วธิ ที ำ จากตาราง เขยี นคอู่ ันดับแสดงความสมั พันธ์ระหวา่ งจำนวนสม้ และราคาส้มได้ดังนี้
(2, 4), (4, 8), (6, 12) และ (8, 16)
เม่อื กำหนดใหแ้ กน X แสดงจำนวนส้ม และแกน Y แสดงราคาส้ม
รำคำ (บำท)
20
16 · (8, 16)
12 · (6, 12)
8 · (4, 8)
4 · (2, 4)
จำนวนส้ม (ผล)
0 2 4 6 8 10 12
กราฟแสดงความสัมพนั ธ์ของจำนวนส้มและราคา
หมายเหตุ : เนอื่ งจากจำนวนสม้ และราคาส้มเปน็ จำนวนบวก กราฟของความสัมพันธ์จึงอยใู่ นจตุภาคที่ 1 เทา่ นั้น
2. ครูกำหนดตารางแสดงความเกยี่ วข้องของปริมาณ 2 ชดุ ทม่ี ลี ักษณะต่อเนื่อง ใหน้ ักเรยี นช่วยกัน
พจิ ารณาเขียนกราฟ เช่น
ตวั อย่างท่ี 2 ตารางตอ่ ไปนี้แสดงปริมาณน้ำมนั และราคานำ้ มนั
ปรมิ าณนำ้ มนั (ลติ ร) 1 1 1 2 2 1 3 3 1 4
2 22
ราคา (บาท) 12 18 24 30 36 42 48
เขยี นกราฟแสดงความสัมพันธ์ไดด้ งั น้ี
วธิ ที ำ รำคำ (บำท)
50
·
40 ·
·
30 ·
·
20 ·
·A
10
ปรมิ ำณนำ้ มัน
0 1 2 3 4 5 6 (ลติ ร)
จากกราฟ A แทนคู่อันดับ (1,12) ซ่งึ หมายความวา่ นำ้ มัน 1 ลิตร ราคา 12 บาท จากตาราง น้ำมนั 2 1
2
ราคา 30 บาท แสดงดว้ ยค่อู นั ดับ 1 ,
2 2 30
เนอ่ื งจากสามารถหาราคาน้ำมันได้เสมอไมว่ า่ นำ้ มันจะมีปริมาณเทา่ ใด จงึ เขยี นกราฟแสดงความสมั พนั ธ์
ระหว่างปรมิ าณน้ำมันกับราคาไดใ้ นลักษณะที่ต่อเนื่องกันเป็นสว่ นหนึ่งของเสน้ ตรง เพราะตารางน้ันไมส่ ามารถหา
ราคาน้ำมนั บางปรมิ าณได้ เช่น ราคาน้ำมันจำนวน 4 1 ลิตร แต่สามารถหาไดจ้ ากกราฟท่ีเป็นเสน้ ตรง วา่ ปริมาณ
4
น้ำมนั จำนวนเท่าใด มรี าคาก่ีบาท เชน่ ปรมิ าณนำ้ มนั 4 1 ลติ ร ราคา 51 บาท เป็นตน้
4
3. ครูซกั ถามปัญหาข้อสงสยั จากการอธิบายตัวอย่างที่ 1 และ 2
4. ครยู กตวั อยา่ งท่ี 3 พร้อมทั้งให้นักเรยี นจดลงในสมุด
ข้ันสรปุ
1. ครูและนกั เรียนช่วยกนั สรุป เรื่อง กราฟและการนำไปใช้
(การสอนแบบใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน)
ขน้ั เตรียมการ
1 กำหนดปญั หาจัดสถานการณต์ า่ ง ๆ กระต้นุ ให้ผูเ้ รยี นเกิดความสนใจ มองเห็นปัญหากำหนดส่ิงที่เปน็
ปญั หาท่ีผูเ้ รียนอยากร้อู ยากเรียน และเกดิ ความสนใจท่ีจะค้นหาคำตอบ
ข้นั บรรยาย
ขั้นนำ
4. ครสู นทนาถงึ เร่ืองคู่อนั ดับและกราฟท่ีไดเ้ รยี นมาแลว้
ขน้ั อธิบาย
1. ครคู วรจดั กจิ กรรมให้นักเรียนเข้าใจความสัมพนั ธเ์ ชงิ เส้น โดยยกตัวอย่างสถานการณ์ในชีวติ จรงิ ทม่ี ี
ความสัมพันธเ์ ชงิ เส้น เช่น ความสมั พนั ธร์ ะหว่างหนว่ ยอณุ หภูมอิ งศาเซลเซยี สกบั องศาฟาเรนไฮต์ ซง่ึ ความสมั พนั ธ์
นน้ั อาจอยู่ในรูปข้อความ ตาราง หรอื สมการ แล้วจึงเชื่อมโยงความรใู้ นเร่ืองของคู่อันดบั มาใช้ในการเขียนกราฟ
เพอื่ ให้นักเรียนสงั เกตเห็นวา่ กราฟแสดงความสมั พนั ธ์ระหว่างปรมิ าณสองปริมาณจะอยู่ในแนวเสน้ ตรงเดยี วกนั
2. ครูเชือ่ มโยงกราฟแสดงความสัมพันธ์เชงิ เสน้ สูส่ มการเชิงเสน้ สองตวั แปร ซ่งึ แสดงในรปู Ax + By + C
= 0 เมื่อ x, y เป็นตวั แปร A, B และ C เป็นค่าคงตัว โดยที่ A และ B ไม่เทา่ กับศูนย์พรอ้ มกนั เพื่อเปน็ การ
แนะนำให้นักเรยี นรจู้ กั รูปทัว่ ไปของสมการเชิงเส้นสองตัวแปร ซึ่งสมการน้ี เม่ือ B ≠ 0 สามารถจดั ให้อยใู่ นรปู
y = mx + b เมื่อ m และ b เปน็ ค่าคงตวั และจะใช้สมการในรปู นใ้ี นการหาค่า x และคา่ y เพ่ือนำไปสู่
การเขยี นกราฟสำหรบั การแนะนำสมการเชิงเสน้ สองตวั แปร ตอ้ งการให้นักเรยี นเห็นความสัมพนั ธเ์ ชงิ เสน้ ท่ีอยใู่ น
รปู ของสมการเท่านนั้ แต่ไมไ่ ด้เน้นให้จำแนกว่าสมการใดเป็นสมการเชิงเส้นสองตวั แปร
3. เพ่ือฝึกทกั ษะในการเขียนกราฟของสมการเชงิ เสน้ สองตวั แปร ครคู วรกำหนดสมการที่มีความ
หลากหลาย เช่น สมการเชงิ เสน้ ที่ทำมุมแหลมกบั แกน X ทำมุมป้านกับแกน X และขนานกับแกน X โดยในการ
เลอื กคู่อันดบั ทส่ี อดคล้องกบั สมการน้ัน ควรกำหนดค่า x หรือค่า y ทีเ่ ป็นจำนวนเต็ม ซ่ึงงา่ ยตอ่ การคำนวณหาคา่ y
หรือคา่ x และครอู าจใหข้ ้อสังเกตว่า ถา้ กำหนดใหค้ ่า x หรอื ค่า y เทา่ กบั 0 อาจทำใหก้ ารคำนวณหาค่า y หรอื คา่
x งา่ ยย่งิ ขึน้
ในการเขียนกราฟของสมการเชงิ เสน้ สองตวั แปร ครูควรเชอื่ มโยงความรูเ้ กย่ี วกับเรขาคณิตทีว่ า่ มีเส้นตรง
เพยี งเสน้ เดยี วเท่านัน้ ทีล่ ากผ่านจดุ สองจดุ ที่กำหนดให้ มาใชก้ บั การเขยี นกราฟของสมการเชิงเส้นสองตัวแปร
ดังนน้ั เราจึงหาจดุ สองจุดท่ีอยู่บนกราฟก็เพียงพอแลว้ อย่างไรกต็ าม เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการคำนวณ
จดุ ใดจุดหน่ึงไมถ่ ูกต้อง จึงควรใช้จดุ อย่างนอ้ ย 3 จดุ
4. การแนะนำเร่ืองความชัน มีเจตนาเพ่ือให้นักเรียนสงั เกตลกั ษณะของกราฟ เม่ือ m มีค่ามากกวา่ ศูนย์
น้อยกว่าศนู ย์ และเท่ากับศูนย์ เท่าน้ัน ไม่ไดม้ งุ่ เน้นให้นักเรียนสามารถหาคา่ ความชันจากสมการ โดยครสู ามารถให้
นักเรยี นศึกษาความสัมพันธร์ ะหว่างค่า m ทเี่ ปลีย่ นแปลง กับลกั ษณะของกราฟเสน้ ตรงท่เี ปล่ียนแปลงตามได้จาก
มมุ เทคโนโลยี
ขัน้ สรุป
1. ใหน้ กั เรียนทำแบบทดสอบหลังเรยี น
10. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้
1. หอ้ งสมุดโรงเรยี น
2. หนงั สือเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานคณติ ศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 เลม่ 2
3. Internet
11. การวดั และประเมินผล
สิ่งทต่ี ้องการวัด วธิ ีวัด เคร่อื งมือวัด เกณฑก์ ารวัด
ด้านความร้(ู K) 1. ตรวจแบบทดสอบหลัง 1. แบบทดสอบ 1.นกั เรียนไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 80
1. อา่ นคู่อนั ดับของจุด เรยี น หลังเรียน นักเรียนสามารถอา่ นคู่อันดบั ของ
บนกราฟ 2. ตรวจแบบฝึกหัด3.3 2. แบบฝึกหดั 3.3 จดุ บนกราฟไดถ้ ูกต้อง
3. ตรวจแบบฝึกทกั ษะ 3. แบบฝกึ ทักษะ 2.นักเรยี นสามารถทำแบบฝึกหดั ได้
4. สังเกตจากความสนใจ 4. แบบสงั เกต/ ถูกต้องไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ 80 ของ
ตัง้ ใจในการเรยี น ความ ประเมินพฤติกรรม คะแนนเต็ม
รบั ผิดชอบในการทำแบบ
ฝกึ ทกั ษะ
ด้านกระบวนการ(P) 1. ตรวจแบบทดสอบหลัง 1. แบบทดสอบ 1.นักเรยี นไม่น้อยกว่าร้อยละ 80
1.นักเรียนสามารถอา่ น เรยี น หลังเรียน นกั เรียนสามารถอ่านคู่อันดับของ
และแปลความหมาย 2. ตรวจแบบฝึกหัด3.3 2. แบบฝึกหดั 3.3 จดุ บนกราฟไดถ้ ูกต้อง
ของกราฟทก่ี ำหนดให้ 3. ตรวจแบบฝึกทักษะ 3. แบบฝึกทกั ษะ 2.นักเรยี นสามารถทำแบบฝกึ หัดได้
และนำไปใชแ้ ก้ปัญหา 4. สงั เกตจากความสนใจ 4. แบบสังเกต/ ถกู ต้องไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 80 ของ
ตั้งใจในการเรยี น ความ ประเมินพฤติกรรม คะแนนเต็ม
รับผดิ ชอบในการทำแบบ
ฝึกทักษะ
ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ 1. ตรวจแบบทดสอบหลัง 1. แบบทดสอบ 1.นกั เรียนไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 80
ประสงค(์ A) เรยี น หลังเรยี น นักเรยี นสามารถอ่านคู่อันดบั ของ
1. ทำงานอยา่ งเปน็ 2. ตรวจแบบฝึกหัด3.3 2. แบบฝึกหัด3.3 จดุ บนกราฟไดถ้ ูกต้อง
ระบบ 3. ตรวจแบบฝกึ ทักษะ 3. แบบฝกึ ทกั ษะ 2.นักเรียนสามารถทำแบบฝกึ หัดได้
2. มีระเบยี บวินยั 4. สังเกตจากความสนใจ 4. แบบสังเกต/ ถกู ต้องไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 80 ของ
3. มีความรอบคอบ ต้ังใจในการเรยี น ความ ประเมนิ พฤติกรรม คะแนนเต็ม
4. ผู้เรยี นมคี วาม รับผิดชอบในการทำแบบ
รบั ผิดชอบ ฝกึ ทักษะ
ส่งิ ทีต่ ้องการวัด วธิ วี ดั เครื่องมอื วดั เกณฑก์ ารวัด
สมรรถนะ
1. ความสามารถในการ
ให้เหตผุ ล
2. ความสามารถในการ
คดิ สรา้ งสรรค์
3. ความสามารถในการ
ส่ือสาร
เกณฑก์ ารให้คะแนน 8 – 10 คะแนน ดี
5 – 7 คะแนน พอใช้
0 – 4 คะแนน ปรับปรุง
12. บันทึกผลหลังการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
12.1 ผลการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
12.1.1 ดา้ นความรู้ (K)
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
12.1.2 ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P)
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
12.1.3 ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A)/สมรรถนะ
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
12.2 กระบวนการเรยี นร้/ู กิจกรรมการเรียนการสอน
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
12.3 ปัญหาและอปุ สรรค
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
12.4 ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ……………………………………..……..ผู้สอน
(นายพฤวุฒิ เจียงจริ ศักด์ิ)
ครผู ้ชู ่วย
บนั ทึกขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ............................................
(นายพัฒนพงศ์ บุญศิลป์)
ตำแหนง่ หัวหน้ากลมุ่ สาระคณิตศาสตร์
วนั ท่ี………..เดอื น……………………….พ.ศ…………
บันทึกข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศึกษาหรอื ผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
ลงช่ือ............................................
(นายชาญยทุ ธ สุทธิธรานนท์)
รองผอู้ ำนวยการกลมุ่ บริหารวิชาการ
วนั ที่………..เดอื น……………………….พ.ศ…………
บันทึกข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษาหรือผ้ทู ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ............................................
