The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โยคสังครหเปรตพลีวิธี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

โยคสังครหเปรตพลีวิธี

โยคสังครหเปรตพลีวิธี

Keywords: โยคสังครหเปรตพลีวิธี

ทงั้ นี ้คอื สงิ่ ท่ตี ้องความเข้าใจ และจดจําให้เป็ นวสี เพ่อื การทาํ โยคสงั ครห
เปรตพลพี ธิ ี จะได้ถกู ต้อง ไมผ่ ิดเพยี ้ น

~ 51 ~

ดงั ที่ได้แสดงในเบอื ้ งต้นแล้ววา่ จาํ เดมิ ใช้ก้นบาตรควา่ํ ขนึ ้ และอธิษฐาน
มณฑลพธิ ี ณ. ก้นบาตรนนั้ มกี ารอญั เชิญ พระพทุ ธเจ้าและพระโพธสตั ว์
มาเป็ นสกั ขี เม่อื กระทาํ พธิ ี จะมีการสวดธารณี ใช้ข้าว เพอ่ื อธิษฐานอปุ กรณ์
ในการประกอบพิธี และกําหนดจดุ รายละเอยี ด ในก้นบาตรนนั้ เร่ิมแตเ่ ขา
พระสเุ มรุ จนสดุ ขอบกาํ แพงจกั รวาล กระทํานมิ ิตวา่ พระพทุ ธเจ้าพระ
โพธิสตั ว์มาประทบั มรี ัตนวิหาร ประภาคาร ฯลฯ ซง่ึ ทงั้ สนิ ้ ต้องกําหนดนิมติ
ภายในใจ โดยจะผดิ พลาดไมไ่ ด้ ตอ่ มาเพอ่ื ให้งา่ ยขนึ ้ จึงมีการทํา
เคร่ืองหมายลงลงก้นบาตร ดงั ทเ่ี ราพบกนั ในปัจจบุ นั

~ 52 ~

ภาพแสดงอปุ กรณ์ ท่ใี ช้ในการทาํ โยคสงั ครหเปรตพลพี ธิ ี

~ 53 ~

อยา่ งไรกต็ าม ในวชั รยานเอง กม็ พี ิธีท่ีมีแนวคดิ เชน่ เดยี วกนั หากแตจ่ ะ
ตา่ งกนั ในรายละเอยี ด

~ 54 ~

~ 55 ~

ภาพแสดงอปุ กรณ์ ที่ใช้ในการอภิเษกมณฑล เพ่ือบชู าพระพทุ ธเจ้าและพระโพธิสตั ว์ ของวชั รยาน

~ 56 ~

~ 57 ~

~ 58 ~

หตั ถ์ทงั้ ๒ (นวิ ้ ทงั้ ๑๐) นนั้ สาํ แดงซง่ึ ปารมติ าทงั้ ๑๐ (พงึ ) มนสกิ ารหตั ถ์
แหง่ ตน ตามลาํ ดบั ให้ชดั เจน รวมลงในหตั ถ์ให้ตน แลในหตั ถ์ของชนอนื่ ให้
มนสกิ ารตรงกนั ข้าม (กลา่ วคอื ) ขวาเป็ นซ้าย ซ้ายเป็ นขวา ศกึ ษาชนพงึ แจ้ง
ดงั ฉะนี ้

~ 59 ~

~ 60 ~

คานาฉบบั ภาษาจีน

โยคเปรตพลี มีด้วยกนั หลายฉบบั ซงึ่ จาํ เดมิ ก็มาแตท่ ่พี ระตถาคตทรงแสดง
ธารณีแกพ่ ระอานนท์เทา่ นนั้ 37 แลทรงสอนให้ภาวนา ๒๑ คาบ ซงึ่ ก็คือ
มนตร์เปลย่ี นโภชนะในปรัตยยุ นั จําเนยี รกาลผา่ นมา พิธีกรรมคอ่ ย ๆ
เพิม่ ขนึ ้ จนเป็ นทโี่ ยคสงั ครหะ คมั ภรี ภาพเป็ นทีส่ ดุ ไมอ่ าจยง่ิ ไปกวา่ นี ้แลมี
บางอาจารย์บางพวก ได้เพ่ิมระเบยี บพิธีจนเกินการณ์ จนเคลอื่ นคลายนยั
แหง่ บรุ าณ บ้างก็มกี ารจดั เบญจบชู า38 มกี ารกระทํามทุ รา ของ
พระพทุ ธเจ้าทงั้ ๓๕ พระองค์ แลพระตถาคต ๓๕ องค์ ๑ พระองค์ ก็ ๑
มทุ รา ซง่ึ ไมแ่ จ้งวา่ มาแตพ่ ระสตู รใด ทงั้ ยงั จะเป็ นการเสยี เวลา สบั สน

37 ความข้อนี ้มาแต่ 佛說救拔焰口餓鬼陀羅尼經 เปรตมขุ าคนีวาลายศร
การธารณีสตู ร ที่มีความโดยสงั เขปว่า เมอื่ ครงั้ ท่ีพระอานนท์ประพฤติธรรมอย่ใู นป่ า
มพี ระมขุ าคนีวาลเปรต มาปรากฏให้เห็น แล้วกลา่ ววา่ ตนเป็นเจ้าแหง่ เปรต และพระ
อานนท์จกั ต้องมรณภาพใน ๓ ทิวา เมื่อทํากาลกิริยาแล้ว ต้องลว่ งลงสปู่ ิ ตตวิ สิ ยั การ
จะพ้นภยั ทงั้ นี ้ต้องให้ทานเปรตทงั้ ร้อยพนั ทงั้ ยงั ต้ององั คาสพราหมณ์ บชู าพระ
รัตนตรัย ดงั นีแ้ ล้ว พระอานนท์จึงนําความขนึ ้ กราบบงั คมทลู สมเดจ็ พระผ้มู พี ระภาค
เจ้า พระพทุ ธองค์จงึ ทรงแสดงธารณีนี ้แกพ่ ระอานนท์ ด้วยอานภุ าพแหง่ ธารณีนี ้
กระทําการอธิษฐานโภชนะ เบอื ้ งบนบชู าพระรตั นตรัย เบอื ้ งลา่ งให้ทางแกป่ วงเปรต
เปรตนนั้ รบั โภชนะแล้ว ยอ่ มสละจากเปรตภาวะ ไปอบุ ตั ิ ณ. เทวโลก ฯลฯ
38 五供養 เบญจบชู า คอื เคร่ืองบชู า ๕ ประการของวชั รยาน ได้แก่ บปุ ผา, ธปู ,
ประทีป, คนั ธะ, โภชนะ

