The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิชาการส่งและจ่ายไฟฟ้า 30104-2005

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by prateep.r, 2021-10-30 09:39:41

วิชาการส่งและจ่ายไฟฟ้า 30104-2005

วิชาการส่งและจ่ายไฟฟ้า 30104-2005

เอกสารประกอบการสอน

วชิ าการส่งและจ่ายไฟฟ้า รหัสวชิ า 30104-2005

สาขาวชิ าไฟฟ้ากาลงั หลกั สูตรประกาศนียบตั รวชิ าชีพช้ันสูง
พทุ ธศักราช 2563

ประเภทวชิ าช่างอุตสาหกรรม

เรียบเรียงโดย
นายประทปี ราชบรุ ี

ตาแหน่ง ครู

แผนกวชิ าช่างไฟฟ้ากาลงั วทิ ยาลยั เทคนิคเพชรบูรณ์

สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ



คำนำ

เอกสารประกอบการสอน วชิ าการส่งและจา่ ยไฟฟ้า รหสั 30104-2005 เล่มน้ีเรียบเรียงข้ึน
ตรงตามจุดประสงคร์ ายวชิ า มาตรฐานรายวชิ า และคาอธิบายรายวชิ า ของหลกั สูตรประกาศนียบตั ร
วชิ าชีพช้นั สูง พุทธศกั ราช 2563 ของสาขาวชิ าไฟฟ้ากาลงั แผนกช่างไฟฟ้ากาลงั

เอกสารประกอบการสอน เล่มน้ีแบง่ เน้ือหาออกเป็ น 7 หน่วย ดงั น้ี
หน่วยท่ี 1 พ้ืนฐานของระบบส่งและจา่ ย
หน่วยที่ 2 อุปกรณ์และวงจรของระบบส่งและจ่ายไฟฟ้า
หน่วยท่ี 3 พารามิเตอร์ของสายส่งกาลงั ไฟฟ้า
หน่วยท่ี 4 ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแรงดนั และกระแสไฟฟ้า
หน่วยที่ 5 การปรับแกต้ วั ประกอบกาลงั ของระบบจาหน่าย
หน่วยท่ี 6 ความหยอ่ นตวั และแรงดึงของสายส่งไฟฟ้า
หน่วยท่ี 7 ระบบต่อหน่วย

รูปแบบการนาเสนอในแต่ละหน่วย นอกจากจะไดร้ ับความรู้ท่ีสาคญั แลว้ ยงั มีแบบฝึ กหดั
โปรแกรมสาเร็จรูป เพื่อการประเมินผลการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง และเป็ นแนวทางในการแสวงหาความรู้
ที่สามารถนาไปประยุกต์ใช้ศึกษาต่อในระดับที่สูงข้ึนไปและในชีวิตประจาวนั ได้ ซ่ึงในการ
เรียบเรียง จดั ทาเอกสารประกอบการสอน ไดม้ ีการปรับปรุง แกไ้ ขและพฒั นามาเป็ นลาดบั ตาม
กระบวนการทางวิชาการ ให้เอกสารมีความสมบูรณ์และถูกตอ้ งท่ีสุด เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่
นกั เรียน นกั ศึกษา ครูผสู้ อน และผทู้ ี่สนใจทว่ั ไป

ประทีป ราชบุรี

สารบัญ ข

เนื้อหา หน้า
คำนำ ก
สำรบญั ข
หน่วยท่ี
1 พ้นื ฐำนของระบบส่งและจำ่ ยไฟฟ้ำ 1
1. ประวตั ิกิจกำรไฟฟ้ำในประเทศไทย 3
2. หน่วยงำนหลกั ในระบบผลิตและส่งจำ่ ยไฟฟ้ำในประเทศไทย 4
2.1 กำรไฟฟ้ำฝ่ ำยผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 4
2.2 กำรไฟฟ้ำนครหลวง (กฟน.) 6
2.3 กำรไฟฟ้ำส่วนภูมิภำค (กฟผ.) 7
3. โครงสร้ำงของระบบส่งจ่ำยไฟฟ้ำ 8
3.1 ระบบกำรผลิตพลงั งำนไฟฟ้ำ 9
3.2 ระบบกำรส่งจ่ำยกำลงั ไฟฟ้ำ 14
3.3 ระบบกำรจำหน่ำยกำลงั ไฟฟ้ำ 15
4. ปริมำณทำงไฟฟ้ำในระบบกำลงั ไฟฟ้ำ 16
4.1 คุณลกั ษณะของโหลดกรำฟ 16
4.2 คุณลกั ษณะกรำฟโหลดดิวเรชน่ั 18
4.3 คุณลกั ษณะของดีมำนด์ 19
4.4 โหลดแฟกเตอร์ 20
4.5 ดีมำนดแ์ ฟกเตอร์ 21
4.6 ไดเวอร์ซิตีแฟกเตอร์ 22
4.7 โคอินซิเดนซ์แฟกเตอร์ 24
แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 1 26
2. อุปกรณ์และวงจรของระบบส่งและจา่ ยไฟฟ้า 35
1. วงจของระบบส่งและจ่ำยไฟฟ้ำ 35
1.1 สถำนีไฟฟ้ำยอ่ ยตน้ ทำง 37
1.2 วงจรระบบสำยส่งไฟฟ้ำ 44
1.3 สถำนีไฟฟ้ำยอ่ ยจำหน่ำย 46
1.4 วงจรระบบจำหน่ำย 47



สารบัญ (ต่อ)

เนื้อหา หน้า

หน่วยท่ี 50
2. อุปกรณ์ในระบบส่งจ่ายกาลงั ไฟฟ้า 50
2.1 เสาไฟฟ้า 52
2.2 สายตวั นา 54
2.3 อุปกรณ์ป้องกนั วงจรระบบสายส่งและอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้ายอ่ ย 61
2.4 อุปกรณ์อื่นๆ 67
3. เขตเดินสายไฟฟ้า 69
แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 2 76
81
3. พารามิเตอร์ของสายส่งไฟฟ้า 85
1. คา่ ความตา้ นทานของสายส่งไฟฟ้า 86
1.1 ผลของสกินเอฟเฟกต์ 86
2. คา่ ความเหนี่ยวนาของสายส่งไฟฟ้า 89
2.1 ความเหน่ียวนาของสายที่เกิดจากฟลก๊ั ซ์ภายใน 92
2.2 ความเหนี่ยวนาของสายท่ีเกิดจากฟลกั๊ ซ์ภายนอก 96
2.3 ความเหนี่ยวนาของสายส่งในระบบ 1 เฟส 2 สาย 103
2.4 ความเหนี่ยวนาของสายในระบบ 3 เฟส 109
2.5 ความเหนี่ยวนาของสายตีเกลียว 112
2.6 ความเหนี่ยวนาของสายควบ (bundle conductors) 122
2.7 ความเหนี่ยวนาของสายวงจรคู่ ( double circuit ) 123
3. ค่าความจุไฟฟ้าของสายส่งไฟฟ้า 126
3.1 ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าเนื่องจากประจุไฟฟ้าบนตวั นา 131
3.2 ความจุไฟฟ้าในระบบ 1 เฟส 134
3.3 ความจุไฟฟ้าในระบบ 3 เฟส 136
3.4 ความจุไฟฟ้าของสายควบ 143
3.5 ความจุไฟฟ้าของสายวงจรคู่
แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 3

สารบัญ (ต่อ)

เนื้อหา หน้า

หน่วยที่

4. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรงดนั และกระแสไฟฟ้า 161

1. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรงดนั และกระแสไฟฟ้าของสายส่งแบบระยะส้ัน 161

2. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรงดนั และกระแสไฟฟ้าของสายส่งแบบระยะปานกลาง 166

3. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรงดนั และกระแสไฟฟ้าของสายส่งแบบระยะยาว 176

4. คา่ คงที่ของวงจรวางนยั ทว่ั ไปของสายส่ง 186

4.1 การแทนค่าพารามิเตอร์ของสายส่งดว้ ยคงคา่ ที่ 186

4.2 การหาคา่ สัมประสิทธ์ิของสมการ 186

4.3 การหาตวั คงที่รวมของสายส่งที่ต่ออนุกรม 189

4.4 การหาตวั คงที่รวมของสายส่งที่ต่อขนาน 191

4.5 การหาค่าตวั คงที่รวมโดยวธิ ีวดั 195

แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 4 199

5. การปรับแกต้ วั ประกอบกาลงั ของระบบจาหน่าย 210

1. กาลงั เชิงซอ้ น 212

2. ตวั ประกอบกาลงั และสามเหลี่ยมกาลงั ไฟฟ้า 216

2.1 ตวั ประกอบกาลงั ไฟฟ้าชนิดยนู ิต้ี (unity power factor) 216

2.2 ตวั ประกอบกาลงั ไฟฟ้าชนิดลา้ หลงั (lagging power factor) 217

2.3 ตวั ประกอบกาลงั ไฟฟ้าชนิดนาหนา้ (leading power factor) 217

แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 5 227

6. ความหยอ่ นตวั และแรงดึงของสายส่งไฟฟ้า 237

1. ระยะหยอ่ นและแรงดึงในสายเม่ือปักเสาไฟฟ้าระดบั เดียวกนั 237

2. ระยะหยอ่ นและแรงดึงในสายเมื่อปักเสาไฟฟ้าตา่ งระดบั 242

3. ระยะหยอ่ นและแรงดึงของสายขณะท่ีอุณหภูมิเปล่ียนแปลง 246

4. ผลของแรงลมปะทะสาย 252

5. ค่าตวั ประกอบความปลอดภยั 255

6. โปรแกรมคานวณหาค่าระยะหยอ่ นและแรงดึงของสายส่งไฟฟ้า 256

แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 6 261

สารบัญ (ต่อ) หน้า

เนื้อหา 270
หน่วยท่ี 270
7. ระบบตอ่ หน่วย 271
1. แผนภาพเส้นเดียวของระบบไฟฟ้ากาลงั (One line Diagram) 272
1.1 แผนภาพอิมพีแดนซ์ (Impedance Diagram) 273
1.2 แผนภาพรีแอคแตนซ์ (Reactance Diagram) 273
2. ระบบต่อหน่วย 274
2.1 คาจากดั ความของคา่ ต่อหน่วย ( per unit) 275
2.2 ระบบ 1 เฟส (Single-Phase System) 276
2.3 ระบบ 3 เฟส (Three-Phase System) 278
2.4 การเปลี่ยนค่าเบส 285
2.5. การวเิ คราะห์ระบบไฟฟ้ากาลงั โดยใชค้ า่ ต่อหน่วย 291
แบบฝึกหดั หน่วยที่ 7
บรรณานุกรม

สารบญั (ต่อ) หน้า

เนื้อหา 50
หน่วยท่ี 50
2. อุปกรณ์ในระบบส่งจ่ายกาลงั ไฟฟ้า 52
2.1 เสาไฟฟ้า 54
2.2 สายตวั นา 61
2.3 อุปกรณ์ป้องกนั วงจรระบบสายส่งและอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้ายอ่ ย 67
2.4 อุปกรณ์อ่ืนๆ 69
3. เขตเดินสายไฟฟ้า 76
แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 2 81
3. พารามิเตอร์ของสายส่งไฟฟ้า 85
1. คา่ ความตา้ นทานของสายส่งไฟฟ้า 86
1.1 ผลของสกินเอฟเฟกต์ 86
2. ค่าความเหนี่ยวนาของสายส่งไฟฟ้า 89
2.1 ความเหน่ียวนาของสายท่ีเกิดจากฟลกั๊ ซ์ภายใน 92
2.2 ความเหนี่ยวนาของสายท่ีเกิดจากฟลก๊ั ซ์ภายนอก 96
2.3 ความเหนี่ยวนาของสายส่งในระบบ 1 เฟส 2 สาย 103
2.4 ความเหนี่ยวนาของสายในระบบ 3 เฟส 109
2.5 ความเหนี่ยวนาของสายตีเกลียว 112
2.6 ความเหนี่ยวนาของสายควบ (bundle conductors) 122
2.7 ความเหน่ียวนาของสายวงจรคู่ ( double circuit ) 123
3. ค่าความจุไฟฟ้าของสายส่งไฟฟ้า 126
3.1 ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าเนื่องจากประจุไฟฟ้าบนตวั นา 131
3.2 ความจุไฟฟ้าในระบบ 1 เฟส 134
3.3 ความจุไฟฟ้าในระบบ 3 เฟส 136
3.4 ความจุไฟฟ้าของสายควบ 143
3.5 ความจุไฟฟ้าของสายวงจรคู่
แบบฝึกหดั หน่วยที่

สารบัญ(ต่อ)

เนื้อหา หน้า

หน่วยท่ี 161
4. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรงดนั และกระแสไฟฟ้า 161
166
1. ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแรงดนั และกระแสไฟฟ้าของสายส่งแบบระยะส้ัน 176
2. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรงดนั และกระแสไฟฟ้าของสายส่งแบบระยะปานกลาง 186
3. ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแรงดนั และกระแสไฟฟ้าของสายส่งแบบระยะยาว 186
4. คา่ คงที่ของวงจรวางนยั ทวั่ ไปของสายส่ง 186
189
4.1 การแทนคา่ พารามิเตอร์ของสายส่งดว้ ยคงคา่ ท่ี 191
4.2 การหาค่าสมั ประสิทธ์ิของสมการ 195
4.3 การหาตวั คงที่รวมของสายส่งที่ต่ออนุกรม 199
4.4 การหาตวั คงที่รวมของสายส่งท่ีต่อขนาน 210
4.5 การหาค่าตวั คงที่รวมโดยวธิ ีวดั 212
แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 4 216
5. การปรับแกต้ วั ประกอบกาลงั ของระบบจาหน่าย 216
1. กาลงั เชิงซอ้ น 217
2. ตวั ประกอบกาลงั และสามเหล่ียมกาลงั ไฟฟ้า 217
2.1 ตวั ประกอบกาลงั ไฟฟ้าชนิดยนู ิต้ี (unity power factor) 227
2.2 ตวั ประกอบกาลงั ไฟฟ้าชนิดลา้ หลงั (lagging power factor) 237
2.3 ตวั ประกอบกาลงั ไฟฟ้าชนิดนาหนา้ (leading power factor) 237
แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 5 242
6. ความหยอ่ นตวั และแรงดึงของสายส่งไฟฟ้า 246
7. ระยะหยอ่ นและแรงดึงในสายเมื่อปักเสาไฟฟ้าระดบั เดียวกนั 252
8. ระยะหยอ่ นและแรงดึงในสายเมื่อปักเสาไฟฟ้าต่างระดบั 255
9. ระยะหยอ่ นและแรงดึงของสายขณะที่อุณหภูมิเปลี่ยนแปลง 256
10. ผลของแรงลมปะทะสาย 261
11. คา่ ตวั ประกอบความปลอดภยั
12. โปรแกรมคานวณหาค่าระยะหยอ่ นและแรงดึงของสายส่งไฟฟ้า
แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 6

