The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ครูภรณภา ตะกรุษ, 2022-10-25 10:18:16

แผนการจัดการเรียนรู้ การปลูกพืชผักทั่วไป ม.๑

แผนการจัดการเรียนรู้

แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
คำชีแ้ จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลง

ในชอ่ งว่างทีต่ รงกบั ระดบั คะแนน

คณุ ลักษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
อนั พงึ ประสงค์ดา้ น 321

1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเมอื่ ไดย้ ินเพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และบอก
กษตั รยิ ์ ความหมายของ

เพลงชาติ

1.2 ปฏิบตั ิตนตามสทิ ธแิ ละหน้าที่ของนักเรียน ใหค้ วามร่วมมือ ร่วม
ใจ ในการทำงานกับสมาชิกในห้องเรียน

1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทีส่ ร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็น
ประโยชนต์ อ่

โรงเรียนและชมุ ชน

1.4 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนบั ถือ ปฏิบัตติ นตามหลักของ
ศาสนา

และเป็นตัวอย่างที่ดีของศาสนิกชน

1.5 เข้ารว่ มกิจกรรมและมสี ว่ นรว่ มในการจดั กิจกรรมที่เกีย่ วกับ
สถาบนั
พระมหากษัตริยต์ ามทีโ่ รงเรียนและชมุ ชนจดั ขนึ้ ชื่นชมในพระราช
กรณียกิจพระปรีชาสามารถของพระมหากษตั ริยแ์ ละพระราชวงศ์

2. ซอ่ื สัตย์ สุจรติ 2.1 ให้ขอ้ มูลทถ่ี กู ต้อง และเป็นจริง

2.2 ปฏิบตั ิในสิ่งทีถ่ ูกต้อง ละอาย และเกรงกลัวทีจ่ ะทำความผิด ทำ

ตามสญั ญาที่ตนให้ไว้กบั พอ่ แม่หรือผู้ปกครอง และครู

2.3 ปฏิบัติตนต่อผอู้ น่ื ด้วยความซือ่ ตรง และเป็นแบบอยา่ งทีด่ ีแก่

เพ่อื นด้าน ความซือ่ สตั ย์

3. มีวินยั 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คบั ของครอบครัว
รับผดิ ชอบ และ
โรงเรียน มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั ิกิจกรรมตา่ งๆ ใน
ชีวิตประจำวัน
มีความรบั ผิดชอบ

4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 ต้ังใจเรียน
4.2 เอาใจใส่ในการเรียน และมคี วามเพียรพยายามในการเรียน
4.3 เข้าร่วมกิจกรรมการเรยี นรู้ตา่ งๆ
4.4 ศึกษาค้นคว้า หาความรู้จากหนังสอื เอกสาร สง่ิ พิมพ์ สื่อ
เทคโนโลยีตา่ งๆแหล่งการเรียนรู้ท้ังภายในและภายนอกโรงเรียน และ
เลือกใช้สื่อได้อยา่ งเหมาะสม
4.5 บันทึกความรู้ วิเคราะห์ ตรวจสอบบางส่งิ ทีเ่ รียนรู้ สรุปเป็นองค์
ความรู้
4.6 แลกเปล่ยี นความรู้ ดว้ ยวิธกี ารตา่ งๆ และนำไปใช้ใน
ชีวิตประจำวนั

แบบประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (ต่อ)
คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลง

ในชอ่ งว่าง ที่ตรงกับระดบั คะแนน

คุณลักษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน
อันพงึ ประสงค์ดา้ น 321

5. อยอู่ ยา่ ง 5.1 ใช้ทรัพยส์ นิ และสิ่งของของโรงเรียนอยา่ ง
พอเพียง ประหยัด

5.2 ใช้อุปกรณ์การเรียนอยา่ งประหยดั และรคู้ ณุ คา่

6. มงุ่ ม่ันในการ 5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยัดและมีการเก็บออมเงิน
ทำงาน
6.1 มีความต้ังใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ มั
7. รักความเปน็ อบหมาย
ไทย 6.2 มีความอดทนและไมท่ อ้ แท้ตอ่ อุปสรรคเพ่อื ให้
งานสำเร็จ
7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภมู ิ
ปัญญาไทย

7.2เห็นคุณค่าและปฏบิ ตั ิตนตามวฒั นธรรมไทย

8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รู้จกั ช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูทำงาน

8.2 อาสาทำงาน ช่วยคิด ชว่ ยทำ และแบง่ ปนั
ส่งิ ของใหผ้ ู้อืน่
8.3 รู้จกั การดแู ล รักษาทรพั ยส์ มบัติและ
สง่ิ แวดล้อมของหอ้ งเรียน โรงเรียน ชมุ ชน
8.4 เข้าร่วมกิจกรรมเพ่อื สงั คมและ
สาธารณประโยชนข์ องโรงเรียน

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ชิ ดั เจนและสมำ่ เสมอ ............../.................../...............
พฤติกรรมทปี่ ฏิบัตชิ ัดเจนและบ่อยคร้ัง
พฤติกรรมทปี่ ฏิบัตบิ างคร้ัง ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

ใบงาน เร่อื ง ความร้เู บื้องตน้ เก่ยี วกบั พืชผัก
คำชี้แจง ให้สรปุ ความคิด เร่อื ง ประเภทของพืชผัก

ช่อื ............................................................................................................ชนั้ .................... เลขที่......................

ใบความรู้

เรือ่ ง ประเภทของพืชผัก

การจำแนกประเภทผกั
การจำแนกประเภทของผัก ออกเป็นประเภทต่างๆนั้น มีเกณฑ์อยู่หลายอย่าง ที่สามารถใช้ใน

การจำแนก ประเภทของผักได้ แต่ที่นิยมกันหลกั ๆแล้ว ใช้เกณฑ์จำแนกตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์,
จำแนกส่วนที่ใช้ในการบริโภค และจำแนกตามฤดูปลูกที่เหมาะสม รายละเอียดของ เกณฑ์การจำแนก
ดงั กล่าว
1. การจำแนกผักตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์

การจำแนกประเภทนี้ เป็นที่นิยมใช้ในแวดวงการศึกษา การวิจัยต่างๆ และค่อนข้างจะเป็นเกณฑ์
การจำแนกที่เป็นสากล โดยอาศัยความเกี่ยวข้องใกล้เคียงกันของผัก มีการเจริญเติบโต ในสภาพภูมิ
ประเทศ และภูมิอากาศคล้าย คลึงกัน นอกจากนี้ผักประเภทเดียวกัน มักมีระบบการเจริญเติบโต ทาง
ราก ลำต้น และใบ ระบบการสืบพันธุ์ ได้แก่ ดอก ผล และเมล็ด ที่คล้ายคลึงกัน และส่วนมาก นิยม
จำแนกผกั ตามลักษณะ ทางพฤกษศาสตรน์ ี้ ถึงแค่ระดับตระกูล(Family) ยกตัวอย่าง เชน่

▪ ตระกูลกะหล่ำ ได้แก่ กะหล่ำดาว กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี กวางตุ้ง คะน้า ผักกาดขาวปลี
ผักกาดเขียวปลี ผกั กาดหวั บรอคคอลี

▪ ตระกูลแตง ได้แก่ แตงกวา แตงเทศ แตงโม ตำลึง บวบเหลี่ยม บวบหอม น้ำเต้า ฟักทอง
มะระ

▪ ตระกลู ถ่วั ไดแ้ ก่ กระถิน แค ชะอม ถั่วแขก ถ่ัวฝักยาว ถ่ัวลนั เตา มันแกว โสน
▪ ตระกลู มะเขอื ได้แก่ พริก พริกยกั ษ์ พริกหวาน มะเขอื มะเขอื เทศ มะแว้ง
▪ ตระกลู หอม ไดแ้ ก่ กระเทียม หอมแดง หอมแบ่ง หอมหวั ใหญ่
▪ ตระกลู อน่ื ๆ ไดแ้ ก่ ขา้ วโพดหวาน คืน่ ฉา่ ย เครือ่ งเทศ ผกั กาดหอม ผักชี ผกั บุ้งจนี สมนุ ไพร
2.การจำแนกผักตามสว่ นที่ใชบ้ ริโภค
ส่วนของผักที่ใช้บริโภค ได้แก่ ใบ ลำต้น ราก ดอก ผล และเมล็ด การผลิตผัก เพื่อต้องการ ส่วน
ของใบ และลำต้น จึงจำเปน็ ต้องเพิ่ม ปริมาณปุ๋ยทีธ่ าตไุ นโตรเจน สว่ นการผลติ ผัก เพ่อื บริโภคส่วนของ
ดอก ผล เมล็ด และระบบราก ที่แข็งแรงต้องเพิ่มปริมาณ ปุ๋ยที่ให้ธาตุฟอสฟอรัส ส่วนความแข็งแรง
และรสชาติหวานของผล ได้รับจากปุ๋ยที่ให้ธาตุโปแตสเซียมเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ การปลูกผัก ที่
ต้องการส่วนต่างๆ ในการบริโภค ยังเกี่ยวกับ การเขตกรรม เช่น ผักที่บริโภคส่วนของระบบราก จะไม่
เพาะกล้าเพื่อทำการย้ายปลกู ส่วนที่ใช้บริโภคของผกั จำแนกไดด้ ังนี้
ราก

– รากแก้ว ไดแ้ ก่ แครอท เทอรน์ ิพ ผกั กาดหวั
– รากแขนง ได้แก่ มันเทศ

ลำต้น
– ลำต้นเหนือดนิ ไดแ้ ก่ กะหลำ่ ปม หนอ่ ไม้ฝรง่ั
– ลำต้นใต้ดิน ไดแ้ ก่ ขิง ขา่ เผือก มนั ฝร่ัง มันมือเสือ หนอ่ ไม้

ใบ
– ตระกูลหอม ไดแ้ ก่ กระเทียม กระเทียมต้น หอมแดง หอมแบง่ หอมหัวใหญ่
– กลุ่มใบกว้าง ไดแ้ ก่ กะหล่ำปลี คะน้า ปวยเหร็ง ผกั กาดขาวปลี ผักกาดหอม

ดอก
– ตาดอกอ่อน ไดแ้ ก่ กะหล่ำดอก บรอคอลี
– ดอกแก ไดแ้ ก่ แค โสน

ผล
– ผลอ่อน ได้แก่ กระเจี๊ยบเขียว ข้าวโพดฝักอ่อน แตงกวา ถั่วฝักยาว ถั่วลันเตา บวบเหลี่ยม

มะเขอื มะระ
– ผลแก่ ไดแ้ ก่ ตระกูลแตง เช่น แตงเทศ แตงโม ฟักทอง ตระมะเขอื ได้แก่ พริก มะเขอื เทศ

3.จำแนกตามฤดปู ลกู ท่เี หมาะสม
การใช้เกณฑ์ฤดูปลูกที่เหมาะสมในการจำแนกผักนั้น จะขึ้นอยู่กับฤดูกาล อันมีผลเกี่ยวเนื่องจาก

ลักษณะทางสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศของพื้นที่นั้นๆ สำหรับประเทศประเทศไทยนั้น อยู่ในเขน
ร้อนชื้น ตลอดปี มี 3 ฤดู ได้แก่

▪ ฤดูฝน เดอื น มิถนุ ายน-กันยายน
▪ ฤดหู นาว เดอื น ตุลาคม-มกราคม
▪ ฤดรู ้อน เดอื น กมุ ภาพันธ์-พฤษภาคม