~ 61 ~

วนุ่ วาย กลบั กิจท่ีพงึ กระทาํ ก็กลบั เร่งรัดโดยเร็ว ฤๅจะเป็ นการเหนอื่ ยยาก
แตไ่ ร้ผล ? ด้วยเกรงวา่ เพลานานผา่ นไป ชนจกั ไมช่ ดั แจ้ง สละทบ่ี ริบรู ณ์
แล้ว ไปคดั ลอกไว้ ทงั้ ยงั มภี ทั รชนอธิบายโดยสงั เขป ต้นฉบบั ไมช่ ดั เจน
มาตรวา่ พชี อกั ษรสนิ ้ แล้ว ก็จกั มนสกิ ารไมไ่ ด้ (แลถ้า) คาํ อธิบายหาย แม้นมี
พชี อกั ษร ก็ไมร่ ู้จกั มนสกิ ารเชน่ ไร ทงั้ หลายทงั้ ปวง คอื ความไมบ่ ริบรู ณ์ บดั นี ้
อบุ าสกจือซนิ เสยี น39 ตงั้ มหาปรณธิ าน รวบรวมสรรพกาํ ลงั พิมพ์พระวินยั
, ศาสตร์, ปิ ฏก เพ่มิ เติมในสงิ่ ทบี่ รุ าณชน ได้กระทําไว้ไมค่ รบ จนเป็ นที่
บริบรู ณ์ เพือ่ ยงั ให้เข้าถึงมณฑล แลประจกั ษ์วา่ อนั โยคะนนั้ ไตรทวารต้อง
สมั พนั ธ์ หตั ถ์กระทํา (มทุ รา) จิตรมนสกิ าร อยา่ ได้กระทํา (พิธี) ดจุ ระบํา
นาฏกรรม แลปากสวด (ธารณี) ก็ต้องจริงจงั และซ่ือตรง อยา่ ได้กระทําเป็ น
การละเลน่ แลละแล้วซงึ่ รหสั ยนยั ต้องตงั้ ใจเป็ นหนง่ึ เดียว อยา่ ได้ซดั สา่ ย
ฟ้ งุ ซา่ น จนไมอ่ าจมนสกิ ารได้โดยแยบคาย แลเมอ่ื กายวาจาใจพรรคพร้อม
กายและจิตรรวมเป็ นหนงึ่ การโปรดสตั ว์ทงั้ นี ้ก็คือการโปรดตนเอง บญุ กศุ ล
เป็ นอจินตยะ40 ขอให้โยคบคุ คลนนั้ บาํ เพญ็ ลกั ษณะ (กาย) และสตั ยะ
(ใจ) ด้วยกําลงั สามารถ

39 茲心弦居士 อบุ าสกจือซนิ เสยี น
40 不可思議 อจินตยะ อจินไตย ไมอ่ าจคาดคิดได้

~ 62 ~

รัชสมยั วานลี่ ปี ที่ ๓๔ ปี ปิ๋ งอ4ู่ 1 ฤดรู ้อน ตะวนั กระจา่ งฟ้ า ณ. อารามเมฆา
วาส42

จหู ง43 ลขิ ิตคํานําด้วยความระมดั ระวงั

41 ปี ปิ๋ งอู่ 丙午 ตรงกบั ปี ค.ศ. ๑๖๐๖
42 雲棲寺 อารามเมฆาวาส เป็น ๑ ใน ๕ อารามสาํ คญั ของเมอื งหงั โจว ประเทศ
จีน
43 蓮池祩宏 พระอาจารย์จหู ง (ค.ศ. ๑๕๓๕ – ๑๖๑๕) พระมหานายกาจารย์
องค์ท่ี ๘ ของนิกายสขุ าวดี

~ 63 ~

~ 64 ~

คานาฉบบั ภาษาไทย

วนั หนง่ึ ผมฟังพระสวด จนถงึ บทอญั เชิญ ในพธิ ีโยคเปรตพลี44 ฟัง ๆ แล้วก็
ยมิ ้ เรา ๆ ทา่ น ๆ ท่ีมแี ละไมม่ ี อํานาจ เงิน ความรู้ ความสามารถ ช่ือเสยี ง
ทกุ สว่ นของสงั คม ทกุ สาขาอาชีพ ไมเ่ ว้นแม้แตบ่ รรพชิตในพทุ ธศาสนา พอ
ตายแล้วมีสกั กคี่ น ทีไ่ มต่ กลงสอู่ บาย คอื เปรต นรก เดรัจฉาน คนเราเลน่
ละครในโลกนี ้อยา่ งออกรสชาติ สขุ ทกุ ข์ หวั เราะ ร้องไห้ ดใี จ เสยี ใจ
สมหวงั ผดิ หวงั เลยไมแ่ จ้งสารตั ถะวา่ ทแ่ี ท้จริงแล้ว มนั คอื อะไร ?

โยคสงั ครหเปรตพลมี ณฑลพธิ ีฉบบั ท่ีแปลไทยนี ้ทาํ ขนึ ้ เพอื่ ให้ชนเข้าใจใน
ความหมาย ไมไ่ ด้เพอื่ ให้ไปประกอบพธิ ีกรรม เพราะผ้ทู ่ีกระทาํ ได้ ต้องมี
อาจารย์ถา่ ยทอดอยา่ งถกู ต้อง จะอาศยั แตอ่ า่ นหนงั สอื ไมไ่ ด้ และต้องเป็ นผู้
กําลงั มศี มาธิมาก เพราะพิธีกรรมคอ่ นข้างยาว และมีรายละเอียดมาก โดย
จะผิดพลาดไมไ่ ด้

44 瑜伽焰口召請文 บทอญั เชิญ ในพิธีโยคเปรตพลี (อา่ นรายละเอยี ดได้ใน
หน้า 214 – 243)

~ 65 ~

โยคสงั ครหเปรตพลมี ณฑลพิธีนี ้จดั อยใู่ นประเภทตนั ตระรหสั ยยาน
กลา่ วคอื โยคบคุ คล หรือผ้ปู ระพฤติธรรมนนั้ ต้องแปรไตรทวาร คอื กาย
วาจา และใจ ให้เป็ นไตรรหสั กลา่ วคือ

๑. กาย คือ มอื ต้องกระทาํ มทุ รา
๒. ปาก คอื วาจา ต้องพรํ่าสวดคาถาธารณี
๓. จิตร คอื ใจ ต้องมนสกิ าร พระพทุ ธเจ้า พระโพธิสตั ว์ สตั ยเทวดา
ฯลฯ ตามทบ่ี รู พาจารย์ได้กําหนดไว้

ซง่ึ ต้องมีศมาธิ วสี ไมเ่ ชน่ นนั้ แล้ว พธิ ีกรรมทงั้ นนั้ ก็จะเป็ นเพยี งการแสดง
เชิงประเพณีและวฒั นธรรม แตไ่ มอ่ าจโปรดสรรพชีวติ ได้ ซงึ่ ในเรื่องนี ้พระ
อาจารย์จหู ง และบรู พาจารย์ทา่ นอืน่ ๆ เน้นยาํ ้ มาก ในแงส่ งั คมและ
วฒั นธรรม การประกอบพธี ี ยอ่ มต้องมที าํ นองลลี าในการสวดร้อง แตผ่ ู้
ประกอบพธิ ี ทงั้ บรรพชิตและคฤหสั ถ์ ต้องตงั้ จิตรไว้อยา่ งถกู ต้อง ไมย่ นิ ดี ไม่
ยนิ ร้าย อยา่ ได้ทาํ เป็ นการนาฏกรรม ระบาํ รําฟ้ อน ไมเ่ ชน่ นนั้ คอื การไม่
เคารพ ตอ่ พระพทุ ธเจ้า พระโพธิสตั ว์ สตั ยเทวดา ฯลฯ

~ 66 ~

ในแง่คาํ สวดคาถาธารณี ในหนงั สอื เลม่ นี ้จะใช้สาํ เนยี งสนั สกฤตเป็ นหลกั

อนง่ึ ในทน่ี ี ้ขอกลา่ วถงึ การแปลทบั เสยี ง โดยเฉพาะในการถา่ ยทอดเสยี ง
จากภาษาสนั สกฤต ไปสภู่ าษาจนี โดยยกตวั อยา่ งอกั ษร ๒ ตวั ดงั นี ้

อักษรจนี เสียงจนี กลาง เสียงจริง เสียงท่มี กั ใช้
ท่วั ไป เวลาสวด
攞 la ละ มนตร์
囉 luó หลอ ra ระ
luō ลอ ลา

รา

และดงั เช่นคาํ วา่ 魔羅 ท่หี มายถงึ “มาร”

