130 14. แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการสอนที่ 7 ชื่อหน่วยการสอน ทรานซิสเตอร์ วัตถุประสงค์ เพื่อ ประเมินความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับทรานซิสเตอร์ ข้อคำถาม คำสั่ง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด 1. ทรานซิสเตอร์ที่แบ่งโดยใช้สารกึ่งตัวนำเป็นเกณฑ์ แบ่งได้กี่ชนิด ก. 1 ชนิด ข. 2 ชนิด ค. 3 ชนิด ง. 4 ชนิด 2. เพราะเหตุใดเยอรมันเนียมทรานซิสเตอร์ในปัจจุบันจึงไม่นิยมใช้ ก. ตัวใหญ่เกินไป ข.กระแสรั่วไหลมาก ค. ค่าความต้านทานต่ำ ง. ไม่มีจำหน่ายในท้องตลาด 3. ทรานซิสเตอร์ชนิดใดที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน ก. ทรานซิสเตอร์ชนิดหัวต่อ ข. ทรานซิสเตอร์ชนิดเยอรมันเนียม ค. ทรานซิสเตอร์แบบปรับค่า ง. ทรานซิสเตอร์ชนิดซิลิคอน 4. ชั้นกลางของโครงสร้างทรานซิสเตอร์ต่อกับขาใด ก. อิมอเตอร์ ข. คอลเลกเตอร์ ค. เบส ง. กราวด์ 5. ชั้นรอบนอกของโครงสร้างทรานซิสเตอร์เรียกว่าอะไร ก. ตัวถัง ข. โครงสร้างรอบนอก ค. อิมิเตอร์และคอลเลคเตอร์ ง. สารกึ่งตัวนำ 6. โครงสร้างภายนอกทรานซิสเตอร์มีไว้เพื่ออะไร ก. ป้องกันโครงสร้างภายใน, ระบายความร้อน และค้ำจุนขา ข. สวยงาม, ค้ำจุนขา และระบุชนิดของทรานซิสเตอร์ ค. ป้องกันโครงสร้างภายใน, ระบายความร้อน และระบุชนิดของทรานซิสเตอร์ ง. ระบุชื่อขาต่าง ๆ ของทรานซิสเตอร์ 7. จากรูปเป็นสัญลักษณ์ของทรานซิสเตอร์ชนิดใด ก. ชนิด NPN ข. ชนิด NNP ค. ชนิด PNP ง. ชนิด PPN 8. จากรูปเป็นสัญลักษณ์ของทรานซิสเตอร์ชนิดใด ก. ชนิด NPN ข. ชนิด NNP ค. ชนิด PNP ง. ชนิด PPN
131 9. ข้อใดเป็นการจ่ายไบอัสให้ทรานซิสเตอร์ถูกต้อง ก. จ่ายไบอัสตรงให้ขา C กับขา B ข. จ่ายไบอัสตรงให้ขา B กับขา C ค. จ่ายไบอัสกลับให้ขา E กับขา B ง. จ่ายไบอัสกลับให้ขา B กับขา E 10. ทรานซิสเตอร์ที่ขึ้นด้วย 2SA หรือ A มีความหมายอย่างไร ก. เป็นทรานซิสเตอร์ชนิด PNP ใช้ในความถี่ต่ำ ข. เป็นทรานซิสเตอร์ชนิด PNP ใช้ในความถี่สูง ค. เป็นทรานซิสเตอร์ชนิด NPN ใช้ในความถี่ต่ำ ง. เป็นทรานซิสเตอร์ชนิด NPN ใช้ในความถี่ต่ำ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน ข้อ1 ข้อ2 ข้อ 3 ข้อ 4 ข้อ 5 ข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 9 ข้อ 10 ข. ข. ง. ค. ค. ค. ก. ก. ค. ข. 15. แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการสอนที่ 7 ชื่อหน่วยการสอน ทรานซิสเตอร์ วัตถุประสงค์ เพื่อ ประเมินความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับทรานซิสเตอร์ ข้อคำถาม คำสั่ง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด 1. ทรานซิสเตอร์ที่แบ่งโดยใช้สารกึ่งตัวนำเป็นเกณฑ์ แบ่งได้กี่ชนิด ก. 1 ชนิด ข. 2 ชนิด ค. 3 ชนิด ง. 4 ชนิด 2. เพราะเหตุใดเยอรมันเนียมทรานซิสเตอร์ในปัจจุบันจึงไม่นิยมใช้ ก. ตัวใหญ่เกินไป ข.กระแสรั่วไหลมาก ค. ค่าความต้านทานต่ำ ง. ไม่มีจำหน่ายในท้องตลาด 3. ทรานซิสเตอร์ชนิดใดที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน ก. ทรานซิสเตอร์ชนิดหัวต่อ ข. ทรานซิสเตอร์ชนิดเยอรมันเนียม ค. ทรานซิสเตอร์แบบปรับค่า ง. ทรานซิสเตอร์ชนิดซิลิคอน 4. ชั้นกลางของโครงสร้างทรานซิสเตอร์ต่อกับขาใด ก. อิมอเตอร์ ข. คอลเลกเตอร์ ค. เบส ง. กราวด์ 5. ชั้นรอบนอกของโครงสร้างทรานซิสเตอร์เรียกว่าอะไร ก. ตัวถัง ข. โครงสร้างรอบนอก ค. อิมิเตอร์และคอลเลคเตอร์ ง. สารกึ่งตัวนำ 6. โครงสร้างภายนอกทรานซิสเตอร์มีไว้เพื่ออะไร ก. ป้องกันโครงสร้างภายใน, ระบายความร้อน และค้ำจุนขา ข. สวยงาม, ค้ำจุนขา และระบุชนิดของทรานซิสเตอร์ ค. ป้องกันโครงสร้างภายใน, ระบายความร้อน และระบุชนิดของทรานซิสเตอร์ ง. ระบุชื่อขาต่าง ๆ ของทรานซิสเตอร์
132 7. จากรูปเป็นสัญลักษณ์ของทรานซิสเตอร์ชนิดใด ก. ชนิด NPN ข. ชนิด NNP ค. ชนิด PNP ง. ชนิด PPN 8. จากรูปเป็นสัญลักษณ์ของทรานซิสเตอร์ชนิดใด ก. ชนิด NPN ข. ชนิด NNP ค. ชนิด PNP ง. ชนิด PPN 9. ข้อใดเป็นการจ่ายไบอัสให้ทรานซิสเตอร์ถูกต้อง ก. จ่ายไบอัสตรงให้ขา C กับขา B ข. จ่ายไบอัสตรงให้ขา B กับขา C ค. จ่ายไบอัสกลับให้ขา E กับขา B ง. จ่ายไบอัสกลับให้ขา B กับขา E 10. ทรานซิสเตอร์ที่ขึ้นด้วย 2SA หรือ A มีความหมายอย่างไร ก. เป็นทรานซิสเตอร์ชนิด PNP ใช้ในความถี่ต่ำ ข. เป็นทรานซิสเตอร์ชนิด PNP ใช้ในความถี่สูง ค. เป็นทรานซิสเตอร์ชนิด NPN ใช้ในความถี่ต่ำ ง. เป็นทรานซิสเตอร์ชนิด NPN ใช้ในความถี่ต่ำ เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน ข้อ1 ข้อ2 ข้อ 3 ข้อ 4 ข้อ 5 ข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 9 ข้อ 10 ข. ข. ง. ค. ค. ค. ก. ก. ค. ข.
133 16. ใบความรู้ที่ 7 หน่วยการสอนที่ 7 ชื่อหน่วยการสอน ทรานซิสเตอร์ หัวข้อเรื่อง ทรานซิสเตอร์ 7.1 ประวัติความเป็นมาของทรานซิลเตอร์ ในช่วงเวลาก่อนปี พ.ศ. 2490 ประมาณ 40 ปี หลอดสุญญากาศเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มี การพัฒนาและนำมาใช้งานมากที่สุด การใช้งานหลอดสุญญากาศ มีปัญหาในการใช้งานมาก เช่น กำลังไฟฟ้าสูญเสียมาก มีขนาดใหญ่ ชำรุดง่าย กรรมวิธีผลิตยุ่งยาก เป็นต้น เมื่อความต้องการใช้งานมาก ขึ้น หลอดสุญญากาศยิ่งมีปัญหามากขึ้น จึงได้มีผู้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์มาใช้งาน แทนหลอดสุญญากาศยิ่งมีปัญหามากขึ้น จึงได้มีผู้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์มาใช้งาน แทนหลอดสุญญากาศ 7.2 โครงสร้างและสัญลักษณ์ของทรานซิสเตอร์ ทรานซิลเตอร์แบ่งตามโครงสร้างของสารกึ่งตัวนำได้เป็นสองชนิด คือ 1.ทรานซิลเตอร์ชนิด พีเอ็นพี (PNP) 2.ทรานซิลเตอร์ชนิด เอ็นพีเอ็น (NPN) 7.3 ชนิดของทรานซิลเตอร์ การแบ่งชนิดของทรานซิลเตอร์ สามารถแบ่งออกได้หลายลักษณะแตกต่างกันหลานแนวแล้วแต่ผู้ที่ ทำการแบ่งยึดลักษณะแบบไหน ถ้าแบ่งยึดในรูปของการใช้งานซึ่งอาจจะแบ่งเป็นทรานซิลเตอร์ที่ทำหน้าที่ส วิทซิ่, ทรานซิลเตอร์กำลัง, ทรานซิลเตอร์ความถี่สูง, ทรานซิลเตอร์ชนิด NPN หรือ PNP ฯลฯ โดยเฉพาะ การแบ่งประเภทหนึ่งซึ่งนิยมใช้กัน คือ การแบ่งโดยใช้สารที่นำมาเป็นเกณฑ์ สามารถแบ่งได้ 2 ชนิด คือ เยอรมันเนียมทรานซิลเตอร์,ซิลิคอนทรานซิลเตอร์ 7.4 ขาของทรานซิลเตอร์ เนื่องจากทรานซิลเตอร์ผลิตจากสารกึ่งตัวนำชนิดพีและเอ็น โดยนำมาต่อเรียงกัน 3 ชิ้น ด้วย กรรมวิธีพิเศษหรือนำมาต่อเพื่อให้เกิดรอยต่อระหว่างเนื้อสารขึ้น 2 รอยต่อ โดยสารกึ่งตัวนำที่อยู่ตรงกลาง จะเป็นเนื้อสารคนละอย่างกับสารกึ่งตัวนำที่อยู่หัวและท้าย แล้วจึงต่อขาออกมาใช้งานทั้งหมด 3 ขาด้วยกัน ซึ่งมีชื่อเรียกดังต่อไปนี้ ขาคอลเล็กเตอร์ (Collector) เรียกย่อๆ ว่าขา C เป็นขาที่มีโครงสร้างในการโด๊ปสารผสมต่อสาร กึ่งตัวนำบริสุทธิ์น้อยกว่าขาอิมิตเตอร์ ทำให้มีพาหะน้อยกว่า ขาอิมิตเตอร์ (Emitter) เรียกย่อๆ ว่าขา E เป็นขาที่มีโครงสร้างในการโด๊ปสารผสมต่อสารกึ่งตัวนำ บริสุทธิ์มากว่าขาคอลเล็กเตอร์ทำให้มีพาหะมากกว่า มีกระแสรั่วไหลมากและจะอยู่คนละฝั่งกับขา คอลเล็กเตอร์ ขาเบส (Base) เรียกย่อๆ ว่าขา B เป็นส่วนที่อยู่ตรงกลางระหว่างขา C และขา E มีพื้นที่ของ โครงสร้างแคบที่สุดเมื่อเทียบกับอีกสองส่วน 7.5 การทำงานของทรานซิลเตอร์ จากการศึกษาเกี่ยวกับการไหลของกระแสภายในวงจรสารกึ่งตัวนำ การที่เราจะทำให้เกิดการไหลของ กระแสหรือให้ทรานซิลเตอร์ทำงานได้นั้น จะเป็นจะต้องให้ไบอัสและกระแสที่ปรากฎทางด้านเอาต์พุตเราต้อง สามารถควบคุมค่าของกระแสได้ด้วย จึงจะทำให้ทรานซิลเตอร์สามารถขยายสัญญาณได้ตามความต้องการ
134 การอธิบายการทำงานของทรานซิลเตอร์ จำเป็นจะต้องเข้าใจการไหลในรูปของโฮลและอิเล็คตรอน รวมถึงการไบอัสด้วย ซึ่งการไบอัสเป็นวิธีการที่ทำให้ทรานซิลเตอร์พร้อมที่จะทำงานนั้นเอง ในกรณีของทราน ซิลเตอร์มีขา 3 ขา การป้องกันแรงเคลื่อนที่เหมาะสมหรือไบอัสที่ถูกต้องจะทำให้ทรานซิลเตอร์ทำงานได้ เมื่อพิจารณาโครงสร้างของทรานซิลเตอร์แล้ว จะสามารถจัดรูปแบบการขยายสัญญาณโดยต้องมี อินพุตและเอาต์พุต เมื่อให้ขาหนึ่งเป็นอินพุต ขาหนึ่งเป็นเอาต์พุต ขาที่เหลือก็ต้องเป็นจุดร่วมอินพุตกับกิน พุต จากหลักการดังกล่าวเรากำหนดให้ระหว่าง B กับ E เป็นอินพุต และระหว่าง B กับ C เป็นเอาต์พุต ดังนั้นจะสามารถจัดรูปแบบการขยายได้ 3 แบบหรือ 3 คอมมอน เนื่องจากวัตถุประสงค์ของทรานซิลเตอร์สร้างมาจากหลักการที่ต้องการให้กระแสด้านอินพุตไป ควบคุมกระแสเอาต์พุต ดังนั้น จะต้องไบอัสทางด้านเอาร์พุต เป็นไบอัสแบบย้อนกลับ ถ้าให้ไบอัสตรง จะ ทำให้ทางด้านเอาต์พุตเป็นอิสระไม่ครบวงจรเอาต์พุต ทางด้านอินพุตจะให้ไบอัสตรง และแรงเคลื่อนที่มา ไบอัสนี้ไม่จำเป็นจะต้องเป็นแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่มีค่าสูงแต่ออย่างไร เพราะถ้าให้กระแสอินพุตสูงเกินไปจะทำให้ กระแสเอาต์พุตเกิดการอิ่มตัว 7.6 การให้ไบอัสทรานซิลเตอร์ ทรานซิลเตอร์ทั้งชนิด NPN และ PNP เมื่อนำไปใช้งานไม่ว่าจะใช้วงจรขยายสัญญาณหรือทำงาน เป็นสวิตซ์ จะต้องทำการจัดแรงไฟให้เหมาะสมหรือเรียกว่าการให้ไบอัส (Bias) ให้ทรานซิลเตอร์ก่อน ทราน ซิลเตอร์จึงจะทำงานได้ โดยใช้หลักการไบอัส ดังนี้ ไบอัสตรง (Forward Bias) ให้กับรอยต่ออิมิตเตอร์กับเบส ไบอัสกลับ (Reverse Bias) ให้กับรอยต่อระหว่างคอลเลกเตอร์กับเนส