โดยทั่วไปพืชผกั สามารถปลูกได้ตลอดปี แต่ในปจั จบุ นั มีการปรบั ปรงุ พันธุ์ผัก ให้สามารถปลูกใน
แต่ละฤดู ได้อย่างเหมาะสม สามารถจำแนกผักที่เจริญเติบโต ได้อย่างปกติในสภาพอุณหภูมิ ต่างๆ
ดังนี้

ผักฤดูหนาว สามารถเจริญเติบโต ได้ดีระหว่างอุณหภูมิ 18-28 องศาเซลเซียส ผักกลุ่มนี้
สามารถเจริญเติบโต และให้ผลผลติ สูง ในฤดหู นาว หากต้องการปลกู ในฤดรู ้อน และฝนควร ควรเลือก
ปลูกพันธุ์ที่ทนร้อน และฝน หรือพันธุ์เบา สามารถเจริญเติบโต และให้ผลผลิตสูงเช่นกัน หากเลือกใช้
พันธุ์ที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ผลผลิตต่ำ หรือเสียหาย ได้แก่ กระหล่ำดอก กะหล่ำปลี กระเทียม แค
รอท บรอคอลี ผกั กาดเขียวปลี ผกั กาดหวั ผกั กาดหอม มันฝรงั่ และหอมหัวใหญ่

ผักฤดูร้อน สามารถเจริญเติบโต ได้ดีในสภาพอุณหภูมิระหว่าง 25-35 องศาเซลเซียส การ
ปลูกในประเทศไทย สามารถเจริญเติบโต ให้ผลผลติ สงู ตลอดปี ได้แก่ กระเจีย๊ บเขยี ว ข้าวโพดหวาน ผัก

ตระกลู แตงทุกชนิด ผกั ตระกูลมะเขอื ท้ังหมด ยกเว้น พริกยกั ษ์ พริกหวาน สำหรับผักตระกูลถ่ัว ยกเว้น
ถว่ั ลนั เตา

ผกั ฤดฝู น สามารถเจริญเติบโต ได้ดีในสภาพอณุ หภูมริ ะหวา่ ง 25-35 องศาเซลเซยี ส และทน
ฝน ได้แก่ ผักตระกูลแตงทั้งหมด ยกเว้น แตงเทศ ผักตระกูลมะเขือ และถั่วฝักยาว ผักกลุ่มนี้
เจริญเติบโตได้ผลดใี นทุกฤดู

ใบงาน การจำแนกประเภทของพชื ผกั

คำชี้แจง ใหน้ ักเรียนจำแนกพืชผักตาม คำถามที่กำหนดใหต้ ่อไปนี้

บวบเหลี่ยม กระหล่ำดอก ฟกั ทอง
ตามลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ........................................ ตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ............................... ตามลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ................................
จำแนกผกั ตามสว่ นทีใ่ ชบ้ ริโภค ......................................... จำแนกผักตามส่วนทีใ่ ชบ้ ริโภค ................................ จำแนกผกั ตามส่วนที่ใชบ้ ริโภค ................................
จำแนกตามฤดปู ลูกที่เหมาะสม ........................................ จำแนกตามฤดปู ลูกทีเ่ หมาะสม .............................. จำแนกตามฤดปู ลูกทีเ่ หมาะสม ...............................

มะเขือเทศ หอมหวั ใหญ่ ผักกาดหอม
ตามลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ........................................ ตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ................................ ตามลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ................................
จำแนกผกั ตามสว่ นทีใ่ ชบ้ ริโภค ......................................... จำแนกผกั ตามส่วนที่ใชบ้ ริโภค ................................ จำแนกผกั ตามสว่ นทีใ่ ชบ้ ริโภค ................................
จำแนกตามฤดูปลูกทีเ่ หมาะสม ........................................ จำแนกตามฤดูปลูกทีเ่ หมาะสม ............................... จำแนกตามฤดูปลูกทีเ่ หมาะสม ...............................

กวางตงุ้ ฮ่องเต้ คะนา้ มะเขือเปาะ
ตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ........................................ ตามลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ................................ ตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ................................
จำแนกผักตามสว่ นที่ใชบ้ ริโภค ......................................... จำแนกผกั ตามส่วนทีใ่ ชบ้ ริโภค ................................ จำแนกผกั ตามส่วนที่ใชบ้ ริโภค ................................
จำแนกตามฤดูปลูกที่เหมาะสม ........................................ จำแนกตามฤดูปลกู ทีเ่ หมาะสม ............................... จำแนกตามฤดปู ลกู ทีเ่ หมาะสม ...............................

แครอท ต้ังฉา่ ย (ผกั ชีล้อม) แตงรา้ น
ตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ........................................ ตามลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ................................ ตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ................................
จำแนกผักตามส่วนทีใ่ ชบ้ ริโภค ......................................... จำแนกผักตามส่วนที่ใชบ้ ริโภค ................................ จำแนกผักตามส่วนที่ใชบ้ ริโภค ................................
จำแนกตามฤดูปลกู ที่เหมาะสม ........................................ จำแนกตามฤดูปลูกที่เหมาะสม ............................... จำแนกตามฤดูปลูกที่เหมาะสม ...............................

พริกขีห้ นู บลอ็ กโครี่ ถวั่ พู
ตามลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ........................................ ตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ................................ ตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ................................
จำแนกผักตามส่วนทีใ่ ชบ้ ริโภค ......................................... จำแนกผกั ตามส่วนทีใ่ ชบ้ ริโภค ................................ จำแนกผักตามสว่ นทีใ่ ชบ้ ริโภค ................................
จำแนกตามฤดูปลกู ที่เหมาะสม ........................................ จำแนกตามฤดูปลูกที่เหมาะสม ............................... จำแนกตามฤดูปลกู ทีเ่ หมาะสม ...............................

กะหลำ่ ปลี ถัว่ ลนั เตา มะเขือพวง
ตามลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ........................................ ตามลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ................................ ตามลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ................................
จำแนกผกั ตามสว่ นทีใ่ ชบ้ ริโภค ......................................... จำแนกผกั ตามส่วนที่ใชบ้ ริโภค ................................ จำแนกผกั ตามส่วนที่ใชบ้ ริโภค ................................
จำแนกตามฤดูปลกู ทีเ่ หมาะสม ........................................ จำแนกตามฤดูปลูกที่เหมาะสม ............................... จำแนกตามฤดูปลูกทีเ่ หมาะสม ...............................

7. บนั ทึกผลหลงั แผนการจดั การเรยี นรู้

1. ผลการเรียนรู้

1.1 ดา้ นความรู้ (K)

ตารางที่ 1 แสดงค่าร้อยละระดับผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน เรือ่ ง ความหมาย ความสำคญั และ

ประโยชนข์ องการปลูกพชื ผักทวั่ ไป

ระดับผลสัมฤทธิ์ จำนวนนักเรยี น ร้อยละ

ดมี าก (80-100 คะแนน)

ดี (70-79 คะแนน)

พอใช้ (60-69 คะแนน)

ปรับปรงุ (50-59 คะแนน)

จากตารางที่ 1 พบวา่ นักเรียนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ร้อยละ................อยู่ในระดบั
..........และรองลงมาร้อยละ.................อยู่ในระดับ...............และพบวา่ นักเรียน
...............................................................................................................................................

1.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P )

ตารางที่ 2 แสดงคา่ ร้อยละระดับผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ความหมาย ความสำคญั และ

ประโยชน์ของการปลูกพชื ผักทวั่ ไป

ระดบั ผลสัมฤทธิ์ จำนวนนักเรยี น ร้อยละ

ดมี าก (80-100 คะแนน)

ดี (70-79 คะแนน)

พอใช้ (60-69 คะแนน)

ปรบั ปรงุ (50-59 คะแนน)

จากตารางที่ 2 พบวา่ นกั เรียนผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ร้อยละ................อยูใ่ นระดับ
..........และรองลงมาร้อยละ.................อยู่ในระดับ................และพบว่านักเรียน
...............................................................................................................................................

1.3 ด้านเจตคติ / คณุ ลกั ษณะฯ (A)/ สมรรถนะ (C) เชือ่ มโยงกับมาตรฐานหลักสตู ร

ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ เรื่อง ความหมาย ความสำคัญและ

ประโยชน์ของการปลกู พชื ผักทัว่ ไป

ระดับผลสัมฤทธิ์ จำนวนนกั เรยี น รอ้ ยละ

ดมี าก (80-100 คะแนน)

ดี (70-79 คะแนน)

พอใช้ (60-69 คะแนน)

ปรับปรุง (50-59 คะแนน)

จากตารางที่ 3 พบวา่ นักเรียนคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ร้อยละ..............อยู่ในระดับ............
และ รองลงมาร้อยละ.................อยู่ในระดับ...............และพบว่านักเรียน..................................
...........................................................................................................................................................

สรุป ผลการใช้แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง ความหมาย ความสำคญั และประโยชนข์ อง
การปลกู พืชผกั ทว่ั ไป

1) นักเรียนมีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนอยู่ในระดบั ...................
2) นกั เรียนมีทกั ษะในระดบั ..................
3) นักเรียนมีคุณลกั ษณะในระดบั ...............

2.บรรยากาศการเรยี นรู้
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

3. การปรับเปลีย่ นแผนการจดั การเรียนรู้ (ถ้ามี)
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

4. ข้อคน้ พบด้านพฤตกิ รรมการจัดการเรยี นรู้
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

5. อื่นๆ
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

7. บันทึกผลหลังแผนการจดั การเรยี นรู้

1. ผลการเรียนรู้

1.1 ดา้ นความรู้ (K)

ตารางที่ 1 แสดงคา่ ร้อยละระดับผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน เรือ่ ง ประเภทของพชื ผกั

ระดบั ผลสมั ฤทธิ์ จำนวนนักเรยี น รอ้ ยละ

ดมี าก (80-100 คะแนน)

ดี (70-79 คะแนน)

พอใช้ (60-69 คะแนน)

ปรับปรงุ (50-59 คะแนน)

จากตารางที่ 1 พบว่านกั เรียนผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน ร้อยละ................อย่ใู นระดับ
..........และรองลงมาร้อยละ.................อยู่ในระดับ...............และพบวา่ นักเรียน
...............................................................................................................................................

1.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P )

ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละระดบั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ประเภทของพชื ผกั

ระดับผลสัมฤทธิ์ จำนวนนกั เรยี น รอ้ ยละ

ดมี าก (80-100 คะแนน)

ดี (70-79 คะแนน)

พอใช้ (60-69 คะแนน)

ปรับปรุง (50-59 คะแนน)

จากตารางที่ 2 พบวา่ นกั เรียนผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ร้อยละ................อยู่ในระดับ
..........และรองลงมาร้อยละ.................อยู่ในระดับ................และพบว่านักเรียน
...............................................................................................................................................

1.3 ด้านเจตคติ / คุณลักษณะฯ (A)/ สมรรถนะ (C) เชือ่ มโยงกับมาตรฐานหลักสูตร

ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เรื่อง ประเภทของพืชผกั

ระดบั ผลสัมฤทธิ์ จำนวนนกั เรยี น รอ้ ยละ

ดมี าก (80-100 คะแนน)

ดี (70-79 คะแนน)

พอใช้ (60-69 คะแนน)

ปรับปรงุ (50-59 คะแนน)

จากตารางที่ 3 พบวา่ นกั เรียนคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ร้อยละ..............อยู่ในระดับ............
และ รองลงมาร้อยละ.................อยใู่ นระดับ...............และพบว่านักเรียน..................................
...........................................................................................................................................................

