสงู สุดในการพัฒนาทุก ๆ ด้าน โดยมีพ้ืนฐานด้านปฏสิ มั พันธ์ที่ดีต่อกัน
ก้าวทันยุคสมัย เกิดผลการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ท่ีกำหนดไว้อย่างดี มีประสิทธิภาพและ
ประสทิ ธิผล

ความสำคัญของการสอนประกอบด้วยความสำคัญ ๓ ประการ คือ ๑. ความสำคัญ
สำหรับการทำหน้าท่ีทางวิชาชีพและการพัฒนาผู้เรียน ๒. ความสำคัญในกระบวนการพัฒนา
ทรัพยากรมนษุ ย์และ ๓. ความสำคญั สำหรับการพัฒนาศาสตรด์ ้านการสอน

สังคมศึกษาจึงมีบทบาทในการจัดกระบวนการเรียนการสอนเพ่ือพัฒนาความคิดรวบยอด
เจตคติ ค่านิยม และทักษะของพลเมืองดี ช่วยพัฒนาผู้เรียนให้เป็นพลเมืองที่รอบรู้มีเหตุมีผลและใช้
เหตุผล เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ทางสังคม มีบทบาทพัฒนาผู้เรียนให้สามารถปฏิบัติตนในฐานะ
พลเมอื ง รวมท้ังมีบทบาทเป็นแกนกลางของการสมั พันธ์หลักสูตรไปสู่เป้าหมายเพื่อความเปน็ พลเมอื งดี
และมีคณุ ภาพของสงั คม

๕๑

52

เอกสารอ้างอิงประจำบท

๑. ภาษาไทย
กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธกิ าร. การปฏิรปู การเรยี นรขู้ องกระทรวงศึกษาธิการ. กรุงเทพมหานคร

: กรมวิชาการ, ๒๕๔๔.
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร

: โรงพมิ พค์ รุ สุ ภา ลาดพรา้ ว, ๒๕๕๑.
จรญู คณู ม.ี การสอนสงั คมศึกษา. กาฬสินธุ์ : ประสานการพมิ พ์, ๒๕๒๐.
เจริญ จามรธัญญวาท. พฤติกรรมการสอนสังคมศึกษา. อุบลราชธานี : ภาควิชาหลกั สูตรและการสอน

วิทยาลัยครอู บุ ลราชธานี, ๒๕๓๔.
โจเซฟ ดี. โนแวก และโกวิน ดี. บ๊อบ. ศิลปะการเรียนรู้. แปลโดย ดร.สวนิต ยมาภัย และ ดร.สวัสดิ์

ปทุมราช. งานแปลของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ อันดับที่ ๑๓๖ .
กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พค์ ุรสุ ภาลาดพรา้ ว, ๒๕๓๔.
ชัยยงค์ พรหมวงศ์. เอกสารการสอนชุดวิชาวิทยาการสอน หน่วยที่ ๑. ๖-๑๓. กรุงเทพมหานคร :
สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช, ๒๕๓๔.
ชาญชัย ยมดิษฐ์. ผศ.ดร. เทคนิคและวิธีการสอนร่วมสมัย. กรุงเทพมหานคร : บริษัท หลักพิมพ์
จำกัด, ๒๕๔๘.
ชชู าติ เชงิ ฉลาด. หลกั การสอน. กรงุ เทพมหานคร : วิทยาลยั ครูธนบรุ ี, ๒๕๒๔.
ดนัย เทียนพุฒ. การจดั การทรัพยากรบุคคลภารกิจที่ทา้ ทาย. กรงุ เทพมหานคร : บุ๊คแบงค,์ ๒๕๔๒.
ดูรายละเอียดในฟริตจอ๊ ป ครปรา้ . จุดเปล่ียนแห่งศตวรรษ เล่ม ๒. พิมพ์ครั้งท่ี ๖. แปลโดยพระปรีชา
ปสนนฺ ธมโฺ ม และคณะ. กรงุ เทพมหานคร: มูลนิธิโกมลคมี ทอง, ๒๕๕๐.
ทิศนา แขมมณี. ศาสตร์การสอนเพ่ือการจัดกระบวนการเรียนร้ทู ี่มีประสิทธิภาพ. กรุงเทพมหานคร
: ศนู ย์ตำราและเอกสารทางวิชาการ คณะครุศาสตร์จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย, ๒๕๔๕.
บันลอื พฤกษะวัน. การประถมศกึ ษา. กรุงเทพมหานคร : ไทยวฒั นาพานชิ , ๒๕๑๙.
บุญชม ศรสี ะอาด, การพัฒนาการสอน. กรงุ เทพมหานคร : ขมรมเด็ก. ๒๕๔๑.
ประณาท เทียนศรี. การสอนสังคมศึกษาเพ่ือพัฒนาการคิดของนักเรียนระดับ ชั้นประถมศึกษา.
พมิ พ์ครง้ั ท่ี ๑. กรงุ เทพมหานคร : สำนกั พมิ พ์แหง่ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั , ๒๕๕๖.
ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์. รศ. ดร. จิตวิทยาการศึกษา. กรุงเทพมหานคร : ศูนย์สื่อเสริมกรุงเทพ,
๒๕๔๘.
พนัส หันนาคินทร์. “การจัดการศึกษาระดบั มัธยมกับความต้องการทางสังคมของประเทศชาติ”. ศรี
นครนิ ทรวโิ รฒ พษิ ณโุ ลก ๑ : ๓๔ มกราคม – เมษายน ๒๕๑๘.

๕๒

53

ลาวัลย์ วิทยาวฒุ กิ ลุ . การสอนสังคมศึกษาในโรงเรียนมัธยมศึกษา. กรงุ เทพมหานคร : คณะครศุ าสตร์
จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , ๒๕๓๓.

วิชยั ดิสสระ. การพัฒนาหลกั สูตรและการสอน. กรงุ เทพมหานคร : สุวรี ยิ าสาสน์, ๒๕๓๕.
สถิต วงศ์สรรค์. จติ วทิ ยาการศึกษา. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์บำรงุ สาส์น, ๒๕๒๕.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. สมรรถนะในระบบข้าราชการพลเรือนไทย.

กรุงเทพมหานคร : สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, ๒๕๕๑.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒.

กรงุ เทพมหานคร : สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาแห่งชาติ, ๒๕๔๒.
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครู. ระดับคุณภาพของครู. กรุงเทพมหานคร : สำนักงาน

คณะกรรมการข้าราชการครู, ๒๕๔๑.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (ม.ป.ป.). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและ

สังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๔๙). กรุงเทพมหานคร : สำนักงาน
คณะกรรมการการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ.
สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา. เกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพครูของคุรุสภา พ.ศ. ๒๕๓๗. กรุงเทพมหานคร
: สำนักงานเลขาธิการครุ ุสภา, ๒๕๓๙.
สุชา จันทร์เอม. จิตวิทยาทั่วไป ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม. พิมพ์คร้ังที่ ๑๑. กรุงเทพมหานคร : บริษัทโรง
พิมพ์ไทยวฒั นาพานิช จำกดั , ๒๕๔๑.
สุวิทย์ หิรัญยกานนท์ และคณะ. พจนานุกรมศัพท์การศึกษา. กรุงเทพมหานคร : ไอคิวบุค เซ็น

เตอร์, ๒๕๔๐.
สุวิทย์ หิรัณยกาณฑ์ และคณะ. พจนานุกรมศัพท์การศึกษา. กรุงเทพมหานคร : บริษัท ไอ.คิว.บุ๊ค

เซน็ เตอร์ จำกัด, ๒๕๔๐.
อาภรณ์ ใจเที่ยง. หลักการสอน. กรงุ เทพมหานคร : โอเดียนสโตร์, ๒๕๔๐.

๒. ภาษาอังกฤษ
Carter V .Good. Dictionary of Education. New York : McGraw-Hill, 1975.
De Cecco. P. John. The Psychology of Learning and Instruction : Education

Psychology. Prentice-Hall.Inc. Englewood Clifts. N.I., 1986.
G.W. Allport. P.E. Verson and Q Lindzey. A Scale for Measuring the Dominant

Interests in Personality. Boston : Houghton Miffin, 1960.
H.W.Bemard. Psychology of Leaching. New York : McGRAW-Hill Book Company.

Inc., 1972.

๕๓

54

Jarolimek John.. Social Studies in Elementary Education., New York : Macmillan,
1967.

M.L. Bigge. P.M. Hunt. Psychology Foundations of Education. New York : Harper &
Row. Publishers, 1986.

Michaelis John U., Social Studies for Children in Democracy., Englewood Cliff, N.J.
: Prentice-Hall, 1980.

Preston Ralph C.. Teaching in Social Study in Elementary School. New York : Holt
Reinhart and Winston, 1960.

W.J.Mc Keachie and C.L. Doyle. Psychology. Addision-Wealey Publishing Company.
Inc., 1967.

บทที่ ๓

ทกั ษะการสอนสงั คมศกึ ษาในศตวรรษท่ี ๒๑

ความนำ

การจัดการศึกษาในยุคศตวรรษที่ ๒๑ จะต้องเชื่อมโยงกับกระบวนการทางสังคม ระบบ
เศรษฐกิจที่หลีกเล่ียงไม่ได้ และต้องสอดคล้องกับความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี และการเปล่ียนแปลงในทุกด้านที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ต่อเน่ือง ระบบการศึกษาแบบเดิมท่ี
เน้นความรู้ไม่อาจพัฒนาคนให้มีคณุ ภาพโดยรอบด้านได้ การจัดการศกึ ษาและการจัดการเรียนรู้จึงต้อง
เปล่ียนแปลงอย่างหลีกเล่ียงไม่ได้ คนที่มีความรู้และทักษะในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดขึ้น
อย่างต่อเน่ือง และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ ๆ เท่าน้ันจึงจะประสบผลสำเร็จ ดังน้ัน
การจัดการเรียนรู้จึงจำเป็นต้องมีการปรับเปล่ียน และต้องมีการพัฒนาครูและผู้เรียนให้ทันต่อการ
เปลย่ี นแปลงของโลกในอนาคต

คุณภาพการศึกษาเป็นประเด็นที่ประเทศต่างๆ ท่ัวโลกให้ความสนใจกันอย่างกว้างขวาง
เพราะถือว่า เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญด้านสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ แต่มุมมองในการ
พัฒนาคุณภาพ การศึกษาเพ่ือสามารถตอบสนองผู้มีส่วนได้ส่วนเสียซึ่งมีทั้งผู้รับบริการการศึกษาซึ่ง
ได้แก่ นักเรียน พ่อแม่ ผู้ปกครอง และชุมชน นั้นอาจแตกต่างกันไปตามบริบท ความเชื่อหรือกระบวน
ทัศน์ในการพัฒนาในแตล่ ะยคุ สมัย การทำความเข้าใจกบั การพฒั นาคุณภาพการศึกษาจึงต้องเขา้ ใจท้ัง
ความหมายและและองค์ประกอบของ คณุ ภาพการศกึ ษาและการพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา

๕๕

56

๑. การพฒั นาการเรียนการสอนเพอ่ื ศตวรรษที่ ๒๑

ในปัจจุบันเป็นโลกของการทำงาน การศึกษาขั้นสูง และการดำรงชีวิตอย่างสร้างสรรค์และ
มีความสุข ซ่ึงอยู่ในยุคศตวรรษที่ ๒๑ ท่ีมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในทุกด้าน โดยเฉพาะด้าน
เทคโนโลยีการส่ือสาร ความรู้ ความคิด ท่ีเผยแพร่ไปได้อย่างรวดเร็วเพียงขั้ววินาทีด้วยปลายน้ิวสัมผัส
ผา่ นเครื่องมอื การส่ือสารต่างๆ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างย่ิงท่ีผู้เรยี นทุกระดับขนั้ ต้ังแตข่ ้ันต้นๆ จะต้องได้รับ
การปลกู ฝังและพัฒนาอยา่ งตอ่ เนอ่ื งและจริงจัง เพ่ือเกิดทักษะแห่งศตวรรษที่ ๒๑ คือ ทักษะการเรยี นรู้
และนวัตกรรม เช่น ทักษะการคิดขั้นสูง และการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ การคิดเชิงวิพากษ์ และแก้ปัญหา
การสื่อสาร และการร่วมมือกันทำงาน ซ่ึงเป็นทักษะสำคัญสำหรับการเรียนรู้ และการปฏิบัติงานให้
ประสบผลสำเร็จ ทักษะชีวิตและทักษะอาชีพซึ่งเป็นทักษะเพ่ือการดำรงชีวิตอย่างมีความสุ ขและ
สร้างสรรค์ และการปฏิบัติงานในอาชีพหรือวิชาชีพให้ประสบผลสำเร็จ เช่น ความยืดหยุ่นและ
ความสามารถในการปรับตัวความคิดริเริ่ม และการเป็นผู้นำ การมีทักษะทางสังคม ยอมรับและเรียนรู้
วฒั นธรรมอ่ืน การเพ่ิมผลผลติ และความรับผดิ ขอบต่อผลงานตนเอง ต่อสงั คมและผ้อู ืน่ การมคี วามเป็น
ผนู้ ำ และรับผิดขอบ นอกจากนั้นทกั ษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี เป็นอีกทักษะหนึ่งท่ีสำคัญ
ในศตวรรษท่ี ๒๑ เนื่องจากเป็นยุคที่เทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสาร มีการเปล่ียนแปลงพัฒนาอย่าง
รวดเรว็ น่ันคือ มนุษย์ทุกเพศ ทุกวัย ทั้งที่อยู่ในวัยเรียนและวัยทำงาน และผู้สูงวัยจะต้องมีความรู้และ
ความสามารถ ใชเ้ ทคโนโลยีและขอ้ มลู ตา่ งๆ เหลา่ นี้อยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม และเกดิ ประโยชน์สูงสุด
โดยเฉพาะอย่างย่ิงผู้เรียน ในปัจจุบันจะต้องมีความรู้ในวิชาแกนท่ีสำคัญ เช่น ภาษาอังกฤษ การอ่าน
และภาษาสำคัญของโลก วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การ
ปกครองหน้าท่ีพลเมืองและศิลปะ นอกจากน้ีจะต้อง พัฒนาจิตสำนึกต่อโลกและส่ิงแวดล้อม หน้าท่ี
พลเมือง และการดูแลสุขภาพควบคู่ไปด้วย การพัฒนาการเรียนการสอน เพ่ือให้ผู้เรียนทุกระดับให้มี
การรู้เท่าทัน และมีความสามารถในการใช้ทักษะแห่งศตวรรษท่ี ๒๑ จึงเป็นประเด็นเร่งด่วนของทุก
ประเทศ สำหรับการศกึ ษาในปัจจบุ นั และในอนาคต๑

การวัดการศึกษาในปัจจุบันและอนาคต ยุคศตวรรษท่ี ๒๑ จะต้องเช่ือมโยงกับกระบวนการ
ทางสังคม ระบบเศรษฐกิจท่ีหลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้องสอดคล้องกับความเจริญก้าวหน้าทางด้าน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการเปล่ียนแปลงในทุกด้านที่เป็นไปอย่างรวดเร็วต่อเน่ือง ระบบ
การศึกษาแบบเดิมท่ีเน้นความรู้ ทำให้ความรู้ไม่อาจพัฒนา กับการปฏิบัติมีคุณภาพโดยรอบด้านได้
การวัดการศึกษาและการวัดการเรียนรู้จึงต้องเปลี่ยนแปลงอย่างหลีกเลียงไม่ได้ คนที่มีความรู้และ
ทักษะในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดข้ึนอย่างต่อเน่ือง และสามารถปรับตัวให้เข้ากับ

๑ ประสงค์ หสั รนิ ทร,์ การจดั การเรยี นร,ู้ (กรงุ เทพมหานคร : แดเนก็ อนิ เตอร์คอร์ปเรชนั่ , ๒๕๖๑),
หนา้ ๒.

