๑๙๗
ตอนท่ี ๒ ใหเ้ ติมคา ลงในชอ่ งวา่ งใหข้ อ้ ความสมบรูณ์และได้ใจความ
๑. วธิ กี าร มาตรการในการจดั การเกย่ี วกับการเรยี นการสอนหลายวิธีดว้ ยกนั เรยี กว่า ………………………………….
๒. เทคนคิ การเรยี นรูแ้ บบ KWL ประกอบดว้ ย...........................ขนั้ ตอน
๓. การจดั การเรยี นรูด้ ้วยเทคนคิ KWL เป็นแนวคดิ ของ........................................................
๔. มีความเช่ือที่ว่าการต้ังคาถามในลักษณะ ………………………………….. เป็นคาถามที่กระตุ้นกระบวนการคิด ของ
ผู้เรยี น
๕. การแสดงบทบาทท่าทาง เป็นพฤติกรรมท่ีครูใช้เป็นส่วนประกอบกับการใช้พฤติกรรมแรก คือ
..............................................................................................................................................................................
๖. การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เราอาจแบ่งกว้างได้.................ประเภท
๗. การสรปุ บทเรียน หมายถึง ...................................................................................................... ........................
๘. การเรียนรู้ .....................................................................................กล่าวคือ มีการพัฒนาในด้านสติปัญญา
ทัศนคติ และความรสู้ ึกนกึ คิด
๙. พฤตกิ รรมความสามารถแสดงออกเพ่ือการปรงุ แต่งในทางหลกั วชิ าเชิงปฏบิ ัติ เรียกว่า...................................
๑๐. วิธีสอนที่ยึดหลักการย่อส่วนทั้งขนาดของช้ันเรียน ใช้เวลาประมาณ ๑๐-๑๕ นาที เรียกว่า
........................................................................................................................................................................
ตอนท่ี ๓ จงตอบคาถามต่อไปนี้ ใหเ้ ขา้ ใจและไดค้ วามหมาย ๕ ข้อ
๑. จงบอกความหมายของเทคนิควิทยาการจัดการเรยี นรู้ มาพอเข้าใจ?
๒. จงบอกหลกั การและแนวคิดของโมเดล KWL มาพอเข้าใจ?
๓. จงอธิบายรปู แบบการจดั กิจกรรมการสอน มาเป็นขอ้ ๆ?
๔. จงบอกทักษะการสอนทสี่ าคญั และจาเปน็ มาเป็นข้อๆ?
๕. จงบอกความสาคญั และความจาเป็นที่ต้องใชท้ ักษะประกอบการสอน มาด?ู
๑๙๘
เฉลยกจิ รรมท้ายบทตอนที่ ๑
๑. ก ๒. ค ๓. ข ๔. ก ๕. ง ๖. ข ๗. ก ๘. ข ๙. ก ๑๐. ค
บทท่ี ๖
การออกแบบและเขยี นแผนการจัดการเรียนรู้
หลักการและเหตผุ ล
การจดั การเรยี นรูเ้ ปน็ หวั ใจสาคัญท่ีจะทาให้ผู้เรยี นเกิดการเรยี นรู้ตามจดุ ประสงค์ ดังนั้นผสู้ อนควร
พจิ ารณาเลือกใชเ้ ทคนคิ กระบวนการจดั การเรียนรูท้ ี่เหมาะสม เลือกใชส้ อื่ และแหลง่ เรยี นร้ทู ี่จะช่วยสนับสนุน
การเรยี นรู้ของผเู้ รยี น และใช้วธิ ีการวัดผลประเมนิ ผลท่ีหลากหลาย ทั้งนโ้ี ดยเน้นผู้เรียนเป็นสาคญั เพื่อให้
ผ้เู รียนไดพ้ ฒั นาเต็มตามศกั ยภาพของแตล่ ะคน และสามารถนาสง่ิ ท่ีได้เรยี นรู้ไปใชใ้ นชีวิตจริงได้
การจดั ประสบการณส์ าหรบั เดก็ ประถมศึกษา จะจัดเป็นรายวชิ า แต่จัดในรูปของกิจกรรมบูรณาการ
ผ่านการเลน่ เพ่ือใหเ้ ด็กได้รบั ประสบการณ์ตรง เกดิ การเรยี นรไู้ ด้พฒั นาด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และ
สติปัญญา โดยนาแนวคดิ ในการจัดประสบการณ์ตา่ งๆ มาสอดแทรกในการจัดกจิ กรรมตามความเหมาะสม
ตามแนวคดิ ที่นามาใชใ้ นการจัดประสบการณ์
เนื้อหาย่อย
- หลักการและความสาคญั วางแผนการจดั การเรียนรู้
- ความหมายและประโยชน์ของการวางแผน
- การออกแบบแผนการจดั การเรยี นรู้
- การเขยี นแผนการจัดการเรียนร้รู ายวิชา
- การวิเคราะห์ประสงค์รายวิชา
- การปฏบิ ตั กิ ารเขียนแผนการจดั การเรียนรู้
- การเสนอการสอนตามแผนการจดั การเรียนรู้ดว้ ยรูปแบบของการสอนแบบจลุ ภาค
- การเสนอการสอนตามแผนการจดั การเรียนรู้ด้วยรูปแบบของการสอนแบบจุลภาค
วตั ถปุ ระสงค์
๑. หลักการและความสาคัญวางแผนการจัดการเรียนรู้
หลกั การวางแผนการจัดการเรียนรู้
๑.ช่อื เรอื่ ง หรือช่ือหวั ข้อเรอ่ื งยอ่ ย
๒.จานวนคาบ
๓. สาระสาคัญแนวคิดสาคัญหรอื ความคิดรวบยอด
๔. จุดประสงคต์ ้องเขยี นเปน็ จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม
๕. เน้ือหา
๖. กิจกรรมการเรยี นการสอนเชน่ ครูบรรยายประกอบการซกั ถาม
๗. สอื่ การเรยี นการสอน
๘. การวัดและประเมินผล
๑.๑ ความสาคัญการวางแผนการจัดการเรียนรู้
๒๐๐
ความสาคญั ของแผนการเรยี นรู้ มีความสาคัญหลายประการ ดังน้ี
๑. เปน็ เครอ่ื งมือประกอบการจดั กิจกรรมการเรยี นร้ใู ห้สามารถบรรลจุ ดุ ประสงคก์ ารเรยี นร้ทู ่ี
กาหนด
๒. เปน็ เครื่องมือสาหรบั ผูป้ ฏบิ ตั กิ ารสอนแทนสามารถจดั กิจกรรมการเรียนรู้ตามสาระท่ีกาหนดได้
อย่างเหมาะสม
๓. เป็นเครือ่ งมือวัดประสิทธิภาพการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เพอ่ื ทราบความเหมาะสมในการจัด
กจิ กรรมแต่ละเนื้อหา และเป็นข้อมูลพน้ื ฐานในการพัฒนากจิ กรรมให้มปี ระสทิ ธภิ าพย่ิงขน้ึ
๔. ชว่ ยให้ผสู้ อนมีโอกาสศึกษาค้นคว้าและเรยี นรู้การจดั กจิ กรรมการเรียนรใู้ นรูปแบบตา่ ง ๆ เพ่ือ
ประกอบการเขียนแผนการเรียนรูท้ เี่ หมาะสมกับเนื้อหา และผ้เู รียน
๕. ช่วยใหผ้ สู้ อนสามารถจดั กจิ กรรมการเรียนรู้อย่างเป็นระบบตามขั้นตอนท่ีกาหนดไว้
๖. ชว่ ยใหผ้ ูส้ อนไดท้ บทวนประสบการณ์การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
๗. เป็นหลกั ฐานทางวิชาการในด้านการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
๒. ความหมายและประโยชนข์ องการวางแผน
แผนการสอน หมายถึง แผนการหรอื โครงการทจ่ี ัดทาเปน็ ลายลักษณ์อกั ษรเพ่ือใช้ในการ
ปฏบิ ตั กิ ารสอนในรายวชิ าใดวิชาหนง่ึ เป็นการเตรียมการสอนอยา่ งมีระบบ และเปน็ เคร่ืองมือทช่ี ว่ ยให้ครู
พัฒนาการจดั การเรยี นการสอนไปส่จู ดุ ประสงคก์ ารเรียนรแู้ ละจดุ มงุ่ หมายของหลกั สตู รได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
๒.๑ ประโยชน์ของการวางแผน
๑. เป็นคมู่ อื ในการดาเนนิ การจดั กจิ กรรมการเรียนรูต้ ามท่กี าหนด
๒. เป็นคมู่ ือจัดเตรียมวสั ดุ อุปกรณ์ประกอบการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
๓. เป็นค่มู ืออธิบายรายละเอยี ดแนวคดิ และขน้ั ตอนการวดั ผลประเมินผลการจดั การเรียนรู้
๔. เปน็ เคร่อื งช้ีวัดประสทิ ธภิ าพการจดั การเรียนรู้ และข้อบกพร่องในการจดั การเรยี นรู้
๕. เปน็ หลักฐานในการปฏบิ ัตกิ ารจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนอยา่ งเป็นระบบมีขั้นตอนการจัดการ
เรยี นร้อู ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
๒.๒ องค์ประกอบของแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ควรมี
๑. มาตรฐานการเรยี นรู้หรอื ผลการเรียนร้ทู ีค่ าดหวงั
๒. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
๓. สาระสาคญั หรอื แนวคิดหลกั
๔. สาระการเรยี นรู้ / เน้ือหาสาระ
๕. กิจกรรมการจดั การเรยี นรู้
๖. สอื่ และแหล่งการเรียนรู้
๗. วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผล
๘. การบันทกึ ผลหลังสอน
๓. การออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้
๑. กาหนดเปูาหมายการเรยี นร้(ู Indentity desired goals)
๒๐๑
วิเคราะหมาตรฐานสาระการเรยี นรูของรายวิชาทน่ี ามาออกแบบ และตองทาความเข้าใจกับมาตรฐาน
การเรียนรูแตละหวั ขอรวมท้งั จดุ มุงหมายทสี่ าคญั ของรายวิชาน้ันๆวา่ ตองการใหผูเรยี นไดเรียนรูเขาใจและเกดิ
ทกั ษะหรอื เจตคติในเร่ืองใดบาง โดยต้ังคาถามสาคญั เพ่อื ใชกาหนดเปนกรอบความคดิ หลัก
๒. กาหนดหลักฐานทีเ่ ปนผลการเรยี นรูของผูเรียนตามเปาหมายการเรียนรูท่ีกาหนด (Determine
Acceptable Evidence) เปนการนาเปูาหมายทกุ เปูาหมาย (สาระสาคญั ตวั ช้ีวดั ทุกตัวช้ีวดั และคุณลักษณะ)
มากาหนดหลกั ฐานทเ่ี ป็นผลการเรียนรูของผ้เู รยี น
๔. การเขยี นแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา
แผนการจดั การเรยี นรเู้ ปน็ เครื่องมือสาคญั สาหรับผสู้ อนในการจดั การเรยี นรู้ ซ่งึ ผสู้ อนจะต้องมีความรู้
ความสามารถในการจดั ทาแผนการจัดการเรยี นรู้เพอื่ ไปสเู่ ปูาหมายของการจดั การศึกษาของหลกั สตู รที่กาหนด
ไว้ ผสู้ อนจะตอ้ งหากลยทุ ธแ์ ละวิธีการในการจัดทาแผนการจัดการเรยี นรใู้ ห้ครบถว้ นตามองค์ประกอบสาคัญว่า
จดั ทาแผนอยา่ งไร เพือ่ ใคร มีเทคนิคและวธิ ีการอย่างไร ผลท่ีได้รับจะเป็นอยา่ งไร ดงั นน้ั แผนการจัดการเรียนรู้
จงึ เปรียบเสมือนเปูาหมายความสาเรจ็ ที่ผ้สู อนคาดหวังไว้
จดุ ประสงคท์ ี่กาหนด
การวางแผนการจัดการเรยี นรู้ หมายถงึ การตีความหมายของหลกั สูตร และการกาหนดรายละเอยี ด
ของหลกั สูตรทจ่ี ะต้องนามาจัดการเรียนการสอน ให้แกผ่ เู้ รียน ผลจากการวางแผนจะได้คู่มือทีใ่ ชเ้ ปน็ แนวทาง
เรยี กว่ากาหนดการสอน ประกอบดว้ ยกจิ กรรม
การเตรยี มการสอนเริ่มดว้ ยการจัดทาแผนการสอน ซึง่ เปน็ ผลมาจากการวางแผน มาสรา้ งเป็นแผนการสอน
ยอ่ ยๆ องค์ประกอบทีส่ าคัญของแผนการสอน ควรมดี ังนี้
๑. สาระสาคัญ
๒. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
๓. เนอ้ื หา
๔. กิจกรรมการเรียนการสอน
๕. สื่อการเรยี นการสอน
๖. การวัดและประเมินผลการเรยี น
รายละเอียดแผนการเรียนรู้
๑. สาระสาคัญ (Concept) เปน็ ความคดิ รวบยอดหรือหลักการของเร่ืองหน่งึ ทต่ี ้องการให้เกิดกับ
นักเรยี น เม่ือเรยี นตามแผนกาสอนแลว้
๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ (Learning Objective) เป็นการกาหนดจุดประสงค์ที่ตอ้ งการใหเ้ กดิ กับ
ผู้เรยี น เมื่อเรียนจบตามแผนการสอนแล้ว
๓. เน้อื หา (Content) เปน็ เน้อื หาทจ่ี ัดกจิ กรรมและต้องการใหน้ ักเรียนเกิดการเรียนรู้
๔. กจิ กรรมการเรียนการสอน (Instructional Activities) เปน็ การสอนขนั้ ตอนหรือกระบวนการจัด
กจิ กรรมการเรียนการสอน ซง่ึ นาไปสูจ่ ดุ ประสงคท์ ่ีกาหนด
๕. สื่อและอปุ กรณ์ (Instructional Media) เปน็ ส่อื และอุปกรณ์ทใี่ ชใ้ นกิจกรรมการเรยี นการสอน ที่
กาหนดไวใ้ นแผนการสอน
๖. การวัดผลและประเมินผล (Measurement and Evaluation) เปน็ การกาหนดขน้ั ตอนหรือวิธกี าร
วดั และประเมินผล วา่ นกั เรยี นบรรลจุ ดุ ประสงคต์ ามทรี่ ะบุไวใ้ นกิจกรรมการเรียนการสอน แยกเปน็ ก่อนสอน
ระหวา่ งสอน และหลังสอน
๒๐๒
๗. กิจกรรมเสนอแนะ เป็นกจิ กรรมทบ่ี ันทึกการตรวจแผนการสอน
๙. บันทึกการสอน เป็นการบันทึกของผูส้ อน หลังจากนาแผนการสอนไปใช้แลว้ เพ่อื เปน็ การปรบั ปรุง
และใชใ้ นคราวต่อไป มี ๓ หวั ขอ้ คือ
๙.๑ ผลการเรียน เปน็ การบนั ทกึ ผลการเรยี นดา้ นสขุ ภาพและปรมิ าณทัง้ ๓ ดา้ น คือดา้ น
พุทธิพิสัย จติ พิสยั และทักษะพิสยั ซง่ึ กาหนดในขนั้ กิจกรรมการเรยี นการสอนและการประเมิน
๙.๒ ปญั หาและอปุ สรรค เปน็ การบนั ทึก ปญั หาและอปุ สรรคที่เกดิ ขึ้นในขณะสอน ก่อนสอน
และหลังทาการสอน
๙.๒ ขอ้ เสนอแนะ / แนวทางแก้ไข
รูปแบบของแผนการสอนมี ๓ แบบ ไดแ้ ก่ แบบไมใ่ ช้ตาราง แบบตาราง และแบบกึ่งตาราง สามารถยึดหย่นุ
เร่ือง การแบ่งชอ่ งและเรียกชื่อ ดงั นี้
๑. หวั เร่อื ง
๒. จานวนคาบ / ชวั่ โมงของแต่ละหวั ขอ้
๓. สาระสาคญั โดยสรปุ
๔. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (กระบวนการทใ่ี ช้)
๕. กจิ กรรมการเรยี นการสอน
๖. การใช้ส่ือ/อุปกรณก์ ารเรยี นการสอน
๗. การวัดผลประเมินผล
๔. การวเิ คราะหจ์ ดุ ประสงคร์ ายวชิ า
การกาหนดจดุ ประสงค์การเรียนรู้ (Objectives) เป็นการกาหนดสิง่ ท่ีตอ้ งการให้ผเู้ รยี นมีหรอื บรรลุซงึ่
มีทัง้ ดา้ นความรู้ ทกั ษะและเจตคติ จดุ ประสงค์การเรยี นรจู้ ะได้มาจากระดบั ของหลกั สตู ร คือตั้งแตจ่ ดุ หมาย
ของหลักสตู ร จุดประสงค์ของสาขาวิชา มาตรฐานวิชาชพี สาขาวชิ าและสาขางานจนถงึ ระดับรายวิชา คือ
จุดประสงค์รายวชิ า มาตรฐานรายวชิ าและคาอธิบายรายวิชา ทีต่ ้องการจดั การเรยี นรเู้ พื่อมงุ่ ไปสผู่ ลสัมฤทธ์ิตาม
จดุ ประสงคร์ ะดบั หลักสูตร ท้งั น้ี การเขยี นจุดประสงค์การเรียนรทู้ ี่สมบูรณ์น้ันจะตอ้ งเขยี นให้ครอบคลมุ
พฤติกรรมทัง้ ๓ ด้านดังกลา่ ว
ด้านพุทธพิ สิ ัย (Cognitive Domain)คอื จุดประสงค์การเรียนรู้ทเี่ นน้ ความสามารถทางสมอง หรือ
ความรอบรใู้ นเนื้อหาวชิ าหลกั การหรือทฤษฎีพฤติกรรมการเรยี นรูด้ า้ นนีส้ ามารถวดั ได้จากการใหผ้ เู้ รียนแจก
แจงความรู้
ด้านจติ พิสัย (Affective Domain) คอื จุดประสงค์การเรียนรูท้ ี่เน้นหนกั ในด้านความสนใจ เจตคติ
คา่ นยิ ม อารมณแ์ ละความประทับใจซึ่งวัดได้โดยการสังเกต แต่บางเรอื่ งก็ไมส่ ามารถสงั เกตไดโ้ ดยตรง การระบุ
พฤติกรรมที่คาดหวังให้ผู้เรียนแสดงออกน้ัน ต้องอาศยั การรวบรวมพฤติกรรมทชี่ ้ีถงึ ความรู้สึก
ดา้ นทักษะพสิ ัย (Psychomotor Domain) คือจุดประสงค์การเรียนรู้เกี่ยวกบั การพัฒนาทกั ษะทาง
กาย เนน้ หนกั ดา้ นการวางทา่ ทางให้ถูกต้อง และเหมาะสมกับการปฏบิ ตั งิ านแตล่ ะชนิด สามารถระบุพฤติกรรม
ทีแ่ สดงออกไดจ้ ากการตีความทักษะหรอื การปฏบิ ตั อิ อกมาเปน็ พฤติกรรม
ระดบั ของจุดประสงค์การเรยี นรู้
๑.จุดประสงคท์ ่วั ไป หรอื จุดประสงคป์ ลายทาง
จุดประสงค์ทัว่ ไปหรอื จดุ ประสงคป์ ลายทาง คือ จดุ ประสงคท์ ี่เปน็ เปูาหมายสาคญั ท่ีมุ่งหวังใหเ้ กิด
ข้นึ กับผเู้ รียนในการเรียนรูแ้ ต่ละเรอื่ งหรือแต่ละหนว่ ยการเรยี นรู้
๒๐๓
๒. จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม หรือจุดประสงคน์ าทาง หรือจุดประสงค์เฉพาะ คือ จุดประสงค์ท่ี
วเิ คราะหอ์ อกมาจากจุดประสงค์ท่วั ไป โดยกาหนดพฤตกิ รรมสาคัญที่คาดหวังให้เกิดกบั ผเู้ รียนในการเรยี นร้แู ต่
ละหนว่ ยการเรยี นรูต้ ามแผนการจดั การเรยี นรู้
๖. สรุป
การเขียนแผนการจดั การเรยี นรทู้ ค่ี ล้ายกนั ในรูปแบบบรรยายหรอื แบบเรียงหัวข้อ นอกจากน้ียังมีผนู้ า
เสนอการเขยี นแผนแบบตาราง ซ่ึงการเขยี นแผนไมว่ า่ จะเป็นรปู แบบใด จะมอี งค์ประกอบ คือหัวเรอื่ ง
สาระสาคัญ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เนอื้ หาสาระ กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่ือการเรียนรู้ และการวัดผลประเมนิ ผล
การเรยี นรู้หลกั การเขยี นแผนการจดั การเรยี นรู้ การเขียนแผนการจดั การเรียนรู้ว่ามีข้ันตอนสาคญั ๑๐ ขั้น
ด้วยกนั คอื
๑. กาหนดหมวดหม่เู นอื้ หาและประสบการณ์
๒. กาหนดหน่วยการสอน
๓. กาหนดหัวเรอื่ ง
๔. กาหนดหลกั การและความคิดรวบยอด
๕. กาหนดจดุ ประสงคใ์ ห้สอดคล้องกับหวั เร่อื งเน้ือเรอื่ ง
๕.การปฏิบตั กิ ารเขียนแผนการจัดการเรยี นรู้
แผนการจดั การเรียนรู้เป็นเคร่ืองมือสาคญั สาหรับผู้สอนในการจดั การเรยี นรู้ ซง่ึ ผู้สอนจะต้อง
มคี วามรู้ความสามารถในการจดั ทาแผนการจดั การเรียนรเู้ พ่ือไปสเู่ ปูาหมายของการจัดการศกึ ษาของหลกั สูตร
ทกี่ าหนดไว้ ผสู้ อนจะต้องหากลยุทธ์และวธิ ีการในการจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ให้ครบถ้วนตาม
องคป์ ระกอบสาคัญว่าจดั ทาแผนอย่างไร เพ่ือใคร มีเทคนิคและวิธกี ารอยา่ งไร ผลท่ีได้รับจะเป็นอย่างไร ดงั นัน้
แผนการจัดการเรียนรู้จึงเปรยี บเสมอื นเปาู หมายความสาเร็จท่ีผู้สอนคาดหวงั ไว้
ข้ันตอนการจัดการทาแผนการจัดการเรียนรู้
๑. วเิ คราะห์คาอธบิ ายรายวิชา เพอ่ื ประโยชนใ์ นการกาหนดหน่วยการเรยี นรู้และรายละเอยี ดของแต่
ละหัวข้อของแผนกการจัดเรียนรู้
๒. วิเคราะห์จดุ ประสงคร์ ายวิชาและมาตรฐานรายวชิ า เพื่อนามาเขยี นเปน็ จุดประสงค์การเรียนรู้
โดยให้ครอบคลุมพฤติกรรมทั้งด้านความรู้ ทักษะ / กระบวนการ เจตคติและคา่ นิยม
๓. วิเคราะห์สาระการเรยี นรู้ โดยเลือกและขยายสาระท่ีเรียนรใู้ ห้สอดคล้องกบั ผูเ้ รยี น ชมุ ชน และ
ท้องถิน่ รวมท้ังวทิ ยาการและเทคโนโลยใี หม่ ๆ ที่จะเป็นประโยชนต์ อ่ ผู้เรยี น
๔. วิเคราะห์กระบวนการจัดการเรยี นร(ู้ กจิ กรรมการเรียนรู้) โดยเลือกรปู แบบการจดั การเรยี นร้ทู ี่เนน้
ผู้เรยี นเปน็ สาคัญ
๕. วิเคราะหก์ ระบวนการประเมนิ ผล โดยเลือกใชว้ ิธีการวดั และประเมนิ ผลทส่ี อดคลอ้ งกับ
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
๖. วเิ คราะห์แหลง่ การเรียนรู้ โดยคัดเลือกสอื่ การเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้ ทงั้ ในและนอก
หอ้ งเรยี นใหเ้ หมาะสมสอดคล้องกับกระบวนการเรยี นรู้
องค์ประกอบสาคัญของแผนการจดั การเรยี นรู้
องคป์ ระกอบสาคัญของแผนการจดั การเรียนรู้ อย่างน้อยต้องมสี ่งิ ตอ่ ไปน้ี
๑. สาระสาคัญ
๒. จุดประสงค์การเรียนรู้
๒๐๔
๓. สาระการเรยี นรู้
๔. กจิ กรรมการเรียนรู้
๕. สอ่ื / อุปกรณ์ / แหล่งการเรยี นรู้
๖. การวัดและประเมนิ ผล
๗. บันทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้
วิเคราะห์คาอธิบาย เพอ่ื กาหนดหน่วยการเรียนรู้ หัวข้อการเรียนรู้ และเวลาท่ีจะใช้
รายวิชา
เพอื่ กาหนดผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวงั ให้เกิดขนึ ้ กบั ผ้เู รียน ทงั้ ด้าน ความรู้
วเิ คราะหจ์ ุดประสงคร์ าวิชา ทกั ษะกระบวนการ เจตคติและพฤตกิ รรมลกั ษณะนิสยั ท่พี งึ ประสงค์
และมาตรฐานรายวิชา โดยการเขยี นในรูปจดุ ประสงค์ทวั่ ไปและเชิงพฤตกิ รรม
วิเคราะหส์ าระการเรยี นรู้
จากผลการเรียนรู้ - เลอื กและขยายสาระการเรียนรู้ให้สอดคล้องกบั ผ้เู รียน ชมุ ชน ท้องถิ่น
- สาระการเรียนรู้ต้องมคี วามเทยี่ งตรง ปฏิบตั ไิ ด้จริง ทนั สมยั และ เป็น
วิเคราะห์กระบวน ตวั แทนของความรู้
จดั การเรยี นรู้ - มีความสาคญั ทงั้ ในแนวกว้างและแนวลกึ
- จดั สาระการเรียนรู้ให้เรียงลาดบั จากงา่ ยไปหายากและตอ่ เนื่อง
วิเคราะหก์ ระบวน - จดั สาระทเ่ี รียนรู้ให้สมั พนั ธ์กบั รายวชิ า / กลมุ่ วชิ าอ่ืน ๆ
ประเมนิ ผล
- เลอื กรูปแบบการจดั การเรียนรู้ให้สอดคล้องกบั จดุ ประสงค์การเรียนรู้