สารบญั (ต่อ) หน้า

เนื้อหา 270
หน่วยท่ี 270
7. ระบบตอ่ หน่วย 271
1. แผนภาพเส้นเดียวของระบบไฟฟ้ากาลงั (One line Diagram) 272
1.1 แผนภาพอิมพีแดนซ์ (Impedance Diagram) 273
1.2 แผนภาพรีแอคแตนซ์ (Reactance Diagram) 273
2. ระบบตอ่ หน่วย 274
2.1 คาจากดั ความของค่าต่อหน่วย ( per unit) 275
2.2 ระบบ 1 เฟส (Single-Phase System) 276
2.3 ระบบ 3 เฟส (Three-Phase System) 278
2.4 การเปล่ียนค่าเบส 285
2.5. การวเิ คราะห์ระบบไฟฟ้ากาลงั โดยใชค้ ่าต่อหน่วย 291
แบบฝึกหดั หน่วยที่ 7
บรรณานุกรม



คำชี้แจงเกย่ี วกบั เอกสำรประกอบกำรสอน
วชิ ำกำรส่งและจ่ำยไฟฟ้ำ รหสั วชิ ำ 30104-2005

เอกสารประกอบการสอน วชิ าการส่งและจ่ายไฟฟ้า รหสั วิชา 30104-2005 เป็ นเอกสาร
ประกอบการสอนที่เป็นภาคทฤษฎี จานวน 3 คาบต่อสัปดาห์ 3 หน่วยกิต ประกอบดว้ ยหวั ขอ้ สาคญั
จานวน 7 หน่วย คือ

หน่วยท่ี 1 พ้ืนฐานของระบบส่งและจ่ายไฟฟ้า
หน่วยที่ 2 อุปกรณ์และวงจรของระบบส่งและจ่ายไฟฟ้า
หน่วยที่ 3 พารามิเตอร์ของสายส่งกาลงั ไฟฟ้า
หน่วยที่ 4 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรงดนั และกระแสไฟฟ้า
หน่วยที่ 5 การปรับแกต้ วั ประกอบกาลงั ของระบบจาหน่าย
หน่วยท่ี 6 ความหยอ่ นตวั และแรงดึงของสายส่งไฟฟ้า
หน่วยท่ี 7 ระบบต่อหน่วย
การนาเอกสารประกอบการสอนไปใชใ้ นการจดั การเรียนการสอนใน 18 สัปดาห์ สามารถ
ดาเนินการได้ ตามตารางวิเคราะห์หน่วยการเรียนรู้ โดยในส่วนของเน้ือหาสาหรับนักศึกษาทุก
หน่วยควรเป็ นแบบเอกสารที่ไม่สมบูรณ์ ( imcomplete sheet) เฉพาะในส่วนที่เป็ นตวั อย่างท่ีแสดง
วิธีทา เพ่ือให้นกั ศึกษามีกิจกรรมร่วมกบั ผูส้ อนขณะทาการสอนผ่านส่ือการสอน เช่น ส่ือการสอน
นาเสนอดว้ ยโปรแกรม นาเสนอ Microsoft power point โปรแกรมคานวณความหยอ่ นตวั และแรง
ดึงของสายส่งไฟฟ้า
การวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสามารถทาไดโ้ ดยการทดสอบก่อนเรียนดว้ ยแบบทดสอบ
ของแต่ละหน่วยเรียนแลว้ จึงจดั กิจกรรมการเรียนการสอนตามแนวทางที่แนะนาและหลงั เรียนจบให้
ทาแบบทดสอบหลงั เรียนดว้ ยแบบทดสอบของแต่ละหน่วยเรียนซ้าเพื่อหาความกา้ วหนา้ การเรียนรู้
จนครบทุกหน่วย



หลกั สูตรรายวชิ า

รหัสวชิ า 30104-2005 วชิ า การส่งและจา่ ยไฟฟ้า

ระดับช้ัน ปวส. สาขา ช่างไฟฟ้ากาลงั

จานวน 3 หน่วยกติ จานวน 3 ชั่วโมง

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

จุดประสงค์รายวชิ า

1. เขา้ ใจระบบการส่งกาลงั และจาหน่ายไฟฟ้า อุปกรณ์ส่งกาลงั และจาหน่ายไฟฟ้า

2. สามารถคานวณหาพารามิเตอร์ต่างๆของระบบสายส่ง

3. มีกิจนิสัยในการทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นดว้ ยความประณีต รอบคอบและศึกษาคน้ ควา้ เพิ่มเติม

มาตรฐานรายวชิ า
1. แสดงความรู้เก่ียวกบั ระบบการส่งและจา่ ยไฟฟ้า อุปกรณ์และวงจรระบบส่งและจ่ายไฟฟ้า
2. แสดงความรู้เกี่ยวกบั แรงดึงและระยะหยอ่ นของสายไฟฟ้า
3. พยากรณ์โหลด หาพารามิเตอร์ต่างๆของระบบส่งกาลงั และจาหน่ายไฟฟ้าอุปกรณ์ส่งกาลงั

และระบบจาหน่ายไฟฟ้า

คาอธิบายราย
ศึกษาเกี่ยวกบั ระบบส่งกาลงั และจาหน่ายไฟฟ้า อุปกรณ์ส่งกาลงั และจาหน่ายไฟฟ้า การพฒั นา

ระบบไฟฟ้ากาลงั การผลิตไฟฟ้า ระบบส่งกาลงั ไฟฟ้า การหาแรงดึงและระยะหย่อนของสายไฟฟ้า
ค่าพารามิเตอร์ของสายส่งไฟฟ้า ความสัมพนั ธ์ของแรงดนั ไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าในระบบส่งจ่ายและ
ระบบจาหน่ายสถานีไฟฟ้าย่อย การจดั สัมพนั ธ์ของฉนวนระบบจาหน่าย คุณลักษณะของโหลด
กาพยากรณ์โหลด การส่งกาลงั ไฟฟ้าดว้ ยแรงดนั สูง การคานวณระบบต่อหน่วย

การส่งและจ่ายไฟฟ้า (30104-2005) Cognitive Domain ตารางวเิ คร
Affectiv
จานวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์

พฤติกรรม

เนื้อหา 1.ความ ู้รความจา
1. พ้ืนฐานของระบบส่งจ่ายไฟฟ้า 2. ความเ ้ขาใจ
2. อุปกรณ์และวงจรของระบบส่งและ 3. การนาไปใ ้ช
4. การวิเคราะ ์ห
จ่ายไฟฟ้า 5. การประเมิน ่คา
3. พารามิเตอร์ของสายส่งกาลงั ไฟฟ้า 1. การเต ีรยมพ ้รอม
4. ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแรงดนั และ 2. การตอบสนอง

กระแสไฟฟ้า /// ///
5. การปรับแกต้ วั ประกอบกาลงั ของ /// ///

ระบบจาหน่าย //// ///
6. ความหยอ่ นตวั และแรงดึงของ //// ///

สายไฟฟ้า //// ///
7. ระบบตอ่ หน่วย
//// ///

//// ///

ราะห์เนื้อหารายวชิ า แผนกวชิ าไฟฟ้ากาลงั
ve Domain ระดับ ปวส. 2 จานวน 3 หน่วยกติ
Psychomotor Domain

จานวน หมาย
ช่ัวโมง เหตุ
สอน
3. ปฏิบัติ ูถก ้ตอง
4. มีทักษะ
5. นาทักษะประ ุยก ์ตใ ้ช
1. ความ ัรบผิดชอบ
2. ความสนใจใ ่ฝ ู้ร
3. ความ ื่ซอ ัสต ์ย
4. ความมีวิ ันย
5. ความสามัคคี

// / / / / / / 6
/ ///// 6

/ / / / / / / / 15
/ / / / / / / / 12

// / / / / / / 3

// / / / / / / 6

// / / / / / / 6



ตารางวเิ คราะห์ความสอดคล้องของเนื้อหา
กบั จุดประสงค์รายวชิ าและมาตรฐานรายวชิ า
รหสั วชิ า 30104-2005 วชิ า การส่งและจา่ ยไฟฟ้า จานวน 3 ชว่ั โมง/สปั ดาห์

ลาดับ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ จุดประสงค์ มาตรฐาน
ที่ รายวชิ า รายวชิ า
1 23
123
/
1. หน่วยที่ 1 พ้ืนฐานของระบบส่งและจ่าย ไฟฟ้า /
/
1. ประวตั ิกิจการไฟฟ้าในประเทศไทย // /
//
2. หน่วยงานหลกั ในระบบผลิตและส่งจ่าย / /
/
ไฟฟ้าในประเทศไทย / /
/
3. โครงสร้างของระบบส่งจ่ายกาลงั ไฟฟ้า ///
/
4. ปริมาณทางไฟฟ้าในระบบกาลงั ไฟฟ้า ///
/
2. หน่วยท่ี 2. อุปกรณ์และวงจรของระบบส่งและจา่ ย /

ไฟฟ้า /

1. ระบบส่งและจ่ายไฟฟ้า // /

2. อุปกรณ์ในระบบส่งจา่ ยกาลงั ไฟฟ้า // /

3. เขตเดินสายไฟฟ้า //

3. หน่วยที่ 3. พารามิเตอร์ของสายส่งกาลงั ไฟฟ้า

1. ค่าความตา้ นทานของสายส่งกาลงั //

ไฟฟ้า

2. คา่ ความเหน่ียวนาของสายส่งกาลงั ไฟฟ้า //

3. ค่าความจุไฟฟ้าของสายส่งกาลงั ไฟฟ้า //

4. หน่วยที่ 4. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรงดนั และ

กระแสไฟฟ้า

1. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรงดนั และ ///

กระแสไฟฟ้าของสายส่งแบบระยะส้ัน

2. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรงดนั และ ///

กระแสไฟฟ้าของสายส่งแบบระยะปานกลาง

3. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรงดนั และ ///

กระแสไฟฟ้าของสายส่งแบบระยะยาว



ตารางวเิ คราะห์ความสอดคล้องของเนื้อหา
กบั จุดประสงค์รายวชิ าและมาตรฐานรายวชิ า (ต่อ)
รหสั วชิ า 30104-2005 วชิ า การส่งและจ่ายไฟฟ้า จานวน 3 ชวั่ โมง/สปั ดาห์

ลาดับ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ จุดประสงค์ มาตรฐาน
ที่ รายวชิ า รายวชิ า
1 23
123
/
4. ค่าคงท่ีของวงจรวางนยั ทว่ั ไปของสายส่ง / / /
/
5. หน่วยท่ี 5. การปรับแกต้ วั ประกอบกาลงั ของ /

ระบบจาหน่าย /

1. กาลงั เชิงซอ้ น // /

2. ตวั ประกอบกาลงั และสามเหล่ียมกาลงั ไฟฟ้า // /

6. หน่วยท่ี 6. ความหยอ่ นตวั และแรงดึงของสายส่ง /
/
ไฟฟ้า
/
1. ระยะหยอ่ นและแรงดึงในสายเม่ือปักเสา // /

ไฟฟ้าระดบั เดียวกนั

2. ระยะหยอ่ นและแรงดึงในสายเมื่อปักเสา //

ไฟฟ้าตา่ งระดบั

3. ระยะหยอ่ นและแรงดึงของสายขณะที่ //

อุณหภูมิเปล่ียนแปลง

4. ผลของแรงลมปะทะสาย //

5. ค่าตวั ประกอบความปลอดภยั //

7. หน่วยที่ 7. ระบบตอ่ หน่วย

1. แผนภาพเส้นเดียวของระบบไฟฟ้ากาลงั //

2. ปริมาณต่อหน่วย //



ตารางวเิ คราะห์หน่วยการเรียนรู้

รหสั วชิ า 30104-2005 วชิ า การส่งและจา่ ยไฟฟ้า จานวน 3 ชว่ั โมง/สัปดาห์

พฤติกรรมทพ่ี งึ ประสงค์

สัปดาห์ท่ี ชื่อหน่วย พุท ิธพิ ัสย
ทักษะพิ ัสย
ิจตพิ ัสย
แบบ ึฝก ัหด ้ขอท่ี

หน่วยที่ 1. พ้ืนฐานของระบบส่งและจ่าย ไฟฟ้า 7 10 4

1 1. ประวตั ิกิจการไฟฟ้าในประเทศไทย 1-16

2. หน่วยงานหลกั ในระบบผลิตและส่งจ่าย

ไฟฟ้าในประเทศไทย

3. โครงสร้างของระบบส่งจ่ายกาลงั ไฟฟ้า

2 4. ปริมาณทางไฟฟ้าในระบบกาลงั ไฟฟ้า 17-34

หน่วยที่ 2. อุปกรณ์และวงจรของระบบส่งและจ่าย 13 11 3

ไฟฟ้า

3 1. ระบบส่งและจา่ ยไฟฟ้า 1-18

4 2. อุปกรณ์ในระบบส่งจา่ ยกาลงั ไฟฟ้า 19-36

3. เขตเดินสายไฟฟ้า

หน่วยท่ี 3. พารามิเตอร์ของสายส่งกาลงั ไฟฟ้า 13 14 3

5 1. คา่ ความตา้ นทานของสายส่งกาลงั 1-8

ไฟฟ้า

6 2. ค่าความเหน่ียวนาของสายส่งกาลงั ไฟฟ้า 9-23

7 ค่าความเหน่ียวนาของสายส่งกาลงั ไฟฟ้า 24-32

8 3. คา่ ความจุไฟฟ้าของสายส่งกาลงั ไฟฟ้า 33-41

9 ค่าความจุไฟฟ้าของสายส่งกาลงั ไฟฟ้า 42-45

หน่วยที่ 4. ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแรงดนั และ 10 10 3

กระแสไฟฟ้า

10 1. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรงดนั และ 1-7

กระแสไฟฟ้าของสายส่งแบบระยะส้ัน



ตารางวเิ คราะห์หน่วยการเรียนรู้(ต่อ)

รหสั วชิ า 30104-2005 วชิ า การส่งและจา่ ยไฟฟ้า จานวน 3 ชวั่ โมง/สปั ดาห์

พฤติกรรมทพ่ี งึ ประสงค์

สัปดาห์ที่ ชื่อหน่วย พุท ิธพิ ัสย
ทักษะพิ ัสย
ิจตพิ ัสย
แบบ ึฝก ัหด ้ขอท่ี

11 1. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรงดนั และ 8-14

กระแสไฟฟ้าของสายส่งแบบระยะปานกลาง

12 2. ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแรงดนั และ 15-21

กระแสไฟฟ้าของสายส่งแบบระยะยาว

13 3. ค่าคงที่ของวงจรวางนยั ทวั่ ไปของสายส่ง 22-36

14 หน่วยที่ 5. การปรับแกต้ วั ประกอบกาลงั ของระบบ 11 7 3 1-28

จาหน่าย

1. กาลงั เชิงซอ้ น

2. ตวั ประกอบกาลงั และสามเหล่ียมกาลงั ไฟฟ้า

หน่วยท่ี 6. ความหยอ่ นตวั และแรงดึงของสายส่ง 8 15 3

ไฟฟ้า *

15 1. ระยะหยอ่ นและแรงดึงในสายเม่ือปักเสา 1-12

ไฟฟ้าระดบั เดียวกนั

2. ระยะหยอ่ นและแรงดึงในสายเมื่อปักเสา

ไฟฟ้าต่างระดบั

3. ระยะหยอ่ นและแรงดึงของสายขณะที่

อุณหภูมิเปล่ียนแปลง

16 4. ผลของแรงลมปะทะสาย 13-22

5. คา่ ตวั ประกอบความปลอดภยั

17 หน่วยท่ี 7. ระบบตอ่ หน่วย 6 5 3 1-6

1. แผนภาพเส้นเดียวของระบบไฟฟ้ากาลงั ตอน 2

ขอ้ ที่ 1

ตารางวเิ คราะห์หน่วยการเรียนรู้(ต่อ)

