The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พ่อแก่บรมครู ฉบับ 5

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2021-10-26 01:46:43

พ่อแก่บรมครู ฉบับ 5

พ่อแก่บรมครู ฉบับ 5

151

ประมาณ สมยั สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระ
พ.ศ. ๒๒๐๐ ราชนพิ นธ์ สมทุ รโฆษคําฉันท์ และอนิ
รทุ ธค์ ําฉันท์ (ศรปี ราชญแ์ ตง่ ) ใชเ้ ป็ นบท
พากยห์ นัง ในหนังสอื จนิ ดามณี พระ
โหรธบิ ดผี รู ้ จนาได ้

ประมาณ.พ.ศ. กลา่ วถงึ ชอื่ บทพากยห์ นังอยธุ ยา23
๒๒๗๕-๒๒๓๐ รามเกยี รตคิ์ ําฉันท์
๑.บทตอนทพี่ ระอนิ ทรใ์ หพ้ ระมาตลุ นี ํารถ
มาถวายพระรามในสนามรบ
๒.ตอนพระรามกบั พระลกั ษมณ์ครํ่าครวญ
ตดิ ตามนางสดี า
๓.ตอนพรรณนาถงึ มหาบาศลกู ทศกณั ฐ์
๔.บทตอนพเิ ภกครวญถงึ ทศกณั ฐเ์ มอื่
ทศกณั ฐล์ ม้
สมยั สมเด็จพระบรมโกศ ปณุ โณวาทคํา
ฉันท์ ของพระมหานาค กลา่ วถงึ เลน่ หนัง
เรอื่ งรามเกยี รตต์ิ อนศกึ ไมยราพ งาน
สมโภชพระพทุ ธบาท

ในรัชสมยั สมเด็จพระนารายณ์มหาราช (ครองราชย์
พ.ศ. ๒๐๙๙ – ๒๑๓๑) โปรดเกลา้ ฯใหก้ วสี ําคญั ราชสํานักแตง่
วรรณกรรมขนึ้ เพอ่ื ใชเ้ ป็ นบทแสดงหนังซงึ่ มผี สู ้ นั นษิ ฐานวา่

23 แต่งข้ึนระหวา่ งรัชกาลสมเดจ็ พระเพทราชากบั สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ, รามเกียรต์ิคา
ฉนั ท์ คาดวา่ พระโหราธิบดีน่าจะมาจากบทพากยเ์ ก่า ซ่ึงไดส้ ูญหายไปแลว้ เหลือเพียงท่ีนามาเป็น
ตวั อยา่ งในหนงั สือจินดามณีแค่ ๓ ถึง ๔ บทเท่าน้นั

152

น่าจะมพี ระราชประสงค์ ใหจ้ ดั แสดงในการพระราชพธิ ี
เบญจาพศิ หรอื ฉลองพระชนมายคุ รบ ๒๕ พรรษา ดงั ปรากฏใน
วรรณกรรมสมทุ รโฆษคําฉันท์ ซง่ึ มที มี่ าจากสมทุ รโฆษชาดก
แตง่ โดยพระมหาราชครู ดงั นี้

พระบาทกรงุ ไทธ้ รณี รามาธบิ ดี
ประเสรฐิ เดโชไชย ท่ังทงั้ ภพไตร

เดชะอาจผโอนทา้ วไท ทา้ วท่วั สากล
ตระดกดว้ ยเดโชพล ธรรมาคมสบ

พระบาทกมลนฤมล บรกิ ษสรร-
มาถวายบงั คมเคารพ ปางเป็ นราชา

สบศลิ ป์ นเรศวรพบ เสร็จเสด็จมาพลู
ปการรรู ้ สธรรม์ ผจญคณกษัตรยิ ์

พระปรโี ชบายอนันต์ ทมุ ดี เจยี รจนิ -
พการสดุ ลงกา จํานองโดยกล

พระรําฤกยศพระศาสดา เป็ นบรรพบรุ ณะ
สมทุ รโฆษอาดรู กลเลน่ โดยการ

เสด็จเสวยสรุ โลกพบิ ลู ย์ ฯลฯ
ในมรรคทรงธรณี

แสดงศลิ ป์ ธนูศรศรี
อนั โรมในรณควรถวลิ

ไดไ้ ทเ้ ทพชี อ่ื พณิ -
ตโฉมอนงคพมิ ล

พระใหก้ ลา่ วกาพยน์ พิ นธ์
ตระการเพลงยศพระ

ใหฉ้ ลกั แสบกภาพอนั ชระ
นเรนทรราชบรรหาร

ใหท้ วยนักคนผชู ้ าญ
ยเป็ นบําเทงิ ธรณี

153

นอกจากนยี้ งั มหี ลกั ฐานทพ่ี บใน ปณุ โณวาทคา
ฉนั ท์ แตง่ โดยพระมหานาค วดั ทา่ ทราย กลา่ วถงึ การแสดงหนัง
ตอนกลางคนื เรอื่ งรามเกยี รติ์ ในการสมโภชพระพทุ ธบาทท่ี
สระบรุ ใี นรัชสมยั พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ ซง่ึ เป็ นพระราชประเพณี
สําคญั ของพระมหากษัตรยิ อ์ ยธุ ยา ดงั น้ี

ครัน้ สรุ ยิ เสด็จอษั ฎางค์ เลยี้ วลบั เมรลุ ง
ชรอมุ่ ชรอํา่ อมั พร สองพระทรงศร
พากยเ์ พย้ เสยี งกลอง
บดั หนง้ ตงั้ โหก่ ําธร ชเู ชดิ พระนารายณ์
ฉลกั เฉลมิ เจมิ จอง ปลอ่ ยวานรพนั -
ปละปลอ่ ยวานร
เทยี นตดิ ปลายศรศรสอง สะกดอมุ ้ องค์
ก็ทมุ่ ตระโพนทา้ ทาย

สามตระอภวิ นั ทบ์ รรยาย
นรนิ ทรเรมิ่ อนุวนั

บดั พาลาสองสองขยนั
ธนาก็เตา้ เตยี วจร

ถวายโคบตุ ลบมใิ หม้ รณ์
นวิ าสสถานเทาคง

เรม่ิ เรอ่ื งไมยราพฤทธริ งค์
นเรศดลบาดาล ฯลฯ

154

หนงั ใหญส่ มยั ธนบรุ ี

พ.ศ.๒๓๑๓ สมเด็จพระเจา้ ตากสนิ มหาราช พระราช
นพิ นธร์ ามเกยี รติ์ ๔ ตอน ใชแ้ สดงหนัง

ละคร และโขน
๑ ตอนพระมงกฎุ

๒ ตอนหนุมานเกย้ี วนางวานรนิ
๓ ตอนทา้ วมาลวี ราชวา่ ความ จนทศกณั ฐ์
เขา้ เมอื ง

๔ ตอนทศกณั ฐต์ งั้ พธิ กี รวดทราย
พ.ศ.๒๓๒๒ ฉลองสมโภชรับพระแกว้ มรกตกลา่ วถงึ

หนัง(ไทย)ทจี่ ดั แสดงระหวา่ งระทา ๙
โรง, หนังจนี และหนังกลางวนั
ในสมยั กรงุ ธนบรุ ี แมจ้ ะอยใู่ นยคุ ฟ้ืนฟบู า้ นเมอื ง
หลงั จากเผชญิ กบั หายนะภยั หลงั การเสยี กรงุ แตป่ รากฏหลกั ฐาน
ในวาระเฉลมิ ฉลองครัง้ สําคญั คอื เมอื่ พ.ศ. ๒๓๒๒ คราวรับพระ
แกว้ มรกตทเ่ี จา้ พระยามหากษัตรยิ ศ์ กึ อญั เชญิ มาจากกรงุ เวยี ง
จันทร์ สมเด็จพระเจา้ ตากสนิ มหาราชโปรดเกลา้ ฯใหจ้ ัดการ
มหรสพสมโภชอยา่ งยงิ่ ใหญน่ ับแตโ่ ปรดใหพ้ ระเจา้ ลกู ยาเธอ เจา้

ฟ้ากรมขนุ อนิ ทรพทิ กั ษ์ เสด็จขน้ึ ไปรับพระแกว้ ทท่ี า่ เจา้ สนุก
จงั หวดั สระบรุ แี ละเมอื่ พระแกว้ มรกตมาถงึ กรงุ ธนบรุ ี และ

ประดษิ ฐานอยู่ ณ วดั อรณุ ราชวราราม โปรดเกลา้ ฯใหก้ ระทํา “...
มหนั ตสกั การสมโภชเป็ นอนั มาก”ตลอดพนื้ ทสี่ องฝั่งแมน่ ํ้า
เจา้ พระยาตอ่ เนอ่ื งเป็ นเวลาหลายวนั จากเอกสารหมายรับสงั่ กรงุ

ธนบรุ ี (จ.ศ. ๑๑๓๘ เลขท่ี ๒) กลา่ วถงึ งานมหรสพคราวนัน้ วา่ ใน
บางคนื มหี นังทจี่ ัดแสดงระหวา่ งระทาดอกไมไ้ ฟ พรอ้ มกนั ถงึ ๙
โรง โดยระบวุ า่ เป็ นหนงั ไทย เพราะยงั มหี นงั จนี แสดงประชนั อกี
๒ โรง รว่ มกบั การแสดงตา่ งๆทกุ ประเภท นอกจากนยี้ งั ปรากฏวา่
มกี ารแสดง หนงั กลางวนั ในบางวนั อกี ดว้ ย สว่ นหนง่ึ ไทยทม่ี ไิ ด ้

จัดแสดงในพน้ื ทรี่ ะหวา่ งระทาก็มกี ารแสดงทกุ วนั โดยระบไุ วว้ า่
เป็ นหนงั ไทยโรงใหญ่

155

156

งานศกึ ษาหนงั ใหญท่ ผ่ี า่ นมา

งานศกึ ษาทม่ี คี วามเกยี่ วขอ้ งหนังใหญใ่ นประเทศไทยนัน้
มอี ยจู่ ํานวนหนง่ึ ซงึ่ มงุ เนน้ ศกึ ษาเฉพาะคณะหนังใหญ่ ๓ วดั
สําคญั อนั ไดแ้ กว่ ดั ขนอน จงั หวดั ราชบรุ ,ี วดั สวา่ งอารมณ์
จังหวดั สงิ หบ์ รุ ี และวดั บา้ นดอน จงั หวดั ระยอง เป็ นหลกั รวมถงึ
งานวจิ ัยหนังใหญว่ ดั ตะกู จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา ทเี่ จาะลกึ
ศกึ ษาวรรณกรรมบทพากย-์ เจรจาเทา่ นัน้

นอกจากนย้ี งั มบี ทความวชิ าการ เอกสาร หนังสอื ทบี่ อก
เลา่ เกร็ดเรอื่ งราวประวตั คิ วามเป็ นมาของหนังใหญข่ องคณะตา่ งๆ
พอสงั เขป อาทิ คณะหนังหนังใหญว่ ดั พลบั พลาชยั เพชรบรุ ,ี
คณะครวู น เกดิ ผล บา้ นใหมห่ างกระเบน, คณะวดั บางนอ้ ย บาง
คนฑี เป็ นตน้

