The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรสถานศึกษา 2564

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sucharat ratchasarn, 2022-04-18 06:52:00

หลักสูตรสถานศึกษา 2564

หลักสูตรสถานศึกษา 2564

75

12. คานวณปริมาณของสารในปฏิกริ ิยาเคมหี ลายข้ันตอน
13. ระบสุ ารกาหนดปริมาณและคานวณปริมาณสารตา่ ง ๆ ในปฏิกริ ยิ าเคมี
14. คานวณผลได้ร้อยละของผลิตภณั ฑใ์ นปฏกิ ิรยิ าเคมี

รวมท้ังหมด 14 ผลกำรเรียนรู้

76

คำอธบิ ำยรำยวิชำ

วิชำ เคมี 3 รหัสวิชำ ว30223 ช้ันมธั ยมศึกษำปที ี่ 5
ภำคเรียนที่ 1 จำนวน 1.5 หน่วยกติ เวลำ 60 ช่ัวโมง

ศึกษาความสมั พันธ์และคานวณปริมาตร ความดัน อณุ หภูมิ จานวนโมล หรอื มวลของแก๊ส โดยใช้
กฎของบอยล์ กฎของชาลล์ กฎของเกย์-ลสุ แซก กฎรวมแกส๊ กฎของอโวกาโดร และกฎแกส๊ อดุ มคติ คานวณ

ความดนั ยอ่ ยหรอื จานวนโมลของแกส๊ ในแกส๊ ผสมโดยใช้กฎความดนั ยอ่ ยของดอลตัน ศึกษาทฤษฎีจลนข์ องแกส๊
การแพรแ่ ละคานวณอตั ราการแพรข่ องแก๊สโดยใช้กฎการแพรผ่ ่านของเกรแฮม ศกึ ษาปรากฏการณ์หรอื การ

แกป้ ัญหาในชวี ิตประจาวนั และในอตุ สาหกรรมโดยใชส้ มบัตแิ ละกฏตา่ ง ๆ ของแก๊ส ศกึ ษาการเปลี่ยนแปลงของ
สารในปฏิกริ ิยาเคมี คานวณอัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี ศกึ ษาทศิ ทางการชนกันของอนุภาคและพลงั งานที่ส่งผล
ตอ่ อัตราการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี ผลของความเขม้ ข้น พ้ืนท่ีผิวของสารต้ังตน้ อุณหภมู ิ และตัวเร่งปฏกิ ิรยิ าทีม่ ีผล

ตอ่ อตั ราการเกิดปฏิกิริยาเคมี และการนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวันหรอื อตุ สาหกรรม ศึกษาความหมายของปฏิกริ ิยา
ผันกลบั ได้และสภาวะสมดุล คานวณคา่ คงที่สมดุลและความเข้มข้นของสารที่สมดุลของปฏกิ ริ ยิ าท่ีมีขนั้ ตอนเดียว

และหลายขัน้ ตอน ศกึ ษาปัจจัยทมี่ ีผลตอ่ สมดุลและค่าคงท่สี มดุลตามหลักของ เลอชาเตอลิเอ สมดุลเคมีของ
กระบวนการที่เกิดขึ้นในสงิ่ มชี ีวติ ปรากฏการณใ์ นธรรมชาตแิ ละกระบวนการในอุตสาหกรรม

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบคน้ ขอ้ มูล การสังเกต วเิ คราะห์

เปรยี บเทียบ อธิบาย อภิปราย และสรปุ
เพ่อื ให้เกดิ ความรู้ความเขา้ ใจ มีความสามารถในการตดั สนิ ใจ มีทกั ษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์

รวมทั้งทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ในด้านการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการคดิ และการแก้ปญั หา ด้านการ
สื่อสาร สามารถสอ่ื สารสิ่งที่เรียนรแู้ ละนาความร้ไู ปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม
และค่านิยมที่เหมาะสม

ผลกำรเรยี นรู้
1. อธิบายความสัมพนั ธแ์ ละคานวณปริมาตร ความดนั หรืออณุ หภมู ิของแกส๊ ท่ภี าวะต่าง ๆ ตามกฎของบอยล์

กฎของชารล์ กฎของเกย-์ ลสู แซก
2. คานวณปรมิ าตร ความดัน หรืออณุ หภูมขิ องแกส๊ ท่ภี าวะตา่ ง ๆ ตามกฎรวมแก๊ส

3. คานวณปรมิ าตร ความดัน อณุ หภูมิ จานวนโมล หรือมวลของแก๊ส จากความสมั พนั ธ์ตามกฎของอาโวกาโดร
และกฎแก๊สอดุ มคติ

4. คานวณความดนั ย่อยหรือจานวนโมลของแก๊สในแกส๊ ผสม โดยใชก้ ฎความดันย่อยของดอลตัน

5. อธิบายการแพรข่ องแกส๊ โดยใชท้ ฤษฎีจลน์ของแกส๊ คานวณและเปรยี บเทยี บอัตราการแพร่ของแกส๊ โดยใช้กฎ
การแพรผ่ ่านของเกรแฮม

6. สืบค้นขอ้ มูล นาเสนอตัวอย่าง และอธิบายการประยุกตใ์ ช้ความรเู้ กย่ี วกบั สมบัติและกฎต่าง ๆ ของแก๊สในการ
อธบิ ายปรากฏการณ์ หรอื แกป้ ัญหาในชีวติ ประจาวนั และในอุตสาหกรรม

7. ทดลอง และเขียนกราฟการเพม่ิ ขน้ึ หรือลดลงของสารที่ทาการวดั ในปฏิกริ ยิ า

8. คานวณอัตราการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี และเขียนกราฟการลดลงหรือเพ่ิมข้นึ ของสารท่ไี มไ่ ดว้ ดั ในปฏกิ ิริยา
9. เขยี นแผนภาพและอธิบายทศิ ทางการชนกันของอนุภาคและพลังงานที่ส่งผลตอ่ อตั ราการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี

10. ทดลองและอธบิ ายผลของความเข้มขน้ พืน้ ที่ผวิ ของสารตัง้ ต้น อุณหภูมิ และตัวเร่งปฏิกิริยาทีม่ ีต่ออตั ราการ
เกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี

77

11. เปรยี บเทียบอัตราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเม่ือมีการเปลย่ี นแปลงความเขม้ ข้น พ้ืนที่ผวิ ของสารตง้ั ต้น อุณหภมู ิ และ
ตัวเร่งปฏกิ ริ ิยา

12. ยกตัวอยา่ งและอธิบายปจั จยั ท่ีมผี ลต่ออตั ราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมีในชีวติ ประจาวันหรืออตุ สาหกรรม
13. ทดสอบและอธิบายความหมายของปฏิกริ ิยาผันกลบั ไดแ้ ละภาวะสมดุล
14. อธิบายการเปล่ยี นแปลงความเข้มข้นของสาร อัตราการเกดิ ปฏิกริ ิยาไปข้างหน้า และอัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยา

ย้อนกลบั เม่ือเร่ิมปฏกิ ริ ิยาจนกระท่งั ระบบอยใู่ นภาวะสมดุล
15. คานวณค่าคงที่สมดุลของปฏกิ ริ ยิ า
16. คานวณความเขม้ ข้นของสารทีภ่ าวะสมดลุ
17. คานวณค่าคงที่สมดลุ หรือความเข้มข้นของปฏกิ ิรยิ าหลายข้นั ตอน
18. ระบุปจั จยั ที่มีผลต่อภาวะสมดลุ และคา่ คงที่สมดุลของระบบ รวมทง้ั คาดคะเนการเปล่ียนแปลงทเ่ี กดิ ข้ึนเมอ่ื

ภาวะสมดุลของระบบถกู รบกวนโดยใช้หลกั ของเลอชาเตอลิเอ
19. ยกตัวอยา่ งและอธบิ ายสมดุลเคมีของกระบวนการท่เี กดิ ขึ้นในส่ิงมีชีวิต ปรากฏการณใ์ นธรรมชาตแิ ละ

กระบวนการในอตุ สาหกรรม

รวมทั้งหมด 19 ผลกำรเรยี นรู้

78

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

วิชำ เคมี 4 รหัสวิชำ ว30224 ช้นั มธั ยมศึกษำปีท่ี 5
ภำคเรยี นที่ 2 จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต เวลำ 60 ช่วั โมง

ศกึ ษาทฤษฎกี รด-เบสของอารเ์ รเนียส เบรนิ สเตด-ลาวรี และลวิ อิส คานวณความสามารถในการ

แตกตวั หรือความแรงของกรดและเบส คา่ pH ความเขม้ ขน้ ของไฮโดรเนยี มไอออนหรอื ไฮดรอกไซดไ์ อออนของ
สารละลายกรดและเบส ศกึ ษาปฏิกริ ิยาสะเทนิ และปฏกิ ิริยาไฮโดรลซิ ิสของเกลือ การไทเทรต และการเลือกใช้

อนิ ดิเคเตอร์ คานวณปริมาณสารหรือความเขม้ ข้นของสารละลายกรดหรอื เบสจากการไทเทรต ศึกษาสมบัตแิ ละ
องคป์ ระกอบของสารละลายบัฟเฟอร์ รวมทง้ั การนาความร้เู ก่ยี วกบั กรด-เบสไปใชป้ ระโยชน์ ศึกษาเลขออกซิเดชัน
ปฏกิ ิริยารีดอกซ์ ตวั รดี ิวส์ ตวั ออกซไิ ดส์ ครงึ่ ปฏิกริ ิยาออกซเิ ดชนั และคร่ึงปฏิกิริยารดี กั ชนั ของปฏิกิริยารดี อกซ์

เปรียบเทียบความสามารถในการเป็นตัวรดี ิวซ์หรอื ตัวออกซิไดส์ การเขียนและดลุ สมการรีดอกซ์ดว้ ยการใช้เลข
ออกซเิ ดชนั และวธิ คี รึง่ ปฏกิ ิริยา ศกึ ษาเซลลเ์ คมไี ฟฟ้า และการเขียนแผนภาพเซลล์ คานวณหาศักยไ์ ฟฟ้า

มาตรฐานของเซลล์ ศึกษาหลักการทางานของเซลล์ปฐมภูมิและเซลล์ทตุ ยิ ภูมิ หลักการทางเคมีไฟฟา้ ทใ่ี ช้ในการ
ชบุ โลหะ การแยกสารเคมดี ว้ ยกระแสไฟฟา้ การทาโลหะให้บรสิ ุทธิแ์ ละการปอ้ งกันการกดั กร่อนของโลหะ
รวมทง้ั ความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยีท่เี กี่ยวข้องกบั เซลล์เคมีไฟฟา้ ในชีวติ ประจาวัน

โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสบื คน้ ข้อมูล การสงั เกต วเิ คราะห์
เปรียบเทยี บ อธิบาย อภิปราย และสรุป

เพ่ือใหเ้ กดิ ความรู้ความเขา้ ใจ มคี วามสามารถในการตดั สนิ ใจ มีทักษะปฏิบัตกิ ารทางวทิ ยาศาสตร์
รวมทั้งทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ในดา้ นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ดา้ นการคดิ และการแก้ปญั หา ด้านการ
สอ่ื สาร สามารถส่อื สารสิ่งท่ีเรยี นรูแ้ ละนาความรู้ไปใชใ้ นชวี ติ ของตนเอง มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม

และคา่ นิยมท่เี หมาะสม

ผลกำรเรยี นรู้

1. ระบแุ ละอธิบายว่าสารเปน็ กรดหรอื เบส โดยใช้ทฤษฎกี รด-เบสของอารเ์ รเนียส เบรินสเตด-ลาวรี และลวิ อสิ
2. ระบุคกู่ รด-เบสของสารตามทฤษฎกี รด-เบสของเบรนิ สเตด-ลาวรี

3. คานวณและเปรียบเทยี บความสามารถในการแตกตวั หรอื ความแรงของกรดและเบส
4. คานวณค่า pH ความเขม้ ขน้ ของไฮโดรเนียมไอออนหรอื ไฮดรอกไซด์ไอออนของสารละลายกรดและเบส
5. เขียนสมการเคมีแสดงปฏิกริ ิยาสะเทนิ และระบคุ วามเปน็ กรด-เบสของสารละลายหลงั การสะเทิน
6. เขยี นปฏกิ ิรยิ าไฮโดรลซิ สิ ของเกลือ และระบคุ วามเปน็ กรด-เบสของสารละลายเกลอื
7. ทดลองและอธบิ ายหลักการการไทเทรตและเลือกใชอ้ นิ ดเิ คเตอร์ไดเ้ หมาะสมสาหรับการไทเทรตกรด-เบส

8. คานวณปริมาณสารหรือความเข้มขน้ ของสารละลายกรดหรือเบสจากการไทเทรต
9. อธบิ ายสมบัติ องค์ประกอบ และประโยชนข์ องสารละลายบัฟเฟอร์
10. สืบคน้ ขอ้ มูลและนาเสนอตัวอยา่ งการใช้ประโยชนแ์ ละการแกป้ ัญหาโดยใช้ความร้เู กี่ยวกับกรด-เบส

11. คานวณเลขออกซิเดชนั และระบุปฏกิ ริ ิยาทเี่ ป็นปฏิกริ ิยารดี อกซ์
12. วเิ คราะห์การเปลีย่ นแปลงเลขออกซิเดชนั และระบุตวั รดี วิ ซ์และตวั ออกซไิ ดส์ รวมทง้ั เขยี นครง่ึ ปฏกิ ิริยา

ออกซเิ ดชันและคร่ึงปฏกิ ิรยิ ารีดักชนั ของปฏิกิริยารดี อกซ์
13. ทดลองและเปรยี บเทยี บความสามารถในการเป็นตวั รีดวิ ซห์ รอื ตัวออกซไิ ดส์ และเขียนแสดงปฏิกิริยารีดอกซ์
14. ดลุ สมการรดี อกซด์ ้วยการใช้เลขออกซเิ ดชัน และวธิ คี รง่ึ ปฏกิ ริ ยิ า

15. ระบอุ งคป์ ระกอบของเซลล์เคมีไฟฟา้ และเขียนสมการเคมขี องปฏกิ ริ ิยาท่ีแอโนดและแคโทด ปฏิกิรยิ ารวม

79

และแผนภาพเซลล์
16. คานวณค่าศักยไ์ ฟฟ้ามาตรฐานของเซลล์ และระบปุ ระเภทของเซลล์เคมีไฟฟา้ ขว้ั ไฟฟา้ และปฏิกริ ิยาเคมีที่

เกิดข้ึน
17. อธิบายหลักการทางานและเขยี นสมการแสดงปฏกิ ิรยิ าของเซลล์ปฐมภูมแิ ละเซลล์ทตุ ยิ ภูมิ
18. ทดลองชบุ โลหะและแยกสารเคมีดว้ ยกระแสไฟฟา้ และอธิบายหลักการทางเคมีไฟฟา้ ทใี่ ชใ้ นการชบุ โลหะ

การแยกสารเคมีด้วยกระแสไฟฟ้า การทาโลหะใหบ้ ริสทุ ธ์ิ และการปอ้ งกนั การกดั กรอ่ นของโลหะ
19. สืบคน้ ข้อมลู และนาเสนอตัวอยา่ งความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยีทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับเซลลเ์ คมีไฟฟ้าในชีวิตประจาวนั

รวมทง้ั หมด 19 ผลกำรเรียนรู้

80

คำอธบิ ำยรำยวิชำ

เคมี 5 รหัสวชิ ำ ว 30225 กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นมธั ยมศึกษำปีที่ 6 ภำคเรียนที่ 1 เวลำ 60 ช่วั โมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ

ศึกษาสารประกอบอินทรีย์ การเกดิ พันธะโคเวนต์ของสารประกอบอนิ ทรยี ์ การแสดงโครงสร้างของ

สารประกอบอินทรียด์ ว้ ยสูตรโครงสร้างลิวอสิ สตู รโครงสร้างแบบย่อ และสูตรโครงสรา้ งแบบเสน้ การเรียกชอื่
สารประกอบอนิ ทรยี ต์ ามระบบ IUPAC ไอโซเมอรซิ มึ สมบตั ิเกยี่ วกบั จุดเดอื ดและการละลายในนา้ ของ

สารประกอบอนิ ทรยี ์ ปฏิกริ ิยาการเผาไหม้ ปฏกิ ิริยากบั โบรมีนและปฏกิ ิรยิ ากบั โบรมีนและปฏิกิรยิ ากับโพแทสเซยี ม
เปอร์แมงกาเนตของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ปฏิกริ ิยาเอสเทอรฟิ เิ คชั่น ปฏกิ ิริยาการสงั เคราะหก์ อบ
ไฮโดรคาร์บอน ปฏกิ ริ ิยาเอสเทอรฟิ ิเคชนั่ ปฏกิ ิรยิ าการสงั เคราะหเ์ อไมด์ ปฏิกริ ิยาไฮโดรไลซิสของเอสเทอร์และเอ

ไมด์ ปฏกิ ิริยาสะปอนนฟิ ิเคช่นั รวมทั้งการนาสารประกอบอนิ ทรียไ์ ปใช้ประโยชน์ ศกึ ษาพอลิเมอร์และมอนอเมอร์
เปรยี บเทียบสมบตั ิทางกายภาพของพอลเิ มอรแ์ ละมอนอเมอรท์ ี่เป็นสารตงั้ ต้น ศึกษาพอลิเมอรธ์ รรมชาตแิ ละพอลิ

เมอร์สังเคราะห์ ปฏิกริ ยิ าการเกิดพอลิเมอร์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างของพอลเิ มอร์กบั สมบัติของพอลเิ มอรแ์ ละ
การนาไปใชป้ ระโยชน์ พอลเิ มอรเ์ ทอร์มอพลาสตกิ และพอลิเมอรเ์ ทอรม์ อเซต การปรับปรุงสมบัติของพอลิเมอร์โดย
การเติมสารเตมิ แต่ง การปรับเปลย่ี นโครงสร้างของพอลิเมอร์ การสงั เคราะห์พอลิเมอร์ชนดิ ใหม่ ผลกระทบของการ

ใช้และการกาจัดผลิตภัณฑพ์ อลิเมอร์ต่อสง่ิ มชี ีวิตและสง่ิ แวดล้อม รวมท้งั การป้องกันและการแก้ไข
โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสบื ค้นขอ้ มูล การสงั เกต วิเคราะห์

เปรยี บเทยี บ อธบิ าย อภิปราย และสรปุ
เพอ่ื ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มที ักษะปฏบิ ัตกิ ารทางวิทยาศาสตร์

รวมท้ังทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ดา้ นการคดิ และการแกป้ ัญหา ด้านการ

ส่อื สาร สามารถสื่อสารสิง่ ทีเ่ รียนร้แู ละนาความรไู้ ปใชใ้ นชีวิตของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และ
ค่านยิ มท่เี หมาะสม

ผลกำรเรียนรู้
1. สบื คน้ ขอ้ มูลและนาเสนอตัวอย่างสารประกอบอินทรยี ท์ ี่มพี นั ธะเดีย่ ว พันธะคู่ หรอื พนั ธะสาม ท่ีพบใน

ชีวิตประจาวนั
2. เขียนสตู รโครงสรา้ งลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อ และสตู รโครงสรา้ งแบบเสน้ ของสารประกอบอนิ ทรยี ์
3. วิเคราะห์โครงสร้างและระบุประเภทของสารประกอบอินทรยี ์จากหม่ฟู งั กช์ นั่

4. เขยี นสูตรโครงสร้างและเรียกชอื่ สารประกอบอินทรยี ป์ ระเภทต่างๆท่มี ีหมู่ฟังกช์ นั่ ไม่เกนิ 1 หมู่ ตามระบบ
IUPAC