(นายวรี ะ แก้วกลั ยา)
ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๔๗ จังหวัดเพชรบรุ ี
วันที่………..เดือน……………………….พ.ศ…………
ใบงานช่ัวโมงท่ี 2 กราฟ
การเขียนกราฟของความสัมพนั ธเ์ ชงิ เสน้
คำช้แี จง จงเขยี นกราฟของสมการท่ีกำหนดให้ (กำหนดให้ x, y เปน็ จำนวนใดๆ)
1) 2x+y = 6 จดั y ในรูป x ไดด้ งั น้ี
เขียนตารางคู่อันดับท่สี อดคลอ้ ง
กบั สมการที่กำหนดได้ดังน้ี
x ……. ……. …….
y = ………… ……. ……. …….
2) 3x+y = 7 จัด y ในรปู x ได้ดงั นี้ กราฟ
เขยี นตารางคู่อันดับทีส่ อดคล้อง
กับสมการที่กำหนดได้ดังนี้
x ……. ……. …….
y = ………… ……. ……. …….
3) –3x+2y = 2 จดั y ในรูป x ได้ดงั น้ี กราฟ
เขยี นตารางคู่อันดบั ท่สี อดคล้อง
กบั สมการทีก่ ำหนดได้ดังนี้
x ……. ……. …….
y = ………… ……. ……. …….
เฉลยใบงานชั่วโมงท่ี 2 กราฟ
การเขยี นกราฟของความสัมพันธ์เชิงเส้น
คำชแ้ี จง จงเขียนกราฟของสมการทก่ี ำหนดให้ (กำหนดให้ x, y เปน็ จำนวนใดๆ)
1) 2x+y = 6 จดั y ในรูป x ไดด้ ังน้ี y = –2x+6
เขยี นตารางคู่อนั ดับที่สอดคล้อง
กบั สมการที่กำหนดไดด้ ังน้ี
x …0…. …1 …. 2 …….
y = …–2…x+6…… 6…….4 ……2 . …….
2) 3x+y = 7 จดั y ในรูป x ไดด้ งั น้ี y = –3x+7 กราฟ
เขียนตารางคู่อันดบั ทสี่ อดคลอ้ ง
กับสมการทก่ี ำหนดไดด้ ังนี้
x …0…. …1 …. 2 …….
y = …–3…x+7…… 7…….4 ……1 . …….
3) –3x+2y = 2 จัด y ในรปู x ได้ดงั นี้ y = x + 1 กราฟ
เขียนตารางคู่อันดับทส่ี อดคล้อง
กบั สมการท่กี ำหนดไดด้ งั นี้
x ……0 . …2 …. 4 …….
y = ……x+1…… 1…….4 ……7 . …….
ใบงานชวั่ โมงที่ 3
การเขยี นกราฟแสดงความเกีย่ วข้องของปริมาณสองชุดท่มี ีลักษณะเปน็ กราฟเส้นตรง
คำช้แี จง ใหน้ ักเรยี นเขียนกราฟแสดงความสมั พนั ธร์ ะหว่างปรมิ าณสองปรมิ าณ
1) เขยี นกราฟแสดงความสัมพันธร์ ะหวา่ งจำนวนชัว่ โมงท่ผี า่ นไปหลงั จากท่คี นไข้เริ่มทานยาแก้ปวดกับ
ปรมิ าณของยาแกป้ วดที่คงเหลือในกระแสเลือดที่ตรวจพบ จากตารางท่ีกำหนดให้ต่อไปนี้
จำนวนช้ัวโมงที่ผ่านไป (ชั่วโมง) 12345
97531
ปริมาณของยาแก้ปวดทคี่ งเหลอื ในกระแสเลอื ด
(มลิ ลกิ รัม)
วิธีทำ จากตาราง เขยี นคูอ่ นั ดับท่ีมจี ำนวนช่ัวโมงท่ผี ่านไปหลังจากท่ีคนไข้เรม่ิ ทานยาแกป้ วดเปน็ สมาชกิ
ตวั ทีห่ นง่ึ และปริมาณของยาแกป้ วดที่คงเหลือในกระแสเลอื ดทต่ี รวจพบเป็นสมาชกิ ตวั ที่สองได้ดังน้ี
เขียนกราฟ
ลกั ษณะกราฟท่ีได้ คือ
2) เขยี นกราฟแสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งพ้ืนที่ในหน่วยตารางวากบั พน้ื ทีใ่ นหน่วยตารางเมตร จากตาราง
ทีก่ ำหนดใหต้ ่อไปนี้
พ้นื ท่ี (ตารางวา) 1 2 3 4 5
พื้นท่ี (ตารางเมตร) 4 8 12 16 20
วิธที ำ จากตาราง เขยี นคอู่ นั ดบั ทีม่ ีพ้ืนที่ในหน่วยตารางวาเปน็ สมาชิกตัวทห่ี นึง่ และพ้นื ทีใ่ นหนว่ ยตาราง
เมตร เป็นสมาชิกตัวท่ีสองได้ดังนี้
เขียนกราฟ
ลักษณะกราฟท่ีได้ คือ
เฉลยใบงานใบงานชั่วโมงที่ 3
3.8การเขียนกราฟแสดงความเกย่ี วข้องของปริมาณสองชดุ ท่ีมีลกั ษณะเป็นกราฟเส้นตรง
คำชีแ้ จง ให้นกั เรียนเขียนกราฟแสดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปรมิ าณสองปรมิ าณ
1) เขียนกราฟแสดงความสัมพนั ธ์ระหว่างจำนวนช่วั โมงท่ีผ่านไปหลังจากท่ีคนไข้เริม่ ทานยาแก้ปวดกับ
ปรมิ าณของยาแก้ปวดท่ีคงเหลอื ในกระแสเลอื ดทต่ี รวจพบ จากตารางที่กำหนดให้ต่อไปนี้
จำนวนชวั้ โมงทผ่ี ่านไป (ชั่วโมง) 12345
97531
ปริมาณของยาแกป้ วดทค่ี งเหลอื ในกระแสเลอื ด
(มิลลิกรัม)
วิธีทำ จากตาราง เขียนคู่อันดับทีม่ ีจำนวนชว่ั โมงท่ผี า่ นไปหลงั จากทค่ี นไขเ้ ริ่มทานยาแกป้ วดเปน็ สมาชิก
ตวั ทีห่ นึง่ และปรมิ าณของยาแก้ปวดที่คงเหลือในกระแสเลือดท่ีตรวจพบเปน็ สมาชิกตัวที่สองได้ดังนี้
(1, 9), (2, 7), (3, 5), (4, 3), (5, 1)
เขียนกราฟ
ลักษณะกราฟที่ได้ คือ เป็นกราฟเสน้ ตรง
2) เขยี นกราฟแสดงความสมั พันธร์ ะหว่างพืน้ ที่ในหน่วยตารางวากบั พน้ื ท่ีในหนว่ ยตารางเมตร จากตาราง
ทีก่ ำหนดให้ต่อไปน้ี
พ้ืนที่ (ตารางวา) 1 2 3 4 5
พื้นท่ี (ตารางเมตร) 4 8 12 16 20
วิธที ำ จากตาราง เขยี นคู่อันดับทมี่ ีพน้ื ท่ใี นหน่วยตารางวาเป็นสมาชกิ ตวั ท่หี นึง่ และพืน้ ท่ีในหน่วยตาราง
เมตร เป็นสมาชิกตัวทีส่ องได้ดังน้ี
(1, 4), (2, 8), (3, 12), (4, 16), (5, 20)
เขียนกราฟ
ลักษณะกราฟท่ีได้ คือ เปน็ กราฟเส้นตรง
แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ท่ี 12
รายวิชา คณิตศาสตรพ์ ้ืนฐาน 1 รหสั ค 21101 ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 1
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เร่ือง สถิติ (1) ครูผู้สอน นายพฤวุฒิ เจียงจิรศักด์ิ
เรอ่ื ง คำถามทางสถติ ิ เวลา 2 คาบ
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ค 3.1 เขา้ ใจกระบวนการทางสถติ ิ และใชค้ วามรูท้ างสถติ ิในการแก้ปญั หา
2. ตัวช้ีวดั
ค 3.1 ม.1/1 เขา้ ใจและใช้ความรทู้ างสถิติในการนำเสนอข้อมลู และแปลความหมายข้อมูล รวมทั้งนำสถติ ิ
ไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ โดยใช้เทคโนโลยี
3. สาระสำคัญ
คำถามทางสถติ ิ หมายถึง คำถามที่มคี ำตอบหรือคาดวา่ จะได้รบั คำตอบมากกว่า 1 คำตอบ ตามสภาพ
ความเป็นจรงิ หรอื คำถามท่ีถามความคิดเหน็ ของผู้ตอบแต่ละคน รวมถึงคำถามทตี่ ้องการคำตอบ ซงึ่ ไดม้ าจากกา
รวบรวมขอ้ มลู พนื้ ฐานบางอย่าง แลว้ นำมาจดั จำแนก คำนวณ หรอื วิเคราะหเ์ พ่ือใช้ตอบคำถามน้ัน ซงึ่ เราแบ่ง
คำถามทางสถติ ิได้เปน็ 4 ประเภท ไดแ้ ก่ คำถามขน้ั พ้นื ฐาน คำถามเชงิ สรปุ คำถามเชิงเปรียบเทยี บ และคำถามเชิง
ความสัมพันธ์
4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
บอกได้ว่าคำถามใดเปน็ คำถามทางสถติ ิ
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
สรา้ งคำถามทางสถิตทิ ส่ี อดคล้องกับปัญหาหรอื สถานการณ์ต่าง ๆ ทส่ี นใจ
ด้านคุณลักษณะ(A)
1. ทำงานอย่างเป็นระบบ
2. มรี ะเบียบวนิ ัย
3. มคี วามรอบคอบ
4. ผเู้ รยี นมีความรับผิดชอบ
5. สาระการเรียนรู้
ประเภทของข้อมูล
6. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน
1. ความสามารถในการคดิ
2. ความสามารถในการเช่ือมโยง
3. ความสามารถในการให้เหตุผล
4. ความสามารถในการคดิ สร้างสรรค์
5. ความสามารถในการสอ่ื สาร
7. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ซอ่ื สตั ย์สุจริต
2. มวี ินยั
3. ใฝ่เรียนรู้
4. มุ่งมน่ั ในการทางาน
8. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
1. แบบฝึกหดั 4.1
2. แบบฝกึ ทกั ษะ
3. แบบทดสอบก่อนเรียน
9. การจัดกจิ กรรมการเรยี นการ
คาบที่ 1 (การสอนแบบใช้ปัญหาเปน็ ฐาน)
ข้ันเตรยี มการ
1 กำหนดปัญหาจัดสถานการณ์ตา่ ง ๆ กระตุ้นใหผ้ ู้เรยี นเกิดความสนใจ มองเหน็ ปญั หากำหนดส่ิงทเี่ ป็น
ปัญหาทผี่ เู้ รยี นอยากร้อู ยากเรียน และเกดิ ความสนใจทจี่ ะค้นหาคำตอบ
ขนั้ บรรยาย
ขนั้ นำ
1. ครูกลา่ วทกั ทายกับนักเรียน แลว้ แจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนใหน้ กั เรียนทราบ จากนน้ั ใหน้ ักเรียนทำ
แบบทดสอบกอ่ นเรียน
ข้นั อธบิ าย
1. ครแู จกกระดาษ A4 ใหน้ กั เรยี นทุกคน คนละ 1 แผ่น จากน้ันใหน้ กั เรียนทุกคนตง้ั คำถามอะไรก็ได้ที่พบ
ในชวี ิตประจำวนั โดยใหเ้ ขียนคำถามดังกล่าวลงในกระดาษ A4 จากนั้นให้แต่ละคนลุกขึ้นแลว้ อ่านคำถามท่ตี นเอง
ตัง้ ข้นึ ใหก้ ับเพ่ือนๆ ฟัง เรยี งตามลำดบั จนกระทง่ั ครบทุกคนในชน้ั เรยี น
2. ครใู ช้คำถามต่อไปนสี้ อบถามนกั เรยี นเพ่ือกระต้นุ ความคดิ ของนักเรยี น
- นกั เรยี นทราบหรือไม่ว่าคำถามทางสถติ หิ มายถึงอะไร
(ครูเปิดโอกาสให้นักเรยี นร่วมกนั อภิปราย โดยยังไม่เฉลยคำตอบ)
- นกั เรียนทราบหรือไมว่ า่ คำถามทนี่ ักเรยี นได้ต้ังในกิจกรรมก่อนหนา้ เปน็ คำถามทางสถิติหรอื ไม่
เพราะเหตุใด (ครเู ปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภปิ ราย โดยยังไม่เฉลยคำตอบ)
3. ครูอธิบายและให้คำจำกัดความของคำว่า “คำถามทางสถิต”ิ โดยอธบิ ายวา่ คำถามทางสถิติ หมายถงึ
คำถามท่ีมคี ำตอบหรือคาดวา่ จะไดร้ ับคำตอบมากกวา่ 1 คำตอบตามสภาพความเปน็ จรงิ หรือคำถามที่ถามความ
คิดเห็นของผ้ตู อบแตล่ ะคน รวมถงึ คำถามทีต่ ้องการคำตอบ ซึง่ ได้มาจากการรวบรวมขอ้ มูลพื้นฐานบางอยา่ ง แล้ว
นำมาจำแนก คำนวณ หรอื วิเคราะห์เพอื่ ใช้ตอบคำถามนน้ั
4. ให้นักเรยี นพจิ ารณาคำถามทีน่ ักเรียนเขยี นลงในกระดาษ A4 (ในตน้ ช่ัวโมง) ว่าคำถามดังกลา่ วเปน็
คำถามทางสถติ ิหรือไม่ โดยให้นักเรยี นแตล่ ะคนลกุ ขึ้นตามลำดับ แลว้ อา่ นคำถามดงั กล่าวอีกคร้ัง พร้อมตอบวา่
คำถามดังกลา่ วเปน็ คำถามทางสถิติหรือไม่ รวมถงึ ให้เหตผุ ลประกอบจนกระทง่ั ครบทุกคนในชั้นเรียน
5. ครถู ามนักเรยี นถงึ ความหมายของ คำถามทางสถิติ คอื อะไร
(แนวคำตอบ : คำถามท่ีมีคำตอบหรอื คาดวา่ จะได้รบั คำตอบมากกวา่ 1 คำตอบ หรอื คำถาม ท่ีถามความคิดเห็น
ของผู้ตอบแตล่ ะคน รวมถึงคำถามทีต่ ้องการคำตอบซ่ึงได้จากการรวบรวมข้อมลู แลว้ นำมาจัดจำแนก คำนวณ หรือ
วิเคราะห์เพ่ือใชต้ อบคำถามนั้น )
ขัน้ สรุป
1. ครูใหน้ ักเรยี นทำแบบฝึกทักษะ
คาบท่ี 2 (การสอนแบบใช้ปัญหาเปน็ ฐาน)
ขั้นเตรียมการ
1 กำหนดปัญหาจัดสถานการณ์ต่าง ๆ กระตุน้ ให้ผเู้ รียนเกิดความสนใจ มองเห็นปัญหากำหนดสงิ่ ทเี่ ป็น
ปัญหาทผ่ี ู้เรียนอยากรู้อยากเรียน และเกดิ ความสนใจท่จี ะค้นหาคำตอบ
ขน้ั บรรยาย