หนังสอื รายงานการวจิ ยั “วรรณกรรมประกอบการเลน่
หนงั ใหญ่ วดั ขนอน” ของศาสตราจารย์ พันตรหี ญงิ คณุ หญงิ
ผะอบ โปษะกฤษ ถอื วา่ เป็ นงานวจิ ยั หนังใหญล่ ําดบั แรกทไ่ี ดร้ ับ
การอา้ งองิ กลา่ วถงึ มากทสี่ ดุ ไดศ้ กึ ษาประวตั คิ วามเป็ นมา
กระบวนการหนังใหญไ่ ดอ้ ยา่ งครบถว้ น นําไปสกู่ ารนําองคค์ วามรู ้
ทงั้ หมดมาชว่ ยฟ้ืนชวี ติ ใหห้ นังใหญว่ ดั ขนอน ตําบลสรอ้ ยฟ้า
อําเภอโพธาราม จนไดร้ ับการยอมรับมชี อื่ เสยี งทงั้ ระดบั ประเทศ
และระดบั โลกในปัจจบุ นั

157

งานวจิ ยั การเชดิ หนงั ใหญว่ ดั สวา่ งอารมณ์ ของ

ผชู ้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อนุกลู โรจนสขุ สมบรู ณ์ (๒๕๔๑), เป็ น

งานวจิ ัยชนิ้ สําคญั ทศี่ กึ ษาประวตั คิ วามเป็ นมาและเจาะลกึ ถงึ

กระบวนการเชดิ หนังใหญ่ ของวดั สวา่ งอารมณ์ จงั หวดั สงิ หบ์ รุ ี

ผวู ้ จิ ัยตงั้ ใจสบื คน้ ประวตั ทิ มี่ าของหนังใหญไ่ ดอ้ ยา่ งละเอยี ดลมุ่

ลกึ ไปถงึ สมยั ไอยคปุ ต์ กอ่ นพทุ ธกาล ลําดบั มาจนถงึ สมยั อยธุ ยา-

รัตนโกสนิ ทร์ ซง่ึ งานวจิ ัยนไ้ี ดผ้ ลกั ดนั ใหเ้ กดิ การฟ้ืนฟหู นังใหญ่

วดั สวา่ งอารมณ์อยา่ งเขม้ ขน้ จนมาถงึ ปัจจบุ นั

หนังสอื หนงั ใหญ่ วดั บา้ นดอน ของศนู ยม์ านุษยวทิ ยา

(องคก์ รมหาชน) เป็ นอกี หนงึ่ งานวจิ ยั สําคญั ทศี่ กึ ษาเรอ่ื งราวหนัง

ใหญว่ ดั บา้ นดอน จังหวดั ระยอง ตามแนวทางมานุษวทิ ยา และ

เป็ นแรงผลกั ดนั สําคญั ให ้ ชมุ ชนและหน่วยงานทกุ ภาคสว่ น

รวมตวั กนั ฟื้นฟหู นังใหญภ่ าคตะวนั ออกของไทยใหก้ ลบั มามชี วี ติ

อกี ครัง้

งานวจิ ัยศกึ ษาหนังใหญท่ งั้ ๓ วดั ๓ ชมุ ชนทย่ี กมาอา้ งถงึ

นลี้ ว้ นเป็ นงานวจิ ยั ทมี่ คี ณุ คา่ และทรงพลงั ในการขบั เคลอื่ น
ผลกั ดนั ใหเ้ กดิ การฟื้นฟตู อ่ ยอดเชงิ สรา้ งสรรค์ ใหห้ นังใหญท่ งั้ ๓
ชมุ ชนเป็ นทรี่ จู ้ กั รวมถงึ เป็ นแหลง่ ทอ่ งเทยี่ วเชงิ วฒั นธรรม ที่
ไดร้ ับความสนใจตอ่ เนอ่ื งมานานหลายสบิ ปี

นอกจากนย้ี งั มงี านวจิ ยั หนงั ใหญว่ ดั ตะกู อาเภอบาง
บาล จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา ของรองศาสตราจารยส์ มพันธุ์

158

เลขะพันธุ์ มหาวทิ ยาลยั รามคําแหง ทเี่ ปิดประเด็นเนน้ ศกึ ษาบท
พากย-์ เจรจาหนังทบ่ี นั ทกึ ไวใ้ นสมดุ ไทยของคณะหนังใหญว่ ดั
ตะกู เป็ นตน้ ทางใหผ้ สู ้ นใจรนุ่ ตอ่ ไปไดน้ ําวรรณกรรมมาตคี วาม
หรอื กลบั มาฟ้ืนฟพู ากยเ์ จรจาทางหนังใหญใ่ หม้ ชี วี ติ ชวี า และ
งานวจิ ัยนยี้ งั ทําใหเ้ ห็นรอ่ งรอยของความยงิ่ ใหญข่ องหนังใหญ่
ยา่ นชมุ ชนกรงุ เกา่ รวมถงึ เรอื่ งราวของชดุ ตวั หนังใหญจ่ ํานวนกวา่
สามรอ้ ยตวั ทหี่ ายไปพรอ้ มพอ่ คา้ ซอื้ ของเกา่

เมอื่ กลา่ วถงึ ยา่ นกรงุ เกา่ จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา น่าจะ

เป็ นแหลง่ มรหสพเกา่ จํานวนมากมาย จากการสบื คน้ เอกสาร และ

คําบอกเลา่ นัน้ (ผเู ้ ขยี น) พบวา่ หลายชมุ ชนทม่ี คี วามเกย่ี วขอ้ งกบั

หนังใหญ่ อาทิ วดั โคกเสอื อาเภอเสนา ทม่ี อบชดุ หนัง

ใหญจ่ ํานวนหนง่ึ ใหก้ บั วดั ตะกู อาเภอบางบาล หนังใหญช่ ดุ

หลวงพอ่ กลน่ั และหลวงพอ่ อนั้ วดั พระญาตกิ าราม หนงั

ใหญช่ ดุ หลวงพอ่ เทยี ม วดั กษตั ราธริ าชวรวหิ าร หนงั ใหญ่

ครวู น เกดิ ผล บา้ นใหม่ หางกระเบน อาเภอบางบาล ซงึ่ ครู

วน เกดิ ผลนัน้ ทา่ นเป็ นป่ ขู อง คณุ ครสู ําราญ เกดิ ผล ศลิ ปิน

แหง่ ชาติ

จังหวดั ลพบรุ ี มตี วั หนังใหญจ่ ดั แสดงใน

พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ สมเด็จพระนารายณ์ สบื คน้

พบวา่ มาจาก วดั ตะเคยี น ตาบลทา้ ยตลาด และวดั สําราญ

ตําบลโพธเิ์ กา้ ตน้ อําเภอเมอื งลพบรุ ี นอกจากนยี้ งั มที ี่ วดั โบสถ์

โกง่ ธนู อําเภอเมอื งลพบรุ ี ทตี่ อ่ มา มหาเพยี ร ป่ินทอง ไดซ้ อื้ หนัง

159

ใหญช่ มุ ชนแหง่ นี้ มาถวายวดั สวา่ งอารมณ์ จังหวดั สงิ หบ์ รุ จี ํานวน
หนงึ่

นอกจากหนังใหญว่ ดั สวา่ งอารมณ์แลว้ จงั หวดั สงิ หบ์ รุ ยี งั
ปรากฎคําบอกเลา่ วา่ มหี นังใหญอ่ ยหู่ ลายชมุ ชน อาทิ วดั ตกึ ราชา
อําเภอเมอื ง อยฝู่ ่ังตรงขา้ มแมน่ ้ําเจา้ พระยากบั วดั สวา่ งอารมณ์
รวมถงึ วดั ประศกุ อําเภออนิ ทรบ์ รุ ี กเ็ คยมหี นังใหญส่ ะสมอยู่
ปรากฏในบนั ทกึ เสด็จประพาสตน้ ของรัชกาลท่ี ๕ กลา่ ววา่

“..วนั ท่ี ๘ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๔๙ หรอื ร.ศ. ๑๒๕ เสด็จโดยทาง
เรอื ไปวดั สนามชยั หรอื วดั ขา่ อําเภออนิ ทรบ์ รุ ี ทางแมน่ ํ้า
เจา้ พระยา เพอ่ื ถา่ ยภาพ วดั นม้ี โี บสถท์ สี่ รา้ งคลา้ ยศาลาการ
เปรยี ญ และมขี องเกา่ สะสมไวม้ ากมาย รวมทงั้ หนังใหญ่ ชาวบา้ น
ทม่ี โี อกาสทําอาหารถวายกไ็ ดแ้ กช่ าวบา้ นประโมง ชาวบา้ นหวั วน
และทรงเสวยกระยาหารก็ไดร้ ับคําชมเชยวา่ เอร็ดอรอ่ ยไมแ่ พ"้
แมค่ รัวหวั ป่ าก"์ หนังใหญข่ องวดั ประศกุ สว่ นหนงึ่ นํามาจัดแสดง
ทพ่ี พิ ธิ ภณั ฑแ์ หง่ ชาตอิ นิ ทรบ์ รุ (ี วดั โบสถ์ พระอารามหลวง) และ
สว่ นหนง่ึ วดั สวา่ งอารมณ์ไดข้ อนําไปใชใ้ นการเชดิ หนังใหญ่
ทงั้ นม้ี ขี อ้ น่าสงั เกตวา่ ชมุ ชนหนังใหญด่ งั้ เดมิ ของจังหวดั สงิ หบ์ รุ ี
จะอยใู่ นอาณาเขตเดมิ ของเมอื งอนิ ทรบ์ รุ เี ป็ นสว่ นใหญ่ และยงั มี
วดั ชอ่ื วา่ “วดั เชดิ หนัง” ตงั้ อยใู่ น อําเภออนิ ทรบ์ รุ ี ทอ่ี าจจะมคี วาม
เกย่ี วขอ้ งกบั เรอื่ งราวหนังใหญใ่ นอดตี

160

สําหรับเขตจงั หวดั อา่ งทอง ปัจจบุ นั ครวู รี ะ มเี หมอื น

ผเู ้ ชยี่ วชาญดา้ นหนังใหญ่ ไดด้ ําเนนิ การสรา้ งพพิ ธิ ภณั ฑห์ นัง

ใหญเ่ ฉลมิ พระเกยี รติ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ฯ ทบ่ี า้ น