รหสั วชิ า 30104-2005 วชิ า การส่งและจ่ายไฟฟ้า จานวน 3 ชว่ั โมง/สัปดาห์

พฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงค์

สัปดาห์ท่ี ช่ือหน่วย พุท ิธพิ ัสย
ทักษะพิ ัสย
ิจตพิ ัสย
แบบ ึฝก ัหด ้ขอท่ี

18 2. ปริมาณต่อหน่วย 7-15

ตอน 2

ขอ้ ท่ี 2

รวม 54

* ใชโ้ ปรแกรมคานวณความหยอ่ นตวั และแรงดึงของสายส่งไฟฟ้าร่วมภายในช้นั เรียนโดยนกั ศึกษา

สามารถ Download ใชง้ านไดต้ ามท่ีเผยแพร่ไวท้ ี่ http://www.pbntc.ac.th/inventor%5Fteacher/

หน่วยที่ 1
พืน้ ฐานของระบบส่งและจ่ายไฟฟ้า

แนวคิด
วิวฒั นาการของกิจการไฟฟ้าในประเทศไทยจากอดีตถึงปัจจุบัน การไฟฟ้าฝ่ ายผลิต

หน่วยงานหลกั ท่ีทาหนา้ ที่ จดั หา ผลิต โดยขบวนการเปลี่ยนพลงั งานรูปต่าง ๆ ดว้ ยโรงตน้ กาลงั
หรือโรงจกั รมาเป็ นพลงั งานไฟฟ้า ส่งผา่ นโครงสร้างของระบบส่งและจ่ายไฟฟ้าใหก้ บั การไฟฟ้า
ส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้านครหลวง ที่มีหน้าที่จาหน่ายพลงั งานไฟฟ้า ให้กบั ผูใ้ ช้ไฟรายใหญ่
รายยอ่ ย ภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐ ภาคธุรกิจบริการ ภาคประชาชน การควบคุมระบบการส่งและ
จ่ายไฟฟ้าทาเพื่อให้เกิดความมนั่ คง ความมีเสถียรภาพและความเช่ือถือไดข้ องระบบ การทาความ
เขา้ ใจปริมาณต่าง ๆ ทางไฟฟ้า เพื่อจดั ระบบ วางแผนการใชพ้ ลงั งาน การอนุรักษพ์ ลงั งาน

สาระการเรียนรู้
1. ประวตั ิกิจการไฟฟ้าในประเทศไทย
2. หน่วยงานหลกั ในระบบผลิตและส่งจ่ายไฟฟ้าในประเทศไทย
2.1 การไฟฟ้าฝ่ ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
2.2 การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)
2.3 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)
3. โครงสร้างของระบบส่งจา่ ยไฟฟ้า
3.1 ระบบการผลิตพลงั งานไฟฟ้า
3.2 ระบบการส่งจ่ายไฟฟ้า
3.3 ระบบการจาหน่ายไฟฟ้า
4. ปริมาณทางไฟฟ้าในระบบกาลงั ไฟฟ้า
4.1 คุณลกั ษณะของโหลดกราฟ
4.2 กราฟโหลดดิวเรชนั่
4.3 คุณลกั ษณะของดีมานด์
4.4 โหลดแฟกเตอร์
4.5 ดีมานดแ์ ฟกเตอร์
4.6 ไดเวอร์ซิต้ีแฟกเตอร์
4.7 โคอินซิเดนซ์แฟกเตอร์

2

ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวงั
1. ประวตั ิกิจการไฟฟ้าในประเทศไทย
1.1 บอกประวตั ิกิจการไฟฟ้าในประเทศไทย
2. หน่วยงานหลกั ในระบบผลิตและส่งจา่ ยไฟฟ้าในประเทศไทย
2.1 บอกหนา้ ท่ีของหน่วยงานในระบบผลิตและส่งจา่ ยไฟฟ้า
2.2 บอกหนา้ ท่ีของหน่วยงานในระบบจาหน่ายไฟฟ้า
3. โครงสร้างของระบบส่งจ่ายไฟฟ้า
3.1 อธิบายระบบการผลิตพลงั งานไฟฟ้า
3.2 อธิบายระบบการส่งจา่ ยไฟฟ้า
3.3 อธิบายระบบจาหน่ายไฟฟ้า
4. ปริมาณทางไฟฟ้าในระบบกาลงั ไฟฟ้า
4.1 อธิบายคุณลกั ษณะของโหลดกราฟ
4.2 อธิบายคุณลกั ษณะของกราฟโหลดดิวเรชน่ั
4.3 อธิบายคุณลกั ษณะของดีมานด์
4.4 บอกที่มาของสมการหาคา่ โหลดแฟกเตอร์
4.5 คานวณหาค่าโหลดแฟกเตอร์
4.6 บอกที่มาของสมการหาคา่ ดีมานดแ์ ฟกเตอร์
4.7 คานวณหาคา่ ดีมานดแ์ ฟกเตอร์
4.8 บอกท่ีมาของสมการหาค่าไดเวอร์ซิต้ีแฟกเตอร์
4.9 คานวณหาค่าไดเวอร์ซิต้ีแฟกเตอร์
4.10 บอกที่มาของสมการหาคา่ โคอินซิเดนซ์แฟกเตอร์
4.11 คานวณหาค่าโคอินซิเดนซ์แฟกเตอร์
5. คุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์
5.1 ปฏิบตั ิตามกฎระเบียบ ขอ้ บงั คบั และขอ้ ตกลงต่าง ๆ ของสถานศึกษา
5.2 มีความรับผดิ ชอบในการอนุรักษพ์ ลงั งาน
5.3 มีความรัก ความสามคั คีในหมูค่ ณะ
5.4 มีความสนใจใฝ่ รู้

3

1. ประวตั ิกจิ การไฟฟ้าในประเทศไทย
ปี พ.ศ. 2427 จม่ืนไวยวรนาถ ต่อมามีบรรดาศกั ด์ิเป็ น จอมพลเจา้ พระยาสุรศกั ด์ิมนตรี

ไดไ้ ปเห็นความเจริญของกรุงปารีสท่ีมีไฟฟ้าใชก้ นั แพร่หลาย คร้ันเมื่อเดินทางกลบั ประเทศไทย
กไ็ ดก้ ราบบงั คมทูลรัชกาลที่ 5 ใหท้ รงทราบถึงความเจริญและกิจการเก่ียวกบั การใชไ้ ฟฟ้าดงั กล่าว
แตไ่ ม่ไดร้ ับการสนบั สนุนเท่าใด แตท่ ่านไม่ไดย้ อ่ ทอ้ จากน้นั ทา่ นจึงไดล้ งทุนขายท่ีดินของตนเอง
เพือ่ เป็ นเงินทุนส่งนายมาโยลา ชาวอิตาลี ซ่ึงมารับราชการเป็นครูฝึกทหารใหเ้ ดินทางไปซ้ืออุปกรณ์
ไฟฟ้า โคมไฟฟ้า และเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้าท่ีประเทศองั กฤษ อีกท้งั ใหน้ ายมาโยลาไปศึกษาวชิ าไฟฟ้า
มาดว้ ย เม่ือนายมาโยลาเดินทางกลบั กไ็ ดม้ าติดต้งั และเดินเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้าที่กรมทหารหนา้
(ปัจจุบนั ที่ต้งั ของกระทรวงกลาโหม) หลงั จากน้นั ไดก้ ราบบงั คมทูลพระกรุณานาอุปกรณ์ไฟฟ้าไป
ติดต้งั ที่พระท่ีนง่ั จกั รีมหาปราสาทและในทอ้ งพระโรง จนกระทง่ั วนั ที่ 20 กนั ยายน พ.ศ.2427 ซ่ึง
เป็นวนั คลา้ ยวนั พระราชสมภพของรัชกาลท่ี 5 ก็ไดเ้ ดินเครื่องจา่ ยไฟฟ้าเขา้ สู่พระบรมมหาราชวงั

ปี พ.ศ. 2437 ทางราชการไดร้ ับกิจการการผลิตและการส่งจ่ายไฟฟ้ามาดาเนินการต่อจาก
เอกชน จนถึงปี พ.ศ.2440 ทางราชการกโ็ อนกิจการไฟฟ้าใหบ้ ริษทั บางกอก อิเล็กตริกไลตซ์ ินดิเคต
(Bangkok Electric Light Syndicate) ไปดาเนินการ พร้อมกบั มอบเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้าที่ซ้ือมาจาก
ประเทศองั กฤษสองเคร่ืองแรกน้นั ใหก้ รมทหารเรือนาไปใชต้ ่อไป ต่อมาถูกโอนกิจการใหบ้ ริษทั
ไฟฟ้าสยามโดยต้งั ท่ีทาการและโรงไฟฟ้าชนิดพลงั งานความร้อนที่ขา้ งวดั ราชบูรณะหรือวดั เลียบจึง
ถูกเรียกวา่ โรงไฟฟ้าวดั เลียบ

ปี พ.ศ. 2455 รัชกาลท่ี 6 ไดโ้ ปรดเกลา้ ฯใหส้ ร้างโรงไฟฟ้าข้ึนที่ สามเสนและเริ่มจาหน่าย
ไฟฟ้าต้งั แต่ ปี 2457 โดยใชช้ ื่อวา่ “การไฟฟ้าหลวงสามเสน”ดาเนินการในรูปรัฐพาณิชยภ์ ายใตก้ าร
ควบคุมของกระทรวงมหาดไทย ตอ่ มาเปลี่ยนช่ือวา่ “กองไฟฟ้าหลวงสามเสน”

ปี พ.ศ. 2497 หลงั สงครามโลกคร้ังที่ 2 รัฐบาลไดเ้ ล็งเห็นปัญหาเรื่องพลงั งานท่ีตอ้ งจดั หาให้
เพียงพอแก่การพฒั นาประเทศจึงจดั ต้งั หน่วยงานที่มีหนา้ ที่รับผดิ ชอบเกี่ยวกบั การน้ีโดยตรง จึงตรา
พระราชบญั ญตั ิการพลงั งานแห่งชาติ (ปัจจุบนั คือกระทรวงพลงั งาน) ตอ่ มารัฐบาลไดอ้ อกพระราช
กฤษฎีกาที่สาคญั 2 ฉบบั คือ พระราชกฤษฎีกาจดั ต้งั องคก์ ารพลงั งานไฟฟ้าลิกไนต์ ข้ึนตรงต่อ
การพลงั งานแห่งชาติสมยั น้นั พร้อมกบั เปิ ดการทาเหมืองแมเ่ มาะที่จงั หวดั ลาปาง และ
พระราชกฤษฎีกา จดั ต้งั องคก์ ารไฟฟ้าส่วนภูมิภาคข้ึนตรงต่อกรมโยธาเทศบาลกระทรวงมหาดไทย
ทาหนา้ ที่ดาเนินกิจการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและรับซ้ือไฟฟ้าท่ีเอกชนไดร้ ับสมั ปทานผลิต (ชดั อินทะสี
2540,15-20)

ปี พ.ศ. 2500 ไดม้ ีการจดั ต้งั “การไฟฟ้ายนั ฮี (กฟย.)” รับผดิ ชอบการผลิตไฟฟ้าใหภ้ าคกลาง
กบั ภาคเหนือ โดย กฟย. ไดก้ ่อสร้างโรงไฟฟ้าพลงั น้าเข่ือนภูมิพล ที่ จงั หวดั ตากและก่อสร้าง
โรงไฟฟ้าพลงั ความร้อน (พลงั ไอน้า) ขนาดใหญ่มีกาลงั ผลิต 75 เมกะวตั ต์ ท่ีอาเภอบางกรวย จงั หวดั

4

นนทบุรี ปัจจุบนั เรียกวา่ “โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ” ซ่ึงนบั วา่ เป็นโรงไฟฟ้าที่มี ขนาดใหญ่ที่สุดใน
ขณะน้นั เริ่มเดินเคร่ืองจ่ายกระแสไฟฟ้าไดเ้ ม่ือเดือนมีนาคม พ.ศ. 2504 โดย ส่งกระแสไฟฟ้าไปตาม
สายส่งไฟฟ้าแรงสูงเชื่อมโยงกบั โรงไฟฟ้าสามเสน
http://pr.egat.co.th/prweb/webnews/callcenter/data/Thai_electricity.pdf

ปี พ.ศ.2501 รัฐบาลไดต้ ราพระราชบญั ญตั ิและประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ิ “การไฟฟ้านคร
หลวง (กฟน.)” โดยไดร้ วมกิจการของการไฟฟ้ากรุงเทพฯ กบั กองไฟฟ้าหลวงสามเสนเขา้ ดว้ ยกนั
รับผดิ ชอบการจาหน่ายไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรีและสมุทรปราการ

ปี พ.ศ.2503 รัฐบาลไดป้ ระกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ิ ”การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)”เพ่อื
จดั ต้งั การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแทน องคก์ ารไฟฟ้าส่วนภูมิภาคซ่ึงถูกยกเลิกไป รับผดิ ชอบการจา่ ย
ไฟฟ้าทว่ั ไปยกเวน้ ในเขต กฟน.(ชดั อินทะสี 2540,15-20)

ปี พ.ศ. 2505 รัฐบาลไดจ้ ดั ต้งั “การไฟฟ้าตะวนั ออกเฉียงเหนือ” (กฟ.อน.) ข้ึนเพอื่ ผลิตไฟฟ้า
ใชใ้ นภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือของไทยโดยในระยะแรกไดด้ าเนินการก่อสร้างเขื่อนอุบลรัตน์ท่ี
จงั หวดั ขอนแก่น และเข่ือนน้าพงุ ท่ี จงั หวดั สกลนคร
http://pr.egat.co.th/prweb/webnews/callcenter/data/Thai_electricity.pdf

ปี พ.ศ.2511-2512 รัฐบาลไดต้ ราพระราชบญั ญตั ิการไฟฟ้าฝ่ ายผลิตแห่งประเทศไทยข้ึน
โดยใหร้ วมการไฟฟ้าท่ีรับผดิ ชอบการผลิตไฟฟ้าไดแ้ ก่ การไฟฟ้ายนั ฮี (กฟย.) การลิกไนท์ (กลน.)
การไฟฟ้าตะวนั ออกเฉียงเหนือ (กฟ.อน.) เขา้ ดว้ ยกนั ภายใตช้ ื่อ “การไฟฟ้าฝ่ ายผลิตแห่งประเทศไทย
(กฟผ.)” (ชดั อินทะสี 2540,15-20)

2. หน่วยงานหลกั ในระบบผลติ ส่งจ่ายและจาหน่ายไฟฟ้าในประเทศไทย
จากววิ ฒั นาการการไฟฟ้าของประเทศไทยจากอดีตจนถึงปัจจุบนั จะเห็นวา่ มีหน่วยงานหลกั

ท่ีดาเนินการเก่ียวกบั ผลิต ส่งจา่ ยและจาหน่าย ไฟฟ้า ไดด้ งั น้ี
2.1 การไฟฟ้าฝ่ ายผลติ แห่งประเทศไทย (กฟผ.) (Electricity Generating Authority of

Thailand, EGAT)
จดั ต้งั ข้ึนตามพระราชบญั ญตั ิการไฟฟ้าฝ่ ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2511 โดยการรวม

หน่วยงาน ดา้ นการผลิตและส่งพลงั งานไฟฟ้า 3 แห่ง มีฐานะเป็นนิติบุคคลต้งั แต่วนั ที่ 1 พฤษภาคม
2512 เรียกชื่อยอ่ วา่ “กฟผ.” พระราชบญั ญตั ิฉบบั น้ีมีการแกไ้ ขเพิ่มเติมหลายคร้ัง โดยคร้ังล่าสุดได้
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และ มีผลบงั คบั ใชเ้ มื่อวนั ท่ี 12 มีนาคม 2535 มีสาระสาคญั โดยสรุปคือ
ใหก้ ารไฟฟ้าฝ่ ายผลิตแห่งประเทศไทย สามารถดาเนินธุรกิจเก่ียวกบั พลงั งานไฟฟ้าหรือร่วมทุนกบั
บุคคลอื่นเพื่อดาเนินธุรกิจดงั กล่าว และใหม้ ีอานาจใชส้ อยและครอบครอง

5

กฟย. กลน. กฟ.อน. กฟผ.

