The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

20104 - 2102 อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวงจร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ooonononza2539, 2021-04-02 04:12:42

20104 - 2102 อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวงจร

20104 - 2102 อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวงจร

201

3.2 จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม
1.เปรยี บเทยี บเรก็ กูเลเตอรแ์ บบขนานและเร็กกเู ลเตอร์แบบอนกุ รมได้ (ดา้ นความรู้)
2.ฝกึ ออกแบบวงจรจ่ายไฟโดยใชไ้ อซเี ร็กกูเลเตอรไ์ ด้ (ดา้ นทกั ษะ)
3.ชีเ้ เจงแผนผังพนื้ ฐานของเร็กกเู ลเตอรแ์ บบอนกุ รมได้ (ด้านจติ พสิ ัย)
4.ใช้เหตุผลเก่ียวกับไอซเี รก็ กูเลเตอร์สามขาชนิดจา่ ยแรงดันคงที่ได้ (ดา้ นจติ พสิ ยั )
5.ออกแบบวงจรจา่ ยไฟโดยใช้ไอซเี ร็กกูเลเตอรอ์ ย่างถูกตอ้ งเหมาะสม (ดา้ นด้านคณุ ธรรม จริยธรรม/

บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง)

4. เน้ือหาสาระการสอน/การเรยี นรู้

4.1 ด้านความรู้
10.1 เร็กกูเลเตอรแ์ บบขนาน (Shunt Regulator)
10.2 เร็กกเู ลเตอร์แบบอนกุ รม (Series Regulator)
10.3 แผนผังวงจรพนื้ ฐานของเรก็ กูเลเตอรแ์ บบอนุกรม
10.4 ไอซเี ร็กกเู ลเตอรส์ ามขาชนดิ จ่ายแรงดันคงท่ีการเลือกใช้ตัวต้านทานและตวั เกบ็ ประจุในวงจร

ตงั้ เวลา

4.2 ดา้ นทักษะหรือปฏบิ ตั ิ
1. การทดลองที่ 10 ไอซีเร็กกเู ลเตอร์
2. แบบทดสอบบทที่ 10

4.3 ดา้ นคณุ ธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพียง
1.ออกแบบวงจรจ่ายไฟโดยใช้ไอซีเร็กกเู ลเตอรอ์ ย่างถูกต้องเหมาะสม

5. กิจกรรมการเรียนการสอนหรอื การเรยี นรู้

ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมครู ขน้ั ตอนการเรยี นหรือกจิ กรรมของผเู้ รยี น

ขน้ั เตรยี ม(จานวน 30 นาที) ข้ันเตรยี ม (ใชเ้ วลา 30 นาที)
1.ผู้สอนจดั เตรียมเอกสาร พร้อมกับแนะนารายวิชา 1.ผเู้ รียนเตรียมอปุ กรณแ์ ละ ฟงั ครผู ้สู อนแนะนา
วิธีการให้คะแนนและวธิ ีการเรียนเรอื่ ง ไอซีเร็กกูเล รายวชิ า วธิ กี ารใหค้ ะแนนและวธิ กี ารเรยี นเรือ่ ง
เตอร์ ไอซีเร็กกเู ลเตอร์

202

2.ผูส้ อนแจง้ จุดประสงค์การเรียนของหน่วยเรียนท่ี 2.ผ้เู รยี นทาความเขา้ ใจเกยี่ วกับจุดประสงค์การเรยี น
10 และขอใหผ้ ู้เรียนรว่ มกนั ทากิจกรรมการเรียน ของหนว่ ยเรียนท่ี 10 และการใหค้ วามร่วมมือใน
การสอน การทากิจกรรม
3.ผู้สอนให้ผเู้ รียนเปรียบเทียบเร็กกเู ลเตอรแ์ บบ 3.ผ้เู รยี นเปรยี บเทยี บเรก็ กูเลเตอร์แบบขนาน
ขนานและเร็กกเู ลเตอร์แบบอนุกรมพร้อมใหเ้ หตุผล และเร็กกูเลเตอร์แบบอนุกรมพรอ้ มให้เหตุผล
ประกอบ ประกอบ
ขั้นการสอน (จานวน 180 นาท)ี ข้นั การสอน (จานวน 180 นาที)
1.ผู้สอนเปดิ PowerPoint หนว่ ยท่ี 10 เรอื่ ง 1.ผู้เรียนศึกษา PowerPoint หน่วยที่ 10 เรือ่ ง
ไอซีเร็กกเู ลเตอร์และให้ผ้เู รยี นศึกษาเอกสาร ไอซเี ร็กกเู ลเตอรแ์ ละให้ผู้เรยี นศึกษาเอกสาร
ประกอบการสอน อุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์และวงจร ประกอบการสอน อปุ กรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวงจร
หน้าท่ี 124-128 โดยใหผ้ ูเ้ รียนเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง หน้าท่ี 124-128 โดยให้ผเู้ รียนเรยี นรู้ด้วยตนเอง
และสามารถสอบถามข้อสงสัยระหว่างเรียนจาก และสามารถสอบถามข้อสงสัยระหวา่ งเรียนจาก
ผ้สู อน ผู้สอน
2.ผ้สู อนและผ้เู รยี นรว่ มกันฝึกออกแบบวงจรจา่ ยไฟ 2.ผูเ้ รยี นรว่ มกันฝึกออกแบบวงจรจา่ ยไฟโดยใช้ไอซี
โดยใชไ้ อซีเร็กกูเลเตอร์ได้ศึกษาจาก PowerPoi เรก็ กูเลเตอรไ์ ด้ศึกษาจาก PowerPoint
3.ผู้เรยี นทาการทดลองท่ี 10 ไอซีเรก็ กเู ลเตอร์
3.ผ้สู อนใหผ้ ู้เรียนทาการทดลองท่ี 10 ไอซีเร็กกเู ล หนา้ 129-130
เตอร์ หน้า 129-130 4.ผเู้ รยี นสืบคน้ ขอ้ มูลจากอินเทอรเ์ นต็

4.ผู้สอนให้ผ้เู รยี นสบื คน้ ขอ้ มลู จากอินเทอรเ์ นต็ nt

ขนั้ สรุป(จานวน 30 นาท)ี ขน้ั สรปุ (จานวน 30 นาท)ี
1.ผู้สอนและผเู้ รยี นร่วมกันสรุปเนือ้ หาที่ไดเ้ รียนให้มี 1.ผูเ้ รียนร่วมกันสรปุ เนื้อหาท่ีได้เรยี นให้มีความ
ความเขา้ ใจในทิศทางเดียวกัน เขา้ ใจในทิศทางเดียวกนั
2.ผ้สู อนใหผ้ เู้ รยี นทาแบบทดสอบบทท่ี 10 หน้าที่ 2.ผ้เู รียนทาแบบทดสอบบทท่ี 10 หน้าท่ี 131-
131-132 132
3.ผู้สอนใหผ้ เู้ รยี นศึกษาเพ่ิมเติมนอกห้องเรยี น ดว้ ย 3.ผู้เรียนศกึ ษาเพิม่ เติมนอกห้องเรยี น ดว้ ย
PowerPoint ทีจ่ ัดทาข้นึ
PowerPoint ท่จี ดั ทาข้นึ

รวมเวลาเรยี นทงั้ หมด 240 นาที
หรอื 4 ชั่วโมงเรยี น

203

6. สื่อการเรยี นการสอน/การเรยี นรู้

6.1 สอ่ื ส่งิ พิมพ์
1) เอกสารประกอบการเรยี นวชิ าอุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกสแ์ ละวงจรของนายชิงชัย ศรสี รุ ตั น์
2) แบบทดสอบก่อนเรยี นหน่วยท่ี 10 ไอซีเร็กกูเลเตอร์
3) แบบทดสอบหลงั เรยี นหนว่ ยที่ 10 ไอซีเร็กกูเลเตอร์
4) เอกสารการเรยี นรู้หน่วยที่ 10 ไอซเี ร็กกูเลเตอร์
5) แบบฝกึ หดั หนว่ ยท่ี 10 ไอซีเรก็ กูเลเตอร์
6) เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น แบบทดสอบหลงั เรยี น และแบบฝึกหัดท้ายหนว่ ย

6.2 ส่ือโสตทัศน์
1) เครอ่ื งฉายภาพ (projector)
2) งานนาเสนอหน่วยท่ี 10 ไอซีเร็กกเู ลเตอร์

6.3 สือ่ ของจรงิ
1) ไอซีเรก็ กูเลเตอร์

7. แหลง่ การเรียนการสอน/การเรียนรู้

7.1 ภายในสถานศึกษา
1. หอ้ งสมดุ
2. ศนู ย์ Internet สมเดจ็ พระเทพฯ
3. ห้องปฏบิ ัตกิ ารเขยี นแบบเคร่ืองกลด้วยคอมพิวเตอร์

7.2 ภายนอกสถานศึกษา
1. อาคารวิทยบรกิ าร วทิ ยาลัยเทคนคิ สว่างแดนดิน

8. งานท่ีมอบหมาย

8.1 กอ่ นเรยี น
1. แบบทดสอบก่อนเรียน
2. ตอบคาถามก่อนเรียน เป็นการนาเขา้ สูบ่ ทเรียน

8.2 ขณะเรยี น
1. ตอบคาถามระหว่างเรยี น

204

8.3 หลังเรยี น
1. ทาแบบทดสอบหลงั เรียน
2. ทาแบบฝกึ หัดหลงั เรียน
3. ทาใบกจิ กรรมที่ 10

9. ผลงาน/ชิน้ งาน ทเี่ กดิ จากการเรียนรูข้ องผูเ้ รยี น

การทดลองที่ 9 ไอซเี ร็กกเู ลเตอร์ แบบทดสอบบทท่ี 10

10. เอกสารอ้างองิ

1. หนังสอื เรียนวชิ าอปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์และวงจรของนายชิงชยั ศรีสุรตั น์

11. การบรู ณาการ/ความสมั พนั ธก์ บั รายวิชาอ่ืน

1. บูรณาการกบั วิชาชีวิตและวัฒนธรรมไทย ด้านการพดู การอ่าน การเขียนและการฝกึ ปฏิบัตติ นทาง
สังคมด้านการเตรียมความพร้อม ความรับผิดชอบ ความสนใจใฝ่รู้

2. บรู ณาการกับวิชาหลักเศรษฐศาสตร์ ด้านการเลือกใช้ทรัพยากรอย่างประหยดั

12. หลักการประเมินผลการเรยี น

12.1 ก่อนเรียน
1. ตรวจสอบระดับความร้คู วามเข้าใจของผู้เรยี นกอ่ นเริ่มการสอน

12.2 ขณะเรยี น
1. ตรวจสอบความสนใจในการเรียนของผู้เรยี นโดยการถาม-ตอบคาถามในระหวา่ งทีเ่ รียน

12.3 หลงั เรยี น
1. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียนพรอ้ มกบั เปรยี บเทยี บแบบทดสอบก่อนเรยี น
2. ตรวจแบบฝึกหดั หลังเรียนเพอ่ื ประเมลิ ระดบั ความเขา้ ใจของผู้เรียน
3. ตรวจใบกจิ กรรม

13. รายละเอยี ดการประเมนิ ผลการเรียน

จุดประสงค์ข้อท่ี 1 การประเมินผลความรู้ความเข้าใจของผู้เรยี นก่อนเรยี น
1. วิธีการประเมิน : ใหท้ าแบบทดสอบก่อนเรยี น และถามคาถามเพ่ือประเมินระดับความรูข้ องผูเ้ รยี น
2. เคร่ืองการประเมิน : แบบทดสอบก่อนเรียน
3. เกณฑ์การประเมิน : ใชอ้ า้ งองิ เปน็ ตัวเปรียบเทียบกบั ผลการทดสอบหลังเรยี น
4. เกณฑ์การผา่ น : นักเรยี นสามารถทาแบบทดสอบได้ไมน่ ้อยกว่าคร่ึงหนึ่งของจานวนข้อของแบบ

ทดสอบทั้งหมด

205

จดุ ประสงคข์ ้อที่ 2 การประเมินผลความรคู้ วามเข้าใจของผ้เู รียนหลังเรยี น
1. วธิ ีการประเมิน : ให้ทาแบบทดสอบหลังเรียน
2. เครอ่ื งการประเมนิ : แบบทดสอบหลังเรียน
3. เกณฑ์การประเมนิ : ใชเ้ ปรียบเทยี บกบั ผลการทดสอบกอ่ นเรยี น
4. เกณฑ์การผ่าน : นักเรยี นสามารถทาแบบทดสอบได้ไม่น้อยกว่าการทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน

14. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

สัปดาหท์ ่ี .....10.....ชือ่ หน่วยการสอน ไอซีเร็กกูเลเตอร์
วัตถปุ ระสงค์ เพ่อื การประเมนิ ผลความรคู้ วามเข้าใจของผู้เรยี นกอ่ นเรียน
ขอ้ คาถาม
คาสัง่ จงเลอื กคาตอบให้ถูกต้องทสี่ ุดเพยี งคาตอบเดยี ว

1. ลกั ษณะพืน้ ฐานของ IC เร็กกเู ลเตอร์มกี ช่ี นิด
ก. 1 ชนิด
ข. 2 ชนดิ
ค. 3 ชนิด
ง. 4 ชนิด