อําเภอสามโก ้ พรอ้ มกบั การเผยแพรถ่ า่ ยทอดความรเู ้ รอ่ื งหนัง

ใหญใ่ หแ้ กผ่ สู ้ นใจ นสิ ติ นักศกึ ษามาอยา่ งตอ่ เนอื่ งนับสบิ ปี จาก

การใหส้ มั ภาษณ์ของครวู รี ะ มเี หมอื น ระบชุ ดั เจนวา่ “แตเ่ ดมิ ทว่ี ดั

บา้ นอฐิ อําเภอเมอื ง ก็มคี ณะหนังใหญอ่ ยแู่ ละชมุ ชนละแวก

ใกลเ้ คยี งมศี ลิ ปินทเ่ี ชยี วชาญหนังใหญ่ ในอดตี ทตี่ อ้ งสบื คน้

ประวตั อิ าทิ ครคู รา้ ม,ครคู ลา้ ย,ครกู รด,ครลู ะมอ่ ม,ครลู ํา่ ไตรนาวี

,แมส่ งั วาลย์ ชา้ งงามฯ ซงึ่ ศลิ ปินเหลา่ นอี้ าจมสี ว่ นเชอ่ื มโยงกบั

หนังใหญใ่ นชมุ ชนของจงั หวดั ใกลเ้ คยี งในอดตี ทงั้ จงั หวดั สงิ หบ์ รุ ี

ลพบรุ แี ละจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา รวมถงึ ชมุ ชนบา้ นปากนํ้า

ตําบลเอกราช อําเภอป่ าโมกในปัจจบุ นั ทไ่ี มใ่ ชเ่ ป็ นแหลง่ ทํา

กลองทใี่ หญท่ สี่ ดุ ในประเทศไทย แตย่ งั เป็ นแหลง่ ซอื้ หนังสตั วผ์ นื

ขนาดใหญ่ เพอื่ ใชส้ ําหรับการสลกั ตวั หนังใหญอ่ กี ดว้ ย

เมอื งอมั พวา จังหวดั สมทุ รสงคราม เป็ นเมอื งศลิ ปินแหง่
หนง่ึ ทย่ี งั มเี รอ่ื งราวของหนังใหญใ่ หส้ บื คน้ อาทหิ นังใหญช่ มุ ชน
วดั ราษฏรบ์ รู ณะ ตํานาน “หนังใหญห่ นุมาน ไหวก้ ลบั วดั เองได”้
(บทความของผเู ้ ขยี น) ซง่ึ ครผู สู ้ ลกั หนังใหญ่ ทา่ นหนง่ึ กค็ อื ครดู ี
ซง่ึ เป็ นบดิ าของหมนื่ ไพเราะพจมาน นักพากยโ์ ขน กรมหรสพ
หลวง และครเู ออ้ื สนุ ทรสนาน ผกู ้ อ่ ตงั้ วงสนุ ทราภรณ์ สว่ นใน

พพิ ธิ ภณั ฑว์ ดั ภมุ รนิ ทรก์ ฎุ ที อง ก็มหี นังใหญ่ ฉลลุ วดลายสวยงาม
มาก แตเ่ ดมิ นัน้ มจี ํานวนมาก แตถ่ กู ทอดทงิ้ ไมไ่ ดเ้ ก็บรักษา จงึ
เสยี หายและสญู ไปเกอื บหมด สําหรับในเขตอําเภอบางคนฑี

161

ปัจจบุ นั ครสู งดั ใจพรหม ครชู า่ งหนังใหญอ่ กี ทา่ นหนง่ึ กําลงั
มงุ่ มน่ั สรา้ งพพิ ธิ ภณั ฑห์ นังใหญบ่ างนอ้ ย โดยไดร้ ับแรงบนั ดาลใจ
มาจากหนังใหญว่ ดั บางนอ้ ย “..แตก่ อ่ นสมยั หลวงพอ่ อยู่ มหี นัง
ใหญร่ าวๆ ๓๐๐ ตวั ตอนสมยั ประถมฯ ชว่ งพักกลางวนั ผมกบั
เพอื่ นยงั เคยแอบขนึ้ ไปบนศาลา(วดั บางนอ้ ย) ไปหยบิ หนังใหญ่
มาเชดิ เลน่ เลย หลงั หลวงพอ่ อยมู่ รณะภาพเขาก็เลกิ เลน่ หนังกนั
แลว้ ..น่าเสยี ดายโดนไฟไหมไ้ ปพรอ้ มกบั กฏุ ศิ าลา โชคดยี งั เหลอื
ใหเ้ ห็นเป็ นบญุ ตา ๑๐ ตวั ในซากเถา้ กองเพลงิ ”(ครชู า่ งหนัง
ใหญบ่ างนอ้ ย ครสู งัด ใจพรหม : บทความของผเู ้ ขยี น) ทงั้ นยี้ งั
มบี คุ คลสําคญั ในชมุ ชนบางคนฑี อกี ทา่ นหนงึ่ ทม่ี คี วามรดู ้ า้ นหนัง
ใหญค่ อื ครสู มพร เกตแุ กว้ หรอื ในวงการชา่ งดนตรไี ทยจะเรยี ก
ขานวา่ “พญาซอ” ไดถ้ า่ ยทอดความรกู ้ ารสลกั หนัง เชดิ พากย-์
เจรจาหนังใหญใ่ หก้ บั คณาจารย์ นักศกึ ษามหาวทิ ยาลยั เกษม
บณั ฑติ

ชมุ ชนคณะหนังใหญว่ ดั ขนอน อําเภอโพธาราม นับเป็ น
คณะหนังใหญล่ ําดบั แรกของประเทศไทย ทไี่ ดร้ ับการการ
กลา่ วถงึ มากทสี่ ดุ ชมุ ชนหนังใหญแ่ หง่ นกี้ ลายเป็ นแหลง่
ทอ่ งเทย่ี วเชงิ วฒั นธรรมระดบั ภาค แมก้ ระทงั่ คําขวญั ของจงั หวดั
ยงั มชี อื่ วดั ขนอนหนังใหญ่ ปรากฏชดั เจน “คนสวยโพธาราม คน
งามบา้ นโป่ ง เมอื งโอง่ มงั กร วดั ขนอนหนังใหญ่ ตนื่ ใจถ้ํางาม
ตลาดน้ําดําเนนิ เพลนิ คา้ งคาวรอ้ ยลา้ น ยา่ นยส่ี กปลาดี ” ทงั้ นี้
สว่ นหนงึ่ เกดิ จากพลงั ความเขม้ แข็ง ของผคู ้ นในชมุ ชนทช่ี ว่ ยกนั
รักษาสบื สาน เป็ นกรณีศกึ ษาทสี่ ําคญั ในการปรับกลยทุ ธก์ าร
พัฒนาหรอื การฟื้นฟกู บั ชมุ ชนหนังใหญแ่ หลง่ อน่ื

162

ในอดตี หนังใหญ่ คณะ วดั พลบั พลาชยั จงั หวดั

เพชรบรุ ี ของหลวงพอ่ ฤทธ์ิ ศษิ ยข์ รัวอนิ โขง่ อดตี เจา้ อาวาส มี

ชอื่ เสยี งโดง่ ดงั “..หนังใหญข่ องหลวงพอ่ ฤทธ์ิ เคยแสดงตอ่ หนา้

พระทน่ี ่ังในสมยั พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั

รัชกาลท่ี ๕ ครัง้ มาประทบั ทพ่ี ลบั พลา ณ วงั บา้ นปืน ขณะนัน้ ยงั

สรา้ งไมเ่ สร็จ ซง่ึ ตรงกบั วนั ที่ ๘ ตลุ าคม พ.ศ.๒๔๕๓ ชว่ ง

กลางคนื มมี หรพคอื หนงั ใหญ่ วดั พลบั พลาชยั ๑ โรง , หนัง

ตะลงุ ๑ โรง, ละครตลก ๑ โรง, ละครชาตรี ๑ โรง มจี ดุ ดอกไม ้

เพลงิ จดุ พลุ การแสดงหนังใหญใ่ นคนื นัน้ แสดงตอนพระรามลง

สรง..” ( ไหวค้ รหู นังใหญ่ วดั พลบั พลาชยั : บทความของ

ผเู ้ ขยี น) และปัจจบุ นั กลมุ่ ลกู ระนาด โดย ครนู อ้ ย- อภเิ ชษฐ์

เทพครี ี ไดเ้ รมิ่ ตน้ ฟ้ืนฟใู หห้ นังใหญค่ นเพชรมชี วี ติ อกี ครัง้

จงั หวดั ระยองมแี หลง่ ชมุ ชนหนังใหญว่ ดั บา้ นดอน ตําบล
เชงิ เนนิ อําเภอเมอื ง เป็ น ๑ ใน ๓ วดั ทฟี่ ื้นฟชู วี ติ ใหห้ นังใหญไ่ ด ้
สําเร็จผล ตามประวตั เิ ลา่ ขานกนั วา่ หนังใหญช่ ดุ นสี้ ว่ นหนงึ่
เดนิ ทางขา้ มนํ้าขา้ มทะเลมาจากเมอื งพัทลงุ มพี ระยาศรสี มทุ ร
โภค ชยั โชตสิ งคราม (เกตุ ยมจนิ ดา) เจา้ เมอื งระยองในขณะนัน้
เป็ นผอู ้ ปุ ภมั ป์ ครปู ระดษิ ฐ์ เป็ นครหู นังใหญค่ นแรก เดมิ คณะอยทู่ ่ี
วดั จันทอดุ ม หรอื วดั เกง๋ เมอ่ื ใชส้ ถานทว่ี ดั ฯจัดสรา้ งโรงพยาบาล
ระยอง ตวั หนังใหญท่ งั้ หมดจงึ ยา้ ยมาอยวู่ ดั บา้ นดอน จนถงึ
ปัจจบุ นั

163

กรงุ เทพมหานคร เมอื งหลวงของประเทศไทยและ
ศนู ยก์ ลางแหง่ กรงุ รัตนโกสนิ ทร์ มหี นังใหญท่ ข่ี นานนามกนั วา่
หนังใหญ่ “ชดุ พระนครไหว” เพราะเป็ นตวั หนังทม่ี ลี วดลาย สสี นั
งดงาม เป็ นทเ่ี ลอื่ งลอื ไปทวั่ พระนคร สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ
เจา้ ฟ้ากรมพระยานรศิ รานุวดั ตวิ งศ์ มลี ายพระหตั ถ์ กราบทลู
สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดํารง ราชานุภาพ ลงวนั ที่
๒๔ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ วา่ “...เกลา้ กระหมอ่ มสงั เกตเห็น
ทว่ งทคี ลา้ ยรปู ภาพ ฝีมอื อาจารยใ์ จ ซง่ึ เป็ นหลวงพรหมพจิ ติ รเขา้
ไปมาก อาจารยใ์ จผนู ้ เ้ี ป็ นชา่ งเขยี น คอื ผทู ้ เ่ี ขยี นหนังพระนคร
ไหว ซง่ึ ลํา่ ลอื กนั มากนัก...” หลงั จากกรมมหรสพถกู ยบุ ไปรวมใน
กระทรวงวงั หนังพระนครไหวไดถ้ กู นําไปเก็บไวใ้ นโรงละครของ
กรมศลิ ปากร และเมอื่ วนั ท่ี ๙ พฤศจกิ ายน ๒๕๐๓ เกดิ เพลงิ ไหม ้
โรงละคร กลา่ วกนั วา่ ทําใหห้ นังใหญท่ เี่ ก็บไวไ้ หมเ้ สยี หายและ
สญู หายไป เหลอื เพยี งไมก่ ต่ี วั ซงึ่ อยใู่ นสภาพทช่ี าํ รดุ มากไม่
สามารถใชก้ ารได ้ ตอ่ มามหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ รว่ มกบั
ภาคเอกชนไดใ้ หค้ วามรว่ มมอื และสนับสนุนโครงการอนุรักษ์หนัง
ใหญข่ องกรมศลิ ปากร โดยการซอ่ มแซมตวั หนังเดมิ และสรา้ งตวั
หนังใหมข่ นึ้ ทําใหส้ ามารถฟ้ืนฟกู ารแสดงหนังใหญท่ ส่ี มบรู ณ์ได ้
อกี ครัง้

