The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

20104 - 2102 อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวงจร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ooonononza2539, 2021-04-02 04:12:42

20104 - 2102 อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวงจร

20104 - 2102 อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวงจร

301

2.ผู้สอนอธิบายความรูเ้ พมิ่ เติมนอกเหนือจากเอกสาร 2.ผเู้ รียนฟังอธบิ ายความรู้เพิ่มเตมิ นอกเหนือจาก

ประกอบการสอนวิชา อุปกรณอ์ เิ ลก็ ทรอนิกสแ์ ละ เอกสารประกอบการสอนวชิ า อุปกรณ์

วงจร และให้ผู้เรยี นชว่ ยกนั วดั และทดสอบหาขายเู จ อิเลก็ ทรอนกิ สแ์ ละวงจร และให้ผ้เู รยี นชว่ ยกันวดั

ทีโดยใชโ้ อห์มมิเตอร์ และทดสอบหาขายเู จทีโดยใชโ้ อห์มมิเตอร์

3.ผ้สู อนเปิดโอกาสให้ผเู้ รยี นซักถามขอ้ สงสัยที่เกิดขนึ้ 3.ผเู้ รยี นซกั ถามข้อสงสัยทเี่ กิดขึน้

ระหว่างการเรยี น และตอบข้อซกั ถาม 4.ผู้เรียนทาการทดลองท่ี 16 ยูเจที (UJT) หน้า

4.ผู้สอนให้ผู้เรียนทาการทดลองที่ การทดลองที่ 16 197-198

ยูเจที (UJT) หนา้ 197-198 5.ผเู้ รยี นสบื ค้นข้อมูลจากอนิ เทอรเ์ น็ต

5.ผสู้ อนใหผ้ ูเ้ รียนสืบคน้ ข้อมลู จากอินเทอร์เนต็

ข้นั สรปุ (จานวน 30 นาท)ี ข้ันสรปุ (จานวน 30 นาท)ี
1.ผสู้ อนและผเู้ รยี นร่วมกนั สรุปเนื้อหาท่ีได้เรียนใหม้ ี 1.ผ้เู รียนร่วมกันสรุปเนือ้ หาที่ไดเ้ รียนใหม้ คี วาม
ความเขา้ ใจในทศิ ทางเดยี วกัน เข้าใจในทิศทางเดียวกนั
2.ผู้สอนใหผ้ ู้เรยี นทาแบบทดสอบบทที่ 16 หน้าที่ 2.ผู้เรยี นทาทาแบบทดสอบบทที่ 16 หนา้ ที่ 199-
199-200 200
3.ผูส้ อนใหผ้ ู้เรียนศึกษาเพ่ิมเติมนอกห้องเรียน ดว้ ย 3.ผู้เรยี นศึกษาเพิม่ เติมนอกห้องเรยี น ด้วย เอกสาร
ประกอบการสอนท่ีจัดทาขนึ้
เอกสารประกอบการสอนท่ีจัดทาขน้ึ

รวมเวลาเรยี นทัง้ หมด 240 นาที
หรือ 4 ช่ัวโมงเรียน

6. สอื่ การเรยี นการสอน/การเรียนรู้

6.1 สื่อสิง่ พิมพ์
1) เอกสารประกอบการเรียนวิชาอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนกิ ส์และวงจรของนายชิงชยั ศรีสุรตั น์
2) แบบทดสอบก่อนเรยี นหน่วยท่ี 16 ยเู จที
3) แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 16 ยูเจที
4) เอกสารการเรยี นรูห้ นว่ ยท่ี 16 ยเู จที
5) แบบฝึกหดั หน่วยที่ 16 ยูเจที
6) เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบหลงั เรยี น และแบบฝกึ หดั ท้ายหนว่ ย

302

6.2 ส่ือโสตทศั น์
1) เครื่องฉายภาพ (projector)
2) งานนาเสนอหน่วยท่ี 16 ยูเจที

6.3 สอ่ื ของจริง
1) ยูเจที

7. แหลง่ การเรียนการสอน/การเรยี นรู้

7.1 ภายในสถานศกึ ษา
1. ห้องสมุด
2. ศูนย์ Internet สมเด็จพระเทพฯ
3. หอ้ งปฏบิ ัติการเขยี นแบบเคร่ืองกลด้วยคอมพวิ เตอร์

7.2 ภายนอกสถานศกึ ษา
1. อาคารวทิ ยบริการ วิทยาลัยเทคนิคสว่างแดนดิน

8. งานที่มอบหมาย

8.1 กอ่ นเรยี น
1. แบบทดสอบก่อนเรยี น
2. ตอบคาถามก่อนเรียน เป็นการนาเขา้ สูบ่ ทเรียน

8.2 ขณะเรยี น
1. ตอบคาถามระหวา่ งเรียน

8.3 หลงั เรียน
1. ทาแบบทดสอบหลงั เรยี น
2. ทาแบบฝกึ หดั หลังเรยี น
3. ทาใบกจิ กรรมท่ี 16

9. ผลงาน/ช้ินงาน ท่เี กดิ จากการเรียนรขู้ องผู้เรยี น

การทดลองที่ 16 ยูเจที แบบทดสอบบทที่ 16

10. เอกสารอ้างอิง

1. หนงั สือเรียนวิชาอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกสแ์ ละวงจรของนายชงิ ชยั ศรสี รุ ัตน์

303

11. การบูรณาการ/ความสมั พันธก์ ับรายวชิ าอน่ื

1. บรู ณาการกบั วชิ าชีวติ และวัฒนธรรมไทย ด้านการพดู การอ่าน การเขยี นและการฝึกปฏบิ ัติตนทาง
สังคมดา้ นการเตรียมความพร้อม ความรบั ผิดชอบ ความสนใจใฝร่ ู้

2. บรู ณาการกบั วชิ าหลกั เศรษฐศาสตร์ ด้านการเลือกใช้ทรพั ยากรอย่างประหยัด

12. หลักการประเมินผลการเรียน

12.1 กอ่ นเรียน
1. ตรวจสอบระดับความรคู้ วามเข้าใจของผ้เู รียนก่อนเร่ิมการสอน

12.2 ขณะเรยี น
1. ตรวจสอบความสนใจในการเรียนของผู้เรียนโดยการถาม-ตอบคาถามในระหว่างท่ีเรยี น

12.3 หลงั เรยี น
1. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี นพรอ้ มกบั เปรียบเทยี บแบบทดสอบก่อนเรยี น
2. ตรวจแบบฝึกหดั หลงั เรยี นเพื่อประเมิลระดบั ความเขา้ ใจของผเู้ รยี น
3. ตรวจใบกิจกรรม

13. รายละเอยี ดการประเมนิ ผลการเรียน

จุดประสงค์ข้อท่ี 1 การประเมินผลความรคู้ วามเข้าใจของผ้เู รยี นกอ่ นเรียน
1. วธิ ีการประเมิน : ให้ทาแบบทดสอบก่อนเรียน และถามคาถามเพ่ือประเมินระดับความรู้ของผู้เรียน
2. เคร่ืองการประเมิน : แบบทดสอบก่อนเรยี น
3. เกณฑ์การประเมนิ : ใช้อ้างองิ เป็นตัวเปรียบเทียบกับผลการทดสอบหลงั เรยี น
4. เกณฑ์การผ่าน : นกั เรยี นสามารถทาแบบทดสอบได้ไม่น้อยกว่าคร่ึงหน่ึงของจานวนข้อของแบบ

ทดสอบทงั้ หมด
จุดประสงคข์ ้อที่ 2 การประเมินผลความรูค้ วามเข้าใจของผู้เรียนหลังเรียน
1. วธิ กี ารประเมิน : ใหท้ าแบบทดสอบหลังเรียน
2. เคร่ืองการประเมิน : แบบทดสอบหลังเรยี น
3. เกณฑ์การประเมิน : ใชเ้ ปรยี บเทยี บกบั ผลการทดสอบก่อนเรยี น
4. เกณฑ์การผา่ น : นกั เรยี นสามารถทาแบบทดสอบได้ไมน่ ้อยกวา่ การทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน

304

14. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

สัปดาหท์ ่ี .....16.....ชือ่ หน่วยการสอน ยเู จที
วตั ถุประสงค์ เพื่อ การประเมนิ ผลความรูค้ วามเข้าใจของผู้เรยี นกอ่ นเรยี น
ข้อคาถาม
คาส่ัง จงเลอื กคาตอบใหถ้ ูกต้องทีส่ ุดเพยี งคาตอบเดยี ว

1. ชอ่ื เต็มของยเู จที คอื อะไร
ก. Unition Thermister
ข. Unijunction Tranducter
ค. Unijunction Thermister
ง. Unijunction Transistor

2.ยูเจที มีขาใชง้ านอะไรบา้ ง
ก. B,C, E
ข. E,B1,B2
ค. G,E1,,E2
ง. G, A, K

3.ยเู จที มโี ครงสร้างเหมือนกับอุปกรณ์ชนิดใด
ก. ทรานซิสเตอร์
ข. เอสซอี าร์
ค. เฟต
ง. ไดโอด

4. ยูเจที เปน็ อุปกรณ์สารกึ่งตวั นาชนิดใด
ก. ซิลิคอน
ข. เยอรมันเนียม
ค. แกลเซียมฟอสไฟด์
ง. แกลเซียมอาเซไนต์