วิเคราะหแ์ หลง่ การเรียนรู้ วา่ มงุ่ ไปในทศิ ทางใด
- มีความสนใจสาหรับผ้เู รียน
- สามารถเรียนรู้ได้ง่าย เหมาะสมกบั วยั ธรรมชาติของผ้เู รียนและสถานท่ี
- เลอื กวธิ ีการนาเข้าสกู่ ารเรียน
- ให้ผ้เู รียนทากจิ กรรมตามขนั้ ตอนของรูปแบบการเรียนรู้ ผ้เู รียนท่ีมี
ความสามารถแตกตา่ งกนั ไมจ่ าเป็นต้องทากิจกรรมเหมือนกนั
- ควรเน้นกิจกรรมที่ทางานเป็นทีมมากวา่ รายบคุ คล
- กิจกรรมทใ่ี ห้ผ้เู รียนปฏบิ ตั ิต้องนาเทคนคิ และวธิ ีการตา่ ง ๆ มาเป็น
เครื่องมือให้ผ้เู รียนบรรลตุ ามจดุ ประสงค์การเรียนรู้
- กิจกรรมท่ปี ฏบิ ตั คิ วรสอดคล้องกบั ชีวิตประจาวนั และชีวติ จริง
- กิจกรรมท่ปี ฏิบตั มิ ีทงั้ ในห้องเรียนและนอกห้องเรียน
- เปิดโอกาสให้ผ้เู รียนฝึกฝนและถ่ายทอดการเรียนรู้ไปสสู่ ถานการณ์
- ใหม่ ๆ พร้อมทงั้ ทาให้เกดิ ความจาระยะยาว
- ตรวจสอบความเข้าใจโดยให้ผ้เู รียนสรุป รวมทงั้ สง่ เสริมให้เช่ือมโยง
- วธิ ีการวดั และประเมินผลต้องสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- ใช้วิธีการวดั ทีห่ ลากหลาย
- เลอื กใช้เคร่ืองมือวดั ทีม่ ีความเชื่อมนั่
- แปลผลการวดั และการประเมินเพ่ือนาไปสกู่ ารพฒั นาและปรับปรุง
ให้เรียนรู้จากแหลง่ ความรู้หลากหลาย ทงั้ ในและนอกห้องเรียน
๒๐๕
๖. การแสนอการจัดการเรยี นรู้
ลกั ษณะของแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ดี ี ควรมดี งั นี้
๑. มีความละเอยี ด ชัดเจน มีหัวข้อและสว่ นประกอบต่าง ๆ ครอบคลุมตามศาสตร์ของการสอนโดย
สามารถตอบคาถามตอ่ ไปนี้
๑.๑ สอนอะไร (หนว่ ย หวั เรื่อง ความคดิ รวบยอดหรือสาระสาคญั )
๑.๒ เพอื่ จดุ ประสงคอ์ ะไร (จุดประสงค์การเรยี นรู้ ซง่ึ ควรเขยี นเปน็ จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม)
๑.๓ ด้วยสาระอะไร (เนือ้ หา / โครงรา่ งเนอ้ื หา)
๑.๔ ใชว้ ิธีการใด (กจิ กรรมการเรียนรซู้ ง่ึ ใชก้ จิ กรรมการเรยี นรูท้ ่ีเน้นผู้เรียนเปน็ สาคญั )
๑.๕ ใชเ้ คร่อื งมืออะไร (วสั ดอุ ุปกรณ์ สอื่ และแหล่งการเรียนรู้)
๑.๖ ทราบได้อย่างไรว่าประสบความสาเร็จ (การวดั ผลและประเมินผล)
๒. แผนการจดั การเรยี นรู้สามารถนาไปปฏิบตั ไิ ดจ้ ริง
๓. ส่วนประกอบตา่ ง ๆ ของแผนการจดั การเรียนร้มู คี วามสอดคลอ้ งสมั พันธ์เชื่อมโยงสมั พันธ์กัน เช่น
๓.๑ จุดประสงค์การเรียนรู้ครอบคลุมสาระ / เนื้อหา และเป็นจุดท่ีพัฒนาผู้เรียนในด้านความรู้
ทักษะ กระบวนการและเจตคติ
๓.๒ กิจกรรมการเรียนรู้ ควรสอดคลอ้ งกับจุดประสงค์และเน้อื หา / สาระ
๓.๓ วสั ดุอุปกรณ์ สอื่ และแหลง่ การเรยี นรู้ ควรสอดคลอ้ งสัมพนั ธ์กบั กิจกรรมการเรยี นรู้
๓.๔ การวดั ผลและประเมินผล ควรสอดคล้องกบั จุดประสงค์การเรียนรู้
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ีดีและสอดคล้องกับหลักเกณฑ์อาจารย์ ๓ ต้องเป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี
เน้นผเู้ รียนเป็นสาคัญ ดงั นี้
๑. มีการวิเคราะห์หลักสูตร จัดทาตารางวิเคราะห์คาอธิบายรายวิชา หรือวิเคราะห์สาระการเรียนรู้
จดั ทาหน่วยการเรียนรู้ และจัดทากาหนดการสอนหรอื โครงการสอน
๒. มีการวิเคราะห์ผู้เรียน โดยการจัดกลุ่มผู้เรียนตามความรู้ ความสามารถ ความสนใจ และความ
ถนดั แล้วนาไปเขียนแผนการจดั การเรยี นรตู้ ามศกั ยภาพของผูเ้ รียนเพ่อื เนน้ ผู้เรียนเป็นสาคญั
๓. มีการกาหนดเน้ือหาสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้สอดคล้องกับผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
ศกั ยภาพของผเู้ รยี น และความต้องการของท้องถิ่น รวมท้งั การบรู ณาการระหวา่ งวชิ า
๔. มกี ารกาหนดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย เหมาะสมและสอดคล้องกับศักยภาพของผู้เรียน มี
การบูรณาการ เน้นการคิด (ทักษะการคิด ลักษณะการคิด และกระบวนการคิด) การฝึกทักษะ การปฏิบัติจริง
และการสรา้ งองค์ความรู้ด้วยตนเอง
๕. มีการกาหนดส่ือ /นวัตกรรม/แหล่งเรียนรู้ท่ีหลากหลาย สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้/ผล
การเรียนรู้ท่ีคาดหวัง กิจกรรมการเรียนรู้ วัยและความสามารถของผู้เรียน และให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการ
เลอื ก จัดหาและจดั ทาสื่อ/แหล่งการเรยี นรู้
๖. มีการกาหนดการวัดผลและประเมินผล สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้/ผลการเรียนรู้ท่ี
คาดหวังและกจิ กรรมการเรียนรู้ มกี ารวัดผลตามสภาพจริง ให้ครอบคลมุ ทัง้ ด้านความรู้ ทกั ษะ และเจตคติ
๗. มีองคป์ ระกอบสาคัญครบถ้วน เนน้ ผูเ้ รียนเป็นสาคัญ สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่น เน้น
คณุ ธรรม จริยธรรม และมีการบรู ณาการตามความเหมาะสม
๒๐๖
๘. มีความสมบูรณถ์ กู ต้อง มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน ทาให้ผู้เรียนได้พัฒนา
ดา้ นความรู้ ทกั ษะและเจตคติ
รูปแบบของแผนการจัดการเรียนรู้
แผนการจัดการเรียนรู้สามารถเขียนได้ทั้งแบบความเรียงและแบบตาราง โดยมีส่วนประกอบสาคัญ
ดังน้ี
ส่วนท่ี ๑ ส่วนนา ประกอบด้วยรายละเอียดท่ัวไป ได้แก่ ช่ือหลักสูตร ประเภทวิชา สาขาวิชา
รหัสวิชา ช่ือวิชา หน่วยกิต จานวนช่ัวโมงต่อสัปดาห์ จุดประสงค์รายวิชา มาตรฐานรายวิชา และ
คาอธบิ ายรายวิชา
ส่วนท่ี ๒ โครงสร้างการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วย ตารางวิเคราะห์คาอธิบายรายวิชา และการ
กาหนดหน่วยการเรยี นร้แู ละเวลาทใ่ี ช้
ส่วนท่ี ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วย สาระสาคัญ จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการ
เรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือ/อุปกรณ์/แหล่งการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล และบันทึกผลหลังการ
จดั การเรยี นรู้
ใบช่วยสอน
ใบช่วยสอน (Instruction Sheet) คือ ส่ือประเภทสิ่งพิมพ์เฉพาะเร่ืองที่ช่วยสอนหรือใช้เสริมให้การ
จัดการเรียนรมู้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากขึ้น ได้แก่
๑. ใบความรู้ (Information Sheet) คือ ประเภทส่ิงพิมพ์เฉพาะเรื่องท่ีช่วยหรือใช้เสริมให้การ
จัดการเรยี นรมู้ ีประสิทธภิ าพมากข้นึ ไดแ้ ก่
๒. ใบงาน (Job Sheet) เอกสารท่รี ะบชุ นิดของงาน ซึง่ จะตอ้ งนาไปปฏิบัติตามรูปแบบที่กาหนด โดย
มีลาดับข้ันการปฏิบัติงานไว้อย่างชัดเจน ส่วนใหญ่จะใช้กับการปฏิบัติงานด้านวิชาชีพ ส่วนการปฏิบัติงาน
ทางด้านวชิ าการอาจใช้ใบกิจกรรม (Activity Sheet)
๓. ใบปฏิบัติงาน (Operation Sheet) เอกสารท่ีให้รายละเอียดในข้ันตอนหนึ่งของการปฏิบัติงาน
อยา่ งชัดเจน
๔. ใบมอบหมายงาน (Assignment Sheet) เอกสารที่มอบหมายงานให้ผู้เรียนปฏิบัติหรือค้นคว้า
เพมิ่ เตมิ
ตัวอย่างแบบฟอร์มแผนการจดั การเรียนรู้
สภาพท่วั ไปของแผนการจัดการเรียนรู้
รหสั วชิ า......................ช่อื วชิ า……………………………จานวน….หน่วยกิต…..ชม./สป.
หลักสูตร………………ประเภทวิชา……………………..…สาขาวชิ า…………………..
จดุ ประสงค์รายวิชา
1. .............................................................................................................................................
2. ..............................................................................................................................................
3. ................................................................................................................................ ..............
๒๐๗
4. ..............................................................................................................................................
5. ..............................................................................................................................................
มาตรฐานรายวิชา
1. ............................................................................................................................................
2. ............................................................................................................................................
3. ............................................................................................................................................
4. ............................................................................................................................................
5. ............................................................................................................................................
คาอธิบายรายวิชา
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................
หนว่ ยการเรียนรู้
รหสั วชิ า ……………. ชอื่ วชิ า ........................... จานวน ... หนว่ ยกิต ... ชม./สป.
ภาคเรยี นท.่ี ... ปกี ารศึกษา ........ ระดับ ................... สาขางาน ................................ สาขาวชิ า .....................
หนว่ ยท่ี ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ เวลา (ชม.)
๒๐๘
รวม
ตารางวเิ คราะห์จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
รหัสวิชา ……………. ช่อื วิชา ........................... จานวน ... หน่วยกิต ... ชม./สป.
ภาคเรยี นท.่ี ... ปกี ารศึกษา ........ ระดับ ................... สาขางาน ................................ สาขาวชิ า .....................
หนว่ ย ระดบั พฤติกรรมท่ีพงึ ประสงค์ เวลา
ท่ี (ชม.)
ชื่อหน่วย พทุ ธพิสัย ทกั ษะ จิต
พสิ ยั
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ พิสัย
หมายเหตุ ระดบั พุทธิพสิ ยั ๑ = ความทรงจา ๒ ความเข้าใจ ๓ = การนาไปใช้
๔ = วิเคราะห์ ๕ สังเคราะห์ ๖ = ประเมินค่า
๒๐๙
กาหนดการเรียนรู้
รหสั วิชา ……………. ชือ่ วิชา ........................... จานวน ... หนว่ ยกิต ... ชม./สป.
ภาคเรียนท.่ี ... ปีการศึกษา ........ ระดับ ................... สาขางาน ................................ สาขาวิชา .....................
สปั ดาหท์ ่ี หนว่ ยที่ ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ ช่วั โมงท่ี เวลา
(ว.ด.ป.) (ชม.)
รวม
๒๑๐
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี......
รหัสวชิ า…………….……..ชอ่ื วิชา………………………………… … (….) สอนครงั้ ท่ี……….
หนว่ ยท่ี………ชือ่ หน่วย…………………………………………เวลา…….ชม. สัปดาห์ท.ี่ ...........
๑. สาระสาคญั (ความเรยี ง)
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………..
๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
๒.๑ จุดประสงคท์ ่ัวไป (เป็นขอ้ ๆ ครบ ๓ ด้าน)
๒.๑.๑ ……………………………………………………………………………………
๒.๑.๒ ……………………………………………………………………………………
๒.๑.๓ ……………………………………………………………………………………
๒.๒ จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม (เปน็ ขอ้ ๆ ครบ ๓ ดา้ น ไมค่ วรเกนิ ๘ ขอ้ )
๒.๒.๑ ……………………………………………………………………………………
๒.๒.๒ ……………………………………………………………………………………
๒.๒.๓ ……………………………………………………………………………………
๒.๒.๔ ……………………………………………………………………………………
๒.๒.๕ ……………………………………………………………………………………
๒.๒.๖ ……………………………………………………………………………………
๒.๒.๗ ……………………………………………………………………………………
๒.๒.๘ ……………………………………………………………………………………
๓. สาระการเรียนรู้ (หวั ข้อใหญ่ หัวข้อรอง หัวขอ้ ยอ่ ย หรอื มขี ้อความกลา่ วนา)
๓.๑ ……………………………………………………………………………………………
๓.๑.๑ ……………………………………………………….
๓.๑.๑.๑ ……………………………………………….
๓.๑.๑.๒ ……………………………………………….
๓.๑.๒ ……………………………………………………….
๓.๑.๒.๑ ……………………………………………….
๓.๑.๒.๒ ……………………………………………….
๓.๒ …..……………………………………………………………………………………….
๒๑๑
๓.๒.๑ ……………………………………………………….
๓.๒.๑.๑ ……………………………………………….
๓.๒.๑.๒ ……………………………………………….
๔. กิจกรรมการเรียนรู้ (เนน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคัญ ดว้ ย วธิ กี ารสอน เทคนิคการสอน กระบวนการสอน ท่ี
หลากหลายเหมาะสมกับรายวชิ า ควรบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพียงแผนใดแผนหน่ึงดว้ ย)
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………..
๕. สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้ (ส่ือสิ่งพิมพ์ นวัตกรรม ส่ือโสตทศั น์และแหล่งการเรยี นรทู้ ่ีหลากหลาย
เหมาะสมกับเรอื่ งนั้นๆ ในสว่ นนี้ใช้เป็นผลงานวิชาการได้ เช่น ผลงานวชิ าการคอื เอกสารประกอบการ
จดั การเรียนรู้ ประกอบด้วย ใบความรู้, แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน-หน่วยเรียน-แบบฝกึ หัด-แบบฝกึ ,
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น-หลังเรียน-หนว่ ยเรียน-แบบฝึกหัด-แบบฝึก)
๕.๑ ……………………………
๕.๒ ……………………………
๕.๓ ……………………………
๕.๔ ……………………………
๕.๕ ……………………………
๕.๖ ……………………………
๕.๗ ……………………………
๕.๘ ……………………………
๕.๙ ……………………………
๕.๑๐ ……………………………
๕.๑๑ ……………………………
๕.๑๒ ……………………………
๕.๑๓ ……………………………
๕.๑๔ ……………………………
๕.๑๕ ……………………………
๖. การวัดผลประเมินผล
๖.๑ วดั ผลประเมินผลตามจุดประสงค์ (ครบทุกข้อ)
๖.๑.๑ ........................................
๒๑๒
๖.๑.๒ ........................................
๖.๑.๓ ........................................
๖.๒ เครอ่ื งมอื วดั ผลประเมนิ ผล (เฉพาะทใี่ ช้จรงิ ครอบคลุมทกุ ข้อ)
๖.๒.๑ ........................................
๖.๒.๒ ........................................
๖.๒.๓ ........................................
๖.๓ วิธวี ดั ผลประเมินผล (บอกวธิ ีทีใ่ ช)้
๖.๓.๑ ........................................
๖.๓.๒ ........................................
๖.๓.๓ ........................................
๖.๔ เกณฑ์การวัดผลประเมินผล (กาหนดเกณฑ์ผา่ น)
๖.๔.๑ ........................................
๖.๔.๒ ........................................
๖.๔.๓ ........................................
๗. กจิ กรรมเสนอแนะ/งานทมี่ อบหมาย
๗.๑ กจิ กรรมเสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
๗.๒ งานท่มี อบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
๘. เอกสารอา้ งอิง/บรรณานกุ รม (ตามระเบยี บวิธใี ชแ้ นวทางของสถาบนั ใดกไ็ ด)้
…………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………….
๙. บันทกึ หลังการจัดการเรียนรู้ (เปน็ รายห้อง/กลุ่ม และเป็นรายครงั้ แยกแผน่ จากขอ้ ๘)
รายวิชา....................................รหสั วชิ า...............................................สัปดาหท์ .่ี .................
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่.....ระดบั ชน้ั ..........กลุ่ม ........ สาขาวิชา ....................................
๙.๑ ผลการจดั การเรียนรู้ (ข้อดี ข้อดอ้ ย)
๒๑๓
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
๙.๒ ปญั หาและอุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
๙.๓ แนวทางแกไ้ ข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
๙.๔ ขอ้ เสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
หมายเหตุ .......................................(บันทกึ ขอ้ มูลท่นี อกเหนอื จากขอ้ ๙.๑ ถึง ๙.๔ เช่น ตรงกับ
ไปราชการ ตรงกบั หยุดนกั ขัตฤกษ์ มีขอ้ แนะนาดังนี้ ให้ท่านบนั ทึกขออนุญาตสอนชดเชยในวนั ที่ผเู้ รียนว่างครู
ว่างตรงกันและมีเวลาพักของนกั เรียนเพียงพอ หรือวันเสาร์ ไม่แนะนาให้สอนแทนเพราะครูทา่ นอืน่ สอนแทน
มใิ ช่ตวั เรา มิใชผ่ ลงานของเรา เราจะรายงานผลการจัดการเรียนร้อู ยา่ งไร)
................................................................................................................................................................ ..............
..................................................................................................................... .........................................................
............................................................................................................................. .................................................
...................................................................................................................................................... ........................
.............................................................
แผนการจัดการเรยี นรู้แบบตาราง
รหสั วชิ า………………ชือ่ วิชา……………………………จานวน…หนว่ ยกติ …..ชม./สป.
หน่วย สาระการ จดุ ประสงค์การ กิจกรรมการ สือ่ การประเมนิ เวล
ที่ เรียนรู้ เรียนรู้ เรียนรู้ า
๒๑๔
รวม
ใบความรู้ท่ี ……
รหสั วชิ า……………ชอ่ื วชิ า………………………………. …. (….) สอนคร้ังท่ี……..
หนว่ ยที่…………….ชื่อหนว่ ย…………………………......... เวลา ……ชม. สัปดาห์ท่ี .....
ชื่อเร่ือง………………………………………………………………. เวลา………นาที
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
สาระการเรียนรู้/เนอื้ หา อาจมรี ูปภาพ
๑. ………………………………………….. ประกอบเนอื ้ หา
๑.๑ ………………………………………
๑.๒ ………………………………………
๑.๒.๑ ………………………………..
๑)………………………………
๒. …………………………………………..