ขน้ั นำ
1. ครสู นทนากบั นักเรยี นเก่ียวกับเรอ่ื งสถติ ิ
ขนั้ อธบิ าย
1. ครูอาจแนะนำเกีย่ วกบั ข้อมูลท่มี บี ริบทใกล้ตัวนักเรยี น โดยยกตวั อยา่ งขอ้ มูลท่ีมีความหลากหลาย ทงั้ ท่ี
เป็นขอ้ มลู เชงิ ปริมาณและข้อมลู เชงิ คณุ ภาพ เช่น ความสูงเปน็ เซนติเมตร น้ำหนกั เปน็ กิโลกรัม เพศหญิง เพศชาย
และหมายเลขโทรศัพท์ ซงึ่ เป็นพนื้ ฐานในการเกบ็ รวบรวมข้อมูลเพ่ือตอบคำถามทางสถติ ิ
2. ครคู วรยกตัวอยา่ งคำถามที่หลากหลายในชีวิตจริงท่ีนกั เรียนคุน้ เคย ท้งั คำถามทส่ี ามารถตอบได้โดย
ทนั ที และคำถามทีย่ งั ไม่สามารถตอบไดท้ นั ที แลว้ ชใี้ ห้นกั เรยี นเหน็ ว่า บางคำถามทีน่ กั เรียนไม่สามารถตอบไดท้ นั ที
นนั้ เป็นคำถามทางสถิติ ซงึ่ จำเปน็ ต้องอาศัยการเกบ็ รวบรวมข้อมูล เพอ่ื นำมาวิเคราะห์และแปลผล จงึ จะสามารถ
ตอบคำถามเหล่าน้ันได้
3. ครูยกตวั อยา่ งคำถามทางสถิติ แลว้ อภิปรายร่วมกนั ถึงลกั ษณะสำคญั ของคำถามทางสถิติ จากนั้นให้
นักเรยี นฝึกวเิ คราะห์คำถามต่าง ๆ วา่ เปน็ คำถามทางสถิตหิ รือไม่ เพราะเหตุใด
4. ครูใหน้ กั เรยี นฝึกต้ังคำถามทางสถติ งิ ่าย ๆ จากเร่ืองท่ีสนใจและใกลต้ ัว เช่น การบริโภคนำ้ หวานของ
นักเรียนในห้อง ศลิ ปินทนี่ กั เรียนในหอ้ งชื่นชอบ กจิ กรรมหลักท่ีทำในแตล่ ะวันของนักเรยี นในโรงเรยี น
ข้นั สรุป
1. ใหน้ ักเรยี นทำแบบฝกึ หดั 4.1
10. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้
1. ห้องสมดุ โรงเรียน
2. หนังสือเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐานคณติ ศาสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 เลม่ 2
3. Internet
11. การวัดและประเมินผล
สงิ่ ท่ตี ้องการวัด วธิ วี ดั เคร่อื งมือวัด เกณฑ์การวดั
1.นกั เรียนไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 80
ด้านความร้(ู K) 1. ตรวจแบบทดสอบก่อน 1. แบบทดสอบ นักเรยี นสามารถบอกได้ว่าคำถาม
ใดเป็นคำถามทางสถิติได้ถูกต้อง
1. บอกได้ว่าคำถามใด เรียน ก่อนเรยี น 2.นักเรยี นสามารถทำแบบฝกึ หดั ได้
ถกู ต้องไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 80 ของ
เป็นคำถามทางสถิติ 2. ตรวจแบบฝึกหัด 4.1 2. แบบฝึกหดั 4.1 คะแนนเต็ม
3. ตรวจแบบฝกึ ทกั ษะ 3. แบบฝึกทกั ษะ 1.นกั เรียนไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 80
นกั เรียนสามารถบอกได้วา่ คำถาม
4. สังเกตจากความสนใจ 4. แบบสงั เกต/ ใดเปน็ คำถามทางสถติ ิไดถ้ ูกต้อง
2.นกั เรยี นสามารถทำแบบฝึกหดั ได้
ตัง้ ใจในการเรยี น ความ ประเมินพฤติกรรม ถกู ต้องไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 80 ของ
คะแนนเต็ม
รับผิดชอบในการทำแบบ
1.นกั เรียนไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 80
ฝกึ ทักษะและแบบทดสอบ นกั เรยี นสามารถบอกได้วา่ คำถาม
ใดเปน็ คำถามทางสถิติไดถ้ ูกต้อง
ก่อนเรยี น 2.นกั เรียนสามารถทำแบบฝกึ หัดได้
ถกู ต้องไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 80 ของ
ด้านกระบวนการ(P) 1. ตรวจแบบทดสอบก่อน 1. แบบทดสอบ คะแนนเต็ม
1.สร้างคำถามทางสถติ ิที่ เรียน ก่อนเรยี น
สอดคล้องกบั ปญั หาหรือ 2. ตรวจแบบฝึกหัด 4.1 2. แบบฝึกหดั 4.1
สถานการณ์ต่าง ๆ ท่ี 3. ตรวจแบบฝึกทกั ษะ 3. แบบฝกึ ทกั ษะ
สนใจ 4. สังเกตจากความสนใจ 4. แบบสังเกต/
ตั้งใจในการเรยี น ความ ประเมินพฤติกรรม
รับผดิ ชอบในการทำแบบ
ฝกึ ทักษะและแบบทดสอบ
ก่อนเรียน
ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ 1. ตรวจแบบทดสอบก่อน 1. แบบทดสอบ
ประสงค(์ A) เรียน ก่อนเรียน
1. ทำงานอยา่ งเปน็ 2. ตรวจแบบฝึกหัด 4.1 2. แบบฝกึ หดั 4.1
ระบบ 3. ตรวจแบบฝึกทักษะ 3. แบบฝึกทกั ษะ
2. มีระเบยี บวนิ ยั 4. สงั เกตจากความสนใจ 4. แบบสงั เกต/
3. มีความรอบคอบ ตั้งใจในการเรยี น ความ ประเมนิ พฤติกรรม
4. ผ้เู รียนมีความ รบั ผดิ ชอบในการทำแบบ
รบั ผดิ ชอบ ฝึกทกั ษะและแบบทดสอบ
สมรรถนะ กอ่ นเรยี น
1. ความสามารถในการ
ใหเ้ หตุผล
2. ความสามารถในการ
คดิ สรา้ งสรรค์
3. ความสามารถในการ
สอ่ื สาร
เกณฑ์การให้คะแนน 8 – 10 คะแนน ดี
5 – 7 คะแนน พอใช้
0 – 4 คะแนน ปรบั ปรุง
12. บนั ทกึ ผลหลังการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
12.1 ผลการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
12.1.1 ด้านความรู้ (K)
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
12.1.2 ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P)
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
12.1.3 ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)/สมรรถนะ
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
12.2 กระบวนการเรียนร/ู้ กิจกรรมการเรียนการสอน
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
12.3 ปญั หาและอปุ สรรค
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
12.4 ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ……………………………………..……..ผ้สู อน
(นายพฤวุฒิ เจียงจิรศักดิ์)
ครผู ้ชู ว่ ย
บนั ทึกขอ้ เสนอแนะของผ้บู ริหารสถานศึกษาหรือผู้ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................
(นายพัฒนพงศ์ บญุ ศลิ ป์)
ตำแหน่ง หวั หนา้ กลมุ่ สาระคณติ ศาสตร์
วันที่………..เดอื น……………………….พ.ศ…………
บนั ทกึ ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ี่ได้รับมอบหมาย
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................
(นายชาญยทุ ธ สทุ ธิธรานนท์)
รองผ้อู ำนวยการกลุม่ บรหิ ารวิชาการ
วันท่ี………..เดือน……………………….พ.ศ…………
บันทึกขอ้ เสนอแนะของผูบ้ รหิ ารสถานศึกษาหรือผู้ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................
(นายวรี ะ แกว้ กัลยา)
ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๔๗ จังหวดั เพชรบรุ ี
วนั ท่ี………..เดอื น……………………….พ.ศ…………
ใบงานช่วั โมงที่ 1
เร่อื ง คำถามทางสถิติ
คำชแ้ี จง : พจิ ารณาคำถามต่อไปน้ีวา่ เป็นคำถามทางสถิติหรอื ไม่ พรอ้ มทั้งใหเ้ หตผุ ลประกอบ
1) เมืองหลวงของประเทศมาเลเซียมชี อ่ื วา่ อะไร
ตอบ
2) ปกรณม์ ีอายเุ ท่าไร
ตอบ
3) นกั ท่องเที่ยวชาวไทยชอบไปเทย่ี วประเทศใดบ้าง
ตอบ
4) ดวงอาทติ ย์ข้นึ ทางทศิ ใด
ตอบ
5) ชาวเขาในแต่ละเผ่ามจี ำนวนคนที่เป็นโรคพยาธิเผา่ ละก่ีคน
ตอบ
6) จำนวนผู้ปว่ ยทเี่ ปน็ โรคทางเดนิ อาหารคิดเปน็ ร้อยละเท่าไรของจำนวนผ้ปู ่วยทงั้ โรงพยาบาล
ตอบ
เฉลยใบงานชวั่ โมงท่ี 1
เรอ่ื ง คำถามทางสถติ ิ
คำช้ีแจง : พจิ ารณาคำถามต่อไปนีว้ า่ เป็นคำถามทางสถิตหิ รอื ไม่ พร้อมท้ังใหเ้ หตุผลประกอบ
1) เมอื งหลวงของประเทศมาเลเซียมีชอ่ื ว่าอะไร
ตอบ ไมเ่ ปน็ เพราะมีคำตอบท่ีถกู ต้องเพียงคำตอบเดียว
2) ปกรณ์มีอายเุ ทา่ ไร
ตอบ ไมเ่ ปน็ เพราะมีคำตอบท่ีถกู ต้องเพยี งคำตอบเดียว
3) นกั ท่องเทย่ี วชาวไทยชอบไปเท่ยี วประเทศใดบา้ ง
ตอบ เป็น เพราะมีคำตอบมากกว่า 1 คำตอบ
4) ดวงอาทติ ย์ขึ้นทางทิศใด
ตอบ ไม่เป็น เพราะมีคำตอบที่ถกู ต้องเพียงคำตอบเดียว
5) ชาวเขาในแตล่ ะเผ่ามีจำนวนคนทเี่ ป็นโรคพยาธิเผ่าละกี่คน
ตอบ เปน็ เพราะเปน็ คำถามซ่งึ คำตอบได้มาจากการรวบรวมข้อมูลพน้ื ฐานบางอย่าง แลว้ นำมาจำแนก
อาหารกี่คน คดิ เป็นร้อยละเท่าไรของจำนวนผปู้ ว่ ยท้งั โรงพยาบาล
6) จำนวนผู้ป่วยที่เป็นโรคทางเดนิ อาหารคดิ เปน็ รอ้ ยละเท่าไรของจำนวนผ้ปู ว่ ยทัง้ โรงพยาบาล
ตอบ เปน็ เพราะต้องสำรวจผปู้ ว่ ยท้ังโรงพยาบาลก่อน แลว้ จงึ มาคำนวณวา่ มผี ูป้ ว่ ยที่เป็นโรคทางเดิน
คำนวณ หรอื วเิ คราะหเ์ พื่อใช้ตอบคำถามนัน้
แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ท่ี 13
รายวชิ า คณิตศาสตรพ์ ้ืนฐาน 1 รหัส ค 21101 ระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 1
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง สถิติ (1) ครผู ู้สอน นายพฤวฒุ ิ เจยี งจริ ศักด์ิ
เร่อื ง การเกบ็ รวบรวมข้อมูล เวลา 2 คาบ
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ค 3.1 เขา้ ใจกระบวนการทางสถิติ และใช้ความรู้ทางสถติ ใิ นการแก้ปญั หา
2. ตัวชว้ี ดั
ค 3.1 ม.1/1 เขา้ ใจและใช้ความรทู้ างสถิติในการนำเสนอข้อมลู และแปลความหมายข้อมูล รวมทง้ั นำสถิติ
ไปใช้ในชวี ติ จรงิ โดยใช้เทคโนโลยี
3. สาระสำคัญ
สถติ ิ หมายถงึ ขอ้ มูลทเ่ี กบ็ รวบรวมมาได้ และข้อมูล หมายถึง ข้อเทจ็ จริงที่อาจจะเป็นตัวเลขหรือ
ตัวอกั ษร ดงั นนั้ สถติ ิ หมายถึง ข้อเทจ็ จรงิ ทีเ่ ป็นตัวเลขหรือลายลักษณ์อักษรท่เี ก็บรวบรวมมาได้ จากข้อมลู
มากๆ สถติ ิอาจเป็นยอดรวมของข้อมูล
สถติ ิ หมายถึง ระเบยี บวิธีการเกบ็ รวบรวมข้อมลู การนำเสนอข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลและการ
ตีความหมายข้อมลู
4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
ระบุวธิ ีการเก็บรวบรวมข้อมลู ท่ีสามารถนำไปตอบคำถามทางสถติ ิ
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
วางแผนและเกบ็ รวบรวมข้อมูลเพื่อตอบคำถามทางสถติ ิ
ด้านคณุ ลักษณะ(A)
1. ทำงานอย่างเป็นระบบ
2. มรี ะเบียบวินยั
3. มคี วามรอบคอบ
4. ผเู้ รยี นมคี วามรบั ผิดชอบ
5. สาระการเรียนรู้
สถติ ิ
การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการคดิ
2. ความสามารถในการเชอ่ื มโยง
3. ความสามารถในการใหเ้ หตุผล