ภาพที่ 1.1 ตราองคก์ ารทางรัฐวสิ าหกิจท่ีรับผดิ ชอบในการผลิตไฟฟ้าและ กฟผ.

อสังหาริมทรัพย์ เพื่อสารวจหาแหล่งพลงั งาน ตลอดจนท่ีสาหรับใชใ้ นการผลิตหรือพฒั นาพลงั งาน
ไฟฟ้าโดยชดใชค้ ่าทดแทนท่ีเป็ นธรรม และใหก้ ารไฟฟ้าฝ่ ายผลิตแห่งประเทศไทยมีอานาจกาหนด
เงื่อนไขท่ีเก่ียวกบั คุณภาพไฟฟ้า เทคนิคทางวศิ วกรรม และความปลอดภยั ของระบบไฟฟ้า ในกรณีที่
เอกชนประสงค์จะเช่ือมโยงระบบไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านคร
หลวง หรื อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กฟผ. มีสิ ทธิเพิ่มวงเงินในการกู้ยืมและในการจาหน่าย
อสังหาริมทรัพย์ คณะกรรมการมีอานาจจาหน่ายทรัพยส์ ินออกจากบญั ชีได้ทุกกรณีโดยไม่จากดั
วงเงินโดยสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ เพื่อให้สามารถดาเนินการได้อย่างคล่องตัวและมี
ประสิทธิภาพ ส่วนสาระสาคญั ท่ียงั คงเดิม คือ คณะรัฐมนตรีเป็นผู้ แต่งต้งั ประธานคณะกรรมการกบั
กรรมการ (ซ่ึงตอ้ งไม่มีตาแหน่งทางการเมือง) และคณะกรรมการเหล่าน้ีเป็ นผูแ้ ต่งต้งั ผูว้ า่ การ กฟผ.
จึงเป็ นรัฐวิสาหกิจสังกัดสานักนายกรัฐมนตรี มีรัฐมนตรี คอยกากับดูแลให้เป็ นไปตาม
พระราชบญั ญตั ิน้ี ในเดือนมิถุนายน 2535 กฟผ. นาเสนอตอ่ รัฐบาลขอเขา้ โครงการรัฐสาหกิจท่ีดีและ
ผา่ นความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีให้เป็ นรัฐวิสาหกิจที่ดี เม่ือวนั ที่ 30 สิงหาคม 2537 การน้ีจะ
ส่งผลให้ กฟผ. มีความคล่องตวั ในการบริหารงานได้มากข้ึน ซ่ึงสอดคล้องกบั แนวนโยบายของ
รัฐบาล ที่ตอ้ งการลดบทบาทการควบคุมรัฐวิสาหกิจลงให้นอ้ ยที่สุดและสนบั สนุนให้รัฐวสิ าหกิจมี
ความสามารถที่จะแข่งขนั กบั ธุรกิจภาคเอกชนได้ โดยมี พนั ธะกิจคือ “ให้บริการดา้ นพลงั งานที่มี
คุณภาพเช่ือถือได้ในราคาท่ีเหมาะสม เป็ นธรรม และรักษาสมดุล กบั สังคมและส่ิงแวดล้อมเพื่อ
สร้างสรรคแ์ ละพฒั นาคุณภาพชีวติ ” และ ภารกิจการดาเนินงาน คือ

2.1.1 ผลิต จดั หาใหไ้ ดม้ า จดั ส่งหรือจาหน่ายซ่ึงพลงั งานไฟฟ้าใหแ้ ก่
1) การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้าอื่น ตามกฎหมายวา่

ดว้ ยการน้ี
2) ผใู้ ชพ้ ลงั งานไฟฟ้า โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบาย

พลงั งานแห่งชาติ
3) ประเทศใกลเ้ คียง

6

2.1.2 ดาเนินงานต่าง ๆ ท่ีเก่ียวกบั ระบบไฟฟ้าและเขตเดินสายไฟฟ้า
2.1.3 ดาเนินการต่าง ๆ เพือ่ ใหไ้ ดห้ รือการดาเนินการในส่วนท่ีเก่ียวขอ้ งกบั พลงั งาน
ไฟฟ้าแหล่งพลงั งานอนั ไดม้ าจากธรรมชาติ เช่น น้า ลม ความร้อนธรรมชาติ แสงแดด แร่ธาตุ หรือ
เช้ือเพลิง เป็นตน้ วา่ น้ามนั ถ่านหิน หรือกา๊ ซ รวมท้งั พลงั งานปรมาณูเพื่อการผลิตพลงั งานไฟฟ้า
และงานอื่นท่ีส่งเสริมกิจการของ กฟผ.
2.1.4 ดาเนินธุรกิจเกี่ยวกบั พลงั งานไฟฟ้า และธุรกิจอ่ืนท่ีเก่ียวกบั หรือต่อเน่ืองกบั
กิจการ กฟผ.
2.1.5 ผลิตและขายลิกไนต์ หรือวตั ถุเคมีจากลิกไนต์ หรือโดยการอาศยั ลิกไนต์
http://www.egat.co.th/th/index.php?option=com_content&task=category&sectionid=5&id=20&Ite
mid=37

2.2 การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) (Metropolitan Electricity Authority, MEA)
ในปี พ.ศ. 2493 รัฐบาลเขา้ ดาเนินงานแทนเอกชนท่ีหมดสมั ปทานจากบริษทั ไฟฟ้า

ไทยคอร์ปอเรชนั่ จากดั และเปลี่ยนมาเป็นการไฟฟ้ากรุงเทพโดยต้งั เป็ นหน่วยงานหน่ึงของ
กระทรวงมหาดไทย ทาหนา้ ท่ีผลิตและจาหน่ายกระแสไฟฟ้าแก่ประชาชนที่อาศยั อยใู่ นบริเวณตอน
ใตข้ องคลองบางกอกนอ้ ยและคลองบางลาภู

ภาพที่ 1.2 ตราการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)

ส่วนกองไฟฟ้าหลวงสามเสน เดิมช่ือ กองไฟฟ้าสามเสน กาเนิดข้ึนจากพระราชดาริของ
พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ท่ีทรงตระหนกั ถึงความสาคญั ของพลงั ไฟฟ้าและสายพระ
เนตรอนั ยาวไกลของพระองคว์ ่าต่อไปบา้ นเมืองจะเจริญข้ึนไปทางดา้ นเหนือของพระนคร จึงทรง
พระกรุณาโปรดเกลา้ ฯให้สร้างพระราชวงั ดุสิตเป็ นท่ีประทบั โดยท่ีพระท่ีนงั่ อนนั ตสมาคมเป็ นทอ้ ง
พระโรง เพื่อใหไ้ ดก้ าลงั ไฟฟ้าราคาถูก และสะดวกในการเดินเครื่องสูบน้าของการประปาดว้ ยทรง
โปรดเกลา้ ฯ ให้ เจา้ พระยายมราช (ป้ัน สุขุม) เสนาบดีกระทรวงนครบาล และผูบ้ งั คบั บญั ชา กรม
สุขาภิบาลในขณะน้นั ดาเนินการสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจาหน่ายแก่ประชาชน โดยให้
มีการจัดการเช่นการค้าขายท่ัวไป หรือรัฐวิสาหกิจในปัจจุบัน วนั ท่ี 20 ธันวาคม พ.ศ. 2456
กองไฟฟ้าหลวงสามเสนจึงได้เริ่มทดลองเดินเคร่ืองจกั รผลิตกระแสไฟฟ้าเป็ นคร้ังแรกและเริ่ม

7

จาหน่ายไฟฟ้าใหแ้ ก่ประชาชนอยา่ งเป็ นทางการราวตน้ ปี พ.ศ. 2457 โดยมีเขตจาหน่ายอยบู่ ริเวณ
ตอนเหนือของคลองบางกอกนอ้ ยและคลองบางลาภูต่อมารัฐบาลสมยั พลเอกถนอม กิตติขจร ได้
รวมองคก์ ารท้งั สองเขา้ ดว้ ยกนั เป็น การไฟฟ้านครหลวง (http://www.mea.or.th/menu1_2.htm)

การไฟฟ้านครหลวงมีอานาจหนา้ ท่ีในการจดั หา จดั จาหน่ายไฟฟ้าในเขตพ้ืนที่ 3 จงั หวดั
คือ กรุงเทพฯ นนทบุรีและสมุทรปราการ บารุงรักษาระบบจาหน่ายในพ้ืนท่ี ซ่ึงมีเขตพ้ืนท่ี
โดยประมาณ 0.6 เปอร์เซ็นของพ้ืนที่ท้งั หมดของประเทศ โดยได้ซ้ือไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฝ่ ายผลิต
แห่งประเทศไทย ท่ีระดบั แรงดนั 69,115 และ 230 kV

2.3 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) (Provincial Electricity Authority, PEA)
สาหรับกิจการไฟฟ้าในส่วนภูมิภาค เร่ิมตน้ อยา่ งเป็นทางการเมื่อทาง ราชการไดต้ ้งั

แผนกไฟฟ้าข้ึน ในกองบุราภิบาล กรมสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และไดก้ ่อสร้างไฟฟ้า
เทศบาลเมืองนครปฐมข้ึน เพ่ือจาหน่ายไฟฟ้า ให้แก่ประชาชน เป็ นแห่งแรก เมื่อปี 2473 จากน้นั มา
ไฟฟ้าจึงไดแ้ พร่หลาย ไปสู่หวั เมืองต่าง ๆ ขณะเดียวกนั ก็มีเอกชน ขอสัมปทาน จดั ต้งั การไฟฟ้าข้ึน
หลายแห่ง ต่อมาในปี 2477 มีการปรับปรุงแผนกไฟฟ้า เป็ นกองไฟฟ้า สังกัดกรมโยธาเทศบาล
กระทรวงมหาดไทย และภายหลงั เปลี่ยนชื่อเป็น กองไฟฟ้าภูมิภาค

หลงั จากก่อสร้างไฟฟ้าท่ีเทศบาลเมืองนครปฐมเป็นแห่งแรกแลว้ กม็ ี การทยอยก่อสร้าง
ไฟฟ้า ให้ชุมชนขนาดใหญ่ ระดบั จงั หวดั และอาเภอ ต่าง ๆ เพ่ิมข้ึนเร่ือย ๆ แต่ในช่วงสงครามโลก
คร้ังที่ 2 กิจการไฟฟ้า ขาดแคลนอะไหล่ และน้ามนั เช้ือเพลิง ระบบผลิตชารุดทรุดโทรม จนถึง ปี
2490 สภาวะทางเศรษฐกิจเร่ิมดีข้ึน ประเทศไทยเร่ิมพฒั นาทอ้ งถ่ิน ให้เจริญข้ึน ดงั น้ันภารกิจของ
ไฟฟ้าภูมิภาค จึงหนักหน่วงข้ึน รัฐบาล เริ่มเห็นความจาเป็ น ในการเร่งขยายการก่อสร้างกิจการ
ไฟฟ้าเพ่ิมข้ึนใหม่ และดาเนินกิจการไฟฟ้า ท่ีมีอยเู่ ดิมให้ดีข้ึนจึงไดจ้ ดั ต้งั องคก์ ารไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
เมื่อปี 2497 เพอื่ รับผดิ ชอบดาเนินกิจการ ไฟฟ้าในส่วนภูมิภาค

องคก์ ารไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ไดร้ ับการก่อต้งั ข้ึนเป็นองคก์ ารเอกเทศ ตามพระราช
กฤษฎีกา ซ่ึงใหไ้ วเ้ มื่อวนั ท่ี 6 มีนาคม พุทธศกั ราช 2497 และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เม่ือวนั ท่ี
16 มีนาคม พทุ ธศกั ราช 2497 มีการ แต่งต้งั คณะกรรมการข้ึน เป็นผคู้ วบคุมการบริหาร อยภู่ ายใต้
การควบคุมของ กรมโยธาเทศบาล กระทรวงมหาดไทย โดยรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย มี
อานาจกากบั โดยทว่ั ไป องคก์ ารไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มีทุนประเดิมตามกฎหมาย จานวน 5 ลา้ นบาท มี
การไฟฟ้าอยใู่ นความดูแล จานวน117 แห่ง เร่ิมกิจการใหม่ คณะกรรมการองคก์ ารไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