แบบฝกึ หัด / คาถาม / ปัญหา
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
เอกสารอา้ งอิง / เอกสารคน้ ควา้ เพ่มิ เติม
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
๒๑๕
ใบงานที่ ……
รหัสวชิ า……………ชอ่ื วิชา…………………………………. …. (….) สอนครง้ั ที่……
หนว่ ยที่……….ช่อื หน่วย……………………………………. เวลา …ชม. สัปดาหท์ .ี่ .......
ชอ่ื งาน……………………………………………………………….…. เวลา………นาที
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
วสั ดุ/อปุ กรณ์
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ลาดับขนั้ ตอนการปฏบิ ัตงิ าน อาจมีรูปภาพประกอบ
ข้นั ท่ี ๑ ……………………………………… ข้อควรระวงั ข้อเสนอแนะ
ขนั้ ที่ ๒ ………………………………………
ขัน้ ท่ี ๓ ………………………………………
การประเมินผล
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
เอกสารอา้ งองิ / เอกสารค้นคว้าเพมิ่ เตมิ
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
๒๑๖
ใบกิจกรรมท่ี …..
รหัสวิชา……………ชอ่ื วิชา…………………………………. …. (….) สอนครง้ั ท่ี……
หน่วยที่…………….ชื่อหนว่ ย……………………………… เวลา …ชม. สัปดาห์ท.ี่ ......
ชื่อกิจกรรม…………………………………………………………….. เวลา………นาที
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
วัสดุ/อปุ กรณ์
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
คาสงั่
๑. ……………………………………… อาจมีรูปภาพประกอบ
๒. ……………………………………… ขอ้ ควรระวัง ข้อเสนอแนะ
๓. ………………………………………
การประเมนิ ผล
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ขอ้ แนะนาในการเขยี นแผนการจดั การเรยี นรู้
องคป์ ระกอบของแผนการจดั การเรยี นรู้ ขอ้ แนะนาการเขียน
๑. ชอื่ หน่วยการเรียนรู้/หวั ขอ้ เร่อื ง เขียนให้ชัดเจน กะทัดรัด เหมาะสมครอบคลุมเน้ือหา
สาระการเรยี นรแู้ ละเวลาท่ีกาหนด
๒๑๗
๒. สาระสาคัญ เขียนให้กะทัดรัด เป็นหัวข้อย่อยหรือความเรียงก็ได้ แต่
๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ต้องสอดคล้องกับช่ือหน่วย/หัวข้อเรื่อง เน้นให้รู้ว่าจะต้อง
๔. สาระการเรยี นรู้ เรยี นรเู้ ก่ยี วกบั อะไรและเรื่องน้นั สาคัญอยา่ งไร
๕. กจิ กรรมการเรยี นรู้
กาหนดสิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน โดยให้ครอบคลุม
๖. สือ่ การเรยี นรู้ หวั ขอ้ เร่ือง เน้นพฤติกรรมและจิตพิสัย โดยเขียนเป็นข้อ ๆ
๗. การวดั ประเมนิ ผล เรียงตามลาดับ แบ่งเป็นจุดสงค์ทั่วไป และจุดประสงค์เชิง
พฤตกิ รรม
๘. งานมอบหมาย / กิจกรรมเสนอแนะ
๙. เอกสารอ้างองิ หรอื บรรณานุกรม กาหนดให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ เวลา ระดับความรู้
๑๐. บนั ทึกหลงั การจัดการเรียนรู้ ของผ้เู รียน จงึ เรียงลาดับอย่างเหมาะสมจากง่ายไปหายาก
โดยเขยี นเนน้ เฉพาะประเดน็ ท่สี าคญั (รายละเอียดอยู่ในใบ
ความรู้)
ระบกุ ิจกรรมที่เลือกตามบทบาทของผู้สอนและผู้เรียน โดย
เขียนให้ชัดเจนในแต่ละข้ันตอนของกระบวนการจัดการ
เรียนรู้ และเหมาะสมกับเวลา หากมีหลายกิจกรรมต้อง
เป็นกิจกรรมตอ่ เนอ่ื งตามลาดับท่ีต้องการให้เกิดการเรียนรู้
ตามจดุ ประสงค์การเรียนรูท้ ี่กาหนดไว้
กาหนดให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ สาระการเรียนรู้
กิจกรรมการเรียนรู้ และเวลา โดยท่ัวไปจะแบ่งเป็นสื่อ
ส่งิ พิมพ์ (เอกสาร ตารา ใบช่วยสอน) และสื่อโสตทัศน์
ต้องสอดคล้องกบั จุดประสงค์และเวลา โดยกาหนดจานวน
ครั้ง วิธีวัดและวิธีประเมินผลให้ชัดเจน ซ่ึงโดยท่ัวไป
แบ่งเป็นการประเมินภาคทฤษฎี (ประเมินด้านพุทธพิสัย
และจิตพิสัย) และการประเมินภาคปฏิบัติ (ประเมินด้าน
ทักษะพิสยั ) รวมทงั้ ตอ้ งกาหนดเครือ่ งมือที่ใช้วัดและเกณฑ์
การประเมินให้ชัดเจน
กาหนดให้สอดคล้องกับเนื้อหาและจุดประสงค์ โดยอาจ
เป็นงานที่ทานอกเวลาเพื่อเสริมความรู้ความเข้าใจ ทักษะ
และประสบการณ์ หรือส่ิงท่ีต้องเตรียมล่วงหน้า จึงต้อง
กาหนดเวลาส่งงานและเกณฑก์ ารให้คะแนนด้วย
เขียนตามแบบที่นิยมรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ท้ังสื่อส่ิงพิมพ์
และสื่อโสตทัศน์
ระบุถึงข้อดี ข้อด้อย ปัญหาอุปสรรคในการจัดการเรียนรู้
และแนวทางแกไ้ ข
๒๑๘
ใบกจิ กรรมท่ี ๔
การจดั ทาแผนการจดั การเรยี นรู้
คาส่งั
๑. ให้แบ่งกลมุ่ กล่มุ ละ ๕ คน ตามความสมัครใจ
๒. ร่วมกันศึกษาและวเิ คราะห์ตวั อยา่ งแผนการจดั การเรยี นรู้ตัวอย่าง แลว้ สรปุ ตามประเด็นตอ่ ไปน้ี
จุดเดน่
จดุ ทีค่ วรปรบั ปรงุ
ข้อคิดท่ไี ด้
๒๑๙
แผนการจดั การเรยี นรู้
รหสั วิชา ๒๐๐๐-๑๓๐๙ วิชา ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม ๒ หนว่ ยกติ (๒ ชม./สป.)
หนว่ ยที่ ๙ ชื่อหนว่ ย การอนรุ ักษ์และพัฒนาสิ่งแวดลอ้ ม เวลา ๒ ชว่ั โมง
สาระสาคัญ
การอนุรักษ์และพัฒนาสงิ่ แวดล้อมต้องเรมิ่ มาจากการตระหนักในปญั หาและความจาเป็น และร่วมกัน
หาแนวทางปูองกนั และแก้ไขปญั หาอย่างยง่ั ยืน
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
จุดประสงคท์ ่ัวไป
มีความรู้ความเข้าใจและตระหนกั ในปญั หาส่ิงแวดล้อม สามารถวเิ คราะห์ปญั หาและวางแผนเสนอ
ปฏบิ ตั ใิ นการรณรงคส์ ่งเสรมิ เพื่อการอนุรักษแ์ ละพัฒนาสิ่งแวดลอ้ ม
จดุ ประสงค์ กิจกรรมการเรยี นรู้ สือ่ การเรยี นรู้ การวดั และ
เชงิ พฤติกรรม ประเมินผล
๑. ระบปุ ัญหาของ ๑. ผสู้ อนเสนอภาพขา่ วหรือภาพ ๑. ภาพสภาพแวด- ๑. ประเมินผลการ
ส่งิ แวดล้อมทีเ่ กิด เหตุการณ์จากหนา้ หนังสือ
ขน้ึ ได้ พมิ พท์ ่เี ก่ยี วข้องกับสภาพแวด- ลอ้ มทถี่ กู ทาลาย วิเคราะห์ปัญหา
ล้อมทางธรรมชาติทถ่ี กู ทาลาย
๒. วเิ คราะหส์ าเหตุ เช่น ภาพนา้ เน่าเสยี ควันพิษ ๒. ปูายนิเทศแสดง สาเหตุ และผล
และผลกระทบ การตัดไมท้ าลายปุา ฯลฯ แลว้
ของการเกิดปัญหา ให้ผเู้ รยี นอภิปรายแสดงความ ข่าวทเ่ี กีย่ วกับการ โดยพจิ ารณา
สิง่ แวดล้อมได้
คิดเห็นท่ีมีตอ่ ภาพหรือเหตุ- คน้ คว้าของผเู้ รยี น จากกิจกรรม
๓. อภิปรายถึงความ การณแ์ ต่ละเรอ่ื ง
จาเปน็ ในการ ๒. แบ่งกลมุ่ ผู้เรยี นเป็น ๕ กล่มุ ให้ ๓. เอกสารอา้ งอิง อภปิ ราย
อนุรักษแ์ ละพฒั นา แต่ละกลุม่ นาปัญหาท่บี นั ทึก
สว่ิ แวดล้อมได้ ไว้มาวิเคราะหส์ าเหตแุ ละผล ประกอบการคน้ รายงาน การ
กระทบจากสภาพแวดล้อมท่ี
๔. เสนอแนะแนวทาง ถกู ทาลาย เขยี นลงในตาราง ตอบ
การอนรุ กั ษแ์ ละ
พัฒนาส่งิ แวดล้อม คว้าของผูเ้ รยี น คาถามของ
๔. ใบงาน ผเู้ รยี น
๕. แบบประเมนิ ผล ๒. ประเมินการ
การเรียนรู้ วางแผนกาหนด
แนวปฏิบตั ิและ
ผลการปฏิบัติ
โดยใช้แบบ
จุดประสงค์ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่อื การเรียนรู้ การวดั และ
เชิงพฤตกิ รรม ประเมนิ ผล
และผคู้ นมีสว่ นร่วม การวิเคราะห์ในใบงานที่ ๑ ประเมินผลงาน
๓. สังเกตการทา
ปฏิบตั ิได้ ๓. แตล่ ะกล่มุ ส่งตัวแทนกลุ่ม
๕. สรปุ คุณคา่ ของการ เสนอผลการวิเคราะห์ ผู้ ๒๒๐
ปฏบิ ตั ิและแนวทาง เรยี นชว่ ยกนั สรุปถงึ ความ งานรว่ มกบั ผ้อู ่นื
โดยใช้แบบ
การรณรงคส์ ่งเสรมิ จาเปน็ ของการปูองกนั สังเกต
เพ่ือการอนรุ ักษ์ สภาพแวดลอ้ มแล้วจด การวดั และ
ประเมินผล
และ
พัฒนาสง่ิ แวดล้อม บันทกึ เป็นข้อ ๆ
ตามลาดบั
ได้ ปัญหา
๖. ทางานรว่ มกับผู้อืน่ ๔. ผสู้ อนตงั้ คาถามใหผ้ ู้เรียน
ได้ ชว่ ยกันอภปิ รายถงึ หวั ข้อ
สาคัญท่คี วรศึกษาคน้ ควา้
เพอื่ ใหไ้ ด้คาตอบเกย่ี วกบั
ผลลัพธท์ ตี่ อ้ งมีการอนรุ ักษ์
และพฒั นาสงิ่ แวดล้อม
แล้วชว่ ยกันจัดเปน็
ประเดน็ ใหญ่ ๆ เชน่
- การเพิม่ สเี ขียวในชุมชน
ของเรา
- การลดปริมาณควันพิษ
ในแหล่งทมี่ ีการจราจร
หนาแนน่
- การรักษาแม่นา้ แหล่ง
น้า ฯลฯ
๕. แบ่งกลุ่มผเู้ รียน กลุ่มละ
๖-๘ คน ให้แต่ละกลมุ่
เลอื ก
ศกึ ษาประเดน็ ทีไ่ ม่ซา้ กัน
จุดประสงค์ กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือการเรียนรู้
เชิงพฤตกิ รรม
โดยวางแผนศกึ ษาขอ้ มูล
จากแหล่งตา่ ง ๆ (รวมทงั้
หนังสือเรยี น) เพือ่ กาหนด
แนวปฏบิ ัตใิ หบ้ รรลเุ ปาู
หมายทตี่ ้องการ ระบผุ คู้ วร
มสี ว่ นรว่ มและบทบาท
หนา้ ที่ของบคุ คลต่าง ๆ
ตามใบงานท่ี ๒
๒๒๑
๖. แต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนนา
เสนอผลการศกึ ษาค้นควา้
ด้วยวิธกี ารนาเสนอท่ีหลาก
หลาย เชน่ บทบาทสมมติ
ละคร การอภปิ ราย ฯลฯ
ผู้เรยี นกล่มุ อ่ืนและผูส้ อน
ร่วมอภปิ รายเปรียบเทียบ
ผลดี ขอ้ จากัดของแตล่ ะ
แนวทางและขอ้ เสนอแนะ
๗. ผู้สอนและผู้เรยี นรว่ มกนั
สรปุ เปน็ เจตนารมณ์ และ
กจิ กรรมสบื เน่ืองที่ควรยดึ
ถือปฏบิ ตั ิตลอดไป เพื่อ
การอนุรกั ษแ์ ละพฒั นาส่งิ
แวดล้อม
๘. ประเมินผลการเรียนรูด้ ว้ ย
แบบทดสอบ
ใบงานท่ี ๑
จากประเดน็ ปัญหาส่งิ แวดลอ้ มท่ีกาหนด จงดาเนินการระดมพลงั งานสมองและอภิปรายเพอ่ื วเิ คราะห์
สาเหตแุ ละผลกระทบ เขยี นลงในตารางต่อไปน้ี
สภาพแวดล้อมที่ถูกทาลาย สาเหตุ ผลกระทบ
ใบงานท่ี ๒
เมอื่ เลอื กประเดน็ ที่กลมุ่ จะศกึ ษาได้แลว้ จงร่วมกันวางแผนศึกษาคน้ คว้าข้อมูลจากแหลง่ ต่าง ๆ และ
จดั ทารายงานการศกึ ษาให้ครอบคลมุ ประเดน็ ย่อยท่กี าหนด พร้อมทั้งเตรยี มการนาเสนอผลการศึกษาใน
รูปแบบทน่ี ่าสนใจ กลุ่มละ ๑๕ บาท
๑. เปูาหมายของการอนุรักษ์และพฒั นาสิ่งแวดลอ้ ม
๒๒๒
๒. ประเด็นย่อย
๒.๑ แนวทางการปฏิบัตใิ หบ้ รรลเุ ปูาหมายในผลที่ตอ้ งการ
๒.๒ ผูค้ วรมสี ่วนร่วมในการปฏบิ ัตใิ ห้บรรลุเปาู หมายในผลทตี่ อ้ งการ
๒.๓ บทบาทหนา้ ที่ของบคุ คลตา่ ง ๆ
แบบประเมินผลงานกลมุ่
รายการประเมนิ ระดับคุณภาพ
๑. การวางแผนการทางาน ดีมาก (๓) ดี (๒) ควรปรับปรุง (๑)
๒. การคน้ ควา้ ข้อมูล
๓. การเรยี บเรียงเน้ือหา
๔. การจัดทารายงานสมบูรณ์
๕. การทาเสนอผลงาน
แบบบันทึกการสังเกตการปฏิบตั ิงานงานกล่มุ กลุ่มที่…….
ลาดับ การทางานที่ ความมนี ้าใจ ความเปน็ ผนู้ า การแสดง
ท่ี ได้ เออ้ื เฟื้อ และผ้ตู ามใน ความ
รบั มอบหมาย ช่วยเหลอื โอกาสอนั ควร คิดเห็นท่ีเป็น รวม
อย่างเต็ม ผอู้ ื่น ประโยชนต์ อ่
ช่ือ-สกุล
ความ งาน
สามารถ
๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๑๖
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
คาชีแ้ จง ให้ผู้สงั เกตพิจารณาคุณภาพพฤตกิ รรมของผู้เรยี นแตล่ ะคนและเขยี นเครื่องหมาย / ลงใน ช่อง
ระดับคะแนน
ระดับ ๔ หมายถึง มีพฤติกรรมในระดบั สูง ระดับ ๓ หมายถงึ มีพฤติกรรมในระดับสูง
ระดบั ๒ หมายถงึ มีพฤตกิ รรมในระดบั ปานกลาง ระดับ ๑ หมายถึง มีพฤติกรรมในระดบั ตา่
๒๒๓
แบบฝึกหดั ท้ายบท
๑.พฤติกรรมและการกระทาด้านการปฏบิ ตั ิงานของนักเรยี นคอื ข้อใด
ก. พุทธพิ สิ ัย ข. จติ พสิ ยั
ค. ทักษะพสิ ยั ง. บูรณาการ
๒. ขอ้ ใดเปน็ คุณลกั ษณะของเคร่อื งมือวัดประเมนิ ผลนักเรยี นทดี ี
ก. แฟมู สะสมงาน ข. สถานการณ์ เงื่อนไข
ค. เปน็ ปรนยั ง. แบบทดสอบ
๓. ขอ้ ใดไม่ใช่ประเภทของสื่อการเรยี นการสอน
ก. ส่ือประสม ข. วัสดุ
ค. อุปกรณ์ ง. เทคนิควธิ ี
๔. จดั ให้สอดคล้องกับจติ วทิ ยาพัฒนาการและการเรยี นรขู้ องเด็ก
ก. หลักการจดั การศึกษา ข. จดุ มงุ่ หมายการจัดการศึกษา
ค. เน้ือหาสาระการศึกษา ง. สื่อการสอน
๕. ไมใ่ ชล่ กั ษณะของส่ือ เทคโนโลยนี วัตกรรมทางการศกึ ษา
ก. มีความเท่ียงตรงเช่อื มั่น ข. มปี ระสิทธภิ าพ
ค. มีความคงทน ง. ประหยดั คุม้ ค่า
๖. เป็นกระบวนการแสวงหาความรคู้ วามจรงิ โดยวิธี การท่เี ชอ่ื ถอื ได้
ก. การวิจยั ข. ตัวแปรการวิจัย
ค. ความแปรปรวน ง. กลมุ่ ตวั อย่าง
๗. ไมใ่ ช่หลกั การของหลกั สูตรการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน
ก. เอกภาพของชาติ ข. การเรยี นรูต้ ลอดชีวิต
ค. การสรา้ งโอกาส ง. การศึกษาเพอื่ ปวงชน
๘. สาระด้านการอ่าน ฟัง เขยี น พดู
ก. ภาษาไทย ข. คณติ ศาสตร์
ค. ภาษาอังกฤษ ง. ขอ้ ก และ ค ถูก
๙. เนอ้ื หาตามหลักสตู รการศึกษาขัน้ พนื้ ฐานเรียกวา่ อะไร
ก. มาตรฐาน ข. กลมุ่ การเรยี น
ค. สาระการเรยี นรู้ ง. กลุ่มสาระเรยี นรุ้
๑๐. ไม่ใชก่ ระบวนการเรียนรู้ตามแนวทางปฏิรูปกระบวนการเรยี นการสอนรปู แบบบูรณาการ
ก. การบรู ณาการแบบผูส้ อนคนเดียว ข. การบูรณาการแบบคู่ขนาน
ค. การบรู ณาการแบบสหวทิ ยาเขต ง. การบรู ณาการแบบโครงการ
๑๑.วันทีก่ ระทรวงศึกษาธิการประกาศใชห้ ลกั สูตรการศึกษาขัน้ พ้ืนฐานครบ ๔ ปี
ก. ๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๔ ข. ๒ พฤศจกิ ายน ๒๕๔๕
ค. ๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ ง. ๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๘
๑๒. ทา่ นจะจัดประเภทของคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน( CAI) เข้ากบั กลุ่มใด
๒๒๔
ก. ฮาร์ดแวร์ ข. ซอฟตแ์ วร์
ค. นวตั กรรม ง. เทคโนโลยี
๑๓. ท่านเขา้ ใจคาวา่ วทิ ยากรทอ้ งถิ่นวา่ อยา่ งไร
ก. ครทู ่อี ยู่ในชุมชนท้องถิ่นใกล้โรงเรยี น ข. ชาวบา้ นทีอ่ ยใู่ นท้องถ่นิ
ค. ผู้ที่กอ่ ตง้ั เปน็ เครอื ข่ายวิชาการในท้องถิน่ ง. ผ้มู คี วามรู้ความสามารถเฉพาะด้านในท้องถน่ิ
๑๔. ไม่ไดก้ ล่าวไว้ในหลกั สตู รการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน ๒๕๔๔