อกั ษรจนี เสยี งจีนกลาง เสยี งสันสกฤต เสียงท่มี กั ใช้
ท่วั ไป จริง เวลาสวด
魔 มนตร์
羅 mó หมอ mā มา
luó หลอ ra ระ มา

รา

~ 67 ~

หรือ เช่น คําวา่ 摩訶般若波羅蜜多 “มหาปรัชญาปารมติ า”

อักษรจนี เสยี งจนี กลาง เสยี งสนั สกฤต เสียงท่ใี ช้เวลา
ท่วั ไป จริง สวดมนตร์
摩 mó หมอ มะ มา
訶 hē เฮอ หา หา (ฮา)
般 bō ปอ ปรัช ปัญ
若 ré เหรอ ญา (ช) ญา
波 bō ปอ ปา ปา
羅 luó หลอ ระ รา
蜜 mì ม่ี มิ มิ
多 duō ตวอ ตา ตา

คําวา่ 般若 ท่ีแปลวา่ “ปรัชญา” สาํ เนยี งจีนกลาง ในปัจจบุ นั ออกเสยี งวา่
“ปอเหรอ” แตส่ าํ หรับคนนอกพทุ ธศาสนา จะออกเสยี งเป็ น “ปันรวอ่ ” (มกั
พบในหนงั จีนกําลงั ภายใน ทเ่ี กี่ยวข้องกบั พทุ ธศาสนา) ซง่ึ ก็นบั วา่ คล้ายกบั
คาํ วา่ “ปัญญา” (ปรัชญา) อยู่ ในสาํ เนยี งจีนกลาง เสยี งพินอนิ 45ตวั R ใน

45 拼音 (pīnyīn) Pinyin พนิ อนิ คอื ระบบในการถอดเสยี งภาษาจีนมาตรฐาน
ด้วยตวั อกั ษรละตนิ ความหมายของพนิ อิน คอื "การรวมเสียงเข้าด้วยกนั " (โดยนยั ก็
คอื การเขยี นแบบสทั ศาสตร์ การสะกด การถอดเสยี ง หรือการทบั ศพั ท์)

~ 68 ~

ภาษาสนั สกฤต จะแทนด้วย เสยี ง ญ สว่ นเสยี ง ร และ ล นนั้ จะแทนด้วย
พนิ อนิ ตวั L ดงั คาํ วา่ 囉 และ 攞 ทก่ี ลา่ วไว้แล้วในข้างต้น

เพราะด้วยความทชี่ นในภายหลงั ไมไ่ ด้ศกึ ษาวิธีการเทยี บเสยี งของ
บรู พาจารย์ ก็เลยใช้การอา่ นอกั ษรจีน ตามแบบสาํ เนยี งของตน เชน่ คาํ วา่
說囉耶 ทมี่ าจากคาํ วา่ “ศวรายะ” ซง่ึ ตามสาํ เนียงสวดมนตร์แบบจีนกลาง
ควรจะออกเสยี งวา่ “ซวารายา” กลายเป็ นวา่ ทกุ วนั นี ้มกั จะออกเสยี งกนั วา่
“ซวอหลอเย46” หรือ “ซอลอเย”

คนรุ่นหลงั ไมเ่ ข้าใจวิธีการออกเสยี ง ของคนโบราณ ไปใช้การออกเสยี งด้วย
วิธีแบบปัจจบุ นั ทว่ั ไป แล้วตวู่ า่ บรู พาจารย์ออกเสยี งเพยี ้ น อนั บรู พาจารย์
นนั้ บางทา่ นเป็ นชาวชมพทู วปี บางทา่ นก็เป็ นชาวฮน่ั ท่ีไปอยชู่ มพทู วีป
หลายปี แล้วทา่ นจะผิดได้เช่นไร

นอกจากนี ้ในสว่ นใด ทพ่ี อจะทราบรายเอียดเป็ นพเิ ศษ ก็อาจจะมกี ารแนบ
คาํ อธิบายไว้ อนั ที่จริง ถ้าใครท่ีพอฟังมาบ้าง กจ็ ะพอจบั ทางได้ เชน่ คําวา่

46 คาํ วา่ 耶 “เย” นี ้ปัจจบุ นั เวลาสวดภาษาจีนกลาง มกั ออกเสียงวา่ “เย” ซง่ึ ถ้า
ตามนยั แหง่ (จีน) โบราณ ต้องออกเสียงวา่ “ยะ” หรือ “ยา”

~ 69 ~

อกั ษรจนี เสียงสวด เสยี งสวด ภาษาสันสกฤต
มนตร์ แบบจนี มนตร์ แบบจนี ตถาคตายะ
答塔葛達耶 กลาง ท่พี บกนั
斡資(二合)囉 กลางจริง
ท่วั ไป
唵 ตาทากา47ตา
啞 ยา ตาทาเกอตาเย

วาชา48รา วาจือรา วชั ระ
(เวลาควบเสยี ง
ลดเลยี ง “ชา” อนั โอมฺ
เป็ น “ชะ” คอื ยา49 อา
ฮง หมู ฺ
“วาชรา”)
อนั
อา

ฮง

47 คําวา่ 葛 “เกอ” นี ้ปัจจบุ นั เวลาสวดภาษาจีนกลาง ออกเสยี งวา่ “เกอ” ซง่ึ ถ้า
ตามนยั แห่ง (จีน) โบราณ มกั จะออกเสยี งวา่ “กะ” หรือ “กา”
48 คําวา่ 資 “จือ” นี ้ปัจจบุ นั เวลาสวดภาษาจีนกลาง ออกเสยี งวา่ “จือ” ซงึ่ ถ้าตาม
นยั แหง่ (จีน) โบราณ จะออกเสยี งวา่ “ชะ” หรือ “ชา” (ที่ใช้อกั ษรนีแ้ ทนเสยี ง เพราะ
เสยี ง “จะ” และ “ชะ” ออกเสียงที่ปลายลนิ ้ เหมือนกนั )
49 ปัจจบุ นั ในบางแห่ง เสยี งสวดจีนกลางเปล่ยี นเสยี งนี ้จาก “ยา” เป็น “อา” แล้ว

~ 70 ~

ในความจริง จะสวดภาษาจีน (จีนกลาง, ฝเู จีย้ น50 ฯลฯ) สาํ เนยี งใด หรือ
แม้แตท่ เิ บต มองโกล ฯลฯ ก็ไมใ่ ชป่ ัญหา เพราะไมว่ า่ จะเป็ นคนไทย, จีน
ฯลฯ จะออกเสยี งยงั ไง ก็คงไมช่ ดั เจนเทา่ คนอินเดีย ทเี่ ป็ นเจ้าของภาษา
และคนอนิ เดยี ในวนั นี ้กย็ ่ิงไมใ่ ชค่ นอนิ เดีย เม่อื พนั ปี กอ่ น และทส่ี บื มาจนถงึ
ปัจจบุ นั อยา่ งเชน่ ปรัชญาปารมติ าสตู ร มีฉบบั ภาษาสนั สกฤต อยา่ งน้อย
๘ ฉบบั มหากรุณาธารณี มีฉบบั ภาษาสนั สกฤต อยา่ งน้อย ๓ ฉบบั ซง่ึ ถือ
วา่ ถกู ต้องทกุ ฉบบั