5. เขียนไอโซเมอรโ์ ครงสรา้ งของสารประกอบอนิ ทรยี ป์ ระเภทต่างๆ
6. วเิ คราะหแ์ ละเปรียบเทียบจุดเดือดและการละลายในนา้ ของสารประกอบอนิ ทรยี ท์ ่ีมหี มฟู่ ังกช์ น่ั ขนาดโมเลกุล

หรอื โครงสรา้ งต่างกัน

7. ระบุประเภทของสารประกอบไฮโดรคารบ์ อนและเขียนผลิตภัณฑจ์ ากปฏกิ ริ ิยาการเผาไหม้ ปฏิกิริยากบั โบรมีน
หรอื ปฏิกริ ยิ ากับโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต

8. เขียนสมการเคมีและอธิบายการเกิดปฏิกิรยิ าเอสเทอริฟิเคชัน่ ปฏกิ ริ ิยาการสงั เคราะห์เอไมด์ ปฏิกริ ิยา
ไฮโดรลิซิส และปฏกิ ริ ยิ าสะปอนนฟิ เิ คชั่น

9. ทดสอบปฏกิ ริ ยิ าเอสเทอริฟเิ คช่นั ปฏิกริ ิยาไฮโดรลิซสิ และปฏิกริ ยิ าสะปอนนฟิ เิ คชน่ั

10. สบื คน้ ข้อมูลและนาเสนอตัวอย่างการนาสารประกอบอนิ ทรยี ไ์ ปใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ประจาวนั และอตุ สาหกรรม

81

11. ระบุประเภทของปฏกิ ริ ยิ าการเกิดพอลเิ มอร์จากโครงสรา้ งของมอนอเมอร์หรอื พอลิเมอร์
12. วเิ คราะหแ์ ละอธบิ ายความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างและสมบตั ิของพอลิเมอร์ รวมทั้งการนาไปใชป้ ระโยชน์
13. ทดสอบและระบปุ ระเภทของพลาสตกิ และผลิตภัณฑย์ าง รวมทง้ั การนาไปใชป้ ระโยชน์
14. อธิบายผลการปรบั เปลย่ี นโครงสรา้ ง และการสงั เคราะห์พอลิเมอร์ท่ีมตี ่อสมบตั ิของพอลเิ มอร์
15. สบื คน้ ขอ้ มูลและนาเสนอตัวอยา่ งผลกระทบจากการใช้และการกาจัดผลิตภณั ฑพ์ อลิเมอร์และแนวทางแกไ้ ข

รวมท้ังหมด 15 ผลกำรเรียนรู้

82

คำอธิบำยรำยวชิ ำ

เคมี 6 รหสั วิชำ ว 30226 กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ช้นั มัธยมศกึ ษำปีท่ี 6 ภำคเรียนที่ 2 เวลำ 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ

ศึกษาเกี่ยวกบั การกาหนดปัญหา แนวทางการแกป้ ญั หาโดยใช้ความร้ทู างเคมีจากสถานการณ์ทเ่ี กิดข้ึน

ในชวี ิตประจาวัน การประกอบอาชพี หรืออุตสาหกรรม บูรณาการความรู้ทางเคมรี ่วมกบั สาขาวชิ าอ่นื สร้าง
ผลงานหรือช้นิ งานที่ได้จากการแก้ปัญหาในสถานการณ์หรือประเดน็ ทส่ี นใจ เข้ารว่ มสมั มนา ประชุมวชิ าการ

นาเสนอผลงานสง่ิ ประดษิ ฐ์ในงานนทิ รรศการ
โดยใช้ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ บรู ณาการรว่ มกบั กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม

เนน้ การคิดวิเคราะห์ การแก้ปญั หาและความคดิ สรา้ งสรรค์ โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การสืบเสาะหาความรู้

โดยการสารวจ ตรวจสอบ สบื ค้นข้อมูลและการอภปิ ราย นาเสนอผลงาน
เพ่ือให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ กระตือรือร้นในกระบวนการค้นคว้า มีทักษะกระวิทยาศาสตร์ ทักษะใน

ศตวรรษท่ี 21 มีจิตวิทยาศาสตร์ และคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่เหมาะสม ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงเปน็ หลกั คดิ หลักปฏบิ ตั ใิ นการเรียนรู้

ผลกำรเรียนรู้
1. กาหนดปญั หา และนาเสนอแนวทางการแก้ปญั หาโดยใช้ความรูท้ างเคมีจากสถานการณ์ท่ีเกิดขึน้ ใน

ชีวิตประจาวัน การประกอบอาชีพ หรืออุตสาหกรรม

2. แสดงหลกั ฐานถึงการบรู ณาการความรู้ทางเคมรี ่วมกบั สาขาวิชาอ่นื รวมทง้ั ทกั ษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์หรือกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม โดยเน้นการคิดวเิ คราะห์ การแก้ปญั หาและความคดิ

สรา้ งสรรค์ เพือ่ แกป้ ญั หาในสถานการณ์หรอื ประเด็นทสี่ นใจ
3. นาเสนอผลงานหรอื ชิน้ งานท่ไี ด้จากการแกป้ ญั หาในสถานการณ์หรือประเดน็ ท่ีสนใจโดยใชเ้ ทคโนโลยี

สารสนเทศ

4. แสดงหลกั ฐานการเข้ารว่ มสัมมนา การเข้ารว่ มประชุมวชิ าการ หรือการแสดงผลงาน สิง่ ประดิษฐ์ในงาน
นิทรรศการ

รวมท้งั หมด 4 ผลกำรเรียนรู้

83

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

กล่มุ สำระกำรเรียนรูว้ ิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิชำเพ่ิมเติม

รหสั วชิ ำ ว30241 ชวี วิทยำ 1 ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 4 ภำคเรียนท่ี 1
เวลำ 60 ช่วั โมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต

ศึกษาธรรมชาตขิ องสิ่งมีชีวิต การศึกษาชีววิทยาและวธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ กิจกรรมสะเต็มศกึ ษาและ
กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เคมีท่ีเปน็ พื้นฐานของสงิ่ มชี วี ติ อะตอม ธาตุและสารประกอบนา้ สารประกอบ

คาร์บอนในส่ิงมีชีวิต ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต เซลล์และการทางานของเซลล์ การใช้กล้องจุลทรรศน์
โครงสร้างและหนา้ ทขี่ องเซลล์ การลาเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์ การหายใจระดบั เซลล์ และการแบ่งเซลล์

โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้น

ข้อมูลและอภิปราย การแก้ปัญหาและการให้เหตุผล และนาความรู้ ความคิด ทักษะกระบวนการและสมรรถนะ
สาคญั ไปใช้ในชีวิตประจาวันอยา่ งเปน็ ระบบและสรา้ งสรรค์

เพื่อให้เห็นคุณค่าและมีเจตคติท่ีดีต่อวิทยาศาสตร์ มีระเบียบ มีความรับผิดชอบ มีคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์ มีวิจารณญาณ มีจิตสานึกในการใช้ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมอย่างประหยัดและคุ้มค่า มีคุณธรรม
จริยธรรม ยึดหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักคิด หลักปฏิบัติในการเรียนรู้ และมีค่านิยมท่ีเหมาะสม

สอดคล้องกบั ทอ้ งถน่ิ

ผลกำรเรยี นรู้
1. อธบิ าย และสรุปสมบตั ิท่สี าคัญของส่ิงมีชีวิต และความสมั พันธ์ของการจดั ระบบในสิ่งมีชีวิตที่ทาให้ส่งิ มชี ีวิต

ดารงชวี ติ อยู่ได้

2. อภิปราย และบอกความสาคัญของการระบุปัญหา ความสัมพันธ์ระหว่างปัญหา สมมติฐาน และวิธีการ
ตรวจสอบสมมติฐาน รวมทงั้ ออกแบบการทดลองเพือ่ ตรวจสอบสมมติฐาน

3. สบื ค้นข้อมูล อธิบายเก่ียวกบั สมบัติของน้า และบอกความสาคัญของน้าที่มีต่อส่ิงมีชีวติ และยกตัวอย่างธาตุ
ชนดิ ต่างๆ ทีม่ ีความสาคญั ต่อรา่ งกายส่งิ มชี วี ิต

4. สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างของคาร์โบไฮเดรต ระบุกลุ่มของคาร์โบไฮเดรต รวมท้ังความสาคัญของ

คารโ์ บไฮเดรตทม่ี ตี อ่ สง่ิ มชี วี ิต
5. สืบคน้ ข้อมูล อธิบายโครงสร้างของโปรตนี และความสาคัญของโปรตีนท่ีมตี ่อสงิ่ มชี วี ติ

6. สืบคน้ ขอ้ มลู อธบิ ายโครงสร้างของลิพดิ และความสาคัญของลิพดิ ท่มี ตี อ่ สงิ่ มชี ีวิต
7. อธิบายโครงสร้างของกรดนิวคลีอิก และระบชุ นิดของกรดนวิ คลอี ิก และความสาคัญของกรดนวิ คลอี ิกท่มี ีต่อ
ส่งิ มชี วี ิต

8. สืบค้นข้อมลู และอธิบายปฏิกริ ิยาเคมที เ่ี กิดขึน้ ในส่งิ มีชวี ติ
9. อธบิ ายการทางานของเอนไซมใ์ นการเร่งปฏิกริ ยิ าเคมีในสงิ่ มีชวี ิตและระบุปัจจัยที่มีผลต่อการทางานของ

เอนไซม์
10. บอกวิธกี าร และเตรียมตัวอยา่ งสง่ิ มชี วี ติ เพ่ือศึกษาภายใต้กลอ้ งจุลทรรศนใ์ ช้แสง วดั ขนาดโดยประมาณและ

วาดภาพที่ปรากฏภายใต้กล้อง บอกวิธกี ารใช้ และการดแู ลรกั ษากล้องจุลทรรศน์ใช้แสงที่ถูกตอ้ ง

11. อธบิ ายโครงสรา้ งและหนา้ ท่ีของสว่ นที่หอ่ หุ้มเซลลข์ องเซลล์พืชและเซลล์สัตว์
12. สบื คน้ ขอ้ มลู อธบิ าย และระบุชนดิ และหน้าทข่ี องออร์แกเนลล์

13. อธิบายโครงสร้างและหนา้ ที่ของนวิ เคลียส
14. อธิบาย และเปรยี บเทยี บการแพร่ ออสโมซิส การแพรแ่ บบฟาซิลิเทต และแอกทฟิ ทรานสปอร์ต

84

15. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเขียนแผนภาพการลาเลียงสารโมเลกุลใหญ่ออกจากเซลล์ด้วยกระบวนการเอกโซ
ไซโทซสิ และการลาเลียงสารโมเลกลุ ใหญ่เข้าสู่เซลล์ด้วยกระบวนการเอนโดไซโทซิส

16. อธิบาย เปรียบเทียบ และสรุปข้ันตอนการหายใจระดับเซลล์ในภาวะท่ีมีออกซิเจนเพียงพอ และภาวะที่มี
ออกซิเจนไม่เพียงพอ

17.สังเกตการแบ่งนวิ เคลยี สแบบไมโทซิสและแบบไมโอซิสจากตวั อยา่ งภายใตก้ ลอ้ งจุลทรรศน์ พร้อมท้งั อธบิ าย
และเปรยี บเทยี บการแบง่ นิวเคลียสแบบไมโทซิส และแบบไมโอซิส

รวมทง้ั หมด 17 ผลกำรเรียนรู้

85

คำอธิบำยรำยวิชำ

กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี วชิ ำเพิม่ เติม

รหสั วิชำ ว30242 ชีววิทยำ 2 ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 4 ภำคเรียนท่ี 2
เวลำ 60 ชวั่ โมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ

ศึกษาโครโมโซม สารพันธุกรรม สมบัติของสารพันธุกรรม มิวเทชัน การศึกษาพันธุกรรมของเมนเดล
ลักษณะทางพนั ธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของพันธุศาสตร์เมนเดล ยีนบนโครโมโซมเดียวกนั พันธุวิศวกรรมและการ

โคลนยีน การหาขนาดของ DNA และการหาลาดับนิวคลโี อไทด์ การประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยที างดเี อ็นเอ เทคโนโลยี
ทางดีเอ็นเอกับความปลอดภัยทางชีวภาพและชีวจริยธรรม หลักฐานและข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาวิวัฒนาการของ
สง่ิ มีชวี ิต แนวคิดเก่ียวกับววิ ัฒนาการของสิง่ มีชีวติ พนั ธศุ าสตร์ประชากร ปจั จยั ท่ที าให้เกิดการเปลย่ี นแปลงความถ่ี

ของแอลลลี และกาเนดิ สปชี สี ์
โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้น

ข้อมูลและอภิปราย การแก้ปัญหาและการให้เหตุผล และนาความรู้ ความคิด ทักษะกระบวนการและสมรรถนะ
สาคัญ ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั อย่างเปน็ ระบบและสร้างสรรค์

เพ่อื ให้เห็นคุณค่าและมเี จตคติท่ดี ีต่อวิทยาศาสตร์ มรี ะเบยี บ มีความรบั ผดิ ชอบ มคี ุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

มีวิจารณญาณ มีจิตสานึกในการใช้ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมอย่างประหยัดและคุ้มค่า มีคุณธรรม จริยธรรม
ยึดหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงเปน็ หลกั คิด หลักปฏิบัติในการเรียนรู้ และมีคา่ นิยมท่ีเหมาะสมสอดคลอ้ งกับ

ท้องถนิ่

ผลกำรเรยี นรู้

1. สบื ค้นข้อมูล อธบิ ายสมบตั ิและหน้าที่ของสารพนั ธกุ รรม โครงสรา้ งและองคป์ ระกอบทางเคมขี อง DNA และ
สรปุ การจาลอง DNA

2. อธบิ าย และระบุข้นั ตอนในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีนและหนา้ ทขี่ อง DNA และ RNA แต่ละชนิดใน
กระบวนการสงเคราะห์โปรตีน
3. สืบคน้ ขอ้ มูล และอธิบายการเกดิ มิวเทชนั ระดับยีนและระดับโครโมโซม สาเหตกุ ารเกิดมิวเทชนั รวมทง้ั

ยกตัวอย่างโรคและกล่มุ อาการท่เี ปน็ ผลของการเกิดมิวเทชัน
4. สบื ค้นขอ้ มูล อธิบาย และสรปุ ผลการทดลองของเมนเดล

5. สรุปความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสารพันธกุ รรม แอลลีล โปรตีน ลักษณะทางพันธกุ รรม และเชอื่ มโยงกบั ความรเู้ รอื่ ง
พันธศุ าสตรเ์ มนเดล
6. อธบิ าย และสรุปกฎแห่งการแยก และกฎแห่งการรวมกล่มุ อยา่ งอสิ ระ และนากฎของเมนเดลน้ี ไปอธบิ ายการ

ถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรมและใช้ในการคานวณโอกาสในการเกดิ ฟีโนไทป์และจโี นไทป์แบบต่างๆ ของรุ่น F1
และ F2

7. สบื ค้นข้อมูล วเิ คราะห์ อธบิ าย และสรปุ เกีย่ วกบั การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรมท่ีเป็นส่วนขยายของพันธุ
ศาสตรเ์ มนเดล
8. สบื คน้ ข้อมูล วิเคราะห์ และเปรยี บเทียบลักษณะทางพันธกุ รรมทม่ี กี ารแปรผนั ไมต่ อ่ เน่ืองและลักษณะทาง

พันธกุ รรมท่มี ีการแปรผนั ตอ่ เนอื่ ง
9. อธิบายการถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม และยกตวั อยา่ งลักษณะทางพนั ธุกรรมทถ่ี ูกควบคุมด้วยยีนบนออโตโซม

และยนี บนโครโมโซมเพศ
10. อธิบายหลกั การสรา้ งส่ิงมชี วี ติ ดัดแปรพันธกุ รรมโดยใช้ดีเอน็ เอรีคอมบแิ นนท์

86

11. สบื ค้นข้อมูล ยกตัวอยา่ ง และอภิปรายการนาเทคโนโลยที างดีเอ็นเอไปประยกุ ต์ใช้ทงั้ ในดา้ นส่งิ แวดลอ้ ม
นติ วิ ิทยาศาสตร์ การแพทย์ การเกษตรและอุตสาหกรรม และขอ้ ควรคานึงถงึ ด้านชวี จรยิ ธรรม
12. สืบค้นข้อมูล และอธบิ ายเกยี่ วกบั หลักฐานท่สี นับสนุนและขอ้ มลู ทใ่ี ช้อธิบายการเกดิ วิวัฒนาการของส่งิ มีชีวิต
13. อธบิ าย และเปรียบเทียบแนวคิดเกยี่ วกับววิ ัฒนาการของส่ิงมีชวี ติ ของฌอง ลามาร์ก และทฤษฎีเกย่ี วกบั
ววิ ฒั นาการของสิ่งมีชีวติ ของชาลส์ ดารว์ ิน
14. ระบสุ าระสาคญั และอธิบายเง่อื นไขของภาวะสมดลของฮารด์ ี-ไวน์เบิรก์ ปจั จยั ท่ที าใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลง
ความถข่ี องแอลลีลในประชากร พรอ้ มทง้ั คานวณหาความถข่ี องแอลลีลและจีโนไทป์ของประชากรโดยใชห้ ลักของ
ฮาร์ด-ี ไวนเ์ บิร์ก
15. สืบค้นขอ้ มูล อภิปราย และอธิบายกระบวนการเกิดสปีชสี ์ใหมข่ องสง่ิ มีชีวติ

รวมท้ังหมด 15 ผลกำรเรยี นรู้

87

คำอธบิ ำยรำยวิชำ

กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี วิชำเพ่ิมเติม

รหสั วชิ ำ ว30243 ชวี วทิ ยำ 3 ช้ันมัธยมศึกษำปีท่ี 5 ภำคเรียนท่ี 1
เวลำ 60 ช่วั โมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต

ศึกษาโครงสร้างของดอกและชนิดของผล วัฏจักรชีวิตแบบสลับของพืชดอก การสบื พันธ์แุ บบอาศัยเพศของ
พืชดอก การใช้ประโยชน์จากโครงสร้างต่างๆ ของผลและเมล็ด เนื้อเยื่อพืช โครงสร้างและการเจริญเติบโตของราก
ลาตน้ และใบ การลาเลียงน้า การแลกเปล่ียนแก๊สและการคายน้า การลาเลยี งธาตุอาหาร การลาเลียงอาหาร การศึกษา
ท่ีเก่ียวขอ้ งกับการสังเคราะห์ด้วยแสง กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช โฟโตเรสไพเรชัน การเพ่ิมความเข้มข้น
ของแก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ ปัจจยั บางประการท่ีมผี ลตอ่ อตั ราการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง ฮอรโ์ มนพืช ปัจจยั ทม่ี ีผลต่อการ
งอกของเมลด็ การตอบสนองของพืชในลกั ษณะการเคลอ่ื นไหว การตอบสนองต่อภาวะเครยี ด

โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้น
ข้อมูลและอภิปราย การแก้ปัญหาและการให้เหตุผล และนาความรู้ ความคิด ทักษะกระบวนการและสมรรถนะ

สาคัญ ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวันอยา่ งเปน็ ระบบและสร้างสรรค์
เพื่อให้เห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์ มีระเบียบ มีความรับผิดชอบ มีคุณลักษณะอันพึง

ประสงค์ มีวิจารณญาณ มีจิตสานึกในการใช้ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมอย่างประหยัดและคุ้มค่า มีคุณธรรม
จริยธรรม ยึดหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักคิด หลักปฏิบัติในการเรียนรู้ และมีค่านิยมท่ีเหมาะสม
สอดคลอ้ งกบั ท้องถิน่