2. ไอซีเบอร์ 78L05 จะมแี รงดัน เอาตพ์ ตุ กโี่ วลต์
ก. 5V
ข. 6 V
ค. 9 V
ง. 12 V

3. ค่าโหลดท่ีเปล่ียนไปเล็กน้อยจะมีผลต่อแรงดันเอาต์พุตของไอซีหรือไมเ่ พราะเหตใุ ด
ก. ไม่มี เพราะไอซีจะรักษาระดบั แรงดนั ใหค้ งที่
ข. ไม่มี เพราะ โหลดจะ ไมม่ ีผลตอ่ ไอซี
ค. มี ถา้ โหลดกับกระแสต่างกันคอ่ นข้างมาก
ง. มี เพราะไอซีแตล่ ะเบอรจ์ ะตอ้ งการโหลดท่ีไม่เหมือนกนั

4. เร็กกูเลตอร์แบบสวิตช์ซ่ึง ตัวทรานซิสเตอร์ภายในทาหน้าทีอ่ ะไร
ก. ตัวควบคุมกระแส
บ. ตัวควบคุมแรงดัน
ค. เปน็ ทางผา่ นกระแส
ง. เป็นสวิตชป์ ิดเปิด

206

5. ไอซเี ร็กกูลเตอร์สามขาชนิดแรงดนั คงที่ ต่างจากไอซีรก็ กลู เตอร์ชนดิ ปรับคา่ อย่างไร
ก. มวี งจรขยายแรงดนั
ข. มีวงจรปอ้ นกลับ
ค. มีวงจรขยายกระแส
ง. เปน็ วงจรท่ไี มซ่ ับซ้อน

จากวงจรที่ใชใ้ นการทดลองรูปจงตอบคาถามขอ้ 6 – 8

6. เมอ่ื เพิ่มโหลดลดค่าความตา้ นทาน Vout จะเปน็ อย่างไร
ก. โหลดไมม่ ีผลต่อ Vout
ข. Vout มแี นวโน้มลดลง
ค. Vout จะคงที่
ง. Vout จะเพ่ิมข้นึ

7. เมอ่ื เพ่ิมโหลดลดค่าความตา้ นทาน Iout จะเปน็ อย่างไร
ก. Iout จะเพ่ิมข้นึ อย่างรวดเร็ว
ข. Iout จะคงที่
ค. Iout จะลดลงถ้ไอซจี ่ยกระแสไม่พอ
ง. Iout จะเพิ่มข้นึ เลก้ น้อย

8. เมอื่ Es เพ่ิมขึ้นแรงดนั Vout จะเปน็ อยา่ งไร
ก. Vout มแี นวโนม้ จะเพิ่มแต่ไมเ่ กนิ คา่ ตามคุณสมบัติ
ข. Vout จะคงที่.
ค. Vout จะลดลง
ง. Vout. จะเปน็ 0 V

207

9. วงจรเรก็ กลู เตอรแ์ บบสวิตช์ซง่ึ มีหลักการทางานอยา่ งไร
ก. จะทางานในลักษณะอิม่ ตวั เป็นตัวเปดิ ปิดการไหลของกระแส
ข. มีวงจรกรองแรงดันให้เรยี บขึ้น
ค. ถ้โหลดมีคา่ มากก็จะกนิ ไฟมาก
ง. ถูกทุกขอ้

10. การปอ้ งกันการเกิดออสซเิ ลทท่คี วามถ่ีสูง ทาได้อย่างไร
ก. ต่อตัวเกบ็ ประจเุ ขา้ ทางเอาตพ์ ตุ
ข. ต่อตวั เก็บประจุเขา้ ทางอินพุต
ค. ตอ่ โวลตเ์ ตจเรกกเู ลเตอร์เข้าแหล่งจ่าย
ง. ใช้วงจรกรองกระแสท่ีเอาต์พตุ

15. แบบทดสอบหลงั เรียน

สปั ดาหท์ ี่ .....10.....ชือ่ หนว่ ยการสอน ไอซีเร็กกเู ลเตอร์
วัตถปุ ระสงค์ เพื่อ การประเมินผลความร้คู วามเข้าใจของผ้เู รียนกอ่ นเรียน
ข้อคาถาม
คาสั่ง จงเลือกคาตอบใหถ้ ูกต้องท่สี ดุ เพียงคาตอบเดียว

1. ลักษณะพ้นื ฐานของ IC เร็กกเู ลเตอรม์ ีก่ชี นิด
ก. 1 ชนดิ
ข. 2 ชนิด
ค. 3 ชนดิ
ง. 4 ชนิด

2. ไอซีเบอร์ 78L05 จะมีแรงดัน เอาต์พุตก่ีโวลต์
ก. 5V
ข. 6 V
ค. 9 V
ง. 12 V

3. ค่าโหลดทเี่ ปล่ยี นไปเลก็ น้อยจะมีผลต่อแรงดนั เอาตพ์ ตุ ของไอซหี รือไมเ่ พราะเหตใุ ด
ก. ไมม่ ี เพราะไอซีจะรักษาระดับแรงดนั ใหค้ งที่
ข. ไมม่ ี เพราะ โหลดจะ ไมม่ ีผลตอ่ ไอซี
ค. มี ถ้าโหลดกับกระแสตา่ งกันคอ่ นข้างมาก
ง. มี เพราะไอซีแต่ละเบอร์จะตอ้ งการโหลดทไ่ี มเ่ หมอื นกัน

208

4. เร็กกูเลตอรแ์ บบสวิตช์ซ่งึ ตวั ทรานซิสเตอร์ภายในทาหนา้ ท่ีอะไร
ก. ตวั ควบคุมกระแส
บ. ตวั ควบคมุ แรงดัน
ค. เป็นทางผา่ นกระแส
ง. เปน็ สวิตช์ปิดเปิด
5. ไอซเี ร็กกูลเตอร์สามขาชนิดแรงดันคงท่ี ต่างจากไอซีรก็ กลู เตอรช์ นดิ ปรบั คา่ อยา่ งไร
ก. มีวงจรขยายแรงดัน
ข. มีวงจรปอ้ นกลับ
ค. มีวงจรขยายกระแส
ง. เปน็ วงจรทไ่ี มซ่ บั ซ้อน

จากวงจรท่ีใช้ในการทดลองรปู จงตอบคาถามข้อ 6 – 8

6. เมอ่ื เพิ่มโหลดลดค่าความตา้ นทาน Vout จะเป็นอยา่ งไร
ก. โหลดไมม่ ีผลตอ่ Vout
ข. Vout มแี นวโนม้ ลดลง
ค. Vout จะคงท่ี
ง. Vout จะเพ่ิมข้ึน

7. เมือ่ เพิ่มโหลดลดค่าความตา้ นทาน Iout จะเปน็ อย่างไร
ก. Iout จะเพ่ิมขึ้นอย่างรวดเร็ว
ข. Iout จะคงท่ี
ค. Iout จะลดลงถ้ไอซจี ย่ กระแสไม่พอ
ง. Iout จะเพ่ิมข้นึ เล้กน้อย

209

8. เม่ือ Es เพ่มิ ขึ้นแรงดัน Vout จะเปน็ อย่างไร
ก. Vout มแี นวโน้มจะเพิม่ แต่ไมเ่ กนิ ค่าตามคุณสมบตั ิ
ข. Vout จะคงท่ี.
ค. Vout จะลดลง
ง. Vout. จะเปน็ 0 V

9. วงจรเรก็ กูลเตอรแ์ บบสวิตชซ์ ึ่งมีหลักการทางานอย่างไร
ก. จะทางานในลักษณะอิม่ ตัวเปน็ ตวั เปิดปิดการไหลของกระแส
ข. มีวงจรกรองแรงดนั ให้เรียบขึ้น
ค. ถ้โหลดมีค่ามากก็จะกินไฟมาก
ง. ถกู ทุกขอ้

10. การปอ้ งกนั การเกดิ ออสซิเลทที่ความถ่สี ูง ทาได้อย่างไร
ก. ต่อตัวเก็บประจุเข้าทางเอาต์พตุ
ข. ต่อตวั เกบ็ ประจเุ ข้าทางอินพตุ
ค. ต่อโวลตเ์ ตจเรกกูเลเตอร์เข้าแหลง่ จา่ ย
ง. ใช้วงจรกรองกระแสทีเ่ อาต์พุต

210

16. ใบความรทู้ ่ี ...10.....

สปั ดาหท์ ี่ .....10.....ช่อื หนว่ ยการสอน ไอซีเร็กกูเลเตอร์
วตั ถุประสงค์ เพือ่ การประเมินผลความรคู้ วามเข้าใจของผเู้ รียนกอ่ นเรยี น

16.1 เร็กกูเลเตอร์แบบขนาน (Shunt Regulator)

การทางานของวงจรเร็กกูเลเตอร์แบบขนาน โดยมแี รงดันอินพุต VIN จา่ ยใหก้ บั วงจร มีตัวต้านทาน
Rs ทาหน้าท่ีในการจากดั กระแสท่จี ะไหลผา่ นวงจรทั้งหมด ตวั ตา้ นทานท่ีปรับคา่ ได้ Rp จะทาการปรบั คา่ เอง
โดยอัตโนมัติเพือ่ ให้แรงดันท่ีเอาต์พุตคงท่ีตลอด สมการของแรงดนั เอาตพ์ ุต V0= VIN-Rs(I0+Ip)

16.2เรก็ กูเลเตอร์แบบอนกุ รม (Series Regulator)
หลักการทางานของเร็กกูเลเตอร์แบบอนุกรมนี้ โดยมีการจ่ายแรงดันท่ียังไม่ได้มีการเร็กกูเลทไปยัง

Rp โดย Rp จะปรบั ค่าความต้านทานของตัวเองได้อัตโนมัติ ทาให้เกิดแรงดันตกคร่อมที่ Rp ค่าหนง่ึ จะ
ได้แรงดันเอาต์พุตเท่ากับ แรงดันอินพุตลบด้วยแรงดันตกคร่อมในตัวเร็กกูเลเตอร์ ซ่ึงผลของการปรับค่า Rp
ที่ถูกต้อง ก็จะทาให้แรงดันเอาต์พุตตามที่ต้องการ และจากหลักการทางานของเร็กกูเลเตอร์ชนิดนี้เองท่ีได้
นามาประยกุ ตท์ าเปน็ ไอซเี ร็กกเู ลเตอรเ์ บอรต์ า่ งๆ ท้ังเบอร์ 78XX เบอร์ 79XX และอน่ื ๆ อกี
16.3 แผนผงั วงจรพน้ื ฐานของเร็กกูเลเตอรแ์ บบอนุกรม

แผนผงั วงจรพ้นื ฐานของเรก็ กเู ลเตอร์ชนิดนี้ สามารถแบง่ ออกได้ 3 ภาค ประกอบด้วย
1. วงจรแรงดนั อ้างองิ ซ่ึงเปน็ สว่ นทเี่ ป็นอสิ ระตอ่ ท้งั อุณหภูมิและแรงดันท่จี า่ ยให้กับเรกกเู ลเตอร์
2. วงจรขยายความผิดพลาก ทาหน้าท่ีคอยเปรียบเทียบแรงดันระหว่างแรงดันอ้างอิงและสัดส่วน
ของแรงดันเอาต์พตุ ท่ีป้อนกลลั มาทข่ี าอินเวอรต์ ้งิ ของออปแอมป์
3. ซีรีส์พาสทรานซสิ เตอร์ ทาหน้าทจ่ี า่ ยกระแสเอาต์พุตใหเ้ พยี งพอกับความต้องการของโหลด
16.4 ไอซเี รก็ กูเลเตอรส์ ามขาชนิดจา่ ยแรงดนั คงที่
ไอซีเร็กกูเลเตอร์ภายในประกอบด้วยวงจรเร็กกูเลเตอร์แบบอนุกรม มีขาต่อใช้งานสามขา
ประกอบด้วยขาอินพุต เอาต์พุต และกราวด์ ซึ่งจะจ่ายแรงดันค่าใดค่าหน่ึงโดยเฉพาะ โดยรวมเอาสว่ นของ

วงจรปอ้ นกลบั ท่ีประกอบดว้ ย R1 และ R2

211

17. ใบงาน
17 ใบกจิ กรรมท่ี ....10....