ก. สาระการเรยี นรู้ ข. หนว่ ยกติ
ค. การบูรณาการคขู่ นาน ง. CAI ชว่ ยสอน
๑๕.หากพิจารณาตามหลักการจัดสอ่ื การสอน สื่อประเภทใดทีทาใหเ้ กิดการเรยี นรู้มากท่ีสดุ
ก. ส่ือและประสบการณ์เรยี นรู้จากภาพยนตร์
ข. สอ่ื และประสบการณ์เรยี นร้กู ารศึกษานอกสถานที่
ค. ส่อื และประสบการณ์เรียนรจู้ ากการแสดงละคร
ง. ส่อื และประสบการณ์จากการสาธิต
๑๖."โรงเรยี นนีน้ ักเรียนคอ่ นข้างทีจ่ ะขาดระเบยี บวินยั นะ อาจารย์ชว่ ยดแู ลหนอ่ ย" ข้อความนี้ อาจารย์
ใหญ่ อยากใหค้ รปู รบั ปรุงโครงการใด
ก. กิจกรรมแนะแนว ข.ค่ายคณุ ธรรม
ค. ส่งเสริมวินัยนักเรยี น ง. ถูกทุกข้อ
๑๗. งานใดท่ชี ว่ ยให้นกั เรยี นปรบั ตัวเขา้ กบั เพอื่ นในหอ้ งเรียนไดด้ ที ่ีสุด
ก. งานสภานักเรียน ข. งานเสรมิ สรา้ งวนิ ยั
ค. งานกิจกรรมสหกรณ์ ง. งานแนะแนว
๑๘.ขอ้ ใดคือผลระทบขนั้ สดุ ท้ายที่ตอ้ งการของการจดั ระบบนิเทศภายในโรงเรยี น
ก. คุณภาพของครู ข. คณุ ภาพของนักเรียน
ค. บรรยากาศการทางานของครู ง. การปรับปรุงพฒั นาวิชาชพี ครู
๑๙. คณุ ธรรมที่ต้องการปลูกฝงั ให้เกิดกับนักเรียนตามโครงการพระมหาชนกสู่การเรียนรู้ คอื ข้อใด
ก. ความเพยี รพยายาม ข. การสร้างความดี
ค. ความเสียสละ ง. ความเอื้ออาทรหว่ งหา
๒๐. ขอ้ ใดคือภาพของเด็กไทยตามแนวทางปฏิรูปการศกึ ษา
ก. คิดเปน็ ทาเปน็ แก้ปญั หาเป็น ข. ใจกว้าง กายโต ทักษะสูง
ค. คนเกง่ คนดี มีความสขุ ง. คดิ กวา้ ง คดิ ไกล ใฝเุ รียนรู้
ลักษณะของแผนการจดั การเรียนร้ทู ่ดี ี ควรทาอยา่ งไรมีอะไรบา้ ง
ตอบ ๑. มีความละเอียด ชัดเจน มีหัวข้อและส่วนประกอบตา่ ง ๆ ครอบคลุมตามศาสตร์ของ
การสอนโดยสามารถตอบคาถามต่อไปนี้
๑.๑ สอนอะไร (หน่วย หัวเรอื่ ง ความคดิ รวบยอดหรือสาระสาคญั )
๑.๒ เพือ่ จุดประสงค์อะไร (จุดประสงค์การเรยี นรู้ ซ่งึ ควรเขียนเป็นจดุ ประสงค์เชิง
พฤติกรรม)
๒๒๕
๑.๓ ด้วยสาระอะไร (เน้ือหา / โครงรา่ งเนอื้ หา)
๑.๔ ใช้วธิ ีการใด (กจิ กรรมการเรียนรซู้ งึ่ ใชก้ ิจกรรมการเรียนรู้ทเี่ น้นผเู้ รียนเป็นสาคญั )
๑.๕ ใชเ้ คร่ืองมืออะไร (วสั ดุอปุ กรณ์ สื่อและแหลง่ การเรยี นรู้)
๑.๖ ทราบไดอ้ ยา่ งไรว่าประสบความสาเรจ็ (การวัดผลและประเมินผล)
๒. สว่ นประกอบตา่ ง ๆ ของแผนการจดั การเรยี นรู้มคี วามสอดคล้องสัมพนั ธเ์ ชอื่ มโยงสมั พนั ธก์ นั
อยา่ งไรบ้างยกตวั อย่าง
ตอบ ๑ จดุ ประสงค์การเรยี นรูค้ รอบคลมุ สาระ / เนอื้ หา และเป็นจุดท่ีพัฒนาผเู้ รียนในดา้ น
ความรู้ ทกั ษะ กระบวนการและเจตคติ๒ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ควรสอดคล้องกับจุดประสงคแ์ ละเน้ือหา /
สาระ วสั ดอุ ุปกรณ์ สื่อ และแหลง่ การเรียนรู้ ควรสอดคล้องสัมพันธก์ บั กิจกรรมการเรยี นรู้
การวัดผลและประเมินผล ควรสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
๓.แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ดีและสอดคล้องกบั หลักเกณฑ์อาจารย์ ๓ ต้องเปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ที่
เน้นผเู้ รยี นเป็นสาคญั อย่างไร
ตอบ ๑. มกี ารวเิ คราะหห์ ลักสตู ร จัดทาตารางวิเคราะหค์ าอธิบายรายวิชา หรอื วิเคราะห์สาระ
การเรยี นรู้ จัดทาหนว่ ยการเรียนรู้ และจัดทากาหนดการสอนหรือโครงการสอน
๒. มกี ารวเิ คราะหผ์ ู้เรียน โดยการจดั กลมุ่ ผเู้ รียนตามความรู้ ความสามารถ ความสนใจ
และความถนัด แลว้ นาไปเขยี นแผนการจัดการเรยี นรู้ตามศักยภาพของผูเ้ รยี นเพ่อื เนน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคัญ
๓. มีการกาหนดเน้ือหาสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์การเรยี นรสู้ อดคล้องกับผลการเรียนรทู้ ่ี
คาดหวัง ศกั ยภาพของผเู้ รยี น และความต้องการของท้องถ่ิน รวมทง้ั การบูรณาการระหว่างวชิ า
๔. มกี ารกาหนดกิจกรรมการเรยี นรู้ท่หี ลากหลาย เหมาะสมและสอดคล้องกบั ศกั ยภาพของ
ผู้เรียน มกี ารบูรณาการ เนน้ การคิด (ทักษะการคิด ลักษณะการคดิ และกระบวนการคดิ ) การฝกึ ทักษะ การ
ปฏบิ ตั ิจริง และการสรา้ งองค์ความรู้ด้วยตนเอง
๕. มีการกาหนดสอ่ื /นวตั กรรม/แหลง่ เรยี นรทู้ ี่หลากหลาย สอดคล้องกับจุดประสงคก์ าร
เรยี นร/ู้ ผลการเรยี นรู้ท่ีคาดหวัง กิจกรรมการเรยี นรู้ วยั และความสามารถของผเู้ รียน และให้ผู้เรยี นมสี ่วน
ร่วมในการเลอื ก จัดหาและจัดทาสื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้
บทท่ี ๗
การบรหิ ารและจัดการในชัน้ เรียน
(Classroom Management)
หลกั การและเหตุผล
โรงเรยี นเปรยี บเสมือนบ้านหลังท่ี ๒ ของนักเรยี น จงึ จาเป็นอย่างย่ิงทจ่ี ะต้องจัดบรรยากาศใน
ห้องเรยี น ใหเ้ อื้อต่อการจดั การเรียนการสอน เพราะจะทาให้นกั เรยี นได้รบั การพัฒนาท้งั ทางดา้ นร่างกาย
อารมณ์ สังคมและสติปัญญา ห้องเรียนจะเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย น่าดู น่า
เรียน ซ่ึงจะส่งผลให้นักเรียนเรยี นรอู้ ย่างมีความสขุ และเกิดประสทิ ธิภาพในการเรยี นมากขึน้
หัวข้อ
๑. หลักการ แนวคดิ เก่ียวกับการบริหารจัดการชัน้ เรียน
๒. ความหมายและความสาคัญการจัดการชน้ั เรยี น
๓. วธิ กี ารบริหารและจดั การชน้ั เรียน
๔. แนวทางการบรหิ ารจดั การชน้ั เรยี นท่ีดี
๕. การบรหิ ารจดั การชน้ั เรยี นกับการจัดการเรยี นรู้
๖. ปญั หาอุปสรรคในการบริหารจัดการชั้นเรียน
๗. แนวโน้มการบริหารจดั การชน้ั ในอนาคต
วตั ถปุ ระสงค์
๑. เพ่ือให้ทราบถึงวิธกี ารในการบรหิ ารจดั การในชั้นเรยี น
๒. ทราบถงึ แนวโนม้ การบรหิ ารจัดการช้ันเรยี นในอนาคต
๓. เพ่อื เปน็ แนวทางในการบริหารจดั การในชัน้ เรยี น
๑. หลักการ แนวคิด เกย่ี วกับการบริหารจัดการชั้นเรยี น
แนวคิดเกีย่ วกบั การบริหารจัดการช้นั เรียน ครูซ่ึงเป็นผ้นู าในการจดั การเรยี นรูในช้นั เรยี นน้นั จา
เป็นต้องมเี ป้าหมายของการบริหารจดั การการชน้ั เรียนท่ีถูกต้อง กลา่ วคือเพื่อมุ่งสรา้ งนสิ ัยของการใฝ่รู้มิ
ใช่เพื่อมงุ่ ให้นกั เรียนเกิดความสขุ สนุกในการเรียนเพียงอย่างเดียวควรมุ่งสร้างคุณลักษณะของการเหน็
แกประโยชน สวนรวม การช่วยเหลอื เกื้อกลู ผู้อนื่ การพึง่ ตนเองให้มากกวา่ พ่งึ ผู้อนื่ และการเป็นคนมี
๒๓๔
ความคิดใฝ่สร้างสรรค์เพื่อ ดารงชีวิตอิ ยู่ในสงั คมไดอย่างมีความสขุ ต่อไปในอนาคต ซ่ึงมีแนวคดิ เกย่ี วกบั
การบริหารจดั การช้ันเรียน ดังน้ี๑
๑. การบรหิ ารจดั การชั้นเรยี น และการเรียนการสอนเป็นส่งิ ที่มีความสมั พนั ธ์ซ่งึ กันและกัน การ
บริหารจัดการชน้ั เรียนไมใช่จุดหมายปลายทางแต่เป็นส่วนหนงึ่ ทส่ี าคัญของบทบาทความเป็นผู้นาของ
ครกู ารบริหารจัดการชัน้ เรยี นไมสามารถแยกจากหน้าทส่ี านักงานเขตพื้นการศึกษาสระแก้ว เขต ๑ การ
บริหารจดั การเรียนรแู้ บบคละช้ันในโรงเรยี นขนาดเลก็
ตามแนวทางของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน การสอนเม่ือการวางแผนการสอน
กค็ อื การที่ครกู าลังวางแผนการบริหารจัดการชั้นเรยี นใหเ้ กิดเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู
๒. เป็นไปไมไดทจี่ ะแยกการบรหิ ารจดั การช้นั เรยี น กับการทาหนา้ ทก่ี ารจัดการเรยี นการสอน
รปู แบบการสอนหรือกลยทุ ธ์ที่ครเู ลอื กใชแ้ ตล่ ะรูปแบบก็มรี ะบบการบรหิ ารจดั การของมนั เอง และมี
ภารกจิ เฉพาะของรูปแบบหรือกลยทุ ธน์ น้ั ๆ ท่ีจะมีอิทธิพลต่อพฤตกิ รรมท้งั ของครแู ละนักเรยี น เช่น ถ้า
ครจู ะบรรยายกจ็ าเป็นที่บทเรียนจะตอ้ งมีความต้งั ใจฟังถ้าจะใหน้ กั เรยี นทางานกลุ่มวธิ กี ารก็จะแตก
ตา่ งจากการทางานโดยลาพังของ แต่ละคนอย่างน้อยทส่ี ดุ ก็คือการนั่ง ดงั นนั้ ภารกิจการสอนจงึ เกย่ี วข้อง
ทง้ั ปัญหาการจัดลาดบั วิธกี ารสอน ปญั หาของการจัดการในช้นั เรยี นปัญหาการจดั นักเรยี นให้ปฏิบตั ิตาม
กิจกรรมครูทวี่ างแผนการบริหารจดั การชั้นเรียนไดอย่างเหมาะสมทัง้ กิจกรรมการเรยี นการสอนและ
ภารกิจ กค็ อื การที่ครูใช้การตัดสินใจอย่างฉลาดทง้ั เวลา บรรยากาศทางกายภาพ และจติ วิทยาซึง่ จะทา
ใหเ้ กิดบรรยากาศการเรยี นรูและลดปัญหาด้านวนิ ัยของนกั เรยี น
๓. การบริหารช้ันเรยี นเป็นความท้าทายของการเป็นครมู ืออาชีพ ความสามารถของครใู นการ
แสดงภาวะผู้นาด้วย การทส่ี ามารถจะบริหารการจดั ชัน้ เรยี นท้ังด้านการจัดกจิ กรรมการเรียนรูการ
บริหารจัดการบรรยากาศในห้องเรยี นการดูแลพฤติกรรมด้านวินยั ให้เกิดการร่วมมือในการเรยี นจนเกิด
การเรยี นรูและมคี ณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตร
๒. ความหมายและความสาคัญการจดั การช้ันเรียน
๒.๑ ความหมายของการบริหารจัดการชน้ั เรยี น การจดั การชัน้ เรยี นในความหมายโดยท่ัวไป
คอื การจดั สภาพของห้องเรยี นทส่ี ่วนใหญ่เขา้ ใจกันว่าเป็นการจดั ตกแตง่ ห้องเรียนทางวตั ถูหรอื ทาง
กายภาพให้มีบรรยากาศน่าเรียนเพือ่ ส่งเสรมิ การเรียนรูของนกั เรียนเท่าน้ันแต่ถ้าจะพิจารณาอย่าง
ละเอยี ดรอบคอบแลว การจดั การช้นั เรียนนนั้ ครจู ะต้องมภี าระหนาท่มี ากมายหลายดา้ นโดย ฮอล
(Susan Colville-Hall :๒๐๐๔) ไดให้ความหมายของการจัดการชน้ั เรียนไววา่ เป็นพฤตกิ รรมการสอนที่
ครูสร้างและคงสภาพเงื่อนไขของการเรยี นรูเพ่ือช่วยใหก้ ารเรียนการสอนมีประสทิ ธภิ าพและเกดิ
ประสทิ ธผิ ลขน้ึ ในช้ันเรียนซงึ่ ถือเปน็ ชุมชนแห่งการ เรยี นรูการจัดการชน้ั เรียนท่มี คี ุณภาพนัน้ ต้องเป็น
กระบวนการท่ีดาเนินไปอยา่ งต่อเนอื่ งและคงสภาพเช่นนไ้ี ปเรื่อยๆ โดยสรา้ งแรงจงู ใจในการเรียนรูการ
ใหผ้ ลย้อนกลับและการจัดการเกย่ี วกบั การทางานของนักเรียนความพยายามของครทู ม่ี ีประสิทธภิ าพนั้น
หมายรวมถึง การท่ีครูเป็นผู้ดาเนินการเชงิ รุก (proactive) มีความรบั ผดิ ชอบ (responsive) และเปน็
ผู้สนบั สนนุ (supportive) นอกจากน้ีไดมนี ักศกึ ษาหลายท่านไดกาหนดความหมายของการจัดการชน้ั
เรยี นไปในแนวเดยี วกนั ดังน้ี Moore (๒๐๐๑) ให้คาจากดั ความว่าการบริหารจดั การชัน้ เรียนเป็น
๑ ทิศนา แขมมณ,ี ศาสตรก์ ารสอน, พิมพ์คร้ังท่ี ๑๘.(กรุงเทพฯ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย, ๒๕๕๗). หนา้ ๒.
๒๓๕
กระบวนการของการจัดระบบระเบียบและนากิจการของหอ้ งเรียนให้เกิดการเรยี นรูการบรหิ ารจัดการ
ชั้นเรียนมกั จะถูกรบั รู ว่าเกย่ี วข้องกบั การรักษาระเบยี บวินยั และควบคุมชนั้ อย่างไรกต็ ามการเขา้ ใจ
เชน่ น้ีเป็นเรือ่ งงา่ ยเกนิ ไป ท้ังนีเ้ พราะการบรหิ ารจัดการชัน้ เรียนมีหลายสิง่ ที่มากไปกว่านน้ี ัน่ คอื การสร้าง
และดแู ลเอาใจใสบรรยากาศแวดล้อมของห้องเรียนเพื่อให้การจดั การเรียนรูบรรลุตามเป้าหมายทางการ
ศึกษา KAUCHAK และ EGGEN (๑๙๙๘) ใหค้ าจากดั ความว่าการบริหารการจดั ชัน้ เรียนประกอบดว้ ย
ความคิด การวางแผน และการปฏิบัตทิ งั้ หลายทัง้ ปวงของครทู สี่ ร้างสรรค์ภาพแวดลอมอยางเปนระบบ
ระเบยี บ และสงเสรมิ การเรยี นรูโดยเปา หมายของการบริหารจัดการ (MANAGEMENT GOALS) มี ๒
ประการสาคัญ คือ๒
๑.รังสรรคสิ่งแวดลอมตางๆที่จะสงเสริมใหการเรยี นรูมีความเปนไปไดมากทสี่ ุด และครูจะ
สามารถสะทอนการปฏิบัติงานของตนเองดวยการถามตนเองสม่าเสมอวาระบบการบริหารจัดการ
เออ้ื อานวยใหนักเรยี นไดเรยี นรูอยางไรเพียงใด
๒. พัฒนานักเรียนใหมศี ักยภาพในการจดั การและนาตนเองใหสามารถเรียนรูไดดวยตนเอง
ดงั นัน้ การบรหิ ารจัดการช้นั เรยี นจึงเปนเครอื่ งมือในการสงเสริมใหนกั เรียนเกิดความเขาใจดวยตนเอง
ประเมนิ ตนเอง และควบคมุ ดูแลตนเองไดอยางเหมาะสมตามวยั โบรฟ์ (Jere Brophy, ๑๙๙๖:๕)
กลาวถงึ การจดั การชั้นเรยี นไววา หมายถงึ การที่ครูสรางและคงสภาพส่งิ แวดลอมในการเรยี นรูท่ี
นาไปสูการจัดการเรยี นการสอนทป่ี ระสบความสาเร็จทงั้ ในดานส่ิงแวดลอม การสรางกฎระเบียบและ
การดาเนนิ การท่ที าใหบทเรยี นมคี วามนาสนใจอยางตอเน่อื งรวมทั้งการมีสวนรวมในกจิ กรรมทาง
วิชาการในชั้นเรยี นเบอรเดน (Paul Burden, ๑๙๙๓:๓) ใหคาจากัดความของการจัดการชั้นเรยี นไววา
เปนยทุ ธศาสตรและการปฏบิ ัติทค่ี รูใชเพื่อคงสภาพความเปนระเบียบเรยี บรอย สุรางค โควตระกูล
(๒๕๔๘ : ๔๓๖) ไดอธิบายความหมายของการจดั การหองเรยี นอยางมปี ระสทิ ธภิ าพวา หมายถึงการ
สรางและการรักษาสง่ิ แวดลอมของหองเรยี นเพื่อเอื้อตอการเรยี นรูของนักเรยี นหรอื หมายถงึ กิจกรรม
ทุกอยางทค่ี รูทาเพือ่ จะชวยใหการสอนมีประสทิ ธิภาพและนักเรยี นมผี ลสมฤั ทธิใ์ นการเรยี นรูตามวตั ถุ
ประสงคทตี่ ้ังไว
การบรหิ ารจดั การชน้ั เรียน หมายถงึ การจัดสภาพแวดลอมทง้ั ภายในและภายนอกหองเรียน
เพ่ือสนับสนนุ ใหเด็กเกิดการเรียนรูอยางมีความสขุ การจัดสภาพแวดลอมจะตองคานึงถงึ สิ่งตอไปน้ี๓
๑. ความสะอาด ความปลอดภยั
๒. ความมีอิสระอยางมีขอบเขตในการเลน
๓. ความสะดวกในการทากิจกรรม
๔. ความพรอมของอาคารสถานที่ เชน หองเรยี น หองน้าาหองสวม สนามเดก็ เลน ฯลฯ
๕. ความเพียงพอเหมาะสมในเรือ่ งขนาด นา้ หนัก จานวนสีของสื่อและเคร่อื งเลน
๖. บรรยากาศในการเรียนรู การจัดทเ่ี ลนและมุมประสบการณตางๆ
การจัดการชน้ั เรียนจงึ มีความหมายกวาง นบั ต้งั แตการจัดสภาพแวดลอมทางกายภาพในหอง
