The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรสถานศึกษา 2564

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sucharat ratchasarn, 2022-04-18 06:52:00

หลักสูตรสถานศึกษา 2564

หลักสูตรสถานศึกษา 2564

5

โครงสรา้ งหลกั สูตรโรงเรียนช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 5
หลกั สตู รหอ้ งเรียนพิเศษวทิ ยาศาสตร์ – คณติ ศาสตร์(Science-Math Classroom)

ภาคเรยี นท1ี่ (หนว่ ยกิต/ ภาคเรยี นท่ี 2 (หนว่ ยกติ /
ชม.) ชม.)

รายวชิ าพ้ืนฐาน 7.5 (300) รายวชิ าพืน้ ฐาน 6.5 (260)
ท32101 ภาษาไทย 1.0 (40) ท32102 ภาษาไทย 1.0 (40)
ค32101 คณิตศาสตร์ 1.0 (40) ค32102 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40)
ว32101 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 1 1.0 (40) ว32103 เทคโนโลยี 3 (วทิ ยาการคานวณ) 1.0 (40)
ส32101 สงั คมศึกษา 1.0 (40)
ส32102 ประวัตศิ าสตร์ 0.5 (20) ว32102 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 1.0 (40)
พ32101 สุขศกึ ษาและพลศึกษา 1.0 (40) 1.0 (40)
ศ32101 ศิลปะ 1.0 (40) ส32103 สังคมศกึ ษา 0.5 (20)
อ32101 ภาษาองั กฤษ 1.0 (40) ส32104 ประวัตศิ าสตร์ 1.0 (40)
8.5 (340) อ32102 ภาษาอังกฤษ
รายวชิ าเพ่ิมเตมิ 2.0 (80)
ค30203 การประยุกตต์ รโี กณมิติ 2.0 (80) รายวชิ าเพิ่มเติม 9.5 (380)
ว30203 ฟสิ กิ ส์ 3 1.5 (60) ค30204 เวกเตอร์และความนา่ จะเปน็ 2.0 (80)
ว30223 เคมี 3 1.5 (60) ว30204 ฟิสกิ ส์ 4 2.0 (80)
ว30243 ชีววทิ ยา 3 0.5 (20) ว30224 เคมี 4 1.5 (60)
ว30264 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 3 1.0 (40) ว30244 ชวี วิทยา 4 1.5 (60)
ว30265 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 4 1.0 (40)
อ30206 ภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจาวนั 3 40
20 อ30208 ภาษาอังกฤษในชวี ิตประจาวัน 4 1.0 (40)
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น 20
 กจิ กรรมแนะแนว ส30233 หน้าที่พลเมอื ง 3 0.5 (20)
 กจิ กรรมนักเรยี น (10)
680 กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น 40
- กิจกรรมชมุ นุม 20
- โฮมรูม/อบรมคุณธรรม  กจิ กรรมแนะแนว 20
- ส่งเสริมวิชาการ  กิจกรรมนกั เรียน
 กจิ กรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ (10)
- กิจกรรมชุมนุม 680
รวมท้งั หมด - โฮมรมู /อบรมคณุ ธรรม
- ส่งเสริมวิชาการ
 กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์

รวมทง้ั หมด

6

โครงสร้างหลักสูตรโรงเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6
หลกั สูตรหอ้ งเรยี นพิเศษวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์(Science-Math Classroom)

ภาคเรยี นท่ี1 (หน่วยกิต/ ภาคเรยี นท่ี 2 (หนว่ ยกติ /
ชม.) ชม.)

รายวิชาพนื้ ฐาน 6.0 (240) รายวิชาพนื้ ฐาน 6.0 (240)
ท33101 ภาษาไทย 1.0 (40) ท33102 ภาษาไทย 1.0 (40)
ค33101 คณิตศาสตร์ 1.0 (40) ค33102 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40)
ว33101 วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ 1.0 (40) ว33102 เทคโนโลยี 4 (วทิ ยาการคานวณ) 1.0 (40)
1.0 (40) 1.0 (40)
ส33101 สังคมศึกษา 1.0 (40) ส33102 สงั คมศกึ ษา 1.0 (40)
ง33101 การงานอาชพี 1.0 (40) อ33102 ภาษาอังกฤษ 1.0 (40)
อ33101 ภาษาอังกฤษ 9.5 (380) ศ33101 ศลิ ปะ(ทศั นศลิ ป์) 9.0 (360)
2.0 (80) 2.0 (80)
รายวชิ าเพมิ่ เตมิ 2.0 (80) รายวิชาเพิ่มเตมิ 2.0 (80)
ค30205 แคลคูลัสเบื้องต้น 1.5 (60) ค30206 สถิตวิ เิ คราะห์ 1.5 (60)
ว30205 ฟสิ ิกส์ 5 1.5 (60) ว30206 ฟสิ ิกส์ 6 1.5 (60)
ว30225 เคมี 5 1.0 (40) ว30226 เคมี 6 1.0 (40)
ว30245 ชีววิทยา 5 1.0 (40) ว30246 ชวี วทิ ยา 6 1.0 (40)
ว30266 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 5 0.5 (20) ว30267 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 6
อ30210 ภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจาวนั 5 อ30212 ภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจาวัน 6
ส30234 หนา้ ท่พี ลเมือง 4 40
20 กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน 40
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น 20 20
 กิจกรรมแนะแนว  กิจกรรมแนะแนว 20
 กิจกรรมนกั เรยี น (10)  กจิ กรรมนักเรียน
660 (10)
- กิจกรรมชมุ นมุ - กิจกรรมชมุ นมุ 640
- โฮมรมู /อบรมคณุ ธรรม - โฮมรูม/อบรมคณุ ธรรม
- ส่งเสริมวชิ าการ - ส่งเสรมิ วชิ าการ
 กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์  กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์

รวมทง้ั หมด รวมทงั้ หมด

7

โครงสร้างหลักสูตรโรงเรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 4
หลักสูตรแผนการเรียนวิทยาศาสตร์ – คณติ ศาสตร์

ภาคเรยี นท่1ี (หนว่ ยกติ / ภาคเรยี นที่ 2 (หนว่ ยกิต/
ชม.) ชม.)
รายวิชาพื้นฐาน รายวชิ าพ้ืนฐาน
ท31101 ภาษาไทย 7.5(300) ท31102 ภาษาไทย 7.5(300)
ค31101 คณิตศาสตร์ ค31102 คณิตศาสตร์
ว31101 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ 1.0 (40) ว31103 เทคโนโลยี2 (วิทยาการคานวณ) 1.0 (40)
ว31102 เทคโนโลยี 1(การออกแบบและเทคโนโลยี) 1.0 (40) ส31103 สงั คมศึกษา 1.0 (40)
ส31101 สงั คมศกึ ษา 1.0 (40) ส31104 ประวตั ิศาสตร์ 1.0 (40)
ส31102 ประวัติศาสตร์ 1.0 (40) พ31102 สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา 1.0 (40)
พ31101 สุขศึกษาและพลศึกษา ศ31101 ศลิ ปะ (นาฏศลิ ป์)
อ31101 ภาษาอังกฤษ 1.0 (40) อ31102 ภาษาองั กฤษ 0.5 (20)
0.5 (20) 1.0 (40)
1.0 (40) 1.0 (40)
1.0 (40) 1.0 (40)

รายวิชาเพมิ่ เตมิ 8.5 (340) รายวชิ าเพมิ่ เตมิ 8.5 (340)
ค30201 คณิตศาสตร์วิเคราะห์ 1.5 (60) ค30202 เรขาคณิตวิเคราะห์ 1.5 (60)
ว30201 ฟิสิกส์ 1 2.0 (80) ว30202 ฟสิ กิ ส์ 2 2.0 (80)
1.5 (60) 1.5 (60)
ว30221 เคมี 1 1.5 (60) ว30222 เคมี 2 1.5 (60)
ว30241 ชีววทิ ยา 1 0.5 (20) ว30242 ชีววิทยา 2 0.5 (20)
ว30262 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 1 1.0 (40) ว30263 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 2 1.0 (40)
อ30202 ภาษาอังกฤษในชีวิตประจาวัน 1 0.5 (20) อ30204 ภาษาอังกฤษในชวี ติ ประจาวัน 2 0.5 (20)

ส30231 หน้าทพี่ ลเมือง 1 40 ส30232 หน้าที่พลเมอื ง 2 40
20 20
กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน 20 กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น 20
 กจิ กรรมแนะแนว  กจิ กรรมแนะแนว
 กจิ กรรมนักเรียน (10)  กจิ กรรมนักเรยี น (10)
680 680
- กจิ กรรมชุมนมุ - กจิ กรรมชุมนมุ
- โฮมรมู /อบรมคณุ ธรรม - โฮมรูม/อบรมคณุ ธรรม
- ส่งเสรมิ วชิ าการ - สง่ เสรมิ วชิ าการ
 กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์  กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์

รวมทั้งหมด รวมท้งั หมด

8

โครงสรา้ งหลกั สูตรโรงเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5
หลกั สูตรแผนการเรยี นวิทยาศาสตร์ – คณติ ศาสตร์

ภาคเรียนท่ี1 (หน่วยกติ / ภาคเรียนท่ี 2 (หนว่ ยกติ /
ชม.) ชม.)
รายวิชาพื้นฐาน รายวชิ าพื้นฐาน
ท32101 ภาษาไทย 7.5 (300) ท32102 ภาษาไทย 6.5 (260)
ค32101 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40) ค32102 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40)
ว32101 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 1 1.0 (40) ว32103 เทคโนโลยี 3 (วทิ ยาการคานวณ) 1.0 (40)
ส32101 สังคมศึกษา 1.0 (40) ว32102 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 2 1.0 (40)
ส32102 ประวัติศาสตร์ 1.0 (40) ส32103 สังคมศึกษา
พ32101 สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ส32104 ประวัติศาสตร์ 1.0 (40)
ศ32101 ศลิ ปะ 0.5 (20) อ32102 ภาษาอังกฤษ 1.0 (40)
อ32101 ภาษาองั กฤษ 1.0 (40) 0.5 (20)
1.0 (40) 1.0 (40)
1.0 (40)

รายวชิ าเพ่มิ เติม 8.5 (340) รายวชิ าเพิ่มเตมิ 9.5 (380)
ค30203 การประยุกตต์ รีโกณมติ ิ 2.0 (80) ค30204 เวกเตอร์และความน่าจะเปน็ 2.0 (80)
ว30203 ฟสิ ิกส์ 3 2.0 (80) ว30204 ฟสิ กิ ส์ 4 2.0 (80)
ว30223 เคมี 3 1.5 (60) ว30224 เคมี 4 1.5 (60)
ว30243 ชีววทิ ยา 3 1.5 (60) ว30244 ชีววทิ ยา 4 1.5 (60)
ว30264 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 3 0.5 (20) ว30265 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 4 1.0 (40)
1.0 (40) 1.0 (40)
อ30206 ภาษาอังกฤษในชีวติ ประจาวัน 3 อ30208 ภาษาองั กฤษในชีวิตประจาวนั 4 0.5 (20)
40
กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน 20 ส30233 หนา้ ที่พลเมือง 3 40
 กิจกรรมแนะแนว 20 20
 กจิ กรรมนกั เรยี น กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน 20
(10)  กจิ กรรมแนะแนว
- กิจกรรมชุมนมุ 680  กจิ กรรมนกั เรียน (10)
- โฮมรมู /อบรมคุณธรรม 680
- สง่ เสริมวชิ าการ - กจิ กรรมชุมนุม
 กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ - โฮมรูม/อบรมคณุ ธรรม
- สง่ เสรมิ วิชาการ
รวมทั้งหมด  กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์

รวมทง้ั หมด

9

โครงสร้างหลกั สตู รโรงเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6
หลักสูตรแผนการเรยี นวทิ ยาศาสตร์ – คณติ ศาสตร์

ภาคเรยี นท1่ี (หน่วยกติ / ภาคเรียนท่ี 2 (หนว่ ยกิต/
ชม.) ชม.)
รายวิชาพ้นื ฐาน รายวิชาพน้ื ฐาน
ท33101 ภาษาไทย 6.0 (240) ท33102 ภาษาไทย 6.0 (240)
ค33101 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40) ค33102 คณิตศาสตร์ 1.0 (40)
ว33101 วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ 1.0 (40) ว33102 เทคโนโลยี 4 (วทิ ยาการคานวณ) 1.0 (40)
ส33101 สงั คมศึกษา 1.0 (40) ส33102 สังคมศึกษา 1.0 (40)
ง33103 การงานอาชีพ 1.0 (40) อ33102 ภาษาองั กฤษ 1.0 (40)
อ33101 ภาษาอังกฤษ 1.0 (40) ศ33101 ศิลปะ (ทัศนศลิ ป์) 1.0 (40)
1.0 (40)
รายวิชาเพ่มิ เตมิ 9.5 (380) รายวิชาเพ่มิ เติม 1.0 (40)
ค30205 แคลคลู สั เบื้องต้น 2.0 (80) ค30206 สถิตวิ เิ คราะห์ 9.0 (360)
ว30205 ฟสิ กิ ส์ 5 2.0 (80) ว30206 ฟสิ ิกส์ 6 2.0 (80)
ว30225 เคมี 5 1.5 (60) ว30226 เคมี 6 2.0 (80)
ว30245 ชีววิทยา 5 1.5 (60) ว30246 ชวี วทิ ยา 6
ว30266 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 5 1.0 (40) ว30267 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 6 1.5 (60)
อ30210 ภาษาอังกฤษในชวี ิตประจาวนั 5 1.0 (40) อ30212 ภาษาอังกฤษในชีวติ ประจาวนั 6 1.5 (60)
ส30234 หนา้ ท่ีพลเมือง 4 0.5 (20) 1.0 (40)
1.0 (40)
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น 40
 กจิ กรรมแนะแนว 20 กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น 40
 กจิ กรรมนักเรียน 20 20
 กิจกรรมแนะแนว 20
- กิจกรรมชุมนุม (10)  กิจกรรมนักเรยี น
- โฮมรูม/อบรมคณุ ธรรม 660 (10)
- สง่ เสรมิ วิชาการ - กิจกรรมชุมนุม 640
 กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ - โฮมรูม/อบรมคุณธรรม
- สง่ เสริมวิชาการ
รวมทั้งหมด  กจิ กรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์

รวมทั้งหมด

10

โครงสรา้ งหลักสตู รโรงเรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 4
หลักสตู รแผนการเรียนวิทยาศาสตร์ – คอมพิวเตอร์

ภาคเรยี นที1่ (หนว่ ยกิต/ ภาคเรียนท่ี 2 (หน่วยกิต/
ชม.) ชม.)
รายวิชาพืน้ ฐาน รายวิชาพ้ืนฐาน
ท31101 ภาษาไทย 7.5(300) ท31102 ภาษาไทย 7.5(300)
ค31101 คณิตศาสตร์ 1.0 (40) ค31102 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40)
ว31101 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ 1.0 (40) ว31103 เทคโนโลยี2 (วิทยาการคานวณ) 1.0 (40)
ว31102 เทคโนโลยี 1(การออกแบบและเทคโนโลยี) 1.0 (40) ส31103 สงั คมศกึ ษา 1.0 (40)
ส31101 สงั คมศกึ ษา ส31104 ประวตั ิศาสตร์
ส31102 ประวตั ิศาสตร์ 1.0 (40) พ31102 สุขศึกษาและพลศึกษา 1.0 (40)
พ31101 สุขศึกษาและพลศกึ ษา 1.0 (40) ศ31101 ศลิ ปะ (นาฏศิลป์) 0.5 (20)
อ31101 ภาษาองั กฤษ 0.5 (20) อ31102 ภาษาอังกฤษ 1.0 (40)
1.0 (40) 1.0 (40)

1.0 (40) 1.0 (40)

รายวชิ าเพิม่ เติม 8.5(340) รายวิชาเพ่มิ เติม 8.5(340)
ว30261 โลก และดวงดาว 1.0 (40) ว30247 วิทยาศาสตร์สิง่ แวดลอ้ ม 1.0 (40)
1.0 (40) 1.0 (40)
ว30281 เพ่มิ เติมคอมพิวเตอร์ 7 ว30283 เพิ่มเติมคอมพวิ เตอร์ 8
(การเขยี นโปรแกรมภาษาซี) 2.0 (80) (การเขยี นโปรแกรมภาษาจาวา) 2.0 (80)
1.0 (40) 1.0 (40)
ว30282 การพฒั นาแอพพลเิ คชน่ั 1.0 (40) ว30284 งานกราฟกิ พ้นื ฐาน 1.0 (40)
0.5 (20) 0.5 (20)
อ30202 ภาษาอังกฤษในชวี ิตประจาวนั 1 อ30204 ภาษาอังกฤษในชวี ติ ประจาวัน 2
ศ30201 ออกแบบ 2.0 (80) ท30203 การพูดตอ่ หนา้ ชมุ ชน 2.0 (80)
ส30231 หน้าที่พลเมอื ง 1 2.0 (80) ส30232 หนา้ ทพ่ี ลเมือง 2 2.0 (80)
2.0 (80) 2.0 (80)
วิชาเพิ่มเติม (เลอื กเรียน 1 กลุ่มตอ่ เนอื่ ง) วชิ าเพม่ิ เตมิ (เลือกเรียน1 กลมุ่ ตอ่ เน่ือง)
40 40
ง30201 เพ่มิ เตมิ ภาษาองั กฤษสาหรับงานประดิษฐ์ 20 ง30202 เพ่ิมเตมิ ผลติ ภัณฑ์งานดอกไมส้ ด 20
ศ30202 เพิ่มเตมิ กีต้าร์ 1 20 ศ30203 เพิ่มเตมิ กตี ้าร์ 2 20
พ30201 เพิม่ เติมฟุตบอล 7 พ30202 เพมิ่ เตมิ ฟุตบอล 8
(10) (10)
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น 680 กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน 680
 กิจกรรมแนะแนว  กิจกรรมแนะแนว
 กิจกรรมนกั เรยี น  กิจกรรมนกั เรียน

- กิจกรรมชมุ นุม - กจิ กรรมชมุ นมุ
- โฮมรมู /อบรมคณุ ธรรม - โฮมรูม/อบรมคุณธรรม
- ส่งเสรมิ วชิ าการ - สง่ เสรมิ วชิ าการ
 กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์  กิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์

รวมท้ังหมด รวมท้ังหมด

11

โครงสรา้ งหลกั สตู รโรงเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5
หลักสตู รแผนการเรยี นวทิ ยาศาสตร์ – คอมพิวเตอร์

ภาคเรยี นท่1ี (หนว่ ยกิต/ ภาคเรยี นที่ 2 (หน่วยกิต/
ชม.) ชม.)
รายวชิ าพืน้ ฐาน รายวิชาพ้ืนฐาน
ท32101 ภาษาไทย 7.5 (300) ท32102 ภาษาไทย 6.5 (260)
ค32101 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40) ค32102 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40)
ว32101 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 1 1.0 (40) ว32103 เทคโนโลยี 3 (วทิ ยาการคานวณ) 1.0 (40)
ส32101 สงั คมศึกษา 1.0 (40) ว32102 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 2 1.0 (40)
ส32102 ประวตั ิศาสตร์ 1.0 (40) ส32103 สังคมศึกษา
พ32101 สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ส32104 ประวตั ิศาสตร์ 1.0 (40)
ศ32101 ศลิ ปะ 0.5 (20) อ32102 ภาษาองั กฤษ 1.0 (40)
อ32101 ภาษาองั กฤษ 1.0 (40) 0.5 (20)
1.0 (40) 1.0 (40)
1.0 (40)

รายวิชาเพ่ิมเตมิ 8.5(340) รายวชิ าเพิม่ เตมิ 9.5(380)
ว30248 วทิ ยาศาสตร์เพื่อสุขภาพ 1.0 (40) ว30207 รังสที ่เี รามองไมเ่ หน็ 1.0 (40)
2.0 (80) 1.0 (40)
ว30285 เพ่ิมเติม คอมพิวเตอร์ 9 ว30287 เพิม่ เติมคอมพวิ เตอร์ 10
(การสร้างงานมลั ตมิ ีเดีย) 1.0 (40) (การจัดการฐานข้อมูล) 2.0 (80)
1.0 (40) 1.0 (40)
ว30286 การออกแบบและพฒั นาหุ่นยนต์ 0.5 (20) ว30288 การสร้างส่ือส่งิ พิมพ์ 0.5 (20)
1.0 (40) 1.0 (40)
ส30281 อาเซียนศกึ ษา ท30205 การอ่านเพื่อการคดิ วิเคราะห์ 1.0 (40)