ความสาํ คญั จงึ อยทู่ ี่จิตร ในการสาธยายธารณี ไมใ่ ชส่ าํ เนยี ง เพราะธารณี
เกิดแตห่ ฤทยั ของพระตถาคต การเปลง่ ธารณี คือการเป็ นหนง่ึ เดยี วกบั พระ
ตถาคตเจ้าทงั้ หลาย คาํ วา่ “มนต์” หรือ “มนตร์” นนั้ มาจากคําวา่ “มนะ
(มโน)” ทแี่ ปลวา่ “ใจ” คอื การสอ่ื ใจถงึ ใจ ระหวา่ งพระพทุ ธเจ้า พระโพธิสตั ว์
และผ้ทู เี่ จริญธารณี นคี่ ือข้อแตกตา่ ง ในการสาธยายมนตร์ ระหวา่ งพทุ ธ
ศาสนามหายานกบั ปวงเดียรถยี ์ทงั้ หลาย ชนใดก็ตาม ทงั้ บรรพชิตและ
คฤหสั ถ์ แม้จะประกาศตนวา่ เป็นพทุ ธศาสนิกในมหายาน51 มาตรว่าการ

50 福建 ฝเู จีย้ น ฮกเกีย้ น
51 大乘 มหายาน คือ ยานอนั ใหญ่ คือ โพธิยาน อนั จกั ขนสรรพชีวติ ให้พ้นจาก
ทกุ ข์

~ 71 ~

สาธยายมนตร์ใด ไม่เป็นไปทงั้ นี้ ก็ไม่อาจสงเคราะห์ เขา้ สู่นยั แห่งมหายาน
ได้

อยา่ งไรกต็ าม สบื เน่อื งด้วยหมคู่ ณะ จึงควรมีมาตรฐาน ในการออกเสยี ง
เช่น ถ้าใช้สาํ เนยี งจีนกลาง กค็ วรใช้จีนกลางให้ตลอดสาย ไมค่ วรกระโดดไป
มา จีนกลางที สนั สกฤตที แตท่ งั้ นี ้ก็ควรพิจารณา ตามแตล่ ะ หมคู่ ณะนนั้ ๆ
ด้วย

อนึ่ง สาเนียงทีใ่ ชใ้ นหนงั สือเล่มนี้ ทงั้ จีนกลาง สนั สกฤต ฯลฯ ตลอดจน
เนือ้ หาใด ในหนงั สือเล่มนี้ เป็นไปเพือ่ การประกอบการพิจารณาเท่านน้ั ไม่
สามารถรบั รองความถูกตอ้ ง หรือนาไปใช้อา้ งอิงเพือ่ การใด ๆ ได้

อกั ษรจีนกบั อนิ เดยี , สทิ ธมั , รัญชนา นนั้ ตา่ งกนั รูปแบบอกั ษรอินเดยี
เหมือนกบั ของไทย คือ มี พยญั ชนะ สระ วรรณยกุ ต์ แตพ่ นื ้ ฐานอกั ษรจีน
เกิดจากการวาดภาพ แล้วคอ่ ยพฒั นาเป็ นอกั ษรอน่ื จีนไมม่ คี ําควบกลาํ ้ ไม่
มตี วั สะกด

~ 72 ~

ตลอดเวลาท่ยี าวนาน บรู วชนได้พยายาม ถา่ ยทอดภาษาสนั สกฤตสู่
ภาษาจีน ในรูปแบบของอกั ษรจนี ซงึ่ แตล่ ะยคุ สมยั คณะบคุ คลแปลที่
ตา่ งกนั การใช้อกั ษรทใี่ ช้ บางทีกต็ า่ งกนั ดงั นแี ้ ล้ว คําเดยี วกนั ในอกั ษรจีน
อาจเขยี นได้มากกวา่ ๑ รูปแบบ เชน่

ภาษา อกั ษรจนี แบบ อักษรจนี แบบ อกั ษรจนี แบบ
สันสกฤต ท่ี ๑ ท่ี ๒ ท่ี ๓

นโม 捺謨 南無 那謨
โอมฺ
อา 唵 嗡 啊
โอมฺ อา หมู ฺ 唵啊吽
โอมฺ มณิ ปัทเม 啞 阿
หมู ฺ
唵啞吽 嗡阿吽

唵嘛呢叭咪 嗡嘛呢唄咪
吽 吽

ในความเป็ นจริง มมี ากกวา่ นี ้นี่เป็ นเพียงการยกตวั อยา่ งเทา่ นนั้

และในทนี่ ี ้ขอแนบตารางเทียบระหวา่ ง อกั ษรภาษาสนั สกฤต (โรมนั ) กบั
อกั ษรไทย52ดงั นี ้

52 สามารถใช้ในกรณี การเทียบระหวา่ ง อกั ษรภาษาบาลี (โรมนั ) กบั อกั ษรไทย ได้
เช่นกนั

~ 73 ~

สระ โรมนั

ไทย a
อะ ā
อา i
อิ ī
อี u
อุ ū
อู ṛ
ฤ ṝ
ฤๅ ḷ
ฦ ḹ
ฦๅ e
เ- ai
ไ- o
โ- au
เอา ṃ
อํ (นิคหิต), มฺ ḥ
หฺ (ฮฺ เสยี งลงท้ายนาสิก ขนึ ้ จมกู ) '

ใช้เพอ่ื เน้นเสยี ง หรือ ลากเสียง ฯลฯ

~ 74 ~

พยญั ชนะ

วรรค ก วรรค จ วรรค ฏ วรรค ต วรรค ป
กk จc ฏṭ ตt ปp
ข kh ฉ ch ฐ ṭh ถ th ผ ph
คg ชj ฑḍ ทd พb
ฆ gh ฌ jh ฒ ḍh ธ dh ภ bh
งṅ ญñ ณṇ นn มm
ยy รr ลl วv
ห (ฮ) h ศś ษṣ สs

หมายเหตุ : การเทียบระหวา่ ง อกั ษรภาษาสนั สกฤต (โรมนั ) กบั อกั ษรไทย บางแหง่ อาจต่างไปจากนี ้

*** คําวา่ “โอม”ฺ และ “โอม” นนั้ ตา่ งกนั , คําวา่ “หมู ”ฺ และ “หมู ” กต็ า่ งกนั
คาํ วา่ “นํ (นม)ฺ ” กบั นมั ” คําวา่ “สํ (สมฺ)” และ “สมั ” และ “สงั ” ก็ตา่ งกนั (มี
มากกวา่ นี ้นเี่ พียงยกตวั อยา่ ง ไว้ให้พิจารณาเทา่ นนั้ ) ***

~ 75 ~

สมยั นตี ้ า่ งกบั สมยั กอ่ น จํานวนคนมีมากขนึ ้ ทวั่ โลกมกี ารศกึ ษา ภาษาจีน,
สนั สกฤต, อกั ษรสทิ ธมั , อกั ษรรัญชนา ฯลฯ มากขนึ ้ เร่ือย ๆ ตอ่ ไป คงมีผู้
อธิบายให้แกผ่ ้สู นใจ มากขนึ ้ กวา่ นี ้ ในที่นี ้กลา่ วไว้ให้เป็ นทรรศนะ แตใ่ น
เบอื ้ งต้นเทา่ นนั้

อนั คาถาและธารณีทงั้ หลาย ทงั้ ยาวและสนั้ เกดิ แตพ่ ระหฤทยั แหง่ พระ
ตถาคตและพระโพธิสตั ว์ทงั้ หลาย ซง่ึ นอกจาก บางสว่ นของธารณี ที่กอปร
ขนึ ้ จากพชี มนตร์แล้ว ในเชิงภาษา สามารถแปลได้ทงั้ หมด แตก่ จ็ ะไมแ่ ปล
กนั เพราะ แตล่ ะพยางค์ ตา่ งมคี วามหมายอปั ระมาณ มีแตพ่ ระตถาคตและ
พระมหาโพธิสตั วเ์ ทา่ นนั้ จงึ จกั สามารถแทงตลอด ไหนเลยทีแ่ ค่
นกั ภาษาศาสตร์ปถุ ชุ น จกั สามารถเข้าถงึ โดยตลอดได้