วดั อนิ ทารามวรวหิ าร เป็ นวดั อกี แหง่ หนงึ่ ทม่ี ปี ระวตั ิ

เกยี่ วขอ้ งกบั การแสดงหนังใหญส่ มยั ธนบรุ ี โดยในพงศาวดาร

สมยั กรงุ ธนบรุ ี ระบวุ า่ “..เมอื่ พทุ ธศกั ราช ๒๓๑๘ สมเด็จพระเจา้

กรงุ ธนบรุ ี เสด็จกลบั จากพระราชสงครามทเี่ มอื งสระบรุ ี ไดโ้ ปรด

ใหส้ รา้ งเมรทุ วี่ ดั อนิ ทาราม (คอื วดั อนิ ทารามวรวหิ าร หรอื บางย่ี

เรอื นอก ในปัจจบุ นั ) เพอื่ ถวายพระเพลงิ พระศพสมเด็จพระราช

ชนนใี ชเ้ วลาสรา้ งอยถู่ งึ ๒ เดอื น … มกี ารละเลน่ มหรสพตา่ ง ๆ

กนั คอื กลางคนื มโี ขน ๒ โรง โรงงว้ิ ๓ โรง เทพทอง ๒ โรง รํา

164

หญงิ ๔ โรง หนังกลางวนั ๒ โรง หนุ่ ญวน ๑ โรง หนุ่ ลาว ๒ โรง
กลางคนื หนังใหญ่ ๓ โรง หนังใหญร่ ะหวา่ งชอ่ งระทา ๑๐ โรง

หนังจนี ๒ โรง ..” จากพงศาวดารพบคําทหี่ มายถงึ หนังใหญ่
ไดแ้ ก่ หนังกลางวนั หมายถงึ หนังใหญท่ แ่ี สดงในชว่ งเวลา
กลางวนั หนังใหญห่ มายถงึ หนังใหญท่ ใี่ ชแ้ สดงตอนกลางคนื
หนังใหญร่ ะหวา่ งชอ่ งระทาน่าจะหมายถงึ หนังใหญข่ นาดยอ่ มลง
มา ใชแ้ สดงในระหวา่ งชอ่ งระทาไฟ และนอกจากนัน้ ยงั มคี ําวา่

หนังจนี ปรากฏอยดู่ ว้ ย

ในสว่ นหน่วยงานของกระทรวงวฒั นธรรม ไดแ้ กก่ รม
ศลิ ปากร เคยจดั แสดงนทิ รรศการหนังใหญเ่ มอ่ื เดอื นตลุ าคม

๒๕๕๔ ณ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร โดยนําหนังใหญ่
“ชดุ พระนครไหว” มาจดั แสดงสสู่ าธารณะชน

สานกั การสงั คตี กรมศลิ ปากร ไดจ้ ดั การแสดงหนัง

ใหญ่ เบกิ หนา้ พระ เบกิ โรงหนงั ใหญจ่ นถงึ จบั ลงิ หวั คา่ ใน

งานพระราชพธิ พี ระราชทานเพลงิ พระศพสมเด็จพระเจา้ ภคนิ เี ธอ

เจา้ ฟ้าเพชรรัตนราชสดุ า สริ โิ สภาพัณณวดี เมอ่ื เดอื น

ตลุ าคม ๒๕๕๕

นอกจากนี้ศนู ยว์ ฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั เกษมบณั ฑติ
โดยอาจารยช์ นะ กรํ่ากระโทก ไดส้ นับสนุนสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารเรยี นรู ้
จาก ครสู มพร เกตแุ กว้ ศลิ ปินดเี ดน่ ประจําจงั หวดั

165

สมทุ รสงคราม ผเู ้ ชย่ี วชาญทางการเชดิ หนังใหญ่ และจดั แสดง
หนังใหญม่ าอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง นับเป็ นสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชน
ตน้ แบบทใี่ หค้ วามสําคญั กบั ศลิ ปะการแสดงไทยอยา่ งจรงิ จัง

จากขอ้ มลู ขา้ งตน้ จะพบวา่ เรอ่ื งราวหนังใหญใ่ นอดตี จนถงึ
ปัจจบุ นั มกี ระจายอยใู่ นชมุ ชนทวั่ ภาคกลาง อยา่ งนอ้ ย ๓๔ ชมุ ชน
๙ จังหวดั

166

167

ชมุ ชนทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั หนงั ใหญ่

โดยกําหนดชมุ ชน และพนื้ ที่ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั หนังใหญ่
กอ่ นการสํารวจภาคสนาม ตามขอ้ มลู อา้ งองิ และคน้ พบเบอ้ื งตน้
จากเอกสารและคําบอกเลา่ ใน ๙ จงั หวดั ๓๔ ชมุ ชนดงั น้ี

กรงุ เทพมหานคร
๑.วดั อนิ ทารามวรวหิ าร (บางยเ่ี รอื นอก)
๒.สํานักการสงั คตี กรมศลิ ปากร
๓.พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร
๔.คลงั พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ
๕.ศนู ยว์ ฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั เกษมบณั ฑติ

พระนครศรอี ยธุ ยา
๖.วดั กษัตราธริ าช อ.พระนครศรอี ยธุ ยา
๗.วดั พระญาตกิ าราม อ.พระนครศรอี ยธุ ยา
๘.วดั ตะกู อ.บางบาล
๙.วดั โคกเสอื อ.เสนา
๑๐.คณะหนังใหญค่ รวู น เกดิ ผล อ.บางบาล
๑๑.แหลง่ คน้ พบพระปรหุ นัง อยธุ ยา (ศลิ ปะ
เทยี บเคยี งหนังใหญ)่

ลพบรุ ี

๑๒.วดั ตะเคยี น อ.เมอื งลพบรุ ี

๑๓.วดั สําราญ อ.เมอื งลพบรุ ี

๑๔.พพิ ธิ ภณั ฑสถาน ฯ สมเด็จพระนารายณ์

๑๕.บา้ นดาบโกง่ ธนู อ.เมอื ง

168

สงิ หบ์ รุ ี
๑๖.วดั ตกึ ราชา อ.เมอื ง
๑๗.วดั สวา่ งอารมณ์ อ.เมอื ง
๑๘.วดั ประศกุ อ.อนิ ทรบ์ รุ ี
๑๙.วดั เชดิ หนัง อ.อนิ ทรบ์ รุ ี
๒๐.พพิ ธิ ภณั ฑแ์ หง่ ชาตอิ นิ ทรบ์ รุ (ี วดั โบสถ์ พระ

อารามหลวง)

อา่ งทอง

๒๑.วดั บา้ นอฐิ อ.เมอื ง

๒๒.ชมุ ชนหนังใหญเ่ มอื งอา่ งทอง (ลกู หลาน

ศลิ ปินหนังใหญ่ ครคู รา้ ม,ครคู ลา้ ย,ครกู รด,

ครลู ะมอ่ ม,ครลู ํา่ ไตรนาว,ี แมส่ งั วาลย์ ชา้ งงาม)

๒๓.พพิ ธิ ภณั ฑห์ นังใหญ่ ครวู รี ะ มเี หมอื น สามโก ้

๒๔.บา้ นเอกราช ป่ าโมก (แหลง่ ซอื้ หนัง)

สมทุ รสงคราม

๒๕.วดั บางนอ้ ย อ.บางคนฑี

๒๖.บา้ นครสู งัด ใจพรหม อ.บางคนฑี

๒๗.วดั ภมุ รนิ ทรก์ ฎุ ที อง อ.อมั พวา

๒๘.วดั ราษฏรบ์ รู ณะ อ.อมั พวา

๒๙.ชมุ ชนชา่ งหนังใหญค่ รดู ี (บดิ าหมนื่ ไพเราะ

พจมาน)

๓๐.บา้ นพญาซอ ครสู มพร เกตแุ กว้ อ.บางคนฑี

169

ราชบรุ ี
๓๑.วดั ขนอน อ.โพธาราม

เพชรบรุ ี
๓๒.วดั พลบั พลาชยั อ.เมอื ง

ระยอง
๓๓.วดั บา้ นดอน อ.เมอื ง
๓๔.วดั จนั ทอดุ ม (วดั เกง๋ ) อ.เมอื ง

หลงั จากสํารวจภาคสนาม มกี ารปรับหมวดหมชู่ มุ ชนใหม่
พนื้ ทห่ี ลกั พน้ื ทร่ี อง ทม่ี เี รอื่ งราวเกยี่ วขอ้ งในแตล่ ะจังหวดั และ
ตามสภาพความเป็ นจรงิ ทงั้ นเ้ี พอื่ งา่ ยตอ่ การศกึ ษารวบรวม โดย
ยงั คงพน้ื ทไี่ วท้ ่ี ๙ จงั หวดั ในชว่ งเวลาตงั้ แตต่ น้ รัตนโกสนิ ทร์
จนถงึ ปัจจบุ นั (พ.ศ.๒๕๕๗) เชน่ เดมิ ดงั นี้

170

กรงุ เทพมหานคร
 หนังใหญพ่ ระนคร24 ประกอบดว้ ย
o หนังใหญว่ งั หลวง-วงั หนา้ “จากกรมมหรสพสกู่ รม
ศลิ ปากร”
o สลกั หนิ ออ่ นจากตวั หนังอยธุ ยา ๑๕๒ ภาพ รอบ
พระอโุ บสถวดั พระเชตพุ นฯ
 หนังใหญม่ หาวทิ ยาลยั เกษมบณั ฑติ

พระนครศรอี ยธุ ยา
 หนังใหญว่ ดั ตะกู บางบาล
 หนังใหญค่ รวู น บางบาล
 หนังใหญว่ ดั พระญาตกิ าราม
 หนังใหญว่ ดั กษัตราธริ าชวรวหิ าร
 ครแู ข พยฆั คนิ
 ครปู ่ นุ เวชาคม
 หมอ่ มราชวงศจ์ รญู ศกั ดิ์ ศขุ สวสั ดิ

อา่ งทอง
 หนังใหญว่ ดั บา้ นอฐิ
 พพิ ธิ ภณั ฑ-์ ครวู รี ะ มเี หมอื น

สงิ หบ์ รุ ี
 หนังใหญว่ ดั สวา่ งอารมณ์

และพน้ื ทรี่ อง ทม่ี เี รอื่ งราวเกยี่ วขอ้ งอาทิ วดั เชดิ หนัง, วดั
ประศกุ , พพิ ธิ ภณั ฑส์ ถานแหง่ ชาตอิ นิ ทรบ์ รุ ,ี วดั ตกึ ฯ