ผลกำรเรียนรู้
1. อธิบายวัฏจักรชีวติ แบบสลับของพืชดอก

2. อธิบาย และเปรียบเทียบกระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธ์ุเพศผู้และเพศเมียของพืชดอก และอธิบายการ
ปฏิสนธิของพืชดอก

3. อธิบายการเกิดเมล็ดและการเกิดผลของพืชดอก โครงสร้างของเมล็ดและผล และยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์
จากโครงสร้างต่างๆ ของเมล็ดและผล

4. อธิบายเกี่ยวกับชนดิ และลักษณะของเน้ือเยอ่ื พืช และเขียนแผนผังเพ่ือสรุปชนิดของเน้ือเยอ่ื พืช

5. สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างภายในของรากพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและรากพืชใบเล้ียงคู่จากการตัด
ตามขวาง

6. สงั เกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างภายในของลาต้นพืชใบเล้ียงเดี่ยวและลาต้นพืชใบเลี้ยงคู่จากการตัด
ตามขวาง

7. สังเกต และอธิบายโครงสร้างภายในของใบพืชจากการตัดตามขวาง

8. สบื คน้ ขอ้ มลู และอธิบายกลไกการลาเลี้ยงนา้ และธาตุอาหารของพืช
9. สบื คน้ ขอ้ มลู สังเกต และอธิบายการแลกเปลย่ี นแก๊สและการคายนา้ ของพืช

10. สืบค้นข้อมูล อธิบายความสาคัญของธาตุอาหาร และยกตัวอย่างธาตุอาหารที่สาคัญที่มีผลต่อการ
เจริญเติบโตของพืช

11. อธิบายกลไกการลาเลียงอาหารในพืช

12. สืบค้นข้อมูล และสรุปการศึกษาท่ีได้จากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตเกี่ยวกับกระบวนการ
สังเคราะห์ด้วยแสง

13. อธิบายขั้นตอนที่เกดิ ขน้ึ ในกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืช C3
14. เปรียบเทียบกลไกการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ในพืช C3 พืช C4 และพชื CAM

88

15. สบื คน้ ข้อมลู อภิปราย และสรุปปจั จยั ความเข้มของแสง ความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์และอุณหภมู ิท่ี
มีผลตอ่ การสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืช

16. สบื คน้ ขอ้ มูล อธิบายบทบาทและหน้าท่ีของออกซิน ไซโทไคนนิ จิบเบอเรลลิน เอทลิ ีน และกรดแอบไซซิก และ
อภปิ รายเกี่ยวกับการนาไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตร

17. ทดลอง และอธิบายเกี่ยวกับปัจจัยตา่ งๆ ทมี่ ีผลต่อการงอกของเมล็ด สภาพพักตวั ของเมล็ดและบอกแนวทาง
ในการแก้สภาพพักตวั ของเมล็ด

18. สบื คน้ ขอ้ มลู ทดลอง และอภิปรายเก่ียวกับสิ่งเร้าภายนอกที่มีผลต่อการเจริญเตบิ โตของพืช

รวมทงั้ หมด 18 ผลกำรเรยี นรู้

89

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

กลมุ่ สำระกำรเรยี นรวู้ ทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี วชิ ำเพิม่ เตมิ

รหสั วิชำ ว30244 ชวี วทิ ยำ 4 ช้ันมัธยมศึกษำปีที่ 5 ภำคเรียนที่ 2
เวลำ 60 ช่วั โมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ

ศึกษาการย่อยอาหารของสัตว์ การย่อยอาหารของมนุษย์ การแลกเปล่ียนแก๊สของสัตว์ อวัยวะและ
โครงสรา้ งในระบบหายใจของมนุษย์ การแลกเปลีย่ นแกส๊ และการลาเลียงแก๊ส การลาเลียงสารในร่างกายของสัตว์

การลาเลียงสารในร่างกายของมนุษย์ ระบบน้าเหลือง กลไกการตอ่ ต้านหรือทาลายสิ่งแปลกปลอม การสรา้ งเสริม
ภูมิคุ้มกัน ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน การขับถ่ายของสัตว์ การขับถ่ายของมนุษย์ การทางานของหน่วยไต
ไตกบั การรกั ษาดุลยภาพของน้าและสารตา่ งๆ ในร่างกาย ความผดิ ปกติของระบบขบั ถา่ ย

โดยใช้ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบคน้ ขอ้ มูล
และอภปิ ราย การแกป้ ัญหาและการใหเ้ หตุผล และนาความรู้ ความคิด ทกั ษะกระบวนการและสมรรถนะสาคัญ ไป

ใช้ในชวี ติ ประจาวนั อย่างเป็นระบบและสรา้ งสรรค์
เพอ่ื ใหเ้ ห็นคณุ ค่าและมีเจตคตทิ ่ีดีต่อวิทยาศาสตร์ มีระเบียบ มีความรับผิดชอบ มคี ุณลักษณะอันพึงประสงค์

มีวิจารณญาณ มีจิตสานึกในการใช้ทรัพยากรและส่ิงแวดล้อมอย่างประหยัดและคุ้มค่า มีคุณธรรม จริยธรรม

ยึดหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลกั คดิ หลักปฏบิ ัติในการเรียนรู้ และมคี ่านิยมที่เหมาะสมสอดคล้องกับ
ท้องถ่นิ

ผลกำรเรยี นรู้
1. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างและกระบวนการย่อยอาหารของสัตว์ท่ีไม่มีทางเดิน

อาหาร สัตว์ทม่ี ีทางเดินอาหารแบบไม่สมบรู ณ์และสัตว์ที่มีทางเดินอาหารแบบสมบรู ณ์
2. สังเกต อธิบายการกินอาหารของไฮดราและพลานาเรีย
3. อธิบายเก่ียวกับโครงสร้างหน้าท่ีและกระบวนการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารภายในระบบย่อย

อาหารของมนุษย์
4. สืบค้นข้อมูล อธิบายและเปรียบเทียบโครงสร้างที่ทาหน้าท่ีแลกเปล่ียนแก๊สของฟองน้า ไฮดรา

พลานาเรีย ไส้เดอื นดนิ แมลง ปลา กบ และนก
5. สงั เกต และอธิบายโครงสร้างของปอดในสัตว์เลยี้ งลูกดว้ ยนา้ นม
6. สบื ค้นขอ้ มลู อธิบายโครงสร้างท่ีใชใ้ นการแลกเปลยี่ นแก๊ส และกระบวนการแลกเปล่ียนแก๊ส

ของมนุษย์
7. อธิบายการทางานของปอด และทดลองวัดปรมิ าตรของอากาศในการหายใจออกของมนุษย์

8. สบื ค้นขอ้ มลู อธิบาย และเปรียบเทียบระบบหมุนเวียนเลือดแบบเปิดและระบบหมุนเวยี นเลือด
แบบปิด

9. สงั เกต และอธิบายทิศทางการไหลของเลือดและการเคลื่อนท่ีของเซลล์เมด็ เลอื ดในหางปลา
และสรุปความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของหลอดเลือดกบั ความเร็วในการไหลของเลือด

10. อธิบายโครงสร้างและการทางานของหัวใจและหลอดเลือดในมนุษย์
11. สังเกต และอธิบายโครงสร้างหัวใจของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านม ทิศทางการไหลของเลือดผ่านหัวใจของ
มนุษย์และเขียนแผนผังสรุปการหมุนเวียนเลือดของมนุษย์

12. สืบคน้ ขอ้ มลู ระบคุ วามแตกตา่ งของเซลล์เมด็ เลอื ดแดง เซลล์เมด็ เลอื ดขาว เพลตเลต และพลาสมา

90

13. อธิบายหมเู่ ลอื ดและหลักการให้และรับเลือดในระบบ ABO และระบบ Rh
14. อธิบาย และสรุปเก่ียวกับส่วนประกอบและหน้าท่ีของน้าเหลือง รวมทั้งโครงสร้างและหน้าท่ีของหลอด
น้าเหลืองและต่อมน้าเหลือง
15. สืบค้นข้อมูล อธิบายและเปรียบเทียบกลไกการต่อต้านหรือทาลายสิ่งแปลกปลอมแบบไม่จาเพาะและ
แบบจาเพาะ
16. สืบคน้ ขอ้ มลู อธิบาย และเปรียบเทยี บการสร้างภูมิคมุ้ กันก่อเองและภูมิคุ้มกันรับมา
17. สืบคน้ ขอ้ มลู และอธิบายเก่ียวกับความผิดปกตขิ องระบบภูมิคุ้มกันท่ีทาใหเ้ กดิ เอดส์ ภูมแิ พ้
การสร้างภูมิตา้ นทานต่อเนื้อเยอ่ื ตนเอง
18. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างและหน้าที่ในการกาจัดของเสียออกจากร่างกายของ
ฟองน้า ไฮดรา พลานาเรีย ไส้เดือนดิน แมลง และสัตว์มกี ระดูกสนั หลัง
19. อธิบายโครงสร้างและหน้าท่ีของไต และโครงสร้างที่ใชล้ าเลียงปสั สาวะออกจากร่างกาย
20. อธิบายกลไกการทางานของหน่วยไต ในการกาจดของเสียออกจากร่างกาย และเขียนแผนผังสรุป
ขนั้ ตอนการกาจัดของเสียออกจากร่างกายโดยหน่วยไต
21. สืบคน้ ขอ้ มลู อธิบาย และยกตวั อย่างเก่ียวกับความผดิ ปกตขิ องไตอันเน่ืองมาจากโรคต่าง ๆ

รวมทงั้ หมด 21 ผลกำรเรียนรู้

91

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี วิชำเพม่ิ เติม

รหสั วิชำ ว30245 ชีววทิ ยำ 5 ช้ันมัธยมศึกษำปีที่ 6 ภำคเรียนที่ 1
เวลำ 60 ชวั่ โมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต

ศึกษาการรับรู้และการตอบสนองของสัตว์ โครงสร้างและการทางานของเซลล์ ศูนย์ควบคุมระบบ
ประสาทของมนุษย์ การทางานของระบบประสาท อวัยวะรับความรู้สึก การเคล่ือนท่ีของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว

การเคล่ือนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง การเคลื่อนท่ีของสัตว์มีกระดูกสันหลัง การเคลื่อนท่ีของมนุษย์
การทางานร่วมกันของระบบต่อมไร้ท่อและระบบประสาท ต่อมไร้ท่อ ฮอร์โมนและการทางานของฮอร์โมน
การรักษาสมดุลของฮอร์โมน การสืบพันธ์ุของสัตว์ การสืบพันธขุ์ องมนุษย์ การเจริญเติบโตของสัตว์ การศึกษา

พฤติกรรมของสัตว์ กลไกการเกิดพฤติกรรม ประเภทพฤติกรรมของสัตว์ ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมและ
วิวฒั นาการของระบบประสาท การสือ่ สารระหวา่ งสัตว์

โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้น
ข้อมูลและอภิปราย การแก้ปัญหาและการให้เหตุผล และนาความรู้ ความคิด ทักษะกระบวนการและสมรรถนะ
สาคญั ไปใช้ในชวี ิตประจาวันอยา่ งเปน็ ระบบและสรา้ งสรรค์

เพื่อให้เห็นคุณค่าและมีเจตคติท่ีดีต่อวิทยาศาสตร์ มีระเบียบ มีความรับผิดชอบ มีคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์ มีวิจารณญาณ มีจิตสานึกในการใช้ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมอย่างประหยัดและคุ้มค่า มีคุณธรรม

จริยธรรม ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักคิด หลักปฏิบัติในการเรียนรู้ และมีค่านิยมที่เหมาะสม
สอดคล้องกบั ทอ้ งถิน่

ผลกำรเรยี นรู้
1. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบประสาทของไฮดรา พลานาเรีย

ไส้เดอื นดิน กุ้ง หอย แมลง และสัตว์มีกระดูกสนั หลัง

2. อธิบายเกี่ยวกับโครงสร้าง และหน้าทข่ี องเซลล์ประสาท
3. อธิบายเกี่ยวกับการเปล่ียนแปลงของศักย์ไฟฟ้าท่ีเย่ือหมุ้ เซลล์ของเซลล์ประสาท และกลไกการถ่ายทอด

กระแสประสาท
4. อธิบาย และสรุปเก่ียวกับโครงสร้างของระบบประสาทส่วนกลาง และระบบประสาทรอบนอก
5. สบื ค้นขอ้ มูล อธิบายโครงสร้างและหน้าท่ีของส่วนต่างๆ ในสมองส่วนหน้า สมองส่วนกลาง สมองส่วน

หลงั และไขสันหลัง
6. สืบค้นข้อมูล อธิบาย เปรียบเทียบ และยกตัวอย่างการทางานของระบบประสาทโซมาติก และระบบ

ประสาทอัตโนวัติ
7. สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของตา หู จมูก ลิ้นและผิวหนังของมนุษย์ ยกตัวอย่างโรค

ต่างๆ ท่ีเกย่ี วข้องและบอกแนวทางในการดูแล ปอ้ งกัน และรักษา

8. สังเกต และอธิบายการหาตาแหน่งของจุดบอด โฟเวีย และความไวในการรับสมั ผัสของผิวหนัง
9. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ของ

แมงกะพรุน หมกึ ดาวทะเล ไส้เดอื นดิน แมลง ปลา และนก
10. สืบค้นขอ้ มูล และอธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของกระดูกและกล้ามเนื้อท่ีเกยี่ วข้องกับการเคลื่อนไหว

และการเคล่ือนท่ีของมนุษย์

92

11. สังเกต และอธิบายการทางานของข้อตอ่ ชนิดต่างๆ และการทางานของกล้ามเนื้อโครงร่างที่เกี่ยวข้อง
กบั การเคล่ือนไหว และการเคล่ือนที่ของมนุษย์

12. สืบคน้ ขอ้ มลู อธิบาย และเขียนแผนผังสรุปหน้าท่ีของฮอร์โมนจากต่อมไร้ทอ่ และเนื้อเยอื่ ทสี่ ร้าง
ฮอร์โมน

13. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และยกตัวอย่างการสืบพันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ และการสืบพันธ์ุแบบอาศยเพศ
ในสัตว์

14. สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้าง และหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศชาย และระบบสืบพันธ์
เพศหญิง

15. อธิบายกระบวนการสร้างสเปิร์ม กระบวนการสร้างเซลล์ไขแ่ ละการปฏสิ นธิในมนุษย์
16. อธิบายการเจริญเติบโตระยะเอม็ บรโิ อและระยะหลังเอม็ บริโอของกบ ไก่ และมนุษย์
17. สืบค้นข้อมูล อธิบาย เปรียบเทียบ และยกตัวอย่างพฤติกรรมที่เป็นมาแต่กาเนิดและพฤติกรรมท่ีเกิด
จากการเรียนรู้ของสัตว์
18. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และยกตัวอย่างความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมกับวิวัฒนาการของระบบ
ประสาท
19. สืบคน้ ขอ้ มลู อธิบาย และยกตวั อย่างการส่ือสารระหว่างสัตว์ทท่ี าใหส้ ัตว์แสดงพฤติกรรม

รวมทง้ั หมด 19 ผลกำรเรียนรู้

93

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี วิชำเพิม่ เตมิ

รหสั วิชำ ว30246 ชวี วิทยำ 6 ชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี 6 ภำคเรียนที่ 2
เวลำ 60 ชว่ั โมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต

ศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต การศึกษาความหลากหลายของ
สิ่งมีชีวิต ระบบนิเวศ ไบโอม การเปลี่ยนแปลงแทนท่ีของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ ประชากร ประเภทของ
ทรพั ยากรธรรมชาติ การใช้ประโยชนจ์ ากทรพั ยากรธรรมชาติ ปัญหาและการจัดการ การอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อมเพอื่ ความยั่งยืน

โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้น

ข้อมูลและอภิปราย การแก้ปัญหาและการให้เหตุผล และนาความรู้ ความคิด ทักษะกระบวนการและสมรรถนะ
สาคญั ไปใช้ในชีวติ ประจาวันอย่างเปน็ ระบบและสร้างสรรค์

เพื่อให้เห็นคุณค่าและมีเจตคติท่ีดีต่อวิทยาศาสตร์ มีระเบียบ มีความรับผิดชอบ มีคุณลักษณะอันพึง

ประสงค์ มีวิจารณญาณ มีจิตสานึกในการใช้ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมอย่างประหยัดและคุ้มค่า มีคุณธรรม
จริยธรรม ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักคิด หลักปฏิบัติในการเรียนรู้ และมีค่านิยมที่เหมาะสม

สอดคลอ้ งกบั ท้องถนิ่

ผลกำรเรียนรู้

1. อภิปรายความสาคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ และความเชื่อมโยงระหว่างความหลากหลายทาง
พนั ธุกรรม ความหลากหลายของสปีชีส์ และความหลากหลายของระบบนิเวศ

2. อธิบายการเกิดเซลล์เริ่มแรกของส่ิงมีชวี ิต และวิวัฒนาการของสิ่งมีชวี ิตเซลลเ์ ดยี ว

3. อธิบายลักษณะสาคัญ และยกตัวอย่างส่ิงมีชีวิตกลุ่มแบคทีเรีย ส่ิงมีชีวิตกลุ่มโพรทิสตา สิ่งมีชวี ิตกลุ่มพืช
ส่ิงมีชวี ติ กลุ่มฟังไจ และส่ิงมีชวี ติ กลุ่มสัตว์

4. อธิบาย และยกตัวอย่างการจาแนกส่ิงมีชีวิต จากหมวดหมู่ใหญ่จนถึงหมวดหมู่ย่อย และวิธีการเขียนช่ือ
วทิ ยาศาสตร์ในลาดับขนั้ สปชี สี ์

5. สร้างไดโคโทมัสคียใ์ นการระบุสิ่งมีชวี ิตหรือตวั อย่างท่ีกาหนดออกเป็นหมวดหมู่

6. วิเคราะห์ อธิบาย และยกตวั อย่างกระบวนการถ่ายทอดพลังงานในระบบนิเวศ
7. อธิบาย ยกตวั อย่างการเกิดไบโอแมกนิฟเิ คชัน และบอกแนวทางในการลดการเกิดไบโอแมกนิฟิเคชนั

8. สบื ค้นขอ้ มลู และเขียนแผนภาพเพอ่ื อธิบายวัฏจักรไนโตรเจน วฏั จักรกามะถนั และวัฏจักรฟอสฟอรั
9. สบื ค้นขอ้ มลู ยกตวั อย่างและอธิบายลกั ษณะของไบโอมที่กระจายอยู่ตามเขตภมู ิศาสตร์ต่างๆ บนโลก
10. สืบคน้ ขอ้ มลู ยกตวั อย่าง อธิบายและเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงแทนท่ีแบบปฐมภูมิและการ

เปลยี่ นแปลงแทนที่แบบทตุ ยิ ภมู ิ
11. สืบคน้ ขอ้ มลู อธิบาย ยกตวั อย่างและสรุปเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของประชากรของสิ่งมีชีวิตบางชนิด

12. สืบค้นข้อมูล อธิบาย เปรียบเทียบ และยกตัวอย่างการเพ่ิมของประชากรแบบเอ็กโพเนนเชียล และ
การเพิ่มของประชากรแบบลอจิสตกิ

13. อธิบาย และยกตวั อย่างปจั จัยทค่ี วบคมุ การเติบโตของประชากร
14. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปปญั หาการขาดแคลนน้า การเกิดมลพิษทางน้า และผลกระทบที่มตี อ่ มนุษย์
และสิ่งแวดล้อมรวมทง้ั เสนอแนวทางการวางแผนการจัดการน้าและการแก้ไขปัญหา