ส30221 กฎหมายนา่ รู้ ส30233 หนา้ ท่พี ลเมือง 3 2.0 (80)
2.0 (80)
อ30206 ภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจาวัน 3 อ30208 ภาษาอังกฤษในชวี ิตประจาวัน 4 2.0 (80)
ส30282 โลกและการเปล่ียนแปลง
วชิ าเพมิ่ เติม (เลือกเรียน 1 กลุ่ม) 2.0 (80) วชิ าเพม่ิ เติม (เลอื กเรียน 1 กลมุ่ ) 40
2.0 (80) 20
ง30203 เพิม่ เตมิ การบรหิ ารการจดั การธรุ กิจงานประดิษฐ์ 2.0 (80) ง30204 เพิ่มเตมิ ศิลปะสร้างสรรคง์ านดอกไมส้ ด 20
ศ30204 เพ่มิ เตมิ กตี ้าร์ 3 ศ30205 เพมิ่ เติมกีตา้ ร์ 4
พ30203 เพ่มิ เติมฟตุ บอล 9 40 พ30204 เพ่มิ เตมิ ฟุตบอล 10 (10)
20 680
กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน 20 กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น
 กิจกรรมแนะแนว  กิจกรรมแนะแนว
 กิจกรรมนักเรียน (10)  กจิ กรรมนกั เรียน
680
- กิจกรรมชุมนุม - กิจกรรมชุมนมุ
- โฮมรูม/อบรมคณุ ธรรม - โฮมรูม/อบรมคณุ ธรรม
- สง่ เสรมิ วิชาการ - สง่ เสรมิ วชิ าการ
 กจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์  กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์

รวมทัง้ หมด รวมท้ังหมด

12

โครงสร้างหลกั สูตรโรงเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6
หลกั สูตรแผนการเรยี นวทิ ยาศาสตร์ – คอมพวิ เตอร์

ภาคเรียนที่1 (หน่วยกิต/ ภาคเรยี นที่ 2 (หน่วยกิต/
ชม.) ชม.)
รายวชิ าพน้ื ฐาน รายวชิ าพื้นฐาน
ท33101 ภาษาไทย 6.0 (240) ท33102 ภาษาไทย 6.0 (240)
ค33101 คณิตศาสตร์ 1.0 (40) ค33102 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40)
ว33101 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ 1.0 (40) ว33102 เทคโนโลยี 4 (วทิ ยาการคานวณ) 1.0 (40)
ส33101 สงั คมศึกษา 1.0 (40) ส33102 สังคมศึกษา 1.0 (40)
ง33103 การงานอาชีพ 1.0 (40) อ33102 ภาษาอังกฤษ 1.0 (40)
อ33101 ภาษาอังกฤษ 1.0 (40) ศ33101 ศลิ ปะ (ทัศนศิลป์) 1.0 (40)
1.0 (40) 1.0 (40)
รายวชิ าเพิ่มเตมิ 9.5(380) รายวิชาเพ่มิ เตมิ 9.0(360)
ว30208 วทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี 1.0 (40) ว30209 พลงั งานกบั ชีวติ 1.0 (40)
ว30289 เพิ่มเตมิ คอมพวิ เตอร์ 11 2.0 (80) ว30291 เพ่มิ เติมคอมพวิ เตอร์ 12 2.0 (80)

(การพาณิชย์อเิ ล็กทรอนกิ ส)์ 1.0 (40) (โครงงานคอมพวิ เตอร์) 1.0 (40)
ว30290 Internet of Things 2.0 (80) 2.0 (80)
ง30209 โรงเรยี นชาวนา1 1.0 (40) ว30292 การออกแบบผลติ ภณั ฑ์ 1.0 (40)
อ30210 ภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจาวัน 5 0.5 (20) ง30210 โรงเรยี นชาวนา2
ส30234 หน้าที่พลเมอื ง 4 อ30212 ภาษาอังกฤษในชวี ติ ประจาวัน 6
วิชาเพ่ิมเติม (เลอื กเรียน 1 กลุ่ม)
วิชาเพิ่มเตมิ (เลอื กเรยี น 1 กล่มุ )

ง30205 เพิม่ เติมการฝึกประสบการณ์ทางอาชีพ 2.0 (80) ง30206 เพิม่ เตมิ โครงงานและการจดั 2.0 (80)
ศ30206 เพม่ิ เตมิ กีต้าร์ 5 2.0 (80) นทิ รรศการงานดอกไมส้ ด
พ30205 เพมิ่ เติมฟตุ บอล 11 2.0 (80) 2.0 (80)
ศ30207 เพม่ิ เติมกตี า้ ร์ 6 2.0 (80)
กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น 40 พ30206 เพิ่มเตมิ ฟุตบอล 12
 กิจกรรมแนะแนว 20 40
 กิจกรรมนกั เรยี น 20 กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน 20
 กจิ กรรมแนะแนว 20
- กิจกรรมชุมนมุ (10)  กจิ กรรมนกั เรยี น
- โฮมรมู /อบรมคุณธรรม 660 (10)
- ส่งเสรมิ วชิ าการ - กจิ กรรมชมุ นมุ 640
 กิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ - โฮมรูม/อบรมคุณธรรม
- สง่ เสรมิ วชิ าการ
รวมท้งั หมด  กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์

รวมทงั้ หมด

13

โครงสรา้ งหลกั สูตรโรงเรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 4
หลักสตู รแผนการเรียนศิลป์ – ภาษา

ภาคเรียนท่ี1 (หน่วยกิต/ ภาคเรียนท่ี 2 (หนว่ ยกิต/
ชม.) ชม.)
รายวชิ าพน้ื ฐาน รายวิชาพ้นื ฐาน
ท31101 ภาษาไทย 7.5(300) ท31102 ภาษาไทย 7.5(300)
ค31101 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40) ค31102 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40)
ว31101 วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ 1.0 (40) ว31103 เทคโนโลยี2 (วทิ ยาการคานวณ) 1.0 (40)
ว31102 เทคโนโลยี 1 (การออกแบบและเทคโนโลยี) 1.0 (40) ส31103 สังคมศกึ ษา 1.0 (40)
ส31101 สังคมศกึ ษา ส31104 ประวตั ิศาสตร์
ส31102 ประวตั ิศาสตร์ 1.0 (40) พ31102 สุขศกึ ษาและพลศึกษา 1.0 (40)
พ31101 สุขศกึ ษาและพลศึกษา 1.0 (40) ศ31101 ศลิ ปะ (นาฏศลิ ป์) 0.5 (20)
อ31101 ภาษาองั กฤษ 0.5 (20) อ31102 ภาษาองั กฤษ 1.0 (40)
1.0 (40) 1.0 (40)

1.0 (40) 1.0 (40)

รายวิชาเพม่ิ เตมิ 8.5 (340) รายวิชาเพิม่ เตมิ 8.5 (340)
อ30201 เพิ่มเตมิ ภาษาองั กฤษ 7 2.0 (80) อ30203 เพ่ิมเติมภาษาองั กฤษ 8 2.0 (80)
อ30202 ภาษาองั กฤษในชีวติ ประจาวัน 1 1.0 (40) อ30204 ภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจาวนั 2 1.0 (40)
จ30201 ภาษาจนี 1 2.0 (80) จ30202 ภาษาจีน 2 2.0 (80)
ท30201 การเขียน 0.5 (20) ท30202 วรรณกรรมทอ้ งถ่ิน 0.5 (20)
ส30241 เศรษฐศาสตร์ในชีวิตประจาวัน 1 0.5 (20) ส30242 เศรษฐศาสตร์ในชวี ิตประจาวัน 2 0.5 (20)
ส30231 หนา้ ทพี่ ลเมือง 1 0.5 (20) ส30232 หน้าทีพ่ ลเมอื ง 2 0.5 (20)
วชิ าเพมิ่ เตมิ (เลอื กเรยี น 1 กลุ่ม) วิชาเพิม่ เติม (เลือกเรยี น 1 กลมุ่ )
2.0 (80) 2.0 (80)
ง30201 เพิม่ เตมิ ภาษาอังกฤษสาหรับงานประดิษฐ์ 2.0 (80) ง30202 เพิ่มเติมผลิตภณั ฑง์ านดอกไมส้ ด 2.0 (80)
ศ30202 เพ่ิมเติมกีตา้ ร์ 1 2.0 (80) ศ30203 เพ่ิมเติมกีตา้ ร์ 2 2.0 (80)
พ30201 เพม่ิ เติมฟุตบอล 7 พ30202 เพม่ิ เตมิ ฟตุ บอล 8
40 40
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน 20 กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น 20
 กจิ กรรมแนะแนว 20  กจิ กรรมแนะแนว 20
 กิจกรรมนกั เรยี น  กจิ กรรมนกั เรยี น
(10) (10)
- กิจกรรมชมุ นมุ 680 - กจิ กรรมชมุ นุม 680
- โฮมรมู /อบรมคณุ ธรรม - โฮมรมู /อบรมคุณธรรม
- สง่ เสรมิ วิชาการ - ส่งเสริมวชิ าการ
 กิจกรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์  กจิ กรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์

รวมทั้งหมด รวมท้งั หมด

14

โครงสรา้ งหลักสูตรโรงเรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5
หลกั สตู รแผนการเรยี นศลิ ป์ – ภาษา

ภาคเรียนท่1ี (หน่วยกติ / ภาคเรียนที่ 2 (หน่วยกติ /
ชม.) ชม.)
รายวชิ าพนื้ ฐาน รายวิชาพ้นื ฐาน
ท32101 ภาษาไทย 7.5 (300) ท32102 ภาษาไทย 6.5 (260)
ค32101 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40) ค32102 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40)
ว32101 วิทยาศาสตร์กายภาพ 1 1.0 (40) ว32103 เทคโนโลยี 3 (วิทยาการคานวณ) 1.0 (40)
ส32101 สังคมศกึ ษา 1.0 (40) ว32102 วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 1.0 (40)
ส32102 ประวตั ิศาสตร์ 1.0 (40) ส32103 สงั คมศกึ ษา
พ32101 สุขศกึ ษาและพลศึกษา ส32104 ประวัติศาสตร์ 1.0 (40)
ศ32101 ศิลปะ 0.5 (20) อ32102 ภาษาอังกฤษ 1.0 (40)
อ32101 ภาษาอังกฤษ 1.0 (40) 0.5 (20)
1.0 (40) 1.0 (40)
รายวชิ าเพม่ิ เติม 1.0 (40)
อ30205 เพม่ิ เติมภาษาองั กฤษ 9 รายวิชาเพ่มิ เตมิ 9.5 (380)
อ30206 ภาษาองั กฤษในชีวติ ประจาวนั 3 8.5 (340) อ30207 เพมิ่ เตมิ ภาษาองั กฤษ 10 2.0 (80)
จ30203 ภาษาจีน 3 2.0 (80) อ30208 ภาษาองั กฤษในชีวติ ประจาวัน 4 1.0 (40)
ท30204 การศึกษาค้นคว้าเบ้ืองตน้ 1.0 (40) จ30204 ภาษาจีน 4 2.0 (80)
ส30221 กฎหมายนา่ รู้ 2.0 (80) ท30205 การอา่ นเพือ่ การคดิ วเิ คราะห์ 1.0 (40)
1.0 (40) 1.0 (40)
ส30282 โลกและการเปลี่ยนแปลง 0.5 (20)
0.5 (20)
ส30233 หน้าที่พลเมอื ง 3 2.0 (80)
วชิ าเพิม่ เตมิ (เลอื กเรยี น 1 กลุ่ม) 2.0 (80) 2.0 (80)
ง30203 เพ่มิ เติมการบรหิ ารการจัดการธุรกิจงานประดิษฐ์ 2.0 (80) วชิ าเพ่มิ เติม (เลือกเรียน 1 กลมุ่ ) 2.0 (80)
ศ30204 เพมิ่ เติมกีตา้ ร์ 3 2.0 (80) ง30204 เพิ่มเติมศลิ ปะสรา้ งสรรคง์ านดอกไม้สด
พ30203 เพมิ่ เติมฟุตบอล 9 ศ30205 เพ่ิมเตมิ กตี า้ ร์ 4 40
40 พ30204 เพ่มิ เติมฟตุ บอล 10 20
กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน 20 20
 กจิ กรรมแนะแนว 20 กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น
 กจิ กรรมนักเรียน  กจิ กรรมแนะแนว (10)
(10)  กิจกรรมนกั เรียน 680
- กิจกรรมชมุ นุม 680
- โฮมรูม/อบรมคณุ ธรรม - กจิ กรรมชมุ นุม
- ส่งเสริมวิชาการ - โฮมรูม/อบรมคุณธรรม
 กิจกรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน์ - สง่ เสรมิ วิชาการ
 กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์
รวมทง้ั หมด
รวมทงั้ หมด

15

โครงสร้างหลักสูตรโรงเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6
หลักสตู รแผนการเรยี นศิลป์ – ภาษา

ภาคเรยี นที1่ (หน่วยกติ / ภาคเรียนที่ 2 (หนว่ ยกติ /
ชม.) ชม.)
รายวิชาพ้ืนฐาน รายวิชาพน้ื ฐาน
ท33101 ภาษาไทย 6.0 (240) ท33102 ภาษาไทย 6.0 (240)
ค33101 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40) ค33102 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40)
ว33101 วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ 1.0 (40) ว33102 เทคโนโลยี 4 (วทิ ยาการคานวณ) 1.0 (40)
ส33101 สงั คมศึกษา 1.0 (40) ส33102 สังคมศึกษา
ง33103 การงานอาชีพ 1.0 (40) อ33102 ภาษาอังกฤษ 1.0 (40)
อ33101 ภาษาอังกฤษ 1.0 (40) ศ33101 ศิลปะ (ทัศนศิลป์) 1.0 (40)
1.0 (40) 1.0 (40)
รายวิชาเพิ่มเตมิ 9.5 (380) รายวชิ าเพม่ิ เติม 1.0 (40)
อ30209 เพ่ิมเตมิ ภาษาอังกฤษ 11 2.0 (80) อ30211 เพม่ิ เตมิ ภาษาองั กฤษ 12 9.0 (360)
อ30210 ภาษาอังกฤษในชวี ิตประจาวัน 5 1.0 (40) อ30212 ภาษาองั กฤษในชีวิตประจาวนั 6 2.0 (80)
จ30205 ภาษาจีน 5 2.0 (80) จ30206 ภาษาจนี 6 1.0 (40)
ท30206 ภาษากบั วัฒนธรรม 0.5 (20) ท30207 หลกั ภาษาไทย 2.0 (80)
ส30222 การเมอื งการปกครองไทย 0.5 (20) ส30223 ประชากรกับการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ 0.5 (20)
ง30207 ผลติ ภณั ฑส์ ร้างสรรคง์ านทอ 1 1.0 (40) ง30208 ผลิตภณั ฑ์สรา้ งสรรค์งานทอ2
0.5 (20) 0.5 (20)
ส30234 หนา้ ท่ีพลเมือง 4 1.0 (40)
2.0 (80)
วชิ าเพม่ิ เติม (เลอื กเรยี น 1 กลมุ่ ) 2.0 (80) วิชาเพิ่มเตมิ (เลอื กเรยี น 1 กลุ่ม) 2.0 (80)
2.0 (80)
ง30205 เพมิ่ เตมิ การฝกึ ประสบการณ์ทางอาชีพ ง30206 เพิม่ เติมโครงงานและการจัด 2.0 (80)
ศ30206 เพม่ิ เตมิ กีตา้ ร์ 5 40 นทิ รรศการงานดอกไม้สด 2.0 (80)
พ30205 เพม่ิ เตมิ ฟุตบอล 11 20
20 ศ30207 เพมิ่ เติมกตี า้ ร์ 6 40
กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น พ30206 เพมิ่ เติมฟตุ บอล 12 20
 กิจกรรมแนะแนว (10) 20
 กจิ กรรมนักเรียน 660 กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น
 กิจกรรมแนะแนว (10)
- กจิ กรรมชมุ นุม  กจิ กรรมนักเรยี น 640
- โฮมรูม/อบรมคณุ ธรรม
- ส่งเสริมวชิ าการ - กจิ กรรมชมุ นมุ
 กจิ กรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ - โฮมรมู /อบรมคณุ ธรรม
- ส่งเสรมิ วิชาการ
รวมทั้งหมด  กิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์

รวมทง้ั หมด

26

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ
กลมุ่ สำระกำรเรยี นรูภ้ ำษำไทย

ชน้ั มัธยมศกึ ษำตอนปลำย

27

กล่มุ สำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทย คำอธิบำยรำยวชิ ำ
รหสั วชิ ำ ท31101 ภำษำไทย รำยวชิ ำภำษำไทยพ้ืนฐำน
ช้ันมธั ยมศกึ ษำปีที่ 4 ภำคเรียนท่ี 1
เวลำ 40 ชั่วโมง จำนวน 1 หนว่ ยกติ

ศกึ ษาหลักการอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองไดอ้ ยา่ ถูกตอ้ งไพเราะและเหมาะสมกบั เรอื่ งท่ี

อ่าน การศกึ ษาเก่ียวกับการอ่าน การรับสารและการส่งสารดว้ ยการอ่านการวจิ ารณ์ การวเิ คราะห์ และประเมิน
คา่ วรรณคดีวรรณกรรมท้องถิ่น เร่อื งทีอ่ ่านอย่างมเี หตผุ ล ฝกึ ทกั ษะการ เขียนเรียงความเกยี่ วกบั ประโยชน์การ
รวมกลุ่มสมาชิกอาเซียน เขียนย่อความ จดหมาย เขยี นอธิบาย และข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรม การฟัง

การดแู ละการพดู แสดงความคิดเหน็ ท่องจาบทอาขยานตามทก่ี าหนด และบทรอ้ ยกรองท่มี ีคณุ คา่ ตามความ
สนใจ

โดยใชก้ ระบวนการอา่ น กระบวนการฟงั การดู การพดู กระบวนการเขียน เขยี นสื่อสาร สรา้ งสรรค์
ความรู้และความคิดเพ่ือนาไปใช้ตัดสินใจ แกป้ ญั หาในการดาเนนิ ชวี ิต

เพอิ่ รักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัตขิ องชาติ และมนี ิสัยรกั การอา่ นการเขยี น มมี ารยาทในการอา่ น การฟัง

การดเู ข้าใจธรรมชาติของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา มีสมรรถนะสาคัญ มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ยดึ
หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งเป็นหลกั คิดหลักปฏบิ ตั ใิ นการเรยี นรู้แสดงความคิดเห็นอยา่ งสรา้ งสรรค์

วเิ คราะห์และประเมนิ ค่าวรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณคา่ และนามาประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตจรงิ

ตวั ชวี้ ัด
ท 1.1 ม.4–6/1 ม.4–6/2 ม.4–6/3 ม.4–6/4 ม. 4–6/5ม.4–6/6 ม.4–6/7 ม. 4–6/8ม. 4–6/9
ท 2.1 ม.4–6/1 ม.4–6/2 ม.4–6/8
ท 3.1 ม.4–6/1 ม.4–6/2ม.4–6/3 ม.4–6/4
ท 4.1 ม.4–6/1 ม.4–6/2ม.4–6/3 ม.4–6/4

ท 5.1 ม. 4–6/1 ม. 4–6/2 ม. 4–6/3ม. 4–6/4 ม. 4–6/5 ม. 4–6/6

รวมทง้ั หมด 26 ตวั ช้ีวัด

28

กลุ่มสำระกำรเรียนร้ภู ำษำไทย คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ
รหสั วิชำ ท31102 ภำษำไทย รำยวชิ ำภำษำไทยพื้นฐำน
ช้นั มัธยมศกึ ษำปีท่ี 4 ภำคเรียนที่ 2
เวลำ 40 ชัว่ โมง จำนวน 1 หนว่ ยกติ