24 ชื่อเฉพาะงานวจิ ยั ต้งั ข้ึนมาใหม่เพื่อใชก้ าหนดขอบเขตในการศึกษาหนงั ใหญ่ใน
กรุงเทพมหานคร

171

ลพบรุ ี
 หนังใหญว่ ดั โบสถ์ โกง่ ธนู
 หนังใหญว่ ดั ตะเคยี น
 หนังใหญว่ ดั สําราญ

และพน้ื ทร่ี อง ทมี่ เี รอื่ งราวเกยี่ วขอ้ งอาทิ พพิ ธิ ภณั ฑสถาน
แหง่ ชาติ สมเด็จนารายณ์มหาราช

ราชบรุ ี
 หนังใหญว่ ดั ขนอน โพธาราม

และพน้ื ทรี่ อง วดั คงคาราม โพธาราม

สมทุ รสงคราม
 หนังใหญว่ ดั บางนอ้ ย บางคนฑี
 พพิ ธิ ภณั ฑ,์ ครสู งัด ใจพรหม
 หนังใหญค่ รดู ,ี วดั ราษฎรบ์ รู ณะ
 ครสู มพร เกตแุ กว้

และพนื้ ทรี่ อง ทมี่ เี รอื่ งราวเกย่ี วขอ้ งอาทิ วดั ภมุ รนิ ทรก์ ฏุ ี
ทอง, อทุ ยานรัชกาลท่ี ๒

เพชรบรุ ี
 หนังใหญว่ ดั พลบั พลาชยั

ระยอง
 หนังใหญว่ ดั บา้ นดอน

และพนื้ ทร่ี อง ทมี่ เี รอ่ื งราวเกย่ี วขอ้ งอาทิ วดั เกง๋ หรอื วดั
จนั ทรอดุ ม

172

จากมหรสพหลวง สมู่ หรสพราษฎร์

จากหลกั ฐานทป่ี รากฏนัน้ หนังใหญเ่ รม่ิ ตน้ จากการเป็ น
มหรสพหลวงตงั้ แตค่ รัง้ อยธุ ยา มาจนถงึ รัตนโกสนิ ทรต์ อนตน้
สรา้ งสรรคถ์ า่ ยทอดเรยี นรแู ้ ละจัดแสดงโดยความดแู ลของหลวง
หรอื ราชสํานัก ทอี ยใู่ นราชปู ภมั ป์ ของพระมหาษัตรยิ ์ ตอ่ มาจงึ ได ้
ถา่ ยทอดไปสชู่ มุ ชนชาวบา้ นหรอื ราษฎร ภายใตก้ ารอปุ ภมั ภข์ อง
วดั ทมี่ สี มภารเจา้ อาวาสเป็ นศนู ยร์ วมศรัทธาบารมี และบา้ นของ
คหบดผี มู ้ ฐี านะกําลงั คน หรอื บา้ นศลิ ปิน มโี ตโ้ ผหรอื หวั หนา้ คณะ
ทเี่ ขา้ ใจทงั้ ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ คอื รรู ้ ะบบการจดั การคนขา้ วของและ
ศลิ ป์ คอื รจู ้ กั กระบวนการแสดงหนังใหญไ่ ดเ้ ป็ นอยา่ งดี

แมห้ นังใหญ่ ไดก้ ระจายตวั มาสชู่ มุ ชนชาวบา้ น แตห่ ากมี
งานพระราชพธิ สี ําคญั ใด หนังใหญร่ าษฎก์ ็จะไดไ้ ปรว่ มการแสดง
ในงานมหรสพหลวงดว้ ย จงึ เป็ นกระจายออกมาเพอื่ กลบั ไป
เกอ้ื หนุน พงึ่ พาเกอ้ื กลู กนั
หนงั ใหญร่ าษฏร์ กระจายในชมุ ชนจงั หวดั ภาคกลาง
ตอนลา่ งของประเทศไทย

ดว้ ยศนู ยก์ ลางการปกครองหรอื เมอื งหลวงของประเทศ
ไทยครัง้ อยธุ ยาจนถงึ รัตนโกสนิ ทรต์ งั้ อยบู่ รเิ วณภาคกลาง
ตอนลา่ ง ชมุ ชนหนังใหญข่ องชาวบา้ น จงึ อยใู่ นบรเิ วณนเ้ี กอื บ
ทงั้ หมด ไดแ้ กจ่ ังหวดั กรงุ เทพมหานคร พระนครศอี ยธุ ยา
อา่ งทอง สงิ หบ์ รุ ี ลพบรุ ี สมทุ รสงคราม ราชบรุ ี เพชรบรุ ี และ
ระยอง เป็ นทนี่ ่าสงั เกตวา่ ถงึ แมจ้ ังหวดั ระยองจังหวดั เดยี วทไ่ี มไ่ ด ้
อยใู่ นบรเิ วณภาคกลางตอนลา่ ง แตม่ ชี มุ ชนหนังใหญท่ สี่ บื ทอด
มาเป็ นระยะเป็ นรอ้ ยปี เมอ่ื ศกึ ษาประวตั จิ ะพบวา่ ทงั้ วธิ กี ารแสดง
และตวั หนังไดร้ ับสบื ทอดถา่ ยทอดมาจากอยธุ ยา

173

174

ประวตั คิ วามเป็ นมาหนงั ใหญ่

แผนภมู ิ บรบิ ทหนงั ใหญ่ ตามแนวคดิ “เตยี ว” ของผเู้ ขยี น

175

ศลิ ปการแสดงหนังใหญ่ จากในอดตี สง่ ผลมาถงึ ปัจจบุ นั
นัน้ ถกู สลกั เสลาขดั เกลาจากสภาพสงั คมและวฒั นธรรมแบบ
ไทยๆ ทมี่ คี วามโดดเดน่ ในการผกู มดั ทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งกนั จนเป็ น
เกลยี วกลม หรอื ในทน่ี จี้ ะเรยี กวา่ “เตยี ว” 25 ซง่ึ เป็ นหลกั ปักแน่น

25 เตยี ว หรอื เกลยี ว หมายถงึ การผกู มดั มาจากการแสดงหนังใหญช่ ว่ งเบกิ
โรง ตอนจับลงิ หวั คํา่ ลงิ ขาวจับลงิ ดํา(มดั )เตยี วไปใหพ้ ระฤาษี
ทัง้ นผี้ เู ้ ขยี นมแี นวคดิ วา่ กระบวนการคดิ ของคนโบราณยอ่ มเกดิ จาก
ภมู ปิ ัญญาทสี่ ง่ั สมมาจากประสบการณห์ รอื สงิ่ ทอ่ี ยรู่ อบๆตวั แตค่ นรนุ่ ตอ่ มามกั
นําทฤษฏวี ธิ คี ดิ ของคนสมัยใหม่ หรอื วธิ คี ดิ แบบโลกตะวนั ตก มาครอบหรอื ตี
ขลมุ การสรา้ งสรรคง์ านศลิ ปะของศลิ ปินในอดตี
ดงั นัน้ การศกึ ษาเรอื่ งหนังใหญ่ กค็ วรมแี นวทฤษฎเี ฉพาะเพอื่ เป็ นแนว
ทางการวเิ คราะหใ์ นทศิ ทางเดยี วกนั เนอ้ื เดยี วกนั และอาจเป็ นทฤษฏที ่ี
นําไปใชป้ ระโยชนก์ บั ศลิ ปการแสดงไทยแขนงอนื่ ไดอ้ กี ดว้ ย
แนวคดิ จากคําวา่ “เตยี ว” ในการแสดงหนังใหญ่
เตยี ว มที มี่ าจากการแสดงหนังใหญ่ ชดุ เบกิ โรง เรอ่ื งจับลงิ หวั คํา่ ใน
ตอนทา้ ยของเรอ่ื ง ลงิ ขาวได ้ เตยี ว ผกู มัดลงิ ดําไปใหฤ้ าษีตดั สนิ และสอนธรรม
มะ
คําวา่ เตยี ว มคี วามหมายถงึ ผกู ไวร้ วมกนั หรอื มคี วามหมายเดยี วกบั
คําวา่ เกลยี ว สามัคคกี ลมเกลยี ว
หลกั ใหญข่ องการแสดงหนังใหญค่ อื รวมศาสตรศ์ ลิ ป์ หลายแขนงมา
ไวร้ วมกนั การผกู รวมกนั มอี ยใู่ นงานศลิ ปะและวถิ ชี วี ติ ไทย อาทิ ผกู รวมเพลง
ไวด้ ว้ ยกนั เรยี กวา่ เพลงเรอ่ื ง ผกู หนังสอื ไวใ้ หเ้ ป็ นหมวกหมู่ ก็เรยี กวา่ หนังสอื
ผกู เป็ นตน้
หนังใหญไ่ มไ่ ดผ้ กู เฉพาะงานศลิ ป์ แตย่ งั ผกู คนเลน่ ทม่ี คี วามรู ้
ความสามารถตา่ งกนั ใหม้ ารวมกนั ผกู ลทั ธคิ วามเชอื่ ผพี รามหมณ์พทุ ธอยู่
ดว้ ยกนั แกน่ ทเ่ี ชอ่ื มกนั ไวค้ อื ความดี ความศรัทธา มคี วามเชอื่ ศรัทธาตอ่ ผมู ้ ี
พระคณุ ครบู าอาจารย์ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ ผกู ปรัชญาสงิ่ ทมี่ องเห็นและ
มองไมเ่ ห็นไวด้ ว้ ยกนั “เมอื่ มแี สงแหง่ ปัญญายอ่ มมองเห็นตวั ตนผา่ นเงา”