สรปุ ผลการใช้แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 2 เร่อื ง ประเภทของพืชผกั
1) นกั เรียนมีผลสัมฤทธิท์ างการเรียนอยู่ในระดบั ...................
2) นักเรียนมีทกั ษะในระดับ..................
3) นกั เรียนมีคณุ ลักษณะในระดบั ...............

2.บรรยากาศการเรยี นรู้
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

3. การปรับเปลี่ยนแผนการจดั การเรียนรู้ (ถ้ามี)
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

4. ข้อค้นพบดา้ นพฤตกิ รรมการจดั การเรยี นรู้
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

5. อืน่ ๆ
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

ผงั มโนทศั นห์ นว่ ยการเรียนรู้ที่ 2
เรื่อง สภาพแวดล้อมในการเจริญเติบโตของพืชผัก รายวิชา การปลูกพืชผักทว่ั ไป
ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2565 เวลา 8 ช่วั โมง จำนวน 2.0 หนว่ ยกิต

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2

เรื่อง สภาพแวดลอ้ มในการเจริญเตบิ โตของ
พืชผกั

เรือ่ ง ปจั จัยที่มีผลตอ่ การ เรือ่ ง ดนิ ที่เหมาะสมกับการปลูกพืช
เจริญเติบโตของพชื ผกั เวลา 4 ชวั่ โมง

เวลา 4 ช่ัวโมง

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เร่อื ง สภาพแวดล้อมในการเจริญเติบโตของพชื ผัก จำนวน 8 ชวั่ โมง

กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565

รายวชิ า การปลูกพืชผกั ท่วั ไป รหัสวิชา ง 21242 ครผู ู้สอน นางสาวภรณภา ตะกรษุ

_________________________________________________________

สาระสำคัญ / ความคดิ รวบยอด (Learning Concepts)

ปจั จยั ในการเจริญเติบโตของพืชมีอยู่หลายประการ ปจั จัยที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตจะทำ

ให้พชื ที่ปลกู มีการเจริญเติบโตทีด่ ี

- ดนิ

- น้ำ

- แรธ่ าตุ

- แสง

- อากาศ

ผลการเรียนรู้

2. บอกปจั จยั ทีม่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ การเจริญเติบโตของผกั ได้

สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน ( Competency ) คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ( Desired Characteristics )

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร มีวินยั
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

ทักษะ / กระบวนการ ( Skill during the process )

ทกั ษะเฉพาะวิชา ทกั ษะการคิด
- การสนทนาแลกเปล่ียนข้อมลู - ระดมสมอง
- การเขยี นรายการ - การค้นคว้าขอ้ มลู
- ระบุรายละเอียด - การนำเสนอขอ้ มูล

ความเข้าใจท่ยี ง่ั ยืน
นักเรียนเข้ใจว่า ปัจจัยในการเจริญเติบโตของพืชมีอยู่หลายประการ ปัจจัยที่เหมาะสมต่อการ

เจริญเติบโตจะทำให้พชื ที่ปลูกมีการเจริญเติบโตที่ดี
- ดนิ
- น้ำ
- แร่ธาตุ
- แสง
- อากาศ

ความสัมพนั ธ์กับกล่มุ สาระการเรยี นร้อู ่นื
ภาษาไทย : การอ่านและเขียนคำศัพท์ การพูดแสดงความคิดเห็น การพูดรายงานหน้าช้ันเรียน
ศิลปะ : การวาดภาพและระบายสี
ภาษาต่างประเทศ : ภาษาอังกฤษ การศึกษาและรวบรวมคำศัพท์ ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับ

พืชผัก
วทิ ยาศาสตร์ : การเจริญเติบโตของพืช

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1

เรื่อง ปจั จัยทีม่ ีผลตอ่ การเจริญเติบโตของพชื ผัก เวลา 4 ชั่วโมง

ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1

__________________________________________________________________________

1. เป้าหมายการเรยี นรู้ / หลักฐานการเรียนรู้ / การวัดและการประเมินผล

ผลการเรียนรู้ ส่งิ ทีต่ ้องรู้และปฏิบัติได้ ผลงาน / ชิ้นงาน การวัดผลและการ

ประเมนิ ผล

2. บอกปัจจัยที่มี 1. นักเรียนมีความรู้ 1. นักเรียนสามารถ - ทำแบบทดสอบกอ่ น

อ ิ ท ธ ิ พ ล ต ่ อ ก า ร ความเขา้ ใจ ปัจจยั ต่างๆ ส ร ุ ป เ น ื ้ อ ห า จ า ก เรียน (Pre-test)

เจริญเติบโตของผัก ที่เกี่ยวข้องกับการ กา ร ศ ึกษ า / ค ้น ค ว ้ า - สังเกตพฤติกรรม
เจริญเติบโตของพืชผกั การทำงานรายบุคคล
ได้ เกี่ยวกับปัจจัยที่มีผล - ประเมิน

ต่อการเจริญเติบโตของ คุณลักษณะอันพึง

พืชผกั ประสงค์

ทำแบบทดสอบหลัง

เรียน (Prost-test)

-ใบงาน

2. สาระการเรยี นรู้ (Learning Contents)

1. ความรู้ (Knowledge)

- นกั เรียนมีความรคู้ วามเข้าใจ ปจั จยั ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของพืชผัก

2. ทักษะ/กระบวนการ (Skill during the process)

- บอกและอธิบายปจั จยั ตา่ งๆ ที่เกีย่ วข้องกบั การเจริญเติบโตของพืชผัก

4. สมรรถนะ (Competency)

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร

2. ความสามารถในการคดิ

3. หลักฐานการเรียนรชู้ ิน้ งานหรอื ภาระงาน (Work)

1. นักเรียนสามารถสรุปเนื้อหาจากการศึกษา/ค้นคว้า เกี่ยวกับความหมาย ความสำคัญและ

ประโยชน์ของพืชผกั ต่อการดำรงชีวิต และการพัฒนาประเทศได้

2. นักเรียนสามารถบอก / อธบิ ายความหมาย ความสำคญั และประโยชน์ของพืชผักที่เกี่ยวข้อง

กับชีวิตประจำวนั และการพัฒนาประเทศได้อย่างถูกต้อง

4. การวดั และการประเมินผล ( Evaluation )

สง่ิ ทีว่ ัดผล วิธีวัดผล เครื่องมือวัดผล เกณฑ์การประเมนิ

ดา้ นความรู้ (K) ทำแบบทดสอบ แบบทดสอบ ร้อยละ 70 ผา่ น

เกณฑ์

ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ(P) สังเกตการ แบบประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 2

ปฏิบัติงาน ผา่ นเกณฑ์

เจตคติ/คณุ ลกั ษณะ (A) สังเกตการ แบบประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 2

ปฏิบตั ิงาน ผา่ นเกณฑ์

สมรถนะของผู้เรียน (C) สงั เกตการ ผลงาน ระดับคณุ ภาพ 2

ปฏิบตั ิงาน ผา่ นเกณฑ์

5. กระบวนการการจัดกิจกรรม / รปู แบบการจัดกิจกรรม ( Learning Process )
ใช้กระบวนการความรู้ความเข้าใจ เป็นกระบวนการที่ใช้ในการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัย สิ่งที่

ต้องการพฒั นาคือเนื้อหาสาระ ดงั นี้ สังเกตและตระหนกั วางแผนกำหนดแนวทาง แบง่ ความรบั ผิดชอบ
ไปแสวงหาความรู้ พฒั นาความรู้ความเข้าใจ สรุปสาระสำคญั
6. กจิ กรรมการเรยี นการสอน

1. ขั้นนำเขา้ ส่บู ทเรียน ( 10 นาที )
1. ครูให้นกั เรียนทำข้อสอบกอ่ นเรียน เรื่อง ปัจจยั ทีม่ ีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช(Pre-test)
2. ครใู ห้นักเรียนร้องเพลง ปลูกผกั และทำท่าทางประกอบเพลงตามจินตนาการ

ปลกู ผกั ๆ ๆ เพลง ปลูกผกั
ปลกู อะไรกต็ ้องรหู้ ลัก (ซ้ำ) ทำสวนครัวไม่ตอ้ งกลัวอดผัก
จงึ จะไดผกั มาต้มแกงกนิ

3. นักเรียนร่วมกนั อภปิ รายวา่ การปลูกผกั ใหเ้ จริญเติบโตงอกงาม จะต้องทำอย่างไร

ชั่วโมงที่ 1-2
2. ขั้นสอน ( 100 นาที )
3. ครูให้นักเรียนศึกษาใบความรู้หรือหาขอมลู จากอินเตอรเ์ น็ตเกีย่ วกับปจั จยั ในการดำรงชวี ิต
และการเจริญเติบโตของผักสวนครัว แลว้ ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม ออกเปน็ 4 กลุ่ม กล่มุ ละ
เทา่ ๆ กนั แล้วทำกิจกรรม ดังนี้ ใหแ้ ตล่ ะกล่มุ ร่วมกันอภปิ รายและหาข้อสรปุ วา่ หากพืชผกั
สวนครวั ไม่ไดร้ ับปจั จัยทีจ่ ำเป็นใน การดำรงชวี ิตจะเกิดอะไรขึ้น เพราะเหตใุ ด ตาม
รายละเอียดตอ่ ไปนี้
กลมุ่ ที่ 1 อภปิ รายว่า “ ถ้าผักขาดน้ำ จะเกิดผลอย่างไร”
กลุ่มที่ 2 อภปิ รายวา่ “ ถ้าผกั ขาดธาตอุ าหาร จะเกดิ ผลอย่างไร”
กลมุ่ ที่ 3 อภปิ รายวา่ “ ถ้าผกั ขาดอากาศ จะเกิดผลอย่างไร”
กลุ่มที่ 4 อภิปรายวา่ “ ถ้าผกั ขาดแสง จะเกิดผลอยา่ งไร”
2. นักเรียนแต่ละกล่มุ บันทึกผลการอภิปรายลงในสมุด แลว้ สง่ ตวั แทนกลมุ่ ออกมานำเสนอหน้า
ช้ัน

ชวั่ โมงที่ 1-2
2. ขนั้ สอน ( 100 นาที )
6. ครูอธบิ ายปจั จัยทมี่ ผี ลตอ่ การเจริญเตบิ โตของพืชผัก ใหน้ กั เรยี นไดท้ ราบและสอบถามข้อสงสยั
7. ครใู ห้นักเรยี นสรุปความคิด เรือ่ ง ปจั จยั ทม่ี ีผลต่อการเจรญิ เตบิ โตของพชื ผกั
8. นำผลงานสง่ ครทู า้ ยชัว่ โมง

3. ขั้นสรปุ ( 10 นาที )
1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้จากการทำกิจกรรม แล้วศึกษาความรู้เพิ่มเติมในใบ

ความรู้ปัจจัยที่มผี ลตอ่ การเจริญเติบโตของพืชผักสวนครัว
2. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน (Porst-test)

4. สื่อการสอน / แหลง่ เรียนรู้

สือ่ การเรียนรู้
สือ่ การเรียนรู้

- เพลงปลูกผัก
- ใบความรู้
- อนิ เตอร์เน็ต
แหลง่ เรียนรู้
- หอ้ งสมดุ โรงเรียน
- หอ้ งอินเตอร์เน็ตโรงเรียน

แบบประเมินการนำเสนอผลงาน

คำชีแ้ จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓

ลงในช่องว่างที่ตรงกับระดับคะแนน

ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน
321

1 นำเสนอเน้ือหาในผลงานได้ถกู ต้อง

2 การลำดบั ขน้ั ตอนของเนื้อเร่อื ง

3 การนำเสนอมีความนา่ สนใจ

4 การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกในกลุ่ม

5 การตรงตอ่ เวลา

รวม

ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน
............../.................../................