ศกึ ษาและอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองไดอ้ ย่าถูกตอ้ งไพเราะและเหมาะสมกับเรื่องท่ีอา่ น

การเขียน การฟงั การดู การพูด การวิเคราะห์ และประเมินคา่ วรรณคดีวรรณกรรมการศึกษาเกยี่ วกับธรรมชาติ
ของภาษา อธิบาย ลักษณะของภาษาสมาชกิ ในกลุ่มอาเซียน สามารถเลอื กเรื่องทีฟ่ ังและดูไดอ้ ย่างมีวจิ ารณญาณ
พดู แสดงความรู้ ความคิดในโอกาสต่างๆ ได้อย่างสร้างสรรค์ เหมาะสม แก่โอกาสการใช้คาไดอ้ ย่างเหมาะสมกับ

รปู แบบงานเขียนแต่ละประเภทไดถ้ ูกต้องตาม ฉันลกั ษณ์ของคาประพนั ธ์น้นั ๆทอ่ งจาบทอาขยานตามที่กาหนด
และบทร้อยกรองทมี่ ีคุณค่าตามความสนใจรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัติของชาติ

โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการฟัง การดู การพูด กระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร สร้างสรรค์
ความรู้และกระบวนการคดิ วเิ คราะห์ เพ่อื นาไปใช้ตัดสนิ ใจ แก้ปัญหาในการดาเนินชีวิต

เพ่ือใหเ้ ขา้ ใจธรรมชาติของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา เลือกฟงั และดอู ย่างมีวจิ ารณญาณ แสดงความ

คดิ เหน็ วิเคราะห์ มีสมรรถนะสาคญั มีคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเปน็
หลกั คิดหลักปฏิบัตใิ นการเรยี นรู้และประเมนิ ค่าวรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คุณคา่ และนามา

ประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ จริง รักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ และมนี สิ ยั รกั การอา่ น การเขยี น มีมารยาทในการ
อา่ น การฟงั การดู

ตัวช้ีวัด
ท 1.1 ม.4–6/1 ม.4–6/2 ม.4–6/3 ม.4–6/4 ม. 4–6/5ม.4–6/6 ม.4–6/7 ม. 4–6/8ม. 4–

6/9
ท 2.1ม.4–6/3 ม. 4–6/4 ม. 4–6/5 ม. 4–6/6 ม. 4–6/7 ม. 4–6/8
ท 3.1 ม.4–6/5 ม.4–6/6

ท 4.1 ม.4–6/5 ม. 4–6/6ม. 4–6/7
ท 5.1 ม. 4–6/1 ม. 4–6/2 ม. 4–6/3ม. 4–6/4 ม. 4–6/6

รวมทั้งหมด 20 ตัวช้ีวัด

29

คำอธิบำยรำยวชิ ำ

กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย รำยวชิ ำภำษำไทยพ้นื ฐำน

รหสั วชิ ำ ท32101 ภำษำไทย ชัน้ มัธยมศึกษำปีท่ี 5

เวลำ 40 ชั่วโมง จำนวน 1 หนว่ ยกติ

ศกึ ษาหลักการอ่านออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้อยา่ งถกู ตอ้ ง ไพเราะ และเหมาะสมกบั

เร่อื งทอ่ี ่าน อา่ นตีความ แปลความ ขยายความ วิเคราะห์ วจิ ารณ์อย่างมเี หตุผล ประเมนิ ค่าจากเรอ่ื งท่อี ่าน

ตอบคาถามจากการอ่านประเภทต่างๆ อ่านแล้วเขียนกรอบแนวคดิ เขียนแผนผังความคดิ เก่ียวกบั ประเพณี

ท้องถน่ิ เขียนยอ่ ความและเขยี นรายงาน จากการอ่านวรรณคดี วรรณกรรมจากแหล่งเรียนรู้ตา่ งๆเขียนสือ่ สาร

บทความ เขยี น เรยี งความเกย่ี วกับวัฒนธรรมของสมาชกิ อาเซียน ประเมนิ งานเขียนของผูอ้ ื่นนามาพัฒนางาน

เขยี นของตนเองและมมี ารยาทในการเขียน พูดสรปุ แนวคิด การดู โดยมวี จิ ารณญาณในการเลอื กฟังและดู พดู

ในโอกาสตา่ งๆ พดู ต่อทปี่ ระชุมชน และมมี ารยาทในการฟงั การดูและการพูดและแสดงความคิดเหน็ จากเรอ่ื งท่ี

ฟังและดู วเิ คราะห์ แนวคิด การใชภ้ าษา

โดยประเมนิ เรือ่ งที่ฟงั ดู พูดโดยใช้กระบวนการฟงั วเิ คราะหอ์ ทิ ธิพลของภาษาต่างประเทศและภาษา

ถน่ิ วิเคราะห์วจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมเบือ้ งต้น วิเคราะหล์ ักษณะเดน่ ของวรรณคดแี ละวรรณกรรม

เพ่ือเกดิ การเชอื่ มโยงการเรียนรู้ มสี มรรถนะสาคัญ มคี ุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ยึดหลกั ปรัชญาของ

เศรษฐกิจพอเพียงเปน็ หลกั คิดหลกั ปฏิบตั ิในการเรียนรู้ สังเคราะห์ข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพือ่ นาไป

ประยุกต์ใชจ้ ากชวี ติ จรงิ ทอ่ งจาและบอกคุณค่าของบทอาขยานตามที่กาหนดและตามความสนใจและนาไปใช้

อา้ งอิง

ตัวชี้วัด

ท1.1 ม.4-6/1, ม.4-6/2 , ม.4-6/3 , ม.4-6/5 , ม.4-6/6 , ม.4-6/8 , ม.4-6/9

ท2.1 ม.4-6/4 , ม.4-6/5 , ม.4-6/8

ท3.1 ม.4-6/1, ม.4-6/2 , ม.4-6/3 , ม.4-6/4 , ม.4-6/5 , ม.4-6/6

ท4.1 ม.4-6/3, ม.4-6/5

ท5.1 ม.4-6/1, ม.4-6/6

รวมทั้งหมด 20 ตัวชี้วัด

30

กล่มุ สำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทย คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ
รหัสวิชำ ท32102 ภำษำไทย รำยวชิ ำภำษำไทยพืน้ ฐำน
ชน้ั มธั ยมศึกษำปีที่ 5ภำคเรียนที่ 2
เวลำ 40 ชั่วโมง จำนวน 1 หนว่ ยกิต

ศึกษาหลักการอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองได้อย่างถกู ตอ้ ง ไพเราะ และเหมาะสมกับ

เร่อื งทอี่ า่ น อ่านตคี วาม แปลความ ขยายความ วิเคราะห์ วจิ ารณอ์ ย่างมีเหตุผล คาดคะเนเหตกุ ารณ์และ
ประเมินคา่ จากเร่ืองท่ีอ่าน ตอบคาถามจากการอ่านประเภทต่างๆ อ่านแลว้ เขยี นกรอบแนวคดิ เขียนแผนผัง
ความคิด เขียนย่อความและเขยี นรายงานจากการอา่ นวรรณคดลี ะวรรณกรรมท้องถิน่ จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ

เขยี นบทความ เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ จดหมายกจิ ธุระประเมนิ งานเขยี นของผ้อู ่ืนนามาพัฒนางานเขยี นของ
ตนเอง การฟัง การดู และการพดู แสดงความคดิ เหน็ คิดวิเคราะห์แนวคดิ การใช้ภาษา เกยี่ วกบั ประเทศอาเซียน

ประเมินเรอ่ื งทีฟ่ งั และดู มวี ิจารณญาณในการเลอื กฟังและดู พดู ในโอกาสต่างๆ มมี ารยาทในการฟัง การดแู ละ
การพดู

โดยใชก้ ระบวนการวเิ คราะห์อิทธพิ ลของภาษาต่างประเทศและภาษาถนิ่ วจิ ารณ์วรรณคดีและ

วรรณกรรมเบื้องต้น วเิ คราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดีและวรรณกรรม

เพอ่ื วเิ คราะหแ์ ละประเมินคุณค่าดา้ นวรรณศลิ ป์ มสี มรรถนะสาคญั มคี ุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ยดึ
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งเปน็ หลกั คิดหลักปฏบิ ตั ิในการเรียนรู้สังเคราะหข์ อ้ คดิ จากวรรณคดแี ละ
วรรณกรรม นาไปประยุกต์ใชจ้ ากชวี ติ จริงศึกษาวรรณกรรมพ้ืนบ้านและภาษาถน่ิ ท่องจาและบอกคุณคา่ ของบท
อาขยานตามทก่ี าหนดและตามความสนใจและนาไปประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจาวัน

ตัวชี้วัด

ท1.1 ม.4-6/1, ม.4-6/2 , ม.4-6/3 , ม.4-6/5 , ม.4-6/6 , ม.4-6/8 , ม.4-6/9
ท2.1 ม.4-6/6 , ม.4-6/8
ท3.1 ม.4-6/1, ม.4-6/2 , ม.4-6/3 , ม.4-6/4 , ม.4-6/5, ม.4-6/6

ท4.1 ม.4-6/3, ม.4-6/5
ท5.1 ม.4-6/1, ม.4-6/2 , ม.4-6/3 , ม.4-6/4 , ม.4-6/5, ม.4-6/6

รวมทั้งหมด 23 ตัวชว้ี ัด

31

กลุ่มสำระกำรเรยี นร้ภู ำษำไทย คำอธบิ ำยรำยวิชำ
รหสั วชิ ำ ท33101 ภำษำไทย รำยวิชำภำษำไทยพนื้ ฐำน
ชั้นมธั ยมศกึ ษำปีท่ี 6ภำคเรยี นท่ี 1
เวลำ 40 ช่ัวโมง จำนวน 1 หนว่ ยกติ

ศึกษาทักษะการอา่ น การฟงั การพดู การเขียน การวเิ คราะห์และประเมนิ คา่ วรรณคดีวรรณกรรม โดย
การศึกษาเกย่ี วกับการอ่าน ออกเสียง การรับสาร และการส่อื สารดว้ ยการอา่ น วเิ คราะห์สภาพความเปน็ อยู่
ของท้องถนิ่ วจิ ารณเ์ รอื่ งทอ่ี า่ นอยา่ งมีเหตุผล วิเคราะห์ ประเมินค่า และขอ้ คดิ จากวรรณคดแี ละวรรณกรรม
เรอื่ งขนุ ช้างขนุ แผน ตอนขุนชา้ งถวายฏกี า กาพย์เห่เรือ และไตรภูมิพระรว่ ง ตอนมนสุ ภูมิ

โดยใชก้ ระบวนการอ่าน กระบวนการฟัง การดู การพูด กระบวนการเขียนเขยี นสื่อสารสร้างสรรค์ความรู้
ความคิด เพอื่ นาไปใช้ตัดสนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดาเนนิ ชีวิต การใช้ภาษา เก่ียวกบั ประเทศอาเซยี นประเมนิ เรื่อง
ที่ฟงั และดู มวี จิ ารณญาณในการเลือกฟังและดู พูดในโอกาสต่างๆ มีมารยาทในการฟัง การดแู ละการพดู

เพ่อื ใหเ้ ข้าใจธรรมชาติของภาษาแสดงความคิดเหน็ อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะหแ์ ละประเมินค่าวรรณคดีและ
วรรณกรรมได้อย่างเหน็ คุณค่าและนามาประยุกต์ ใชใ้ นชวี ติ จริงมสี มรรถนะสาคญั มคี ุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
ยดึ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงเปน็ หลักคิดหลกั ปฏบิ ตั ิในการเรียนรู้มีนสิ ยั รกั การอ่าน การเขยี น มมี ารยาท
ในการอ่าน

ตัวช้ีวดั



ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ ม.๔-๖/๒ ม.๔-๖/๓ ม.๔-๖/๕ ม.๔-๖/๖ ม.๔-๖/๘ม.๔-๖/๙
ท ๒.๑ ม.๔-๖/๑ ม.๔-๖/๕
ท ๓.๑ ม.๔-๖/๑ ม.๔-๖/๒ ม.๔-๖/๓ ม.๔-๖/๖
ท ๔.๑ ม.๔-๖/๑ ม.๔-๖/๓
ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑ ม.๔-๖/๒ ม.๔-๖/๓ ม.๔-๖/๔
รวมทง้ั หมด ๑๙ ตัวช้ีวดั

คำอธิบำยรำยวิชำ 32
กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ภำษำไทย
รหัสวชิ ำ ท33102 ภำษำไทย รำยวชิ ำภำษำไทยพ้นื ฐำน
เวลำ 40 ชั่วโมง ชนั้ มัธยมศึกษำปที ี่ 6ภำคเรยี นท่ี 2

จำนวน 1 หนว่ ยกิต

ศึกษาหลักการอ่านรอ้ ยแกว้ บทร้อยกรองประเภทกลอน รา่ ย รอ้ ยกรองรว่ มสมยั การจับใจความ

สาคญั การตีความ การแปลความ และการขยายความ การอา่ นวิเคราะห์ วจิ ารณ์ การประเมนิ คา่ และการ
แสดงความคิดเห็นวรรณกรรมประเภทตา่ งๆ การสรุปเป็นแผนผงั ความคิด ยอ่ ความ รายงาน การสงั เคราะห์

ความรจู้ ากการอา่ นสอ่ื ส่งิ พมิ พ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์และแหลง่ เรยี นรู้ การเขียนโนม้ นา้ วใจเชญิ ชวน ประกาศ
จดหมายกิจธรุ ะ และการรายงานการประชมุ ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยใชภ้ าษาเรียบเรยี งถกู ต้อง และมี
ขอ้ มูลสาระสาคัญชัดเจน การเขียนสารคดีความเป็นมาของท้องถ่นิ ตนเอง การเขียนรายงานจากการศกึ ษา

ค้นควา้ ทสี่ นใจ เพือ่ พฒั นาตนเอง การฟงั การดสู ารคดี โฆษณาทางสอ่ื การวเิ คราะห์ วิจารณ์ ประเมินค่า
โดยใชว้ จิ ารณญาณอย่างสร้างสรรค์ โดยการพดู แสดงความรู้ พดู แสดงทรรศนะ และพดู โนม้ นา้ วใจการศึกษา

การใชภ้ าษาเหมาะสมแก่โอกาส กาลเทศะ บุคคล พร้อมท่ีจะใชร้ ะดบั ของภาษาเปน็ ตวั กาหนด การใช้ภาษา
เกย่ี วกบั ประเทศอาเซียนประเมนิ เรือ่ งท่ีฟงั และดู มีวิจารณญาณในการเลอื กฟงั และดู พดู ในโอกาสตา่ งๆ มี
มารยาทในการฟงั การดแู ละการพดู การใช้คาราชาศัพท์ และประเมนิ คา่ การใชภ้ าษาจากสอื่ สิ่งพมิ พ์ สือ่

อิเลก็ ทรอนิกส์ การศึกษากวีนพิ นธ์ กลอนบทละคร วรรณกรรม วรรณคดีและการรวบรวมขอ้ คิดจากวรรณคดี
วรรณกรรมมาประยุกต์ใช้ในชวี ิตจริง

โดยใช้ทักษะกระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการคิด ทักษะการใช้ภาษา ทกั ษะการ
ส่อื สาร การสบื คน้ ขอ้ มูล บนั ทึก จัดกลุ่มข้อมูลและการอภปิ รายเพ่อื ให้เกดิ ความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถนาความรู้ที่ไดร้ บั นัน้ ไปใช้สอื่ สารไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ

เพื่อเห็นคุณค่าของวรรณคดี วรรณกรรม มีคุณธรรมในการใช้ภาษาตระหนักถึงคุณค่าของคุณธรรม
จริยธรรม และมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ รักชาติศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่าง

พอเพยี ง มุ่งมั่นในการทางานรักความเป็นไทย มีจติ สาธารณะ และนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั

รหัสตัวชี้วัด

ท 1.1 ม.4-6/1, ม.4-6/2, ม.4-6/3, ม.4-6/4,ม.4-6/7 ม.4-6/8,
ท 2.1 ม.4-6/4, ม.4-6/5
ท 3.1 ม.4-6/1, ม.4-6/5, ม.4-6/6,
ท 4.1 ม.4-6/4, ม.4-6/7
ท 5.1 ม.4-6/1, ม.4-6/2, ม.4-6/3, ม.4-6/4,ม.4-6/6
รวมทั้งหมด 18 ตัวชี้วัด

33

คำอธิบำยรำยวิชำ รำยวิชำภำษำไทยเพ่ิมเตมิ
กลุ่มสำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย จานวน 1 หน่วยกิต
รหัสวิชา ท30201 การเขยี น ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5
เวลา 40 ชัว่ โมง

ศกึ ษา อธิบาย ความหมายและความสาคัญ ประเภทของงานเขียนและองค์ประกอบของงานเขียน

ความหมายและบทบาทของสิ่งอเิ ลก็ ทรอนกิ สใ์ นชีวิตประจาวัน โดยการเขียนหรือการพดู อธบิ าย
ฝกึ ทกั ษะการเขยี นเพ่อื กจิ เฉพาะในประเทศอาเซียน การเขยี นประกาศ การเขยี นจดหมาย การเขยี น

โฆษณา การเขยี นอวยพร การเขียนเพอื่ การศึกษา การเขียนบนั ทึกความรู้ การเขียนรายงาน การเขียนโครงการ
และการเขยี นเพือ่ ผา่ นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ การเขียนสื่ออเิ ล็กทรอนิกส์ เขียนแสดงความคดิ เหน็ บทพ้นื ที่
สาธารณะ มีมารยาทในการเขียนส่ือสารโดยการใช้กระบวนการเขยี นอยา่ งมีประสิทธภิ าพ

เพ่อื ใหร้ หู้ ลักการเขียนนามาประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตจรงิ มีสมรรถนะสาคัญ มคี ุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ยดึ
หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลกั คิดหลักปฏบิ ตั ิในการเรียนรู้ มีความประณีตในการใช้ภาษา เขา้ ใจ

การใชภ้ าษาที่สละสลวย ทาให้ผอู้ น่ื เข้าใจไดแ้ จม่ แจง้ สามารถสือ่ สารได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ มีจติ สานกึ อนรุ กั ษ์
ภาษาอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทย

ผลกำรเรยี นรู้
1. สามารถจาแนกความแตกต่างของเรียงความและบทความได้

2. สามารถใชก้ ลวธิ ใี นการเขียนอธิบายและพรรณนาไดถ้ กู ต้อง
3. สามารถเขยี นเรียงความและบทความได้
4. สามารถเขียนคาประกาศ คาเชิญชวนได้

5. บอกแนวทางการเขียนสื่ออิเล็กทรอนกิ ส์ โดยใช้ภาทีถ่ กู ต้อง
6. เขียนสือ่ สารผา่ นทางสือ่ อเิ ล็กทรอนิกส์ ใช้ระดบั ภาษาเหมาะสมถูกกาลเทศะอยา่ งมมี ารยาท

7. สามารถใช้ถอ้ ยคาทเ่ี หมาะสมและเขยี นสะกดคาไดอ้ ย่างถูกต้อง

34

คำอธบิ ำยรำยวิชำ

กลมุ่ สำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทย รำยวชิ ำเพมิ่ เตมิ
รหสั วิชา ท 30202 วรรณกรรมท้องถนิ่ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4
เวลา 40 ชว่ั โมง
จานวน 1 หน่วยกิต

ศึกษาค้นควา้ ความหมายและลักษณะของเพลงพืน้ บา้ น วรรณกรรมพน้ื บ้าน นิทานพื้นบา้ น บทเพลง
กล่อมเด็ก เน้ือหา ทว่ งทานอง และการใชถ้ อ้ ยคา บทบาทและคุณคา่ ของบทกลอ่ มเด็ก ฝกึ การขับรอ้ งบท
กล่อมเด็ก เพ่ือให้มคี วามร้คู วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั บทกลอ่ มเดก็ ฝกึ ทักษะการอ่าน การฟัง การดู การพดู การ