8

ภาพท่ี 1.3 ตราการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)
พ.ศ. 2503 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ไดร้ ับการสถาปนาตามพระราชบญั ญตั ิ การไฟฟ้า
ส่วนภูมิภาค ณ วนั ท่ี 28 กนั ยายน 2503 โดยรับช่วงภารกิจต่อจาก องคก์ ารไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มา
ดาเนินการ อยา่ งตอ่ เนื่อง ดว้ ยทุนประเดิมจานวน 87 ลา้ นบาทเศษ มีการไฟฟ้าอยใู่ นความรับผดิ ชอบ
200 แห่ง มีผใู้ ชไ้ ฟจานวน 137,377 ราย และพนกั งาน 2,119 คน กาลงั ไฟฟ้าสูงสุดในปี 2503 เพยี ง
15,000 กิโลวตั ต์ ผลิตดว้ ยเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้า ที่ขบั เคลื่อนดว้ ยเครื่องยนตด์ ีเซลลท์ ้งั สิ้น สามารถผลิต
พลงั งานไฟฟ้าบริการ ประชาชนได้ 26.4 ลา้ นหน่วย (กิโลวตั ต-์ ชว่ั โมง) ต่อปี และมีประชาชน ไดร้ ับ
ประโยชน์ จากการใชไ้ ฟฟ้าประมาณ 1 ลา้ นคน หรือร้อยละ 5 ของประชาชนท่ีมีอยทู่ วั่ ประเทศใน
ขณะน้นั 23 ลา้ นคน โดยปัจจุบนั การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มีวสิ ยั ทศั น์คือ“การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็น
องคก์ รช้นั นาของภูมิภาคท่ีไดม้ าตรฐานระดบั สากลทนั สมยั และมีประสิทธิภาพ ในการประกอบ
ธุรกิจพลงั งาน ธุรกิจบริการ และธุรกิจที่เกี่ยวเน่ือง ” และมีวตั ถุประสงคข์ องการบริหารจดั การตาม
นโยบายองคก์ รโดยผวู้ า่ การคือ
2.3.1 เพอ่ื ใหเ้ ป็ นองคก์ รท่ีทนั สมยั โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ โดยการนา
เทคโนโลยที ี่ทนั สมยั มาใช้
2.3.2 เพอ่ื ใหม้ ีความเขม้ แข็งทางดา้ นการเงิน โดยการเพ่ิมรายไดล้ ดรายจ่าย และ
ความเสี่ยงดา้ นการกูเ้ งิน และการลงทุน
2.3.3 เพื่อใหม้ ีเครือข่ายไฟฟ้าท่ีมีประสิทธิภาพ มนั่ คง ปลอดภยั และเพียงพอในการ
จา่ ยไฟ
2.3.4 เพือ่ ใหม้ ีคุณภาพในการบริการเป็นที่พงึ พอใจของลูกคา้
2.3.5 เพ่ือบริหารจดั การสินทรัพยร์ ะบบไฟฟ้า บุคลากรและเทคโนโลยที ่ีมีอยู่ ใหเ้ กิด
มูลค่าเพม่ิ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อองคก์ ร
2.3.6 เพอ่ื ประกอบธุรกิจเสริม ดา้ นสารสนเทศและการส่ือสาร ดา้ นธุรกิจท่ีเกี่ยวเน่ือง
และการใหบ้ ริการพลงั งานไฟฟ้าในประเทศและประเทศเพอื่ นบา้ น
http://www.pea.co.th/th/about/aboutPEA_vision.htm

3. โครงสร้างของระบบส่งและจ่ายไฟฟ้า
โครงสร้างของระบบส่งกาลงั ไฟฟ้า จะมีส่วนประกอบ 3 ส่วนดงั น้ี
3.1 ระบบการผลติ พลงั งานไฟฟ้า

9

3.2 ระบบการส่งจ่ายไฟฟ้า
3.3 ระบบการจาหน่ายไฟฟ้า

สายส่งไฟฟ้า

โรงไฟฟ้า ล านไกไฟฟ้ า

สายส่งไฟฟ้าย่อย

สถานไี ฟฟ้าย่อยต้นทาง

สถานไี ฟฟ้าย่อยจาหน่าย สถานไี ฟฟ้าย่อย โรงงานอุตสาหกรรม
โรงงาน โรงงานอุตสาหกรรม หม้ อแปล งจาห น่ าย

ส ายจาห น่ ายแรงสู ง บ้านพกั อาศัย

ส ายจาห น่ ายแรงตา่

(ก) วงจรจาลองของระบบส่งจ่ายไฟฟ้า

3.1 ระบบการผลติ พลงั งานไฟฟ้า ( Generating System )
ระบบการผลิตพลังงานไฟฟ้า หมายถึงระบบที่มีกระบวนการเปล่ียนแปลง

พลงั งานรูปต่างๆเป็นพลงั งานไฟฟ้า เช่นเปล่ียนจากพลงั งานศกั ยข์ องน้าไปเป็ นไฟฟ้า หรือเปลี่ยน
พลังงานความร้อนที่ได้จากถ่านหิน แก๊ส น้ามัน หรือปฏิกิริยานิวเคลียร์ไปเป็ นไฟฟ้า เป็ นต้น
กระบวนการท่ีเปล่ียนจากพลงั งานรูปอื่นไปเป็ นไฟฟ้า ส่วนใหญ่จะผ่านรูปของพลงั งานกลก่อน
เสมอ และใชพ้ ลงั งานกลเป็นตวั ขบั เคร่ืองกาเนิดไฟฟ้าอีกทีหน่ึง

ระบบการผลิตหรือโรงไฟฟ้าประกอบดว้ ยส่วนสาคญั 3 ส่วน คือ

10
3.1.1 ส่วนที่ผลิตกระแสไฟฟ้า หรือ โรงไฟฟ้าหรือโรงจกั รไฟฟ้า (power plant)
จะประกอบไปดว้ ยตวั ตน้ กาลงั หรือเครื่องกงั หนั ไฟฟ้า ซ่ึงจะทาหนา้ ที่เป็นตวั หมุนเคร่ืองกาเนิด
ไฟฟ้า

(ข) แสดงโครงสร้างของระบบส่งจา่ ยไฟฟ้า
ภาพท่ี 1.4 วงจรระบบส่งจา่ ยไฟฟ้า

11

แรงดนั ไฟฟ้าท่ีผลิตออกมาจากเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้าจะมีพิกดั แรงดนั 3 เฟส ไมเ่ กิน 20 kV
เช่น เคร่ืองกาเนิดไฟฟ้าท่ีเขื่อนภูมิพล 13.8 kV ท้งั น้ีเพราะวา่ ถา้ ผลิตแรงดนั สูงเกินกวา่ 20 kV จะ
เป็นอนั ตรายต่อฉนวนตวั นา การออกแบบเคร่ืองจกั รไฟฟ้า ตลอดจนอุปกรณ์ประกอบของเครื่อง
กาเนิดไฟฟ้า โรงไฟฟ้าจะแบ่งตามลกั ษณะของแหล่งพลงั งาน หรือตามชนิดของตวั ขบั ดงั น้ี

1. โรงไฟฟ้าพลงั น้า (Hydroelectric Power Plant) เป็นโรงไฟฟ้าท่ีใชแ้ รงดนั
ของน้าไปหมุนเครื่องกงั หันน้าเพื่อเปล่ียนแรงดันของน้าเป็ นพลงั งานกล ที่สามารถควบคุมได้
และใชพ้ ลงั งานกลท่ีไดไ้ ปหมุนเครื่องกาเนิดไฟฟ้า เพือ่ ผลิตพลงั งานไฟฟ้า

ภาพที่ 1.5 โรงไฟฟ้าพลงั น้า
ขอ้ ดี

1. สามารถเดินเครื่องไดร้ วดเร็วภายในเวลา 5 วนิ าที
2. เหมาะสาหรับการผลิตไฟฟ้าในช่วงท่ีความตอ้ งการไฟฟ้าสูงสุด
3. ใชใ้ นการชลประทาน
2. โรงไฟฟ้าพลงั ความร้อน หรือโรงไฟฟ้าพลงั งานไอน้า (Thermal Power Plant)
เป็ นโรงไฟฟ้าท่ีใชพ้ ลงั งานความร้อนเป็ นกาลงั ในการผลิต โดยการเผาไหมเ้ ช้ือเพลิง เพื่อตม้ น้าให้
กลายเป็ นไอน้า ที่มีแรงดนั สูงไปขบั ดนั กงั หันไอน้า แลว้ นาไปขบั เคล่ือนเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้า
เช้ือเพลิงที่ใชไ้ ดแ้ ก่ น้ามนั เตา ถ่านหิน แก๊สธรรมชาติ

12

ภาพท่ี 1.6 โรงไฟฟ้าพลงั ไอน้า
ขอ้ ดี

เหมาะที่ใชเ้ ป็นโรงไฟฟ้าที่เป็นฐานในการผลิต (Base Load) เน่ืองจาก
การเร่ิมเดินเคร่ืองใชเ้ วลาอยา่ งนอ้ ย 2-3 ชวั่ โมง
3. โรงไฟฟ้าดีเซล (Diesel Power Plant)เป็นโรงไฟฟ้าท่ีใชพ้ ลงั งานกล
จากเครื่องยนตด์ ีเซลไปหมุนเครื่องกาเนิดไฟฟ้า หรือทาการผลิตพลงั งานไฟฟ้า เช้ือเพลิงท่ีใช้
ไดแ้ ก่ น้ามนั ดีเซล

ภาพท่ี 1.7 โรงไฟฟ้าดีเซล
ขอ้ ดี

1. สามารถเดินเคร่ืองไฟฟ้าไดร้ วดเร็ว
2. เหมาะสาหรับการผลิตไฟฟ้าในช่วงที่มีความตอ้ งการ ไฟฟ้าสูงสุดและใน

กรณีฉุกเฉิน

13

3. เป็นโรงไฟฟ้าท่ีสามารถติดต้งั ไดอ้ ยา่ งรวดเร็วและเคล่ือนยา้ ยไปติดต้งั ยงั
สถานที่ใหมไ่ ดโ้ ดยไม่ยงุ่ ยาก

4. โรงไฟฟ้ากงั หนั แกส๊ (Gas Turbine Power Plant) เป็นโรงไฟฟ้าที่ทาการ
ผลิตไฟฟ้า ด้วยการเผาไหมเ้ ช้ือเพลิงในห้องอดั อากาศของเคร่ืองกงั หันแก๊ส ซ่ึงเป็ นเคร่ืองยนต์
สนั ดาปภายใน มีข้นั ตอนในการผลิตไฟฟ้า โดยเร่ิมจากการอดั อากาศใหม้ ีความดนั สูง 8 ถึง 10 เท่า
แลว้ ส่งอากาศจานวนน้ีเขา้ ห้องเผาไหมโ้ ดยมีเช้ือเพลิงทาการเผาไหมจ้ นอากาศในห้องเผาไหมเ้ กิด
การขยายตวั มีแรงดนั สูง และมีอุณหภูมิสูง เพอื่ ไปหมุนเครื่องกงั หนั แกส๊ แลว้ นาไปขบั เคลื่อนเคร่ือง
กาเนิดไฟฟ้าเพื่อผลิตพลงั งานไฟฟ้า

ภาพท่ี 1.8 โรงไฟฟ้ากงั หนั แกส๊
ขอ้ ดี

1. สามารถเดินเครื่องไฟฟ้าไดร้ วดเร็ว
2. เหมาะที่จะใชเ้ ป็นโรงไฟฟ้าสารองในช่วงความตอ้ งการสูงสุด
5. โรงไฟฟ้าพลงั ความร้อนร่วม เป็นโรงไฟฟ้าที่ใชร้ ะบบการทางานร่วมกนั ของ
โรงไฟฟ้า 2 ชนิด คือโรงไฟฟ้ากงั หนั แก๊สและโรงไฟฟ้าพลงั ความร้อน โดยการนาไอเสียของ
เคร่ืองกงั หนั แกส๊ ท่ีมีความร้อนสูง ประมาณ 500 องศาเซลเซียส ไปใหค้ วามร้อนกบั น้าในหมอ้
ไอน้า ทาใหน้ ้าเดือดกลายเป็นไอ เพ่ือขบั กงั หนั ไอน้าซ่ึงต่อกบั เพลาของเครื่องกาเนิดไฟฟ้าผลิต
ไฟฟ้าไดอ้ ีกคร้ังหน่ึง

14

ภาพท่ี 1.9 โรงไฟฟ้าพลงั ความร้อนร่วม
ขอ้ ดี

1. ประหยดั คา่ เช้ือเพลิงในหน่วยผลิตไฟฟ้ากงั หนั ไอน้า
2. ลดผลกระทบตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม
3.1.2 ส่วนลานไกไฟฟ้า หรือ Switchyard จะเป็นที่ทาหนา้ ท่ีแปลงแรงดนั ท่ี
ผลิตจากเครื่องกาเนิดไฟฟ้าใหส้ ูงข้ึน เพอ่ื ส่งผา่ นสายส่งกาลงั ไฟฟ้าตอ่ ไปยงั สถานีไฟฟ้ายอ่ ยตน้ ทาง
ภายในลานไกไฟฟ้าจะประกอบไปดว้ ยหมอ้ แปลงแรงดนั ข้ึนและเซอร์กิตเบรกเกอร์ป้องกนั ระบบ
3.1.3 ส่วนป้องกนั การเดินเคร่ืองและการควบคุม ไฟฟ้า ไดแ้ ก่ การป้องกนั เครื่อง
กาเนิดไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้า การควบคุมการเดินเครื่องกาเนิดไฟฟ้า โดยอาศยั รีเลยเ์ ป็ นตวั
ตรวจจบั ในการควบคุมและป้องกนั ระบบ
3.2 ระบบการส่งจ่ายไฟฟ้า (Transmission System)
ระบบการส่งจ่ายไฟฟ้า หมายถึง ระบบที่รับพลงั งานไฟฟ้า จากระบบการผลิต
พลงั งานไฟฟ้าเพื่อส่งไปยงั ระบบจาหน่ายไฟฟ้า ไปยงั จุดศูนยก์ ลางการจ่ายโหลด เช่ือมโยงไฟฟ้า
จากระบบหน่ึงเขา้ อีกระบบหน่ึง (tie line) เน่ืองจากมีกาลงั ผลิตไม่เพียงพอ ทาให้เกิดประโยชน์คือ
สามารถถ่ายเทพลังงานระหว่างระบบช่วยลดกาลงั ผลิตลงได้ วางแผนการเดินเครื่องกาเนิดของ
โรงไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ระบบเกิดความน่าเชื่อถือ (reliability) เนื่องจากมีแหล่ง
ผลิตหลายทางเช่ือมต่อกนั ระบบการส่งจ่ายไฟฟ้าจะประกอบดว้ ยสายส่งไฟฟ้า สถานีไฟฟ้ายอ่ ยตน้
ทาง และวงจรระบบสายส่งไฟฟ้าหรือสายส่งไฟฟ้ายอ่ ย จะมีการวางระบบส่งกาลงั ไฟฟ้าดงั น้ี
1. แบบเหนือศีรษะ (Overhead Aerial System) เป็ นระบบที่วางสายตวั นาพาดบน
เสาไฟฟ้าผ่านท่ีโล่งแจง้ จากสถานีหน่ึงไปอีกสถานีหน่ึงมีขอ้ ดี คือง่ายต่อการบารุงรักษา การ

15

ตรวจสอบขอ้ ขดั ขอ้ งของระบบทาไดง้ ่าย และ การลงทุนต่า ส่วนขอ้ เสีย คือ ทาลายสภาพแวดลอ้ ม
ไม่สามารถป้องกนั ฟ้าผา่ ลงสายตวั นาและ การติดต้งั ผา่ นชุมชนทาไดไ้ ม่สะดวกไม่ปลอดภยั