5. ทาไมขา E จึงอยู่หา่ งจาก ขา B1 มากกว่าขา B2 เพ่ืออะไร
ก. เพอื่ ให้ขา B2 มีไฟบวกมากกวา่ ขา B1
ข. เพื่อให้ขา B2 มไี ฟลบมากกว่า B1
ค. เพือ่ ให้ขา B2 มกี ระแสไหลผ่านมากกวา่ B1
ง. เพื่อให้ขา E และขา B2 ต่างใชง้ านรว่ มกบั

305

จากวงจร จงตอบคาตามข้อ 7 – 10

6. ค่า R3 โดยทวั่ ไปไมค่ วรเกินเทา่ ใด
ก. 10Ω
ข. 80Ω
ค. 50Ω
ง. 100Ω
7. ค่า R1 จะมคี ่าความต้านทานอยรู่ ะหวา่ ง
ก. 1 KΩ - 1 MΩ
ข. 2 KΩ - 2 MΩ
ค. 3 KΩ - 3 MΩ
ง. 3 KΩ - 5 MΩ
8. ค่า Vcc ของวงจรควรมีค่าอยูร่ ะหว่าง
ก. 5V - 25 V
ข. 5V - 20 V
ค. 10V - 30 V
ง. 10V - 35 V
9. คา่ หาได้อยา่ งไร
ก. n = RB1/RB2
ข. n = RB2-RB1
ค. n = RB2xRB1
ง. n = RB1/(RB1/RB2)

306

10. ค่า F คือข้อใด
ก. ความถท่ี ตี่ ้องการให้วงจรผลิตออก
ข. แรงดันที่ตอ้ งการใหว้ งจรผลติ ออก
ค. กระแสทต่ี ้องการใหว้ งจรผลิตออก
ง. กาลังงานท่ตี ้องการใหว้ งจรผลติ ออกมา

15. แบบทดสอบหลงั เรียน

สปั ดาหท์ ี่ .....16.....ชื่อหนว่ ยการสอน ยเู จที
วตั ถปุ ระสงค์ เพือ่ การประเมินผลความรคู้ วามเข้าใจของผู้เรียนก่อนเรยี น
ข้อคาถาม
คาสั่ง จงเลือกคาตอบใหถ้ ูกต้องที่สดุ เพียงคาตอบเดยี ว

1. ช่ือเต็มของยูเจที คอื อะไร
ก. Unition Thermister
ข. Unijunction Tranducter
ค. Unijunction Thermister
ง. Unijunction Transistor

2.ยูเจที มขี าใชง้ านอะไรบา้ ง
ก. B,C, E
ข. E,B1,B2
ค. G,E1,,E2
ง. G, A, K

3.ยเู จที มีโครงสร้างเหมือนกับอุปกรณ์ชนิดใด
ก. ทรานซิสเตอร์
ข. เอสซีอาร์
ค. เฟต
ง. ไดโอด

4. ยูเจที เปน็ อปุ กรณส์ ารกง่ึ ตวั นาชนิดใด
ก. ซลิ ิคอน
ข. เยอรมันเนยี ม
ค. แกลเซียมฟอสไฟด์
ง. แกลเซียมอาเซไนต์

307

5. ทาไมขา E จงึ อยู่ห่างจาก ขา B1 มากกว่าขา B2 เพื่ออะไร
ก. เพือ่ ให้ขา B2 มีไฟบวกมากกวา่ ขา B1
ข. เพือ่ ให้ขา B2 มีไฟลบมากกว่า B1
ค. เพอื่ ให้ขา B2 มกี ระแสไหลผ่านมากกวา่ B1
ง. เพอ่ื ให้ขา E และขา B2 ต่างใช้งานรว่ มกบั
จากวงจร จงตอบคาตามข้อ 7 – 10

6. ค่า R3 โดยทัว่ ไปไม่ควรเกนิ เทา่ ใด
ก. 10Ω
ข. 80Ω
ค. 50Ω
ง. 100Ω

7. ค่า R1 จะมคี ่าความต้านทานอย่รู ะหว่าง
ก. 1 KΩ - 1 MΩ
ข. 2 KΩ - 2 MΩ
ค. 3 KΩ - 3 MΩ
ง. 3 KΩ - 5 MΩ

8. คา่ Vcc ของวงจรควรมีค่าอยู่ระหวา่ ง
ก. 5V - 25 V
ข. 5V - 20 V
ค. 10V - 30 V
ง. 10V - 35 V

308

9. คา่ หาได้อยา่ งไร
ก. n = RB1/RB2
ข. n = RB2-RB1

ค. n = RB2xRB1
ง. n = RB1/(RB1/RB2)

10. คา่ F คอื ข้อใด
ก. ความถที่ ี่ต้องการให้วงจรผลิตออก
ข. แรงดันท่ีต้องการใหว้ งจรผลติ ออก
ค. กระแสท่ตี ้องการใหว้ งจรผลติ ออก
ง. กาลงั งานท่ีต้องการให้วงจรผลิตออกมา

309

16. ใบความร้ทู ี่ ...16.....

สปั ดาหท์ ่ี .....15.....ช่ือหน่วยการสอน ยเู จที
วตั ถุประสงค์ เพอื่ การประเมนิ ผลความรคู้ วามเข้าใจของผู้เรียนกอ่ นเรียน

16.1 โครงสร้างและสัญลกั ษณ์ของยเู จที

ยูเจที (UJT) ย่อมาจาก” ยนู ิจังชั่น ทรานซสิ เตอร์ Unijunction Transistor” เป็นอุปกรณส์ ารก่ึงตัวนา
ท่ีมีโครงสรา้ งเปน็ สารกง่ึ ตวั นาชนดิ N แท่งหนงึ่ แล้วทาการตอ่ ข้วั เข้าท่ีปลายของสารกงึ่ ตวั นาน้ัน จากนนั้ นาแท่ง
สารก่งึ ตัวนาชนดิ P มาตอ่ ใหเ้ กดิ รอยต่อทบี่ รเิ วณตรงกลางแท่งสารกึง่ ตวั นาชนดิ N คอ่ นไปทางด้านบนเล็กน้อย
ดังรูปที่ 16.1 ตรงรอยต่อสารกึ่งตัวนาชนิด N และสารก่ึงตัวนาชนิด P จะเสมือนกับเป็นไดโอดตัวหน่ึงและต่อ
ขาออกจากปลายทั้งสามดังรูปที่ 16.1 โดยขาท่ีต่อออกจากสารกึ่งตัวนาชนดิ พี จะเป็นขาอิมิตเตอร์ (E) ส่วนขา
ที่ต่อออกจากแท่งสารก่ึงตัวนาชนิดเอ็นที่ใกลก้ ับสารกึ่งตัวนาชนิด P เรียกว่าขาเบส2 และขาที่เหลือคือ ขาเบส
1

จากลักษณะโครงสร้างของยเู จทีตามรูปท่ี 16.1 จะเห็นได้ว่าแทง่ สารเอ็นจะมีขาเบส 1 และขาเบส 2 ต่อ
อยู่ จะเสมือนเป็นตัวต้านทานท่ีต่ออยู่ โดยมีไดโอดที่เกิดจากรอยต่อ p-n ต่อระหว่างขาอิมิตเตอร์ กับบริเวณ
ตรงกลางของตวั ต้านทาน ดงั นัน้ ลกั ษณะของวงจรสมมลู ดงั รปู ท่ี 16.2

16.2 ลักษณะสมบัติของยูเจที

จากรูปที่ 3 เม่ือปรับตัวต้านทานให้เพิ่มแรงดันที่ขา E เพิ่มขึ้นเร่ือยๆ จะมีกระแสรั่วไหลเพียงเล็กน้อย
เม่ือแรงดันที่ขา E เพ่ิมขึ้นถึง VP จะทาให้ไดโอดได้รับไบอัสตรงจะทาให้มีกระแสไหลจากขา E ไปยังขา B1
เพิ่มข้ึนอย่างรวดเร็ว และในขณะเดียวกันแรงดันท่ีขาอิมิตเตอร์ (VE) จะมีค่าลดลงอย่างรวดเร็วแรงดันน้ีจะ
ลดลงเร่ือยๆ จนถึงค่าต่าสุด (VV) จากนั้นถ้าเพ่ิมแรงดันที่ขา E เพ่ิมขึ้นเล็กน้อยจนถึงจุดอิ่มตัว (VE(sat)) และ
ถ้าเพม่ิ แรงดันสงู ขนึ้ อีกกจ็ ะทาใหย้ เู จทีพังทลายได้ ในทานองเดียวกันถา้ ใหแ้ รงดัน VE มคี า่ นอ้ ยกวา่ แรงดันท่ีจุด
ตอ่ RB1และ RB2 กจ็ ะทาใหย้ เู จทไี ม่มีกระแสไหลอีกเชน่ เคย

RBB = ความต้านทานภายใน UJT ระหว่างขา B1-B2(RBB=RB1+RB2) ประมาณ 4K-10K

VBB = แรงดันที่จา่ ยใหข้ า B2และB1

Ŋ = อัตราส่วนอินทรินซิก สแตนออฟ มคี ่าอย่รู ะหว่าง 0.5 - 0.75

VE = เป็นแรงดนั ป้อนให้ขา E จนทาให้ไดโอดนากระแส

VD = เปน็ แรงดันทต่ี กครอ่ มไดโอด มีค่าประมาณ 0.6 - 0.7 V

310

IE = คา่ กระแสไบอสั กลับท่ีขา E และขา B2 โดย B1 เปดิ วงจร

IE = กระแสทขี่ า E ของยูเจที มคี ่าไม่เกิน 50mA PEAK

VV = เป็นแรงดันต่าสดุ (Volley Point) ระหวา่ งขา E กบั B1

IV = คือคา่ กระแสท่ไี หลในขณะท่ีแรงดันท่ีขา E มคี ่าต่าสุด (VV)