94

15. วิเคราะห์ อภปิ ราย และสรุปปญั หามลพิษทางอากาศ และผลกระทบท่ีมตี ่อมนษุ ย์และสิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม
รวมทง้ั เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา

16. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปปัญหาท่ีเกิดกับทรัพยากรดิน และผลกระทบท่ีมีต่อมนุษย์และส่ิงแวดล้อม
รวมทงั้ เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา

17. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปปัญหา ผลกระทบท่ีเกิดจากการทาลายป่าไม้ รวมท้ังเสนอแนวทางในการ
ปอ้ งกันการทาลายป่าไม้และการอนุรักษ์ปา่ ไม้

18. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปปัญหา ผลกระทบที่ทาให้สัตว์ป่ามีจานวนลดลง และแนวทางในการ
อนุรกั ษ์สตั ว์ป่า

รวมทงั้ หมด 18 ผลกำรเรยี นรู้

95

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ วิชำเพิม่ เตมิ

รหสั วชิ ำ ว30247 วทิ ยำศำสตร์สิ่งแวดล้อม ชัน้ มัธยมศึกษำตอนปลำย
เวลำ 40 ชัว่ โมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต

สบื ค้นข้อมูล สารวจตรวจสอบ สังเกต วเิ คราะห์ อภปิ ราย การแปลความหมาย การแก้ปัญหา และอธิบาย
เกี่ยวกับดลุ ยภาพของระบบนเิ วศ กระบวนการเปลยี่ นแปลงแทนท่ขี องส่ิงมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและ

แนวทางในการดแู ลรักษา สภาพปญั หา สาเหตขุ องปัญหาส่งิ แวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติในระดบั ท้องถ่ิน
ในประเทศภูมภิ าคอาเซยี น และระดับโลก แนวทางในการปอ้ งกนั แกไ้ ขปัญหาสง่ิ แวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติ
การอนรุ ักษ์ และพัฒนาส่ิงแวดล้อมและทรพั ยากรธรรมชาติ

โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์การสบื เสาะหาความรูโ้ ดยการสารวจตรวจสอบ สบื ค้นข้อมูล บันทกึ
รวบรวมข้อมูล จัดกระทาขอ้ มูล และการอภิปราย

เพอ่ื ใหเ้ กิดความรู้ ความเข้าใจอย่างมีเหตุผล สอื่ สารสิ่งทเ่ี รยี นรู้ มคี วามอยากรูอ้ ยากเห็น
สามารถตัดสนิ ใจอย่างเปน็ ระบบ นาความรู้ไปใช้ในชีวติ ประจาวนั มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม
และค่านิยมที่เหมาะสมสอดคลอ้ งกบั ทอ้ งถนิ่

ผลกำรเรียนรู้

1. สารวจ วเิ คราะห์ และอธบิ ายหลักการของกระบวนการเปลีย่ นแปลงแทนที่และยกตัวอยา่ งกระบวนการ
เปลยี่ นแปลงแทนท่ีในทอ้ งถนิ่

2. สบื ค้นขอ้ มูล และอธบิ ายความสาคัญของความหลายหลายของส่ิงมีชีวิตความหลากหลาย
ของระบบนิเวศ และดลุ ยภาพของระบบนิเวศในท้องถิน่

3. สารวจ สบื คน้ ขอ้ มูล วิเคราะห์และนาเสนอ เกี่ยวกับสภาพแวดลอ้ มและทรพั ยากรในทอ้ งถิน่
4. สบื คน้ ข้อมูล วเิ คราะห์ และนาเสนอการใช้ทรพั ยากรธรรมชาติ ปัญหา สาเหตุของปัญหา
และการปอ้ งกนั แก้ไข

5. สบื ค้นขอ้ มูล วเิ คราะห์ และนาเสนอการอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาตขิ องทอ้ งถ่นิ และของประเทศ
6. วิเคราะห์ และนาเสนอโดยการระดมความคิด วางแผน และลงมอื ปฏบิ ตั ริ ว่ มกับชุมชน

ในการปอ้ งกัน เฝ้าระวงั แก้ปัญหา และอนุรกั ษพ์ ฒั นาทรพั ยากรธรรมชาติของท้องถิน่

รวมท้งั หมด 6 ผลกำรเรยี นรู้

96

คำอธิบำยรำยวิชำ

กลมุ่ สำระเรียนรูว้ ิทยำศำสตร์ วิชำเพิม่ เตมิ

รหสั วชิ ำ ว30248 วิทยำศำสตรเ์ พ่ือสุขภำพ ช้ันมธั ยมศึกษำตอนปลำย
เวลำ 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต

สืบคน้ ข้อมลู สารวจตรวจสอบ วเิ คราะห์ อภปิ ราย และอธิบายเกีย่ วกับเทคโนโลยแี ละการพัฒนา
คุณภาพชีวิต ความสมั พนั ธ์ของสขุ ภาพกบั อาหาร การออกกาลงั กาย การใช้สารเคมีในชีวติ ประจาวัน

ยาและเวชภัณฑ์ การนาสมุนไพรไปใช้ประโยชน์ การแปรรปู สมุนไพร และวิธกี ารพัฒนาและสง่ เสริมสขุ ภาพ
เกีย่ วกบั การนวดแผนไทย

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรูโ้ ดยการสารวจตรวจสอบ สบื ค้นข้อมูล

บนั ทกึ รวบรวมข้อมูล จัดกระทาขอ้ มูล และการอภิปราย
เพอื่ ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจอย่างมีเหตุผล ส่อื สารส่งิ ท่ีเรียนรู้ มคี วามอยากรู้อยากเห็น

สามารถตัดสินใจอย่างเป็นระบบ นาความรไู้ ปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั มีจติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม
และค่านยิ มท่เี หมาะสมสอดคลอ้ งกบั ท้องถน่ิ

ผลกำรเรียนรู้
1. สืบค้นข้อมูล ตรวจสอบ และอธิบายเกย่ี วกบั เทคโนโลยที ีส่ ง่ ผลตอ่ การพฒั นาคณุ ภาพชวี ิต
2. มีความรู้ ความเข้าใจ อธิบายถงึ ความสาคัญของการพฒั นาเทคโนโลยีเพอ่ื การดารงชวี ิตของมนุษย์

3. สืบคน้ ขอ้ มูล ตรวจสอบ อธบิ าย วิเคราะห์ และนาเสนอเกย่ี วกับอาหาร สารอาหาร ทีส่ ่งผล
ตอ่ การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ

4. นาเสนอเก่ยี วกับสารเคมีที่อยูร่ อบตวั ทงั้ ท่ีส่งผลดี ผลเสียตอ่ ส่งิ มีชวี ิต
5. สบื ค้นข้อมูล อภปิ ราย วเิ คราะห์ และนาเสนอวธิ กี ารอา่ นฉลากยา การบริโภคยาและเวชภัณฑ์
ท่ถี กู วิธี

6. สบื ค้นข้อมูล อภปิ ราย นาเสนอ และนาความร้เู ร่ืองยาสมนุ ไพรไปประยกุ ต์ใช้ให้เปน็ ประโยชน์
ต่อสงั คมและสง่ิ แวดล้อม

7. สืบคน้ ขอ้ มูล อภิปราย และนาเสนอการแปรรปู สมุนไพร
8. สบื ค้นขอ้ มูล อภิปราย วิเคราะหแ์ นวทาง และนาเสนอวิธกี ารพัฒนาและสง่ เสรมิ สขุ ภาพเก่ียวกับการ
นวดแผนไทย

รวมทงั้ หมด 8 ผลกำรเรียนรู้

97

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

กลุ่มสำระเรียนรู้วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี วิชำเพม่ิ เตมิ
รหสั วิชำ ว 30261 โลก และดวงดำว ช้นั มธั ยมศึกษำตอนปลำย
เวลำ 40 ชวั่ โมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ

สืบค้นขอ้ มูล สารวจตรวจสอบ วเิ คราะห์ อภปิ ราย การแก้ปัญหาและอธบิ ายเกย่ี วกบั การเกดิ และ
ววิ ฒั นาการของระบบสุรยิ ะ กาแลกซ่ี และเอกภพ ธรรมชาตแิ ละววิ ัฒนาการของดาวฤกษ์ การส่งและคานวณ

ความเรว็ ในการโคจรของดาวเทียมรอบโลก ประโยชน์ของดาวเทียมในดา้ นต่างๆ การส่งและสารวจอวกาศ
โดยใช้ยานอวกาศและสถานอี วกาศ

โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์การสืบเสาะหาความรู้โดยการสารวจตรวจสอบ สบื ค้นขอ้ มูล บนั ทกึ
รวบรวมข้อมลู จัดกระทาข้อมูล และการอภปิ ราย

เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจอย่างมีเหตุผล ส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้ มีความอยากรู้อยากเห็น สามารถ

ตดั สินใจอย่างเป็นระบบ นาความร้ไู ปใช้ในชีวิตประจาวนั มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และค่านิยมท่ี
เหมาะสมสอดคล้องกบั ท้องถิน่

ผลกำรเรยี นรู้
1. สืบค้นข้อมูล ตรวจสอบ และอธบิ ายการเกิดและววิ ัฒนาการของเอกภพและดาราจักร

2. สืบค้นข้อมูล ตรวจสอบ และอธิบายการเกดิ และวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ และพลังงานของดาวฤกษ์ท่ี
เกิดจากปฏกิ ริ ยิ านิวเคลยี ร์ฟิวชน่ั

3. สืบคน้ ขอ้ มูล ตรวจสอบ และอธบิ ายการเกิดและวิวฒั นาการ ของระบบสุริยะ

4. สงั เกต อภปิ ราย และอธิบายเกยี่ วกับตาแหนง่ ของโลก ในระบบสรุ ยิ ะ ในกาแลกซี และความกว้างของ
เอกภพ

5. อธบิ ายการเกิดของระบบสรุ ยิ ะและอิทธิพลของดวงอาทติ ย์ ต่อโลก
6. สบื ค้นขอ้ มูล ตรวจสอบ และอธบิ ายเก่ยี วกบั ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอวกาศ และโครงการอวกาศ
ท่ีสาคญั

7. สบื คน้ ขอ้ มูล และนาเสนอการใช้ประโยชนจ์ ากความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยอี วกาศ และปรากฏการณ์
ต่าง ๆ บนโลก

8. อธิบายเก่ียวกบั แรงโนม้ ถว่ งของโลกได้
9. อธิบายเกยี่ วกับระบบการขนส่งอวกาศ การอาศยั และการทางานในยานขนส่งอวกาศได้
10. อธบิ ายวงโคจรของดาวเทยี ม และการบอกประโยชน์จากดาวเทียมประเภทตา่ ง ๆ

รวมทั้งหมด 10 ผลกำรเรียนรู้

98

คำอธิบำยรำยวิชำ

กล่มุ สำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี วชิ ำเพ่มิ เตมิ

รหัสวิชำ ว30262 โลก ดำรำศำสตร์และอวกำศ 1 ชนั้ มธั ยมศกึ ษำตอนปลำย
เวลำ 20 ช่วั โมง จำนวน 0.5 หน่วยกิต

ศึกษาเก่ียวกับข้อมูลในการศึกษาและแบ่งช้ันโครงสร้างโลก การแบ่งชั้นโครงสร้างโลก แนวคิดทฤษฎี
ทวีปเล่ือนและหลักฐานสนับสนุน แนวคดิ ทฤษฎกี ารแผ่ขยายพ้นื สมทุ รและหลักฐานการสนับสนุน การแปรสณั ฐาน

ของแผ่นธรณี ธรณีสัณฐานและธรณีโครงสร้างท่ีเกิดจากการเคล่ือนที่ของแผ่นธรณี การลาดับชั้นหิน อายุทาง
ธรณีวิทยา การเทียบสมั พันธ์ทางลาดบั ช้นั หิน ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว สึนามิ

โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสบื คน้ ข้อมูล และ

อภปิ ราย
เพอื่ ให้เกิดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ ส่ือสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ นาความรูไ้ ป

ใช้ในชีวิตของตนเอง ดูแลรักษาสิ่งมีชีวิตอ่ืน เฝ้าระวัง และพัฒนาส่ิงแวดล้อมอย่างยั่งยืน มีสมรรถนะสาคัญ
มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักคิด หลักปฏิบัติในการเรียนรู้
มีจติ วิทยาศาสตร์ มคี ุณธรรมจริยธรรม และคา่ นิยมที่เหมาะสมสอดคลอ้ งกบั ทอ้ งถิ่น

ผลกำรเรยี นรู้
1. อธิบายการแบ่งช้ันและสมบัตขิ องโครงสร้างโลก พร้อมยกตวั อย่างขอ้ มลู ทสี่ นบั สนุน

2. อธิบายหลักฐานทางธรณีวทิ ยาทสี่ นับสนนุ การเคลือ่ นทขี่ องแผ่นธรณี
3. ระบุสาเหตุและอธิบายแนวรอยต่อของแผ่นธรณีที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนท่ีของแผ่นธรณี พร้อมยกตัวอย่าง

หลกั ฐานทางธรณวี ทิ ยาทพ่ี บ
4. วเิ คราะหห์ ลกั ฐานทางธรณีวทิ ยาที่พบในปัจจุบันและอธบิ ายลาดับเหตุการณ์ทางธรณวี ทิ ยา

ในอดีต

5. อธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกิดภูเขาไฟระเบิด และปจั จัยทีท่ าให้ความรนุ แรงของการปะทุ และรปู ร่างของ
ภูเขาไฟแตกตา่ งกัน รวมทง้ั สืบค้นข้อมูลพนื้ ที่เสยี่ งภยั ออกแบบและนาเสนอแนวทางการเฝา้ ระวงั และการปฏิบัติตน

ให้ปลอดภัย
6. อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิดขนาดและความรุนแรง และผลจากแผ่นดินไหว รวมทั้งสืบค้นข้อมูลพ้ืนที่

เส่ียงภยั ออกแบบและนาเสนอแนวทางการเฝา้ ระวังและการปฏบิ ัตติ นใหป้ ลอดภัย

7. อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิด และผลจากสึนามิ รวมทั้งสืบค้นข้อมูลพื้นท่ีเสี่ยงภัย ออกแบบและนาเสนอ
แนวทางการเฝ้าระวงั และการปฏบิ ตั ติ นใหป้ ลอดภยั

รวมทั้งหมด 7 ผลกำรเรยี นรู้

99

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี วชิ ำเพิ่มเติม

รหัสวิชำ ว30263 โลก ดำรำศำสตร์และอวกำศ 2 ชนั้ มัธยมศกึ ษำตอนปลำย
เวลำ 20 ช่วั โมง จำนวน 0.5 หนว่ ยกติ

ศึกษาเก่ียวกับทรัพยากรแร่ ทรัพยากรหิน ทรัพยากรปิโตรเลียมและถ่านหิน องค์ประกอบของแผนที่
ภมู ปิ ระเทศและแผนที่ธรณีวิทยา ข้อมูลในแผนทภ่ี ูมิประเทศ ข้อมลู ในแผนทีธ่ รณีวทิ ยา การใช้ประโยชนจ์ ากแผนท่ี

ภูมปิ ระเทศและแผนท่ีธรณวี ทิ ยา
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสบื คน้ ข้อมูล และ

อภิปราย

เพ่ือให้เกดิ ความรู้ ความคิด ความเข้าใจ ส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ นาความรู้ไปใช้
ในชีวิตของตนเอง ดูแลรักษาส่ิงมีชีวิตอ่ืน เฝ้าระวัง และพัฒนาส่ิงแวดล้อมอย่างยั่งยืน มีสมรรถนะสาคัญ

มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักคิด หลักปฏิบัติในการเรียนรู้
มีจติ วิทยาศาสตร์ มีคุณธรรมจริยธรรม และคา่ นิยมท่ีเหมาะสมสอดคลอ้ งกบั ทอ้ งถ่ิน

ผลกำรเรยี นรู้
1. ตรวจสอบ และระบุชนิดแร่ รวมทั้งวิเคราะห์สมบัติและนาเสนอการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรแร่ท่ี

เหมาะสม

2. ตรวจสอบ จาแนกประเภท และระบุชื่อหิน รวมทั้งวิเคราะห์สมบัติและนาเสนอการใช้ประโยชน์ของ
ทรพั ยากรหินทเี่ หมาะสม

3. อธิบายกระบวนการเกิด และการสารวจแหล่งปิโตรเลียมและถ่านหิน โดยใชข้ ้อมูล
ทางธรณีวทิ ยา

4. อธิบายสมบตั ขิ องผลติ ภัณฑ์ทไี่ ดจ้ ากปิโตรเลยี มและถ่านหิน พร้อมนาเสนอการใชป้ ระโยชน์อย่างเหมาะสม

5. อา่ นและแปลความหมายจากแผนทภี่ ูมปิ ระเทศและแผนท่ีธรณีวิทยาของพ้ืนท่ีที่กาหนด พรอ้ มทง้ั อธิบายและ
ยกตวั อยา่ งการนาไปใช้ประโยชน์

รวมทั้งหมด 5 ผลกำรเรยี นรู้

100

คำอธิบำยรำยวิชำ

กลุม่ สำระเรยี นร้วู ทิ ยำศำสตร์ วชิ ำเพ่มิ เติม

รหัสวชิ ำ ว 30264 โลก ดำรำศำสตร์และอวกำศ 3 ชนั้ มัธยมศึกษำตอนปลำย
เวลำ 20 ชวั่ โมง จำนวน 0.5 หน่วยกิต

สบื ค้นขอ้ มูล สารวจตรวจสอบ วิเคราะห์ อภิปราย และอธิบายเกย่ี วกบั การรับพลงั งานจากดวงอาทิตย์
ของโลก การเกดิ สมดุลพลงั งานของโลก การหมุนเวียนของอากาศ ความกดอากาศ แรงคอรอิ อลิส แรงสู่

ศนู ยก์ ลางและแรงเสียดทานท่มี ตี อ่ การหมนุ เวยี นของอากาศ การหมุนเวยี นของอากาศตามเขตลตจิ ูดและผลท่ีมี
ต่อภมู ิอากาศ การแบง่ ช้นั น้าในมหาสมุทร การหมุนเวียนของน้าในมหาสมุทร ผลของการหมนุ เวียนของนา้ ใน
มหาสมทุ รทีม่ ีต่อลักษณะลมฟา้ อากาศ สงิ่ มีชีวิตและสง่ิ แวดลอ้ ม

โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบคน้ ข้อมูล
แปลความหมายข้อมูล และการอภปิ ราย

เพ่ือให้เกดิ ความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถส่ือสารสงิ่ ทีเ่ รียนรู้ มคี วามสามารถในการตัดสินใจ
นาความรู้ไปใชใ้ นชีวิตประจาวัน ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เปน็ หลกั ปฏิบัตใิ นการเรียนรู้
มจี ติ วิทยาศาสตร์ คุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม

ผลกำรเรยี นรู้
1. อธิบายปจั จัยสาคัญท่มี ผี ลตอ่ การรบั และคายพลงั งานจากดวงอาทิตยแ์ ตกต่างกัน และผลท่มี ีต่อ

อุณหภมู ิอากาศในแต่ละบรเิ วณของโลก
2. อธิบายกระบวนการทท่ี าใหเ้ กิดสมดุลพลงั งานของโลก

3. อธบิ ายผลของแรงเนื่องจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอรอิ อลิส แรงสู่ศูนย์กลาง
และแรงเสียดทานทมี่ ีตอ่ การหมุนเวยี นของอากาศ

4. อธบิ ายการหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจดู และผลท่ีมตี ่อภมู ิอากาศ