เกณฑก์ ารให้คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

ตำ่ กว่า 8 ปรับปรงุ

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล

ชือ่ ...........................................................................................ชนั้ ..............................

คำชีแ้ จง : ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓

ลงในช่องว่างที่ตรงกับระดบั คะแนน

ลำดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
321

1 การแสดงความคิดเหน็

2 การยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ ่นื

3 การทำงานตามหน้าที่ทไี่ ด้รับมอบหมาย

4 ความมีนำ้ ใจ

5 การตรงต่อเวลา

รวม

ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน
............../.................../................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 1 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11
ตำ่ กวา่ 8 พอใช้
ปรบั ปรุง

แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
คำชีแ้ จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลง

ในชอ่ งว่างทีต่ รงกบั ระดบั คะแนน

คณุ ลักษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
อนั พงึ ประสงค์ดา้ น 321

1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเมอื่ ไดย้ ินเพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และบอก
กษตั รยิ ์ ความหมายของ

เพลงชาติ

1.2 ปฏิบตั ิตนตามสทิ ธแิ ละหน้าที่ของนักเรียน ใหค้ วามร่วมมือ ร่วม
ใจ ในการทำงานกับสมาชิกในห้องเรียน

1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทีส่ ร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็น
ประโยชนต์ อ่

โรงเรียนและชมุ ชน

1.4 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนบั ถือ ปฏิบัตติ นตามหลักของ
ศาสนา

และเป็นตัวอย่างที่ดีของศาสนิกชน

1.5 เข้ารว่ มกิจกรรมและมสี ว่ นรว่ มในการจดั กิจกรรมที่เกีย่ วกับ
สถาบนั
พระมหากษัตริยต์ ามทีโ่ รงเรียนและชมุ ชนจดั ขนึ้ ชื่นชมในพระราช
กรณียกิจพระปรีชาสามารถของพระมหากษตั ริยแ์ ละพระราชวงศ์

2. ซอ่ื สัตย์ สุจรติ 2.1 ให้ขอ้ มูลทถ่ี กู ต้อง และเป็นจริง

2.2 ปฏิบตั ิในสิ่งทีถ่ ูกต้อง ละอาย และเกรงกลัวทีจ่ ะทำความผิด ทำ

ตามสญั ญาที่ตนให้ไว้กบั พอ่ แม่หรือผู้ปกครอง และครู

2.3 ปฏิบัติตนต่อผอู้ น่ื ด้วยความซือ่ ตรง และเป็นแบบอยา่ งทีด่ ีแก่

เพ่อื นด้าน ความซือ่ สตั ย์

3. มีวินยั 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คบั ของครอบครัว
รับผดิ ชอบ และ
โรงเรียน มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั ิกิจกรรมตา่ งๆ ใน
ชีวิตประจำวัน
มีความรบั ผิดชอบ

4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 ต้ังใจเรียน
4.2 เอาใจใส่ในการเรียน และมคี วามเพียรพยายามในการเรียน
4.3 เข้าร่วมกิจกรรมการเรยี นรู้ตา่ งๆ
4.4 ศึกษาค้นคว้า หาความรู้จากหนังสอื เอกสาร สง่ิ พิมพ์ สื่อ
เทคโนโลยีตา่ งๆแหล่งการเรียนรู้ท้ังภายในและภายนอกโรงเรียน และ
เลือกใช้สื่อได้อยา่ งเหมาะสม
4.5 บันทึกความรู้ วิเคราะห์ ตรวจสอบบางส่งิ ทีเ่ รียนรู้ สรุปเป็นองค์
ความรู้
4.6 แลกเปล่ยี นความรู้ ดว้ ยวิธกี ารตา่ งๆ และนำไปใช้ใน
ชีวิตประจำวนั

แบบประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (ต่อ)
คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลง

ในชอ่ งว่าง ที่ตรงกับระดบั คะแนน

คุณลักษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน
อันพงึ ประสงค์ดา้ น 321

5. อยอู่ ยา่ ง 5.1 ใช้ทรัพยส์ นิ และสิ่งของของโรงเรียนอยา่ ง
พอเพียง ประหยัด

5.2 ใช้อุปกรณ์การเรียนอยา่ งประหยดั และรคู้ ณุ คา่

6. มงุ่ ม่ันในการ 5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยัดและมีการเก็บออมเงิน
ทำงาน
6.1 มีความต้ังใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ มั
7. รักความเปน็ อบหมาย
ไทย 6.2 มีความอดทนและไมท่ อ้ แท้ตอ่ อุปสรรคเพ่อื ให้
งานสำเร็จ
7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภมู ิ
ปัญญาไทย

7.2เห็นคุณค่าและปฏบิ ตั ิตนตามวฒั นธรรมไทย

8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รู้จกั ช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูทำงาน

8.2 อาสาทำงาน ช่วยคิด ชว่ ยทำ และแบง่ ปนั
ส่งิ ของใหผ้ ู้อืน่
8.3 รู้จกั การดแู ล รักษาทรพั ยส์ มบัติและ
สง่ิ แวดล้อมของหอ้ งเรียน โรงเรียน ชมุ ชน
8.4 เข้าร่วมกิจกรรมเพ่อื สงั คมและ
สาธารณประโยชนข์ องโรงเรียน

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ชิ ดั เจนและสมำ่ เสมอ ............../.................../...............
พฤติกรรมทปี่ ฏิบัตชิ ัดเจนและบ่อยคร้ัง
พฤติกรรมทปี่ ฏิบัตบิ างคร้ัง ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

ใบความรู้

เรื่อง ปัจจยั ทีม่ ีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตของผกั สวนครวั
การเจริญเติบโตของพืช ต้องการปัจจัยหลายประการที่สำคัญ คือ น้ำ แสง ธาตุอาหารต่างๆ พืชเป็น
สิ่งมีชีวิตมีการเจริญเติบโตและดำรงชีวิตอยู่ได้ย่อมต้องการ สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม สภาพของ
ส่งิ แวดล้อมต่างๆ ที่มผี ลตอ่ การเจริญเติบโตของพืช ไดแ้ ก่
ดิน

เป็นปัจจัยสำคัญอันดับแรก ดินที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช ต้องเป็นดินที่อุ้มน้ำได้ดี
รว่ นซุย มีอินทรียว์ ตั ถมุ าก แต่เม่อื ใช้ดนิ ปลกู ไปนานๆ ดนิ อาจเสือ่ มสภาพ เชน่ หมดแรธ่ าตุ จำเป็นต้องมี
การปรบั ปรงุ ดินให้อุดมสมบรู ณ์ ไดแ้ ก่ การไถพรวน การใสป่ ุ๋ย การปลูกพชื หมุนเวียน เปน็ ต้น
ชนดิ ของดนิ ที่เหมาะกบั การเพาะปลูกพชื

ดนิ ทีเ่ หมาะสมกับการเพาะปลกู พืชได้แก่
1.1.ฮิวมัส คือ ซากพืชซากสัตว์ที่ตายและเน่าเปื่อยแล้ว อาจได้จากใบหญ้า ใบไม้ซึ่งกองทับ
ถมกันอยู่นาน ๆ จนเน่าเปื่อย มูลสัตว์ เช่น มูลวัว ควาย เป็ด ไก่ และหมู เมื่อใส่ไปในดินก็ทำให้ดินดีขึ้น
เพราะมูลสัตว์เมื่อปนอยู่ในดินก็เน่าเปื่อยกลายเป็นฮิวมัส ดินอุดมมักมีสีดำ เมื่อแห้งไม่แข็งเหมือนดิน
เหนียว น้ำซึมผา่ นได้พอสมควร เปน็ ดนิ ที่พชื สว่ นมากชอบ
1.2.ดนิ อดุ ม เปน็ ดนิ ที่อุ้มน้ำไว้ได้ดีพอสมควร พอเหมาะที่จะทำใหต้ ้นไม้เจริญงอกงามดี
1.3.ดนิ รว่ น เปน็ ดนิ ทีม่ ลี กั ษณะซุยมีสีตา่ งๆ กนั บางชนิดมีสีคอ่ นข้างดำมีน้ำหนักเบาเนื่องจาก
มีอินทรียวัตถุผสมอยู่มาก มีอาหารบริบูรณ์ การอุ้มน้ำของดินพอเหมาะแก่พืชอุ้มความร้อนไว้พอเพียง
อากาศถ่ายเทได้สะดวก การระบายน้ำดี เวลาฝนตกกไ็ ม่ช้ืน
1.4 ดินเหนียว เป็นดินที่มีลักษณะเป็นเม็ดละเอียดมาก เวลาแห้งจะจับกันเป็ฯก้อนแข็ง
แตกระแหงเวลาถูกน้ำจะเป็นโคลนตม ทำให้สมบัติของดินเปลี่ยนไป เวลานตกน้ำซึมลงช้า เพราะเม็ด
ดินละเอียดสามารถอุ้มน้ำได้ดีกว่าชนิดอื่น ๆ อากาศถ่ายเท หรือผ่านเข้าออกระหว่างเม็ดดินไม่ได้ดี มี
อาหารพืชบ้างเลก็ น้อยแล้วแตช่ นิดของดิน ดินเหนียวมีหลายชนิด มีสีตา่ ง ๆ กนั
1.5ดินทราย เป็นดินที่มีทรายอยู่เป็นส่วนใหญ่ ดินชนิดนี้มีเนื้อหยาบร่วน ไม่จับกันเป็นก้อน
น้ำซึมผา่ นไปไดง้ า่ ย

ความชืน้ ของดนิ
ความชื้นของดินประกอบด้วย 2 สถานะ คือ สถานะที่เป็นของเหลว เราเรียกว่า น้ำในดิน

และสถานะที่เป็นก๊าซ เราเรียกว่า ไอน้ำในดนิ ในประเทศทีม่ อี ากาศหนาวจัด ความชนื้ ของดินอาจจะอยู่
ในรปู ของน้ำแขง็ สว่ นประเทศในเขตร้อน สว่ นใหญน่ ้ำในดนิ จะอยู่ในรปู ของของเหลว

ดังนั้นความชื้นของดิน กับน้ำในดิน จึงมีความหมายเดียวกัน คือ ส่วนที่อยู่ในสถานะที่เป็น
ของเหลว ถ้าในสว่ นของช่องว่างในดนิ มีน้ำอยู่เต็มไม่มีก๊าซอยู่เลยเรียกว่า ดนิ ทีอ่ ิม่ ตัวด้วยน้ำ (saturated
soil) แต่ถ้าในชอ่ งวา่ งของดินมีท้ังน้ำและก๊าซอย่ดู ้วยเรียกว่า ดนิ ที่ไม่อม่ิ ตวั (unsaturated soil) ดังน้ัน ดิน
ที่ใช้ในการทำการเกษตรส่วนใหญ่ คือดินที่ไม่อิ่มตัว ความชื้นในดินมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับ
สิ่งมีชีวิตในดิน ได้แก่ สัตว์ พืช หรือจุลินทรีย์ เนื่องจากน้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของพืชและสัตว์
เพื่อใช้ในขบวนการเมทาบอลิซึม (metabolism) ต่าง ๆ เช่น ขบวนการสังเคราะห์แสงของพืชและ
จุลินทรีย์ในดินบางชนิด พืชสามารถที่จะนำเอาธาตุอาหารไปใช้ได้ ธาตุอาหารเหล่านั้นจะต้องอยู่ในรปู
ของสารละลาย น้ำเป็นตัวทำละลายที่ดีและมีปริมาณมาก หาได้ง่ายและสะดวก น้ำเป็นตัวกลางที่ดีใน
การเคลอ่ื นย้ายไอออนจากบริเวณหนึ่งไปยังอกี บริเวณหนึ่ง
ความชื้นของดนิ ที่เป็นประโยชน์ตอ่ พชื ไว้ 3 ประเภท คือ