สัปดาหท์ ่ี .....10....ชื่อหน่วยการสอน ไอซีเร็กกเู ลเตอร์
จุดประสงค์ เพ่ือ

1. วิเคราะหแ์ ละตีความหมาย
2. ต้งั คาถาม
3. อภิปรายแสดงความคดิ เห็นระดมสมอง
4. การประยุกต์ความร้สู ่งู านอาชีพ

สมรรถนะการปฏบิ ตั งิ านอาชีพ
1. แสดงความรู้เก่ียวกับไอซเี ร็กกูเลเตอร์

สมรรถนะการขยายผล
ความสอดคล้อง
จากการเรียนเรื่อง ไอซีเร็กกเู ลเตอร์ ทาให้ผู้เรียนมคี วามรเู้ พิ่มเกีย่ วกบั ไอซเี ร็กกเู ลเตอร์

คอื ไอซที ีท่ าหนา้ ท่ีรักษาแรงดนั ท่เี อาตพ์ ุทของแหลง่ จ่ายไฟไหค้ งทีไ่ ม่วา่ โหลดจะเปลย่ี นแปลงไป วง
จรเรก็ กเู ลเตอรแ์ บง่ ออกเป็น 3 อย่างคอื เร็กกูเลเตอร์แบบอนกุ รม (Series Regulator) เรก็ กเู ล
เตอร์แบบขนาน (Shunt Regulator) และเร็กกูเลเตอร์แบบสวิตช่งิ (Switching Regulator) ไอซี
เร็กกูเลเตอร์ มีหลายอย่างเช่นเร็กกูเลเตอรแ์ รงดันค่าคงท่ี เร็กกูเลเตอร์เปลี่ยนค่าได้ เรก็ กเู ลเตอร์
ไฟบวกและไฟลบ

212

18. แบบประเมนิ ผล
รายละเอียดการประเมินผลการเรยี นรู้

จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม ข้อที่ 1 เปรยี บเทยี บเร็กกูเลเตอร์แบบขนานและเร็กกเู ลเตอรแ์ บบ

อนกุ รมได้

1.วิธีการประเมิน : ทดสอบ

2.เครื่องมือ : แบบทดสอบ

3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : เปรยี บเทียบเรก็ กเู ลเตอรแ์ บบขนานและเร็กกเู ลเตอรแ์ บบ

อนุกรมได้ จะได้ 1 คะแนน

จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม ข้อที่ 2 ฝกึ ออกแบบวงจรจ่ายไฟโดยใชไ้ อซเี ร็กกูเลเตอรไ์ ด้

1.วิธกี ารประเมนิ : ทดสอบ

2.เครื่องมือ : แบบทดสอบ

3.เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ฝึกออกแบบวงจรจา่ ยไฟโดยใชไ้ อซเี ร็กกูเลเตอร์ได้ จะได้ 1

คะแนน

จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม ขอ้ ที่ 3 ช้เี เจงแผนผังพื้นฐานของเร็กกเู ลเตอร์แบบอนกุ รมได้

1.วิธกี ารประเมิน : ทดสอบ

2.เครอ่ื งมือ : แบบทดสอบ

3.เกณฑ์การให้คะแนน : ช้ีเเจงแผนผงั พื้นฐานของเร็กกูเลเตอรแ์ บบอนุกรมได้ จะได้ 1

คะแนน

จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 4 ใชเ้ หตผุ ลเก่ียวกับไอซเี ร็กกเู ลเตอรส์ ามขาชนิดจ่ายแรงดนั

คงทไ่ี ด้

1.วิธกี ารประเมนิ : ทดสอบ

2.เครอื่ งมือ : แบบทดสอบ

3. เกณฑ์การใหค้ ะแนน : ใช้เหตุผลเก่ยี วกับไอซีเร็กกูเลเตอรส์ ามขาชนิดจา่ ยแรงดันคงที่

ได้ จะได้ 1 คะแนน

213

จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม ขอ้ ท่ี 5 ออกแบบวงจรจ่ายไฟโดยใช้ไอซเี ร็กกูเลเตอรอ์ ย่างถูกต้อง

เหมาะสม

1.วธิ ีการประเมนิ : ทดสอบ

2.เครือ่ งมือ : แบบทดสอบ

3.เกณฑ์การใหค้ ะแนน : ออกแบบวงจรจา่ ยไฟโดยใชไ้ อซีเรก็ กูเลเตอรอ์ ยา่ งถูกต้อง

เหมาะสม จะได้ 1 คะแนน

19. แบบฝกึ หดั

1.จงเปรยี บเทียบเรก็ กเู ลเตอร์แบบขนานและเรก็ กูเลเตอรแ์ บบอนุกรม
2.การออกแบบวงจรจ่ายไฟโดยใชไ้ อซีเร็กกูเลเตอร์ มเี ทคนิคการออกแบบอยา่ งไร
3.แผนผงั พ้ืนฐานของเร็กกเู ลเตอรแ์ บบอนกุ รม มีลักษณะอย่างไร
4.ไอซีเร็กกเู ลเตอรส์ ามขาชนิดจา่ ยแรงดนั คงท่ี คอื

214

20. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนร้แู บบมงุ่ เน้นสมรรถนะอาชีพและบรู ณาการตามหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

20.1 สรุปผลการจดั การเรียนรู้

รายการ ระดับการปฏบิ ตั ิ
54321

ด้านการเตรยี มการสอน

1.จดั หนว่ ยการเรยี นรู้ได้สอดคล้องกับวัตถุประสงคก์ ารเรยี นรู้

2. กาหนดเกณฑก์ ารประเมนิ ครอบคลุมทัง้ ดา้ นความรู้ ดา้ นทักษะ และด้านจิตพสิ ยั

3. เตรยี มวสั ดุ-อปุ กรณ์ สอื่ นวัตกรรม กิจกรรมตามแผนการจดั การเรยี นรกู้ ่อนเข้า

สอน

ด้านการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

4. มวี ธิ กี ารนาเขา้ สบู่ ทเรยี นที่น่าสนใจ

5. มีกิจกรรมทห่ี ลากหลาย เพื่อช่วยใหผ้ ู้เรยี นเกิดการเรียนรู้ ความเขา้ ใจ

6. จดั กจิ กรรมทสี่ ่งเสริมใหผ้ ้เู รียนค้นคว้าเพื่อหาคาตอบดว้ ยตนเอง

7. นกั เรียนมสี ่วนรว่ มในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

8. จดั กิจกรรมทเี่ นน้ กระบวนการคดิ ( คิดวเิ คราะห์ คดิ สังเคราะห์ คิดสรา้ งสรรค์ )

9. กระตนุ้ ใหผ้ ู้เรียนแสดงความคดิ เหน็ อย่างเสรี

10. จัดกจิ กรรมการเรียนรูท้ เ่ี ชอื่ มโยงกับชวี ติ จรงิ โดยนาภูมปิ ญั ญา/บรู ณาการเขา้ มา

มีสว่ นร่วม

11. จัดกิจกรรมโดยสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม

12. มีการเสรมิ แรงเมื่อนักเรยี นปฏบิ ตั ิ หรอื ตอบถูกต้อง

13. มอบหมายงานให้เหมาะสมตามศักยภาพของผู้เรียน

14. เอาใจใสด่ ูแลผ้เู รียน อยา่ งทว่ั ถงึ

15. ใช้เวลาสอนเหมาะสมกับเวลาท่ีกาหนด

ด้านสือ่ นวัตกรรม แหล่งการเรียนรู้

16. ใชส้ ่ือทเ่ี หมาะสมกบั กจิ กรรมและศักยภาพของผูเ้ รียน

17. ใชส้ ่อื แหล่งการเรียนรู้อยา่ งหลากหลาย เช่น บคุ คล สถานท่ี ของจริง เอกสาร

ส่ืออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอรเ์ น็ต เปน็ ตน้

13. มอบหมายงานใหเ้ หมาะสมตามศักยภาพของผู้เรยี น

14. เอาใจใส่ดแู ลผู้เรียน อย่างทวั่ ถึง

215

15. ใชเ้ วลาสอนเหมาะสมกบั เวลาท่ีกาหนด

ด้านการวดั และประเมนิ ผล

18. ผเู้ รยี นมีสว่ นรว่ มในการกาหนดเกณฑก์ ารวดั และประเมินผล

19. ประเมินผลอยา่ งหลากหลายและครบทั้งดา้ นความรู้ ทักษะ และจติ พิสัย

20. ครู ผเู้ รียน ผูป้ กครอง หรือ ผทู้ ี่เกี่ยวข้องมีสว่ นรว่ ม ในการประเมิน

หมายเหตุ ระดบั การปฏบิ ัติ 5 = ปฏิบตั ิดเี ย่ียม 4 = ปฏิบัตดิ ี 3 = รวม

ปฏิบตั พิ อใช้ 2 = ควรปรับปรงุ 1 = ไม่มกี ารปฏบิ ตั ิ เฉล่ยี

20.2 ปัญหาท่พี บ และแนวทางแกป้ ญั หา แนวทางแกป้ ัญหา

ปัญหาที่พบ
ดา้ นการเตรียมการสอน

ดา้ นการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

ด้านส่ือ นวตั กรรม แหลง่ การเรยี นรู้

ด้านการวัดประเมนิ ผล

ด้านอน่ื ๆ (โปรดระบุเปน็ ข้อ ๆ)

ลงชอื่ .................................................................... ครูผ้สู อน
( นายศุภกร มง่ิ คา )
ตาแหน่ง ครูพเิ ศษสอน

............../.................................../....................

21. บนั ทึกการนเิ ทศและตดิ ตาม 216
ชอ่ื -สกุล ผู้นิเทศ ตาแหนง่
วนั -เดือน- เวลา รายการนเิ ทศและติดตาม
ปี

217

แผนการจดั การเรยี นรู้ แบบม่งุ เน้นสมรรถนะอาชีพ
และบูรณาการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

รหัสวชิ า ..... 20104 - 2102...... วิชา ...................... อุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์และวงจร.............................
สปั ดาหท์ ่ี ........11...... ชอื่ หนว่ ย ไอซอี อปแอมป์
ชอ่ื เรอ่ื ง...............................................ไอซอี อปแอมป์ ..........…….…….…………..............จานวน...4...ชั่วโมง

1. สาระสาคัญ

ออปแอมป์ (Op – amp) เป็นชอ่ื ยอ่ สาหรับเรยี กวงจรขยายโอเพอเรชนั เเนล แอมปลิไฟเออร์
(Operational amplifier) เป็นวงจรขยายแบบต่อตรง (Direct coupled amplifier) ท่ีมอี ตั ราการขยายสงู
มาก ใช้การป้อนกลบั แบบลบไปควบคุมการทางาน วงจรภายในประกอบด้วยวงจรขยายทตี่ ่ออนกุ รมกนั หลาย
ภาค ไอซีออปแอมป์ เป็นไอซีทแี่ ตกต่างไปจากลิเนียร์ไอซที ่วั ไป มีอนิ พตุ 2 อินพุต และมีเอาตพ์ ุตเดยี ว
อินพุตขาหน่งึ เรยี กว่า อินเวอร์ตงิ้ อนิ พุต (Inverting Input) หรอื ขาลบ(-) อีกขาหน่ึง คือ นอนอนิ เวอรต์ ิ้ง
อนิ พุต(Non-Inverting Input) หรือขา(+) ออปแอมปส์ ามารถประยุกต์ใชง้ านได้หลายอย่างเช่น วงจรขยาย
สญั ญาณ วงจรเปรียบเทยี บสัญญาณ วงจรกาเนดิ สัญญาณ เป็นตน้

2. สมรรถนะประจาหน่วยการเรียนรู้

1.แสดงความรเู้ ก่ยี วกับไอซอี อปแอมป์ (Op-Amp I.C)

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

3.1 จดุ ประสงค์ทั่วไป
1.เพ่ือให้มีความรู้เกยี่ วกับการเปรียบเทยี บวงจรขยายแบบกลับเฟสและแบบไม่กลบั (ด้านความรู้)
2.เพ่ือให้มีทักษะในการสงั เกตวงจรบฟั เฟอร์และวงจรกรองสัญญาณความถีต่ า่ (ด้านทักษะ)
3.เพอื่ ให้มเี จตคติท่ดี ใี นการตดิ ตามคณุ สมบัติของไอซีออปแอป์ (ดา้ นจติ พิสัย)
4.เพอื่ ประยุกต์ไอซอี อปแอมป์ไปใชง้ านอ่ืนได้อย่างถูกต้องเหมาะสม (ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม)

3.2 จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม
1.เปรียบเทียบวงจรขยายแบบกลับเฟสและแบบไม่กลับได้ (ดา้ นความรู)้
2.สังเกตวงจรบฟั เฟอรแ์ ละวงจรกรองสญั ญาณความถ่ตี า่ ได้ (ด้านทกั ษะ)
3.ตดิ ตามคุณสมบตั ขิ องไอซีออปแอปไ์ ด้ (ดา้ นจิตพิสยั )
4.ประยกุ ต์ไอซีออปแอมป์ไปใช้งานอื่นได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม (ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม)

218

4. เน้ือหาสาระการสอน/การเรียนรู้

4.1 ดา้ นความรู้
4.1 คณุ สมบัติของออปแอมป์
4.2 วงจรขยายแบบกลบั เฟส (Inverting Amplifier)
4.3 วงจรขยายแบบไม่กลับเฟส (Non-Inverting Amplifier)
4.4 วงจรบฟั เฟอร์ (Buffer)
4.5 วงจรกรองสัญญาณความถต่ี า่ (Low Pass Filter)

4.2 ดา้ นทักษะหรือปฏบิ ตั ิ
1. การทดลองท่ี 11 ไอซอี อปแอมป์
2. แบบทดสอบบทท่ี 11

4.3 ดา้ นคณุ ธรรม/จรยิ ธรรม/จรรยาบรรณ/บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพียง
1. ประยุกต์ไอซีออปแอมป์ ไปใชง้ านอนื่ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

5. กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้

ข้นั ตอนการสอนหรอื กิจกรรมครู ขนั้ ตอนการเรยี นหรอื กิจกรรมของผู้เรยี น

ขน้ั เตรยี ม(จานวน 30 นาที) ขั้นเตรียม (ใชเ้ วลา 30 นาที)

1.ผู้สอนใหผ้ ูเ้ รียนอ่านเอกสารประกอบการสอนวชิ า 1.ผ้เู รียนศึกษาเอกสารประกอบการสอนวชิ า

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวงจร หน่วยที่ 11 อปุ กรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวงจร หนว่ ยท่ี 11

เร่ือง ไอซีออปแอมป์ (Op-Amp I.C)หนา้ ท่ี 133 เรอ่ื ง ไอซีออปแอมป์ (Op-Amp I.C)หน้าท่ี 133

ในสว่ นของสาระสาคัญ ในส่วนของสาระสาคญั

2.ผสู้ อนแจ้งจุดประสงคก์ ารเรียนของหน่วยท่ี 11 2.ผูเ้ รยี นทาความเขา้ ใจเกี่ยวกับจดุ ประสงค์การเรยี น

เร่ือง ไอซีออปแอมป์ (Op-Amp I.C) ของหน่วยเรียนท่ี 2 เร่อื ง วงจรเรยี กกระแสแบบ

3.ผสู้ อนให้ผู้เรยี นเปรยี บเทยี บวงจรขยายแบบกลบั ครง่ึ คล่ืน (Half Wave Rectifier)