4. ความสามารถในการคดิ สร้างสรรค์
5. ความสามารถในการสอ่ื สาร
7. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. ซ่อื สัตยส์ จุ รติ
2. มีวินัย
3. ใฝเ่ รียนรู้
4. มุ่งม่ันในการทางาน
8. ชิน้ งาน/ภาระงาน
1. แบบฝึกหัด4.2
2. แบบฝึกทกั ษะ
9. การจัดกิจกรรมการเรียนการ
คาบที่ 1 (การสอนแบบใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน)
ขั้นเตรยี มการ
1 กำหนดปัญหาจัดสถานการณ์ต่าง ๆ กระต้นุ ใหผ้ ้เู รยี นเกิดความสนใจ มองเห็นปญั หากำหนดส่งิ ที่เปน็
ปัญหาทผ่ี ้เู รียนอยากรู้อยากเรียน และเกดิ ความสนใจทีจ่ ะค้นหาคำตอบ
ขั้นบรรยาย
ข้นั นำ
1. ครูใช้คำถามตอ่ ไปนี้สอบถามนักเรียน เพ่ือกระตนุ้ ความคดิ ของนักเรียน
ขนั้ อธบิ าย
1. ครูใชค้ ำถามตอ่ ไปนี้สอบถามนกั เรยี น เพ่ือกระตนุ้ ความคดิ ของนักเรียน
- คำถามทางสถิติมีคำตอบมากกว่า 1 ตอบ ใช่หรือไม่
(แนวคำตอบ : ใช่)
- คำถามทางสถิติมีคำตอบซึง่ ไดม้ าจากการเก็บรวบรวมข้อมูล นักเรียนทราบหรอื ไมว่ า่ “ข้อมูล”
ในทางสถติ มิ ีความหมายวา่ อย่างไร
(ครใู ห้นกั เรยี นในชัน้ เรียนรว่ มกันอภิปราย โดยยังไม่เฉลยคำตอบ)
- นักเรยี นทราบหรือไม่วา่ การเก็บรวบรวมขอ้ มูลมวี ธิ ีการใดบ้าง
(ครใู หน้ ักเรียนในชน้ั เรียนร่วมกันอภปิ ราย โดยยงั ไม่เฉลยคำตอบ)
2. ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละคนยกตัวอย่างข้อมลู ทางสถติ มิ าคนละ 1 ตัวอย่าง โดยอาจใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนลกุ ข้ึน
แลว้ ยกตวั อยา่ งเรียงตามลำดับ จนกระทัง่ ครบทุกคนในช้นั เรยี น
3. ครอู ธิบายว่า การเก็บรวบรวมขอ้ มูลสามารถดำเนินการไดห้ ลายวธิ ี ได้แก่ การบันทึกข้อมูล การสงั เกต
การสอบถาม และการสมั ภาษณ์ เป็นตน้ พร้อมท้งั บอกวธิ ีการดำเนินการในแต่ละวธิ ีข้างต้น
4. ครูใหน้ ักเรียนเขียนผงั ความคิดรวบยอดเรื่องการเก็บรวบรวมข้อมลู ลงในกระดาษ A4
5. ครูสรุปวธิ กี ารเก็บรวบรวมขอ้ มลู ในแต่ละวิธพี อสังเขป เพ่อื ทบทวนความร้ใู หแ้ ก่นกั เรยี นในชั้นเรียน
(แนวคำตอบ:
1. การบนั ทกึ ข้อมูล ผทู้ ่ีทำการบันทกึ ตอ้ งเป็นผู้ลงมือปฏิบตั ใิ นเรื่องใดเรอ่ื งหน่ึง
2. การสงั เกต เป็นวธิ กี ารทีผ่ ู้สังเกตไม่ได้เป็นผู้ลงมือปฏิบัติในเรอ่ื งทีส่ นใจ ต้องใชเ้ วลาในการดู ฟงั และทำ
ความเขา้ ใจในสิ่งทเ่ี กดิ ขนึ้
3. การสอบถาม ผ้สู อบถามต้องเตรียมแบบสอบถามโดยมีการตั้งคำถาม จดั พมิ พ์ และให้ผ้ตู อ
แบบสอบถามซึง่ ผู้ตอบเขยี นคำตอบหรือทำเครื่องหมายเลือกคำตอบและนำข้อมูลท่ีได้มาทำสถติ ิ
4. การสมั ภาษณ์ คลา้ ยกับแบบสอบถาม มีการต้งั คำถามแล้วนำไปสมั ภาษณ์ผทู้ ี่ถูกคดั เลือกไว้อาจจะใช้
การสมั ภาษณ์ทางโทรศัพท์ก็ได้ แล้วนำขอ้ มลู ท่ีไดม้ าดำเนนิ การทางสถิต)ิ
6. ครูถามนักเรียนว่าวธิ เี ก็บข้อมูลของคำถามทางสถติ ิมีวิธีใดบ้าง และมีขอ้ ดีข้อเสียอยา่ งไร
(1. เก็บข้อมลู ดว้ ยวิธีสอบถาม ขอ้ ดี: ใชเ้ วลานอ้ ย สร้างงา่ ย ขอ้ เสยี : ถา้ คำถามไม่ชัดเจน เข้าใจยากจะทำ
ใหค้ ำตอบผดิ ได้
2. การบนั ทกึ ข้อมลู ข้อดี: มีความน่าเชื่อถือมาก ข้อเสยี : อาจจะเกิดข้อผิดพลาดในการเก็บ
ขอ้ มูลได้
3. เก็บขอ้ มูลด้วยวิธีการสมั ภาษณ์ ขอ้ ดี: พูดคุยกับผู้ถูกสัมภาษณ์ ข้อเสีย: เสยี เวลาในการทำมาก
4. เก็บขอ้ มูลด้วยวธิ กี ารสงั เกต ขอ้ ดี: ข้อมูลเชอื่ ถือไดเ้ พราะได้ขอ้ มลู จากแหลง่ ข้อมลู จริงๆ ข้อเสยี :
มคี ่าใช้จ่ายสงู และยากต่อการควบคมุ )
ข้นั สรุป
1. ครูให้นักเรยี นทำแบบฝึกทักษะ
คาบท่ี 2 (การสอนแบบร่วมมือ)
ขนั้ เตรยี มการ
1. ครูแบ่งกลุ่มให้นักเรียน กลุ่มละเท่าๆกันคน โดยคละความสามารถ แล้วให้นักเรียนน่ังเรียนเป็นกลุ่ม
ตามทคี่ รไู ดจ้ ัดไว้
ข้ันบรรยาย
ขัน้ นำ
1. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเก่ียวกับชีวติ ประจำวนั ของแต่ละคน
ขน้ั อธิบาย
1. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสนทนาเกย่ี วกบั ชีวิตประจำวันของแต่ละคน ซึง่ จะต้องมีเรื่องราว
ต่างๆอยตู่ ลอดเวลาซ่งึ มักจะเก่ยี วกับตัวเลขเสมอ ซง่ึ เรามักจะเห็นจากป้ายโฆษณาจากหนังสอื พมิ พ์ จากขา่ ววทิ ยุ
เรอื่ งตา่ งๆเหล่านน้ั อาจจะเป็นเรื่องทีเ่ กยี่ วกบั กิจการของรฐั บาล บริษัทหา้ งรา้ น หรือองคก์ ารใดๆกต็ าม ซึ่งแตล่ ะ
เรอื่ งมีตัวเลขประกอบด้วย
พ่อบา้ นแม่เรือน อาจจดบนั ทกึ เก่ยี วกบั ค่าใชจ้ ่ายในแตล่ ะเดือนหรอื แต่ละปี เพื่อจะได้ทราบวา่
ครอบครัวของตนมีรายรบั รายจา่ ยอย่างไร ซ่ึงเปน็ ประโยชนใ์ นการดำรงชีพใหเ้ หมาะสมตามฐานะ จะเหน็ ไดว้ า่
การบันทกึ การใชแ้ ละอา่ นระเบียนได้ มีความสำคญั ต่อการดำเนินชีวติ ของเรามาก เช่น ถ้าเราไมร่ จู้ ักอ่าน
ตารางเวลาเดินรถไฟ เราอาจจะไปขน้ึ รถไฟไม่ทนั เวลา เป็นต้น
2. แบง่ กลุ่มนักเรียนกล่มุ ละ 4-5 คน ศึกษาใบความรู้ และแบบฝกึ เพือ่ นำเสนอหน้าชน้ั เรียนในชัว่ โมง
ตอ่ ไป
3. นักเรยี นทำขอ้ ทดสอบก่อนเรียน ใช้เวลา 30 นาที เพ่อื วดั ความรูพ้ ื้นฐานทางสถติ ขิ องนกั เรยี นแต่ละ
คน
4. ทบทวนงานท่ีนกั เรยี นไปค้นคว้ามาในชว่ั โมงท่ีแล้ว โดยสมุ่ มา 3 กลุม่ เพ่ือเสนอหนา้ ชัน้ เรยี นให้
เพ่อื นๆไดร้ บั ทราบ ถา้ มเี ร่ืองสงสัยกใ็ ห้ซักถามได้
5. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปเกยี่ วกบั การกำหนดประเดน็ เชิงสถติ ิ พร้อมทัง้ การเขียนขอ้ ความในเชิง
สถติ ิ และการรวบรวมข้อมลู โดยสรุปในรปู แผนภมู ภิ าพ
6. แบ่งกลุ่มนกั เรยี นกลมุ่ ละ 4-5 คน ศกึ ษาใบความรู้ และแบบฝึกเพอื่ นำเสนอหน้าช้ันเรียน
ขั้นสรุป
1. ครูและนกั เรียนช่วยกันสรปุ บทเรยี น
10. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้
1. หอ้ งสมุดโรงเรยี น
2. หนังสือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐานคณติ ศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 เลม่ 2
3. Internet
11. การวัดและประเมินผล
สิ่งท่ตี ้องการวัด วิธีวดั เคร่อื งมือวดั เกณฑ์การวัด
ด้านความร้(ู K) 1. ตรวจแบบฝึกหดั 4.2 1. แบบฝกึ หดั 4.2 1.นกั เรียนไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 80
นักเรียนสามารถระบุวธิ ีการเก็บ
1. ระบุวิธกี ารเก็บ 2. ตรวจแบบฝกึ ทักษะ 2. แบบฝกึ ทักษะ รวบรวมขอ้ มลู ทส่ี ามารถนำไปตอบ
คำถามทางสถิติได้ถูกต้อง
รวบรวมขอ้ มูลท่สี ามารถ 3. สงั เกตจากความสนใจ 3. แบบสังเกต/ 2.นกั เรยี นสามารถทำแบบฝกึ หดั ได้
ถกู ต้องไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 80 ของ
นำไปตอบคำถามทาง ตง้ั ใจในการเรยี น ความ ประเมนิ พฤติกรรม คะแนนเต็ม
สถติ ิ รับผดิ ชอบในการทำแบบ 1.นกั เรยี นไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 80
นกั เรียนสามารถระบุวิธกี ารเก็บ
ฝกึ ทกั ษะและแบบทดสอบ รวบรวมขอ้ มูลที่สามารถนำไปตอบ
คำถามทางสถติ ิได้ถูกต้อง
กอ่ นเรียน 2.นกั เรียนสามารถทำแบบฝึกหดั ได้
ถกู ต้องไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 80 ของ
ดา้ นกระบวนการ(P) 1. ตรวจแบบฝึกหดั 4.2 1. แบบฝกึ หดั 4.2 คะแนนเต็ม
1.วางแผนและเก็บ 2. ตรวจแบบฝกึ ทกั ษะ 2. แบบฝึกทกั ษะ 1.นักเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80
นักเรยี นสามารถระบวุ ธิ ีการเก็บ
รวบรวมขอ้ มลู เพื่อตอบ 3. สงั เกตจากความสนใจ 3. แบบสงั เกต/ รวบรวมข้อมลู ทส่ี ามารถนำไปตอบ
คำถามทางสถิติได้ถูกต้อง
คำถามทางสถิติ ต้ังใจในการเรียน ความ ประเมนิ พฤติกรรม 2.นกั เรยี นสามารถทำแบบฝึกหดั ได้
ถูกต้องไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 80 ของ
รับผดิ ชอบในการทำแบบ คะแนนเต็ม
ฝกึ ทกั ษะและแบบทดสอบ
กอ่ นเรียน
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ 1. ตรวจแบบฝกึ หดั 4.2 1. แบบฝกึ หัด4.2
ประสงค(์ A) 2. ตรวจแบบฝกึ ทักษะ 2. แบบฝกึ ทักษะ
1. ทำงานอยา่ งเป็น 3. สังเกตจากความสนใจ 3. แบบสงั เกต/
ระบบ ตง้ั ใจในการเรยี น ความ ประเมินพฤติกรรม
2. มรี ะเบียบวนิ ยั รบั ผดิ ชอบในการทำแบบ
3. มคี วามรอบคอบ ฝกึ ทักษะและแบบทดสอบ
4. ผู้เรียนมคี วาม กอ่ นเรยี น
รับผดิ ชอบ
สมรรถนะ
1. ความสามารถในการ
ให้เหตผุ ล
2. ความสามารถในการ
คิดสรา้ งสรรค์
3. ความสามารถในการ
สอ่ื สาร
เกณฑ์การใหค้ ะแนน 8 – 10 คะแนน ดี
5 – 7 คะแนน พอใช้
0 – 4 คะแนน ปรบั ปรงุ
12. บนั ทกึ ผลหลังการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
12.1 ผลการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
12.1.1 ด้านความรู้ (K)
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
12.1.2 ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P)
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
12.1.3 ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)/สมรรถนะ
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
12.2 กระบวนการเรียนร/ู้ กิจกรรมการเรียนการสอน
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
12.3 ปญั หาและอปุ สรรค
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
12.4 ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ……………………………………..……..ผ้สู อน
(นายพฤวุฒิ เจียงจิรศักดิ์)
ครผู ้ชู ว่ ย
บนั ทึกขอ้ เสนอแนะของผ้บู ริหารสถานศึกษาหรือผู้ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................