เรยี น การ จดั การกับพฤติกรรมท่ีเปนปญหาของนักเรียน การสรางวินยั ในชน้ั เรียนตลอดจนการจดั
๒ ชยั วฒั น์ สทุ ธริ ตั น์, การพัฒนาหลักสตู ร ทฤษฎสี กู่ ารปฏิบตั ,ิ (กรุงเทพฯ : บรษิ ทั วพี รินท์, ๒๕๕๖), หน้า
๕๒-๕๔
๓ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช, ยุทธวิธีทางการสอน, (กรงุ เทพฯ : อักษรบณั ฑิต,๒๕๓๖ ), หนา้ ๙๕
๒๓๖
กิจกรรมการเรียนการสอนของครแู ละการพัฒนาทกั ษะการสอนของครใู ห้สามารถกระตุ้นพร้อมทัง้
สรา้ งแรงจงู ใจในการ เรียน เพ่ือให้นักเรียน สามารถเรียนรูไดอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
๒.๒ ความสาคญั ของการบริหารจัดการชนั้ เรยี น จากการสารวจเอกสารงานวจิ ัย (สานักงาน
คณะกรรมการ การศึกษาเอกชน. ๒๕๓๑: ค) ไดคนพบวาบรรยากาศในชั้นเรยี นเปนสวนหนึ่งทสี่ งเสรมิ
ใหนักเรยี นเกดิ ความสนใจในบทเรยี นและเกิดแรงจูงใจในการเรยี นรูเพิ่มมากขึ้น การสรางบรรยากาศที่
อบอนุ ที่ครูใหความเอื้ออาทรตอนักเรยี นที่นักเรยี นกบั นักเรียนมคี วามสัมพันธฉนั ทมิตรตอกันท่ีมี
ระเบยี บ มคี วามสะอาด เหลานเี้ ปนบรรยากาศท่นี กั เรยี นตองการทาใหนักเรียนมีความสขุ ทไี่ ดมา
โรงเรยี นและในการเรยี นรวมกับเพ่ือนๆ ถาครผู ูสอนสามารถสรางความรูสึกน้ีใหเกิดขน้ึ ตอนกั เรยี นไดก็
นับวาครไู ดทาหนาทีใ่ นการพัฒนาเยาวชนของประเทศชาติใหเตบิ โตขน้ึ อยางสมบรูณท้ังทางดาน สติป
ญญา รางกาย อารมณ และสังคมโดยแทจริง
ดงั น้ันการสรางบรรยากาศในชัน้ เรยี นจึงมีความสาคัญอยางยิง่ ซง่ึ ประมวลไดดังน้ี๔
๑. ชวยสงเสริมใหการเรยี นการสอนดาเนินไปอยางราบร่ืน เชน หองเรยี นทไี่ มคับแคบจรเกนิ ไป
ทาใหนักเรยี นเกดิ ความคลองตวั ในการทากิจกรรม
๒ ชวยสรางเสริมลักษณะนสิ ัยทด่ี งี ามและความมีระเบยี บวนิ ัยใหแกผูเรยี น เชน หองเรียนท่ี
สะอาด ทจ่ี ัดโตะเกาอ้ีไวอยางเปนระเบียบ มคี วามเอื้อเฟอเผ่ือแผตอกนั นักเรียนจะซมึ ซับสง่ิ เหลาน้ไี ว
โดยไมรตู วั
๓. ชวยสงเสรมิ สุขภาพทดี่ ีใหแกผูเรียน เชน มีแสงสวางท่เี หมาะสม มที นี่ ั่งไมใกลกระดานดามาก
เกินไป มขี นาดโตะและเกาอี้ที่เหมาะสมกับวยั รปู รางของนักเรียนนักศกึ ษา ฯลฯ
๔. ชวยสงเสริมการเรยี นรูและสรางความสนใจในบทเรียนมากยงิ่ ขนึ้ เชน การจดั มุมวิชาการ
การจดั ปายนเิ ทศ การตกแตงหองเรียนดวยผลงานของนักเรยี น
๕. ชวยสงเสริมการเปนสมาชิกที่ดขี องสงั คม เชน การฝกใหมีมนุษยสัมพันธท่ีดีตอกนั การฝกให
มีอธั ยาศยั ไมตรใี นการอยูรวมกนั ฯลฯ
๖. ชวยสรางเจตคติท่ดี ตี อการเรียนและการมาโรงเรียน เพราะในชั้นเรียนมีครูท่ีเขา ใจนักเรียน
ใหความเมตตาเอื้ออารตี อนักเรียนและนักเรียนมีความสมั พันธอนั ดตี อกัน
กลาวโดยสรุปไดวา การจัดบรรยากาศในชัน้ เรียนจะชวยสงเสรมิ และสรางเสริมผูเรยี นในดาน สตปิ
ญญา รางกาย อารมณ และสังคมไดเปนอยางดีทาใหนักเรยี นเรยี นดวยความสขุ รกั การเรียนและ เป
นคนใฝเรยี นใฝรู
เปาหมายของการบรหิ ารจดั การชนั้ เรยี น เปนชวยใหนักเรยี นพัฒนาในการควบคมุ ตนเอง เพ่อื
ใหมีชวี ติ และทางานรวมกับผูอน่ื ในสงั คมอยางมคี วามสุข
๓. วิธกี ารบรหิ ารและจัดการชน้ั เรยี น
สมจิต สวธนไพบูลย์ (๒๕๓๔, ๑๔ – ๒๑) ได้นาเสนอแนวคิดของการบริหารจัดการห้องเรียนซึ่ง
เป็นพน้ื ฐานทสี่ าคัญในการพัฒนาการสอนได้เป็นอย่างดีเพราะการบรหิ ารจัดการหอ้ งเรียนเปน็ การ
๔ ธวชั ชัย ชยั จิรฉายากลุ , การพฒั นาหลักสตู ร จากแนวคดิ สกู่ ารปฎบิ ตั ิ, (กรงุ เทพฯ : อักษรบณั ฑิต,
๒๕๒๙), หนา้ ๑๕๗-๑๕๙
๒๓๗
สรา้ งสรรค์สถานภาพท่ีกอ่ ให้เกิดการเรยี นรมู้ ากทส่ี ุดซ่งึ จาแนกการบริหารจดั การห้องเรยี นเปน็ ๘ ด้านมี
รายละเอียดดังตอ่ ไปน้ี ๕
๑. การจัดส่งิ แวดล้อมท่เี อื้อต่อการเรียนรู้หมายถึง บริเวณสถานทท่ี ี่ใช้ในการจัดการเรียน การ
สอนซงึ่ ได้แก่อาคารเรียนห้องเรียนบรรยากาศโดยรอบสะอาดสวยงามมรี ะเบยี บปลอดภยั และ มี
บรรยากาศท่เี อ้ือตอ่ การเรียนรู้ซึง่ เป็นสภาพที่มีอทิ ธิพลต่อผู้เรียนทาให้นักเรียนสบายใจมีความสขุ ส่งผล
ตอ่ การเรยี นรู้ของผูเ้ รียนรวมทั้งการจดั รูปแบบทางโครงสร้างสง่ิ ของวัตถตุ ลอดจนการจัดกิจกรรม ตา่ งๆ
กระต้นุ ใหเ้ กดิ ขบวนการเรียนรู้ซึ่งประกอบด้วยการเลอื กส่งิ ที่สนใจการแก้ปญั หาและการคน้ พบ
๒. การดาเนนิ การสอนอย่างเป็นระบบ หมายถึง กระบวนการท่ีมงุ่ ให้เกดิ การเปล่ียนแปลง
พฤติกรรมในตวั ผู้เรียนใหม้ ีความรทู้ กั ษะและเจตคตทิ ่ีดีโดยผูส้ อนได้จัดเตรียมการวางแผนการสอน ๒๓๔
อยา่ งมีระบบโดยผ้สู อนมีกิจกรรม ๕ ประการคือการเตรียมการสอนการประเมินผูเ้ รียนการวาง แผนการ
สอนการสอนและการประเมินผล
๓. บุคลกิ ภาพของผู้เรียนหมายถงึ ลักษณะนสิ ยั ที่รวมกนั เป็นแบบฉบบั เฉพาะตวั ของแต่ละ
บคุ คลอนั ได้แก่ลกั ษณะท่าทีการแสดงออกรปู ร่างหน้าตาความรู้สกึ และพฤติกรรมตา่ งๆ กล่าว คือ
บคุ ลกิ ภาพขึ้นอยู่กบั ปจั จยั ทเี่ ป็นตัวกาหนดได้แก่ ๑) ตวั กาหนดทางสรีระซง่ึ ได้รบั การถา่ ยพนั ธุกรรมมา
แตก่ าเนดิ ๒) ตวั กาหนดทางด้านการเปน็ สมาชกิ กลุ่ม ๓) ตวั กาหนดบทบาท ๔) ตัวกาหนดทางดา้ น
สถานการณห์ รือสภาวะแวดล้อม ๕) การยอมรบั ของกลุม่
๔. การสร้างวินยั ในหอ้ งเรยี น หมายถึง หลกั การควบคุมช้ันโดยถือเอาความสัมพนั ธ์อันดี
ระหวา่ งครูกับนักเรียนการทใี่ ห้นกั เรยี นทุกคนในหอ้ งเรยี นรู้จักปกครองตนเองการกระทาตามระเบียบ
หรอื ขอ้ บังคับตา่ งๆอันเกิดจากความสมัครใจของผปู้ ฏบิ ตั โิ ดยทม่ี องเห็นว่ามคี ุณค่าและการปฏิบัติ
ดงั กลา่ วจะทาให้เกดิ ความเรยี บรอ้ ยและความเสมอภาคแก่สมาชิกทุกคน
๕. การคานึงความแตกตา่ งระหว่างบุคคล หมายถึง ลักษณะและพฤติกรรมตา่ งๆของบุคคล นัน้
ที่แสดงออกหรือตอบสนองที่สงั เกตเหน็ ไดห้ รอื ความสามารถในเรือ่ งใดเร่ืองหนึ่งซึ่งประกอบไปดว้ ย
เชาวน์ปัญญาความสนใจยุทธวิธีในการเรียนพ้นื ฐานความรเู้ ดมิ ทกั ษะในการรบั รรู้ ปู แบบการเรียนรู้
ความสามารถในการจาแรงจูงใจทศั นคติและสง่ิ แวดล้อมทางสงั คมซึง่ ส่งผลใหแ้ ต่ละคนมีรายละเอยี ดที่
แตกตา่ งกนั ในหลายด้านเช่นด้านรา่ งกายดา้ นอารมณ์ด้านความคดิ ดา้ นสติปญั ญาความแตกต่าง ดงั กล่าว
ทาให้มีศักยภาพไม่เทา่ เทียมกัน
๖. กระบวนการกลุ่ม (Group Process) คือ สภาพการเรยี นการสอนในห้องเรยี นที่ผเู้ รยี นจะ มี
จุดมุง่ หมายเพื่อสมั ฤทธิ์ผลในการเรียนเหมือนกันนอกจากนั้นผูเ้ รียนจะตอ้ งมีปฏิสมั พนั ธซ์ ึ่งกันและกนั ซง่ึ
มคี รูผ้สู อนอยู่ในฐานะผนู้ า (Leadership) ทัง้ นี้นกั จติ วทิ ยาเช่อื วา่ กลุ่มท่ีมปี ฏสิ มั พนั ธ์ทีด่ ยี ่อมทากจิ กรรม
ตา่ งๆได้อย่างประสบความสาเรจ็ มากกว่ากลุ่มทขี่ าดปฏสิ มั พันธท์ ีด่ ีตอ่ กันซ่ึงเปน็ องค์ประกอบทที่ าให้เกดิ
สมั ฤทธิผ์ ลในการเรียนได้มากยิ่งขึ้น
๗. เทคนคิ และกระบวนการคิดเปน็ การเนน้ กระบวนการคดิ ค้นควา้ หาข้อเทจ็ จรงิ และ การนาไป
ประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวันเพื่อเปน็ การปลูกฝงั พฤติกรรมการคิดค้นควา้ หาความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ
๘. การจดั กิจกรรมให้นักเรยี นประสบความสาเร็จเปน็ การใช้ส่ือการเรยี นการสอนแบบการ เนน้
บทบาทของนักเรียนและแบบเนน้ บทบาทของครซู ึ่งเปน็ แนวทางการจดั กจิ กรรมให้นักเรียนได้
๕ ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์, การพัฒนาหลักสูตร ทฤษฎสี ูก่ ารปฏบิ ัต,ิ (กรงุ เทพฯ : บรษิ ัท วีพรินท์, ๒๕๕๖), หน้า
๕๘
๒๓๘
ประสบการณ์ตรงและนักเรียนเป็นผูค้ ดิ ตามรปู แบบของนกั เรยี นแบบกระบวนการกลุ่มฝึกการคิด
แก้ปญั หาคิดสร้างสรรค์คิดออกแบบและคดิ ตดั สนิ ใจ
จากทไ่ี ด้กลา่ วมาข้างต้นพอสรุปไดว้ ่า องคป์ ระกอบของการบริหารจัดการในห้องเรียน
ประกอบดว้ ยสภาพแวดล้อมในการเรยี นการสอน สิง่ แวดลอ้ มทีเ่ กิดขึน้ จากที่ครแู ละนักเรียนได้อยู่รวม
ในบริเวณแวดลอ้ มเดยี วกนั เนือ้ หาในหลักสูตรของโรงเรียน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ตลอดจนผลการ
ตดั สนิ ใจท่คี รูเลอื กความรู้และทกั ษะต่างๆ ทจ่ี าเปน็ และเหมาะสมสาหรับนกั เรียนมาจดั การเรยี นรู้ ใน
หอ้ งเรียน
๔. แนวทางการบริหารจัดการชัน้ เรยี นทีด่ ี
เพ่อื ให้การจัดชน้ั เรยี นที่ถกู ต้องตามหลักการ ผู้สอนควรได้ทราบถึงลักษณะของชนั้ เรยี นท่ดี ี สรปุ ได้
ดงั นี้๖
๑. ช้ันเรยี นท่ดี คี วรมีสสี ันท่ีน่าดู สบายตา อากาศถ่ายเทได้ดี ถูกสุขลักษณะ
๒. จดั โต๊ะเกา้ อ้แี ละสิง่ ทท่ี อ่ี ยู่ในช้นั เรยี นใหเ้ อื้ออานวยตอ่ การเรยี นการสอน และกจิ กรรม
ประเภทต่างๆ
๓. ให้นกั เรียนได้เรยี นอยา่ งมีความสขุ มีอสิ รเสรีภาพ และมีวินยั ในการดูแลตนเอง
๔. ใช้ประโยชนช์ น้ั เรยี นให้คุ้มคา่ ครอู าจดัดแปลงให้เปน็ ห้องประชุม ห้องฉายภาพยนตร์และ
อน่ื ๆ
๕. จัดเตรยี มช้ันเรยี นใหม้ คี วามพร้อมต่อการสอนในแต่ละคร้งั เชน่ การทางานกลุ่ม การสาธิต
การแสดงบทบาทสมมุติ
๖. สรา้ งบรรยากาศใหอ้ บอุ่น ให้ความเปน็ กันเองกับผ้เู รยี น
๔.๑ รูปแบบการจัดชั้นเรียน
การจัดชนั้ เรยี นจัดไดห้ ลายรูปแบบ โดยจัดใหเ้ หมาะสมกบั บทเรียน กจิ กรรมการเรยี นการสอน
จานวนนกั เรยี น สภาพแวดล้อมในชน้ั เรยี น ขนาดของห้องเรียน เป็นตน้ ครคู วรได้ปรับเปล่ยี นรูปแบบ
ของการจัดโตะ๊ เก้าอี้ มุมวิชาการ และมุมตา่ ง ๆ ในห้องเรียน เพ่อื สร้างบรรยากาศของห้องเรียนให้
นา่ สนใจไมซ่ า้ ซากจาเจ ไมน่ ่าเบอ่ื หน่าย นักเรยี นจะเกดิ ความกระตือรือร้นและกระฉับกระเฉงในการ
เรียนดขี ึ้น การจดั ช้นั เรยี นถา้ แบง่ ตามวธิ ีการสอนจะได้ ๒ แบบ คอื แบบธรรมดาและแบบนวตั กรรม
๑. ช้นั เรียนแบบธรรมดาช้ันเรียนแบบธรรมดาเป็นช้นั เรียนทม่ี ีครูเป็นศนู ยก์ ลาง เป็นผ้นู าการ
เรียนรู้ โดยมีผเู้ รยี นเป็นผ้รู บั ความรูจ้ ากครู การจัดชน้ั เรียนแบบนจี้ ะมโี ต๊ะครอู ยหู่ น้าชน้ั เรียน และมโี ตะ๊
เรียนวางเรียงกันเป็นแถว โดยหันหน้าเข้าหาครแู สดงดงั รูป๗
๑.๑ ลักษณะการจัดชนั้ เรียน การจัดชัน้ เรียนแบบธรรมดานี้ โต๊ะเรยี นของนักเรยี น อาจ
เปน็ โตะ๊ เดี่ยวหรือโตะ๊ คูก่ ็ได้ ผนงั ห้องเรียนอาจจะมีกระดานป้ายนเิ ทศ หรือสื่อการสอนเชน่ แผนภูมิ
รูปภาพ แผนที่ตดิ ไว้ ซ่ึงส่ือการสอนเหล่านจี้ ะไมเ่ ปลี่ยนบ่อยนัก การตกแตง่ ผนังห้องเรียนจะแตกตา่ งกนั
ออกไปตามแตส่ ถานทต่ี ัง้ ของโรงเรียน โรงเรียนที่อยู่ในตวั เมืองอาจจะมีการตกแต่ง มากกวา่ โรงเรียนท่ี
๖ วชิ ยั ดสิ สระ, การพัฒนาหลกั สูตรและการสอน, (กรุงเทพฯ : สวุ รี ยิ าสาส์น, ๒๕๓๕,) หนา้ ๒๐-๒๕
๗ ชัยวฒั น์ สุทธิรตั น์, การพฒั นาหลักสตู ร ทฤษฎสี ่กู ารปฏบิ ัต,ิ (กรุงเทพฯ : บรษิ ัท วีพรินท์, ๒๕๕๖), หนา้
๖๒-๖๔
๒๓๙
อยู่หา่ งไกลออกไปตมชนบท เพราะหาส่ือการสอนไดย้ ากกว่า บางห้องเรยี นอาจจะมมี มุ ความสนใจ แตก่ ็
ไม่ไดถ้ ือเป็นส่วนหนึง่ ของกระบวนการเรยี นการสอน
๑.๒ บทบาทของครแู ละนกั เรยี น บทบาทของครแู ละนักเรียนในช้ันเรยี นแบบธรรมดานี้
ครูจะเปน็ ผ้รู อบรู้ในด้านต่างๆ ใช้วิธกี ารสอนแบบปอ้ นความรใู้ หแ้ กน่ ักเรยี นโดยการบรรยาย และอธิบาย
ให้นักเรียนฝงั อยตู่ ลอดเวลา ครจู ะเป็นผแู้ สดงกจิ กรรมตา่ งๆ เอง แม้กระท่ังการทดลองอย่างง่ายๆ ไม่
เปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นไดย้ บิ จับ หรอื แตะต้องสื่อการสอนที่ครนู ามาแสดง นักเรียนจึงต้องฟังครู มีมี
โอกาสได้พดู หรือทางานเปน็ กลุม่ เพื่อค้นหาคาตอบใดๆ ส่ือการสอนที่ใช้ส่วนมาก ได้แก่ ชอลก์
กระดานดา และแบบเรยี น
๒. ชัน้ เรียนแบบนวัตกรรม ชน้ั เรียนแบบนวัตกรรม เปน็ ชั้นเรียนท่ีเอือ้ อานวยต่อการจัดกิจกรรม
การเรียนการสอนโดยใชเ้ ทคนิควธิ กี ารแบบสอนใหม่ๆ เช่น การเรยี นรูแ้ บบรว่ มมือ แบบโฟรแ์ มท แบบ
สตอร่ไี ลน์ แบบโครงงาน เป็นตน้ ซ่ึงทาให้นักเรยี นจะมีอสิ ระในการเรียน อาจเรยี นเปน็ กลุม่ หรือเปน็
รายบคุ คล โดยมคี รเู ป็นผ้ใู ห้คาปรกึ ษา การจัดชั้นเรยี นจงึ มีรูปแบบการจัดโต๊ะเกา้ อี้ในลกั ษณะต่างๆ ไม่
จาเป็นต้องเรยี งแถวหันหนา้ เข้าหาครู เชน่ จดั เปน็ รูปตวั ที ตัวยู วงกลม หรือจัดเป็นกลุ่ม
๒.๑ ลกั ษณะการจดั ชน้ั เรยี น การจดั ช้ันเรียนแบบนวัตกรรมนี้ โต๊ะครูไมจ่ าเป็นต้องอยหู่ นา้
ช้นั อาจเคล่ือนยา้ ยไปตามมุมตา่ งๆ การจัดโตะ๊ นักเรยี นจะเปล่ยี นรปู แบบไปตามลกั ษณะการจัดกิจกรรม
การเรียนการสอนของครู ส่วนใหญ่นิยมจดั โตะ๊ เป็นกลุ่ม เพ่ือใหน้ กั เรยี นปฏบิ ตั ิกิจกรรมร่วมกนั มีการจดั
ศนู ยส์ นใจ มีสอ่ื การสอนในรูปของชดุ การสอน หรอื เครอ่ื งช่วยสอนต่างๆ ไวใ้ หน้ ักเรียนศึกษาดว้ ยตนเอง
หรอื ศึกษาร่วมกับเพ่ือน มีการตกแต่งผนงั ห้องและเปลีย่ นแปลงสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกบั เรื่องท่ี
นกั เรยี นกาลังเรยี น
๒.๒ บทบาทของครแู ละนกั เรียน การจดั ชนั้ เรียนแบบน้ีครูจะเป็นผู้กากบั และแนะแนว
นกั เรียนเป็นผู้แสดงบทบาท ครูจะพูดน้อยลง ใหน้ กั เรยี นได้คดิ ไดถ้ าม ได้แก้ปัญหา และได้ทากจิ กรรม
ด้วยตนเอง นกั เรียนอาจจะเรียนด้วยตนเองจากสื่อประสม เชน่ บทเรยี นแบบโปรแกรม ชดุ การสอน
คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน ครจู ะเปน็ ผู้ใหค้ าแนะนา และชว่ ยเหลือเมื่อจาเป็น ดังน้ัน การจดั ชั้นเรยี นแบบน้ี
จึงเป็นการจัดชน้ั เรยี นท่ีสอดคล้องกบั เจตนารมณ์ของหลักสูตรท่ตี อ้ งการให้ผู้เรยี นได้คดิ ค้นควา้
วิเคราะห์วิจารณ์ และลงมือปฏบิ ตั จิ ริงทุกข้ันตอน จนสามารถเรยี นรู้ไดต้ นเอง
๔.๒ ประเภทของบรรยากาศการเรียนรู้
บรรยากาศการเรยี นรู้สามารถจาแนกออกไดด้ ังน้ี๘
๑. บรรยากาศทางจติ วิทยา เปน็ ลักษณะของบรรยากาศทีเ่ กดิ ขน้ึ โดยการกระทาของ ผู้เรียน
ท่ีส่งผลตอ่ ความรสู้ กึ นึกคดิ และพฤติกรรมของผูเ้ รียน ถา้ ลกั ษณะบรรยากาศทางจิตวทิ ยาเปน็ ไปใน
ทางบวก ผูเ้ รยี นจะเกดิ ความรู้สกึ อบอ่นุ ใจ ผ่อนคลาย ทาให้เกดิ การเรียนรู้ได้โดยงา่ ย และมีผลทาให้รู้สกึ
มีความสุขในการเรยี นรู้ ทาให้เป็นผู้ทีร่ ักและใฝใ่ นการเรยี นรู้
๒. บรรยากาศทางกายภาพ เปน็ ลักษณะของบรรยากาศที่เกิดจากการจัดอาคารสถานท่ี
ส่ือวัสดุอปุ กรณ์ ท่ีสอดคลอ้ งกับกจิ กรรมการเรยี นรู้ และสภาพของผู้เรยี น การจดั บรรยากาศทาง
กายภาพทีต่ อบสนองผเู้ รียนและการทากจิ กรรมต่าง ๆ จะทาใหผ้ ูเ้ รียนได้รบั ความสะดวก และดาเนิน
๘ บุญชม ศรสี ะอาด, การพฒั นาหลักสตู รและการวิจยั เก่ียวกับหลักสูตร, (กรงุ เทพฯ : สวุ ีรยิ าสาส์น,
๒๕๔๖), หน้า ๕๗
๒๔๐
กจิ กรรมด้วยความราบรน่ื สง่ ผลให้การเรียนรู้ดาเนนิ ไปด้วยดี ไม่ตดิ ขัดไม่รสู้ ึกวา่ มีความยุ่งยาก ทาให้
ผ้เู รียนรักทีจ่ ะเรยี นและเปน็ ผ้เู รียนท่กี ระตือรือร้น มีความสนใจตอ่ สง่ิ แวดลอ้ มรอบตัว
๓. บรรยากาศทางสังคม เป็นบรรยากาศท่ีเกิดจากผลการปฏสิ ัมพนั ธข์ องกลมุ่ ทอ่ี ยู่ รว่ มกนั
และทากิจกรรมร่วมกนั การมีบรรยากาศทางสงั คมที่เปน็ มติ รตอ่ กัน จะทาใหผ้ ู้เรยี นร้สู ึก อบอนุ่ ใจเกิด
ความรสู้ กึ ท่ีดีต่อกนั และกนั มีการอย่รู ว่ มกันฉนั ท์มติ ร ซึง่ ส่งผลต่อการเรียนรทู้ ักษะทางสงั คมและการ
เรยี นรรู้ ่วมกนั ซึง่ เป็นเป้าหมายประการหน่งึ ของการจัดการศกึ ษา
๕. การบริหารจัดการชน้ั เรยี นกับการจดั การเรยี นรู้
จากประเภทของบรรยากาศท่สี ่งผลต่อการเรยี นรู้ท้งั ๓ ประเภทดงั กล่าวข้างต้น ครูซึ่งเป็น
บุคคลสาคญั ที่จะกอ่ ให้เกดิ บรรยากาศดงั กลา่ วได้ จงึ มีแนวทางที่จะส่งเสรมิ ใหเ้ กิดบรรยากาศทสี่ นับสนนุ
ใหเ้ กิดการเรยี นรู้ท่ีมีประสทิ ธิภาพดังนี้
๕.๑ บรรยากาศทางจิตวทิ ยา เป็นการเรยี นรทู้ ผ่ี ู้เรียนสาคัญทสี่ ดุ ควรเริม่ ต้นจากสง่ิ ใกลต้ ัวผู้
เรียนรู้มากท่ีสุด คือความรสู้ ึกภายใน ทง้ั นจ้ี ะต้องไม่มบี รรยากาศของความกลวั ความหวาดระแวง ความ
ดหู ม่นิ เหยียดหยาม ติเตยี น บรรยากาศของการเรียนร้ทู ่เี นน้ ตวั ผูเ้ รยี นเป็นสาคัญจะต้องให้อิสรภาพแก่
ผู้เรยี น โดยเฉพาะอิสรภาพจากความหวาดกลวั ซงึ่ จากความเห็นดงั กล่าวแสดงให้เหน็ ถึงความสาคญั ของ
บรรยากาศทาง จิตวิทยาทมี่ ผี ลตอ่ ความรู้สึก และการกระทาของผู้เรียน บรรยากาศทางจิตวทิ ยาท่ชี ่วย
สนับสนนุ การเรียนรขู้ องผเู้ รยี นสามารถดาเนนิ การไดด้ ังนี้
๕.๑.๑ การสร้างบรรยากาศท่ีท้าทายกระตุ้นและสนบั สนนุ ใหผ้ เู้ รียนมีความอยากรู้
อยากเห็น อยากแกป้ ัญหา อยากแสวงหาคาตอบ ซ่งึ บรรยากาศดังกลา่ วเปน็ การกระตุ้นให้ผู้เรยี นมี
ความรสู้ กึ ว่าตนเองมีความสามารถที่จะแกป้ ัญหาหรอื ทากจิ กรรมนัน้ ๆ ได้ และให้กาลงั ใจ เมือ่ ผู้เรยี นได้
ลงมือทาหรือตอบสนอง รวมทั้งการยกตวั อย่างความสาเรจ็ หรอื สง่ิ ทผ่ี เู้ รียนเคยทามาก่อนทาใหผ้ ูเ้ รยี น
เกิดความมัน่ ใจในความสามารถ และเกดิ ความภมู ใิ จทาให้ไม่มีความกลวั ทจ่ี ะทากิจกรรมอ่นื ๆ ต่อไป
๕.๑.๒ การสรา้ งบรรยากาศที่อบอนุ่ ปลอดภัย มีความเป็นมติ ร ปราศจากความ
หวาดกลวั ที่จะแสดงออก ซ่งึ บรรยากาศดังกล่าวจะทาให้เดก็ เป็นคนกลา้ คิด กลา้ ตัดสนิ ใจ กล้าทีจ่ ะคดิ
ลองทาสง่ิ ต่างๆ ไม่ว่าผลท่ีไดน้ ้ันจะเป็นไปตามท่ีคิดหรอื ไม่ก็ตาม การสร้างบรรยากาศดังกล่าวสามารถทา
ได้โดยครูทาหน้าที่ในการช่วยเหลอื ผู้เรยี นให้เกดิ ความราบร่ืนในการทากจิ กรรมต่างๆ โดยอาจเขา้ ไปช่วย
เป็นผูร้ ว่ มคดิ ในการทาปญั หาท่ยี ากให้ง่ายหรือลดความซบั ซ้อนลง แตย่ ังคงใหเ้ ด็กได้ใชค้ วามสามารถของ
เขาในการเรียนรู้ โดยมีการสนับสนนุ เสริมแรง และให้คาปรึกษาจากครู
๕.๑.๓ บรรยากาศทีเ่ ป็นอสิ ระในการทาส่ิงต่างๆ ดว้ ยตนเอง บรรยากาศดังกล่าวน้ีจะ
ทาให้เด็กพัฒนาความเป็นตัวของตัวเอง ลดการพ่งึ พงิ ผู้อ่ืน กลา้ คิด กล้าแสดงออก มีความม่ันใจใน
ตนเอง กล้าริเริม่ มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ มีภาวะผู้นา และกล้าท่ีจะเรยี นรู้สิง่ ใหม่ๆ บรรยากาศทีเ่ ปน็ อิสระ
นี้ทาได้โดยครใู ห้โอกาส และสนบั สนนุ ใหเ้ ดก็ ได้ทาสิง่ ต่างๆ ดว้ ยตัวเอง ครูเป็นเพียงผใู้ หค้ าปรกึ ษา ให้
การชว่ ยเหลอื เมื่อเดก็ ต้องการเทา่ นัน้ ขณะเดยี วกนั ต้องใหโ้ อกาสแก่เดก็ แตล่ ะคนในการท่ีจะเลือกวธิ กี าร
เรยี นรู้ท่ีเหมาะสมกับตน และใหเ้ วลาอย่างพอเพยี งตามความสนใจของผู้เรียนเนอื่ งจากเด็กแต่ละคนมี
วธิ ีการเรยี นรู้และใช้เวลาในการเรยี นรูท้ ี่แตกตา่ งกัน แต่แม้ว่าเด็กจะไดร้ ับอิสระดังกลา่ ว ครูกต็ ้องสอนให้
๒๔๑
เด็กคานึงถงึ การอยูร่ ว่ มกัน ความเปน็ อิสระของแต่ละคนจะตอ้ งไมร่ บกวนหรอื ทาให้ผู้อน่ื มีความสะดวก
นอ้ ยลง๙
๕.๑.๔ บรรยากาศท่ีใหไ้ ดร้ ับความสาเร็จและเรียนร้ผู ลทเ่ี กดิ จากการทาส่งิ ตา่ ง ๆ
บรรยากาศดังกลา่ วจะทาให้ผู้เรยี นเปน็ ผทู้ มี่ กี าลงั ใจเขม้ แข็ง มีความม่นั ใจในการทาสง่ิ ต่างๆ อยา่ งมี
เหตุผล มกี ารกาหนดจุดมงุ่ หมายของการทาสง่ิ ตา่ งๆ และยอมรับผลจากการกระทาทั้งความสาเรจ็ และ
ผลทีไ่ มเ่ ปน็ ไปตามท่ีคาดหวังไว้ ครูสามารถสร้างบรรยากาศดังกล่าวไดโ้ ดยการใหเ้ ด็กกาหนดจดุ มุ่งหมาย
และวางแผนทจ่ี ะทากิจกรรมตา่ งๆ และลงมือปฏิบตั ติ ามท่ีวางแผนไว้ ให้เวลาอยา่ งเพยี งพอทจ่ี ะทาตาม
แผนงาน ครูคอยสนบั สนุนให้กาลงั ใจ คอยแก้ปัญหาเมื่อเด็กต้องการ ใหไ้ ด้รบั ข้อมลู ยอ้ นกลบั หลงั การ
ปฏิบัติ ให้การเสรมิ แรงชื่นชมยนิ ดตี อ่ ผลสาเร็จ แตถ่ ้าหากผลไม่เป็นไปตามท่ีคาดหวังไว้ ก็อธบิ ายให้
ผู้เรียนเข้าใจถงึ การหาความรู้จากความล้มเหลว ใหก้ าลงั ใจและใหท้ ดลองแกป้ ญั หาดว้ ยวิธีที่ต่างออกไป
๕.๑.๕ บรรยากาศแห่งการยอมรับนับถอื ซ่ึงกนั และกัน โดยการเรม่ิ จากการท่คี รูยอมรบั
ผู้เรียนให้ความสาคญั ต่อการคิดและการกระทาของผ้เู รียน รับฟงั และใหม้ สี ่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการ
เรยี นรู้ จดั ให้ผเู้ รียน ทากิจกรรมรว่ มกันเป็นกล่มุ ย่อย มีการแลกเปลย่ี นเรียนร้ภู ายในกล่มุ และระหว่าง
กลมุ่ ใหไ้ ดร้ ับความสาเร็จจากการทากิจกรรมรว่ มกัน ทาใหเ้ กดิ การยอมรับระหว่างเดก็ กับเพอ่ื น และเกดิ
ความรสู้ ึกวา่ ไดร้ ับการยอมรบั จากครู เหน็ ความสาคญั ของกลุม่ บรรยากาศดังกลา่ วทาให้เกดิ การพฒั นา
วุฒิภาวะ ได้รบั ประสบการณ์ทางบวกในการพัฒนาตนเอง เกิดการ นับถือระหว่างกัน ทาใหเ้ กดิ ความ
เป็นอสิ ระ ไม่ต้องพ่ึงพาผู้อน่ื สามารถท่ีจะคดิ เลือกและตัดสนิ ใจเข้าใจถึงความสามารถของตนเอง
ยอมรับผลการกระทาท้ังทสี่ าเรจ็ และทาความเขา้ ใจได้เม่ือทาผดิ หรอื ลม้ เหลว รู้จกั นาอปุ สรรคหรือความ
ล้มเหลวมาเป็นประสบการณ์การเรียนรแู้ ละแนวทางแก้ปญั หา เน่ืองจากเชื่อวา่ ตนมคี วามสามารถท่จี ะ
ทาสง่ิ ตา่ ง ๆ ได้หลากหลายวธิ ีเพื่อให้ได้ผลตามทต่ี ้องการ
๕.๑.๖ บรรยากาศแห่งความใกลช้ ิด สนทิ สนมและมีความรกั ใคร่กลมเกลียวกนั
เน่อื งจากเด็กทุกคนต้องการความรูส้ กึ มน่ั คง ปลอดภัยทางจิตใจ ต้องการการเอาใจใส่ และความรักใคร่
การจดั ให้ผู้เรียนอยู่รว่ มกนั ได้เลน่ ไดท้ ากจิ กรรมร่วมกัน โดยขจัดหรือลดความขัดแย้งลงใหม้ ากทส่ี ุด
หรอื ไม่ใหเ้ กดิ ขน้ึ เลย การสอนให้รจู้ ักเอาใจเขามาใสใ่ จเรา รู้จกั การให้อภัย และชว่ ยเหลอื กนั ทาให้เกิด
ความรู้สกึ รักใคร่ กลมเกลยี วกัน นอกจากน้ีครูต้องแสดงความรู้สกึ ท่ีดตี ่อผ้เู รยี น แสดงใหผ้ ู้เรยี นรับรู้ว่า
ตนเป็นทย่ี อมรับของครู ทง้ั การคดิ และการกระทา การแสดงออกของครู ได้แก่ การแสดงท่าทีท่ีแสดงถงึ
การเอาใจใส่ทางบวกตอ่ ผู้เรยี นอย่างจริงใจท่ีสอดคลอ้ งกับการแสดงออกทางบวกของผู้เรียน เช่น การ
สัมผัสทางกาย การมอง การสบตา การใช้คาพดู การแสดงสหี นา้ ทา่ ทาง การไดร้ บั การเอาใจใสด่ ังกลา่ ว
ทาให้ผ้เู รียนรู้สกึ วา่ เปน็ ทตี่ ้องการของครู มีความสาคญั เปน็ คนหนง่ึ ท่มี ีความหมาย ทาใหเ้ กดิ ความรู้สกึ ที่
ดตี ่อตนเอง และตอ่ ผู้อ่ืน บรรยากาศการอยูร่ ว่ มกนั อยา่ งรกั ใคร่ ทาให้เกดิ ความสุขในการทาสง่ิ ต่าง ๆ
และเกิดการเรยี นรูโ้ ดยงา่ ย
๕.๒ การจัดบรรยากาศทางกายภาพ เปน็ การสร้างสภาพแวดลอ้ มด้านอาคาร สถานที่ สอ่ื วสั ดุ
อปุ กรณ์ และแหลง่ ความรู้ทเ่ี กื้อกูลต่อการเรยี นรู้และการปฏิบตั กิ จิ กรรมต่างๆ ของผเู้ รียน โดยเนน้ ความ
๙ ชัยวัฒน์ สุทธริ ตั น์, การพัฒนาหลักสูตร ทฤษฎสี ่กู ารปฏิบตั ,ิ (กรุงเทพฯ : บริษทั วีพรินท์, ๒๕๕๖), หน้า
๖๕-๖๖
๒๔๒
สะดวกสบาย สามารถเคล่อื นไหวได้อย่างอิสระ มีเครื่องมือและแหล่งความรู้ สอดคล้องกับกจิ กรรมและ
ความต้องการ สาหรบั การจดั บรรยากาศทางกายภาพทส่ี ่งเสริมการเรียนรสู้ ามารถดาเนินการได้ ดังนี้๑๐
๕.๒.๑ การจัดสถานทแ่ี ละบริเวณในหอ้ งเรียนทอ่ี านวยความสะดวกและตอบสนอง
การทากิจกรรมตา่ งๆ โดยมีการกาหนดพ้นื ท่ีในการจัดเก็บอุปกรณ์ เคร่ืองเลน่ ท่ีเด็กต้องการใชอ้ ย่างเปน็
ระบบสะดวกในการนามาใช้ การทาความสะอาดและการจัดเก็บจดั บริเวณการทากิจกรรมทีส่ ะดวกต่อ
การทากจิ กรรมเปน็ กลุ่ม มบี ริเวณท่วี า่ งพอทจ่ี ะเคล่ือนไหวไดอ้ ยา่ งอิสระ สามารถเตรยี มย้ายไปสู่การทา
กิจกรรมอ่นื ได้โดยไม่รบกวนทากจิ กรรมของผู้อื่น มีการจัดบริเวณสาหรับการจัดแสดงหรอื เกบ็ ผลงานท่ี
เกดิ จากการทากจิ กรรมของเด็ก
๕.๒.๒ การจดั สอื่ วสั ดุ อุปกรณ์ทส่ี อดคล้องกบั กิจกรรม ท้ังนี้เนอ่ื งจากเด็กปฐมวยั
เรยี นรูจ้ ากการกระทา การมีปฏสิ ัมพนั ธ์กบั ส่อื วสั ดตุ า่ งๆ ทาให้เกดิ ความเขา้ ใจและแสดงผลการเรียนรู้
ผา่ นการแสดงออกและจากผลงาน ดังน้นั จะต้องจัดหาสอ่ื อุปกรณ์ที่สอดคลอ้ งกบั รปู แบบกจิ กรรมที่ได้
ออกแบบไว้ การมสี อื่ วัสดุอย่างหลากหลาย พอเพียง สะดวกในการนามาใช้ จะช่วยสนบั สนนุ ใหผ้ เู้ รียน
เกดิ การเรียนรูต้ ามที่กาหนดวัตถุประสงคไ์ ว้
๕.๒.๓ การจดั แหล่งความรทู้ ่สี อดคล้องกบั กจิ กรรมและความสนใจของผูเ้ รยี น ซงึ่
แหล่งความรเู้ หลา่ น้ี ได้แก่ วสั ดอุ ปุ กรณต์ า่ งๆ ทั้งที่สอดคล้องกับหน่วยประสบการณท์ ่ผี ู้เรียนเลอื กเรียน
และแหลง่ ความรู้ท่ีจัดประจาไว้ เพอ่ื ตอบสนองความสนใจที่หลากหลาย การจัดแหลง่ ความรคู้ วร
คานึงถึงลักษณะการเรยี นร้ขู องเดก็ ปฐมวยั และใช้ได้อยา่ งสะดวก ขณะเดียวกันแหลง่ ความรู้กต็ ้อง
นา่ สนใจ เปน็ เครือ่ งเร้ากระตุ้น สนบั สนุนและส่งเสริมให้ผเู้ รียนอยากสืบเสาะ ค้นหา และลงมือ
๕.๓ บรรยากาศทางสังคม เป็นบรรยากาศท่เี กดิ จากการปฏสิ มั พนั ธ์ระหวา่ งบุคคลที่อยู่
รว่ มกนั การอยู่ร่วมกนั อย่างมีความสุข จะทาให้ผู้เรียนรู้สึกรักท่จี ะเรียนรู้และเกิดการเรียนรไู้ ดโ้ ดยง่าย
การเรียนร้ดู ังกลา่ ว ได้แก่ การเรยี นร้ดู า้ นความรู้ และการเรียนรู้ทางสงั คม ท้งั น้ีเนื่องจากเป้าหมายสาคญั
ของการจัดการศกึ ษา คือ การให้ผเู้ รยี นมีความรู้ และสามารถนาความรนู้ ั้นไปใช้ในการอยู่ร่วมกนั ใน
สงั คมได้อย่างราบรืน่ มคี วามสุข สาหรบั การจดั บรรยากาศทางสังคมท่สี นบั สนุนการเรียนรู้ สามารถ
ดาเนินการได้ดังนี้๑๑
๕.๓.๑ การสรา้ งบรรยากาศประชาธปิ ไตย ใหผ้ ู้เรียนรูส้ กึ วา่ มคี วามเท่าเทยี มกัน โดย
ครูตอ้ งกาหนดให้มอี ทิ ธิพลในหอ้ งให้น้อยทส่ี ดุ สรา้ งระบบการอยู่ร่วมกันแบบประชาธปิ ไตย ใหไ้ ด้ทา
กิจกรรมร่วมกัน มีการสรา้ งความสมั พนั ธเ์ ชงิ บวกระหว่างครูกับผเู้ รยี นดว้ ยกัน ฝกึ การเป็นสมาชิกท่ดี ขี อง
สังคม
๕.๓.๒ การสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือรว่ มใจ โดยจดั กจิ กรรมใหเ้ กดิ การ
ปฏสิ มั พนั ธก์ บั กลุ่ม สนับสนุนให้ผู้เรยี นไดเ้ ล่น ทางานและเรียนรูจ้ ากกลมุ่ เพื่อน ครูคอยปรับปรงุ การใช้
ภาษา มารยาทและพฒั นาพฤตกิ รรมท่ีพึงประสงค์ เพื่อใหเ้ ด็กสามารถทางานกับกลุ่มเพื่อนได้อยา่ งดี
เปน็ ทย่ี อมรับของกลมุ่ มีการจัดกจิ กรรมเพื่อใหผ้ ู้เรยี นได้ทาส่ิงตา่ งๆ ในบรรยากาศร่วมมือรว่ มใจกนั ซ่ึง
แม้จะมีการแขง่ ขนั กันบา้ ง แต่ควรเปน็ การแข่งขันกนั อย่างเป็นมิตร ไดม้ ีโอกาสไดร้ ับผลแห่งการทางาน
๑๐ ชยั วฒั น์ สทุ ธิรตั น์, การพฒั นาหลกั สูตร ทฤษฎสี ู่การปฏิบัต,ิ (กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั วพี รินท์, ๒๕๕๖), หน้า
๗๑-๗๒
๑๑ ทิศนา แขมมณ,ี ศาสตร์การสอน, พิมพค์ ร้งั ท่ี ๑๘. (กรุงเทพฯ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย, ๒๕๕๗). หน้า
๕๔.