IP = คือค่ากระแสทข่ี า E ในขณะแรงดันมคี า่ VP

16.3 วงจรกาเนิดสัญญาณ Relaxation โดยใชย้ เู จที

การทางานของวงจร เร่ิมแรกตัวเก็บประจุ C1 จะทาการประจุแรงดันผ่าน R1 จนมีค่าแรงดันสูงข้ึนซ่ึง
แรงดันที่ตกคร่อมตัวเก็บประจุ C1 นี้จะเป็นแรงดันป้อนให้ขา E (VE) เม่ือแรงดันท่ีขาE น้ีมีค่าเท่ากับ
VP(VP=VD+ ŊVBB ) จะทาให้ไดโอดนากระแส ความต้านทานระหว่างขา E กับขา B1 ลดลงอย่างรวดเร็วมี
กระแสไหลผา่ น มแี รงดันตกคร่อม R2 สูงข้ึนตกคร่อม R3ต่าสงู ในช่วงเวลานต้ี วั เก็บประจุ C 1จะคายประจุผ่าน
ขา E ออกขา B1 ด้วย ทาให้แรงดนั ทขี่ าE คา่ ลดลงจนทาให้ยูเจที หยดุ นากระแส ความตา้ นทานขา E และ
ขา B1 มีค่าสูงข้ึนอีก ก็จะเร่ิมการประจุใหม่และยูเจที ก็จะเริ่มรอบการทางานใหม่อีกคร้ังหน่ึง โดยจะได้
สญั ญาณทข่ี าตา่ งๆ ดงั แสดงในรูป 6 สามารถคานวณหาคาบเวลาและความถไ่ี ดจ้ ากสตู ร

t1 = RC ln [(VBB-VV)/(VBB-VP)] (เวลาในCharge ของ C1)

t2 = (RB1+RB2)C ln (VP/VV) (เวลาใน Discharge ของ C1)

จาก T = t1 + t2

และFosc= 1/T = 1/(t1 + t2)

หรือจะหาค่า Fosc โดยประมาณไดจ้ าสูตร

Fosc = 1/RC ln[1/(1- )]

16.4 การวดั และทดสอบหาขายูเจที โดยใช้โอห์มมิเตอร์

การวัดและทดสอบหาขายูเจที โดยใช้โอห์มมิเตอร์ R x 1K จะได้ผลตามคุณสมบัติท่ีถูกต้อง สามารถ
พจิ ารณาจากรปู ที่ 16.8 เปน็ หลักเพื่อทจ่ี ะสะดวกในการทาความเข้าใจ

311

17. ใบงาน
17 ใบกิจกรรมที่ ....16....

สัปดาห์ที่ .....16....ชื่อหนว่ ยการสอน ยเู จที
จดุ ประสงค์ เพื่อ

1. วเิ คราะหแ์ ละตีความหมาย
2 ต้ังคาถาม
3 อภิปรายแสดงความคิดเหน็ ระดมสมอง
4 การประยุกตค์ วามรสู้ ่งู านอาชีพ

สมรรถนะการปฏิบตั งิ านอาชพี
1. แสดงความรเู้ ก่ียวกับยเู จที

สมรรถนะการขยายผล
ความสอดคลอ้ ง
จากการเรยี นเรือ่ ง ยเู จที (UJT) ทาใหผ้ ู้เรยี นมคี วามรเู้ พม่ิ เกยี่ วกับยเู จที (UJT) ยอ่ มาจาก

“ยูนจิ ังช่นั ทรานซิสเตอร”์ (UNIJUNCTION TRANSISTOR) เปน็ อุปกรณ์สารกึ่งตัวนาท่มี ี
โครงสรา้ งเป็นสารกึ่งตัวนาชนดิ เอน็ (N) แทง่ หน่งึ แลว้ ทาการต่อขวั้ เข้าท่ีปลายของสารกึง่ ตัวนาน้นั
จากนั้นนาแทง่ สารกงึ่ ตวั นาชนิดพี (P) มาต่อใหเ้ กดิ รอยต่อทีบ่ ริเวณตรงกลางแทง่ สารกึ่งตัวนาชนิด
เอ็น (N) คอ่ นไปทางบนเล็กนอ้ ย ตรงรอยต่อสารก่ึงตัวนาชนิดเอ็น (N) และสารก่ึงตวั นาชนดิ พี (P)
จะเสมือนกบั เป็นไดโอดตัวหน่งึ และตอ่ ขาออกจากปลายทง้ั สาม โดยขาที่ต่อออกจากสารก่ึงตวั นา
ชนิด P จะเป็นขาอิมติ เตอร์ (E) สว่ นขาทีต่ อ่ ออกจากแท่งสารกึ่งตวั นาชนดิ N ที่ใกลก้ บั สารกึง่
ตัวนาชนิด P เรยี กวา่ ขาเบส2 (B2) และขาที่เหลอื คือ ขาเบส1 (B1) การใช้งานจะเปน็ ตัวกาเนิด
สัญญาณไปกระตนุ้ เอสซอี ารห์ รอื ไทรแอค

312

18. แบบประเมนิ ผล
รายละเอียดการประเมินผลการเรยี นรู้

จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม ขอ้ ที่ 1 อธิบายโครงสร้างและสญั ลกั ษณข์ องยเู จทไี ด้

1.วธิ กี ารประเมิน : ทดสอบ

2.เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ

3.เกณฑ์การให้คะแนน : อธิบายโครงสร้างและสญั ลักษณข์ องยเู จทีได้ จะได้ 1

คะแนน

จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ข้อที่ 2 สรุปความวงจรกาเนดิ สญั ญาณ Relaxation โดยใชย้ ูเจที

ได้

1.วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ

2.เครื่องมือ : แบบทดสอบ

3.เกณฑก์ ารให้คะแนน : สรปุ ความวงจรกาเนดิ สญั ญาณ Relaxation โดยใช้ยูเจทไี ด้

จะได้ 1 คะแนน

จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ข้อที่ 3 วัดและทดสอบหาขายเู จทีโดยใชโ้ อหม์ มเิ ตอร์ได้

1.วธิ กี ารประเมนิ : ทดสอบ

2.เครื่องมือ : แบบทดสอบ

3.เกณฑก์ ารให้คะแนน : วัดและทดสอบหาขายเู จทีโดยใชโ้ อห์มมเิ ตอรไ์ ด้ จะได้ 3

คะแนน

จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม ข้อท่ี 4 ตรวจสอบยูเจทโี ดยใชโ้ อหม์ มเิ ตอร์ได้

1.วธิ กี ารประเมิน : ทดสอบ

2.เครื่องมือ : แบบทดสอบ

3.เกณฑ์การใหค้ ะแนน : ตรวจสอบยูเจทีโดยใช้โอห์มมิเตอรไ์ ด้ จะได้ 2 คะแนน

313

จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม ขอ้ ที่ 5 ยอมรับคุณสมบตั ิของยเู จทีได้

1.วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ

2.เครื่องมือ : แบบทดสอบ

3.เกณฑ์การให้คะแนน : ยอมรับคุณสมบัติของยูเจทไี ด้ จะได้ 1 คะแนน

จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม ข้อท่ี 6 วัด ทดสอบ ตรวจสอบ หาขายูเจทโี ดยใช้โอห์มมิเตอรไ์ ด้

อย่างถูกต้องเหมาะสม

1.วธิ กี ารประเมิน : ทดสอบ

2.เครอื่ งมือ : แบบทดสอบ

3.เกณฑ์การใหค้ ะแนน : วดั ทดสอบ ตรวจสอบ หาขายูเจทีโดยใช้โอหม์ มเิ ตอร์ได้

อย่างถูกต้องเหมาะสม จะได้ 2 คะแนน

19. แบบฝกึ หดั

1.จงอธบิ ายโครงสรา้ งและสัญลักษณข์ องยูเจที
2.วงจรกาเนิดสญั ญาณ Relaxation โดยใช้ยเู จที มีวงจรอยา่ งไร
3.วัดและทดสอบหาขายเู จทีโดยใช้โอหม์ มิเตอร์ ได้อยา่ งไร
4.ตรวจสอบยเู จทโี ดยใช้โอหม์ มเิ ตอร์ อย่างไร
5.คุณสมบตั ขิ องยเู จที คือ

314

20. บนั ทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรแู้ บบมุ่งเน้นสมรรถนะอาชพี และบรู ณาการตามหลัก
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

20.1 สรุปผลการจดั การเรยี นรู้

รายการ ระดบั การปฏิบัติ
54321

ด้านการเตรียมการสอน

1.จัดหน่วยการเรยี นรูไ้ ดส้ อดคลอ้ งกับวัตถุประสงคก์ ารเรยี นรู้

2. กาหนดเกณฑ์การประเมนิ ครอบคลุมท้งั ดา้ นความรู้ ด้านทักษะ และด้านจิตพิสยั

3. เตรียมวสั ดุ-อปุ กรณ์ สอ่ื นวตั กรรม กจิ กรรมตามแผนการจดั การเรียนรู้ก่อนเขา้

สอน

ดา้ นการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

4. มีวิธีการนาเข้าสู่บทเรยี นที่นา่ สนใจ

5. มกี ิจกรรมที่หลากหลาย เพ่ือชว่ ยใหผ้ ้เู รยี นเกดิ การเรียนรู้ ความเขา้ ใจ

6. จดั กจิ กรรมทสี่ ง่ เสริมให้ผเู้ รียนคน้ ควา้ เพ่ือหาคาตอบดว้ ยตนเอง

7. นักเรียนมสี ่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

8. จัดกิจกรรมที่เนน้ กระบวนการคดิ ( คิดวิเคราะห์ คดิ สังเคราะห์ คดิ สรา้ งสรรค์ )