(นายพัฒนพงศ์ บญุ ศลิ ป์)
ตำแหน่ง หัวหนา้ กลมุ่ สาระคณติ ศาสตร์
วันที่………..เดือน……………………….พ.ศ…………
บนั ทกึ ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ี่ได้รับมอบหมาย
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................
(นายชาญยทุ ธ สทุ ธิธรานนท์)
รองผ้อู ำนวยการกลุม่ บรหิ ารวิชาการ
วันท่ี………..เดือน……………………….พ.ศ…………
บันทึกขอ้ เสนอแนะของผูบ้ รหิ ารสถานศึกษาหรือผู้ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................
(นายวรี ะ แกว้ กัลยา)
ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๔๗ จังหวดั เพชรบรุ ี
วนั ท่ี………..เดอื น……………………….พ.ศ…………
ใบงานชัว่ โมงท่ี 1
เร่อื ง วิธกี ารเก็บรวบรวมข้อมลู
คำชี้แจง : พิจารณาคำถามทางสถิตติ อ่ ไปนี้ แล้วตอบว่าต้องใช้การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ด้วยวิธีการใด
1) การแสดงรำไทยของนักเรยี นช้นั ม.1/1 เป็นอยา่ งไร
ตอบ
2) ผู้ปกครองของนักเรยี นระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 แต่ละคนประกอบอาชีพอะไร
ตอบ
3) นชิ าตอ้ งการทราบน้ำหนักของตนเองทกุ สปั ดาห์ หลงั จากเรมิ่ ตน้ ลดน้ำหนกั มาเป็นเวลา 3 เดอื น
ตอบ
4) ผู้จดั การรา้ นเสรมิ ความงามต้องการทราบความคิดเห็นของลูกค้า 10 คน หลังจากการใชบ้ ริการ
ตอบ
5) ครูไก่ฟงั การอ่านทำนองเสนาะของเด็กหญงิ สดุ า
ตอบ
6) นายช่างต้องการทราบถงึ ความพึงพอใจของลูกคา้ ท่ีนำรถมาซ่อมบำรงุ ในอู่ซ่อมรถของเขา
ตอบ
เฉลยใบงานชัว่ โมงที่ 1
เรือ่ ง วิธกี ารเก็บรวบรวมข้อมูล
คำชแ้ี จง : พจิ ารณาคำถามทางสถติ ิต่อไปนี้ แลว้ ตอบวา่ ต้องใช้การเก็บรวบรวมข้อมลู ด้วยวธิ ีการใด
1) การแสดงรำไทยของนักเรยี นชั้น ม.1/1 เป็นอย่างไร
ตอบ วิธีการสังเกต
2) ผู้ปกครองของนกั เรยี นระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 แต่ละคนประกอบอาชีพอะไร
ตอบ วธิ ีการสอบถาม
3) นิชาต้องการทราบน้ำหนักของตนเองทกุ สปั ดาห์ หลังจากเรม่ิ ตน้ ลดนำ้ หนกั มาเปน็ เวลา 3 เดือน
ตอบ วธิ ีการบนั ทกึ ข้อมลู
4) ผู้จัดการร้านเสริมความงามต้องการทราบความคิดเห็นของลูกค้า 10 คน หลงั จากการใช้บริการ
ตอบ วธิ ีการสมั ภาษณ์
5) ครูไก่ฟงั การอ่านทำนองเสนาะของเด็กหญิงสุดา
ตอบ วธิ ีการสังเกต
6) นายชา่ งตอ้ งการทราบถึงความพึงพอใจของลกู ค้าที่นำรถมาซ่อมบำรุงในอู่ซ่อมรถของเขา
ตอบ วธิ ีการสมั ภาษณ์
ใบความรู้ชว่ั โมงที่ 2
การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
(Collection of data)
การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ขั้นตอนนรี้ วมถึงการวางแผน เตรยี มการ ตลอดไปจนถึงการเก็บรวบรวม
ข้อมูล ซงึ่ ต้องอาศยั ความรูท้ างวิชาการพอสมควร เพื่อศึกษาภมู ิหลังของขอ้ มูล
ความต้องการของขอ้ มูลในแง่ของการนำไปใช้ประโยชน์ วธิ ีการทจ่ี ะทำใหไ้ ด้มาซ่งึ ข้อมูลทจ่ี ะเป็นข้อเทจ็ จริง เพ่ือ
นำไปสู่ขนั้ ของการวิเคราะห์ และจะต้องวางแผนเกย่ี วกบั การจัดระบบข้อมลู นั้น
วธิ กี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล อาจทำได้ 2 วธิ ี ดังนี้
1) การศกึ ษารวบรวมจากเอกสาร คอื รวบรวมข้อมูลจากเอกสารต่างๆ ทมี่ ีการบนั ทึกไว้
แลว้ เชน่ จำนวนนกั ศกึ ษาของมหาวิทยาลยั ราชภฏั นครราชสีมา ปีการศึกษา 2542 - 2547 เราจะเกบ็ รวบรวม
ขอ้ มูลดว้ ยตนเองไม่ได้ เพราะเหตุการณ์ผา่ นไปแลว้ จะต้องขอดจู ากเอกสารของทางมหาวิทยาลยั การรวบรวม
โดยวธิ ีนเี้ ป็นการทุน่ เวลา แรงงาน และรายจา่ ย ดังนนั้ กอ่ นทจ่ี ะทำการสำรวจเรื่องใดๆกต็ าม ควรจะศึกษาจาก
เอกสารตา่ งๆก่อนว่ามีผู้ทำไวแ้ ล้วหรอื ยงั เพ่อื หลีกเล่ียงการทำซ้ำ ซึ่งจะเปน็ การเสยี เวลา แรงงาน และคา่ ใช้จ่าย
โดยไม่จำเป็นแหล่งที่มาของข้อมลู โดยวิธีนีเ้ รยี กวา่ แหล่งทุติยภมู ิ (Secondary source)
2) การเกบ็ รวบรวมข้อมูลดว้ ยตนเอง แหลง่ ทมี่ าของข้อมลู แบบน้ีเรียกวา่ แหล่งปฐมภูมิ
(primary data) การรวบรวมข้อมลู ด้วยตนเอง อาจทำได้ 4 วธิ ีคอื
2.1 การแจงนบั หมายถึง การส่งพนักงานหรือเจา้ หน้าท่ีออกไปสำรวจจาก
แหลง่ ข้อมูลท่ีเราต้องการทราบโดยตรง เช่น การสำรวจสำมะโนครวั ของประเทศ เป็นต้น
2.2 การลงทะเบียน หมายถงึ การทีใ่ หบ้ คุ คลนำข้อมลู หรอื ข้อความไปแจง้ ยงั สถานที่
ท่กี ำหนดไว้ การลงทะเบยี นนี้เปน็ วิธีการของหน่วยงานของรัฐทจ่ี ะได้ข้อมูลจากประชาชน เช่น การแจ้งเกิด การ
ตาย การสมรส การย้ายคนเขา้ ออกจากทะเบียนบา้ น หัวหน้าครอบครวั ต้องนำไปแจง้ ยังที่ว่าการอำเภอ หรอื
เทศบาล เปน็ ตน้ วิธีน้จี ะได้ผลดเี ม่ือมีกฎหมายบังคับ
2.3 การส่งแบบสอบถามหรือการสมั ภาษณ์ เป็นวิธกี ารทีใ่ ช้กนั ส่วนมากในการ
สำรวจและการวิจัยต่างๆ โดยผสู้ ำรวจ หรือผู้วิจยั จดั ส่งแบบสอบถามไปใหบ้ ุคคลทีเ่ ราต้องการข้อมูลกรอกแล้ว
ส่งคนื มายงั ผู้สำรวจ หรอื ใชว้ ิธีสง่ เจา้ หนา้ ที่ออกไปสมั ภาษณ์
2.4 การทดลอง การรวบรวมข้อมูลวธิ ีน้ตี อ้ งจัดเตรยี มเคร่ืองมือปฏิบัตกิ าร
สภาพแวดลอ้ มอันมผี ลถึงค่าของข้อมูล เวลาท่ีทำการทดลอง ตลอดจนปจั จยั ตา่ งๆทต่ี ้องควบคุม
แบบฝึกชัว่ โมงที่ 2
นักเรยี นทำการเก็บขอ้ มูลด้วยตนเอง จะเลือกวธิ ีใดก็ได้ 1 วิธี ดงั นต้ี อ่ ไปน้ี
กล่มุ ที่ 1 การแจงนับ
ให้สำรวจสำมะโนประชากรนักเรยี นในห้องเรียน ตามแบบสำรวจทจี่ ัดให้
กลมุ่ ที่ 2 การลงทะเบยี น
ให้สำรวจขอ้ มูลนกั เรยี นในโรงเรยี นของตนเองปี 2551 - 2553 ตามแบบสำรวจทจี่ ัดให้
กลมุ่ ที่ 3 การสอบถามหรือสัมภาษณ์
ให้สอบถามขอ้ มลู เกย่ี วกับตวั นกั เรียนในช้ันเรียนของตนเอง ตามแบบสอบถามทจ่ี ัดให้
ขอ้ มูลทน่ี ักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ เกบ็ รวบรวมได้ ใหน้ ำมาในชว่ั โมงตอ่ ไป
เฉลยแบบฝึกช่ัวโมงที่ 2
นักเรยี นทำการเกบ็ ข้อมูลด้วยตนเอง จะเลือกวิธใี ดก็ได้ 1 วิธี ดงั นี้ต่อไปนี้
กลมุ่ ท่ี 1 การแจงนับ
ให้สำรวจสำมะโนประชากรนกั เรยี นในห้องเรียน ตามแบบสำรวจทจ่ี ดั ให้
กลุม่ ที่ 2 การลงทะเบียน
ให้สำรวจข้อมูลนักเรียนในโรงเรียนของตนเองปี 2551 - 2553 ตามแบบสำรวจทีจ่ ัดให้
กลมุ่ ที่ 3 การสอบถามหรือสมั ภาษณ์
ให้สอบถามข้อมลู เกี่ยวกบั ตัวนักเรยี นในชน้ั เรยี นของตนเอง ตามแบบสอบถามทจ่ี ดั ให้
ข้อมลู ทีน่ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ เก็บรวบรวมได้ ให้นำมาในชัว่ โมงตอ่ ไป
คำตอบอยใู่ นดุลยพินจิ ของครูผ้สู อน
แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ที่ 14
รายวิชา คณิตศาสตรพ์ น้ื ฐาน 1 รหสั ค 21101 ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 เร่ือง สถติ ิ (1) ครูผสู้ อน นายพฤวฒุ ิ เจียงจิรศกั ดิ์
เรือ่ ง การนำเสนอขอ้ มลู และการแปลความหมายข้อมูล (1) เวลา 3 คาบ
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถติ ิ และใช้ความรทู้ างสถิติในการแกป้ ัญหา
2. ตัวช้ีวัด
ค 3.1 ม.1/1 เขา้ ใจและใช้ความร้ทู างสถิติในการนำเสนอข้อมูลและแปลความหมายข้อมูล รวมท้งั นำสถติ ไิ ปใช้
ในชีวติ จรงิ โดยใช้เทคโนโลยี
3. สาระสำคัญ
การนำเสนอขอ้ มลู เป็นวิธกี ารนำขอ้ มลู ทร่ี วบรวมได้มาเสนอ หรือเผยแพร่ใหผ้ สู้ นใจในขอ้ มลู น้นั ทราบ
หรอื เพ่ือความสะดวกในการคำนวณ หรอื วเิ คราะหส์ ิ่งทตี่ อ้ งการเพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชนต์ ่อไปในการนำเสนอข้อมูล
ทำไดท้ ั้งอยา่ งไม่มแี บบแผน และอย่างมีแบบแผน
การนำเสนอขอ้ มูลอย่างไม่มแี บบแผน หมายถึงการนำเสนอทไ่ี มม่ ีกฎเกณฑ์อะไรที่จะต้องถือเป็นหลกั มากนัก
การนำเสนอแบบนไี้ ด้แกก่ ารแทรกข้อมลู ลงในบทความความและข้อเขยี นต่างๆ
การนำเสนอข้อมูลอย่างมแี บบแผน เป็นการนำเสนอท่ีจะตอ้ งปฏิบัติตามหลกั เกณฑ์ที่ไดก้ ำหนดไวเ้ ปน็
มาตรฐาน เช่น การนำเสนอในรูปตาราง รูปกราฟ และรูปแผนภูมิ เปน็ ต้น
การนำเสนอข้อมลู ด้วยตารางเปน็ การนำเสนอข้อมลู ทีม่ รี ายการเดยี วกันซำ้ กันเปน็ จำนวนมากจงึ นำมาจดั เปน็
หมวดหมโู่ ดยการเขยี นในรูปของตาราง
การนำเสนอข้อมูล อาจเขยี นในรปู ของแผนภูมริ ปู ภาพ ซ่งึ ใช้จำนวนของรปู ภาพเพ่ือบอกปริมาณของข้อมลู ตาม
อตั ราส่วนท่ีผ้นู ำเสนอกำหนดข้ึน
4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
ด้านความรู้ (K)
เลอื กใชค้ วามรู้ทางสถติ ิในการนำเสนอข้อมูลที่อยใู่ นชีวิตจรงิ โดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
อา่ น วเิ คราะห์ และแปลความหมายขอ้ มลู ซง่ึ มีอย่ใู นชีวิตจริงทน่ี ำเสนอด้วยแผนภูมิรูปภาพ แผนภูมิ
แท่ง กราฟเส้นและแผนภมู ิรูปวงกลม รวมทัง้ เขยี นแผนภมู ิรปู วงกลม
ด้านคุณลกั ษณะ(A)
1. ทำงานอยา่ งเปน็ ระบบ
2. มีระเบยี บวนิ ัย
3. มีความรอบคอบ
4. ผู้เรียนมีความรบั ผิดชอบ
5. สาระการเรียนรู้
การนำเสนอข้อมูล มี 2 ลักษณะ คือ
1) การนำเสนอขอ้ มูลอยา่ งไมเ่ ป็นแบบแผน
2) การนำเสนอข้อมูลอย่างเป็นแบบแผน
การนำเสนอข้อมลู ในรูปแบบตาราง
1. ชอ่ื ตารางหรือชอื่ เร่ือง
2. ตารางข้อมลู
3. ทม่ี า ที่มาของข้อมูลได้มา
6. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการคิด
2. ความสามารถในการเชอ่ื มโยง