๒๔๓
ร่วมกัน การปฏสิ มั พันธก์ ับกลุ่มจะทาให้เกิดการแลกเปลยี่ นเรียนรูซ้ ง่ึ กันและกันทั้งดา้ นความคิด และการ
กระทาอันสง่ ผลตอ่ การเรียนรู้ทกั ษะทางสงั คม ซ่งึ จะเกิดประโยชนต์ อ่ ผ้เู รยี นท่จี ะนาไปใชใ้ นการอยู่
ร่วมกับผ้อู ืน่ ต่อไป
๕.๓.๓ สร้างบรรยากาศแหง่ การมสี ัมพนั ธภาพทดี่ ีระหว่างกนั ทง้ั ครูกับผู้เรยี น ในหมู่
ผ้เู รียนด้วยกนั และกบั บุคคลอนื่ ๆ การมีมนุษย์สัมพนั ธ์ทีด่ ี เริม่ ด้วยการส่ือสารท่ดี ี ซึง่ การส่อื สารระหว่าง
กันน้ันสามารถทาได้ท้ังการใช้วาจา ภาษาทา่ ทาง และการปฏิบตั ติ ่อกัน ครูมหี น้าท่ใี นการกระตุ้นให้
ผเู้ รยี นปฏิบตั ิต่อกนั ดว้ ยดี ไม่มกี ารทะเลาะเบาะแวง้ ครูมีหนา้ ท่ีในการลดความขัดแย้งทเี่ กิดขนึ้ และ
จะตอ้ งเปน็ แบบฉบบั ของการมีปฏสิ มั พนั ธท์ ่ีดรี ะหว่างตนเองกับผอู้ น่ื
๕.๓.๔. สรา้ งบรรยากาศทไี่ มก่ ดดัน โดยลดกจิ กรรมทต่ี ้องมีการแขง่ ขัน เพอื่ ให้เกดิ ผล
แพ้ ชนะหรอื การเป็นทห่ี นึ่งเหนอื ผอู้ น่ื ใหท้ ุกคนมีโอกาสไดแ้ สดงออกเท่าเทยี มกนั และได้รับการยกย่อง
เหมือนกนั สาหรับการประเมินผลการเรียนรู้ ควรประเมนิ ผลทแี่ สดงถงึ พฒั นาการแห่งความเป็นคนเกง่
คนดี และมีความสุข ให้ผ้เู รียนไดร้ ูผ้ ลของการกระทาของตนเอง และมกี ารพัฒนาตนเองโดยไมต่ อ้ ง
แข่งขนั กบั ผอู้ น่ื
๖. ปญั หาอุปสรรคในการบรหิ ารจดั การช้ันเรียน๑๒
๑. ข้อจากัดทางด้านงบประมาณ ไม่มงี บประมาณในการส่งเสรมิ การจัดบรรยากาศการเรยี นรู้
เน่อื งจากการจดั การตกแต่งห้องเรียนในแต่ละครง้ั อาจจะต้องอาศัยงบประมาณในการจดั ซื้ออุปกรณ์
ตกแต่งต่างๆ
๒. ขาดความรว่ มมือของบุคลากรและผูเ้ รียน ในบางหอ้ งเรยี นครผู สู้ อนและนักเรียนเกิดความ
ขัดแย้งและมองไมเ่ หน็ ความสาคญั ของการจัดการบรหิ ารช้ันเรยี น
๓. ครไู ม่มีเวลา ไม่มีความรู้ ครูบางท่านมภี าระการสอนในหลายช้ันเรยี น ทาให้ไมม่ ีเวลาใน
การปรบั ปรงุ หรือตกแต่งภายในห้องเรียน อีกทั้งขาดประสบการณใ์ นการจัดการบริหารห้องเรียน
๔. ผ้บู รหิ ารไม่สนบั สนุน ผูบ้ รหิ ารในบางโรงเรียนไมเ่ ห็นความสาคัญและขาดความเขา้ ใจใน
การจดั การบรหิ ารชน้ั เรยี น
๗. แนวโน้มการบริหารจัดการช้นั ในอนาคต
การปฏิรูปการศกึ ษาไทยไดด้ าเนนิ มากวา่ ๘ ปี ตง้ั แต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยฝ่ายทเี่ กย่ี วข้องตา่ ง
พยายามพัฒนาและดาเนินการปฏิรูปการศึกษาไทยอย่างมาก ซึ่งการจะพฒั นาการศึกษาไทยจะประสบ
ความสาเร็จไดใ้ นสภาพยคุ ท่เี ปล่ยี นแปลงอย่างรวดเรว็ นี้ จาเปน็ ตอ้ งวางแผนและดาเนินการในเชงิ รกุ ร่วม
ด้วยนั่นหมายความถึงการให้ความสาคัญกบั การคาดการณ์แนวโนม้ อนาคตทางดา้ นการศึกษา เพื่อ
นามาใชป้ ระกอบการจัดการศึกษาไทยได้สอดคล้องสภาพการเปลยี่ นแปลง หลีกเลีย่ งอุปสรรคปัญหา
และใชป้ ระโยชนส์ งู สุดจากแนวโน้มอนาคตท่จี ะมาถึงการปฏริ ปู การศึกษาไทยไดด้ าเนนิ มากวา่ ๘ ปี
ตง้ั แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยฝา่ ยที่เกี่ยวข้องต่างพยายามพัฒนาและดาเนนิ การปฏิรูปการศึกษาไทยอย่าง
มาก ซ่งึ การจะพฒั นาการศึกษาไทยจะประสบความสาเร็จไดใ้ นสภาพยุคทีเ่ ปลีย่ นแปลงอย่างรวดเรว็ นี้
จาเป็นต้องวางแผนและดาเนินการในเชิงรุกร่วมดว้ ยนั่นหมายความถงึ การใหค้ วามสาคญั กับการ
คาดการณ์แนวโนม้ อนาคตทางด้านการศึกษา เพื่อนามาใช้ประกอบการจัดการศึกษาไทยได้สอดคล้อง
๑๒ ชาญชยั อาจนิ สมาจาร, ทฤษฎีหลักสูตร, (กรุงเทพฯ : บริษทั วีพรนิ ท์, ๒๕๑๐), หน้า ๒๙-๓๑
๒๔๔
สภาพการเปลี่ยนแปลง หลีกเลี่ยงอปุ สรรคปัญหา และใชป้ ระโยชนส์ งู สุดจากแนวโนม้ อนาคตที่จะมาถึง
เมือ่ ปี ๒๕๔๙ ที่ผา่ นมา ผมได้รบั เชิญจากสานักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา (สกศ.) ใหเ้ ป็นท่ปี รึกษาใน
โครงการวิจยั เร่ือง ผลกระทบโลกาภวิ ตั นต์ อ่ การจดั การศกึ ษาไทยในอีก ๕ ปีข้างหนา้ เพ่ือใชเ้ ป็น
ฐานข้อมูลประกอบการกาหนดนโยบายและแผนของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร โดยผลวจิ ยั ได้พบแนวโนม้
สาคญั ของการศกึ ษาไทยใน ๕ ปขี า้ งหน้า ซง่ึ เป็นผลมาจากการท่ีกระแสโลกาภวิ ตั น์ได้กระทบตอ่ สังคม
และประชากร เศรษฐกิจและอตุ สาหกรรม วทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยีและส่งิ แวดลอ้ ม
และการเมอื งการปกครอง ซึ่งมีทง้ั ที่เปน็ แนวโนม้ การเปล่ียนแปลงในดา้ นบวก และด้านลบ โดยบทความ
นผ้ี มนามาเสนอบางประเด็นที่สาคัญ ดงั นี้๑๓
๗.๑ แนวโน้มด้านบวก
๑. หลกั สูตรใหม่เกิดขน้ึ จานวนมาก จากการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันในดา้ น
เศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ทาใหค้ นในสงั คมต้องการเพ่มิ ความรู้ความสามารถให้ทนั ต่อการ
เปลีย่ นแปลง จงึ หันมาสนใจศึกษาต่อในหลกั สูตรท่ีตอบสนองต่อการเปลย่ี นแปลงของเศรษฐกจิ ดงั น้นั
เพอื่ ตอบสนองตอ่ ความต้องการของคนในสงั คมสถาบันการศึกษาจึงมงุ่ พัฒนาหลกั สูตรใหม่ ๆ อาทิ
หลักสตู รทบี่ รู ณาการระหวา่ งสองศาสตร์ขึ้นไป เช่น ระดบั อาชวี ศึกษาหลักสตู รเดียวจะมีหลายสาขาวิชา
เรียนช่างยนตจ์ ะผนวกการตลาดและการบญั ชเี ขา้ ไปดว้ ย เปน็ ต้น หลกั สูตรทีใ่ หป้ รญิ ญาบตั ร ๒ ใบ และ
มกี ารพฒั นาหลักสตู รใหท้ นั สมัยตลอดเวลา
๒. หลักสูตรนานาชาตมิ ีแนวโน้มมากข้ึน เนื่องจากสภาพยคุ โลกาภิวัฒน์ที่มีการเชอ่ื มโยง
ดา้ นการคา้ และการลงทนุ ทาให้ตลาดแรงงานในอนาคตตอ้ งการคนท่ีมคี วามสามารถดา้ น
ภาษาตา่ งประเทศ ส่งผลใหค้ วามตอ้ งการการศกึ ษาทเ่ี ป็นภาษาสากลมีมากข้นึ ทีส่ าคัญการเปิดเสรี
ทางการศึกษา ยงั เปน็ โอกาสให้สถาบนั การศึกษาจากตา่ งประเทศเข้ามาจดั การศึกษาในประเทศไทย
และเปิดหลักสูตรภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจนี ภาษาญป่ี ุน่ ฯลฯ ย่งิ มีส่วนกระตุ้นให้
หลกั สตู รการศกึ ษานานาชาติมีแนวโนม้ ได้รบั ความนยิ มมากข้ึน แต่เนื่องจากหลักสตู รนานาชาติมี
คา่ ใชจ้ า่ ยสงู ดังนนั้ การเรียนในหลักสูตรนี้ยงั คงจากัดอยู่ในกลุ่มผ้เู รียนท่มี ีฐานะดี๑๔
๓. การจัดการศกึ ษามคี วามเป็นสากลมากขึ้น สภาพโลกาภวิ ัฒนท์ ีม่ กี ารเช่ือมโยงในทกุ
ดา้ นร่วมกันทัว่ โลก สง่ ผลให้เกิดการเคล่ือนย้ายองค์ความรู้ กฎกติกา การดาเนินการดา้ นต่าง ๆ ทง้ั
การคา้ การลงทุน การศกึ ษา เศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม เชอ่ื มตอ่ ถึงกนั ประกอบการเปดิ เสรี
ทางการศึกษา สง่ ผลใหเ้ กดิ การหล่งั ไหลหลักสตู รการเรยี นการสอน บคุ ลากรด้านการสอน หลกั สตู ร จาก
สถาบนั การศึกษาตา่ งประเทศเขา้ สู่ไทย อนั มผี ลทาให้เกดิ การเปรียบเทยี บและผลักดันให้
สถาบนั การศึกษาไทยต้องพัฒนาการจัดการศกึ ษาทมี่ ีความเปน็ สากลท่เี ปน็ ทยี่ อมรับ อีกท้ังการเปดิ เสรี
ทางการค้าและการลงทนุ กับนานาประเทศของไทย ไดส้ ่งผลให้เกิดความตอ้ งการการศกึ ษาที่มีคุณภาพ
ทดั เทยี มในระดับสากล
๔. ความเหล่อื มลา้ ดา้ นโอกาสทางการศึกษาลดลง เนอ่ื งจากสภาพการเรียกรอ้ งสิทธิ
มนษุ ยชนท่ีเป็นกระแสระดบั โลกเกิดขึ้นควบคู่กบั คล่นื ประชาธปิ ไตยแผ่ขยายวงกว้างถึงไทย รฐั ธรรมนูญ
๑๓ ชยั วัฒน์ สุทธิรัตน์, ๘๐นวตั กรรมการจดั การเรยี นรูท้ ีเ่ นน้ ผู้เรียนเป็นสาคญั , (กรงุ เทพมหานคร : สุวรี ยิ า
สาสน์ , ๒๕๔๖). หน้า ๒๖๓.
๑๔ ชนาธิป พรกลุ , การสอนกระบวนการคดิ ทฤษฎีและการนาไปใช,้ (กรงุ เทพมหานคร : บริษทั วีพรนิ ท,์
๒๕๕๗). หนา้ ๘๘.
๒๔๕
ฉบับใหม่ท่สี ง่ เสรมิ การเพม่ิ สทิ ธิเสรีภาพแก่ประชาชน อีกทัง้ สภาพการใชเ้ ทคโนโลยสี ง่ เสรมิ การเรยี นการ
สอน ทาให้ชอ่ งทางการเผยแพร่ข้อมลู ข่าวสารเข้าถงึ คนได้อย่างกวา้ งขวาง อยา่ งไรก็ตาม อาจเปน็ ไดว้ า่
ความเหลื่อมลา้ ด้านโอกาสทางการศึกษาจะลดลงในกลุ่มสถาบนั การศึกษาของรฐั สว่ นการจัดการศกึ ษา
โดยสถาบนั การศึกษาเอกชน ผเู้ รยี นท่คี รอบครวั มีรายได้น้อยอาจเข้ารับบริการทางการศึกษาได้ลดลง
เนื่องจากคา่ เลา่ เรียนแพง
๕. โอกาสรับบริการทางการศึกษาทมี่ คี ุณภาพเพ่ิมข้ึน เมือ่ เปิดเสรที างการศกึ ษา จะก่อ
เกดิ การแขง่ ขนั ในการจัดการศกึ ษาท้ังจากสถาบนั การศกึ ษาทงั้ ในและต่างประเทศมากข้ึน หากพิจารณา
ในแงบ่ วก การเปิดเสรีทางการศกึ ษา เปน็ การสร้างโอกาสให้คนไทยไดร้ บั การศกึ ษาท่ีมคี ุณภาพ เน่ือง
ดว้ ยสถาบนั แต่ละแห่งจะแขง่ ด้านคณุ ภาพมากขน้ึ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ สถาบนั อุดมศึกษา คณุ ภาพ
การศกึ ษาจะเพม่ิ ขึ้นค่อนข้างมาก เน่ืองจากการเปิดเสรที างการศึกษา ท่ีเปิดโอกาสใหส้ ถาบนั อดุ มศกึ ษา
ต่างชาตเิ ขา้ มาเปดิ การเรยี นการสอน จึงเป็นแรงกดดันใหส้ ถาบนั อดุ มศึกษาไทยต้องพฒั นาคุณภาพ
การศกึ ษาให้สงู ขึน้
๗.๒ แนวโน้มด้านลบ๑๕
๑. การเพิ่มช่องว่างดา้ นคุณภาพในการจัดการศึกษา แม้วา่ สภาพการแข่งขันทาง
การศกึ ษาจะเปน็ แรงผลักใหส้ ถาบันการศกึ ษาตา่ ง ๆ เร่งพัฒนาคุณภาพการจดั การเรยี นการสอนมากขึ้น
แต่เนอื่ งจากทรัพยากรต้ังตน้ ของแต่ละสถาบนั การศกึ ษามีความแตกตา่ งกนั ไมว่ า่ จะเป็นความรู้
ความสามารถและปริมาณของบุคลากรการศกึ ษา งบประมาณ เงินทุน เทคโนโลยี สถานที่ ความมี
ช่อื เสยี ง ฯลฯ สง่ ผลให้โอกาสพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาย่อมแตกตา่ งกันด้วย โดยเฉพาะสถาบันการศึกษา
ขนาดเลก็ หรือสถาบันการศึกษาที่ยังไม่มีความพร้อม/มที รัพยากรตั้งต้นไม่มาก ย่อมไมม่ ีศักยภาพ
เพยี งพอในการพัฒนาคุณภาพมากนกั
๒. การผลติ บณั ฑิตเกินความต้องการของตลาด เน่ืองจากความตอ้ งการศึกษาต่อใน
ระดบั อุดมศึกษามสี ูงข้นึ และการพัฒนาไปสู่การเปน็ มหาวิทยาลัยในกากบั ของรฐั ท่ีต้องหาเลี้ยงตนเอง มี
อสิ ระในการบรหิ ารและเปิดหลักสูตรเพอื่ หาผู้เรยี นเข้าเรยี นให้ได้จานวนมาก สิง่ เหล่านจ้ี ะสง่ ผลกระทบ
ระยะยาวคือ มบี ัณฑติ จบเปน็ จานวนมากเข้าส่ตู ลาดแรงงานไม่สามารถรองรบั ได้หมด โดยกลุ่มแรงงาน
ระดับอุดมศึกษาท่ีไม่มีคุณภาพหรือไม่จบจากสาขาท่ีตลาดแรงงานต้องการ จะถูกผลักสแู่ รงงานนอก
ระบบ หรอื หาทางออกโดยเรียนต่อระดับสงู ข้ึน ซึง่ อาจก่อเกิดภาวะแรงงานระดบั ปริญญาโทและเอกไม่มี
คุณภาพและลน้ ตลาดตามมาเชน่ กนั
๓. การสอนทักษะการคดิ และทกั ษะทางอารมณ์ยังไม่มคี ุณภาพ สภาพเศรษฐกจิ ที่มงุ่
แขง่ ขัน ทาให้การจัดการศึกษามุง่ พฒั นาทางวิชาการเป็นสาคญั ในขณะทีร่ ะบบการศึกษาไทยยังไม่
สามารถพัฒนาทักษะการคิดของผเู้ รยี นได้เทา่ ท่ีควร เน่ืองจากการเรียนการสอนยังมุ่งสอนใหผ้ ู้เรียนคดิ
ตามสง่ิ ที่ผ้สู อนป้อนความรู้มากกวา่ การคิดสง่ิ ใหม่ ๆ ประกอบกบั ครูผสู้ อนมีภาระงานมาก จนส่งผลต่อ
การพฒั นาบุคคลในด้านอื่น เชน่ การพฒั นาเชงิ สังคม รวมถึงการพฒั นาทักษะทางอารมณ์ นอกจากน้ี
การใชเ้ ทคโนโลยีในกิจวตั รประจาวันหรอื ใช้ในการเรียนการสอนทาให้การปฏสิ มั พันธ์ระหว่างครกู บั ศิษย์
ลดลง ส่งผลให้ชอ่ งทางการพัฒนาทักษะทางอารมณ์และทักษะทางสังคมของผ้เู รียนลดลงดว้ ย
๔. การสอนคุณธรรมจรยิ ธรรมยังไมม่ คี ุณภาพ แนวคดิ ของทนุ นิยมท่ีมุ่งแข่งขนั ได้
แพร่กระจายไปท่วั โลก ส่งผลใหผ้ ูค้ นตา่ งมุ่งแข่งขนั และพฒั นาความรูค้ วามสามารถ เพื่อความกา้ วหน้า
๑๕ มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช, ยทุ ธวธิ ที างการสอน, (กรุงเทพฯ : อักษรบัณฑิต,๒๕๓๖ ), หนา้ ๑๑๑
๒๔๖
ในหน้าทีก่ ารงานและมีชวี ติ ความเป็นอยู่ทดี่ ขี น้ึ ประกอบกบั สถาบันการศึกษาจานวนมากมงุ่ พฒั นา
ความรูท้ างวิชาการ และประเมนิ ผลการเรียนท่ีความสามารถทางวิชาการ จนอาจละเลยการพฒั นา
ผเู้ รยี นใหม้ ีคณุ ธรรมจริยธรรม นอกจากน้ี การไม่ได้มผี สู้ อนทรี่ ู้เช่ียวชาญดา้ นการสอนคุณธรรมจริยธรรม
โดยตรงหรอื มีคุณภาพ ย่อมส่งผลตอ่ คุณภาพการสอนของวิชาคณุ ธรรมจริยธรรมได้
๕. การสอนภาษาตา่ งประเทศยงั ไม่มคี ุณภาพ ยงิ่ ก้าวสู่โลกไร้พรมแดนมากข้ึนเท่าใด ผมู้ ี
ความรู้ด้านภาษาตา่ งประเทศ เชน่ ภาษาองั กฤษ หรือภาษาจนี ท่ผี ู้คนส่วนใหญ่ในโลกใช้ติดต่อสื่อสาร
เจรจาต่อรอง การค้า การศึกษา ฯลฯ ย่อมมีความไดเ้ ปรยี บ ทง้ั ในเรอื่ งการตดิ ต่อสอื่ สารและ
ความกา้ วหน้าในหน้าทีก่ ารงาน อยา่ งไรกต็ าม ปัญหาทีพ่ บคือ การสอนภาษาอังกฤษ และ
ภาษาต่างประเทศของไทยยังไม่มคี ณุ ภาพเท่าทคี่ วร เนื่องจากครผู ูส้ อนมีความสามารถดา้ น
ภาษาต่างประเทศคอ่ นข้างต่า โดยเฉพาะครูผ้สู อนในระดบั การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน ครูจานวนมากไม่ได้จบ
เอกภาษาองั กฤษโดยตรง และมีแนวโน้มวา่ ในอีก ๕ ปขี า้ งหนา้ การพัฒนาการสอนทักษะ
ภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาองั กฤษแม้ปัจจุบันจะต่ืนตัวมากข้นึ แต่ยังไม่กา้ วหน้าไปมาก
เทา่ ทค่ี วร เพราะทรัพยากรด้านบคุ ลากรสอนภาษาต่างประเทศน้ขี าดแคลนมาก๑๖
ผลกระทบของโลกาภวิ ัตน์ตอ่ การศกึ ษาไทยมีทง้ั ดา้ นบวกและดา้ นลบ ซงึ่ หลีกเล่ียงไดย้ าก
แตก่ ารพัฒนาระบบการศึกษาไทยให้พรอ้ มตอ่ สภาพโลกาภวิ ัตน์ไดน้ ้นั จาเปน็ ตอ้ งเตรยี มพรอ้ มในเชิงรุก
ตั้งแต่วันนี้ โดยรัฐควรเน้นการบริหารจัดการในสว่ นที่ไทยได้รับผลกระทบมากทส่ี ดุ โดยพัฒนาศกั ยภาพ
ของบุคลากรภายในสถาบันการศกึ ษา สนบั สนุนทุนวจิ ัยเพ่ือพฒั นาการศึกษา และสรา้ งเครือขา่ ยภาค
ประชาชนเพอื่ ใหเ้ กดิ ความร่วมมือในการพัฒนาการศึกษารองรับกระแสโลกาภิวัตน์
สรุป การจดั บรรยากาศในชั้นเรยี น เป็นสิ่งสาคญั ในการช่วยสง่ เสริมการเรยี นรขู้ อง
ผ้เู รยี นและส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถรบั ผิดชอบควบคมุ ดุแลตนเอง ได้ในอนาคต การจดั บรรยากาศมีท้งั
ด้านกายภาพ เปน็ การจัดสภาพแวดลอ้ มในหอ้ งเรยี นท้ังการจดั ตกแต่งในห้องเรียน จดั ท่ีน่ัง จดั มมุ เสริม
ความรตู้ ่างๆ ให้สะดวกต่อการเรียนการสอน ทางดา้ นจิตวทิ ยา เป็นการสร้างความอบอุ่น ความสุขสบาย
ใจใหก้ บั ผู้เรียน ผสู้ อนควรจดั บรรยากาศทั้ง ๒ ดา้ นนใี้ ห้เหมาะสม นอกจากนกี้ ารสรา้ งบรรยากาศการ
เรียนรู้ให้เกดิ ความสุขแกผ่ ู้เรียนเปน็ องคป์ ระกอบสาคัญประการหนึ่งที่จะสร้างคุณลักษณะนิสยั ของการ
ใฝเ่ รยี นรู้ การมีนสิ ัยรกั การเรียนรู้ การเป็นคนดี และการมีสขุ ภาพจิตทด่ี ี สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมี
ความสุขทัง่ ในปจั จุบนั และอนาคตต่อไป ซ่ึงบุคคลสาคญั ท่จี ะสร้างบรรยากาศการเรยี นรู้อย่างมคี วามสุข
ใหเ้ กิดขึ้นได้คือ ครูผู้นาทางแห่งการเรยี นรู้นนั่ เอง การเรียนรู้ที่มีประสทิ ธภิ าพนัน้ เกิดจากการเรียนร้ทู ี่
ครบวงจร ซึ่งได้แกก่ ารให้ผเู้ รยี นเลือกเร่ืองทจ่ี ะเรียนและวธิ ีการเรยี น จากน้ันจงึ ลงมือปฏิบตั ิตามท่ีไดค้ ดิ
ไวโ้ ดยการเรียนรรู้ ว่ มกับกลุ่มแล้วสรุปความรู้ดว้ ยตนเอง นอกจากนี้ประสิทธภิ าพของการเรยี นรยู้ ังเกดิ
จากการสนบั สนุนจากปัจจยั เออ้ื สามประการคือ การเรียนรู้อย่างสอดคลอ้ งกับธรรมชาติการเรียนรขู้ อง
วยั หรือพฒั นาการไดแ้ ก่ การเรียนรโู้ ดยการเคลือ่ นไหวและการกระทา ปัจจยั เอ้ือประการต่อมาคอื
บรรยากาศที่สนับสนุนการเรยี นร้ทู ่ีสร้างความรูส้ กึ มีความสุข ผ่อนคลาย ไมเ่ คร่งเครียด ปลอดภัยและ
ได้รับการยอมรับจากกลุม่ สว่ นปัจจัยเอ้ือที่สามคือการดแู ลสนบั สนุนและอานวยความสะดวกของครใู น
การจดั กจิ กรรมให้เด็กไดส้ ร้างความรผู้ ่านการปฏิสัมพนั ธ์กับเพื่อน กับครู และส่งิ แวดล้อมดงั นนั้ การจัด
๑๖ ชยั วัฒน์ สุทธิรัตน์, ๘๐นวัตกรรมการจัดการเรียนรทู้ ี่เน้นผู้เรยี นเป็นสาคัญ, (กรงุ เทพมหานคร : สุวรี ยิ า
สาส์น, ๒๕๔๖). หน้า ๒๙๐
๒๔๗
บรรยากาศที่เหมาะสมจะส่งผลต่อประสิทธภิ าพการเรยี นรู้ของเด็ก เพราะการเรียนทา่ มกลางบรรยากาศ
ทีม่ คี วามสุข ผู้เรียนจะเกิดความรู้สึกผ่อนคลายไม่กดดนั ทาให้เกิดการเรยี นรู้ได้งา่ ยและมีประสิทธิภาพ
แบบทดสอบปรนยั
คาชี้แจง : เลอื กคาตอบท่ีถกู ต้องเพยี งข้อเดยี วเตมิ ลงในช่องวา่ ง
***************************************************************************
๑.ใครคอื ผูใ้ หความหมายของการจัดการช้นั เรียนไว ๕.การสรา้ งบรรยากาศทีด่ ใี นชั้นเรยี น มผี ลดีตอ่
วาเปนพฤติกรรมการสอนที่ครูสรางและคงสภาพ นักเรยี นในข้อใด
เง่ือนไขของการเรยี นรูเพ่ือชวยใหการเรยี นการ ก. มีความตงั้ ใจเรียน
สอนมีประสทิ ธิภาพและเกดิ ประสทิ ธิผลขึ้นในชน้ั ข. มอี ารมณด์ ี
เรียน ค. มคี วามรับผิดชอบ
ก.ฮอล Susan Colville-Hall ง. มีความสมั พันธท์ ่ดี ี
ข.สุรางค โควตระกลู ๖.การปรับปรุงบรรยากาศในห้องเรยี น ต้องทา
ค.โบรฟี Jere Brophy ควบคู่กบั ข้อใด
ง.เบอรเดน Paul Burden ก. การพัฒนาหลักสตู ร
๒.การบริหารจัดการในหอ้ งเรียน หมายถงึ ข. การจดั กจิ กรรมวนั สาคัญ
ก. การจดั ชนั้ เรยี นหรอื การจัดกลุม่ ผ้เู รียน ค. กระบวนการเรียนรู้
ข. การจัดครูเขา้ สอน ง. ผลประชุมของสถานศึกษา
ค. การจัดทาแผนการเรยี นรู้ ๗.ข้อใด ไมใ่ ช่ ผลทีเ่ กิดกับนักเรียนจากการจัด
ง. การจดั ตารางสอนหรือตารางเรยี น บรรยากาศในห้องเรียน
๓.รปู แบบการจดั ชัน้ เรียน แบ่งออกเป็นก่ีประเภท ก. ความร้สู ึกอยากเรียน
ก.๒ ประเภท ข. ๓ ประเภท ข. ความสุขท่ีจะเรียน
ค. ๔ ประเภท ง. ๕ ประเภท ค. มคี วามกระตอื รือร้น
๔.ข้อใดเปน็ บรรยากาศห้องเรียนท่ีดี ง. มคี วามสงสยั
ก. มคี วามยดื หย่นุ มีกัลยาณมิตร ๘.การจดั บรรยากาศในช้นั เรยี น มีส่วนแก้ปัญหา
ข. ไมต่ งึ เครยี ด สถานศึกษาในข้อใด
ค. นักเรียนรูส้ กึ อิสระและมีความสุขใน ก. การทะเลาะวิวาทของนักเรียน
การเรียนรู้ ข. การเบยี่ งเบนทางเพศของนักเรียน
ง. มีการสรา้ งแรงจงู ใจใฝส่ ัมฤทธิ์ ค. วินยั นักเรยี น
248
ง. ปัญหายาเสพติดของนกั เรียน
๙.ข้อใด ไมต่ อ้ งคานงึ ในการจัดบรรยากาศใน
หอ้ งเรียน
ก.อากาศถ่ายเท ข.แสงสว่าง
ค. ทีต่ ง้ั ง.ความสะอาด
๑๐.การท่หี ้องเรียนมีโต๊ะไม่พอกบั จานวนนกั เรียน
ส่งผลตอ่ การจัดบรรยากาศในห้องเรียนในข้อใด
ก. คึกคัก ข. อดึ อัด
ค.อบอนุ่ ง.ใกลช้ ดิ
แบบทดสอบอัตนัย
ตอนที่ ๒ คาช้ีแจง : อธบิ ายคาตอบลงในกระดาษคาตอบใหถ้ กู ต้อง ข้อสอบมที ัง้ หมด ๕ ข้อ
*********************************************************************************************
๑.เปา้ หมายของการการบริหารจัดการ MANAGEMENT GOALS มี ๒ ประการสาคัญคอื อะไร
๒.โบรฟี Jere Brophy กล่าวถึงการจัดการช้ันเรยี นไวอ้ ย่างไร
๓.การจัดบรรยากาศชน้ั เรียนจะช่วยสง่ เสริมและสรา้ งเสริมผเู้ รยี นในด้านใดบา้ ง
๔.บรรยากาศชัน้ เรยี นท่จี ะนาไปสู่ความสาเร็จการสอนจัดแบง่ ไดก้ ี่ลักษณะ อะไรบา้ ง
๕.ประเภทของบรรยากาศในชน้ั เรยี นมกี ปี่ ระเภท แตล่ ะประเภทมคี วามหมายว่าอย่างไร
แบบทดสอบเตมิ คา
ตอนท่ื ๓ คาช้แี จง : เติมคาตอบลงในช่องว่างใหถ้ ูกตอ้ ง
*********************************************************************************************
๑. สภาพการเรยี นการสอนในหอ้ งเรยี นที่ผ้เู รียนจะมจี ุดมงุ่ หมายเพื่อสัมฤทธ์ิผลในการเรียน คือ
...........................