1. ความชื้นที่เป็นประโยชน์ (available moisture) หมายถึงความชื้นส่วนที่อยู่ภายใต้
อำนาจดดู ยึดของดิน ที่พืชดดู ไปจากดิน ในอตั ราสว่ นทีท่ ัดเทียมกบั อัตราการระเหยน้ำของพืช

2. ความชื้นที่ไม่เป็นประโยชน์ (unavailable moisture) หมายถึงความชื้นส่วนที่ดินดูดยึด
ไว้ด้วยพลังงานที่มากกว่าที่จะให้พชื ดูดไปใช้ในอัตราที่ทัดเทียมกับอตั ราการระเหยน้ำของพืชได้

3. ความชื้นเกินจำเป็น (superfluous moisture) หมายถึงความชื้นส่วนที่เกินอำนาจดูดยึด
ตามปกติของดิน ซึ่งโดยปกติขังอยู่ในที่ว่างขนาดใหญ่ที่เป็นที่อยู่ของอากาศ และเมื่อมีโอกาสจะเคลื่อน
พ้นบริเวณที่รากพืชลกึ ลงไปในหน้าตัดดิน โดยอิทธิพลแรงดึงดูดของโลก
แรงดูดยึดความชื้นของดนิ

หลังจากฝนตก น้ำสว่ นหนึ่งระบายออกไปจากดินแล้ว ดนิ น้ันยังเป็นดนิ ชืน้ อยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง
การที่น้ำบางส่วนยังคงสามารถอยู่ในช่องว่างของดินโดยไม่ระบายออกไปจนหมด แสดงว่าดินมีแรงดูด
ยึดตอ่ น้ำจำนวนนั้น แรงดดู ยึดนี้อาจแบ่งได้ 3 ลักษณะ คือ

1. การดูดซับ (adsorption) การดูดซับโมเลกุลของน้ำบนผิวอนุภาคดินโดยเฉพาะผิวของ
อนุภาค ที่มีประจุเกิดจากสมบัติมีขั้วของโมเลกุลของน้ำ การดูดซับนี้มักจะเกิดขึ้นในขณะที่ดินมีระดับ
ความชื้นค่อนข้างต่ำ และอาจเกิดขึ้นได้ในอีกกรณี คือเมื่ออนุภาคดินมีไอออนบวกถูกดูดซับอยู่ และ
ไอออนเหล่าน้ันดูดซับโมเลกลุ ของน้ำเอาไว้ล้อมรอบตวั มันเอง (water of hydration)

2. การดูดผ่านช่องเล็กๆ (osmotic suction) น้ำในดินมีสารละลายอยู่หลายชนิด ละลาย
หรือแขวนลอยอยูไ่ อออนต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไอออนบวกจะถูกดูดซับอยู่ทีผ่ ิวนอกของดินเหนียวที่
มีประจเุ ป็นลบ และทำให้ความเข้มข้นของไอออนในชั้นของไอออนบวกทีถ่ ูกดดู ซับ สงู กว่าในสารละลาย
รวม( bulk solution ) ถ้าความชนื้ ของดินค่อนข้างตำ่ ซึ่งไม่ถึงกบั แหง้ อนุภาคดินเหนียว มีโอกาสสัมพันธ์
(overlap) ซึง่ กันและกัน และทำให้สารละลายในระหว่างช้ันทั้งสอง นั้นเขม้ ข้นยิง่ ข้ึน เปน็ ที่ทราบกันดีแล้ว
ว่า สารละลายที่เข้มข้นจะมี การดูดแบบออสโมติกสูงถ้านำมาสมั ผัสกบั น้ำบริสุทธิ์ผ่าน เมนเบรนกึ่งซึม
ได้ (semipermeable membrane) น้ำจะเคล่อื นตัวผ่านเมนเบรน



ประเภทตา่ งๆของน้ำในดิน โดยประมาณที่ระดบั ความชืน้ ตา่ งๆ
1.(membrane) ไปหาสารละลายนั้น ๆ ปรากฏการณ์นี้ก็ใช้ได้กับดินนั่นคือ ถ้าสารละลายใน

บริเวณการดูดซับ นั่นคือ ถ้าสารละลายในบริเวณการดูดซับ (adsorption zone) ของอนุภาคดินเหนียว
เข้มขน้ มาก ดินน้ันจะมีแรงดึงดูดน้ำที่เพิ่มข้ึน และน้ำทีถ่ กู ดึงดดู เข้าไปในระหว่าง ดินเหนียว

2.แผน่ ท่เี รียงซ้อนกนั จะดันใหด้ นิ เหนียวพองตวั
3. แคพิลลารีตี้ (capillarity) เป็นแรงดึงน้ำซึ่งเกิดเนื่องจากแรงตึงผิวของน้ำ ซึ่งเป็นผลรวม
ระหว่างความเชื่อมแน่น (cohesion) ของน้ำและการประสาน (adhesion) ระหว่างน้ำกับผิวของอนุภาค
ดินตรงผิวของน้ำ (air - water interface) ปรากฏการณ์นี้อาจเห็นได้ทั่วไป คือ เมื่อจุ่มหลอดเล็ก ๆ ที่
ผนังด้านในเปียกน้ำลงไปในน้ำผิวเรียบ จะมีน้ำบางสว่ นดึงดดู ขึ้นไปขังอยู่ในหลอด และถ้าสังเกตจะเห็น
ว่าผิวของน้ำ ในหลอดจะเว้าลงไปในน้ำ และความโค้งของผิวน้ำจะเพิ่มขึ้น เมื่อขนาดของหลอดเล็กลง
และในขณะเดียวกันความสูงของน้ำที่ขังอยู่ในหลอดจะเพิ่มขึ้นเมื่อรัศมีของหลอดเล็กลง ด้วยการ
วิเคราะห์ทางฟิสิกส์แสดงให้เราทราบว่า มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างความสูงของน้ำในหลอด
แคพิลลารีกับรัศมีของหลอด หรือความโค้งของผิวน้ำในหลอด ปรากฏการณ์นี้สามารถใช้ได้กับดิน โดย
ที่ดินมีรูพรุน ซึ่งเป็นช่องแทรกตัวอยู่ทั่วไปทั้งในเม็ดดินและระหว่างเม็ดดิน ถึงแม้ช่องในดินจะมีรูปร่าง
และความต่อเนื่องที่แตกต่างจากหลอด แคพิลลารีตี้ มาก แต่เราสามารถดัดแปลงปรากฎการณแ์ คพิล
ลารี (capillarity phenomenon) ใช้กับดนิ ได้
นำ้

มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืชมาก น้ำช่วยละลายแรธ่ าตุอาหารในดิน เพ่ือให้รากดูด
อาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของลำต้นได้ และยังช่วยให้ดินมีความชุ่มชื้น พืชสดชื่นและการทำงานของ
กระบวนการตา่ งๆ ในพืชเป็นไปอย่างปกติ
ธาตอุ าหารหรือปยุ๋

เป็นสิ่งที่ช่วยให้พืชเจริญเติบโต ดียิ่งขึ้น ธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชมี 16
ธาตุ แต่ธาตุที่พืชต้องการมากและในดินมักมีไม่เพียงพอ คือ ธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และ
โพแทสเซียม ธาตุอาหารเหล่านี้จะต้องอยู่ในรูปสารละลายที่พืชนำไปใช้ได้และต้องมีปริมาณ ที่
พอเหมาะ จึงจะทำให้การเจริญเติบโตของพืชเปน็ ไปด้วยดี แต่ถ้ามีไม่เพียงพอต้องเพิม่ ธาตุอาหารให้แก่
พืชในรูปของปุ๋ย

ธาตุอาหารพชื (Plant Nutrients)
ธาตุอาหารที่จำเปน็ ต่อการดำรงชีพของพืชมี 16 ธาตุ แบง่ เปน็ 4 กลุ่ม

1. คาร์บอน (C) ไฮโดรเจน (H) และออกซิเจน (O) เป็นส่วนประกอบประมาณ 94-99.5%
ของน้ำหนักสดของพืช และพืชได้รับจากอากาศและน้ำ

2. ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และโปตัสเซียม (K) มักเรียกธาตุอาหารหลักหรือปุ๋ย เพราะ
พืชต้องการใช้มาก และดนิ มกั จะขาดธาตเุ หลา่ นี้ จงึ มกั ใช้เปน็ ปุ๋ยสำหรับพืชในไร่นาท่ัวไป

3. แคลเซียม (Ca) แมกนีเซียม (Mg) และกำมะถัน (S) เรียกวา่ ธาตรุ อง เพราะพืชต้องการใช้มา
กรองจาก N, P, K

4. เหลก็ (Fe) แมงการนีส (Mn) สังกะสี (Zn) ทองดอง (Cu) โบรอน (B) โมลิบดีนัม (Mo) คลอรีน
(Cl) พืชต้องการในปริมาณน้อยมากแตก่ ข็ าดไม่ได้ จึงเรียกกลุม่ นวี้ ่า จลุ ธาตุ

- จุลธาตมุ ักขาดในดินทราย, ดนิ มี pH สงู หรือมีอินทรียว์ ัตถมุ าก
- N, P มักขาดในดินท่วั ไป K มีมากยกเว้นในดินทราย
อากาศ ในอากาศมีแก๊สหลายชนิด แต่แก๊สที่พืชต้องการมากคือ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และแก๊ส
ออกซิเจน ซึ่งใช้ในการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงเพ่ือสร้างอาหารและหายใจ แกส๊ ท้ังสองชนิดนี้มีอยู่ในดินด้วย
ในการปลูกพืชเราจึงควรทำให้ดินโปร่งร่วนซุยอยู่เสมอ เพื่อให้อาหารที่อยู่ในช่องว่างระหว่างเม็ดดินมี
ถ่ายเทได้

แสงสว่างหรือแสงแดด พืชต้องการแสงแดดมาใช้ในการสร้างอาหาร ถ้าขาดแสงแดด พืชจะแคระแก
รน ใบจะมีสีเหลืองหรือขาวซีดและตายในทีส่ ุด พืชแต่ละชนิดต้องการแสงไม่เท่ากนั พืชบางชนิดต้องการ
แสงแดดจดั แตพ่ ืชบางชนิดกต็ ้องการแสงรำไร
ความเข้มแสง ชว่ งแสง และคุณภาพแสง