3. ความสามารถในการใหเ้ หตุผล
4. ความสามารถในการคดิ สร้างสรรค์
5. ความสามารถในการส่ือสาร
7. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ซ่อื สัตย์สุจรติ
2. มีวินัย
3. ใฝ่เรยี นรู้
4. มุง่ มั่นในการทางาน
8. ชิน้ งาน/ภาระงาน
1. แบบฝึกหัด4.3ก
2. แบบฝึกทักษะ
9. การจัดกจิ กรรมการเรียนการ
คาบที่ 1 (การสอนแบบร่วมมอื )
ข้ันเตรียมการ
1. ครแู บ่งกลุ่มให้นกั เรียน กล่มุ ละเท่าๆกันคน โดยคละความสามารถ แลว้ ให้นกั เรียนน่งั เรยี นเปน็ กลุ่มตามที่ครู
ได้จัดไว้
ขั้นบรรยาย
ขั้นนำ
1. ครูใช้คำถามต่อไปน้ีสอบถามนักเรยี น เพื่อกระตนุ้ ความคิดของนักเรียน
ขั้นอธิบาย
1. ครูสนทนากบั นักเรยี นเกย่ี วกับการรวบรวมขอ้ มลู
2. ใหน้ กั เรยี นศึกษาใบความรู้
3. ให้นกั เรียนร่วมกันสนทนาถงึ การนำเสนอข้อมลู ทร่ี วบรวมได้จากจากศกึ ษาใบความรู้
4. แบง่ กลุม่ นักเรยี นกลุ่มละ 4-5 คน สรปุ ความร้เู รื่องการนำเสนอข้อมูล
5. ครูคดั เลอื กแผนผงั ทส่ี มบรู ณ์ที่สุดนำเสนอและเพ่มิ เติมรายละเอียดในแผนผังความคิด
6. นักเรยี นทำแบบฝึกตอ่ ไป เมื่อเสรจ็ แล้วใหน้ ำเสนอหนา้ ช้ันเรียน โดยแตล่ ะกล่มุ สรา้ ง
แผนภาพประกอบการนำเสนอ
7. นักเรียนคน้ คว้าหนังสือพิมพ์ในหอ้ งสมุดเพื่อหาขอ้ มลู ในรปู บทความ และขอ้ ความกึ่งตาราง
เพ่อื นำเสนอในชวั่ โมงตอ่ ไป
ขั้นสรุป
1. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบฝึกทกั ษะ
คาบที่ 2 (การสอนแบบร่วมมือ)
ขน้ั เตรียมการ
1. ครูแบ่งกลมุ่ ใหน้ กั เรยี น กลมุ่ ละเท่าๆกนั คน โดยคละความสามารถ แล้วให้นกั เรียนนง่ั เรยี นเป็นกลุ่มตามทค่ี รู
ไดจ้ ัดไว้
ขน้ั บรรยาย
ขน้ั นำ
1. ทบทวนเรื่องที่เรียนในชว่ั โมงทแ่ี ลว้
ขนั้ อธบิ าย
การนำเสนอขอ้ มูลในรปู แบบตาราง
1. ทบทวนเรอ่ื งทเ่ี รียนในชวั่ โมงท่แี ลว้
2. นักเรียนแตล่ ะกลุม่ เสนองานที่ไดไ้ ปคน้ คว้ามาหนา้ ชน้ั เรียนเม่อื นกั เรียนในช้นั สงสยั ใหม้ กี ารซักถาม
3. นกั เรียนทุกกลุ่มรว่ มกนั สรุปการนำเสนอข้อมูลอย่างไมเ่ ปน็ แบบแผน
4. นกั เรยี นศกึ ษาใบความรู้ เร่ือง การนำเสนอข้อมูลในรูปแบบตาราง
5. ครใู หร้ ายละเอยี ดเพิ่มเติมพร้อมท้ังให้ตัวอย่างการนำเสนอข้อมูลในรปู แบบตาราง
6. ให้นักเรียนชว่ ยกนั บอกน้ำหนักของนกั เรียน ครูให้อาสาสมัครออกมาเขยี นบนกระดานดำ โดยครูถามช้นี ำ
ดังน้ี
- จำนวนนักเรยี นทห่ี นกั ….. กิโลกรัมมีก่ีคน
- จำนวนนักเรียนทหี่ นัก….. กิโลกรมั มีกี่คน
- จำนวนนักเรยี นทห่ี นัก….. กิโลกรัมมกี ่ีคน
ครูสรปุ วา่ นกั เรยี นต้องนบั ก่อนทำใหเ้ สยี เวลา แต่เรามวี ิธีการนำเสนอข้อมูลทีส่ ามารถแสดงให้เห็นชัดเจน คือการ
นำเสนอข้อมลู ดว้ ยตาราง
7. นักเรยี นและครรู ่วมกนั จดั หมวดหมูโ่ ดยเลอื กนำ้ หนกั ทนี่ อ้ ยทีส่ ดุ นำมาเขยี นลงในตารางตามลำดับจนถงึ คนที่มี
น้ำหนักมากทสี่ ดุ (ตัวอยา่ งตารางแสดงข้อมลู )
น้ำหนกั รอยขดี จำนวนนกั เรยี น
8. นบั จำนวนนักเรียนตามนำ้ หนักของแต่ละคนแลว้ แสดงรอยขดี ลงในตาราง สรุปจำนวนนักเรียนท่มี นี ำ้ หนัก
ตา่ ง ๆ
9. ใหน้ ักเรยี นศึกษาจากใบความรู้ เร่อื งการนำเสนอข้อมูลดว้ ยตาราง แลว้ สรปุ เป็นของตนเอง
ขัน้ สรปุ
1. ใหน้ ักเรยี นศึกษาเพ่มิ จากหนงั สือเรียน แล้วทำแบบฝกึ ทักษะ
คาบที่ 3 (การสอนแบบร่วมมือ)
ขั้นเตรียมการ
1. ครแู บ่งกลุ่มให้นักเรียน กลมุ่ ละเท่าๆกันคน โดยคละความสามารถ แล้วให้นกั เรยี นน่งั เรยี นเปน็ กลุ่มตามทคี่ รู
ไดจ้ ัดไว้
ข้นั บรรยาย
ขน้ั นำ
1. ทบทวนเรอ่ื งทเี่ รียนในชว่ั โมงทแี่ ล้ว
ขั้นอธบิ าย
การนำเสนอขอ้ มลู แบบรูปภาพ
1. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันทบทวนเกย่ี วกับเรื่องแผนภูมิรูปภาพ แล้วร่วมกันสรปุ ให้ไดว้ ่า “การนำเสนอ
ขอ้ มลู ด้วยแผนภมู ริ ปู ภาพ เป็นการนำเสนอข้อมูลดว้ ยรปู ภาพ โดยพิจารณาว่ารปู ภาพ 1 ภาพแทนจำนวนสิง่ ของเทา่ ใด
และประมาณรปู ภาพทไ่ี ม่เต็มสว่ นวา่ แทนจำนวนเท่าใด”
2. ครตู ดิ แผนภมู ริ ูปภาพไว้บนกระดาน ใหน้ ักเรียนสังเกตข้อมูลต่างๆ ในแผนภมู ิ ครูต้งั คำถามช้ีนำเพื่อให้
นกั เรียนสามารถอา่ นข้อมูลจากแผนภมู รปู ภาพ เชน่
- แผนภูมนิ คี้ อื แผนภูมิชนดิ ใด
- ขอ้ มลู แสดงถึงเรื่องอะไร
- ในภาพแสดงการขายเสือ้ กีเ่ ดอื น เดอื นอะไรบ้าง
- กำหนดเสือ้ 1 ตวั แทนเส้ือจริงก่ตี ัว สังเกตได้อยา่ งไร
- ดงั นั้น เราจะทราบว่าเสอื้ ในภาพทง้ั หมดมีก่ีตวั เราจะมีวธิ คี ิดได้อย่างไร
- ในแผนภูมริ ปู ภาพนีม้ สี ่วนประกอบทส่ี ำคัญอะไรบ้าง
- แตล่ ะอย่างสำคัญอยา่ งไร
- ถ้าไม่เขียนไวจ้ ะมผี ลเสยี เก่ียวกับแผนภมู ริ ปู ภาพน้ีอยา่ งไร
3. นักเรียนศกึ ษาจากใบความรู้และหนงั สอื เรียนอีกครั้งเพื่อใหม้ ีความเขา้ ใจมากข้นึ
4. นกั เรียนร่วมกันสรุป ประโยชน์ และสว่ นประกอบของแผนภมู ิรปู ภาพ
5. นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั เสร็จแลว้ ร่วมกนั พจิ ารณาคำตอบ
ขั้นสรุป
1. ใหน้ ักเรยี นทำแบบฝกึ หัด 4.3ก
10. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้
1. หอ้ งสมดุ โรงเรยี น
2. หนังสอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐานคณิตศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 เล่ม 2
3. Internet
11. การวัดและประเมินผล
ส่งิ ที่ต้องการวดั วธิ ีวดั เครือ่ งมอื วัด เกณฑก์ ารวัด
1. แบบฝกึ หดั 4.3ก 1.นกั เรียนไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 80
ดา้ นความร(ู้ K) 1. ตรวจแบบฝึกหัด 4.3ก 2. แบบฝกึ ทกั ษะ นักเรียนสามารถเลือกใช้ความรู้
3. แบบสังเกต/ ทางสถิตใิ นการนำเสนอขอ้ มลู ท่อี ยู่
1. เลอื กใช้ความรู้ทาง 2. ตรวจแบบฝกึ ทักษะ ประเมินพฤติกรรม ในชวี ติ จรงิ โดยใช้เทคโนโลยที ่ี
เหมาะสมไดถ้ ูกต้อง
สถติ ใิ นการนำเสนอ 3. สังเกตจากความสนใจ 1. แบบฝึกหดั 4.3ก 2.นักเรยี นสามารถทำแบบฝกึ หัดได้
2. แบบฝึกทักษะ ถกู ต้องไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 80 ของ
ขอ้ มูลที่อยู่ในชวี ิตจริง ตงั้ ใจในการเรยี น ความ 3. แบบสังเกต/ คะแนนเต็ม
ประเมนิ พฤติกรรม 1.นกั เรียนไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 80
โดยใชเ้ ทคโนโลยีท่ี รบั ผิดชอบในการทำแบบ นักเรียนสามารถเลือกใช้ความรู้
1. แบบฝกึ หดั 4.3ก ทางสถิติในการนำเสนอข้อมลู ท่อี ยู่
เหมาะสม ฝกึ ทกั ษะและแบบทดสอบ 2. แบบฝกึ ทกั ษะ ในชวี ติ จรงิ โดยใช้เทคโนโลยที ี่
3. แบบสงั เกต/ เหมาะสมได้ถูกต้อง
กอ่ นเรยี น ประเมินพฤติกรรม 2.นักเรียนสามารถทำแบบฝกึ หัดได้
ถกู ต้องไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 80 ของ
ด้านกระบวนการ(P) 1. ตรวจแบบฝกึ หัด 4.3ก คะแนนเต็ม
1.อา่ น วเิ คราะห์ และ 2. ตรวจแบบฝกึ ทักษะ 1.นักเรยี นไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 80
นกั เรียนสามารถเลือกใช้ความรู้
แปลความหมายขอ้ มูล 3. สังเกตจากความสนใจ ทางสถิติในการนำเสนอข้อมลู ทีอ่ ยู่
ในชวี ิตจรงิ โดยใช้เทคโนโลยที ่ี
ซ่งึ มีอยู่ในชีวติ จริงท่ี ต้งั ใจในการเรยี น ความ เหมาะสมได้ถูกต้อง
2.นักเรยี นสามารถทำแบบฝึกหดั ได้
นำเสนอดว้ ยแผนภมู ิ รับผดิ ชอบในการทำแบบ ถกู ต้องไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 80 ของ
คะแนนเต็ม
รูปภาพ แผนภมู ิแท่ง ฝกึ ทักษะและแบบทดสอบ
กราฟเส้นและแผนภมู ิ กอ่ นเรียน
รปู วงกลม รวมท้งั เขียน
แผนภูมริ ูปวงกลม
ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ 1. ตรวจแบบฝึกหดั 4.3ก
ประสงค(์ A) 2. ตรวจแบบฝึกทกั ษะ
1. ทำงานอยา่ งเป็น 3. สังเกตจากความสนใจ
ระบบ ตง้ั ใจในการเรยี น ความ
2. มีระเบยี บวินัย รับผิดชอบในการทำแบบ
3. มีความรอบคอบ ฝกึ ทักษะและแบบทดสอบ
4. ผู้เรียนมคี วาม ก่อนเรยี น
รับผิดชอบ
สมรรถนะ
1. ความสามารถในการ
ใหเ้ หตผุ ล
2. ความสามารถในการ
คดิ สร้างสรรค์
3. ความสามารถในการ
ส่ือสาร
เกณฑ์การให้คะแนน 8 – 10 คะแนน ดี
5 – 7 คะแนน พอใช้
0 – 4 คะแนน ปรบั ปรุง
12. บนั ทึกผลหลังการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
12.1 ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
12.1.1 ด้านความรู้ (K)
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
12.1.2 ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ (P)
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
12.1.3 ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A)/สมรรถนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
12.2 กระบวนการเรยี นรู/้ กิจกรรมการเรียนการสอน
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
12.3 ปญั หาและอปุ สรรค
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
12.4 ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
ลงชอื่ ……………………………………..……..ผ้สู อน
(นายพฤวุฒิ เจยี งจิรศักดิ์)
ครผู ู้ชว่ ย
บันทกึ ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ที่ได้รบั มอบหมาย
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ............................................