135 17. ใบงานที่ 7 หน่วยการสอนที่ 7 ชื่อหน่วยการสอน ทรานซิสเตอร์ หัวข้อเรื่อง ทรานซิสเตอร์ จุดประสงค์ 1. ประกอบวงจรเพื่อคุณสมบัติของทรานซิสเตอร์ 2. ต่อวงจรปฏิบัติการการทดลองหาคุณสมบัติของทรานซิสเตอร์ 3. สามารถบอกหลักการวัดและทดสอบทรานซิสเตอร์ด้วยโอห์มมิเตอร์ได้ 4. สามารถวัดและทดสอบเพื่อหาขาและชนิดของทรานซิสเตอร์ด้วยโอห์มมิเตอร์ได้ 5. สามารถวัดและทดสอบทรานซิสเตอร์ดีหรือเสียได้ 6. สามารถทดลองหาคุณสมบัติของทรานซิสเตอร์ได้ เครื่องมือและอุปกรณ์ 1. มัลติมิเตอร์ 1 เครื่อง 2. แหล่งจ่ายไฟกระแสตรง 1 เครื่อง 3. ชุดฝึกวิชาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 1 ชุด ข้อควรระวัง 1. ถ้าโอห์มมิเตอร์ที่ใช้วัดเป็นมิเตอร์ยี่ห้อ Sanwa หรือเลียนแบบ ที่ขั้วบวกของมิเตอร์จะมีศักย์ไฟลบ จ่ายออกมา และที่ขั้วลบจะมีไฟบวกจ่ายออกมา 2. เมื่อทำการเปลี่ยนย่านการวัดโอห์มมิเตอร์จะต้องทำการปรับเข็มมิเตอร์ให้อยู่ในตำแหน่งศูนย์ทุก ครั้ง (Zero Adjust) ลำดับขั้นการทดลอง 1. วัดหาตำแหน่งขา B โดยตั้งย่านวัดโอห์มมิเตอร์ ที่ย่าน R x 1K วัดระหว่างขาต่างๆ ของ ทรานซิสเตอร์ ตามตารางที่ 7.1 แล้วระบุตำแหน่งขา B , C , E และชนิดของทรานซิสเตอร์ 2. ถ้าเป็น PNP วัดหาตำแหน่งขา C โดยตั้งย่านวัดโอห์มมิเตอร์ ที่ย่าน R x 1K ใช้มิเตอร์จับขาที่เหลือ 2 ขา ของทรานซิสเตอร์ ที่ไม่ใช่ขา B และให้ใช้มือไบอัสกับขั้วลบ ไปหาขา B ถ้าเข็มมิเตอร์เบี่ยงเบนมาก เป็น ขา C ถ้าเข็มมิเตอร์เบี่ยงเบนน้อยเป็นขา E 3. ถ้าเป็น NPN วัดหาตำแหน่งขา C โดยตั้งย่านวัดโอห์มมิเตอร์ ที่ย่าน R x 1K ใช้มิเตอร์จับขาที่เหลือ 2 ขา ของทรานซิสเตอร์ ที่ไม่ใช่ขา B และให้ใช้มือไบอัสกับขั้วบวก ไปหาขา B ถ้าเข็มมิเตอร์เบี่ยงเบนมาก เป็น ขา C ถ้าเข็มมิเตอร์เบี่ยงเบนน้อยเป็นขา E
136 เบอร์ รูปร่าง ใช้สเกล Rx1 ตำแหน่ง ชนิด 1-2 2-1 1-3 3-1 2-3 3-2 ขา B ขา C ขา E C458 H1061 BD139 BD140 TIP3055 2N3055 ตารางที่ 7.1 หมายเหตุ- สายโอห์มมิเตอร์ที่มีศักย์ไฟบวกจับที่ ขา 1 ไฟลบจับที่ขา 2 ของทรานซิสเตอร์ 4. ต่อวงจรตามรูปที่ 7.1 รูปที่ 7.1
137 5. ในขณะที่ S1 เปิดวงจร วัด IB ได้ ..............μA IC ได้ .............mA VCE ได้ ...............V และ VRL ได้ ..............V เพราะ................................................................................................................ 6. ปิดสวิตช์ S1 เปลี่ยนค่าความต้านทาน R1 ตามตารางที่ 7.2 ใช้มัลติมิเตอร์วัดแรงดันและกระแสที่ จุดต่างๆ บันทึกค่า IB, IC, VCE และ VRL ที่วัดได้ลงในตารางที่ 7.2 R1 330 470 3.6k 2.2k 5.6k 10k 20k 68k Ω IB mA IC mA VCE V VRL V ตารางที่ 7.2 สรุปและวิจารณ์ผลการทดลอง ทุกๆขั้นตอน ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................
138 18. แบบประเมินผล แบบประเมินผลการนำเสนอผลงาน ชื่อกลุ่ม……………………………………………ชั้น………………………ห้อง............................ รายชื่อสมาชิก 1……………………………………เลขที่……. 2……………………………………เลขที่……. 3……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขที่……. ที่ รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเห็น 3 2 1 1 เนื้อหาสาระครอบคลุมชัดเจน (ความรู้เกี่ยวกับเนื้อหา ความถูกต้อง ปฏิภาณในการตอบ และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า) 2 รูปแบบการนำเสนอ 3 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 4 บุคลิกลักษณะ กิริยา ท่าทางในการพูด น้ำเสียง ซึ่งทำให้ผู้ฟังมีความ สนใจ รวม ผู้ประเมิน………………………………………………… เกณฑ์การให้คะแนน 1. เนื้อหาสาระครอบคลุมชัดเจนถูกต้อง 3 คะแนน = มีสาระสำคัญครบถ้วนถูกต้อง ตรงตามจุดประสงค์ 2 คะแนน = สาระสำคัญไม่ครบถ้วน แต่ตรงตามจุดประสงค์ 1 คะแนน = สาระสำคัญไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามจุดประสงค์ 2. รูปแบบการนำเสนอ 3 คะแนน = มีรูปแบบการนำเสนอที่เหมาะสม มีการใช้เทคนิคที่แปลกใหม่ ใช้สื่อและเทคโนโลยี ประกอบการ นำเสนอที่น่าสนใจ นำวัสดุในท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่าและ ประหยัด 2 คะแนน = มีเทคนิคการนำเสนอที่แปลกใหม่ ใช้สื่อและเทคโนโลยีประกอบการนำเสนอที่น่าสนใจ แต่ขาดการประยุกต์ใช้ วัสดุในท้องถิ่น 1 คะแนน = เทคนิคการนำเสนอไม่เหมาะสม และไม่น่าสนใจ 3. การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 1 คะแนน = สมาชิกส่วนน้อยมีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ความสนใจของผู้ฟัง 3 คะแนน = ผู้ฟังมากกว่าร้อยละ 90 สนใจ และให้ความร่วมมือ 2 คะแนน = ผู้ฟังร้อยละ 70-90 สนใจ และให้ความร่วมมือ 1 คะแนน = ผู้ฟังน้อยกว่าร้อยละ 70 สนใจ และให้ความร่วมมือ
139 แบบประเมินกระบวนการทำงานกลุ่ม ชื่อกลุ่ม……………………………………………ชั้น………………………ห้อง............................ รายชื่อสมาชิก 1……………………………………เลขที่……. 2……………………………………เลขที่……. 3……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขที่……. ที่ รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเห็น 3 2 1 1 การกำหนดเป้าหมายร่วมกัน 2 การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบและการเตรียมความ พร้อม 3 การปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 4 การประเมินผลและปรับปรุงงาน รวม ผู้ประเมิน………………………………………………… วันที่…………เดือน……………………..พ.ศ…………... เกณฑ์การให้คะแนน 1. การกำหนดเป้าหมายร่วมกัน 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายการทำงานอย่างชัดเจน 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 1 คะแนน = สมาชิกส่วนน้อยมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 2. การหน้าที่รับผิดชอบและการเตรียมความพร้อม 3 คะแนน = กระจายงานได้ทั่วถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทุกคน มีการจัดเตรียม สถานที่ สื่อ/อุปกรณ์ไว้อย่างพร้อมเพรียง 2 คะแนน = กระจายงานได้ทั่วถึง แต่ไม่ตรงตามความสามารถ และมีสื่อ/อุปกรณ์ไว้อย่างพร้อมเพรียง แต่ขาดการจัดเตรียมสถานที่ 1 คะแนน = กระจายงานไม่ทั่วถึงและมีสื่อ / อุปกรณ์ไม่เพียงพอ 3. การปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 3 คะแนน = ทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมาย และตามเวลาที่กำหนด 2 คะแนน = ทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมาย แต่ช้ากว่าเวลาที่กำหนด 1 คะแนน = ทำงานไม่สำเร็จตามเป้าหมาย 4. การประเมินผลและปรับปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนร่วมปรึกษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรับปรุงงานเป็นระยะ 2 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วมปรึกษาหารือ แต่ไม่ปรับปรุงงาน 1 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วมไม่มีส่วนร่วมปรึกษาหารือ และปรับปรุงงาน
140 19. แบบฝึกหัด แบบฝึกหัดท้ายหน่วยที่ 7 ทรานซิสเตอร์ จงตอบคำถามต่อไปนี้ 1. จงบอกชนิดของทรานซิสเตอร์ว่ามีกี่ชนิด พร้อมวาดรูปสัญลักษณ์ของแต่ละชนิด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. จงบอกขาของทรานซิสเตอร์ว่ามีกี่ขา และมีขาอะไรบ้าง พร้อมวาดรูปประกอบ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. จงอธิบายโครงสร้างและสัญลักษณ์ของทรานซิสเตอร์มาพอเข้าใจ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. จงอธิบายการทำงานของทรานซิสเตอร์มาโดยละเอียด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. จากวงจร จงหาค่าของ IB , IC , IE , α ,VCE และ VCB ถ้าทรานซิสเตอร์ใน วงจรมีค่า β= 100 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
141 20. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้แบบมุ่งเน้นสมรรถนะอาชีพและบูรณาการตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 20.1 สรุปผลการจัดการเรียนรู้ รายการ ระดับการปฏิบัติ 5 4 3 2 1 ด้านการเตรียมการสอน 1.จัดหน่วยการเรียนรู้ได้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การเรียนรู้ 2. กำหนดเกณฑ์การประเมินครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ด้านทักษะ และด้านจิตพิสัย 3. เตรียมวัสดุ-อุปกรณ์ สื่อ นวัตกรรม กิจกรรมตามแผนการจัดการเรียนรู้ก่อนเข้า สอน ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4. มีวิธีการนำเข้าสู่บทเรียนที่น่าสนใจ 5. มีกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ความเข้าใจ 6. จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนค้นคว้าเพื่อหาคำตอบด้วยตนเอง 7. นักเรียนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 8. จัดกิจกรรมที่เน้นกระบวนการคิด ( คิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ ) 9. กระตุ้นให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี 10. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริงโดยนำภูมิปัญญา/บูรณาการเข้ามา มีส่วนร่วม 11. จัดกิจกรรมโดยสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม 12. มีการเสริมแรงเมื่อนักเรียนปฏิบัติ หรือตอบถูกต้อง 13. มอบหมายงานให้เหมาะสมตามศักยภาพของผู้เรียน 14. เอาใจใส่ดูแลผู้เรียน อย่างทั่วถึง 15. ใช้เวลาสอนเหมาะสมกับเวลาที่กำหนด ด้านสื่อ นวัตกรรม แหล่งการเรียนรู้ 16. ใช้สื่อที่เหมาะสมกับกิจกรรมและศักยภาพของผู้เรียน 17. ใช้สื่อ แหล่งการเรียนรู้อย่างหลากหลาย เช่น บุคคล สถานที่ ของจริง เอกสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต เป็นต้น 13. มอบหมายงานให้เหมาะสมตามศักยภาพของผู้เรียน 14. เอาใจใส่ดูแลผู้เรียน อย่างทั่วถึง 15. ใช้เวลาสอนเหมาะสมกับเวลาที่กำหนด ด้านการวัดและประเมินผล 18. ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการกำหนดเกณฑ์การวัดและประเมินผล 19. ประเมินผลอย่างหลากหลายและครบทั้งด้านความรู้ ทักษะ และจิตพิสัย 20. ครู ผู้เรียน ผู้ปกครอง หรือ ผู้ที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วม ในการประเมิน หมายเหตุ ระดับการปฏิบัติ 5 = ปฏิบัติดีเยี่ยม 4 = ปฏิบัติดี 3 = ปฏิบัติพอใช้2 = ควรปรับปรุง 1 = ไม่มีการปฏิบัติ รวม เฉลี่ย
142 20.2 ปัญหาที่พบ และแนวทางแก้ปัญหา ปัญหาที่พบ แนวทางแก้ปัญหา ด้านการเตรียมการสอน .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. ด้านสื่อ นวัตกรรม แหล่งการเรียนรู้ .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. ด้านการวัดประเมินผล .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. ด้านอื่น ๆ (โปรดระบุเป็นข้อ ๆ) .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. ลงชื่อ ........................................................................ ครูผู้สอน (นายปฏิพาน สีนาบุญ) ตำแหน่ง ครูพิเศษสอน ............../.................................../....................