ความเข้มแสง (Light intensity) มีปัจจัยโดยตรงต่อการสังเคราะห์แสงของพืช เช่นในช่วงที่
ฟ้าหลัวหรือในฤดฝู นทีม่ ีกลุ่มเมฆหรือไอน้ำในอากาศมาบดบงั แสง จากดวงอาทิตย์ พืชอาจแสดงอาการ
เครียด ชะงักการเจริญเติบโต ผลฝ่อหรือร่วง พืชแต่ละชนิดต้องการความเข้มแสงที่แตกต่างกัน เช่น
กระบองเพชรต้องการความเข้มแสงสูง กล้วยไม้ในสกุลหวาย แวนด้า และแคทลียา ต้องการความเข้ม
แสงกวา่ พืชในสกลุ รองเท้านารีเปน็ ต้น

ช่วงแสง (Light duration) ความยาวของแสงมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชเช่นกัน เช่น
เบญจมาศจะพัฒนาตาดอกต่อเมื่อได้รับช่วงแสงไม่เกิน 13 ชั่วโมงครึ่งต่อวัน หรือถ้าปลูกข้าวพันธุ์ไว
แสงในฤดรู ้อน ข้าวจะไมอ่ อกดอกและติดรวง พืชมีคา่ ความยาวแสงวิกฤต (Critical day length) ตัวอยา่ ง
ที่ยกไปแล้วเช่นเบญจมาศมีค่าความยาวแสงวิกฤติที่ 13.5 ชั่วโมง หากเบญจมาศได้รับแสงน้อยกว่านี้
จะออกดอก เราจึงจัดเบญจมาศเป็นพืชวันสั้น นี่เองคือสาเหตุที่ทำไมเราจึงเห็นเรือนเพาะชำเบญจมาศ
มีทั้งโคมไฟและม่านพราง แสงอยู่ในโรงเรือน หลอดไฟมีไว้ใช้เพิ่มช่วงแสงในกรณีที่ในช่วงการปลูกนั้น

อยู่ในช่วงพัฒนาต้น หากสภาพแสงไม่เหมาะสมเช่นฤดูหนาวมืดเร็ว จำเป็นต้องเปิดไฟเพื่อควบคุมไม่ให้
เบญจมาศออกดอก ในทางกลับกนั มา่ นพรางแสงจะใช้เพื่อลดช่วงแสงและช่วยกระตุ้นให้เบญจมาศหยุด
การเติบโตและออกดอก

คณุ ภาพแสง แสงทีม่ าจากแหลง่ กำเนิดต่างกนั ย่อมทำใหม้ ีคุณภาพตา่ งกัน โดยมากแล้วพืชมัก
ต้องการแสงสีน้ำเงินและแดงเปน็ หลัก แต่สัดสว่ นของแสงสนี ้ำเงินต่อแดงที่เหมาะสมก็ขึ้นอยู่กับชนิดพืช
เป็นหลัก ตัวอย่างง่ายๆ เช่นการปลูกพืชโดยใช้ตาข่ายพรางแสงสีดำและสีฟ้าก็จะมีอัตราการ
เจริญเติบโต ต่างกัน เพราะแสงทีผ่ า่ นตาข่ายพรางแสงสีดำจะให้คลื่นแสงสีน้ำเงินและแดงมากกว่าแสง
ที่ถูกกรองผา่ นตาข่ายสฟี ้าโดยท่วั ไปพืชจะใช้แสงสนี ้ำเงินและแสงสแี ดงในการสงั เคราะห์แสงในปริมาณ
ทีพ่ อๆกัน แตเ่ นอ่ื งจากแสงสีแดงถูกดดู ซบั จากน้ำไดง้ ่ายกวา่ สนี ้ำเงิน ชว่ งของแสงสีแดงที่พืชใช้มากที่สุด
คือช่วง 650-675 nm

ชว่ งแสงท่สี ำคัญในการสงั เคราะห์แสงจากรปู คือ
Chlorophyll-a: 430nm/662nm
Chlorophyll-b: 453nm/642nm
Carotenoids: 449nm/475nm
อุณหภูมิ มีส่วนช่วยในการงอกและเจริญเติบโตของพืชเช่นกัน จะเห็นได้ว่าพืชบางชนิดชอบขึ้นในที่มี
อากาศหนาวเย็น แต่พืชบางชนิดก็ชอบขึ้นในที่มีอากาศร้อน การนำพืชมาปลูกจึงควรเลือกชนิดที่
เหมาะสมกับอุณหภูมทิ ี่เปลีย่ นไปตามฤดูกาล ในแต่ละท้องถิน่ ด้วย
ปัจจัยที่ไม่ส่งเสริมการเจริญเติบโต ได้แก่ โรค แมลง วัชพืช สารพิษ(ชะลอการเจริญเติบโต)
ปัจจยั ทีค่ วบคมุ การเจริญเติบโตและผลผลติ ของพืช
1. พันธุกรรม(พันธพุ์ ืช) สามารถกำหนดเลอื กได้
2. สภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ ความชื้น ส่วนประกอบของอากาศ โรค แมลง ธาตุอาหารไม่
สามารถควบคมุ ได้ แตส่ ามารถเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมได้
3.การปฏิบัติดแู ลรักษา เช่น การกำจัดวชั พืช ใส่ปยุ๋ การป้องกันศตั รพู ืช

แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 2

เรื่อง ดนิ ที่เหมาะสมกบั การปลกู พชื เวลา 4 ช่วั โมง

ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1

__________________________________________________________________________

1. เปา้ หมายการเรยี นรู้ / หลักฐานการเรียนรู้ / การวัดและการประเมินผล

ผลการเรียนรู้ ส่งิ ที่ต้องรู้และปฏิบัติได้ ผลงาน / ชิ้นงาน การวดั ผลและการ

ประเมนิ ผล

2. บอกปัจจัยที่มี 1. นักเรียนมีความรู้ 1. ใบงาน เรอ่ื ง ดนิ และ - ทำแบบทดสอบกอ่ น

อ ิ ท ธ ิ พ ล ต ่ อ ก า ร ความเขา้ ใจ ปัจจยั ตา่ งๆ ประเภทของดิน เรียน (Pre-test)

เจริญเติบโตของผัก ที่เกี่ยวข้องกับการ 2. สมุดภาพปัจจัยที่มี - สังเกตพฤติกรรม
เจริญเติบโตของพืชผัก การทำงานรายบุคคล
ได้ ผลต่อการเจริญเติบโต - ประเมิน

ของพืช คุณลักษณะอันพึง

ประสงค์

ทำแบบทดสอบหลัง

เรียน (Prost-test)

-ใบงาน

2. สาระการเรยี นรู้ (Learning Contents)

1. ความรู้ (Knowledge)
- นกั เรียนมีความรคู้ วามเข้าใจ ปัจจัยตา่ งๆ ที่เกีย่ วข้องกับการเจริญเติบโตของพืชผกั

2. ทักษะ/กระบวนการ (Skill during the process)
- บอกและอธิบายปัจจยั ตา่ งๆ ทีเ่ กี่ยวข้องกบั การเจริญเติบโตของพืชผัก

4. สมรรถนะ (Competency)
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. หลกั ฐานการเรียนรชู้ ิ้นงานหรอื ภาระงาน (Work)

1. นักเรียนสามารถสรุปเนื้อหาจากการศึกษา/ค้นคว้า เกี่ยวกับความหมาย ความสำคัญและ

ประโยชน์ของพืชผักตอ่ การดำรงชีวิต และการพัฒนาประเทศได้

2. นักเรียนสามารถบอก / อธบิ ายความหมาย ความสำคัญและประโยชนข์ องพืชผักที่เกี่ยวข้อง

กบั ชีวิตประจำวันและการพฒั นาประเทศได้อยา่ งถกู ต้อง

4. การวัดและการประเมินผล ( Evaluation )

ส่งิ ทีว่ ัดผล วิธีวัดผล เครื่องมือวดั ผล เกณฑ์การประเมนิ

ดา้ นความรู้ (K) ทำแบบทดสอบ แบบทดสอบ ร้อยละ 70 ผา่ น

เกณฑ์

ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ(P) สังเกตการ แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2

ปฏิบตั ิงาน ผา่ นเกณฑ์

เจตคติ/คณุ ลักษณะ (A) สงั เกตการ แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2

ปฏิบัติงาน ผา่ นเกณฑ์

สมรถนะของผู้เรียน (C) สังเกตการ ผลงาน ระดับคุณภาพ 2

ปฏิบัติงาน ผา่ นเกณฑ์

5. กระบวนการการจัดกิจกรรม / รูปแบบการจัดกิจกรรม ( Learning Process )

ใช้กระบวนการความรู้ความเข้าใจ เป็นกระบวนการที่ใช้ในการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัย สิ่งที่
ต้องการพัฒนาคือเนื้อหาสาระ ดงั นี้ สงั เกตและตระหนกั วางแผนกำหนดแนวทาง แบง่ ความรบั ผิดชอบ
ไปแสวงหาความรู้ พัฒนาความรู้ความเข้าใจ สรุปสาระสำคัญ
6. กจิ กรรมการเรยี นการสอน

1. ข้ันนำเข้าสู่บทเรียน ( 10 นาที )
1. ครูทบทวนเรอ่ื งทีน่ กั เรียนได้เรียนเม่อื ชว่ั โมงที่แล้ว แลว้ เชือ่ มโยงเข้าส่บู ทเรียน

ช่ัวโมงที่ 1-2
2. ขัน้ สอน ( 100 นาที )
1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 – 4 คน ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาดินชนิด
ต่างๆ ที่ครูนามาใหด้ ู ดนิ เหนียว ดินร่วน ดนิ ทราย

2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทากิจกรรม Gallay Walk โดยให้แต่ละกลุ่มเขียนอธิบายความ
แตกต่าง ของดินแตล่ ะประเภท ลงในกระดาษบรฟู แลว้ ติดบนผนงั

3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเดินศึกษาการอธิบายของแต่ละกลุ่มและให้ตัวแทนนักเรียนแต่ละ
กล่มุ แสดงความคิดเห็นการการศึกษาในกิจกรรม Gallay Walk

4. ครูให้นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง ดินและประเภทของดิน จากนั้นทาใบงาน เรื่อง ดินและ
ปัจจัยที่ มีผลตอ่ การเจริญเติบโต

ชวั่ โมงที่ 1-2
2. ขนั้ สอน ( 100 นาที )
1. ครใู ห้นักเรียน จับคู่กนั ทำสมุดภาพ ปัจจยั ทีม่ ผี ลตอ่ การเจริญเติบโตของพืช
2. ครูแจกอปุ กรณ์ในการทำสมดุ ภาพใหน้ กั เรียน
3. นักเรียนปฏบิ ัติทำสมดุ ภาพในชั้นเรียน

3. ขัน้ สรปุ ( 10 นาที )
1. ครูและนักเรียนรว่ มกันสรปุ ความรเู้ ร่อื ง ปจั จัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชผกั พร้อมให้

นกั เรียนซักถามขอ้ สงสยั

4. สือ่ การสอน / แหล่งเรียนรู้

สื่อการเรียนรู้
- เพลงปลูกผัก
- ใบความรู้
- อินเตอร์เนต็

แหลง่ เรียนรู้
- หอ้ งสมดุ โรงเรยี น
- หอ้ งอินเตอรเ์ นต็ โรงเรยี น

แบบประเมินการนำเสนอผลงาน

คำชีแ้ จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓

ลงในช่องว่างที่ตรงกับระดับคะแนน

ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน
321

1 นำเสนอเน้ือหาในผลงานได้ถกู ต้อง

2 การลำดบั ขน้ั ตอนของเนื้อเร่อื ง

3 การนำเสนอมีความนา่ สนใจ

4 การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกในกลุ่ม

5 การตรงตอ่ เวลา

รวม

ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน
............../.................../................