2. แบบใตด้ ิน (Underground cable System) เป็นระบบที่สายตวั นาจะถูกฝังลงไป
ใตด้ ิน ซ่ึงสามารถแบง่ ออกได้ 2 วธิ ีคือ ฝังใตด้ ินโดยตรง (direct burial) และวางในแผงท่อใตด้ ิน
(duct bank) มีขอ้ ดี คือ ป้องกนั ฟ้าผา่ ลงสายตวั นาได้ สามารถก่อสร้างในแนวเขตเดินสายในพ้นื ท่ี
จากดั ไดป้ ลอดภยั หรือในบางกรณีที่ปักเสาพาดไม่ได้ เช่นการเดินสายขา้ มแม่น้าหรือเดินเลียบ
ลาคลอง และอนุรักษส์ ภาพแวดลอ้ มใหด้ ูสวยงาม ส่วนขอ้ เสีย คือ การลงทุนสูง จะแพงกวา่ การปัก
เสาพาดสาย ประมาณ 8-12 เทา่ และ การบารุงรักษาทาไดย้ าก โดยระดบั แรงดนั ไฟฟ้าของระบบการ
ส่งจา่ ยไฟฟ้าจะมี 3 ระดบั คือ

1. ไฟฟ้าแรงสูง ( high voltage ; HV ) มีระดบั แรงดนั ไฟฟ้าไม่เกิน 230 kV
2. ไฟฟ้าแรงสูงเอกซ์ตร้า ( extra high voltage ; EHV ) มีระดบั แรงดนั ไฟฟ้า
ต้งั แต่ 230 kVถึง 1000 kV
3. ไฟฟ้าแรงสูงอลั ตร้า ( ultra high voltage ; UHV ) มีระดบั แรงดนั ไฟฟ้า
ต้งั แต่ 1000 kV ข้ึนไป

3.3 ระบบการจาหน่ายไฟฟ้า (Distribution System)

ระบบการจาหน่ายไฟฟ้า หมายถึง ระบบท่ีรับกาลงั ไฟฟ้าจากระบบการส่งจ่าย

ไฟฟ้าเพ่ือจ่ายไปยงั ผบู้ ริโภค จะประกอบดว้ ย

3.3.1 สถานียอ่ ยจาหน่าย (secondary substation)

3.3.2 สายป้อนปฐมภูมิ หรือสายป้อน หรือสายจาหน่ายแรงสูง (primary feeder or

primary distribution line)โดยการวางสายจะมีท้งั แบบเหนือศีรษะและแบบใตด้ ิน

3.3.2 หมอ้ แปลงจาหน่าย (distribution transformer)

3.3.4 สายป้อนทุติยภูมิ หรือสายจาหน่ายแรงต่า (secondary feeder or secondary

distribution Line)การวางสายจะมีท้งั แบบเหนือศีรษะและแบบใตด้ ิน

เมื่อสถานียอ่ ยจาหน่าย ไดร้ ับแรงดนั ไฟฟ้าจากระบบการส่งจ่ายไฟฟ้ากจ็ ะลด

ระดบั แรงดนั ไฟฟ้าใหม้ ีค่าเหมาะสมที่จะใหบ้ ริการกบั ผใู้ ชไ้ ฟฟ้า แรงดนั ไฟฟ้าท่ีใชใ้ นระบบ

จาหน่ายไฟฟ้ามีหลายระดบั ตามองคก์ รที่ใหบ้ ริการ เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ดา้ นจาหน่าย แรงสูง

จะเป็น 11 kV, 22 kV, 33 kV การไฟฟ้านครหลวง ดา้ นจาหน่ายแรงสูงจะเป็น 12 kV, 24 kV สาย

จาหน่ายชนิดน้ีเรียกวา่ สายป้อนปฐมภูมิ หรือสายจาหน่ายแรงสูง ซ่ึงแรงดนั ไฟฟ้าระดบั น้ี สามารถ

จาหน่ายใหก้ บั โรงงานอุตสาหกรรมได้ และจะแปลงระดบั แรงดนั ไฟฟ้าใหต้ ่าลงอีกโดยใชห้ มอ้

แปลงจาหน่าย ระดบั แรงดนั ไฟฟ้ามี 2 แบบ คือ 230 V สาหรับระบบ 1 เฟส และ 400 V

สาหรับระบบ 3 เฟส สายจาหน่ายชนิดน้ีเรียกวา่ สายทุติยภูมิ หรือ สายจาหน่ายแรงต่า

16

4. ปริมาณทางไฟฟ้าในระบบกาลงั ไฟฟ้า
ไฟฟ้ากระแสสลบั ท่ีใชก้ นั อยูท่ ุกวนั น้ี ไดจ้ ากการเปล่ียนพลงั งานกลเป็ นไฟฟ้าเกือบท้งั สิ้น

พลงั งานชนิดน้ีเป็ นพลงั งานที่ผลิตไดแ้ ลว้ ตอ้ งจ่ายออกทนั ที ไม่สามารถเก็บสะสมไวใ้ ชใ้ นเวลาอ่ืน
เหมือนพลังงานท่ีผลิตจากแบตเตอร่ีได้ ดงั น้ันเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้าจึงตอ้ งผลิตพลงั งานไวร้ อท่า
พร้อมที่จะจา่ ยไดท้ นั ทีเม่ือมีความตอ้ งการหรืออาจกล่าวไดว้ า่ พลงั งานที่ผลิตข้ึนน้นั ถูกกาหนดดว้ ย
ความตอ้ งการของลูกคา้ การสนองความตอ้ งการผูท้ ่ีใชไ้ ฟฟ้ามีการเปิ ดๆปิ ดๆ ไฟฟ้าอยูต่ ลอดเวลา
ดงั น้ันการผลิตพลงั งานให้เพียงพอและเหมาะสมจึงจาเป็ นตอ้ งศึกษาจากคุณลกั ษณะการใชโ้ หลด
หรือท่ีเรียกว่าโหลดกราฟประกอบจะช่วยให้การผลิต การส่ง และการจ่ายพลงั งานไฟฟ้าเป็ นไป
อยา่ งมีประสิทธิภาพและประหยดั สามารถจดั โปรแกรมการเดินเครื่องไดอ้ ยา่ งเหมาะสม กล่าวคือ
สามารถกาหนดได้ว่าควรใช้เครื่องใดจ่ายโหลดช่วงฐาน (base load) เครื่องใดจ่ายเสริมโหลด
ช่วงยอด (peak load) และเคร่ืองใดเป็ นเครื่องสารอง (reserve) เป็ นตน้ นอกจากน้ี การศึกษา
โหลดเชิงสถิติยงั สามารถพยากรณ์ล่วงหน้าไดว้ ่าโหลดจะมีการขยายตวั ปี ละก่ีเปอร์เซ็นต์ ทาให้มี
การเตรียมการจดั หาแหล่งจา่ ยพลงั งานสารองในอนาคตอีกดว้ ย

4.1 คุณลักษณะของโหลดกราฟ โหลดหมายถึงอุปกรณ์ท่ีต้องการกาลังไฟฟ้า
อาจบอกหน่วยเป็ น kW หรือ kVA ก็ได้ โหลดท้งั หมดที่แสดงในผงั ไฟฟ้า (อาจกาลงั เปิ ดใช้งาน
อยูห่ รือยงั ไม่ไดเ้ ปิ ดใชง้ านก็ได)้ รวมเรียกกวา่ โหลดติดต้งั (connected load) โหลดท่ีกาลงั ใช้งาน
เรียกว่าโหลดจริง (actual load) จะมีค่าสูงสุดเท่ากบั โหลดติดต้งั แต่ปกติจะมีค่าน้อยกวา่ เสมอ ใน
การติดต้งั โหลดเพื่อใชง้ านน้นั ผูใ้ ชไ้ ฟจะต่อโหลดเม่ือมีความจาเป็ นและจะปลดโหลดออกเมื่อเลิกใช้
งาน ดงั น้นั โหลดติดต้งั จึงมีการเปิ ด ๆ ปิ ดๆ อยตู่ ลอดเวลา ทาใหโ้ หลดจริงเปล่ียนแปลงมีรูปร่างเป็ น
คลื่นสูงๆ ต่าๆ ค่าชวั่ ขณะของโหลดจริงน้ี เม่ือนามาเขียนเป็นกราฟเรียกวา่ โหลดกราฟ (load curve)
ดงั แสดงในภาพท่ี 1.10 โหลดกราฟดงั กล่าวน้ีถา้ ใช้แสดงผลของโหลดใน 1 วนั เรียกว่าโหลด
กราฟประจาวนั (daily load curve) แต่ถ้าแสดงใน 1 เดือน หรือ 1 ปี จะเรียกว่าโหลดกราฟ
ประจาเดือน (montly load curve) หรือโหลดกราฟประจาปี (yearly load curve หรือ ammual load
curve) ตามลาดบั

17

Kw
600

400 Ppeak

200 Pbase Pmin Pmean Pmax

0 04 8 12 16 20 24

ภาพที่ 1.10 โหลดกราฟประจาวนั

จากรูปของโหลดกราฟประจาวนั ที่แสดงไว้ มีค่าที่ควรสนใจดงั น้ีคือ
(Pmax) คือ โหลดสูงสุด หรือกาลงั สูงสุดในช่วงเวลาที่คิด
(Pmean) คือ โหลดเฉล่ีย หรือกาลงั เฉลี่ยในช่วงเวลาที่คิด
(Pmin) คือ โหลดต่าสุด หรือกาลงั ต่าสุดในช่วงเวลาที่คิด
(Pbase) คือ โหลดช่วงฐาน หรือกาลงั ช่วงฐาน
(Ppeak) คือ โหลดช่วงยอด หรือกาลงั ช่วงยอด

คา่ ของโหลดช่วงฐาน (Pbase) คือส่วนของโหลดท่ีไม่เปล่ียนแปลงในช่วงเวลาที่คิด
มีค่าเท่ากับโหลดต่าสุด (Pmin) ส่วนค่าของโหลดช่วงยอด (Ppeak) น้ันคือผลต่างของโหลดสูงสุด
(Pmax) กับโหลดช่วงฐาน (Pbase) ตามปกติโรงไฟฟ้าที่จ่ายโหลดประเภทแสงสว่าง จะมีโหลด
ช่วงยอด (Ppeak) ลดลง อาจทาไดโ้ ดยการเล่ือนโหลดช่วงฐาน (Pbase) ใหส้ ูงข้ึนหรือลดโหลดสูงสุด
(Pmax) ใหต้ ่าลง โดยวธิ ีการดงั ต่อไปน้ีคือ

4.1.1 คิดค่าไฟฟ้าลดลงในช่วงท่ีโหลดต่า เพอื่ สนบั สนุนใหม้ ีการใชไ้ ฟฟ้า
เพ่มิ ข้ึน

4.1.2 ขอความร่วมมือจากผใู้ ชไ้ ฟฟ้า ไมใ่ หใ้ ชโ้ หลดประเภทเครื่องตม้ น้าหรือ
เครื่องปรับอากาศในช่วงเวลาท่ีเกิดโหลดสูงสุด

4.1.3 ติดต้งั เคร่ืองสูบน้า (pumped-storage stations) ที่โรงไฟฟ้าพลงั น้าโดยให้
ทางานในช่วงโหลดนอ้ ย ช่วยใหโ้ หลดกราฟค่อนขา้ งสม่าเสมอข้ึน

สาหรับค่าของโหลดเฉล่ีย (Pmean) ตลอดวนั คือค่าความต้องการกาลังไฟฟ้า
(demand) ของโหลดตลอดวนั นั่นเอง หาได้จากพลังงาน (E) ท่ีใช้ไปตลอดท้งั วนั ต่อเวลา (T)
ตลอดท้งั วนั

ถา้ E = พลงั งาน (kW-hr) ที่ตอ้ งการตลอดวนั

18

T
 P(t)dt
=
0

T = เวลา (hr) ตลอดท้งั วนั

= 24 ชวั่ โมง
พลงั งานkW  hr
(Pmean ) = เวลาhr

4.2 คุณลกั ษณะของกราฟโหลดดิวเรช่ัน ถึงแมว้ า่ การศึกษาโหลดกราฟจะทาใหเ้ ขา้ ใจ
และรู้ความตอ้ งการของโหลดทุกขณะก็ตาม แต่ถา้ มีผูส้ นใจตอ้ งการจะทราบว่าตลอดระยะเวลา
1 คาบ (อาจเป็ นวนั เดือนหรือปี )โหลดมีการเปลี่ยนแปลงเป็ นเวลานานช่วงละเท่าไรจะพบว่าไม่
สามารถตอบไดท้ นั ทีเมื่อดูจากโหลดกราฟ แต่ถ้านาเอาโหลดกราฟมาเขียนใหม่โดยเรียงลาดบั
ช่วงเวลาของการใชโ้ หลดสูงสุดไปจนถึงช่วงเวลาใชโ้ หลดต่าสุด จะช่วยให้การพิจารณาง่ายข้ึนมาก
ซ่ึงกราฟชนิดน้ีเรียกวา่ กราฟของโหลดดิวเรชนั (load duration curve) ดงั แสดงภาพท่ี 1.11

Kw
600 กราฟของโหลดดวิ เรชน่ั

400

200 โหลดกราฟ 12 16 20 24
0 48
0

ภาพที่ 1.11 กราฟของโหลดดิวเรชนั

19

ตวั อย่างท่ี 1.1 บา้ นหลงั หน่ึงมีความตอ้ งการพลงั งานไฟฟ้าตลอดวนั ดงั ภาพท่ี 1.12 (ก)
(ก) จงเขียนกราฟของโหลดดิวเรชนั
(ข) หาค่ากาลงั เฉล่ียตลอดวนั

Kw
6

4

2 4 8 12 16 20 24

0
0

ภาพ (ก) โหลดกราฟ

Kw
6 กราฟของโหลดดวิ เรช่ัน

4

2 Pmean 8 12 16 20 24

0 4
0

ภาพ (ข) กราฟของโหลดกราฟและโหลดดิวเรชนั

ภาพที่ 1.12 แสดงโหลดกราฟและโหลดดิวเรชนั

วธิ ีทา

กาลงั เฉล่ีย (Pmean ) = (6x4)+(5x4)+(4x4)+(3x4)+(2x2)+(1x6)/24
= 3.417 kW
ตอบ

4.3 คุณลักษณะของดีมานด์ (demand) คือค่าความต้องการกาลังไฟฟ้าเฉลี่ยใน
ช่วงเวลาหน่ึงท่ีพิจารณา มีหน่วยเป็ น kW เช่นเดียวกบั โหลด แต่ดีมานด์มีความหมายแตกต่างไป
จากโหลด กล่าวคือถา้ กล่าวถึงโหลดจะกล่าวในลกั ษณะของค่าชว่ั ขณะท่ีสามารถเขียนเป็ นกราฟได้
แตเ่ มื่อกล่าวถึงดีมานดจ์ ะหมายถึงคา่ เฉล่ียของโหลดในช่วงเวลาหน่ึง อาจเขียนเป็นสูตรไดด้ งั น้ี