๕๖

57

สถานการณ์ใหม่ๆ เท่าน้ันจึงจะประสบผลสำเร็จ ดังน้ัน การศึกษาในศตวรรษท่ี ๒๑ จึงยึดผลลัพธ์
(Outcomes) ท้ังในด้านของความรู้ในวิชาแกนและทักษะแห่งศตวรรษใหม่ ซ่ึงมีคุณค่า มีประโยชน์
อย่างย่ิงต่อมนุษย์ ทั้งในวัยเรียน วัยทำงาน ทักษะแห่งศตวรรษท่ี ๒๑ จะช่วยเตรียมความพร้อมให้
นักเรียนรู้จักคิด เรียนรู้ ทำงาน แก้ปัญหา สื่อสาร และร่วมกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและ
ประสิทธิผลต่อชีวิตการรวมทักษะแห่งศตวรรษใหม่เข้ากับวิชาแกน ช่วยเพ่ิมความแข็งแกร่งให้กับ
การศึกษาอย่างแท้จริง เน่ืองจากการจดจำข้อเท็จจริง คำศัพท์ตามตำรา หรือทำตามข้ันตอน หรือ
นักเรียนปฏิบัติงาน โดยไม่ใช้ความคิด เป็นกิจกรรมท่ีใช้ความสามารถข้ันต่ำ แต่การแสดงความเข้าใจ
เชิงลกึ ผา่ นการวางแผน การใชห้ ลกั ฐาน การให้เหตผุ ลเชิงนามธรรม ตอ้ งใช้ความสามารถในการคดิ ทส่ี ูง
กว่า การเช่ือมโยงความคิดที่สัมพันธ์กันระหว่างเน้ือหาในสาขาเดียวกันหรือต่างสาขา หรือการคิด
คน้ หาวิธีแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนต้องอาศัยการต่อยอดทางความคิด การรูค้ ิด (Metacognition) ในระดับ
ที่สูงขึ้น ดังนั้น ระบบการศึกษาของศตวรรษที่ ๒๑ ความแข็งแกร่ง จึงหมายถึง “ความเป็นเลิศใน
เนอื้ หาและทกั ษะควบคกู่ นั ” (Partnership for 21st Century Skills)

การจัดการศึกษาในยุคศตวรรษที่ ๒๑ จะต้องเชื่อมโยงกับกระบวนการทางสังคม ระบบ
เศรษฐกิจที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้องสอดคล้องกับความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี และการเปล่ียนแปลงในทุกด้านที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ต่อเน่ือง ระบบการศึกษาแบบเดิมท่ี
เน้นความรู้ไม่อาจพัฒนาคนให้มีคณุ ภาพโดยรอบด้านได้ การจัดการศึกษาและการจัดการเรียนรู้จึงต้อง
เปลี่ยนแปลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คนท่ีมีความรู้และทักษะในการรับมือกับการเปล่ียนแปลงที่เกิดข้ึน
อย่างตอ่ เนื่อง และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ ๆ เท่านั้นจึงจะประสบผลสำเร็จ๒ ดังนั้น
การจัดการเรียนรู้จึงจำเป็นต้องมีการปรับเปล่ียน และต้องมีการพัฒนาครูและผู้เรียนให้ทันต่อการ
เปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต ซ่ึงจากกรอบความคิดของภาคีเพ่ือทักษะแห่งศตวรรษท่ี ๒๑ สรุป
คณุ ลกั ษณะท่สี ำคัญของคนในศตวรรษท่ี ๒๑ ท่ีควรจะไดร้ บั การพัฒนา ๓ ด้านดังน้ี๓

๑) ด้านความรู้ ความรู้ที่ควรพัฒนาคนในศตวรรษที่ ๒๑ คือ จิตสำนึกต่อโลก การเงิน
เศรษฐกิจ ธุรกจิ และการเป็นผู้ประกอบการ ความเป็นพลเมือง วัฒนธรรมมนษุ ย์และโลกทางกายภาพ
และโลกธรรมชาติ สุขภาพและสวัสดิภาพ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ความรู้
พ้ืนฐานเชิงทัศนาการ (visual literacy) ความรู้พื้นฐานทางข้อมูลข่าวสาร ความรู้พ้ืนฐาน ทางพหุ
วัฒนธรรม (multicultural literacy) และความรูพ้ ้ืนฐานในเร่อื งปริมาณ

๒ วัชรา เล่าเรียนดี, ปรณัฐ กิจรุ่งเรือง, อรพิณ ศิริสัมพันธ์, กลยุทธ์การจัดการเรียนรู้เชิงรุก เพื่อ
พฒั นาการคิดและยกระดับคุณภาพการศึกษา, พิมพ์ครง้ั ที่ ๑๒, (นครปฐม : เพชรเกษมพร้นิ ต้งิ , ๒๕๖๐), หนา้ ๑๕.

๓ Partnership for 21 st Century Skills, Framework for 21st Century Learning, [ออนไลน์],
แหล่งทม่ี า: http:// www.21st centuryskills.org /files/fulltext/Ed. [๑๑ กนั ยายน ๒๕๖๔].

๕๗

58

๒) ดา้ นทักษะการเรยี นรู้และการคิด ทกั ษะการเรยี นร้แู ละการคิดท่คี วรพัฒนาคนในศตวรรษ
ท่ี ๒๑ คือ ความอยากรู้/จิตแห่งวิทยาการ (Disciplined mind) การคิดระดับสูง การคิดเชิงวิพากษ์
ทักษะการแก้ปัญหา จัดการและแก้ไขความขัดแย้ง ทักษะการสังเคราะห์ (Synthesizing mind)
ทักษะการคิดเชงิ สร้างสรรค์และผลิตนวัตกรรม ทกั ษะการทำงานเปน็ ทีม/การทำงานร่วมกนั / การสรา้ ง
ครือข่าย ทักษะปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล/การเรียบรู้แบบมีส่วนร่วม ทักษะการเรียนรู้ตามบริบท
ทักษะด้านไอซีที ทักษะการใช้วิธีการเรียนรู้ ทักษะการใช้ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร ทักษะการตั้ง
คำถามและการวเิ คราะห์ ทกั ษะการหาแนวโน้มและคาดการณค์ วามเป็นไปได้และทักษะการรคู้ ิด

๓) ด้านทักษะชีวิต ทักษะชีวิตท่ีควรพัฒนาในศตวรรษที่ ๒๑ คือ ความเป็นผู้นำ
ความสามารถในการปรับตัว การใช้เหตุผลที่ดี ความรับผิดขอบต่อตนเอง สังคม และในฐานะพลเมือง
การเข้าถึงคน/การเจรจา การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้อ่ืน ความสามารถในการชี้นำตนเอง ความ
กล้าเสี่ยง การจัดการ ความซับซ้อน การรู้จักเพิ่มพูนประสิทธิผลของตนเอง ความสามารถในการ
สื่อสารแบบโต้ตอบ/การโต้ตอบโดยอิสระ การมีส่วนร่วมในฐานะพลเมือง ในระดับท้องถิ่นและโลก
ความเป็นพลเมืองดิจิตอล (digital citizenship) จิตแห่งความเคารพ (Respectful mind) และจิต
แหง่ จริยธรรม (Ethical mind)๔

๒. ผลลพั ธ์หรอื ตวั ชี้วัดผลการเรยี นรดู้ า้ นทักษะในศตวรรษท่ี ๒๑

๑. ทักษะทางปัญญา การรู้ การคิด และการปฏิบัติ ประกอบด้วยความสามารถในการ
แสดงออกผ่านการฝึกปฏิบัติในหลักสูตรในลักษณะท่ีให้แก้ปัญหาท่ีมีความท้าทาย ทำโครงการหรือ
โครงงานตา่ ง ๆ เพื่อส่งเสรมิ ความสามารถ ในการปฏิบัตทิ ีเ่ พ่มิ ขน้ึ เรอ่ื ย ๆ ดังต่อไปน้ี๕

๑.๑ การตงั้ คำถามและการวิเคราะห์
๑.๒ การคดิ เขงิ วิพากษ์ และการคดิ เชิงสร้างสรรค์
๑.๓ การสอื่ สารดว้ ยการเขียน และการพดู
๑.๔ ความรพู้ ้นื ฐานในเรอื่ งปรมิ าณ
๑.๕ ความรู้พนื้ ฐานในขอ้ มูลข่าวสาร
๑.๖ การทำงานเปน็ ทีม และการแกไ้ ขปญั หา
๒. ความสร้างสรรค์และนวัตกรรม โดยแสดงความคิดสร้างสรรค์ ผลิตความรู้ และพัฒนา
นวตั กรรมทเ่ี ปน็ ผลติ ผล และกระบวนการ โดยใช้เทคโนโลยตี า่ งๆ เชน่
๒.๑ การประยกุ ตใ์ ช้ความรทู้ ่มี เี พอ่ื สรา้ งแนวคดิ ใหม่ ผลิตภณั ฑ์ใหม่ หรือกระบวนการใหม่

๔ ชยั วฒั น์ สทุ ธิรตั น์, ๘๐ นวตั กรรมการจดั การเรยี นรู้ทเี่ น้นผเู้ รียนเปน็ สำคัญ, พิมพ์ครัง้ ท่ี ๗, (นนทบรุ ี
: พี บาลานซ์ดไี ซดแ์ อนปริน้ ต้ิง, ๒๕๕๙), หน้า ๒.

๕ ประสงค์ หัสรินทร,์ การจดั การเรียนร,ู้ หน้า ๓.

๕๘

59

๒.๒ การสร้างงานทเ่ี ป็นต้นแบบเพื่อสอื่ ถึงตัวตนหรือกลมุ่
๒.๓ การใช้รปู แบบหรือแบบจำลอง และการจำลอง (Model) เพื่อสำรวจระบบและพฒั นา
เร่ืองท่ีซับซ้อน
๒.๔ การนำเสนอแนวโนม้ และคาดการณค์ วามเปน็ ไปได้
๓. การสื่อสารและการทำงานร่วมกัน เป็นความสามารถใช้ประโยชน์จากส่ือดิจิทัลและ
สภาพแวดล้อม ทางดิจิทัลเพ่ือสื่อสารการทำงานร่วมกัน และสนับสนุนการเรียนรู้ทางไกล สำหรับ
ตวั เองและผู้อนื่ คอื
๓.๑ มีปฏิสัมพันธ์ ให้ความร่วมมือ เผยแพร่งานร่วมกับเพ่ือน ผู้เชี่ยวชาญ และบุคคลอื่นๆ
โดยใชส้ อ่ื ดจิ ิทลั ต่าง ๆ
๓.๒ ส่ือสารข้อมูล และความคิดไปสู่ผู้รับจำนวนมากอย่างมีประสิทธิผล โดยใช้ส่ือหลายๆ
แบบ
๓.๓ พัฒนาความเช้าใจทางวฒั นธรรมและจติ สำนึกต่อโลก ด้วยการคลุกคลปี ฏิสัมพนั ธเ์ ป็น
เพื่อนกับผู้เรยี น และจากวัฒนธรรมอนื่ ๆ
๔. การคิดเชิงวิพากษ์ แก้ปัญหา และการตัดสินใจ เป็นความสามารถแสดงทักษะการคิดเซิง
วิพากษ์หรือ วางแผนและวิจัยบริบทจัดการโครงการ แก้ปัญหา ตัดสินใจจากข้อมูล โดยใช้เคร่ืองมือ
ดจิ ิทัล ดดั แปลงและใชข้ ้อมลู จากอินเทอร์เน็ตอย่างเหมาะสม ดว้ ยการดำเนินการตอ่ ไปนี้
๔.๑ กำหนดและนิยามปญั หาทีแ่ ทจ้ รงิ และกำหนดดำถามสำคญั เพอ่ื คน้ คว้า
๔.๒ วางแผนและจัดการกับกจิ กรรมเพ่อื ให้ได้ดำตอบ หรือทำโครงการให้สำเร็จ
๔.๓ รวบรวม วิเคราะหข์ ้อมลู เพ่ือหาคำตอบหรือตัดสินใจโดยอาศยั ขอ้ มูลหลายแหลง่
๔.๔ ใช้กระบวนการต่างๆ และแนวทางทห่ี ลากหลายเพ่อื สำรวจทางเลอื กอ่นื ๖

๓. การเรียนการสอนในศตวรรษท่ี ๒๑ : ความรู้และทักษะสำคัญ

ภาคีแห่งศตวรรษที่ ๒๑ (Partnership for ๒๑st Century Skills) ได้นำเสนอกรอบ
ความคิดการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ ๒๑ ท่ีประกอบด้วย สาระความรู้และทักษะที่สำคัญท่ีจำเป็นต้อง
พัฒนาให้เกิดข้ึนในตัวผู้เรียนในปัจจุบัน และอนาคต โดยผู้เรียนต้องเรียนรู้ในสาระวิชาแกนต่าง ๆ ให้
เกิดการรู้ (Literary) ความเข้าใจ และนำไปใช้ในชีวิตจริงได้ มีความรู้แนวคิดท่ีสำคัญในศตวรรษท่ี ๒๑
เรียนรู้และปฏิบัติทักษะในการทำวิจัยได้ และปฏิบัติงานอย่างสร้างสรรค์ โดยท่ีหน่วยงานท่ีรับผิดชอบ
การจัดการศึกษาจะต้องให้ความสำคัญกับทักษะแห่งศตวรรษที่ ๒๑ เพื่อให้การดำเนินงาน บรรลุ

๖ Bellanca, J.A., and Brandt, R.S., 21st Century Skills: Rethinking how students learn,
(Bloomington, IN : Solution Tree Press, 2010), p.4.

๕๙

60

เป้าหมายและประสบผลสำเร็จ ท้ังในมิติของวิชาแกน แนวคิดท่ีสำคัญ ทักษะสำคัญ และระบบ
สนับสนุนการศึกษา ในศตวรรษท่ี ๒๑ ไว้ดังนี้

๓.๑ ความร้วู ชิ าแกน
วิชาทคี่ วรมีการพฒั นาการเรียนร้สู ำหรบั ผเู้ รยี นอย่างจรงิ จงั ในศตวรรษท่ี ๒๑ คือ
๑. ภาษาองั กฤษ การอา่ น หรือศลิ ปะการใชภ้ าษา
๒. ภาษาสำคัญของโลก
๓. วทิ ยาศาสตร์
๔. คอมพวิ เตอร์
๕. ภูมศิ าสตร์
๖. ประวัติศาสตร์
๗. เศรษฐศาสตร์
๘. ศิลปะ
๙. การปกครองและหน้าทีพ่ ลเมอื ง
๓.๒ แนวคิดสำคัญในศตวรรษท่ี ๒๑
แนวคิดสำคัญท่ีผู้เรียนจะต้องรู้และเข้าใจถึงความสำคัญที่มีต่อตนเองและสังคม และ
สามารถนำไปปฏบิ ตั ิในการดำรงชีวิต ในสงั คมทม่ี คี วามเปลย่ี นแปลงอย่างรวดเรว็ และทว่ั ถึงกนั คือ
๑. จติ สำนกึ ตอ่ โลก การอนรุ ักษ์ และพฒั นา
๒. ความรู้พื้นฐานด้านการเงิน เศรษฐกิจ ธุรกิจ และการเป็นผู้ประกอบการ เพื่อพัฒนาให้
เปน็ ผ้ทู ่สี ามารถ สรา้ งงาน สร้างรายไดเ้ ปน็ ของตวั เอง
๓. ความรพู้ นื้ ฐานดา้ นพลเมอื ง การทำหน้าทขี่ องพลเมอื งดีของประเทศ
๔. ความรู้พ้นื ฐานด้านสุขภาพ การดูแล การป้องกนั โรคภัยไข้เจบ็ เพอ่ื การดำรงชีวิตอย่างมี
ความสุข
๕. ความรู้พื้นฐานด้านส่ิงแวดล้อม การใช้ การดำรงรักษา การปรับปรุงและพัฒนาให้
เหมาะสม
๓.๓ ทกั ษะสำคัญ
ทักษะต่างๆ ท่ีกล่าวไว้ต่อไปน้ีมีความสำคัญและจำเป็นอย่างย่ิง ซึ่งเป็นทั้งสาระความรู้
ความชำนาญในการปฏิบัติ และคุณลักษณะสำคัญที่ต้องปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและสร้างสรรค์ จัดว่า
เปน็ ความรู้ ซง่ึ ตอ้ งเรียนร้แู ละฝึกปฏบิ ัติ ควบคูก่ นั ไปในการเรียนรูท้ กุ สาขาวิชา เชน่
๑. ทกั ษะการเรยี นและนวัตกรรม (Learning and Innovation Skills) ประกอบดว้ ย