เฟสและแบบไม่กลบั พร้อมใหเ้ หตุผลประกอบ 3.ผู้เรยี นเปรยี บเทียบวงจรขยายแบบกลบั เฟสและ

แบบไม่กลับพร้อมใหเ้ หตุผลประกอบ

ข้ันการสอน (จานวน 180 นาที) ขั้นการสอน (จานวน 180 นาที)

1.ผู้สอนให้ผเู้ รยี นศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน 1.ผู้เรยี นศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน วิชา

วิชา อปุ กรณอ์ ิเล็กทรอนิกสแ์ ละวงจร หนว่ ยที่ อปุ กรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวงจร 11 เรื่อง ไอซี

11 เร่อื ง ไอซีออปแอมป์ (Op-Amp I.C) หน้าท่ี ออปแอมป์ (Op-Amp I.C) หน้าท่ี 134-137

134-137

219

2.ผ้สู อนเปดิ โอกาส ให้ผเู้ รยี นถามปัญหา และข้อ 2.ผู้เรยี นถามปญั หา และขอ้ สงสยั จากเน้ือหา โดยครู
สงสยั จากเนอ้ื หา โดยครูฝึกใหผ้ ู้เรยี นสังเกตวงจร ฝกึ ให้ผ้เู รยี นสงั เกตวงจรบัฟเฟอร์และวงจรกรอง
บฟั เฟอรแ์ ละวงจรกรองสญั ญาณความถ่ีตา่ สัญญาณความถี่ต่า
3.ผ้เู รยี นทาการทดลองที่ 11 ไอซีออปแอมป์
3.ผ้สู อนให้ผู้เรยี นทาการทดลองท่ี 11 ไอซีออป (Op-Amp I.C) 138-142
แอมป์ (Op-Amp I.C) 138-142 4.ผู้เรียนสบื คน้ ข้อมลู จากอนิ เทอร์เน็ต

4.ผู้สอนให้ผเู้ รียนสืบค้นข้อมูลจากอนิ เทอรเ์ น็ต ขน้ั สรปุ (จานวน 30 นาท)ี
1.ผเู้ รียนรว่ มกันสรุปเน้อื หาท่ีไดเ้ รียนใหม้ ีความ
ขั้นสรุป(จานวน 30 นาที) เขา้ ใจในทิศทางเดยี วกนั
1.ผู้สอนและผเู้ รยี นร่วมกันสรุปเนือ้ หาที่ไดเ้ รยี นให้มี 2.ผู้เรียนทาแบบทดสอบบทท่ี 11 หน้าที่ 143-
ความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน 144
2.ผู้สอนใหผ้ ู้เรยี นทาแบบทดสอบบทที่ 11 หน้าที่ 3.ผู้เรยี นศกึ ษาเพิม่ เติมนอกห้องเรียน ด้วย
143-144 PowerPoint ทีจ่ ดั ทาข้ึน
3.ผู้สอนให้ผ้เู รยี นศกึ ษาเพิ่มเติมนอกห้องเรียน ดว้ ย

PowerPoint ทจี่ ัดทาขึน้

รวมเวลาเรียนท้งั หมด 240 นาที
หรือ 4 ช่ัวโมงเรียน

6. สอ่ื การเรียนการสอน/การเรียนรู้

6.1 สื่อสิง่ พิมพ์
1) เอกสารประกอบการเรยี นวิชาอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์และวงจรของนายชงิ ชัย ศรีสุรัตน์
2) แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 11 ไอซีออปแอมป์
3) แบบทดสอบหลังเรยี นหนว่ ยที่ 11 ไอซีออปแอมป์
4) เอกสารการเรยี นร้หู น่วยท่ี 11 ไอซีออปแอมป์
5) แบบฝึกหัดหนว่ ยที่ 11 ไอซีออปแอมป์
6) เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบหลงั เรยี น และแบบฝกึ หัดท้ายหนว่ ย

6.2 ส่อื โสตทศั น์
1) เคร่ืองฉายภาพ (projector)
2) งานนาเสนอหน่วยท่ี 11 ไอซีออปแอมป์

220

6.3 ส่ือของจรงิ
1) ไอซอี อปแอมป์

7. แหล่งการเรยี นการสอน/การเรียนรู้

7.1 ภายในสถานศกึ ษา
1. ห้องสมุด
2. ศนู ย์ Internet สมเด็จพระเทพฯ
3. ห้องปฏิบัตกิ ารเขยี นแบบเครอื่ งกลด้วยคอมพิวเตอร์

7.2 ภายนอกสถานศกึ ษา
1. อาคารวิทยบริการ วทิ ยาลัยเทคนิคสวา่ งแดนดนิ

8. งานทม่ี อบหมาย

8.1 กอ่ นเรียน
1. แบบทดสอบก่อนเรยี น
2. ตอบคาถามก่อนเรียน เปน็ การนาเขา้ สู่บทเรยี น

8.2 ขณะเรียน
1. ตอบคาถามระหวา่ งเรียน

8.3 หลังเรยี น
1. ทาแบบทดสอบหลังเรยี น
2. ทาแบบฝึกหดั หลังเรยี น
3. ทาใบกจิ กรรมที่ 11

9. ผลงาน/ช้นิ งาน ที่เกดิ จากการเรยี นรู้ของผเู้ รียน

การทดลองที่ 11 ไอซีออปแอมป์ แบบทดสอบบทท่ี 11

10. เอกสารอา้ งองิ

1. หนงั สอื เรียนวิชาอุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกสแ์ ละวงจรของนายชงิ ชัย ศรสี ุรตั น์

11. การบูรณาการ/ความสัมพนั ธก์ บั รายวิชาอื่น

1. บรู ณาการกับวิชาชีวิตและวัฒนธรรมไทย ดา้ นการพดู การอ่าน การเขียนและการฝกึ ปฏบิ ัตติ นทาง
สังคมดา้ นการเตรยี มความพร้อม ความรบั ผิดชอบ ความสนใจใฝ่รู้

2. บูรณาการกบั วิชาหลักเศรษฐศาสตร์ ด้านการเลือกใช้ทรพั ยากรอย่างประหยดั

221

12. หลกั การประเมินผลการเรยี น

12.1 ก่อนเรยี น
1. ตรวจสอบระดับความรคู้ วามเขา้ ใจของผู้เรยี นก่อนเร่ิมการสอน

12.2 ขณะเรยี น
1. ตรวจสอบความสนใจในการเรยี นของผู้เรยี นโดยการถาม-ตอบคาถามในระหวา่ งท่เี รียน

12.3 หลังเรยี น
1. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียนพร้อมกบั เปรยี บเทียบแบบทดสอบก่อนเรียน
2. ตรวจแบบฝกึ หัดหลงั เรยี นเพือ่ ประเมลิ ระดับความเขา้ ใจของผูเ้ รยี น
3. ตรวจใบกิจกรรม

13. รายละเอียดการประเมินผลการเรียน

จดุ ประสงคข์ ้อที่ 1 การประเมินผลความรู้ความเข้าใจของผ้เู รยี นกอ่ นเรยี น
1. วธิ ีการประเมิน : ใหท้ าแบบทดสอบก่อนเรยี น และถามคาถามเพ่ือประเมนิ ระดบั ความร้ขู องผ้เู รยี น
2. เครอื่ งการประเมนิ : แบบทดสอบก่อนเรียน
3. เกณฑ์การประเมิน : ใชอ้ า้ งองิ เป็นตวั เปรยี บเทยี บกบั ผลการทดสอบหลังเรยี น
4. เกณฑ์การผ่าน : นกั เรียนสามารถทาแบบทดสอบได้ไมน่ ้อยกว่าคร่งึ หนึ่งของจานวนข้อของแบบ

ทดสอบทงั้ หมด
จุดประสงค์ข้อที่ 2 การประเมินผลความรคู้ วามเข้าใจของผเู้ รียนหลังเรียน
1. วธิ ีการประเมนิ : ใหท้ าแบบทดสอบหลังเรียน
2. เครอ่ื งการประเมนิ : แบบทดสอบหลงั เรียน
3. เกณฑ์การประเมิน : ใช้เปรียบเทียบกบั ผลการทดสอบกอ่ นเรยี น
4. เกณฑ์การผ่าน : นักเรยี นสามารถทาแบบทดสอบได้ไมน่ ้อยกว่าการทาแบบทดสอบก่อนเรยี น

14. แบบทดสอบกอ่ นเรียน

สปั ดาหท์ ี่ .....11.....ช่ือหนว่ ยการสอน ไอซีออปแอมป์
วัตถุประสงค์ เพอ่ื การประเมนิ ผลความรคู้ วามเข้าใจของผเู้ รยี นก่อนเรยี น
ขอ้ คาถาม
คาสั่ง จงเลือกคาตอบใหถ้ ูกต้องท่ีสดุ เพียงคาตอบเดียว

1. ขอ้ ใดคือคณุ สมบตั ิของออปแอมป์
ก. มอี ัตราขยายเปน็ อนนั ต์
ข. มีอินพุตอิมพีแดนซ์เป็นอนัน
ค. มเี อาต์พุตอิมพีแดนซเ์ ป็นศูนย์
ง.ถกู ทุกข้อ

222

2. ออปแอมปต์ อบสนองความถ่ที ี่ช่วงใด
ก. 0 Hz-1 kHz
ข. 0 Hz-10 kHz
ค. 0 Hz-1 MHz
ง. 0Hz - อนนั ต์

3. ขอ้ ใดคือขอ้ ดีของออปแอมป์
ก. สามารถขยายสัญญาณไดท้ ้ังไฟกระแสสลบั และไฟกระแสตรง
ข. สามารถขยายสญั ญาณไฟกระแสสลับได้สูง
ค. สามารถขยายสัญญาณ ไฟกระแสตรงได้สูง
ง สามารถขยายได้กวา้ ง

4. ออปแอมปค์ วามแตกตา่ งจากไอซลี ิเนียร์โดยทั่วไป คอื ข้อใด
ก. ออปแอมป์มีอินพุต 1 ทาง เอาต์พตุ 1 ทาง
ข. ออปแอมป์มีอนิ พุต 2 ทาง เอาต์พุต 1 ทาง
ค. ออปแอมป์มีอนิ พตุ 1 ทาง เอาต์พตุ 2 ทาง
ง. ออปแอมป์มีอินพุต 2 ทาง เอาต์พุต 2 ทาง

5. จากรูปวงจร จงคานวณหาอตั ราการบยายวา่ มีค่าเท่าใด

ก. 1 เทา่
ข. 17 เท่า
ค. 56 เทา่
ง. 100 เทา่

223

6. เราสามารถนาเอาออปแอมป์มาใชข้ ยายสญั ญาณไดก้ ่แี บบ
ก. 2 แบบ
ข. 3 แบบ
ค. 4 แบบ
ง. 5 แบบ

7. วงจรออปแอมปแ์ บบกลับเฟสเป็นอยา่ งไร
ก. มกี ารป้อนกลับสญั ญาณเข้าทางขาอนิ เวอร์ต้ิงอนิ พตุ
ข. มีการป้อนสญั ญาณ ไฟสลับควบคุมเฟส
ค. มีการปอ้ นสัญญาณไฟตรงให้กับ R1
ง. ใช้ R3 ควบคมุ เฟส

8. วงจรขยายออปแอมป์แบบไม่กลบั เฟสเป็นอย่างไร
ก. ป้อนสญั ญาณเขา้ ที่ขาอินเวอร์ต้งิ
ข. ป้อนสญั ญาณเขา้ ท่ีขานอนอินเวอรต์ ้ิง
ค. ปอ้ นสัญญาณเข้าท้งั ขา อินเวอรต์ ง้ิ และนอนอินเวอร์ต้ิง
ง. ใช้ R3 ควบคุมเฟส

9. วงจรบฟั เฟอร์ หรอื เรียกอีกอย่างวา่ วงจรอะไร
ก. วงจรฟิลเตอร์
ข. วงจรกันชน
ค. วงจรทวแี รงดัน
ง. วงจรยกระดับ

10. อัตราการขยายแรงดนั ของวงจรบฟั เฟอร์มีดเท่าใด
ก. AV= 1 เท่า
ข. AV= 1.5 เท่า
ค. AV=2 เท่า
ง. AV=3 เท่า

224

15. แบบทดสอบหลงั เรยี น

สปั ดาหท์ ี่ .....11.....ชื่อหนว่ ยการสอน ไอซีออปแอมป์
วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อ การประเมนิ ผลความรคู้ วามเข้าใจของผู้เรยี นก่อนเรยี น
ขอ้ คาถาม
คาส่ัง จงเลือกคาตอบใหถ้ ูกต้องทีส่ ดุ เพยี งคาตอบเดยี ว

1. ข้อใดคอื คุณสมบัติของออปแอมป์
ก. มอี ตั ราขยายเปน็ อนนั ต์
ข. มีอนิ พุตอมิ พแี ดนซ์เปน็ อนัน
ค. มเี อาต์พตุ อิมพีแดนซ์เปน็ ศูนย์
ง.ถูกทุกข้อ

2. ออปแอมปต์ อบสนองความถี่ท่ีช่วงใด
ก. 0 Hz-1 kHz
ข. 0 Hz-10 kHz
ค. 0 Hz-1 MHz
ง. 0Hz - อนันต์

3. ข้อใดคือข้อดีของออปแอมป์
ก. สามารถขยายสัญญาณได้ทั้งไฟกระแสสลบั และไฟกระแสตรง
ข. สามารถขยายสัญญาณไฟกระแสสลบั ไดส้ ูง
ค. สามารถขยายสญั ญาณ ไฟกระแสตรงไดส้ ูง
ง สามารถขยายไดก้ ว้าง