5. อธิบายปจั จัยท่ีทาให้เกิดการแบ่งช้ันนา้ ในมหาสมุทร
6. อธิบายปจั จัยท่ีทาให้เกิดการหมุนเวยี นของน้าในมหาสมุทรและรูปแบบการหมุนเวยี นของนา้ ในมหาสมุทร

7. อธบิ ายผลของการหมุนเวียนของน้าในมหาสมทุ รท่ีมีตอ่ ลกั ษณะลมฟ้าอากาศ สง่ิ มชี ีวติ และสงิ่ แวดล้อม

รวมทงั้ หมด 7 ผลกำรเรียนรู้

101

คำอธิบำยรำยวิชำ

วชิ ำ โลก ดำรำศำสตร์ และอวกำศ 4 รหสั วิชำ ว30265 กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ ฯ
ชนั้ มัธยมศึกษำปที ี่ 5 ภำคเรียนที่ 2 เวลำ 40 ชวั่ โมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ

ศกึ ษาเสถยี รภาพและการเกิดเมฆ กลไลการยกตัวของอากาศกับการเกิดเมฆ การเกิดแนวปะทะอากาศ

แบบตา่ ง ๆ และลักษณะลมฟ้าอากาศทีเ่ กยี่ วข้อง ปัจจยั ทม่ี ผี ลตอ่ การเปล่ยี นแปลงภมู ิอากาศของโลกและข้อมูล
สนับสนุน ผลขจากการเปล่ียนแปลงภูมอิ ากาศและแนวปฏบิ ตั ิของมนษุ ย์ทม่ี สี ว่ นช่วยในการชะลอ แร

เปล่ยี นแปลงภมู ิอากาศโลก การแปลความหมายสญั ลกั ษณล์ มฟ้าอากาศบนแผนท่ีอากาศ ภาพถ่ายดาเทียม และ
ขอ้ มูลเรดาร์ตรวจอากาศ การคากการณ์ลักษณ์ลมฟา้ อากาศเบอื้ งตน้ จากข้อมูลสารสนเทศทางอุตุนิยมวทิ ยาเพอ่ื
วางแปนในการประกอบอาชีพและการดาเนินชีวิตใหส้ อดคล้องกบั สภาพลมฟ้าอากาศ

โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสบื ค้นขอ้ มูล การสะงเกต วิเคราะห์
เปรยี บเทียบ อธบิ าย อภิปราย และสรปุ

เพอ่ื ให้เกิดความรู้ความเขา้ ใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ มที กั ษะปฏบิ ัติการทางวิทยาศาสตร์
รวมท้ังทกั ษธการเรยี นรูใ้ นศตวรรษท่ี 21 ในด้านการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการคดิ และการแก้ปัญหา
ด้านการสอ่ื สาร สามารถส่อื สารสิง่ ท่เี รยี นรู้และนาไปใชใ้ นชวี ิตของตนเอง มจี ิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม

และค่านิยมท่เี หมาะสม

ผลกำรเรียนรู้

1. อธิบายความสมั พันธร์ ะหว่างเสถยี รภาพอากาศและการเกิดเมฆ
2. อธิบายการเกดิ แนวปะทะอากาศแบบตา่ ง ๆ และลกั ษณะลมฟ้าอากาศที่เกย่ี วข้อง
3. อธิบายปจั จัยต่าง ๆ ทมี่ ีผลตอ่ การเปลี่ยนแปลงภูมอิ ากาศโลก พร้อมยกตัวอยา่ งข้อมูลสนับสนนุ
4. วเิ คราะห์ และอภิปรายเหตกุ ารณท์ เี่ ป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงภมู อิ ากาศ และนาเสนอแนวปฏบิ ัติ
ของมนุษยท์ ่มี ีสว่ นชว่ ยในการชะลอการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศโลก
5. แปลความหมายสญั ลักษณล์ มฟ้าอากาศบนแผนท่อี ากาศ

6. วเิ คราะห์ และคาดการณ์ลกั ษณะลมฟ้าอากาศเบื้องต้นจากแผนทีอ่ ากาศและข้อมลู สารสนเทศเพือ่
วางแผนในการประกอบอาชพี และการดาเนินชวี ิตในสอดคล้องกับสภาพลมฟ้าอากาศ

รวมทัง้ หมด 6 ผลกำรเรยี นรู้

102

คำอธิบำยรำยวชิ ำ

วิชำ โลก ดำรำศำสตรแ์ ละอวกำศ 5 รหสั วิชำ ว30266 ชนั้ มธั ยมศกึ ษำปีที่ 6
ภำคเรยี นที่ 1 เวลำ 40 ชวั่ โมง

สืบค้นข้อมูล สารวจตรวจสอบ วิเคราะห์ อภิปราย และอธิบายเกี่ยวกับทฤษฎีกาเนิดเอกภพ กาแล็กซี

ดาวฤกษ์ ปฏกิ ิริยาเทอรม์ อนวิ เคลยี ร์ ความส่องสวา่ งของดาวฤกษ์ สีของดาวฤกษ์ การหาระยะทางของดาวฤกษ์
มวลของดาวฤกษ์ วิวัฒนาการของดาวฤกษ์

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบคน้ ข้อมลู
แปลความหมายขอ้ มูล และการอภิปราย

เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ

นาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นหลักปฏิบัติในการเรียนรู้ มีจิต
วิทยาศาสตร์ คณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นิยมที่เหมาะสม

ผลกำรเรยี นรู้
1. อธบิ ายการกาเนดิ และการเปลยี่ นแปลงพลังงาน สสาร ขนาด อณุ หภูมิของเอกภพหลงั เกิดบกิ แบงใน

ช่วงเวลาตา่ งๆ ตามวิวฒั นาการของเอกภพ
2. อธบิ ายหลกั ฐานทสี่ นบั สนุนทฤษฎบี ิกแบงจากความสมั พันธร์ ะหว่างความเรว็ กับระยะทางของกาแล็กซี รวมทงั้

ข้อมูลการค้นพบไมโครเวฟพ้ืนหลังอวกาศ

3. อธิบายโครงสรา้ งและองคป์ ระกอบของกาแล็กซีทางช้างเผอื ก และระบุตาแหน่งของระบบสรุ ยิ ะ
พรอ้ มอธิบายเชื่อมโยงกบั การสงั เกตเหน็ ทางช้างเผือกของคนบนโลก

4. อธบิ ายกระบวนการเกดิ ดาวฤกษ์ โดยแสดงการเปลย่ี นแปลงความดนั อณุ หภูมิ ขนาดจากดาวฤกษ์กอ่ นเกิด
จนเปน็ ดาวฤกษ์

5. อธบิ ายกระบวนการสร้างพลงั งานของดาวฤกษแ์ ละผลทีเ่ กดิ ข้ึน โดยวิเคราะห์ปฏกิ ิริยาลูกโซโ่ ปรตอน-โปรตอน

และวัฏจกั รคารบ์ อน ไนโตรเจน ออกซิเจน
6. ระบปุ ัจจยั ที่ส่งผลต่อความส่องสวา่ งของดาวฤกษ์และอธบิ ายความสัมพนั ธร์ ะหว่างความส่องสวา่ งกับโชตมิ าตร

ของดาวฤกษ์
7. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างสี อุณหภมู ผิ วิ และสเปกตรัมของดาวฤกษ์
8. อธิบายวิธกี ารหาระยะทางของดาวฤกษด์ ้วยหลักการแพรัลแลกซ์ พร้อมคานวณหาระยะทางของดาวฤกษ์

9. อธบิ ายลาดับวิวัฒนาการที่สัมพนั ธ์กับมวลตัง้ ต้นและวเิ คราะหก์ ารเปลีย่ นแปลงสมบตั ิบางประการของดาวฤกษ์
ในลาดับววิ ฒั นาการ จากแผนภาพเฮิร์ซปรุง-รัสเซลล์

รวมทัง้ หมด 9 ผลกำรเรียนรู้

103

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

วชิ ำโลก ดำรำศำสตร์ และอวกำศ 6 รหสั วชิ ำ ว30267 รำยวิชำเพิม่ เติม
ช้ันมัธยมศกึ ษำปที ี่ 6 ภำคเรียนที่ 2 เวลำ 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต

ศึกษาความสมั พนั ธข์ องดาราศาสตร์กบั มนุษย์ โดยทาความเข้าใจเกี่ยวกับองคป์ ระกอบของทรงกลมฟา้

การระบพุ กิ ัดของดาวในระบบของฟา้ และระบบศนู ยส์ ตู ร เสน้ ทางการขนึ้ การตกของดวงอาทิตยแ์ ละดาวฤกษ์
การกาหนดเวลาสุรยิ คติ และตาแหนง่ ปรากฏของดาวเคราะหซ์ ึง่ สังเกตได้จากโลก

โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสบื ค้นขอ้ มูล การสังเกต วเิ คราะห์
เปรยี บเทียบ อธบิ าย อภิปราย และสรุป

เพอื่ ใหเ้ กดิ ความรู้ ความเขา้ ใจ มีความสามารถในการตัดสินใจมีทักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์
รวมท้งั ทักษะการเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21 ในดา้ นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปญั หา
ดา้ นการสอ่ื สาร สามารถส่อื สารสงิ่ ท่เี รยี นรู้และนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวนั ของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร์
จรยิ ธรรม คุณธรรม และค่านยิ มทเี่ หมาะสม

ผลกำรเรยี นรู้

1. สรา้ งแบบจาลองทรงกลมฟา้ สังเกต และเชือ่ มโยงจุดและเส้นสาคญั ของแบบจาลองทรงกลมฟา้ กบั
ทอ้ งฟ้าจรงิ และอธบิ ายการระบุพกิ ดั ของดาวในระบบขอบฟ้า และระบบศนู ย์สูตร

2. สังเกตท้องฟา้ และอธบิ ายเส้นทางการขนึ้ การตกของดวงอาทิตย์และดาวฤกษ์
3. อธบิ ายเวลาสุริยคติปรากฏ โดยรวบรวมขอ้ มูลและเปรยี บเทียบเวลาขณะท่ดี วงอาทติ ยผ์ ่านเมริเดียน

ของผสู้ ังเกตในแต่ละวนั

4. อธบิ ายเวลาสุริยคตปิ านกลาง และการเปรยี บเทยี บเวลาของแตล่ ะเขตเวลาบนโลก
5. สืบค้นข้อมลู ออกแบบและนาเสนอกจิ กรรมการสงั เกตดาวบนทอ้ งฟา้ ดว้ ยตาเปลา่ และ/หรือ

กล้องโทรทรรศน์
6. อธบิ ายมุมห่างที่สัมพนั ธก์ ับตาแหนง่ ในวงโคจร และอธบิ ายเช่อื มโยงกบั ตาแหนง่ ปรากฏของ ดาว

เคราะหท์ ่ีสังเกตไดจ้ ากโลก

7. สืบค้นข้อมลู ออกแบบและนาเสนอกจิ กรรมการสงั เกตดาวบนทอ้ งฟ้าดว้ ยตาเปล่าและ/หรอื
กลอ้ งโทรทรรศน์

รวมทง้ั หมด 7 ผลกำรเรยี นรู้

104

คำอธบิ ำยรำยวิชำ

กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ วิทยำศำสตร์ วิชำเพม่ิ เตมิ

รหสั วชิ ำ ว30281 เพิ่มเตมิ คอมพิวเตอร์ 7 (กำรเขียน โปรแกรมภำษำซี) ชนั้ มัธยมศกึ ษำตอนปลำย

เวลำ 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต

ศึกษาหลกั การภาษาซี โครงสรา้ งของโปรแกรมภาษาซคี าส่ังรบั และแสดงผล ตัวแปร ชนดิ ข้อมูลและ
นิพจนต์ วั ดาเนินการ ค่าคงตัว คา่ คงท่ี โครงสร้างควบคุมการทางานของการโปรแกรม แถวลาดับ สาย อกั ขระ

และตัวช้ีฟงั ก์ชัน การสรา้ งชนดิ ขอ้ มลู แฟ้ม ตวั ประมวลผลกอ่ นซี โดยการปฏบิ ัตกิ ารเขียนภาษาซีโดยใช้คาส่ังจดั การ
ตวั แปรตา่ งๆ คาส่ังจัดการแฟ้มข้อมลู ลาดับการ ทางาน กระบวนความผงั งานโครงสรา้ ง หลักการโปรแกรมแบบ
โครงสร้างคาส่งั ในการประมวลผลคาสง่ั ในการ คานวณ ตวั แปร ชนดิ ของตวั แปร ขอ้ มูลแบบต่างๆ คาส่ังควบคุม

โปรแกรม คาส่งั รบั ขอ้ มลู และแสดงผล ปฏบิ ัตกิ ารเขียนโปรแกรมเบ้ืองตน้
โดยใช้ภาษาซี ฟงั ก์ชนั ต่างๆ เขียนโปรแกรมท่มี โี ปรแกรมย่อย และเขียน ภาษาซเี พอื่ ประยุกต์กับงาน

ด้านตา่ งๆ
เพ่อื พฒั นาผู้เรียนให้มคี วามรคู้ วามเข้าใจกระบวนการแก้ปัญหา และทักษะขั้นสูง ประยกุ ตใ์ ช้การเขียน

ภาษาซใี นชวี ิตประจาวัน เพ่อื ใหเ้ ข้าใจบทบาทและการนาเอาความสามารถในการเขียนภาษาซไี ปใชไ้ ด้อยา่ ง

ถกู ต้อง มีจิตสานกึ และรบั ผิดชอบ

ผลกำรเรยี นรู้

1. แสดงโครงสรา้ งของโปรแกรมได้
2. อธิบายขั้นตอนและเขยี นโปรแกรมสัง่ งานคอมพิวเตอรได้

3. ใชค้ าสง่ั รับและแสดงผลขอ้ มูลได้
4. กาหนดและใช้งานตวั แปรได้
5. ใชง้ านค่าคงตวั และค่าคงท่ไี ด้

6. ใชค้ าสั่งโครงสรา้ งควบคุมในการเขยี นโปรแกรมได้
7. กาหนดและเรียกใช้งานแถวลาดบั สายอักขระและตัวช้ไี ด้

8. สรา้ งและเรียกใชฟ้ งั กช์ ันได้
9. สรา้ งและเรยี กใช้ชนิดขอ้ มูลแบบโครงสร้างได้
10. ใชค้ าส่ังอา่ น เขียน เปดิ และปิดแฟม้ ได้
11. ใชง้ านควบคุมโปรแกรม คาสง่ั รบั ข้อมูลและแสดงผล เช่น #include และ #define
12. นาการเขยี นภาษาซีมาประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตประจาวันได้

13. จัดทาโครงงานการเขยี นภาษาซอี ย่างมีคุณธรรมโดยไม่ลอกเลยี นผลงานของคนอืน่ ได้

รวมทง้ั หมด 13 ผลกำรเรียนรู้

105

คำอธบิ ำยรำยวิชำ

กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี วชิ ำเพิม่ เติม
รหัสวิชำ ว30282 กำรพัฒนำแอพพลิเคช่ัน ชน้ั มัธยมศกึ ษำปีท่ี 4
เวลำ 80 ช่วั โมง จำนวน 2.0 หนว่ ยกิต

ศกึ ษา ความหมายความสาคัญของแอพพลิเคช่นั หลกั การของโปรแกรมบนอุปกรณเ์ คลือ่ นท่ี สว่ นติดตอ่

ระบบสาหรบั โปรแกรมประยกุ ต์ การใชห้ น่วยความจาและสว่ นเกบ็ บนั ทึกขอ้ มูลการตดิ ตอ่ กับผู้ใช้ การสอ่ื สารกบั
ระบบภายนอก การเชื่อมโยงกับระบบคอมพวิ เตอร์ การจาลองเพอ่ื ทดสอบและแก้ไขบนระบบคอมพิวเตอร์

ขอ้ คานึงถงึ ความม่นั คง
การฝกึ ปฏบิ ตั ิ สรา้ งโปรแกรมประยุกตด์ ว้ ยภาษาโปรแกรม การจาลองการทางานและแกไ้ ขโปรแกรม

การเชอื่ มโยงกับคอมพวิ เตอรก์ ารติดตอ่ ส่ือสาร โดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม กระบวนการปฏบิ ัตกิ าร

ทางาน กระบวนการใช้เทคโนโลยี กระบวนการคดิ กระบวนการสบื ค้น กระบวนการกลุม่ สร้างบล็อกและ
แอพพลเิ คชน่ั อยา่ งงา่ ย

เพอื่ ให้มีความรู้ ความเขา้ ใจ และเหน็ ความสาคญั ของแอพพลิเคชั่น มวี ินัย ใฝ่เรยี นรู้ อยู่อย่าง
พอเพียง มุ่งม่นั ในการทางานที่ไดร้ บั มอบหมาย มีคุณธรรมจริยธรรม สามารถนาความร้ไู ปประยกุ ตไ์ ด้

ผลกำรเรยี นรู้
1. อธิบายความหมายความสาคญั ของแอพพลิเคชั่น
2. อธิบายขน้ั ตอนการสร้างแอพพลเิ คช่ันตามกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม
3. มที ักษะการสรา้ งแอพพลิเคชัน่ ตามกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม
4. มีทกั ษะการแสวงหาความรเู้ พ่ือพัฒนาแอพพลเิ คชน่ั
5. มคี ุณธรรมจรยิ ธรรมในการพัฒนาแอพพลิเคชั่น

รวมทั้งหมด 5 ผลกำรเรียนรู้

106

คำอธบิ ำยรำยวิชำ

กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ วทิ ยำศำสตร์ วิชำเพ่มิ เตมิ

รหสั วชิ ำ ว30283 เพ่ิมเตมิ คอมพวิ เตอร์ 8 (กำรเขยี นโปรแกรมภำษำจำวำ) ชัน้ มัธยมศึกษำตอนปลำย
เวลำ 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต

ศกึ ษาหลักการภาษาจาวา เทคโนโลยขี องภาษาจาวา แนวคดิ และการออกแบบโปรแกรมเชิงวัตถกุ าร
แปลงแนวคิดเปน็ โปรแกรม โครงสร้างพ้นื ฐานของโปรแกรมภาษาจาวา ตวั แปร ชนิดข้อมูลพื้นฐานและนิพจน์

ตัวดาเนนิ การ ค่าคงตวั คา่ คงท่ีขอ้ มูลสายอักขระ การรบั และแสดงผลขอ้ มลู โครงสร้างควบคมุ การทางานของ
การโปรแกรม คลาส เมท็อด แถวลาดับ โดยการปฏบิ ัติการเขยี นภาษาจาวา

โดยใชค้ าสง่ั จัดการตัวแปรต่างๆ และสามารถเขยี นลาดบั การ ทางาน การประมวลผลคาส่งั ในการ

คานวณ คาสง่ั จดั การแฟม้ ข้อมูล ฟงั ก์ชันต่างๆ เขียนโปรแกรมทม่ี ี โปรแกรมยอ่ ย และเขยี นภาษาจาวาเพอื่
ประยกุ ตก์ ับงานด้านต่างๆ เพื่อให้พฒั นา-ใหม้ ีความรคู้ วามเขา้ ใจกระบวนการแก้ปญั หา ประยุกต์ใชก้ ารเขียน

ภาษาจาวาในชวี ติ ประจาวัน
เพอื่ หเ์ ข้าใจบทบาทและการนาเอาความสามารถในการเขยี นภาษาจาวาไปใช้ไดอ้ ย่างถูกต้อง มีจิตสานึก