๑.๑ การคิดเชิงวิพากษ์ หรือคิดอย่างมีวิจารณญาณ และแก้ปัญหา (Critical
Thinking and Problem Solving)

๖๐

61

๑.๒ การคดิ สร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creative Thinking and Innovation)
๑.๓ การสือ่ สารและการรว่ มมือกันทำงาน (Communication and Collaboration)
๒. ทกั ษะชวี ิต และการทำงาน (Life and Career Skills)
เป็นทักษะท่ีสำคัญเพ่ือพัฒนาการเรียนรู้และที่ทุกคนต้องมีเพื่อการดำรงชีวิตและการ
ปฏิบัติงานในอาชีพ และผู้เรียนจะต้องได้รับการสอน การให้ฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ เพ่ือส่งเสริมการ
เรียนรู้และเพ่ือพัฒนาการเรียนรู้และ สำหรับการดำรงชีวิต และการปฏิบัติงานอย่างสร้างสรรค์ มี
ความสุขของตนเองในอนาคต คุณลักษณะหรือสมรรถนะ ที่ทุกคนต้องมี Life and Career Skills
ประกอบดว้ ย
๒.๑ ความยืดหยุ่น และความสามารถในการปรบั ตัว
๒.๒ ความคดิ รเิ ร่ิม และการขน้ี ำตนเอง กำกบั ตนเอง
๒.๓ ทกั ษะทางสงั คม และการเรียนรู้ข้ามวัฒนธรรม
๒.๔ การเพิม่ ผลผลติ คุณภาพของตนเอง และความรู้รบั ผดิ ขอบ (Accountability)
๒.๕ ความเป็นผู้นำ และความรบั ผิดชอบตอ่ ส่วนรวม (Responsibility)
๓. ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี (Information Communication and
Technology : ICT) ประกอบด้วย
๓.๑ ความรพู้ ื้นฐานดา้ นสารสนเทศ
๓.๒ ความรพู้ ้ืนฐานดา้ นส่อื ต่างๆ และการใชส้ ่ือ
๓.๓ ความรู้พ้ืนฐานทางเทคโนโลยสี ารสนเทศ และการสอ่ื สาร (ICD การเข้าถึงและใช้
ข้อมลู และการสอ่ื สาร สื่อความหมายอยา่ งสรา้ งสรรค์
๓.๔ ระบบสนบั สนนุ การศึกษาสำหรับศตวรรษท่ี ๒๑
หน่วยงานหรือองค์กรต้นสังกัดที่รับผิดขอบต่อการจัดการศึกษาจะต้องให้ความสำคัญ
สนับสนุนและพัฒนา ในด้านต่างๆ ต่อไปนี้ให้สอดคล้องกับสาระสำคัญต่างๆ ของการพัฒนาผู้เรียนใน
ศตวรรษที่ ๒๑ ดังกลา่ วข้างตนั ในประเดน็ ต่างๆ ต่อไปน้ี
๑. มีมาตรฐานและการประเมนิ สำหรบั ศตวรรษท่ี ๒๑ ท่นี า่ เชื่อถอื เปน็ ท่ียอมรบั
๒. หลกั สูตรและการสอนของศตวรรษที่ ๒๑ ตอ้ งมีการพัฒนาอยา่ งต่อเนือ่ ง
๓. การพัฒนาในวิชาชีพ (Professional Development) ของบุคลากรทางการศึกษา
จะต้องมกี ารสนับสนุน และพฒั นาใหส้ อดคลอ้ งกบั เป้าหมาย และดำเนินไปอย่างตอ่ เนอื่ งอยา่ งจริงจงั

๖๑

62

๔. สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ของศตวรรษท่ี ๒๑ ต้องมีการพัฒนาให้สอดคล้องกันในทุก
ด้าน ซ่ึงจะขับเคล่ือนสู่เป้าหมายการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นบุคลากรของชาติที่พัฒนาและก้าวหน้าในทุก
ดา้ นของการเปน็ มนุษยท์ ่ีสมบรู ณ์ ในสังคมโลกไรพ้ รมแดน๗

๔. องคป์ ระกอบของการเรียนการสอนในศตวรรษที่ ๒๑ (Elements of 21st Century
Instruction)

การพัฒนาผู้เรียนแห่งศตวรรษท่ี ๒๑ สำหรับปัจจุบันและอนาคต ผู้ท่ีเก่ียวข้องทุกฝ่ายควร
ให้ความสำคัญ สนับสนุน และส่งเสริมอย่างจรงิ จัง ทั้งน้ี ความรู้ การเรียนรู้ ทักษะ และสมรรถนะหรือ
คณุ ลักษณะต่างๆ ทร่ี ะบุนั้นเป็นเป้าหมายของการเรียนร้ใู นศตวรรษท่ี ๒๑ ดังกล่าว เป็นเป้าหมายและ
นโยบายการจัดการศึกษามาโดยตลอดเกือบบทศตวรรษท่ีผ่านมา แต่ขาดการใสใจให้ความสำคัญ
เท่าที่ควร ซ่ึงเป็นสาเหตุหน่ึงของปัญหาในทุกด้านในปัจจุบัน และมีแนวโน้มท่ีจะเป็นไปอย่างต่อเน่ือง
กระแสของการให้ความสำคัญตอ่ ทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ รวมถึงทกั ษะชีวติ และการประกอบอาชีพของ
มนษุ ย์เป็นไปทว่ั โลก ซึ่งทุกแหง่ ได้ใหค้ วามสำคญั และกำลังดำเนนิ การอย่างจรงิ จงั ๘

เจคติของผเู้ รยี นและ สาระความรู้ การมสี ว่ นรว่ มในการเรียนรู้
แรงจูงใจในการเรียนรู้ ในแตล่ ะวิชา และการใช้ความคิด
(Attitude and Motivation)
(Subject Content) (Thoughtful Engagement)

3 Rs 4 Cs
Four
Three Rs 3x

การใช้เทคโนโลยี ทักษะชวี ติ และ
อยา่ งมีประสิทธิภาพ ทกั ษะในวชิ าชพี
(Effective Use of Technology) (Life and Career Skills)

๗ Bellanca, J.A., and Brandt, R.S., 21st Century Skills: Rethinking how students learn,
(Bloomington, IN : Solution Tree Press, 2010), p. 4.

๘ Beers, S.A., Teaching 21st Century Skills : an ASCDO action tool, (Alexandria : ASCD,
2011), p. 223.

๖๒

63

แผนภาพที่ ๓.๑ : องคป์ ระกอบของการเรียนการสอนในศตวรรษที่ ๒๑

๕. ความสำคญั ของการเรยี นทกั ษะ 4Cs

ทักษะ 4Cs ที่สำคัญอย่างยิ่งท่ีจะต้องบูรณาการผสมผสานกับการสอนเน้ือหาสาระต่างๆ
ในวิชาแกน ควบคู่กับการส่งเสริมและพัฒนาทักษะการอ่าน การเขียน และการคิดคำนวณ (๓Rs)
เน่ืองจากการเรียนรู้ที่ดี เป็นการให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียน และการจงใจให้ผู้เรียนเรียนรู้อย่าง
ต่อเน่ืองด้วยความสนใจและตั้งใจ ครูจึงต้องทำให้กระบวนการเรียนรู้น้ันชัดเจน เพื่อท่ีนักเรียนจะได้
มองเห็นกระบวนการเรียน วิธีการเรียนรู้ของตัวเอง สามารถไตร่ตรองสะท้อนคิด (Reflect) เกี่ยวกับ
กระบวนการเรียนรู้และทักษะสามารถปรบั ปรงุ ตนเองได้

เพ่ือพัฒนาเน้นผู้เรียนท่ีมีศักยภาพ มีทักษะ และเป็นนักสร้างหรือนักนวัตกรรม ผู้เรียน
จำเป็นต้องมีการฝึกกระบวนการคิด วิธีการคิดของตัวเองอย่างสม่ำเสมอในเน้ือหาสาระที่แตกต่างกัน
หลากหลายและซับซ้อนยิ่งข้นึ ผู้เรียนจะต้องเกิดการรู้จริง ปฏิบัติไดโ้ ดยอัตโนมัติ สามารถนำมาใช้ได้ใน
สถานการณอ์ ่นื ๆ อยา่ งมีประสิทธภิ าพและประสทิ ธผิ ล๙

๕.๑ ทกั ษะ 4Cs มคี วามสำคัญและชว่ ยพัฒนาผ้เู รียนในด้านตา่ งๆ ดงั นี้
๑. ชว่ ยใหเ้ ขา้ ใจในเนอื้ หาสาระตา่ งๆ อยา่ งลึกซ้ึง (Deep Understanding)
๒. ชว่ ยเพมิ่ ความสนใจในสาระวิชาต่าง ๆ (Increase Interest)
๓. ช่วยจำคำสำคัญ มโนทัศน์สำคญั ต่างๆ ได้นาน เกิดความคงทนในการเรียนรู้ (Increase
Retention)
๔. ชว่ ยพัฒนาการคิดและรปู แบบวธิ คี ดิ (Develop Thinking Routine)
๕. เป็นการเตรียมความพร้อมเพื่ออนาคตในด้านต่างๆ ที่จะเกดิ ขึ้น และเปลี่ยนแปลงอย่าง
รวดเร็ว
๕.๒ ทักษะ 4Cs ประกอบดว้ ยทกั ษะในด้านตา่ งๆ ดังนี้
๑. ทักษะการคิดสรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
๒. ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและแก้ปัญหา (Critical Thinking and Problem
Solving)
๓. ทักษะการส่ือสารสื่อความหมาย (Communication)
๔. ทกั ษะความร่วมมอื (Collaboration)
ทักษะ 4Cs มีจุดเน้นและเป้าหมายท่ีสำคัญ คือ การพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง (Higher
Order Thinking) ซึ่งเป็นทักษะท่ีสำคัญยิ่งในการพัฒนาสติปัญญาความคิด เพื่อการสร้างสรรค์ในทุก

๙ วัชรา เลา่ เรยี นดี, ปรณัฐ กิจรุ่งเรือง และ ผศ.ดร.อรพิณ ศิรสิ ัมพันธ์, กลยุทธ์การจัดการเรียนรเู้ ชิงรุก
เพ่ือพัฒนาการคิดและยกระดับคุณภาพการศึกษา สำหรบั ศตวรรษท่ี ๒๑, (กรุงเทพมหานคร : เพชรเกษมพรนิ้ ติ้ง,
๒๕๖๐), หน้า ๒๐-๒๖.

๖๓

64

มิติของความเป็นมนุษย์ ซ่ึงจะต้องอาศัยทักษะการส่ือสาร ส่ือความหมาย การร่วมมือ การแลกเปลี่ยน
เรียนรู้กันและกนั จึงจะพฒั นาไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ และประสทิ ธิผล

จากแผนภาพองค์ประกอบ ๓ ด้าน ภายในสามเหลี่ยม (3Rs + 4Cs) แสดงถึงการบูรณา
การหรือผสมผสาน เนื้อหาสาระความรู้กับการรู้และทักษะพื้นฐานที่สำคัญ สำหรับการเรียนรู้ในทุก
ประเภท ทุกระดับ และทุกวิชา ซ่ึงประกอบด้วยกระบวนการคิดและทักษะต่างๆ สำหรับนำสาระ
ความรตู้ ่างๆ ไปใช้อยา่ งมีความหมายและมีประโยชน์ สว่ นองค์ประกอบใน ๔ ด้านรอบนอกสามเหลย่ี ม
คือ องค์ประกอบสำคัญที่ใช้ประกอบในการออกแบบการเรียนการสอน สำหรับการเรียนรใู้ นศตวรรษที่
๒๑ หรอื การเรยี นรู้เพ่อื พัฒนาผู้เรียนแห่งศตวรรษที่ ๒๑

๖. องค์ประกอบสำคัญท่สี นับสนนุ การพฒั นาผู้เรียนแหง่ ศตวรรษที่ ๒๑

๑. การสร้างเจตคติของผู้เรียนและแรงจูงใจในการเรียนรู้ (Learner Attitude and
Motivation to Learn) เป็นกิจกรรมในการเรียนการสอนท่ีสำคัญอย่างหนึ่ง ในขณะที่วางแผนการ
สอน ครูจำเป็นต้องถามและตอบเองเสมอว่า จะสร้างเจตคติท่ีดีเก่ียวกับเนื้อหาที่จะเรียนให้กับผู้เรียน
อย่างไร จงู ใจอย่างไร ใหผ้ เู้ รียนมองเห็นประโยชนจ์ ากการเรียนรนู้ ี้ เปน็ ตน้

๒. การส่งเสริมผู้เรียนให้มีส่วนร่วมและใช้ความคิดในการเรียนรู้ หรือร่วมเรียนรู้เพ่ือให้
เกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกัน เพราะการสร้างนักคิดและนักสร้างมาจากการที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมใน
กระบวนการเรียนรไู้ ดไ้ ตรต่ รองยอ้ นคดิ เก่ียวกับผลการเรยี นรู้ ผลการใชค้ วามพยายามตนเองอยเู่ สมอ

๓. การใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยี คือ เคร่ืองมือท่ีช่วย
ส่งเสริมความเข้าใจ และการจัดการกับข้อมูลความรู้ต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ ครูจึงควรบูรณาการให้มี
การใช้เทคโนโลยีต่างๆ ท่ีช่วยให้ผู้เรียน เรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อให้เข้าถึง
แหล่งข้อมลู ต่างๆ และใช้ข้อมูลต่างๆ อยา่ งเหมาะสม ผเู้ รยี นจะต้องพัฒนาสมรรถนะต่างๆ เหล่านี้ คือ

๑) การรู้ หรือความรู้และความสามารถในการเข้าถึงแหล่งสาระข้อมูล ความรู้ต่างๆ
สามารถประเมินและใช้หรือจดั การกบั สาระความรู้เหล่านน้ั อย่างฉลาด (Information Literacy : IL)

๒) การรู้หรือความรู้ความสามารถเก่ียวกับส่ือเทคโนโลยีต่างๆ โดยสามารถรู้และ
เข้าใจวา่ ขอ้ มูลตา่ งๆ ทน่ี ำเสนอ โดยส่ือตา่ งๆ ถกู สรา้ งมาอย่างไร และดว้ ยจุดประสงคใ์ ด

๓) การรู้หรือความรู้เกี่ยวกับข้อมูล การสื่อสาร การสื่อความหมาย และเทคโนโลยี
(Information, Communication and Technology : ICT) โดยสามารถเลือกและใช้เคร่ืองมือหรือ
เทคโนโลยีตา่ งๆ ในการสรา้ งงานไดอ้ ย่างเหมาะสมและสร้างสรรค์

การเข้าถึงขอ้ มูลต่างๆ ปัจจุบันไมใช่ปัญหาสำคัญ แต่การที่แสงหาข้อมูลท่ีถูกต้องได้อย่างมี
ประสิทธิภาพและประสิทธิผล มีความสำคัญมากกว่า น้ันคือ ผู้เรียนจะเรียนรู้และพัฒนาทักษะการคิด
ในการเรียนรู้และใช้ข้อมูลอย่างสร้างสรรค์ โดยครูจะต้องจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีส่งเสริมทักษะการ

๖๔

65

สบื เสาะ เชน่ ใช้กลยทุ ธ์ ๕As คือ การถามคำถามหรอื ใช้คำถาม (Ask) การตอบคำถามโดยใชข้ อ้ มลู จาก
การสืบเสาะ (Answer) การใช้ข้อมูลโดยการวิเคราะห์และสังเคราะห์ (Analysis) การนำข้อมูลท่ีผ่าน
การวิเคราะห์และสังเคราะห์ไปใช้ (Apply) การประเมินพูด (Assess) ของการใช้เทคโนโลยี
กระบวนการสบื เสาะและเรยี นรกู้ ระบวนการคิดในการเรียนรู้