143 21. บันทึกการนิเทศและติดตาม วัน-เดือน-ปี เวลา รายการนิเทศและติดตาม ชื่อ-สกุล ผู้นิเทศ ตำแหน่ง
144 แผนการจัดการเรียนรู้ แบบมุ่งเน้นสมรรถนะอาชีพ และบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รหัสวิชา 20105-2005 วิชา อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวงจร หน่วยที่ 8 ชื่อหน่วย ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า ชื่อเรื่อง ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า จำนวน 5 ชั่วโมง 1. สาระสำคัญ ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า (Field Effect Transistor) ชื่อย่อเรียกว่าเฟต(FET) เป็นอุปกรณ์สารกึ่ง ตัวนำที่มี 3 ขาคือ ขาเกต ขาเดรน และขาซอร์ส ขาเกตเป็นขาที่ป้อนแรงดันเข้าทำให้เกิดสนามไฟฟ้าเพื่อใช้ ควบคุมปริมาณการไหลของพาหะส่วนใหญ่ระหว่างขาเดรนกับขาซอร์สซึ่งเป็นสารกึ่งตัวนำชิ้นเดียวกันพาหะ ส่วนใหญ่อาจเป็นกระแสโฮลหรืออิเล็กตรอน อย่างใดอย่างหนึ่ง เฟตมีหลายชนิดเช่น เจเฟต มอสเฟต ดีมอส เฟต ซึ่งโครงสร้างการทำงานและการจัดไบอัสจะแตกต่างกันออกไป 2. สมรรถนะอาชีพประจำหน่วย ด้านความรู้ 1. บอกสัญลักษณ์ของเจเฟตได้ 2. อธิบายโครงสร้างของเจเฟตได้ 3. บอกชนิดของเจเฟตได้ 4. อธิบายลักษณะสมบัติของเจเฟตได้ ด้านทักษะและการประยุกต์ใช้ 1. ปฏิบัติตามใบงานที่ 8 เรื่อง ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า 2. ต่อใช้งานทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้าถูกต้อง 3. ใช้มัลติมิเตอร์ตรวจสอบทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้าว่าดีหรือเสียได้ ด้านคุณธรรม/ จริยธรรม/ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์และบูรณาการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง 1. เห็นคุณค่าของความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า
145 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 จุดประสงค์ทั่วไป 1. เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับการอธิบายโครงสร้างทรานซิลเตอร์สนามไฟฟ้าชนิดรอยต่อได้ 2. เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับการบรรยายเอนฮานต์เมนต์โหมดได้ 3. เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับการเปรียบเทียบสัญลักษณ์ของเจเฟตได้ 4. เพื่อให้มีทักษะในการจัดไบอัสให้เจเฟตได้ 5. เพื่อให้มีทักษะในการวัดและทดสอบเจเฟตด้วยโอห์มมิเตอร์ได้ 6. เพื่อให้มีเจตคติที่ดีในการยอมรับลักษณะสมบัติของเจเฟตได้ 7. เพื่อให้มีเจตคติที่ดีในการติดตามเฟตชนิดออกไซต์ของโลหะและมอสเฟต ชนิดดีพลีทชันได้ 8. เพื่อให้มีเจตคติที่ดีในการจำแนกคุณลักษณะการถ่ายโอนของดีมอสเฟตได้ 9. เพื่อจัดไบอัสให้เจเฟต วัดและทดสอบเจเฟตด้วยโอห์มมิเตอร์อย่างถูกต้องเหมาะสมตามหลักการ ได้ 3.2 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับการอธิบายโครงสร้างทรานซิลเตอร์สนามไฟฟ้าชนิดรอยต่อได้ 2. เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับการบรรยายเอนฮานต์เมนต์โหมดได้ 3. เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับการเปรียบเทียบสัญลักษณ์ของเจเฟตได้ 4. เพื่อให้มีทักษะในการจัดไบอัสให้เจเฟตได้ 5. เพื่อให้มีทักษะในการวัดและทดสอบเจเฟตด้วยโอห์มมิเตอร์ได้ 6. เพื่อให้มีเจตคติที่ดีในการยอมรับลักษณะสมบัติของเจเฟตได้ 7. เพื่อให้มีเจตคติที่ดีในการติดตามเฟตชนิดออกไซต์ของโลหะและมอสเฟต ชนิดดีพลีทชันได้ 8. เพื่อให้มีเจตคติที่ดีในการจำแนกคุณลักษณะการถ่ายโอนของดีมอสเฟตได้ 9. เพื่อจัดไบอัสให้เจเฟต วัดและทดสอบเจเฟตด้วยโอห์มมิเตอร์อย่างถูกต้องเหมาะสมตามหลักการ ได้ 4. เนื้อหาสาระการสอน/การเรียนรู้ 4.1 ด้านความรู้ 1. โครงสร้างทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้าชนิดรอยต่อ 2. เอนฮานต์เมนต์โหมด 3. สัญลักษณ์ของเจเฟต 4. จัดไบอัสให้เจเฟต 5. วัดและทดสอบเจเฟตด้วยโอห์มมิเตอร์ 6. ลักษณะสมบัติของเจเฟต 7. เฟตชนิดออกไซต์ของโลหะและมอสเฟต ชนิดดีพลีทชัน 4.2 ด้านทักษะหรือปฏิบัติ 1. การทดลองที่ 8 ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า 2. แบบทดสอบบทที่ 8
146 4.3 ด้านคุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 1. จัดไบอัสให้เจเฟต วัดและทดสอบเจเฟตด้วยโอห์มมิเตอร์อย่างถูกต้องเหมาะสมตามหลักการได้ 5. กิจกรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ขั้นตอนการสอนหรือกิจกรรมครู ขั้นตอนการเรียนหรือกิจกรรมของผู้เรียน ขั้นเตรียม(จำนวน 15 นาที) 1. ผู้สอนจัดเตรียมเอกสาร พร้อมกับแนะนำ รายวิชา วิธีการให้คะแนนและวิธีการเรียนเรื่อง สารกึ่งตัวนำ 2. ผู้สอนแจ้งจุดประสงค์การเรียนของหน่วย เรียนที่ 8 และขอให้ผู้เรียนร่วมกันทำกิจกรรมการ เรียนการสอน ขั้นเตรียม(จำนวน 15 นาที) 1. ผู้เรียนเตรียมอุปกรณ์และ ฟังครูผู้สอน แนะนำรายวิชา วิธีการให้คะแนนและวิธีการเรียน เรื่อง สารกึ่งตัวนำ 2. ผู้เรียนทำความเข้าใจเกี่ยวกับจุดประสงค์ การเรียนของหน่วยเรียนที่ 8 และการให้ความ ร่วมมือในการทำกิจกรรม ขั้นการสอน(จำนวน 240 นาที) 1. ผู้สอนให้ผู้เรียนเปิด PowerPoint บทที่ 8 เรื่อง ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า และให้ผู้เรียน ศึกษาเอกสารประกอบการสอน วิชา อุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์และวงจร โดยให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วย ตนเอง และสามารถสอบถามข้อสงสัยระหว่างเรียน จากผู้สอน 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนอธิบายสารกึ่งตัวนำศึกษา จาก PowerPoint 3. ผู้สอนให้ผู้เรียนปฏิบัติใบงานที่ 8 เรื่อง ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า 4. ผู้สอนสังเกตการณ์ปฏิบัติใบงานที่ 8 เรื่อง ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า ขั้นการสอน(จำนวน 240 นาที) 1. ผู้เรียนเปิด PowerPoint บทที่ 8 เรื่อง ทรานซิสเตอร์ไฟฟ้า และผู้เรียนศึกษาเอกสาร ประกอบการสอน วิชา อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และ วงจร ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง และสามารถตอบ ข้อสงสัยระหว่างเรียนได้ 2. ผู้เรียนฟังอธิบายสารกึ่งตัวนำได้ศึกษาจาก PowerPoint 3. ผู้เรียนปฏ ิบัต ิใ บง าน ที ่ 8 เรื่อ ง ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า 4. ผู้เรียนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อสงสัย ระหว่างเรียนจากผู้สอน ขั้นสรุป(จำนวน 45 นาที) 1. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาที่ได้ เรียนให้มีความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนทำแบบฝึกหัดหน่วยที่ 8 3. ผู้สอนให้ผู้เรียนศึกษาเพิ่มเติมนอกห้องเรียน ด้วย PowerPoint ที่จัดทำขึ้น ขั้นสรุป(จำนวน 45 นาที) 1. ผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาที่ได้เรียนให้มี ความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน 2. ผู้เรียนทำแบบฝึกหัดหน่วยที่ 8 3. ผู้เรียนศึกษาเพิ่มเติมนอกห้องเรียน ด้วย PowerPoint ที่จัดทำขึ้น
147 6. สื่อการเรียนการสอน/การเรียนรู้ 6.1 สื่อสิ่งพิมพ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวิชา อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวงจร (Entrepreneurship) 2. ใบความรู้ที่ 8 เรื่อง ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า 3. การทดลองที่ 8 เรื่อง ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า ขั้นประยุกต์ใช้ข้อ 1 4. แบบทดสอบบทที่ 8 สรุปและประเมินผล ข้อ 2 5. แบบประเมินผลงานตามใบงาน ใช้ประกอบการสอนขั้นประยุกต์ใช้ ข้อ 1 6. แบบประเมินพฤติกรรมการทำงาน ใช้ประกอบการสอนขั้นประยุกต์ใช้ขั้นสรุปและประเมินผล 6.2 สื่อโสตทัศน์ 1. Power Point เรื่องทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า 6.3 สื่อของจริง 1. ทรานซิสเตอร์ 7. แหล่งการเรียนการสอน/การเรียนรู้ 7.1 ภายในสถานศึกษา 1. ห้องสมุดวิทยาลัยการอาชีพสว่างแดนดิน 2. ห้องอินเตอร์เน็ตวิทยาลัยการอาชีพสว่างแดนดิน 7.2 ภายนอกสถานศึกษา 1. ห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติอำเภอสว่างแดนดิน 2. ห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารีอำเภอสว่างแดนดิน 8. งานที่มอบหมาย 8.1 ก่อนเรียน 1. ผู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน 8.2 ขณะเรียน 1. ศึกษาเนื้อหา ในบทที่ 8 เรื่อง ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า 2. รายงานผลหน้าชั้นเรียน 3. ปฏิบัติใบปฏิบัติงานที่ 8 เรื่อง ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า 4. สรุปผลการทดลอง 8.3 หลังเรียน 1. ทำแบบฝึกหัดบทที่ 8
148 9. ผลงาน/ชิ้นงาน ที่เกิดจากการเรียนรู้ของผู้เรียน 1. แบบฝึกหัดบทที่ 8 ใบปฏิบัติงานที่ 8 2. ตรวจผลงาน 10. เอกสารอ้างอิง 1. อดุลย์ กัลยาแก้ว . อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวงจร. : ศูนย์ส่งเสริมอาชีวะ (ศสอ) 11. การบูรณาการ/ความสัมพันธ์กับรายวิชาอื่น 1. บูรณาการกับวิชาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น 2. บูรณาการกับวิชาวงจรไฟฟ้าเบื้องต้น 12. หลักการประเมินผลการเรียน 12.1 ก่อนเรียน 1. ตรวจผลงานตามใบปฏิบัติงานที่ 8 2. สังเกตการปฏิบัติงาน 12.2 ขณะเรียน - 12.3 หลังเรียน 1. ตรวจแบบฝึกหัด บทที่ 8 2. ตรวจแบบแบบฝึกหัดผลการเรียนรู้ 13. รายละเอียดการประเมินผลการเรียน จุดประสงค์ข้อที่ 1 บอกสัญลักษณ์ของเจเฟตได้ 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องการประเมิน : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การประเมิน : สามารถบอกสัญลักษณ์ของเจเฟตได้ 4. เกณฑ์การผ่าน : บอกสัญลักษณ์ของเจเฟตได้ ได้คะแนน 0.5 คะแนน จุดประสงค์ข้อที่ 2 อธิบายโครงสร้างของเจเฟตได้ 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องการประเมิน : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การประเมิน : สามารถอธิบายโครงสร้างของเจเฟตได้ 4. เกณฑ์การผ่าน : อธิบายโครงสร้างของเจเฟตได้ ได้คะแนน 1 คะแนน
149 จุดประสงค์ข้อที่ 3 บอกชนิดของเจเฟตได้ 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องการประเมิน : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การประเมิน : สามารถบอกชนิดของเจเฟตได้ 4. เกณฑ์การผ่าน : บอกชนิดของเจเฟตได้ ได้คะแนน 0.5 คะแนน จุดประสงค์ข้อที่ 4 อธิบายลักษณะสมบัติของเจเฟตได้ 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องการประเมิน : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การประเมิน : สามารถอธิบายลักษณะสมบัติของเจเฟตได้ 4. เกณฑ์การผ่าน : อธิบายลักษณะสมบัติของเจเฟตได้ ได้คะแนน 1 คะแนน จุดประสงค์ข้อที่ 5 ปฏิบัติตามใบงานที่ 8 เรื่อง ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องการประเมิน : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การประเมิน : สามารถปฏิบัติตามใบงานที่ 8 เรื่อง ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า 4. เกณฑ์การผ่าน : ปฏิบัติตามใบงานที่ 8 เรื่อง ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้าได้ ได้คะแนน 1 คะแนน จุดประสงค์ข้อที่ 6 ต่อใช้งานทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้าถูกต้อง 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องการประเมิน : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การประเมิน : สามารถต่อใช้งานทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้าถูกต้อง 4. เกณฑ์การผ่าน : ต่อใช้งานทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้าถูกต้องได้ ได้คะแนน 0.5 คะแนน จุดประสงค์ข้อที่ 7 ใช้มัลติมิเตอร์ตรวจสอบทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้าว่าดีหรือเสียได้ 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องการประเมิน : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การประเมิน : สามารถใช้มัลติมิเตอร์ตรวจสอบทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้าว่าดีหรือเสียได้ 4. เกณฑ์การผ่าน : ใช้มัลติมิเตอร์ตรวจสอบทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้าว่าดีหรือเสียได้ ได้คะแนน 0.5 คะแนน จุดประสงค์ข้อที่ 8 เห็นคุณค่าของความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องการประเมิน : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การประเมิน : สามารถเห็นคุณค่าของความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า 4. เกณฑ์การผ่าน : เห็นคุณค่าของความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า ได้คะแนน 0.55 คะแนน
150 14. แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการสอนที่ 8 ชื่อหน่วยการสอน ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า วัตถุประสงค์ เพื่อ ประเมินความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า ข้อคำถาม คำสั่ง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด 1. เจเฟตมีอยู่กี่ชนิด ก. 1 ชนิด ข. 2 ชนิด ค. 3 ชนิด ง. 4 ชนิด 2. เจเฟตชนิดเอ็นแชนเนล สารเอ็น ต่ออยู่กับสารใด ก. ขาเดรน ข. ขาซอร์ส ค. ขาเกต ง. ขาเดรนและขาซอร์ส 3. เจเฟสชนิดพีแชนเนล สารเอ็น ต่ออยู่กับสารใด ก. ขาเดรน ข. ขาซอร์ส ค. ขาเกต ง. ขาเดรนและขาซอร์ส 4. ถ้าจะควบคุมกระแสเดรนที่ไหลผ่านเจเฟตจะต้องทำอย่างไร ก. ควบคุมแรงดันไบอัสตรงที่ซอร์สของเจเฟต ข. ควบคุมแรงดันไบอัสกลับที่ซอร์สของเจเฟต ค. ควบคุมแรงดันไบอัสตรงที่เกตของเจเฟต ง. ควบคุมแรงดันไบอัสกลับที่เกตของเจเฟต 5. จากสัญลักษณ์เป็นเฟตชนิดใด ก. เจเฟตเอ็นแชนเนล ข. เจเฟตพีแชนเนล ค. มอสเฟตเอ็นแชนเนล ง. มอสเฟตพีแชนเนล 6. เจเฟตจะทำงานได้ก็ต่อเมื่อ ก. ให้ไบอัสที่ขาเดรน ข. ให้ไบอัสที่ขาเกต ค. ให้ไบอัสที่ขาซอร์ส ง. ถูกทุกข้อ 7. เจเฟตและมอสเฟสต่างกันอย่างไร ก. การจ่ายไบอัส ข. โครงสร้างภายนอก ค. โครงสร้างภายใน ง. แรงดันใช้งาน 8. ดีมอสเฟตทำงานกี่สถานะ ก. 1 สถานะ ข. 2 สถานะ ค. 3 สถานะ ง. 4 สถานะ 9. ค่าความต้านทานที่เกตกับซอร์ส หรือเกตกับเดรนจะมีคุณสมบัติเหมือนวัสดุอุปกรณ์อะไร ก. ตัวต้านทานไดโอด ข. คาปาซิเตอร์ ค. ไดโอด ง. ขดลวด 10. ถ้าวัดความต้านทานแล้ว ขาร่วมมีศักดิ์บวกแสดงว่าเป็นเจเฟตชนิดใด ก. เอ็นแชนเนล ข. พีแชนเนล ค. ดีแชนเนล ง. ยังระบุไม่ได้ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน ข้อ1 ข้อ2 ข้อ 3 ข้อ 4 ข้อ 5 ข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 9 ข้อ 10 ข. ง. ก. ก. ก. ง. ค. ข. ก. ง.