วเิ คราะห์ และประเมินคา่ วรรณคดีวรรณกรรม
โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการฟงั การดู การพูด นาความรทู้ ่ไี ดร้ ับมาสื่อสารอยา่ งสรา้ งสรรค์

และใชก้ ระบวนการคิดวิเคราะห์ นาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดาเนินชวี ติ เพือ่ ให้เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษา
ภูมปิ ัญญาทางภาษา

การใชภ้ าษา เก่ียวกบั ประเทศอาเซียน เลอื กฟังและดูอย่างมีวจิ ารณญาณและพูดแสดงความรู้ สามารถ

เลือกเรอื่ งทฟี่ ังและดูได้อย่างมีวิจารณญาณ เพ่ือพฒั นาไปสู่การพูดแสดงความรู้ ได้อย่างสร้างสรรค์ เหมาะสมแก่
โอกาสการใช้คาได้อยา่ งเหมาะสม มีสมรรถนะสาคัญ มคี ุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ

พอเพยี งเปน็ หลักคิดหลักปฏิบัติในการเรียนรู้ วิเคราะห์ ประเมนิ ค่า เหน็ ความสาคัญและคุณค่าของบทกลอ่ ม
เด็ก เกดิ ความชน่ื ชมในภูมปิ ญั ญาไทยในท้องถิน่ ของตน และนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวัน แสดงความ
คดิ เหน็ วิเคราะห์ และประเมินคา่ วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คณุ คา่ และนามาประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิต

จรงิ รักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัติของชาติ

ผลกำรเรียนรู้
1. บอกความหมายประเภทและลกั ษณะของวรรณกรรมท้องถิ่นได้
2. แยกประเภทและยกตัวอยา่ งปริศนาคาทายและสามารถท่เี ป็นของเดมิ และทีป่ รากฏในปัจจุบนั ได้

3. อธิบายความหมายของสานวนสภุ าษติ และใช้สานวนสภุ าษติ ในชวี ิตประจาวนั ได้อย่างงถกู ต้องเหมาะสม
4. บอกทีม่ าประเภทของนทิ านและนาขอ้ คิดจากนิทานไปประยกุ ตใ์ ชก้ ับชวี ติ ประวนั ได้

5. อธิบายลักษณะและยกตัวอยา่ งเพลงพน้ื บ้าน
6. วิเคราะหท์ ีม่ าของเพลงพ้ืนบา้ นและนาแนวคิดจากเพลงพน้ื บ้านเปน็ แนวทางในการดาชีวติ ได้
7. บอกทีม่ าและคุณค่าของตานานกับการดารงชวี ิตได้

8. บอกคณุ ค่าและแนวทางในการอนุรกั ษ์วรรณกรรมท้องถ่นิ ได้

35

คำอธบิ ำยรำยวิชำ รำยวิชำภำษำไทยเพม่ิ เติม
กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ภำษำไทย ชัน้ มัธยมศกึ ษำปที ่ี 4
รหัสวชิ ำ ท30203 กำรพูดต่อหน้ำชมุ ชน
เวลำ 40 ชั่วโมง จำนวน 1 หน่วยกิต

ศกึ ษาความหมายและความสาคญั ของการพดู มารยาทในการพูด คุณสมบัติทีด่ ีของผูพ้ ูด หลกั การพูด

การเตรยี มการพูด การปฏิบัตติ นขณะพูด การพูดในโอกาสต่างๆเปน็ ภาษาถ่ินของตนเอง การพูดบรรยายหรอื
พรรณนา การพูดโนม้ นา้ วชกั จงู ใจ การพูดอภิปราย การพดู โตว้ าที การสมั ภาษณ์ การทาหน้าท่ีเปน็ พิธกี รหรอื
โฆษกการศึกษาค้นควา้ การใช้เทคโนโลยเี กีย่ วกับประเทศอาเซียน

โดยการอธิบาย การะบวนการอ่าน การฟงั การเขยี น และการพดู กระบวนการกลุม่ กระบวนการคดิ
กระบวนการทางภาษา การปฏิบัตจิ รงิ การใชแ้ หล่งเรยี นรู้

เพ่ือใหม้ ีความใฝ่รใู้ ฝ่เรียน มีความสารมารถในการวเิ คราะห์ข้อมลู มีสมรรถนะสาคญั มคี ุณลักษณะอนั
พงึ ประสงค์ ยึดหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งเป็นหลกั คิดหลกั ปฏิบตั ใิ นการเรยี นรู้แสดงความคดิ เหน็ ในเชงิ

สรา้ งสรรค์ และมีมารยาทในการใชภ้ าษาไทยเพือ่ การสอ่ื สาร มีความกลา้ แสดงออกในทางที่ถกู ต้อง และสามารถ
ทางานร่วมกับผู้อ่นื เป็นอย่างดี

ผลการเรียนรู้
1. สามารถบอกความรูพ้ ้ืนฐานของการพดู การฟงั ได้

2. สามารถพูดตอ่ หน้าทีป่ ระชุมในโอกาสต่างๆ ไดต้ ามศักยภาพ
3. สามารถเลา่ เรื่องประเทอื งปญั ญาพารนื่ รมยใ์ ห้ผอู้ ืน่ สนใจไดเ้ ป็นอย่างดี
4. สามารถพูดบรรยายและพรรณนาใหผ้ ู้อน่ื เข้าใจ และเห็นภาพไดเ้ ปน็ อยา่ งดี

5. สามารถอภิปรายตอ่ หนา้ ประชมุ ชนได้
6. สามารถโตว้ าทีได้อยา่ งมเี นือ้ หาสาระ และสรา้ งความสนกุ สนานไดเ้ ป็นอยา่ งดี

7. สามารถใช้การพดู ในการสมั ภาษณ์ได้อยา่ งถูกต้องตามหลกั การ
8. สามารถใชก้ ารพูดในการเป็นพิธกี รไดอ้ ย่างน่าสนใจ

36

กลุ่มสำระกำรเรียนรูภ้ ำษำไทย คำอธิบำยรำยวิชำ
รหัสวิชำ ท 30206 ภำษำกบั วัฒนธรรม รำยวชิ ำภำษำไทยเพ่มิ เตมิ
ช้ันมธั ยมศกึ ษำปที ่ี 6
เวลำ 40 ชวั่ โมง จำนวน 1 หนว่ ยกิต

สงั เกตและอธบิ ายธรรมชาติของภาษา ลักษณะของภาษา กาเนดิ ของภาษาไทย วิเคราะห์ สังเคราะห์

ความเป็นมาของลายสือไทย อธบิ ายความหมายลักษณะของภาษาและวัฒนธรรมใช้ถ้อยคาให้เหมาะสมกับ
กาลเทศะบุคคลไดอ้ ย่างเหมาะสมอธิบายความสมั พันธ์ระหว่างภาษากับคติชาวบ้านอธิบายและยกตัวอย่าง
เร่อื งราวเกย่ี วกับวฒั นธรรมประเพณีคติชาวบา้ นในท้องถิ่นประเมินค่าลักษณะเด่นดา้ นวรรณศลิ ป์ ด้านสังคม

วฒั นธรรม และข้อคดิ ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีเกี่ยวกบั เหตุการณ์ประวัติศาสตร์และวถิ ชี ีวิตประเทศ
อาเซียน ของสงั คมในอดีต รวมท้งั บทร้อยกรองทีม่ ีคุณคา่ ตามความสนใจ

โดยใชก้ ระบวนการอ่าน กระบวนการฟัง การดู การพดู สอ่ื สาร สรา้ งสรรคค์ วามร้แู ละกระบวนการ
คิดวิเคราะห์ เพื่อนาไปใช้ตัดสนิ ใจ แกป้ ัญหาในการดาเนนิ ชีวติ

เพ่อื ใหเ้ ข้าใจธรรมชาตขิ องภาษากับวฒั นธรรม เลอื กฟังและดอู ย่างมีวจิ ารณญาณและพูดแสดงความรู้
เกดิ ความชน่ื ชมในภูมปิ ญั ญาไทย มีสมรรถนะสาคัญ มคี ุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ยึดหลกั ปรชั ญาของ
เศรษฐกิจพอเพยี งเปน็ หลักคิดหลักปฏิบตั ใิ นการเรียนรู้และนาไปใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจาวนั แสดงความคดิ เห็น
วเิ คราะห์ และประเมินค่าวรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคณุ ค่าและนามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจรงิ
รักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัตขิ องชาติ

ผลการเรยี นรู้
1. อธบิ ายความหมายลกั ษณะของภาษาและวัฒนธรรมได้

2. อธบิ ายความสัมพนั ธร์ ะหว่างภาษากับวัฒนธรรมได้
3. ใชถ้ อ้ ยคาให้เหมาะสมกบั กาลเทศะบคุ คลไดอ้ ย่างเหมาะสม
4. อธิบายและยกตวั อยา่ งศิลปะแขนงต่างๆได้

5. บอกความสัมพันธ์ระหวา่ งภาษากับศลิ ปะแขนงต่างๆได้
6. บอกความสัมพนั ธ์ระหวา่ งภาษากับประเพณีไทยโดยทวั่ ไปได้

7. อธบิ ายความสัมพันธ์ระหวา่ งภาษากบั คติชาวบ้านได้
8. อธบิ ายและยกตัวอยา่ งเร่ืองราวเกีย่ วกบั วัฒนธรรมประเพณีคติชาวบ้านในทอ้ งถน่ิ ได้
9. อธิบายความสาคัญของภาษาไทยในการสืบทอดวฒั นธรรมได้

37

คำอธิบำยรำยวชิ ำ รำยวิชำภำษำไทยเพ่ิมเตมิ
กลุ่มสำระกำรเรียนร้ภู ำษำไทย จำนวน 1 หน่วยกิต
รหสั วชิ ำ ท 30207หลักภำษำไทย ช้นั มัธยมศึกษำปที ่ี 6
เวลำ 40 ชั่วโมง

ศกึ ษาหลักภาษาไทยเก่ยี วกับลกั ษณะทัว่ ไปของภาษา ระบบเสียงและอักษรไทย การเขียนคาใน

ภาษาไทยและประเทศอาเซยี น การยมื คาภาษาต่างประเทศมาใช้ในภาษาไทย การสร้างคาในภาษาไทย
รวมทัง้ การคิดวเิ คราะห์ ชนดิ และหน้าท่ีของคาในภาษาไทย กลมุ่ คาและประโยค เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจ
หลักภาษาไทย สามารถนาความรไู้ ปใช้วิเคราะห์การใช้ภาษาไทยและภาษาถ่ินได้อย่างถกู ตอ้ งและเหมาะสม อัน
จะนาไปสู่การอนุรกั ษ์ และพฒั นาภาษาไทย

โดยการฟังคาบรรยายจากครู หรือวทิ ยากร ศึกษาจากบทเรียน เอกสาร ค่มู อื สอื่ สารมวลชนรปู แบบ

ตา่ งๆ ส่ืออินเทอรเ์ น็ต การสาธิต การเข้าค่ายวิชาการ และศกึ ษาคน้ คว้าด้วยตนเอง จากเวบ็ ไซต์ต่างๆ ท่ีเกยี่ วขอ้ ง
เพื่อใหผ้ เู้ รยี นมีสมรรถนะด้านการคดิ การสือ่ สาร การพูดและใช้เทคโนโลยีแกป้ ญั หาตา่ งๆนามาใช้กับทกั ษะชวี ิต

เพื่อให้เกดิ ความรู้ ความคิด ความเข้าใจ ในธรรมชาตขิ องภาษา และเป็นนกั เรียนทีม่ ีคุณลกั ษณะทีพ่ งึ
ประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซ่อื สัตยท์ ้งั ต่อตนเอง และผอู้ ื่นอกี ทง้ั ยังเป็นผ้มู วี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ อยู่อย่างพอเพียง

มุ่งมน่ั การทางาน รกั ความเปน็ ไทย และมีจิตสาธารณะเลอื กใช้คาต่างๆและออกเสยี งคาให้ถกู ตอ้ ง มที กั ษะการ
ใชภ้ าษา และสามารถนามาประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง สามารถใชถ้ อ้ ยคา สานวนโวหารในการเขียน อยา่ ง
สละสลวย มีนิสยั รักการอา่ น

ผลการเรยี นรู้

1. มีความรคู้ วามเขา้ ใจลกั ษณะภาษาไทยบางประการ
2. มีความรคู้ วามเข้าใจธรรมชาตขิ องภาษา
3. รู้จกั สงั เกตเกี่ยวกบั อวัยวะในการออกเสียงในภาษาไทย

4. เข้าใจความสาคญั ของอักษรไทยวา่ สามารถถา่ ยทอดแทนเสียงพูดในภาษาไทยไดอ้ ยา่ งครบถ้วนสมบรู ณ์
5. รจู้ ักสงั เกตลักษณะของคาและพยางค์ที่ใช้ในภาษาไทย

6. บอกวธิ ีสร้างคาในภาษาต่างประเทศทนี่ ามาใช้ในภาษาไทย
7. เขา้ ใจลกั ษณะ และหนา้ ทข่ี องกลุ่มคาวิเคราะห์ประโยคชนิดตา่ งๆได้

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ
วชิ ำวทิ ยำศำสตร์พื้นฐำน

51

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

กลุม่ สำระกำรเรียนรูว้ ทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี เวลำ 40 ช่วั โมง
วชิ ำพื้นฐำน จำนวน 1.0

รหสั วชิ ำ ว31101 วทิ ยำศำสตร์ชีวภำพ
ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปี ที่ 4 ภำคเรียนที่ 1

หน่วย

ศึ ก ษ ำ ก ำ ร ล ำ เ ลี ย ง ส ำ ร เ ข้ ำ แ ล ะ อ อ ก จ ำ ก เ ซ ล ล์
กำรรกั ษำดุลยภำพของน้ำและสำรในร่ำงกำย กำรรกั ษำดุลยภำพของกรด -

เบสของเลือด กำรรกั ษำดุลยภำพของอุณหภูมิภำยในร่ำงกำย ระบบภูมิคุ้มกนั
สำรอิน ท รีย์ ใน พื ช ปัจจัยบำงป ระก ำรที่มี ผลต่อก ำรเจริญ เติบ โตข องพื ช
ก ำร ต อ บ ส น อ งข อ งพื ช ต่อ สิ่ งเร้ำ ก ำร ถ่ ำย ท อ ด ลัก ษ ณ ะท ำงพัน ธุ ก ร ร ม
ยีนกบั กำรควบคุมลกั ษณะทำงพนั ธุกรรม กำรเปลี่ยนแปลงทำงพนั ธุกรรม
เทคโนโลยีทำงดเี อ็นเอ ววิ ฒั นำกำรและควำมหลำกหลำยของสง่ิ มีชีวติ ระบบนิเวศ
มนุษย์กบั ทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม

โดยใช้ทักษ ะกระบวนกำรท ำงวิท ยำศำสตร์ กำรสืบเสำะหำควำมรู้
ก ำ ร ส ำ ร ว จ ต ร ว จ ส อ บ ก ำ ร สื บ ค้ น ข้ อ มู ล แ ล ะ อ ภิ ป ร ำ ย
ก ำ ร แ ก้ ปั ญ ห ำ แ ล ะ ก ำ ร ใ ห้ เ ห ตุ ผ ล แ ล ะ น ำ ค ว ำ ม รู้ ค ว ำ ม คิ ด
ทั ก ษ ะ ก ร ะ บ ว น ก ำ ร แ ล ะ ส ม ร ร ถ น ะ ส ำ คั ญ

ไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั อยำ่ งเป็ นระบบและสรำ้ งสรรค์
เพื่ อ ใ ห้ เห็ น คุ ณ ค่ ำ แ ล ะ มี เจ ต ค ติ ที่ ดี ต่ อ วิ ท ย ำ ศ ำ ส ต ร์ มี ร ะ เบี ย บ

มี ค ว ำ ม รับ ผิ ด ช อ บ มี คุ ณ ลัก ษ ณ ะ อัน พึ ง ป ร ะ ส ง ค์ มี วิ จ ำ ร ณ ญ ำ ณ
มีจิตสำนึ กในกำรใช้ทรพั ยำกรและสิ่งแวดล้อมอย่ำงประห ยดั และคุ้มค่ำ
มีคุณ ธรรม จริยธรรม ยึดหลกั ปรชั ญ ำของเศรษฐกิจพอเพียงเป็ นหลกั คิด
หลกั ปฏบิ ตั ใิ นกำรเรียนรู้ และมคี ำ่ นิยมทเี่ หมำะสมสอดคลอ้ งกบั ทอ้ งถน่ิ

รหสั ตวั ช้ีวดั
ว 1.1 ม.4/1-ม.4/4
ว 1.2 ม.4/1-ม.4/12

ว 1.3 ม.4/1-ม.4/6

รวมทง้ั หมด 22 ตวั ชี้วดั

52

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

เทคโนโลยี (กำรออกแบบและเทคโนโลยี) เวลำ
กลมุ่ สำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปี ที่ 4 รหสั ว31102 ภำคเรียนที่ 1
40 ช่วั โมง 1.0 หน่วยกติ

ศกึ ษำแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยี
กำรเปลีย่ นแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยที ีเ่ กดิ ขนึ้ และ
ควำมสมั พนั ธ์ของเทคโนโลยีกบั ศำสตร์อืน่ ออกแบบ สรำ้ ง
หรือพฒั นำผลงำนสำหรบั แกป้ ญั หำทคี่ ำนึงถงึ
ผลกระทบตอ่ สงั คมในประเด็นทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั สขุ ภำพและกำรบรกิ ำรโดยใชก้ ระบว

นกำรออกแบบเชงิ วศิ วกรรม
ซงึ่ ใชค้ วำมรู้ ทกั ษะ และเลอื กใชว้ สั ดุ อุปกรณ์ เครอื่ งมือ กลไก
ไฟฟ้ ำและอเิ ล็กทรอนิกส์ เพอื่ แกป้ ญั หำไดอ้ ยำ่ ง ถกู ตอ้ ง เหมำะสม ปลอดภยั
คำนึงถงึ ทรพั ย์สนิ ทำงปญั ญำ
ใชซ้ อฟต์แวร์ชว่ ยในกำรออกแบบและนำเสนอผลงำน

ตวั ชี้วดั ว 4.1 เทคโนโลยี (กำรออกแบบและเทคโนโลย)ี
1. วเิ ครำะห์แนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยี

ควำมสมั พนั ธ์กบั ศำสตร์อืน่ โดยเฉพำะวทิ ยำศำสตร์ หรือ คณิตศำสตร์
รวมทง้ั ประเมนิ ผลกระทบทจี่ ะเกดิ ขน้ึ ตอ่ มนุษย์ สงั คม เศรษฐกจิ และสง่ิ แวดลอ้ ม

เพือ่ เป็ นแนวทำงในกำรพฒั นำเทคโนโลยี
2. ระบปุ ญั หำหรอื ควำมตอ้ งกำรทมี่ ผี ลกระทบตอ่ สงั คม รวบรวม

วเิ ครำะห์ขอ้ มูลและแนวคดิ ทเี่ กยี่ วขอ้ ง
กบั ปญั หำทมี่ คี วำมซบั ซอ้ นเพือ่ สงั เครำะห์วธิ ีกำร เทคนิคในกำรแกป้ ญั หำ
โดยคำนึงถงึ ควำมถกู ตอ้ ง ดำ้ นทรพั ย์สนิ ทำงปญั ญำ

3. ออกแบบวธิ ีกำรแกป้ ญั หำ โดยวเิ ครำะห์เปรียบเทียบ
และตดั สนิ ใจเลือกขอ้ มูลทีจ่ ำเป็ นภำยใตเ้ งอื่ นไข และทรพั ยำกรทมี่ ีอยู่
นำเสนอแนวทำงกำรแกป้ ญั หำใหผ้ อู้ ืน่ เขำ้ ใจดว้ ยเทคนิคหรือวธิ ีกำรที่ หลำกหลำย