(นายพัฒนพงศ์ บญุ ศลิ ป์)
ตำแหน่ง หวั หนา้ กลุ่มสาระคณิตศาสตร์
วันท่ี………..เดอื น……………………….พ.ศ…………
บันทึกข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ............................................
(นายชาญยทุ ธ สทุ ธธิ รานนท์)
รองผ้อู ำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ
วนั ท่ี………..เดือน……………………….พ.ศ…………
บนั ทึกขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ............................................
(นายวรี ะ แก้วกลั ยา)
ผู้อำนวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๔๗ จงั หวัดเพชรบรุ ี
วันที่………..เดอื น……………………….พ.ศ…………
ใบความรู้ประกอบชัว่ โมงท่ี 1
เร่ืองการนำเสนอข้อมลู
การนำเสนอขอ้ มลู คอื การนำขอ้ มลู ที่เป็นตวั เลขแลว้ มาแสดงให้ผู้อนื่ ทราบ กอ่ ใหเ้ กดิ ความเข้าใจและสนใจ พร้อมท้ังมี
ความเชอื่ มั่นในข้อเท็จจริงด้วยเมอื่ เราได้ข้อมูลมาแล้ว จงึ จำเปน็ เสนอใหผ้ ูอ้ น่ื ได้ทราบโดยวิธีต่าง ๆ กัน เพอื่ ดึงดูดความ
สนใจของผู้อา่ นการนำเสนอข้อมลู โดยท่วั ๆ ไปมีดังน้ี
1. การนำเสนออย่างไม่เปน็ แบบแผน ทน่ี ยิ มใช้มี 2 วธิ ี คือ การนำเสนอในรูปข้อความ
หรือบทความและการนำเสนอให้รปู ข้อความกง่ึ ตารางหรือบท ความก่งึ ตาราง
2. การนำเสนออย่างเป็นแบบแผน เป็นการนำเสนอข้อมูลท่ีกฎเกณฑ์ ซึง่ จะต้องปฏบิ ัตติ ามมาตรฐานที่กำหนด
ไว้เปน็ แบบอย่าง วธิ ีที่นิยมมีดังนี้
2.1 การนำเสนอในรปู ตาราง
2.2 การนำเสนอในรูปแผนภูมแิ ละแผนภาพต่าง ๆ
2.3 การนำเสนอในรูปภาพ
2.4 การนำเสนอในรปู ตาราง ไดแ้ ก่ การจัดข้อมลู ให้อยู่เป็นหมวดหมู่ ท้ังในแนวตง้ั (สดมภ)์ และแนวนอน
(แถว)
ข้อดีก็คือ เขา้ ใจง่ายและขอ้ มูลท้งั หมดเรยี งกันอย่างมรี ะเบียบ ซึ่งโดยท่วั ๆ ไป ตารางสถิตแิ บ่งออกเปน็ 4 ชนิดคือ
ตารางแสดงความถี่ ตารางทางเดียว ตารางสองทาง และตารางหลายทาง
การนำเสนอในรปู แผนภูมิและแผนภาพต่าง ๆ การนำเสนอข้อมลู โดยวิธีน้ี หมายถงึ
การใช้เส้นตารางเส้นโคง้ แผนภมู ิ แผนท่ี วงกลม แสดงข้อมูลท่ที ำใหเ้ หน็ ความแตกต่าง และเกดิ การเปรียบเทียบได้งา่ ย
ดงึ ดดู ความสนใจของผู้อา่ น เพราะบุคคลทัว่ ไปมักไม่ชอบดูตวั เลข ย่ิงเลขมาก ๆ ย่งิ ไม่สนใจเลยการนำเสนอแบบนี้มีดงั น้ี
1. แผนภมู ิแทง่
2. แผนภมู ิกงหรอื แผนภมู ิวงกลม
3. แผนภูมิรปู ภาพ
4. แผนที่สถิติ
การนำเสนอข้อมลู ในรปู แบบแผนภมู วิ งกลม
แผนภมู ริ ปู วงกลม( pic chart )หรือแผนภมู ิวงกง คือแผนภูมทิ ี่แสดงดว้ ยรูปวงกลมโดยแบ่งรปู วงกลมออกเป็นส่วนๆจาก
จดุ ศูนย์กลาง ของวงกลมตามชนดิ ของข้อมลู ทต่ี อ้ งการนำเสนอน้ัน วิธบี รรจขุ ้อมูลลงในแผนภูมิวงกลมอาจทำได้2วิธีคอื
การสร้างแผนภูมิวงกลม
สี จำนวนคน
สแี ดง 26
สีฟา้ 70
สชี มพู 50
สสี ้ม 30
สเี ขยี ว 24
1. นำข้อมลู จากตารางมาหาเปอร์เซน็ ต์ และองศา หาเปอร์เซน็ ต์ จำนวนของส่ิงน้ันๆ หาองศา นำเปอรเ์ ซน็ ต์ที่
ได้ จะไดต้ ารางใหม่ ดังนี้
ตารางแสดงจำนวนคนทีช่ อบสตี า่ งๆ จำนวน 200 คน
สี จำนวนคน เปอรเ์ ซ็นต์ องศา
สีแดง 26 13% 47
สีฟ้า 70 35% 126
สีชมพู 50 25% 90
สีส้ม 30 15% 54
สเี ขียว 24 12% 43
2. นำข้อมูลจากตารางใหม่มาสร้างแผนภมู วิ งกลม โดยเริม่ สรา้ งจาก
1. วาดวงกลม 1 วง
2. ลากเส้นรศั มี 1 เส้น
3. เร่มิ วดั องศาจากเสน้ รัศมีน้ันไปจนครบทกุ ขอ้ มูล
ตวั อย่างท่ี 1 แผนภูมริ ูปวงกลมแสดงค่าใช้จา่ ยรายเดอื นของนายอภชิ าตจากเงินรายไดท้ ้ังส้ิน24,000 บาท
จากแผนภมู จิ งตอบคำถามต่อไปน้ี
1. นายอภชิ าตจา่ ยคา่ อาหารเดือนละเท่าไร
2. นายอภิชาตจา่ ยค่าเสื้อผ้าเดือนละเท่าไร
3. นายอภชิ าตเกบ็ สะสมไว้เดือนละเท่าไร
4. นายอภชิ าตจ่ายคา่ ผ่อนบา้ นเดือนละเทา่ ไร
5. นายอภิชาตจ่ายอ่ืน ๆ เดอื นละเทา่ ไร
6. นายอภชิ าตจา่ ยค่าผอ่ นบ้านมากกว่าคา่ อาหารอยู่เดือนละก่ีบาท
วธิ ที ำ 100 % คิดเปน็ เงนิ ท้ังหมด 24,000 บาท
1 % คิดเปน็ เงิน = 240 บาท
หรือเขียนในรูปสดั สว่ นได้เป็น =
100 X = 1 24,000
=
X = 240 บาท
ดงั น้ัน 1% = 240 บาท
ตอบ
1. นายอภชิ าตจ่ายคา่ อาหารเดอื นละ 30 240 = 7,200 บาท
2. นายอภชิ าตจ่ายค่าเสอื้ ผา้ เดือนละ 5 240 = 1,200 บาท
3. นายอภิชาตเกบ็ สะสมไว้เดือนละ 20 240 = 4,800 บาท
4. นายอภชิ าตจา่ ยค่าผอ่ นบ้านเดอื นละ 35 240 = 8,400 บาท
5. นายอภิชาตจ่ายอนื่ ๆ เดือนละ 10 240 = 2,400 บาท
6. นายอภชิ าตจา่ ยค่าผอ่ นบ้านมากกว่าค่าอาหารอยเู่ ดือนละ 8,400 – 7,200= 1,200 บาท
แผนภาพประกอบช่ัวโมงท่ี 1
แผนผังการนำเสนอขอ้ มลู
การนำเสนอข้อมูล
การนำเสนอข้อมลู ทำได้ 2 ลักษณะ
อย่างไมเ่ ปน็ แบบแผน อยา่ งเป็นแบบแผน
- การนำเสนอในรูปบทความ - การนำเสนอในรูปตาราง
- การนำเสนอในรูปขอ้ ความกึ่งตาราง - การนำเสนอขอ้ มลู ในรปู แผนภมู ิและ
- การนำเสนอขอ้ มูลในรูปกราฟ
แผนภาพ
แบบฝกึ ชั่วโมงที่ 1
ให้นกั เรยี นหาขอ้ มูลดังตอ่ ไปนี้
ขอ้ ที่ 1 หาข้อมลู ทเ่ี ป็นบทความในหนังสือพิมพ์ ตวั อยา่ งเชน่ " ในระยะ 5 ปีทผ่ี า่ นมา ภาวะเศรษฐกจิ
โดยทั่วไปของประเทศไทย อยู่ในเกณฑ์ดี รายได้ตอ่ หวั ของประชากรได้เพ่มิ ข้นึ จาก 39,287 บาทต่อคน ในปี 2550
มาเป็น 51,875 บาท ต่อคน ในปี 2545 ขณะเดียวกัน ค่าใชจ้ า่ ยต่อครัวเรือน ก็เพ่ิมขึ้นดว้ ย โดยในปี 2550 คน
ไทยมรี ายจา่ ยต่อครัวเรือน ปีละ 74,196 บาท ไดเ้ พมิ่ สงู ขึ้นมาเปน็ ปลี ะ 91,334 บาท ในปี 2555 "
ข้อท่ี 2 หาขอ้ มูลในรูปข้อความกึ่งตารางในหนังสือพมิ พ์ ตัวอย่างเช่น มลู ค่าการส่งออกสินคา้ เชรามกิ ซ์
ประเภทเคร่ืองประดบั และหตั ถกรรม แยกรายประเทศทสี่ ำคญั ๆในปี พ.ศ.2555 มีดังนี้
ประเทศ มลู ค่า (พนั ลา้ นบาท)
สหรัฐอเมริกา 37,646
เยอรมนี 20,379
ฝร่ังเศส 12,647
ฮอ่ งกง 3,683
ญี่ป่นุ 12,481
อื่นๆ 33,298
รวม 120,134
เม่ือนกั เรยี นคน้ ควา้ ไดข้ ้อมูลที่ต้องการแล้วบันทึกลงในสมุดแบบฝึกหดั ของตนเอง
เฉลยแบบฝึกช่ัวโมงที่ 1
ให้นักเรียนหาข้อมูลดงั ต่อไปนี้
ขอ้ ที่ 1 หาข้อมลู ทเ่ี ป็นบทความในหนงั สือพิมพ์ ตัวอยา่ งเชน่ " ในระยะ 5 ปที ีผ่ า่ นมา ภาวะเศรษฐกจิ
โดยทว่ั ไปของประเทศไทย อยู่ในเกณฑ์ดี รายได้ตอ่ หวั ของประชากรไดเ้ พ่ิมขึ้นจาก 39,287 บาทต่อคน ในปี 2550
มาเป็น 51,875 บาท ต่อคน ในปี 2555 ขณะเดยี วกัน คา่ ใชจ้ ่ายต่อครัวเรือน กเ็ พ่ิมขึ้นดว้ ย โดยในปี 2550 คน
ไทยมีรายจา่ ยต่อครัวเรอื น ปลี ะ 74,196 บาท ได้เพมิ่ สงู ขน้ึ มาเปน็ ปลี ะ 91,334 บาท ในปี 2555 "
คำตอบอยใู่ นดุลยพนิ จิ ของครผู ูส้ อน
ข้อที่ 2 หาขอ้ มูลในรูปขอ้ ความกึง่ ตารางในหนงั สือพิมพ์ ตัวอย่างเช่น
มูลค่าการสง่ ออกสินค้า เชรามิกซ์ประเภทเครอ่ื งประดบั และหัตถกรรม แยกรายประเทศที่สำคัญๆ
ในปี พ.ศ.2555 มีดงั นี้
ประเทศ มลู ค่า (พนั ลา้ นบาท)
สหรฐั อเมรกิ า 37,646
เยอรมนี 20,379
ฝร่งั เศส 12,647
ฮอ่ งกง 3,683
ญปี่ ุ่น 12,481
อน่ื ๆ 33,298
รวม 120,134
คำตอบอย่ใู นดุลยพนิ จิ ของครูผู้สอน
ใบความรู้ประกอบช่วั โมงที่ 2
การนำเสนอขอ้ มลู ในรูปตาราง
การนำเสนอข้อมูลในรูปตาราง
การนำเสนอข้อมลู โดยตีตารางกรอกข้อมูลทเ่ี ปน็ ตวั เลขโดยแบ่งเป็นแถวตัง้ (columns) และแถวนอน (rows)
เพ่อื จดั ข้อมูลใหเ้ ปน็ ระเบยี บ ลักษณะของตารางไมต่ ายตวั ข้ึนอยู่กับจดุ มุง่ หมายของผจู้ ัดทำ สว่ นประกอบของตารางท่ี
จะต้องมคี ือ
1) ชอื่ เรื่อง (title)
2) ต้นขั้ว(stub)
3) หวั เร่ือง(caption)
4) ตัวเร่อื ง(body)
5) หมายเหตุ(mote)
6) หน่วย
ประโยชน์ของการนำเสนอโดยตารางนี้ คือทำใหผ้ ู้อา่ นทำความเขา้ ใจได้ง่ายและเรว็ กว่าการ
นำเสนอโดยบทความและการนำเสนอโดยบทความกงึ่ ตาราง นอกจากนีย้ ังทำให้มองดูเรยี บร้อยและชดั เจนดี ดังตวั อย่าง
ตัวอยา่ ง สถติ ิปรมิ าณผลิตเสือ้ ผ้าสำเรจ็ รปู ของไทย ปี 2555 – 2560
ปริมาณ : 1,000 ชิ้น
ปี เส้ือสำเรจ็ รูปชนดิ ทอ เสอ้ื ผา้ สำเรจ็ รปู ชนิดถัก รวม % เพ่มิ /ลด จากปกี ่อน
2555 522,715 241,379 764,094 -
2556 558,712 263,092 821,804 +7.55
2557 600,349 288,797 889,146 +8.19
2558 638,024 307,848 945,872 +6.38
2559 695,416 339,548 1,035,000 +9.42
2560 760,450 374,550 1,135,000 +9.66
ทีม่ า : กรมศลุ กากร