151 15. แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการสอนที่ 8 ชื่อหน่วยการสอน ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า วัตถุประสงค์ เพื่อ ประเมินความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า ข้อคำถาม คำสั่ง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด 1. เจเฟตมีอยู่กี่ชนิด ก. 1 ชนิด ข. 2 ชนิด ค. 3 ชนิด ง. 4 ชนิด 2. เจเฟตชนิดเอ็นแชนเนล สารเอ็น ต่ออยู่กับสารใด ก. ขาเดรน ข. ขาซอร์ส ค. ขาเกต ง. ขาเดรนและขาซอร์ส 3. เจเฟสชนิดพีแชนเนล สารเอ็น ต่ออยู่กับสารใด ก. ขาเดรน ข. ขาซอร์ส ค. ขาเกต ง. ขาเดรนและขาซอร์ส 4. ถ้าจะควบคุมกระแสเดรนที่ไหลผ่านเจเฟตจะต้องทำอย่างไร ก. ควบคุมแรงดันไบอัสตรงที่ซอร์สของเจเฟต ข. ควบคุมแรงดันไบอัสกลับที่ซอร์สของเจเฟต ค. ควบคุมแรงดันไบอัสตรงที่เกตของเจเฟต ง. ควบคุมแรงดันไบอัสกลับที่เกตของเจเฟต 5. จากสัญลักษณ์เป็นเฟตชนิดใด ก. เจเฟตเอ็นแชนเนล ข. เจเฟตพีแชนเนล ค. มอสเฟตเอ็นแชนเนล ง. มอสเฟตพีแชนเนล 6. เจเฟตจะทำงานได้ก็ต่อเมื่อ ก. ให้ไบอัสที่ขาเดรน ข. ให้ไบอัสที่ขาเกต ค. ให้ไบอัสที่ขาซอร์ส ง. ถูกทุกข้อ 7. เจเฟตและมอสเฟสต่างกันอย่างไร ก. การจ่ายไบอัส ข. โครงสร้างภายนอก ค. โครงสร้างภายใน ง. แรงดันใช้งาน 8. ดีมอสเฟตทำงานกี่สถานะ ก. 1 สถานะ ข. 2 สถานะ ค. 3 สถานะ ง. 4 สถานะ 9. ค่าความต้านทานที่เกตกับซอร์ส หรือเกตกับเดรนจะมีคุณสมบัติเหมือนวัสดุอุปกรณ์อะไร ก. ตัวต้านทานไดโอด ข. คาปาซิเตอร์ ค. ไดโอด ง. ขดลวด 10. ถ้าวัดความต้านทานแล้ว ขาร่วมมีศักดิ์บวกแสดงว่าเป็นเจเฟตชนิดใด ก. เอ็นแชนเนล ข. พีแชนเนล ค. ดีแชนเนล ง. ยังระบุไม่ได้ เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน ข้อ1 ข้อ2 ข้อ 3 ข้อ 4 ข้อ 5 ข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 9 ข้อ 10 ข. ง. ก. ก. ก. ง. ค. ข. ก. ง.
152 16. ใบความรู้ที่ 8 หน่วยการสอนที่ 8 ชื่อหน่วยการสอน ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า หัวข้อเรื่อง ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า 8.1 โครงสร้างทรานซิสเตอร์สาชนามไฟฟ้าชนิดรอยต่อเจเฟต เจเฟต (Junction Field Effect Transistor) เมื่อพิจารณาตามโครงสร้าง พบว่าเจเฟตมี 2 ชนิด คือ เจเฟตชนิดเอ็นแชนเนล และชนิดพีแชนเนล เจเฟตนั้นมีขาต่อใช้งาน 3 ขา คือ ขาเดรนและขาซอร์ส สำหรับขาเกตจะเป็นชิ้นสารชนิดพี ส่วนเจเฟตชนิดพีแชนเนลนั้น ขาเดรนและขาซอร์สจะเป็นชิ้นสารชนิดพี สำหรับขาเกตจะเป็นชิ้นสารชนิดเอ็น 8.2 การจัดไบอัสให้เจเฟต เมื่อป้อนแรงดันไบอัสที่ขาเดรนและขาซอร์สโดยแหล่งจ่าย VDDให้ขั้วบวกกับขาเดรน (D) และขั้วลบ กับขาซอร์ล (S) ส่วนขาเกต (G) กับขาชอร์ส (S) จะให้ไบอัสกับ (Reverse Bias) ซึ่งเจเฟตชนิดเอ็นแชล แนล ขาเกตเป็นสารกึ่งตัวนำชนิดพี (P-Type) ดังนั้น แรงดันไบอัสที่ขาเกต VGG ต้องให้ไฟลบกับขาเกต และไฟบวกกับขาซอร์ส เมื่อให้ไบอัสกลับ (Reverse Bias) ที่ขาเกตเมื่อเทียบกับขาซอร์ส (VGS) จะเกิดสนามไฟฟ้าที่ รอยต่อพี-เอ็นทั้งสองด้านขึ้นทำให้ช่องทางเดินของกระแสในสารเอ็น (เนื้อสารส่วนใหญ่) ระหว่างขาเดรนกับ ขาซอร์สแคบลง กระแสเดรน (ID ) จะไหลจากขาเดรนไปสู่ขาซอร์สได้จำนวนหนึ่ง ถ้าปรับค่าแรงดันระหว่างขาเกตกับขาซอร์ส (VGS) ให้มีค่าไบอัสกลับมากขึ้นจะทำให้สนามไฟฟ้าที่ รอยต่อ มีความกว้างมากขึ้นทำให้ช่องทางเดินของกระแสในสารเอ็นแคบลง เป็นผลใฟ้กระแสเดรนมีปริมาณ ลดลง แต่ถ้าปรับแรงดัน VGS ให้มีค่าไบอัสกลับน้อยลง จะทำให้ช่องทางเดินของกระแสระหว่างขาเดรน กับขาซอร์สมีขนาดกว้างขึ้น ทำให้กระแสเดรนไหลได้สะดวกและมากขึ้นจากสภาวะดังกล่าวทำให้สามารถ ควบคุมปริมาณกระแสเดรน (ID ) ที่ไหลผ่านเจเฟตได้ โดยการควบคุมแรงดันไบอัสกลับขาซอร์สของเจเฟต 8.3 สัญลักษณ์ของเจเฟต สัญลักษณ์ของเจเฟตชนิดเอ็นแชนเนล นั้นหัวลูกศรที่ขาเกตจะชี้เข้า แต่ชนิดพีแชนเนล หัวลูกศรที่ ขาเกตจะชี้ออก 8.4 ลักษณะสมบัติของเจเฟต ลักษณะสมบัติของเจเฟต เมื่อเจเฟตเป็น N-Channel โดยให้ขา D มีศักย์สูงกว่า ขา S และ สำหรับเจเฟต P-Channel ให้ขา D มีศักดิ์ต่ำกว่าขา S เมื่อขา G-S ให้ไบอัส-กลับทำให้เกิดสนามไฟฟ้า ขึ้นที่ช่อง (Channel) เป็นผลให้ความนำไฟฟ้าระหว่างขา D กับ S ลดลงกระแสเดรน กระแสเดรน ID ก็ จะมีค่าลดลง ถ้าไบอัสกลับที่ขา G-S มากขึ้นจนกระทั่งกระแสเดรนเท่ากับศูนย์พอดีค่าแรงดันไบอัสกลับนี้ เรียกว่า “Pinch Off Voltage” Vp หรือ VGS (off) และถ้าให้แรงดันที่ขา G-S ของเจเฟตให้มีค่า 0 โวลต์ (VGS ) จะมีกระแส ไหลผ่านเจเฟตคงที่ค่าหนึ่ง เรียวว่า กระแส VDSS
153 8.5 เฟตชนิดออกไซด์ของโลหะ (มอสเฟต) มอสเฟตแตกต่างจากเจเฟตที่โครงสร้างภายใน เจเฟตนั้น ระหว่างเกตกับช่องทางเดินกระแสมี โครงสร้างเป็นรอยต่อพี-เอ็น แต่มอสเฟตนั้นระหว่างเกตกับช่องทางเดินกระแสมีกระสร้างเป็นชั้น ของ ซิลิคอนไดออกไซด์ มอสเฟตมี 2 ชนิด คือ มอสเฟตดีพลีนชัน และมอสเฟตชนิดเอนแฮนซ์เมนต์ 8.6 มอสเฟตชนิดดีพลีทชัน โครงสร้างพื้นฐานของดีมอสเฟต ถ้าเป็นชนิดเอ็นแชนเนล ช่องทางเดินกระแสระหว่างเดรนและ ซอร์ส จะเป็นสารกึ่งตัวนำชนิดเอ็น และมีวัสดุฐานรอง เป็นสารกึ่งตัวนำชนิดตรงข้าม สำหรับดีมอลเฟต ชนิดพีแชนเนล จะมีช่องทางเดินกระแสระหว่างเดรนของซอร์สเป็นสารชนิดพี และมีวัสดุฐานรองเป็นสาร ชนิดเอ็น และมีเกตติดอยู่ระหว่างช่องทางเดินกระแสโดยมีซิลิคอนไดออกไซด์ เป็นฉนวนกั้นระหว่างเกตกับ ช่องทางเดินกระแส 8.7 เอนฮานซ์เมนต์โหมด (Enhancement Mode) คือ การไบอัสเกตของดีมอสเฟตด้วนแรงบวก จะเห็นได้ว่าที่เกตของดีมอสเฟตจะได้รับประจุบวกจาก แหล่งจาก VGG ทำให้ในแชนเนลของดีมอลเฟตเป็นประจุลบ ทำให้ช่องทางเกินกระแสระหว่างเดรนกับซอร์ สไม่มีประจุชนิดตรงข้ามกับแชนเนลคอยบีบแชนเนลให้แคบลง ทำให้กระแสเดรนไหลได้น้อยลง เพราะประจุ เดรนไหลได้น้อยลง เพราะประจุลบในแชนเนลมีค่าลดลงเป็นศูนย์ 8.8 คุณลักษณะการถ่ายโอนของดีมอสเฟต กราฟคุณลักษณะการถ่ายโอนของดีมอสเฟตชนิดเอ็นแชนเนล และพีแชนเนล 8.9 การวัดและทดสอบเจเฟตด้วยโอห์มมิเตอร์ การตรวจสอบเจเฟตว่าดีหรือเสียโดยใช้โอห์มมิเตอร์ กรณีที่รู้ตำแหน่งขาแล้วให้ตั้งตำแหน่งการวัดไป ที่สเกล Rx10 เนื่องจากที่เกตกับซอร์สและเกตกับเดรนเป็นรอยต่อพี-เอ็นเหมือนไดโอด ดังนั้น ถ้าวัดค่า ความต้านความต้านทานที่เกตกับซอร์ส หรือเกตกับเดรนครั้งหนึ่งแล้วกลับขั้วมิเตอร์ วัดที่ตำแหน่งเดิมอีกครั้ง จะได้ ค่าความต้านทานต่ำ หนึ่งค่ากับความต้านทานสูงหนึ่งค่า ถ้าวัดระหว่างซอร์สกับเดรนแล้วกลับขั้ววัด ใหม่ อีกครั้งจะได้ค่าความต้านทาง เท่ากันทั้งสองครั้ง ถ้าวัดได้ตามนี้แสดงว่าเจเฟตยังใช้งานได้
154 17. ใบงานที่ 8 หน่วยการสอนที่ 8 ชื่อหน่วยการสอน ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า หัวข้อเรื่อง ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า จุดประสงค์ 1. ปฏิบัติการทดลองเพื่อให้รู้คุณสมบัติของเจเฟต 2. เพื่อให้เข้าใจการให้ไบอัสเจเฟต, มอสเฟต และดีมอสเฟต 3. สามารถบอกถึงคุณสมบัติของเจเฟต, มอสเฟต และดีมอสเฟต 4. สามารถให้ไบอัสเจเฟต, มอสเฟต และดีมอสเฟต ได้อย่างถูกต้อง เครื่องมือและอุปกรณ์ 1. แหล่งจ่ายไฟกระแสตรงชนิดปรับค่าได้ 0 – 30 V 1 เครื่อง 2. มัลติมิเตอร์ 1 เครื่อง 3. ชุดฝึกวิชาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 1 ชุด ลำดับดับขั้นการทดลอง 1. ตั้งโอห์มมิเตอร์ไว้ที่เรนจ์ R x 10 วัดค่าความต้านทานระหว่างขาต่างๆ ตามตารางที่ 8.1 บันทึก ค่าที่ได้ลงในตารางที่ 8.1 พร้อมสรุปผลจากการวัด (วัดค่าความต้านทานระหว่างขา G-D ให้เอาสายมิเตอร์ที่มี ศักย์ไฟบวกจับที่ขา G สายมิเตอร์ที่มีศักย์ไฟลบจับที่ขา D) เบอร์ ค่าความต้านทานระหว่างขา สรุป G D D G G S S G D S S D ชนิด สภาพ 2N5458 2N5461 ตารางที่ 8.1 2. ต่อวงจรทดลองตามรูปที่ 8.1 รูปที่ 8.1 3. ปรับแหล่งจ่ายแรงดัน E1 และ E2 ให้ได้ค่า VGS ตามตารางที่ 8.2 จากนั้นใช้มัลติมิเตอร์วัดกระแส ID บันทึกค่ากระแส ID ลงในตารางที่ 8.2
155 E1(VG) VDS(Voltage) โดยการปรับ E2 0 2 4 6 8 10 12 14 16 18 20 ID -1.5 mA -1 mA -0.5 mA 0 mA ตารางที่ 8.2 4. นำข้อมูลที่ได้จากตารางที่ 8.1 มาเขียนกราฟลักษณะสมบัติของเฟตที่แสดงถึงความสัมพันธ์ของ ID, VDS ที่ VG ค่าต่างๆ ตามรูปที่ 8.2 รูปที่ 8.2 กราฟแสดงคุณลักษณะของเจเฟต 4. ต่อวงจรทดลองตามรูปที่ 8.3 รูปที่ 8.3