และรบั ผิดชอบ

ผลการเรียนรู้
1. อธบิ ายเทคโนโลยขี องภาษาจาวา ได้

2. อธิบายแนวคดิ และการออกแบบโปรแกรมเชิงวตั ถุ ได้
3. อธบิ ายโครงสร้างพ้ืนฐานของโปรแกรม ได้

4. อธบิ ายขัน้ ตอนและเขยี นโปรแกรมสั่งงานคอมพวิ เตอร์ ได้
5. ใช้คาสั่งรบั และแสดงผลข้อมลู ได้
6. กาหนดตัวแปรและใช้งานตัวแปรได้

7. ใชง้ านค่าคงตวั และค่าคงท่ไี ด้
8. ใชค้ าสงั่ โครงสรา้ งควบคมุ ในการเขียนโปรแกรมได้

9. สร้างและเรยี กใช้คลาสได้
10. สร้างและเรยี กใช้เมท็อดได้
11. เขยี นโปรแกรมโดยใชแ้ ถวลาดบั ได้

12. นาการเขยี นภาษาจาวามาประยกุ ต ใช้ในชวี ิตประจาวันได้
13. จัดทาโครงงานการเขียนภาษาจาวา อย่างมีคุณธรรมโดยไมล่ อกเลียนผลงานของคนอืน่ ได้

รวมท้ังหมด 13 ผลกำรเรยี นรู้

107

คำอธบิ ำยรำยวิชำ

กลุม่ สำระกำรเรียนรู้ วทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี วชิ ำเพิม่ เติม

รหสั วชิ ำ ว30284 งำนกรำฟกิ พนื้ ฐำน ชนั้ มธั ยมศึกษำตอนปลำย
เวลำ 80 ชั่วโมง จำนวน 2 หนว่ ยกิต

ศกึ ษา คน้ คว้าข้อมูลและอธิบายองค์ประกอบของระบบสารสนเทศ องคป์ ระกอบหลกั และการสร้างงาน
กราฟิก องค์ประกอบของโปรแกรมสร้างงานกราฟิก การจัดการไฟล์รูปภาพ การสร้างรูปภาพและระบายสี การ

ปรับแตง่ รปู ภาพ การสร้างตัวอักษรประกอบภาพ การสรา้ งภาพเคลื่อนไหว และการปรับแต่งและตัดต่อภาพ การ
ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ นาเสนองานในรูปแบบท่ีเหมาะสม ตรงตามวัตถุประสงค์ของงาน ปฏิบัติการสร้างภาพ
อินโฟกราฟิกโรงเรียนชาวนาด้วยโปรแกรมกราฟิก ออกแบบ ตกแต่งหน้าโฮมเพจเก่ียวกับประเทศในอาเซียน

ตกแตง่ ผลงานเพื่อนาไปใชก้ บั นาเสนอ งานออกแบบ และงานดา้ นศิลปะอ่นื ๆ
โดยใช้กระบวนการเทคโนโลยสี ารสนเทศในการติดตอ่ สือ่ สารและค้นหาข้อมูลผ่านอินเตอรเ์ น็ต การ

ติดต่อส่อื สารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทักษะการใชค้ อมพิวเตอร์แกป้ ญั หา และการจัดการ
เพือ่ ใหม้ ีความร้คู วามเข้าใจ เห็นคุณค่าและสามารถใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศในการสืบค้นข้อมูลการ

เรยี นรู้ การสอื่ สาร การแก้ปญั หาการทางานและอาชีพ มีคุณธรรมและจริยธรรม มงุ่ มัน่ ในการทางาน มีวินยั

ซ่ือสัตย์สจุ ริตและอยอู่ ย่างพอเพยี ง ใช้ความคิดริเริ่มสรา้ งสรรค์สร้างชิ้นงานอย่างมีจิตสานึกและความรับผิดชอบได้
อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ประสิทธผิ ล

ผลกำรเรยี นรู้
1. อธบิ ายความรู้เบอื้ งตน้ เก่ียวกับภาพกราฟกิ การแทนค่าสี และชนิดของไฟลภ์ าพได้

2.บอกความหมายและการประยกุ ต์ใช้งานกราฟิกในดา้ นตา่ งๆ ได้
3. อธิบายองค์ประกอบของโปรแกรม Photoshop cs6 ได้
4. ประยุกต์ใชง้ านเครอ่ื งมือ Photoshop cs6 ไดอ้ ย่างเหมาะสม

5. อธบิ ายการปรับแต่งรูปภาพในรปู แบบตา่ ง ๆ ได้
6. ปรบั แต่งรูปภาพเบ้ืองต้นได้อยา่ งเหมาะสม

7. อธิบายการสร้างตวั อักษรและการปรับแต่งรปู ภาพดว้ ย Filter ในรูปแบบต่างๆ ได้
8. สรา้ งตัวอักษรกราฟกิ และปรบั แตง่ รูปภาพดว้ ย Filter ได้
9. ประยุกต์ใช้โปรแกรมสร้างงานกราฟิก สร้างช้ินงานอินโฟกราฟิกโรงเรียนชาวนาได้อยา่ ง

เหมาะสม
10. ประยกุ ต์ใชง้ านการสร้างภาพเคลอื่ นไหวแบบเฟรม และเคลอ่ื นไหวทีละเฟรมได้

11. สร้างภาพเคล่ือนไหวสาหรับเวบ็ เพจได้อย่างเหมาะสม

รวมทงั้ หมด 11 ผลกำรเรยี นรู้

108

คำอธบิ ำยรำยวิชำ

กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ วทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิชำเพม่ิ เติม

รหสั วชิ ำ ว 30285 เพ่ิมเตมิ คอมพวิ เตอร์ 9 (กำรสรำ้ งงำนมลั ติมีเดีย) ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 5

เวลำ 80 ช่วั โมง จำนวน 2 หนว่ ยกติ

ศกึ ษาระบบคอมพิวเตอรสาหรบั งานมลั ติมเี ดยี อุปกรณแสดงผลกราฟก การแสดงผลดวยภาพ วดี ีโอ

เสยี ง อปุ กรณประกอบ เชน เครื่องขบั แผนบนั ทกึ ซดี ี การดประมวลผลเสยี ง วีดีโอ สแกนเนอร เคร่ืองพมิ พสี ฯลฯ

การเกบ็ รวบรวมขอมูลแบบมลั ตมิ เี ดยี ภาพ วีดโี อ เสยี ง ขอมลู โดยการปฏิบัตกิ ารสรางงานมลั ตมิ เี ดยี และการใช

โปรแกรมสาหรับนาเสนองานมัลตมิ ีเดียข้ันสงู การใชทักษะขน้ั สูงในการปรบั แตงภาพ การสรางภาพเคล่ือนไหว

การตัดภาพ และการตดั ตอภาพวดี โี อ คาสัง่ ในการดาเนนิ งาน หลักการกราฟก การเขียนรปู ภาพ การเกบ็ รปู ภาพ

การแกไข การสรางกราฟก การสรางงาน มัลตมิ เี ดีย การใชสี การตกแตงภาพ การเชื่อมขอมลู หลกั การสื่อหลาย

มิติ และการสรางขอความหลายมิติ การใชทักษะกระบวนการขน้ั สูง ประยกุ ตใชโปรแกรมแบบมัลตมิ เี ดยี จัดทาส่อื

เพอ่ื นาเสนองานตางๆ ปฏิบัตกิ ารจัดทาโครงงานดานมลั ตมิ ีเดียเก่ยี วกับอาชพี ในชมุ ชน

โดยใช้กระบวนการกลุ่ม กระบวนการสืบคน้ กระบวนการออกแบบ กระบวนการสรา้ งความคิดรวบยอด

และ การสรา้ งสรรค์ผลงานเป็นสากล รวมถึงการฝึกปฏบิ ตั อิ ย่างเข้มเพ่ือเป็นพนื้ ฐานในการศกึ ษาตอ่ และการ

ประกอบอาชีพ

เพื่อใหมีความรูความเขาใจและทักษะขั้นสูงในการใชเทคโนโลยสี รางงานมัลติมเี ดยี มนี สิ ัยรักการ ทางาน

รกั การคนควา มคี วามรบั ผิดชอบ ขยัน อดทน ทางานเปนระบบ มีความคดิ ริเร่มิ สรางสรรคในการนาเสนองาน

ตางๆ อยางหลากหลาย มีจิตสานึกและรับผดิ ชอบ

ผลกำรเรยี นรู

1. อธบิ ายหลักการสรางงานมลั ตมิ ีเดยี ได้

2. ออกแบบการสรางงานมลั ติมเี ดียได้

3. อธบิ ายคาศพั ทท่ีใชในโปรแกรมการสรางงานมลั ตมิ ีเดียได้

4. ติดตั้งโปรแกรมที่ใชในการสรางงานมลั ตมิ ีเดียได้

5. ใชโปรแกรมตัดตอเสียงได้

6. ใชสวนควบคมุ ตางๆ โปรแกรมสรางงานมัลตมิ เี ดยี ได้

7. สรางภาพกราฟกโดยใชเทคนิคในแบบตางๆ ได้

8. ใส Effect ของ Videoใหกบั งานมัลติมีเดียได้

9. ใส Effect ของ Audioใหกบั งานมัลตมิ ีเดียได้

10. บอกรูปแบบตางๆของไฟล Video ได้

11. Export ไฟลออกมาเปนไฟล Video ในรูปแบบตางๆ ได้

12. แปลงไฟลVideo จากรูปแบบหน่ึงไปเปนอกี รปู แบบหนง่ึ ได้

13. สราง VCD, DVD และเขียนเปนแผนได้

14. จัดทาโครงงานมลั ติมเี ดยี อาชพี ในชุมชน อยางมีคณุ ธรรมโดยไมลอกเลยี นผลงานของคนอน่ื

รวมทัง้ หมด 14 ผลกำรเรียนรู้

109

คำอธิบำยรำยวิชำ

กล่มุ สำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี วิชำเพมิ่ เติม

รหสั วิชำ ว30286 กำรออกแบบและพฒั นำห่นุ ยนต์ ชน้ั มัธยมศกึ ษำปที ี่ 5
เวลำ 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ

ศึกษาความรู้เบือ้ งตน้ เก่ียวกับวทิ ยาการห่นุ ยนต์ ความหมายและความสาคญั ของวิทยาการหุ่นยนต์
ประเภทของหุ่นยนต์ องคป์ ระกอบของหนุ่ ยนต์ หลกั การออกแบบหุ่นยนต์ การเขียนโปรแกรมควบคมุ หุ่นยนต์

โดยกระบวนการทางเทคโนโลยี การศึกษาค้นคว้า การฝึกปฏบิ ตั ิ การอภิปราย เพอ่ื ให้เกดิ ความรู้ ความ
เข้าใจ สามารถถา่ ยทอดสง่ิ ท่ีเรยี นรู้ มคี วามสามารถ ทกั ษะในการออกแบบหนุ่ ยนต์ และการเขียนโปรแกรมควบคมุ
หนุ่ ยนตเ์ บือ้ งตน้

เห็นคณุ คา่ ของการนาความรู้เก่ียวกบั วิทยาการหุ่นยนตไ์ ปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั มคี วามมงุ่ ม่ันในการ
แกป้ ัญหา ใฝ่เรยี นรู้ และมีคุณธรรมในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศในการแกป้ ญั หา

ผลกำรเรียนรู้

1. บอกความหมาย ความสาคญั ของวทิ ยาการหุน่ ยนตไ์ ด้
2. บอกประเภทของหุน่ ยนต์ และจาแนกหนุ่ ยนตแ์ ต่ละประเภทได้
3. บอกสว่ นประกอบของหุน่ ยนตไ์ ด้
4. ออกแบบหนุ่ ยนต์เบื้องตน้ ได้
5. เขยี นโปรแกรมควบคุมการทางานหุ่นยนตเ์ บือ้ งต้นได้
6. ปฏบิ ัตกิ ารออกแบบและพัฒนาหนุ่ ยนต์อยา่ งสร้างสรรค์ตามหลักการออกแบบเชิงวิศวกรรมได้

รวมท้งั หมด 6 ผลกำรเรยี นรู้

110

คำอธบิ ำยรำยวิชำ วิชำเพิม่ เตมิ

กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ วทิ ยำศำสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษำตอนปลำย
รหัสวชิ ำ ว30287 เพ่ิมเตมิ คอมพวิ เตอร์ 10 (กำรจัดกำรฐำนขอมูล) จำนวน 1.0 หน่วยกติ
เวลำ 40 ชัว่ โมง

ศึกษา ลกั ษณะของขอมลู ที่ดี และการจัดการขอมูล โครงสรางขอมลู การจัดการฐานขอมลู และการใช
เทคโนโลยีเพอื่ การแกปญหาเพอื่ ใหมคี วามรูความเขาใจในการสราง และพฒั นาฐานขอมูล โดยใชกระบวนการ กลุม
กระบวนการสืบคน กระบวนการออกแบบ กระบวนการสรางความคิดรวบยอด

โดยสามารถปฏบิ ตั ิการจัดสรางและพฒั นาฐานขอมูล และบรหิ ารจัดการกับฐานขอมลู ไดดวยโปรแกรม
ฐานขอมลู เชน Ms.access Foxpro Ms.sql MySql หรอื โปรแกรมฐานขอมลู อืน่ ประยุกตใชทักษะ

กระบวนการจัดทาโครงงาน
เพ่อื พฒั นาใหมสี มาธิในการทางาน มที กั ษะในการใชเทคโนโลยีในการทางาน มนี ิสยั รกั การ ทางาน รกั

การคนควา มีความรบั ผิดชอบ ขยัน อดทน ทางานเปนระบบ มคี วามคิดริเริ่มสรางสรรคประยกุ ต การใชเทคโนโลยี

ในการทางาน

ผลกำรเรียนรู

1. เขยี นหลกั การทางาน บทบาทของฐานขอมลู และใชเทคโนโลยีที่เกีย่ วของกบั การจดั การ ฐานขอมูลใน
รปู แบบที่หมาะสม

2. ออกแบบโครงสรางและลกั ษณะของขอมูลได้
3. ปฏบิ ัติการสรางฐานขอมลู โดยใชโปรแกรมการจดั ฐานขอมูลได้
4. จดั ทาและพัฒนาฐานขอมูล เพอื่ รวบรวมองคความรูและติดตอส่อื สารผานคอมพวิ เตอรในการ

เผยพร
5. บรหิ ารจัดการกบั ฐานขอมูลไดดวยโปรแกรมฐานขอมูล

6. ประยุกตใชทักษะกระบวนการจดั ทาโครงงาน อยางมีคณุ ธรรมโดยไมลอกเลยี นผลงาน
ของคนอ่ืน

รวมทั้งหมด 6 ผลกำรเรียนรู้

111

คำอธบิ ำยรำยวิชำ

กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี วชิ ำเพ่ิมเตมิ

รหัสวิชำ ว30288 กำรสรำ้ งสือ่ สิง่ พิมพ์ ช้นั มธั ยมศกึ ษำตอนปลำย
เวลำ 80 ชั่วโมง จำนวน 2 หนว่ ยกิต

ศกึ ษา ค้นควา้ ขอ้ มลู และอธบิ ายหลกั การนาเสนอขอ้ มลู ที่มกี ารใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ หลกั การ
ออกแบบสื่อสง่ิ พิมพ์ การผลติ สอ่ื สิง่ พมิ พ์ในรปู แบบตา่ ง ๆ การวางแผน การจดั หน้า ชนิดของกระดาษในการผลติ

สอื่ สิ่งพิมพ์ การใช้โปรแกรม Adobe Indesign การกาหนดคา่ เร่ิมตน้ การกาหนดคา่ หนา้ กระดาษ ส่วนประกอบ
ของโปรแกรม การพมิ พข์ อ้ ความ การต้งั กั้นระยะและการสรา้ งตาราง การจัดการกับวตั ถุ การนาภาพมาประกอบ
การออกแบบ Master Page การเตรยี มความพรอ้ มก่อนพิมพ์ และเทคนิคเพิ่มเติมในการสร้างสือ่ สง่ิ พมิ พ์

ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศชว่ ยสร้างวารสารแนะนาแหลง่ ท่องเทีย่ วในทอ้ งถ่นิ จากจินตนาการ
โดยใช้กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศในการติดตอ่ สือ่ สารและคน้ หาขอ้ มูลผ่านอินเตอรเ์ น็ต

การติดตอ่ สื่อสารผา่ นเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ทกั ษะการใช้คอมพิวเตอรแ์ กป้ ัญหา
เพ่ือใหม้ คี วามรูค้ วามเข้าใจ เห็นคุณค่าและสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการสืบค้นข้อมูลการ

เรียนรู้ การสือ่ สาร การแกป้ ญั หาการทางานและอาชพี มีคุณธรรมและจริยธรรม มุ่งม่นั ในการทางาน มวี นิ ัย

ซื่อสัตย์สุจริตและอย่อู ยา่ งพอเพยี ง ใช้ความคิดริเริม่ สรา้ งสรรค์สร้างชนิ้ งานอยา่ งมีจิตสานึกและความรบั ผิดชอบได้
อย่างมีประสิทธิภาพ ประสทิ ธิผล

ผลกำรเรยี นรู้
1. อธบิ ายหลกั การออกแบบ การวางแผนเพอื่ นผลิตสอ่ื สิง่ พิมพไ์ ด้

2. วางแผนเพ่ือผลิตสอ่ื สง่ิ พมิ พไ์ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม
3. อธิบายการใช้โปรแกรม Adobe Indesignในการผลติ สอื่ สงิ่ พิมพไ์ ด้
4. ประยุกตใ์ ชโ้ ปรแกรม Adobe Indesign ในการผลติ สอื่ ส่งิ พิมพ์ประเภทวารสารแนะนาแหล่งท่องเท่ียว

ในทอ้ งถ่ินไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
5. อธบิ ายหลักการเตรยี มความพรอ้ มก่อนพมิ พแ์ ละการสรา้ งไฟล์ PDF ได้

6. ตรวจสอบ เตรียมความพรอ้ มกอ่ นพิมพ์ และสร้างไฟล์เปน็ PDF ได้
7. อธิบายเทคนคิ เพมิ่ ในงานผลิตส่อื สงิ่ พมิ พไ์ ด้
8. สร้างเทคนิคเพมิ่ เติมแบบตา่ ง ๆในการผลิตส่ือสิ่งพมิ พ์ได้อยา่ งเหมาะสม

รวมท้งั หมด 8 ผลกำรเรียนรู้

112

คำอธิบำยรำยวชิ ำ

กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี วิชำเพม่ิ เติม

รหสั วิชำ ว30289 เพ่ิมเติมคอมพวิ เตอร์ 11 (กำรพำณชิ ย์อเิ ล็กทรอนิกส)์ ชัน้ มัธยมศกึ ษำตอนปลำย

เวลำ 80 ช่ัวโมง จำนวน 2.0 หน่วยกติ

ศึกษาแนวคิดและรูปแบบของพาณิชยอิเล็กทรอนิกสพื้นฐาน การพาณิชยอิเล็กทรอนิกส แนวการ

ดาเนินการในการเขาสูธุรกิจพาณิชยอิเล็กทรอนิกส หลักการตลาดออนไลน ระบบการชาระเงินออนไลน

ภาษีกับพาณิชยอิเล็กทรอนิกส ระบบการรักษาความปลอดภัยของพาณิชยอิเล็กทรอนิกส การประชาสัมพันธ์

รานคา การประมูลสินคาออนไลน เทคนิคการขายและเจรจาการคาบนเว็บ จรรยาบรรณและกฎหมายท่ี เก่ียวของ

กับพาณิชยอิเล็กทรอนิกส การสงมอบสินคาและการรับประกันสินคา การบริการและสนับสนุน การขาย การจด