เกณฑก์ ารให้คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

ตำ่ กว่า 8 ปรับปรงุ

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล

ชือ่ ...........................................................................................ชนั้ ..............................

คำชีแ้ จง : ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓

ลงในช่องว่างที่ตรงกับระดบั คะแนน

ลำดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
321

1 การแสดงความคิดเหน็

2 การยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ ่นื

3 การทำงานตามหน้าที่ทไี่ ด้รับมอบหมาย

4 ความมีนำ้ ใจ

5 การตรงต่อเวลา

รวม

ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน
............../.................../................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 1 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11
ตำ่ กวา่ 8 พอใช้
ปรบั ปรุง

แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
คำชีแ้ จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลง

ในชอ่ งว่างทีต่ รงกบั ระดบั คะแนน

คณุ ลักษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
อนั พงึ ประสงค์ดา้ น 321

1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเมอื่ ไดย้ ินเพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และบอก
กษตั รยิ ์ ความหมายของ

เพลงชาติ

1.2 ปฏิบตั ิตนตามสทิ ธแิ ละหน้าที่ของนักเรียน ใหค้ วามร่วมมือ ร่วม
ใจ ในการทำงานกับสมาชิกในห้องเรียน

1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทีส่ ร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็น
ประโยชนต์ อ่

โรงเรียนและชมุ ชน

1.4 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนบั ถือ ปฏิบัตติ นตามหลักของ
ศาสนา

และเป็นตัวอย่างที่ดีของศาสนิกชน

1.5 เข้ารว่ มกิจกรรมและมสี ว่ นรว่ มในการจดั กิจกรรมที่เกีย่ วกับ
สถาบนั
พระมหากษัตริยต์ ามทีโ่ รงเรียนและชมุ ชนจดั ขนึ้ ชื่นชมในพระราช
กรณียกิจพระปรีชาสามารถของพระมหากษตั ริยแ์ ละพระราชวงศ์

2. ซอ่ื สัตย์ สุจรติ 2.1 ให้ขอ้ มูลทถ่ี กู ต้อง และเป็นจริง

2.2 ปฏิบตั ิในสิ่งทีถ่ ูกต้อง ละอาย และเกรงกลัวทีจ่ ะทำความผิด ทำ

ตามสญั ญาที่ตนให้ไว้กบั พอ่ แม่หรือผู้ปกครอง และครู

2.3 ปฏิบัติตนต่อผอู้ น่ื ด้วยความซือ่ ตรง และเป็นแบบอยา่ งทีด่ ีแก่

เพ่อื นด้าน ความซือ่ สตั ย์

3. มีวินยั 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คบั ของครอบครัว
รับผดิ ชอบ และ
โรงเรียน มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั ิกิจกรรมตา่ งๆ ใน
ชีวิตประจำวัน
มีความรบั ผิดชอบ

4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 ต้ังใจเรียน
4.2 เอาใจใส่ในการเรียน และมคี วามเพียรพยายามในการเรียน
4.3 เข้าร่วมกิจกรรมการเรยี นรู้ตา่ งๆ
4.4 ศึกษาค้นคว้า หาความรู้จากหนังสอื เอกสาร สง่ิ พิมพ์ สื่อ
เทคโนโลยีตา่ งๆแหล่งการเรียนรู้ท้ังภายในและภายนอกโรงเรียน และ
เลือกใช้สื่อได้อยา่ งเหมาะสม
4.5 บันทึกความรู้ วิเคราะห์ ตรวจสอบบางส่งิ ทีเ่ รียนรู้ สรุปเป็นองค์
ความรู้
4.6 แลกเปล่ยี นความรู้ ดว้ ยวิธกี ารตา่ งๆ และนำไปใช้ใน
ชีวิตประจำวนั

แบบประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (ต่อ)
คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลง

ในชอ่ งว่าง ที่ตรงกับระดบั คะแนน

คุณลักษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน
อันพงึ ประสงค์ดา้ น 321

5. อยอู่ ยา่ ง 5.1 ใช้ทรัพยส์ นิ และสิ่งของของโรงเรียนอยา่ ง
พอเพียง ประหยัด

5.2 ใช้อุปกรณ์การเรียนอยา่ งประหยดั และรคู้ ณุ คา่

6. มงุ่ ม่ันในการ 5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยัดและมีการเก็บออมเงิน
ทำงาน
6.1 มีความต้ังใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ มั
7. รักความเปน็ อบหมาย
ไทย 6.2 มีความอดทนและไมท่ อ้ แท้ตอ่ อุปสรรคเพ่อื ให้
งานสำเร็จ
7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภมู ิ
ปัญญาไทย

7.2เห็นคุณค่าและปฏบิ ตั ิตนตามวฒั นธรรมไทย

8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รู้จกั ช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูทำงาน

8.2 อาสาทำงาน ช่วยคิด ชว่ ยทำ และแบง่ ปนั
ส่งิ ของใหผ้ ู้อืน่
8.3 รู้จกั การดแู ล รักษาทรพั ยส์ มบัติและ
สง่ิ แวดล้อมของหอ้ งเรียน โรงเรียน ชมุ ชน
8.4 เข้าร่วมกิจกรรมเพ่อื สงั คมและ
สาธารณประโยชนข์ องโรงเรียน

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ชิ ดั เจนและสมำ่ เสมอ ............../.................../...............
พฤติกรรมทปี่ ฏิบัตชิ ัดเจนและบ่อยคร้ัง
พฤติกรรมทปี่ ฏิบัตบิ างคร้ัง ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เรื่อง ดนิ และประเภทของดิน

คำชี้แจง : ให้นักเรียนเขยี นตอบคาถามต่อไปนี้

……………………………………………………………………….
..
………………………………………………………………………

………………………………………………………………………

………………………………………………………………………

………………………………………………………………………

………………………………………………………………………

………………………………………………………………………

……………………………………………………………………….
..
………………………………………………………………………

………………………………………………………………………

………………………………………………………………………

………………………………………………………………………

………………………………………………………………………


………………………………………………………………………

……………………………………………………………………….
..
………………………………………………………………………

………………………………………………………………………

………………………………………………………………………

………………………………………………………………………

………………………………………………………………………

………………………………………………………………………


ประเภทของดิน แบ่งตามสภาพพืน้ ท่ี

ดินที่ลุ่ม หรือที่เรียกกันว่า ดินนา คือ ดินที่เกิดในบริเวณ
พน้ื ที่ตำ่ สภาพพ้นื ที่ราบเรียบถึงค่อนขา้ งราบ ส่วนใหญ่พบเป็น
บริเวณกว้างในภาคกลางและตามที่ราบลุ่มแม่น้ำต่างๆ ส่วน
ใหญ่ใช้ประโยชน์ในการทำนา และมักมีน้ำท่วมขังในพื้นที่
ในช่วงฤดูฝน

ดินที่ดอน หรือ ดินไร่ คือ ดินที่พบอยู่ในบริเวณพื้นที่ที่มีความ
ลาดชัน สภาพพื้นที่อาจเป็นที่ราบ ที่ลาดเชิงเขา หรือเป็นลูกคลื่น มี
การระบายน้ำดี โดยท่วั ไปจะไม่มีการขงั น้ำเมอ่ื ฝนตก พบอยู่ท่ัวไปใน
ภูมิภาคต่างๆ ส่วนใหญ่ใช้ประโยชน์ในการปลูกพืชไร่ ไม้ผล หรือไม้
ยืนต้นอน่ื ๆ
ประเภทของดิน แบ่งตามความลึกของดนิ

ความลึกของดิน (effective soil depth) หมายถึงความหนาของดินนับจากชั้นผิวดินลงไป
จนถึงชั้นดินที่ขัดขวางต่อการเจริญเติบโตหรือการชอนไชของรากพืช เช่น ชั้นหินพื้น ชั้นดาน
ชั้นเศษหิน ชั้นกรวด หรือชั้นลูกรัง เป็นต้น ซึ่งมีผลทำให้รากพืชชะงักงัน ไม่สามารถ
เจริญเติบโตไดต้ ามปกติโดยทวั่ ไปดนิ ที่มคี วามเหมาะสมสำหรบั การเพาะปลูกควรมีความลึก
ไมน่ ้อยกวา่ 1 เมตร ขึน้ ไป

ดินตื้นมาก คือ ดินที่มีความหนาไมเ่ กิน 25 เซนติเมตร นับจากผิวหน้า
ดนิ ลงไป

ดินตื้น คือ ดินที่มีความหนาตั้งแต่ 25-50 เซนติเมตร นับจากผิวหน้า
ดนิ

ดินลึกปานกลาง คือ ดินที่มีหนาตั้งแต่ 50-100 เซนติเมตร นับจาก
ผิวหน้าดนิ

ดินลึก-ลึกมาก คือ ดินที่มีความหนามากกว่า 100 เซนติเมตร นับ
จากผิวหน้าดนิ ลงไป

ประเภทของดิน แบง่ ตามวัสดทุ ีเ่ ปน็ องคป์ ระกอบในดิน
ดนิ อนนิ ทรยี ์ ดนิ ทีพ่ บอย่ทู วั่ ๆ ไปมกั จะเปน็ ดนิ อนินทรีย์ (mineral soils)

คือเป็นดินที่มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นอนินทรียสารที่ได้มาจากการผุพัง
สลายตัวของหิน แร่ ผสมคลุกเคล้าอยู่กับอินทรียวัตถุ ปกคลุมพื้นผิวโลก
อยเู่ ป็นช้ันบางๆ

ดินอินทรีย์ ดินที่เกิดในสภาพป่าพรุ หรือสภาพที่มีน้ำแช่ขังเป็น
ระยะเวลายาวนานมีพืชชอบน้ำขึ้นอยู่ ซึ่งเป็นอุปสรรคตอ่ กระบวนการย่อย
สลายเศษซากอินทรีย์ต่างๆ ทำให้เกิดการทับถม และสะสมเพิ่มมากขึ้น
เร่อื ยๆ จนเกิดเปน็ ชั้นดนิ อินทรีย์ หรือช้ัน O ขนึ้ และเมือ่ มีการทบั ถมมากขึ้น
เรอ่ื ย ดนิ นีจ้ ะกลายเป็นดนิ อินทรียใ์ นที่สุด
ประเภทของดิน แบ่งตามพัฒนาการ

ดนิ มีพัฒนาการน้อย หมายถึง ดินทีป่ ระกอบดว้ ยชั้นดินบน (A) และช้ัน
วตั ถุต้นกำเนิดดนิ (C)

ดนิ มีพัฒนาการมาก ดนิ ที่ประกอบดว้ ยชนั้ ชน้ั ดินบน (A) ชนั้ ดินล่างที่
แสดงการเปล่ยี นแปลงซึง่ เปน็ ผลจากกระบวนการทางดนิ (B) และชน้ั วัตถุ
ต้นกำเนิดดนิ (C)

ประเภทของดิน แบ่งตามเนื้อดนิ (ดินร่วน-ดินเหนียว-ดนิ ทราย)
ดินเหนียว เปน็ ดนิ ที่มเี น้ือละเอียด ในสภาพดินแห้งจะแตก

