The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by social study, 2021-10-18 09:27:30

การออกแบบการจัดการเรียนรู้และการจัดการเรียนรู้

ผศ.อนุสรณ์ นางทะราช

เอกสารประกอบการสอน

วิชา ๒๐๐ ๒๐๘

การออกแบบการเรียนรู้
และการจัดการช้นั เรยี น

Learning Design and Classroom
Management

โดย

อนสุ รณ์ นามทะราช

สาขาวิชาสังคมศกึ ษา

มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น

๒๕๖๓

เอกสารประกอบการสอน

วิชา ๒๐๐ ๒๐๘

การออกแบบการเรียนร้แู ละการจัดการชัน้ เรียน
(Learning Design and Classroom
Management)

โดย

ผศ.อนสุ รณ์ นามทะราช

น.ธ.เอก,ป.ธ.๔,ค.บ..ศษ.ม.(หลกั สตู รและการสอน)

สาขาวชิ าสงั คมศึกษา

มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น

๒๕๖๓

คำนำ

เอกสารประกอบการสอนฉบบั น้ี เกิดจากการศกึ ษาค้นคว้าเพ่ือต้องการอานวย
ความสะดวกในการศึกษาคน้ ควา้ เล่าเรียน ในรายวชิ า ๒๐๐ ๓๐๗ การจดั การเรยี นรู้ (๒-๒-๕) ของ
นสิ ิตสาขาวิชาสังคมศกึ ษาและการสอนสอนภาษาไทย มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
วิทยาเขตขอนแกน่ ด้วยจดุ ประสงค์ในทางการเรยี นเพ่ือสอบก็ตาม หรอื ดว้ ยจุดประสงค์เพ่ือความ
รอบรู้ในการเข้าใจกระบวนการเรียนการสอนในองค์ความรู้วิชาก็ตาม การที่นิสิตจะมีความรู้ความ
เขา้ ใจได้ดีนั้น ข้ึนอยู่กบั ตัวนิสิตหรือผ้สู นใจเป็นสว่ นใหญ่ ทั้งจากการอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วยังจะต้อง
อ่านศึกษาค้นควา้ จากหนังสอื ตาราเล่มอื่น ๆ ดังนั้นเพื่อให้ไดค้ วามรอบรู้ตอ้ งศึกษาให้มากถงึ จะเปน็
ผู้รู้และเขา้ ใจอย่างแท้จรงิ ได้

เอกสารวิชาการเล่มน้ี มีเน้ือหาในเชิงความรู้เบื้องต้นเป็นการปูพื้นฐานไปสู่
การศกึ ษาเร่ืองการจัดการเรียนรู้ในหลกั วชิ าตา่ ง ๆ ในตอนที่ทาหน้าท่ีครผู สู้ อนและขณะเดยี วกันใน
ฐานะท่เี ป็นนสิ ติ ซง่ึ มีจุดประสงค์หลักคือ

- เป็นภาระหน้าทตี่ ้องไปอบรมในเร่ืองตา่ ง ๆ แก่นักเรียน
- ในฐานะผทู้ ี่มคี วามรเู้ ร่ืองหลกั การจดั การเรยี นรู้อยา่ งดี และ
- ดาเนนิ การสอนใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั วชิ าการมหี ลกั ฐานในทางวชิ าการเป็นรปู ธรรม
ดว้ ยหวงั วา่ นสิ ิตและผ้ทู ่ีสนใจคงจะได้อะไรบา้ งตามสมควร ดว้ ยว่าระยะเวลาทมี่ ี
จากัดและในขณะเดยี วกนั กิจกรรมหลาย ๆ อยา่ งทจี่ ะใหเ้ กดิ การเรียนรูจ้ ะยังมีอกี มาก
ผู้รวบรวมหวงั ว่า นิสติ คงใชค้ วามพยามยามใหม้ ากในการศึกษาเล่าเรียน สาหรับ
หนังสอื เลม่ นีย้ ังมีอะไรอีกมากที่จะต้องแกไ้ ขและเพ่มิ เติมถือโอกาสแก้ตัวขอโทษมานด้ี ว้ ย และต้อง
ขอขอบคุณท่านผรู้ ทู้ ่ีเปน็ เจา้ ของเอกสารฉบับจริงมา ณ ท่ีน้ีดว้ ย ผรู้ วบรวมสญั ญาว่าจะพยายาม
แกไ้ ขและปรบั ปรุงต่อไปและขอบคณุ ล่วงหน้ามา ณ โอกาสน้ีสาหรบั คาแนะนา

อนสุ รณ์ นามทะราช
สงิ หาคม ๒๕๖๒

สารบัญ ก

เรื่อง หน้า

คานา ข
สารบญั
บทท่ี ๑ หลักการ แนวคดิ เทคนคิ และวทิ ยาการจดั การเรยี นรู้ ๒

- ความนา ๓
- หลกั การ แนวคิดและเทคนิคการจดั การเรยี นรู้ ๔
- ความหมายการจัดการเรยี นรู้ ๗
- หลกั และความสาคัญของการจดั การเรยี นรู้ ๙
- ทักษะการจัดการเรยี นการสอน ๑๒
- หลกั และเทคนิคทส่ี าคัญกับการการสอน ๑๗
- การจดั การเรยี นร้กู ับการศึกษาไทย ๒๒
- วสิ ยั ทศั น์และแผนพัฒนาการศกึ ษาไทย
- ผู้เก่ยี วข้องกบั การจัดการศกึ ษา ๓๒
- กฎหมายและมาตรฐานวิชาชพี ครู
- สรุป ๔๔
- แบบฝกึ หดั ทา้ ยบท ๔๗
- อา้ งอิงประจาบท ๔๘
๕๓
บทที่ ๒ การจัดการเรียนรูย้ ึดผู้เรยี นเป็นคนสาคัญ ๕๖
- ความนา
- หลักการแนะแนวคดิ เกยี่ วกับการยดึ ผู้เรียน ๖๘
- ความสาคญั ของการยึดผเู้ รียนเปน็ คนสาคญั ๗๐
- วธิ กี ารจัดการการสอนทย่ี ึดผ้เู รยี นเป็นคนสาคัญ ๗๑
- การจดั กิจกรรมการเรียนทีย่ ึดผ้เู รียนเปน็ คนสาคัญ ๗๒
- การจัดการศึกษากบั การยึดผเู้ รยี นเป็นสาคญั
- สรปุ
- แบบฝึกหัดท้ายบท
- อ้างองิ ประจาบท

บทที่ ๓ ทฤษฎแี ละรูปแบบการจัดการเรียนรู้
- ความนา
- ความหมาย ทฤษฏีการจัดการเรียนรู้
- ความสัมพันธห์ ลกั สตู รกับการเรยี นรู้
- กระบวนการจัดการเรียนรู้
- การจดั ระบบการจัดการเรียนรู้



- การจัดการเรยี นรู้เนน้ ทักษะกระบวนการ ๗๒
- สรปุ
- แบบฝกึ หัดทา้ ยบท ๑๐๒
- อา้ งอิงประจาบท ๑๐๙
บทที่ ๔ การจดั การเรยี นรูแ้ ละส่ิงแวดล้อมเพอื่ การเรยี นรู้ ๑๒๑
- ความนา ๑๒๓
- การใชศ้ าสตรแ์ ละศลิ ปใ์ นการสอน ๑๔๒
- วิธีการเลอื กรปู แบบการสอน ๑๔๗
- ลักษณะการสอนที่ดี
- รปู แบบและวธิ กี ารสอนแบบต่าง ๆ
- หลกั การ ความหมายของส่ิงแวดล้อมเพ่ือการเรียนรู้
- การจดั สภาพแวดล้อมเพื่อการเรยี นรู้
- สรปุ
- แบบฝึกหดั ทา้ ยบท
- อา้ งอิงประจาบท

บทท่ี ๕ เทคนิค วิทยาการจัดการเรียนรู้ ๑๖๘
- ความนา ๑๖๙
- ความหมายเทคนิควิธีการจัดการเรียนรู้ ๑๘๖
- เทคนคิ การสอนวธิ ตี า่ งๆ ๑๙๐
- การนาเข้าส่บู ทเรียน ๑๙๒
- สรุปบทเรยี น
- การฝึกทักษะการสอนแบบจุลภาค
- สรปุ
- แบบฝึกหัดท้ายบท
- อา้ งอิงประจาบท

บทที่ ๖ การออกแบบเขียนแผนการจดั การเรียนรู้

- ความนา

- หลักการและความสาคัญวางแผนการจัดการเรยี นรู้ ๑๙๙

- ความหมายและประโยชน์ของการวางแผน ๒๐๐

- การออกแบบแผนการจัดการเรยี นรู้ ๒๐๐

- การเขยี นแผนการจัดการเรียนรู้รายวชิ า ๒๐๑

- การวิเคราะห์จุดประสงคร์ ายวิชา ๒๐๒

- การปฏบิ ตั ิการเขยี นแผนการจัดการเรียนรู้ ๒๐๔

- การนาเสนอการสอนตามแผนการจดั การเรยี นรู้ดว้ ยรปู แบบของการสอนแบบจุลภาค ๒๐๖

- สรุป

- แบบฝึกหัดท้ายบท

- อา้ งอิงประจาบท

บทท่ี ๗ การบริหารและการจัดการในช้ันเรยี น ค
- ความนา
- หลกั การ แนวคดิ เกยี่ วกบั การบรกิ ารจดั ช้นั เรียน ๒๓๓
- ความหมายและความสาคญั การจดั การช้ันเรียน ๒๓๔
- วธิ กี ารบริหารและการจัดการชนั้ เรยี น ๒๓๕
- แนวทางการรหิ ารจดั การจัดการชน้ั เรยี นทดี่ ี ๒๓๘
- การบรหิ ารจดั การช้ันเรียนกับการจดั การเรยี นรู้ ๒๔๐
- ปญั หาอปุ สรรคในการบรหิ ารจัดการชั้นเรยี น ๒๔๓
- แนวโนม้ การบริหารจัดการชน้ั ในอนาคต ๒๔๓
- สรปุ ๒๔๖
- แบบฝึกหัดท้ายบท
- อา้ งอิงประจาบท ๒๔๙
๒๕๔
บทท่ี ๘ การบรู ณาการเรียนรแู้ บบเรยี นรวม ๒๖๗
- ความนา ๒๗๐
- ความหมายและความสาคัญการบรู ณาการ ๒๗๕
- หลักการและวธิ กี ารบูรณาการ ๒๘๐
- การบรู ณาการกบั วิชาตา่ งๆ
- แนวทางการจดั การเรียนรู้แบบบูรณาการ
- หลักการบูรณาการกับสมยั ปัจจบุ นั
- สรปุ
- แบบฝึกหดั ทา้ ยบท
- อา้ งอิงประจาบท

บทท่ี ๙ การพัฒนาศูนยก์ ารเรียนในสถานศกึ ษา
- ความนา
- หลักการ แนวคดิ เกย่ี วกบั ศูนย์การเรียน
- ความหมายและความสาคัญของศูนยก์ ารจดั การเรียน
- องคป์ ระกอบของศนู ย์การจัดการเรยี นรู้
- แนวทาง วธิ กี ารพฒั นาจัดการศูนยก์ ารจัดการเรยี นรู้
- ศูนย์การจัดการเรยี นรู้กบั การจดั การเรียนรู้
- สรปุ
- แบบฝึกหัดทา้ ยบท
- อ้างองิ ประจาบท

บทที่ ๑๐ สื่อการสอน การวัดและประเมินผลการจัดการเรยี นรู้ ง
- ความนา
- ความหมายและความสาคญั ของส่ือการสอน ๒๘๙
- การเลอื กและเตรียมใชส้ ่ือการสอน ๒๙๑
- สื่อการสอนกบั นวตั กรรมสมัยใหม่ ๒๙๓
- ความหมายความสาคัญการประเมนิ ๒๙๘
- การวัดและประเมนิ ตามสภาพจรงิ ๓๐๑
- การสรุปกจิ กรรมการเรยี นการสอน ๓๐๔
- สรปุ
- แบบฝกึ หดั ทา้ ยบท ๓๐๖
- อ้างอิงทา้ ยบท
๓๑๐
บรรณานุกรม
ภาคผนวก

บทที่ ๑

หลกั การ แนวคดิ เทคนคิ และวิทยาการจัดการเรียนรู้

หลักการและเหตุผล

การจดั การเรยี นรู้ เปน็ กระบวนการทส่ี าคญั ในการศึกษาของทุกๆ ประเทศ การจักการเรียนรู้
จาเปน็ ต้องมีหลักการ แนวคิด เทคนิคและวทิ ยาการจดั การเรียนรู้ ในการจดั เรยี นรู้

การจดั การเรียนรูท้ ่ีดีตอ้ งมกี ารจัดระบบ หรอื แนวทาง ทเ่ี ป็นรูปเอกสารอย่างชดั เจน เป็นการ
กาหนดกระบวนการและวิธีการจากเรม่ิ ตน้ จนถึงสดุ ท้าย ตามวิธการ มาตรการทเ่ี กย่ี วกับการเรยี นการ
สอน ให้ผ้เู รียนมสี มรรถนะสาคญั และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงคต์ ามทีก่ าหนดไว้

การจัดการเรยี นรู้ ไม่ใช่เปน็ เพยี งการถา่ ยทอดเนื้อหาวิชา โดยใชว้ ิธกี ารบอกให้จดจาและนาไป
ท่องจาเพ่ือการสอบเท่านน้ั แต่การจัดการเรียนรู้เป็นศาสตร์อยา่ งหนึ่งซง่ึ มคี วามหมายที่ลึกซึ้งกวา่ นัน้
กล่าวคือ วธิ กี ารใดก็ตามท่ีผูส้ อนนามาใช้เพ่ือใหผ้ ้เู รยี นเกิดการเรียนรู้ กระบวนการจดั การเรียนร้ตู ้อง
สง่ เสรมิ ให้ผเู้ รยี น สามารถพฒั นา ตามธรรมชาติและเต็มตามศกั ยภาพ คานงึ ถึงความแตกต่างระหว่าง
บุคคลและพัฒนาการทางสมอง เน้นใหค้ วามสาคญั ท้ังความรูแ้ ละคณุ ธรรม

หวั ขอ้ ยอ่ ย

๑. หลักการจัดการเรียนรู้
๒. ความหมายการจดั การเรียนรู้
๓. หลกั และความสาคัญของการจดั การเรยี นรู้
๔. ทกั ษะการจัดการเรยี นการสอน
๕. หลกั และเทคนิคท่สี าคญั กับการสอน
๖. การจัดการเรยี นรกู้ บั การศึกษาไทย
๗. ทักษะการเสรมิ กาลงั ใจ
๘. ทักษะการสรุปบทเรียน
๙. กฎหมายและมาตรฐานวชิ าชีพครู

จุดประสงค์

๑. เพ่อื ให้ทราบถงึ หลักการ แนวคดิ เทคนิคและวิทยาการจัดการเรียนรู้ ตามวธิ ีการ มาตรฐาน
การเรียนรู้

๒. เพ่ือศึกษาถึงหลกั การ แนวคดิ เทคนิคและวิทยาการจัดการเรยี นรู้ ใหเ้ หมาะสมกบั ยุคสมัย
๓. เพื่อบรู ณาการ การจดั การเรียนรู้ และสร้างนวตั กรรมแหง่ การเรยี นการสอน ของ
การศกึ ษาในศตวรรษท่ี ๒



๑. หลักการจัดการเรียนรู้

การจัดการเรยี นรู้ หมายถงึ วิธกี าร มาตรการในการจัดการเก่ียวกับการเรยี นการสอนซ่ึงมี
หลากหลายวิธีด้วยกนั ผสู้ อนสามารถคดิ ค้น พัฒนา สรรหา แลกเปลย่ี น เรยี นรู้ สบื เสาะเทคนิคตา่ ง ๆ
ซง่ึ มอี ยู่มากมายสามารถเลอื กใช้ตามความเหมาะสม มหี ลายรูปแบบดังนี้

การจดั การเรียนรเู้ ปน็ กระบวนการสาคญั ในการนาหลกั สตู รสกู่ ารปฏบิ ัตหิ ลกั สูตรโรงเรียน ฐาน
ชวี า พุทธศักราช ๒๕๕๙ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐานพทุ ธศักราช ๒๕๕๑ เป็นหลกั สูตร
ที่มมี าตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียนและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงคเ์ ปน็ เปูาหมายสาคัญ
สาหรบั พัฒนาเด็กและเยาวชนผ้สู อนตอ้ งพยายามคดั สรรกระบวนการเรียนรู้ จัดการเรียนรู้เพอ่ื พฒั นา
ผู้เรียนใหม้ ีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนร้ทู ั้ง ๘ กลุ่มสาระเรียนรู้ รวมทง้ั ปลกู ฝังเสรมิ สร้างคุณลักษณะ
อนั พงึ ประสงค์พัฒนาทักษะต่าง ๆ อนั เป็นสมรรถนะสาคัญท่ีตอ้ งการใหเ้ กดิ แก่ผู้เรยี น๑

การจัดการเรยี นรเู้ พ่อื ให้ผู้เรยี นมคี วามรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรยี นรู้ สมรรถนะสาคัญ
และคณุ ลักษณะอันพึงประสงคต์ ามที่กาหนดไว้ในหลกั สูตรแกนกลางการ ศึกษาขัน้ พื้นฐาน โดยยดึ หลัก
ว่าผ้เู รียนมคี วามสาคัญทส่ี ุด เช่ือวา่ ทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพฒั นาตนเองได้ ยึดประโยชนท์ ีเ่ กิด
กบั ผเู้ รยี น กระบวนการจดั การเรียนรตู้ ้องสง่ เสริมใหผ้ ู้เรยี น สามารถพฒั นา ตามธรรมชาติและเต็มตาม
ศกั ยภาพ คานงึ ถึงความแตกต่างระหว่างบคุ คลและพัฒนาการทางสมอง เนน้ ให้ความสาคัญทั้งความรู้
และคณุ ธรรม๒

๒. ความหมายการจัดการเรยี นรู้

การจดั การเรยี นรู้ ไมใ่ ชเ่ ปน็ เพียงการถ่ายทอดเน้ือหาวิชา โดยใช้วธิ กี ารบอกให้จดจาและนาไป
ทอ่ งจาเพื่อการสอบเท่าน้นั แต่การจัดการเรยี นรู้เป็นศาสตร์อย่างหนง่ึ ซึ่งมีความหมายที่ลึกซ้งึ กว่านั้น
กลา่ วคอื วิธกี ารใดกต็ ามท่ผี สู้ อนนามาใชเ้ พอ่ื ให้ผ้เู รียนเกดิ การเรียนรู้ เรียกได้วา่ เปน็ การจัดการเรยี นรู้

นกั การศึกษาหลายทา่ น ได้ใหค้ วามหมายของการจัดการเรียนรู้ในทศั นะต่างๆ ดังนี้
สมุ น อมรวิวฒั น์ (๒๕๓๓:๔๖๐) อธิบายความหมายของการจัดการเรยี นรไู้ ว้วา่ การจัด
การเรยี นรู้คือสถานการณ์อย่างหน่ึงที่มสี ง่ิ ต่อไปนี้เกิดขึน้ ได้แก่

๑. มีความสมั พนั ธ์และมีปฏิสัมพันธ์เกิดข้ึนระหวา่ งผู้สอนกบั ผเู้ รียน ผ้เู รียนกับผเู้ รียน
ผู้เรียนกบั สิง่ แวดล้อม และผู้สอนกับผเู้ รียนกับส่ิงแวดลอ้ ม

๒. ความสมั พันธแ์ ละมีปฏิสัมพนั ธ์น้นั ก่อให้เกิดการเรียนรู้และประสบการณ์ใหม่
๓. ผู้เรียนสามารถนาประสบการณใ์ หม่น้นั ไปใช้ได้
วิชัย ประสิทธ์ิวฒุ ิเวชช์ (๒๕๔๒:๒๕๕) กลา่ วว่าการจัดการเรียนรเู้ ป็นกระบวนการท่มี รี ะบบ
ระเบียบครอบคลุมการดาเนนิ งานตั้งแต่การวางแผนการจัดการเรียนรู้จนถึงการประเมนิ ผล
ฮแู ละดนั แคน (Hough & Duncan, ๑๙๗๐:๑๔๔) อธิบายความหมายของการจดั การเรียนรู้
วา่ หมายถงึ กจิ กรรมของบุคคลซึ่งมหี ลักและเหตุผล เปน็ กจิ กรรมท่บี ุคคลได้ใช้ความรขู้ องตนเอง

๑ ภาวดิ า ธาราศรีสทุ ธ,ิ และวิบลู ย์ โตวณะบตุ ร. หลักและทฤษฎกี ารบริหารการศึกษา. (กรุงเทพฯ :
สานักพมิ พ์มหาวิทยาลัยรามคาแหง. ๒๕๔๒).หน้า

๒ ชชู าติ เชิงฉลาด. หลกั การสอน. (กรงุ เทพมหานคร : ธรี พงษก์ ารพมิ พ์, ๒๕๒๔).หน้า ๒



อย่างสร้างสรรค์ เพอ่ื สนับสนุนใหผ้ อู้ ืน่ เกดิ การเรียนร้แู ละความผาสกุ ดังน้นั การจดั การเรียนรู้
จงึ เป็นกิจกรรมในแงม่ ุมต่างๆ ๔ ดา้ น คือ๓

๑. ดา้ นหลกั สูตร (Curriculum) หมายถงึ การศึกษาจดุ มุ่งหมายของการศกึ ษาความ
เข้าใจในจดุ ประสงคร์ ายวิชาและการต้ังจดุ ประสงค์การจัดการเรยี นรูท้ ชี่ ดั เจน ตลอดจนการเลือกเนือ้ หา
ได้เหมาะสมสอดคล้องกบั ท้องถน่ิ

๒. ด้านการจดั การเรียนรู้ (Instruction) หมายถึง การเลือกวธิ สี อนและเทคนิคการจัด
การเรียนรทู้ เ่ี หมาะสม เพ่ือช่วยใหผ้ เู้ รยี นบรรลุถงึ จุดประสงคก์ ารเรยี นรทู้ ว่ี างไว้

๓. ด้านการวัดผล(Measuring) หมายถึง การเลอื กวธิ กี ารวดั ผลทเ่ี หมาะสมและ
สามารถ วเิ คราะหผ์ ลได้

๔. ดา้ นการประเมนิ ผลการจดั การเรียนรู้ (Evaluating) หมายถงึ ความสามารถ
ในการประเมนิ ผลของการจัดการเรยี นรู้ท้งั หมดได้

ฮลิ ล์ (Hills,๑๙๘๒:๒๖๖) ใหค้ าจากดั ความของการจัดการเรยี นร้ไู วว้ ่าการจัดการเรียนรู้ คอื
กระบวนการให้การศึกษาแกผ่ ู้เรียน ซงึ่ ต้องอาศยั ปฏิสัมพันธร์ ะหวา่ งผู้สอนกับผ้เู รียน

มอร์ (Moore, ๑๙๙๒:๔) ไดใ้ ห้ความหมายของการจดั การเรียนรู้ไว้วา่ การจัดการเรียนรู้ คอื
พฤติกรรมของบุคคลหนึ่งท่ีพยายามช่วยให้บคุ คลอน่ื ไดเ้ กดิ การพัฒนาตนในทุกด้านอย่างเต็มศักยภาพ

การจัดการเรยี นรู้ คอื การจดั สถานการณ์ สภาพการณ์ หรือกิจกรรมการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนไดม้ ี
ประสบการณ์ อันก่อใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ไดง้ ่าย ซงึ่ จะสง่ ผลให้ผ้เู รียนมคี วามเจรญิ งอกงามและพฒั นาการ
ท้ังทางกายและทางสมอง อารมณ์และสังคม

๓. หลกั และความสาคญั ของการจดั การเรยี นรู้

การจดั การเรยี นรู้ เพอื่ ใหผ้ ้เู รียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะ
สาคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามท่ีกาหนดไวใ้ นหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน โดย
ยดึ หลกั ว่า ผเู้ รยี นมีความสาคัญท่สี ุด เชอื่ วา่ ทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพฒั นาตนเองได้ ยดึ
ประโยชน์ทีเ่ กิดกบั ผเู้ รยี น กระบวนการจดั การเรียนรู้ตอ้ งส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรยี น สามารถพัฒนาตามธรรมชาติ
และเตม็ ตามศักยภาพ คานึงถึงความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลและพฒั นาการทางสมองเนน้ ใหค้ วามสาคญั
ทงั้ ความรู้ และคณุ ธรรม

การจัดการเรยี นรูเปรยี บเสมอื นเคร่ืองมือท่ีสงเสริมใหผูเรียนรักการเรยี น ต้ังใจเรียน และเกิดการ
เรียนรูขนึ้ การเรียนของผูเรียนจะไปสูจุดหมายปลายทาง คือ ความสาเร็จในชวี ติ หรือไมเพยี งใดน้ัน ยอม
ขนึ้ อยูกับการจัดการเรยี นรูท่ีดีของผูสอน หรือผูสอนดวยเชนกนั หากผูสอนรูจักเลือกใชวิธีการจัดการ
เรียนรูทดี่ แี ละเหมาะสมแลว ยอมจะมผี ลดตี อการเรยี น ของผูเรียนดงั นี้ คอื

๑. มคี วามรูและความเขาใจในเน้อื หาวชิ า หรือกิจกรรมท่ีเรียนรู
๒. เกิดทักษะหรือมคี วามชานาญใน เน้ือหาวชิ า หรือกจิ กรรมทเ่ี รยี นรู
๓. เกิดทัศนคติทีด่ ตี อส่งิ ท่ีเรยี น
๔. สามารถนาความรูท่ีไดไปประยุกตใชในชวี ิตประจาวันได
๕. สามารถนาความรูไปศกึ ษาหาความรูเพิ่มเติมตอไปอีกได