ทะเบียนพาณิชยอิเล็กทรอนิกสของไทย การบริหารธุรกิจพาณิชยอิเล็กทรอนิกส ใหประสบ ความสาเร็จ

ปฏิบัติการออกแบบและสรางเว็บไซตพาณิชยอิเล็กทรอนิกสทั้งในประเทศและตางประเทศเพื่อจาหน่ายผลผลิต

นักเรยี น ดวยความคิดสรางสรรค ใชทกั ษะดานคอมพวิ เตอรขั้นสูงเพ่ือเขาสูธุรกิจพาณิชยอิเล็กทรอนิกส ปฏิบัติการ

สราง ระบบการชาระเงินออนไลน ระบบภาษีกับพาณิชยอิเล็กทรอนิกส ระบบการรักษาความปลอดภัยของ

พาณิชย อิเล็กทรอนิกสในเว็บไซตท่ีไดจัดทาขึ้น สงเสริมและประชาสัมพันธรานคาออนไลนจัดสรางระบบการ

ประมูล สินคาออนไลน ออกแบบเทคนิคการขายและเจรจาการคาบนเว็บ การสงมอบสินคาและการรับประกัน

สินคา ออกแบบการบริการและสนบั สนุนการขาย

โดยใช้กระบวนการกลุ่ม กระบวนการสบื คน้ กระบวนการออกแบบ กระบวนการสรา้ งความคดิ รวบยอด

และ การสร้างสรรค์ผลงานเป็นสากล รวมถึงการฝึกปฏิบัติอย่างเข้มเพื่อเป็นพื้นฐานในการศึกษาต่อและการ

ประกอบอาชพี

เพ่ือใหผู้เรียนมีความรูความเขาใจและทักษะในพาณิชยอิเล็กทรอนิกส เพ่ือตอยอดความคิดสูอาชีพ

ออนไลนอยางหลากหลาย มีจิตสานึกมีความรับผิดชอบ มีความมุงมั่นในการทางานใหสาเร็จ และมีคุณธรรม

จรยิ ธรรม

ผลกำรเรียนรู

1. อธบิ ายเกี่ยวกับแนวคิดและรปู แบบของพาณิชยอเิ ลก็ ทรอนกิ สได้

2. วิเคราะหเกี่ยวกบั หลักการตลาดแบบออนไลนได้

3. จัดระบบการรกั ษาความปลอดภัยของพาณชิ ยอิเล็กทรอนกิ สได้

4. ออกแบบการประชาสมั พนั ธรานคาและการประมูลสินคาออนไลนได้

5. ออกแบบเทคนิคการขายและการประชาสมั พันธของธุรกิจพาณิชยอเิ ลก็ ทรอนิกสได้

6. อธิบายเกี่ยวกบั จรรยาบรรณและกฎหมายทเี่ กย่ี วของกบั พาณิชยอเิ ลก็ ทรอนกิ สได้

7. ออกแบบวธิ กี ารชาระเงนิ ผานระบบอินเทอรเน็ตได้

8. จดั ระบบการสงมอบและรบั ประกนั สนิ คาได้

9. เขียนข้ันตอนในการจดทะเบยี นพาณิชยอเิ ล็กทรอนิกสของไทยได้

10. ออกแบบและพฒั นาเวบ็ ไซตพาณชิ ยอิเลก็ ทรอนกิ สทั้งในประเทศและตางประเทศ อยางมคี ณุ ธรรมโดยไมลอกเลียน

ผลงานของคนอืน่

รวมทั้งหมด 10 ผลกำรเรียนรู้

113

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิชำเพม่ิ เติม

รหัสวชิ ำ ว20290 Internet of Things ช้นั มธั ยมศึกษำปที ี่ 6
เวลำ 40 ชัว่ โมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ

ศกึ ษาระบบการทางานของอินเทอร์เนต็ ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ การสือ่ สารผ่านระบบเครอื ข่าย
คอมพิวเตอร์ การตดิ ต้ังระบบอินเทอรเ์ นต็ ส่วนบคุ คล วเิ คราะห์ อภิปรายเกี่ยวกับเทคโนโลยอี ินเทอร์เน็ตในปัจจบุ ัน

ความกา้ วหน้าทางเทคโนโลยกี ารติดตอ่ ส่ือสาร อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี อนิ เทอรเ์ น็ต เว็บ และพาณิชย์
อิเลก็ ทรอนกิ ส์ โปรแกรมประยุกต์เฉพาะทาง การเช่อื มตอ่ อุปกรณ์ ความรู้เกย่ี วกบั อนิ เทอรเ์ นต็ แหง่ สรรพสงิ่
(Internet of Things) การเช่อื มต่อเซ็นเซอร์เข้ากบั อุปกรณ์ควบคมุ การควบคมุ การทางานของอุปกรณ์ IoT

ผา่ นเครอื ข่ายอินเทอรเ์ น็ต การสร้างเครือข่ายของอปุ กรณ์ IoT การวิเคราะหข์ อ้ มลู และการประยุกต์ใชง้ านในการ
พฒั นาเทคโนโลยี

โดยใช้ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นขอ้ มูล กระบวนการ
ทางาน กระบวนการฝกึ ปฏิบัติ กระบวนการกล่มุ กระบวนการคิดวิเคราะห์ และกระบวนการออกแบบ เพื่อสรา้ ง
ผลงานดว้ ยตนเอง

เพอื่ ใหเ้ กิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการตดั สินใจ ส่อื สารสิง่ ทเี่ รียนรู้และนาความรู้
ไปใชใ้ นชวี ติ ของตนเองและดแู ลรกั ษาสง่ิ มชี ีวติ อื่น ๆ เฝา้ ระวังและพฒั นาสง่ิ แวดล้อมอย่างยง่ั ยนื มจี ติ วทิ ยาศาสตร์

จริยธรรม คณุ ธรรม และคา่ นิยมที่เหมาะสม

ผลกำรเรยี นรู้

1. อธิบายความหมายอนิ เทอรเ์ นต็ ของสรรพสิ่ง(Internet of Things : IoT) ได้
2. อธบิ ายและปฏิบัตกิ ารเขยี นโปรแกรมภาษาซีสาหรบั NodeMCU ESP8266

3. ติดตั้งโปรแกรม สนบั สนุนและบอกหน้าทีอ่ ุปกรณส์ ว่ นประกอบของกลอ่ งสมองกล Node MCU
4. สร้างช้นิ งานจากโปรแกรมประยกุ ต์เฉพาะทางได้
5. นาความรไู้ ปใชใ้ นชวี ติ ประจาวันไดอ้ ยา่ งมีคณุ ธรรมและจรยิ ธรรม

รวมทั้งหมด 7 ผลกำรเรียนรู้

114

คำอธบิ ำยรำยวิชำ

กลมุ่ สำระกำรเรยี นร้วู ิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิชำเพิ่มเติม

รหสั วิชำ ว20291 เพ่ิมเตมิ คอมพวิ เตอร์ 12 (โครงงำนคอมพิวเตอร)์ ชนั้ มธั ยมศึกษำปที ่ี 6
เวลำ 80 ช่ัวโมง จำนวน 2.0 หน่วยกิต

ศึกษา วิเคราะหค์ วามหมาย คุณค่า ประเภท และตวั อย่างโครงงานคอมพิวเตอร์ แนวคดิ หลกั การ
และทฤษฏีที่เก่ียวขอ้ ง การเลอื กเร่ืองโครงงาน การสบื คน้ ขอ้ มูล การเขยี นเอกสารอ้างอิง การวางแผน

ปฏิบัตงิ าน ปฏิบัตกิ ารวิเคราะหป์ ญั หา คุณคา่ ของโครงงาน สบื ค้นข้อมูล เลอื กหวั ข้อโครงงาน กาหนดแผน
ปฏิบตั ิงาน จดั ทาและนาเสนอเคา้ โครงโครงงานปฏิบัติงานโครงงานตามแผน ปรับปรงุ และพฒั นาโครงงานสรปุ
ประเมินผลโครงงานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ

โดยใช้ทกั ษะการปฏบิ ัติงานกลุ่ม การจัดการ การแก้ไขปญั หา เพอื่ ให้เกดิ ความสามารถในการทางาน
มคี วามมุ่งมน่ั เกดิ ความคิดรเิ ร่มิ สร้างสรรค์

เพือ่ พัฒนาความรู้ความสามารถ ความคิดวเิ คราะหส์ งั เคราะห์อยา่ งมเี หตุผล หลักการและวจิ ารณญาณ
ความรอบคอบ ทางานอยา่ งมีระบบมีระเบียบวินัยความรบั ผิดชอบ มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรม และเช่อื ม่ันในตนเอง

ผลกำรเรยี นรู้
1. บอกความหมาย และคณุ ค่าของโครงงานคอมพิวเตอร์
2. อธิบายหลักการ และประเภทของการทาโครงงานคอมพวิ เตอร์ได้

3. กาหนดปัญหาและวิเคราะห์ปัญหาในการทาโครงงานคอมพวิ เตอร์ได้
4. เลือกและเสนอหวั ขอ้ โครงงานคอมพิวเตอร์ได้

5. สบื ค้นขอ้ มูล ลาดับข้นั ตอนกระบวนการแก้ปญั หา รวบรวมขอ้ มลู และนาเสนอเคา้ โครงโครงงานได้
6. นาขอ้ มูลมาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ได้
7. ปรับปรงุ และพฒั นาโครงงานได้

8. เขียนรายงานโครงงานและเอกสารประกอบไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
9. ประยุกต์สอ่ื มลั ติมีเดยี มาใชน้ าเสนอโครงงานที่ปฏิบตั ิได้อย่างเหมาะสม

รวมทัง้ หมด 9 ผลกำรเรียนรู้

115

คำอธิบำยรำยวิชำ

กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้ วทิ ยำศำสตร์ วิชำเพ่ิมเติม

รหสั วชิ ำ ว30292 กำรออกแบบผลติ ภณั ฑ์ ชน้ั มัธยมศึกษำตอนปลำย
เวลำ 80 ชว่ั โมง จำนวน 2 หนว่ ยกิต

ศึกษา ค้นคว้าข้อมูลและอธิบายความหมาย ความสาคัญของการออกแบบผลิตภัณฑ์การใช้โปรแกรม
สรา้ งแบบจาลอง 3D องค์ประกอบ คุณสมบัติ เครื่องมือของโปรแกรม และใช้ โปรแกรมในการออกแบบผลิตภณั ฑ์

การเตรียมตัวก่อนการนาเสนอ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนาเสนองานในรูปแบบท่ีเหมาะสมตรงตาม
วัตถุประสงค์ของงาน ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสร้างช้ินงานการออกแบบผลิตภัณฑ์จากวัสดุในท้องถ่ินจากจินตนาการ
หรอื งานที่ทาในชีวิตประจาวันตามหลักการสรา้ งงาน

โดยใช้กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศในการติดต่อส่ือสารและค้น หาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต
การติดตอ่ สือ่ สารผ่านเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ ทักษะการใชค้ อมพวิ เตอรแ์ กป้ ญั หา และการจดั การ

เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจ เห็นคุณค่าและสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการสืบค้นข้อมูลการ
เรียนรู้ การสื่อสาร การแก้ปัญหาการทางานและอาชีพ มีคุณธรรมและจริยธรรม มุ่งมั่นในการทางาน มีวินัย
ซ่ือสัตยส์ ุจริตและอยอู่ ย่างพอเพียง ใช้ความคิดริเรม่ิ สรา้ งสรรคส์ รา้ งชิ้นงานอย่างมจี ิตสานึกและความรบั ผดิ ชอบได้

อย่างมีประสิทธภิ าพ ประสิทธิผล

ผลกำรเรียนรู้

1. อธบิ ายความหมาย ความสาคัญของการออกแบบผลิตภณั ฑ์ได้
2. สามารถยกตวั อย่างผลติ ภัณฑ์ประเภทผลติ ภัณฑบ์ ริโภคและผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรมได้
3. อธิบายคณุ ลักษณะของโปรแกรมสร้างแบบจาลอง 3 D ได้
4. ออกแบบผลิตภัณฑโ์ ดยโปรแกรมสรา้ งแบบจาลอง 3 D ได้อย่างเหมาะสม
5. อธิบายขนั้ ตอนการเตรียมงานนาเสนอผลงานได้
6. รวบรวมผลงานและนาเสนอได้อย่างเหมาะสม

รวมทงั้ หมด 6 ผลกำรเรยี นรู้

148

คำอธบิ ำยรำยวิชำ
กลุม่ สำระกำรเรียนรศู้ ิลปะ
ชัน้ มัธยมศึกษำตอนปลำย

149

คำอธิบำยรำยวชิ ำ

กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ศิลปะ รำยวิชำศิลปะพื้นฐำน
รหสั วิชำ ศ31102 (นำฏศิลป)์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปที ่ี 4 ภำคเรยี นท่ี 2
เวลำ 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต

ศึกษาทักษะการแสดงหลากหลายรปู แบบ สร้างสรรค์ละครสัน้ ในรูปแบบที่ชื่นชอบ ใช้

ความคดิ ริเริ่มในการแสดงนาฏศลิ ป์เป็นคแู่ ละเป็นหมู่ บรรยาย และวิเคราะห์ อทิ ธพิ ลของเคร่ือง
แตง่ กาย แสง สี เสียง ฉากอุปกรณ์ และสถานท่ี ท่ีมีผลต่อการแสดง เพ่ือพฒั นาและใชเ้ กณฑก์ าร

ประเมนิ ในการประเมินการแสดง วิเคราะห์ท่าทางและการเคลอ่ื นไหวของผูค้ นในชวี ิตประจาวนั และ
นามาประยกุ ตใ์ ช้การแสดง

โดยใช้กระบวนการคดิ วเิ คราะห์ วิพากษว์ ิจารณ์จาแนกประเภท อธบิ าย เปรยี บเทยี บความ

เหมอื น และความแตกตา่ ง ของการแสดงนาฏศิลป์ สามารถปฏบิ ัตทิ กั ษะการแสดง และสร้างสรรค์
การแสดงนาฏศลิ ป์ในรปู แบบต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมและสรา้ งสรรค์

เพือ่ ใหเ้ ห็นความสาคญั และคุณค่าของความพอเพียงในการสร้างสรรคง์ านนาฏศลิ ป์ เชื่อมัน่
ภาคภมู ิใจในการแสดงออกสทู่ ้องถิ่น รับผดิ ชอบ มุ่งม่นั ในการปฏิบตั งิ านรว่ มกับผู้อืน่ ซาบซึง้ เห็น
คุณค่า รกั และหวงแหนนาฏศลิ ปซ์ ึ่งเป็นมรดกทางวฒั นธรรมและเปน็ เอกลักษณ์ของชาติออกส่อู าเซ่ียน

ตวั ชีว้ ัด
รหัสตัวชีว้ ดั

ศ 3.1 ม.4-6/1, ม.4-6/2, ม.4-6/3,ม.4-6/4,ม.4-6/5,ม.4-6/6,ม.4-6/7,ม.4-6/8
ศ 3.2 ม.4-6/1, ม.4-6/2,ม.4-6/3,ม.4-6/4

รวมทงั้ หมด 12 ตัวชวี้ ัด

150

คำอธบิ ำยรำยวิชำ

กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ศลิ ปะ รำยวชิ ำพน้ื ฐำน
รหัสวชิ ำ ศ32101 (ทัศนศิลป)์ ช้ันมัธยมศึกษำปีที่ 5 ภำคเรียนท่ี 1
เวลำ 40 ช่วั โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต

วิเคราะห์การใช้ทัศนธาตุ และ หลักการออกแบบในการสื่อความหมายในรูปแบบต่างๆ
บรรยายจุดประสงค์และเนือ้ หาของงานทศั นศิลป์ โดยใช้ศพั ท์ทางทัศนศิลป์ วเิ คราะห์การเอกใชว้ สั ดุ

อุปกรณ์และเทคนิคของศิลปินในการแสดงออกทางทัศนศิลป์ เปรียบเทียบงานทัศนศิลป์ในรูปแบบ
ตะวันออกและตะวันตกวิเคราะห์การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์และเทคนิคศิลปินในการแสดงออกทาง

ทัศนศิลป์ มีทักษะและเทคนิคในการใช้วัสดุอุปกรณ์และกระบวนการที่สูงขึ้นในการสร้างงาน
ทัศนศิลป์ มีทักษะและเทคนิคในการใช้วัสดุอุปกรณ์ และกระบวนการท่ีสูงขึ้นในการสร้างงาน
ทัศ น ศิ ลป์ สร้าง ส ร ร ค์ง าน ทั ศน ศิ ลป์ ด้ วยเท ค โน โลยี ต่ าง ๆ โด ย เน้ น ห ลัก การ อ อก แ บบ แ ละ การ จั ด

องคป์ ระกอบศิลป์ ออกแบบงานทัศนศลิ ปไ์ ดเ้ หมาะกับโอกาสและสถานท่ี
ระบุงานทัศนศิลป์ของศิลปินท่ีมีช่อื เสยี ง และบรรยายผลตอบรับของสงั คม อธิบายเก่ียวกับอิทธิพล

ของวัฒนธรรมระหวา่ งประเทศทีม่ ผี ลต่องานทัศนศลิ ปใ์ นสงั คม วิ เ ค ร า ะ ห์ แ ล ะ อ ธิ บ า ย
จุดมุ่งหมายของศิลปินในการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ เทคนิคและเนื้อหา สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ไทย
สากล โดยศึกษาจากแนวคิดและวิธีการสร้างงานของศิลปินที่ตนช่นื ชอบ วาดภาพระบายสีเป็นภาพ

ล้อเลียน หรือภาพการ์ตูนเพ่ือแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับสภาพในสังคมปัจจุบัน อภิปรายเก่ียวกับ
อทิ ธิพลของวัฒนธรรมระหว่างประเทศที่มีผลต่องานทศั นศลิ ปใ์ นสังคม

โดยใชท้ กั ษะการแสวงหาความรู้ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคดิ วเิ คราะห์ กระบวนการ
ปฏิบตั ิ

เพอ่ื ให้เหน็ ความสาคัญและคุณค่าของความพอเพยี งในการสร้างสรรค์งานดนตรีและนาฏศลิ ป์

เช่ือม่นั ภาคภมู ิใจในการแสดงออกสู่ท้องถิ่น รบั ผิดชอบ มุ่งมน่ั ในการปฏบิ ัติงานรว่ มกบั ผอู้ ่นื ซาบซึ้ง
เหน็ คณุ ค่า รกั และหวงแหนดนตรแี ละนาฏศิลปซ์ ึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมและเป็นเอกลกั ษณ์ของ

ชาติออกสู่อาเซีย่ น
รหัสตวั ชี้วดั

ศ 1.1 ม.4-6/1, ม.4-6/2, ม.4-6/3,ม.4-6/4,ม.4-6/5,ม.4-6/6,ม.4-6/7,ม.4-6/8 ม.4-6/9,ม.