๔. ทักษะชวี ติ และทกั ษะอาชีพ (Life and Career Skills) เปน็ ทักษะท่ีสำคัญท่ีตอ้ งพฒั นา
ให้เกิดข้ึนกับ ผู้เรียนมากท่ีสุดอีกด้านหน่ึง ในปัจจุบันและเพื่ออนาคต ผลจากการศึกษาวิจัยได้ข้อสรุป
ว่าเพื่อการเข้าสู่อาชีพในแต่ละอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ผู้เรียนต้องมีทั้งความรู้
และความสามารถในการใช้ทักษะต่างๆ ในการดำรงชีวิต และการปฏิบัติงานในอาชีพอย่างมี
ประสิทธิภาพ๑๐ จากการจัดลำดับ ทักษะสำคัญมากท่ีสุด ทักษะท่ีผู้ท่ีจะเข้าสู่อาชีพแต่ละอาชีพต้องมี
คือ

๑) จรยิ ธรรมในวิชาชพี และการปฏิบัตงิ าน
๒) ทกั ษะในทางส่ือสารทั้งการพูดและการเขียน
๓) ความรว่ มมือการทำงานเป็นทมี (Team Work)
๔) การคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและแก้ปัญหา
๕) ทกั ษะการอ่านอยา่ งเขา้ ใจ (Reading Comprehension) เปน็ ทักษะทีส่ ำคัญมาก สาระ
ความรูห้ รอื เนื้อหา (Content Area) คือ พ้ืนฐานของการเรียนรู้ดา้ นอื่นๆ ในเวลาเดยี วกัน
ผู้เรียนจะเรียนรู้ได้ดีมีคุณภาพก็ต้องอาศัยทักษะการคิดต่างๆ มาประกอบด้วย โลกใน
ศตวรรษท่ี ๒๑ ผู้เรียนจะต้องสามารถสร้างความรู้ใหม่ ใช้ความรู้ใหม่ได้หลากหลาย สามารถ
ปรบั เปล่ยี นคัดแปลงไดอ้ ย่างสรา้ งสรรคใ์ นโลกของการเปลย่ี นแปลงนี้
นอกจากการเรียนรู้ในสาระความรู้ และการใช้ทักษะต่างๆ ดังกล่าวแล้ว ผู้เรียนจะต้อง
พัฒนาทักษะส่วนบุคคล (Personal Skills) ที่เกี่ยวข้องกับการกำกับควบคุมตนเอง และการทำงาน
ร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ (Collaboration) เป็นบุคคลที่ทำงานมีคุณภาพ ทักษะการพัฒนาตนเอง
เช่น
๑) การมคี วามยดื หยุ่น ปรับตวั ไดง้ ่าย
๒) มคี วามคิดรเิ รม่ิ และกำกบั ควบคมุ ตัวเองได้ (Self-direct Learning)
๓) มคี วามคดิ สรา้ งสรรคแ์ ละร้รู ับผดิ ชอบตอ่ ตนเอง ตอ่ สงั คม ต่อสว่ นรวม
๔) มีภาวะผู้นำและรบั ผิดขอบต่อบทบาทหนา้ ทีใ่ นกลมุ่

๑๐ Casner Lotto and Barrington, Are They Really Ready to work? Employers?
Perspectives on the Basic Knowledge and Applied Skills on New Entrants to the 21st Century
U. S. workforce, Partnership for 21st Century Skills, [Online] Retrieved May, 11, 2016
.fromhttp://files. Eric.ed.gov/fulltext/Ed๕๑๙๔๖๕, (2016).

๖๕

66

ถึงแม้ว่าทักษะเหล่านี้สอนและฝึกให้เกิดข้ึนได้ไม่ง่ายนัก แต่การที่ให้โอกาสผู้เรียน ฝึก
ปฏิบัติและเห็นตัวอย่าง แบบอย่างที่ดี ให้โอกาสสร้างความเข้าใจและไตร่ตรอง สะท้อนคิด
(Reflection Thinking) เกย่ี วกับทักษะเหล่านีจ้ ะช่วยส่งเสริมและพัฒนาผเู้ รียนไดอ้ ยา่ งต่อเนอื่ ง

ดังน้ัน การจัดการเรียนรู้และการพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษท่ี ๒๑ จะต้องผสานทุก
องค์ประกอบเข้าด้วยกัน คือ สาระความรู้ในวิชาแกน (Content Knowledge) ทักษะเฉพาะต่างๆ
ความเชี่ยวชาญ และการรอบรูท้ ้ังการอ่าน การเขียน การคิดคำนวณ โดยสามารถนำสิ่งท่ีรู้ไปปฏิบัติใน
ชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ความรู้ความสามารถด้านการอ่าน (Reading) การ
เขยี น (Writing) และการคิดคำนวณ (Arithmetic) หรือ Three Rs ยังคงมีความสำคัญและเป็นพ้ืนฐาน
ของความสำเรจ็ ในการเรยี นและชวี ิต นอกจากนั้นการรอบรู้และความชำนาญในอีก ๔ ด้าน คอื

๑) การคดิ สร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
๒) การคิดอย่างมีวิจารณญาณและคิดแก้ปัญหา (Critical Thinking and Problem
Solving)
๓) การส่อื สาร ส่ือความหมาย (Communication)
๔) การร่วมมือกัน (Collaboration) ท่ีมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการ
ส่งเสริมและพัฒนาอย่างจริงจงั และต่อเน่ือง รวมทง้ั การรู้ (Literacy) ดา้ นเทคโนโลยตี ่างๆ การแสวงหา
ความรู้ด้วยวิธีการต่างๆ และการมีความรับผิดชอบ ต่อส่วนรวมและสังคมเป็นอีกมิติหน่ึงที่สำคัญใน
ศตวรรษท่ี ๒๑
องคป์ ระกอบสำหรับการจัดการเรียนร้ใู นศตวรรษที่ ๒๑ ท่สี ำคญั ทีส่ ุดท่ีช่วยให้การเรยี นร้ใู น
องค์ประกอบอืน่ ๆ บรรลุเป้าหมาย กค็ อื ดา้ นทกั ษะสำคัญ ๔ ด้าน อาจจะกล่าวไดว้ า่ เป็นทักษะทพี่ ัฒนา
ได้ยากกวา่ ด้านอื่น และตอ้ งมีการสง่ เสริมพัฒนาอย่างตอ่ เนอ่ื งด้วยวิธกี ารที่ถกู ตอ้ งเหมาะสม ศตวรรษท่ี
๒๑ เป็นยุคของการสร้างและพัฒนาผู้เรียน ใหเ้ ป็นนกั คิด สามารถคดิ แก้ปัญหาอย่างสรา้ งสรรค์ และอยู่
ร่วมด้วยกับผู้อื่นทั้งที่บ้านและท่ีทำงาน ความสามารถ ในการเรียนรู้ ร่วมรับผิดชอบต่องาน ต่อกลุ่ม
สร้างสรรค์ใหม่ๆ อย่างต่อเน่ืองเป็นความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ในยุคปัจจุบันและอนาคต
นอกจากน้ีผู้ที่อยู่ในวัยทำงาน ไม่เพียงแต่จะต้องมีความพร้อมด้านเทคนิควิธีปฏิบัติงาน แต่ต้องมี
ความสามารถในการสร้าง วเิ คราะห์ แปลความ ข้อมูลต่างๆ ไปใช้อย่างสรา้ งสรรค์และมีปฏิสัมพนั ธ์กับ
ผู้อ่ืน เป็นอย่างดี ซ่ึงประกอบด้วยทักษะ 4Cs ดังที่กล่าวมา ท้ังนี้ในแต่ละทักษะดังต่อไปนี้ ครูสามารถ
นำไปปรบั ความยากงา่ ยให้เหมาะสมกบั ผู้เรยี นแตล่ ะวยั ได้ โดยมีแนวทางการนำไปใช้ ดังตอ่ ไปนี้

๖๖

67

๗. แนวทางการพฒั นาทกั ษะ 4Cs

๗.๑ การคิดสร้างสรรคแ์ ละนวัตกรรม (Creativity and Innovation) เช่น
๑) คิดอยา่ งสรา้ งสรรค์ (Think Creativity) เช่น

(๑) นำเสนอแนวคดิ ตา่ งๆ ได้อยา่ งมากมาย หลากหลาย โดยการใช้กลยุทธ์ การระดม
สมอง (Brain storming) เปน็ ดน้

(๒) สรา้ งแนวคดิ ใหม่ทม่ี ีคณุ คา่ ยิง่ ขึ้น
(๓) อธิบายรายละเอียด ขยายความ วิเคราะห์ และประเมินแนวคิดของตัวเอง เพ่ือ
ปรับปรุงและพัฒนาความคิดสรา้ งสรรค์
๒) ทำงานอยา่ งสรา้ งสรรคก์ บั ผู้อ่ืน (Work Creativity with others) เช่น
(๑) พัฒนาแนวคิดใหม่ นำไปใช้และเผยแพรแ่ นวคิดใหม่ใหผ้ อู้ ่ืนไดอ้ ยา่ งสร้างสรรค์
(๒) เปิดใจ ใจกวา้ ง ตอบสนองต่อแนวคิดใหม่ทแี่ ตกต่างกับตัวเอง รวบรวมข้อมูลของ
กลุ่มและให้ข้อมลู ยอ้ นกลับแกก่ นั และกัน
(๓) แสดงออกซงึ่ ผลงานท่ีสร้างสรรค์ แปลกใหม่ เข้าใจข้อจำกัดในการปรับใช้แนวคิด
ใหมใ่ นสถานการณ์จริง
(๔) คิดบวก มองและยอมรับข้อผิดพลาดว่าเป็นโอกาสในการเรียนรู้ และเข้าใจว่า
ความคดิ สรา้ งสรรค์ และนวัตกรรมเป็นกระบวนการ เป็นจกั รตอ่ เน่อื งทดี่ ี ท้งั ความสำเร็จเพยี งเลก็ น้อย
และความผิดพลาดบ่อยๆ ท่เี กิดขึน้ ในระยะยาวถอื เปน็ เรอ่ื งปกติ
๓) การใชน้ วัตกรรม (Implement Innovation)
(๑) แสดงออกซ่ึงความคิดสร้างสรรค์ท่ีเป็นรูปธรรม มีประโยชน์ต่อการใช้นวัตกรรม
นั้น
(๒) ใช้นวตั กรรมน้นั สรา้ งสรรคง์ านอืน่
๗.๒ การคิดอย่างมีวิจารณญาณและแก้ปัญหา (Critical Thinking and Problem
Solving)
๑) ให้เหตุผลอยา่ งมปี ระสทิ ธิผล (Reason Effectively)
(๑) ใช้เหตุผลหลายๆ แบบท่ีเหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ เช่น การให้เหตุผลเชิง
อปุ นัย เป็นต้น
๒) ใช้การคดิ อยา่ งเป็นระบบหรือคิดเชิงระบบ (Use Systems Thinking)
(๑) วิเคราะห์ส่วนย่อยต่างๆ ภายในส่วนใหญ่ว่ามีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไร เพื่อสร้าง
ผลรวมหรือภาพรวม ภายในระบบท่ีซับซอ้ นให้ชัดเจน

๖๗

68

๓) ตดั สินคณุ ค่าและตดั สินใจ (Make Judgments and Decisions)
(๑) วิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ที่ปรากฏจากข้อโต้แย้ง ข้อเรียกร้อง และ

ความเชอ่ื ต่างๆ
(๒) วิเคราะหแ์ ละประเมนิ ทางเลอื กที่สำคญั จากมุมมองต่าง ๆ
(๓) สงั เคราะหส์ รา้ งความเชื่อมโยงระหวา่ งขอ้ มลู กบั ข้อโต้แย้ง
(๔) ตีความหมายข้อมูล และสรา้ งขอ้ สรุปบนฐานการวิเคราะห์ที่ดที ่สี ดุ
(๔) ไตร่ตรองคิดอย่างมีวิจารณญาณเก่ียวกับกระบวนการเรียนรู้ และประสบการณ์

การเรียนรู้
๗.๓ การส่อื สารสอื่ ความหมาย (Communication) เชน่
(๑) แสดงความคิดและแนวคิดอย่างมิประสิทธิภาพชัดเจนท้ังด้านการพูด การเขียน

การใชภ้ าษาสัญลักษณ์ ในลักษณะต่างๆ กนั ในหลายๆ บริบท
(๒) ฟังอย่างต้ังใจ จับประเด็นความหมาย แปลความหมาย ถอดรหัสข้อมูล ความรู้

ค่านยิ ม เจตคติ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
(๓) ใช้การสื่อสารสื่อความหมายในหลายๆ ช่องทาง เช่น (บอก, อธิบาย, สอน, จูง

ใจ) เป็นต้น
(๔) ใช้ส่ือเทคโนโลยีหลายๆ ประเภท ประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลของสื่อ

แต่ละประเภท รวมทั้งผลกระทบของสื่อเหล่านนั้
(๕) สื่อสาร สื่อความหมาย อย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อม สถานการณ์ที่

แตกตา่ งกัน
๗.๔ การร่วมมอื กนั (Collaboration) เช่น
(๑) แสดงออกถึงความสามารถในการฟังอย่างมีคุณภาพ ยอมรับนับถือในความ

แตกตา่ งหลากหลายของแต่ละกล่มุ
(๒) มีความยดื หยุ่น เต็มใจ ช่วยเหลือกลุ่ม สรา้ งความปรองดองเพือ่ ใหก้ ารปฏบิ ัตงิ าน

บรรลุเป้าหมาย และประสบผลสำเร็จ
(๓) แลกเปล่ียนความรับผิดขอบ ร่วมมือกันทำงาน ยอมรับ ยกย่อง มองเห็นคุณค่า

ของสมาชิกกลุ่มทกุ คน
(๔) ถึงแม้ว่าทักษะท้ัง ๔ ด้าน บางประเด็นจะไม่ใช่เรื่องใหม่ที่จะต้องรู้ทันในการ

จดั การเรียนการสอนปัจจุบัน แต่การเน้นย้ำและส่งเสริมจะช่วยพัฒนาผลการเรียนร้ขู องผู้เรียนให้ดีข้ึน
ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคข้อมูลข่าวสาร ไร้พรมแดน การสื่อสารสื่อความหมาย และความรว่ มมือกัน
มคี วามจำเปน็ อยา่ งยิ่งสำหรับการเรยี นรู้และการพัฒนาต่อไป

๖๘
69

๘. ทักษะสำคญั ของผเู้ รยี นในศตวรรษท่ี ๒๑

ทักษะในยคุ ศตวรรษที่ ๒๑ (21st Century skills) วิจารณ์ พานชิ ไดก้ ลา่ วถงึ ทักษะเพ่ือการ
ดำรงชีวิตในยุคศตวรรษท่ี ๒๑ ดังนี้ สาระวิชามคี วามสำคัญ แต่ไม่เพียงพอสำหรับการเรียนรูเ้ พื่อมีชีวิต
ในโลกยุคศตวรรษท่ี ๒๑ ปัจจุบัน การเรียนรู้สาระวิชา (Content หรือ Subject matter) ควรเป็น
การเรยี นจากการค้นคว้าเองของศิษย์ ผ้เู รยี นตอ้ งเกดิ การรู้ (Literary) ความเข้าใจ และนำไปใช้ในชีวิต
จริงได้๑๑ โดยครูผู้สอนช่วยแนะนำ และชว่ ยออกแบบกิจกรรมเพอ่ื ให้ผ้เู รียนบรรลเุ ป้าหมายและประสบ
ผลสำเร็จ เพ่ือพัฒนาให้เกิดขึ้นในตัวผู้เรียนในปัจจุบันและอนาคต ท้ังในมิติของวิชาแกน แนวคิดที่
สำคัญ ทักษะสำคัญ และระบบสนับสนุนการศึกษาในศตวรรษที่ ๒๑ โดยวิชาแกนหลักน้ีนำมาสู่การ
กำหนดเป็นกรอบแนวคิดและยุทธศาสตร์สำคัญต่อการจัดการเรียนรู้ในเน้ือหาเชิงสหวิทยาการ
(Interdisciplinary) ห รื อ หั ว ข้ อ ส ำ ห รั บ ศ ต ว ร ร ษ ท่ี ๒ ๑ เข้ า ไป ใน ทุ ก วิ ช า แ ก น ก ล า ง
ดังตารางที่ ๓.๑ ดงั น้ี

ตารางที่ ๓.๑ ทกั ษะในยุคศตวรรษที่ ๒๑ (21st Century skills)

แกนวชิ าหลกั หัวขอ้ หลกั ของศตวรรษที่ ๒๑
สาระวิชาหลัก (Core Subjects)
๑. ภาษาแม่ และภาษาสำคญั ของโลก
แนวคดิ แห่งศตวรรษที่ ๒๑ ๒.ศลิ ปะ
๓.คณติ ศาสตร์
ทักษะดา้ นการเรยี นรแู้ ละนวัตกรรม ๔.การปกครองและหนา้ ที่พลเมอื ง
๕.เศรษฐศาสตร์
๖.วิทยาศาสตร์
๗.ภูมศิ าสตร์
๘.ประวัตศิ าสตร์
๑.ความรู้เก่ียวกบั โลก (Global Awareness)
๒.ความรเู้ กีย่ วกับการเงิน เศรษฐศาสตร์ ธรุ กิจ และการเปน็
ผปู้ ระกอบการ (Financial, Economics, Business and
Entrepreneurial Literacy)
๓.ความรดู้ า้ นการเปน็ พลเมืองทีด่ ี (Civic Literacy)
๔.ความรดู้ ้านสขุ ภาพ (Health Literacy)
๕.ความรดู้ ้านสิ่งแวดลอ้ ม (Environmental Literacy)

๑.ความรเิ รม่ิ สร้างสรรคแ์ ละนวัตกรรม (Creative Thinking and

๑๑ วิจารณ์ พานิช, วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ ๒๑, (กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิสด
ศรีสฤษดิว์ งศ,์ ๒๕๕๕), หน้า ๑๖-๒๑.