สารัตถะแหง่ พิธีโยคสงั ครหเปรตพลนี ี ้มีนยั ๕ ประการ คือ

๑. นยั แหง่ พระโพธิญาณ เพ่อื โปรดสรรพชีวติ (ศราวกยาน53 มี
การอทุ ศิ กศุ ล แตไ่ มม่ กี ารโปรดสตั ว์)

53 聲聞乘 ศราวกยาน สาวกยาน ยานแหง่ พระสาวก ยานแห่งผ้สู ดบั คอื เถรวาท

~ 76 ~

๒. นยั แหง่ โพธิจติ ร ทมี่ อี ยใู่ นทกุ สรรพชีวติ โดยเหตนุ ีส้ รรพชีวติ จงึ
สามารถแจ้งในธรรม สามารถได้รับการโปรด และสามารถตรัสรู้ได้

๓. นยั แหง่ อนาตมนั คือความไมม่ ี สตั ว์, บคุ คล, ตวั ตน ฯลฯ ดงั นี ้
แล้ว จึงไมม่ ีผ้โู ปรดสตั ว์ ไมม่ ีการโปรด และไมม่ ีสตั ว์ที่ถกู โปรด

๔. นยั แหง่ อนิจจสัญญา คอื การสาํ เหนยี กถึงความไมเ่ ที่ยง ทมี่ ใี น
ทกุ ขณะจิตร

๕. นยั แหง่ อปั ปมาทธรรม คอื ความไมป่ ระมาท อยา่ ให้
กลายเป็ นวา่ เสยี ทรัพย์มากมาย แตเ่ ป็ นเพยี งประเพณี หรือการ
แสดง หรือการละเลน่ ท่โี ปรดใครไมไ่ ด้จริง และทงั้ บรรพชิตและ
ฆราวาส ตา่ งก็ต้องมีสตใิ นการดาํ รงอย่บู นพระสทั ธรรม ทงั้ กาย
วาจา และ จิตร ตงั้ อยใู่ น ศกึ ษาบททงั้ ๓ คือ ศลี ศมาธิ และปรัชญา
อยา่ ได้กลายเป็ นวา่ เมือ่ ยามยงั มชี ีวติ อยู่ ก็มงุ่ แตจ่ ะโปรดสตั ว์อืน่ ทงั้
ทต่ี น ก็ไมม่ คี ณุ สมบตั พิ อ ท่ีจะโปรดใคร และตนเอง ก็ยงั โปรด
ตนเองไมไ่ ด้ เบอื ้ งหน้าแตต่ ายเพราะกายแตก ก็ยงั ต้องเข้าถงึ อบาย
ทคุ ติ วินบิ าต นรก แล้วรอให้ชนอน่ื มาโปรดตนอกี ที

ดผู ิวเผินแล้ว หนงั สอื เลม่ นี ้เป็ นหนงั สอื เชิงพิธีกรรม แต่ในความจริงนนั้ มีสา
รัตถธรรมในพทุ ธศาสนามหายานมากมาย อนั พทุ ธศาสนานนั้ ไมว่ า่ จะใน

~ 77 ~

ยานใด ก็ไมอ่ าจพ้นหลกั ปริยตั ิ ปฏบิ ตั ิ และปฏิเวธ ไปได้ ซงึ่ ทงั้ หลายทงั้ ปวง
นนั้ ปริยตั ิ คอื ความใจทถ่ี กู ต้อง จงึ เป็ นปากทางเริ่มต้น แหง่ สมั มาทฐิ ิ
ทงั้ หลาย การกราบไหว้ สวดมนตร์ ตลอดจนพธิ ีกรรมตา่ ง ๆ โดยไมม่ ีความรู้
และความเข้าใจ ในเชิงอปุ ายะนนั้ ก็ยงั ถือวา่ มีคณุ อยู่ แตย่ อ่ มไมอ่ าจเทยี บ
ได้ กบั การมคี วามรู้ที่แท้จริง จึงหวงั ว่า หนงั สอื เลม่ นี ้จะมปี ระโยชน์แก่ทกุ
ทา่ น โดยทว่ั กนั

ด้วยความเคารพ
โพธิพฤกษ์ โพธิวชั ระ (นามแฝง)

๙ มกราคม ๒๕๖๑

~ 78 ~

~ 79 ~

~ 80 ~

ประเพณีทิ้งกระจาด

ไมว่ า่ จะชนชาตภิ าษาใด ล้วนยอ่ มต้องมีการรฤกถงึ บรู พชน โดยเฉพาะ บดิ ร
มารดา ญาติ มติ ร ทล่ี ว่ งลบั ไปแล้ว

หลงั จากสนิ ้ ฤดเู พาะปลกู แล้ว ในฤดศู ารทเดือน ๗ จนั ทรคติจีน คนจีนก็จะ
นาํ ผลผลติ ท่เี ก็บเกี่ยวได้ มาเซน่ ไหว้บรรพบรุ ุษ เพื่อเป็ นการขอบคณุ และ
รายงานบรรพบรุ ุษวา่ ผลผลติ ในปี นนั้ เป็ นเชน่ ไร นอกจากนี ้ยงั เป็นการ
ขอบคณุ 田神 เทพเกษตร ทีอ่ าํ นวยความสมบรู ณ์ ในกจิ การกสกิ รรม โดย
การสงั เวยเทพกสกิ รรมนี ้สามารถนบั ย้อนไป อยา่ งน้อยที่สดุ ก็คือ สมยั ฮน่ั
คือ เมื่อประมาณ ๒,๐๐๐ ปี มาแล้ว

ตามความเชื่อท้องถ่ินของจีน เดอื น ๗ เป็ นเดือนของคนตาย เป็ นเดือนผี
โดยเช่ือกนั วา่ ประตนู รกจะเปิ ดออก ให้ภตู ผที งั้ หลาย กลบั มาเยยี่ มญาติ
มติ ร ในโลกมนษุ ย์ โดยนอกจาก จะมกี ารเซน่ ไหว้แล้ว ก็ยงั มกี ารลอย
ประทปี ด้วยเช่ือกนั วา่ เพ่ือให้ดวงวญิ ญาณทงั้ หลาย จะได้มองเหน็ ทาง

~ 81 ~

เมอื่ พระพทุ ธศาสนาเข้าสแู่ ผน่ ดินจีน ในสมยั ฮนั่ การแปลพระสตู รสู่
ภาษาจีน ก็มมี าโดยลาํ ดบั ความเช่ือเรื่องเดอื น ๗ ของจีน ถกู หลอมรวมกบั
ความเชื่อของพระพทุ ธศาสนา อยา่ งน้อย ๒ เรื่อง ได้แก่ เร่ืองพระโมคคลั ลา
นะ ช่วยมารดาให้พ้นจากเปรตวสิ ยั ทมี่ ีมาแต่ อลุ ลมั พนสตู ร ด้วยเหตนุ ี ้จึงมี
การเรียกเดอื น ๗ จนั ทรคติจีนนวี ้ า่ 盂蘭節 เทศกาลอลุ ลมั พนะ

พธิ ีโยคเปรตพลี ในพทุ ธศาสนามหายาน
อกี ความเช่ือที่นาํ มาผสมผสาน ได้แก่ ความเชื่อทมี่ ากจาก เปรตมขุ าคนวี า
ลายศรการธารณีสตู ร ท่ีมคี วามโดยสงั เขปวา่ เม่อื ครงั้ ที่พระอานนท์