ดีมานด์ พลงั งานไฟฟ้้kาW  hrที่ตอ้ งการในหน่ึงคาบ
 เวลาhrในหน่ึงคาบ

20

Kw

600 A ดมี านด์ 1 ชวั่ โมง ดมี านด์ 30 นาที

DE

400 B C

200 ดมี านด์ 1 วนั 9 10 11 12
0
6 78

ภาพท่ี 1.13 แสดงวธิ ีหาดีมานดใ์ นช่วงเวลาตา่ งๆ

จากภาพท่ี 1.13 จะเห็นวา่ ค่าสูงสุดของดีมานด์ (max.demand) มีหลายค่า ข้ึนอยู่
กบั วา่ ตอ้ งการจะทราบคา่ สูงสุดของดีมานดใ์ นช่วงเวลานานเทา่ ใด เช่น ค่าสูงสุดของดีมานด์
1 นาที เกิดท่ีจุด A เวลาประมาณ 7.10 น. มีคา่ เฉล่ียประมาณ 625 kW แต่คา่ สูงสุดของดีมานด์
30 นาที เกิดข้ึนระหวา่ งจุด D และ E ท่ีเวลา 10.00 น. – 10.30 น. มีค่าเฉล่ียประมาณ 500 kW
และคา่ สูงสุดของดีมานด์ 1 ชว่ั โมง เกิดข้ึนระหวา่ งจุด B และ C ท่ีเวลา 8.20 น. – 9.20 น.
มีคา่ เฉล่ียประมาณ 440 kW เป็นตน้

จากตวั อยา่ งที่กล่าวมาน้ี จะเห็นวา่ ถา้ กล่าวถึงค่าสูงสุดของดีมานดเ์ ฉย ๆ จะไมใ่ ห้
ความหมายท่ีแน่นอน จะตอ้ งระบุลงไปใหช้ ดั เจนดงั น้ีคือ

1. บอกระยะเวลาท่ีพจิ ารณาเพอ่ื ใหร้ ู้วา่ เป็นความตอ้ งการกาลงั ไฟฟ้าเฉล่ีย
ในช่วงระยะเวลานาน 1 วนั 1 เดือน หรือ 1 ปี

2. กาหนดช่วงเวลาของค่าสูงสุดของดีมานดว์ า่ เป็นชนิด 15 นาที 30 นาที
หรือ 1 ชวั่ โมง

3. บอกวธิ ีท่ีใชห้ าค่าเฉล่ียของดีมานด์ วา่ หามาจากวธิ ีเขียนภาพ (graphic)
หรือใชเ้ ครื่องมือวดั ดีมานด์ (demand meter)

อาจจะมีผูส้ งสัยว่าทาไมดีมานด์จึงต้องหาจากค่าเฉล่ียของโหลด และจะต้อง
กาหนดระยะเวลาพิจารณาดว้ ย เหตุผลก็คือค่าสูงสุดของดีมานดท์ ่ีหาไดจ้ ะเป็ นตวั กาหนดขนาดของ
อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ เช่น สายไฟฟ้า เคร่ืองกาเนิดไฟฟ้า หมอ้ แปลง หรือเบรกเกอร์ เป็ นตน้ ถา้ หาก
เลือกขนาดที่ใหญ่เกินไป จะทาให้ราคาลงทุนสูง แต่ถา้ เลือกขนาดเล็กเกินไป อุปกรณ์ไฟฟ้าจะทน
การจ่ายเกินกาลงั เป็ นระยะเวลานานๆ ไม่ได้ก็จะทาให้เสียหาย การเลือกขนาดหรือพิกดั ของ
อุปกรณ์ ตามปกติจะคานึงถึงระยะเวลาในการใช้งานเป็ นสาคญั อุปกรณ์โดยทว่ั ไปสามารถทน
โหลดเกินพิกดั (over load) ในระยะเวลาส้ันๆ ไดส้ ูงมากเกือบถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ดงั น้นั ค่าสูงสุด
ของดีมานด์ท่ีเกิดข้ึนเพียง 1 นาที เราอาจถือวา่ เป็ นเพียงการจ่ายโหลดเกินพิกดั เท่าน้นั ซ่ึงไม่ใช่ค่า
ความตอ้ งการไฟฟ้าสูงสุดหรือค่าสูงสุดของดีมานด์ที่เราจะเลือก แต่ถ้าโหลดเกินพิกัดเกิดข้ึน

21

ติดต่อกนั เป็ นเวลานาน เช่น 30 นาทีหรือ 1 ช่วั โมง จะตอ้ งเลือกค่าน้ีเป็ นค่าสูงสุดของดีมานด์

โดยทว่ั ไปการไฟฟ้าคิดค่าสูงสุดของดีมานดเ์ มื่อโหลดสูงสุดเกิดข้ึนติดต่อกนั เป็ นเวลานานมากกว่า

15 นาที

4.4 คุณลักษณะของค่าโหลดแฟกเตอร์ (load factor) คืออตั ราส่วนระหว่างโหลด

เฉลี่ยในช่วงเวลาท่ีพจิ ารณาตอ่ โหลดสูงสุดในช่วงเวลาน้นั

โหลดแฟกเตอร์ (L.F.) = โหลดเฉล่ียPmean 
โหลดสูงสุดPmax 
เมื่อโหลดเฉลี่ย (Pmeax ) = ความตอ้ งการกาลงั เฉลี่ย (demand)
และโหลดสูงสุด (Pmax )
= ความตอ้ งการกาลงั สูงสุด (max. demand)

โหลดแฟกเตอร์น้ี อาจจะหาจากคา่ ของโหลดเฉลี่ยในช่วงเวลา 1 วนั 1 เดือน
หรือ 1 ปี ก็ได้ ถา้ หาจากค่าเฉลี่ยใน 1 วนั เรียกวา่ โหลดแฟกเตอร์ประจาวนั (dialy load factor)
ถา้ หาใน 1 เดือนและ 1 ปี เรียกวา่ โหลดแฟกเตอร์ประจาเดือน (montly load factor) และโหลด
แฟกเตอร์ประจาปี (yearly load factor หรือ annual load factor)

โหลดแฟกเตอร์ประจาวนั = พลงั งานไฟฟ้้าkW  hrที่ใชใ้ น1ว้ัน/24
ความตอ้ งการกาลงั สูงสุ้ ดใน1วนั

โหลดแฟกเตอร์ประจาเดือน = พลงั งานไฟฟ้้าkW  hrท่ีใชใ้ น1เดือน/720
ความตอ้ งการกาลงั สูงสุ้ ดใน1เดือน

โหลดแฟกเตอร์ประจาปี = พลงั งานไฟฟ้้kาW  hrทใี่ ชใ้ น1ป้/ี 8760
ความตอ้ งการกาลงั สูงสุ้ ดใน1ปี

ค่าโหลดสูงสุ ด (Pmax) หรือค่าความต้องการกาลังสูงสุ ดท่ีใช้ในการหาโหลด
แฟกเตอร์อาจบอกระยะเวลาที่โหลดตอ้ งการกาลงั สูงสุดไวด้ ว้ ยก็ได้ เช่น กาหนดระยะเวลาของ
โหลดเฉลี่ยไว้ 1 เดือนและโหลดสูงสุดไว้ 30 นาที จะเรียกว่าโหลดแฟกเตอร์ประจาเดือนชนิด

30 นาที เป็ นตน้ โหลดแฟกเตอร์จะมีค่ามากท่ีสุดเท่ากบั 1 แต่โดยทว่ั ไปมีค่าน้อยกว่า 1 มาก
กล่าวคือโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่จ่ายให้กบั โหลดประเภทอุตสาหกรรมจะมีโหลดแฟกเตอร์ประมาณ
0.5 – 0.6 เท่าน้นั ถา้ เป็ นเมืองเล็กๆ ท่ีใชก้ บั โหลดแสงสวา่ ง จะมีค่าต่ากวา่ น้ีมาก โหลดแฟกเตอร์ท่ี
มีค่าต่า อาจแปลความหมายไดว้ า่ อุปกรณ์ไฟฟ้าท่ีติดต้งั มีการใชง้ านไมเ่ ต็มท่ีหรือระบบมีการลงทุน
สูง แตไ่ ดค้ ่าตอบแทนต่า ค่าของโหลดแฟกเตอร์อาจจะบอกค่าเป็นเปอร์เซ็นตก์ ไ็ ด้

22

ตวั อย่างที่ 1.2 จากตวั อยา่ งท่ี 1.1 จงหาคา่ ของโหลดแฟกเตอร์ประจาวนั

วธิ ีทา โหลดแฟกเตอร์ (L.F.)  โหลดเฉลี่ยPmean   100
โหลดสูงสุดPmax 
3.41
 6.00 100

= 56% ตอบ

4.5 ดมี านด์แฟกเตอร์ (demand factor) คืออตั ราส่วนระหวา่ งดีมานดส์ ูงสุด
(max.demand) ที่เกิดข้ึนในช่วงเวลาท่ีพจิ ารณาต่อโหลดติดต้งั (connected load)

ดีมานดแ์ ฟกเตอร์ (D.F.) ดีมานด์สูงสุด max.demand
 โหลดติดตง้ั connectedload

ค่าดีมานด์สูงสุดอาจจะอ่านค่าจากดีมานด์มิเตอร์หรือหาจากโหลดกราฟก็ได้ ส่วน

ค่าของโหลดติดต้งั อาจจะดูได้จากผงั ไฟฟ้า หรือบางทีอาจตอ้ งดูจากป้ายชื่อ (name plate) ของ

อุปกรณ์ ค่าของดีมานด์แฟกเตอร์มีความสาคญั ต่อการคาดคะเนขนาดของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ มาก

เช่น ขนาดสายเมน หมอ้ แปลงเบรกเกอร์ และเครื่องกาเนิดไฟฟ้า เป็ นตน้ ถา้ คาดคะเนไดถ้ ูกตอ้ ง

นนั่ หมายความวา่ การเลือกขนาดอุปกรณ์จะไม่ใหญ่เกินความจาเป็ น ซ่ึงจะทาให้ลดค่าใชจ้ ่ายในการ

ลงทุนไดม้ าก ดีมานดแ์ ฟกเตอร์มีค่านอ้ ยกวา่ หรือเท่ากบั หน่ึงเสมอ

ตัวอย่างที่ 1.3 ที่พกั อาศยั แห่งหน่ึง มีเครื่องใช้ไฟฟ้าดงั ต่อไปน้ีคือ หลอดไฟ 100W 5

หลอด, 60W 6 หลอด, 40W 12 หลอด และ 10W 3 หลอด ถ้าสมมติว่าดีมานด์มิเตอร์อ่าน

ค่าโหลดสูงสุดได้ 750W ในช่วงเวลา 15 นาที จงหาค่าดีมานดแ์ ฟกเตอร์

วธิ ีทา

โหลดติดต้งั = (100x5)+(60x6)+(40x12)+(10x3)

ดีมานดแ์ ฟกเตอร์ D.F. = 1370 W
750
ตอบ
 1370
= 0.54 หรือ 54%

ตัวอย่างท่ี 1.4 สถานีไฟฟ้ายอ่ ยแห่งหน่ึงมีโหลดติดต้งั 45MW แตจ่ า่ ยโหลดสูงสุด
25MW ถา้ ในเวลา 1 เดือน สถานีแห่งน้ีจา่ ยพลงั งาน 6,480,000 kW-hr จงหาค่า

(ก) ดีมานดแ์ ฟกเตอร์
(ข) โหลดแฟกเตอร์

23

วธิ ีทา  25  0.55 หรือ 55%
(ก) ดีมานดแ์ ฟกเตอร์ 45
โหลดเฉล่ีย 6,480,000
(ข) โหลดแฟกเตอร์  30  24  9,000W

9
 25
= 0.36 หรือ 36% ตอบ

4.6 ไดเวอร์ซิตีแ้ ฟกเตอร์ (diversity factor) หมายถึง กลุ่มของโหลดที่แตกตา่ งกนั

อาจจาแนกออกเป็นประเภทใหญ่ๆ หรือกลุ่มเล็กๆ กไ็ ด้ เช่น แยกเป็นกลุ่มที่พกั อาศยั กลุ่มโรงงาน

อุตสาหกรรมกลุ่มร้านคา้ หรือหา้ งสรรพสินคา้ กลุ่มโรงมโหรสพ เป็นตน้ แตล่ ะกลุ่มจะมีความ

ตอ้ งการกาลงั ไฟฟ้าแตกต่างกนั ดงั น้นั โหลดสูงสุดที่เกิดข้ึนในแต่ละกลุ่มจะต่างเวลากนั กล่าวคือ

กลุ่มที่พกั อาศยั จะมีความตอ้ งการไฟฟ้าสูงสุดในเวลาเยน็ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมจะมีความ

ตอ้ งการไฟฟ้าสูงสุดในเวลากลางวนั แตก่ ลุ่มโรงมโหรสพกลบั มีความตอ้ งการไฟฟ้าสูงสุดในเวลา

กลางคืน

การที่โหลดสูงสุดแต่ละกลุ่มเกิดข้ึนไม่พร้อมกนั กลบั มีผลดีต่อส่วนรวมในระบบกล่าวคือ

สามารถลดขนาดของเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้า หมอ้ แปลง เบรกเกอร์ และสายเมนใหเ้ ล็กลงได้ ท้งั น้ีเป็น

เพราะวา่ กาลงั ไฟฟ้าที่กลุ่มหน่ึงยงั ไม่ตอ้ งการกลบั มีประโยชน์สาหรับอีกกลุ่มหน่ึง ทาใหโ้ หลด

กราฟรวมในระบบค่อนขา้ งสม่าเสมอ หรืออาจกล่าวไดว้ า่ โหลดสูงสุดท่ีไดจ้ ากแต่ละกลุ่มรวมกนั

มีคา่ มากกวา่ โหลดรวมสูงสุดของระบบ

นนั่ คือไดเวอร์ซิต้ีแฟกเตอร์ (diversity factor) กค็ ืออตั ราส่วนระหวา่ งผลรวมของโหลด

สูงสุดท่ีไดจ้ ากแตล่ ะกลุ่มตอ่ โหลดรวมสูงสุดของระบบ

ถา้ ใหโ้ หลดสูงสุดของกลุ่ม (i) = Pmax(i)

ดงั น้นั ผลรวมของโหลดสูงสุดของกลุ่ม (i) = i Pmax(i)

และโหลดรวมสูงสุดของระบบ = Pmax

ไดเวอร์ซิต้ีแฟกเตอร์ = ผลรวมของโหลดสูงสุดท้ี ่ไดจ้ ากแลตะ่ กลุ่ม
โหลดรวมสูงสุดของระบบ

ค่าของไดเวอร์ซิต้ีแฟกเตอร์จะมีค่ามากกว่าหรือเท่ากบั หน่ึงเสมอ ค่าน้ีเป็ นดชั นี

บอกให้ทราบวา่ การจดั กลุ่มโหลดมีประสิทธิภาพมากนอ้ ยเพียงใด ถา้ มีค่าสูงแสดงว่าการจดั กลุ่ม

โหลดมีประสิทธิภาพมากเพราะสามารถจดั ใหค้ า่ สูงสุดของโหลดเกิดในเวลาแตกต่างกนั ได้

ตัวอย่างท่ี 1.5 สถานีจ่ายไฟฟ้าย่อยแห่งหน่ึง จ่ายไฟให้กับโหลด 5 กลุ่ม แต่ละกลุ่ม
ตอ้ งการโหลดสูงสุดในเวลาต่างๆ กนั ซ่ึงวดั จากดีมานด์มิเตอร์ไดด้ งั น้ี Pmax(1) = 76.5 kW, Pmax(2) =