156 5. เปลี่ยนค่า RSตามตารางที่ 8.3 โดยให้ RD คงที่ 4.7 K จากนั้นบันทึกค่าของ VRS, ID, VDS, VRD ลงใน ตารางที่ 8.3 Rs (Ω) ID(mA) VRS(V) VDS(V) VRD(V) 0 330 560 1k 3.6k 5.6k 10k ตารางที่ 8.3 6. เปลี่ยนค่า RD ตามตารางที่ 8.4 โดยให้ RSคงที่ 1.2kจากนั้นบันทึกค่าของ VRS, ID, VDS, VRD ลงใน ตารางที่ 8.4 Rs (Ω) ID(mA) VRS(V) VDS(V) VRD(V) 0 330 560 1k 3.6k 5.6k 10k 27k 68k ตารางที่ 8.4 สรุปและวิจารณ์ผลการทดลอง ทุกๆขั้นตอน ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ..............................................................................................................................................................................
157 18. แบบประเมินผล แบบประเมินผลการนำเสนอผลงาน ชื่อกลุ่ม……………………………………………ชั้น………………………ห้อง............................ รายชื่อสมาชิก 1……………………………………เลขที่……. 2……………………………………เลขที่……. 3……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขที่……. ที่ รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเห็น 3 2 1 1 เนื้อหาสาระครอบคลุมชัดเจน (ความรู้เกี่ยวกับเนื้อหา ความถูกต้อง ปฏิภาณในการตอบ และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า) 2 รูปแบบการนำเสนอ 3 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 4 บุคลิกลักษณะ กิริยา ท่าทางในการพูด น้ำเสียง ซึ่งทำให้ผู้ฟังมีความ สนใจ รวม ผู้ประเมิน………………………………………………… เกณฑ์การให้คะแนน 1. เนื้อหาสาระครอบคลุมชัดเจนถูกต้อง 3 คะแนน = มีสาระสำคัญครบถ้วนถูกต้อง ตรงตามจุดประสงค์ 2 คะแนน = สาระสำคัญไม่ครบถ้วน แต่ตรงตามจุดประสงค์ 1 คะแนน = สาระสำคัญไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามจุดประสงค์ 2. รูปแบบการนำเสนอ 3 คะแนน = มีรูปแบบการนำเสนอที่เหมาะสม มีการใช้เทคนิคที่แปลกใหม่ ใช้สื่อและเทคโนโลยี ประกอบการ นำเสนอที่น่าสนใจ นำวัสดุในท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่าและ ประหยัด 2 คะแนน = มีเทคนิคการนำเสนอที่แปลกใหม่ ใช้สื่อและเทคโนโลยีประกอบการนำเสนอที่น่าสนใจ แต่ขาดการประยุกต์ใช้ วัสดุในท้องถิ่น 1 คะแนน = เทคนิคการนำเสนอไม่เหมาะสม และไม่น่าสนใจ 3. การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 1 คะแนน = สมาชิกส่วนน้อยมีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ความสนใจของผู้ฟัง 3 คะแนน = ผู้ฟังมากกว่าร้อยละ 90 สนใจ และให้ความร่วมมือ 2 คะแนน = ผู้ฟังร้อยละ 70-90 สนใจ และให้ความร่วมมือ 1 คะแนน = ผู้ฟังน้อยกว่าร้อยละ 70 สนใจ และให้ความร่วมมือ
158 แบบประเมินกระบวนการทำงานกลุ่ม ชื่อกลุ่ม……………………………………………ชั้น………………………ห้อง............................ รายชื่อสมาชิก 1……………………………………เลขที่……. 2……………………………………เลขที่……. 3……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขที่……. ที่ รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเห็น 3 2 1 1 การกำหนดเป้าหมายร่วมกัน 2 การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบและการเตรียมความ พร้อม 3 การปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 4 การประเมินผลและปรับปรุงงาน รวม ผู้ประเมิน………………………………………………… วันที่…………เดือน……………………..พ.ศ…………... เกณฑ์การให้คะแนน 1. การกำหนดเป้าหมายร่วมกัน 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายการทำงานอย่างชัดเจน 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 1 คะแนน = สมาชิกส่วนน้อยมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 2. การหน้าที่รับผิดชอบและการเตรียมความพร้อม 3 คะแนน = กระจายงานได้ทั่วถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทุกคน มีการจัดเตรียม สถานที่ สื่อ/อุปกรณ์ไว้อย่างพร้อมเพรียง 2 คะแนน = กระจายงานได้ทั่วถึง แต่ไม่ตรงตามความสามารถ และมีสื่อ/อุปกรณ์ไว้อย่างพร้อมเพรียง แต่ขาดการจัดเตรียมสถานที่ 1 คะแนน = กระจายงานไม่ทั่วถึงและมีสื่อ / อุปกรณ์ไม่เพียงพอ 3. การปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 3 คะแนน = ทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมาย และตามเวลาที่กำหนด 2 คะแนน = ทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมาย แต่ช้ากว่าเวลาที่กำหนด 1 คะแนน = ทำงานไม่สำเร็จตามเป้าหมาย 4. การประเมินผลและปรับปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนร่วมปรึกษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรับปรุงงานเป็นระยะ 2 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วมปรึกษาหารือ แต่ไม่ปรับปรุงงาน 1 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วมไม่มีส่วนร่วมปรึกษาหารือ และปรับปรุงงาน
159 19. แบบฝึกหัด แบบฝึกหัดท้ายหน่วยที่ 8 ทรานซิสเตอร์สนามไฟฟ้า จงตอบคำถามต่อไปนี้ 1. จงบอกสัญลักษณ์ของเจเฟต พร้อมวาดรูป ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 2. จงอธิบายโครงสร้างของเจเฟตมาอย่างละเอียด พร้อมวาดรูป ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. จงบอกชนิดของเจเฟตว่ามีกี่ชนิด อะไรบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 4. จงอธิบายลักษณะสมบัติของเจเฟตมาอย่าละเอียด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
160 20. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้แบบมุ่งเน้นสมรรถนะอาชีพและบูรณาการตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 20.1 สรุปผลการจัดการเรียนรู้ รายการ ระดับการปฏิบัติ 5 4 3 2 1 ด้านการเตรียมการสอน 1.จัดหน่วยการเรียนรู้ได้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การเรียนรู้ 2. กำหนดเกณฑ์การประเมินครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ด้านทักษะ และด้านจิตพิสัย 3. เตรียมวัสดุ-อุปกรณ์ สื่อ นวัตกรรม กิจกรรมตามแผนการจัดการเรียนรู้ก่อนเข้า สอน ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4. มีวิธีการนำเข้าสู่บทเรียนที่น่าสนใจ 5. มีกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ความเข้าใจ 6. จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนค้นคว้าเพื่อหาคำตอบด้วยตนเอง 7. นักเรียนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 8. จัดกิจกรรมที่เน้นกระบวนการคิด ( คิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ ) 9. กระตุ้นให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี 10. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริงโดยนำภูมิปัญญา/บูรณาการเข้ามา มีส่วนร่วม 11. จัดกิจกรรมโดยสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม 12. มีการเสริมแรงเมื่อนักเรียนปฏิบัติ หรือตอบถูกต้อง 13. มอบหมายงานให้เหมาะสมตามศักยภาพของผู้เรียน 14. เอาใจใส่ดูแลผู้เรียน อย่างทั่วถึง 15. ใช้เวลาสอนเหมาะสมกับเวลาที่กำหนด ด้านสื่อ นวัตกรรม แหล่งการเรียนรู้ 16. ใช้สื่อที่เหมาะสมกับกิจกรรมและศักยภาพของผู้เรียน 17. ใช้สื่อ แหล่งการเรียนรู้อย่างหลากหลาย เช่น บุคคล สถานที่ ของจริง เอกสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต เป็นต้น 13. มอบหมายงานให้เหมาะสมตามศักยภาพของผู้เรียน 14. เอาใจใส่ดูแลผู้เรียน อย่างทั่วถึง 15. ใช้เวลาสอนเหมาะสมกับเวลาที่กำหนด ด้านการวัดและประเมินผล 18. ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการกำหนดเกณฑ์การวัดและประเมินผล 19. ประเมินผลอย่างหลากหลายและครบทั้งด้านความรู้ ทักษะ และจิตพิสัย 20. ครู ผู้เรียน ผู้ปกครอง หรือ ผู้ที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วม ในการประเมิน หมายเหตุ ระดับการปฏิบัติ 5 = ปฏิบัติดีเยี่ยม 4 = ปฏิบัติดี 3 = ปฏิบัติพอใช้2 = ควรปรับปรุง 1 = ไม่มีการปฏิบัติ รวม เฉลี่ย
161 20.2 ปัญหาที่พบ และแนวทางแก้ปัญหา ปัญหาที่พบ แนวทางแก้ปัญหา ด้านการเตรียมการสอน .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. ด้านสื่อ นวัตกรรม แหล่งการเรียนรู้ .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. ด้านการวัดประเมินผล .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. ด้านอื่น ๆ (โปรดระบุเป็นข้อ ๆ) .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. ลงชื่อ ........................................................................ ครูผู้สอน (นายปฏิพาน สีนาบุญ) ตำแหน่ง ครูพิเศษสอน ............../.................................../....................