๓ สมศกั ดิ์ คงเท่ียง, (ม.ป.ป.) หลักและทฤษฎกี ารบริหารการศึกษา.(กรงุ เทพฯ: มติ รภาพ การพมิ พแ์ ละ
สตดู โิ อ. ๒๕๔๔).หนา้ ๓๓



การทผ่ี สู อนจะสงเสรมิ ใหผูเรียนมคี วามเจริญงอกงามในทุกๆ ดานทงั้ ทางดาน รางกาย อารมณ
สงั คม และสติปญญานัน้ การสงเสริมท่ีดีท่ีสดุ ก็คอื การใหการศกึ ษา ซ่ึงจากท่ีกลาวมาจะเหน็ ไดวาการ
จดั การเรยี นรูเป็นสิง่ สาคัญในการใหการศึกษาแกผูเรยี นเปนอยางมาก
ทกั ษะการสอนและเทคนิคการสอน

๔. ทกั ษะการจัดการเรียนการสอน

ทกั ษะ คือ การพดู ของผ้สู อนว่ามเี นอื้ หาท่นี ่าสนใจและวิธกี ารพดู โน้มนา้ วผู้เรยี นตา่ งๆ และ
ทกั ษะการเคล่ือนไหว ผู้สอนควรจะเคลอื่ นไหว ผู้สอนอย่างไรใหเ้ หมาะสมกรยิ าท่าทางต่างๆท่ีผูส้ อน
เคลอื่ นไหวในชั้นเรียนและตลอดเวลาการสอนและหมายถงึ ความคล่องแคล้ว ความชานาญในการสอน๔

เทคนิค คือ กลวธิ ีและรูปเล่มท่ใี ช้เสริมกระบวนการสอน ข้ันตอนหรอื กระบวนการต่างๆ
การสอน คือ การถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์
๔.๑ ความสาคญั ของทกั ษะการสอน

๑. ถา้ เรามีทักษะการสอนเราสามารถสอนได้ และสง่ เสรมิ ความชานาญ
๒. ทกั ษะนับเปน็ จุดมุง่ หมายหมวดหนง่ึ ของการศึกษาครจู ะฝึกควบคู่กบั ความรแู ละเจตคติ
๓. ชว่ ยใหเ้ กดิ ความมัน่ ใจ ความคล่องแคล่วในการสอน
๔. ชว่ ยไม่ใหเ้ กิดความผดิ พลาดในการสอน เพราะถ้าผดิ พลาดเดก็ จะเข้าใจในการสอน
๕. ช่วยให้สอนบรรลตุ ามวัตถุประสงค์ทตี่ ้ังไว้
๖. ชว่ ยใหเ้ กิดความชื่นชม ศรัทธาจากผู้เรยี นเพราะผสู้ อนสามารถสอนไดก้ ระฉบั กระเฉง
ถกู ต้อง
๗. ช่วยใหก้ ารทางานมีประสิทธภิ าพและสามารถพฒั นาการสอน
ทักษะการสอนพนื้ ฐาน หมายถงึ ความสามารถความชานาญในการสอน ไม่สามารถเกิดขนึ้ เอง
ไดแ้ ต่ต้องอาศยั การฝึกฝน และการท่ีครูจะมีความสามารถในการใชท้ ักษะให้ได้ผลน้นั ต้องมีการแยก
ทกั ษะแต่ละลักษณะใหช้ านาญเสยี ก่อน
๔.๒ จุดมุ่งหมายของการจดั การเรยี นการสอน
๑. เพือ่ ใหน้ กั เรียนเกิดความพร้อมในการท่ีจะเรยี น
๒. เพ่ือโยงประสบการณ์จากเดมิ ของผ้เู รียนเข้ากับประสบการณ์ท่จี ะสอน
๓. เพ่อื จดั บรรยากาศของการเรยี นใหเ้ ป็นท่นี ่าสนใจ
๔. กาหนดขอบเขตของบทเรยี นว่าจะเรียนอะไร แค่ไหน
๕. เพ่ือใหผ้ ูเ้ รียนรู้ความหมาย ความรคู้ วามคดิ รวมยอด หลักการของบทเรยี นใหม่

๕.๑ ทกั ษะการนาเข้าสู่บทเรียน
๑. ก่อนเร่มิ บทเรียน
๒. ก่อนเริ่มอธบิ ายและซักถาม
๓. กอ่ นจะตั้งคาถาม
๔. กอ่ นจะให้นกั เรียนอธิบาย
๕. ก่อนจะใหน้ ักเรียนดูภาพยนต์

๔ กาญจนา เกียรติประวัติ. วิธีสอนทั่วไปและทักษะการสอน. (กรุงเทพมหานคร : วิทยาลัยศรีนครรินทรวิ

โรฒ ประสานมติ ร, ๒๕๒๔).หนา้ ๔๗



๖. กอ่ นทากิจกรรมตา่ งๆ
๕.๒ ทักษะการใช้กริยาวาจา ท่าทางการสอน
การใชก้ ริยาวาจานบั วา่ เป็นสง่ิ สาคญั อยา่ งยิ่งของครู เพราะนักเรียนจะเกิดความพอใจ
และสนใจท่ีจะเรียน บุคลิกภาพเป็นสิ่งสาคัญอยา่ งหน่งึ ของครู รวมท้งั ความสามารถในการสืค่ วามหมาย
ระหวา่ งครกู บั นักเรยี น ไมใ่ หเ้ กดิ ความเบ่ือหนา่ ย เปน็ สง่ิ จาเป็นสาหรบั ผู้สอนเป็น การบอกการ
เล่าให้เหน็ ตามลาดับขั้นตอนการสอนและการอธิบายควรมกี ารยกตวั อย่าง มี ๒ ทาง คือ
๑. แบบนิรนยั โดยบอกแลว้ ยกตัวอย่างขยายกฎหรือหลักการนัน้ ๆใหเ้ ขา้ ใจ ทฤษฎี
หลักการ
๒. แบบอปุ นัย การยกตัวอยา่ งรายละเอียดย่อยๆ แล้วให้เด็กคดิ วเิ คราะห์รวบรวมเปน็
หลกั การ
ลักษณะการอธบิ าย ใช้เวลาอธบิ ายไม่เกนิ ๑ๆ นาที ควรใช้ภาษาทงี่ า่ ยๆทเ่ี ดก็ เข้าใจ
งา่ ยควบคลุมใจความสนใจเรื่องยากไปงา่ ยและอธิบายตามแนวคดิ ของนักเรยี นเราจะรวู้ า่ เด็กเด็กเข้าใจ
หรือไม่เขา้ ใจและครูควรสรุปผลการอธบิ ายใหเ้ ด็กนกั เรียนเขา้ ใจด้วย
๕.๓ ทักษะการเรา้ ความสนใจ

เปน็ สิ่งสาคญั ท่จี ะช่วยในการเรียนการสอนประสบผลดี เพราะจะช่วยให้ครูปรับปรุง
กลวธิ ี การสอน ประโยชน์

๑. เดก็ เกดิ ความพร้อมที่จะเรยี นมากข้นึ
๒. เดก็ มคี วามสนใจในบทเรยี นอยา่ งสม่าเสมอ
๓. ทาใหค้ รูมีความสนใจในการสอนและเดก็ สนใจเรียน
๕.๔ ทกั ษะการใช้คาถาม
เปน็ สิ่งสาคัญในการสอน เฉพาะอยา่ งการใชค้ าถามให้เด็กคดิ เห็น สตปิ ัญญาเป็นผู้
ตามตอ้ งเข้าใจจดั ประสงค์ของคาถาม และไมค่ วรเป็นคาถามท่ีอธิบาย แต่ควรเปน็ คาถามท่ีเน้นวิเคราะห์
ประเภทคาถาม

๑. คาถามทีใ่ ช้ความคิดพ้ืนฐาน เปน็ คาถามง่ายๆไมต่ ้องคดิ ลกึ ซ้งึ
๒. คาถามทข่ี ยายความคิด เมื่อใหเ้ ด็กมองสิง่ ทเ่ี รียนอยู่และขยายความในส่งิ ท่ี
นาไปใช้ในชวี ติ ประจาวันได้ คาถามประเภทได้แก่ การคาดคะเน เป็นคาถามเชิงสมมตุ ฐิ าน คาดการณ์
ซ่งึ คาตอบยอ่ มเป็นไปได้หลายอยา่ ง
๓. คาถามทใ่ี ช้การวางแผน เป็นคาถามท่ีเสนอแนวคดิ ทางโครงการหรอื เสนอ
แผนงานใหม่
๔. การวิจารณ์ เปน็ คาถามท่ีผูต้ อบพจิ ารณ์เร่ืองราวหรือเหตกุ ารณใ์ นจดุ สาคัญ
๕. การประเมนิ คา่ ว่านกั เรยี นชอบสง่ิ ไหนมากกว่ากัน
๕.๕ ทกั ษะการใช้อุปกรณ์การสอน
ประโยชน์ของอุปกรณ์การสอน
๑. เพ่ือกระต้นุ ให้ผูเ้ รียนเกิดความสนใจในการเรียน
๒. เพอื่ ให้โอกาสแกผ่ เู้ รยี นได้มสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมการเรียนการสอน
๓. ทาใหผ้ ูเ้ รียนเกิดแนวคดิ
๔. ทาใหเ้ กิดทักษะการศึกษาหาความรู้
๕. ทาใหผ้ ู้เรยี นสามารถจดจาเร่อื งราวต่างๆได้นาน



๖. ชว่ ยเพ่ิมพูนประสบการณ์
๕.๖ ทกั ษะและเทคนิคการใชก้ ระดานดา

๑. ครูควรทาความสะอาดกระดานดาทกุ ครง้ั ทเ่ี ข้าสอน
๒. การเรียนควรแบ่ง ๓ ส่วนหรอื ๔ สว่ น หรือขึ้นอยู่กับเนอ้ื หาทจ่ี ะเขยี น
๓. ในการเรียนควรเขียนจากซ้ายมือไปขวามือ
๔. ถ้ามหี ัวขอ้ เรอ่ื ง ช่อื เรื่องควรไวต้ รงกลางกระดานดาในสว่ นทีเ่ ราแบง่ ไว้
๕. ขณะเขยี นต้องแบง่ กระดานพอประมาณ
๖. ในการเขยี นหนังสือ ตอ้ งใหเ้ ป็นเสน้ ตรงไม่คดเคยี ว
๗. ถ้าต้องการอธิบายข้อความบนการดานดา ไม่ควรยืนมาก
๘. ถา้ มีขอ้ ความสาคัญ อาจใชช้ อลก์ ขีดเสน้ ใต้
๙. ควรใชช้ อล์กสี เมอื่ ตอ้ งการเน้นข้อความโดยเฉพาะ
๑๐.เขียนคาตอบของผู้เรียนลงกระดาน เพื่อเสริมกาลงั ใจ
๑๑. ใชเ้ คร่ืองมอื ในกานเขียนรูปทรงบนกระดาน
๑๒. เปิดโอกาสใหผ้ ู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการใชก้ ระดานดาดว้ ย
๑๓. ถา้ มีเร่อื งใหม่ควรลบของเกา่ ออกใหห้ มด
๑๔.การลบกระดานต้องลบให้ถูกวธิ ี โดยลบกระดานจากบนลงลา่ งและลบไปทาง
เดียวกัน
๕.๗ ทักษะการเสริมกาลังใจ
๑. ความต้องการภายใน เช่น ความพอใจ
๒. การเสริมกาลงั ใจภายนอก เชน่ การชมเชย การให้รางวัล ไดแ้ ก่
๓. การเสรมิ กาลังใจโดยใหน้ ักเรยี นมสี ว่ นรว่ ม ในการชมเชย เชน่ ตบมอื
๔. การเสริมกาลงั ไว้โดยการให้รางวัล โดยการให้ผู้เรยี นเหน็ ความตอ้ งการของ
ตนเอง
๕.๘ ทักษะการสรปุ บทเรยี น
เปน็ การสอนทผ่ี ู้สอนพยายามใหน้ ักเรียนรวบรวมความคิด ความเข้าใจของตนจาก
การเรียนรทู้ ผี่ า่ นมา ว่าไดส้ าระสาคัญหลักเกณฑ์ ข้อเท็จจริง การสรปุ บทเรียนเปน็ สิง่ ท่ีต้องทาคู่กับการ
สอน
รปู แบบการสรปุ บทเรยี น มี ๒ รปู แบบ คือ
๑. การสรุปคิดเนื้อหาสาระ
๒. การสรปุ คิดความเห็น

สรุป ทักษะการจดั การเรียนการสอน
ทักษะการสอนมีความสาคัญต่อการสอนมาก จากผลการวิจัยของ แอน พินิจด้า ได้ทา

ความวิจยั เรอื่ ง ความคดิ เห็นของศึกษาวิทยาลัยครู เกีย่ วกับทกั ษะการสอนในการฝึกประสบการณ์
วิชาชพี กล่าววา่ การฝึกทกั ษะการสอนเปน็ การเปดิ โอกาสใหน้ ักศึกษาวิชาครูได้มกี ารฝึกทักษะการสอน
กอ่ นออกฝกึ จริง เพราะชว่ ยใหน้ ักศกึ ษาได้มคี วามตระหนกั ถึงการให้นักเรียนมสี ว่ นร่วมในการเรียนการ
สอน และจะนาประสบการณ์ท่ไี ดจ้ ากการฝึกทกั ษะการสอนไปใชใ้ นการฝึกสอน นอกจากนี้ผู้ตอบ
แบบสอบถามยงั กล่าวถึงในด้านการนาผลการฝกึ ทักษะการสอนไปใชใ้ นการปรับปรงุ ตัวเองมีการเสริม



กาลังใจนกั เรียน มีการจดั เตรียมส่อื การสอนใหเ้ หมาะสมกับบทเรยี นนกั ศึกษาไดเ้ รียนรูก้ ารเร้าความ
สนใจ ช่วยทาให้มกี ารปรับปรุงวธิ กี ารสอนอยู่ตลอดเวลา เพราะลักษณะการสอนเปน็ องค์ประกอบท่ี
สาคัญย่ิงสาหรบั ประสทิ ธิภาพในการสอน ทาใหผ้ ้ฝู ึกเกดิ สมรรถภาพในการสอนเพิ่ม เนื่องจากจะชว่ ยให้
ผฝู้ กึ มที กั ษะในการแกป้ ัญหาการใช้กระดานดา การสอนเพ่ือพัฒนาความคิดสร้างสมดลุ เปน็ ต้น๕

๕. หลกั และเทคนิคที่สาคญั กับการสอน
เทคนิคการสอน คอื กลวิธตี า่ งๆท่ีใช้เสริมกระบวนการ ขัน้ ตอน วิธกี าร หรือการกระทาใดๆ

เพ่ือช่วยให้กระบวนการ ข้ันตอน วธิ กี ารหรือการกระทาน้นั ๆ มคี ุณภาพและประสทิ ธิภาพมากขน้ึ ๖ มี
ดงั นี้

๕.๑ เทคนคิ การนาเข้าสบู่ ทเรียน
๑. ใช้อุปกรณ์การสอน เชน่ ของจรงิ รปู ภาพ แผนท่ี แผนภมู ิ
๒. ลองใหน้ ักเรียนลองทากิจกรรมบ้าง อย่างมีสมั พันธ์กับบทเรียน การให้นกั เรยี นลองใส่

RAM ในคอมพิวเตอร์
๓. ใช้เรอื่ งเล่านทิ านหรือเหตกุ ารณ์ตา่ งๆเพื่อนาส่บู ทเรียน
๔. ตง้ั ปญั หา ทายปัญหา เพ่อื เร้าความสนใจ
๕. สนทนาซกั ถามเร่ืองต่างๆเพ่ือนาสบู่ ทเรยี น
๖. ทบทวนบทเรียนเดมิ ทส่ี มั พันธ์กบั บทเรียนใหม่
๗. แสดงละคร
๘. รอ้ งเพลง เป็นเพลงเก่ียวกบั เรือ่ งท่สี นใจ
๙. สาธิต ซ่งึ อาจสาธิตโดยครู
๑๐. ทาสง่ิ ท่แี ปลกไปตามเดมิ เพอ่ื เรียกร้องความสนใจ
๑๑. ใหน้ ักเรยี นฟงั เพลงตา่ งๆเชน่ เสยี งดนตรี

๕.๒ เทคนคิ การเรา้ ความสนใจ
๑. การใช้ทา่ ทางประกอบการสอน
๒. การใช้ถ้อยคาและน้าเสยี ง ถอ้ ยคาน้าเสยี งควรกระตุน้ ใหผ้ ้เู รียนสนใจ
๓. การเคลอ่ื นไหว ขณะสอน ครูควรเปลีย่ นจุดนงั่ และจุดยืนของตน ภาพเคลื่อนไหว

ย่อมมชี วี ิตมากกว่า และน่าสนใจกวา่
๔. การเน้นจุดสาคัญ ต้องใชล้ ลี า น้าเสียง และการเวน้ ระยะการพูดหรือการอธิบาย

๕.๓ เทคนิคการใช้คาถาม
๑. ถามด้วยความสนใจ
๒. ถามอยางกลมกลืน
๓. ถามโดยใชภ้ าษาทีพ่ ดู เขา้ ใจง่าย
๔. การใหน้ ักเรยี นมโี อกาสตอบหลายคนในการสอน
๕. การเลอื กถาม ควรถามผเู้ รยี นท่ีอ่อนเพื่อกระต้นุ ให้ผเู้ รยี นเข้าใจดังนี้
๖. การเสริมกาลงั ใจ หรอื ใหผ้ ลยอ้ นกลบั ควรใหค้ าชมเชยกับเด็กที่ตอบคาถาม

๕ ดวงเดอื น เทศวานิช. หลกั การสอนท่ัวไป, (กรุงเทพมหานคร : คณะวิชาครุศาสตรว์ ิทยาลัยครูพระนคร,
ม.ป.ป.).หนา้ ๑๒

๖ ชาญชยั ศรไี สยเพชร. ทักษะและเทคนคิ การสอน. (กรงุ เทพมหานคร : พิทกั ษ์อกั ษร ๒๕๒๒).หน้า ๒๖



๗. การใชค้ าถามหลายๆประเภทในการสอนแต่ละคร้ัง
๘. การใช้กริ ิยาท่าทางเสยี งในการประกอบคาถาม
๙. การใช้คาถามเชิงรกุ การใชค้ าถามต่อเนอื่ ง เพื่อให้ผู้เรยี นได้ความร้แู ละขยายความคิด
๕.๔ เทคนคิ การใชอ้ ปุ กรณ์
๑. ใชอ้ ุปกรณอ์ ย่างคลอ่ งแคล่ว
๒. แสดงอุปกรณใ์ หเ้ ห็นชัดทั่วห้อง
๓. ควรหาทตี่ ้งั แขวนอุปกรณ์ท่ีมขี นานใหญ่
๔. ควรใช้ไม้ยางและมีปลายแหลมช้ีแผนภมู ิ
๕. ควรนาอุปกรณม์ าวาง เรียงกันไวเ้ ปน็ ลาดบั ก่อนถงึ เวลาสอนเพอ่ื สะดวกในการหยิบใช้
๖. ควรเลอื กใชเ้ ครือ่ งมอื ประกอบการใช้อปุ กรณท์ ีเ่ หมาะสม
๗. ควรมาการเตรยี มผู้เรียนกอ่ นล่วงหน้าการใช้อปุ กรณ์
๘. ควรใชอ้ ุปกรณใ์ ห้คุม้ ค่ากบั ท่ีเตรยี มมา
๙. พยายามเปดิ โอกาสใหผ้ ูเ้ รยี นไดร้ ว่ มกจิ กรรม
๑๐. ควรคานงึ ถึงความปลอดภัยในการใช้อุปกรณ์บางชนิด
๕.๕ เทคนิคการใช้กรยิ า และท่าทางประกอบในการสอน
๑. การเคลอ่ื นไหวและเปล่ียนอิริยาบท เข้ามาในห้องครูควรเดินดว้ ยทา่ ทางท่ีเหมาะสม
สง่างาม ดูเป็นธรรมชาติ และครูควรเดินดนู กั เรยี นให้ทว่ั ถึง เป็นการใหค้ วามชว่ ยเหลอื ในสงิ่ ที่นักเรียนไม่
เขา้ ใจ
๒. การใชม้ ือและแขน เป็นสงิ่ ดงึ ดูดความสนใจของนักเรียน เพราะนกั เรยี นชอบดูความ
สนใจสงิ่ ทีเ่ คลื่อนไหวมากกว่าส่งิ ที่นง่ิ การใชม้ ือและแขนควรสัมพันธก์ ับเรื่องจะสอน มองดไู มข่ ัดตา ควร
ใหเ้ หมาะสมกับโอกาสและเน้ือหาทจี่ ะสอน และใหม้ ลี ักษณะการใชท้ เ่ี ปน็ ธรรมชาติ
๓. การแสดงออกสีหนา้ สายตา ช่วยในการสื่อความหมายของผู้เรียน ในการแสดงออกสี
หน้าของครู โดยท่วั ไปครทู ด่ี ีของครคู วรมีใบหน้าทแ่ี สดงออกถงึ ความเปน็ มิตร ความรัก ความเห็นอก
เห็นใจและครูควรกวาดสายตาไปให้นักเรียน
๔. การทรงตัวและวางทา่ ทาง ควรวางทา่ ให้เหมาะสม ไมต่ ึงเครียด หรอื เกร็งเกินไปควร
วางตัวใหเ้ ป็นธรรมชาติ
๕. การใช้นา้ เสียง ครคู วรใช้นา้ เสียงท่นี า่ สนใจ เสยี งดงั ฟงั ชัด ออกเสียง ร ให้ชดั เจนตอ้ งใช้
น้าเสยี งนมุ่ นวล ไม่แสดงอารมณ์ท่ไี ม่สมควรออกทางน้าเสียง
๖. การแตง่ กาย เปน็ สงิ่ สาคญั และดึงดูดความสนใจของนักเรยี น ควรแตง่ กายให้เรยี บรอ้ ย
เหมาะสม เพราะถ้าครูแต่งสวยเกินไปนักเรียนกจ็ ะให้ความสนใจกบั การแต่งกายของครูมากกว่า
บทเรียน๗
๕.๖ เทคนคิ การสรุปบทเรยี น
๑. สรปุ โดยการอธบิ าย
๒. สรุปโดยใชอ้ ปุ กรณ์
๓. สรุปโดยการเลา่ นทิ าน
๔. สรุปโดยการสร้างสถานการณ์
๕. สรปุ โดยการสาธิต

๗ ชาญชยั ศรีไสยเพชร. ทักษะและเทคนคิ การสอน.( กรุงเทพมหานคร : พิทักษอ์ ักษร ๒๕๒๒).หน้า ๔๓



๖. การจดั การเรียนรูก้ ับการศกึ ษาไทย
การศึกษาในประเทศไทย เป็นการศกึ ษาทจ่ี ดั โดยกระทรวงศึกษาธิการของประเทศ

ไทย โดยภาครฐั จะเข้ามาดูแลโดยตรงและเปิดโอกาสให้เอกชนมสี ว่ นร่วมในการศึกษาตั้งแต่ระดบั
การศกึ ษาปฐมวัยจนถึงระดับอุดมศึกษา สาหรับการศึกษาภาคบังคับในประเทศไทยนน้ั ไดก้ าหนดให้
พลเมอื งไทยต้องจบการศึกษาอยา่ งน้อยที่สุดในระดับช้นั มธั ยมศึกษาตอนตน้ และต้องเข้ารับการศึกษา
อยา่ งชา้ สดุ เม่ืออายุ ๗ ปี ซงึ่ การศึกษาภาคบงั คบั นี้เปน็ สว่ นหนึง่ ของการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน ซง่ึ แบง่
ออกเปน็ ระดับชนั้ ประถมศึกษา ๖ ปีและมธั ยมศึกษา ๖ ปี นอกจากนแ้ี ล้วการศึกษาขน้ั พ้ืนฐานยงั รวมถึง
การศึกษาปฐมวัยอีกดว้ ย ท้ังนรี้ ฐั จะต้องจัดให้อยา่ งท่วั ถึงและมคี ุณภาพโดยไมเ่ ก็บคา่ ใช้จ่ายตามความใน
พ.ศ. ๒๕๕๐๘

สว่ นการบรหิ ารและการควบคุมการศึกษาในระดบั อดุ มศกึ ษาจะดาเนินการโดยสานักงาน
คณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา ซึ่งเปน็ แผนกหนง่ึ ของกระทรวงศึกษาธิการ ในปจั จุบนั การศกึ ษาใน
ประเทศไทยมที ั้งสิน้ ๓ รปู แบบ คอื การศึกษาในระบบ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั
อยา่ งไรกต็ ามการจัดการศึกษาของประเทศไทยนนั้ ถูกมองว่าลา้ หลังและลม้ เหลวเสมอมา กรม
สขุ ภาพจิต กระทรวงสาธารณสขุ เปิดเผยเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ วา่ เดก็ ไทยมีระดับเชาวน์
ปัญญา ๙๘.๕๙ ซง่ึ ตา่ กวา่ คา่ มธั ยฐานของเชาวนป์ ญั ญาทง้ั โลกทร่ี ะดบั ๑๐๐ โดยเดก็ ไทยภาค
ตะวนั ออกเฉียงเหนือมสี ติปัญญานอ้ ยทสี่ ดุ สูงข้นึ มาจึงเป็นภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคกลางตามลาดับ

๖.๑ การพัฒนาระบบการศึกษาไทย
"การศึกษา" นับวา่ มีความสาคญั มากต่อการพัฒนาบุคลากรตลอดจนไปถึงเป็นพืน้ ฐาน