~ 82 ~

ประพฤติธรรมอยใู่ นป่ า มี 面燃大士 พระมขุ าคนีวาลเปรต มาปรากฏให้
เห็นแล้วกลา่ ววา่ ตนเป็ นเจ้าแหง่ เปรต และพระอานนท์จกั ต้องมรณภาพใน
๓ ทิวา เมือ่ ทาํ กาลกิริยาแล้ว ต้องลว่ งลงสปู่ ิตติวสิ ยั การจะพ้นภยั ทงั้ นี ้ต้อง
ให้ทานเปรตทงั้ ร้อยพนั ทงั้ ยงั ต้ององั คาสพราหมณ์ บชู าพระรัตนตรัย ฯลฯ
โดยที่ความเชื่อนี ้ได้ผสานกบั หลกั พทุ ธตนั ตระ เกิดเป็ นพิธีโยคเปรตพลี
และขนั้ ตอนของพธิ ีนี ้ก็ปรากฏมาในหมวดตนั ตระ แหง่ พระไตรปิฏกมหา
ยาน ซง่ึ มดี ้วยกนั หลายฉบบั ซง่ึ โดยรวมแล้วเหมือนกนั จะตา่ งกนั ก็เพยี งแต่
ในรายละเอียดเทา่ นนั้

พธิ ีเปรตพลี ในศาสนาเตา๋

~ 83 ~

ศาสนาเตา๋ รับความเช่ือเปรตพลี มากจากพทุ ธศาสนา โดยผสมผสานกบั
ความเชื่อของตน และความเชื่อเดมิ ของจีน ซง่ึ ความเช่ือเร่ืองเดือน ๗
จนั ทรคติ ฯลฯ ในศาสนาเตา๋ มมี านานแล้ว แตก่ ารกระทาํ เชิงพธิ ีกรรมนนั้
ต้องยอมรับวา่ ได้รับอทิ ธิพลมาจากพทุ ธศาสนา ไมม่ ากก็น้อย และทงั้
ศาสนาพทุ ธและเตา๋ ตา่ งก็มคี วามเช่ือเร่ืองมีพระมขุ าคนีวาลเปรต จะ
ตา่ งกนั ก็ท่ี พระพทุ ธศาสนาแสดงวา่ เป็ นนริ มาณกายของพระอวโลกิเตศวร
สว่ นศาสนาเตา๋ แสดงวา่ เป็ นนิรมาณกายของเทพ 太乙救苦天尊 ไท้อ่จี ิว้
ขเู่ ทยี นจนุ โดยออกนามพระมขุ าคนีวาลเปรตเป็ นท่ี 面燃羽林監齋普
渡真君 โดยมฐี านะเป็ นทเี่ ทพธรรมบาล ผ้คู วบคมุ เปรตและสตั วน์ รก ให้
อยใู่ นความเรียบร้อย ไมก่ อ่ ความเดอื นร้อน โดยเฉพาะในชว่ งเวลาท่มี ีการ
ประกอบพิธี ซง่ึ จะมกี ารกระทาํ รูปเคารพจากกระดาษ และมกั เผาทงิ ้ เม่อื
เสร็จสนิ ้ พิธี โดยกวา่ ที่ความเช่ือเรื่องเปรตพลนี ี ้จะรุ่งเรืองและแพร่หลายใน
ประเทศจีน ก็เข้ามาถงึ ในสมยั ซง่ คอื เมอ่ื ประมาณ ๑,๐๐๐ ปี กอ่ น แล้ว

~ 84 ~

面燃大士 พระมขุ าคนวี าลเปรต ของศาสนาพทุ ธและศาสนาเตา๋

ในประเทศไทย คนจีนแต้จว๋ิ เรียกพธิ ีโยคเปรตพลนี วี ้ า่ 施孤 “ซโิ กว” โดย
แปลวา่ “ให้ทาน (ผ)ี ไร้ญาติ” สว่ นคนไทยจะเรียกวา่ “ประเพณีทงิ ้ กระจาด”
หรือ “ประเพณีเทกระจาด” โดยมาจากสายตาของชาวบ้านทว่ั ไป ท่ีเห็นวา่
มกี ารซดั ข้าวและโปรยดอกไม้ จากกระจาดหรือพาน ในขณะทาํ พธิ ี จึงได้

~ 85 ~

ขานนาม ตามกริยาดงั กลา่ ว ตอ่ มามกี ารนาํ คําวา่ “เทกระจาด” ไปใช้กบั
อบุ ตั เิ หตรุ ถควาํ่ ฯลฯ เหน็ วา่ เป็ นคาํ ทส่ี อ่ ไปทางอวมงคล จงึ ได้มีการเลยี่ ง ท่ี
จะใช้คาํ ดงั กลา่ ว โดยคงเหลอื ไว้แตค่ าํ วา่ “ประเพณีทงิ ้ กระจาด” เทา่ นนั้
นอกจากนี ้ยงั มกี ารสนั นษิ ฐานวา่ คาํ วา่ “เทกระจาด” มาจากกริยาการ
โปรยทานให้คนยากจน ทมี่ ารับของเหลอื จากวตั ถทุ าน ทท่ี ายกทายกิ า
นํามาถวายวดั หรือโรงเจ เพ่อื ทจ่ี ะทําพิธีโยคเปรตพลนี ี ้

พิธีเปรตพลี ในลทั ธิ นอกพทุ ธศาสนา และ นอกศาสนาเตา๋

~ 86 ~

การทําพธิ ีเปรตพลขี องคนจีนนนั้ จะแบง่ ออกเป็ น ๓ พวก คอื ๑. ในพทุ ธ
ศาสนา ๒. ในศาสนาเตา๋ (จะไมใ่ ช้คาํ ว่า “โยคะ”54) ๓. ในลทั ธิตา่ ง ๆ (ลทั ธิ
อิงแอบศาสนา ท่ีผสมผสาน ความเช่ือของพทุ ธ, เตา๋ , ขงจ่ือ เข้าไว้ด้วยกนั
มกั พบตามโรงเจ ทไี่ มส่ งั กดั พทุ ธศาสนา ซงึ่ มที งั้ ในประเทศไทยและ
ตา่ งประเทศ) นอกจากนี ้ในปัจจบุ นั ยงั พบวา่ มีการกระทําพิธีนโี ้ ดย ร่าง
ทรง, หมอผี, หมอดู ฯลฯ อกี ด้วย

54 โยคะ แปลวา่ การประพฤติธรรม สว่ น ผ้ปู ระพฤติธรรม จะเรียกวา่ โยคี, โยคิน,
โยคชน, โยคบคุ คล, โยคาพจร, โยคาวจร ฯลฯ ซงึ่ แปลวา่ ผ้หู ยง่ั ลงสคู่ วามเพียร ผ้มู ี
ความเพยี ร