176

ใหเ้ กดิ ความสามคั คปี รองดอง หากจะสรา้ งสรรคง์ านศลิ ปะขน้ึ มา
กจ็ ะทําไดอ้ ยา่ งลงตวั คอื ไดส้ าระบนั เทงิ ควบคกู่ นั
ดว้ ยพน้ื ฐานสงั คมวถิ เี กษตร ทอ่ี าศยั ปัจจัยธรรมชาตอิ าทิ
ดนิ นํ้าลมฟ้าอากาศ แสงอาทติ ย์ เป็ นตน้ โดยปลกู พชื เลย้ี งสตั ว์
แบบพอเพยี ง ชว่ ยกนั เพาะปลกู ดแู ลและเก็บเกย่ี วพชื ผลตาม
ฤดกู าล เมอ่ื ไดผ้ ลติ ผลกเ็ ผอื่ แผแ่ บง่ ปันแลกเปลยี่ นซอ้ื ขาย เป็ น
บา้ นครอบครัวใหญม่ ที งั้ ป่ ยู า่ ตายาย ลงุ ป้านา้ อา อยดู่ ว้ ยกนั อยา่ ง
อบอนุ่ เมอื่ ยามวา่ งจากการงานก็รวมตวั กนั สรา้ งสรรคง์ านกศุ ล
เหนอื่ ยหนักพักเมอื่ ยก็รอ้ งรําทําเพลง ดมู หรสพตามโอกาส
ศนู ยร์ วมใจชมุ ชนทใี่ กลส้ ดุ คอื วดั มสี มภารเจา้ อาวาสเป็ น
ศนู ยรวมศรัทธา วดั จงึ เป็ นเหมอื นตกั ศลิ าใหค้ วามรทู ้ างโลกทาง
ธรรม เป็ นทอี่ าศยั คลายรอ้ นกายรอ้ นใจ บําบดั โรครา้ ยภายในและ
ภายนอก พน้ื ทพี่ ธิ กี รรม เกดิ แก่ เจ็บ ตาย รวมถงึ การละเลน่
ประเพณี และมหรสพ ไดร้ ว่ มทกุ ขร์ ว่ มสขุ เสมอื นเป็ นผา้ ผนื
เดยี วกบั บา้ นชมุ ชน และเมอ่ื ชมุ ชนหลายๆ แหง่ มคี วามเหมอื นกนั
เชอื่ มโยงสมั พันธก์ นั จนรวมตวั กนั เป็ นปึกแผน่ ขนาดใหญ่ เป็ น
สถาบนั ชาติ ทอ่ี ยเู่ คยี งขา้ งสถาบนั ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ์
แมค้ นไทยสว่ นใหญจ่ ะนับถอื ศาสนาพทุ ธ แตม่ ใิ ชพ่ ทุ ธ
เครง่ ครัดปฏบิ ตั ิ ยงั มวี ถิ คี วามเชอื่ ดงั้ เดมิ อน่ื สบื เนอื่ งกนั มา อยา่ ง
เรอ่ื ง “ผ”ี ผบี รรพบรุ ษุ ป่ ยู า่ ตายาย ผเี จา้ ท่ี เจา้ ป่ าเจา้ เขา ผคี รู
มนุษย์ ผคี รเู ทพฯลฯ รวมถงึ ยงั ประกอบพธิ กี รรม เชอ่ื โหราศาสตร์
ฯ และเทพเจา้ อยา่ ง พระพรหม พระอศิ วร พระนารายณ์ฯลฯแบบ
พราหมณ์ทส่ี ว่ นใหญไ่ ดแ้ พรก่ ระจายมาจากวงั คตคิ วามเชอื่ พระ
ราชพธิ ี ในสถาบนั พระมหากษัตรยิ ร์ ะบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์
ภายใตค้ ตนิ ยิ มวา่ พระมหากษัตรยิ เ์ ป็ นเสมอื นพระนารายณ์อวตาร
ลงมาดบั เข็ญ เชน่ เดยี วกบั การอวตารของพระราม ในวรรณกรรม
เรอ่ื งรามเกยี รติ์

177

หนังใหญ่ ไมไ่ ดเ้ ป็ นแคศ่ ลิ ปะการแสดงทย่ี งิ่ ใหญ่ หรอื
มหรสพหลวงในพระราชปู ถมั ป์ ของพระมหากษัตรยิ เ์ ทา่ นัน้ แต่
หนังใหญย่ งั เป็ นเครอื่ งมอื สอ่ื สารของพระเจา้ แผน่ ดนิ ไปสพู่ สก
นกิ ร และเป็ นมหรสพอศั จรรยท์ ผ่ี คู ้ นทกุ ชมุ ชน ทกุ สถาบนั ได ้
ชว่ ยกนั สรา้ งสรรคแ์ ละชนื่ ชมรว่ มกนั มาอยา่ งตอ่ เนอื่ งยาวนาน

หนงั ใหญม่ หรสพหลวงในวงั
เป็ นราชูปโภค ราชูปถมั ป์ พระเจา้ แผน่ ดนิ

หนังใหญเ่ ป็ นมหรสพหลวงทอี่ ยใู่ ตร้ าชปู ถมั ป์ และเป็ น
ราชปู โภคของพระมหากษัตรยิ ม์ าอยา่ งยาวนานมพี ราหมณ์
ราชครเู ป็ นเสมอื นทป่ี รกึ ษา สว่ นทหารเหลา่ สงั กดั กรมวงั กรม
มหาดเล็ก หรอื กรมมหรสพ มหี นา้ ทใี่ นการแสดงหนังใหญ่ โดยมี
จดุ มงุ่ หมายหลกั คอื เป็ นมหรสพทแ่ี สดงยอยศเฉลมิ พระเกยี รต์ิ
ของพระเจา้ แผน่ ดนิ ในฐานะสมมตุ เิ ทพ เฉกเชน่ เดยี วกบั พระ
นารายณ์อวตารมาเกดิ เป็ นพระราม ในเรอ่ื งรามเกยี รติ์ แตย่ งั มนี ัย
ยะสําคญั หลายประการทแ่ี ฝงอยคู่ อื หนังใหญเ่ ป็ นเครอื่ งมอื
สอ่ื สาร สาระบนั เทงิ ของพระราชากบั พสกนกิ ร และเป็ นการ
ฝึกซอ้ มกําลงั พลใหเ้ กดิ ความสามคั คแี ละเรยี นรวู ้ ชิ าพชิ ยั สงคราม
จากการแสดงสรู ้ บจับตวั หนังใหญ่

สมยั สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็ นยคุ ทหี่ นังใหญเ่ ฟ่ือง
ฟู พระองคท์ า่ นมพี ระราชประสงคเ์ ป็ นพทุ ธบชู า พระราชนพิ นธ์
เรอ่ื งสมทุ รโฆษคําฉันทข์ นึ้ มาแสดงหนังใหญ่ นัยวา่ เป็ นเครอ่ื งมอื
สอ่ื สารทางการเมอื งกบั พสกนกิ รวา่ พระองคท์ า่ นมเี ลอ่ื มใสในบวร

178

พทุ ธศาสนาอยา่ งเต็มเป่ียม ลว่ งมาถงึ ปัจจบุ นั กย็ งั ไมม่ ผี ใู ้ ดสาน
ตอ่ ความตงั้ ใจยง่ิ ใหญข่ องพระองคท์ า่ น

บทความเรอ่ื งหนังใหญข่ อง เจนจริ า เบญจพงศ์
กลา่ ววา่ หนังใหญม่ กั เลน่ เรอื่ ง รามเกยี รต์ิ และมคี วามสมั พันธ์
ใกลช้ ดิ กบั โขน บางทา่ นวา่ เป็ นตน้ กําเนดิ ของโขน เพราะ
เมอ่ื กอ่ นโขนเลน่ กลางแจง้ และมจี อหนังอยดู่ า้ นหลงั เป็ น
ขนบธรรมเนยี ม ดงั โบราณเรยี ก “โขนตดิ หนัง” คนเตน้ หนังปกติ
อยหู่ ลงั จอจงึ เกดิ เงา ตอ่ มาราชสํานักคดิ ใหค้ นเตน้ ออกมาเตน้
หนา้ จอ แลว้ เรมิ่ แตง่ ตวั ใหเ้ หมอื นตวั หนัง ทําทา่ รําตอ่ สผู ้ ดิ
ธรรมชาตเิ ลยี นแบบหนัง แตโ่ ขนไมไ่ ดม้ าจากหนังเพยี งอยา่ ง
เดยี ว เพราะพัฒนามาจากการละเลน่ ตา่ งๆ ทมี่ อี ยกู่ อ่ นรวมเขา้
ดว้ ยกนั เชน่ ระบํา รําเตน้ ชกั นาคดกึ ดําบรรพ์ ฯลฯ26

หนงั ใหญอ่ ปุ รากรสอนธรรม
ทส่ี มภารวดั อปุ ถมั ป์

เมอื่ หนังใหญม่ หรสพหลวงในรัว้ ในวงั ไดแ้ พรก่ ระจาย
มาถงึ สวู่ ดั ภายใตก้ ารอปุ ถมั ป์ สนับสนุนของสมภารหรอื เจา้ อาวาส
ทกุ อยา่ งดแู ทบไมแ่ ตกตา่ งจากเดมิ มแี ตก่ ารเพมิ่ เตมิ แทรกธรรม
มะเขา้ ไปในกระบวนการสรา้ งสรรคแ์ ละการแสดงอยา่ งแยบคาย
หลวงพอ่ ฤทธ์ิ อดตี เจา้ อาวาสวดั พลบั พลาชยั เพชรบรุ ี เป็ นทงั้ ครู
ชา่ งเมอื งเพชรและเป็ นเกจอิ าจารยท์ ม่ี ชี อื่ เสยี งโดง่ ดงั มากในชว่ ง
26 เจนจริ า เบญจพงศ,์ หนังใหญ่ สวุ รรณภมู สิ โมสร สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ ฉบบั
วันท่ี ๑๙ – ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔. แหลง่ ท่ีมาhttp://www.sujitwongthes.com

179

สมยั รัชกาลท่ี ๕ ไดใ้ ชง้ านสลกั ตวั หนังในการสอนธรรมแกศ่ ษิ ย์
ฝึกใหใ้ ชค้ วามเพยี ร ความอดทน สมาธิ แมแ้ ตก่ ารตอกหนังแตล่ ะ
ครัง้ ใหก้ ําหนดจติ ภาวนา งานตวั หนังทส่ี ําเร็จจงึ ไมใ่ ชค่ วาม
สวยงามทเ่ี ห็นดว้ ยตา แตเ่ ป็ นเพราะชา่ งไดส้ ลกั หรอื ตอกจติ
วญิ ญาณตรงึ ไวก้ บั ตวั หนัง ยามเมอื่ หนังโลดแลน่ จงึ มแี สงเงา
ภายในทล่ี อดเขา้ ไปสรา้ งความอมิ่ เอบิ กลางใจผชู ้ ม เหมอื นกบั วา่
ตวั หนังเคลอ่ื นไหวอยา่ งมชี วี ติ มคี วามขลงั และไดส้ ง่ ตอ่ พลงั
ไปสวู่ รรณกรรมเรอื่ งสนั้ สดี า ของครมู านัส จรรยงค์ ราชาเรอ่ื งสนั้
ทมี่ บี า้ นตดิ กบั วดั พลบั พลาชยั

ไมต่ า่ งจากการการสอนธรรมมะผา่ นตวั ละครหนังใหญ่
ของหลวงพอ่ เรอื ง อดตี เจา้ อาวาสวดั สวา่ งอารมณ์ สงิ หบ์ รุ ี ทคี่ รู
พศิ ภมู จิ ติ รมนัส อดตี รักษาการประธานชมรมอนุรักษ์หนังใหญ่
วดั สวา่ งอารมณ์ (เมอื่ พ.ศ.๒๕๔๗) กลา่ ววา่ “เสน่หข์ องหนังใหญ่

คอื เป็ นอปุ กรณ์กง่ึ พธิ กี รรม เพราะการชมหรอื ดหู นังใหญน่ ้ี มอง
ลกั ษณะไปถงึ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ศลี ธรรม อทิ ธบิ าท ๔ เชน่