ออกเปน็ ก้อนแขง็ มาก เมือ่ เปียกน้ำแลว้ จะมีความยืดหย่นุ สามารถป้ัน
เปน็ ก้อนหรือคลึงเปน็ เส้นยาวได้ เหนียวเหนอะหนะติดมอื เป็นดนิ ทีม่ ี
การระบายน้ำและอากาศไมด่ ี แตส่ ามารถอมุ้ น้ำ ดูดยึด และ
แลกเปลย่ี นธาตอุ าหารพืชได้ดี เหมาะทีจ่ ะใช้ทำนาปลกู ข้าวเพราะเก็บ
น้ำได้นาน

ดนิ ร่วน เป็นดนิ ทีเ่ นื้อดนิ ค่อนขา้ งละเอยี ดนมุ่ มือในสภาพดนิ แหง้ จะ
จบั กนั เปน็ ก้อนแขง็ พอประมาณ ในสภาพดนิ ชนื้ จะยืดหย่นุ ได้บ้าง เม่อื
สมั ผสั หรือคลึงดินจะรู้สกึ นุ่มมือแต่อาจจะรู้สึกสากมืออยู่บ้างเล็กน้อย
เม่อื กำดนิ ใหแ้ น่นในฝา่ มอื แลว้ คลายมือออก ดนิ จะจับกันเปน็ ก้อนไม่
แตกออกจากกัน เป็นดินทีม่ ีการระบายน้ำได้ดีปานกลาง จัดเปน็ เนือ้
ดนิ ที่มคี วามเหมาะสมสำหรบั การเพาะปลูก

ดินทราย เป็นดินที่มีอนุภาคขนาดทรายเป็นองค์ประกอบอยู่
มากกว่าร้อยละ 85 เนื้อดินมีการเกาะตวั กันหลวมๆ มองเห็นเปน็ เมด็
เดี่ยวๆ ได้ ถ้าสัมผัสดินที่อยู่ในสภาพแห้งจะรู้สึกสากมือ เมื่อลองกำ
ดนิ ที่แห้งนไี้ ว้ในอุ้งมือแลว้ คลายมือออกดนิ กจ็ ะแตกออกจากกันได้ แต่
ถ้ากำดินที่อยู่ในสภาพชื้นจะสามารถทำให้เป็นก้อนหลวมๆ ได้ แต่พอ
สัมผัสจะแตกออกจากกันทันทีดินทราย เป็นดินที่มีการระบายน้ำและ
อากาศดมี าก แตม่ ีความสามารถในการอมุ้ น้ำต่ำ มีความอดุ มสมบูรณ์
ต่ำเพราะความสามารถในการดูดยึดธาตุอาหารพืชมีน้อย พืชที่ขึ้นบน
ดนิ ทรายจึงมกั ขาดท้ังธาตอุ าหารและน้ำ
ประเภทของดิน แบ่งตามสมบตั ิ (ดินดี-ดนิ ไม่ด)ี

ดินดี ในทางการเกษตรหมายถึง ดนิ ทีม่ คี วามเหมาะสมตอ่ การปลกู
พืช ปริมาณอนินทรียวัตถุ อินทรียวัตถุ น้ำ และอากาศ ในสัดส่วนที่
เหมาะสม สามารถปลูกพืชได้โดยใช้วิธีการจัดการดูแลตามปกติ
ธรรมดาทีไ่ มย่ ุ่งยาก มักจะมีหน้าดินสดี ำหนา มีปริมาณอินทรียวัตถุสูง
มีธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อพืชสูง ไม่มีสารที่เป็นพิษต่อพืช มี
ปฏิกิริยาดินใกล้เป็นกลาง มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างประมาณ 5.5-
7.0 และไม่มชี ั้นที่ขัดขวางการเจริญเติบโตของรากพืช

ดินไม่ดี หรือ ดินเลว คือ ดินที่มีสมบัติทางกายภาพและเคมีไม่
เหมาะสม หรือเหมาะสมน้อยสำหรับการเพาะปลูก ส่งผลให้พืชไม่
สามารถเจริญเติบโตและให้ผลผลิตตามปกติได้ถ้าหากว่าจำเป็นต้อง
ใช้ดินเหล่านี้ในการเพาะปลูกพืช ก็ต้องมีการจัดการแก้ไขให้เหมาะสม
เสียก่อน

อย่างไรก็ตาม การที่จะบอกได้ว่าพื้นที่ใดเป็นดินดีหรือไม่นั้น ยังต้องคำนึงถึงชนิดของพืชที่จะ
ปลูกในบริเวณนั้นด้วย ทั้งนี้เนื่องจาก พืชแต่ละชนิดมีความต้องการสภาพแวดล้อมในการ
เจริญเติบโตที่แตกตา่ งกันไป ยกตัวอย่างเช่น ข้าว เปน็ พืชที่ชอบน้ำ ดงั น้ันดินดีที่เหมาะสมสำหรับข้าว
จึงควรเป็นดินในพื้นที่ลุ่ม เนื้อดินเป็นดินเหนียวที่มีการระบายน้ำเลว ซึ่งจะช่วยให้สามารถขังน้ำไว้ใน
นาข้าวได้ แต่ถ้าต้องการปลูกพืชไร่หรือผลไม้ ดินที่ดีสำหรับพืชพวกนี้ควรเป็นดินลึก มีหน้าดินหนา
เน้ือดนิ เปน็ พวกดินรว่ นหรือพวกทีม่ ีการระบายน้ำดี มีความอดุ มสมบูรณ์ เพ่ือใหร้ ากพืชสามารถชอน
ไชลงไปในดินไดล้ กึ สามารถต้านทานแรงลมได้ดี เป็นต้น

7. บนั ทึกผลหลงั แผนการจดั การเรยี นรู้

1. ผลการเรียนรู้

1.1 ดา้ นความรู้ (K)

ตารางที่ 1 แสดงค่าร้อยละระดบั ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน เรือ่ ง ปจั จยั ที่มผี ลต่อการ

เจริญเติบโตของพืชผกั

ระดับผลสมั ฤทธิ์ จำนวนนักเรยี น ร้อยละ

ดมี าก (80-100 คะแนน)

ดี (70-79 คะแนน)

พอใช้ (60-69 คะแนน)

ปรบั ปรงุ (50-59 คะแนน)

จากตารางที่ 1 พบว่านักเรียนผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน ร้อยละ................อยใู่ นระดับ
..........และรองลงมาร้อยละ.................อยู่ในระดับ...............และพบวา่ นักเรียน
...............................................................................................................................................

1.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P )

ตารางที่ 2 แสดงคา่ ร้อยละระดบั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน เรือ่ ง ปจั จยั ทีม่ ผี ลตอ่ การ

เจริญเติบโตของพืชผัก

ระดับผลสัมฤทธิ์ จำนวนนกั เรยี น ร้อยละ

ดมี าก (80-100 คะแนน)

ดี (70-79 คะแนน)

พอใช้ (60-69 คะแนน)

ปรบั ปรงุ (50-59 คะแนน)

จากตารางที่ 2 พบวา่ นักเรียนผลสัมฤทธิท์ างการเรียน ร้อยละ................อยใู่ นระดับ
..........และรองลงมาร้อยละ.................อยู่ในระดับ................และพบว่านักเรียน
...............................................................................................................................................

1.3 ด้านเจตคติ / คุณลักษณะฯ (A)/ สมรรถนะ (C) เชื่อมโยงกบั มาตรฐานหลักสูตร

ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ เรื่อง ปัจจัยทมี่ ีผลตอ่ การเจริญเติบโต

ของพืชผกั

ระดับผลสัมฤทธิ์ จำนวนนักเรยี น ร้อยละ

ดมี าก (80-100 คะแนน)

ดี (70-79 คะแนน)

พอใช้ (60-69 คะแนน)

ปรบั ปรงุ (50-59 คะแนน)

จากตารางที่ 3 พบว่านักเรียนคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ร้อยละ..............อยู่ในระดบั ............
และ รองลงมาร้อยละ.................อยใู่ นระดับ...............และพบว่านักเรียน..................................
...........................................................................................................................................................

สรปุ ผลการใช้แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง ปัจจยั ทีม่ ีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชผัก
4) นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอยู่ในระดบั ...................
5) นกั เรียนมีทักษะในระดบั ..................
6) นกั เรียนมีคุณลกั ษณะในระดบั ...............

2.บรรยากาศการเรยี นรู้
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

3. การปรบั เปลีย่ นแผนการจัดการเรียนรู้ (ถ้ามี)
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

4. ขอ้ ค้นพบด้านพฤตกิ รรมการจัดการเรยี นรู้
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

5. อื่นๆ
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

7. บนั ทึกผลหลังแผนการจดั การเรยี นรู้

1. ผลการเรียนรู้

1.1 ดา้ นความรู้ (K)

ตารางที่ 1 แสดงค่าร้อยละระดบั ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน เรื่อง ดนิ ทเี่ หมาะสมกบั การปลูกพชื

ระดบั ผลสัมฤทธิ์ จำนวนนกั เรยี น รอ้ ยละ

ดมี าก (80-100 คะแนน)

ดี (70-79 คะแนน)

พอใช้ (60-69 คะแนน)

ปรบั ปรุง (50-59 คะแนน)

จากตารางที่ 1 พบวา่ นักเรียนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ร้อยละ................อยูใ่ นระดับ
..........และรองลงมาร้อยละ.................อยู่ในระดับ...............และพบวา่ นักเรียน
...............................................................................................................................................

1.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P )

ตารางที่ 2 แสดงคา่ ร้อยละระดบั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน เรือ่ ง ดนิ ทเี่ หมาะสมกบั การปลูกพชื

ระดบั ผลสัมฤทธิ์ จำนวนนกั เรยี น รอ้ ยละ

ดมี าก (80-100 คะแนน)

ดี (70-79 คะแนน)

พอใช้ (60-69 คะแนน)

ปรับปรุง (50-59 คะแนน)

จากตารางที่ 2 พบวา่ นักเรียนผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน ร้อยละ................อยูใ่ นระดับ
..........และรองลงมาร้อยละ.................อยู่ในระดับ................และพบว่านักเรียน
...............................................................................................................................................

1.3 ด้านเจตคติ / คุณลักษณะฯ (A)/ สมรรถนะ (C) เชื่อมโยงกบั มาตรฐานหลกั สูตร

ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เรื่อง ดนิ ที่เหมาะสมกบั การปลูกพชื

ระดับผลสมั ฤทธิ์ จำนวนนกั เรยี น ร้อยละ

ดมี าก (80-100 คะแนน)

ดี (70-79 คะแนน)

พอใช้ (60-69 คะแนน)

ปรับปรุง (50-59 คะแนน)

จากตารางที่ 3 พบว่านกั เรียนคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ร้อยละ..............อยใู่ นระดับ............
และ รองลงมาร้อยละ.................อยูใ่ นระดับ...............และพบว่านักเรียน..................................
...........................................................................................................................................................

สรุป ผลการใช้แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 เรอ่ื ง ดนิ ที่เหมาะสมกับการปลกู พชื
1) นักเรียนมีผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนอยู่ในระดบั ...................
2) นักเรียนมีทักษะในระดับ..................
3) นักเรียนมีคณุ ลักษณะในระดบั ...............

2.บรรยากาศการเรยี นรู้
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

3. การปรบั เปลี่ยนแผนการจดั การเรียนรู้ (ถ้ามี)
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

4. ข้อค้นพบด้านพฤตกิ รรมการจัดการเรยี นรู้
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

5. อืน่ ๆ
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................


Click to View FlipBook Version