~ 87 ~

~ 88 ~

瑜伽集要施食壇儀

โยคสงั ครหเปรตพลมี ณฑลวิธี

明古杭雲棲寺沙門 袾宏 重訂

สมณะจหู ง อารามเมฆาวาส แหง่ เมอื งหงั โจว สมยั ราชวงศ์หมงิ ชาํ ระใหม่

菩提金剛 (化名) 泰譯

โพธิพฤกษ์ โพธิวชั ระ (นามแฝง) แปลและอธิบาย ฉบบั ภาษาไทย

~ 89 ~

~ 90 ~

โยคสงั ครหเปรตพลีมณฑลวิธี

(อธิษฐานเคร่ืองหอม)55

อันสคุ ันธชาติ56 น้ี มิได้ล่วงลงจากนภา แลจะเกดิ จากปฤถวีไดไ้ ฉน ? ก่อน
ทวิอรรถ57 จะแยก รากฐานกาจรจายท่วั ตรีภพ58 เอกปราณจาแนกแลว้
แผส่ าขาทศทิศ รุ่งโรจน์กวา่ ดวงตะวนั จนั ทรา งดงามกวา่ ขนุ เขาธารา คือ
ศลี คือศมาธิ คือปรชั ญา มิใช่ไม้ มใิ ช่ไฟ มใิ ชค่ วัน นาธุลมี าเพยี งน้อย ขจร
จายท่ัวธรรมธาตุ แลในกระถางน้ี ขอนบบชู า พระรตั นตรยั ผสู้ ถิตอยู่เปน็

55 บทนีเ้ป็นบทบชู า และกลา่ วอนั เชิญพระรัตนตรัย บรู พาจารย์ เทพธรรมบาล
เปรต ฯลฯ ทงั้ ยงั เป็นบทอธิษฐานเคร่ืองหอม (ธูป ฯลฯ) อีกด้วย
56 香 สคุ นั ธชาติ เคร่ืองหอม ธปู ฯลฯ ตามนยั แห่งเบญจบชู า จะแยกเป็น ๒ คอื ๑.
ธูป คือ เครื่องหอมที่ใช้จดุ ๒. คนั ธะ, สคุ นั ธะ, สคุ นธ์ คอื นํา้ มนั หอมที่ใช้ทา (เช่น
นํา้ มนั จนั ทน์ แตใ่ นปัจจบุ นั อาจมกี ารใช้นํา้ หอมสมยั ใหมแ่ ทน) และบท “อธิษฐาน
เครื่องหอม” นี ้หมายเอา เคร่ืองหอมท่ีใช้จดุ เป็นสําคญั
57 兩儀 ทวอิ รรถ อรรถทงั้ ๒ ได้แก่ ฟ้ า (陽 หยาง) และ ดนิ (陰 อิน)
58 三界 ตรีภพ ได้แก่ ภพทงั้ ๓ ได้แก่ กามภมู ิ รูปภมู ิ และ อรูปภูมิ

~ 91 ~

นติ ย์59 สง่ิ ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิทง้ั หลาย ท้ังบนแผน่ ดิน แลในสาคร บรู พาจารย์ใน
อดีตกาล ปวงภัทระท้ังหลาย มากมายดุจเมลด็ ทรายในสาคร อารยานารย
เปรต ขอสคุ ันธชาตนิ ี้ บูชาทัว่ กัน

ดวงพกั ตร์แหง่ พระตถาคต พศิ ุทธิ์ ดจุ ปูรณจันทร์
แลดุจ พันตะวนั ทอสกุ แสง
ไพบลู ย์ สกาว ทศทศิ

มุทิตา อุเบกขา เมตตา กรณุ า สมบรู ณพ์ รอ้ ม

ขอถวายความนอบน้อมแด่ พระพทุ ธเจา้ พระธรรมเจา้ พระสังฆเจ้า
พระรัตนตรัย ทั้งในอดตี ปัจจบุ ัน อนาคต ทัว่ ท้งั อากาศธาตุ

(ยกถวายสาร)

59 常住 นิยตสถิต สถิตอยเู่ ป็นนิตย์ คือ การพ้นจากอํานาจกาละและเทศะ คือ
ดาํ รงอย่ใู นทกุ สถานท่ีและทกุ เวลา

~ 92 ~

ขอถวายความนอบนอ้ มแด่ พระอวโลกเิ ตศวรโพธสิ ตั ว์ ผูท้ รงมหา
กรุณาธคิ ณุ

(ทุกคนอา่ นบทอธิษฐานน้า)

อนั อุทกนี้ คอื อทุ ก ทถ่ี ึงพร้อมด้วยคณุ ๘ ประการ60 ทม่ี าแต่ท้องนภา
ชาระมลธาตแุ หง่ สรรพชีวติ เขา้ สปู่ ณุ ฑรกี ครรภโลกธาตุ (พทุ ธเกษตร) แห่ง
พระไวโรจนตถาคต ไมม่ ที ี่ใด ทไี่ ม่ทั่วถึง (อยู่กบั ) นา้ แตไ่ ม่เปียกน้า
ธรรมกายสดุ พิเศษ (อยกู่ ับ) ดนิ แต่ไม่เปือ้ นดิน61 กลบั คนื สตู่ น ทาลายอิธ
โลก62 ชาระลา้ งมณฑลพธิ ี หลงั่ รดพฤกษาแหง้ ใหก้ ลบั งอกงาม ยัง

60 八功德水 อทุ ก (นํา้ ) ที่ถึงพร้อมด้วยคณุ ๘ ประการนนั้ เลา่ กนั วา่ ท่ีสขุ าวดี
พทุ ธเกษตร มีสระนํา้ ที่พร้อมดวั ยคณุ ธรรม ๘ ประการ คอื ใส, เย็น, หวาน, ออ่ นโยน
, ชมุ่ ชืน้ , สงบ, ดบั กระหาย, เจริญประสาทะ นอกจากนี ้ยงั มีท่ีกลา่ ววา่ ท่ีเชิงเขาพระ
สเุ มรุ มีสระโบกขรณี ท่ีมนี ํา้ ที่ถึงพร้อมด้วยคณุ ๘ ประการ คอื หวาน, เยน็ , ออ่ น,
เบา, ใส, ไมเ่ หมน็ , มีกลน่ิ หอม, ไมเ่ ป็ นอนั ตรายตอ่ ร่างกาย
61 นํา้ และดิน ในท่ีนี ้หมายถงึ กิเลส บทวา่ “(อยกู่ บั ) นํา้ แตไ่ มเ่ ปี ยกนํา้ ธรรมกาย
สดุ พิเศษ (อยกู่ บั ) ดนิ แตไ่ มเ่ ปื อ้ นดิน” ความหมายคือ การดาํ รงอย่ใู นโลกียะ แตไ่ ม่
แปดเปื อ้ นด้วยปวงธุลี ดจุ ปณุ ฑรีก ฉะนนั้
62 器界 อิธโลก โลกนี ้

~ 93 ~

ดนิ แดนแหง่ มลทนิ ใหเ้ ปน็ พศิ ุทธิเกษตร และยังให้มรรคทั้งนอกใน และ
ทา่ มกลาง63 พ้นจากมลธาตุ ปวงเปรตท้ังอารยะและปถุ ุชน ต่างเขา้ ถึง
ความวสิ ุทธ์แิ ละรม่ เย็น

(ทกุ คนสวดมหากรุณาธารณีพร้อมกนั )

(ในท่ีนแี ้ สดงไว้วา่ ให้สวดมหากรุณาธารณี แตไ่ มม่ รี ายละเอยี ด จงึ นาํ มาลง
เพ่ิมดงั น)ี ้

63 บทวา่ 道內外中間 “มรรคทงั้ นอก ใน และทา่ มกลาง” ความคอื “ท่ามกลาง
และ ในมรรค” หมายเอา “ชนในพระศาสนา” สว่ น “นอกมรรค” หมายเอา “เดียรถีย์
คอื ผ้อู ย่นู อกพระพทุ ธศาสนา” กลา่ วคอื พิธีโยคเปรตพลีนี ้ โปรดสตั ว์ทงั้ หมด ไมว่ า่
จะนบั ถือพทุ ธศาสนาหรือไมก่ ็ตาม