ของการพฒั นาส่วนอื่น ๆ ดว้ ย เพราะไมว่ ่าจะทาการพัฒนาส่วนใดต้องเริม่ มาจากการพฒั นาคนเสยี กอ่ น
ดงั น้นั การพัฒนาคนสามารถทาได้หลาย ๆ รูปแบบ อย่างทสี่ าคญั ทีส่ ุดของการพฒั นาคนคือการให้
การศกึ ษา ดงั นัน้ การพัฒนาประเทศต้องพฒั นาควบคู่ไปกับการพฒั นาคนโดยตอ้ งคานงึ ถึงการศึกษาเป็น
สาคัญ โดยเฉพาะอย่างย่ิงในยุคของเทคโนโลยสี ารสนเทศท่ีกา้ วลา้ นาโลกไปมาก การศกึ ษากต็ ้องพฒั นา
ไปใหท้ นั กับโลก๙

สาหรับการศกึ ษาในประเทศไทย หากดูจากสภาพท่ีเกดิ ขึ้นในสังคมหลาย ๆ ฝาุ ยกาลัง
เขา้ ใจเปน็ ไปในแนวทางเดียวกนั คือการศึกษาของไทยกาลงั มปี ญั หา จะเห็นได้ว่าเป็นปัญหาที่ไดร้ บั ความ
สนใจจากสังคม ซ่ึงมีการทาวิจยั ออกมาหลาย ๆ ครั้งทีส่ ะท้อนถงึ ความล้มเหลวของการศึกษาในบา้ นเรา
ปญั หาตา่ ง ๆ ท่เี กิดข้ึนกบั เด็กและเยาวชนไทยเปรียบเสมือนสายพาน ความปวุ ยไข้ทางสงั คมที่สะท้อน
ถึงปรากฏการณ์ความอ่อนแอของทกุ ภาคสว่ น ทงั้ สถาบนั ครอบครัวอ่อนแอ พนื้ ท่ีอบายมุขขาดการ
ควบคุม อนั เป็นปฐมเหตุของปญั หาพฤติกรรมเด็กและเยาวชน ไม่วา่ เป็นปัญหาติดห้าง เทีย่ วกลางคนื
กนิ เหล้า สบู บุหรี่ และมเี พศสัมพนั ธก์ ่อนวยั อนั ควร อนั จะนาไปสผู่ ลกระทบกับปญั หาต่าง ๆ ท่ีเกดิ ข้ึน
ตามมาอยา่ งมากมาย๑๐

เคยมกี ารสัมมนาเรื่อง "แนวทางการแก้ไขปญั หาพฤติกรรมและคา่ นยิ มทางสังคมที่ไม่
เหมาะสมของนักเรยี น นสิ ติ นักศกึ ษาในปัจจุบนั " ซ่งึ จดั โดยคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศกึ ษาสภา

๘ ชยั วัฒน์ สุทธริ ตั น์. ๘๐ นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ท่เี น้นผู้เรียนเป็นสาคัญ. (พมิ พค์ ร้ังท่ี ๕). (กรงุ เทพฯ:
แดเนก็ ซ์ อนิ เตอรค์ อปอเรชัน่ . ๒๕๕๕).หนา้ ๕๖

๙ ทิศนา แขมมณี. ศาสตร์การสอน : องคค์ วามรู้เพ่อื การจัดกระบวนการเรยี นรทู้ ีม่ ีประสทิ ธภิ าพ. (พมิ พ์
คร้งั ท่ี ๑๘). (กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั . ๒๕๕๗).หนา้ ๘๖

๑๐ ทวีป อภสิ ิทธ.ิ์ ยุทธศาสตรก์ ารสอน. (กรงุ เทพมหานคร : เจรญิ วทิ ยก์ ารพมิ พ,์ ๒๕๒๓).หน้า ๑๐๔

๑๐

ผแู้ ทนราษฎร ซ่ึง รศ.ดร.โภคนิ พลกุล ประธานรฐั สภา กลา่ ววา่ ปญั หาพฤตกิ รรมและค่านยิ มทางสงั คมที่
ผิดของวยั รุ่นไทยในปัจจุบนั มีความรุนแรงจนกลายเป็นวิกฤติทางสังคม ซึ่งปญั หาอนั ดับหนง่ึ คือ ยาเสพ
ตดิ รองลงมาคือการมเี พศสัมพนั ธก์ ่อนวัยอนั ควรโดยเฉลยี่ จะมเี พศสัมพันธ์ครั้งแรกอายุ ๑๖ ปี เปน็ ท่มี า
ของการทาแท้ง การทอดทิ้งเด็ก เด็กถูกทาร้าย การตดิ เช้ือเอดส์ และการขายบริการทางเพศ นอกจากน้ี
ยงั มีปญั หาอุบัตเิ หตจุ ากความมึนเมา คึกคะนอง ทา้ ทายกฎระเบยี บ ส่วนปญั หาท่กี าลงั มีแนวโนม้
ขยายตัวและรุนแรงในวยั รนุ่ คือ การทารา้ ยผู้อนื่ และทาร้ายตนเอง โดยการคิดฆา่ ตัวตาย ซึ่งปญั หาสว่ น
ใหญม่ าจากความออ่ นแอของสถาบันครอบครัว สถาบันการศกึ ษา สถาบนั ศาสนาและชมุ ชน รวมถงึ ส่อื
โดยเฉพาะโทรทศั น์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ดังนั้นจึงจาเป็นที่ทกุ ฝาุ ยต้องร่วมมือกนั และรีบแก้ไข
ปญั หาวัยรนุ่

ผลจากการติดตามการปฏิรปู การศกึ ษาในรอบ ๖ ปี หลังการประกาศใช้ พ.ร.บ.
การศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยประเมินจากคุณภาพภายนอกสถานศกึ ษา ๑๗,๕๖๒ แห่งทว่ั
ประเทศ คดิ เปน็ ร้อยละ ๔๙.๑ ของโรงเรียนทงั้ หมด พบวา่ การจดั การเรยี นการสอนของครู ยึดผ้เู รียน
เป็นสาคัญ ยงั มีคุณภาพอยใู่ นระดบั รอ้ ยละ ๓๙.๒ การจดั กิจกรรมทีก่ ระต้นุ ผู้เรยี นให้รจู้ ักคดิ วเิ คราะห์
คดิ สร้างสรรค์ คิดแก้ปญั หาและตดั สินใจ มีคุณภาพอย่รู ะดับ รอ้ ยละ ๑๓.๕ และครูสามารถนาผลการ
ประเมินมาปรับการเรียนและเปล่ยี นการสอนเพ่อื พฒั นาคุณภาพเพียง ร้อยละ ๒๑๒.๖ ของสถานศกึ ษา
ทง้ั หมด การประเมินคณุ ภาพทางดา้ นผู้เรียนพบวา่ ยังมผี ลสมั ฤทธ์ิ ทางการเรียนระดับต่ามากในทุกกลุ่ม
โดยเฉพาะความสามารถในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ มวี ิจารณญาณและความคิดสรา้ งสรรค์ มี
คุณภาพระดบั ดีเพยี งร้อยละ ๑๑.๑ และการมที กั ษะในการแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง รักการเรยี นรู้และ
พฒั นาตนเองอยา่ งต่อเน่ือง มีคุณภาพดเี พยี งร้อยละ ๒๖.๕ ของสถานศึกษาทั้งหมด สว่ นผลการประเมนิ
ของผตู้ รวจราชการ พบวา่ โครงสร้างการบริหารการศกึ ษาในส่วนกลาง ยงั ขาดการประสานเช่ือมโยง
นโยบายและยุทธศาสตร์ สว่ นภมู ิภาคพบว่าผแู้ ทนกระทรวงในจงั หวดั ยงั ไมช่ ดั เจน การกระจายอานาจไม่
เปน็ ไปตามกฎหมาย ท่ีสาคัญครูจานวนมากยงั สอนแบบเดิม ขาดความรู้ในเนอ้ื หาวิชาและทักษะการ
จัดการเรยี นการสอน โดยเฉพาะครูในโรงเรียนขนาดเล็กขาดโอกาสพัฒนามาก เพราะไมส่ ามารถทิ้ง
ห้องเรยี นได้ การตดิ ตามผลยังไม่เข้มแข็ง ไม่ได้ถูกนามาใช้ให้เป็นประโยชน์ ทางการศึกษา

สาเหตทุ ท่ี าให้การศกึ ษาของไทยพัฒนาช้า วิเคราะหไ์ ด้ดังน้ี
๑. ระดบั นโยบาย
ในเร่อื งเก่ยี วกับนโยบาย ซ่งึ เปน็ ระดบั ประเทศ จะเห็นได้ว่า รัฐบาลหลายยุคยังให้

ความสาคัญกบั เร่อื งการศึกษาในระดับรองเม่ือเทียบกบั ปัญหาด้านอน่ื ๆ ความจริงแลว้ เรื่องการศึกษาถือ
ว่าเป็นปญั หาท่สี าคญั และเรง่ ดว่ นของประเทศ ซึ่งมีข้อทน่ี ่าสังเกตวา่ ผทู้ ีจ่ ะมารับผิดชอบกากบั ดูแล
การศึกษาของชาติกลับกลายเปน็ ว่าไมไ่ ด้เป็นบุคคลท่มี ีความรมู้ ีความเข้าใจงานด้านการศึกษา หรือมี
ความรู้และประสบการณท์ างด้าน การศกึ ษาไมม่ ากนัก กล่าวคอื อาจมคี วามรู้และประสบการณ์ใน
วชิ าชีพอ่นื แต่เม่ือมารับผิดชอบงานทางดา้ นการศึกษากลับไมส่ ามารถกากบั ดูแล และกาหนดนโยบาย
ด้านการศึกษาให้บรรลุผลสาเรจ็ ตามเปูาหมาย และนโยบายการศกึ ษาของชาติได้ ดังนนั้ จึงส่งผลกระทบ
ต่อการปฏริ ูปการศกึ ษาและแนวทางการปฏิบตั ิกบั บุคลากรทางการศึกษา ทง้ั ๆทใ่ี นวงการศกึ ษามี
บุคลากรท่ีมีความรคู้ วามสามารถอย่างมากมาย

๒. ระดบั ผ้ปู ฏิบัติ
ในระดับผู้ปฏิบตั ิอนั ดบั แรกกต็ ้องนกึ ถงึ ครู ผใู้ ห้ความรู้ ประสิทธปิ ระสาทวิชา เป็นผู้

ถ่ายทอดใหก้ บั นักเรยี น สาหรับประเทศไทยจะเหน็ ไดว้ า่ ในอดีตน้ันอาชีพครเู ปน็ อาชีพท่ีมีความสาคัญ มี

๑๑

เกยี รติ ซึ่งแตกตา่ งจากปจั จุบันมาก โดยเฉพาะอย่างยงิ่ เหน็ ได้จากการสอบเขา้ มหาวทิ ยาลัยคณะท่จี บ
ออกมาเป็นครนู ัน้ นกั เรียนจะให้ความสาคญั น้อย เลอื กเป็นอันดบั ท้าย ๆ หรือสอบเข้าอะไรไม่ไดจ้ ึงต้อง
ไปเรียนครู ไดย้ นิ คนในสังคมกลา่ วกันอย่างนั้น ทาให้ผูท้ ต่ี ้องการเขา้ มาเพ่ือเปน็ ครูจริง ๆ มีน้อยลงทุกวนั
เมอ่ื ไมม่ ีจิตวิญญาณในการเป็นครแู ล้ว การจะสอนให้ไดป้ ระสทิ ธิภาพดีกน็ ้อยลงตามความสาคัญ จะทา
อยา่ งไรใหเ้ ด็กมที ศั นคติทีด่ ีต่ออาชีพครูและต้องการเปน็ ครู เลอื กคณะครูเป็นอนั ดบั แรก ๆ และสิง่ ท่ตี อก
ย้าลงไปอีกคือครู จานวนไม่น้อย เปน็ ผ้ทู ี่มหี น้ีสินมาก เนือ่ งมาจากคา่ ตอบแทนจากอาชีพการเปน็ ครนู ้อย
ไมเ่ พียงพอต่อการครองชีพกับสังคมปจั จุบนั ทาให้ครูส่วนหน่งึ สนใจที่จะหารายไดเ้ ลีย้ งครอบครัว
มากกว่าการสอน หนังสือ เชน่ การสอนพิเศษ ตั้งใจทาอาชีพเสริมมากกวา่ ไม่เพยี งเท่านนั้ ครทู ี่เปน็ ครู
ดว้ ยจิตวิญญาณที่เหลอื อยนู่ อ้ ยแล้ว ยงั มเี ร่อื งของการประเมนิ ผล ความเจรญิ กา้ วหน้า ในอาชพี
โดยเฉพาะการเล่อื นวทิ ยฐานะไม่ได้วดั จากความสาเรจ็ ของนักเรยี น แตว่ ดั จากผลงานทางวชิ าการ ดงั นั้น
ครบู างสว่ นจึงสนใจทจี่ ะทาผลงานทางวิชาการมากกว่าการสอนเพื่อใหน้ ักเรยี นไดร้ ับความรจู้ ริง ๆ ครูจึง
เปน็ ปจั จยั สาคญั ท่ที าใหก้ ารศึกษาไทยพฒั นาไดช้ า้

๓. ระบบการศึกษาของไทย
การศกึ ษาของประเทศไทยเรมิ่ ต้นมาจากวฒั นธรรมของคนไทยทีไ่ ด้รับการส่ังสอน

มาตัง้ แตโ่ บราณใหเ้ คารพเชอ่ื ฟังครูบาอาจารย์ ซึ่งจะเหน็ ได้วา่ มวี ันไหวค้ รู ดงั น้ันครูสมัยก่อนจะดุและ
นกั เรียนจะเช่อื ฟงั มาก นักเรียนจะกลัว ไม่กลา้ ถาม ไม่กล้าตอบ ทาให้ปลูกฝงั มาจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังเปน็
ระบบท่ีฟงั จากครอู ยา่ งเดยี ว ไม่กล้าคิด ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น วิเคราะหไ์ ม่เปน็ การศึกษาไทยเป็น
ระบบปอู นเข้าอย่างเดียว ไม่มีการแลกเปลยี่ นกัน หรอื มีกน็ ้อยมาก มกี ารสนใจใฝุหาความรู้ดว้ ยตนเอง
นอ้ ย ทาใหเ้ ด็กคดิ ไมเ่ ป็น วิเคราะหไ์ ม่เป็น ยงิ่ มกี ารเนน้ ยา้ ด้วยการสอบโดยอาศัยความจาเปน็ หลกั
นักเรยี นกจ็ ะท่องจาอย่างเดยี ว ที่ซ้ารา้ ยกวา่ น้นั สังคมปลูกฝังให้นักเรยี นต้องเป็นคนเก่ง ซ่ึงนักเรียน กจ็ ะ
แขง่ กันโดยไมค่ ิดถงึ เร่ืองอน่ื ๆ เมือ่ ผดิ หวังรุนแรงก็ไม่สามารถแกป่ ัญหาตนเองได้ เหลา่ น้ีเป็นตน้ แต่ก็เห็น
ว่าในปจั จุบนั จะได้พัฒนาและเปล่ยี นรูปแบบการเรยี นการสอนแลว้ เดก็ กลา้ คิด กลา้ ทามากข้นึ ก็นับวา่
เปน็ จุดท่ดี ีที่จะพัฒนาให้ทดั เทียมประเทศอื่นต่อไป

นอกจากนัน้ การเรยี นการสอนในโรงเรียนก็ไมม่ ีมาตรฐานเดียวกัน เครื่องมือ
อุปกรณ์ ส่ือการเรียนการสอนก็แตกต่างกันมาก ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนรัฐบาลดว้ ยกนั หรอื โรงเรยี นเอกชน
ต่างจังหวัดน้นั ไม่มอี ุปกรณส์ ่ือการสอนเลยในขณะท่กี รงุ เทพฯ มมี ากมาย ทาใหเ้ ด็กมีมาตรฐานไม่
เหมือนกนั อยู่แลว้ และนาเกณฑเ์ ดยี วกันมาวัดทาใหเ้ กดิ ความล้มเหลวทางการศึกษา และในโรงเรยี นก็
ไม่ไดส้ อนเต็มทีเ่ พราะต้องการให้นักเรียนมาเรียนพิเศษอันนามาซงึ่ รายได้เพ่ิม สิ่งทีส่ ะท้อนใหเ้ หน็ ถงึ การ
พัฒนาชา้ ของระบบการศึกษาอกี อย่างหนง่ึ คอื สถาบันกวดวิชา จะเหน็ ไดว้ ่าเปน็ ทีน่ ่าสนใจมาก มผี เู้ รียน
เยอะเสยี คา่ เล่าเรียนแพงมาก แตธ่ ุรกิจพวกนี้กย็ ังอยู่ได้ แสดงว่ามีคนเรียนมากข้ึนเรอื่ ย ๆ ถา้ หากมีการ
สอนท่ีดใี นโรงเรียนแล้วเด็กกจ็ ะไม่ต้องมาเรียนพิเศษมากมาย ขนาดนั้น

สรุป
จากปญั หาท่ีกล่าวมาในข้างต้น มีทง้ั สาเหตหุ ลักและสาเหตุรองหลายประการทที่ าให้การพฒั นา

การศกึ ษาของไทยยังไปไมถ่ ึงไหน พัฒนาไดช้ ้า แต่อยา่ งไรก็ตามผู้เขียนเห็นวา่ ยงั ไมส่ ายเกินไปท่จี ะผา่ ตัด
การศกึ ษาของไทยใหด้ ีข้ึน ทัง้ นก้ี ารแกป้ ัญหาการศึกษาบคุ ลากรทเ่ี ก่ียวข้องจะต้องร่วมมือร่วมใจกันทงั้
ระบบ เริม่ ต้ังแต่ผูท้ ี่จะมากากับดแู ลงานทางด้านการศกึ ษา รัฐบาลจะตอ้ งแตง่ ตัง้ บุคคลที่มีความรู้
ความสามารถ มีวิสยั ทัศนท์ างดา้ นการศึกษาจรงิ ๆ มารับผดิ ชอบ นอกจากนนั้ การกาหนดหลักสูตรการ

๑๒

เรียนการสอนจะตอ้ งกาหนดให้มหี ัวข้อวิชาคณุ ธรรม จรยิ ธรรมไวใ้ นทุกหลังสตู รทุกระดับ จะตอ้ งเพิ่ม
ขวญั และกาลังใจใหก้ ับครู การเลื่อนวทิ ยฐานะของครูตอ้ งมีความเหมาะสมและเป็นธรรม และทส่ี าคัญใน
ส่วนของผ้ปู กครอง สือ่ มวลชน สถาบันทางศาสนา ต้องแสดงบทบาทและหน้าท่ีในการมีส่วนรวมกับการ
พัฒนาการศึกษาได้ด้วย หากทกุ ฝาุ ยทเี่ กีย่ วข้องกับการศกึ ษาตระหนักถึงความสาคญั ในบทบาทและ
หนา้ ที่และร่วมมือร่วมใจกันอย่างจริงจงั ผู้เขียนเชือ่ ว่าการศึกษาของไทยจะพฒั นาได้อย่างไม่ช้าเหมือนที่
ผ่านมา

๗. วสิ ัยทัศนแ์ ละแผนพัฒนาการศกึ ษาไทย
๗.๑ ความหมายของวสิ ัยทัศน์
วิสยั ทัศน์ หมายถึง การสรา้ งภาพอนาคต หรอื การมองอนาคต ซง่ึ จะเป็นเปูาหมาย ในการเดนิ

ไปส่อู นาคต โดยวิธกี ารนาเอาระบบ การวางแผนมาใช้ หรอื หมายถึง ส่งิ ที่อยากเห็น ในอนาคตและเป็น
สง่ิ ทด่ี กี วา่ เดิม วิสัยทศั น์ จะเกิดจากการรจู้ ักคดิ โดยใชป้ ญั ญา และม่งุ มั่น ใหเ้ กดิ ขน้ึ จริง ๑๑

๑. ชว่ ยกาหนดทิศทางที่จะดาเนินชีวิตหรอื กจิ กรรมองค์กร
๒. ช่วยให้สมาชกิ ทุกคนรู้ว่า แตล่ ะคนมีความสาคัญต่อการมุ่งไปส่จู ุดหมายปลายทาง
๓. ช่วยกระตุน้ ให้สมาชิกทุกคนมคี วามรูส้ กึ มุง่ ม่ันปฏิบัตติ ามด้วยความเต็มใจ
๔. ชว่ ยกาหนดมาตรฐานของชวี ิต องค์กร และสงั คม
๗.๒ ความสาคญั ของวิสัยทัศน์
กระบวนการสรา้ งวสิ ัยทัศน์
๑. ขั้นเตรยี มการ
๒. ข้ันดาเนนิ การสร้างวิสัยทัศน์
๓. ขัน้ นาวสิ ัยทศั น์ไปปฏบิ ัติ
๔. ขัน้ ประเมินวสิ ัยทศั น์
๗.๓ วิสัยทัศนก์ ารศกึ ษา
กระทรวงศกึ ษาธกิ ารจะขยายโอกาสทางการศึกษา อานวยการใหม้ ีการจัดการศกึ ษาขั้น
พนื้ ฐาน อยา่ งน้อย ๑๒ ปี โดยไม่เกบ็ คา่ ใชจ้ า่ ยสาหรับเด็กและเยาวชนไทยทุกคน และพัฒนาคณุ ภาพ
การศกึ ษาทุกระดับ โดยเน้นให้นักเรยี นเปน็ ศูนย์กลางให้เรียนอยา่ งมีความสขุ และเนน้ การเรยี นรู้ด้วย
การปฏบิ ตั ิจรงิ ใหม้ ากทสี่ ุด จัดและส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั ให้ความสาคญั
ต่อการศกึ ษาสาหรบั ผูด้ อ้ ยโอกาส และการศกึ ษาสาหรบั คนพิการอย่างกว้างขวางท่ัวถึงและมคี ุณภาพม่งุ
ส่งเสริมให้เยาวชนเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตรไ์ ทยและมีความสามารถใหภ้ าษาไทยได้อยา่ งดี รวมทงั้ ให้ใช้ภาษา
อ่นื ทเ่ี ป็นภาษาสากลได้อย่างน้อย ๑ ภาษา ส่งเสรมิ ใหม้ ีความรู้ ความสามารถมลี กั ษณะวิสยั ทาง
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เห็นคณุ ประโยชน์และรักท่ีจะใชพ้ ลงั งานธรรมชาตแิ ละเทคโนโลยีที่
เหมาะสมให้สอดคล้องกับวิถีชวี ิต๑๒
ส่งเสรมิ ให้มีความภูมใิ จในความเปน็ ไทย มีคณุ ธรรมจรยิ ธรรม มีความรักศลิ ปวัฒนธรรมไทย
และวถิ ชี ีวติ แบบไทย เหน็ ความดงี าม ความชาญฉลาดของภูมิปญั ญาท้องถ่ิน ภมู ิปญั ญาไทย และสนใจ
ศกึ ษาค้นคว้า พัฒนาวทิ ยาการทั้งทเ่ี ปน็ ภมู ิปัญญาไทยและทเี่ ป็นสากล
จัดและสง่ เสรมิ ใหส้ ถานศึกษา สถาบนั ทางศาสนา พิพิธภณั ฑ์และหอ้ งสมุดเป็นศูนย์กลาง

๑๑ ทวีป อภิสทิ ธ.์ิ ยทุ ธศาสตร์การสอน. (กรุงเทพมหานคร : เจริญวทิ ยก์ ารพิมพ,์ ๒๕๒๓).หน้า ๖๗
๑๒ กรมวิชาการ. เอกสารการปรับปรุงหลักสตู ร, (กรุงเทพมหานคร : ม.ป.พ. ม ... (อดั สาเนา)).หน้า ๖๖

๑๓

การเรียนรู้ของชมุ ชนท่ีมีความสะอาด สงบ ร่มรน่ื และมสี ื่อสาหรบั การศกึ ษาค้นควา้ ทดี่ ี ใชไ้ ด้สะดวก
เปิดโอกาสใหป้ ระชาชนใช้บรกิ ารได้อยา่ งกวา้ งขวาง ทัง้ ในด้านความหลากหลายและระยะเวลาให้
สอดคล้องกับความต้องการของผ้ใู ช้บริการ

ทานุบารุง ส่งเสริม พัฒนาการศาสนา ศิลปวฒั นธรรมและการกีฬา ใหศ้ าสนาและ
วัฒนธรรมเป็นเคร่อื งยดึ เหน่ยี วจิตใจคน และเปน็ หลกั สาคัญส่วนหนงึ่ ในการจดั การศึกษา

จดั การศึกษาโดยใหช้ มุ ชน ทอ้ งถนิ่ มีความเปน็ เจ้าของ เปิดโอกาสและสนับสนุนให้
เอกชน องคก์ รเอกชนจัดการศกึ ษาใหท้ ุกระดบั กระจายอานาจการจดั การศึกษาส่ทู อ้ งถิ่นและ
สถานศึกษา ปรับระบบการบริหาร การจดั การและการปฏิรปู การศึกษา ให้สอดคล้องกับหลกั การ
ศกึ ษาไทยและความต้องการของผ้เู รียน ตามแนวทางทีก่ าหนดไวใ้ นรัฐธรรมนญู

๗.๔ แผนพฒั นาการศึกษาแหง่ ชาติ ฉบับที่ ๘ กาหนดวสิ ัยทัศนไ์ ว้ ๓ ดา้ น คือ ตอ้ งการให้
การศึกษาไทย

๑. เปน็ การศึกษาทม่ี ุง่ พัฒนามนุษยท์ ่ีสมบูรณ์ มีลักษณะมองกวา้ ง คิดไกล ใฝดุ ี มวี ินยั มีทักษะ
สาหรับยุคโลกาภวิ ัตน์