53

โดยใชซ้ อฟต์แวร์ชว่ ยในกำรออกแบบ
วำงแผนขน้ั ตอนกำรทำงำนและดำเนินกำร แกป้ ญั หำ

4. ทดสอบ ประเมนิ ผล
วเิ ครำะห์และใหเ้ หตผุ ลของปญั หำหรือขอ้ บกพรอ่ งทเี่ กดิ ขน้ึ ภำยใตก้ รอบ เงอื่ นไข
หำแนวทำงกำรปรบั ปรงุ แกไ้ ข และนำเสนอผลกำรแกป้ ญั หำ
พรอ้ มทง้ั เสนอแนวทำงกำร พฒั นำตอ่ ยอด

5. ใชค้ วำมรแู้ ละทกั ษะเกยี่ วกบั วสั ดุ อปุ กรณ์ เครอื่ งมือ กลไก
ไฟฟ้ ำและอเิ ล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยี
ทซี่ บั ซอ้ นในกำรแกป้ ญั หำหรอื พฒั นำงำน ไดอ้ ยำ่ งถกู ตอ้ ง เหมำะสม
และปลอดภยั

รวมทง้ั หมด 5 ตวั ช้ีวดั

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ วทิ ยำศำสตร์
วชิ ำพ้ืนฐำน

รหสั วชิ ำ ว31103 รำยวชิ ำ เทคโนโลยี 2 (วทิ ยำกำรคำนวณ)
ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปี ที่ 4 ภำคเรียนที่ 2เวลำ 40 ช่วั โมง

จำนวน 1.0 หน่วยกติ
ศกึ ษำและฝึ กทกั ษะในกำรแกป้ ญั หำโดยใชข้ น้ั ตอนกำรแกป้ ญั หำอยำ่ งงำ่ ยก
ำรแสดงขน้ั ตอนกำรแกป้ ญั หำโดยกำรเขยี นบอกเลำ่ วำดภำพหรือใชส้ ญั ลกั ษณ์กำ
รเขียนโปรแกรมอยำ่ งงำ่ ยโดยใช้ซอฟต์แวร์หรือสือ่ กำรใชง้ ำนอปุ กรณ์เทคโนโลยี
เบอ้ื งตน้ กำรใชง้ ำนซอฟต์แวร์เบ้ืองตน้ กำรสรำ้ งจดั เก็บและเรียกใชไ้ ฟล์ตำมวตั ถุป
ระสงค์กำรใชเ้ ทคโนโลยีสำรสนเทศอยำ่ งปลอดภยั ขอ้ ปฏบิ ตั ใิ นกำรใชง้ ำนและกำร

54

ดแู ลรกั ษำอปุ กรณ์กำรใช้งำนเทคโนโลยสี ำรสนเทศอยำ่ งเหมำะสมเพือ่ กำรพฒั นำ
สูป่ ระชำคมอำเซียน

โ ด ย ใ ช้ ทั ก ษ ะ ก ำ ร สื บ ค้ น ข้ อ มู ล ก ำ ร เ รี ย น รู้ ก ำ ร สื่ อ ส ำ ร
ก ำ ร แ ก้ ปั ญ ห ำ ก ำ ร ท ำ ง ำ น
กำรแกไ้ ขปญั หำดว้ ยกระบวนกำรเทคโนโลยีสำรสนเทศผำ่ นเครอื ขำ่ ยได้

เ พื่ อ ใ ห้ เ กิ ด ค ว ำ ม รู้ ค ว ำ ม เ ข้ ำ ใ จ ค ว ำ ม คิ ด ริ เ ร่ิ ม ส ร้ ำ ง ส ร ร ค์
มี ส ม ร ร ถ น ะ ส ำ คั ญ มี คุ ณ ลั ก ษ ณ ะ อั น พึ ง ป ร ะ ส ง ค์
ยดึ หลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพียงเป็ นหลกั คดิ หลกั ปฏบิ ตั ใิ นกำรเรียนรู้สำมำร
ถสรำ้ งช้ินงำนจำกจนิ ตนำกำรดว้ ยโปรแกรมนำเสนอขอ้ มูลอย่ำงมีประสิทธิภำพ
ป ร ะ สิ ท ธิ ผ ล แ ล ะ มี คุ ณ ธ ร ร ม
โดยนำภูมปิ ญั ญำทอ้ งถนิ่ มำประยกุ ต์ใชใ้ นกำรดำรงชีวติ

รหสั ตวั ช้ีวดั
ว 4.2 ม.4/1

รวมทง้ั หมด 1 ตวั ชี้วดั

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ เวลำ 40 ช่วั โมง

วชิ ำ วทิ ยำศำสตร์กำยภำพ 1 รหสั วชิ ำ ว32101
กลมุ่ สำระกำรเรยี นรวู้ ทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปี ที่ 5 ภำคเรยี นที่ 1
จำนวน 1.0 หน่วยกติ

55

อธบิ ำย อภปิ รำย ทดลอง เขยี น เปรียบเทยี บ ระบุ และสบื คน้ ขอ้ มูล
ธำตแุ ละสำรประกอบ ในรูปอะตอม โมเลกุล หรอื ไอออนจำกสตู รเคมี
แบบจำลองอะตอมของโบร์ แบบจำลองอะตอมแบบกลมุ่ หมอก จำนวนโปรตอน
นิวตรอน และอเิ ล็กตรอนของอะตอมและไอออนทเี่ กดิ จำกอะตอมเดยี ว
สญั ลกั ษณ์นิวเคลยี ร์ของธำตุ ไอโซโทป หมูแ่ ละคำบของธำตุ โลหะ อโลหะ
กง่ึ โลหะ กลมุ่ ธำตเุ รพรเี ซนเททีฟหรือกลุม่ ธำตแุ ทรนซชิ นั สมบตั กิ ำรนำไฟฟ้ ำ
กำรใหแ้ ละรบั อเิ ล็กตรอนระหวำ่ งธำตใุ นกลมุ่ โลหะกบั อโลหะ กำรใชป้ ระโยชน์
และอนั ตรำยทเี่ กดิ จำกธำตเุ รพรีเซนเททฟี และธำตแุ ทรนซชิ นั พนั ธะโคเวเลนต์
พนั ธะเดยี่ ว พนั ธะคู่ หรือพนั ธะสำม
จำนวนคอู่ เิ ลคตรอนระหวำ่ งอะตอมครู่ ว่ มพนั ธะ
สภำพขว้ั ของสำรทโี่ มเลกุลประกอบดว้ ย 2 อะตอม
สำรทเี่ กดิ พนั ธะไฮโดรเจนไดจ้ ำกสูตรโครงสรำ้ ง
ควำมสมั พนั ธ์ระหวำ่ งจุดเดอื ดของสำรโคเวเลนต์กบั แรงดงึ ดดู ระหวำ่ งโมเลกลุ
ตำมสภำพขว้ั หรือกำรเกดิ พนั ธะไฮโดรเจน
สูตรเคมีของไอออนและสำรประกอบไอออนิก
กำรละลำยแบบแตกตวั หรอื ไมแ่ ตกตวั สำรละลำยอเิ ล็กโทรไลต์
สำรละลำยนอนอเิ ล็กโทรไลต์
สำรประกอบอนิ ทรยี ์ประเภทไฮโดรคำร์บอนวำ่ อม่ิ ตวั
ไมอ่ มิ่ ตวั สมบตั ทิ ำงกำยภำพของพอลเิ มอร์และมอนอเมอร์ สมบตั คิ วำมเป็ นกรด-
เบสจำกโครงสรำ้ งของสำรประกอบอนิ ทรีย์
สมบตั กิ ำรละลำยในตวั ทำละลำยชนิดตำ่ ง ๆ ของสำร
เทอร์มอพลำสตกิ และเทอร์มอเซตของพอลเิ มอร์ กำรนำพอลเิ มอร์ไปใชป้ ระโยชน์
ผลกระทบ
แนวทำงป้ องกนั หรือแกไ้ ขกำรใชผ้ ลติ ภณั ฑพ์ อลเิ มอร์ทมี่ ีตอ่ สง่ิ มีชีวติ และสง่ิ แวดล้
อม สูตรเคมีของสำรตง้ั ตน้ ผลติ ภณั ฑ์
และแปลควำมหมำยของสญั ลกั ษณ์ในสมกำรเคมขี องปฏกิ ริ ยิ ำเคมี
ผลของควำมเขม้ ขน้ พน้ื ทีผ่ วิ อุณหภมู ิ และตวั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ ำ
ทมี่ ีผลตอ่ อตั รำกำรเกดิ ปฏกิ ริ ยิ ำเคมี
ปจั จยั ทมี่ ีผลตอ่ อตั รำกำรเกดิ ปฏกิ ริ ยิ ำเคมที ใี่ ชป้ ระโยชน์ในชีวติ ประจำวนั หรือใน
อตุ สำหกรรม ปฏกิ ริ ยิ ำรดี อกซ์ สมบตั ขิ องสำรกมั มนั ตรงั สี
และคำนวณครงึ่ ชีวติ และปรมิ ำณของสำรกมั มนั ตรงั สปี ระโยชน์ของสำรกมั มนั ตรั
งสีและกำรป้ องกนั อนั ตรำยทเี่ กดิ จำกกมั มนั ตภำพรงั สี

โดยใชก้ ระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21
กำรสืบเสำะหำควำมรู้ กำรสำรวจตรวจสอบกำรสบื คน้ ขอ้ มลู และอภปิ รำย

เพือ่ ใหเ้ กดิ ควำมรู้ ควำมคดิ ควำมเขำ้ ใจ สือ่ สำรสง่ิ ทีเ่ รียนรู้
มีควำมสำมรถในกำรตดั สนิ ใจนำควำมรูไ้ ปใชใ้ นชีวติ ของตนเอง
มีสมรรถนะสำคญั มีคณุ ลกั ษณะอนั พง่ึ ประสงค์

56

ยดึ หลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็ นหลกั ปฏบิ ตั ใิ นกำรเรยี นรู้
มจี ติ วทิ ยำศำสตร์ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคำ่ นิยมทเี่ หมำะสม

รหสั ตวั ช้ีวดั
ว 3.1 ม.5/1-25

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

กลมุ่ สำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตร์ เวลำ 40 ช่วั โมง
วชิ ำพ้ืนฐำน จำนวน 1.0 หน่วยกติ

รหสั วชิ ำ ว32102 วทิ ยำศำสตร์กำยภำพ 2
ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปี ที่ 5

สงั เกต ทดลอง มเี หตผุ ล อธบิ ำย สรำ้ งควำมคดิ รวบยอด
กำรคดิ วเิ ครำะห์ ควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ

กำรแกป้ ญั หำ เวกเตอร์ แรงในชีวติ ประจำวนั ผลของแรงทกี่ ระทำตอ่ วตั ถุ

แรงโน้มถว่ ง ลกั ษณะกำรเคลอื่ นทแี่ บบตำ่ ง ๆ ของวตั ถุ กำรเคลอื่ นทีแ่ นวตรง

กำรเคลอื่ นทีแ่ บบโพรเจกไทล์ กำรเคลอื่ นทแี่ บบวงกลม และกำรเคลอื่ นทีแ่ บบส่นั

พลงั งำน กำรเปลยี่ นแปลงและกำรถำ่ ยโอนพลงั งำน

ปฏสิ มั พนั ธ์ระหวำ่ งสสำรและพลงั งำน พลงั งำนในชีวติ ประจำวนั

ธรรมชำตขิ องคลนื่ ปรำกฏกำรณ์ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั เสยี ง แสง และคลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟ้ ำ

และกำรนำไปใชป้ ระโยชน์

โดยใชก้ ระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ กำรสืบเสำะหำควำมรู้

กำรสำรวจตรวจสอบ กำรสบื คน้ ขอ้ มูลและอภปิ รำย

เพือ่ ใหเ้ กดิ ควำมรู้ ควำมคดิ ควำมเขำ้ ใจ สือ่ สำรสงิ่ ทีเ่ รียนรู้

มีควำมสำมรถในกำรตดั สนิ ใจนำควำมรูไ้ ปใชใ้ นชีวติ ของตนเอง อยำ่ งย่งั ยืน
ดแู ลรกั ษำสง่ิ แวดลอ้ ม เฝ้ ำระวงั และพฒั นำสงิ่ แวดลอ้ ม

มจี ติ วทิ ยำศำสตร์ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม

และคำ่ นิยมทเี่ หมำะสมสอดคลอ้ งกบั ทอ้ งถน่ิ

ตวั ชี้วดั

57

ว 2.2 ม.5/1-10
ว 2.3 ม.5/1-12

รวมทง้ั หมด 22 ตวั ชี้วดั

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

กลมุ่ สำระกำรเรยี นรวู้ ทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 1.0
วชิ ำพน้ื ฐำน
รหสั วชิ ำ ว32103 เทคโนโลยี3 (วทิ ยำกำรคำนวณ)
ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปี ที่ 5
เวลำ 40 ช่วั โมง
หน่วยกติ

ศกึ ษำหลกั กำรของวทิ ยำกำรขอ้ มลู
และหลกั กำรคดิ เชงิ ออกแบบเพือ่ เพม่ิ มลู คำ่ ใหบ้ รกิ ำรหรือผลติ ภณั ฑ์
วธิ ีกำรเก็บขอ้ มูลและเตรยี มขอ้ มูล กำรวเิ ครำะห์ขอ้ มลู กำรประมวลผลขอ้ มูล
เครอื่ งมือทำงเทคโนโลยสี ำรสนเทศทใี่ ชใ้ นกำรประมวลผลขอ้ มูล
กำรจดั เก็บขอ้ มูล กำรนำเสนอขอ้ มลู กำรแปลงขอ้ มลู ใหเ้ ป็ นภำพ
กำรเลือกใชข้ อ้ มูลจำกฐำนขอ้ มูลขนำดใหญ่
กำรใชป้ ระโยชน์จำกขอ้ มลู และตวั อยำ่ งกรณีศกึ ษำ

โดยใชก้ ระบวนกำรกลมุ่ กระบวนกำรสบื คน้ กระบวนกำรออกแบบ
กระบวนกำรสรำ้ งควำมคดิ รวบยอดและกำรสรำ้ งสรรคผ์ ลงำนเป็ นสำกล

58
รวมถงึ กำรฝึ กปฏบิ ตั อิ ยำ่ งเขม้ เพือ่ เป็ นพ้ืนฐำนในกำรศกึ ษำตอ่ และกำรประกอบอ
ำชีพ

เพือ่ ใหพ้ ฒั นำผเู้ รียนใหใ้ ชค้ อมพวิ เตอร์สรำ้ งสรรคผ์ ลงำนไดอ้ ยำ่ งถกู วธิ ี
ทำงำนอยำ่ งมปี ระสทิ ธภิ ำพ
และมปี ระสทิ ธผิ ล สำมำรถน่ำเสนอผลงำนไดอ้ ยำ่ งมืออำชีพ
สำมำรถน่ำควำมรแู้ ละทกั ษะกำรสรำ้ งแอนิเมชนั
ไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ไดอ้ ยำ่ งมจี ติ สำนึกทดี่ ี มคี วำมรบั ผดิ ชอบ
มีคณุ ธรรม รวมถงึ ใชท้ รพั ยำกรอยำ่ ง ประหยดั คมุ้ คำ่ และมีคณุ ธรรม
ตวั ช้ีวดั
ว. 4.2 ม5/1 รวบรวม วเิ ครำะห์ขอ้ มูล และใชค้ วำมรดู้ ำ้ นวทิ ยำกำรคอมพวิ เตอร์
สือ่ ดจิ ทิ ลั
เทคโนโลยีสำรสนเทศในกำรแกป้ ญั หำหรือเพมิ่ มลู คำ่ ใหก้ บั บรกิ ำรหรือผลติ ภณั ฑ์
ทใี่ ชใ้ นชีวติ จรงิ อยำ่ งสรำ้ งสรรค์
รวมทง้ั หมด 1 ตวั ช้ีวดั

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

กลมุ่ สำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี
วชิ ำพ้ืนฐำน

59

รหสั วชิ ำ ว33101 วทิ ยำศำสตร์โลก และอวกำศ เวลำ
ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปี ที่ 6 ภำคเรียนที่ 1 จำนวน 1 หน่วยกติ
40 ช่วั โมง

สืบคน้ ขอ้ มลู สำรวจตรวจสอบ วเิ ครำะห์ อภปิ รำย
และอธบิ ำยเกยี่ วกบั โครงสรำ้ งโลก หลกั ฐำนทำงธรณี กำรเคลือ่ นทีข่ องแผน่ ธรณี
รูปแบบแนวรอยตอ่ ของแผน่ ธรณี กระบวนกำรเกดิ ภเู ขำไฟระเบดิ
กระบวนกำรเกดิ แลผลจำกแผน่ ดนิ ไหว กระบวนกำรเกดิ และผลจำกสนึ ำมิ
กำรรบั พลงั งำนจำกดวงอำทติ ย์ของโลกบรเิ วณตำ่ งๆ กำรหมุนเวียนของอำกำศ
ควำมกดอำกำศ แรงคอรอิ อลสิ
แรงสูศ่ ูนย์กลำงและแรงเสียดทำนทีม่ ีตอ่ กำรหมนุ เวยี นของอำกำศ

กำรหมนุ เวียนของอำกำศตำมเขตลตจิ ูดและผลทมี่ ตี อ่ ภูมอิ ำกำศ
กำรแบง่ ชน้ั น้ำในมหำสมทุ ร กำรหมุนเวยี นของน้ำในมหำสมุทร
ผลของกำรหมุนเวียนของน้ำในมหำสมุทรทมี่ ีตอ่ ลกั ษณะลมฟ้ ำอำกำศ
สงิ่ มชี ีวติ และสง่ิ แวดลอ้ ม ปจั จยั ตำ่ งๆ
ทมี่ ผี ลตอ่ กำรเปลยี่ นแปลงภมู อิ ำกำศของโลก
สญั ลกั ษณ์ลมฟ้ ำอำกำศบนแผนทอี่ ำกำศ
กำรวเิ ครำะห์และคำดกำรณ์ลกั ษณะลมฟ้ ำอำกำศเบอื้ งตน้ จำกแผนทอี่ ำกำศและข้
อมูลสำรสนเทศอนื่ ๆ
เพือ่ วำงแผนในกำรประกอบอำชีพและกำรดำเนินชีวติ ใหส้ อดคลอ้ งกบั สภำพลมฟ้
ำอำกำศ ทฤษฎกี ำเนิดเอกภพ กำแล็กซี ดำวฤกษ์ ปฏกิ ริ ยิ ำเทอร์มอนิวเคลียร์
ควำมสอ่ งสวำ่ งของดำวฤกษ์ สีของดำวฤกษ์ กำรหำระยะทำงของดำวฤกษ์
มวลของดำวฤกษ์ ววิ ฒั นำกำรของดำวฤกษ์ กระบวนกำรเกดิ ระบบสุรยิ ะ
โครงสรำ้ งของดวงอำทติ ย์ กำรเกดิ ลมสุรยิ ะ พำยสุ รุ ยิ ะ
ปรำกฏกำรณ์หรอื เหตกุ ำรณ์ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั ลมสรุ ยิ ะและพำยุสรุ ยิ ะทมี่ ีตอ่ โลก
รวมทง้ั ประเทศไทย
กำรสำรวจอวกำศโดยใชก้ ลอ้ งโทรทรรศน์ในชว่ งควำมยำวคลนื่ ตำ่ ง ๆ ดำวเทยี ม
ยำนอวกำศ สถำนีอวกำศ
และนำเสนอแนวคดิ กำรนำควำมรทู้ ำงดำ้ นเทคโนโลยอี วกำศมำประยุกต์ใชใ้ นชีวิ
ตประจำวนั หรอื ในอนำคต

โดยใชก้ ระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ กำรสบื เสำะหำควำมรู้
กำรสำรวจตรวจสอบ กำรสบื คน้ ขอ้ มลู แปลควำมหมำยขอ้ มูล และกำรอภปิ รำย

เพือ่ ใหเ้ กดิ ควำมรู้ ควำมคดิ ควำมเขำ้ ใจ สำมำรถสือ่ สำรสิ่งทีเ่ รยี นรู้
มีควำมสำมำรถในกำรตดั สนิ ใจ นำควำมรไู้ ปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั
ยดึ หลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพียง เป็ นหลกั ปฏบิ ตั ใิ นกำรเรียนรู้
มีจติ วทิ ยำศำสตร์ คุณธรรม จรยิ ธรรม และคำ่ นิยมทเี่ หมำะสม