9. กระตุ้นใหผ้ ู้เรยี นแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี

10. จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ท่ีเช่อื มโยงกบั ชีวติ จรงิ โดยนาภมู ปิ ญั ญา/บูรณาการเข้ามา

มีสว่ นรว่ ม

11. จัดกจิ กรรมโดยสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม

12. มกี ารเสริมแรงเมือ่ นักเรียนปฏิบตั ิ หรอื ตอบถูกต้อง

13. มอบหมายงานให้เหมาะสมตามศักยภาพของผู้เรียน

14. เอาใจใสด่ ูแลผู้เรยี น อย่างทัว่ ถงึ

15. ใชเ้ วลาสอนเหมาะสมกับเวลาที่กาหนด

ดา้ นส่ือ นวตั กรรม แหลง่ การเรยี นรู้

16. ใช้ส่อื ที่เหมาะสมกบั กจิ กรรมและศักยภาพของผู้เรยี น

17. ใช้สือ่ แหลง่ การเรียนรอู้ ยา่ งหลากหลาย เชน่ บคุ คล สถานท่ี ของจริง เอกสาร

สื่ออิเลก็ ทรอนิกส์ และอนิ เทอรเ์ น็ต เป็นต้น

13. มอบหมายงานให้เหมาะสมตามศักยภาพของผู้เรยี น

14. เอาใจใสด่ ูแลผูเ้ รียน อยา่ งทว่ั ถึง

315

15. ใชเ้ วลาสอนเหมาะสมกบั เวลาท่ีกาหนด

ด้านการวดั และประเมนิ ผล

18. ผเู้ รยี นมีสว่ นรว่ มในการกาหนดเกณฑก์ ารวดั และประเมินผล

19. ประเมินผลอยา่ งหลากหลายและครบทั้งดา้ นความรู้ ทักษะ และจติ พิสัย

20. ครู ผเู้ รียน ผูป้ กครอง หรือ ผทู้ ี่เกีย่ วข้องมีสว่ นรว่ ม ในการประเมิน

หมายเหตุ ระดบั การปฏบิ ัติ 5 = ปฏิบตั ดิ ีเย่ียม 4 = ปฏิบัตดิ ี 3 = รวม

ปฏิบตั พิ อใช้ 2 = ควรปรับปรงุ 1 = ไม่มกี ารปฏบิ ตั ิ เฉล่ยี

20.2 ปัญหาท่พี บ และแนวทางแกป้ ญั หา แนวทางแก้ปัญหา

ปัญหาที่พบ
ดา้ นการเตรียมการสอน

ดา้ นการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

ด้านส่ือ นวตั กรรม แหลง่ การเรยี นรู้

ด้านการวัดประเมนิ ผล

ด้านอน่ื ๆ (โปรดระบุเปน็ ข้อ ๆ)

ลงชอื่ .................................................................... ครูผ้สู อน
( นายศุภกร ม่ิงคา )
ตาแหน่ง ครูพเิ ศษสอน

............../.................................../....................

21. บนั ทึกการนเิ ทศและตดิ ตาม 316
ชอ่ื -สกุล ผู้นิเทศ ตาแหนง่
วนั -เดือน- เวลา รายการนเิ ทศและติดตาม
ปี

317

แผนการจดั การเรียนรู้ แบบมุ่งเนน้ สมรรถนะอาชพี
และบรู ณาการตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

รหสั วชิ า ..... 20104 - 2102...... วชิ า ...................... อุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนกิ สแ์ ละวงจร.............................
สัปดาหท์ ี่ ........17...... ชอ่ื หนว่ ย อปุ กรณ์โพตา้
ชอื่ เร่อื ง...................................................อุปกรณ์โพต้า.................……….………..............จานวน...4...ช่ัวโมง

1. สาระสาคญั

อปุ กรณโ์ ฟโต้ (Photo Device) เปน็ อุปกรณ์สารกึ่งตวั นาไวแสงชนดิ หน่ึง มีหลายชนดิ เชน่ โฟโต้
ไดโอด โฟโตท้ รานซสิ เตอร์ โฟโตด้ าลิงตันทรานซิสเตอร์ โฟโต้ไดโอดจะเป็นตัวรบั แสงเม่ือมีแสงตกกระทบ
มาก กระแสจะไหลมาก โดยโฟโตไ้ ดโอดจะต้องได้รบั ไบอัสตรงด้วย แตก่ ระแสทไ่ี หลมีปริมาณน้อยเม่ือเทียบกับ
แสง จึงจะต้องมีการขยายด้วยทรานซสิ เตอร์กอ่ นก็จะกลายเป็นโฟโตท้ รานซิสเตอร์ หรือ โฟโต้ดาลงิ ตัน
ทรานซสิ เตอร์ ซ่งึ มกี ระแสไหลมากกว่า

2. สมรรถนะประจาหนว่ ยการเรียนรู้

1.แสดงความรูเ้ ก่ยี วกับ อปุ กรณโ์ พตา้

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

3.1 จุดประสงคท์ ่ัวไป
1.เพื่อให้มคี วามรู้เกี่ยวกับการอธบิ ายโฟโต้ไดโอด (ด้านความรู้)
2.เพื่อให้มีทกั ษะในการสังเกตโฟโต้ดาร์ลงิ ตันทรานซิสเตอร์ (ด้านทกั ษะ)
3.เพือ่ ให้มเี จตคติทดี่ ใี นการยอมรบั โฟโตท้ รานซิลชสเตอร์ (ด้านจติ พสิ ัย)
4.เพ่ือนามาประยุกตใ์ ชไ้ ด้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม (ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม)

3.2 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
1.อธบิ ายโฟโต้ไดโอดได้ (ดา้ นความร้)ู
2.สังเกตโฟโตด้ ารล์ ิงตันทรานซิสเตอร์ได้ (ด้านทกั ษะ)
3.ยอมรบั โฟโต้ทรานซิลชสเตอร์ได้ (ดา้ นจติ พสิ ยั )
4.นามาประยุกต์ใช้ได้อยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม (ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม)

4. เน้อื หาสาระการสอน/การเรียนรู้

4.1 ด้านความรู้
4.1 โฟโตไ้ ดโอด
4.2 โฟโต้ทรานซลิ เตอร์
4.3 โฟโตด้ ารล์ ิงตนั ทรานซลิ เตอร์

318

4.2 ด้านทักษะหรือปฏบิ ตั ิ
1. การทดลองท่ี 17 อุปกรณ์โฟโต้
2. แบบทดสอบบทที่ 17

4.3 ดา้ นคุณธรรม/จรยิ ธรรม/จรรยาบรรณ/บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง
1. นามาประยุกต์ใช้ได้อยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม

5. กิจกรรมการเรยี นการสอนหรือการเรยี นรู้

ข้ันตอนการสอนหรอื กิจกรรมครู ข้นั ตอนการเรียนหรอื กิจกรรมของผเู้ รียน

ข้ันเตรยี ม(จานวน 30 นาที) ขน้ั เตรยี ม (ใชเ้ วลา 30 นาท)ี
1.ผู้สอนให้ผ้เู รยี นออกมาอธบิ ายโฟโต้ไดโอด ตาม 1.ผ้เู รยี นออกมาออกมาอธิบายโฟโตไ้ ดโอด ตาม
ความเขา้ ใจของตนเอง ความเข้าใจของตนเอง
2.ผสู้ อนแจ้งจุดประสงคก์ ารเรียนของ หนว่ ยท่ี 17 2.ผู้เรยี นทาความเขา้ ใจเกีย่ วกับจุดประสงค์การเรยี น
อปุ กรณ์โฟโต้ ของ หนว่ ยที่ 17 อปุ กรณโ์ ฟโต้
3.ผ้สู อนให้ผู้เรียนสงั เกตโฟโต้ดาร์ลงิ ตนั 3.ผู้เรียนสงั เกตโฟโต้ดารล์ งิ ตันทรานซิสเตอร์พรอ้ ม
ทรานซสิ เตอร์พร้อมใหเ้ หตผุ ลประกอบ ใหเ้ หตผุ ลประกอบ Relaxation โดยใชย้ เู จที
ขั้นการสอน (จานวน 180 นาที) ขนั้ การสอน (จานวน 180 นาที)
1.ผสู้ อนเปดิ PowerPoint และให้ผูเ้ รียนศึกษา 1.ผู้เรียนดู PowerPoint และศึกษาเอกสาร
เอกสารประกอบการสอน วิชา อุปกรณ์ ประกอบการสอน วิชา อุปกรณอ์ ิเล็กทรอนิกสแ์ ละ
อเิ ล็กทรอนกิ สแ์ ละวงจร หนว่ ยท่ี 17 อปุ กรณ์ วงจร หน่วยท่ี 17 อปุ กรณโ์ ฟโต้ หน้าท่ี 202-
โฟโต้ หน้าท่ี 202-203 โดยใหผ้ ูเ้ รยี นเรยี นรดู้ ว้ ย 203 พร้อมกับจดบันทึกเนื้อหาท่สี าคญั
ตนเอง 2.ผูเ้ รียนถามปญั หา และข้อสงสยั จากเนื้อหา โดย
2.ผู้สอนเปดิ โอกาส ใหผ้ เู้ รียนถามปญั หา และข้อ ผู้เรยี นยอมรบั โฟโต้ทรานซลิ ชสเตอร์
สงสัยจากเน้อื หา โดยครใู ห้ผู้เรยี นยอมรับโฟโตท้ ราน 3.ผู้เรยี นตง้ั คาถามทีไ่ ด้จากการเรียนการสอน คน
ซลิ ชสเตอร์ ละ 1 ข้อ
3.ผสู้ อนให้ผูเ้ รยี นต้ังคาถามที่ไดจ้ ากการ 4.ผเู้ รยี นทาการทดลองที่ 17 อปุ กรณ์โฟโต้ หน้า
เรียนการสอนคนละ 1 ขอ้ 205-207
4.ผสู้ อนใหผ้ ู้เรยี นทาการทดลองท่ี 17 อุปกรณ์ 5.ผู้เรียนสืบคน้ ข้อมลู จากอินเทอร์เน็ต
โฟโต้ หน้า 205-207
5.ผู้สอนใหผ้ ู้เรียนสบื ค้นข้อมูลจากอินเทอรเ์ นต็ ขนั้ สรปุ (จานวน 30 นาท)ี
ข้นั สรุป(จานวน 30 นาท)ี 1.ผู้เรยี นรว่ มกนั สรุปเนื้อหาท่ีไดเ้ รยี นใหม้ คี วาม
1.ผูส้ อนและผู้เรยี นรว่ มกันสรุปเน้ือหาท่ีได้เรยี นให้มี เข้าใจในทิศทางเดยี วกนั
ความเขา้ ใจในทศิ ทางเดยี วกัน 2.ผเู้ รยี นทาแบบทดสอบบทท่ี 17 หน้าที่ 208-
209