๖๙
70

(Learning and Innovation Innovation)
Skills) จะเป็นตัวกำหนดความพรอ้ ม ๑.๑ การคดิ อย่างสรา้ งสรรค์
ของผู้เรยี นเขา้ สโู่ ลกการทำงานท่ีมี ๑.๒ ทำงานกบั ผ้อู น่ื อย่างสร้างสรรค์
ความซับซ้อนมากขน้ึ ในปัจจบุ นั ๑.๓ การสรา้ งนวตั กรรม

๒.การคดิ อย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา (Critical Thinking
and Problem Solving)

๒.๑ การใชเ้ หตผุ ลอย่างมีประสทิ ธผิ ล

ทักษะดา้ นสารสนเทศ ส่อื และ ๒.๒ การใช้การคดิ อยา่ งเปน็ ระบบ
เทคโนโลยี (Information ๒.๓ การพจิ ารณาและการตดั สนิ ใจ
Communication and ๓.การสือ่ สารและการร่วมมอื (Communication and Collaboration)
๓.๑ สื่อสารอย่างชัดเจน
Technology : ICT) ๓.๒ การรว่ มมือกับผูอ้ น่ื

ปจั จบุ นั มีการเผยแพรข่ อ้ มูลขา่ วสาร ๑. ความรดู้ ้านสารสนเทศ
๑.๑ การเขา้ ถึงและการประเมินขอ้ มลู สารสนเทศ
ผ่านทางส่ือและเทคโนโลยมี ากมาย ๑.๒ การใชแ้ ละการจดั การสารสนเทศ

ผ้เู รยี นจึงต้องมีความสามารถในการ ๒. ความรเู้ กย่ี วกบั สอ่ื
๒.๑ การวเิ คราะหส์ ่ือ
แสดงทักษะการคดิ อยา่ งมี ๒.๒ การผลิตสือ่
วิจารณญาณและปฏิบัติงานได้ ๒.๓ การพจิ ารณาและการตัดสนิ ใจ
๒.๔ การแก้ปัญหา
หลากหลาย
๓.ความรู้ด้านเทคโนโลยี
๓.๑ การประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยอี ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ

ทกั ษะด้านชวี ิต และอาชีพ (Life and ๑. ความยดื หยุ่นและการปรบั ตัว

Career Skills) ๑.๑ ความยดื หยนุ่

ในการดำรงชวี ติ และทำงานในยคุ ๑.๒ การปรับตวั เพอ่ื พรอ้ มรบั การเปลยี่ นแปลง

ปจั จุบนั ใหป้ ระสบความสำเร็จ ผเู้ รยี น ๒. การรเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์และเป็นตัวของตวั เอง

จะต้องพฒั นาทักษะชวี ิตที่สำคญั ๒.๑ การวเิ คราะหส์ ื่อ

๒.๒ การผลิตสื่อ

๒.๓ การพจิ ารณาและการตดั สินใจ

๓. ทกั ษะสงั คมและสังคมขา้ มวฒั นธรรม

๓.๑ การมปี ฏสิ มั พนั ธอ์ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

๓.๒ การทำงานอยา่ งมปี ระสิทธิภาพในทมี ทม่ี ีความหลากหลาย

๔. การเป็นผสู้ ร้างหรือผผู้ ลิต (Productivity) และความรบั ผดิ ชอบ

เชื่อถอื ได้ (Accountability)

๔.๑ การวิเคราะหส์ ่ือ

๗๐
71

๔.๒ การผลติ ส่อื
๕. ภาวะผ้นู ำและความรบั ผดิ ชอบ (Responsibility)

๕.๑ การแนะนำผ้อู ่นื ได้
๕.๒ ความรับผิดชอบตอ่ ผอู้ น่ื

จากต ารางท่ี ๓ .๑ สรุปได้ว่า ทักษ ะยุคศตวรรษ ที่ ๒ ๑ (๒ ๑ st Century skills)
ประกอบด้วยแกนวิชาหลักและหัวข้อหลักของศตวรรษที่ ๒๑ ซึง่ ท้ังสองส่วนนี้ต้องมีการบูรณาการวิชา
ให้ครอบคลุมทักษะ ๓ อย่างที่ผู้เรียนควรมี ได้แก่ ๑) ทักษะชีวิตและการทำงาน ๒) ทักษะการเรียนรู้
และนวัตกรรม และ ๓) ทักษะด้านสารเทศ สื่อ และเทคโนโลยี ดังนั้นครูผู้สอนจำเป็น ต้องเป็น
ผู้ออกแบบกระบวนการเรียนรู้เพื่อทำให้ผู้เรียนเกิดทักษะในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และทักษะ
สำคัญในยุคศตวรรษที่ ๒๑ ท่ีทุกคนต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตคือ การเรียนรู้ 3Rs x 8Cs และเพิ่ม + 2Ls
มีดังต่อไปน้ี ๓Rs ได้แก่ ทักษะด้านการอ่านออก (Reading) ทักษะด้านการเขียนได้ (Riting) ทักษะ
ดา้ นการคิดเลขเป็น (Rithmetics) 8Cs ได้แก่ ๑) ทักษะดา้ นการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะใน
การแก้ปัญหา (Critical Thinking and Problem Solving) ๒) ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และ
นวัตกรรม (Creativity and Innovation) ๓) ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะ
ผู้นำ (Collaboration, Teamwork and Leadership) ๔) ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่าง
กระบวนทัศน์ (Cross-cultural Understanding) ๕) ทักษะด้านการสื่อสาร ๒ - ๓ ภาษา สารสนเทศ
และรู้เท่าทันส่ือ(Communication Information and Media Literacy) ๖) ทักษะด้านคอมพิวเตอร์
และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (Computing and Media Literacy) ๗) ทักษะอาชีพ และ
ทักษะการเรียนรู้ (Career and Learning Self-reliance) ๘) ทักษะการเปลี่ยนแปลง (Change) ๒Ls
ไดแ้ ก่ ทกั ษะการเรยี นรู้ (Learning Skills) และภาวะผู้นำ (Leadership)๑๒

๑๒ วิจารณ์ พานิช, การสร้างการเรียนรู้สู่ศตวรรษที่ ๒๑, (นครปฐม : บริษัท ส. เจริญการพิมพ์ จำกัด,
๒๕๕๖), หนา้ ๑๖.

๗๑
72

แผนภาพท่ี ๓.๒ กรอบแนวคิดเพื่อการเรียนรู้ในยุคศตวรรษที ๒๑ (21st Century Learning
Framework)

จากกรอบแน วคิดเพ่ือการเรียนรู้ใน ยุคศตวรรษที ๒ ๑ (21st Century Learning
Framework) มุ่งเน้นด้านความรู้สาระวิชาหลัก (Core subjects) และทักษะในยุคศตวรรษที่ ๒๑ ที่
ช่วยให้ผู้เรียน ได้เตรียมความพร้อมในหลากหลายด้าน รวมทั้งระบบสนับสนุนการเรียนรู้ได้แก่
มาตรฐานและการประเมิน หลักสูตรและการสอน การพัฒนาครูผู้สอน สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อ
การเรียนในยุคศตวรรษท่ี ๒๑ โดยการเรียนรู้ในยุคศตวรรษท่ี ๒๑ ดังกล่าวต้องก้าวข้าม "สาระวิชา"
ไปสู่การเรียนรู้ "ทักษะในยุคศตวรรษที ๒๑" (๒๑ st t Century skills) ซึ่งครูผู้สอนเป็นผู้สอนไม่ได้ แต่
ต้องให้ผู้เรียนเป็นผู้เรียนรู้ด้ายตนเอง โดยครูผู้สอนออกแบบการเรียนรู้ฝึกฝนให้ตนเองเป็นโค้ช
(Coach) และอำนวยความสะดวก (Facilitator) แก่ผู้เรียน ซึ่งสิ่งที่เป็นตัวช่วยของครูผู้สอนในการ
จัดการเรียนรู้คือ ชุมชนการเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์ (Professional Learning Communities: PLC) เกิด
การรวมตัวของครูผู้สอนเพ่ือแลกเปลยี่ นประสบการณ์การทำหนา้ ที่ของครผู ้สู อนแตล่ ะคน

๙. หลกั สำคญั ในการจดั การเรยี นรู้ในทศวรรษกี่ ๒๑

หลักยึดเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ ทักษะการคิด และการสร้างสรรค์ นักเรียนตอ้ งมีส่วนร่วมใน
การเรียนอย่างกระตือรือร้น (Active Learning) ในการพัฒนาความเข้าใจ สาระความรู้สำคัญ แนวคิด
สำคัญและการประยุกต์ไข้ทักษะ แห่งศตวรรษท่ี ๒๑ อย่างมีคุณภาพ ครูในศตวรรษท่ี ๒๑ จึง
จำเป็นต้องมีกลยุทธ์ในการตอบโต้ ตอบสนอง (Response) มีส่วนร่วม (Collaborate) เพื่อช้ีแนะ
สนับสนุน (Facilitate) ให้ผู้เรียนเกิดการเข้าใจเชิงลึก (Deep Understanding) ในสาระความรู้ต่างๆ

๗๒

73

จนรู้จักพัฒนาและประยุกต์ใช้ทักษะสำคัญแห่งศตวรรษที ๒๑ ได้อย่างสร้างสรรค์ดังตัวอย่างกลยุทธ์
ต่อไปน้ี

๑. การเรียนรจู้ ากปัญหา (Problem Learning)
๒. การทดลองทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Inquiry)
๓. การสัมมนาแบบโสเครติส (Socratic strategy) ซ่ึงเป็นการต้ังคำถามให้คิดหาคำตอบ
(Questions and Answers)
๔. โครงการและการสอื่ สารการทำงานเปน็ ทมี (Project Team)
๕. กลยุทธ์ในการแกป้ ญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค์ (Creative Problem Solving : CPS)
๖. เครอ่ื งมือการเรียนรู้เชิงพฒั นาการท่ชี ว่ ยให้นกั เรียนรู้จักเชือ่ มโยง เช่น การใช้เส้น ลูกศร
กราฟฟิก การใชแ้ ผนภาพ แผนผงั ตา่ งๆ เปน็ ตน้
๗. การใช้สมดุ จดปฏิสมั พันธ์ (Interactive Note Book)
๘. การถามคำถามสำคัญ โดยถามอย่างตอ่ เน่ือง คำตอบใหค้ ดิ เพือ่ ใหเ้ วลาตอบที่เพียงพอ
๙. การมอบหมายงานที่ต้องใช้ความคิด ท้าทาย ปัญหา โดยการให้เช่ือมโยงข้อมูล ต่างๆ
แนวคิดต่างๆ เขา้ ดว้ ยกัน ใหส้ รปุ สิ่งที่เรยี นรู้ เขียนบทวิเคราะห์ทน่ี ่าเชื่อถอื มีตรรกะ
๑๐. การให้สนบั สนนุ ความคดิ ของตนเองดว้ ยขอ้ โต้แย้งทีม่ ีเหตผุ ลเพยี งพอ
๑๑. จัดกิจกรรมภาระงานท่ีนักเรียนได้ถ่ายโอนส่ิงท่ีรู้ ไปสู่สถานการณใหม่ (Extend
Knowledge and Skills)
๑๒. บรรยากาศในการเรียนต้องการให้นักเรียนกล้าลองส่ิงใหม่ๆ ทางปัญญา สร้าง
ความหมายกบั การเรียนรู้ ใหถ้ ือว่าความผิดพลาดเป็นโอกาสในการเรียนรูม้ ากกวา่
๑๓. สนับสนุนให้นักเรียนต้ังคำถาม แสดงความเห็น ถกเถียงกับเรืองหลักการตามความ
เข้าใจ แลกเปล่ียน ความเห็นกับความเข้าใจ และสอดคล้องแห่งความคิด ความเห็นของตนอย่าง
ต่อเนอ่ื ง ทีส่ ำคญั ต้องเป็นแบบอย่างในการปฏิบตั ิ
นอกจากประเด็นที่กล่าวไว้เก่ียวกับความเปล่ียนแปลงด้านการเรียนการสอนในศตวรรษท่ี
๒๑ ท่คี รูและบุคลากรทางการศึกษา และผทู้ ่ีเกีย่ วขอ้ งทุกฝ่ายจะต้องเตรียมพร้อม และเตรียมการ เพ่ือ
มุ่งไปในวนั ข้างหนา้ แลว้ นน้ั สิ่งดีหลายประการดา้ นการเรยี นการสอนในศตวรรษที่ ๒๐ ท่ีผ่านมา ซึง่ อยู่
บนฐานแนวคิดทฤษฎีและหลักทางการศึกษา ท่ีพัฒนาอย่างต่อเนืองก็ยังคงอยู่และเป็นข้อมูลท่ี
สนับสนุนการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ ๒๑ อย่างได้ผล ซึ่งต้องนำมาวิเคราะห์ให้เหมาะสมกับบริบท
และนำไปใช้อยา่ งมีวจิ ารณญาณเพ่ือให้เกดิ ความสมดุลระหว่างการเปล่ยี นผ่านการศกึ ษาทข่ี ้ามศตวรรษ
ดงั ต่อไปนี้

๗๓
74

ตารางที่ ๓.๒ : การจดั การเรียนการสอนอยา่ งสมดุลสำหรับการเปลีย่ นแปลงในศตวรรษท่ี ๒๑๑๓

การจัดการเรียนการสอนอยา่ งสมดลุ สำหรบั การเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ ๒๑
๒๑st Century Learning Balance

การเรียนการสอนในศตวรรษท่ี ๒๐ การเรยี นการสอนในศตวรรษที่ ๒๑

ครูเป็นศูนย์กลาง (Teacher-Directed) ผู้เรยี นเปน็ สำคัญ (Learner-Centered)