รหสั ตวั ช้ีวดั
ว 3.1 ม.6/1 , ม.6/2 , ม.6/3 , ม.6/4 , ม.6/5 ,
ม.6/6 , ม.6/7 , ม.6/8 , ม.6/9 , ม.6/10

60

ว 3.2 ม.6/1 , ม.6/2 , ม.6/3 , ม.6/4 , ม.6/5 ,
ม.6/6 , ม.6/7 , ม.6/8 , ม.6/9 , ม.6/10

ม.6/11 , ม.6/12 , ม.6/13 , ม.6/14

รวมทง้ั หมด 24 ตวั ช้ีวดั

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

กลมุ่ สำระกำรเรียนรูว้ ทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 1.0
วชิ ำพืน้ ฐำน

รหสั วชิ ำ ว33102 เทคโนโลยี 4 (วทิ ยำกำรคำนวณ)
ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปี ที่ 6

เวลำ 40 ช่วั โมง
หน่วยกติ

ศกึ ษำกำรใชเ้ ทคโนโลยีในกำรนำเสนอและแบ่งปนั ขอ้ มูลอยำ่ งปลอดภยั แ
ละมีจรยิ ธรรม กำรสรำ้ งช้ินงำน และ เผยแพรผ่ ่ำนสือ่ ตำ่ งๆ ทีค่ ำนึงถึงจรยิ ธรรม
ลิขสิทธิ์ทรพั ย์สินทำงปัญญ ำ และกฎหมำย หลกั กำรของ ปัญ ญำประดิษฐ์
แ ล ะ เ ท ค โ น โ ล ยี ใ น อ น ำ ค ต
กรณี ศึกษำเกี่ยวกบั นวตั กรรมหรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกบั ชีวิตประจำวนั
อ ำ ชี พ ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง กั บ ง ำ น ท ำ ง ด้ ำ น เ ท ค โ น โ ล ยี ส ำ ร ส น เ ท ศ
ตวั อยำ่ งผลกระทบของเทคโนโลยี สำรสนเทศ

ตวั ช้ีวดั
ม ฐ . ว . 4.2 ม . 6/1 เ ท ค โ น โ ล ยี ( วิ ท ย ำ ก ำ ร ค ำ น ว ณ )

ใ ช้ เท ค โ น โ ล ยี ส ำ ร ส น เท ศ ใ น ก ำ ร น ำ เส น อ แ ล ะ แ บ่ ง ปั น ข้ อ มู ล อ ย่ ำ ง ป ล อ ด ภ ยั
มี จ ริ ย ธ ร ร ม แ ล ะ วิ เ ค ร ำ ะ ห์
กำรเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีสำรสนเทศที่มีผลต่อกำรดำเนินชีวิต อำชีพ สงั คม
และวฒั นธรรม

รวมทง้ั หมด 1 ตวั ชี้วดั

59

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ
วิชำวิทยำศำสตร์เพ่ิมเตมิ

60

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ วชิ ำเพมิ่ เตมิ
รหัสวชิ ำ ว30201 ฟิสกิ ส์ 1 ชนั้ มธั ยมศกึ ษำตอนปลำย
เวลำ 80 ช่ัวโมง จำนวน 2.0 หนว่ ยกิต

สงั เกต ทดลอง มเี หตุผล อธบิ าย สร้างความคิดรวบยอด การคิดวิเคราะห์ ความรูค้ วามเข้าใจ
การแกป้ ัญหา เขา้ ใจศกึ ษาธรรมชาตทิ างฟสิ ิกส์ ปริมาณกายภาพและหน่วย การัดความคลาดเคลื่อน การบอก

ตาแหน่งของวตั ถุ ความสัมพนั ธ์ระหว่างปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคล่อื นที่ในแนวเส้นตรงด้วยความเรง่ คงท่ี
แรงและผลของแรงท่ีมผี ลตอ่ สภาพการเคลื่อนที่ของวตั ถุ กฎการเคล่ือนที่ของนวิ ตัน กฎแรงดึงดดู ระหว่างมวล และ
แรงเสียดทาน การเคลื่อนทแ่ี บบโพรเจกไทล์ การเคลือ่ นทแ่ี บบวงกลม และการเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ย

โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ
การสบื ค้นข้อมลู และอภิปราย

เพือ่ ใหเ้ กดิ ความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ สอ่ื สารส่ิงที่เรียนรู้ มีความสามรถในการตัดสนิ ใจนาความรู้
ไปใช้ในชวี ติ ของตนเอง ดูแลรกั ษาส่ิงแวดล้อม เฝา้ ระวงั และพฒั นาส่ิงแวดล้อมอย่างยัง่ ยืน มจี ิตวิทยาศาสตร์
คุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมท่เี หมาะสมสอดคล้องกบั ทอ้ งถ่นิ

ผลกำรเรียนรู้

1. อธบิ ายเกย่ี วกบั ธรรมชาติของวิชาฟิสกิ ส์ ปริมาณกายภาพและหนว่ ยในระบบเอสไอ
2. อธิบายความสาคญั ของการทดลอง การวดั ปริมาณกายภาพต่าง ๆ และการบนั ทกึ ขอ้ มูล
3. อธบิ ายเกี่ยวกับการเคลอ่ื นท่ีในแนวเส้นตรง และปริมาณทเี่ กย่ี วข้อง

4. อธบิ ายความสมั พันธร์ ะหวา่ งการกระจดั ความเร็ว และความเรง่ ของการเล่ือนทข่ี องวตั ถใุ นแนวเสน้ ตรงที่
มีความเรง่ คงตวั

5. อธบิ ายแรงและหาแรงลพั ธข์ องแรงหลายแรง
6. อธิบายกฎการเคลือ่ นทขี่ องนวิ ตนั และใช้กฎการเคลอ่ื นท่ขี องนิวตันอธิบายการเคลอ่ื นท่ขี องวัตถุ
7. อธิบายกฎแรงดงึ ดูดระหวา่ งมวล

8. อธิบายแรงเสยี ดทานระหว่างผิวสัมผัสของวตั ถคุ ูห่ นึง่
9. วเิ คราะห์และอธิบายการเคลอ่ื นทีแ่ บบไพรเจกไทล์

10. วเิ คราะหแ์ ละอธบิ ายการเคล่ือนทใ่ี นแบบวงกลม
11. วเิ คราะหแ์ ละอธิบายการเคลือ่ นทแี่ บบฮารม์ อนิกอย่างงา่ ย

รวมทง้ั หมด 11 ผลกำรเรียนรู้

61

คำอธบิ ำยรำยวิชำ

กล่มุ สำระกำรเรียนรูว้ ิทยำศำสตร์ วิชำเพิ่มเตมิ

รหสั วชิ ำ ว30202 ฟิสกิ ส์ 2 ช้นั มัธยมศึกษำปที ่ี 4 ภำคเรยี นที่ 2
เวลำ 80 ชัว่ โมง จำนวน 2.0 หน่วยกติ

สังเกต ทดลอง มเี หตุผล อธบิ าย สร้างความคิดรวบยอด การคิดวิเคราะห์ ความรูค้ วามเขา้ ใจ
การแกป้ ัญหา ความสัมพันธร์ ะหวา่ งแรง สมดลุ ของแรง เง่ือนไขที่ทาใหเ้ กิดสมดุล โมเมนต์ของแรง สมดุลตอ่

การเล่ือนตาแหน่ง สมดลุ ต่อการหมุน เสถียรภาพของสมดลุ งาน การหาค่างาน กาลงั พลังงานศักย์โนม้ ถว่ ง
พลงั งานจลน์ พลังงานรูปอื่น ๆ การเปล่ยี นรูปพลังงาน แหลง่ พลังงาน กฎการอนรุ ักษพ์ ลงั งาน การถ่ายโอน
พลังงานกล และประสิทธิภาพของเคร่ืองกล โมเมนตมั แรงดลและการดล การอนรุ ักษ์โมเมนตัม การชน

การชนกันของวัตถุ
โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบคน้ ข้อมลู และ

อภิปราย
เพื่อใหเ้ กิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สอ่ื สารส่ิงท่เี รยี นรู้ มคี วามสามรถในการตัดสินใจนาความรู้

ไปใชใ้ นชวี ิตของตนเอง ดแู ลรกั ษาสง่ิ แวดล้อม เฝ้าระวังและพัฒนาสงิ่ แวดลอ้ มอย่างย่ังยนื มจี ิตวิทยาศาสตร์

คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มทเ่ี หมาะสม

ผลกำรเรยี นรู้

1. สารวจ ตรวจสอบ วเิ คราะห์เกย่ี วกับสภาพสมดุลกลของวตั ถุ และสรปุ เง่ือนไขของสมดลุ กลประเภทต่าง ๆ
และนาไปใชป้ ระโยชน์

2. อธบิ าย และวิเคราะห์ผลของแรงทก่ี ระทาตอ่ วัตถุในสภาพสมดลุ และหาค่าแรงลพั ธ์
3. ตรวจสอบ วเิ คราะห์ และอธิบายเกยี่ วกบั ศูนย์กลางมวล และศูนย์ถ่วงของวตั ถุ
4. ทดลองและอธิบายหลกั การของโมเมนต์ โมเมนตแ์ รงค่คู วบและนาไปใช้ประโยชน์

5. สารวจ ตรวจสอบ วิเคราะห์และอธิบาย การเกดิ งาน กาลงั พลังงาน และนาไปใช้ประโยชน์
6. คานวณหาปรมิ าณท่ีเกีย่ วกบั งาน และพลังงาน พลงั งานจลน์ พลังงานศกั ย์ พรอ้ มท้งั คานวณหาค่า

7. สืบคน้ ขอ้ มูล และอธบิ ายเกี่ยวกบั กฎการอนุรักษ์พลงั งาน หลกั การทางานของเคร่อื งกลอย่างงา่ ย และนาไปใช้
ประโยชน์

8. อธบิ ายหลกั การทางานของเคร่ืองกลอยา่ งงา่ ย
9. อธบิ ายความหมายของโมเมนตัม การดล แรงดล พร้อมท้ังคานวณหาค่า
10. สารวจ ตรวจสอบ และอธิบาย เกย่ี วกบั การชนของวตั ถุ และการถ่ายโอนโมเมนตมั ใหก้ บั วตั ถุที่ถูกชน

11. สบื ค้นข้อมูล และอธิบายกฎการอนรุ กั ษโ์ มเมนตมั

รวมทง้ั หมด 11 ผลกำรเรียนรู้

62

คำอธบิ ำยรำยวิชำ

กลุ่มสำระกำรเรยี นร้วู ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี วิชำเพ่มิ เติม

รหัสวิชำ ว30203 ฟสิ กิ ส์ 3 ช้ันมัธยมศึกษำตอนปลำย
เวลำ 80 ชว่ั โมง จำนวน 2 หน่วยกติ

ศึกษาลกั ษณะการเคลอ่ื นที่แบบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย ปรมิ าณท่ีเกยี่ วขอ้ งกับการเคลื่อนท่แี บบฮาร์มอนกิ
อยา่ งงา่ ยแรงกับการสน่ั ของมวลตดิ ปลายสปริงและลูกต้มุ อย่างง่าย ความถี่ธรรมชาตแิ ละการส่ันพ้อง ธรรมชาตขิ อง

คลนื่ อตั ราเร็วของคลน่ื หลกั การทีเ่ กี่ยวกบั คลื่น พฤตกิ รรมของคลนื่ แนวคิดเกยี่ วกบั แสงเชิงคลนื่ การแทรกสอด
ของแสงผ่านสลิตคู่ การเลีย้ วเบนของแสงผ่านสลิตเดย่ี ว การเลี้ยวเบนของแสงผา่ นเกรตตงิ การสะทอ้ นและการหกั
เหของแสง การมองเหน็ และการเกดิ ภาพ ภาพจากเลนสแ์ ละกระจกเงาทรงกลม แสงสีและการมองเห็นแสงสี

ปรากฏการณธ์ รรมชาติและการใช้ประโยชน์เกีย่ วกบั แสง
โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสบื ค้นขอ้ มูล การสงั เกต วิเคราะห์

เปรียบเทยี บอธบิ าย อภปิ ราย และสรุป
เพือ่ ใหเ้ กดิ ความรู้ ความเขา้ ใจ มีความสามารถในการตดั สนิ ใจ มที กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

รวมทั้งทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 ในดา้ นการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศด้านการคดิ และการแก้ปัญหา สามารถสื่อสาร

ส่ิงท่ีเรยี นรูแ้ ละนาความรไู้ ปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจติ วทิ ยาศาสตรจ์ รยิ ธรรม คุณธรรม และค่านยิ มทเ่ี หมาะสม

ผลกำรเรียนรู้

1. ทดลองและอธบิ ายการเคล่ือนท่ีแบบฮารม์ อนกิ อย่างง่ายของวตั ถตุ ดิ ปลายสปริงและลกู ตุ้มอย่างงา่ ย
รวมทง้ั คานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ที่เกยี่ วข้อง

2. อธิบายความถีธ่ รรมชาตขิ องวัตถุและการเกดิ การสนั่ พอ้ ง
3. อธิบายปรากฏการณค์ ลน่ื ชนิดของคลื่น สว่ นประกอบของคลื่น การแผข่ องหนา้ คลนื่ ด้วยหลักการ

ของฮอยเกนส์ และการรวมกนั ของคล่นื ตามหลักการซ้อนทับ พร้อมทง้ั คานวณอัตราเรว็ ความถี่ และ

ความยาวคล่ืน
4. สงั เกตและอธิบายการสะทอ้ น การหักเห การแทรกสอด และการเลี้ยวเบนของคล่นื ผิวน้ารวมท้ัง

คานวณปริมาณตา่ ง ๆ ท่เี กี่ยวขอ้ ง
5. ทดลอง และอธิบายการแทรกสอดของแสงผ่านสลิตคู่และเกรตตงิ การเล้ยี วเบนและการแทรกสอด

ของแสงผ่านสลิตเด่ียว รวมทั้งคานวณปริมาณต่าง ๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง

6. ทดลอง และอธิบายการสะทอ้ นของแสงที่ผวิ วตั ถตุ ามกฎการสะทอ้ น เขียนรังสขี องแสงและคานวณ
ตาแหน่งและขนาดภาพของวตั ถเุ มื่อแสงตกกระทบกระจกเงาราบและกระจกเงาทรงกลมรวมท้งั อธิบาย

การนาความรู้เร่ืองการสะท้อนของแสงจากกระจกเงาราบ และกระจกเงาทรงกลมไปใชป้ ระโยชน์ใน
ชวี ติ ประจาวนั

7. ทดลอง และอธิบายความสัมพันธ์ระหวา่ งดรรชนีหักเห มมุ ตกกระทบ และมมุ หักเหรวมท้งั อธิบาย
ความสัมพนั ธร์ ะหว่างความลกึ จรงิ และความลึกปรากฏ มุมวิกฤตและการสะท้อนกลบั หมดของแสง

และคานวณปรมิ าณต่าง ๆ ท่ีเก่ยี วขอ้ ง
8. ทดลอง และเขยี นรังสขี องแสงเพื่อแสดงภาพทเ่ี กิดจากเลนส์บาง หาตาแหน่ง ขนาด ชนิดของภาพ

และความสมั พนั ธ์ระหว่างระยะวตั ถุ ระยะภาพและความยาวโฟกสั รวมท้งั คานวณปริมาณต่าง ๆ

63

ที่เก่ียวข้องและอธิบายการนาความร้เู รอื่ งการหกั เหของแสงผ่านเลนส์บางไปใชป้ ระโยชนใ์ น
ชวี ิตประจาวนั
9. อธบิ ายปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกี่ยวกบั แสง เชน่ รงุ้ การทรงกลด มิราจ และการเหน็ ทอ้ งฟา้ เป็นสี
ต่าง ๆ ในช่วงเวลาตา่ งกนั
10. สังเกต และอธบิ ายการมองเหน็ แสงสี สขี องวัตถุ การผสมสารสี และการผสมแสงสี รวมท้ัง
อธบิ ายสาเหตุของการบอดสี

รวมทัง้ หมด 10 ผลกำรเรียนรู้

64

คำอธิบำยรำยวิชำ

กลุม่ สำระกำรเรียนรูว้ ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี วชิ ำเพ่ิมเตมิ

รหสั วชิ ำ ว30204 ฟิสิกส์ 4 ช้นั มธั ยมศกึ ษำตอนปลำย
เวลำ 80 ช่ัวโมง จำนวน 2 หน่วยกติ

ศึกษาการเกิดเสียง การเคล่ือนทขี่ องเสียง การสะท้อน การหกั เห การแทรกสอด และการเลี้ยวเบนของ
คลืน่ เสียง การได้ยินเสียง ความเขม้ เสยี ง คณุ ภาพเสยี ง มลพิษทางเสียง คลนื่ นิง่ ของเสยี ง การส่ันพอ้ งของเสยี ง

การเกิดบีต ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ คลืน่ กระแทกของเสียง ธรรมชาติของไฟฟา้ สถิต การเหน่ียวนาไฟฟา้ สถติ
กฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟา้ ศักย์ไฟฟ้า ความต่างศักย์ ความจุและพลงั งานสะสมในตวั เกบ็ ประจุ การต่อตัวเก็บ
ประจกุ ระแสไฟฟา้ ในลวดตัวนากฎของโอหม์ สภาพต้านทาน การตอ่ ตวั ต้านทานอเี อ็มเอฟของแหลง่ กาเนิดไฟฟ้า

กระแสตรง พลงั งานไฟฟา้ กาลังไฟฟา้ การต่อแบตเตอร่ี การวิเคราะห์วงจรไฟฟา้ กระแสตรง การเปลย่ี นพลงั งาน
ทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า และเทคโนโลยีดา้ นพลงั งาน

โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสบื คน้ ขอ้ มูล การสงั เกต วิเคราะห์
เปรียบเทยี บอธิบาย อภิปราย และสรปุ

เพ่ือให้เกดิ ความรู้ ความเขา้ ใจ มีความสามารถในการตัดสนิ ใจ มีทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

รวมทัง้ ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ในดา้ นการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศดา้ นการคดิ และการแก้ปญั หา สามารถสอื่ สาร
สิ่งทเ่ี รยี นร้แู ละนาความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคา่ นิยมทเ่ี หมาะสม

ผลกำรเรยี นรู้
1. อธบิ ายการเกิดเสียง การเคลื่อนท่ีของเสียง ความสมั พันธ์ระหว่างคลนื่ การกระจดั ของอนุภาคกับ

คลืน่ ความดัน ความสัมพันธ์ระหวา่ งอตั ราเรว็ ของเสยี งในอากาศท่ขี ึ้นกับอุณหภูมิในหนว่ ยองศา
เซลเซียส การสะท้อน การหักเห การแทรกสอด การเล้ยี วเบน ของคลื่นเสียง รวมท้ังคานวณปริมาณ
ต่าง ๆ ทเ่ี กยี่ วข้อง

2. อธบิ ายความเข้มเสยี ง ระดับเสียง องคป์ ระกอบของการไดย้ ิน คณุ ภาพเสยี ง และมลพษิ ทางเสียง
รวมท้ังคานวณปรมิ าณต่าง ๆ ที่เกีย่ วข้อง

3. ทดลอง และอธิบายการเกิดการสั่นพอ้ งของอากาศในทอ่ ปลายเปิดหน่ึงดา้ น รวมทงั้ สังเกตและ
อธบิ ายการเกดิ บีต คลนื่ นิง่ ปรากฏการณด์ อปเพลอร์ คลื่นกระแทกของเสยี ง คานวณปริมาณตา่ ง ๆ ที่
เกี่ยวขอ้ ง และนาความรู้เรอ่ื งเสียงไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั

4. ทดลอง และอธบิ ายการทาวัตถุท่เี ป็นกลางทางไฟฟา้ ให้มปี ระจไุ ฟฟา้ โดยการขดั สกี ันและการ
เหน่ียวนาไฟฟา้ สถติ