319

2.ผสู้ อนใหผ้ ูเ้ รียนทาแบบทดสอบบทที่ 17 หน้าที่ 3.ผ้เู รยี นศึกษาเพ่มิ เติมนอกห้องเรยี น ดว้ ย เอกสาร
208-209 ประกอบการสอนท่จี ดั ทาขน้ึ
3.ผู้สอนให้ผู้เรยี นศึกษาเพิ่มเติมนอกห้องเรยี น ด้วย
เอกสารประกอบการสอนท่ีจัดทาข้นึ

รวมเวลาเรียนทัง้ หมด 240 นาที
หรือ 4 ช่ัวโมงเรียน

6. ส่อื การเรยี นการสอน/การเรียนรู้

6.1 สอ่ื สง่ิ พิมพ์
1) เอกสารประกอบการเรยี นวิชาอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกสแ์ ละวงจรของนายชิงชยั ศรีสรุ ัตน์

2) แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 17 อุปกรณโ์ ฟโต้
3) แบบทดสอบหลังเรยี นหน่วยที่ 17 อุปกรณ์โฟโต้
4) เอกสารการเรยี นรหู้ น่วยที่ 17 อุปกรณโ์ ฟโต้
5) แบบฝกึ หดั หน่วยท่ี 17 อุปกรณโ์ ฟโต้
6) เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบหลงั เรยี น และแบบฝกึ หัดท้ายหน่วย

6.2 ส่ือโสตทศั น์
1) เครือ่ งฉายภาพ (projector)
2) งานนาเสนอหน่วยที่ 17 อปุ กรณ์โฟโต้

6.3 สื่อของจรงิ
1) อปุ กรณโ์ ฟโต้

7. แหล่งการเรยี นการสอน/การเรียนรู้

7.1 ภายในสถานศึกษา
1. หอ้ งสมุด
2. ศูนย์ Internet สมเด็จพระเทพฯ
3. ห้องปฏบิ ัตกิ ารเขยี นแบบเครอื่ งกลด้วยคอมพวิ เตอร์

320

7.2 ภายนอกสถานศกึ ษา
1. อาคารวิทยบริการ วทิ ยาลัยเทคนคิ สวา่ งแดนดนิ

8. งานทมี่ อบหมาย

8.1 ก่อนเรียน
1. แบบทดสอบก่อนเรียน
2. ตอบคาถามก่อนเรยี น เป็นการนาเขา้ สู่บทเรยี น

8.2 ขณะเรียน
1. ตอบคาถามระหวา่ งเรยี น

8.3 หลงั เรียน
1. ทาแบบทดสอบหลงั เรียน
2. ทาแบบฝกึ หดั หลงั เรยี น
3. ทาใบกิจกรรมท่ี 17

9. ผลงาน/ชิน้ งาน ที่เกิดจากการเรียนรู้ของผเู้ รยี น

การทดลองที่ 17 อปุ กรณโ์ ฟโต้ แบบทดสอบบทท่ี 17

10. เอกสารอ้างอิง

1. หนังสอื เรยี นวิชาอุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกสแ์ ละวงจรของนายชงิ ชยั ศรสี รุ ัตน์

11. การบูรณาการ/ความสมั พันธก์ ับรายวิชาอื่น

1. บูรณาการกับวิชาชวี ิตและวฒั นธรรมไทย ด้านการพดู การอ่าน การเขียนและการฝกึ ปฏิบตั ติ นทาง
สังคมด้านการเตรยี มความพร้อม ความรับผดิ ชอบ ความสนใจใฝร่ ู้

2. บูรณาการกับวชิ าหลักเศรษฐศาสตร์ ด้านการเลือกใช้ทรัพยากรอยา่ งประหยดั

12. หลักการประเมนิ ผลการเรียน

12.1 ก่อนเรียน
1. ตรวจสอบระดบั ความรคู้ วามเขา้ ใจของผเู้ รยี นก่อนเริ่มการสอน

12.2 ขณะเรียน
1. ตรวจสอบความสนใจในการเรียนของผูเ้ รียนโดยการถาม-ตอบคาถามในระหวา่ งท่เี รียน

12.3 หลงั เรียน
1. ตรวจแบบทดสอบหลังเรียนพร้อมกับเปรียบเทียบแบบทดสอบก่อนเรยี น
2. ตรวจแบบฝกึ หดั หลังเรียนเพอ่ื ประเมลิ ระดับความเข้าใจของผเู้ รียน
3. ตรวจใบกิจกรรม

321

13. รายละเอยี ดการประเมนิ ผลการเรียน

จดุ ประสงค์ข้อที่ 1 การประเมนิ ผลความรคู้ วามเข้าใจของผเู้ รียนก่อนเรยี น
1. วิธีการประเมิน : ใหท้ าแบบทดสอบก่อนเรียน และถามคาถามเพ่ือประเมนิ ระดับความรขู้ องผ้เู รยี น
2. เคร่อื งการประเมิน : แบบทดสอบก่อนเรยี น
3. เกณฑ์การประเมิน : ใช้อา้ งอิงเปน็ ตัวเปรียบเทียบกบั ผลการทดสอบหลังเรียน
4. เกณฑ์การผ่าน : นกั เรียนสามารถทาแบบทดสอบได้ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจานวนข้อของแบบ

ทดสอบท้งั หมด
จดุ ประสงค์ข้อที่ 2 การประเมนิ ผลความรคู้ วามเข้าใจของผ้เู รียนหลังเรียน
1. วธิ กี ารประเมนิ : ใหท้ าแบบทดสอบหลงั เรยี น
2. เคร่ืองการประเมนิ : แบบทดสอบหลงั เรียน
3. เกณฑ์การประเมิน : ใช้เปรยี บเทียบกับผลการทดสอบก่อนเรยี น
4. เกณฑ์การผ่าน : นักเรียนสามารถทาแบบทดสอบได้ไม่น้อยกวา่ การทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน

14. แบบทดสอบก่อนเรียน

สัปดาหท์ ี่ .....17.....ชื่อหน่วยการสอน อุปกรณ์โฟโต้
วตั ถปุ ระสงค์ เพือ่ การประเมินผลความรคู้ วามเข้าใจของผู้เรียนก่อนเรียน
ข้อคาถาม
คาส่ัง จงเลอื กคาตอบให้ถูกต้องที่สดุ เพยี งคาตอบเดียว

1. ค่าความต้านทานของโฟโตไ้ ดโอดจะมีค่าเท่าใดในขณะแสงปกติ
ก. ประมาณ 1Ω - 100Ω
ข. ประมาณ 1 KΩ - 10 KΩ
ค. ประมาณ 1 MΩ - 10 MΩ
ง. เป็นอนนั ต์

2. ข้อดีของการทาให้ ช่วงดีพลชี ัน่ ห่างมากขน้ึ คือข้อใด
ก. อเิ ลก็ ตรอนกระจายได้มากขนึ้
ข. รับพลังงานแสงได้ดขี นึ้
ค. ให้ผลตอบสนองดีข้ึน
ง. ทนกระแสได้สงู ขนึ้

322

3. โฟโตท้ รานซสิ เตอรม์ ีชือ่ เรียกอีกอย่างว่าอะไร
ก. โฟโตเ้ ซลล์
ข. ทรานซิเตอร์พลังแสง
ค. โฟโตแ้ สง
ง. โฟโต้รซี สิ เตอร์

4. พืน้ ท่ไี วแสงของโฟโตท้ รานซสิ เตอร์คือคือคใู่ ด
ก. ขาเบส กับ ขาคอลเลกเตอร์
ข. ขาเบส กบั ขาอมิ ิเตอร์
ค. ขาคอลเลกเตอร์ กับ ขาอมิ ิตเตอร์
ง. ขาอิมิตเตอร์ กบั กราวด์