๒. เป็นการศึกษาทีส่ อดคลอ้ งกบั วถิ ีชวี ติ และความต้องการของบคุ คล ชมุ ชน สังคม
ประเทศชาติ ธรรมชาติ และสงิ่ แวดลอ้ ม

๓. เปน็ การศึกษาที่ปรับแนวคิดการจัดการใหม่ ใหผ้ ู้เรยี นรจู้ กั เรียนรู้ด้วยตนเอง ผูเ้ รยี นเป็น
ศนู ยก์ ลาง รปู แบบการสอนหลากหลาย ทกุ ส่วนของสงั คมเอื้อต่อการเรียนรู้ นโยบายของแผนพฒั นา
การศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ ๘

เพื่อให้บรรลุตามวิสัยทัศน์ จงึ มกี ารกาหนดนโยบายสาหรับเปน็ กรอบ หรือให้แนวทางการ
ดาเนนิ งาน และมี แผนงานหลักสาหรับรองรบั นโยบาย นโยบายของแผนท้ัง ๕ ประการ ไดแ้ ก่

๑. เร่งขยายและยกระดบั ความรู้พืน้ ฐานของประชาชน
๒. ปฏิรูประบบการเรยี นการสอน
๓. ปฏริ ปู ระบบการผลิตและการพัฒนาครู
๔. เรง่ ผลติ และพัฒนากาลังคนระดับกลางและสงู และ
๕. ปฏิรปู การบริหารและการจดั การศกึ ษา
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซ่ึงเป็น
กาลังของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสานึกในความ
เป็นพลเมืองไทยและเป็นพลเมืองโลก ยึดม่ันในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมท้ังเจตคติที่จาเป็นต่อ
การศึกษา การประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญบน
พื้นฐานความเชื่อว่าทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองให้เต็มตามศักยภาพ ๑๓
เพ่ือให้บรรลุวิสัยทัศน์ดังกล่าว กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยีจึง
กาห น ด วิ สั ย ทั ศน์ ก า ร เ รี ย น รู้ ที่ ยึ ด ง า น แ ล ะ กา ร แ ก้ ปั ญ ห า เ ป็ น สา คั ญ บ น พื้ น ฐ า น ขอ ง กา ร ใ ช้
หลักการและทฤษฎีเป็นหลักในการทางานและการแก้ปัญหา เน้นท่ีจุดหมายของหลักสูตรฯ
โดยเฉพาะข้อที่เกี่ยวกับประสิทธิภาพในการผลิตและการบริโภคมีค่านิยมเป็นผู้ผลิตมากกว่า
เป็นผู้บริโภคซ่ึงเขียนสรุปเป็นแผนภาพโดยสังเขปได้ดังนี้

๑๓ จนั ทนี อินทรสูต. คู่มือการอบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารเร่ืองรปู แบบการสอนแบบต่างๆ, (ปทมุ ธานี : วิทยาลัยครู
เพชรบรุ ีวิทยาลงกรณ์, ม.ป.ป. (อดั สาเนา)).หนา้ ๗๑

๑๔

แผนพฒั นาการเศรษฐกจิ แห่งชาติ ฉบับท่ี ๑ พ.ศ. ๒๕๐๔ – ๒๕๐๙
- เน้นหนักด้านการเรง่ รดั พฒั นา การศกึ ษาในทุกๆด้าน
- เน้นการพัฒนาการศึกษาภาคบงั คบั ให้แก่ ประชาชน สร้างกาลงั แรงงานในสายอาชพี
- เน้นการผลิตครอู าจารย์
- มงุ่ เนน้ ใหผ้ ้เู รียนไดเ้ รียนอย่างทัว่ ถงึ

แผนพฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ ฉบับท่ี ๒ พ.ศ. ๒๕๑๐ – ๒๕๑๔
- ม่งุ ท่จี ะแกไ้ ขปญั หาการศึกษา เนือ่ งจากผลการประเมนิ แผนฯ ดา้ นการศกึ ษาที่ผ่าน

มาพบวา่ ยังมีเยาวชนอกี เปน็ จานวนมากที่ไม่มโี อกาสเข้ารับการศึกษา รวมทั้งจานวนบัณฑติ ท่ี ตกงาน
มเี ป็นจานวนมาก

- มงุ่ ปรับปรงุ คณุ ภาพการศึกษา ทง้ั ในเรื่องหลักสูตร แบบเรยี น อาคารเรยี น คุณวุฒคิ รู
ส่งเสริมการศึกษาในโรงเรยี นราษฎร์

- ม่งุ เน้นคณุ ภาพการศึกษา และประเด็นสาคญั คือ การจดั การศกึ ษาต้องสอดคล้องกับ
ความต้องการกาลงั คน

แผนพฒั นาการศกึ ษาแห่งชาติ ฉบบั ท่ี ๓ พ.ศ. ๒๕๑๕ – ๒๕๑๙
- มงุ่ เนน้ การปรับปรงุ คุณภาพและการขยายปริมาณการศกึ ษา ตลอดจนการผลิต

กาลังคนระดับตา่ งๆ ให้สนองความต้องการของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
- มงุ่ แกไ้ ขปญั หาจากแผนฯ โดยจัดการศึกษาอยา่ งประหยัด และเกิดประโยชนม์ าก

ทีส่ ดุ

สรุป
การศกึ ษาไทยในยุคโลกาภิวัตน์ ส่คู วามก้าวหนา้ และความม่ันคงของชาตใิ นศตวรรษ
หนา้ วิสัยทัศนแ์ ละยทุ ธศาสตร์ การพัฒนาประเทศไทยสงั คมไทยที่พึงประสงค์ วิสัยทศั น์การพฒั นา
การศึกษาในอนาคตวัตถุประสงค์ นโยบายพัฒนาการศกึ ษาของแผนพฒั นาการศึกษาแห่งชาติ
แผนพฒั นาการศึกษาแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๒๐ – ๒๕๒๔
- มุ่งสร้างความเปน็ ธรรมในสงั คม ลดความเหลือ่ มล้าของบุคคลในทางเศรษฐกิจ
แผนพัฒนาการศึกษาแหง่ ชาติ ฉบับท่ี ๕ พ.ศ. ๒๕๒๕ – ๒๕๒๙
- เน้นเร่งรดั พัฒนาการศึกษาท้งั ในด้านปรมิ าณและคุณภาพ
- มงุ่ เสรมิ สร้างบคุ คลให้มคี วามรู้ ความคิด และความสามารถในการประกอบอาชพี
มีจริยธรรม คณุ ธรรม ตลอดจนมีพลานามัยสมบรู ณ์
แผนพฒั นาการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ ๖ พ.ศ. ๒๕๓๐ – ๒๕๓๔
- มีวตั ถุประสงค์เพื่อพัฒนาบุคคลใหม้ ีความรู้ ความคิด คณุ ธรรม พลานามัยท่สี มบรู ณ์
- มีทักษะในการประกอบอาชีพ เปน็ สมาชกิ ทีด่ ีของสงั คม และเปน็ กาลังในการพัฒนา
เศรษฐกจิ และสังคมของประเทศ
- แผนฯฉบบั นแ้ี ตกต่างจากแผนฯฉบบั อื่นๆ โดยมีการกาหนดนโยบายเก่ียวกบั
การศึกษาในด้านต่างๆไว้อย่างมากมาย
แผนพฒั นาการศกึ ษาแห่งชาติ ฉบับที่ ๗ พ.ศ. ๒๕๓๕ – ๒๕๓๙

๑๕

- เน้นให้พลเมอื งมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม ปัญญา และมีสขุ ภาพพลานามัยสมบูรณ์ มี
ความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพ สามารถพง่ึ ตนเอง และดารงชีวติ ได้อยา่ งเป็นสุขภายใตก้ าร
ปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรยิ เ์ ป็นประมขุ

- เน้นการศึกษาเพ่ือพฒั นาบุคลากร
แผนพัฒนาการศึกษาแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี ๘ พ.ศ. ๒๕๔๐ – ๒๕๔๔

- เน้นสรา้ งความกา้ วหน้าและมัน่ คงของเศรษฐกจิ ไทยในประชาคมโลกบนฐานแห่ง
ความเป็นไทย

แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ ฉบบั ที่ ๙ พ.ศ. ๒๕๔๕ – ๒๕๔๙
- มุ่งเนน้ ให้ผูเ้ รียน เก่ง ดี มสี ุข โดยพัฒนาคนอย่างรอบดา้ น
- สรา้ งสงั คมไทยใหเ้ ป็นสงั คมคุณธรรม ภมู ปิ ัญญา และการเรยี นรู้ พฒั นสภาพแวดลอ้ ม

ของสงั คมแผนการศึกษาของประเทศไทย
แผนพฒั นาการศึกษาแหง่ ชาติ ฉบับท่ี ๑๐ พ.ศ. ๒๕๕๒ – ๒๕๕๙

พัฒนาสงั คมไทยให้เป็นสงั คมทม่ี คี วามเขม้ แข็งและมดี ุลยภาพใน ๓ ด้าน คือ
๑. สงั คมคุณภาพ
๒. สงั คมแหง่ ภูมิปญั ญาและการเรียนรู้
๓. สงั คมสมานฉันทแ์ ละเอื้ออาทรต่อกัน

สังคมไทยท่ีพงึ ประสงค์ในอนาคต ควรมีลกั ษณะเป็นสงั คมแห่งการเรยี นรู้ รู้เทา่ ทนั โลก แข่งขนั
แลร่วมมือมีสมรรถภาพ วินัย คณุ ธรรมตามหลักธรรมทางศาสนา เสรีภาพ ความยตุ ธิ รรม เมตตากรุณา
คนมคี วามสุข ครอบครวั อบอุ่น ชมุ ชนเขม้ แขง็ สงั คมสันติ เศรษฐกจิ สมดุล มเี สถียรภาพ สงิ่ แวดล้อม
ย่งั ยืน เคารพในสิทธิมนุษยชน ประเทศชาติมีความม่นั คงสันติกับเพื่อนบา้ นและเพื่อนร่วมโลกและสันติ
กับธรรมชาติ

๑. การศึกษาพงึ มุ่งพฒั นาคน ท่ีสมดุลทงั้ ดา้ นปัญญา จติ ใจ และสงั คม
๒. เป็นการศึกษาท่ีจัดใหส้ อดคลอ้ งกับความต้องการของบุคคล ชุมชน สังคมและประเทศชาติ
๓. แนวคดิ หรือกระบวนทัศน์ในการพฒั นาการศึกษา จาเป็นตอ้ งปรับตวั เพ่ือให้การจดั การศกึ ษา
บรรลตุ ามวสิ ัยทัศน์ที่พึงประสงค์
วตั ถปุ ระสงค์ /นโยบายการพฒั นาการศึกษา
๑. เพ่ือขยายและยกระดับความร้พู นื้ ฐานของประชาชนให้กว้างขวางและสงู ขน้ึ อย่างเสมอภาค
และเทา่ เทยี มกัน
๒. เพ่ือพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพ สอดคล้องกบั ความต้องการของบุคคลชมุ ชนและประเทศ
ให้ผูเ้ รียนได้มีการพัฒนาเต็มตามศกั ยภาพ
๓. เพ่ือใหก้ ารศึกษาไทยสร้างศักยภาพของประเทศในการพึ่งพาตนเอง และสรา้ งความก้าวหนา้
และความมนั่ คงของเศรษฐกิจไทยในประชาคมโลก บนฐานแหง่ ความเปน็ ไทย

๑. เร่งขยายและยกระดับความรู้พืน้ ฐานของประชาชนอย่างทวั่ ถึงเทา่ เทยี มกันและมี
คุณภาพ

๒. ปฏิรปู ระบบการเรียนการสอน
๓. ปฏริ ูประบบการผลิตและพฒั นาครู
๔. เร่งผลติ และพฒั นากาลงั คนระดบั กลางและสูง
๕. ปฏิรปู ระบบบรหิ ารและการจดั การศกึ ษาให้มีอสิ ระมากข้ึน

๑๖

การพฒั นาประเทศจาเป็นต้องทาตามลาดบั ข้นั ตอ้ งสร้างพื้นฐาน ซ่ึงไดแ้ ก่ ความพอมี พอกิน
พอใช้ การใหร้ ากฐานชวี ติ ที่ดีกับเดก็ ไทยทุกคน ด้วยการหยบิ ยน่ื การสาธารณสขุ และการรักษาสุขภาพ
อนามัยท่เี ขา้ ถึงเด็กไทยทุกคน คอื รากฐานชวี ิตท่ีดีท่ีเดก็ ไทยทกุ ชีวติ ควรจะไดร้ ับ เพ่ือเขาทุกชวี ิตสามารถ
ตอบแทนส่ิงท่ดี คี นื กลบั ให้สังคม ในวนั หนงึ่ ขา้ งหน้าต้องเร่งในเรอ่ื งการพัฒนาครูให้เปน็ ผู้ท่ีสามารถ “เบิก
ทางแห่งปัญญา” ให้เดก็ ไทยไดอ้ ยา่ งแทจ้ รงิ ตอ้ งปรบั ปรุงมาตรการพัฒนาและสรรหาครู ตลอดจนการ
ปรบั ปรงุ ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมของครูให้ “ได้คนดีๆมาเป็นครู และครดู ๆี เป็นครูอยู่ไดน้ านๆ”
และช่วยพฒั นาเด็กไทยของเราใหม้ ีคณุ ภาพได้เช่นทหี่ วัง เพ่ือสังคมไทยเปน็ ปึกแผ่น ก้าวมั่น ทนั โลก และ
ธารงรกั ษาความเปน็ ไทยไวค้ แู่ ผ่นดินไทยตลอดไปบนั ไดสี่กา้ ว : สู่อนาคตทท่ี ้าทาย

ก้าวแรก : บทบญั ญัติการศึกษาในรฐั ธรรมนูญ
กา้ วท่สี อง : พระราชบญั ญตั ิสภาปฏริ ปู การศึกษา
ก้าวทส่ี าม : พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
กา้ วกระโดด : มาตรฐานการศึกษาระดบั โลก
เพื่อให้เกิดการปฏวิ ัติการศึกษาไทยอยา่ งแทจ้ รงิ เป็นการเปล่ียนแปลงทีย่ ิง่ ใหญ่และรวดเรว็
นาไปสู่ “การศึกษาไทยทพ่ี ึงปรารถนา” มกี ระบวนทัศนใ์ หม่ดงั นี้
การศึกษาไทยที่พึงปรารถนา
ปฏิวัตกิ ระทรวง ทบวง กรม
คืนอานาจให้สถานศึกษา
คนื ภูมิปญั ญาไทยสกู่ ารศึกษาของชาติ
คนื การศึกษาใหค้ รอบครวั
เสรมิ พลังและยกย่องครใู ห้ยงิ่ ใหญ่
ปฏวิ ัติกระบวนการเรยี นรู้
ปฏวิ ัติมมุ มองต่อผ้เู รียน
ความฝัน ความหวัง และอนาคต
วิกฤตการณ์ทางการศึกษาของไทย
การพจิ ารณาทบทวน
ออกแบบใหม่
ขอ้ เสนอเพ่ือปฏวิ ัตกิ ารศึกษาไทย
- ดา้ นผเู้ รยี น
- ด้านกระบวนการเรียนรู้
- ดา้ นผู้สอน
- ดา้ นครอบครวั
- ด้านโรงเรยี น
- ดา้ นบทบาทกระทรวง ทบวง กรม
ประเทศไทยมงุ่ จดั การศึกษาเพ่อื ให้สงั คมไทยมีการพฒั นาท่ีสมดลุ ซง่ึ คนเปน็ ศูนย์กลางของการ
พฒั นาขณะท่ีมุ่งสูโ่ ลกาภิวตั น์ แนวโนม้ ของวิสยั ทศั น์การศึกษาในประเทศและองค์กรตา่ งๆทาหนา้ ที่ใน
การพฒั นาการศึกษา ซ่ึงวิสัยทศั นท์ ่ีเกิดข้ึนน้ันมาจากพนื้ ฐานความตอ้ งการของประชาชนและสภาพ
ปัญหาทเ่ี กิดขึน้ ในชมุ ชนตา่ งๆ รวมทงั้ ความเหลือ่ มลา้ ในคุณภาพของการศกึ ษาขน้ั พื้นฐานทั้งระดับ
ประถมศกึ ษา และมธั ยมศึกษานอกจากน้สี ่ิงสาคัญในการกาหนดจุดมุ่งหมายและการพัฒนาการศึกษา

๑๗

คอื แผนการศกึ ษาแห่งชาติ โดยในชว่ งแรกจะเน้นการกระจายการศึกษา ความเสมอภาคทางการศกึ ษา
โดยมุ่งเนน้ ใหผ้ ูเ้ รยี นได้รบั การศกึ ษาอย่างทัว่ ถึง

๘. ผเู้ ก่ยี วข้องกับการจดั การศกึ ษา

ปจั จยั สาคญั อีกประการหนง่ึ ที่ทาให้การพัฒนาหลักสตู รสถานศกึ ษาประสบผลสาเรจ็ ก็คือ การ
ปรบั เปล่ียนพฤติกรรมของผทู้ ี่เกี่ยวข้องในการพฒั นาหลักสูตรทั้งทางตรงและทางออ้ ม ท้ังผบู้ รหิ าร
ครผู สู้ อน นกั เรยี น ผู้ปกครอง และชุมชน เนอ่ื งจากหลักสตู รการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐานเปน็ หลกั สตู รทีก่ ระจาย
อานาจการจัดการศึกษาแก่สถานศกึ ษา ทง้ั ในด้านการบรหิ ารวิชาการ การบรหิ ารจดั การ และการใช้
หลกั สตู ร เป็นกระบวนการนาหลักสตู รแกนกลางในระดบั ชาติไปสูก่ ารปฏิบตั ใิ นสถานศึกษา จึงต้องไดร้ ับ
การสนบั สนุน ส่งเสริม และร่วมมอื จากบุคลากรทีเ่ กย่ี วขอ้ งทกุ ระดับ โดยท่กี ารจัดการเรยี นรู้ตาม
หลกั สูตรการศึกษาขัน้ พ้นื ฐานเน้นความสาคัญในการปฏิรูปกระบวนการเรียนรูโ้ ดยยดึ ผู้เรียนเปน็ สาคญั
ซง่ึ ทีต่ อ้ งการใหเ้ กดิ การเปลี่ยนแปลงตามพระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 22
กาหนดแนวทางไว้ว่า “การจัดการศึกษาต้องยดึ หลักวา่ ผ้เู รียนทุกคนมีความสามารถเรยี นรแู้ ละพัฒนา
ตนเองได้ และถือวา่ ผู้เรยี นมีความสาคัญที่สุด กระบวนการจดั การศึกษาต้องส่งเสริมใหผ้ ู้เรียนสามารถ
พฒั นาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ”๑๔

ดังนน้ั ผู้ทีม่ สี ่วนเกยี่ วข้องในการพัฒนาหลักสูตรและจดั กระบวนการเรยี นรจู้ งึ ต้องปรบั เปล่ียน
พฤติกรรม มเี ปาู หมายทก่ี ารพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของผูเ้ รียนให้มคี ณุ ลักษณะที่พงึ ประสงค์ คือ
เป็น “คนเก่ง คนดี และมีความสุข” โดยมีบทบาทในการพัฒนาหลักสูตรสถานศกึ ษา ดงั นี้

๘.๑ ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา
ผู้บรหิ ารสถานศึกษาท่ีตระหนักถงึ ความสาคัญของการศึกษา เขา้ ใจบทบาทหน้าท่ีของ

ผบู้ ริหารอย่างถ่องแทแ้ ละนาไปปฏบิ ัตอิ ย่างจริงจังแบบต่อเนือ่ ง จะชว่ ยให้การพัฒนาหลักสูตร
สถานศึกษาประสบผลสาเรจ็ ไดอ้ ยา่ งมีคุณภาพ ผ้บู ริหารสถานศึกษาในยคุ ปฏริ ปู การศึกษาตอ้ ง
ปรับเปลี่ยนบทบาทจากการสั่งการมาเปน็ ผ้รู ่วม คือ รว่ มวางแผนและร่วมปฏิบัติ ผู้บริหารสถานศกึ ษาจงึ
ควรมบี ทบาทดังนี้

๑.จดั ทาแผนพฒั นาสถานศกึ ษาเพื่อใชใ้ นการดาเนนิ การจัดการศกึ ษา
๒. เป็นผู้นาในการจัดทาหลักสูตรสถานศกึ ษาโดยรว่ มประสานกับบุคลากรทกุ ฝุาย เพือ่
กาหนดวสิ ยั ทัศน์ คุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ของผู้เรียน ตลอดจนสาระตามหลกั สตู ร สถานศกึ ษา
๓. ประชาสัมพนั ธห์ ลักสูตรสถานศกึ ษา
๔. สนับสนุนให้บคุ ลากรทกุ ฝุายของสถานศึกษามีความรแู้ ละความสามารถในการ
จดั ทาหลกั สตู รสถานศึกษา รวมทงั้ พฒั นาบุคลากรใหเ้ ปน็ บุคคลแห่งการเรียนรู้
๑.๕ มกี ารนิเทศภายใน เพ่ือนิเทศ กากับ ตดิ ตามการใช้หลักสูตรสถานศึกษาอย่างมี
ระบบ
๖. จดั ให้มกี ารประเมินผลการใชห้ ลกั สตู รสถานศึกษาเพื่อปรับปรุง พฒั นาสาระของ
หลกั สูตรสถานศึกษาให้ทนั สมัย สอดคล้องกบั ความต้องการของผเู้ รยี น ชุมชนและทอ้ งถน่ิ

๑๔ชนาธปิ พรกลุ แคทส์. รูปแบบการจัดการเรยี นการสอนทผี่ ู้เรียนเป็นศนู ย์กลาง.(กรุงเทพฯ : จฬุ าลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๔๔).หนา้ ๒๙

๑๘

๘.๒ ครผู สู้ อน
ครผู ้สู อนมบี ทบาทโดยตรงในการร่วมพัฒนาหลักสูตร จัดการเรยี นรู้ ครูในยุคปฏิรูป

การศึกษาจะต้องปรบั เปลี่ยนจากการเป็นผ้สู อน เป็นผูเ้ ออื้ อานวยความสะดวกต่อการเรียนรขู้ องผู้เรยี น
โดยการชแ้ี นวทางการนาความรจู้ ากแหล่งต่างๆ มาใช้ประโยชน์ กล่าวคือ ทาให้ผเู้ รยี นรู้วิธกี ารเข้าถึง
แหลง่ ขอ้ มลู มีทกั ษะในการใช้สื่อ ทง้ั สอื่ สิง่ พิมพ์และส่ืออิเล็กทรอนิกสใ์ นการสืบคน้ ข้อมลู มาใช้ไดส้ ะดวก
วิธีการทค่ี รูสามารถทาได้ในฐานะผู้เอื้ออานวยความสะดวกท่ีดี เชน่ ให้ โอกาสผู้เรยี นเข้าไปใช้บริการ
สบื ค้นขอ้ มูลจากห้องสมดุ ของโรงเรียน บอกแหล่งท่ีมาของข้อมูลใหผ้ ูเ้ รียนทส่ี นใจสามารถสบื คน้ ไดจ้ าก
ซดี ีรอม หรอื จากโฮมเพจในอินเทอรเ์ นต็ ๑๕ เปน็ ตน้

นอกจากนี้ ครูยังต้องปรับบทบาทจากการเปน็ ผู้ปอู นข้อมูล เปน็ ผู้ให้คาแนะนาปรกึ ษา
โดยครูจะตอ้ งตระหนักเสมอว่า ตนเองไมใ่ ช่ผกู้ าหนดความรู้ แตเ่ ปน็ ผ้สู อนแกน่ ความรู้ในวิชาที่สอน และ
แนะวธิ กี ารคิด ให้กรอบในการวเิ คราะหเ์ นอื้ หาวชิ าการ แนะนาการพิจารณาข้อมูลท่จี ะเลือกนามาใช้
แนะนาเรื่อง ท่ัวๆ ไปท่จี าเปน็ ตอ่ การดาเนนิ ชีวติ ของผูเ้ รยี นด้วย เชน่ ให้คาปรกึ ษาเกย่ี วกับการดูแล
สุขภาพ การพัฒนาบุคลกิ ภาพ มารยาท การปูองกันตนเองจากภยั อันตรายต่าง ๆ เป็นต้น

ครูจะทาหน้าที่เป็นผใู้ ห้คาแนะนา ปรึกษาแก่นักเรยี นและเปน็ ผ้เู อื้อต่อการเรยี นรู้ของ
ผู้เรยี นไดก้ ต็ ่อเมื่อครูเป็นผทู้ เี่ รียนรมู้ ากอ่ น นน่ั หมายความว่า ครูจะต้องปรับเปลี่ยนพฤตกิ รรมให้
กระตือรือรน้ ในการแสวงหาความรูเ้ พมิ่ เติมอยูเ่ สมอ เปน็ คนชา่ งสังเกตและคดิ แตกฉานกบั ขอ้ มลู และ
ความรทู้ ผ่ี ่านเข้ามาในสมองด้วยการต้ังคาถามและหาทางพิสูจนเ์ รื่องเหลา่ นี้ให้ได้ขอ้ สรุปทช่ี ดั เจน

ในการพฒั นาหลักสตู รสถานศึกษา ครูไมเ่ พียงแต่จะมบี ทบาทหน้าทีใ่ นการจดั การ
เรียนรูเ้ ท่านน้ั แต่ครยู ังต้องมีบทบาทในการพัฒนาหลักสตู รสถานศึกษา ดังต่อไปน้ี (กรม วชิ าการ ๒๕๔๓
: ๑๖)