หมายเหตุ : 1/เปน็ ตัวเลขประมาณการ
ตัวอยา่ ง มูลค่าการสง่ ออกรองเท้าจำแนกตามประเภท ปี 2556 - 2560
มลู คา่ : ล้านบาท
รายการ ปี 2556 2557 2558 2559 2560
รองเทา้ กฬี า 310.7 406.4 714.3 1,105.3 855.7
รองเทา้ หนงั หนงั อัด 512.7 671.6 656.8 621.2 362.8
รองเทา้ แตะ 348.9 502.6 486.9 412.8 335.0
รองเทา้ ผ้าใบ ผ้าใบพ้นื ยาง 99.7 82.6 98.2 75.9 42.6
รองเท้าพลาสติก 28.3 31.9 42.1 57.7 137.8
อ่ืนๆ 39.5 47.7 63.7 93.7 112.7
รวม 1,139.5 1,742.8 2,051.9 2,367.0 1,846.6
ที่มา : ศนู ย์สถติ กิ ารพาณชิ ย์ กรมเศรษฐกจิ การพาณิชย์ โดยความร่วมมอื จากกรมศุลกากร
หมายเหตุ : ปี 2558 ตวั เลขเบ้ืองตน้
แบบฝกึ ทักษะชว่ั โมงที่ 2
จงนำเสนอขอ้ มูลในรูปตาราง
1) จำนวนอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแหง่ หนึง่ แยกตามวุฒกิ ารศกึ ษา มีจำนวนต่อไปน้ี ปริญญาเอก ชาย 25 คน
หญิง 30 คน ปรญิ ญาโท ชาย 156 คน หญิง 174 คน ปริญญาตรี ชาย 35 คน หญงิ 23 คน จง
นำเสนอข้อมูลน้ีในรูปตาราง
………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………
…………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………
…………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………
…………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………
…………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………
…………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………
2) มลู คา่ การนำเข้าเครื่องประดับอญั มณจี ากไทยไปญปี่ นุ่ มีดังนี้
ปี ค.ศ.2005 จำนวน 2,317 ล้านเยน ปี ค.ศ. 2006 จำนวน 1,910 ลา้ นเยน
ปี ค.ศ.2007 จำนวน 1,274 ลา้ นเยน ปี ค.ศ. 2008 จำนวน 1,716 ลา้ นเยน
ปี ค.ศ.2009 จำนวน 2,854 ล้านเยน ปี ค.ศ. 2010 จำนวน 5,215 ล้านเยน และ
ปี ค.ศ.2011 จำนวน 8,596 ลา้ นเยน จงนำเสนอข้อมลู นี้ในรูปตาราง
(ท่มี า : สถิติการนำเข้า-สง่ ออกของประเทศญีป่ นุ่
………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………
…………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………
…………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………
…………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………
…………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………
…………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………
เฉลย แบบฝกึ ชว่ั โมงท่ี 2
จงนำเสนอขอ้ มลู ในรูปตาราง
1) จำนวนอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแยกตามวฒุ กิ ารศึกษา มจี ำนวนต่อไปน้ี ปรญิ ญาเอก ชาย 25 คน
หญิง 30 คน ปริญญาโท ชาย 156 คน หญิง 174 คน ปรญิ ญาตรี ชาย 35 คน หญงิ 23 คน จง
นำเสนอข้อมลู น้ีในรปู ตาราง
วุฒกิ ารศกึ ษา ชาย หญงิ
เพศ
ปรญิ ญาเอก 30
ปรญิ ญาโท 25 174
ปริญญาตรี 156 23
35
2) มูลค่าการนำเขา้ เคร่อื งประดับอัญมณีจากไทยไปญ่ปี ่นุ มีดงั น้ี
ปี ค.ศ.2005 จำนวน 2,317 ล้านเยน ปี ค.ศ. 2006 จำนวน 1,910 ล้านเยน
ปี ค.ศ.2007 จำนวน 1,274 ลา้ นเยน ปี ค.ศ. 2008 จำนวน 1,716 ล้านเยน
ปี ค.ศ.2009 จำนวน 2,854 ลา้ นเยน ปี ค.ศ. 2010 จำนวน 5,215 ล้านเยน และ
ปี ค.ศ.2011 จำนวน 8,596 ลา้ นเยน จงนำเสนอข้อมูลนีใ้ นรปู ตาราง
(ทีม่ า : สถติ กิ ารนำเขา้ -สง่ ออกของประเทศญปี่ ุ่น)
ปี จำนวนเงนิ ( ลา้ นเยน )
ค.ศ.2005 2,317
ค.ศ.2006 1,910
ค.ศ.2007 1,274
ค.ศ.2008 1,716
ค.ศ.2009 2,854
ค.ศ.2010 5,215
ค.ศ.2011 8,596
(ทมี่ า : สถติ ิการนำเขา้ -ส่งออกของประเทศญีป่ ุ่น)
ใบความรู้ประกอบช่วั โมงที่ 2
การนำเสนอขอ้ มูลด้วยตาราง
ตารางเป็นการนำข้อมูลที่มลี กั ษณะเดียวกันใหอ้ ยู่ในหวั เร่ืองเดยี วกนั เขียนขอ้ ความบรรยายทซ่ี ้ำกนั ทำให้
เป็นระเบยี บง่ายต่อการอ่านหรือการเปรยี บเทียบ ตารางนำเสนอข้อมลู ประกอบด้วยสิ่งสำคัญ 3 สว่ น คอื
1. ชอื่ ตารางหรอื ช่อื เร่ือง ทำใหผ้ ูอ้ ่านทราบว่าตารางนน้ั แสดงรายละเอียดเก่ียวกับอะไร ทไ่ี หน เม่ือไหร่
โดยปกติช่อื เรอื่ งจะอยู่เหนอื ตาราง แต่ถา้ มีหมายเลขตาราง ช่อื เร่อื งจะอยตู่ ่อจากหมายเลขตารางในบรรทัดเดียวกนั
2. ตารางข้อมลู แสดงรายละเอียดของข้อมูลซึง่ สอดคล้องกบั ชือ่ ของตารางหรือชอื่ เร่ือง
3. ท่ีมา ที่มาของข้อมลู ได้มาจากแหลง่ ท่ผี ู้เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ระบไุ ว้ ซึ่งจะอยู่ตอนลา่ งของตาราง ทำให้
ทราบวา่ ขอ้ มลู น้ันไดม้ าจากที่ใด
การเขยี นตารางนำเสนอขอ้ มูล ไมม่ หี ลักเกณฑ์ท่ีแน่นอนว่าจะทำตารางแบบใด ท้ังน้ขี นึ้ อยกู่ บั ข้อมูลที่เก็บ
รวบรวมมาได้และประเภทของข้อมูล แต่โดยทั่วไปตารางท่ีทำขนึ้ ต้องจดั ข้อมลู ไว้ใหอ้ ่านง่าย นำไปใชไ้ ด้สะดวกและ
แสดงรายละเอยี ดข้อเปรียบเทยี บต่าง ๆ ให้เหน็ ไดอ้ ย่างชัดเจน
การอ่านตารางมีวธิ ีปฏบิ ัตดิ ังน้ี
1. ช่ือของตารางเปน็ การบอกใหท้ ราบวา่ เป็นการนำเสนอเกีย่ วกบั ข้อมลู
2. หวั ตารางเปน็ การบอกให้ทราบว่าเป็นการนำเสนอเกย่ี วกบั ข้อมูลในแตล่ ะเรอ่ื ง
3. ข้อมูลภายใต้หวั ตารางสามารถแสดงทัง้ แนวตง้ั และแนวนอนในบางคร้ังแสดงทั้งแนวตั้งและแนวนอนที่
สัมพันธก์ ัน
แบบสำรวจช่ัวโมงท่ี 2
คำช้ีแจง ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มเป็น 3 กลุ่ม แล้วจดบันทึกข้อมูลนักเรียนลงในตารางโดยมีรายละเอียดของนักเรียนแต่
ละชัน้ ดงั นี้
กลมุ่ ที่ 1 สำรวจจำนวนนกั เรียนช้ันประถมศึกษาปที ่ี 1-3 แยกเป็น เพศชายและเพศหญิง จำนวนนักเรียน
ทัง้ หมดแยกเป็นชนั้ และทัง้ หมด โดยออกแบบตารางเพือ่ เสนอข้อมูลดงั กลา่ ว
กลมุ่ ที่ 2 สำรวจจำนวนนกั เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 แยกเปน็ อาชีพของผ้ปู กครอง เช่นทำไร่ คา้ ขาย
รับราชการ รัฐวิสาหกิจ ฯ และจำนวนนักเรยี นทั้งหมด
กลมุ่ ท่ี 3 สำรวจจำนวนนกั เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 แยกเป็นวนั เกดิ เช่น วนั จนั ทร์ วันอังคาร วนั พธุ
ฯ และจำนวนนักเรียนทั้งหมด
ช่อื ตาราง…………………………………………………..
รวม
……………………………… …………………… …………………… …………………… …………………… ……………………
……………………………… …………………… …………………… …………………… …………………… ……………………
……………………………… …………………… …………………… …………………… …………………… ……………………
……………………………… …………………… …………………… …………………… …………………… ……………………
……………………………… …………………… …………………… …………………… …………………… ……………………
……………………………… …………………… …………………… …………………… …………………… ……………………
…………………… …………………… …………………… …………………… ……………………
…………………… …………………… …………………… …………………… ……………………
…………………… …………………… …………………… …………………… …………………….
ใบความรู้ช่ัวโมงที่ 3
แผนภมู ิรปู ภาพ
แผนภมู ริ ปู ภาพ เปน็ การนำเสนอข้อมลู ตา่ ง ๆ โดยใชร้ ูปภาพซึ่งมีหลักการทสี่ ำคัญ
คือ ข้อมลู ชนดิ เดยี วกันต้องใช้รูปภาพเป็นแบบเดยี วกนั และมีขนาดเท่ากัน
ตวั อย่าง การอา่ นแผนภมู ริ ูปภาพ
แผนภูมิรปู ภาพแสดงจำนวนเสื้อทรี่ า้ นสมานพาณชิ ย์
ขายไดใ้ น 3 เดอื นสดุ ทา้ ยของ พ.ศ. 2536
ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม
กำหนดให้ แทนจำนวนเสือ้ 100 ตวั
ตัวอยา่ งข้อมูลทีอ่ ่านได้จากแผนภูมิ
เดือนตุลาคมขายเส้ือได้ทงั้ หมด 600 ตวั เดอื นพฤศจิกายน ขายเสอื้ ได้ 450 ตัว เดือน
ธันวาคม ขายเส้อื ได้ 800 ตัว
แบบฝึกทกั ษะชั่วโมงที่ 3
1. คำชีแ้ จง อา่ นแผนภูมิรูปภาพแล้วตอบคำถาม
แผนภมู ิรปู ภาพแสดงจำนวนดนิ สอทข่ี ายได้ใน 1 สปั ดาห์
อาทติ ย์
จันทร์
อังคาร
พุธ
พฤหัสบดี
ศกุ ร์
เสาร์
กำหนดให้ แทนจำนวนดินสอ 20 ตวั
1. วันพฤหสั บดีขายดินสอได้กีแ่ ท่ง..............................................................................
2. วันใดขายดนิ สอได้มากทสี่ ุด จำนวนกี่แท่ง .............................................................
3. วันใดบ้างขายดินสอได้เท่ากัน จำนวนก่แี ทง่ ............................................................
4. วนั องั คารขายดนิ สอได้มากกว่าวนั พุธกแ่ี ทง่ .............................................................
5. ใน 1 สปั ดาหข์ ายดนิ สอไดก้ ่ีแทง่ .............................................................................