5. ถา้ hFE มีอัตราขยายสงู จะมผี ลอย่างไร
ก. จะทาใหร้ อยต่อ PN เพิม่ มากข้นึ
ช. จะทาให้รอยต่อ PN ลดน้อยลง
ค. จะทาให้ผลตอบสนองต่อความไวของแสงเพิ่มมากขน้ึ
ง. จะทาใหผ้ ลตอบสนองต่อความไวของแสงลดน้อยลง

6. จากวงจร เมือ่ โฟโตท้ รานซิสเตอรไ์ ม่ไดร้ บั แสง ผลจากบัชเซอรจ์ ะเป็นอยา่ งไร

ก. บัซเซอร์มีเสียง
ข. บชั เชอรจ์ ะ ไม่มเี สียง
ค. บัชเชอรจ์ ะมเี สียงดังมากขึ้น
ง. บชั เชอร์จะมีเสยี งลดลง

323

7. Ip มคี วามหมายวา่ อยา่ งไร
ก. กระแสท่ีมาจากภายนอก
ข. กระแสอิมติ เตอร์
ค. กระแสท่เี กดิ ขนึ้ เนื่องจากแสง
ง. ถกู ทกุ ข้อ

8. ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ทางแสง
ก. อุปกรณ์เช่ือมต่อดว้ ยแสง
ข. อุปกรณ์การตัดและการสะท้อนของแสง
ค. ตวั ปล่อยแสงและรบั แสง
ง. ถกู ทุกข้อ

9. โฟโตท้ รานซิสเตอร์มีข้อด้อยกว่าโฟโดไ้ ดโอด คอื ข้อใด
ก. ความเรว็ ในการทางาน
ข. จ่ายกระแสไดน้ อ้ ยกว่า
ค. การสวติ ซ์ช้ากวา่
ง. รับแสงได้นอ้ ยกวา่

10. โฟโคก้ รานซิสเตอรม์ ขี ้อดกี วา่ โฟโต้ไดโอด คือขอ้ ใด
ก. ใชไ้ ด้ในความถีส่ งู
ข. รบั แสงไดม้ ากกว่า
ค. จ่ายกระแสไดส้ ู กว่า
ง. ทางานได้เร็วกวา่

15. แบบทดสอบหลงั เรยี น

สปั ดาหท์ ่ี .....17.....ชือ่ หน่วยการสอน อุปกรณ์โฟโต้
วัตถปุ ระสงค์ เพอ่ื การประเมนิ ผลความรู้ความเข้าใจของผเู้ รยี นก่อนเรยี น
ข้อคาถาม
คาสง่ั จงเลอื กคาตอบใหถ้ ูกต้องท่ีสุดเพียงคาตอบเดยี ว

1. ค่าความต้านทานของโฟโต้ไดโอดจะมคี า่ เท่าใดในขณะแสงปกติ
ก. ประมาณ 1Ω - 100Ω
ข. ประมาณ 1 KΩ - 10 KΩ
ค. ประมาณ 1 MΩ - 10 MΩ
ง. เป็นอนนั ต์

324

2. ขอ้ ดีของการทาให้ ช่วงดีพลีชัน่ ห่างมากขน้ึ คอื ขอ้ ใด
ก. อเิ ลก็ ตรอนกระจายได้มากขน้ึ
ข. รับพลังงานแสงไดด้ ีขึน้
ค. ใหผ้ ลตอบสนองดีขนึ้
ง. ทนกระแสไดส้ ูงขึ้น

3. โฟโตท้ รานซสิ เตอรม์ ีชื่อเรียกอกี อย่างวา่ อะไร
ก. โฟโต้เซลล์
ข. ทรานซเิ ตอร์พลงั แสง
ค. โฟโตแ้ สง
ง. โฟโตร้ ซี สิ เตอร์

4. พ้ืนท่ีไวแสงของโฟโต้ทรานซสิ เตอร์คือคือคู่ใด
ก. ขาเบส กับ ขาคอลเลกเตอร์
ข. ขาเบส กับ ขาอมิ เิ ตอร์
ค. ขาคอลเลกเตอร์ กับ ขาอิมิตเตอร์
ง. ขาอิมติ เตอร์ กบั กราวด์

5. ถ้า hFE มีอัตราขยายสูง จะมีผลอย่างไร
ก. จะทาให้รอยต่อ PN เพมิ่ มากข้นึ
ช. จะทาใหร้ อยต่อ PN ลดนอ้ ยลง
ค. จะทาใหผ้ ลตอบสนองต่อความไวของแสงเพิ่มมากข้นึ
ง. จะทาใหผ้ ลตอบสนองต่อความไวของแสงลดนอ้ ยลง

6. จากวงจร เม่อื โฟโตท้ รานซิสเตอร์ไม่ได้รบั แสง ผลจากบัชเซอร์จะเป็นอย่างไร

325

ก. บซั เซอรม์ เี สียง
ข. บัชเชอร์จะ ไมม่ เี สียง
ค. บัชเชอร์จะมเี สียงดงั มากขึ้น
ง. บัชเชอรจ์ ะมเี สยี งลดลง

7. Ip มคี วามหมายว่าอยา่ งไร
ก. กระแสที่มาจากภายนอก
ข. กระแสอิมติ เตอร์
ค. กระแสที่เกิดขน้ึ เน่ืองจากแสง
ง. ถกู ทกุ ข้อ

8. ข้อใดไมใ่ ชอ่ ุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทางแสง
ก. อุปกรณ์เชื่อมต่อด้วยแสง
ข. อปุ กรณ์การตดั และการสะทอ้ นของแสง
ค. ตวั ปล่อยแสงและรับแสง
ง. ถกู ทกุ ขอ้

9. โฟโตท้ รานซิสเตอรม์ ีขอ้ ด้อยกวา่ โฟโด้ไดโอด คอื ข้อใด
ก. ความเรว็ ในการทางาน
ข. จ่ายกระแสไดน้ ้อยกวา่
ค. การสวิตซช์ ้ากว่า
ง. รับแสงได้น้อยกวา่

10. โฟโคก้ รานซิสเตอร์มีข้อดีกว่าโฟโต้ไดโอด คือข้อใด
ก. ใชไ้ ด้ในความถีส่ งู
ข. รบั แสงได้มากกวา่
ค. จา่ ยกระแสไดส้ ู กว่า
ง. ทางานได้เรว็ กว่า

326

16. ใบความรู้ที่ ...17.....

สปั ดาหท์ ี่ .....17.....ช่อื หน่วยการสอน อปุ กรณโ์ ฟโต้
วัตถุประสงค์ เพอื่ การประเมินผลความรคู้ วามเข้าใจของผูเ้ รียนก่อนเรียน

อุปกรณ์โฟโต้ (Photo Device) เป็นอุปกรณ์สารก่ึงตัวนาไวแสงชนิดหนึ่ง มีหลายชนิดเช่นโฟโต้
ไดโอด โฟโต้ทรานซิสเตอร์ โฟโต้ดาลิงตันทรานซิสเตอร์ โฟโต้ไดโอดจะเป็นตัวรับแสงเมื่อมีแสงตกกระทบ
มาก กระแสจะไหลมาก โดยโฟโตไ้ ดโอดจะต้องได้รับไบอสั ตรงดว้ ย แต่กระแสทีไ่ หลมีปริมาณนอ้ ยเมอ่ื เทียบกับ
แสง จึงจะต้องมีการขยายด้วยทรานซิสเตอร์ก่อนก็จะกลายเป็นโฟโต้ทรานซิสเตอร์ หรือ โฟโต้ดาลิงตัน
ทรานซิสเตอร์ ซ่งึ มกี ระแสไหลมากกวา่

16.1 โฟโต้ไดโอด (Photo Diode)
โฟโต้ไดโอด เป็นอุปกรณ์เชิงเส้นชนิดหน่ึง ที่ประกอบด้วยรอยต่อสารกึ่งตัวนาพี และสานก่ึงตัวนาเอ็น
รอยต่อจะถูกห่อหุ้มด้วยวัสดุที่แสงสามารถผา่ นได้ เช่น กระจกใส โพโต้ไดโอดจะมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบท่ี
ตอบสนองต่อแสงท่ีเรามองเห็น และแบบท่ีตอบสนองต่อแสงในย่านอินฟาเรด ในการใช้งานจะต้องต่อโฟโต้
ไดโอดในลักษณะไบอสั กลบั

โฟโต้ไดโอด จะยอมให้กระแสไหลผ่านได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณความเข้มของแสง เมื่อโฟโต้ไดโอด
ได้รบั ไบอัสกลบั ด้วยแรงดนั คา่ หนงึ่ และมีแสงมาตกกระทบท่บี รเิ วณรอยต่อ ถา้ แสงทมี่ าตกกระทบมคี วามยาว
คลื่นหรือแรมด้า ท่ีเหมาะสมจะมีกระแสไหลในวงจร โดยกระแสท่ีไหลในวงจร จะแปรผกผันกับความเข้ม
ของแสงที่ตกมากระทบ ลักษณะท่ัวไปขณะไบอัสตรง จะยังคงเหมือนกับไดโอดธรรมดา คือ ยอมให้กระแส
ไหลผ่านได้

โฟโต้ไดโอดเมื่อเทียบกับ LDR แล้วโฟโต้ไดโอดมีการเปล่ียนแปลงค่าความต้านทานต่อแสงเร็วกว่า LDR
มาก จึงนิยมนาไปประยุกตง์ านในวงจรทีตอ้ งการความเรว็ สงู

เนื่องจากโฟโต้ไดโอดให้ค่าเปล่ียนแปลงของกระแสต่อแสงต่า คือ อยู่ในช่วง 1-10 "μA" เท่านั้น ดังนั้น
การใช้งานโฟโต้ไดโอด จึงต้องตัวขยายกระแสเพ่ิมเติม ผู้ผลิตจึงหันมาใช้ทรานซิสเตอร์เป็นตัวขยายกระแส
เพ่มิ เตมิ รวมอยู่ในตวั ถงั เดียวกนั ซ่ึงเรยี กวา่ “โฟโต้ทรานซสิ เตอร์”

16.2 โฟโต้ทรานซิลเตอร์ (Photo Transistor)
โฟโต้ทรานซิลเตอร์ จะประกอบดว้ ยโฟโต้ไดโอดซึง่ จะอยรู่ ะหว่างขาเบสกับขาคอลเลก็ เตอร์

327

16.3 โฟโต้ดารล์ งิ ตนั ทรานซลิ เตอร์ (Photo Darington)
โฟโต้ดาร์ลิงตัน คือ ทรานซิลเตอร์ 2 ตัวต่อร่วมเข้าในลักษณะวงจรดาร์ลิงตัน คือ ต่อในลักษณะขา
อิมิตเตอร์ ของตัวหน่ึงจะต่อเข้าขาเบสของตัวถัดไป ลักษณะการต่อเช่นน้ีจะทาให้ทรานซิสเตอร์มีอัตราการ
ขยายสูงข้นึ อกี มาก

17. ใบงาน
17 ใบกิจกรรมที่ ....17....