24

88.4 kW, Pmax(3) = 112.5 kW, Pmax(4) = 115 kW และ Pmax(5) = 110 kW ตามลาดบั ถา้ ดีมานดม์ ิเตอร์ท่ี

วดั ไดจ้ ากโหลดท้งั กลุ่ม Pmax= 335 kW จงหาคา่ ของไดเวอร์ซิต้ีแฟกเตอร์

วธิ ีทา

5

คา่ ของไดเวอร์ซิต้ีแฟกเตอร์ Pmax(i) = 76.5+88.4+112.5+115+110

i1

= 502.4 kW
502.4
ไดเวอร์ซิต้ีแฟกเตอร์ = 335

= 1.49 ตอบ

ตัวอย่างที่ 1.6 สถานีไฟฟ้าแห่งหน่ึง จ่ายไฟใหก้ บั โหลด 5 แห่ง แต่ละแห่งมีโหลดติดต้งั
และดีมานดแ์ ฟกเตอร์ดงั น้ีคือ

โหลด โหลดติดต้งั (kW) ดีมานดแ์ ฟกเตอร์

ก 650 0.5

ข 500 0.4

ค 700 0.6

ง 950 0.7

จ 800 0.5

ถา้ โหลดรวมสูงสุดของระบบเท่ากบั 1,000 kW จงหา โหลดสูงสุดของแต่ละแห่งและไดเวอร์ซิต้ี

แฟกเตอร์

วธิ ีทา

(ก) ค่าโหลดสูงสุดแตล่ ะแห่ง มีคา่ ดงั น้ีคือ

ค่าสูงสุดของโหลด ก = 650 x 0.5 = 325 kW
ค่าสูงสุดของโหลด ข = 500 x 0.4 = 200 kW
คา่ สูงสุดของโหลด ค = 700 x 0.6 = 420 kW
คา่ สูงสุดของโหลด ง = 951 x 0.7 = 665 kW
ค่าสูงสุดของโหลด จ = 800 x 0.5 = 400 kW
ผลรวมของโหลดสูงสุด = 500 x 0.4 = 200 kW

25

= 2010 kW

(ข) ไดเวอร์ซิต้ีแฟกเตอร์  2010  2.01 ตอบ
1000

4.7 โคอนิ ซิเดนซ์แฟกเตอร์ (coincidence factor) คือส่วนกลบั ของไดเวอร์ซิต้ี

แฟกเตอร์

โคอินซิเดนซ์แฟกเตอร์  1
ไดเวอร์ซิต้แี ฟกเตอร์
Pmax
=
i Pmax(i)

ตัวอย่างที่ 1.7 สมมุติวา่ จ่ายไฟใหก้ บั โหลด 4 แห่ง แต่ละแห่งมีค่าโหลดสูงสุด 100, 150,

250 และ400 kVA ตามลาดบั ถา้ โหลดแตล่ ะแห่งจ่ายจากหมอ้ แปลงแตล่ ะตวั และคา่ ไดเวอร์ซิต้ี

แฟกเตอร์ของโหลดท้งั กลุ่มเป็น 1.5 จงหาค่า

(ก) โหลดสูงสุดเมื่อรวมจ่ายโหลดจากหมอ้ แปลงตวั เดียว

(ข) ขนาดของหมอ้ แปลงจะลดลงจากเดิมก่ีเปอร์เซ็นต์

วธิ ีทา

ขณะแยกจ่ายโหลด จะตอ้ งใชข้ นาดหมอ้ แปลงดงั น้ี

ผลรวมของขนาดหมอ้ แปลงแต่ละตวั = 100+150+250+400

= 900 kVA

(ก) โหลดสูงสุดเมื่อรวมจ่ายโหลดจากหมอ้ แปลงตวั เดียว
900
= 1.5

= 600 kVA

(ข) ขนาดของหมอ้ แปลงลดลงจากเดิม

= 900-600

= 300 kVA
300
= 900 100

= 33.33 %

หรืออาจจะหาไดอ้ ีกวธิ ีหน่ึง

ขนาดของหมอ้ แปลงที่ลดลงจากเดิม = 1 โคอนิ ซิเคนซ์แฟกเตอร์100

= 1  1  100
1.5 


26

= 1  0.6666 100 ตอบ
= 33.33 %

(ชวลิต ดารงคร์ ัตน.์ 2541,30-40)

จากความหมายและคุณลกั ษณะค่าปริมาณทางไฟฟ้าต่าง ๆ ที่ผา่ นมาทาใหผ้ ทู้ ี่รับผิดชอบ
ดา้ นการผลิต การส่ง และการจาหน่ายไฟฟ้า รวมท้งั ผใู้ ชไ้ ฟฟ้าสามารถที่จะออกแบบ วเิ คราะห์
วางแผนการเลือกช่วงเวลาในการใชพ้ ลงั งานไดอ้ ยา่ งเหมาะสมตามความจาเป็น เช่น ช่วงเวลาดีมานด์
ของระบบสูงสุด ผใู้ ชไ้ ฟจะตอ้ งหลีกเล่ียงการใชพ้ ลงั งานพร้อมกนั หรือจดั เฉลี่ยการใชพ้ ลงั งาน วาง
แผนการทางาน ให้อยนู่ อกเวลาดงั กล่าว เพ่ือลดอตั ราการผลิตกาลงั ไฟฟ้า ในช่วงระยะเวลาน้นั ๆ
ของผรู้ ับผิดชอบในการผลิต ลดภาระงาน ตน้ ทุนในการดูแลบารุงรักษาระบบการส่งและจ่ายไฟฟ้า

27

แบบฝึ กหดั ที่ 1

เร่ือง พ้นื ฐานของระบบส่งและจา่ ยไฟฟ้า วชิ า การส่งและจา่ ยไฟฟ้า

คาชี้แจง ใหท้ าเคร่ืองหมายกากบาท (x) เลือกขอ้ ท่ีถูกที่สุดเพยี งขอ้ เดียว (ขอ้ ละ 1 คะแนน)

1. ผทู้ ่ีริเร่ิมระบบส่งจ่ายไฟฟ้าเกิดข้ึนคร้ังแรกในประเทศไทยคือ
ก. โจเซฟ เฮนร่ี
ข. ทอมสั แอลวา เอดิสนั
ค. จม่ืนไวยวรนารถ (เจิม แสง – ชูโต )
ง. นายเลียวนาร์ด จดั ต้งั บริษทั บางกอกอิเล็กตริกไลตซ์ ินดิเคต
จ. นายมาโยลา ชาวอิตาลี

2. หน่วยงานใดท่ีทาหนา้ ที่ผลิตและส่งจ่ายไฟฟ้าใหผ้ ใู้ ชไ้ ฟฟ้า
ก. การไฟฟ้านครหลวง ( กฟน. )
ข. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ( กฟภ. )
ค. การไฟฟ้าฝ่ ายผลิตแห่งประเทศไทย ( กฟผ. )
ง. กระทรวงวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี และส่ิงแวดลอ้ ม
จ. การไฟฟ้ายนั ฮี

3. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ระดบั แรงดนั ในระบบส่งจา่ ย
ก. 230 ,500 และ 1000 kV
ข. 132 , 230 และ 500 kV
ค. 115 , 230 และ 500 kV
ง. 69, 115 และ 230 kV
จ. 11 , 22 และ 33 kV

4. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ สาเหตุการออกแบบการผลิตแรงดนั ไฟฟ้าจากเครื่องกาเนิดไฟฟ้า 3 เฟสของ
โรงไฟฟ้าไมเ่ กิน 20 kV
ก. อาจเกิดอนั ตรายต่อเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้า
ข. เพอ่ื มิใหเ้ ป็ นอนั ตรายตอ่ ฉนวนขดลวด
ค. เพอ่ื ใหม้ ีโครงสร้างขนาดใหญ่สะดวกต่อการบารุงรักษา
ง. สร้างความปลอดภยั สาหรับข้วั ต่อไฟฟ้าและการบารุงรักษา
จ. สะดวกและประหยดั ในการออกแบบเครื่องกาเนิดไฟฟ้าและอุปกรณ์ประกอบ

28

5. โรงไฟฟ้าประเภทใดเหมาะสาหรับจา่ ยโหลดฐาน (base load)
ก. โรงไฟฟ้าดีเซล
ข. โรงไฟฟ้าพลงั น้า
ค. โรงไฟฟ้าพลงั ความร้อน
ง. โรงไฟฟ้าพลงั กงั หนั แก๊ส
จ. โรงไฟฟ้าพลงั ความร้อนร่วม

6. ขอ้ ใดต่อไปน้ีท่ีกล่าวถึงโรงไฟฟ้าพลงั ความร้อนร่วม ไดถ้ ูกตอ้ งท่ีสุด
ก. เดินเคร่ืองไดร้ วดเร็วประมาณ 5 นาที เหมาะสมสาหรับจา่ ยโหลดเสริมระบบ
ข. ใชเ้ วลาในการเดินเคร่ืองนาน 2 ถึง 3 ชวั่ โมง เหมาะสาหรับจา่ ยโหลดช่วงตอ้ งการสูงสุด
ค. ความร้อนที่ปล่อยออกมาจากโรงไฟฟ้าที่มีผลต่อส่ิงแวดลอ้ มสูงสุด
ง. เดินเคร่ืองไดร้ วดเร็ว เหมาะสาหรับจ่ายโหลดเสริมระบบ ไม่มีมลพิษสามารถควบคุมได้
จ. เป็นโรงไฟฟ้าที่ใชร้ ะบบการทางานร่วมกนั ของโรงไฟฟ้า 2 ชนิด คือโรงไฟฟ้ากงั หนั แก๊ส
และโรงไฟฟ้าพลงั ความร้อน

7. ขอ้ ใดต่อไปน้ี ไม่ใช่ จุดประสงคข์ องการเชื่อมโยงระบบไฟฟ้ากาลงั เขา้ ดว้ ยกนั
ก. เพ่ิมค่าอิมพแี ดนซ์แก่ระบบเพอ่ื ลดความรุนแรงของกระแสลดั วงจร
ข. ถ่ายเทพลงั งานไฟฟ้า ทาใหเ้ กิดการประหยดั พลงั งานโดยรวม
ค. ทาใหม้ ีการวางแผนเดินเคร่ืองอยา่ งมีประสิทธิภาพสูงสุด อนั จะเกิดความมน่ั คงแก่ระบบ
ง. ทาใหร้ ะบบมีความเช่ือถือได้ จ่ายพลงั งานไดอ้ ยา่ งตอ่ เนื่อง เพราะมีแหล่งผลิตหลายทาง
จ. ทาใหร้ ะบบเกิดความมีเสถียรภาพในการจ่ายพลงั งานไดอ้ ยา่ งต่อเนื่อง

8. ขอ้ ดีของโรงไฟฟ้าพลงั น้าคืออะไร
ก. เดินเคร่ืองไดร้ วดเร็วภายในเวลา 3 วนิ าที
ข. ผลิตไฟฟ้าในช่วงท่ีความตอ้ งการไฟฟ้าต่าสุด
ค. ใชใ้ นการชลประทาน
ง. เป็นโรงไฟฟ้าท่ีเป็นฐานในการผลิต
จ. เป็นโรงไฟฟ้าที่สามารถติดต้งั เคล่ือนยา้ ยไดร้ วดเร็ว

9. ขอ้ ดีของโรงไฟฟ้าพลงั ความร้อนคืออะไร
ก. การเร่ิมเดินเครื่องใชเ้ วลาอยา่ งนอ้ ย 2-3 ชวั่ โมง
ข. ผลิตไฟฟ้าในช่วงที่ความตอ้ งการไฟฟ้าสูงสุด
ค. เป็นโรงไฟฟ้าท่ีสามารถติดต้งั ไดร้ วดเร็ว
ง. เป็นโรงไฟฟ้าท่ีเป็นฐานในการผลิต
จ. ค่าเช้ือเพลิงถูกเม่ือเทียบกบั โรงไฟฟ้าชนิดอื่น

29

10. โรงไฟฟ้ามีส่วนประกอบอะไรบา้ ง
ก. ส่วนท่ีผลิตกระแสไฟฟ้า ส่วนลานไกไฟฟ้า ส่วนป้องกนั การเดินเครื่อง
ข. ส่วนท่ีผลิตกระแสไฟฟ้า ส่วนหมอ้ แปลงไฟฟ้า ส่วนป้องกนั การเดินเครื่อง
ค. ส่วนที่ผลิตกระแสไฟฟ้า ส่วนลานไกไฟฟ้า ส่วนหมอ้ แปลงไฟฟ้า
ง. ส่วนลานไกไฟฟ้า ส่วนป้องกนั การเดินเคร่ือง ส่วนการควบคุมไฟฟ้า
จ. ส่วนลานไกไฟฟ้า ส่วนป้องกนั การเดินเครื่อง ระบบจาหน่าย

11. ระบบการส่งจา่ ยไฟฟ้าคืออะไร
ก. ระบบท่ีจ่ายไฟฟ้าจากระบบการผลิต
ข. ระบบท่ีจา่ ยไฟฟ้าจากหมอ้ แปลงจาหน่าย
ค. ระบบท่ีจ่ายไฟฟ้าไปยงั ผบู้ ริโภค
ง. ระบบท่ีรับไฟฟ้าไปยงั ระบบจาหน่าย
จ ระบบที่จ่ายไฟฟ้าไปยงั ระบบจาหน่าย

12. ขอ้ ใดไม่ใช่ขอ้ ดีของระบบส่งกาลงั ไฟฟ้าเหนือศีรษะ
ก. ลงทุนต่า
ข. อนุรักษส์ ภาพแวดลอ้ ม
ค. ตรวจสอบขอ้ ขดั ขอ้ งของระบบทาไดง้ ่าย
ง. ง่ายตอ่ การบารุงรักษา
จ. ขยายระบบไดง้ ่าย

13. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ขอ้ ดีของระบบส่งกาลงั ไฟฟ้าใตด้ ิน
ก. ป้องกนั ฟ้าผา่ ลงสายตวั นา
ข. เดินสายในพ้นื ท่ีจากดั ได้
ค. ง่ายต่อการบารุงรักษา
ง. อนุรักษส์ ภาพแวดลอ้ ม
จ. เดินสายในที่ปักเสาพาดไมไ่ ด้

14. ระบบการจาหน่ายไฟฟ้าคืออะไร
ก. ระบบท่ีจา่ ยไฟฟ้าจากระบบการผลิต
ข. ระบบที่จา่ ยไฟฟ้าจากระบบการส่งจา่ ยไฟฟ้า
ค. ระบบที่รับไฟฟ้าไปยงั ผบู้ ริโภค
ง. ระบบที่รับไฟฟ้าจากระบบการส่งจ่ายไฟฟ้า
จ. ระบบที่รับไฟฟ้าจากระบบการผลิต


Click to View FlipBook Version