ฉันทะ คอื พระราม วริ ยิ ะ คอื พระลกั ษณ์ จติ ตะ คอื หนุมาน
วมิ งั สา คอื พเิ ภก ตวั ละครเหลา่ นม้ี คี ณุ ธรรมอยู่ จะทํางานอะไรก็
สําเร็จ น่ันก็สอดคลอ้ งกบั เจตนาของหลวงป่ เู รอื งทว่ี า่ ตอ้ งการให ้
หนังใหญเ่ ป็ นอปุ กรณ์ในการสอนธรรมะ”27

สําหรับในประเทศอนิ เดยี นัน้ เรอื่ งของพระรามไมไ่ ดเ้ ป็ น
เพยี งนทิ านทเ่ี ลา่ กนั ฟังสนุกๆ หรอื ไวใ้ ชเ่ ลน่ แสดงโขนละครอยา่ ง
ในเมอื งไทยเทา่ นัน้ แตถ่ อื กนั วา่ เป็ นเรอ่ื งศกั ดส์ิ ทิ ธท์ิ างศาสนา
เป็ นเรอ่ื งของพระเป็ นเจา้ อวตารมาปราบทกุ เข็ญ มหาตมะ
คานธี (M.K.Gandhi) ผกู ้ อบกเู ้ อกราชของอนิ เดยี กอ่ นสนิ้ ชพี ก็
เอย่ พระนามของพระรามพระเป็ นเจา้ เป็ นคําสดุ ทา้ ยกอ่ นสนิ้ ใจ ใน

180

เรอื่ งรามายณะพระรามคอื พระวษิ ณุอวตารปางท่ี ๗ เป็ นเรอ่ื งราว
ทเ่ี ป็ นแบบอยา่ งทางศลี ธรรมการประพฤตปิ ฏบิ ตั ใิ นสงั คม คอื
พระรามเป็ นแบบอยา่ งของลกู ทด่ี ี สามที ดี่ ี พช่ี ายทด่ี ี เพอ่ื นทด่ี ี
สว่ นสดี าเป็ นภรรยาทด่ี ี และหนุมานเป็ นผรู ้ ับใชท้ ด่ี ซี อ่ื สตั ย์ เป็ น
ตน้ 28

ตัวละครหนังใหญ่ อปุ กรณส์ อนธรรมะ29

ลําดบั ตวั ละคร ในเรอื่ ง ความหมายทางธรรม
รามเกยี รติ์
๑ พระราม ฉันทะ
๒ พระลกั ษณ์ วริ ยิ ะ
๓ วานรทงั้ หลาย จติ ตะ ใจ วญิ ญาณ
๔ พเิ ภก วมิ งั สา
๕ สดี าหรอื สติ ะ รอยไถหรอื นพิ พาน
๖ ยกั ษ์ทงั้ หลาย กเิ ลส
๗ ลงิ ขาว คณุ งามความดี
๘ ลงิ ดํา ความชว่ั ความเลวทงั้
หมาย

28เอกสารประกอบการเรียนการสอน หลกั สตู รท้องถ่ิน, หนังใหญ่วัดสว่างอารมณ์ องค์ความรู้
หลักจากการดูหนังใหญ่, ม.ป.ป. หน้า ๑๒
29 เร่ืองเดยี วกนั , หน้า 12.

181

ตวั หนัง เมอื่ วางอยกู่ บั ที่ เมอ่ื ไมม่ แี สงไฟ ดคู ลา้ ยๆกบั
กองขยะทวั่ ไป แตเ่ มอ่ื ไดร้ ับแสงไฟแสงใต ้ แสงเทยี นหรอื แสง
สวา่ ง จะทําใหต้ วั หนังหรอื แสงสใี นตวั หนังชดั เจนและเดน่ ขนึ้
เหมอื นกบั คนทไ่ี ดร้ ับแสงแหง่ ธรรมนัน้ 30

พลตรี ม.ร.ว. ศกึ ฤทธ์ิ ปราโมช ไดส้ ะทอ้ นมมุ มอง
เกยี่ วกบั พระสงฆก์ บั ศลิ ปะไวว้ า่ “..ความจรงิ ศลิ ปะของไทยนัน้
เป็ นศลิ ปะในทางศาสนาเสยี เป็ นสว่ นใหญ่ ไมว่ า่ จะเป็ นดา้ นวจิ ติ ร
ศลิ ป ประตมิ ากรรม ภาพเขยี น ภาพปัน้ แกะสลกั เหลา่ นลี้ ว้ น
ศลิ ปะทางศาสนาทงั้ สน้ิ เพราะฉะนัน้ พระจงึ เป็ นผสู ้ รา้ งและรักษา
ศลิ ปะของไทยตลอดมา ศลิ ปินทม่ี ชี อ่ื รจู ้ กั กนั มาถงึ ทกุ วนั น้ี เชน่
ขรัวอนิ โขง่ 31 พระอาจารยน์ าค กเ็ ป็ นพระทงั้ สนิ้ จงึ เห็นไดว้ า่ ใน
สมยั หนงึ่ ในเมอื งไทยเรา พระเป็ นผสู ้ รา้ งรักษาศลิ ปะ แลว้ วนั ดคี นื
ดพี ระไทยเรากห็ มดศลิ ปะโดยสน้ิ เชงิ เลกิ เป็ นชา่ งเขยี น ชา่ งสลกั
ชา่ งปัน้ ชา่ งปิดทอง ชา่ งลงรัก เป็ นแตพ่ ระเฉยๆ และเมอื่ เป็ นแต่
พระเฉยๆ แลว้ กไ็ มร่ ักษาศลิ ปะ ไมส่ นใจศลิ ปะ ปลอ่ ยใหว้ ดั รก
รงุ รัง ปลอ่ ยใหภ้ าพเขยี นภาพสลกั ประตมิ ากรรมตา่ งๆ ในวดั หาย
หกตกหลน่ ไป..”

31 ขรัวอินโขง่ เป็นครูคนสําคญั ของ หลวงพอ่ ฤทธ์ิ ผ้กู ่อตงั้ สร้างหนงั ใหญ่วดั พลบั พลาชยั เพชรบรุ ี

182

หนงั ใหญ่ บา้ นโตโ้ ผมหรสพ

เมอื่ หนังใหญไ่ ดข้ ยบั ขยายตวั มาเป็ นมหรสพ ฉบบั ราษฎร์
ทเ่ี จา้ ของคณะเป็ นสามญั ชนคนธรรมดาได ้ โตโผ 32มหรสพ หรอื
เจา้ ผจู ้ ัดการการแสดงเพอ่ื ความบนั เทงิ ของชาวบา้ นอาทิ ป่ีพาทย์
ละคร ลเิ ก หนุ่ กระบอก กลองยาว จงึ สรา้ งหนังใหญข่ น้ึ มาเป็ น
ทางเลอื กใหมส่ ําหรับผวู ้ า่ จา้ ง ตามฐานะและวาระโอกาสของงาน
นัน้ ๆ

ครวู น เกดิ ผล เชอ้ื สายจนี เดมิ แซต่ นั นับเป็ นอดตี โตโ้ ผ
มหรสพคณะหนังใหญ่ แตรวง ลเิ ก องั กะลงุ และเพลงพน้ื บา้ น
อยธุ ยา ในสมยั ตน้ รัชกาลที่ ๕ ทม่ี ชี อื่ เสยี งมาก ไดว้ างรากฐาน
การจดั การวฒั นธรรมในแบบฉบับชาวบา้ นครอบครัวใหญ่
สบื เนอ่ื งมาสลู่ กู หลานในปัจจบุ นั อาทิ คณุ ครสู ําราญ เกดิ ผล
ศลิ ปินแหง่ ชาตเิ ป็ นตน้

32 โต้โผ มาจากคําภาษาจนั วา่ ตวั้ โผ, ตัว้ หมายถึง ใหญ่ , โผ หมายถึง บญั ชี

183

หนงั ใหญใ่ นวถิ เี กษตร

เครอ่ื งประกอบการแสดงหนังใหญ่ สว่ นใหญล่ ว้ นนํา

จากวตั ถดุ บิ ทไ่ี ดจ้ าก สภาพแวดลอ้ มสภาพภมู ปิ ระเทศ ภมู อิ ากาศ
และภมู ปิ ัญญาในการการคดิ แบบวถิ เี กษตรหรอื สงั คมเกษตรกรรม
ตวั หนังทน่ี ํามาเชดิ ทํามาจากหนังววั ทเ่ี ป็ นสตั วเ์ ลยี้ งใชแ้ รงไถนา
ไร่ กบั แรงเกวยี นขนสง่ เดนิ ทาง เมอ่ื สตั วผ์ มู ้ พี ระคณุ เหลา่ นล้ี าตาย

จากไป คนทเี่ ป็ นเจา้ ของก็นําหนังววั ทงั้ ผนื มาถวายสมภารวดั
อยา่ งครัง้ ทห่ี ลวงป่ กู ลอ่ ม อดตี เจา้ อาวาสวดั ขนอน ราชบรุ ี เรม่ิ ตน้
สรา้ งหนังใหญก่ ็มชี าวบา้ นในระแวกใกลเ้ คยี งเกดิ จติ ศรัทธานํา

หนังววั จํานวนมากมาถวาย เพอื่ กศุ ลผลบญุ รว่ มกนั สรา้ งหนังใหญ่
นอกจากนย้ี งั มไี มต้ บั หรอื ไมค้ าบตวั หนัง กท็ ําจากไมไ้ ผท่ ี่
ทงั้ ปลกู ทงั้ ขนึ้ เองรอบอาณาบรเิ วณชมุ ชน สว่ นไมค้ าบหนังของ
วดั บา้ นดอนระยอง จะพเิ ศษกวา่ ชมุ ชนอนื่ เพราะใชไ้ มห้ ลาว
ชะโอน ซงึ่ เป็ นพชื ตระกลู ปาลม์ ขนึ้ เฉพาะถนิ่ ใกลท้ ะเลอยา่ งภาค
เชอ่ื วา่ เป็ นไมท้ ม่ี คี วามคงทนนานเป็ น
ตะวนั ออกและภาคใต ้
รอ้ ยๆปี

เสาจอหนังทงั้ สตี่ น้ และกรอบขอบจอกท็ ําจากลําไมไ้ ผ่
เชน่ กนั ทงั้ จากการตระเตรยี มขนไปของคณะหนังใหญ่ หรอื
บางครัง้ เจา้ ภาพก็เห็นใจในความยากลําบากในการขนยา้ ย จงึ
ตระเตรยี มตดั กอไผก่ อใหญไ่ วใ้ หเ้ ลอื กใชต้ ามสะดวก