4. ออปแอมปค์ วามแตกต่างจากไอซลี ิเนยี รโ์ ดยท่ัวไป คือขอ้ ใด
ก. ออปแอมป์มีอนิ พตุ 1 ทาง เอาต์พตุ 1 ทาง
ข. ออปแอมป์มีอินพุต 2 ทาง เอาต์พตุ 1 ทาง
ค. ออปแอมป์มีอินพุต 1 ทาง เอาต์พตุ 2 ทาง
ง. ออปแอมป์มีอนิ พุต 2 ทาง เอาต์พตุ 2 ทาง

225

5. จากรปู วงจร จงคานวณหาอัตราการบยายว่ามีคา่ เท่าใด

ก. 1 เท่า
ข. 17 เทา่
ค. 56 เทา่
ง. 100 เทา่

6. เราสามารถนาเอาออปแอมป์มาใชข้ ยายสญั ญาณได้กี่แบบ
ก. 2 แบบ
ข. 3 แบบ
ค. 4 แบบ
ง. 5 แบบ

7. วงจรออปแอมปแ์ บบกลับเฟสเป็นอย่างไร
ก. มกี ารปอ้ นกลบั สัญญาณเข้าทางขาอินเวอร์ติ้งอินพุต
ข. มกี ารปอ้ นสัญญาณ ไฟสลับควบคมุ เฟส
ค. มกี ารปอ้ นสัญญาณไฟตรงให้กับ R1
ง. ใช้ R3 ควบคุมเฟส

8. วงจรขยายออปแอมป์แบบไมก่ ลับเฟสเปน็ อย่างไร
ก. ปอ้ นสัญญาณเขา้ ที่ขาอินเวอรต์ ิง้
ข. ปอ้ นสญั ญาณเข้าที่ขานอนอินเวอรต์ ง้ิ
ค. ปอ้ นสญั ญาณเขา้ ท้งั ขา อนิ เวอรต์ ง้ิ และนอนอินเวอร์ตง้ิ
ง. ใช้ R3 ควบคมุ เฟส

226

9. วงจรบัฟเฟอร์ หรือเรียกอีกอย่างวา่ วงจรอะไร
ก. วงจรฟลิ เตอร์
ข. วงจรกนั ชน
ค. วงจรทวีแรงดัน
ง. วงจรยกระดับ

10. อตั ราการขยายแรงดันของวงจรบฟั เฟอรม์ ดี เท่าใด
ก. AV= 1 เทา่
ข. AV= 1.5 เท่า
ค. AV=2 เท่า
ง. AV=3 เท่า

227

16. ใบความร้ทู ี่ ...11.....

สัปดาหท์ ี่ .....11.....ช่อื หนว่ ยการสอน ไอซีออปแอมป์
วตั ถุประสงค์ เพ่อื การประเมนิ ผลความรูค้ วามเข้าใจของผ้เู รยี นกอ่ นเรยี น

16.1 คณุ สมบัตขิ องออปแอมป์
ออปแอมป์ (Op-amp) เป็นชื่อย่อสาหรับเรียกวงจรขยายท่ีย่อมาจาก (Operationg amplifier)

เป็นวงจรขยายแบบต่อตรง ท่ีมีอัตราการขยายสูงมาก ใช้การป้อนกลับแบบลบไปควบคุมคุณลักษณะการ

ทางาน ทาให้ผลการทางานของวงจรไม่ข้ึนกับพารามิเตอร์ภายในของออปแอมป์ วงจรภายในประกอบด้วย

วงจรขยายท่ีต่ออนุกรมกัน 4 ภาค คอื วงจรขยายดิฟเฟอเรนเซยี ลด้านทางเขา้ วงจรขยายดิฟเฟอเรนเชียล

ภาคท่ีสอง วงจรเล่ือนระดับและวงจรขยายกาลังด้านทางออก สัญลักษณ์ที่ใช้แทนออปแอมป์จะเป็นรูป

สามเหล่ยี ม ไอซีออปแอมป์ เป็นไอซีทแ่ี ตกตา่ งไปจากลิเนียร์ไอซีท่วั ไป คือ ไอซีออปแอมปม์ ีขาอนิ พุตสองขา

เรียกว่าขาเข้าไม่กลับเฟส หรือขา+และขาเข้ากลับเฟส หรือขา-ส่วนทางด้านออกมีเพียงขาเดียว เม่ือ

สัญญาณป้อนขาไม่กลับเฟส สัญญาณทางด้านออกจะมีเฟสตรงกับทางด้านเข้า แต่ถ้าป้อนสัญญาณเข้าที่ขา

เขา้ กลับเฟส สญั ญาณทางออกจะมเี ฟสต่างไป 180 องศาจากสัญญาณด้านทางเข้า

คุณสมบตั ขิ องออปแอมปใ์ นทางอุดมคติ

1. อตั ราขยายมคี ่าสูงมากเป็นอนันต์ หรืออินฟนิ ิตี้
2. อินพุตอมิ พแี ดนซ์มคี ่าสูงมากเปน็ อนันต์
3. เอาตพ์ ุตอมิ พีแดนซม์ ีค่าตา่ มากเทา่ กบั ศนู ย์
4. ความกวา้ งของแบนด์วดิ ท์ ในการขยายสงู มาก
5. สามารถขยายสญั ญาณได้ท้ังสัญญาณ AC. และสญั ญาณ DC
6. การทางานไม่ข้นึ กบั อณุ หภูมิ
16.2 วงจรขยายแบบกลับเฟส (Inverting Amplifier)

ในวงจรขยายออปแอมป์น้ันสามารถท่ีจะกาหนดอัตราการขยายของวงจรได้โดยการใช้วงจร เนกาตีฟ

ฟดี แบค็ เมอ่ื เราปอ้ นสญั ญาณเข้าทางขากลับเฟส (ขา -) แรงดันด้านทางออกจะมีมุมเฟสตา่ งไปจากแรงดัน

ทางเข้า 180 องศา ซึ่งมีลักษณะตรงกันข้าม สัญญาณตรงกันข้ามน้ีก็จะถูกป้อนกลับผ่าน R2 เข้ามายังขา
อินเวอร์ติ้งอีกคร้ังหน่ึง ตรงจุดนี้จะทาให้สัญญาณเกิดการหกั ล้างกันอัตราการขยายก็จะลดลง ถ้าตัวต้านทาน

ที่เป็นตัวป้อนกลับมีค่ามาก จะทาให้สัญญาณป้อนกลับมีขนาดเล็กอัตราการขยายออกจึงสูง ถ้าตัวต้าน

ทาน้ัป้อนกลับมีค่าน้อยสัญญาณป้อนกลับไปได้มาอัตราการขยายก็จะลดลง ฉะนั้นอัตราส่วนของความ

ต้านทาน R1 และ R2 จะเป็นตวั กาหนดอตั ราการขยายของวงจร โดยไม่ข้ึนอัตราการขยายของออปแอมป์

ซ่ึงสามารถอตั ราการขยายแรงดนั ไดจ้ ากสูตร AV= R2
R1

228

16.3 วงจรขยายแบบไมก่ ลบั เฟส (Non-Inverting Amplifier)
วงจรขยายน้เี ป็นวงจรขยายอีกแบบหนง่ึ ที่ต้องการเฟสในการขยายเป็นเฟสเดียวกัน ดังนั้น การป้อน

สัญญาณอินพุตจึงต้องป้อนเข้าท่ีขาอินพุตไม่กลับเฟส (+) ซึ่งเม่ือขยายออกท่ีเอาต์พุตแล้วจะได้สัญญาณ
เอาต์พตุ ท่ีมีเฟสเหมือนกัน ดงั น้นั ในวงจรขยายแบบไม่กลบั เฟสน้ีการป้อนกลบั เพ่ือลดอัตราการขยายจึงยังคง
ต้องป้อนไปยังขาอนิ เวอร์ตง้ิ (-) เพื่อให้เกิดการหกั ล้างของสัญญาณกนั ภายในตวั ไอซีออปแอมป์
16.4 วงจรบัฟเฟอร์ (Buffer)

วงจรบัฟเฟอร์ หรือ วงจรกันชน เป็นวงจรท่ีใช้เชื่อมวงจรสองวงจรเข้าด้วยกัน เช่น ระบบไอซีท่ี
ต่างกระกูลกัน หรือทรานซิสเตอร์ท่ีไม่แมทชิ่งอิมพีแดนซ์กัน คือ วงจรท่ีจาเป็นต้องใช้บัฟเฟอร์ เพราะ
คณุ สมบัตขิ องออปแอมป์ทางเอาต์พุตอิมพีแดนซต์ ่า เม่ือเช่อื มตอ่ วงจรอน่ื แลว้ จะไมท่ าใหว้ งจรอ่ืนมผี ลแตกต่าง
ไปจากเดิม วงจรบัฟเฟอรน์ น้ั จะมีอัตราการขยายเทา่ กับ I
16.5 วงจรกรองสัญญาณความถ่ีต่า (Low Pass Filter)

การใช้วงจรกรองแบบอาร์ซี (RC Filter) เข้ามาเป็นเนกาตีฟฟีดแบ็ค การขยายสัญญาณของออป
แอมปจ์ ะกรองเอาความถ่ีเฉพาะบางความถอ่ี อกไปเท่านน้ั ซึง่ สามารถหาความถท่ี ่ใี ช้งานได้จากสูตร F=2πR12C1

229

17. ใบงาน
17 ใบกิจกรรมท่ี ....11....

สัปดาห์ที่ .....11....ชื่อหนว่ ยการสอน ไอซอี อปแอมป์

จุดประสงค์ เพ่ือ
1. วิเคราะหแ์ ละตีความหมาย
5. ต้งั คาถาม
6. อภิปรายแสดงความคิดเหน็ ระดมสมอง
7. การประยุกต์ความรสู้ ่งู านอาชีพ

สมรรถนะการปฏบิ ตั งิ านอาชพี
1. แสดงความรเู้ กี่ยวกับไอซีออปแอมป์

สมรรถนะการขยายผล
ความสอดคล้อง
จากการเรียน เรือ่ ง แสดงความรเู้ กี่ยวกับไอซีออปแอมป์ (Op-Amp I.C) ทาให้ผเู้ รยี นมี

ความรูเ้ พมิ่ เกยี่ วกับออปแอมป์ (Op – amp) เปน็ ช่ือย่อสาหรับเรียกวงจรขยายโอเพอเรชันเเนล
แอมปลไิ ฟเออร์ (Operational amplifier) เป็นวงจรขยายแบบต่อตรง (Direct coupled
amplifier) ทมี่ อี ัตราการขยายสูงมาก ใชก้ ารป้อนกลับแบบลบไปควบคมุ การทางาน วงจรภายใน
ประกอบด้วยวงจรขยายท่ีตอ่ อนกุ รมกันหลายภาค ไอซีออปแอมป์ เป็นไอซีท่ีแตกต่างไปจาก
ลิเนยี รไ์ อซีทว่ั ไป มีอินพตุ 2 อนิ พุต และมเี อาตพ์ ตุ เดียว อินพตุ ขาหนึ่งเรียกว่า อนิ เวอร์ติ้งอินพุต
(Inverting Input) หรือ ขาลบ(-) อีกขาหนง่ึ คอื นอนอินเวอรต์ ้งิ อนิ พุต(Non-Inverting Input)
หรือขา(+) ออปแอมป์สามารถประยกุ ต์ใชง้ านไดห้ ลายอย่างเช่น วงจรขยายสัญญาณ วงจร
เปรยี บเทียบสญั ญาณ วงจรกาเนิดสัญญาณ เปน็ ต้น

230

18. แบบประเมนิ ผล
รายละเอยี ดการประเมินผลการเรียนรู้

จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 1 เปรียบเทียบวงจรขยายแบบกลบั เฟสและแบบไม่กลบั ได้

1.วธิ กี ารประเมิน : ทดสอบ

2.เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ

3.เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : เปรยี บเทียบวงจรขยายแบบกลบั เฟสและแบบไม่กลับได้ ได้

2 คะแนน

จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 2 สังเกตวงจรบฟั เฟอร์และวงจรกรองสญั ญาณความถตี่ ่าได้

1.วิธกี ารประเมิน : ทดสอบ

2.เครื่องมือ : แบบทดสอบ

3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : สงั เกตวงจรบัฟเฟอร์และวงจรกรองสญั ญาณความถต่ี า่ ได้ ได้

จะได้ 3 คะแนน

จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ข้อที่ 3 ติดตามคณุ สมบตั ิของไอซีออปแอปไ์ ด้

1.วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ

2.เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ

3.เกณฑ์การให้คะแนน : ติดตามคุณสมบัติของไอซอี อปแอป์ได้ จะได้ 2 คะแนน

จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม ข้อท่ี 4 ประยุกตไ์ อซอี อปแอมป์ ไปใช้งานอื่นไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง

เหมาะสม

1.วิธกี ารประเมนิ : ทดสอบ

2.เคร่อื งมือ : แบบทดสอบ

3.เกณฑ์การใหค้ ะแนน : ประยกุ ตไ์ อซอี อปแอมป์ ไปใช้งานอ่ืนไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง

เหมาะสม จะได้ 3 คะแนน

231

19. แบบฝึกหดั

1. จงเปรยี บเทียบวงจรขยายแบบกลบั เฟสและแบบไม่กลบั
2. วงจรบัฟเฟอร์และวงจรกรองสญั ญาณความถต่ี ่าตา่ งกนั อย่างไร
3. ไอซีออปแอป์ มีคุณสมบตั ิอย่างไร