๑. ศกึ ษาหลกั สูตรการศึกษาข้ันพื้นฐานจนเข้าใจกระจ่าง
๒. ศึกษาหลกั การ วธิ ีการพัฒนาหลกั สูตรระดบั สถานศึกษา
๓. ร่วมวางแผน และร่วมพฒั นาหลกั สูตรระดับสถานศกึ ษา
๔. ตรวจสอบความสอดคลอ้ งสัมพันธ์กนั ของสาระที่จัดทาข้ึนตามสภาพปญั หา/ความ
ตอ้ งการ ของชุมชน และภูมปิ ัญญาท้องถ่ิน กับมาตรฐานการเรยี นรู้กลุ่มวิชาและมาตรฐานหลกั สูตร
การศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน
๕. วางแผนการจดั การเรยี นการสอนตามขอบข่ายเน้ือหาสาระ มาตรฐาน สดั สว่ นของ
เวลา และหน่วยการเรยี นรู้
๖. นาหลักสูตรไปปฏิบตั ิใหเ้ กิดผลในหอ้ งเรยี น โดยเลือกใชก้ ระบวนการเรยี นรู้ที่
หลากหลายสอดคล้องกบั ธรรมชาติของสาระการเรียนรแู้ ละเหมาะสมกับผ้เู รยี น
๗. วางแผนและประเมินผลการเรียนรขู้ องผู้เรยี นให้ได้ข้อมลู ทแ่ี สดงความสามารถที่
แทจ้ รงิ ของผ้เู รยี น ประเมินผลการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี นตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ตล่ ะชว่ งน้ัน และ นาผล
การประเมินมาพัฒนาผเู้ รียนต่อไป
๒.๘ ร่วมประเมนิ ผลการใช้หลักสตู รกับสถานศึกษา

๑๕ ชลิต พุทธรักษา. "หน่วยท่ี การบริหารงานอาคารสถานที่".(เอกสารการสอนชดุ วิชาการจัดการโรงเรยี น
ประถมศกึ ษา หน่วยที่ ๓-๑๕. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์ชวนพมิ พ,์ ๒๕๒๖).หนา้ ๑๑๔

๑๙

๘.๓ ผู้เรียน
เนื่องจากผเู้ รียนเปน็ ศนู ยก์ ลางของการกาหนดจุดหมายของการพัฒนาหลักสตู ร

หลกั สูตรทุกหลักสตู รพฒั นาขึ้นเพอื่ สนองความตอ้ งการของผเู้ รียนโดยตรง ผู้เรยี นจงึ ควรมีส่วนแสดง
ความคดิ เห็นและให้ข้อมลู ที่สะท้อนความต้องการท่แี ท้จรงิ ของผู้เรียนใหผ้ ้รู บั ผดิ ชอบพฒั นาหลักสตู รได้
ทราบ และเน่ืองจากผ้เู รียนเป็นผลผลติ ของการจัดการศึกษาโดยตรง ผเู้ รียนจะมีคุณลักษณะอนั พงึ
ประสงค์คือเปน็ คนดี มีปญั ญา และมคี วามสุขได้ ผู้เรียนจะต้องปรบั เปล่ียนพฤติกรรมการเรียนรขู้ องตน
จากการเป็นผูร้ บั มาเป็นผสู้ รา้ งองค์ความร้ดู ว้ ยตนเอง มีความมุง่ มน่ั ในการพัฒนาตนเอง มีสว่ นรว่ มใน
กระบวนการจดั การเรยี นรู้ที่สอดคล้องกบั ความถนัด ความสนใจ และความสามารถของตนเอง

บทบาทหนา้ ท่ีของผู้เรียนตามหลกั สูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน๑๖ มดี ังนี้
๓.๑ มีสว่ นรว่ มในการวางแผนการจัดกระบวนการเรียนรรู้ ่วมกับผูป้ กครองและครู วาง

แผนการเรียนรู้ของตนเองตามความถนดั ความสนใจและความสามารถของตนเอง
๓.๒ มีความรับผดิ ชอบ ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชนแ์ ละบริหารจัดการเรยี นรู้ของ

ตนเองให้มีคุณภาพ
๓.๓ ปฏบิ ตั ติ นเปน็ บุคคลแห่งการเรียนรู้ รวู้ ิธแี สวงหาความรู้ พร้อมทง้ั สามารถสร้าง

องค์ความรดู้ ว้ ยตนเอง
๓.๔ มีการประเมนิ และพฒั นาตนเองให้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
๓.๕ มีปฏิสัมพนั ธ์ท่ีดีกับครูและเพ่ือนโดยช่วยเหลือเอ้ือเฟ้ือเผ่อื แผซ่ ่ึงกนั และกัน

๘.๔ ผ้ปู กครอง
การปฏริ ูปการศึกษาตามพระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้เปิดโอกาส

ใหบ้ ิดามารดา ผ้ปู กครองและบุคคลในชุมชนทุกฝุายร่วมมอื กับสถานศึกษาและหน่วยงานท่ีเกยี่ วข้อง
ร่วมกนั พฒั นาผเู้ รยี นตามศักยภาพ (มาตรา ๒๔) ฉะนนั้ บดิ ามารดาและผปู้ กครองจะตอ้ งปรบั เปลี่ยน
ความคดิ ในการฝากบุตรหลานไวใ้ นความดูแลของครูมาเป็นผู้รว่ มพฒั นาการเรยี นรู้ของผู้เรียน โดย
ผูป้ กครองควรจะมบี ทบาท ดังน้ี

๑. กาหนดแผนการเรียนรู้ของผเู้ รียนร่วมกับครแู ละผเู้ รียน
๒. มสี ว่ นร่วมในการกาหนดสาระของหลักสูตรสถานศึกษา และกาหนดแผนพัฒนา
สถานศึกษาหรือธรรมนญู สถานศึกษา
๓. สง่ เสรมิ สนับสนุนกจิ กรรมของสถานศึกษาเพ่ือพัฒนาผเู้ รียนตามศกั ยภาพ
๔. อบรมเลี้ยงดู เอาใจใส่ ใหค้ วามรักความอบอุ่น ส่งเสริมการเรียนรูแ้ ละพฒั นาการ
ดา้ นต่างๆ ของผเู้ รียน
๕. สนับสนนุ ทรัพยากรเพ่ือการศึกษาตามความเหมาะสม
๖. ร่วมมือกับครูและผู้เกย่ี วข้อง ประสานงาน ปูองกนั และแก้ไขปญั หาเก่ยี วกบั
พฤติกรรมท่ีไม่พงึ ประสงคข์ องผู้เรยี น
๗. พฒั นาตนเองให้เปน็ บุคคลแหง่ การเรยี นรู้ มคี วามรคู้ ูค่ ุณธรรม เป็นแบบอยา่ งที่ดี
เพอื่ นาครอบครวั ไปส่สู ถาบนั แห่งการเรยี นรู้
๘. มีสว่ นรว่ มในการประเมินผลการเรียนรขู้ องผเู้ รียนและการประเมนิ การจัด
การศกึ ษาของสถานศกึ ษา
๘.๕ ชมุ ชน

๑๖ ชาญชัย ศรีไสยเพชร. ทกั ษะและเทคนิคการสอน. (กรุงเทพมหานคร : พทิ ักษ์อักษร ๒๕๒๒).หน้า๖๙

๒๐

พระราชบัญญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ไดเ้ ปิดโอกาสให้ชมุ ชนมีส่วนรว่ มใน
การจดั ทาหลักสูตรและบริหารจัดการให้เกดิ วัฒนธรรมการเรียนรทู้ กี่ ลมกลนื กับท้องถ่ิน และรว่ มกับ
สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรยี นรูข้ องผูเ้ รยี นโดยมีบทบาทดังน้ี

๑. มสี ว่ นรว่ มในการจดั ทาแผนพัฒนาสถานศึกษาหรือธรรมนญู ของสถานศึกษา
๒. มสี ่วนรว่ มในการกาหนดสาระของหลักสตู รสถานศกึ ษา เพื่อใหส้ อดคล้องกบั ความ
ตอ้ งการของชุมชนและสังคม
๓. เปน็ แหล่งการเรยี นรู้ สรา้ งเครือข่ายการเรยี นร้ใู ห้ผเู้ รยี นไดร้ ับประสบการณจ์ าก
สถานการณ์จรงิ
๔. ใหก้ ารสนับสนนุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ของสถานศึกษา
๕. มสี ่วนรว่ มในการตรวจสอบและประเมินผลการจดั การศึกษาของสถานศึกษา และ
ใหข้ อ้ เสนอแนะเพื่อการพฒั นาคณุ ภาพของสถานศึกษา
การมีส่วนร่วมของบุคลากรทุกฝ่ายทเ่ี ก่ียวขอ้ ง
การพัฒนาหลักสตู รสถานศกึ ษาจะประสบผลสาเรจ็ ได้ด้วยดี จะต้องไดร้ บั ความร่วมมอื และ
การมีส่วนรว่ มในการดาเนินงานจากบุคลากรทุกฝาุ ย ทง้ั ในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษาไมว่ ่าจะเป็น
ผู้บรหิ ารสถานศึกษา ครู นกั เรียน บิดามารดา ผู้ปกครอง และบคุ คลหรือหนว่ ยงานในชุมชน ได้แก่
องค์กรชุมชน องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน เอกชน องคก์ รเอกชน องค์กรวชิ าชีพ สถาบันศาสนา สถาน
ประกอบการและสถาบนั สังคมอ่ืน๑๗
พระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้กาหนดให้ประชาชนกลุ่มตา่ ง ๆ มสี ่วน
ร่วมในการจดั การศกึ ษาในลักษณะต่าง ๆ หลายลักษณะ โดยถือว่าการจดั การศึกษาเป็นภาระหนา้ ที่
สาหรบั ทุกคน การมสี ว่ นร่วมของประชาชนหรอื บคุ ลากรทุกฝุายอาจดาเนนิ การไดห้ ลายทาง ได้แก่
๑. การมีสว่ นร่วมเป็นกรรมการ
ผรู้ ับผดิ ชอบในการจัดการศึกษาของสถานศึกษาจะต้องทาความเข้าใจกับประชาชนที่มสี ทิ ธิ
เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการเก่ียวกบั การศึกษา ใหเ้ ข้าใจบทบาทหน้าที่ของตน เพราะการเป็กรรมการไมใ่ ช่
เรื่องของอภสิ ทิ ธส์ิ ว่ นตัว แต่เปน็ ภาระเพื่อประโยชนส์ ่วนรวม กรรมการมีหน้าท่ีกากบั ดูแล ใหผ้ บู้ ริหาร
สถานศกึ ษา ครู และบุคลากรทางการศึกษาทาหน้าท่ีของตนได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ เกิดประโยชนต์ ่อ
ผูเ้ รียน
ดงั น้นั กรรมการจงึ ตอ้ งมคี วามรูค้ วามเข้าใจเก่ียวกบั ระบบการเรียนการสอน การบรหิ าร
และการจัดการศึกษา ระบบการประกนั คณุ ภาพ การจดั ทาหลกั สตู ร การประเมินคณุ ภาพการศึกษา
การระดมทรพั ยากรการเงนิ และบุคคลเพอื่ สนับสนุนการจัดการศกึ ษา เป็นตน้ เพอ่ื ให้ผ้เู ข้าร่วมเปน็
กรรมการได้เข้าใจบทบาทหน้าทีอ่ ยา่ งจรงิ จัง สถานศึกษาควรจัดทาคมู่ ือการเป็นกรรมการและนาเสนอ
ผา่ นสื่อ การปฐมนิเทศ หรอื การฝึกอบรมสาหรับกรรมการท่ยี งั ขาดประสบการณ์ รวมท้งั มีการตดิ ตาม
ประเมนิ ผลการดาเนินงานของกรรมการดว้ ย
๒. การรว่ มจดั การศกึ ษา
พระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๕๗ กาหนดให้หน่วยงานการศึกษา
ระดมทรัพยากรบคุ คลในชุมชนให้มีส่วนร่วมในการจดั การศึกษา โดยนาประสบการณ์ ความรอบรู้

๑๗ บุญเกื้อ ควรหาเวช. นวัตกรรมการศึกษา (ปรับปรงุ ใหม)่ . พิมพ์คร้งั ท่ี ๔ (กรงุ เทพฯ : ศูนยห์ นงั สอื จฬุ าฯ,
๒๕๔๒).หนา้ ๕๓

๒๑

ความชานาญ และภูมิปัญญาทอ้ งถ่นิ ของบุคคลมาใช้ เพื่อให้เกิดประโยชนท์ างการศึกษาและยกย่องเชดิ ชู
ผทู้ สี่ ง่ เสริมและสนบั สนนุ การจดั การศึกษา

๓. การร่วมสนบั สนุนทรัพยากรเพ่ือการศึกษา
บคุ คล ครอบครวั ชมุ ชน องคก์ รชุมชน องคก์ รวิชาชีพ สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการ

และสถาบันสังคมอ่ืนจะรว่ มสนบั สนนุ การศึกษาไดโ้ ดยร่วมกนั ใหค้ วามรูห้ รือประสบการณใ์ นฐานะ
ทรพั ยากรบุคคลหรือภมู ปิ ญั ญาท้องถน่ิ หรือสนับสนุนโดยการบริจาคทรพั ยส์ นิ หรือทรัพยากรอื่นใหแ้ ก่
สถานศกึ ษา รวมท้งั การมสี ่วนร่วมรบั ภาระคา่ ใช้จา่ ย ทางการศึกษาตามความเหมาะสมและความจาเป็น
ดว้ ย

๔. การร่วมกากับดูแล
เนอ่ื งจากการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้กาหนด

เง่ือนไขใหม่ๆ เชน่ ครูและบคุ ลากรทางการศึกษาต้องทาหน้าทใ่ี ห้เหมาะสม สอดคลอ้ งกับจรรยาบรรณ
และมาตรฐานของวิชาชพี สถานศกึ ษาต้องมรี ะบบประกันคุณภาพ เป็นต้น ดังนน้ั ประชาชนจงึ ควรมี
สว่ นร่วมเรยี กร้องคณุ ภาพทางการศกึ ษาทเ่ี ป็นมาตรฐาน ทกั ท้วง ตกั เตือน หรือให้ข้อมลู เกี่ยวกบั ครแู ละ
บคุ ลากรทางการศึกษา รว่ มประเมินคุณภาพของบุคคล และสถานศึกษา รวมทั้งร่วมยกย่องเชิดชูเกียรติ
ครูและบคุ ลากรทางการศึกษาทเ่ี ปน็ แบบอย่างทดี่ ีของสังคมดว้ ย

หากบคุ ลากรในสถานศึกษาทุกคนได้ปฏิบัติหน้าทีข่ องตนในการบริหารจดั การหลกั สูตร
สถานศกึ ษาและการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาอย่างเต็มท่ี และเปดิ โอกาสให้บุคคลและหนว่ ยงานนอก
สถานศึกษาได้มสี ่วนร่วมในการจัดการศกึ ษา ท้ังในฐานะกรรมการสถานศกึ ษา วิทยากรหรือปราชญ์
ชาวบ้าน หรือในฐานะผู้ให้การสนับสนุนทรัพยากรทางการศกึ ษาและฐานะผูป้ ระเมินคุณภาพของ
สถานศึกษาแล้ว ยอ่ มเชื่อมนั่ ได้ว่าสถานศึกษานน้ั จะประสบผลสาเรจ็ ในการพฒั นาหลกั สูตรของ
สถานศกึ ษาและการพฒั นาคุณภาพของสถานศึกษา
๙. กฎหมายและมาตรฐานวิชาชพี ครู

๙.๑ มาตรฐานวิชาชีพครูของครุ สุ ภา
ประกอบด้วยมาตรฐาน ๓ ด้าน คอื มาตรฐานความรูแ้ ละประสบการณว์ ิชาชีพ มาตรฐานการ

ปฏิบัตงิ าน และมาตรฐานการปฏิบัตติ น (จรรยาบรรณของวิชาชีพ)
โดยจรรยาบรรณของวชิ าชีพได้มีการกาหนดแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวชิ าชพี

เพ่ือประมวลพฤตกิ รรมทเ่ี ปน็ ตวั อยา่ งของการประพฤตปิ ฏิบตั ิ ประกอบด้วย พฤติกรรมที่พงึ ประสงค์
และพฤตกิ รรมทีไ่ มพ่ ึงประสงค์๑๘

๑๘ พึงใจ สนิ ธวานนท.์ "หนว่ ยท่ี ๘ การฝึกทกั ษะการสอนแบบจุลภาค”, เอกสารปรการสอนชุดวชิ า
ประสบการณ์วชิ าชีพศึกษาศาสตร.์ (กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พช์ วนพิมพ์, ๒๕๒๖) หน้า๑๓๕

๒๒

๙.๒ มาตรฐานความรแู้ ละประสบการณว์ ิชาชีพ

มาตรฐานความรู้ มาตรฐานประสบการณ์วชิ าชพี

มคี ณุ วฒุ ไิ มต่ า่ กว่าปริญญาตรีทางการศึกษา หรอื ผา่ นการปฏิบตั ิการสอนในสถานศกึ ษาตาม
เทียบเท่า หรือคุณวุฒิอนื่ ท่ีคุรุสภารับรอง โดยมี หลักสูตร ปริญญาทางการศึกษา เป็นเวลาไมน่ ้อย

ความรู้ ดังต่อไปนี้ กว่าหนึง่ ปี และผ่านเกณฑ์การประเมนิ ปฏบิ ตั ิการ

๑) ความเปน็ ครู สอนตามหลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเงอื่ นไขที่
๒) ปรชั ญาการศึกษา คณะกรรมการคุรุสภากาหนด ดังตอ่ ไปน้ี

๓) ภาษาและวฒั นธรรม ๑) การฝกึ ปฏบิ ตั ิวชิ าชีพระหว่างเรียน

๔) จติ วทิ ยาสาหรับครู ๒) การปฏบิ ตั ิการสอนในสถานศึกษาในสาขาวิชา
๕) หลักสตู ร เฉพาะ

๖) การจดั การเรยี นรูแ้ ละการจัดการช้ันเรียน
๗) การวิจัยเพอื่ พัฒนาการเรียนรู้
๘) นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทาง

การศึกษา
๙) การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้
๑๐) การประกันคณุ ภาพการศึกษา

๑๑) คุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณ

๒๓

๑. มาตรฐานความรู้

มาตรฐานความรู้ สาระความรู้ สมรรถนะ

๑.ความเป็นครู (๑) สภาพงานครู คุณลักษณะ และ (๑) รอบรู้ในเน้ือหาวิชาที่สอนและกล

มาตรฐานวิชาชพี ครู ยุทธก์ ารสอน เพื่อใหผ้ ู้เรียนคิดวิเคราะห์

(๒) การปลกู ฝงั จิตวญิ ญาณความเปน็ ครู สงั เคราะห์ สรา้ งสรรค์ส่งิ ใหม่ ๆ ได้

(๓) กฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ครูและ (๒) แสวงหาและเลือกใชข้ ้อมูลขา่ วสาร

วชิ าชีพครู ความรูเ้ พ่ือให้ทันต่อการเปล่ยี นแปลง

(๔) การจัดการความร้เู กย่ี วกับวิชาชีพครู (๓) ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างครูกับผู้เรียนที่

(๕) การสรา้ งความกา้ วหน้าและพฒั นา สง่ เสริมการพัฒนาศักยภาพผ้เู รยี น

วิชาชพี ครอู ย่างต่อเน่อื ง (๔) มจี ิตวญิ ญาณความเปน็ ครู

๒. ปรชั ญาการศึกษา (๑) ปรชั ญา แนวคดิ และทฤษฎที างการ (๑) ประยุกตใ์ ช้เพื่อพัฒนาสถานศึกษา

ศกึ ษา ศาสนา เศรษฐกจิ สังคม วฒั นธรรม (๒) วเิ คราะห์เกีย่ วกบั การศกึ ษาเพื่อการ

(๒) แนวคดิ และกลวิธีการจัดการศึกษา เพือ่ พัฒนาทย่ี ่งั ยืน

เสรมิ สร้างการพัฒนาทย่ี งั่ ยืน

๓. ภาษาและวัฒนธรรม(๑) ภาษาและวฒั นธรรมไทยเพ่อื การเป็น (๑) สามารถใชท้ ักษะการฟงั การพูด

ครู การอ่าน การเขยี นภาษาไทย และ

(๒) ภาษาตา่ งประเทศเพื่อพัฒนาวิชาชพี ภาษาต่างประเทศ เพือ่ การสือ่

ครู ความหมายอย่างถูกต้อง

(๒) ใช้ภาษาและวฒั นธรรมเพ่ือการอยู่

รว่ มกนั อย่างสนั ติ

๔. จิตวทิ ยาสาหรบั ครู (๑) จติ วิทยาพ้นื ฐานและจิตวิทยา (๑) สามารถให้คาแนะนาชว่ ยเหลอื

พัฒนาการของมนษุ ย์ ผู้เรยี นให้มคี ณุ ภาพชีวติ ทีด่ ขี ึน้

(๒) จติ วิทยาการเรยี นรแู้ ละจิตวทิ ยา (๒) ใช้จติ วทิ ยาเพื่อความเขา้ ใจและ

การศกึ ษา สนบั สนุนการเรียนรขู้ องผู้เรยี นใหเ้ ต็ม

(๓) จิตวิทยาการแนะแนวและการให้ ศกั ยภาพ

คาปรกึ ษา

๕. หลักสูตร (๑) หลักการ แนวคดิ ในการจัดทา (๑) วเิ คราะหห์ ลักสูตรและสามารถ
หลักสูตร
(๒) การนาหลกั สูตรไปใช้ จดั ทาหลกั สูตรได้
(๓) การพัฒนาหลกั สตู ร (๒) ปฏบิ ัติการประเมินหลกั สูตรและนา
ผลการประเมนิ ไปใช้ในการพัฒนา

หลักสตู ร

๖. การจดั การเรียนรู้ (๑) หลักการ แนวคิด แนวปฏิบตั ิเกี่ยวกบั การ (๑) สามารถจดั ทาแผนการเรียนรู้

และการจดั การช้ัน จดั ทาแผนการเรียนรู้ การจัดการเรยี นรู้ และ และนาไปสู่การปฏิบตั ิใหเ้ กิดผล

เรยี น ส่ิงแวดลอ้ มเพื่อการเรยี นรู้ จรงิ

(๒) ทฤษฎีและรูปแบบการจดั การเรียนรู้ (๒) สามารถสร้างบรรยากาศการ

เพอ่ื ให้ผเู้ รียนรจู้ กั คิดวเิ คราะห์ คิดสรา้ งสรรค์ จดั การชั้นเรียนให้ผเู้ รียนเกดิ การ

๒๔

และแก้ปัญหาได้ เรียนรู้

(๓) การบูรณาการการเรียนรแู้ บบเรยี นรวม

(๔) การจดั การชนั้ เรียน

(๕) การพัฒนาศนู ยก์ ารเรยี นในสถานศกึ ษา

๗. การวจิ ัยเพื่อ (๑) หลกั การ แนวคิด แนวปฏิบตั ิในการวจิ ยั (๑) สามารถนาผลการวจิ ัยไปใช้
พัฒนาการเรยี นรู้ (๒) การใช้และผลติ งานวจิ ัยเพ่ือพัฒนาการ ในการจดั การเรยี นการสอน
เรยี นรู้ (๒) สามารถทาวจิ ยั เพอื่

พัฒนาการเรียนการสอนและ
พฒั นาผ้เู รยี น

๘. นวัตกรรมและ (๑) หลักการ แนวคดิ การออกแบบ การ (๑) ประยกุ ต์ใช้ และประเมินสื่อ
เทคโนโลยี ประยกุ ต์ใช้ และการประเมนิ ส่อื นวัตกรรม นวัตกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศ
สารสนเทศทาง เทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการเรยี นรู้ เพอ่ื การเรียนรู้
การศึกษา (๒) เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการสอื่ สาร (๒) สามารถใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศเพื่อการส่ือสาร

๙. การวัดและ (๑) หลกั การ แนวคดิ และแนวปฏบิ ตั ิในการ (๑) สามารถวดั และประเมนิ ผล
ประเมินผลการ วดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ของผู้เรียน ได้

เรยี นรู้ (๒) ปฏบิ ตั ิการวัดและการประเมนิ ผล (๒) สามารถนาผลการประเมินไป
ใช้ในการพัฒนาผ้เู รียน

๑๐. การประกนั (๑) หลกั การ แนวคิด แนวปฏิบัตเิ ก่ยี วกบั การ (๑) สามารถจัดการคุณภาพการ

คุณภาพการศึกษา จัดการคณุ ภาพการศกึ ษา จดั กิจกรรมการเรยี นรูแ้ ละพัฒนา

(๒) การประกันคุณภาพการศึกษา คุณภาพการเรยี นรู้

อย่างต่อเนื่อง

(๒) สามารถดาเนินการจดั

กจิ กรรมประเมนิ คณุ ภาพการจดั
กิจกรรมการเรียนรู้ได้

๑๑. คุณธรรม (๑) หลกั ธรรมาภบิ าล และความซ่ือสัตยส์ จุ ริต (๑) ปฏิบตั ิตนเป็นแบบอยา่ งที่ดี
จริยธรรม และ (๒) คณุ ธรรม และจริยธรรมของวิชาชพี ครู มจี ิตสานกึ สาธารณะ และ
จรรยาบรรณ (๓) จรรยาบรรณของวิชาชพี ทคี่ ุรุสภากาหนด เสยี สละให้สงั คม

(๒) ปฏบิ ตั ิตนตามจรรยาบรรณ
ของวชิ าชีพ

๒. มาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพครู

มาตรฐาน

ประสบการณ์ สาระการฝกึ สมรรถนะ

วิชาชีพครู

๑๒. การฝกึ ปฏบิ ตั ิ (๑) การสังเกตการจัดการเรยี นรู้ (๑) สามารถจดั ทาแผนการจัดการ