การเรียนการสอนทางเดยี ว (Direct Instruction) การแลกเปล่ียนเรยี นรู้ (Interactive Exchange)

ความรู้ (Knowledge) ทักษะความสามารถทักษะการเรียนรู้ (Skill)

เนน้ เน้อื หา (Content) กระบวนการ (Process)

ทกั ษะพืน้ ฐาน(Basic Skills) ทกั ษะการนำไปใช้ (Applied Skills)

ทฤษฎี (Theory) การต้ังคำถามและปัญหา (Questions and Problems)

เรยี นตามหลักสตู ร (Curriculum) การฝกึ ปฏิบัติ (Practice)

กำหนดเวลาการเรียนรู้ตายตัว (Time-slotted) เรยี นรู้ได้ตลอดตามความต้องการ (On-demand)

การจดั การศกึ ษาแก่ทกุ คนดว้ ยวธิ กี ารเดยี วกนั การจัดการศึกษาทเี่ น้นเป็นรายบุคคล (Personalized)

เนน้ การแขง่ ขัน (Competitive) เน้นการรว่ มมือ (Collaborative)

การจดั การเรยี นร้ใู นหอ้ งเรยี น (Classroom) โลกคือแหล่งเรยี นรู้ (Global Community)

ใช้ตำราเรยี น (Text-based) ใช้เครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ (Web-Based)

วัดผลสอนปลายภาค (Summative Tests) วดั ผลระหวา่ งเรยี น (Formative Evaluation)

เรียนตามแนวทางของโรงเรียน (Learning for school) เรยี นร้เู พ่อื ชีวติ ของผู้เรยี น (Learning for life)

นอกจากท่ีกล่าวไว้เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนอย่างสมดุลแล้ว Jacobs (2010) ได้
เสนอคำถามสำหรบั การพฒั นาหลกั สูตรและการสอนสู่ศตวรรษท่ี ๒๑ ไว้ ๓ ขอ้ ดง้ ต่อไปนี้

ขอ้ ท่ี ๑ เราควรตดั สิ่งใดออกบ้าง (what do we cut?)
ขอ้ ที่ ๒ เราควรเกบ็ รักษาสิ่งใดไว้บา้ ง (what do we keep?)
ขอ้ ท่ี ๓ เราควรสรา้ งสรรค์สิง่ ใดบ้าง (what do we create?)
คำถามด้งกล่าวสามารถนำมาใช้เพ่ือคิดไตร่ตรองถึงความจำเป็นในการปรับการเรียน
เปลี่ยนการสอน เพ่ือศตวรรษที่ ๒๑ และการเปล่ียนแปลงได้อย่างมีความสมดุล เนื่องจากแนวการ
จัดการเรียนการสอนในศตวรรษท่ี ๒๐ เดิม บางประเด็นก็ยังคงใช้อยู่ แต่อาจจะพิจารณานำมาใช้ใน

๑๓ Trilling and Fade, ๒ ๑ st Century Skills : Learning for life in Our Time, (U.S.A. :
Jossey-Bass, ๒๐๐๙), p. ๑๑๓.

๗๔

75

สัดส่วนที่น้อยลง โดยเพ่ิมแนวการจัดการเรียนการสอน ในศตวรรษที่ ๒๑ ให้เพิ่มมากขึ้นท่ีครูจะ
นำไปใชใ้ นการออกแบบการเรียนการสอน ไดต้ อ่ ไป

สรปุ

ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี ๒๑ กับการพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาสามารถสรุปไดเ้ ป็นข้อ ๆ ดังน้ี
การพัฒนาคุณภาพการศึกษาเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงพัฒนาการจัด
การศึกษาเพ่ือให้ได้ผลลัพธ์ตามมาตรฐานท่ีกำหนดไว้และจะต้องสร้างความพึงพอใจของผู้ปกครอง
ชุมชน และสังคมโดยท่ัวไป ทั้งนี้ การพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑
ต้องอาศัยความรับผิดชอบร่วมท้ังในระดับประเทศ และระดับสถานศึกษาโดยคำนึงถึงองค์ประกอบ
สำคัญ ๕ ประการ ได้แก่ หลักสูตรส่ือการสอนและเทคโนโลยี การประเมินผลผู้เรียน การพัฒ นาครู
การประเมินคุณภาพสถานศึกษา และการสนับสนุนทรัพยากรทางการศึกษา ที่เชื่อมโยงกับทักษะ
สำหรับศตวรรษที่ ๒๑ ท้ังน้ีต้องอาศัยแนวคิดและทฤษฎีทางการบริหารการศึกษา การเรียนรู้ และการ
สอนเปน็ ฐานในการพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา
งบประมาณและการบริหารจัดการเรียนรู้เป็นปัจจัยสำคัญอย่างย่ิงในการพัฒนาคุณภาพ
การศึกษา โดยเฉพาะงบประมาณนับว่าเป็นปัจจัยหลักของการจัดการศึกษาในระดับกว้างเพราะเป็น
ปัจจัยท่ีรัฐควบคุมและ เป็นปัจจัยที่นำไปสู่ปัจจัยการผลิตอื่น ๆ ในระดับปฏิบัติ ดังน้ัน การจัดสรร
งบประมาณจึงตอ้ งให้คำนึงถงึ ความ เสมอภาค และความเหมาะสมตามความต้องการจำเปน็ พิเศษของ
นักเรียนและสถานศึกษา ส่วนการบริหาร จัดการเรียนรู้ที่ให้ได้ประสิทธิผลควรใช้กรอบการบริหาร
จัดการเรียนรู้แบบบูรณาการตามทฤษฎีเชิงระบบแบบ เปิดและพิจารณาร่วมกับองค์ประกอบการ
พฒั นาคุณภาพการศึกษาเพอื่ พฒั นาการเรียนรูใ้ นศตวรรษท่ี ๒๑
การพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทยอย่างย่ังยืนน้ันต้องยึดหลักการการพัฒนาคุณภาพ
การศึกษาที่ สร้างความรับผิดชอบร่วมของภาคสังคมทุกระดับนับตั้งแต่ ผู้ปกครอง ชุมชน ผู้กำหนด
นโยบาย และ สถานศึกษา ท้ังนี้ ต้องเน้นการสร้างความรับผิดชอบร่วมระหว่างสถานศึกษากับ
ผู้ปกครองและชุมชนเป็นหลัก เพราะส่งผลต่อผู้เรียนโดยตรง โดยมีผู้กำหนดนโยบายร่วมรับผิดชอบ
สนบั สนุนและส่งเสริมการปฏบิ ัติ ซ่ึงแนวทางการพฒั นาควรครอบคลุมทั้งด้านการสร้างความรับผดิ ชอบ
ร่วมของสังคม การประเมินคุณภาพครู อย่างเชื่อถือได้ การพัฒนาครูสู่การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑
และการพฒั นาระบบงบประมาณแบบมสี ว่ นรว่ ม

๗๕

76

เอกสารอา้ งองิ ทา้ ยบท

๑. ภาษาไทย

ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์. ๘๐ นวัตกรรมการจัดการเรยี นรู้ท่ีเน้นผู้เรยี นเป็นสำคัญ. พมิ พค์ ร้งั ท่ี ๗. นนทบุรี :
พี บาลานซด์ ีไซด์แอนปริน้ ติง้ , ๒๕๕๙.

ประสงค์ หสั รนิ ทร์. การจดั การเรยี นรู้. กรงุ เทพมหานคร : แดเนก็ อนิ เตอร์คอรป์ เรช่ัน, ๒๕๖๑.
วัชรา เล่าเรียนดี. ปรณัฐ กิจรุ่งเรือง. และ อรพิณ ศิริสัมพันธ์. กลยุทธ์การจัดการเรียนรู้เชิงรุกเพ่ือ

พัฒนาการคดิ และยกระดับคุณภาพการศึกษา สำหรับศตวรรษท่ี ๒๑, กรุงเทพมหานคร
: เพชรเกษมพรน้ิ ตง้ิ , ๒๕๖๐.
วิจารณ์ พานิช. การสร้างการเรียนรู้สู่ศตวรรษท่ี ๒๑. นครปฐม : บริษัท ส. เจริญการพิมพ์ จำกัด,
๒๕๕๖.

๒. ภาษาอังกฤษ

Beers, S.A., Teaching 21st Century Skills : an ASCDO action tool. Alexandria : ASCD,
2011.

Bellanca J.A. and Brandt, R.S. ๒ ๑ st Century Skills: Rethinking how students learn.
Bloomington. IN : Solution Tree Press, 2010.

Casner Lotto and Barrington. Are They Really Ready to work? Employers?
Perspectives on the Basic Knowledge and Applied Skills on New
Entrants to the 21stCentury U. S workforce, Partnership for 21st
CenturySkills.[Online]RetrievedMay,11,2016fromhttp://files.Eric.ed.gov/fullte
xt/Ed519465, 2016 .

Partnership for 21 st Century Skills. Framework for 21st Century Learning. [ออนไลน์],
แหล่งที่มา: http:// www.21st centuryskills.org /files/fulltext/Ed. [11 กันยายน
2564].

Tileston D.W. Teaching Strategies for Active Learning : Five Essential for Your
Teaching. U.S.A. : Corwin Press, 2007.

Trilling, B., and Fadel. 21st Century Skills : Learning for life in Our Time. U.S.A. :
Jossey-Bass, 2009.

บทท่ี ๔

กระบวนการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรยี นเป็นศนู ยก์ ลาง

ความนำ

กระบวนการเรียนรู้ทเ่ี น้นผู้เรียนเป็นสำคญั หมายถึง การจัดการศึกษาที่ถือวา่ ผู้เรยี นสำคัญ
ทสี่ ดุ เป็นกระบวนการจัดการศึกษาท่ีตอ้ งเน้นผู้เรียนให้แสวงหาความรู้ และพัฒนาความรู้ได้ดว้ ยตนเอง
หรือรวมทั้งมีการฝึกและปฏิบัติในสภาพจริงของการทำงานมีการเชื่อมโยงส่ิงที่เรียนกับสังคมและการ
ประยุกต์ใช้ มีการจัดกิจกรรมและกระบวนการให้ผู้เรียนได้คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมิน และ
สร้างสรรคส์ ิ่งต่างๆ นอกจากน้ีต้องสง่ เสริมให้ผู้เรยี นสามารถพัฒนาตนตามธรรมชาติ และเติมศักยภาพ
โดยสะท้อนจากที่ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนรายวิชา หรือเลือกทำโครงงานหรือช้ินงานในหัวข้อท่ีสนใจ
ในขอบเขตเนื้อหาของวิชาน้ัน ๆ๑ การสอนโดยเน้นที่ผู้เรียนเป็นสำคัญจะช่วยพัฒนาผู้เรยี นในทุกด้าน
ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา ท้ังด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ (ลักษณะนิสัย) และท้ัง
ด้าน IQ (Intelligence Quotient) และด้าน EQ (Emotional Quotient) ซึ่งจะนำไปสู่ความเป็นคน
เกง่ คนดี และมคี วามสุข

ในปัจจุบนั สังคมไทยมกี ระแสการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ เกิดข้ึนอย่างรวดเร็วมากจนสง่ ผล
ให้เกิด วิกฤติการณ์หลายรูปแบบข้ึนในสังคมทั้งทางด้านเศรษฐกิจสังคม การเมือง วัฒนธรรมและ
ส่ิงแวดล้อม นอกจากน้ันยังส่งผลให้เกิดกระแสเรียกร้องการปฏิรูปการศึกษาข้ึนเพื่อให้การศึกษาเป็น
เคร่ืองมือในการพัฒนา เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการเมืองของประเทศอย่างแท้จริง เป้าหมาย
ของการจัดการศึกษาจะต้องมุ่ง สร้างสรรค์สังคมให้มีลักษณะท่ีเอื้ออำนวยต่อการพัฒนาประเทศชาติ
โดยรวม มงุ่ สร้างคนหรือผู้เรียนซ่ึงเป็นผลผลิตโดยตรงใหม้ ีคุณลักษณะที่มีศกั ยภาพและความสามารถที่
จะพัฒนาตนเองและสังคมไปสู่ความสำเร็จได้ การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ คือ
วิธีการสำคัญที่สามารถสร้าง และพัฒนาผู้เรียนให้เกิด คุณลักษณะต่างๆ ท่ีต้องการในยุคโลกาภิวัตน์
เน่ืองจากเป็นการจัดการเรียนการสอนท่ีให้ความสำคัญกับผู้เรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักเรียนรู้ด้วย
ตนเอง เรียนในเร่ืองท่ีสอดคล้องกับความสามารถและความต้องการของตนเอง และได้พัฒนาศักยภาพ
ของตนเองอย่างเต็มท่ีซ่ึงแนวคิดการจดั การศึกษาน้ีเป็นแนวคิดที่มีรากฐานจากปรัชญา การศึกษา และ

๑ กระทรวงศึกษาธิการ, หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑,
(กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกดั , ๒๕๕๑), หน้า ๔๒.

๗๗

78

ทฤษฎีการเรียนรู้ต่างๆที่ได้พัฒนามาอย่างต่อเน่ือง ยาวนาน และเป็นแนวทางที่ได้รับการพิสูจน์ ว่า
สามารถพัฒนาผูเ้ รยี นให้มคี ุณลกั ษณะตามต้องการอยา่ งได้ผล ดังจะไดอ้ ธบิ ายในเนอ้ื หาต่อไปน้ี

๑. ความจำเป็นในการจัดการเรยี นท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นศนู ยก์ ลาง

ปัจจุบันการศกึ ษาเปน็ ปัจจัยหนึ่งที่มีความจำเป็นและสำคัญท่ีสุดของบคุ คลในสังคม เพราะ
การศึกษามีบทบาทต่อการพัฒนาความมั่นคงต่อความเจริญก้าวหน้าของสังคม ประเทศชาติ ต่อการ
พัฒนาคุณภาพของมนุษย์ และต่อการสร้างพลังในการพัฒนาประเทศ ดังนั้นการจัดการศึกษาในยุค
ปัจจุบันจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากที่จะต้องพัฒนาบุคคล ให้เป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ในทุกๆ ด้าน
ประกอบด้วยร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ สังคม และคุณธรรมจริยธรรม รวมถึงวัฒนธรรมในการ
ดำรงชีวติ ได้อย่างมีความสุข ดังนั้นการจัดการศกึ ษาจงึ ต้องเป็นการศึกษาทตี่ ่อเนื่องตลอดชีวติ และต้อง
เป็นการจัดการศึกษาให้ผู้เรียนมีความรู้คู่คุณธรรม ผู้เรียนมีคุณธรรมจริยธรรม และค่านิยมอันพึง
ประสงค์ มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์และมีวิสัยทัศน์ท่ีดีกว้างไกล ดังน้ันการจัด
การศึกษาจึงมีความจำเป็น และเป็นหน้าท่ีที่สำคัญของโรงเรียนท่ีต้องจัดการศึกษาที่มีการส่งเสริมและ
สนับสนุน ให้ครูจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผูเ้ รยี นเป็นสำคัญ และมาตรฐาน
ดา้ นปัจจยั กำหนดให้ครมู คี วามสามารถในการเรียนการสอนได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพสงู สดุ ๒

การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญเกิดข้ึนจากพื้นฐานความเช่ือที่ว่า การจัดการ
ศึกษามีเป้าหมาย สำคัญที่สุด คือ การจัดการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนแต่ละคนได้พัฒนา
ตนเองสูงสุด๓ ตามกำลงั หรือ ศกั ยภาพของแต่ละคน แต่เนื่องจากผเู้ รียนแต่ละคนมีความแตกต่างกนั ทั้ง
ดา้ นความต้องการ ความสนใจ ความ ถนัดและยังมีทักษะพ้ืนฐานอันเป็นเคร่ืองมือสำคัญท่ีจะใช้ในการ
เรียนรู้ อนั ได้แกค่ วามสามารถในการฟัง พูด อ่าน เขียน ความสามารถทางสมอง ระดับสติปัญญา และ
การแสดงผลของการเรียนรู้ออกมาในลักษณะที่ ต่างกัน จึงควรมีการจัดการที่เหมาะสมในลักษณะท่ี
แตกต่างกัน ตามเหตุปัจจัยของผู้เรียนแต่ละคน และผู้ที่มี บทบาทสำคัญในกลไกของการจัดการน้ีคือ
ผู้สอน แต่จากข้อมูลอันเป็นปัญหาวิกฤตทางการศึกษาและวิกฤต ของผู้เรียนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า
ผู้สอนยังแสดงบทบาทและทำหน้าท่ีของตนเองไม่เหมาะสม จึงต้อง ทบทวนทำความเข้าใจ ซ่ึงนำไปสู่
การปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตทางการศึกษาและวิกฤตของผู้เรียนต่อไป การทบทวนบทบาทของ

๒ กระทรวงศึกษาธิการ, หลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔, (กรุงเทพมหานคร :
องคก์ ารรบั สง่ สินคา้ และพัสดภุ ณั ฑ,์ ๒๕๔๕), หน้า ๕๐.