232

20. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนร้แู บบมงุ่ เน้นสมรรถนะอาชีพและบรู ณาการตามหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

20.1 สรุปผลการจดั การเรียนรู้

รายการ ระดับการปฏบิ ตั ิ
54321

ด้านการเตรยี มการสอน

1.จดั หนว่ ยการเรยี นรู้ได้สอดคล้องกับวัตถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้

2. กาหนดเกณฑก์ ารประเมนิ ครอบคลุมทัง้ ดา้ นความรู้ ดา้ นทกั ษะ และด้านจติ พิสัย

3. เตรยี มวสั ดุ-อปุ กรณ์ สอื่ นวัตกรรม กิจกรรมตามแผนการจัดการเรียนรกู้ ่อนเข้า

สอน

ด้านการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

4. มวี ธิ กี ารนาเขา้ สบู่ ทเรยี นที่น่าสนใจ

5. มีกิจกรรมทห่ี ลากหลาย เพ่ือช่วยใหผ้ ้เู รียนเกดิ การเรียนรู้ ความเข้าใจ

6. จดั กจิ กรรมทสี่ ่งเสริมใหผ้ ู้เรียนค้นควา้ เพื่อหาคาตอบด้วยตนเอง

7. นกั เรียนมสี ่วนรว่ มในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

8. จดั กิจกรรมทเี่ นน้ กระบวนการคดิ ( คิดวิเคราะห์ คิดสงั เคราะห์ คิดสร้างสรรค์ )

9. กระตนุ้ ใหผ้ ู้เรียนแสดงความคดิ เหน็ อย่างเสรี

10. จัดกจิ กรรมการเรียนรูท้ เ่ี ชอื่ มโยงกับชีวิตจรงิ โดยนาภูมปิ ญั ญา/บรู ณาการเข้ามา

มีสว่ นร่วม

11. จัดกิจกรรมโดยสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม

12. มีการเสรมิ แรงเมื่อนักเรียนปฏบิ ตั ิ หรอื ตอบถูกต้อง

13. มอบหมายงานให้เหมาะสมตามศักยภาพของผูเ้ รยี น

14. เอาใจใสด่ ูแลผ้เู รียน อยา่ งทว่ั ถงึ

15. ใช้เวลาสอนเหมาะสมกับเวลาทก่ี าหนด

ด้านสือ่ นวัตกรรม แหล่งการเรยี นรู้

16. ใชส้ ่ือทเ่ี หมาะสมกบั กจิ กรรมและศักยภาพของผู้เรียน

17. ใชส้ ่อื แหล่งการเรยี นรู้อยา่ งหลากหลาย เชน่ บคุ คล สถานท่ี ของจริง เอกสาร

ส่ืออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอรเ์ น็ต เปน็ ตน้

13. มอบหมายงานใหเ้ หมาะสมตามศักยภาพของผูเ้ รียน

14. เอาใจใส่ดแู ลผู้เรียน อย่างทวั่ ถึง

233

15. ใชเ้ วลาสอนเหมาะสมกบั เวลาท่ีกาหนด

ด้านการวดั และประเมนิ ผล

18. ผเู้ รยี นมีสว่ นรว่ มในการกาหนดเกณฑก์ ารวดั และประเมินผล

19. ประเมินผลอยา่ งหลากหลายและครบทั้งดา้ นความรู้ ทักษะ และจติ พิสัย

20. ครู ผเู้ รียน ผูป้ กครอง หรือ ผทู้ ี่เกีย่ วข้องมีสว่ นรว่ ม ในการประเมิน

หมายเหตุ ระดบั การปฏบิ ัติ 5 = ปฏิบตั ดิ ีเย่ียม 4 = ปฏิบัตดิ ี 3 = รวม

ปฏิบตั พิ อใช้ 2 = ควรปรับปรงุ 1 = ไม่มกี ารปฏบิ ตั ิ เฉล่ยี

20.2 ปัญหาท่พี บ และแนวทางแกป้ ญั หา แนวทางแกป้ ัญหา

ปัญหาที่พบ
ดา้ นการเตรียมการสอน

ดา้ นการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

ด้านส่ือ นวตั กรรม แหลง่ การเรยี นรู้

ด้านการวัดประเมนิ ผล

ด้านอน่ื ๆ (โปรดระบุเปน็ ข้อ ๆ)

ลงชอื่ .................................................................... ครูผ้สู อน
( นายศุภกร มง่ิ คา )
ตาแหน่ง ครูพเิ ศษสอน

............../.................................../....................

21. บนั ทึกการนเิ ทศและตดิ ตาม 234
ชอ่ื -สกุล ผู้นิเทศ ตาแหนง่
วนั -เดือน- เวลา รายการนเิ ทศและติดตาม
ปี

235

แผนการจัดการเรยี นรู้ แบบม่งุ เน้นสมรรถนะอาชีพ
และบรู ณาการตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

รหัสวชิ า ..... 20104 - 2102...... วชิ า ...................... อุปกรณอ์ ิเลก็ ทรอนกิ สแ์ ละวงจร.............................
สัปดาหท์ ี่ ........12...... ชอื่ หนว่ ย เอส ซี อาร์
ชื่อเรื่อง...............................................เอส ซี อาร์ ..........…….…….…………..............จานวน...4...ชั่วโมง

1. สาระสาคญั

เอสซีอาร์ ชื่อเต็มคือ Silicon Control Rectifier ชื่อย่อ “SCR” เปน็ อปุ กรณ์จาพวกไทริสเตอร์
โครงสร้างเปน็ สารกึ่งตวั นา 4 ตอน ( PNPN) ต่อชนเรียงสลับกัน มีขาต่อใชง้ าน 3ขา คือแอโนด (A) แคโทด (K)
และเกต (G) จ่ายไบอัสให้ขาแอโนดและแคโทดเปน็ ไบอัสตรงแลว้ กระต้นุ ท่ีขาเกตเปน็ ไฟบวก SCR กจ็ ะ
นากระแส ได้เมื่อ SCR นากระแสแล้วการท่จี ะทาให้ SCR หยุดนากระแสกระทาได้ 2 วธิ ีคือ ตัดแรงดันท่จี ่ายให้
วงจรออกชวั่ ขณะและลดกระแสแอโนดที่ไหลผา่ น SCR ให้ต่ากว่ากระแสโฮลดง้ิ (IH)

2. สมรรถนะประจาหนว่ ยการเรยี นรู้

1.แสดงความรู้เกี่ยวกับ เอส ซี อาร์

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

3.1 จุดประสงค์ท่ัวไป
1.เพอ่ื ให้มีความร้เู กย่ี วกบั การสาธิตโครงสร้างและสัญลักษณข์ องเอสซีอารไ์ ด้ (ดา้ นความรู)้
2.เพอื่ ให้มที กั ษะในการวดั และทดสอบเอสซีอารด์ ้วยโอหม์ มิเตอร์ได้ (ด้านทักษะ)
3.เพื่อให้มที กั ษะในการตรวจสภาพของเอสซีอาร์ด้วยโอห์มมเิ ตอร์ได้ (ดา้ นทักษะ)
4.เพอื่ ให้มเี จตคติท่ดี ใี นตดิ ตามการยอมรับสภาวะนากระแสของเอสซีอาร์ได้ (ดา้ นจิตพิสยั )
5.เพ่ือให้มีเจตคติท่ีดีในตดิ ตามการจดั ลาดับสภาวะหยุดนากระแสของเอสซีอารไ์ ด้ (ด้านจิตพสิ ัย)
6.เพอ่ื วัด ทดสอบ และตรวจสภาพของเอสซีอารด์ ว้ ยโอห์มมิเตอร์ดว้ ยความระมดั ระวัง ถูกตอ้ ง

เหมาะสม (ดา้ นด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง)

3.2 จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
1.สาธิตโครงสร้างและสญั ลักษณ์ของเอสซอี าร์ได้ (ดา้ นความร)ู้
2.วดั และทดสอบเอสซีอาร์ด้วยโอหม์ มิเตอรไ์ ด้ (ดา้ นทักษะ)
3.ตรวจสภาพของเอสซีอารด์ ว้ ยโอหม์ มเิ ตอรไ์ ด้ (ดา้ นทกั ษะ)
4.ตดิ ตามการยอมรบั สภาวะนากระแสของเอสซีอาร์ได้ (ด้านจติ พิสัย)
5.จดั ลาดับสภาวะหยุดนากระแสของเอสซีอาร์ได้ (ด้านจติ พสิ ัย)

236

6.เพ่ือวดั ทดสอบ และตรวจสภาพของเอสซีอารด์ ว้ ยโอห์มมิเตอร์ดว้ ยความระมัดระวงั ถกู ต้อง
เหมาะสม (ดา้ นดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม/บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพียง)

4. เน้อื หาสาระการสอน/การเรยี นรู้

4.1 ดา้ นความรู้
4.1 โครงสรา้ งและสัญลักษณ์ของเอสซอี าร์
4.2 สภาวะนากระแสของเอสซอี าร์
4.3 สภาวะหยดุ นากระแสของเอสซอี าร์
4.4 การนาเอสซีอาร์ไปใชง้ าน
4.5 การวดั และทดสอบเอสซีอารด์ ้วยโอห์มมเิ ตอร์

4.2 ดา้ นทักษะหรือปฏิบตั ิ
1. การทดลองท่ี 12 เอส ซี อาร์
2. แบบทดสอบบทที่ 12

4.3 ด้านคณุ ธรรม/จรยิ ธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพียง
1.วดั ทดสอบ และตรวจสภาพของเอสซีอาร์ดว้ ยโอห์มมเิ ตอร์ดว้ ยความระมดั ระวงั ถกู ต้อง

เหมาะสม

5. กจิ กรรมการเรียนการสอนหรอื การเรียนรู้

ข้นั ตอนการสอนหรือกิจกรรมครู ขน้ั ตอนการเรียนหรอื กจิ กรรมของผู้เรยี น

ขั้นเตรียม(จานวน 30 นาที) ข้ันเตรยี ม (ใช้เวลา 30 นาที)

1.ผู้สอนตง้ั คาถามวา่ สาธติ โครงสร้างและสญั ลักษณ์ 1.ผูเ้ รยี นช่วยกันตอบคาถามตามความเข้าใจ ของแต่

ของเอสซีอารพ์ ร้อมอธบิ ายเหตผุ ลประกอบ ละคน

2.ผูส้ อนแจ้งจุดประสงค์การเรียนของหนว่ ยที่ 12 2.ผู้เรียนทาความเขา้ ใจเกย่ี วกับจุดประสงค์การเรียน

เรือ่ ง เอส ซี อาร์ (SCR) หนว่ ยที่ 12 เรอ่ื ง เอส ซี อาร์ (SCR)

3.ผู้สอนให้ผ้เู รยี นวัดและทดสอบเอสซีอารด์ ้วยโอหม์ 3.วดั และทดสอบเอสซีอาร์ดว้ ยโอหม์ มเิ ตอร์

มิเตอร์

ขั้นการสอน (จานวน 180 นาที) ข้นั การสอน (จานวน 180 นาท)ี

1.ผู้สอนใหผ้ เู้ รยี นเปิด PowerPoint หนว่ ยที่ 12 1.ผูเ้ รยี นเปิด PowerPoint หน่วยท่ี 12 เรื่อง

เร่อื ง เอส ซี อาร์ (SCR)และให้ผู้เรยี นศกึ ษาเอกสาร เอส ซี อาร์ (SCR)และใหผ้ ้เู รียนศึกษาเอกสาร

ประกอบการสอน วิชา อุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์และ ประกอบการสอน วชิ า อปุ กรณอ์ เิ ลก็ ทรอนิกสแ์ ละ

วงจรหนา้ ที่ 146-150 โดยผ้สู อนสอนทีละหน้า วงจรหนา้ ท่ี 146-150 โดยผู้สอนสอนทีละหน้า

237

2.ผู้สอนอธบิ ายความรู้เพมิ่ เติม และให้ผเู้ รยี นชว่ ยกัน 2.ผเู้ รยี นฟังคาอธบิ ายและช่วยกันตรวจสภาพของ
ตรวจสภาพของเอสซอี ารด์ ้วยโอหม์ มเิ ตอร์ เอสซอี าร์ด้วยโอห์มมเิ ตอร์
3.ผสู้ อนเปิดโอกาส ใหผ้ เู้ รียนถามปัญหา และข้อ 3.ผูเ้ รียนซกั ถามข้อสงสัยทเ่ี กิดขน้ึ
สงสัยจากเนอื้ หา โดยครเู ปน็ ผู้ตอบปญั หาที่เกิดขึน้ 4.ผู้เรยี นทาการทดลองท่ี 12 เอส ซี อาร์ (SCR)
ระหวา่ งการเรียนการสอน หนา้ 121-150
4.ผสู้ อนใหผ้ ู้เรยี นทาการทดลองที่ 12 เอส ซี อาร์ 5.ผเู้ รยี นสบื คน้ ข้อมลู จากอินเทอรเ์ นต็
(SCR) หน้า 121-150
5.ผ้สู อนใหผ้ ู้เรยี นสืบคน้ ข้อมลู จากอนิ เทอรเ์ น็ต ขั้นสรปุ (จานวน 30 นาท)ี
1.ผเู้ รยี นรว่ มกันสรปุ เนื้อหาที่ได้เรยี นใหม้ คี วาม
ขั้นสรปุ (จานวน 30 นาท)ี เข้าใจในทิศทางเดยี วกัน
1.ผู้สอนและผูเ้ รยี นร่วมกนั สรุปเนื้อหาที่ไดเ้ รียนให้มี 2.ผู้เรียนแบบฝึกหัดหน่วยท่ี 12 หนา้ ท่ี 155-156
ความเขา้ ใจในทศิ ทางเดียวกนั 3.ผเู้ รยี นศกึ ษาเพ่ิมเติมนอกห้องเรยี น ดว้ ย
2.ผสู้ อนให้ผเู้ รยี นทาแบบทดสอบบทท่ี 12 หน้าท่ี PowerPoint ทีจ่ ัดทาขนึ้
155-156
3.ผู้สอนใหผ้ ้เู รยี นศึกษาเพ่ิมเติมนอกห้องเรยี น ดว้ ย