๒. การจดั ชัน้ เรียนถา้ แบ่งตามวธิ ีการสอนจะได้…….แบบ คอื ......................................................................
๓. การเรยี นรทู้ ่ผี ้เู รยี นสาคัญท่ีสุด ควรเรมิ่ ตน้ จากสงิ่ ใกล้ตัวผูเ้ รียนรู้มากที่สุด คือ.......................................
๔. การสรา้ งสภาพแวดลอ้ มด้านอาคาร สถานที่ สื่อ วัสดุอุปกรณ์ คือ........................................................
๕. บรรยากาศทีเ่ กิดจากการปฏสิ ัมพันธร์ ะหว่างบคุ คลทอี่ ยู่ร่วมกนั การอยรู่ ว่ มกนั อย่างมีความสุข คือ
............................................................................................................................. .......................................
๖. สกศ. ย่อมาจาก............................................................................................................................ .........
๗. บรรยากาศในช้ันเรียนแบง่ ออกเปน็ ...............ประเภท คอื .....................................................................
๘. การจดั บรรยากาศการเรยี นรู้ภายในช้ันเรยี นประกอบด้วย....................................................................
๙. Classroom Management หมายถึง.............................................................................................
๑๐. ขอ้ กาหนดความประพฤตขิ องผปู้ ฏิบัตวิ ิชาชีพต้องประพฤตปิ ฏบิ ัตติ ามจรรยาบรรณของมาตรฐาน
วิชาชพี ครู..........ประการ คือ.....................................................................................................................
บทที่ ๘
การพฒั นาศูนยก์ ารเรยี นรใู้ นสถานศึกษา
๑. หลักการและเหตุผล
การเรียกซ่ือศูนย์การเรียนอาจแตกตํางกันไปตามวัตถุประสงค์ของการใช๎งาน เซํน ศูนย์การ
เรียนรู๎ ศูนย์กิจกรรม ศูนย์วิชาการ มุม (เฉยๆ) มุมประสบการณ์ หรือกิจกรรมเสรี แตํไมํวําจะเรียกซ่ือ
อยํางไรก็ตาม ศูนย์การเรียนก็ยังคงเป็นรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนร๎ูแบบบูรณาการประเภท
หน่ึงที่ยํนยํอชํวงเวลาของเรียนร๎ูแบบกลํุมใหญํให๎ลดลงและเพ่ิมชํวงเวลาของการเรียนร๎ูแบบกลุํมยํอย
และรายบคุ คลให๎มากขนึ้ ศูนยก์ ารเรียนร๎ูใชส๎ ภาพทางกายภาพของห๎องเรยี นหรือพื้นท่ีที่กาหนดขึ้นมา ใน
ห๎องเรียน โดยมีจุดหมายในการจัดกิจกรรมการเรียนท่ีมีความหมายและหลากหลายให๎แกํเด็ก เป็น
กิจกรรมที่เปิดโอกาสให๎เด็กได๎ใช๎ความสามารถทางปัญญาในด๎านตํางๆ ตามความสามารถ ความพร๎อม
วุฒิภาวะ ประสบการณ์ และความสนใจของตนเอง ให๎อิสระเด็กในการทางานกับวัสดุอุปก รณ์ท่ี
จดั เตรียมไว๎อยํางเพียบพร๎อมในแตํละศูนย์ เด็กได๎มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับเด็กอื่นในลักษณะของการ เลํน
บทบาทสมมุติ ไดพ๎ ูดคุยกันและเรยี นรู๎ไปตามความสามารถของตนเองเชนํ เดยี วกับการแกํไข ข๎อผิดพลาด
ของตนเองในบรรยากาศที่ไมเํ ป็นทางการ
ศนู ยก์ ารเรยี นจะจัดไว๎ท่ัวทั้งห๎องตามความเหมาะสม อาจใช๎พื้นที่บนโต๏ะ ในถัง ในอํางบริเวณ
ช๎างฝาห๎อง หรือแม๎แตํในถุงใสํของก็ได๎ หรืออาจเป็นกิจกรรมท่ีให๎เด็กทุกคนทา เป็นบางคนทาหรือเป็น
ทางเลือกของเดก็ ทง้ั หมดก็ได๎ ในขณะท่ีทากจิ กรรมศูนย์การเรียน เดก็ จะเคล่ือนท่ีได๎อยํางอิสระจาก ศูนย์
หนึ่งไปยังอีกศูนย์หนึ่ง ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทากิจกรรมในแตํละศูนย์ โดยอาจมีสัญญาการ เรียน
(Learning contact) เป็นเสมือนผ๎ูนาทางในการเลือกวําจะไปศูนย์ไหน และจะทากิจกรรมอะไร เมื่อไป
ถึงศนู ยน์ ั้น สัญญาการเรยี นจงึ ชวํ ยกระตน๎ุ ความสนใจและความรับผิดชอบของเด็กได๎ดี
๒. เนือ้ หายอ่ ย
๒.๑ หลกั การ แนวคิดเกี่ยวกับศูนยก์ ารเรียนร๎ู
๒.๑.๑ ประเภทของแหลงํ การเรยี นรู๎
๒.๑.๒ การบริหารจดั การเพื่อการพฒั นา และใช๎แหลงํ การเรียนร๎ู
๒.๑.๓ แผนภูมิการสร๎างและพัฒนาแหลํงการเรียนร๎ู
๒.๑.๔ เครือขํายแหลํงการเรยี นรใ๎ู นสถานศึกษา
๒.๑.๕ แนวการดาเนินงานสร๎างเครอื ขํายแหลงํ การเรียนรู๎ของสถานศึกษา
๒.๑.๖ การใช๎สอ่ื นวัตกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศจากแหลงํ การเรยี นรู๎
๒.๒ ความหมายและความสาคญั ของศูนย์การจัดการเรียนร๎ู
๒.๒.๑ ความหมายของศูนย์การจดั การเรยี นร๎ู
๒.๒.๒ ประเภทของศูนย์การเรยี นร๎ู
๒.๒.๓ แบบของศูนยก์ ารเรยี นร๎ู
๒.๒.๔ ลักษณะเฉพาะของศนู ย์การเรียน
๒.๒.๕ ข๎อดขี องศนู ย์การเรียนรู๎
๒.๒.๖ ข๎อจากัดของศนู ย์การเรียนร๎ู
๒.๒.๗ การประยุกต์ใชศ๎ นู ยก์ ารเรยี นรู๎
๒.๒.๘ ความสาคัญของแหลงํ การจัดการเรียนรู๎
๒๔๙
๒.๓ องคป์ ระกอบของศูนย์การจดั การเรียนร๎ู
๒.๓.๑ องคป์ ระกอบของศนู ยก์ ารเรียนรู๎
๒.๓.๒ สาระสาคญั ของแตํละองค์ประกอบ
๒.๓.๓ ขั้นตอนการสร๎างชุดการสอนแบบศูนยก์ ารจัดการเรยี น
๒.๓.๔ ขั้นตอนวิธสี อนแบบศนู ย์การจดั การเรียน
๒.๓.๕ ขั้นประกอบกิจกรรมศูนย์การจัดการเรียน
๒.๔ แนวทาง วิธกี ารพัฒนาจดั การศนู ย์การจดั การเรยี นร๎ู
๒.๔.๑ แนวทางการพฒั นาจัดการศนู ย์การจัดการเรยี นรู๎
๒.๔.๒ การเตรยี มหอ๎ งเรียนแบบศนู ย์การเรยี นร๎ู
๒.๕ ศูนย์การจัดการเรยี นรู๎กบั การจัดการเรยี นร๎ู
๒.๕.๑ ข้นั ตอนการจดั การเรียนรู๎
๒.๕.๒ ศูนย์การเรยี นรู๎
๒.๕.๓ ประโยชนข์ องศนู ย์การเรียนร๎ู
สรุป
๓. จุดประสงค์
๑. เพื่อให๎เกิดความเข๎าใจเกยี่ วกับการพัฒนาศนู ย์การเรียนรู๎
๒. เพือ่ สามารถนาไปใชใ๎ หเ๎ กิดประโยชน์ตอํ อาชพี ครู
๓. เพ่ือพฒั นาผเ๎ู รียนใหเ๎ กิดการเรียนร๎ู
๑. หลักการ แนวคิดเกีย่ วกับศูนย์การเรียนรู้
นักเรียนทุกคนได๎เรียนรู๎จากแหลํงการเรียนร๎ูตามวัตถุประสงค์อยํางคุ๎มคํา แหลํงการเรียนร๎ู
หมายถึง แหลํงที่มีข๎อมูลขําวสารความร๎ู ประสบการณ์ สารสนเทศและเทคโนโลยีสาหรับผ๎ูเรียนใช๎ใน
การแสวงหาความรู๎ ซง่ึ มีอยํตู ามธรรมชาติและมนษุ ย์สร๎างขน้ึ
๔.๑ ประเภทของแหลง่ การเรยี นรู้๑๗๙
แหลงํ การเรียนร๎ูของโรงเรียนมี ๒ ประเภท คือ แหลํงการเรียนรู๎ในโรงเรียนและนอกโรงเรียน
ซ่ึงเปน็ แหลงํ การเรียนรู๎ทีม่ อี ยแูํ ล๎วตามธรรมชาติ และที่มนุษยส์ ร๎างขึน้
๑. แหลํงการเรยี นร๎ใู นโรงเรียน
๑.๑ แหลํงการเรียนร๎ูท่ีมีอยูํแล๎วตามธรรมชาติ เชํน บรรยากาศ ส่ิงแวดล๎อม
ปรากฏการณ์ธรรมชาติ สงิ่ มชี วี ติ ฯลฯ
๑.๒ แหลงํ การเรียนร๎ูทีม่ นุษย์สร๎างข้ึน เชํน ห๎องสมุดโรงเรียน ห๎องสมุดกลุํม
สาระ ห๎องสมุดเคล่ือนท่ี ห๎องเรียน ห๎องปฏิบัติการตําง ๆ ห๎องโสตทัศนศึกษา ห๎องมัลติมีเดีย เว็บไซต์
ห๎องอินเทอร์เน็ต ห๎องเรียนสีเขียว ห๎องพิพิธภัณฑ์ ห๎องเกียรติยศ สวนพฤกษศาสตร์ สวนสมุนไพร
สวนวรรณคดี สวนสุขภาพ สวนหิน สวนหยํอม สวนผีเสื้อ บํอเล้ียงปลา เรือนเพาะชา ต๎นไม๎พูดได๎
ฯลฯ
๒. แหลํงการเรียนร๎ูนอกโรงเรยี น
๑๗๙ ชนินทรช์ ัย อนิ ทริ าภรณ์ และสวุ ทิ ย์ หริ ณั ยกาณฑ.์ การพัฒนาศูนย์การเรยี นร้.ู พมิ พ์คร้งั ท่ี ๒. กรุงเทพฯ :
บริษัท ราไทยเพรส จากดั , ๒๕๔๘. หนา๎ ๑๕๔
๒๕๐
๒.๑ แหลํงการเรียนรู๎ที่มีอยูํแล๎วตามธรรมชาติ เชํน สภาพแวดล๎อม ป่า
ภูเขา แหลํงน้า ทะเล สัตว์ ฯลฯ
๒.๒ แหลํงการเรียนร๎ูท่ีมนุษย์สร๎างข้ึน เชํน ชุมชน วิถีชีวิต อาชีพ ภูมิปัญญา
ประเพณี วฒั นธรรม สถาบนั โบราณสถาน สถานท่ีสาคัญ แหลงํ ประกอบการ
๔.๒ การบรหิ ารจดั การเพือ่ การพฒั นา และใช้แหลง่ การเรียนรู้
การพัฒนาแหลํงเรียนรู๎ เป็นงานที่โรงเรียนสํวนใหญํดาเนินการอยํูแล๎ว ภาพ
ความสาเร็จท่ีจะเกิดข้ึนกับนักเรียนก็คือ การเป็นบุคคลแหํงการเรียนร๎ู สามารถแสวงหาความร๎ูด๎วย
ตนเอง จากแหลงํ การเรียนร๎ูตาํ ง ๆ ซึ่งมีหลายชํองทาง เพียงแตํการดาเนินการพัฒนาแหลํงการเรียนร๎ู
ยังเป็นไปโดยไมํเป็นระบบ และกระบวนการท่ีชัดเจน แหลํงเรียนร๎ูบางแหํงจึงไมํได๎ถูกใช๎และพัฒนา
อยาํ งตอํ เนอื่ ง
แหลํงการเรียนร๎ูท่ีเป็นธรรมชาติก็ถูกละเลย ไมํได๎เข๎าไปใช๎ให๎เกิดประโยชน์ ผู๎บริหาร
โรงเรียนจึงต๎องเป็นผ๎ูนาการดาเนินการ สูํความสาเร็จโดยกาหนดเป็นนโยบายที่ชัดเจน ซ่ึงอาจบริหาร
จดั การไดด๎ งั นี้
๑. ขัน้ วางแผน (Plan)
๑.๑ กาหนดนโยบายการพัฒนาแหลงํ การเรยี นร๎ู๑๘๐
โรงเรยี นกาหนดนโยบายการพัฒนาแหลงํ เรยี นร๎ู โดย ทาความเขา๎ ใจ
นโยบายตามแผนหลัก หลักสูตร รวมทั้งแนวดาเนินการของโรงเรียนในฝัน เพ่ือกาหนดนโยบายการ
พัฒนาและใช๎แหลงํ การเรียนรู๎ โดยให๎คณะครูมสี ํวนรํวมในการกาหนด
๑.๒ จัดตั้งคณะกรรมการสารวจแหลํงการเรียนร๎ูเพื่อวิเคราะห์สภาพความ
พร๎อมในการพัฒนาแหลงํ การเรียนร๎ใู นโรงเรยี นและชุมชน ซงึ่ อาจประกอบดว๎ ย
- ผบ๎ู ริหารโรงเรยี น
- ผชู๎ วํ ยผ๎บู รหิ ารโรงเรียน ฝ่ายวชิ าการ
- หัวหน๎ากลํมุ สาระการเรยี นรท๎ู ุกกลมํุ สาระ
- หัวหนา๎ งานกิจกรรมพัฒนาผ๎เู รยี น
- ผเู๎ ก่ยี วขอ๎ งทโี่ รงเรียนพิจารณาตามความเหมาะสม
๑.๓ จดั ทาแผนงานพัฒนาแหลํงการเรียนร๎ู
คณะกรรมการพัฒนาแหลงํ การเรียนรู๎ มีบทบาทหนา๎ ที่สาคญั ท่จี ะเป็น
ผ๎สู ารวจ วิเคราะหค์ วามพร๎อม รวบรวมข๎อมลู แลว๎ จัดทาแผนพฒั นาแหลงํ การเรียนรใ๎ู หส๎ ามารถ
ดาเนินการไดอ๎ ยํางเหมาะสม
๑.๔ สร๎างความเข๎าใจแกบํ ุคลากรของโรงเรียนและชุมชน
๑๘๐ พวงเลก็ อดุ ระ. หลักการ แนวคิดเกี่ยวกบั ศูนยก์ ารเรยี นร้.ู (กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลยั , ๒๕๓๙). หน๎า ๑๕๕
๒๕๑
โรงเรยี นดาเนนิ การสร๎างความเข๎าใจกับบุคลากรทกุ ๆ ฝ่ายในโรงเรยี น
และบคุ ลากรอน่ื ท่ีเก่ียวข๎อง ได๎แกํ คณะกรรมการสถานศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน เครอื ขํายผ๎ปู กครอง เพ่ือ
สรา๎ งความตระหนักและเห็นความสาคัญมีสวํ นรวํ มในการพัฒนาและใชแ๎ หลงํ การเรยี นร๎ู
๑.๕ ประชาสมั พันธ์โครงการ
โรงเรียนมีการประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาและใช๎แหลํงการเรียนรู๎
เพื่อให๎ครู อาจารย์ นักเรียน ผู๎ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน รวมท้ังผู๎เก่ียวข๎อง มี
ความเขา๎ ใจตรงกัน เกดิ ความรวํ มมอื ในการสนบั สนนุ ชวํ ยเหลือ เพอ่ื ให๎แหลํงการเรียนรู๎เกิดประโยชน์ตํอ
ผู๎เรียนอยาํ งมปี ระสิทธภิ าพและคุ๎มคํา
๒. ขน้ั การดาเนนิ งาน สร้างและพัฒนาแหลง่ การเรยี นรู้ ( DO )
โรงเรยี นอาจมแี นวทางการสร๎าง พัฒนา ใชแ๎ หลํงเรียนรู๎ ได๎ดังนี้
๒.๑ จัดตั้งคณะผ๎ูรับผิดชอบแหลํงการเรียนรู๎ ซึ่งอาจประกอบด๎วย บุคลากร
ดงั ตํอไปนี้
- รองผ๎อู านวยการฝ่ายวชิ าการ
- หัวหน๎ากลมุํ สาระการเรยี นรู๎
- หัวหน๎างานห๎องสมุด
- หัวหน๎าศนู ยค์ อมพวิ เตอร์ ของโรงเรียน
รับผิดชอบการดาเนินการสรา๎ งและพฒั นาแหลงํ การเรยี นร๎ู ตามความพร๎อมท่ีไดด๎ าเนินการ
สารวจ และวิเคราะหข์ ๎อมลู ทั้งในโรงเรยี นและชมุ ชน กาหนดแหลงํ เรยี นรู๎และจัดระบบสารสนเทศ
เกย่ี วกับแหลงํ การเรียนร๎ู
๒.๒ สร๎างและพัฒนาแหลงํ การเรียนร๎ู
ดาเนินการสร๎างและพฒั นาแหลํงการเรยี นรูต๎ ามสารสนเทศทีม่ ี
อยูํ ใหม๎ ปี ระสทิ ธภิ าพ จัดระบบการใช๎ สาหรบั ผเู๎ รียน และผ๎สู นใจ
๒.๓ ผเู๎ รยี นและผ๎สู นใจไดใ๎ ชแ๎ หลํงการเรยี นรอ๎ู ยาํ งเหมาะสมและคุ๎มคํา มีการ
รวบรวมข๎อมลู การใช๎ เพ่ือเป็นข๎อมูลกาหนดแนวทางในการพฒั นาแหลงํ เรยี นรต๎ู ํอไป
๓. ข้ันตรวจสอบ ทบทวน กากับติดตาม (CHECK)
โรงเรียนกาหนดให๎มีผ๎ูรับผิดชอบในการนิเทศ ติดตาม และประเมินการ
พฒั นาและใช๎แหลํงการเรียนรู๎ อยํางตํอเนื่องและมีประสิทธิภาพ แก๎ไข ปัญหาอุปสรรคในระหวํางการ
ดาเนนิ การมีการประเมินทบทวนปรับปรุง กระบวนการดาเนินการ ให๎เกิดการพัฒนาและใช๎ แหลํงการ
เรียนรูต๎ ามแผนหลักและแนวดาเนินการของโรงเรียนในฝันท่ีโรงเรียนกาหนดไว๎ ตามบริบทของโรงเรียน
เองมีการกาหนดวิธีการ และเครื่องมือประเมินผลการดาเนินการ การสร๎าง การพัฒนาและใช๎แหลํง
การเรียนร๎ู วิเคราะหผ์ ลการประเมนิ และสรุปผลการประเมนิ
๔. ขั้นสรปุ และรายงานผลการสร้างและพัฒนาแหลง่ การเรียนรู้ (ACTION)๑๘๑
การสรุปรายงานการพัฒนาและใช๎แหลํงการเรียนรู๎ ควรรวบรวมข๎อมูลต้ังแตํ
เร่ิมดาเนินการ ระหวํางดาเนินการ และเสร็จสิ้นการดาเนินการ เพ่ือสรุปเป็นรายงานนาเสนอให๎
๑๘๑ พวงเล็ก อุดระ. หลกั การ แนวคิดเกย่ี วกับศนู ย์การเรยี นร.ู้ (กรุงเทพฯ : โรงพมิ พจ์ ุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๓๙). หน๎า ๑๖๔