5. อธบิ าย และคานวณแรงไฟฟ้าตามกฎของคลู อมบ์
6. อธิบาย และคานวณสนามไฟฟ้าและแรงไฟฟ้าทก่ี ระทากบั อนภุ าคทีม่ ปี ระจุไฟฟา้ ที่อยใู่ นสนามไฟฟา้

รวมท้ังหาสนามไฟฟ้าลัพธ์เนอื่ งจากระบบจุดประจุโดยรวมกันแบบเวกเตอร์

7. อธิบาย และคานวณพลังงานศกั ย์ไฟฟา้ ศักย์ไฟฟา้ และความตา่ งศกั ย์ระหว่างสองตาแหนง่ ใด ๆ
8. อธบิ ายสว่ นประกอบของตัวเกบ็ ประจุ ความสัมพันธ์ระหว่างประจไุ ฟฟ้า ความต่างศกั ย์ และความจุ

ของตัวเกบ็ ประจุ และอธบิ ายพลังงานสะสมในตวั เกบ็ ประจุ และความจุสมมูล รวมทั้งคานวณ
ปรมิ าณตา่ ง ๆ ทเ่ี กยี่ วข้อง
9. นาความรูเ้ รื่องไฟฟา้ สถติ ไปอธบิ ายหลักการทางานของเครอ่ื งใช้ไฟฟา้ บางชนดิ และปรากฏการณใ์ น

ชีวติ ประจาวนั

65

10. อธิบายการเคลอื่ นทขี่ องอเิ ล็กตรอนอิสระและกระแสไฟฟา้ ในลวดตัวนาความสมั พันธ์ระหว่าง
กระแสไฟฟา้ ในลวดตวั นากบั ความเร็วลอยเล่ือนของอเิ ล็กตรอนอสิ ระ ความหนาแนน่ ของอิเล็กตรอน
ในลวดตัวนาและพนื้ ทห่ี นา้ ตดั ของลวดตวั นา และคานวณปริมาณตา่ ง ๆ ท่เี ก่ยี วข้อง

11. ทดลอง และอธบิ ายกฎของโอหม์ อธบิ ายความสัมพันธร์ ะหว่างความตา้ นทานกับความยาว
พื้นทหี่ น้าตัด และสภาพต้านทานของตวั นาโลหะท่ีอุณหภมู ิคงตัว และคานวณปริมาณตา่ งๆท่ี
เก่ียวข้อง รวมทั้ง อธบิ ายและคานวณความตา้ นทานสมมูลเมือ่ นาตัวต้านทานมาตอ่ กนั แบบอนุกรม
และแบบขนาน

12. ทดลอง อธิบาย และคานวณอีเอม็ เอฟของแหลง่ กาเนิดไฟฟ้ากระแสตรง รวมท้ังอธิบายและ
คานวณพลังงานไฟฟา้ และกาลังไฟฟา้

13. ทดลอง และคานวณอีเอม็ เอฟสมมูลจากการต่อแบตเตอร่ีแบบอนกุ รมและแบบขนาน รวมทั้ง
คานวณปรมิ าณต่าง ๆ ท่เี ก่ียวข้องในวงจรไฟฟ้ากระแสตรงซ่ึงประกอบด้วยแบตเตอรแี่ ละ
ตัวต้านทาน

14. อธิบายการเปลีย่ นพลงั งานทดแทนเปน็ พลงั งานไฟฟ้า รวมทั้งสบื ค้นและอภปิ รายเกี่ยวกบั
เทคโนโลยที ่นี ามาแก้ปัญหาหรือตอบสนองความตอ้ งการทางดา้ นพลงั งานโดยเน้นดา้ น
ประสทิ ธภิ าพและความคุม้ ค่าด้านค่าใช้จ่าย

รวมท้ังหมด 14 ผลกำรเรียนรู้

66

คำอธิบำยรำยวชิ ำ

วิชำเพิม่ เตมิ ฟิสกิ ส์ 5 รหัสวิชำ ว30205 กลมุ่ สำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ช้ันมธั ยมศกึ ษำปีที่ 6 เวลำ 80 ชั่วโมง จำ นวน 2.0 หน่วยกติ

ศกึ ษาสนามแม่เหล็ก แรงแมเ่ หล็ก โมเมนตข์ องแรงคคู่ วบกระทา กบั ขดลวดท่ีมกี ระแสไฟฟา้ ผา่ นเมือ่

อยูใ่ นสนามแม่เหล็ก กระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนา อเี อ็มเอฟเหนี่ยวนา ไฟฟ้ากระแสสลับ ความรอ้ น แกส๊ อุดมคติ ทฤษฎี
จลน์ของแก๊ส ของแข็ง สภาพยืดหยุ่นของของแข็ง ความตงึ ผวิ ความหนดื ของของเหลว ความดนั ในของไหล

แรงพยงุ ของไหลอุดมคตสิ มการความต่อเนือ่ ง และสมการแบร์นูลโี ดยใชก้ ระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์การสบื
เสาะหาความรู้การสบื คน้ ข้อมูล การสงั เกต วิเคราะห์เปรยี บเทยี บ อธิบาย อภปิ ราย และสรุปเพื่อให้เกดิ ความรู้
ความเขา้ ใจมีความสามารถในการตดั สินใจมที ักษะปฏบิ ัตกิ ารทางวทิ ยาศาสตร์ รวมท้ังทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21

ในด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการคิดและการแก้ปัญหา ดา้ นการสอ่ื สาร สามารถสื่อสารส่ิงท่เี รยี นรู้
และนาความรู้ไปใช้ในชวี ติ ของตนเอง มีจติ วิทยาศาสตรจ์ รยิ ธรรม คุณธรรม และค่านิยมท่เี หมาะสม

ผลกำรเรยี นรู้
1. สังเกตและอธิบายเส้นสนามแม่เหลก็ อธบิ ายและคานวณฟลกั ซ์แมเ่ หลก็ ในบริเวณท่ีกาหนด รวมทั้ง

สงั เกตและอธิบายสนามแม่เหล็กทเ่ี กดิ จากกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนาเสน้ ตรงและโซเลนอยด์
2. อธบิ ายและคานวณแรงแม่เหล็กทกี่ ระทาต่ออนุภาคทม่ี ปี ระจุไฟฟา้ เคล่อื นทใ่ี นสนามแม่เหล็ก แรง

แมเ่ หลก็ ท่ีกระทาตอ่ เสน้ ลวดที่มีกระแสไฟฟา้ ผา่ นและวางในสนามแม่เหล็กรัศมีความโค้งของการเคลือ่ นท่ีเมอื่

ประจุ เคลอื่ นที่ต้ังฉากกับสนามแม่เหลก็ รวมท้ังอธบิ ายแรงระหวา่ งเสน้ ลวดตวั นาคูข่ นานทม่ี ีกระแสไฟฟา้ ผา่ น
3. อธิบายหลกั การทางานของแกลแวนอมิเตอร์และมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง รวมท้งั คานวณปริมาณ

ต่าง ๆ ท่ีเกย่ี วข้อง
4. สังเกตและอธิบายการเกิดอีเอม็ เอฟเหน่ียวนา กฎการเหนยี่ วนาของฟาราเดย์และคานวณปริมาณ

ตา่ ง ๆ ทีเ่ กี่ยวข้อง รวมทัง้ นาความรเู้ รอื่ งอเี อ็มเอฟเหนี่ยวนาไปอธบิ ายการทางานของเครื่องใชไ้ ฟฟา้

5. อธิบายและคานวณความต่างศกั ยอ์ าร์เอม็ เอส และกระแสไฟฟ้าอารเ์ อม็ เอส
6. อธบิ ายหลกั การทา งานและประโยชน์ของเครอื่ งกา เนดิ ไฟฟ้ากระแสสลบั 3 เฟส การแปลงอีเอ็มเอฟ

ของหม้อแปลง และคานวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวขอ้ ง
7. อธบิ ายและคา นวณความรอ้ นทท่ี า ใหส้ สารเปลี่ยนอุณหภูมคิ วามร้อนท่ีทาให้สสารเปล่ยี นสถานะ

และ ความรอ้ นที่เกดิ จากการถา่ ยโอนตามกฎการอนรุ ักษ์พลังงาน

8. อธบิ ายกฎของแก๊สอุดมคตแิ ละคานวณปริมาณตา่ ง ๆ ท่ีเกยี่ วขอ้ ง
9. อธบิ ายแบบจาลองของแก๊สอดุ มคติทฤษฎีจลนข์ องแกส๊ และอัตราเรว็ อารเ์ อ็มเอสของโมเลกุล

ของแก๊ส รวมทั้งคานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ทเี่ ก่ียวข้อง
10. อธบิ ายและคานวณงานทีท่ าโดยแก๊สในภาชนะปิดโดยความดันคงตัว และอธิบายความสมั พนั ธ์

ระหว่าง ความรอ้ นพลังงานภายในระบบและงาน รวมทัง้ คานวณปริมาณต่าง ๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง และนาความรเู้ รื่อง

พลังงานภายในระบบไปอธบิ ายหลักการทางานของเคร่อื งใช้ในชีวติ ประจาวัน
11. อธิบายสภาพยืดหยุ่นและลักษณะการยดื และหดตวั ของวัสดุทเี่ ป็นแท่งเมอ่ื ถูกกระทาดว้ ยแรงค่า

ต่าง ๆ รวมทง้ั ทดลอง อธบิ ายและคานวณความเค้นตามยาว ความเครียดตามยาว และมอดลุ ัสของยงั และ
นาความรเู้ รอื่ งสภาพยดื หยุ่นไปใช้ในชวี ติ ประจาวัน

12. อธิบายและคานวณความดันเกจ ความดันสัมบรู ณ์ และความดนั บรรยากาศ รวมท้ังอธบิ าย

หลกั การทางานของแมนอมิเตอร์บารอมิเตอร์และเครอื่ งอัดไฮดรอลิก

67

13. ทดลอง อธบิ ายและคานวณขนาดแรงพยุงจากของไหล
14. ทดลอง อธิบายและคานวณความตึงผวิ ของของเหลว รวมทง้ั สงั เกตและอธิบายแรงหนืดของ
ของเหลว
15. อธบิ ายสมบัติของของไหลอุดมคติ สมการความต่อเนื่องและสมการแบร์นูลลี รวมทง้ั คานวณปริมาณ
ต่าง ๆ ท่ีเกยี่ วขอ้ งและนาความรเู้ กีย่ วกบั สมการความตอ่ เนื่องและสมการแบรน์ ลู ลไี ปอธบิ ายหลักการทางานของ
อุปกรณ์ตา่ ง ๆ

รวมทงั้ หมด 15 ผลกำรเรียนรู้

68

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

ฟสิ กิ ส์ 6 รหสั วชิ ำ ว 30206 กลุ่มสำระกำรเรยี นรูว้ ทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี

ชัน้ มัธยมศึกษำปีที่ 6 ภำคเรยี นท่ี 2 เวลำ 80 ชว่ั โมง จำนวน 2.0 หนว่ ยกิต

ศกึ ษาการเกดิ คลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟ้า สเปกตรมั ของคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ โพลาไรเซชันของคลนื่ แมเ่ หล็ก

ไฟฟา้ การสอื่ สารโดยอาศัยคลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ สมมติฐานของพลงั ค์ ทฤษฎอี ะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์

โฟโตอเิ ล็กทริก ทวภิ าวะของคลื่นและอนภุ าค เสถียรภาพของนิวเคลียส กัมมนั ตภาพรงั สี ปฏิกริ ิยานวิ เคลยี ร์

พลงั งานนิวเคลยี ร์และ ฟิสิกส์อนภุ าค โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้การสบื คน้

ขอ้ มลู การสงั เกต วิเคราะห์ เปรียบเทยี บ อธิบาย อภิปราย และสรุป เพือ่ ใหเ้ กิดความร้คู วามเข้าใจมี

ความสามารถในการตดั สนิ ใจ มีทกั ษะปฏบิ ัตกิ าร ทางวิทยาศาสตร์ รวมท้ังทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ในดา้ นการใช้

เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการคดิ และการแกป้ ัญหา ดา้ นการส่ือสาร สามารถสอื่ สารสิ่งท่ีเรียนรู้และนาความรไู้ ปใช้

ในชวี ิตของตนเอง มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านยิ มที่เหมาะสม

ผลกำรเรยี นรู้

1. อธบิ ายการเกิดและลักษณะเฉพาะของคล่นื แม่เหลก็ ไฟฟา้ แสงไมโ่ พลาไรส์ แสงโพลาไรส์เชิงเส้น และ

แผ่นโพลารอยด์ รวมทั้งอธบิ ายการนา คลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้าในช่วงความถีต่ ่าง ๆ ไปประยกุ ตใ์ ช้ และหลักการทางาน

ของอปุ กรณท์ ่เี กี่ยวข้อง

2. สืบค้นและอธิบายการสื่อสารโดยอาศยั คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้าในการสง่ ผ่านสารสนเทศ และเปรยี บเทียบ

การสือ่ สารด้วยสัญญาณแอนะลอ็ กกบั สัญญาณดิจิทัล

3. อธบิ ายสมมตฐิ านของพลังค์ ทฤษฎีอะตอมของโบร์ และการเกดิ เสน้ สเปกตรัมของอะตอมไฮโดรเจน

รวมท้ัง คานวณปริมาณต่าง ๆ ทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง

4. อธบิ ายปรากฏการณ์โฟโตอเิ ลก็ ทรกิ และคานวณพลังงานโฟตอน พลงั งานจลนข์ องโฟโตอเิ ล็กตรอน

และ ฟังก์ชันงานของโลหะ

5. อธบิ ายทวิภาวะของคลื่นและอนุภาค รวมทง้ั อธิบายและคานวณความยาวคล่นื เดอบรอยล์

6. อธบิ ายกัมมันตภาพรังสีและความแตกต่างของรงั สีแอลฟา บตี าและแกมมา

7. อธิบายและคานวณกมั มนั ตภาพของนวิ เคลียสกัมมนั ตรังสี รวมทั้งทดลอง อธบิ าย และคานวณ

จานวนนิวเคลยี สกมั มันตรังสที ่ีเหลือจากการสลายและคร่ึงชวี ติ

8. อธิบายแรงนิวเคลียร์ เสถียรภาพของนิวเคลียส และพลงั งานยดึ เหนีย่ ว รวมทั้งคานวณปรมิ าณ

ต่าง ๆ ที่เก่ียวขอ้ ง

9. อธิบายปฏกิ ริ ยิ านิวเคลียรฟ์ ิชิชัน และฟิวชัน รวมท้งั คานวณพลังงานนวิ เิ คลยี ร์

10. อธบิ ายประโยชนข์ องพลังงานนวิ เคลยี ร์และรงั สี รวมทง้ั อนั ตรายและการป้องกันรงั สีในด้านตา่ ง ๆ

11. อธิบายการค้นคว้าวิจยั ด้านฟสิ กิ ส์อนุภาค แบบจาลองมาตรฐาน และการใชป้ ระโยชนจ์ ากการ

ค้นคว้าวจิ ัยดา้ น ฟิสกิ ส์อนภุ าคในดา้ นตาง ๆ

รวมทัง้ หมด 11 ผลกำรเรียนรู้

69

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

กล่มุ สำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตร์ วิชำเพมิ่ เติม

รหัสวชิ ำ ว30207 รังสีทเ่ี รำมองไม่เหน็ ชน้ั มัธยมศึกษำตอนปลำย
เวลำ 40 ชัว่ โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต

สบื คน้ ขอ้ มลู สารวจตรวจสอบ วิเคราะห์ อภปิ ราย และอธิบายเกยี่ วกับ สมบตั ิ ประโยชน์ และโทษ
ของรังสีอินฟาเรด รงั สอี ัลตราไวโอเลต รังสเี อก็ ซ์ รงั สีแกมมา รงั สแี อลฟา รงี สเี บต้า รงั สคี อสมกิ การทดลอง

สมบตั บิ างประการของรงั สีบางชนิด คล่ืนวทิ ยุและการผสมคลืน่ การทดลองรบั คล่นื วิทยอุ ย่างง่าย เรดาห์ การสอื่ สาร
โทรคมนาคม วทิ ยุทั้งคล่นื สัน้ และคล่ืนยาว วทิ ยุโทรทศั น์ โทรศพั ท์ไร้สาย โทรภาพ โทรพิมพ์ โทรสาร ไมโครเวฟ
เพอื่ นาไปประยุกต์ใชใ้ นประจาวันอยา่ งถูกต้องและเหมาะสม และปอ้ งกันความปลอดภัยในการดาเนินชวี ติ

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตรก์ ารสืบเสาะหาความรูโ้ ดยการสารวจตรวจสอบ สบื ค้นขอ้ มูล บันทกึ
รวบรวมขอ้ มลู จัดกระทาข้อมูล และการอภิปราย

เพอ่ื ให้เกิดความรู้ ความเขา้ ใจอย่างมเี หตุผล สื่อสารสิ่งทเ่ี รยี นรู้ มีความอยากรอู้ ยากเห็น สามารถ
ตัดสนิ ใจอย่างเป็นระบบ นาความรูไ้ ปใช้ในชวี ติ ประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคา่ นิยมที่
เหมาะสมสอดคล้องกบั ท้องถ่นิ

ผลกำรเรยี นรู้
1. อธิบาย และสรุปความสมั พนั ธข์ องการเคลือ่ นที่แบบคลน่ื ได้

2. บอกแหลง่ กาเนิด สมบตั ิของรังสตี า่ งๆ และจาแนกชนิดของรงั สตี ่างๆในสเปกตรัมของคลน่ื
แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ โดยใช้ความถ่ี และความยาวคลน่ื เป็นเกณฑไ์ ด้

3. บอกประโยชน์และโทษ รวมทง้ั วธิ ีป้องกนั อันตรายจากรงั สตี ่างๆในสเปกตรัมของคลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟ้าได้
4. บอกแหลง่ กาเนดิ และสมบตั ิของคลืน่ วทิ ยุ และเปรยี บเทียบความแตกต่างของคลนื่ วทิ ยุ A.M และ F.M
5. อธิบายและศึกษาการทางานของเคร่ืองรบั -ส่งวทิ ยุ อยา่ งงา่ ย รวมทัง้ บอกสญั ลักษณ์ และหน้าทก่ี าร

ทางานของสว่ นประกอบทสี่ าคัญของเคร่ืองรบั -สง่ วิทยไุ ด้
6. อธิบายหลกั การ และขัน้ ตอนการสง่ วิทยโุ ทรภาพ และวิทยโุ ทรทัศน์ได้

7. อธิบายหลกั การ สมบตั ขิ องไมโครเวฟ และบอกประโยชน์ของการนาไมโครเวฟไปใช้ประโยชน์ใน
ชีวิตประจาวนั ได้

8. เปรียบเทยี บขอ้ ดี ข้อเสยี ของคลนื่ วิทยุกบั คลืน่ ไมโครเวฟ ท่ใี ชเ้ ปน็ คล่ืนพาหนะได้

9. อธิบายสรุปการใชด้ าวเทียมสือ่ สาร ในระบบโทรคมนาคมได้
10. อธบิ ายและเขียนแผนภาพ แสดงหลักการของโทรคมนาคม ระบบโทรพมิ พ์ และ เทเลกชไ์ ด้

11. อธิบายและเขียนแผนภาพ แสดงหลักการของโทรคมนาคมระบบโทรศัพท์ทางไกลได้
12. อธิบาย และเขียนแผนภาพ แสดงหลักการของ ระบบโทรภาพกบั โทรทศั น์ได้
รวมทงั้ หมด 12 ผลกำรเรียนรู้

70

คำอธิบำยรำยวชิ ำ

กลุ่มสำระกำรเรยี นรูว้ ิทยำศำสตร์ วชิ ำเพม่ิ เตมิ

รหสั วชิ ำ ว30208 วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศกึ ษำปลำย

เวลำ 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ

สืบค้นข้อมลู สารวจตรวจสอบ วเิ คราะห์ ทดลอง อภปิ ราย การแปลความหมาย การแก้ปญั หา

และอธิบายเกี่ยวกบั ความหมายและความสาคญั ของวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สสารและพลงั งานทีเ่ กี่ยวข้อง

กับมนุษย์ พัฒนาการทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับมนษุ ย์ และการนาไปใช้ประโยชนใ์ น