PowerPoint ท่จี ดั ทาข้ึน

รวมเวลาเรยี นทัง้ หมด 240 นาที
หรือ 4 ชั่วโมงเรยี น

6. ส่ือการเรยี นการสอน/การเรียนรู้

6.1 สอื่ สิ่งพิมพ์
1) เอกสารประกอบการเรียนวิชาอปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนกิ สแ์ ละวงจรของนายชิงชยั ศรสี ุรตั น์
2) แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 12 เอส ซี อาร์
3) แบบทดสอบหลงั เรยี นหน่วยที่ 12 เอส ซี อาร์
4) เอกสารการเรยี นรหู้ นว่ ยท่ี 12 เอส ซี อาร์
5) แบบฝึกหัดหน่วยท่ี 12 เอส ซี อาร์
6) เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบหลงั เรียน และแบบฝกึ หัดท้ายหนว่ ย

238

6.2 สอ่ื โสตทัศน์
1) เคร่ืองฉายภาพ (projector)
2) งานนาเสนอหน่วยที่ 12 เอส ซี อาร์

6.3 ส่ือของจรงิ
1) เอส ซี อาร์

7. แหลง่ การเรยี นการสอน/การเรียนรู้

7.1 ภายในสถานศึกษา
1. หอ้ งสมดุ
2. ศูนย์ Internet สมเด็จพระเทพฯ
3. ห้องปฏิบัตกิ ารเขยี นแบบเคร่ืองกลดว้ ยคอมพิวเตอร์

7.2 ภายนอกสถานศกึ ษา
1. อาคารวิทยบริการ วทิ ยาลัยเทคนิคสว่างแดนดนิ

8. งานท่ีมอบหมาย

8.1 ก่อนเรียน
1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน
2. ตอบคาถามก่อนเรยี น เปน็ การนาเข้าสบู่ ทเรยี น

8.2 ขณะเรียน
1. ตอบคาถามระหว่างเรียน

8.3 หลังเรียน
1. ทาแบบทดสอบหลังเรียน
2. ทาแบบฝกึ หดั หลงั เรยี น
3. ทาใบกิจกรรมท่ี 12

9. ผลงาน/ช้นิ งาน ท่ีเกิดจากการเรียนรู้ของผู้เรยี น

การทดลองท่ี 12 เอส ซี อาร์ แบบทดสอบบทท่ี 12

10. เอกสารอา้ งองิ

1. หนังสอื เรยี นวิชาอปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์และวงจรของนายชงิ ชัย ศรสี รุ ตั น์

239

11. การบูรณาการ/ความสมั พนั ธก์ ับรายวชิ าอน่ื

1. บรู ณาการกบั วชิ าชีวติ และวฒั นธรรมไทย ดา้ นการพูด การอา่ น การเขยี นและการฝกึ ปฏบิ ตั ติ นทาง
สังคมดา้ นการเตรียมความพร้อม ความรบั ผิดชอบ ความสนใจใฝ่รู้

2. บรู ณาการกบั วชิ าหลักเศรษฐศาสตร์ ดา้ นการเลือกใช้ทรพั ยากรอยา่ งประหยดั

12. หลักการประเมินผลการเรียน

12.1 กอ่ นเรียน
1. ตรวจสอบระดับความรคู้ วามเข้าใจของผเู้ รียนกอ่ นเริ่มการสอน

12.2 ขณะเรยี น
1. ตรวจสอบความสนใจในการเรยี นของผเู้ รียนโดยการถาม-ตอบคาถามในระหวา่ งที่เรียน

12.3 หลงั เรยี น
1. ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี นพร้อมกับเปรยี บเทยี บแบบทดสอบก่อนเรยี น
2. ตรวจแบบฝึกหดั หลงั เรยี นเพ่ือประเมิลระดับความเข้าใจของผเู้ รยี น
3. ตรวจใบกิจกรรม

13. รายละเอยี ดการประเมนิ ผลการเรียน

จุดประสงค์ข้อท่ี 1 การประเมินผลความรคู้ วามเข้าใจของผูเ้ รยี นกอ่ นเรยี น
1. วธิ ีการประเมิน : ให้ทาแบบทดสอบก่อนเรียน และถามคาถามเพื่อประเมินระดบั ความรู้ของผู้เรยี น
2. เคร่ืองการประเมิน : แบบทดสอบก่อนเรียน
3. เกณฑ์การประเมนิ : ใช้อ้างอิงเปน็ ตัวเปรียบเทยี บกับผลการทดสอบหลงั เรียน
4. เกณฑ์การผ่าน : นกั เรยี นสามารถทาแบบทดสอบได้ไมน่ ้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจานวนข้อของแบบ

ทดสอบทัง้ หมด
จุดประสงคข์ ้อที่ 2 การประเมินผลความรคู้ วามเข้าใจของผู้เรยี นหลังเรียน
1. วธิ กี ารประเมิน : ใหท้ าแบบทดสอบหลังเรียน
2. เคร่ืองการประเมิน : แบบทดสอบหลงั เรียน
3. เกณฑ์การประเมิน : ใชเ้ ปรยี บเทยี บกบั ผลการทดสอบก่อนเรียน
4. เกณฑ์การผา่ น : นกั เรยี นสามารถทาแบบทดสอบได้ไม่น้อยกวา่ การทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน

240

14. แบบทดสอบก่อนเรียน

สปั ดาหท์ ่ี .....12.....ชือ่ หนว่ ยการสอน เอส ซี อาร์
วตั ถุประสงค์ เพอื่ การประเมินผลความรู้ความเข้าใจของผเู้ รยี นก่อนเรียน
ข้อคาถาม
คาสงั่ จงเลอื กคาตอบให้ถูกต้องทสี่ ดุ เพยี งคาตอบเดียว

1. เอสซีอารเ์ ป็นอปุ กรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทใด
ก. เฟต
ข. ไทรสิ เตอร์
ค. ทรานซิสเตอร์
ง. ไอซี

2. กระแสทสี่ ามารถทาใหเ้ อสซอี ารน์ ากระแสไดต้ ลอดไปเรียกวา่ อะไร
ก. กระแสคา้ ง
ค. กระแสโหลด
ข. กระแเสเกต
ง. กระเสโยลค้ิง

3. การวดั คาความคทาของอสซีอรระหว่างขาใดใหค้ าความต้นทานตา่ สดุ
ก. G-K
ข. K - A
ค. A-G
ง. A-K

4. เอสซีอาร์ตา่ งจากไดโอดรรรมดา อยา่ งไร
ก. เอสซอี าร์นากระแสได้ทิศทางเดียว
ข เอสซอี าร์สามารถใช้กบั ไฟกระแสตรงได้.
ค, เอสซอี าร์มีการเรยี งกระแสที่ควบคุมได้
ง. เอสซีอาร์นากระแสได้สองทาง

5. โครงสร้างของเอสซีอารจ์ ะประกอบด้วยรอยตอ่ ของสารกง่ึ ตวั นาอะไร
ก. พ-ี เอ็น-เอน็ -พี
ข. พี-เอ็น-พ-ี เอน็
ค. เอน็ -เอ็น-พ-่ี พี
ง. เอ็น-พ-ี่ เอน็ -พี

241

6. การท่ีจะทาใหเ้ อสซีอาร์หยดุ นากระแสได้จะต้องทาอย่างไร
ก. ลุดคก่ ระแสแอโนดให้ต่ากว่ากระแสค้าง
ข. ลดค่ากระแสแอโนดให้ต่ากว่ากระแสโหลด
ค. ลุดค่ากระแสแอโนดใหต้ า่ กว่ากระแสยืด
ง. ลดคา่ กระแสเกตให้ต่ากวา่ กระแสแอโนด

7. การตรวจสอบเอสอาร์ เพ่ือใหส้ ภาพดี/ชารุด ควรทาอย่างไร
ก. ทดสอบการจดุ ชนวนและกระแสยดื
ข. วัดกระแสรัว่ ไหลระหว่างขา G และ A
ค. วัดกระแสรวั่ ไหลระหว่างขา A และ K
ง. ถกู ท้งั ข้อ ก. และ ข.

8. การจุดชนวนเอสซีอาร์ตอ้ งปอ้ นศักย์ไฟที่ขาต่าง ๆ อย่างไร
ก. A และ K เป็นลบ G เป็นบวก
ค. A และ G เป็นบวก K เป็นลบ
ข. A และ G เปน็ ลบ K เปน็ บวก
ง. A และ K เปน็ บวก G เป็นลบ

9. การวดั กระแสร่ัวไหลของเอสซีอาร์ควรใช้โอห์มมเิ ตอร์สเกลใด
ก. Rx1K
ข. Rx1
ค. Rx10K
ง. Rx10

10. กระแสใช้งานของเอสซีอารไ์ หลจากข้วั ใดไปข้ัวใด
ก. G ไป K
บ. K ไป A
ค. A ไป G
ง. A ไป K

242

15. แบบทดสอบหลงั เรียน

สปั ดาหท์ ่ี .....12.....ชือ่ หน่วยการสอน เอส ซี อาร์
วตั ถุประสงค์ เพอื่ การประเมินผลความรู้ความเข้าใจของผเู้ รยี นก่อนเรียน
ข้อคาถาม
คาสงั่ จงเลอื กคาตอบให้ถูกต้องทสี่ ดุ เพยี งคาตอบเดียว

1. เอสซีอาร์เป็นอปุ กรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทใด
ก. เฟต
ข. ไทรสิ เตอร์
ค. ทรานซสิ เตอร์
ง. ไอซี

2. กระแสทสี่ ามารถทาให้เอสซอี ารน์ ากระแสไดต้ ลอดไปเรียกวา่ อะไร
ก. กระแสคา้ ง
ค. กระแสโหลด
ข. กระแเสเกต
ง. กระเสโยลค้ิง

3. การวดั คาความคทาของอสซีอรระหว่างขาใดใหค้ าความต้นทานตา่ สดุ
ก. G-K
ข. K - A
ค. A-G
ง. A-K

4. เอสซีอาร์ต่างจากไดโอดรรรมดา อยา่ งไร
ก. เอสซอี าร์นากระแสไดท้ ิศทางเดียว
ข เอสซอี าร์สามารถใช้กับไฟกระแสตรงได้.
ค, เอสซอี าร์มีการเรียงกระแสที่ควบคุมได้
ง. เอสซีอาร์นากระแสไดส้ องทาง

5. โครงสร้างของเอสซอี ารจ์ ะประกอบด้วยรอยตอ่ ของสารกง่ึ ตวั นาอะไร
ก. พ-ี เอ็น-เอน็ -พี
ข. พี-เอ็น-พ-ี เอน็
ค. เอน็ -เอ็น-พ-่ี พี
ง. เอ็น-พ-ี่ เอน็ -พี

243

6. การท่ีจะทาใหเ้ อสซีอาร์หยดุ นากระแสได้จะต้องทาอย่างไร
ก. ลุดคก่ ระแสแอโนดให้ต่ากว่ากระแสคา้ ง
ข. ลดค่ากระแสแอโนดให้ต่ากว่ากระแสโหลด
ค. ลุดค่ากระแสแอโนดใหต้ า่ กว่ากระแสยืด
ง. ลดคา่ กระแสเกตให้ต่ากวา่ กระแสแอโนด

7. การตรวจสอบเอสอาร์ เพ่ือใหส้ ภาพดี/ชารุด ควรทาอย่างไร
ก. ทดสอบการจดุ ชนวนและกระแสยดื
ข. วัดกระแสรัว่ ไหลระหว่างขา G และ A
ค. วัดกระแสรวั่ ไหลระหว่างขา A และ K
ง. ถกู ท้งั ข้อ ก. และ ข.

8. การจุดชนวนเอสซีอาร์ตอ้ งปอ้ นศักย์ไฟที่ขาต่าง ๆ อย่างไร
ก. A และ K เป็นลบ G เป็นบวก
ค. A และ G เป็นบวก K เป็นลบ
ข. A และ G เปน็ ลบ K เปน็ บวก
ง. A และ K เปน็ บวก G เป็นลบ

9. การวดั กระแสร่ัวไหลของเอสซีอาร์ควรใช้โอห์มมเิ ตอร์สเกลใด
ก. Rx1K
ข. Rx1
ค. Rx10K
ง. Rx10

10. กระแสใช้งานของเอสซีอารไ์ หลจากข้วั ใดไปข้ัวใด
ก. G ไป K
บ. K ไป A
ค. A ไป G
ง. A ไป K

244

16. ใบความรู้ที่ ...12.....