วชิ าชพี ระหวา่ ง (๒) การจดั ทาแผนการจดั การเรียนรูใ้ ห้ผู้เรียน เรียนรู้ เพอื่ จุดประสงค์การสอนท่ี

๒๕

เรียน สรา้ งความร้ดู ้วยตนเอง หลากหลาย

(๓) การทดลองสอนในสถานการณ์จาลอง และ (๒) สามารถปฏบิ ตั ิการสอน ออกแบบ

สถานการณ์จรงิ ทดสอบ วัดและประเมินผลผ้เู รยี น

(๔) การออกแบบทดสอบ ข้อสอบหรือ
เคร่ืองมือวดั ผล

(๕) การตรวจข้อสอบ การให้คะแนน และการ

ตดั สินผลการเรียน
(๖) การสอบภาคปฏิบตั ิและการใหค้ ะแนน

(๗) การวจิ ัยแกป้ ัญหาผเู้ รยี น

(๘) การพฒั นาความเปน็ ครูมืออาชพี

๑๓. การปฏิบตั ิการ (๑) การปฏบิ ตั ิการสอนวิชาเอก (๑) สามารถจัดการเรยี นร้ใู นสาขา

สอนในสถานศึกษา (๒) การวัดและประเมนิ ผล และนาผลไป วิชาเอก (๒) สามารถประเมนิ

ในสาขาวชิ าเฉพาะ ใชใ้ นการพฒั นาผ้เู รยี น ปรับปรงุ และศึกษาวิจยั เพื่อพัฒนา

(๓) การวิจัยเพื่อพัฒนาผเู้ รยี น ผู้เรียน

(๔) การแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ หรอื แบง่ ปนั (๓) ปฏบิ ัติงานอื่นท่ไี ด้รบั มอบหมาย

ความรใู้ นการสัมมนาการศึกษา

๙.๓ มาตรฐานการปฏิบัตงิ าน
มาตรฐานท่ี ๑ ปฏิบัติกจิ กรรมทางวชิ าการเกีย่ วกบั การพัฒนาวิชาชพี ครอู ยเู่ สมอ หมายถึง

การศึกษาคน้ คว้าเพ่ือพฒั นาตนเอง การเผยแพรผ่ ลงานทางวิชาการ และการเข้าร่วมกจิ กรรมทาง
วชิ าการที่องคก์ ารหรือหน่วยงาน หรอื สมาคมจัดขนึ้ เช่น การประชมุ การอบรม การสมั มนา และการ
ประชมุ ปฏบิ ัติการ เปน็ ต้น ท้ังน้ีตอ้ งมีผลงานหรือรายงานท่ีปรากฏชัดเจน

มาตรฐานที่ ๒ ตัดสนิ ใจปฏิบัตกิ ิจกรรมต่าง ๆ โดยคานึงถึงผลท่จี ะเกิดแกผ่ ูเ้ รียน หมายถึง
การเลอื กอย่างชาญฉลาด ดว้ ยความรกั และหวงั ดีต่อผเู้ รียน ดงั น้ัน ในการเลอื กกิจกรรมการเรยี นการ
สอนและกิจกรรมอ่นื ๆ ครูต้องคานงึ ถึงประโยชน์ท่ีจะเกิดแกผ่ เู้ รยี นเป็นหลกั

มาตรฐานที่ ๓ มุ่งมั่นพัฒนาผ้เู รียนได้เตม็ ตามศกั ยภาพ หมายถงึ การใชค้ วามพยายามอยา่ ง
เตม็ ความสามารถของครูทจ่ี ะใหผ้ ูเ้ รยี นเกิดการเรยี นรู้ ให้มากที่สุด ตามความถนดั ความสนใจ ความ
ตอ้ งการ โดยวเิ คราะหว์ ินิจฉัยปัญหาความต้องการท่ีแทจ้ รงิ ของผเู้ รียน ปรบั เปลย่ี นวิธีการสอนทีจ่ ะให้
ไดผ้ ลดกี วา่ เดิม รวมท้ังการส่งเสรมิ พฒั นาการดา้ นตา่ ง ๆ ตามศักยภาพของผู้เรยี นแตล่ ะคนอยา่ งเปน็
ระบบ

มาตรฐานท่ี ๔ พัฒนาแผนการสอนให้สามารถปฏิบตั ไิ ดเ้ กดิ ผลจริง หมายถึง การเลือกใช้
ปรับปรุง หรอื สร้างแผนการสอน บนั ทึกการสอน หรือเตรียมการสอนในลกั ษณะอื่น ๆ ที่สามารถ
นาไปใชจ้ ัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน ใหผ้ ูเ้ รียนบรรลวุ ัตถุประสงคข์ องการเรียนรู้

มาตรฐานท่ี ๕ พัฒนาสอ่ื การเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ
หมายถึง การประดษิ ฐ์ คดิ ค้น ผลติ เลือกใช้ ปรับปรงุ เคร่อื งมืออปุ กรณ์ เอกสารส่ิงพิมพ์ เทคนคิ วธิ ีการ
ต่าง ๆ เพื่อใหผ้ ู้เรียนบรรลจุ ุดประสงค์ของการเรียนรู้

มาตรฐานที่ ๖ จัดกิจกรรมการเรยี นการสอนโดยเน้นผลถาวรท่ีเกดิ แก่ผ้เู รยี น หมายถึง การ
จดั การเรียนการสอนทีม่ ุง่ เน้นให้ผูเ้ รยี นประสบผลสาเร็จในการแสวงหาความรู้ ตามสภาพความแตกตา่ ง

๒๖

ของบุคคลดว้ ยการปฏบิ ัตจิ รงิ และสรุปความร้ทู ้ังหลายได้ดว้ ยตนเองก่อใหเ้ กิดค่านิยมและนิสัยในการ
ปฏิบัติจนเป็นบคุ ลิกภาพถาวรติดตัวผเู้ รยี นตลอดไป

มาตรฐานที่ ๗ รายงานผลการพฒั นาคุณภาพของผเู้ รียนได้อยา่ งมีระบบ หมายถงึ การ
รายงานผลการพฒั นาผเู้ รยี นที่เกิดจากการปฏบิ ัติการเรียนการสอนให้ครอบคลุมสาเหตุ ปัจจัย และการ
ดาเนินงานที่เกี่ยวขอ้ ง โดยครูนาเสนอรายงานการปฏิบัตใิ นรายละเอยี ด ดังนี้

๑) ปญั หาความต้องการของผ้เู รียนทีต่ ้องไดร้ บั การพัฒนา และเปูาหมายของการพฒั นาผเู้ รียน
๒) เทคนคิ วธิ กี าร หรอื นวตั กรรมการเรียนการสอนท่ีนามาใชเ้ พ่ือการพัฒนาคณุ ภาพของผ้เู รียน
และขั้นตอนวธิ ีการใช้เทคนิควิธีการหรือนวตั กรรมน้ัน ๆ
๓) ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนตามวิธกี ารทกี่ าหนด ท่ีเกดิ กับผ้เู รียน
๔) ขอ้ เสนอแนะแนวทางใหม่ ๆ ในการปรบั ปรุงและพัฒนาผ้เู รยี นให้ได้ผลดีย่งิ ขนึ้
มาตรฐานที่ ๘ ปฏบิ ัติตนเปน็ แบบอยา่ งท่ดี แี กผ่ ้เู รียน หมายถงึ การแสดงออกการประพฤติ
และปฏิบตั ิในด้านบุคลกิ ภาพทัว่ ไป การแต่งกาย กิรยิ า วาจา และจรยิ ธรรมที่เหมาะสมกับความเปน็ ครู
อยา่ งสมา่ เสมอ ท่ีทาใหผ้ ูเ้ รยี นเลื่อมใสศรัทธา และถือเป็นแบบอยา่ ง
มาตรฐานท่ี ๙ รว่ มมอื กับผู้อื่นในสถานศึกษาอยา่ งสร้างสรรค์ หมายถงึ การตระหนักถึง
ความสาคญั รบั ฟังความคดิ เห็น ยอมรับในความรูค้ วามสามารถ ใหค้ วามรว่ มมือในการปฏิบัติกจิ กรรม
ตา่ ง ๆ ของเพ่ือนร่วมงานด้วยความเตม็ ใจ
มาตรฐานท่ี ๑๐ ร่วมมือกบั ผู้อน่ื ในชุมชนอย่างสรา้ งสรรค์ หมายถึง การตระหนักถึง
ความสาคญั รบั ฟังความคิดเห็น ยอมรับในความรู้ความสามารถ ของบุคคลอ่ืนในชุมชน และร่วมมือ
ปฏิบตั ิงานเพ่ือพฒั นางานของสถานศึกษา ใหช้ มุ ชนและสถานศึกษามีการยอมรบั ซ่งึ กันและกนั และ
ปฏิบัตงิ านร่วมกนั ด้วยความเตม็ ใจ
มาตรฐานท่ี ๑๑ แสวงหาและใชข้ ้อมลู ขา่ วสารในการพฒั นา หมายถึง การคน้ หา สงั เกต
จดจา และรวบรวมข้อมูลข่าวสารตามสถานการณข์ องสงั คมทกุ ด้าน โดยเฉพาะสารสนเทศเกย่ี วกบั
วิชาชพี ครู สามารถวิเคราะห์ วิจารณ์อยา่ งมีเหตุผล และใช้ข้อมลู ประกอบการแกป้ ัญหา พัฒนาตนเอง
พฒั นางาน และพัฒนาสังคมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
มาตรฐานที่ ๑๒ สร้างโอกาสให้ผู้เรยี นไดเ้ รียนรใู้ นทุกสถานการณ์ หมายถึง การสรา้ ง
กจิ กรรมการเรยี นร้โู ดยการนาเอาปญั หาหรือความจาเปน็ ในการพฒั นาตา่ งๆ ทีเ่ กิดขน้ึ ในการเรยี นและ
การจัดกิจกรรมอน่ื ๆ ในโรงเรียนมากาหนดเป็นกจิ กรรมการเรียนรู้ เพอื่ นาไปสูก่ ารพัฒนาของผู้เรียนท่ี
ถาวร เป็นแนวทางในการแกป้ ัญหาของครูอีกแบบหนง่ึ ทีจ่ ะนาเอาวิกฤติต่างๆ มาเปน็ โอกาส ในการ
พฒั นา ครจู าเปน็ ต้องมองมุมต่างๆ ของปญั หาแลว้ ผันมุมของปญั หาไปในทางการพัฒนา กาหนดเปน็
กจิ กรรมในการพัฒนาของผู้เรียน ครูจึงต้องเปน็ ผู้มองมมุ บวกในสถานการณ์ต่างๆ ได้ กลา้ ท่ีจะเผชญิ กับ
ปัญหาต่าง ๆ มีสติในการแก้ปัญหา มไิ ดต้ อบสนองปัญหาต่างๆ ดว้ ยอารมณ์หรือแง่มมุ แบบตรงตัว ครู
สามารถมองหักมมุ ในทุกๆ โอกาส มองเหน็ แนวทางทนี่ าสู่ผลกา้ วหน้าของผู้เรียน
๙.๔ มาตรฐานการปฏิบตั ติ น (จรรยาบรรณของวชิ าชพี )๑๙
จรรยาบรรณต่อตนเอง
๑. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ
และวิสัยทศั น์ ใหท้ นั ตอ่ การพัฒนาทางวิทยาการ เศรษฐกจิ สงั คม และการเมอื งอยู่เสมอ

๑๙ ไพฑูรย์ สนิ ลารัตน์. หลกั และวธิ สี อนระดับอุดมศกึ ษา. (กรงุ เทพมหานคร : ไทยวฒั นาพานชิ , ๒๕๒๔).
หนา้ ๘๙

๒๗

จรรยาบรรณตอ่ วิชาชีพ
๒. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศกึ ษา ต้องรัก ศรัทธา ซ่ือสตั ย์สจุ รติ รบั ผิดชอบตอ่ วชิ าชีพ และ

เป็นสมาชกิ ทด่ี ขี ององค์กรวิชาชพี

จรรยาบรรณตอ่ ผู้รับบรกิ าร

๓. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริม ให้กาลังใจแก่
ศิษยแ์ ละผรู้ ับบริการ ตามบทบาทหน้าที่โดยเสมอหน้า

๔. ผู้ประกอบวชิ าชีพทางการศึกษา ต้องส่งเสริมให้เกดิ การเรียนรู้ ทกั ษะ และนิสัยที่ถูกต้องดี
งามแก่ศษิ ย์และผ้รู ับบริการ ตามบทบาทหน้าที่อย่างเต็มความสามารถด้วยความบริสุทธิ์ใจ

๕. ผู้ประกอบวชิ าชีพทางการศกึ ษา ต้องประพฤติตนเป็นแบบอยา่ งท่ีดี ท้ังทางกาย วาจา และ

จติ ใจ
๖. ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศึกษา ต้องไมก่ ระทาตนเปน็ ปฏิปักษต์ อ่ ความเจริญทางกาย

สติปญั ญา จติ ใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์และผรู้ ับบริการ

๗. ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษา ต้องให้บริการด้วยความจรงิ ใจและเสมอภาค โดยไม่เรยี ก
รับหรือยอมรับผลประโยชน์จากการใช้ตาแหน่งหน้าทโ่ี ดยมิชอบ

จรรยาบรรณต่อผูร้ ่วมประกอบวิชาชีพ

๘. ผ้ปู ระกอบวชิ าชีพทางการศึกษา พงึ ชว่ ยเหลอื เกื้อกลู ซ่ึงกันและกนั อย่างสรา้ งสรรค์ โดยยดึ
มนั่ ในระบบคุณธรรมสรา้ งความสามัคคใี นหมู่คณะ

จรรยาบรรณต่อสังคม

๙. ผู้ประกอบวชิ าชีพทางการศกึ ษา พงึ ประพฤตปิ ฏิบตั ติ นเป็นผนู้ าในการอนุรักษ์และพัฒนา
เศรษฐกิจ สงั คม ศาสนา ศิลปวฒั นธรรม ภูมปิ ญั ญา สง่ิ แวดลอ้ ม รกั ษาผลประโยชนข์ องส่วนรวมและยดึ
มั่นในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมขุ

๙.๕ การจาแนกพฤตกิ รรมที่พึง/ไมพ่ ึงประสงค์
จรรยาบรรณต่อตนเอง
๑. ครตู อ้ งมวี ินยั ในตนเอง พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ และวสิ ยั ทัศน์ ให้ทันต่อการ

พฒั นาทางวทิ ยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอยู่เสมอ โดยต้องประพฤติและละเว้นการประพฤติ
ตามแบบแผนพฤติกรรม ดังตัวอย่างตอ่ ไปนี้

พฤติกรรมทพ่ี ึงประสงค์ พฤตกิ รรมทีไ่ ม่พึงประสงค์

(๑) ประพฤติตนเหมาะสมกับสถานภาพและเป็น (๑) เกี่ยวข้องกับอบายมุขหรือเสพสิ่งเสพติดจนขาด

แบบอยา่ งทดี่ ี สติหรือแสดงกิริยาไม่สุภาพเป็นที่น่ารังเกียจใน

(๒) ประพฤติตนเป็นแบบอย่างท่ีดีในการดาเนิน สงั คม

ชีวติ ตามประเพณแี ละวฒั นธรรมไทย (๒) ประพฤติผิดทางชู้สาวหรือมีพฤติกรรมล่วง

(๓) ปฏิบัติงานตามหน้าที่ท่ีได้รับมอบหมาย ให้ ละเมิดทางเพศ

สาเร็จอยา่ งมคี ุณภาพตามเปาู หมายท่ีกาหนด (๓) ขาดความรับผิดชอบ ความกระตือรือร้น ความ
(๔) ศึกษา หาความรู้ วางแผนพัฒนาตนเอง พัฒนา เอาใจใส่ จนเกดิ ความเสียหายในการปฏบิ ัติงาน

งาน และสะสมผลงานอย่างสมา่ เสมอ ตามหนา้ ท่ี

(๕) ค้นคว้า แสวงหา และนาเทคนิคด้านวิชาชีพ ท่ี (๔) ไม่รับรู้หรือไม่แสวงหาความรู้ใหม่ ๆ ในการ

พัฒนาและก้าวหน้าเป็นที่ยอมรับมาใช้แก่ศิษย์ จัดการเรียนรู้ และการปฏบิ ตั ิหน้าท่ี

และผ้รู บั บริการใหเ้ กดิ ผลสมั ฤทธิ์ที่พงึ ประสงค์ (๕) ขดั ขวางการพฒั นาองค์การจนเกิดผลเสยี หาย

๒๘

จรรยาบรรณตอ่ วชิ าชีพ
๒. ครูตอ้ งรกั ศรัทธา ซื่อสตั ย์สุจรติ รับผิดชอบตอ่ วชิ าชพี และเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชพี

โดยตอ้ งประพฤติและละเวน้ การประพฤตติ ามแบบแผนพฤติกรรม ดังตัวอย่างต่อไปน้ี

พฤตกิ รรมท่ีพงึ ประสงค์ พฤตกิ รรมท่ไี ม่พึงประสงค์

(๑) แสดงความชืน่ ชมและศรัทธาในคณุ ค่าของวชิ าชีพ (๑) ไม่แสดงความภาคภมู ใิ จในการประกอบ

(๒) รักษาชอ่ื เสียงและปกปูองศักดิ์ศรแี หง่ วิชาชพี วิชาชพี

(๓) ยกย่องและเชิดชูเกยี รตผิ ู้มผี ลงานในวชิ าชีพ ให้ (๒) ดหู มิ่น เหยียดหยาม ให้ร้ายผ้รู ่วม

สาธารณชนรับรู้ ประกอบวิชาชีพศาสตรใ์ นวิชาชีพ หรอื

(๔) อทุ ศิ ตนเพ่ือความกา้ วหน้าของวิชาชีพ องค์กรวิชาชพี

(๕) ปฏิบตั ิหน้าท่ีดว้ ยความรับผิดชอบ ซ่ือสตั ยส์ จุ รติ (๓) ประกอบการงานอน่ื ทีไ่ ม่เหมาะสมกับ

ตามกฎ ระเบยี บ และแบบแผนของทางราชการ การเป็นผูป้ ระกอบวชิ าชีพทางการ

(๖) เลอื กใชห้ ลักวิชาท่ีถูกต้อง สร้างสรรค์ ศกึ ษา

เทคนคิ วิธีการใหม่ ๆ เพื่อพฒั นาวชิ าชีพ (๔) ไม่ซ่ือสัตย์สุจรติ ไมร่ ับผิดชอบ หรอื ไม่

(๗) ใชอ้ งค์ความรหู้ ลากหลายในการปฏิบัตหิ นา้ ท่ี และ ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ หรอื แบบแผน
แลกเปลย่ี นเรียนรู้กับสมาชกิ ในองค์การ ของทางราชการจนกอ่ ให้เกิดความ

(๘) เขา้ รว่ มกจิ กรรมของวชิ าชพี หรือองค์กรวชิ าชีพอยา่ ง เสียหาย

สรา้ งสรรค์ (๕) คัดลอกหรือนาผลงานของผู้อ่นื มาเป็น
ของตน

(๖) ใช้หลกั วชิ าการที่ไมถ่ ูกต้องในการ

ปฏิบตั ิวชิ าชีพส่งผลให้ศิษยห์ รอื
ผรู้ ับบรกิ ารเกดิ ความเสยี หาย

(๗) ใชค้ วามรูท้ างวชิ าการ วิชาชีพ หรือ

อาศยั องค์กรวิชาชีพแสวงหาประโยชน์
เพ่อื ตนเองหรือผ้อู นื่ โดยมชิ อบ

จรรยาบรรณตอ่ ผรู้ ับบรกิ าร
๓. ครูต้องรกั เมตตา เอาใจใส่ ชว่ ยเหลอื ส่งเสริม ให้กาลังใจแก่ศษิ ย์และผรู้ บั บรกิ าร ตาม

บทบาทหนา้ ท่ีโดยเสมอหนา้
๔. ครูต้องสง่ เสรมิ ใหเ้ กิดการเรยี นรู้ ทักษะ และนสิ ัยที่ถกู ต้องดงี ามแก่ศิษย์และ

ผรู้ ับบรกิ าร ตามบทบาทหน้าที่อย่างเต็มความสามารถด้วยความบรสิ ุทธิใ์ จ
๕. ครูต้องประพฤตติ นเปน็ แบบอย่างที่ดี ทง้ั ทางกาย วาจา และจิตใจ
๖. ครูตอ้ งไม่กระทาตนเป็นปฏปิ กั ษต์ ่อความเจริญทางกาย สตปิ ัญญา จติ ใจ อารมณ์ และสังคม

ของศษิ ย์และผ้รู ับบรกิ าร
๗. ครูตอ้ งให้บรกิ ารด้วยความจริงใจและเสมอภาค โดยไม่เรียกรบั หรือยอมรบั ผลประโยชน์

จากการใชต้ าแหน่งหน้าที่โดยมชิ อบ
โดยตอ้ งประพฤติและละเวน้ การประพฤติตามแบบแผนพฤติกรรม ดังตัวอยา่ งตอ่ ไปนี้

๒๙

พฤติกรรมท่ีพงึ ประสงค์ พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์

(๑) ใหค้ าปรึกษาหรือช่วยเหลือศษิ ย์และ (๑) ลงโทษศิษย์อย่างไมเ่ หมาะสม

ผรู้ บั บรกิ ารด้วยความเมตตากรณุ าอย่างเตม็ (๒) ไม่ใสใ่ จหรือไม่รับรปู้ ัญหาของศิษย์หรือผรู้ ับบริการ

กาลงั ความสามารถและเสมอภาค จนเกิดผลเสยี หายต่อศิษย์หรือผู้รบั บรกิ าร

(๒) สนับสนนุ การดาเนินงานเพ่อื ปกปอู งสิทธิเดก็ (๓) ดหู ม่นิ เหยียดหยามศษิ ย์หรอื ผ้รู บั บรกิ าร

เยาวชน และผ้ดู ้อยโอกาส (๔) เปิดเผยความลบั ของศิษย์หรอื ผรู้ ับบรกิ ารเป็นผลให้

(๓) ตง้ั ใจ เสยี สละ และอุทิศตนในการปฏบิ ัติ ไดร้ ับความอับอายหรือเสอื่ มเสียช่อื เสียง

หน้าท่ี เพอ่ื ใหศ้ ิษยแ์ ละผ้รู บั บริการไดร้ บั การ (๕) จงู ใจ โนม้ นา้ ว ยุยงสง่ เสรมิ ใหศ้ ิษย์หรือผู้รับบริการ

พัฒนาตามความสามารถ ความถนดั และ ปฏิบตั ขิ ัดต่อศลี ธรรมหรือกฎระเบยี บ

ความสนใจของแตล่ ะบคุ คล (๖) ชักชวนใช้จ้างวานศิษย์หรอื ผูร้ ับบริการให้

(๔) สง่ เสริมใหศ้ ิษย์และผรู้ ับบริการสามารถ จัดซ้อื จดั หาส่ิงเสพติดหรือเขา้ ไปเกย่ี วข้องกบั

แสวงหาความรไู้ ด้ดว้ ยตนเองจาก อบายมุข
สื่อ อปุ กรณ์ และ แหล่งเรียนรู้อยา่ ง (๗) เรียกร้องผลตอบแทนจากศิษยห์ รอื ผรู้ ับบริการใน
หลากหลาย
งานตามหน้าที่ทตี่ อ้ งใหบ้ ริการ

(๕) ใหศ้ ิษย์และผูร้ บั บริการ มีส่วนรว่ มวางแผนการ
เรยี นรู้ และเลือกวิธกี ารปฏบิ ัติที่เหมาะสม

กับตนเอง

(๖) เสรมิ สรา้ งความภาคภูมิใจให้แก่ศิษยแ์ ละ
ผรู้ ับบรกิ ารด้วยการรับฟังความคดิ เหน็ ยก

ย่อง ชมเชย และให้กาลงั ใจอย่างกลั ยาณมิตร

จรรยาบรรณตอ่ ผู้รว่ มประกอบวิชาชีพ

๘. ครพู ึงชว่ ยเหลือเกือ้ กลู ซึ่งกันและกนั อยา่ งสรา้ งสรรค์ โดยยดึ ม่นั ในระบบคณุ ธรรม สรา้ งความ

สามัคคใี นหมู่คณะ โดยพงึ ประพฤติและละเว้นการประพฤตติ ามแบบแผนพฤติกรรม ดังตวั อย่างตอ่ ไปนี้

พฤตกิ รรมที่พึงประสงค์ พฤตกิ รรมทไี่ ม่พึงประสงค์

(๑) เสยี สละ เออื้ อาทร และให้ความชว่ ยเหลือผู้ (๑) ปิดบงั ข้อมลู ขา่ วสารในการปฏิบตั งิ าน จนทาให้

ร่วมประกอบวิชาชีพ เกิดความเสยี หายต่องานหรอื ผรู้ ่วมประกอบวชิ าชพี

(๒) มีความรัก ความสามัคคี และร่วมใจกนั ผนึก (๒) ปฏเิ สธความรับผิดชอบ โดยตาหนิ ใหร้ า้ ยผู้อืน่ ใน

กาลงั ในการพัฒนาการศึกษา ความบกพรอ่ งทเี่ กิดขึ้น

(๓) สรา้ งกลุม่ อิทธพิ ลภายในองค์การหรือกลน่ั แกล้ง ผู้

ร่วมประกอบวิชาชพี ให้เกิดความเสยี หาย
(๔) เจตนาให้ข้อมลู เท็จทาให้เกดิ ความเข้าใจผดิ หรอื

เกดิ ความเสยี หายต่อผูร้ ว่ มประกอบวิชาชพี

(๕) วพิ ากษ์ วิจารณ์ผู้รว่ มประกอบวชิ าชพี ในเรื่องที่
ก่อให้เกดิ ความเสียหายหรอื แตกความสามัคคี