162 21. บันทึกการนิเทศและติดตาม วัน-เดือน-ปี เวลา รายการนิเทศและติดตาม ชื่อ-สกุล ผู้นิเทศ ตำแหน่ง
163 แผนการจัดการเรียนรู้ แบบมุ่งเน้นสมรรถนะอาชีพ และบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รหัสวิชา 20105-2005 วิชา อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวงจร หน่วยที่ 9 ชื่อหน่วย ไอซีตั้งเวลา 555 ชื่อเรื่อง ไอซีตั้งเวลา 555 จำนวน 5 ชั่วโมง 1. สาระสำคัญ ไอซีตั้งเวลา 555 เป็นไอซีที่ทำหน้าที่กำเนิดสัญญาณตามเวลาที่ออกแบบไว้ โดยสามารถกำหนดได้ ด้วยอุปกรณ์ภายนอก ไอซีตั้งเวลา 555 สามารถกำเนิดสัญญาณ อะสเตเบิ้ล(Astable) โมโนสะเตเบิ้ล (Monostable) และประยุกต์ใช้งานด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการตั้งเวลาได้ดี 2. สมรรถนะอาชีพประจำหน่วย ด้านความรู้ 1. บอกโครงสร้างไอซีตั้งเวลา 555 2. อธิบายขาใช้งานของไอซีตั้งเวลา 555 ได้ 3. อธิบายการทำงานของไอซีตั้งเวลา 555 ได้ 4. คำนวณและออกแบบวงจรอะสเตเบิ้ล ด้านทักษะและการประยุกต์ใช้ 1. ปฏิบัติตามใบงานที่ 9 เรื่อง ไอซีตั้งเวลา 555 2. ต่อวงจรอะสเตเบิ้ลได้ถูกต้อง 3. ใช้ออสซิลโลสโคปวัดสัญญาณและความถี่จากวงจรอะสเตเบิ้ลได้ ด้านคุณธรรม/ จริยธรรม/ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์และบูรณาการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง 1. เห็นคุณค่าของความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับไอซีตั้งเวลา 555 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 จุดประสงค์ทั่วไป 1. เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับการอธิบายไอซีตั้งเวลา 555 2. เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับการเขียนลำดับวงจรอะสเตเบิ้ลโดยใช้ไอซี 555 3. เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับการเปรียบเทียบไอซีเบอร์ 555 ที่ใช้ในทางการค้า 4. เพื่อให้มีทักษะในการออกแบบวงจรอะสเตเบิ้ล 5. เพื่อให้มีเจตคติที่ดีในการจำแนกคุณสมบัติของไอซี 555 6. เพื่อออกแบบวงจรอะสเตเบิ้ลอย่างถูกต้องเหมาะสม
164 3.2 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. อธิบายไอซีตั้งเวลา 555 (ด้านความรู้) 2. เขียนลำดับวงจรอะสเตเบิ้ลโดยใช้ไอซี 555 ได้ (ด้านความรู้) 3. เปรียบเทียบไอซีเบอร์ 555 ที่ใช้ในทางการค้าได้ (ด้านความรู้) 4. ออกแบบวงจรอะสเตเบิ้ลได้ (ด้านทักษะ) 5. จำแนกคุณสมบัติของไอซี 555 ได้ (ด้านจิตพิสัย) 6. ออกแบบวงจรอะสเตเบิ้ลอย่างถูกต้องเหมาะสม (ด้านคุณธรรม จริยธรรม) 4. เนื้อหาสาระการสอน/การเรียนรู้ 4.1 ด้านความรู้ 1. ไอซีตั้งเวลา 555 2. วงจรอะสเตเบิ้ลโดยใช้ไอซี 555 3. ไอซีเบอร์ 555 ที่ใช้ในทางการค้า 4. ออกแบบวงจรอะสเตเบิ้ล 5. คุณสมบัติของไอซี 555 6. ออกแบบวงจรอะสเตเบิ้ลอย่างถูกต้องเหมาะสม 4.2 ด้านทักษะหรือปฏิบัติ 1. การทดลองที่ 9 ไอซีตั้งเวลา 555 2. แบบทดสอบบทที่ 9 4.3 ด้านคุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 1. ออกแบบวงจรอะสเตเบิ้ลอย่างถูกต้องเหมาะสม
165 5. กิจกรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ขั้นตอนการสอนหรือกิจกรรมครู ขั้นตอนการเรียนหรือกิจกรรมของผู้เรียน ขั้นเตรียม(จำนวน 15 นาที) 1. ผู้สอนจัดเตรียมเอกสาร พร้อมกับแนะนำ รายวิชา วิธีการให้คะแนนและวิธีการเรียนเรื่อง สารกึ่งตัวนำ 2. ผู้สอนแจ้งจุดประสงค์การเรียนของหน่วย เรียนที่ 9 และขอให้ผู้เรียนร่วมกันทำกิจกรรมการ เรียนการสอน ขั้นเตรียม(จำนวน 15 นาที) 1. ผู้เรียนเตรียมอุปกรณ์และ ฟังครูผู้สอน แนะนำรายวิชา วิธีการให้คะแนนและวิธีการเรียน เรื่อง สารกึ่งตัวนำ 2. ผู้เรียนทำความเข้าใจเกี่ยวกับจุดประสงค์ การเรียนของหน่วยเรียนที่ 9 และการให้ความ ร่วมมือในการทำกิจกรรม ขั้นการสอน(จำนวน 240 นาที) 1. ผู้สอนให้ผู้เรียนเปิด PowerPoint บทที่ 9 เรื่อง ไอซีตั้งเวลา 555 และให้ผู้เรียนศึกษา เ อ ก สา ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ว ิ ช า อ ุ ป ก ร ณ์ อิเล็กทรอนิกส์และวงจร โดยให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วย ตนเอง และสามารถสอบถามข้อสงสัยระหว่างเรียน จากผู้สอน 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนอธิบายสารกึ่งตัวนำศึกษา จาก PowerPoint 3. ผู้สอนให้ผู้เรียนปฏิบัติใบงานที่ 9 เรื่อง ไอซี ตั้งเวลา 555 4. ผู้สอนสังเกตการณ์ปฏิบัติใบงานที่ 9 เรื่อง ไอซีตั้งเวลา 555 ขั้นการสอน(จำนวน 240 นาที) 1. ผู้เรียนเปิด PowerPoint บทที่ 9 เรื่อง ไอซีตั้งเวลา 555 และผู้เรียนศึกษาเอกสาร ประกอบการสอน วิชา อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และ วงจร ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง และสามารถตอบ ข้อสงสัยระหว่างเรียนได้ 2. ผู้เรียนฟังอธิบายสารกึ่งตัวนำได้ศึกษาจาก PowerPoint 3. ผู้เรียนปฏิบัติใบงานที่ 9 เรื่อง ไอซีตั้งเวลา 555 4. ผู้เรียนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อสงสัย ระหว่างเรียนจากผู้สอน ขั้นสรุป(จำนวน 45 นาที) 1. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาที่ได้ เรียนให้มีความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนทำแบบฝึกหัดหน่วยที่ 9 3. ผู้สอนให้ผู้เรียนศึกษาเพิ่มเติมนอกห้องเรียน ด้วย PowerPoint ที่จัดทำขึ้น ขั้นสรุป(จำนวน 45 นาที) 1. ผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาที่ได้เรียนให้มี ความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน 2. ผู้เรียนทำแบบฝึกหัดหน่วยที่ 9 3. ผู้เรียนศึกษาเพิ่มเติมนอกห้องเรียน ด้วย PowerPoint ที่จัดทำขึ้น
166 6. สื่อการเรียนการสอน/การเรียนรู้ 6.1 สื่อสิ่งพิมพ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวิชา อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวงจร (Entrepreneurship) 2. ใบความรู้ที่ 9 เรื่อง ไอซีตั้งเวลา 555 3. การทดลองที่ 9 เรื่อง ไอซีตั้งเวลา 555ขั้นประยุกต์ใช้ข้อ 1 4. แบบทดสอบบทที่ 9 สรุปและประเมินผล ข้อ 2 5. แบบประเมินผลงานตามใบงาน ใช้ประกอบการสอนขั้นประยุกต์ใช้ ข้อ 1 6. แบบประเมินพฤติกรรมการทำงาน ใช้ประกอบการสอนขั้นประยุกต์ใช้ขั้นสรุปและประเมินผล 6.2 สื่อโสตทัศน์ 1. Power Point เรื่องไอซีตั้งเวลาเบอร์ 555 6.3 สื่อของจริง 1. ไอซีตั้งเวลาเบอร์ 555 7. แหล่งการเรียนการสอน/การเรียนรู้ 7.1 ภายในสถานศึกษา 1. ห้องสมุดวิทยาลัยการอาชีพสว่างแดนดิน 2. ห้องอินเตอร์เน็ตวิทยาลัยการอาชีพสว่างแดนดิน 7.2 ภายนอกสถานศึกษา 1. ห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติอำเภอสว่างแดนดิน 2. ห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารีอำเภอสว่างแดนดิน 8. งานที่มอบหมาย 8.1 ก่อนเรียน 1. ผู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน 8.2 ขณะเรียน 1. ศึกษาเนื้อหา ในบทที่ 9 เรื่อง ไอซีตั้งเวลา 555 2. รายงานผลหน้าชั้นเรียน 3. ปฏิบัติใบปฏิบัติงานที่ 9 เรื่อง ไอซีตั้งเวลา 555 4. สรุปผลการทดลอง 8.3 หลังเรียน 1. ทำแบบฝึกหัดบทที่ 9
167 9. ผลงาน/ชิ้นงาน ที่เกิดจากการเรียนรู้ของผู้เรียน 1. แบบฝึกหัดบทที่ 9 ใบปฏิบัติงานที่ 9 2. ตรวจผลงาน 10. เอกสารอ้างอิง 1. อดุลย์ กัลยาแก้ว . อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวงจร. : ศูนย์ส่งเสริมอาชีวะ (ศสอ) 11. การบูรณาการ/ความสัมพันธ์กับรายวิชาอื่น 1. บูรณาการกับวิชาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น 2. บูรณาการกับวิชาวงจรไฟฟ้าเบื้องต้น 12. หลักการประเมินผลการเรียน 12.1 ก่อนเรียน 1. ตรวจผลงานตามใบปฏิบัติงานที่ 9 2. สังเกตการปฏิบัติงาน 12.2 ขณะเรียน - 12.3 หลังเรียน 1. ตรวจแบบฝึกหัด บทที่ 9 2. ตรวจแบบแบบฝึกหัดผลการเรียนรู้ 13. รายละเอียดการประเมินผลการเรียน จุดประสงค์ข้อที่ 1 บอกโครงสร้างไอซีตั้งเวลา 555 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องการประเมิน : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การประเมิน : สามารถบอกโครงสร้างไอซีตั้งเวลา 555 4. เกณฑ์การผ่าน : บอกโครงสร้างไอซีตั้งเวลา 555 ได้ได้คะแนน 1 คะแนน จุดประสงค์ข้อที่ 2 อธิบายขาใช้งานของไอซีตั้งเวลา 555 ได้ 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องการประเมิน : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การประเมิน : สามารถอธิบายโครงสร้างของไอซีตั้งเวลา 555 ได้ 4. เกณฑ์การผ่าน : อธิบายโครงสร้างของไอซีตั้งเวลา 555 ได้ ได้คะแนน 0.5 คะแนน
168 จุดประสงค์ข้อที่ 3 อธิบายการทำงานของไอซีตั้งเวลา 555 ได้ 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องการประเมิน : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การประเมิน : สามารถอธิบายการทำงานของไอซีตั้งเวลา 555 ได้ 4. เกณฑ์การผ่าน : อธิบายการทำงานของไอซีตั้งเวลา 555 ได้ ได้คะแนน 0.5 คะแนน จุดประสงค์ข้อที่ 4 คำนวณและออกแบบวงจรอะสเตเบิ้ล 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องการประเมิน : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การประเมิน : สามารถคำนวณและออกแบบวงจรอะสเตเบิ้ล 4. เกณฑ์การผ่าน : คำนวณและออกแบบวงจรอะสเตเบิ้ลได้ ได้คะแนน 1 คะแนน จุดประสงค์ข้อที่ 5 ปฏิบัติตามใบงานที่ 9 เรื่อง ไอซีตั้งเวลา 555 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องการประเมิน : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การประเมิน : สามารถปฏิบัติตามใบงานที่ 9 เรื่อง ไอซีตั้งเวลา 555 4. เกณฑ์การผ่าน : ปฏิบัติตามใบงานที่ 9 เรื่อง ไอซีตั้งเวลา 555 ได้ ได้คะแนน 1 คะแนน จุดประสงค์ข้อที่ 6 ต่อวงจรอะสเตเบิ้ลได้ถูกต้อง 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องการประเมิน : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การประเมิน : สามารถต่อวงจรอะสเตเบิ้ลได้ถูกต้อง 4. เกณฑ์การผ่าน : ต่อวงจรอะสเตเบิ้ลได้ถูกต้องได้ ได้คะแนน 0.5 คะแนน จุดประสงค์ข้อที่ 7 ใช้ออสซิลโลสโคปวัดสัญญาณและความถี่จากวงจรอะสเตเบิ้ลได้ 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องการประเมิน : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การประเมิน : สามารถใช้ออสซิลโลสโคปวัดสัญญาณและความถี่จากวงจรอะสเตเบิ้ลได้ 4. เกณฑ์การผ่าน : ใช้ออสซิลโลสโคปวัดสัญญาณและความถี่จากวงจรอะสเตเบิ้ลได้ ได้คะแนน 0.5 คะแนน จุดประสงค์ข้อที่ 8 เห็นคุณค่าของความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับไอซีตั้งเวลา 555 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องการประเมิน : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การประเมิน : สามารถเห็นคุณค่าของความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับไอซีตั้งเวลา 555 4. เกณฑ์การผ่าน : เห็นคุณค่าของความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับไอซีตั้งเวลา 555 ได้ ได้คะแนน 0.55 คะแนน
169 14. แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการสอนที่ 9 ชื่อหน่วยการสอน ไอซีตั้งเวลา 555 วัตถุประสงค์ เพื่อ ประเมินความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับไอซีตั้งเวลา 555 ข้อคำถาม คำสั่ง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด 1. ไอซีเบอร์ 555 ที่นิยมใช้กันทั่วไป จะทำงานช่วงอุณหภูมิที่เท่าใด ก. 0-70 องศาเซลเซียส ข. 0-80 องศาเซลเซียส ค. 20-70 องศาเซลเซียส ง. 20-80 องศาเซลเซียส 2. ตัวเก็บประจุชนิดใดที่ไม่ควรใช้ในวงจรตั้งเวลา ก. พลาสติกฟิล์ม ข. โพลี่สไตรีน ค. โพลี่คาบอเนต ง. เซรามิค 3. วงจรรูปที่ 9.1 Rt ต้องมีค่ามากกว่า 10 K เพราะเหตุใด ก. ประหยัดพลังงาน ข. ลดแรงดันให้กับวงจร ค. ไม่ให้ความกว้างของพัลส์แคบเกินไป ง. ถูกทั้ง ก และ ค 4. ไอซีเบอร์ 555 จะทำงานที่แรงดันไฟกี่โวลท์ ก. 3 V – 9 V ข. 5 V – 10 V ค. 5 V – 15 V ง. 10 V – 15 V 5. ไอซีเบอร์ 555 ขาเอาต์พุต คือขาใด ก. ขา 5 ข. ขา 6 ค. ขา 3 ง. ขา 1 6. ความกว้างของพัลส์ที่จะจุดชนวนขา 2 มีค่าเท่าใด ก. 0.1 ms ข. 1µs ขึ้นไป ค. 0.1 µs ง. 1 ms 7. แรงดันที่จะมาจุดชนวนขา 2 มีค่าเท่าใด ก. 1/2ของ vcc ข. 1/3 ของ Vcc ค. 1/4ของ Vcc ง. เท่าใดก็ได้ แต่ไม่เกิน Vcc 8. ขาเทรสโฮล (ขา6) มีความไวต่อระดับแรงดันเท่าใด ก. 1/2ของ vcc ข. 1/3 ของ Vcc ค. 1/4ของ Vcc ง. เท่าใดก็ได้ แต่ไม่เกิน Vcc 9. ไอซี ซีมอสเบอร์ใด ที่ใช้แทนไอซีเบอร์ 555 ได้ ก. เบอร์ 7412 ข. เบอร์ 74122 ค. เบอร์ 74123 ง. เบอร์ 7555 10. เพราะเหตุใด ไอซี 555 จึงนิยมนำมาสร้างเป็นวงจรตั้งเวลา ก. ใช้ได้กับแรงดันไฟเลี้ยงที่กว้างมากกว่า ข. ราคาถูกหาซื้อได้ง่าย ค. กินไฟน้อยกว่า ง. ถูกทุกข้อ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน ข้อ1 ข้อ2 ข้อ 3 ข้อ 4 ข้อ 5 ข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 9 ข้อ 10 ก. ง. ก. ค. ค. ข. ค. -. ง. ง.