ชีวิตประจาวนั ความสัมพนั ธร์ ะหว่างวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคม ผลกระทบของวทิ ยาศาสตร์และ

เทคโนโลยที ี่มีต่อมนุษย์สภาพแวดล้อม สังคมเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม แนวทางการนาความร้แู ละ

กระบวนการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตรไ์ ปใช้ แกป้ ญั หาทางวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยที ่ีเกยี่ วขอ้ งกบั มนุษย์

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์การสบื เสาะหาความรโู้ ดยการสารวจตรวจสอบ สืบค้นขอ้ มูล

บันทึก รวบรวมขอ้ มลู จดั กระทาข้อมูล และการอภิปราย

เพอื่ ให้เกิดความรู้ ความเขา้ ใจอยา่ งมีเหตุผล ส่อื สารส่ิงท่ีเรียนรู้ มคี วามอยากรู้อยากเห็น สามารถ

ตดั สินใจอย่างเป็นระบบ นาความรู้ไปใช้ในชวี ิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และคา่ นยิ มที่

เหมาะสมสอดคลอ้ งกบั ท้องถิน่

ผลกำรเรียนรู้

1. สบื ค้น และอธบิ ายความหมายของเทคโนโลยีไดอ้ ย่างถูกต้อง

2. สืบคน้ และอภริ ายเพ่ือเปรยี บเทยี บประเภทของเทคโนโลยีแต่ละประเภทได้

3. อธิบายววิ ฒั นาการของเทคโนโลยีจากอดีตถงึ ปจั จุบนั ได้

4. อภิปรายถงึ ความสาคัญของเทคโนโลยกี ับชีวิตประจาวนั ได้

5. สบื คน้ ข้อมูล และอภปิ รายถงึ ผลกระทบจากเทคโนโลยีตอ่ สง่ิ ต่าง ๆ ได้

6. อธิบายโครงสรา้ งของโลกได้อยา่ งถกู ต้อง

7. สืบคน้ ขอ้ มูล และบอกถงึ กระบวนการเปล่ยี นแปลงของเปลอื กโลกได้

8. อภิปรายถึงการเปลย่ี นแปลงสภาวะโลกจากอดีตถงึ ปัจจบุ นั ได้

9. อธบิ ายถงึ กาเกดิ สภาวะโลกร้อนไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง

10. อธบิ ายถึงระบบสรุ ยิ ะจกั รวาลได้อย่างถกู ต้อง

11. อธบิ าย และบอกถงึ โครงสร้างของระบบสรุ ยิ ะจักรวาลได้

12. สืบค้นข้อมูล และอธบิ ายเกย่ี วกับความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยีทางอวกาศได้

13. อธิบายความหมายของสง่ิ แวดลอ้ มได้อยา่ งถูกตอ้ ง

14. บอกถงึ องคป์ ระกอบของสิ่งแวดลอ้ มได้

15. อธิบายความสมั พันธข์ องสง่ิ มชี ีวิตในส่งิ แวดล้อมได้

16. สบื ค้นขอ้ มูล และเปรยี บเทียบถงึ ความสมั พันธ์ของเทคโนโลยกี ับส่งิ แวดล้อมได้

รวมท้ังหมด 16 ผลกำรเรยี นรู้

71

คำอธิบำยรำยวชิ ำ

กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ วิชำเพม่ิ เติม

รหัสวชิ ำ ว30209 พลงั งำนกับชวี ิต ชัน้ มธั ยมศึกษำปลำย
เวลำ 40 ช่ัวโมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต

สืบคน้ ขอ้ มูล สารวจตรวจสอบ วเิ คราะห์ ทดลอง อภิปราย การแปลความหมาย การแก้ปญั หา และ
อธิบายเกี่ยวกบั พลงั งานแสงอาทติ ย์ พลังงานปโิ ตรเคมี พลงั งานนิวเคลยี ร์ โรงงานไฟฟา้ นวิ เคลียร์แหลง่ พลังงานทดแทน
ตลอดจนขอ้ ดี –ขอ้ เสยี และนาความรู้ทไ่ี ดไ้ ปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจาวันโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์การสืบ
เสาะหาความรู้โดยการสารวจตรวจสอบ สบื คน้ ข้อมูล บันทกึ รวบรวมข้อมลู จดั กระทาขอ้ มลู และการอภิปราย

เพื่อใหเ้ กิดความรู้ ความเขา้ ใจอย่างมเี หตุผล สื่อสารส่ิงที่เรียนรู้ มีความอยากรู้อยากเห็น สามารถ
ตัดสนิ ใจอย่างเป็นระบบ นาความร้ไู ปใช้ในชีวติ ประจาวัน มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคา่ นยิ มท่ี

เหมาะสมสอดคลอ้ งกบั ทอ้ งถิ่น

ผลกำรเรียนรู้

1. มีความรู้ความเข้าใจ และสืบคน้ เกีย่ วกบั พลังงานท่โี ลกไดร้ ับจากแสงอาทิตย์
2. มีความรคู้ วามเข้าใจเกี่ยว อธบิ าย เกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาตติ ่าง ๆ ท่เี กดิ ขึ้นเนื่องจากอทิ ธิพล

ของแสงจากดวงอาทติ ย์
3. อธบิ ายเกย่ี วกับการใชพ้ ลังงานแสงอาทิตย์ และยกตัวอยา่ งการนาพลังงานแสงอาทิตย์ มาใช้ประโยชน์

ในชวี ิตประจาวันได้

4. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้พลังงานแสงอาทติ ยท์ ่ีมผี ลตอ่ ปฏิกิรยิ าเคมี
5. สบื ค้นข้อมูล อธบิ าย และมีความรคู้ วามเข้าใจและเห็นความสาคัญของการนาถา่ นหินและนา้ มันมาใช้

ประโยชน์ได้
6. มีความรคู้ วามเข้าใจ อธบิ ายถงึ ความสาคัญของการนาเช้ือเพลิงและปิโตเลยี มมาใชป้ ระโยชน์
7. มีความรคู้ วามเข้าใจและเหน็ ความสาคญั ของการทาฟืนถ่านไม้ และเช้อื เพลงิ

8. สบื ค้นขอ้ มูล และอธิบายเกยี่ วกับการเกดิ พลังงานนวิ เคลียร์ได้
9. มีความรู้ความเข้าใจเกีย่ วกับการเกดิ พลงั งานนิวเคลียร์และยกตวั อย่างการนาพลังงานนวิ เคลียร์มาใช้

ประโยชน์ได้
10. สามารถ สบื ค้นขอ้ มลู อธบิ าย เกย่ี วกบั แหลง่ พลังงานทดแทนจากธรรมชาตแิ ทนพลังงานเชื่อเพลิงจาก

อินทรยี ส์ าร

11. สามารถอธบิ ายถึงหลักการอนรุ ักษพ์ ลงั งานได้

รวมท้ังหมด 11 ผลกำรเรยี นรู้

72

คำอธบิ ำยรำยวิชำ

กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้ วิทยำศำสตร์ วิชำเพ่ิมเตมิ

รหสั วชิ ำ ว30221 เคมี 1 ชั้นมัธยมศกึ ษำตอนปลำย
เวลำ 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ

ศึกษาข้อปฏบิ ัติเบ้ืองต้นในการทาปฏบิ ัตกิ ารเคมี การเลือกใช้อปุ กรณ์และเคร่ืองมือในการทาปฏบิ ัติการ
การระบุหน่วยวัดปริมาณต่าง ๆ ของสาร การเปลี่ยนหน่วยในระบบเอสไอด้วยการใช้แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย

ศึกษาแบบจาลองอะตอม สัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุ อนุภาคมูลฐานของอะตอม การจัดเรียงอิเล็กตรอนใน
อะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ แนวโน้มสมบัติบางประการของธาตุในตารางธาตุตามหมู่และตามคาบ
สมบัติของธาตุโลหะแทรนซิชัน การเปรียบเทียบสมบัติกับธาตุโลหะในกลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟ ศึกษาและ

อธิบายสมบัติและคานวณครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสี ยกตัวอย่างการนาธาตุมาใช้ประโยชน์รวมท้ัง
ผลกระทบตอ่ สิ่งมีชีวิตและส่ิงแวดลอ้ มในประเทศกลุ่มประชาคมอาเซียน ศึกษาการเกิดพันธะไอออนิก สูตรและ

การเรียกชื่อสารประกอบไอออนิก การเปล่ียนแปลงพลังงานในการเกิดสารประกอบไอออนิก สมบัติของ
สารประกอบไอออนิก ปฏิกิรยิ าของสารประกอบไอออนิก ศึกษาการเกิดพนั ธะและชนิดของพันธะโคเวเลนต์ การ
เขยี นสูตรและเรียกช่ือสารโคเวเลนต์ ความยาวพันธะและพลังงานพนั ธะในสารโคเวเลนต์ พลังงานท่ีเกี่ยวข้องกับ

ปฏกิ ริ ิยาของสารโคเวเลนต์ รูปรา่ งโมเลกลุ โคเวเลนต์ สภาพข้วั ของโมเลกุลโคเวเลนต์ แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกุล
โคเวเลนต์ สมบัติของสารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่าย ศึกษาการเกิดโลหะและสมบัติของโลหะ มีสมรรถนะสาคัญ

มคี ณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ยึดหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเปน็ หลักคดิ หลกั ปฎิบัตใิ นการเรียนรู้
โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตรก์ ารสืบเสาะหาความรู้ โดยการสารวจตรวจสอบสืบคน้ ข้อมลู และ

การอภิปราย

เพอื่ ให้เกดิ ความรู้ ความเขา้ ใจอยา่ งมเี หตุผล สอ่ื สารส่ิงทเ่ี รยี นรู้ มคี วามอยากรอู้ ยากเหน็ สามารถ
ตัดสนิ ใจอย่างเปน็ ระบบ นาความรู้ไปใช้ในชวี ิตประจาวนั มีเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์และจริยธรรม คณุ ธรรม

ค่านิยมท่ีเหมาะสมสอดคล้องกับท้องถ่ิน

ผลกำรเรียนรู้

1. บอกและอธบิ ายขอ้ ปฏิบตั ิเบื้องต้น และปฏิบัติตนท่ีแสดงถงึ ความตระหนักในการทาปฏิบตั ิการเคมี
เพื่อใหม้ ีความปลอดภยั ทง้ั ต่อตนเอง ผ้อู ื่น และส่ิงแวดล้อม และเสนอแนวทางแก้ไขเมื่อเกดิ อุบตั เิ หตุ

2. เลอื กและใชอ้ ุปกรณห์ รอื เครอ่ื งมอื ในการทาปฏิบตั ิการ และวดั ปริมาณต่าง ๆ ไดอ้ ย่างเหมาะสม

3. นาเสนอแผนการทดลอง ทดลองและเขียนรายงานการทดลอง
4. ระบหุ น่วยวัดปรมิ าณตา่ ง ๆ ของสาร และเปลยี่ นหนว่ ยวัดใหเ้ ปน็ หนว่ ยในระบบเอสไอโดยใช้

แฟลคเตอร์การเปล่ยี นหน่วย
5. สบื ค้นขอ้ มลู สมมติฐาน การทดลอง หรอื ผลการทดลองท่ีเปน็ ประจกั ษพ์ ยานในการเสนอแบบจาลอง

อะตอมของนักวทิ ยาศาสตร์ และอธบิ ายววิ ฒั นาการของแบบจาลองอะตอม

6. เขยี นสัญลักษณ์นวิ เคลียร์ของธาตุ และระบุจานวนโปรตอน นวิ ตรอน และอเิ ลก็ ตรอนของอะตอมจาก
สัญลกั ษณน์ วิ เคลียร์ รวมทัง้ บอกความหมายของไอโซโทป

7. อธบิ ายและเขียนการจัดเรียงอเิ ลก็ ตรอนในระดบั พลงั งานหลกั และระดับพลงั งานย่อยเมื่อทราบเลข
อะตอมของธาตุ

8. ระบุหมู่คาบ ความเปน็ โลหะ อโลหะ และกึง่ โลหะ ของธาตเุ รพรีเซนเททฟี และธาตุแทรนซิชันใน

ตารางธาตุ

73

9. วิเคราะห์ และบอกแนวโนม้ สมบัตขิ องธาตเุ รพรีเซนเททฟี ตามหมู่และตามคาบ
10.บอกสมบตั ิของธาตุโลหะแทรนซชิ ัน และเปรยี บเทียบสมบตั ิกบั ธาตโุ ลหะในกล่มุ ธาตุเรพรเี ซนเททีฟ
11. อธบิ ายสมบตั ิและคานวณครึง่ ชีวติ ของไอโซโทปกมั มนั ตรงั สี
12. สืบค้นขอ้ มลู และยกตวั อยา่ งการนาธาตุมาใชป้ ระโยชน์ รวมทัง้ ผลกระทบต่อสิ่งมีชีวติ และส่ิงแวดลอ้ ม
13. อธบิ ายการเกดิ ไอออนและการเกิดพนั ธะไอออนิก โดยใช้ แผนภาพ หรอื สญั ลกั ษณ์แบบจุดของลวิ อิส
14. เขยี นสูตรและเรยี กช่ือสารประกอบไอออนิก
15. คานวณพลังงานที่เก่ียวข้องกบั ปฏิกิรยิ าการเกดิ สารประกอบไอออนกิ จากวฏั จกั รบอร์น-ฮาเบอร์
16. อธิบายสมบัติของสารประกอบไอออนิก
17. เขียนสมการไอออนกิ และสมการไอออนกิ สทุ ธขิ องปฏกิ ิริยาของสารประกอบไอออนกิ
18. อธิบายการเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์แบบพนั ธะเดย่ี ว พันธะคู่ และพนั ธะสาม ดว้ ยโครงสร้างลวิ อิส
19. เขยี นสตู รและเรียกชอ่ื สารโคเวเลนต์
20. วิเคราะห์และเปรียบเทียบความยาวพันธะและพลังงานพันธะในสารโคเวเลนต์ รวมท้ังคานวณ
พลงั งานทีเ่ กี่ยวข้องกบั ปฏกิ ิริยาของสารโคเวเลนตจ์ ากพลงั งานพนั ธะ
21. คาดคะเนรูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์โดยใช้ทฤษฎีการผลักระหว่างคู่อิเล็กตรอนในวงเวเลนซ์ และระบุ
สภาพข้วั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์
22. ระบุชนิดของแรงยึดเหนยี่ วระหวา่ งโมเลกุลโคเวเลนต์ และเปรียบเทยี บจุดหลอมเหลว จุดเดือด และ
การละลายนา้ ของสารโคเวเลนต์
23. สบื คน้ ข้อมูลและอธิบายสมบัตขิ องสารโคเวเลนต์โครงรา่ งตาข่ายชนดิ ตา่ ง ๆ
24. อธบิ ายการเกิดพนั ธะโลหะและสมบัตขิ องโลหะ
25. เปรียบเทียบสมบตั ิบางประการของสารประกอบไอออนกิ สารโคเวเลนต์ และโลหะ สบื คน้ ข้อมูลและ
นาเสนอตวั อยา่ งการใชป้ ระโยชน์ของสารประกอบไอออนกิ สารโคเวเลนต์ และโลหะได้อยา่ งเหมาะสม

รวมท้งั หมด 25 ผลกำรเรียนรู้

74

คำอธิบำยรำยวิชำ

กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ วิทยำศำสตร์ วิชำเพ่ิมเติม

รหัสวิชำ ว30222 เคมี 2 ช้ันมัธยมศึกษำตอนปลำย
เวลำ 60 ชัว่ โมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ

ศกึ ษาเกี่ยวกบั มวลอะตอมของธาตุ มวลของธาตุ 1 อะตอม มวลอะตอมเฉล่ยี ของธาตุ มวลโมเลกุล
ของสาร ความสมั พันธร์ ะหวา่ งจานวนโมล อนภุ าค มวลและปรมิ าตรของแก๊ส ท่ี STP ศกึ ษาหน่วยและการคานวณ

ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย การทดลองเตรยี มสารละลาย การเปรียบเทียบจุดเดอื ดและจุดหลอมเหลวของสาร
บริสุทธ์ิและสารละลาย ศึกษาความหมายและเขยี นสูตรโมเลกุล สตู รเอมพริ ิคัล หรือสตู รอยา่ งง่าย และสตู ร
โครงสร้าง การคานวณหามวลเป็นรอ้ ยละจากสูตร การคานวณหาสตู รเอมพิริคลั และสตู รโมเลกลุ ของสาร ศึกษา

การเขยี นและดุลสมการเคมี ทดลองและคานวณหาอัตราส่วนจานวนโมลของสารต้งั ต้นท่ีทาปฏกิ ิริยาพอดกี ัน
ศกึ ษาสมบัตขิ องระบบปิด และระบบเปิด ศึกษาและฝกึ คานวณปรมิ าณสารในปฏิกริ ิยาเคมีท่ีเป็นไปตามกฎ

ทรงมวล กฎสัดสว่ นคงท่ี ศึกษาทดลองและคานวณปริมาตรของแก๊สในปฏิกิรยิ าเคมีตามกฎของเกย์-ลูสแซก
และกฎของอาโวกาโดร ศกึ ษาและฝกึ คานวณหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปริมาณของสารในสมการเคมีนน้ั ๆ
และสมการเคมีทีเ่ ก่ยี วข้องมากกวา่ หนงึ่ สมการ สารกาหนดปรมิ าณ ผลได้ร้อยละโลหะ มีสมรรถนะสาคญั

มคี ุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ยึดหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งเป็นหลักคิดหลักปฎิบัติในการเรียนรู้
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตรก์ ารสบื เสาะหาความรู้ โดยการสารวจตรวจสอบสืบคน้ ขอ้ มลู และ

การอภปิ ราย
เพอ่ื ให้เกดิ ความรู้ ความเข้าใจอย่างมีเหตุผล สอ่ื สารสิ่งทเี่ รยี นรู้ มีความอยากรอู้ ยากเหน็ สามารถ

ตดั สนิ ใจอย่างเปน็ ระบบ นาความรไู้ ปใช้ในชีวิตประจาวนั มเี จตคตทิ างวทิ ยาศาสตรแ์ ละจรยิ ธรรม คุณธรรม

คา่ นิยมทีเ่ หมาะสมสอดคลอ้ งกบั ทอ้ งถ่ิน

ผลกำรเรยี นรู้

1. บอกความหมายของมวลอะตอมของธาตุ และคานวณมวลอะตอมเฉลย่ี ของธาตุ มวลโมเลกลุ และ
มวลสูตร

2. อธบิ ายและคานวณปริมาณใดปริมาณหน่งึ จากความสมั พันธ์ของโมล จานวนอนุภาค มวล และปรมิ าตร
ของแก๊สท่ี STP

3. คานวณอัตราสว่ นโดยมวลของธาตอุ งค์ประกอบของสารประกอบตามกฎสัดสว่ นคงที่
4. คานวณสตู รอย่างง่ายและสูตรโมเลกลุ ของสาร
5. คานวณความเข้มขน้ ของสารละลายในหนว่ ยตา่ ง ๆ

6. อธิบายวธิ ีการและเตรยี มสารละลายใหม้ ีความเขม้ ข้นในหน่วยโมลาริตี และปรมิ าตรสารละลาย
ตามทก่ี าหนด

7. เปรียบเทยี บจุดเดอื ดและจุดเยอื กแขง็ ของสารละลายกบั สารบริสุทธิ์ รวมท้ังคานวณจุดเดอื ดและ
จุดเยือกแข็งของสารละลาย

8. แปลความหมายสัญลักษณใ์ นสมการเคมี เขียนและดุลสมการเคมขี องปฏิกริ ยิ าเคมบี างชนดิ
9. คานวณปรมิ าณของสารในปฏิกิรยิ าเคมีทเ่ี กีย่ วขอ้ งกับมวลสาร10.คานวณปริมาณของสารใน

ปฏิกิริยาเคมีทีเ่ กยี่ วขอ้ งกับความ เข้มขน้ ของสารละลาย

11. คานวณปริมาณของสารในปฏิกริ ยิ าเคมที เ่ี ก่ยี วขอ้ งกับปริมาตรแก๊ส


Click to View FlipBook Version