สปั ดาห์ท่ี .....17....ชือ่ หนว่ ยการสอน อุปกรณโ์ ฟโต้
จุดประสงค์ เพ่ือ

1. วิเคราะหแ์ ละตีความหมาย
2 ตั้งคาถาม
3 อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ ระดมสมอง
4 การประยุกตค์ วามรู้สู่งานอาชีพ

สมรรถนะการปฏิบัตงิ านอาชีพ
1. แสดงความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์โฟโต้

สมรรถนะการขยายผล
ความสอดคลอ้ ง
จากการเรยี นเร่ือง อุปกรณโ์ พตา้ (Photo Device) ทาใหผ้ เู้ รียนมคี วามรู้เพิ่มเกีย่ วกบั

อปุ กรณ์โฟโต้ (Photo Device) เป็นอุปกรณส์ ารก่ึงตวั นาไวแสงชนดิ หน่งึ มีหลายชนดิ เชน่ โฟ
โต้ไดโอด โฟโตท้ รานซสิ เตอร์ โฟโตด้ าลิงตนั ทรานซสิ เตอร์ โฟโตไ้ ดโอดจะเป็นตวั รบั แสงเมอ่ื มี
แสงตกกระทบมาก กระแสจะไหลมาก โดยโฟโตไ้ ดโอดจะตอ้ งได้รบั ไบอัสตรงด้วย แตก่ ระแสทไี่ หล
มปี ริมาณน้อยเมอื่ เทยี บกับแสง จงึ จะตอ้ งมีการขยายด้วยทรานซสิ เตอร์ก่อนก็จะกลายเป็นโฟโต้
ทรานซิสเตอร์ หรือ โฟโต้ดาลิงตนั ทรานซิสเตอร์ ซึ่งมกี ระแสไหลมากกวา่

328

18. แบบประเมนิ ผล
รายละเอียดการประเมนิ ผลการเรียนรู้

จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม ขอ้ ท่ี 1 อธบิ ายโฟโต้ไดโอดได้

1.วิธกี ารประเมนิ : ทดสอบ

2.เครอ่ื งมือ : แบบทดสอบ

3.เกณฑ์การให้คะแนน : อธิบายโฟโต้ไดโอดได้ จะได้ 2 คะแนน

จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม ข้อท่ี 2 สังเกตโฟโต้ดาร์ลิงตันทรานซิสเตอรไ์ ด้

1.วิธกี ารประเมิน : ทดสอบ

2.เคร่อื งมือ : แบบทดสอบ

3.เกณฑ์การใหค้ ะแนน : สงั เกตโฟโต้ดารล์ งิ ตันทรานซสิ เตอร์ได้ จะได้ 3 คะแนน

จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม ข้อท่ี 3 ยอมรบั โฟโตท้ รานซลิ ชสเตอรไ์ ด้

1.วธิ ีการประเมนิ : ทดสอบ

2.เครื่องมือ : แบบทดสอบ

3.เกณฑ์การใหค้ ะแนน : ยอมรับโฟโตท้ รานซลิ ชสเตอร์ได้ จะได้ 2 คะแนน

จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม ขอ้ ท่ี 4 นามาประยุกตใ์ ชไ้ ด้อย่างถกู ต้องเหมาะสม

1.วธิ กี ารประเมนิ : ตรวจผลงาน

2.เครื่องมือ : แบบทดสอบ

3.เกณฑ์การใหค้ ะแนน : นามาประยกุ ตใ์ ช้ไดอ้ ย่างถูกตอ้ งเหมาะสม จะได้ 3 คะแนน

19. แบบฝกึ หัด

1. จงอธิบายโฟโตไ้ ดโอด
2. โฟโต้ดาร์ลิงตันทรานซิสเตอร์ คอื
3. โฟโต้ทรานซลิ ชสเตอร์ มขี ้อดี-ข้อเสียอยา่ งไร

329

20. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนร้แู บบมุ่งเนน้ สมรรถนะอาชีพและบรู ณาการตามหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

20.1 สรุปผลการจดั การเรยี นรู้

รายการ ระดับการปฏบิ ตั ิ
54321

ด้านการเตรยี มการสอน

1.จดั หนว่ ยการเรยี นรู้ได้สอดคล้องกับวัตถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้

2. กาหนดเกณฑก์ ารประเมนิ ครอบคลุมทัง้ ดา้ นความรู้ ดา้ นทักษะ และด้านจิตพสิ ยั

3. เตรยี มวสั ดุ-อปุ กรณ์ สอื่ นวัตกรรม กิจกรรมตามแผนการจัดการเรยี นรกู้ ่อนเข้า

สอน

ด้านการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

4. มวี ธิ กี ารนาเขา้ สบู่ ทเรยี นที่น่าสนใจ

5. มีกิจกรรมทห่ี ลากหลาย เพ่ือช่วยใหผ้ ้เู รียนเกดิ การเรียนรู้ ความเขา้ ใจ

6. จดั กจิ กรรมทสี่ ่งเสริมใหผ้ ู้เรียนค้นควา้ เพื่อหาคาตอบดว้ ยตนเอง

7. นกั เรียนมสี ่วนรว่ มในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

8. จดั กิจกรรมทเี่ นน้ กระบวนการคดิ ( คิดวิเคราะห์ คิดสงั เคราะห์ คิดสรา้ งสรรค์ )

9. กระตนุ้ ใหผ้ ู้เรียนแสดงความคิดเหน็ อย่างเสรี

10. จัดกจิ กรรมการเรียนรูท้ เ่ี ชอื่ มโยงกับชีวิตจริงโดยนาภมู ปิ ญั ญา/บรู ณาการเขา้ มา

มีสว่ นร่วม

11. จัดกิจกรรมโดยสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม

12. มีการเสรมิ แรงเมื่อนักเรียนปฏบิ ตั ิ หรอื ตอบถูกต้อง

13. มอบหมายงานให้เหมาะสมตามศักยภาพของผู้เรยี น

14. เอาใจใสด่ ูแลผ้เู รียน อยา่ งทว่ั ถงึ

15. ใช้เวลาสอนเหมาะสมกับเวลาทก่ี าหนด

ด้านสือ่ นวัตกรรม แหล่งการเรยี นรู้

16. ใชส้ ่ือทเ่ี หมาะสมกบั กจิ กรรมและศักยภาพของผู้เรียน

17. ใชส้ ่อื แหล่งการเรยี นรู้อยา่ งหลากหลาย เช่น บคุ คล สถานท่ี ของจริง เอกสาร

ส่ืออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอรเ์ น็ต เปน็ ตน้

13. มอบหมายงานใหเ้ หมาะสมตามศักยภาพของผู้เรียน

14. เอาใจใส่ดแู ลผู้เรียน อย่างทวั่ ถึง

330

15. ใชเ้ วลาสอนเหมาะสมกบั เวลาท่ีกาหนด

ด้านการวดั และประเมนิ ผล

18. ผเู้ รยี นมีสว่ นรว่ มในการกาหนดเกณฑก์ ารวดั และประเมินผล

19. ประเมินผลอย่างหลากหลายและครบทั้งดา้ นความรู้ ทักษะ และจติ พิสัย

20. ครู ผเู้ รียน ผู้ปกครอง หรือ ผทู้ ี่เกีย่ วข้องมีสว่ นรว่ ม ในการประเมิน

หมายเหตุ ระดบั การปฏบิ ัติ 5 = ปฏิบตั ดิ ีเย่ียม 4 = ปฏิบัตดิ ี 3 = รวม

ปฏิบตั พิ อใช้ 2 = ควรปรับปรงุ 1 = ไม่มกี ารปฏบิ ตั ิ เฉล่ยี

20.2 ปัญหาท่พี บ และแนวทางแกป้ ญั หา แนวทางแกป้ ัญหา

ปัญหาที่พบ
ดา้ นการเตรียมการสอน

ดา้ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

ด้านส่ือ นวตั กรรม แหลง่ การเรยี นรู้

ด้านการวัดประเมนิ ผล

ด้านอน่ื ๆ (โปรดระบุเปน็ ข้อ ๆ)

ลงชอ่ื .................................................................... ครูผ้สู อน
( นายศุภกร มง่ิ คา )
ตาแหน่ง ครูพเิ ศษสอน

............../.................................../....................