170 15. แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการสอนที่ 9 ชื่อหน่วยการสอน ไอซีตั้งเวลา 555 วัตถุประสงค์ เพื่อ ประเมินความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับไอซีตั้งเวลา 555 ข้อคำถาม คำสั่ง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด 1. ไอซีเบอร์ 555 ที่นิยมใช้กันทั่วไป จะทำงานช่วงอุณหภูมิที่เท่าใด ก. 0-70 องศาเซลเซียส ข. 0-80 องศาเซลเซียส ค. 20-70 องศาเซลเซียส ง. 20-80 องศาเซลเซียส 2. ตัวเก็บประจุชนิดใดที่ไม่ควรใช้ในวงจรตั้งเวลา ก. พลาสติกฟิล์ม ข. โพลี่สไตรีน ค. โพลี่คาบอเนต ง. เซรามิค 3. วงจรรูปที่ 9.1 Rt ต้องมีค่ามากกว่า 10 K เพราะเหตุใด ก. ประหยัดพลังงาน ข. ลดแรงดันให้กับวงจร ค. ไม่ให้ความกว้างของพัลส์แคบเกินไป ง. ถูกทั้ง ก และ ค 4. ไอซีเบอร์ 555 จะทำงานที่แรงดันไฟกี่โวลท์ ก. 3 V – 9 V ข. 5 V – 10 V ค. 5 V – 15 V ง. 10 V – 15 V 5. ไอซีเบอร์ 555 ขาเอาต์พุต คือขาใด ก. ขา 5 ข. ขา 6 ค. ขา 3 ง. ขา 1 6. ความกว้างของพัลส์ที่จะจุดชนวนขา 2 มีค่าเท่าใด ก. 0.1 ms ข. 1µs ขึ้นไป ค. 0.1 µs ง. 1 ms 7. แรงดันที่จะมาจุดชนวนขา 2 มีค่าเท่าใด ก. 1/2ของ vcc ข. 1/3 ของ Vcc ค. 1/4ของ Vcc ง. เท่าใดก็ได้ แต่ไม่เกิน Vcc 8. ขาเทรสโฮล (ขา6) มีความไวต่อระดับแรงดันเท่าใด ก. 1/2ของ vcc ข. 1/3 ของ Vcc ค. 1/4ของ Vcc ง. เท่าใดก็ได้ แต่ไม่เกิน Vcc 9. ไอซี ซีมอสเบอร์ใด ที่ใช้แทนไอซีเบอร์ 555 ได้ ก. เบอร์ 7412 ข. เบอร์ 74122 ค. เบอร์ 74123 ง. เบอร์ 7555 10. เพราะเหตุใด ไอซี 555 จึงนิยมนำมาสร้างเป็นวงจรตั้งเวลา ก. ใช้ได้กับแรงดันไฟเลี้ยงที่กว้างมากกว่า ข. ราคาถูกหาซื้อได้ง่าย ค. กินไฟน้อยกว่า ง. ถูกทุกข้อ เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน ข้อ1 ข้อ2 ข้อ 3 ข้อ 4 ข้อ 5 ข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 9 ข้อ 10 ก. ง. ก. ค. ค. ข. ค. -. ง. ง.
171 16. ใบความรู้ที่ 9 หน่วยการสอนที่ 9 ชื่อหน่วยการสอน ไอซีตั้งเวลา 555 หัวข้อเรื่อง ไอซีตั้งเวลา 555 9.1 ไอซีตั้วเวลา 555 วงจรตั้งเวลามีความเที่ยงตรงค่อนข้างสูง จำเป็นต้องใช้วงจรโมโนสเตเบิ้ล ซึ่งส่วนมากนิยมใช้ไอซี เบอร์ 74121, 74122, 74123 อย่างไรก็ตาม การควบคุมจุดชนวน (Trigger) ของสัญญาณอินพุตไอซี ตระกูล 74 สามารถกระทำได้ยาก และมีเงื่อนไขมาก แต่ถ้าการหน่วงเวลานานกว่าครึ่งนาที และโหลด ต้องการกระแสสูงจะใช้ไอซีตั้งเวลาเบอร์ 555 แทน ในการทำงานของวงจรโมโนสเตเบิ้ล (Monostable) จะแบ่งเป็น 2 สภาวะ คือ สภาวะที่คงที่และ สภาวะที่ไม่คงที่ โดยปกติวงจรโมโนสเตเบิ้ล จะอยู่ในสภาวะคงที่ จนกว่าจะมีสัญญาณจุดชนวน เข้ามา กระตุ้น จากนั้นเอาต์พุทจะเปลี่ยนสภาวะจากเดิม เกิดการหน่วงเวลาด้วยค่าของเวลาที่แน่นอน และกลับสู่ สภาวะปกติเช่นเดิม ไอซีที่นิยมมาสร้างเป็นวงจรตั้งเวลาได้ดีที่สุดเบอร์หนึ่ง คือ ไอซีเบอร์ 555 เพราะมีคุณสมบัติในการ หน่วงเวลาได้ดี และนานพอสมควร 9.2 คุณสมบัติของไอซี 555 แต่ละขา ขา 1 กราวด์ (Ground) ขาไฟเลี้ยงที่มีศักย์เป็นลบ ขา 2 ทริกเกอร์ (Trigger) เป็นขาที่มีความไวหรือตรวจสอบแรงที่มีค่า 1/3 ของแหล่งจ่าย +Vcc และจะเกิดการจุดชนวนของอินพุต (Input) ทำให้เอาต์พุต (Output) เปลี่ยนจากระดับต่ำเป็นระดับสูง โดยทั่วไปความกว้างของพัลส์ที่จะมาจุดชนวนอินพุตได้นั้น ต้องมีค่าเวลามากกว่า 1 ไมโครวินาที (μS) ขึ้น ไป ขา 3 เอาต์พุต (OutPut) แรงดันเอาต์พุตที่เกิดขึ้นสำหรับเอาต์พุตระดับสูง มีศักย์ไฟฟ้าต่ำกว่า +Vcc ประมาณ 1.7 V สำหรับเอาต์พุตระดับต่ำนั้น จะขึ้นอยู่กับแหล่งจ่ายไฟที่ป้อน ขา 4 รีเซต (Reset) เมื่อต้องการให้เอาต์พุตอยู่ในระดับต่ำ ต้องป้อนศักย์ไฟฟ้าที่ขานี้ประมาณ 0.7 V โดยกระแสซิงก์มีค่า 0.1 mA ค่าของเวลาประวิงในการทำให้เอาต์พุตเปลี่ยนเป็นระดับต่ำมีค่า 0.5 μS ซึ่งค่านี้เป็นค่าต่ำสุดของความกว้างของพัลซ์ที่จะมาควบคุมขานี้ ในกรณีที่ไม่ต้องการใช้ขานี้ก็ควรต่อเข้า กับ +VCC ขา 5 กระแสซิงก์ ที่เข้ามาขานี้สามารถรับได้ใกล้เคียงกับขาเอาต์พุต ดังนั้น ค่าแรงดันที่มีค่า 2/3 +VCC ซึ่งเป็นแรงระดับสูงที่ใช้ในการเปรียบเทียบ ปกติในการทำงานขานี้จะไม่ถูกใช้แต่ควรใช้ตัวเก็บประจุค่า 0.01 μF ต่อลงกราวด์เพื่อไม่ให้ถูกรบกวนจากสัญญาณรบกวนขณะทำงาน ขา 6 เทรสโฮล (Threshold) ถ้าศักย์ไฟฟ้าที่ขานี้มีค่าสูงถึง 2/3 ของ +VCC จะเป็นระดับที่มี ความไวต่อการเปลี่ยนแปลง คือ จะทำให้สภาวะเอาต์พุตเปลี่ยนแปลงจากระดับสูงเป็นระดับด่ำ ขา 7 ดิสชาร์จ (Discharge) ขานี้ต่อกับขาคอลเลกเตอร์ (Collector) ของทรานซิลเตอร์ (Transistor) ซึ่งอยู่ภายในตัวไอซี โดยขาอิมิตเตอร์ต่อลงกราวด์ (Ground) ทรานซิลเตอร์ (Transistor) นี้ จะทำหน้าที่กำหนดเวลาของระดับเอาต์พุต ถ้าเอาต์พุตอยู่ในระดับต่ำ ทรานซิลเตอร์นี้จะมีความต้านทานต่ำ ในขณะที่ทรานซิสเตอร์มีความต้านทานต่ำ ตัวเก็บประจุจะสามารถคายประจุผ่านทรานซิลเตอร์นี้ได้
172 ขา 8 ไฟเลี้ยง (+Vcc) ต้องจ่ายแหล่งจ่ายไฟตรงที่มีศักย์เป็นบวก มีค่าอยู่ระหว่าง 5 โวลท์ ถึง 15 โวลท์ แม้ว่าจะทำงานในช่วงแรงดันที่ต่างกัน แต่ละช่วงของเวลาทำงานที่เปลี่ยนไปยังคงมีค่าน้อยมาก คือ ร้อยละ 0.1 ต่อการเปลี่ยนแรงดัน 1 โวลท์ 9.3 วงจรอะสเตเบิ้ลโดยใช้ไอซี 555 การทำงานของวงจร 1. เมื่อป้อนแหล่งจ่าย +VCC เข้าวงจรจะมีกระแสไฟฟ้าส่วนหนึ่งไหลผ่าน Rt1 และ Rt2 มาประจุ ที่ Ct ทำให้แรงดันที่ตกคร่อม Ct มีค่าสูงขึ้นจนถึง 1/3 ของแหล่งจ่าย +VCC ขา 2 ซึ่งมีความไวต่อ แรงดันนี้ จะจุดชนวนทำให้เอาต์พุต เปลี่ยนระดับจากระดับต่ำ Low เป็นระดับสูงทันที 2. แรงดันที่ตกคร่อม Ct จะค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ จนมีระดับแรงดัน 2/3 ของแหล่งจ่าย +Vcc ขา 6 ซึ่งมีความไวต่อแรงดันนี้ จะตรวจจับทำให้เอาต์พุต เปลี่ยนจากระดับสูงเป็นระดับต่ำและเป็นผลทำให้ขา 7 มีต้านทานต่ำ Ct จะคายประจุผ่าน Rt2 ลงกราวด์ที่ขา 1 เมื่อศักย์ไฟฟ้าตกคร่อม Ct มีค่าลดลงเรื่อยๆ จนถึง 1/3 +VCC จะทำให้ขา 2 ที่ต่ออยู่กับขา 6 มีความไวต่อระดับของศักย์ไฟฟ้าขนาดนี้ด้วย จึงทำให้ เอาต์พุต เปลี่ยนจากระดับต่ำเป็นระดับสูงอีกครั้ง 3. การที่เอาต์พุต (Output) เปลี่ยนจากระดับของศักย์ไฟฟ้าต่ำเป็นระดับสูงทำให้ขา 7 มีความ ต้านทานสูงตัวเก็บประจุ Ct ประจุผ่าน Rt1 และ Rt2 ใหม่อีกครั้ง ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นหนึ่งรอบของการ ทำงาน 9.4 การเลือกใช้ตัวต้านทานและตัวเก็บประจุในวงจรตั้งเวลา 1. กำหนด Rt ไม่ให้มีค่าต่ำกว่า 10K เพราะต้องการประหยัดพลังงานและไม่ต้องการให้ความกว้าง ของพัลส์แคบจนเกินไป 2. ค่าต่ำสุดของตัวเก็บประจุมีค่า 100PE นั้นกำหนดขึ้นมาเพื่อป้องกันผลที่อาจจะเกิดจากความจุ ค้าง 3. ค่าสูงสุดของ Rt กำหนดจากกระแสเทรสโฮล รวมกับกระแสรั่วไหลที่ขาดิสชาร์จ และกระแส รั่วไหลของตัวเก็บประจุ 4. ค่าสูงของตัวเก็บประจุถูกจำกัดอยู่ที่ค่ากระแสรั่วไหลไม่ใช่ค่าความจุ แต่ค่าของกระแสรั่วไหลนั้น ขึ้นอยู่กับตัวเก็บประจุและใช้งานด้วย โดยทั่วไปตัวเก็บประจุที่มีค่าของกระแสรั่วไหลต่ำ สามารถมีค่าได้สูงถึง 1000 μF 5. สำหรับงานทั่วไป สัมประสิทธิ์ต่ออุณหภูมิของตัวต้านทานที่ใช้ควรใช้อยู่ในช่วง 200 ถึง 500ppm/° ทั้งชนิดคาร์บอน และคาร์บอนฟิล์ม ใช้ค่าผิดพลาก ± 5 ถึง ร้อยละ 10 6. สำหรับงานที่ต้องการความเที่ยงตรงสูง ตัวต้านทานควรใช้ชนิดฟิล์มโลหะ ที่มีค่าความผิดพลาด ± 0.1 ถึงร้อยละ ± 5 สัมประสิทธิ์ต่ออุณหภูมิมีค่า 25 ถึง 100 ppm/° c 7. โดยทั่วไปตัวต้านทานที่ใช้มักอยู่ระหว่าง 100 โอห์ม ถึง 1 เมกะโอห์ม แต่ถ้าต้องการใช้ค่าความ ต้านทานสูงมากกว่านั้น ควรใช้ตัวต้านทานที่มีความแน่นอนและเสถียรภาพต่ออุณหภูมิดี (ppm/° c) ซึ่งหาได้ ยากและราคาแพง 8. ตัวต้านทานที่ใช้กำหนดค่าเวลา ควรหลีกเลี่ยงการใช้ตัวต้านทานชนิดปรับค่าให้ โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งแบบคาร์บอน ถ้าจำเป็นต้องใช้ให้อยู่ในช่วงที่แคบๆ
173 9. ตัวเก็บประจุไม่ควรไม่ควรขนาดใหญ่ และควรใช้ค่าผิดพลาดไม่เกินร้อยละ 5 มีกระแสรั่วไหลต่ำ มีสัมประสิทธิ์ต่ออุณหภูมิต่ำ และไดอิเล็กตริก มีการดูดกลืนดี 10. ตัวเก็บประจุจะต้องสามารถประจุและคายประจุได้ไว้ เมื่อปลายขั้วทั้งสองต่อถึงกันไดอิเล็กตริก ต้องไม่เก็บพลังงานค้างขณะทำการประจุ ซึ่งถ้ามีการเก็บพลังงานไว้หลายเปอร์เซ็นต์แล้ว จะเป็นผลเสียใน การตั้งเวลา คือ เวลาที่ตั้งจะไม่เริ่มจากศูนย์ 11. ตัวเก็บประจุชนิดอิเล็กโทรลิติก ไม่ควรใช้ เนื่องจากมีค่าผิดพลากมากเสถียรภาพไม่ดี ยกเว้นจะ ใช้ในวงจรที่ไม่ต้องการความแน่นอน แทนตาอิเล็กโทรลิติก สามารถใช้งานในวงจรตั้งเวลาได้ดี แต่ต้องอยู่ ในช่วงอุณหภูมิ 0 องศา ถึง 50 องศา 9.5 ไอซีเบอร์ 555 ที่ใช้ในทางการค้า ไอซีเบอร์ 555 ที่ใช้ในทางการค้าจะทำให้งานในช่วงอุณหภูมิระหว่าง 0 องศา ถึง 70 ในการตั้ง เวลาอย่างง่ายโดยใช้วงจรโมโนสเตเบิ้ล หาคาบเวลาโดยใช้สมการ T = 1.1 RtCt ซึ่งจะมีค่าความผิดพลาด ร้อยละ 1 ส่วนวงจรอะสเตเบิ้ล มีค่าผิดพลาดประมาณร้อยละ 2 สำหรับวงจรโมโนสเตเบิ้ล