จรรยาบรรณตอ่ สงั คม

๙. ครพู ึงประพฤตปิ ฏบิ ัตติ นเปน็ ผู้นาในการอนรุ ักษ์และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา

๓๐

ศลิ ปวัฒนธรรม ภมู ปิ ญั ญา สิ่งแวดล้อม รกั ษาผลประโยชน์ของส่วนรวมและยดึ ม่ันในการปกครอง
ระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ โดยพึงประพฤติและละเว้นการประพฤตติ าม
แบบแผนพฤตกิ รรม ดงั ตัวอย่างต่อไปนี้

พฤตกิ รรมที่พงึ ประสงค์ พฤติกรรมท่ไี ม่พึงประสงค์

(๑) ยดึ มั่น สนบั สนนุ และส่งเสรมิ การปกครอง (๑) ไม่ให้ความร่วมมือหรือสนับสนนุ กิจกรรมของ

ระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตริย์ ชุมชนทจ่ี ดั เพื่อประโยชนต์ อ่ การศึกษาท้งั

ทรงเป็นประมขุ ทางตรงหรือทางอ้อม

(๒) นาภูมิปญั ญาท้องถิ่นและศลิ ปวฒั นธรรมมา (๒) ไม่แสดงความเป็นผนู้ าในการอนุรักษ์หรอื พฒั นา

เปน็ ปจั จัยในการจัดการศึกษาให้เปน็ เศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศลิ ปวฒั นธรรมภมู ิ

ประโยชน์ต่อสว่ นรวม ปัญญาหรอื สงิ่ แวดล้อม

(๓) จัดกจิ กรรมสง่ เสรมิ ใหศ้ ิษย์เกดิ การเรยี นรแู้ ละ (๓) ไม่ประพฤติตนเปน็ แบบอย่างทดี่ ีในการอนุรักษ์

สามารถดาเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจ หรอื พฒั นาสง่ิ แวดล้อม

พอเพียง (๔) ปฏิบตั ิตนเปน็ ปฏิปกั ษ์ต่อวัฒนธรรมอันดีงามของ

(๔) เป็นผนู้ าในการวางแผนและดาเนนิ การเพ่ือ ชุมชนหรอื สงั คม
อนุรักษส์ ่ิงแวดล้อมพัฒนาเศรษฐกจิ ภูมิ

ปัญญาท้องถนิ่ และศิลปวัฒนธรรม

๓๑

แบบฝึกหัดทา้ ยบท

ตอนที่ ๑ ข้อสอบแบบปรนัย จานวน ๑๐ ข้อ

คาช้แี จง ให้ทาเคร่ืองหมาย × ลงบนขอ้ ท่ีถูกต้องท่ีสดุ

๑. ขอ้ ใดให้ ความหมายของการจัดการเรยี นร้ทู ี่ถูกที่สดุ

ก. วธิ ีการใดกต็ ามท่ีผู้สอนนามาใชเ้ พื่อให้ผูเ้ รียนเกิดการเรียนรู้

ข. การเรยี นการสอน

ค. ทกั ษะการสอน

ง. หลกั การเรียนการสอน

๒. ข้อใดไม่ใช่กิจกรรมในแง่มุมตา่ งๆ ของการจัดการเรยี นรู้

ก. ดา้ นหลักสตู ร ข. ด้านการจดั การเรียนรู้

ค. ดา้ นการวัดผล ง. ดา้ นกิจกรรม

๓. กลวธิ แี ละรูปเล่มที่ใชเ้ สรมิ กระบวนการสอน ข้นั ตอนหรือกระบวนการตา่ งๆ เป็นความหมายของข้อ

ใด

ก. เทคนคิ ข. วิธกี าร

ค. การจดั การเรียนรู้ ง. การสอน

๔. ขอ้ ใดคือจดุ มุ่งหมายของการจัดการเรยี นการสอนมากท่ีสุด

ก. เพ่ือสรา้ งประโยชนแ์ กผ่ ู้ศกึ ษา

ข. เพ่อื ใหผ้ ้ศู ึกษานาไปประยุกต์ใช้ได้

ค. เพื่อจดั บรรยากาศของการเรียนใหเ้ ป็นที่น่าสนใจ

ง. เพอ่ื เตรยี มความพร้อมทัง้ ผู้สอนและผเู้ รียน

๕. ข้อใดกล่าวถูกตอ้ งทส่ี ุด

ก. ทักษะการเร้าความสนใจเพือ่ ใหเ้ ด็กรกั ในการเรียนมากขนึ้

ข. ทักษะการใช้คาถามเพ่ือเพิ่มความสนใจในการเรยี น

ค. ทักษะการใชอ้ ุปกรณ์การสอนทาให้ผ้เู รยี นสามารถจดจาเร่ืองราวตา่ งๆไดน้ าน

ง. ทกั ษะการสรุปบทเรียนเพ่อื เปน็ การอธบิ ายเพ่ิมเตมิ

๖. ขอ้ ใด ไม่ใช่กระบวนการสร้างวิสัยทศั น์

ก.ข้นั เตรยี มการ ข.ข้นั ดาเนนิ การสร้างวสิ ัยทัศน์

ค. ขน้ั นาวสิ ยั ทัศนไ์ ปปฏิบัติ ง. ขัน้ สรปุ

๗. ข้อใด ไม่ใช่แผนพัฒนาการศึกษาแหง่ ชาติ ฉบับท่ี ๘

ก. เพอ่ื เปน็ การพฒั นาเยาวชน

ข.เปน็ การศกึ ษาท่มี ุ่งพัฒนามนุษยท์ สี่ มบรู ณ์

ค. เป็นการศกึ ษาท่สี อดคล้องกับวถิ ีชีวติ และความต้องการของบุคคล

ง. เปน็ การศึกษาท่ีปรบั แนวคดิ การจัดการใหม่

๘. ขอ้ ใดคือผเู้ ก่ยี วข้องกบั การจัดการศึกษา

ก. ผู้บริหารสถานศกึ ษา ครผู สู้ อน ผู้เรยี น ผู้ปกครอง ชุมชน

ข. สถานศึกษา ผ้เู รยี น ครู ผูป้ กครอง ชมุ ชน

ค. สานกั งานการศึกษา สถานศกึ ษา ครู ผเู้ รยี น

๓๒

ง. ชมุ ชน ผู้ปกครอง นกั เรยี น สถานศกึ ษา

๙. ขอ้ ใดไม่ใช่บทบาทของผู้เกยี่ วข้องกบั การจดั การศึกษา

ก. การมสี ว่ นรว่ มเปน็ กรรมการ

ข. การร่วมจัดการศกึ ษา

ค. การพัฒนาทั่วๆไป

ง. การร่วมกากบั ดแู ล

๑๐. มาตรฐานวชิ าชพี ครขู องครุ ุสภามีกีด่ า้ น

ก. ๑ ดา้ น ข. ๒ ดา้ น

ค. ๓ ด้าน* ง. ๔ ดา้ น

ตอนท่ี ๒ ข้อสอบแบบเตมิ คา จานวน ๑๐ ขอ้
คาช้แี จง ให้เติมคาลงบนทวี่ ่างที่เวน้ ไว้ใหถ้ ูกต้อง

๑. เทคนิคและวิทยาการจดั การเรยี นรู้ หมายถงึ ............................................................
๒. การจัดการเรียนรู้เพ่ือใหผ้ เู้ รยี นมี...................................ตามมาตรฐานการเรียนรู้
๓. การจดั การเรยี นรูเปรียบเสมือน...................................................................
๔. ทักษะ คือ....................................................
๕. เทคนคิ คือ..........................................................
๖. การสอน คือ..............................................................
๗. ทักษะการสอนพื้นฐาน หมายถงึ ................................................................
๘. เทคนคิ การสอน คือ....................................................................................
๙. วิสยั ทัศน์ หมายถึง...............................................................................
๑๐. "การศึกษา" นบั วา่ มีความสาคญั มากต่อการพฒั นา......................................

ตอนท่ี ๓ คาถามแบบอตั นัย จานวน ๕ ข้อ
คาชแ้ี จง ใหต้ อบคาถามโดยเขียนอธิบายให้ถูกต้อง

๑. เทคนิคและวิทยาการจดั การเรยี นรู้ หมายถงึ อะไร
๒. การจดั การเรียนรู้ คืออะไร อธิบายมาพอเข้าใจ
๓. ให้นสิ ิตอธิบาย คาว่า เทคนคิ ทกั ษะ และการสอน มาตามความเข้าใจ
๔. ให้นิสติ อธิบายบทบาทของผูส้ อน ตามความเข้าใจ
๕. จงให้ความหมายของวสิ ัยทัศน์ และความสาคญั ของวิสัยทศั น์

********************************************************

เฉลย

เฉลย ตอนที่ ๑
๑. ก ๒. ง ๓. ก ๔. ค ๕. ค ๖. ง ๗. ก ๘. ก ๙. ค ๑๐. ค
เฉลย ตอนท่ี ๒
๑. เทคนิคและวทิ ยาการจดั การเรยี นรู้ หมายถงึ วธิ กี าร มาตรการในการจดั การเก่ียวกับการเรียนการ
สอน

๓๓

๒. การจดั การเรยี นรเู้ พ่ือใหผ้ ู้เรยี นมี ความรูค้ วามสามารถ ตามมาตรฐานการเรยี นรู้
๓. การจดั การเรียนรูเปรียบเสมอื น เคร่ืองมือทส่ี งเสริมใหผูเรยี นรกั การเรยี น ตั้งใจเรียน และเกิดการ
เรยี นรูขน้ึ การเรียนของผูเรยี นจะไปสูจุดหมายปลายทาง คือ ความสาเร็จในชีวติ
๔. ทกั ษะ คือ การพดู ของผสู้ อนวา่ มีเนอ้ื หาที่นา่ สนใจและวธิ ีการพดู โนม้ นา้ วผู้เรียนต่างๆ และทกั ษะการ
เคลื่อนไหว ผสู้ อนควรจะเคลื่อนไหว ผสู้ อนอย่างไรใหเ้ หมาะสมกรยิ าทา่ ทางตา่ งๆ
๕. เทคนคิ คอื กลวิธแี ละลกู เลน่ ท่ใี ช้เสริมกระบวนการสอน ข้นั ตอนหรือกระบวนการต่างๆ
๖. การสอน คอื การถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์
๗. ทักษะการสอนพื้นฐาน หมายถงึ ความสามารถความชานาญในการสอน ไม่สามารถเกิดข้นึ เองได้แต่
ต้องอาศัยการฝกึ ฝน
๘. เทคนิคการสอน คือ กลวธิ ีตา่ งๆที่ใชเ้ สริมกระบวนการ ขั้นตอน วธิ ีการ หรือการกระทาใดๆ เพ่อื ชว่ ย
ให้กระบวนการ ข้ันตอน วธิ ีการหรอื การกระทาน้นั ๆ มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น
๙. วสิ ยั ทศั น์ หมายถึง การสร้างภาพอนาคต หรือการมองอนาคต ซ่งึ จะเปน็ เปาู หมาย ในการเดินไปสู่
อนาคต โดยวิธีการนาเอาระบบ การวางแผนมาใช้
๑๐. การศึกษา" นบั ว่ามีความสาคัญมากตอ่ การพฒั นาบคุ ลากรตลอดจนไปถึงเปน็ พื้นฐานของการพฒั นา
สว่ นอ่ืน ๆ ดว้ ย

เฉลย ตอนท่ี ๓
๑. เทคนิคและวทิ ยาการจดั การเรยี นรู้ หมายถงึ วธิ ีการ มาตรการในการจัดการเกีย่ วกับการเรยี นการ
สอนซ่ึงมีหลากหลายวิธดี ้วยกัน ผูส้ อนสามารถคดิ ค้น พัฒนา สรรหา แลกเปลี่ยน เรียนรู้ สืบเสาะเทคนิค
ตา่ ง ๆ ซงึ่ มีอยู่มากมายสามารถเลือกใชต้ ามความเหมาะสม มหี ลายรปู แบบ

๒.การจัดการเรยี น คือ การจัดสถานการณ์ สภาพการณ์ หรือกจิ กรรมการเรียนรู้ ให้ผูเ้ รยี นไดม้ ี
ประสบการณ์ อันก่อให้เกดิ การเรยี นรไู้ ดง้ า่ ย ซง่ึ จะส่งผลใหผ้ ู้เรยี นมคี วามเจรญิ งอกงามและพฒั นาการ
ทง้ั ทางกายและทางสมอง อารมณ์และสังคม

๓. ทกั ษะ คือ การพูดของผู้สอนวา่ มีเนอ้ื หาท่นี ่าสนใจและวธิ ีการพดู โน้มนา้ วผเู้ รยี นตา่ งๆ และ
ทักษะการเคลอ่ื นไหว ผู้สอนควรจะเคลอื่ นไหว ผู้สอนอย่างไรใหเ้ หมาะสมกริยาท่าทางตา่ งๆที่ผสู้ อน
เคลอื่ นไหวในชน้ั เรยี นและตลอดเวลา

เทคนคิ คือ กลวธิ แี ละรูปเลม่ ทใ่ี ช้เสริมกระบวนการสอน ขั้นตอนหรอื กระบวนการตา่ งๆ
การสอน คือ การถา่ ยทอดความรู้ ประสบการณ์
๔. ครผู สู้ อนมีบทบาทโดยตรงในการรว่ มพัฒนาหลักสูตร จดั การเรยี นรู้ ครใู นยคุ ปฏิรปู
การศึกษาจะตอ้ งปรบั เปลย่ี นจากการเปน็ ผูส้ อน เป็นผู้เอื้ออานวยความสะดวกต่อการเรียนรขู้ อง ผเู้ รยี น
โดยการชีแ้ นวทางการนาความรจู้ ากแหลง่ ตา่ งๆ มาใช้ประโยชน์ กล่าวคอื ทาให้ผเู้ รียนรู้ วิธีการเข้าถงึ
แหลง่ ข้อมลู มีทักษะในการใช้ส่อื ทงั้ สอื่ สงิ่ พมิ พ์และสื่ออเิ ล็กทรอนิกส์ในการสืบค้น ขอ้ มลู มาใช้ได้
สะดวก
๕. วสิ ัยทศั น์ หมายถึง การสรา้ งภาพอนาคต หรือการมองอนาคต ซึง่ จะเป็นเปาู หมาย ในการ
เดนิ ไปสู่อนาคต โดยวธิ กี ารนาเอาระบบ การวางแผนมาใช้ หรือหมายถึง ส่ิงทีอ่ ยากเหน็ ในอนาคตและ
เป็นสิ่งที่ดีกวา่ เดมิ
ความสาคัญของวสิ ยั ทัศน์
กระบวนการสร้างวิสยั ทัศน์

๓๔

๑. ขัน้ เตรยี มการ
๒. ขั้นดาเนินการสรา้ งวิสยั ทัศน์
๓. ขั้นนาวิสัยทัศนไ์ ปปฏิบัติ
๔. ขน้ั ประเมนิ วิสัยทศั น์

บทท่ี ๒

การจัดการเรยี นรู้ยดึ ผ้เู รยี นเปน็ สาคญั

๑. หลักการและเหตุผล

การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญเกิดข้ึนจากพ้ืนฐานความเช่ือที่ว่า การจัดการศึกษามี
เป้าหมายสาคญั ที่สุด คือการจัดการให้ผู้เรยี นเกดิ การเรยี นรู้ เพ่ือให้ผเู้ รียนแต่ละคนได้พัฒนาตนเองสูงสุด
ตามกาลังหรือศักยภาพของแต่ละคน แต่เน่ืองจากผู้เรียนแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ทั้งด้านความ
ต้องการ ความสนใจ ความถนัดและยังมีทักษะพื้นฐานอันเป็นเคร่ืองมือสาคัญที่จะใช้ในการเรียนรู้ อัน
ได้แก่ ความสามารถในการฟัง พูด อ่าน เขียน ความสามารถทางสมอง ระดับสติปัญญา และการ
แสดงผลของการเรียนรู้ออกมาในลักษณะท่ีต่างกัน จึงควรมีการจัดการที่เหมาะสมในลักษณะที่แตกต่าง
กัน ตามเหตุปัจจัยของผู้เรียนแต่ละคน และผู้ท่ีมีบทบาทสาคัญในกลไกของการจัดการนี้คือครู แต่จาก
ข้อมูลอันเป็นปัญหาวิกฤติทางการศึกษา และวิกฤติของผู้เรียนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า ครูยังแสดง
บทบาทและทาหน้าท่ีของตนเองไม่เหมาะสม จึงต้องทบทวนทาความเข้าใจซ่ึงนาไปสู่การปฏิบัติเพื่อ
แกไ้ ขปัญหาวิกฤตทิ างการศกึ ษาและวกิ ฤตขิ องผ้เู รียนตอ่ ไป

๒. เนอ้ื หายอ่ ย

๒.๑ การเรยี นการสอนตามพระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ
๒.๑.๑ การจดั กระบวนการเรียนตามแนวพระราชบญั ญัติการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒
๒.๑.๒ กระบวนการเรยี นทเี่ น้นผู้เรยี นเป็นสาคญั
๒.๑.๓ บทบาทของครู

๒.๒ ความหมายของการจดั การเรียนการสอนทย่ี ดึ ผ้เู รียนเปน็ สาคญั
๒.๓ หลกั การและแนวคิดเกีย่ วกบั การยดึ ผ้เู รียนเป็นสาคัญ

๒.๓.๑ หลกั การของการเรียนการสอนท่เี นน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคัญ
๒.๓.๒ ความเป็นมาของแนวคดิ
๒.๓.๓ หลกั การพ้ืนฐานของแนวคิด “ผู้เรยี นเป็นศนู ย์กลาง
๒.๓.๔ หลกั การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรูท้ ีเ่ นน้ ผเู้ รยี นเป็นศนู ยก์ ลาง
๒.๔ ความสาคญั ของการยดึ ผเู้ รียนเปน็ สาคัญ
๒.๕ วธิ กี ารจดั การเรียนการสอนท่ียึดผ้เู รยี นเปน็ สาคญั
๒.๕.๑ วธิ สี อนทีเ่ นน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั
๒.๕.๒ ลกั ษณะของการจัดการเรยี นการสอนโดยยดึ ผู้เรียนเปน็ สาคัญ
๒.๕.๓ ขัน้ ตอนการสอนมดี งั น้ี
๒.๕.๔ ขอ้ ดขี องการสอนโดยเน้นผ้เู รียนเป็นสาคญั
๒.๕.๕ การจดั ประสบการณ์ที่เน้นผ้เู รยี นเป็นสาคัญ

๓๘

๒.๕.๖ ตวั บง่ ชีข้ องการจัดการเรยี นการสอนทเี่ นน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สาคัญ
๒.๖ การจดั กจิ กรรมการเรียนท่ียดึ ผู้เรียนเปน็ สาคญั
๒.๗ การจัดการศึกษากับการยึดผเู้ รยี นเปน็ สาคญั

๒.๗.๑ การบริหารจัดการ
๒.๗.๒ การจดั การเรยี นรู้
๒.๗.๓ การเรียนรู้ของผู้เรยี น
๒.๘ สรุป

๓. จดุ ประสงค์

๑. เพอื่ ให้เกดิ ความเข้าใจของการจัดการเรียนการสอนท่ียดึ ผู้เรียนเป็นสาคญั
๒. เพ่ือใหม้ ีความเข้าใจถงึ การจัดการเรยี นการสอนท่ยี ึดผู้เรียนเป็นสาคัญ
๓. เพอ่ื สามารถนาไปใช้ให้เกดิ ประโยชน์ตอ่ อาชพี ครู
๔. เพอ่ื พัฒนาผเู้ รยี นใหเ้ กิดการเรียนรู้

๔. การเรยี นการสอนตามพระราชบัญญตั กิ ารศกึ ษาแห่งชาติ

สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาแห่งชาติ ไดก้ าหนดแนวทางในการ
ปฏิรูปการศึกษาระดับอุดมศึกษา ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช ๒๕๔๒ ในด้าน
การเรยี นการสอนในประเดน็ ต่างๆ ตอ่ ไปนี้๑๖

๔.๑ แต่ละสถาบันต้องกาหนดเป้าหมายและภารกิจท่ีชัดเจนตามความพร้อมและความ
เชี่ยวชาญเฉพาะของแต่ละสถาบัน ท้ังนี้สถาบันอุดมศึกษาที่มุ่งเน้นการจัดการศึกษาเพื่อปวงชน ต้อง
แสวงหา วธิ กี ารจดั การศึกษา และยทุ ธศาสตรท์ จี่ ะสามารถเขา้ ถึงผูเ้ รียนไดม้ ากท่สี ดุ

๔.๒ การพัฒนาหลักสูตร ต้องดาเนินการอย่างต่อเน่ือง และพิจารณาถึงความสอดคล้องกับ
ความต้องการของสังคม ธุรกิจ อุตสาหกรรม สาระของหลักสูตร นอกจากมุ่งพัฒนาบัณฑิตอย่าง สมดุล
ท้ังความรู้ ความสามารถและความดีงามแล้ว ยังต้องมุ่งเน้นการพัฒนาวิชาการ วิชาชีพช้ันสูง และการ
คน้ ควา้ วิจยั เพ่ือพัฒนาองคค์ วามรแู้ ละพฒั นาสงั คม

๔.๓ รปู แบบการจัดหลักสูตรการเรียนการสอน ต้องมีความหลากหลายตามความต้องการ ของ
ผู้เรยี น โดยไม่จากดั วัน เวลา สถานท่ี เพอ่ื เอ้ือตอ่ การเรียนรู้อย่างต่อเน่อื งตลอดชวี ติ (Life -Long
Learning) โดยนอกจากจะจดั ภายในสถาบันอุดมศึกษาแล้ว จะตอ้ งพัฒนารปู แบบให้มคี วาม ยดื หยนุ่
หลากหลายข้นึ อาทิ การจดั รว่ มกับสถานประกอบการในโปรแกรมพิเศษประเภทตา่ งๆ เปน็ ตน้

๔.๔ การจดั การเรยี นการสอน และการจัดกิจกรรมเสรมิ ต้องยดึ ผ้เู รยี นเป็นหลัก โดยตอ้ งเน้น
ความสาคัญทงั้ ความรู้ คุณธรรม และกระบวนการเรยี นรู้ โดยคณาจารย์ผสู้ อนควรทา หน้าทีส่ ง่ เสรมิ
สนับสนนุ การเรียนรู้ เพ่ือใหผ้ ู้เรียนสามารถพัฒนาเตม็ ตามศกั ยภาพ

๑๖ วไิ ล ตงั้ จติ สมคิด. ความเป็นคร.ู พิมพค์ ร้งั ท่ี ๔. (กรงุ เทพ. โอเดียนสโตร.์ ๒๕๕๗).หนา้ ๘๖-๑๐๒

๓๙

๔.๕ ปฏิรูปกระบวนการเรียนการสอน หลักสูตร ให้ก้าวทันความเปล่ียนแปลงและเพ่ือสร้าง
บัณฑติ ท่พี งึ ประสงค์มีความใฝ่รู้สามารถคิดวิเคราะห์ วิจารณ์ ริเริ่ม สร้างสรรค์ มีความรับผิดชอบ และมี
คณุ ธรรมจรยิ ธรรม ควบค่กู บั ความรู้ ความสามารถในสาขาวิชาต่างๆ

๔.๖ ให้มกี ารกาหนดมาตรฐานหลกั สูตร โครงสรา้ งหลกั สตู ร การรับรองหลกั สูตรของ
สถาบนั อุดมศกึ ษาแต่ละประเภทที่เปน็ มาตรฐานเดียวกันสาหรบั อดุ มศึกษาแต่ละระดับ

๔.๗ ให้ความสาคัญกับการลงทุนเพอื่ การวิจัย สรา้ งองค์ความรู้และเทคโนโลยี เพือ่ การพฒั นา
ประเทศ รวมท้งั การพัฒนานวตั กรรมการเรียนการสอน

๔.๘ ปรับระบบการประเมินและวดั ผลการศึกษาระดับอดุ มศกึ ษาเพื่อเอื้อต่อการพัฒนา
คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ โดยพิจารณาจากความประพฤติ การสังเกต พฤติกรรม การร่วมกิจกรรม
ควบคูก่ ับการทดสอบตามความเหมาะสม

๔.๙ นาเทคโนโลยสี ารสนเทศมาใช้ในการเรียนการสอน การจัดกิจกรรมและการบริหารจัดการ
ท้งั เพอื่ พฒั นาคณุ ภาพ และกระจายโอกาสทางการศกึ ษาอย่างกวา้ งขวางและท่ัวถงึ

การจดั กระบวนการเรยี นตามแนวทางของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ (๒๕๔๓ :
๕.๑๓) แสดงลกั ษณะผู้เรียนและกระบวนการเรียนรู้ทพ่ี งึ ประสงค์ไว้ ดงั นี้

๔.๑ การจัดกระบวนการเรียนตามแนวพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มี
ข้นั ตอนสาคัญ ดงั ตอ่ ไปนคี้ ือ (สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาติ, ๒๕๔๔ : ๒๙)๑๗