21. บนั ทึกการนเิ ทศและตดิ ตาม 331
ชอ่ื -สกุล ผู้นิเทศ ตาแหนง่
วนั -เดือน- เวลา รายการนเิ ทศและติดตาม
ปี

332

แผนการจัดการเรยี นรู้ แบบมุ่งเน้นสมรรถนะอาชพี
และบูรณาการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

รหัสวชิ า .....20104 - 2102...... วิชา ...................... อุปกรณ์อิเล็กทรอนกิ ส์และวงจร.............................
สปั ดาหท์ ่ี ........18...... ชอื่ หน่วย สอบปลายภาค
ชอื่ เรื่อง...............................................สอบปลายภาค...............……….………..............จานวน...4...ชวั่ โมง

1. สาระสาคัญ

การทดสอบ การประเมนิ ผลการเรียนรู้ส้นิ ภาคเรยี น

2. สมรรถนะประจาหนว่ ยการเรยี นรู้

1.แสดงความรู้ตลอดภาคเรยี นทไี่ ดเ้ รียนมาในการทาข้อสอบเพื่อวัดประเมินผลการเรียนรู้ประจา
รายวชิ า

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

3.1 จุดประสงค์ทั่วไป
1.เพือ่ วดั และประเมินผลการเรยี นตลอดภาคเรียนทีผ่ า่ นมา

3.2 จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม
1.นักเรยี นสามารถนาความรู้ท่ีเรียนตลอดภาคเรยี นใชใ้ นการตอบคาถามได้ (ด้านความรู้)
2.นักเรยี นมคี วามซ้ือสตั ยต์ ่อตนเอง (ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม)

4. เน้ือหาสาระการสอน/การเรยี นรู้

4.1 ดา้ นความรู้
4.1 ข้อสอบปลายภาค

4.2 ดา้ นทกั ษะหรือปฏบิ ตั ิ
1. ขอ้ สอบปลายภาค

4.3 ดา้ นคณุ ธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง
1. นกั เรียนมีความซื้อสตั ย์ต่อตนเอง

333

5. กิจกรรมการเรยี นการสอนหรอื การเรียนรู้ ขัน้ ตอนการเรียนหรือกจิ กรรมของผเู้ รียน

ขัน้ ตอนการสอนหรอื กจิ กรรมครู ข้ันการสอน (จานวน 240 นาท)ี
1.นักเรยี นรบั กระดาษคาถามและกระดาษคาตอบ
ขน้ั การสอน (จานวน 240 นาที) จากครู
1.ครผู คู้ มุ สอบแจกกระดาษคาถามและ 2.นกั เรยี นทาข้อสอบปลายภาคตามเวลาทคี่ รู
กระดาษคาตอบ กาหนด
2.ครผู ู้คมุ สอบใหเ้ วลานักเรยี นในการทาขอ้ สอบ 3.นักเรียนทีท่ าข้อสอบเสรจ็ สามารถออกจากห้อง
ปลายภาค สอบได้เม่อื เวลาผ่านไป 30 นาที
3.ครผู ูค้ มุ สอบอนุญาติใหน้ ักเรียนท่ีทาข้อสอบเสร็จ
สามารถออกจากห้องสอบได้เมื่อเวลาผ่านไป 30
นาที

รวมเวลาเรยี นทงั้ หมด 240 นาที
หรอื 4 ช่ัวโมงเรยี น

6. สื่อการเรียนการสอน/การเรยี นรู้

6.1 สื่อสิ่งพิมพ์
1) ขอ้ สอบกลางภาควิชา 20104 – 2102 วิชา อุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกสแ์ ละวงจร

6.2 สือ่ โสตทัศน์ -
-
6.3 สอ่ื ของจริง
-
7. แหล่งการเรยี นการสอน/การเรยี นรู้ -

7.1 ภายในสถานศกึ ษา -

7.2 ภายนอกสถานศกึ ษา

8. งานทม่ี อบหมาย

8.1 กอ่ นเรียน

334

8.2 ขณะเรียน -
8.3 หลงั เรียน -

9. ผลงาน/ช้ินงาน ท่ีเกดิ จากการเรียนร้ขู องผู้เรยี น

-

10. เอกสารอา้ งองิ

-

11. การบูรณาการ/ความสมั พันธ์กับรายวิชาอื่น

-

12. หลกั การประเมนิ ผลการเรยี น

12.1 กอ่ นเรยี น
-

12.2 ขณะเรยี น
-

12.3 หลังเรียน
-

13. รายละเอียดการประเมนิ ผลการเรียน

-

14. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

-

15. แบบทดสอบหลงั เรยี น

16. ใบความรทู้ ่ี ...17..... -
-
17. ใบงาน
17 ใบกิจกรรมท่ี ....17....

335

18. แบบประเมินผล -
19. แบบฝกึ หัด -

336

20. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรูแ้ บบมงุ่ เนน้ สมรรถนะอาชีพและบรู ณาการตามหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

20.1 สรุปผลการจดั การเรยี นรู้

รายการ ระดับการปฏบิ ตั ิ
54321

ด้านการเตรยี มการสอน

1.จดั หนว่ ยการเรยี นรู้ได้สอดคล้องกับวัตถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้

2. กาหนดเกณฑก์ ารประเมนิ ครอบคลุมทัง้ ดา้ นความรู้ ดา้ นทกั ษะ และด้านจติ พิสัย

3. เตรยี มวสั ดุ-อปุ กรณ์ สอื่ นวัตกรรม กิจกรรมตามแผนการจัดการเรียนรกู้ ่อนเข้า

สอน

ด้านการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

4. มวี ธิ กี ารนาเขา้ สบู่ ทเรยี นที่น่าสนใจ

5. มีกิจกรรมทห่ี ลากหลาย เพ่ือช่วยใหผ้ ้เู รียนเกดิ การเรียนรู้ ความเข้าใจ

6. จดั กจิ กรรมทสี่ ่งเสริมใหผ้ ู้เรียนค้นควา้ เพื่อหาคาตอบด้วยตนเอง

7. นกั เรียนมสี ่วนรว่ มในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

8. จดั กิจกรรมทเี่ นน้ กระบวนการคดิ ( คิดวิเคราะห์ คิดสงั เคราะห์ คิดสร้างสรรค์ )

9. กระตนุ้ ใหผ้ ู้เรียนแสดงความคดิ เห็นอย่างเสรี

10. จัดกจิ กรรมการเรียนรูท้ เ่ี ชอื่ มโยงกับชีวิตจรงิ โดยนาภูมปิ ญั ญา/บรู ณาการเข้ามา

มีสว่ นร่วม

11. จัดกิจกรรมโดยสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม

12. มีการเสรมิ แรงเมื่อนักเรยี นปฏบิ ัติ หรอื ตอบถูกต้อง

13. มอบหมายงานให้เหมาะสมตามศักยภาพของผู้เรยี น

14. เอาใจใสด่ ูแลผ้เู รียน อยา่ งทว่ั ถงึ

15. ใช้เวลาสอนเหมาะสมกับเวลาทกี่ าหนด

ด้านสือ่ นวัตกรรม แหล่งการเรยี นรู้

16. ใชส้ ่ือทเ่ี หมาะสมกบั กจิ กรรมและศักยภาพของผู้เรียน

17. ใชส้ ่อื แหล่งการเรยี นรู้อย่างหลากหลาย เชน่ บคุ คล สถานท่ี ของจริง เอกสาร

ส่ืออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอรเ์ น็ต เปน็ ตน้

13. มอบหมายงานใหเ้ หมาะสมตามศักยภาพของผเู้ รียน

14. เอาใจใส่ดแู ลผู้เรียน อย่างทวั่ ถึง

337

15. ใชเ้ วลาสอนเหมาะสมกบั เวลาท่ีกาหนด

ดา้ นการวัดและประเมินผล

18. ผเู้ รยี นมีสว่ นรว่ มในการกาหนดเกณฑ์การวดั และประเมินผล

19. ประเมินผลอยา่ งหลากหลายและครบทั้งด้านความรู้ ทักษะ และจติ พิสัย

20. ครู ผเู้ รยี น ผูป้ กครอง หรือ ผทู้ ีเ่ กี่ยวข้องมีสว่ นรว่ ม ในการประเมิน

หมายเหตุ ระดบั การปฏบิ ตั ิ 5 = ปฏิบัตดิ ีเย่ียม 4 = ปฏิบตั ดิ ี 3 = รวม

ปฏิบตั พิ อใช้ 2 = ควรปรบั ปรุง 1 = ไมม่ กี ารปฏิบตั ิ เฉล่ยี

20.2 ปัญหาท่ีพบ และแนวทางแก้ปัญหา แนวทางแกป้ ัญหา

ปัญหาที่พบ
ด้านการเตรียมการสอน

ด้านการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

ด้านสอ่ื นวตั กรรม แหลง่ การเรียนรู้

ดา้ นการวดั ประเมนิ ผล

ดา้ นอ่นื ๆ (โปรดระบเุ ปน็ ขอ้ ๆ)

ลงชอื่ .................................................................... ครูผ้สู อน
( นายศุภกร มง่ิ คา )
ตาแหน่ง ครูพเิ ศษสอน

............../.................................../....................

21. บนั ทึกการนเิ ทศและตดิ ตาม 338
ชอ่ื -สกุล ผู้นิเทศ ตาแหนง่
วนั -เดือน- เวลา รายการนเิ ทศและติดตาม
ปี


Click to View FlipBook Version