174 17. ใบงานที่ 9 หน่วยการสอนที่ 9 ชื่อหน่วยการสอน ไอซีตั้งเวลา 555 หัวข้อเรื่อง ไอซีตั้งเวลา 555 จุดประสงค์ 1. ต่อวงจรทดลองหาคุณสมบัติของอซีตั้งเวลาเบอร์ 555 2. สามารถต่อวงจรและศึกษาคุณสมบัติของไอซีตั้งเวลาเบอร์ 555 ได้ 3. สามารถนำวงจรตั้งเวลาไปประยุกต์ใช้งานอื่นๆ ได้ เครื่องมือและอุปกรณ์ 1. แหล่งจ่ายไฟกระแสตรงชนิดปรับค่าได้ 0 – 30 V 1 เครื่อง 2. ออสซิลโลสโคป 1 เครื่อง 3. ชุดฝึกวิชาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 1 ชุด ลำดับดับขั้นการทดลอง 1. ประกอบวงจรตามรูปที่ 9.1 รูปที่ 9.1 2. ใช้ออสซิลโลสโคป (Osciloscope) CH1 วัดรูปสัญญาณที่ขา 2 (Trigger) เทียบกับกราวด์ CH2 วัด รูปสัญญาณที่ขา 3 (VOUT) ของไอซีเทียบกับกราวด์ โดยปรับสวิตซ์เลือก ไปที่ตำแหน่ง DC ทั้งสองแชลแนลวาด รูปสัญญาณที่ปรากฏบนจอสโคปลงในรูปที่ 9.2 รูปที่ 9.2
175 3. เปลี่ยนค่าตัวเก็บประจุ C1 ตามตารางที่ 9.1 โดยให้ค่าความต้านทานเท่าเดิม สังเกตหลอด LED จะ ติดสว่างให้จับเวลาตั้งแต่หลอด LED ติด จนกระทั่งหลอด LED ดับ บันทึกค่าเวลาลงในตารางที่ 9.1 C1(µF) เวลาที่ LED ติดสว่าง (วินาที) Rt1 = 100k 10 470 100 220 ตารางที่ 9.1 4. เปลี่ยนค่าความต้านทาน Rt1 ตามตารางที่ 9.1 โดยให้ตัวเก็บประจุมีค่าเท่ากับ 10 µF สังเกตหลอด LED จะติดสว่างให้จับเวลาตั้งแต่หลอด LED ติด จนกระทั่งหลอด LED ดับ บันทึกค่าเวลาลงในตารางที่ 9.2 Rt1(Ω) เวลาที่ LED ติดสว่าง (วินาที) C1= 10µF 150k 680k 1M 3.3M ตารางที่ 9.2 สรุปและวิจารณ์ผลการทดลอง ทุกๆขั้นตอน ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................................................... ..... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................ .................. ................................................................................................................ .............................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................... ............................... ............................................................................................................................. .................................................
176 18. แบบประเมินผล แบบประเมินผลการนำเสนอผลงาน ชื่อกลุ่ม……………………………………………ชั้น………………………ห้อง............................ รายชื่อสมาชิก 1……………………………………เลขที่……. 2……………………………………เลขที่……. 3……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขที่……. ที่ รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเห็น 3 2 1 1 เนื้อหาสาระครอบคลุมชัดเจน (ความรู้เกี่ยวกับเนื้อหา ความถูกต้อง ปฏิภาณในการตอบ และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า) 2 รูปแบบการนำเสนอ 3 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 4 บุคลิกลักษณะ กิริยา ท่าทางในการพูด น้ำเสียง ซึ่งทำให้ผู้ฟังมีความ สนใจ รวม ผู้ประเมิน………………………………………………… เกณฑ์การให้คะแนน 1. เนื้อหาสาระครอบคลุมชัดเจนถูกต้อง 3 คะแนน = มีสาระสำคัญครบถ้วนถูกต้อง ตรงตามจุดประสงค์ 2 คะแนน = สาระสำคัญไม่ครบถ้วน แต่ตรงตามจุดประสงค์ 1 คะแนน = สาระสำคัญไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามจุดประสงค์ 2. รูปแบบการนำเสนอ 3 คะแนน = มีรูปแบบการนำเสนอที่เหมาะสม มีการใช้เทคนิคที่แปลกใหม่ ใช้สื่อและเทคโนโลยี ประกอบการ นำเสนอที่น่าสนใจ นำวัสดุในท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่าและ ประหยัด 2 คะแนน = มีเทคนิคการนำเสนอที่แปลกใหม่ ใช้สื่อและเทคโนโลยีประกอบการนำเสนอที่น่าสนใจ แต่ขาดการประยุกต์ใช้ วัสดุในท้องถิ่น 1 คะแนน = เทคนิคการนำเสนอไม่เหมาะสม และไม่น่าสนใจ 3. การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 1 คะแนน = สมาชิกส่วนน้อยมีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ความสนใจของผู้ฟัง 3 คะแนน = ผู้ฟังมากกว่าร้อยละ 90 สนใจ และให้ความร่วมมือ 2 คะแนน = ผู้ฟังร้อยละ 70-90 สนใจ และให้ความร่วมมือ 1 คะแนน = ผู้ฟังน้อยกว่าร้อยละ 70 สนใจ และให้ความร่วมมือ
177 แบบประเมินกระบวนการทำงานกลุ่ม ชื่อกลุ่ม……………………………………………ชั้น………………………ห้อง............................ รายชื่อสมาชิก 1……………………………………เลขที่……. 2……………………………………เลขที่……. 3……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขที่……. ที่ รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเห็น 3 2 1 1 การกำหนดเป้าหมายร่วมกัน 2 การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบและการเตรียมความ พร้อม 3 การปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 4 การประเมินผลและปรับปรุงงาน รวม ผู้ประเมิน………………………………………………… วันที่…………เดือน……………………..พ.ศ…………... เกณฑ์การให้คะแนน 1. การกำหนดเป้าหมายร่วมกัน 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายการทำงานอย่างชัดเจน 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 1 คะแนน = สมาชิกส่วนน้อยมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 2. การหน้าที่รับผิดชอบและการเตรียมความพร้อม 3 คะแนน = กระจายงานได้ทั่วถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทุกคน มีการจัดเตรียม สถานที่ สื่อ/อุปกรณ์ไว้อย่างพร้อมเพรียง 2 คะแนน = กระจายงานได้ทั่วถึง แต่ไม่ตรงตามความสามารถ และมีสื่อ/อุปกรณ์ไว้อย่างพร้อมเพรียง แต่ขาดการจัดเตรียมสถานที่ 1 คะแนน = กระจายงานไม่ทั่วถึงและมีสื่อ / อุปกรณ์ไม่เพียงพอ 3. การปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 3 คะแนน = ทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมาย และตามเวลาที่กำหนด 2 คะแนน = ทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมาย แต่ช้ากว่าเวลาที่กำหนด 1 คะแนน = ทำงานไม่สำเร็จตามเป้าหมาย 4. การประเมินผลและปรับปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนร่วมปรึกษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรับปรุงงานเป็นระยะ 2 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วมปรึกษาหารือ แต่ไม่ปรับปรุงงาน 1 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วมไม่มีส่วนร่วมปรึกษาหารือ และปรับปรุงงาน
178 19. แบบฝึกหัด แบบฝึกหัดท้ายหน่วยที่ 9 ไอซีตั้งเวลา 555 จงตอบคำถามต่อไปนี้ 1. จงบอกโครงสร้างไอซีตั้งเวลา 555 มาอย่างละเอียด พร้อมวาดรูป ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 2. จงอธิบายขาใช้งานของไอซีตั้งเวลา 555 ว่ามีกี่ขา และมีขาอะไรบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. จงอธิบายการทำงานของไอซีตั้งเวลา 555 มาพอเข้าใจ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 4. จงคำออกแบบวงจรอะสเตเบิ้ลด้วยไอซีเบอร์ 555 ให้ใช้งานได้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
179 20. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้แบบมุ่งเน้นสมรรถนะอาชีพและบูรณาการตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 20.1 สรุปผลการจัดการเรียนรู้ รายการ ระดับการปฏิบัติ 5 4 3 2 1 ด้านการเตรียมการสอน 1.จัดหน่วยการเรียนรู้ได้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การเรียนรู้ 2. กำหนดเกณฑ์การประเมินครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ด้านทักษะ และด้านจิตพิสัย 3. เตรียมวัสดุ-อุปกรณ์ สื่อ นวัตกรรม กิจกรรมตามแผนการจัดการเรียนรู้ก่อนเข้า สอน ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4. มีวิธีการนำเข้าสู่บทเรียนที่น่าสนใจ 5. มีกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ความเข้าใจ 6. จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนค้นคว้าเพื่อหาคำตอบด้วยตนเอง 7. นักเรียนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 8. จัดกิจกรรมที่เน้นกระบวนการคิด ( คิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ ) 9. กระตุ้นให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี 10. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริงโดยนำภูมิปัญญา/บูรณาการเข้ามา มีส่วนร่วม 11. จัดกิจกรรมโดยสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม 12. มีการเสริมแรงเมื่อนักเรียนปฏิบัติ หรือตอบถูกต้อง 13. มอบหมายงานให้เหมาะสมตามศักยภาพของผู้เรียน 14. เอาใจใส่ดูแลผู้เรียน อย่างทั่วถึง 15. ใช้เวลาสอนเหมาะสมกับเวลาที่กำหนด ด้านสื่อ นวัตกรรม แหล่งการเรียนรู้ 16. ใช้สื่อที่เหมาะสมกับกิจกรรมและศักยภาพของผู้เรียน 17. ใช้สื่อ แหล่งการเรียนรู้อย่างหลากหลาย เช่น บุคคล สถานที่ ของจริง เอกสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต เป็นต้น 13. มอบหมายงานให้เหมาะสมตามศักยภาพของผู้เรียน 14. เอาใจใส่ดูแลผู้เรียน อย่างทั่วถึง 15. ใช้เวลาสอนเหมาะสมกับเวลาที่กำหนด ด้านการวัดและประเมินผล 18. ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการกำหนดเกณฑ์การวัดและประเมินผล 19. ประเมินผลอย่างหลากหลายและครบทั้งด้านความรู้ ทักษะ และจิตพิสัย 20. ครู ผู้เรียน ผู้ปกครอง หรือ ผู้ที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วม ในการประเมิน หมายเหตุ ระดับการปฏิบัติ 5 = ปฏิบัติดีเยี่ยม 4 = ปฏิบัติดี 3 = ปฏิบัติพอใช้2 = ควรปรับปรุง 1 = ไม่มีการปฏิบัติ รวม เฉลี่ย