๓ สำนักวชิ าการและประเมนิ ผล, คมู่ ือกระบวนการจัดการเรียนการสอนทเี่ นน้ ผู้เรยี นเป็นสำคัญ (พ.ศ.
๒๕๕๖), (ร้อยเอด็ : มหาวิทยาลยั ราชภฏั รอ้ ยเอด็ , ๒๕๕๖), หนา้ ๑

๗๘

79

ผู้สอน ควรเริ่มจากการทบทวนและปรับแต่งความคิด ความเข้าใจเก่ียวกับความหมาย ของการเรียน
โดยต้องถือว่าแก่นแท้ของการเรียนคือการเรียนรู้ของผู้เรียน ต้องเปล่ียนจากการยึดวิชาเป็นตัวตั้ง มา
เป็นยึดมนุษย์หรือผู้เรียนเป็นตัวตั้ง หรือท่ีเรียกว่า ผู้เรียนเป็นสำคัญ ผู้สอนต้องคำนึงถึงหลักความ
แตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลเปน็ สำคญั

การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นนักเรยี นเป็นสำคัญ นอกจากท่ีได้กล่าวมาข้างต้นนี้
แล้วยังมีกระแสในการผลักดันหลายด้านหลายประการด้วยกัน กล่าวคือ นโยบายการปฏิรูปการศึกษา
ของกระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ตาม
พระราชบัญญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้กำหนดแนวการจดั การศึกษา โดยยึดหลักว่าผู้เรียน
ทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองและถอื ว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สดุ กระบวนการจัดการ
ศกึ ษาต้องส่งเสรีมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติ และเต็มศักยภาพ สอดคล้องกับนโยบายการ
พัฒนาข้าราชการครูท่ีได้กำหนดเป้าหมายและ มาตรการท่ีมุ่งให้ครูสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญและ
นำระบบคุณภาพของครูทคี่ ุรสุ ภาได้ พฒั นาขึน้ มาไข้เปน็ แนวทางในการกำหนดระดบั คุณภาพสูง (ระดับ
NTQ ๔-๕) นอกจากน้ี เกณฑ์มาตรฐานวิชาชพี ครูของคุรุสภายังได้กำหนดมาตรฐานวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง
กับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครูท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญหลายมาตรฐาน เช่น การตัดสินใจ
ปฏิบตั ิกจิ กรรมโดยคำนึงถึงผลที่จะเกิดกับผู้เรียน มุ่งพัฒนาผเู้ รียนให้เต็มศักยภาพ และจัดกิจกรรมการ
เรยี นการสอนโดยเน้นผลถาวรทีเ่ กิดแกผ่ ู้เรยี น เปน็ ตน้

๒. แนวคดิ และหลกั การการจดั การเรยี นร้โู ดยเนน้ ผ้เู รียนเปน็ สำคัญ

แนวคิดและหลักการจัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง
โดยให้ผ้เู รียนได้เห็นประโยชน์ของสังคม จากการที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน มีการทำงานร่วมกัน ฝึกฝนให้รู้จัก
การใช้เทคนิคและวิธีการแก้ปัญหาด้วยตนเอง มีอิสระและมีความรับผิดชอบ โดยมีครูเป็นเพียงผู้
กระตุ้น จูงใจ ส่งเสรมิ การเรยี นรู้ให้แก่ผู้เรียน ยึดหลักให้ผู้เรยี นได้มีโอกาสท่ีจะเรียนรูไ้ ด้ด้วยตนเอง ส่ิง
เหล่านี้ ล้วนเปน็ สง่ิ ที่มุง่ สง่ เสรมิ ที่จะพัฒนาคนหรือผูเ้ รยี นใหเ้ ปน็ ผู้ทม่ี ีคุณภาพดว้ ยการจัดกจิ กรรมท่ีเน้น
ผเู้ รยี นเป็นสำคัญ ผู้เขียนขอเสนอแยกออกเป็นแนวคิดที่สำคัญในการจดั การเรียนรู้ โดยเน้นผู้เรียนเป็น
สำคญั และหลกั การท่สี ำคญั ของการจดั การเรยี น ท่เี น้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั ดงั รายละเอียดต่อไปนี้

๑. แนวคดิ ทีส่ ำคัญในการจดั การเรยี นโดยเน้นผู้เรียนเปน็ สำคัญ
สำหรับแนวคิดน้ี เป็นแนวคิดท่ีมาจากจอห์น ดิวอ้ี (John Dewey) ซ่ึงเป็นคนคิดในเรื่องของ
การเรียนรู้ โดยการลงมือกระทำ (Learning by Doing) ท่ีเป็นที่รู้จักกันดีท่ัวโลกมานานแล้ว การ
จัดการเรียนรโู้ ดยเนน้ ผู้เรียนเป็นผ้ลู งมอื ปฏิบัติเป็นการเปลย่ี นแปลงบทบาทจากการเปน็ ผูร้ ับความรู้ มา
เป็นผ้จู ัดประสบการณการเรียนรู้ นั่นคือ ครูผู้สอนต้องรู้จักการจัดประสบการณ์โดยมีกระบวนการท่ีมุ่ง

๗๙

80

ให้ผเู้ รียนเกดิ การเรยี นรไู้ ด้ด้วยตนเอง รู้จักคดิ ค้น สรา้ งสรรค์ และลงมือปฏิบัติจริง เพื่อได้คน้ หาคำตอบ
ด้วยตนเอง สรุปความคิดความรู้ด้วยตนเอง สามารถทำงานร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุข และนำ
ความรไู้ ปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด๔ สอดคลอ้ งกับ ทิศนา แขมมณี๕ ท่ีระบุไวว่าการเรียนรู้จะเกิดขึ้นกับ
ผู้เรียนอย่างคงทนมากน้อยเพียงไรนั้น ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายประการ แต่ท่ีสำคัญคือการจัด
ประสบการณ์การเรียนรู้ ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ จากคำบอกเล่าของครูและ
นักเรียน พบว่าผู้เรียนจะเรียนรูได้ดีเมื่อได้ลงมือกระทำ มีส่วนร่วม เป็นผู้เรียนและเป็นผู้สร้างองค์
ความรู้ที่ได้เรยี นรู้ มีการจดั กจิ กรรมท่ามกลางบรรยากาศท่ีสนุกสนาน ตื่นเต้น มีชีวติ ชวี า สอดคลอ้ งกับ
ความสนใจ และความต้องการของผู้เรียน ทำให้มีความหมายต่อผู้เรียนมาก เพราะมีประโยชน์และได้
นำไปใช้บ่อยๆ ในชีวิตประจำวันด้วยการฝึกแก้ปัญหาท่ีจำเป็นต้องแก้ไข ผู้เรียนจึงเต็มใจเรียน เพ่ือให้
ได้รับความรู้ความก้าวหน้าในความสำเร็จของตน ทำให้มีความสุข นอกจากนี้ กมล ภู่ประเสริฐ ได้ให้
แนวคิดการจัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ที่ต้องคำนึงถึงเร่ืองต่างๆ หลายประการซ่ึง
ได้แก๖่

๑.๑ สอดคลอ้ งกับความถนัด ความสนใจ และความตอ้ งการของผูเ้ รียน
๑.๒ ส่งเสริมความสามารถในกระบวนการเรียนรู้ เพอ่ื ให้มีการเรยี นรู้ต่อเนื่องตลอดชีวติ
๑.๓ สง่ เสริมพฒั นาการผเู้ รียนแตล่ ะคน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหวา่ งบุคคล
๑.๔ ส่งเสริมให้ผู้เรียนเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นกระบวนการคิด การปฏิบัติจริง
และนำไปใชป้ ระโยชน์ได้ หรอื มีสว่ นรว่ มในการเรยี นรู้ให้มากท่สี ุด
๑.๕ ส่งเสริมการเรียนร้รู ่วมกันท้งั ผูเ้ รยี นและผ้สู อนรวมถงึ ผู้ทีเ่ ก่ียวขอ้ ง
วัฒนาพร ระงบั ทกุ ข์ ให้แนวคดิ ของการสอนท่ีเนน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สำคัญไว้ดังน้ี๗
๑) ผู้เรียนมีบทบาทรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนเอง บทบาทของครู คือ ผู้สนับสนุน
(Supporter) และเป็นแหล่งความรู้ (Resource Person) ของผู้เรียน โดยผู้เรยี นเป็นผรู้ ับผดิ ชอบต้ังแต่
เลือกวางแผน เร่ืองที่ตนจะเรียนหรือเข้าไปมีส่วนร่วมในการเลือก และจะเริ่มต้นการเรยี นรู้ด้วยตนเอง
ดว้ ยการศกึ ษาค้นคว้า รับผดิ ชอบการเรยี นตลอดจนประเมนิ ผลการเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง

๔ วริ ะเดช เช้อื นาม, “การจัดการเรียนการสอนโดยยึดผูเ้ รียนเปน็ ศูนย์กลางคอื อะไร,” วารสารวชิ าการ,
๕(๒) : ๒-๔ : กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕.

๕ ทศิ นา แขมมณ.ี “การจดั การเรียนการสอนโดยยึดครูเป็นศูนยก์ ลาง : โมเดลซปิ ปา (CIPPA Model),”
วารสารวิชาการ, ๓(๕) : ๒๕ : พฤษภาคม ๒๕๔๒.

๖ กมล ภู่ประเสริฐ, การบริหารงานวิชาการในสถานศึกษา, (กรุงเทพมหานคร : ทิปส์พับบลิเคช่ัน,
๒๕๔๔), หน้า ๕๑.

๗ วัฒนาพร ระงับทุกข์, เทคนิคและกจิ กรรมการเรียนร้ทู ี่เน้นผเู้ รียนเปน็ สำคญั ตามหลักสตู รการศกึ ษา
ขั้นพ้นื ฐาน พ.ศ. ๒๕๔๔, (กรงุ เทพมหานคร : พริกหวานกราฟพิก, ๒๕๔๕), หนา้ ๕๑

๘๐

81

๒) เน้ือหาวิชามีความสำคัญและมีความหมายต่อการเรียนรู้ ในการออกแบบกิจกรรมการ
เรียนรู้มีปัจจัยสำคัญที่จะต้องนำมาพิจารณาประกอบด้วยเน้ือหาวิชา ประสบการณ์เดิมและความ
ต้องการของผ้เู รียน การเรียนรู้จะสำคญั และมคี วามหมาย จึงข้ึนอย่กู บั สง่ิ ทส่ี อนและเทคนคิ วธิ ีสอน

๓) การเรยี นรูท้ ่ปี ระสบผลสำเร็จ หากผู้เรียนมีส่วนร่วมในการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน
ผเู้ รียนจะได้รับความสนุกจากการเรียน หากได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ ทำงานรว่ มกับเพื่อนๆ ได้
ค้นคว้า ได้พบข้อคำถามและคำตอบใหม่ๆ ส่ิงใหม่ๆ ประเด็นที่ท้าทายและความสามารถในเร่ืองใหม่ๆ
ทเี่ กดิ ขน้ึ รวมทั้งการบรรลเุ ปา้ หมายและผลสำเร็จของงานทพ่ี วกเขาเริม่ ด้วยตนเอง

๔) สัมพันธภาพท่ีดีระหว่างผู้เรียน การมีปฏิสัมพันธ์ท่ีดีในกลุ่มจะช่วยส่งเสริมความเจริญ
งอกงาม การพัฒนาความเป็นผู้ใหญ่ การปรับปรุงการทำงานและการจัดการกับชีวิตของแต่ละบุคคล
สัมพันธภาพทเ่ี ทา่ เทียมกันระหว่างสมาชิกในกลุ่ม จงึ เป็นส่งิ สำคัญที่จะช่วยสง่ เสริมการแลกเปลี่ยนการ
เรียนรู้ซึง่ กนั และกันของผู้เรยี น

๕) ครู คือ ผู้อำนวยความสะดวกและเป็นแหล่งความรู้ในการจัดการเรียนการสอน ครู
จะต้องมีความสามารถที่จะค้นพบความต้องการที่แท้จริงของผู้เรียน เป็นแหล่งความรู้ท่ีทรงคุณค่าของ
ผู้เรยี น และสามารถค้นคว้าหาสื่อ วัสดอุ ุปกรณ์ท่ีเหมาะกับผู้เรียน ส่ิงสำคัญที่สุดคือความเต็มใจของครู
ท่ใี หค้ วามชว่ ยเหลือ โดยไม่มเี งอื่ นไข ครูสามารถใหท้ กุ อยา่ งทพ่ี ัฒนาผ้เู รียนได้ไม่ว่าจะเปน็ ความรู้ ความ
เชย่ี วชาญ เจตคติ และการฝึกฝน ซง่ึ ผู้เรยี นมีอิสระในการรบั หรอื ไม่รบั ก็ได้

๖) ผู้เรยี นมีโอกาสเห็นตนเองในแง่มุมทแ่ี ตกต่างจากเดิม การจัดการเรียนรูท้ ่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็น
สำคัญ มุ่งให้ผู้เรียนมองเห็นตนเองในแง่มุมที่แตกต่างออกไป ผู้เรียนจะมีความม่ันใจในตนเองและ
ควบคุมตนเองได้มากขนึ้ สามารถเป็นส่ิงที่อยากเปน็ มวี ฒุ ภิ าวะสูงมากข้ึน

๗) การศึกษา คือ การพัฒนาประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้เรียนหลายๆ ด้าน พร้อมกันไป
กับการเรยี นรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นจดุ เรม่ิ ต้นของการพัฒนาผู้เรียนด้านคุณลักษณะ ด้านความรู้
ความคิด ด้านการปฏิบัติ และด้านอารมณ์ความรู้สกึ ซ่ึงด้านต่างๆ เหล่าน้ี จะได้รับการพัฒนาใหเ้ กิดขึ้น
ภายในตัวผู้เรียนแต่ละคนที่เป็นผู้สร้างจากความส้มพันธ์ระหว่างสิ่งที่พบกับความรู้ความเข้าใจท่ีมีอยู่
เดิม เกิดจากโครงสร้างทางปัญญา ผู้สอนไม่สามารถปรับเปล่ียนปัญญาของผู้เรียนได้ แต่สามารถช่วย
ผเู้ รียนปรบั เปลี่ยนโครงสรา้ งทางปญั ญาได้ โดยผเู้ รียนพยายามปรบั ขอ้ มูลใหม่กบั ประสบการณ์เดมิ แล้ว
สรา้ งองค์ความรู้ใหม่

สรุปแนวคิดในการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นแนวคิดในการจัด
ประสบการณ์การเรียนรู้ทีเ่ ปิดโอกาสให้ผ้เู รียนมสี ่วนร่วมในการเรยี นการสอนมากท่ีสดุ และให้ผเู้ รียนมี
บทบาทมากที่สุดตามหลักจิตวิทยาการเรยี นรู้ของผ้เู รียน และสอดคล้องกับพัฒนาการของผู้เรยี นแต่ละ
วยั ดังน้ันสภาพการเรียนการสอนจงึ มีลักษณะผสมผสานด้วยวธิ ีการสอนที่หลากหลาย เพ่ือให้ผู้เรียนมี
การศึกษาค้นควา้ การคิดวิเคราะห์ การแสดงความคิดเห็นและความรสู้ ึก มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ และ