4-6/10,ม.4-6/11
ศ 1.2 ม.4-6/1, ม.4-6/2,ม.4-6/3

รวม 14 ตัวช้ีวดั

151

กลมุ่ สำระกำรเรียนรูศ้ ลิ ปะ คำอธบิ ำยรำยวิชำ
รหสั วชิ ำ ศ33102 ดนตรี รำยวิชำพน้ื ฐำน
เวลำ 40 ชั่วโมง
ชน้ั มัธยมศึกษำปที ่ี 6 ภำคเรยี นที่ 2
จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ

ศกึ ษาเกยี่ วกบั รปู แบบของบทเพลงและวงดนตรีแตล่ ะประเภททงั้ ไทยและสากล อธบิ าย
ความแตกตา่ งทางวัฒนธรรมทม่ี ผี ลต่อการสร้างสรรคง์ านดนตรี อา่ น เขยี นโนต้ ดนตรีไทย และสากลใน

อตั ราจงั หวะตา่ ง ๆ ร้องเพลงหรือเล่นดนตรีเด่ยี วและรวมวง โดยเน้นเทคนคิ การแสดงออกและคณุ ภาพ
ของการแสดง สร้างเกณฑส์ าหรบั ประเมนิ คณุ ภาพการประพนั ธ์และการเล่นดนตรขี องตนเองและผูอ้ ่ืน

การนาดนตรีไปประยกุ ต์ในงานอน่ื ๆ วเิ คราะห์สถานะทางสงั คมของนกั ดนตรใี นวฒั นธรรมต่าง ๆ
เปรียบเทยี บลักษณะเด่นของดนตรีในวัฒนธรรมตา่ ง ๆ อธิบายบทบาทของดนตรใี นการสะทอ้ น
แนวความคิดและค่านยิ มทีเ่ ปลยี่ นไปของคนในสังคม การสง่ เสรมิ และอนุรักษ์ดนตรีในฐานะมรดกของ

ชาติ
โดยกิจกรรมการเรียนรใู้ หผ้ ู้เรยี นสังเกตภาพ ศกึ ษาใบความรู้ โดยใชก้ ระบวนการคดิ

วเิ คราะห์ วิพากษ์วจิ ารณจ์ าแนกประเภท อธิบาย เปรียบเทียบความเหมอื นและความแตกต่าง การ
สรุปความรแู้ ละการจัดระบบความคิดเปน็ แผนภาพเพอื่ ใหผ้ ้เู รียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ สร้างและ
นาเสนอผลงานด้านดนตรใี หไ้ ดผ้ ลตามที่ต้องการ สามารถส่อื สารใหผ้ ู้อ่ืนเข้าใจความคดิ ความรสู้ กึ ของ

ตนเอง เข้าใจความไพเราะ งดงามของดนตรี บรรยายและอธิบายเกี่ยวกับดนตรีไดส้ ัมพนั ธแ์ ละ
เชอ่ื มโยงกับประวตั ศิ าสตร์และวัฒนธรรม

เพื่อใหเ้ หน็ ความสาคญั และคุณค่าของดนตรี และนาความรู้ดา้ นดนตรไี ปแสดงสู่อาเซีย่ น
และประกอบการเรียนรู้ในกลุม่ สาระการเรยี นรู้อนื่ ๆ ตลอดจนสรา้ งสรรค์งานดนตรี เช่ือมั่น ภาคภูมิใจ
ในการแสดงออก รบั ผิดชอบ มงุ่ มนั่ ในการปฏบิ ัติงานรว่ มกบั ทอ้ งถน่ิ ได้ มสี มรรถนะสาคัญ มี

คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ยดึ หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงเปน็ หลกั คิดหลกั ปฏิบัตใิ นการ
เรียนรู้ เหน็ คณุ ค่าของดนตรีทเ่ี ป็นมรดกและเปน็ เอกลกั ษณข์ องชาติ

รหัสตัวชี้วดั
ศ 2.1 ม.4-6/1, ม.4-6/2, ม.4-6/3, ม.4-6/4, ม.4-6/5, ม.4-6/6, ม.4-6/7 ม.4-6/8
ศ 2.2 ม.4-6/1, ม.4-6/2, ม.4-6/3, ม.4-6/4, ม.4-6/5

รวมทง้ั หมด 13 ตัวชี้วัด

152

อธบิ ำยรำยวชิ ำ รำยวชิ ำเพม่ิ เติม ออกแบบ

กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ศลิ ปะ ช้นั มัธยมศกึ ษำปที ่ี 4 ภำคเรยี นท่ี 1
รหัสวชิ ำ ศ30201 เพมิ่ เตมิ ออกแบบ จำนวน 1.0 หน่วยกิต
เวลำ 40 ช่วั โมง

ศกึ ษาวิเคราะห์การใชอ้ งคป์ ระกอบศิลป์และการออกแบบในการส่อื ความหมายใน
รูปแบบทห่ี ลากหลาย มีทักษะและเทคนคิ ในการเลือกใช้วสั ดอุ ุปกรณ์และกระบวนการท่ีหลากหลายใน

การสรา้ งงานสามารถสรา้ งงานดว้ ยเทคโนโลยีต่างๆใหเ้ หมาะสมกบั โอกาส สถานท่ี และใหเ้ ขา้ กบั
เหตุการณใ์ นยุคปัจจุบนั โดยประเมนิ งานวจิ ารณ์งานออกแบบโดยใชท้ ฤษฎีวิจารณง์ านศิลปะ เพ่ือ

สะท้อนพฒั นาการและความก้าวหน้าของตนเอง
เพอื่ ใหเ้ ห็นคุณคา่ และสามารถสร้างงานการออกแบบอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์

วิพากษ์วจิ ารณ์คุณคา่ งานอย่างชน่ื ชมและนามาประยุกตใ์ ช้ให้เกดิ ประโยชน์ในชีวิตประจาวันการบูร

ณาการความรู้สู่อาเซียนเหน็ คุณค่ามีทัศนคตแิ ละค่านยิ มทดี่ ตี ่อการออกแบบและอาชีพนกั ออกแบบมี
ความพอเพยี งมีระเบยี บวนิ ยั มคี วามมุ่งมนั่ ในการฝกึ ปฏิบตั ิ ใฝเ่ รียนรู้นาความรไู้ ปใช้ให้เกิดประโยชน์

ตอ่ ตนเองและท้องถนิ่

ผลการเรยี นรู้

1. อธบิ ายความหมายองค์ประกอบศิลปไ์ ด้
2. วเิ คราะห์หลักในการออกแบบในการสื่อความหมายได้
3. ระบวุ สั ดุอุปกรณแ์ ละนาเสนอแนวทางการเลอื กใชว้ ธิ กี ารทเ่ี หมาะสมกับชิน้ งานได้
4. สร้างสรรคห์ รอื พฒั นางานออกแบบโดยประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยีที่หลากหลายได้
5. อธบิ ายการทางานตามกระบวนการการออกแบบการใชเ้ ทคนิคตา่ งๆเพือ่ วเิ คราะห์วิจารณ์ใหเ้ กิด
การพัฒนาต่อชน้ิ งานได้
6. สามารถนางานการออกแบบทีส่ รา้ งสรรค์ ไปพัฒนาให้ใช้ประโยชน์ในชวี ติ ประจาวนั ได้

153

อธบิ ำยรำยวชิ ำ

กลมุ่ สำระกำรเรยี นร้ศู ลิ ปะ รำยวิชำเพิม่ เติม กตี ำร์ 1

รหสั วชิ ำ ศ30202 เพ่มิ เติมกตี ำร์ 1 ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปีท่ี 4 ภำคเรียนที่ 1
เวลำ 80 ชว่ั โมง จำนวน 2.0 หนว่ ยกิต

ศึกษาเกย่ี วกบั เทคนิคการอ่านการเขียนPentatonic Scalesศึกษา Parallel Major และ
Minor Roots, Pentatonic Scales 5 รปู แบบและการเลน่ กีตาร์แบบ Close Form รูปแบบของบท
เพลงศกึ ษาและวิเคราะหร์ ปู แบบการเลน่ กตี าร์งานเพลงกตี าร์ทัง้ ในและต่างประเทศวัฒนธรรมของการ

สร้างสรรคง์ านกีตาร์
โดยใช้กระบวนการปฏิบัตกิ ารทางดนตรีการเรยี นรจู้ ากตัวแบบการฝึกซ้อมและการสาธิตการ

ฝึกการ improvise และสไตส์การเลน่ พัฒนาทักษะการคิดสรา้ งสรรคใ์ นการเลน่ กีตาร์
เพอื่ ให้ผเู้ รยี นเกดิ สมรรถนะดา้ นการส่อื สารผลงานเพลงการบูรณาการความรูส้ ู่อาเซียนเห็น

คุณค่ามีทัศนคตแิ ละค่านิยมท่ีดตี ่อกตี าร์และอาชีพนกั ดนตรีมีความพอเพยี งมีระเบียบวนิ ยั มคี วาม

มุ่งมนั่ ในการฝึกซ้อม ใฝ่เรียนรู้นาความรไู้ ปใช้ใหเ้ กิดประโยชน์ต่อตนเองและท้องถน่ิ

ผลกำรเรียนรู้
1. ผเู้ รยี นสามารถเปรียบเทียบรปู แบบของบทเพลงและการเล่นกีตารแ์ ต่ละชนิดได้
2. ผูเ้ รียนสามารถจาแนกประเภทและรปู แบบของการเลน่ กตี าร์ได้

3. ผเู้ รยี นสามารถอธิบายเหตุผลท่คี นต่างวัฒนธรรมสรา้ งสรรค์งานกตี ารท์ ี่แตกตา่ งกนั ได้
4. ผ้เู รียนมีความรู้และเข้าใจในทฤษฎีดนตรีของกตี ารส์ ามารถเขยี นและจาแนกสัญลกั ษณโ์ นต้

ดนตรีกตี ารใ์ นบนั ไดเสียงต่างๆได้
5. ผ้เู รียนมที กั ษะการถา่ ยทอดบทเพลงตามเน้ือหาและอารมณ์โดยแสดงออกทางดนตรกี ีตาร์ตอ่

หน้าผชู้ มเพือ่ ให้เกิดความบนั เทงิ ไดอ้ ย่างเหมาะสม

6. ผมู้ ีระเบียบวนิ ัย มคี วามรบั ผิดชอบ และทัศนคติทดี่ ีตอ่ อาชีพนักดนตรี
รวม 6 ผลกำรเรียนรู้

154

กลุมสำระกำรเรียนรศู ิลปะ คำอธิบำยรำยวชิ ำ
รหสั วิชำ ศ 30203 เพม่ิ เติม กตี ำร 2 รำยวชิ ำเพิ่มเตมิ กีตำร 2
เวลำ 80 ชว่ั โมง
ช้นั มธั ยมศกึ ษำปที่ 4 ภำคเรียนท่ี 2
จำนวน 2.0 หนวยกิต

ศกึ ษาเก่ียวกับเทคนิคการแสดงเด่ียวและเทคนิคการแสดงกลุม การถายทอดอารมณ ความรู
ของแนวเพลง วเิ คราะหสถานะทางสังคมของนกั กีตารและบทเพลงสากล แนวทางในการนากีตารไป

ประยุกตใช
โดยใชกระบวนการปฏิบัติการทางดนตรีท้ังเด่ียวและกลุม ทักษะการฟง ทักษะการ

สงั เกตการณ์คดิ
วเิ คราะห การคิดสรางสรรค การฝกซอม การสาธติ มีทกั ษะในการดีดคอรดขัน้ สงู และการแตงเพลง

เพ่ือใหผูเรียนสามารถสื่อสารผลงานเพลงในรูปแบบตางๆ จากการบรู ณาการความรู เทคนิค

การแสดงออกสูการนาเสนอผลงานเพลงของตนเอง สามารถคิดสรางสรรค การบูรณาการความรู้สู่
อาเซี่ยน ออกแบบการแสดง มีทัศนคติและคานิยมที่ดีตอกีตารและอาชีพนักดนตรี มีความคิดสราง

สรรค มคี วามพอเพียง มีระเบียบวินัย เกิดความมุงมน่ั ในการฝกซอม ใฝเรียนรู นาความรูไปใชใหเกิด
ประโยชนตอตนเองและสังคม

ผลการเรียนรู

1.ผู้เรียนมีทักษะการถายทอดบทเพลงตามเนื้อหาและอารมณโดยแสดงออกทางการแสดง
กีตาร
ตอหนา้ ผูชม เพอ่ื ให้เกิดความบันเทิงไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

2. ผูเรียนบอกเกณฑสาหรบั ประเมินคณุ ภาพการประพนั ธและการเลนกีตาร
3. ผเู รยี นสามารถฟงและแสดงความคิดเหน็ วพิ ากษ วิจารณ ตอการแสดงดนตรปี ระเมิน

คุณคาความไพเราะและอารมณของบทเพลงไดอยางเหมาะสม
4. ผเู รียนสามารถอธิบายการประยกุ ตการเลนกีตารในงานอื่นๆ
5. ผเู รียนสามารถวิเคราะหสถานการณทางสงั คมของนักกตี ารในวัฒนธรรมตางๆ

6. ผเู รยี นมคี วามรบั ผิดชอบ มีระเบียบวินัย มุงมน่ั และใฝรใู ฝเรียน
รวม 6 ผลการเรยี นรู

155

กลุมสำระกำรเรยี นรศู ิลปะ คำอธิบำยรำยวิชำ
รหสั วชิ ำ ศ30204 เพ่มิ เติมกีตำร 3 รำยวิชำเพ่ิมเตมิ กตี ำร 3
เวลำ 80 ชัว่ โมง
ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปท่ี 5 ภำคเรยี นที่ 1
จำนวน 2.0 หนวยกติ

ศึกษาเกีย่ วกับทฤษฎีโนตสากลการปฏิบตั ิโนตสากลการปฏบิ ัตจิ ับคอรดกีตารการปฏิบัตคิ อรด
กีตารขั้นสงู การอาน การเขยี นโนตกตี าร Fingering Chart การดีดโนตตาแหนงที่ 1 , 2 , 3 , 5 , 6 ,

7 ทฤษฎี Crescendo, Harmonic และแนวเพลงท่หี ลากหลายเชน แนวเพลงบลสู วิเคราะหประเภท
และรูปแบบการเลนกีตาร อภิปรายปจจัยดานวัฒนธรรมท่ีสงผลตอการสรางสรรค ความคิดและค

านิยม
ตองานกีตาร นาความรูมาสรางผลงานการประพนั ธเพลงไทยและเพลงสากล

โดยใชกระบวนการปฏบิ ัติการทางดนตรที งั้ เดยี่ วและกลุม ทกั ษะการฟง ทักษะการสังเกต การฝ

กซอม และการสาธิตมที กั ษะการเลน C Minor Pentatonic Scale, C Minor Pentatonic With
Added Flatted 5 , Pentatonic Forms with Blues Notes, The Blues Chord Progression

Blues Progression in C or C BluesและTriads ข้ันสูง ทักษะการคิดวิเคราะหและการคิดสราง
สรรค

เพ่ือใหผเู รียนเขาใจทฤษฎีดนตรี มีทักษะการเลนกตี ารขัน้ สูง สามารถเลนกตี ารไดหลากหลาย

แนวเพลงคดิ สรางสรรคโดยนาองคความรูเรื่องประเภทและรปู แบบการเลนกีตารมาพฒั นาเพลงของ
ตนเอง การบูรณาการความรู้สู่อาเซี่ยน นาเสนอผลงานตนเองผานชองทางตางๆเห็นคุณคามีทัศนคติ

และคานิยมที่ดีตอกตี ารและงานเพลงกีตาร มีความคดิ สรางสรรค มคี วามพอเพยี ง มรี ะเบียบวนิ ัย เกิด
ความมุงม่นั ในการฝกซอม ใฝเรียนรู นาความรูไปใชใหเกิดประโยชนตอตนเองและสงั คม

ผลการเรียนรู

1. ผูเรียนมีความรูและเขาใจในทฤษฎีดนตรขี องกตี ารสามารถเขยี นและจาแนกสญั ลกั ษณโนต
ดนตรีกตี ารในบนั ไดเสียงตางๆได

2. ผเู รียนมที ักษะการถายทอดบทเพลงตามเน้ือหาและอารมณโดยแสดงออกทางดนตรี กตี าร
ตอหนาผูชมเพื่อใหเกดิ ความบนั เทงิ ไดอยางเหมาะสม

3. ผเู รยี นสามารถอธิบายเหตุผลทคี่ นตางวัฒนธรรมสรางสรรคงานกีตารทีแ่ ตกตางกันได

4. ผเู รียนสามารถอานเขยี นเลนโนตกตี ารในอตั ราจังหวะตางๆได
5. ผูเรยี นสามารถนาความรูไปใชใหเกิดประโยชนกบั สังคม และเสยี สละเพื่อสังคมมีระเบียบ

วนิ ยั เกิดความใฝรูใฝเรยี น และมุงมน่ั

รวม 5 ผลการเรียนรู

156

กลุมสำระกำรเรยี นรศู ิลปะ คำอธิบำยรำยวชิ ำ
รหัสวิชำ ศ 30205 เพมิ่ เตมิ กีตำร 4 รำยวชิ ำเพ่ิมเติม กีตำร 4
เวลำ 80 ชั่วโมง
ช้นั มัธยมศึกษำปท่ี 5 ภำคเรยี นที่ 2
จำนวน 2.0 หนวยกิต

ศกึ ษาเก่ยี วกบั ประวตั คิ วามเปนมาของบทเพลง ผูแตงเพลง นักดนตรี และการแสดง เทคนิค
การแสดงเดี่ยวและเทคนิคการแสดงกลุม การถายทอดอารมณ การประยกุ ตกีตารเขากับกิจกรรมหรือ

การแสดงตางๆ เกณฑการประเมนิ คุณภาพของงานเพลงและการเลนกีตาร นาความรูมาสรางผลงาน
การประพนั ธเพลงไทยและเพลงสากล

โดยใชกระบวนการปฏบิ ัติการทางดนตรที ้งั เดย่ี วและกลุม ทักษะการฟง ทกั ษะการสงั เกต
การฝกซอม การสาธติ การออกแบบ และการแสดงเพือ่ สรางทกั ษะการสไลด (Sliding to Notes)การ
เลน Sliding Riffการดนั สาย (Bends) การเลนเทคนคิ Hammer-ons การเลนเทคนิคPull-offs การ

เลนเทคนคิ Tappingและการเลน Power Chords สรางสไตสการเลนกีตารในแนวทางของตนเอง
และการแตงเพลง

เพ่อื ใหผูเรียนสามารถสรางสรรคผลงานเพลงของตนเอง มคี วามสามารถในการส่อื สารงาน
เพลงอยางมปี ระสทิ ธภิ าพ เหน็ คณุ คามที ัศนคตแิ ละคานยิ มที่ดีตอกีตารและอาชพี นกั ดนตรี มีความคิด
สรางสรรค การบูรณาการความร้สู ู่อาเซยี่ น มรี ะเบยี บวนิ ยั มีความพอเพยี ง เกิดความมงุ มั่นในการฝกซ

อม ใฝเรียนรู นาความรูไปใชใหเกดิ ประโยชนตอตนเองและตอสงั คม

ผลการเรียนรู

1.ผู้เรยี นมีทกั ษะการถายทอดบทเพลงตามเน้อื หาและอารมณโดยแสดงออกทางดนตรี กีตาร

ตอหนา
ผูชมเพอื่ ใหเกิดความบนั เทิงไดอยางเหมาะสม

2. ผเู รยี นสามารถสรางเกณฑสาหรบั ประเมินคณุ ภาพการประพนั ธและการเลนกตี ารได
3. ผเู รยี นสามารถ ฟงและแสดงความคิดเห็น วพิ ากษ วิจารณ ตอการแสดงดนตรปี ระเมิน

คุณคาความไพเราะและอารมณของบทเพลงไดอยางเหมาะสม

4. ผูเรยี นสามารถนาการเลนกีตารไปประยุกตใชในงานอ่ืนๆได
5. ผูเรยี นสามารถนาเสนอแนวทางในการพัฒนาทักษะการเลนกตี ารเพื่อสูอาชพี และ

แนวทาง
การศึกษาได

6. ผูเรียนสามารถนาความรูไปใชอยางซือ่ สตั ย และเห็นคณุ คาในสงิ่ ท่ปี ฏิบตั ิ มีระเบยี บวินยั

ใฝ่เรยี นรู
รวม 6 ผลการเรียนรู


Click to View FlipBook Version