~ 94 ~

มหากรุณาธารณี64

อักษรจนี โรมนั อักษรไทย

01. 南無 Namo นะโม
喝囉怛那 ratna- รัตนะ-
哆囉夜 trayāya ตรายายะ
นะมะ
02. 南無 nama อารยา
阿唎 āryā วะโลกิเตศวะรายะ

03. 婆盧羯帝爍鉢 valokiteśvarāya โพธิ
สตั ตวายะ
囉 มหา
สตั ตวายะ
04. 菩提 bodhi

薩跢婆 sattvāya

05. 摩訶 mahā
薩跢婆 sattvāya

64 มหากรุณาธารณีภาษาจีนฉบบั นี ้นํามาแต่ 《千手千眼觀世音菩薩廣大
圓滿無礙大悲心陀羅尼經》(CBETA T20n1060) คนจีนแต้จ๋ิว ในประเทศ
ไทย มกั รู้จกั มหากรุณาธารณีนี ้ในนามวา่ “ไตป่ ยุ จ่ิว” อนึง่ ธารณีนี ้มีอีกนามวา่
“นีลกณั ฐธารณี” โดยปรากฏมาใน “นีลกณั ฐธารณีสตู ร” (มกั เรียกกนั วา่ “มหากรุณา
ธารณีสตู ร”) แปลสภู่ าษาจีน ในสมยั ถงั (ประมาณ ปี ค.ศ. ๖๕๐ – ๖๖๐) โดย
สมณะภควทั ธรรม นอกจากนี ้ยงั มฉี บบั ท่ีแปลในนามวา่ 《大慈大悲救苦觀世
音自在王菩薩廣大圓滿無礙自在青頸大悲心陀羅尼經》แปลใน
สมยั ถงั เชน่ กนั (ประมาณ ปี ค.ศ.๗๔๖ – ๗๗๔) โดย สมณะอโมฆวชั ระ

~ 95 ~

06. 摩訶 mahā มหา
迦盧尼迦 kāruṇikāya การุณกิ ายะ
โอมฺ
07. 唵(上聲) oṃ สะรวะ
ระภะเย65
08. 薩皤 sarva สุธะนะทัสยะ
囉罰曳 rabhaye นะมสั
กฤตวา
09. 數怛那怛寫 sudhanadasya อิม
อารยา66
10. 南無 namas วะโลกเิ ตศวะระ
悉吉利埵 kṛtvā รธะวะ
伊蒙 imam นะโม
阿唎 āryā นะระ
กนิ ทิ
11. 婆盧吉帝室佛 valokiteśvara หรีหฺ
มะหา-
囉 馱婆 raṃdhava วตั -
สวาเม
12. 南無 namo
那囉 nara
謹墀 kindi

13. 醯唎 hrīḥ
摩訶- mahā-
皤哆- vat-
沙咩(羊鳴音) svāme

65 บางฉบบั ออกวา่ sarva raviye “สะรวะ ระวเิ ย”
66 บางฉบบั ออกวา่ namo skṛta ī mo aryā “นะโม สกฤตะ อี โม อรยา”

~ 96 ~

14. 薩婆 sarva สะรวะ
阿他豆 arthato อรถะโต
輸朋 śubhaṃ ศภุ
อเชย
15. 阿逝孕 ajeyaṃ สะรวะ ภตู ะ
16. 薩婆薩哆 sarva bhūta นะมะวะกะ67
namavaga มะวิตะโต
那摩婆伽 ตทั ยะถา
mavitato โอมฺ
17. 摩罰特豆 tadyathā อวะโลกิ
18. 怛姪他 oṃ โลกะเต68
19. 唵 avaloki กราเต
เอ
阿婆盧醯 lokate หรหี ฺ
krate มหาโพธิสัตตวา
20. 盧迦帝 e สะรวะ
21. 迦羅帝 hrīḥ สะรวะ
22. 夷
mahābodhisattvā
醯唎 sarva
sarva
23. 摩訶菩提薩埵
24. 薩婆

薩婆

67 บางฉบบั ออกวา่ sarvaSat namavasat namovāka “สะรวะสตั นะมะวะสตั
นะโมวากะ”

68 บางฉบบั ออกวา่ locate “โลจะเต”

~ 97 ~

25. 摩羅 mala มะละ
摩羅 mala มะละ
มะหมิ ะ
26. 摩醯摩 mahima หฤทะย
醯唎馱孕 hṛdayaṃ กุรุ
กุรุ
27. 俱盧 kuru กะรม
俱盧 kuru ธรุ ุ
羯懞 karmaṃ ธรุ ุ
วชิ ะยะเต69
28. 度盧 dhuru มะหา
度盧 dhuru วิชะยะเต70
罰闍耶帝 vijayate ธะระ
ธะระ
29. 摩訶 mahā ธฤณี71
罰闍耶帝 vijayate ศวะรายะ
จะละ
30. 陀羅 dhara
陀羅 dhara

31. 地利尼 dhṛṇī
32. 室佛囉耶 śvarāya
33. 遮羅 cala

69 บางฉบบั ออกวา่ dhuru dhuru vajayate “ธรุ ุ ธรุ ุ วะชะยะเต”
70 บางฉบบั ออกวา่ mahā vajayate “มะหา วะชะยะเต”
71 บางฉบบั ออกวา่ dhṛiṇi “ธิริณิ”

~ 98 ~

遮羅 cala จะละ
34. 摩摩 mama มะมะ
vimala วิมะละ
罰摩囉 มกุ เตเล
muktele เอหิ
35. 穆帝囇 ehi เอหิ72
36. 伊醯 ehi ศนิ ะ
ศินะ
移醯 śina อารส
śina ประสะริ73
37. 室那 วิศวะ
室那 ārsaṃ วิศว74
prasari ประสะยะ75
38. 阿囉嘇 หรุ ุ
佛囉舍利 viśva หุรุ
viśvaṃ มะระ
39. 罰沙
罰嘇 prasaya
hulu
40. 佛羅舍耶 hulu
41. 呼嚧 mara

呼嚧
摩囉

72 บางฉบบั ออกวา่ ehi ihi “เอหิ อิหิ”
73 บางฉบบั ออกวา่ ārṣaṃ pracali “อารษํ ประจะริ”
74 บางฉบบั ออกวา่ vasa vasam “วาษะ วาษํ”
75 บางฉบบั ออกวา่ praśaya “ประศะยะ”

~ 99 ~

42. 呼嚧 hulu หรุ ุ
呼嚧 hulu หรุ ุ
醯利 หรีหฺ
hrīḥ สะระ
43. 娑囉 sara สะระ
娑囉 sara สิริ
สิริ
44. 悉利 siri สุรุ
悉利 siri สรุ ุ
โพธยิ ะ
45. 蘇嚧 suru โพธยิ ะ
蘇嚧 suru โพธะยะ
โพธะยะ
46. 菩提夜 Bodhiya ไมตเร76ยะ77
菩提夜 bodhiya นะระ
กินทิ
47. 菩馱夜 Bodhaya ธฤษณนิ ะ78
菩馱夜 bodhaya

48. 彌帝利夜 maitreya
49. 那囉 nara
kindi
謹墀
dhṛṣṇina
50. 地唎瑟尼那

76 คําวา่ tre “ตเร” ไมไ่ ด้ออกเสยี งวา่ “ตะ-เร” แตเ่ ป็นเสียงควบกลาํ ้ ของคาํ วา่ “ตะ”
กบั “เร” โดยต้องออกเสียงควบกลาํ ้ วา่ “ตเร”
77 บางฉบบั ออกวา่ maitriya “ไมตริยะ”
78 บางฉบบั ออกวา่ dhaṛṣṇina “ธะฤษณินะ”

~ 100 ~


Click to View FlipBook Version