๑. การสารวจความตอ้ งการ ความสนใจของผู้เรียน สารวจพ้นื ฐานความรูเ้ ดมิ
๒. การเตรียมการ ครูเตรียมเก่ียวกับสาระการเรียนและองค์ประกอบอ่ืนๆ ที่เอ้ือต่อ
การเรยี นร้วู างแผนการเรยี นการสอน
๓. การดาเนนิ กจิ กรรมการเรียน เช่น ขนั้ นาเข้าสู่บทเรียน ข้ันการจัดกิจกรรมการเรียน
ขัน้ วเิ คราะห์ อภปิ รายผลงาน/องค์ความรู้ท่ีสรุปไต้จากกิจกรรมการเรียนวิเคราะห์อภิปรายกระบวนการ
เรยี นรู้
๔. การประเมนิ ผล
๕. การสรปุ และนาไปประยกุ ต์ใช้
๔.๒ กระบวนการเรยี นที่เนน้ ผ้เู รยี นเป็นสาคัญ
สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติไต้กาหนดลกั ษณะกระบวนการจดั การเรียนท่ีเน้น
ผูเ้ รียนเปน็ สาคญั ไว้ ๙ ประการ คือ
๑. มกี ารจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนหลากหลายเหมาะสมกบั ผเู้ รยี น
๒. กระตุ้นใหผ้ เู้ รียนรูจ้ กั คิดวิเคราะห์ คิดสงั เคราะห์ และคิดสร้างสรรค์
๓. กระตุ้นให้ผู้เรียนรู้จักศึกษาหาความรู้แสวงหาคาตอบ และสร้างองค์ความรู้ด้วย
ตนเอง

๑๗ คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ,สานักงาน. แนวทางการปฏิรูปการศึกษาระดบั อุดมศกึ ษาตาม
พระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ.๒๕๔๒. (กรงุ เทพ.วีทซี ีคอมมิวนิเคชนั่ .๒๕๔๔). หนา้ ๒๙

๔๐

๔. นาภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยี และสื่อที่เหมาะสมมาประยุกต์ใช้ในการจัดการ
เรียนการสอน

๕. ฝึกและสง่ เสรมิ คุณธรรม และจริยธรรมของผ้เู รยี น
๖. ผเู้ รยี นได้รบั การพัฒนาสนุ ทรยี ภาพอยา่ งครบถ้วนทั้งดา้ นดนตรี ศลิ ปะ และกฬี า
๗. ส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย การทางานร่วมกับผู้อื่น และความรับผิดชอบต่อ
กลุม่ ร่วมกัน
๘. จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนรักสถานศึกษาของตนเอง และมีความกระตือรือร้นในการ
เรยี น
๙. ประเมนิ พฒั นาการผเู้ รียนดว้ ยวธิ กี ารที่หลากหลายและตอ่ เน่อื ง
๔.๓ บทบาทของครู
ทศิ นา แขมมณี (๒๕๔๗ : ๓๖-๓๗) ได้กล่าวถงึ บทบาทของครแู ละไดใ้ ห้ข้อเสนอแนะสาหรับ
ครูผู้สอนไว้ ดังนี้๑๘
ขอ้ เสนอแนะสาหรบั ครู
๑. ในการศึกษาเก่ียวกับการสอน ครูพึงให้ความสนใจในหลักการมิใช่มุ่งความสนใจท่ี
เทคนิควิธีการเท่าน้ัน ครคู วรพยายามทาความเข้าใจในหลกั การ จาหลกั การให้แมน่ และหมั่นประยุกต์ใช้
หลกั การน้นั ในสถานการณ์ทห่ี ลากหลาย
๒. ครูพึงศึกษาแนวความคิด ความเช่ือ หรือหลักการต่างๆ ซึ่งมีอยู่อย่างหลากหลาย
และเลือกสรรสิ่งท่ีตนเชื่อถือ หม่ันวิเคราะห์การคิดและการกระทาของตนว่าสอดคล้องกัน หรือไม่ และ
ศึกษาผลการกระทา เพอื่ ปรบั เปลย่ี นหรือยืนยนั แนวความคิด ความเช่ือม่ันตอ่ ไป
๓. ครูพึงเปิดใจกว้างในการศึกษาแนวความคิด ความเช่ือ หรือหลักการต่างๆ ท่ี
แตกต่าง ไปจากความคิดของตน และเปิดโอกาสให้ตนเองได้มีประสบการณ์ในส่ิงที่แตกต่างออกไป โดย
การทดลองปฏิบัติ หรือศึกษา วิจัย เพื่อพิสูจน์ทดสอบแนวคิดใหม่ๆ อันอาจจะ นามาซึ่งทางเลือกใหม่ๆ
ทาให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพย่ิงข้ึน มีความคิดแปลกใหม่ มีชีวิตชีวา น่าตื่นเต้น และน่าเรียนรู้
ทงั้ สาหรบั ครแู ละผ้เู รยี น
สุคนธ์ สินธุพานนท์ และคณะ (๒๕๔๕ : ๑๗ - ๑๘ )กล่าวถึงบทบาทของผู้สอนในการ
ดาเนินงานตามกระบวนการปฏิรูปการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะตามมาตรฐานการศึกษาน้ัน
ผ้สู อน ทุกคนจะตอ้ งมสี ว่ นรว่ มในกระบวนการดงั ต่อไปน้ี๑๙
๑. การส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชน การที่ผู้สอนจะสามารถจัด
กิจกรรมการเรียนรู้ เพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะตามมาตรฐานการศึกษาเป็นผลสาเร็จอย่างมี
ประสิทธิภาพนั้น จะต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารและชุมชนในการพัฒนาการศึกษา ดังนั้น

๑๘ ทศิ นา แขมมณ.ี ศาสตร์การสอน:องคค์ วามรเู้ พื่อการจดั การกระบวนการเรียนร้ทู มี ปี ระสทิ ธภิ าพ.
(กรงุ เทพ. สานกั พมิ พแ์ ห่งจุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .๒๕๔๓) . หน้า ๓๖-๓๗

๑๙ สุคนธ์ สินธุพานนท์และคณะ.การจดั กระบวนการเรยี นรู้:เน้นผเู้ รยี นเปน็ สาคญั ตามหลกั สตู รการศกึ ษา
ขนั้ พ้ืนฐาน. (กรงุ เทพ.อักษรเจรญิ ทศั น.์ ๒๕๔๕). หน้า ๑๗-๑๘

๔๑

ผู้บริหารและผู้สอนจะต้องร่วมกันสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนในการร่วมกันจัดการศึกษา ซึ่ง
ผู้ปกครองและชุมชนเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาการศึกษา และมีการประชาสัมพันธ์เพ่ือสร้าง ความ
เขา้ ใจระหว่างกัน

๒. การจัดสภาพแวดล้อมท่ีเอื้อต่อการเรียนรู้ ผู้สอนจะต้องคานึงถึงสภาพแวดล้อมซึ่ง
เปน็ บรรยากาศทเี่ อื้ออานวยตอ่ การเรยี นรู้ การจดั บรรยากาศในห้องเรียนและนอกห้องเรียนให้เหมาะสม
ต่อการเรียนรู้ มีส่ือการสอนท่ีเร้าความสนใจผู้เรียน ตลอดจนการดาเนินกิจกรรมในบรรยากาศแห่ง
ความเป็นกลั ยาณมิตรยอ่ มเอือ้ ตอ่ การพัฒนาการเรียนรู้

๓. การพัฒนางานของตนเอง ผู้สอนจะต้องแสวงหาความรู้และประสบการณ์เพื่อ
นามาใช้ในการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ และการปฏิบัติงานอย่างต่อเน่ือง เพื่อให้สอดคล้องกับ
การปฏิรปู การเรียนร้ตู ลอดจนมกี ารแลกเปลี่ยนผลการปฏบิ ัติงานที่ประสบความสาเร็จระหว่างกัน

๔. การจัดการเรียนรู้สอดคล้องกับหลักสูตร ความต้องการของผู้เรียนและท้องถิ่น
ผู้สอนจะต้องให้ความร่วมมือกับสถานศึกษาในการพัฒนาหลักสูตร ให้สอดคล้องกับสภาพและความ
ต้องการของท้องถิ่นโดยให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม และมีการจัดแนวการเรียนการสอนให้สอดคล้อง กับ
หลักสูตรตามความต้องการของผู้เรียน ความต้องการของท้องถิ่นและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
สังคม ใหส้ ามารถเช่อื มโยงแกไ้ ขปญั หาทอ้ งถ่นิ ได้ และเน้นการปฏบิ ตั จิ ริง

๕. กระบวนการจัดการเรียนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ผู้สอนทุกคนควรจะได้ทาความ
เข้าใจให้กระจ่างชัดในความหมาย และลักษณะของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียน เป็น
สาคัญ เพอ่ื จะไดป้ ฏิบัตไิ ดถ้ กู ตอ้ ง

พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดีสุข (๒๕๕๑ : ๒๓-๒๔) กล่าวถึงการจัดการเรียน
การสอนที่เน้นผ้เู รียนเป็นศนู ยก์ ลาง ทาใหผ้ สู้ อนในยุคปจั จบุ นั ต้องปรับเปลี่ยนบทบาทและเสนอ บทบาท
ไวด้ งั น้ี

บทบาทของครูในยุคปัจจบุ ัน ครตู อ้ งสอนหรือฝึกผู้เรียน ดงั น้ี ๒๐
๑. ฝกึ คดิ คอื สอนใหผ้ ู้เรยี นคิดเองเป็น
๒. ฝึกใหผ้ เู้ รียนศึกษาค้นคว้า ศกึ ษาใหล้ กึ ซึง้ ในเรือ่ งใดเร่ืองหน่งึ และมีการวิจัยค้นควา้
๓. ฝึกให้ผู้เรียนบริการสังคม คือ สิ่งท่ีเรียนจะมีคุณค่า เมื่อได้ใช้ความรู้น้ันให้เป็น

ประโยชน์ ตอ่ สังคม
ครูเป็นภูมิปัญญาที่สาคัญในการพัฒนาให้ผู้เรียนต้ังแต่ตัวเล็กๆ ซ่ึงเป็นประชากรที่

สาคัญของโลกครูต้องเป็นตัวทวีคูณในการนาเด็กเข้าสู่ระบบของการเรียนรู้ บทบาทของครูจึงเปล่ียนไป
จากผู้ใหค้ วามรผู้ ้บู อกความรู้ (Telling, Talking) มาเป็นผู้ไห้ผู้เรียนใช้กระบวนการ (Process) คิดค้นหา
ความรู้ด้วยตนเองตลอดจนแก้ปัญหาด้วยตนเอง ครูจึงเปล่ียนบทบาทจากผู้สอน (Teacher) มาเป็น ผู้
อานวยความสะดวก(Facilitator) คอื เป็นผ้เู ตรียมประสบการณ์ สื่อการเรียนการสอนให้ ผู้เรียนใช้ศึกษา
คน้ คว้าดว้ ยตนเองการจดั การเรียนการสอนเพ่ือให้ผู้เรียนเป็นผู้มีคุณภาพคือดี มีปัญญาคือเก่ง และเป็นผู้
มี ความสขุ คือ สุขภาพกาย และจิตดี โดยสรุปเป็นประชาชนที่ดี เก่ง สุข เป็นประชาชนที่ มองกว้าง คิด
ไกล ใฝ่รู้ เชดิ ชคู ณุ ธรรมน้นั ตอ้ งเปน็ การเรียนการสอนที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นศนู ย์กลาง

๒๐ พมิ พันธ์ เดชะคปุ ต์ และพเยาว์ ยินดีสขุ .ทักษะ ๕ C เพอ่ื การพัฒนาหนว่ ยการเรยี นรแู้ ละการจดั การ
เรยี นการสอนแบบบูรณาการ. (กรุงเทพ.สานักพิมพ์แห่งจฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย.๒๕๕๑). หนา้ ๒๓-๒๔

๔๒

๕. ความหมายของการจัดการเรยี นการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสาคญั

ยาเบ็น เรอื งจรูญศรี ไดก้ ล่าวถงึ การจดั การเรยี นรทู้ ่เี น้นผู้เรียนเป็นสาคญั ไวด้ งั น้ี
การเรียนรู้ท่ีเน้นการเรียนรู้โดยมีผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง มีแนวคิดมาจากแนวคิดของ

จอห์น ดิวอี้ (John Dewey) ซึ่งเป็นต้นคิดในเรื่องของการเรียนรู้โดยการกระทา หรือ learning by
doing ทฤษฎีนี้เป็นท่ียอมรับทั่วโลก ซึ่งรูปแบบของการจัดการเรียนการสอนโดยให้ผู้เรียนเป็นผู้ลงมือ
ปฏิบัติ โดยเปล่ียนบทบาทจาก “ผู้รับ” มาเป็น “ผู้เรียน” และ บทบาทของ “ ครู” เป็น ผู้ถ่ายทอด
ขอ้ มลู มาเป็น “ผจู้ ัดประสบการณ์การเรยี นรู้” ใหผ้ ู้เรียนได้ปรบั บทบาทน้ี เท่ากับเป็นการเปลี่ยนจุดการ
เรยี น

นกั วิชาการหลายท่านไดใ้ ห้ความหมายของการเรียนรู้ท่ีเน้นผ้เู รียนเป็นสาคัญ ดงั น้ี
ชนาธปิ พรกุล (๒๕๔๓; ๕๐) ได้ให้ความหมายว่า การเรียนรู้ที่เกิดจากการคิด การค้นคว้า การ
ทดลอง และการสรุปเปน็ ความรู้โดยตวั ผู้เรียนเอง ผูส้ อนจะเปลีย่ นบทบาทหนา้ ทจ่ี ากการถ่ายทอดความรู้
มาเปน็ ผูว้ างแผน จัดการ ช้ีแนะ และอานวยความสะดวกให้กับผู้เรียน ดังนั้นการจัดการเรียนการสอนท่ี
เนน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั จงึ หมายถงึ การจดั การใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง
ทิศนา แขมมณี (๒๕๔๘ : ๑๒๐ )๒๑ กล่าวว่า กระบวนการเรียนรู้ท่ีผู้เรียนเป็นสาคัญ เป็นการ
จัดการเรียนการสอนท่ียึดผู้เรียนเป็นตัวตั้ง โดยคานึงถึงความเหมาะสมกับผู้เรียนและประโยชน์สูงสุดท่ี
ผูเ้ รยี นควรจะได้รับ และมีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีบทบาทสาคัญในการเรียนรู้
ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้อย่างตื่นตัวและได้ใช้กระบวนการเรียนรู้ต่างๆ อันจะนาผู้เรียนไปสู
การเกดิ การเรียนรทู้ ่แี ท้จรงิ
สาลี รักสุทธี (๒๕๔๔ : ๑) กล่าวว่า การจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนสาคัญท่ีสุดคือ การจัด
กิจกรรมการเรยี นการสอน ให้สอดคลอ้ งกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ตามมาตรา ๒๒-๒๔ โดย
ถอื วา่ ผเู้ รยี นมคี วามสาคญั ท่ีสดุ ใหผ้ ้เู รียนมสี ่วนร่วม คือ ร่วมคิด รว่ มทา รว่ มสรา้ งสรรค์ กิจกรรมทางการ
ศึกษา ลงมือปฏิบัติจริง ครูเปล่ียนบทบาทจากการเป็นผู้ช้ีบอกให้ความรู้อย่างเดียว เป็นผู้คอยอานวย
ความสะดวก คอยช่วยเหลือแนะนา รวมทั้งเป็นทปี่ รึกษาใหก้ ับนักเรยี น
บรรพต สุวรรณประเสริฐ (๒๕๔๔ : ๕) กล่าวว่า กระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนสาคัญที่สุด
หมายถึง การกาหนดจดุ หมาย สาระ กิจกรรม แหลง่ เรียนรู้ ส่ือการเรียน และการประเมินผลท่ีมุ่งพัฒนา
“คน” และ “ชวี ติ ” ให้เกิดประสบการณ์การเรยี นรเู้ ต็มตามความสามารถ สอดคล้องกับความถนัด ความ
สนใจและความตอ้ งการของผเู้ รียน
พิมพ์พันธ์ เตชะคปุ ต์ (๒๕๔๒ : ๓๕) กลา่ วว่า การเรยี นการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางเป็น
แนวทางการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นให้ผู้เรียนใช้กระบวนการสร้างความรู้ด้วยตนเอง เป็นการเรียน
การสอนใหผ้ เู้ รียนมสี ว่ นร่วมในการเรียนมีส่วนร่วมในการทากิจกรรมอย่างกระฉับกระเฉงเกิดการเรียนรู้
อย่างมคี วามหมายเปน็ วธิ กี ารที่ใหอ้ านาจแก่ผู้เรียน ซึง่ จะนาไปสูก่ ารเรยี นรูต้ ลอดชีวิต

๒๑ ทศิ นา แขมมณ.ี ศาสตรก์ ารสอน:องค์ความรู้เพ่ือการจัดการกระบวนการเรยี นรู้ทีมีประสิทธิภาพ. (กรงุ
เทพ.สานักพมิ พแ์ ห่งจุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .๒๕๔๘). หน้า ๑๒๐

๔๓

วฒั นาพร ระงบั ทกุ ข์ (๒๕๔๒ : ๔) ๒๒กล่าวว่า การเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางคือ
การจดั การเรยี นการสอนทีใ่ หค้ วามสาคัญกับผู้เรียนส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักเรียนรู้ด้วยตนเอง เรียนในเรื่อง
ทีส่ อดคล้องกบั ความสามารถและความต้องการของตนเองและไดพ้ ฒั นาศักยภาพของตนเองไดเ้ ตม็ ที่

วชิราพร อัจฉริยโกศล (๒๕๔๘) กล่าวว่า การเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง คือ
“กระบวนการเรียนรู้ที่ให้อิสระแก่ผู้เรียนในการสารวจส่ิงท่ีศึกษาในด้านท่ีสนใจ ผลักดันให้หาคาตอบ
โดยได้รับการสนับสนุนอย่างเข้าใจจากผู้อานวยความสะดวก (facilitator) ซึ่งก็คือผู้สอนน่ันเอง เป็น
กระบวนการเรยี นรู้แบบทัง้ ตวั บคุ คล รวมท้ังสตปิ ญั ญา ความคิด และความรสู้ กึ ”

สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ (๒๕๔๓ : ๗๙) กล่าวว่า การจัดกระบวนการ
เรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง หมายถึง การจัดการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนรวมใน
กิจกรรมการเรียนรู้มากท่ีสุด โดยให้ผู้เรียนเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง ได้คิดเอง ปฏิบั ติเอง และมี
ปฏสิ มั พนั ธก์ บั บคุ คลหรอื แหล่งเรียนรู้ท่ีหลากหลาย จนสามารถสร้างความรู้ด้วยตนเองและนาความรู้ไป
ประยุกต์ใช้ในการดารงชีวิตได้โดยครูเป็นผู้วางแผนร่วมกับผู้เรียน จัดบรรยากาศให้เอ้ือต่อการเรียนรู้
กระตุ้น ท้าทาย ให้กาลังใจ และช่วยแก้ปัญหาหรือชี้แนะแนวทางการแสวงหาความรู้ที่ถูกต้องให้แก่
ผเู้ รยี นเป็นรายบุคคล

Borworn Taesarin ได้กล่าวถึงการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญไว้ดังน้ี การจัดการ
เรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ หมายถึง การจัดการเรียนการสอนโดยคานึงถึงประโยชน์ของ
ผเู้ รียนเป็นประการสาคญั ใครก็ตามทเ่ี ป็นคนสาคัญของเรา เราย่อมมีความรักความปรารถนาดีให้แก่เขา
จะคิดจะทาอะไร กม็ กั จะคิดถงึ เขาก่อนคนอน่ื และคิดถงึ ประโยชนท์ เี่ ขาควรจะไดร้ ับ

สรุป
การจดั การเรียนรู้ทีเ่ น้นผ้เู รยี นเป็นสาคัญ หมายถึง การเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็น

ศูนย์กลางเป็นแนวทางการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นให้ผู้เรียนใช้กระบวนการสร้างความรู้ด้วยตนเอง
เป็นการเรียนการสอนให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียน มีส่วนร่วมในการทากิจกรรมอย่างกระฉับกระเฉง
เกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมายเป็นวิธีการที่ให้อานาจแก่ผู้เรียน ซ่ึงจะนาไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต
หลกั การพนื้ ของแนวคิดการจดั การเรยี นรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญมีเป้าหมายสูงสุดคือเพ่ือให้ผู้เรียนแต่ละ
คนได้พัฒนาตนเองสูงสดุ ตามกาลังหรือศักยภาพของแตล่ ะคน

๖. หลักการและแนวคิดเกี่ยวกบั การยึดผู้เรยี นเปน็ สาคญั

๑ หลกั การของการเรียนการสอนท่ีเนน้ ผู้เรียนเป็นสาคญั
การจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญคือการเรียนรู้ท่ีต้องการให้เกิดข้ึนกับ

ผู้เรียนมากท่ีสุด วิธีดาเนินการ คือให้เสรีภาพแก่ผู้เรียนในการบรรลุเป็นผู้มีปัญญา ด้วยการเรียนรู้ ด้วย
ตนเอง โดยผ่านประสบการณ์ตรง เช่น ประสบการณ์ในการแก้ปัญหา การเรียนการสอน ต้องมีการ

๒๒ วัฒนาพร ระงบั ทุกข.์ แผนการสอนทีเ่ นน้ ผเู้ รียนเป็นศูนยก์ ลาง. (กรุงเทพ.บริษทั แอล ที เพรส จากดั .
๒๕๔๒).หนา้ ๔

๔๔

พัฒนาและกระตุ้นสติปัญญาให้มีความสามารถในการใช้เหตุผล รู้จักคิดวิเคราะห์ และ ใช้ศักยภาพของ
ตนได้อย่างเต็มที่สามารถปรับตนให้ประสานกับสภาพแวดล้อม ทั้งที่เป็นมนุษย์ ธรรมชาติ และความ
เจริญทางเทคโนโลยีเป็นการศกึ ษาท่พี ฒั นาคนใหม้ ีชีวติ ครบ ๔ ด้าน คอื

ภาวติ กาย หมายถึง กายที่เจริญแล้วหรือพัฒนาแล้ว มีความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อม
ทางกาย ได้อย่างดี

ภาวิตศีล หมายถึง มีศลี ที่เจรญิ แล้วหรอื พฒั นาแล้ว มีพฤติกรรมทางสังคมท่ีพัฒนาแล้ว
ดารงอยู่ในวินยั ก่อสันติสุข

ภาวิตจิต หมายถึง มีจิตใจท่ีเจริญแล้วหรือพัฒนาแล้ว สมบูรณ์ด้วย คุณภาพจิต
สมรรถภาพจิต และสขุ ภาพจติ และ

ภาวิตปัญญา หมายถึง มีปัญญาท่ีเจริญแล้ว หรือ พัฒนาแล้ว มีปัญญาท่ีเป็นอิสระจาก
การครอบงาของกเิ ลส รู้เข้าใจและเห็นสิ่งท้ังหลายตามความ เป็นจริง รู้เท่าทัน จนมีความเป็นอิสระโดย
สมบรู ณ์ (ธารง, ๒๕๔๒ : ๔๗-๔๘)๒๓

ในวงการศึกษาต่างกย็ อมรบั ว่าการจดั การศึกษาที่ดจี ะต้องคานงึ ถงึ ธรรมชาติของผู้เรียน
แต่ละคน ว่ามีความแตกต่างกันในด้านต่างๆ ได้แก่ เชาวน์ปัญญา บุคลิกภาพ ความคิดสร้างสรรค์ และ
พฤตกิ รรมอืน่ ๆ การจัดการเรียนการสอน จึงมุ่งให้เกิดการเรียนรู้ ทั้งด้านความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติ
ไปพร้อม ๆ กัน ในระบบการเรียน ผู้เรียนควรเป็นผู้แสดงออกมากกว่าผู้สอน การจัด กิจกรรมการเรียน
การสอนควรให้ผู้เรียนมีโอกาสได้แสดงออกมากที่สุด ให้ความสาคัญกับความรู้สึก นึกคิด และค่านิยม
ของผู้เรียน การจัดบรรยากาศในการเรียน ควรเป็นแบบร่วมมือมากกว่าการแข่งขัน ครูทาหน้าที่
ช่วยเหลือให้กาลังใจ และอานวยความสะดวกในขบวนการเรียนของผู้เรียนการจัดการ เรียนรู้ที่เน้น
ผูเ้ รยี นเปน็ สาคัญตามแนวทางการจดั การเรียนรู้ในพระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒

มีเทคนิคและวธิ ีการศึกษาค้นคว้าดังน้ี (คณะอนุกรรมการปฏิรูปการเรียนรู้แผนกวิจัย,
กรมวิชาการ, กระทรวงศึกษาธกิ าร, ๒๕๔๔ : ๖-๗)๒๔

๑. การวิเคราะห์ผู้เรียน การรู้จักผู้เรียนเป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่มช่วยให้ครู ผู้สอนมี
ข้อมูล ท่ีสาคัญในการออกแบบ การจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมหลักการวิเคราะห์ผู้เรียนควรคานึงถึง
องค์ประกอบที่สาคัญ ๓ องค์ประกอบ คือธรรมชาติของผู้เรียน ประสบการณ์ และพ้ืนฐานความรู้เดิม
วิธีการเรียนรขู้ องผู้เรียน

๒. การใช้จิตวิทยาการเรียนรู้และการบูรณาการคุณธรรม ค่านิยมในการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้

๓. การวเิ คราะหห์ ลักสูตรการศกึ ษาขัน้ พื้นฐานเชอ่ื มโยงกับการพัฒนาหลักสูตรและการ
จดั การเรียนรใู้ นสถานศกึ ษา

๒๓ ธารง บัวศรี.ทฤษฏีหลักสูตร:การออกแบบและพฒั นา.พิมพค์ รงั้ ท่ี ๒. (กรงุ เทพ.พัฒนศึกษา.๒๕๔๒). หนา้
๔๗-๔๘

๒๔ คณะกรรมการการศกึ ษาแห่งชาติ,สานกั งาน. แนวทางการปฏริ ูปการศึกษาระดับอดุ มศกึ ษาตาม
พระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒. (กรุงเทพ.วีทซี คี อมมิวนเิ คช่ัน.๒๕๔๔). หน้า ๖-๗


Click to View FlipBook Version