๘๑

82

สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยบทบาทของครูเปลี่ยนจากผู้สอนอบรมหรือบอกเล่า มาเป็นให้การ
สนับสนุน ชแ้ี นะแนวทางในการหาแหล่งความรู้ ให้คำปรกึ ษาและให้กำลังใจแกผ่ ้เู รียนอย่างใกล้ชดิ

๒. หลักการที่สำคัญของการจัดการเรยี นที่เน้นผู้เรยี นเป็นสำคัญ นักวชิ าการหลาย ท่าน
ได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับหลักการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ซึ่งผู้เขียนได้รวบรวมจาก
แหล่งขอ้ มูลต่างๆ ดงั นี้

สุวิทย์ มูลคำ ได้สรุปหลักการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญว่า ผู้เรียนมีส่วนร่วมใน
การเรียนรู้ ได้เรียนตรงตามความต้องการและความถนัดของตนเอง มีโอกาสได้คิดอย่างสร้างสรรค์
แสดงออกอยา่ งอสิ ระ เปน็ ผปู้ ฏิบัตดิ ว้ ยตนเอง ไดเ้ รยี นรู้จากสภาพจริงและไดร้ ับประสบการณ์ตรง ไดใ้ ช้
ส่ือต่างๆ เพ่ือการเรียนรู้ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับผู้อ่ืนหรือได้ทำงานเป็นกลุ่ม และได้เรียนอย่างมี
ความสุข๘

กรมวิชาการ ให้ข้อมูลว่าหลักการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ อาศัยแนวทางการ
จดั การเรียนรู้ตามพระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ (หมวด ๔) เป็นพื้นฐานในการศึกษา
ค้นคว้าและพิจารณาเลือกใช้รูปแบบหรือวิธีการจัดการเรียนรู้ได้ตามความเหมาะสม โดยมีวิธีการ
ดังตอ่ ไปน้ี๙

๑) การวิเคราะห์ผู้เรียน เป็นการรู้จักผู้เรียนเป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่มที่ช่วยให้ผู้สอน มี
ข้อมูลสำคัญในการออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสม หลักการวิเคราะห์ผู้เรียน ควรคำนึงถึง
ธรรมชาตขิ องผู้เรยี นประสบการณ์และพืน้ ฐานความรู้เดมิ และวิธีการเรยี นรู้ของผูเ้ รียน

๒) การใช้จิตวิทยาการเรียนรู้ และกระบวนการคุณธรรม ค่านิยมในการจัดกิจกรรมการ
เรยี นรู้

๓) การวิเคราะห์หลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เชื่อมโยงกับการพัฒนาหลักสูตร และการ
จัดการเรยี นรู้ในสถานศึกษา

๔) การออกแบบการเรียนรตู้ ามสภาพจรงิ ให้สอดคลองกบั มาตรฐานหลกั สูตร และเช่ือมโยง
บูรณาการระหว่างกลุ่มวิชา โดยใช้ผลการเรียนรู้ท่ีกำหนดเป็นหลัก และใช้กระบวนการวิจัยเป็นส่วน
หน่ึงของการจัดการเรียนรู้ เพ่อื มุ่งพฒั นาการเรียนของผู้เรียน

๕) การออกแบบการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง โดยใช้เครื่องมือวัดที่หลากหลาย
เพื่อสะท้อนภาพให้เห็นได้ชัดเจนและแน่นอนว่า ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ต่างๆ ได้อย่างไร ทำให้ได้ข้อมูล
จากผู้เรียนรอบด้านท่ีสอดคล้องกับความเป็นจริง เพ่ือประกอบการตัดสินผู้เรียนได้อย่างถูกต้องและมี
ประสิทธภิ าพ

๘ สวุ ทิ ย์ มลู คำ, เรียนรสู้ ู่ครูมอื อาชีพ, (กรงุ เทพมหานคร : ที. พี. พรนิ้ , ๒๕๔๔), หนา้ ๕๓.
๙ กรมวิชาการ, กลวิธีจัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับวิธีการเรียน (Learning style),
(กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พค์ รุ สุ ภาลาดพราว, ๒๕๔๔), หน้า ๕๓.

๘๒

83

สรุปแนวคิดของหลักการจดั การเรยี นรู้ท่เี น้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั ไดด้ งั นี้
๑. กระบวนการที่เน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองและมีส่วนรว่ มในกิจกรรมการเรียนการ
สอน และรู้จกั รับผิดชอบดว้ ยตนเอง
๒. มีการเรียนรู้หรือศึกษาการเรียนรู้ได้จากแหล่งต่างๆ มากมายไม่ใช่ศึกษาหาความรู้จาก
แหลง่ เดียว หรอื เพียงในห้องเรยี นเทา่ นั้น
๓. เปน็ การจดั กิจกรรมที่ให้ผู้เรยี นได้คน้ พบด้วยตนเอง
๔. เป็นกระบวนการที่มีสว่ นชว่ ยให้เกิดการเรยี นรทู้ ่ดี ี
๕. เปน็ กระบวนการที่มีความสำคัญตอ่ การเรียนของผูเ้ รียน
๖. ผู้เรียนสามารถนำความรู้ท่ีได้ไปประยุกต์ใช้ให้สอดคลองกับชีวิตจริงของแต่ละบุคคล
จากหลักการดังกล่าว จะนำไปสู่การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนท่ีเปิดโอกาสให้ผู้เรียน มีโอกาสเข้า
ร่วมกิจกรรมและเป็นผู้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเองอย่างมีความสุข โดยครูผู้สอนต้องลดบทบาทและ
ปรับเปลี่ยนกระบวนการของตนจากการเป็นผู้บอกความรู้ให้แก่ผู้เรียนมาเป็น ผู้สนับสนุน ผู้ชี้แนะ ท่ี
ปรึกษาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนมากที่สุดตามศักยภาพของแต่ละบุคคล จัดประสบการณ์ที่กระตุ้นให้
ผ้เู รยี นใฝ่ร้ใู ฝเ่ รียน ค้นพบคำตอบด้วยตนเอง โดยมคี รูและนักเรยี นร่วมกนั แสวงหาแหล่งความรู้

๓. แนวทางในการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ทเ่ี นน้ ผเู้ รยี นเป็นสำคัญ

บทบาทและหน้าท่ีของครูผู้สอนจะต้องสนับสนุนและจัดประสบการณ์ให้ความสำคัญต่อการ
เรียนการสอนแก่ผู้เรียนจึงจำเป็นตองจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยครูต้องมีการ
วางแผนการจัดกิจกรรม เตรียมส่ือการสอน กำกบั ดูแลกระบวนการจัดกิจกรรม ส่งเสริมการนำความรู้
ไปใช้ ดังน้ันครูจึงจำเป็นต้องมีการเตรียมการสอนเพ่ือเป็นเคร่ืองช่วยให้ครูได้พัฒนา การจัด
กระบวนการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพไปสู่จุดประสงค์ของการเรียนรู้และจุดหมาย
ของหลกั สูตร สรปุ เปน็ สาระสำคญั ไดด้ ังน้ี๑๐

๑. หลักการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ ครูต้องตอบคำถามให้ได้ว่า สอนเพื่ออะไร สอน
ให้กับใคร สอนอย่างไร สอนทำไม และสอนแลว้ จะเกิดผลอะไรบ้าง ดังนน้ั ในแผนการสอนต้องกำหนด
จุดประสงค์การเรียนรู้ กำหนดแนวการจัดกิจกรรมท่ีจะทำให้ผู้เรียนบรรลุตามจุดประสงค์และวัดผล
ประเมินผลไวอยา่ งชดั เจน

๒. ขน้ั ตอนการเขียนแผนการสอน ครูต้องกำหนดจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้เพอื่ ให้ผเู้ รียนบรรลุ
ตามจุดหมายของหลักสูตร จุดประสงค์รายวิชาต้องครอบคลุมท้ังในดานความรู้ ทักษะ และเจตคติ

๑๐ ทิศนา แขมมณี. “การจัดการเรียนการสอนโดยยึดครูเป็นศูนย์กลาง : โมเดลซิปปา (CIPPA
Model),” วารสารวิชาการ, ๓(๕) : ๒๕ : พฤษภาคม ๒๕๔๒.

๘๓

84

กำหนดแนวทางการจัดการเรียนการสอน เทคนิคการสอน วิธีการวัดผลและประเมินผลให้เป็นไปตาม
สภาพที่แท้จรงิ ของผเู้ รียนแต่ละบคุ คล

๔. ขัน้ ตอนกระบวนการจดั การเรยี นร้โู ดยเนน้ ผเู้ รียนเปน็ สำคญั

ขั้นตอนในการเปล่ียนแปลงกระบวนการจัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมีอย่าง
หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและสภาพท่ัวไป เช่น พื้นท่ีของสถานศึกษา ชุมชน ผู้เรียน
แหล่งข้อมูลหรือแหล่งค้นคว้า เป็นต้น กระบวนการในตอนนี้เป็นแนวทางหน่ึง ซึ่งอาจจะปฏิบัติตาม
หรอื อาจมกี ารปรับปรงุ แก้ไข นอกเหนือจากนก้ี ไ็ ด้ ดงั นี้๑๑

๑. การปรับแนวความคิดของครู ครูต้องมกิ ารปรบั ความคิดระบบใหม่และไม่ผูกพนั หรือยึด
ตดิ กบั เนื้อหาเพียงอย่างเดยี ว

๒. นำทฤษฎีการเรียนรู้มาใช้ ครูผู้สอนจำเป็นที่ต้องศึกษาค้นคว้า เพ่ือหาความรู้ เพ่ิมเติม
จากแหล่งความรู้ทั่วไป และนำทฤษฎีต่างๆ ท่ีเก่ียวกับการเรียนรู้มาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้กับ
ผเู้ รยี น เนอื้ หาของทฤษฎกี ารเรียนรู้ปรากฏในบทที่ ๕ เร่อื งจติ วทิ ยาการเรยี นรู้

๓. ปรับหลักสูตร มีการปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับผู้เรียน ชุมชน และให้เป็นไปตาม
สภาพทีแ่ ท้จริงของแตล่ ะบคุ คล

๕. ประโยชน์การจัดการเรยี นรู้โดยเน้นผู้เรียนเปน็ สำคัญ

การจดั การเรยี นรู้โดยเนน้ ผู้เรียนเปน็ สำคัญ มีประโยชนต์ ่อผูเ้ รยี น ผู้สอน ดังตอ่ ไปน้ี
๑. ผู้เรยี นมีความสขุ กับการเรยี น
๒. ผู้เรียนเรยี นรูร้ ่วมกับผอู้ ืน่ ได้อยา่ งมคี วามสุข
๓. ผเู้ รยี นสามารถคดิ ค้น คน้ หาความรู้ หาคำตอบไดด้ ว้ ยตนเอง
๔. ผู้เรียนสามารถเรียนโดยการปฏิบตั จิ รงิ กล้าคดิ กล้าทำ และกล้าแสดงออก
๕. ผู้เรยี นสามารถเรียนรไู้ ดห้ ลากหลายหรอื เรียนรู้แบบองค์รวม
๖. ผ้เู รียนสามารถจดั กจิ กรรมรว่ มกับผู้สอนอยา่ งมีความสุข
๗. ผู้เรยี นสามารถเรียนรู้ไตจ้ ากกระบวนการของตนเอง
๘. ผู้เรยี นสามารถสร้างความรแู้ ละสรุปความรู้ดว้ ยตนเอง
๙. ครูผูส้ อนมีความสขุ กบั การจัดกระบวนการเรียนรู้
๑๐. ผบู้ รหิ ารมคี วามสขุ กบั การจดั กิจกรรมการเรยี นของครผู สู้ อนและผูเ้ รยี น

๑๑ ลักฃณา สรีวัฒน์, จิตวิทยาในขัน้ เรียน (ฉบับปรบั ปรุง). พิมพ์ครงั้ ที่ ๓, (มหาสารคาม : ธนภรณ์การ
พิมพ์, ๒๕๕๔).

๘๔

85

๑๑. ผู้ปกครองชุมชน มีความสุขในการจัดกระบวนการเรียนการสอนในรูปแบบนี้ และให้
ความช่วยเหลอื รว่ มมือเปน็ อย่างดี

๖. กลยทุ ธ์ในการจัดการเรียนท่ีเนน้ ผ้เู รยี นเป็นสำคัญ

การจัดการเรียนรู้แบบเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นแนวความคิดท่ีมงุ่ ให้ผเู้ รียนไดม้ ีบทบาท มี
ส่วนร่วมในการเรียนการสอนมากข้ึน ซ่ึงผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้ได้ โดยการลงมือกระทำปฏิบัติ
แก้ปัญหา หรือศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง โดยยึดความสนใจ ความสามารถของผู้เรียนเป็นสำคัญ และ
สามารถท่ีจะพัฒนาศักยภาพของตนเอง และนำความรู้ไปใช้ เป็นประโยชน์ต่อตนเองได้ตลอด จนเน้น
กระบวนการในการเรียนรู้ร่วมกันของผู้เรียน ผู้เรียนจะมีความรู้ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ด้วย
ตนเอง จะเรียนอย่างมีความสุข มีส่วนร่วมในการทำงานในกิจกรรมต่างๆ อีกทั้งมีจิตใจท่ีสดชื่นแจ่มใส
ในระหว่างดำเนินกิจกรรม การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมีกลยุทธ์ในการจัดการเรียนรู้
ดงั ตอ่ ไปน้ี๑๒

๑. กำหนดจุดมุง่ หมายของการสอนโดยเน้นผเู้ รียนเปน็ สำคญั เช่น
๑.๑ เพอื่ ให้ผู้เรยี นมีสว่ นร่วมในการเรยี นการสอนมากขึ้น
๑.๒ เพอ่ื ใหผ้ ู้เรียนไดพ้ ัฒนาความสามารถตา่ งๆ ตามความสามารถของตน
๑.๓ เพื่อให้ผเู้ รียนได้เรยี นรูจ้ ากการลงมือกระทำ ปฏบิ ัตหิ รอื คน้ ควา้ ดว้ ยตนเอง
๑.๔ เพอ่ื ใหผ้ ู้เรยี นไดเ้ รยี นตามความสนใจความสามารถของตนเอง
๑.๕ เพ่ือใหผ้ ู้เรียนไดเ้ ชอ่ื มโยงการเรียนรกู้ บั สภาพชวี ติ ประจำวัน
๑.๖ เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นไดแ้ ลกเปลยี่ นความคิด ความรกู้ บั เพ่ือนๆ

๒. มลี กั ษณะของการจัดการเรียนการสอนโดยเนน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำคญั
๒.๑ จัดตามความสนใจ ความสามารถ ตั้งแต่การร่วมกำหนดวัตถุประสงค์ เนื้อหา

กจิ กรรมการเรียนการสอน และการประเมินผล
๒.๒ จัดให้ผู้เรียนได้ลงมือทำกิจกรรม ปฏิบัติ แก้ปัญหาหรือศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง

จากสื่อ เพ่อื น และครู
๒.๓ จัดให้ผู้เรียนได้มีโอกาสแก้ทักษะต่างๆ เช่น ทักษะทางการคิดวิเคราะห์ ทักษะ

การแกป้ ัญหา การสังเกต การทดลองค้นควา้ การจดบันทึกตลอดจนการสังเคราะห์ การสรุปขอ้ ความรู้
ต่างๆ อันเปน็ องคค์ วามรขู้ องตนเอง

๒.๔ จดั ใหผ้ ้เู รยี นได้มโี อกาสนำความรูท้ ่ีได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชวี ติ ประจำวัน

๑๒ สุภรณ์ สภาพงค,์ “การเรียนรู้ทเี่ น้นผู้เรียนสำคญั ที่สุด,” วารสารวิชาการ, ๕(๓): ๓๑-๓๒ : มีนาคม
๒๕๔๕.


Click to View FlipBook Version