สปั ดาหท์ ี่ .....12.....ชือ่ หนว่ ยการสอน เอส ซี อาร์
วตั ถปุ ระสงค์ เพ่อื การประเมินผลความรคู้ วามเข้าใจของผ้เู รยี นกอ่ นเรยี น

16.1 โครงสร้างและสัญลักษณ์ของเอสซีอาร์
เอสซีอาร์ (SCR) ช่ือเต็ม คือ ซิลิคอน คอนโทรล เร็คติฟายเออร์ เป็นอุปกรณ์โซลิดสเตคท่ีทา
หน้าท่ีเป็นสวิตซ์เปิด-ปิด วงจรทางอิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่ง อีกทั้งเอสซีอาร์ ยังจัดเป็นอุปกรณ์สารกึ่งตัวนา
ประเภท “ไทริสเตอร”์ ขอ้ ดีของสวิตซ์อิเลก็ ทรอนิกส์ คอื จะไม่มหี น้าสัมผสั หรอื เรยี กว่า คอนแทค็ ขณะปิด-
เปิดจึงไม่ทาให้เกิดประกายไฟหน้าสัมผัส จึงมีความปลอดภัยสูง ซ่ึงสวิตซ์ธรรมดา คือแบบกลไกท่ีมี
หนา้ สมั ผัส จะไม่สามารถนไปใชใ้ นบางสถานท่ีได้ สวิตซ์อิเลก็ ทรอนิกสค์ รั้งเรียกว่า “โซลดิ สเตทวิตซ์”
16.2 สภาวะนากระแสของเอสซอี าร์
การที่จะทาให้เอสซีอาร์นากระแสสามารถทาได้โดยจุดชนวน เรียกว่า “ทริกเกอร์” ด้วยกระแสเกต
ให้แก่เอสซีอาร์ และที่ขั้วแอโนด และแคโทด (K) ได้รับไบอัสตรง คือ ที่แอโนดได้แรงดันบวก (+) และที่

แคโทดได้รับแรงดันลบ (-) ทาให้เกิดกระแส IB2 ไหลเข้าขาเบส (Base) ของทรานซิลเตอร์ TR2 อยู่ใน
สภาวะนากระแส (On) จะเกิดกระแสคอลเลกเตอร์ จะเกิดกระแสคอลเลกเตอร์ (IC2) ไหลผ่าน TR2 ซึ่งก็
คือกระแส IBI ของทรานซิลเตอร์ TRI น้ันเอง ดังน้ัน TRI จึงนากระแสด้วยค่าความต้านทานระหว่าง
ข้ัวแอโนด (A) และแคโทด (K) จึงมีค่าต่ามาก

16.3 สภาวะหยดุ นากระแสของเอสซอี าร์

วิธีการทาให้เอสซีอาร์ (SCR) หยุดนากระแสมีหลักการ คือ ทาให้กระแสแอโนด (IA) ลดลงจนต่า
กวา่ กระแสโฮลติ้ง

16.4 การนาเอสซอี ารไ์ ปใช้งาน
เอสซีอาร์ (SCR) สามารถนไปใช้งานอิเล็กทรอนิกส์อย่างกว้างขวาง เช่น วงเรียงกระแสท่ีสามารถ
ควบคมุ ได้ แตส่ ่วนมากจะนยิ มนาไปใช้ในการควบคุมหลักๆ 2 ประการ คอื สภาวะนากระแส และสภาวะ
นากระแส เพือ่ ใหเ้ กดิ การทางาน และหยุดการทางานของอุปกรณต์ ่างๆ
16.5 การวัดและทดสอบเอสซอี าร์ด้วยโอห์มมเิ ตอรข์ องซนั วา รนุ่ XZ 300
สายวัดสีแดงจะมีศักย์ไฟฟ้าเป็นลบ (-) ส่วนสายวัดสีดาจะมีศักย์ไฟฟ้าเป็นบวก (+) โดยวิธีการวัดให้ทา
การสมตุ ติ าแหนง่ ของขาก่อน คือ เอสซอี ารม์ ี 3 ขา หรือ 3 ข้วั

245

17. ใบงาน
17 ใบกจิ กรรมท่ี ....12....

สปั ดาหท์ ี่ .....12....ชือ่ หนว่ ยการสอน เอส ซี อาร์
จุดประสงค์ เพ่ือ

1. วเิ คราะห์และตีความหมาย
8. ตงั้ คาถาม
9. อภิปรายแสดงความคิดเหน็ ระดมสมอง
10. การประยุกต์ความรสู้ ่งู านอาชีพ

สมรรถนะการปฏบิ ัติงานอาชพี
1. แสดงความรเู้ ก่ียวกับเอส ซี อาร์

สมรรถนะการขยายผล
ความสอดคล้อง
จากการเรยี น เรอ่ื ง เอส ซี อาร์ (SCR) ทาให้ผู้เรียนเข้าใจเอสซีอาร์ ช่อื เตม็ คือ Silicon

Control Rectifier ชื่อย่อ “SCR” เป็นอุปกรณจ์ าพวกไทริสเตอร์ โครงสรา้ งเป็นสารก่งึ ตวั นา 4
ตอน ( PNPN) ตอ่ ชนเรียงสลบั กัน มขี าตอ่ ใชง้ าน 3ขา คอื แอโนด (A) แคโทด (K) และเกต (G) จา่ ย
ไบอสั ใหข้ าแอโนดและแคโทดเป็นไบอสั ตรงแล้วกระตุ้นที่ขาเกตเปน็ ไฟบวก SCR กจ็ ะนากระแส
ได้เม่ือ SCR นากระแสแลว้ การที่จะทาให้ SCR หยุดนากระแสกระทาได้ 2 วิธีคือ ตัดแรงดันท่จี ่าย
ใหว้ งจรออกชั่วขณะและลดกระแสแอโนดท่ไี หลผ่าน SCR ให้ต่ากวา่ กระแสโฮลดิ้ง(IH)

246

18. แบบประเมนิ ผล
รายละเอียดการประเมนิ ผลการเรยี นรู้

จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ข้อท่ี 1 สาธิตโครงสรา้ งและสัญลักษณข์ องเอสซีอารไ์ ด้

1.วิธีการประเมนิ : ทดสอบ

2.เครื่องมือ : แบบทดสอบ

3.เกณฑก์ ารให้คะแนน : อธิบายลกั ษณะวงจรเรียงกระแสเตม็ คลนื่ แบบใชห้ ม้อแปลง

มแี ท็ปกลางได้ จะได้ 1 คะแนน

จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม ข้อท่ี 2 วดั และทดสอบเอสซอี าร์ด้วยโอหม์ มิเตอรไ์ ด้

1.วิธกี ารประเมิน : ทดสอบ

2.เครือ่ งมือ : แบบทดสอบ

3.เกณฑ์การให้คะแนน : ผลิตวงจรกรองแบบตวั เกบ็ ประจไุ ด้ จะได้ 3 คะแนน

จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ข้อท่ี 3 ตรวจสภาพของเอสซีอาร์ด้วยโอหม์ มิเตอรไ์ ด้

1.วธิ กี ารประเมิน : ทดสอบ

2.เครื่องมือ : แบบทดสอบ

3.เกณฑ์การใหค้ ะแนน : ติดตามการทางานวงจรเรียงกระแสเตม็ คลื่นแบบใช้หม้อแปลง

มีแทป็ กลางได้ จะได้ 2 คะแนน

จดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม ขอ้ ท่ี 4 ยอมรับสภาวะนากระแสของเอสซีอาร์ได้

1.วธิ ีการประเมนิ : ทดสอบ

2.เครื่องมือ : แบบทดสอบ

3.เกณฑก์ ารให้คะแนน : ใช้หม้อแปลงแบบตา่ งๆ ในวงจรเรียงกระแสแบบเตม็ คลืน่ ได้

อย่างถกู ต้องเหมาะสม ได้จะได้ 1 คะแนน

247

จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ข้อท่ี 5 จดั ลาดบั สภาวะหยดุ นากระแสของเอสซีอาร์ได้

1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ

2. เครอื่ งมอื : แบบทดสอบ

3. เกณฑ์การให้คะแนน : ตดิ ตามการทางานวงจรเรียงกระแสเตม็ คลื่นแบบใชห้ มอ้

แปลงมแี ท็ปกลางได้ จะได้ 1 คะแนน

จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม ขอ้ ท่ี 6 วดั ทดสอบ และตรวจสภาพของเอสซอี ารด์ ้วยโอหม์

มิเตอร์ด้วยความระมดั ระวงั ถูกตอ้ งเหมาะสม

1. วิธกี ารประเมิน : ทดสอบ

2. เครอื่ งมอื : แบบทดสอบ

3. เกณฑ์การให้คะแนน : ติดตามการทางานวงจรเรียงกระแสเตม็ คล่นื แบบใช้หมอ้

แปลงมแี ท็ปกลางได้ จะได้ 2 คะแนน

19. แบบฝึกหดั

1.จงสาธติ โครงสรา้ งและสญั ลกั ษณ์ของเอสซีอาร์
2.วดั และทดสอบเอสซีอาร์ดว้ ยโอหม์ มิเตอร์ มเี ทคนิคอยา่ งไร
3.ตรวจสภาพของเอสซอี าร์ด้วยโอห์มมเิ ตอร์ ควรตรวจอยา่ งไร
4.สภาวะนากระแสของเอสซีอาร์ คือ
5.สภาวะหยดุ นากระแสของเอสซีอาร์ คือ

248

20. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนร้แู บบมงุ่ เน้นสมรรถนะอาชีพและบรู ณาการตามหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

20.1 สรุปผลการจดั การเรียนรู้

รายการ ระดับการปฏบิ ตั ิ
54321

ด้านการเตรยี มการสอน

1.จดั หนว่ ยการเรยี นรู้ได้สอดคล้องกับวัตถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้

2. กาหนดเกณฑก์ ารประเมนิ ครอบคลุมทัง้ ดา้ นความรู้ ดา้ นทกั ษะ และด้านจติ พิสัย

3. เตรยี มวสั ดุ-อปุ กรณ์ สอื่ นวัตกรรม กิจกรรมตามแผนการจัดการเรียนรกู้ ่อนเข้า

สอน

ด้านการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

4. มวี ธิ กี ารนาเขา้ สบู่ ทเรยี นที่น่าสนใจ

5. มีกิจกรรมทห่ี ลากหลาย เพ่ือช่วยใหผ้ ้เู รียนเกดิ การเรียนรู้ ความเข้าใจ

6. จดั กจิ กรรมทสี่ ่งเสริมใหผ้ ู้เรียนค้นควา้ เพื่อหาคาตอบด้วยตนเอง

7. นกั เรียนมสี ่วนรว่ มในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

8. จดั กิจกรรมทเี่ นน้ กระบวนการคดิ ( คิดวิเคราะห์ คิดสงั เคราะห์ คิดสร้างสรรค์ )

9. กระตนุ้ ใหผ้ ู้เรียนแสดงความคดิ เหน็ อย่างเสรี

10. จัดกจิ กรรมการเรียนรูท้ เ่ี ชอื่ มโยงกับชีวิตจรงิ โดยนาภูมปิ ญั ญา/บรู ณาการเข้ามา

มีสว่ นร่วม

11. จัดกิจกรรมโดยสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม

12. มีการเสรมิ แรงเมื่อนักเรียนปฏบิ ตั ิ หรอื ตอบถูกต้อง

13. มอบหมายงานให้เหมาะสมตามศักยภาพของผูเ้ รยี น

14. เอาใจใสด่ ูแลผ้เู รียน อยา่ งทว่ั ถงึ

15. ใช้เวลาสอนเหมาะสมกับเวลาทก่ี าหนด

ด้านสือ่ นวัตกรรม แหล่งการเรยี นรู้

16. ใชส้ ่ือทเ่ี หมาะสมกบั กจิ กรรมและศักยภาพของผู้เรียน

17. ใชส้ ่อื แหล่งการเรยี นรู้อยา่ งหลากหลาย เชน่ บคุ คล สถานท่ี ของจริง เอกสาร

ส่ืออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอรเ์ น็ต เปน็ ตน้

13. มอบหมายงานใหเ้ หมาะสมตามศักยภาพของผูเ้ รียน

14. เอาใจใส่ดแู ลผู้เรียน อย่างทวั่ ถึง

249

15. ใชเ้ วลาสอนเหมาะสมกบั เวลาท่ีกาหนด

ด้านการวดั และประเมนิ ผล

18. ผเู้ รยี นมีสว่ นรว่ มในการกาหนดเกณฑก์ ารวดั และประเมินผล

19. ประเมินผลอยา่ งหลากหลายและครบทั้งดา้ นความรู้ ทักษะ และจติ พิสัย

20. ครู ผเู้ รียน ผูป้ กครอง หรือ ผทู้ ี่เกีย่ วข้องมีสว่ นรว่ ม ในการประเมิน

หมายเหตุ ระดบั การปฏบิ ัติ 5 = ปฏิบตั ดิ ีเย่ียม 4 = ปฏิบัตดิ ี 3 = รวม

ปฏิบตั พิ อใช้ 2 = ควรปรับปรงุ 1 = ไม่มกี ารปฏบิ ตั ิ เฉล่ยี

20.2 ปัญหาท่พี บ และแนวทางแกป้ ญั หา แนวทางแกป้ ัญหา

ปัญหาที่พบ
ดา้ นการเตรียมการสอน

ดา้ นการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

ด้านส่ือ นวตั กรรม แหลง่ การเรยี นรู้

ด้านการวัดประเมนิ ผล

ด้านอน่ื ๆ (โปรดระบุเปน็ ข้อ ๆ)

ลงชอื่ .................................................................... ครูผ้สู อน
( นายศุภกร มง่ิ คา )
ตาแหน่ง ครูพเิ ศษสอน

............../.................................../....................

21. บนั ทึกการนเิ ทศและตดิ ตาม 250
ชอ่ื -สกุล ผู้นิเทศ ตาแหนง่
วนั -เดือน- เวลา รายการนเิ ทศและติดตาม
ปี


Click to View FlipBook Version