หากบางคณะหนังใหญอ่ ยา่ งวดั ขนอน ราชบรุ ี ในอดตี ใช ้
กะลาเป็ นเชอื้ เพลงิ ในการใหแ้ สงสวา่ งใหต้ วั หนังทอดเงา แม่
ครัวโรงทานหรอื ชาวบา้ นรา้ นถน่ิ ทร่ี ว่ มกนั เป็ นเจา้ ภาพกจ็ ะ
ตระเตรยี มกะลามะพรา้ วไวใ้ หส้ รรพเสร็จ ซง่ึ ไฟจากกะลามะพรา้ ว
นัน้ จะใหแ้ สงสวา่ งอยา่ งนุ่มนวล กลน่ิ ก็หอมละมนุ ไมแ่ สบจมกู

184

ระคายตาจงึ เป็ นทนี่ ยิ มกนั มากในยา่ นชาวสวนมะพรา้ ว ไลก่ นั มา
ตงั้ แต่ ราชบรุ ี สมทุ รสงคราม และเพชรบรุ ี

ฤดกู าลทนี่ ยิ มแสดงหนังใหญค่ อื ฤดหู ลงั ฝน ซง่ึ พอดกี บั
เกษตรกรเก็บพชื ผลทเี่ พาะปลกู เสร็จแลว้ ไดห้ ายเหนอ่ื ย มี
รายได ้ มเี วลาวา่ งพอทจี่ ะเลน่ หนัง หรอื ชมหนัง เพราะทงั้ ผเู ้ ลน่
ผชู ้ มลว้ นเป็ นชาวเรา เหมอื นในบทไหวค้ รู คอื เป็ นชาวบา้ นในวถิ ี
เกษตรเหมอื นกนั เหตผุ ลสําคญั ประการหนง่ึ ทห่ี นังใหญไมเ่ ลน่
ชว่ งฤดฝู นเพราะหนังใหญแ่ ละเครอ่ื งประกอบตา่ งไมช่ อบน้ํา
เพราะเป็ นมหรสพกลางแจง้ ยงิ่ ตวั หนังเปียกนํ้าหรอื ถา้ เป็ นนํ้าฝน
ดว้ ยแลว้ จะไดร้ ับความเสยี หาย ยน่ ยบั เสยี รปู เป็ นราเน่าจนยากตอ่
การซอ่ มบํารงุ ได ้ ซง่ึ กรณีทต่ี วั หนังเปียกฝนไมไ่ ดเ้ กดิ จากชว่ ง
การแสดง แตส่ ว่ นใหญเ่ กดิ ในชว่ งของการเก็บรักษา หลงั คามงุ
จาก มงุ กระเบอ้ื งมนี ํ้าร่ัวซมึ เป็ นสาเหตสุ ําคญั ทที่ ําให ้ ตวั หนัง
ใหญห่ ลายชมุ ชน อาทิ วดั ขนอน ราชบรุ ี วดั บา้ นดอน ระยอง วดั
สวา่ งอารมณ์ สงิ หบ์ รุ ี วดั บางนอ้ ย สมทุ รสงคราม วดั ตะกู อยธุ ยา
วดั พระญาตกิ าราม อยธุ ยา และวดั ตะเคยี น ลพบรุ ี เป็ นตน้ ไดร้ ับ
ความเสยี หายเป็ นอยา่ งมาก

สําหรับการแสดงของชมุ ชนคณะหนังใหญใ่ นอดตี ไมว่ า่ จะ
เป็ นคณะหนังทอ่ี ยใู่ นความดแู ลของวดั หรอื บา้ น ลว้ นตอ้ งใช ้
เสน้ ทางนํ้าทางเรอื เชน่ เดยี วกบั การลําเรยี งขา้ วของเครอ่ื งใช ้
ผลติ ผลการเกษตร ดงั เชน่ หนังใหญช่ มุ ชนวดั พระญาตกิ าราม
อยธุ ยา ไปแสดงที่ อําเภอสามชกุ สพุ รรณบรุ กี อ่ นปี พ.ศ.๒๕๐๐
ก็เดนิ ทางไปทางเรอื โชคดที วี่ ดั พระญาตฯิ สมยั นัน้ มเี รอื
เครอ่ื งยนต์ เรยี กกนั วา่ เรอื หลวงพอ่ อนั้ เพราะตรงกบั ชว่ งหลวงพอ่
อนั้ เป็ นเจา้ อาวาสวดั จงึ ดโู กห้ รสู ะดวกสบายกวา่ การถอ่ เรอื ไปมาก
สว่ นคณะหนังใหญว่ ดั สวา่ งอารมณ์กเ็ คยถอ่ เรอื ทวนน้ําขนึ้ ไป

185

แสดงหนังถงึ อําเภอชมุ แสง จังหวดั นครสวรรค์ และหนังใหญว่ ดั
ราษฎรบ์ รู ณะ สมทุ รสงครามก็ใชเ้ รอื เป็ นพาหนะสําคญั ในการ
เดนิ ทางสญั จรในแมน่ ํ้าแมก่ ลอง จนเกดิ เรอื่ งเลา่ อศั จรรยท์ ว่ี า่
หนังหมมุ านตกแมก่ ลองแลว้ วา่ ยนํ้ากลบั วดั เองได ้

หนังใหญก่ ําเนดิ ในราชสํานักเป็ นมหรสพหลวงทย่ี ง่ิ ใหญ่
ดว้ ยเป็ นตน้ ทางรวมศาสตรศ์ ลิ ป์ การแสดงไวห้ ลายแขนง เป็ น
เครอื่ งราชปู โภคภายใตร้ าชปู ถมั ป์ ของพระมหากษัตรยิ ์ เครอื่ งมอื
สอื่ สารของพระราชากบั ไพรฟ่ ้าประชาราษฎร์ แลว้ ผลดิ อกออกชอ่
ใบไปเป็ นมหรสพชาวบา้ นภายใตก้ ารอปุ ถมั ป์ ของสมภารวดั ทเี่ พมิ่
หนังใหญใ่ หเ้ ป็ นอปุ กรสอนธรรม หรอื การจัดการของบา้ นโตโ้ ผ
มหรสพทเ่ี นน้ การแสดงเพอื่ ความสนุกสนาน

ทา้ ยสดุ เมอื่ บา้ นเมอื งมงี านสําคญั หนังใหญบ่ า้ น หนัง
ใหญว่ ดั ฉบบั ราษฎรก์ จ็ ะไดร้ ับเชญิ ไปแสดงในงานพระราชพธิ ี
เคยี งขา้ งหนังใหญฉ่ บบั หลวง นับเป็ นมหรสพอศั จรรยท์ ผ่ี คู ้ นทกุ
ชมุ ชนชนชนั้ ไดม้ สี ว่ นรว่ มสรา้ งสรรคก์ นั มาอยา่ งตอ่ เนอื่ งยาวนาน

186

ชอ่ื ทปี่ รากฏในทอ้ งถน่ิ หรอื ชอื่ เทยี บเคยี ง

ชอ่ื ทเี่ รยี กการแสดงหนังใหญใ่ นแตล่ ะทอ้ งถน่ิ สว่ นใหญม่ ี
ความใกลเ้ คยี งกนั เพราะโดยสามญั ก็เรยี กกนั อยแู่ ลว้ วา่ หนังใหญ่
แตเ่ มอื่ เรม่ิ ศกึ ษาจําเพาะเจาะจงไปในชว่ งเวลาทตี่ า่ งกนั ศพั ท์
แสงทใ่ี ชใ้ นการถา่ ยทอด การแสดงรวมถงึ ชา่ งหนังใหญ่ ในแตล่ ะ
ชมุ ชนกจ็ ะมคี วามแตกตา่ งจากการลงรายละเอยี ดมากขนึ้ เป็ นชอื่
เรยี กการแสดงหนังใหญท่ อี่ าจจะดตู า่ งจากนักวขิ าการรนุ่ ครไู ด ้
บนั ทกึ ไวเ้ ป็ นลายลกั ษณ์อกั ษร แตค่ ําเรยี กหนังใหญท่ น่ี ํามาเสนอ
เหลา่ นเ้ี ป็ นมขุ ปาฐะ ทสี่ บื เนอ่ื งกนั มาตามความเขา้ ใจเฉพาะถน่ิ
แตก่ ็สามารถเทยี บเคยี งใหเ้ ขา้ ใจได ้ ทงั้ นเ้ี พอื่ ประโยชนก์ ารศกึ ษา
หนังใหญใ่ นเชงิ ลกึ ตอ่ ไป

๑. หนังใหญ่ เป็ นคําเรยี กหลกั ในการวจิ ยั ครัง้ นี้ และเป็ น
ชอื่ ทท่ี ว่ั ไปทเี่ ขา้ ใจตรงกนั

๒. หนัง เป็ นคําเรยี กเกา่ ทพ่ี บในเอกสารโบราณ
พงศาวดาร กฏหมายตราสามดวง กฎมณเฑยี รบาล
จดหมายเหตฯุ หรอื เรยี กอยา่ งสนั้ หมายเขา้ ในในหมชู่ าว
หนังใหญ่
หากแตป่ ัจจบุ นั ไมน่ ยิ มเรยี กสนั้ ๆเดย่ี วๆ เพราะวา่ จะสบั สน
กบั หนังประเภทอนื่ ๆเชน่ หนังตะลงุ หนังกลางแปลง หนัง-
ภาพยนตร์

๓. หนังระบําหรอื หนังจับระบําหนา้ จอ เป็ นหนังทก่ี ลางวนั
อยา่ งหนง่ึ ดงั ปรากฏคํานใ้ี นสมยั อยธุ ยา สมเด็จฯกรมพระ
ยาดํารงราชานุภาพ ทรงอธบิ ายไวด้ งั น้ี “อนงึ่ ทเ่ี รยี กวา่
หนังจับ ระบําหนา้ จออยา่ งโบราณนัน้ คอื เลน่ ตงั้ แตเ่ วลา

187

บา่ ย ใชห้ นังทเี่ รยี กชอ่ื วา่ คเนจร พระ คเนจรนาง ตวั
นางนัน้ ระบายสี ดดั เสน้ เขยี นโดยงดงาม เพราะใชเ้ ลน่ ใน
ตอน กลางวนั คนเชดิ หนังระบํานัน้ นุ่งผา้ ยกหรอื ผา้
เกยี้ ว สวมเสอ้ื อยา่ งนอ้ ย คาดเข็มขดั โพกผา้ ขลบิ แลว้
เชดิ พระกบั นางเป็ นคๆู่ กนั ไป คนรอ้ งก็รอ้ งบทระบํา คอื รํา
พระทอง บะหลมิ่ เบา้ หลดุ สระบหุ รง่ คน
เชดิ กท็ ําทา่ ทางตา่ งๆไปตามบท แลว้ ก็เชดิ หนังนาง
เมขลา รามสรู อรชนุ อกมาเลน่ ตามเรอื่ งของระบํา พอ
เวลาพลบคํา่ จงึ จบั เลน่ เรอื่ งตอ่ ไป”

๔. หนังกลางวนั หรอื หนังสี ใชเ้ ลน่ หรอื แสดงในตอน
กลางวนั เดมิ โบราณใชส้ จี ากธรรมชาตทิ าลงตวั หนัง
ไดแ้ ก่ สขี าวจะเอาเหล็กขดู ทห่ี นังใหห้ มดสดี ํา สเี ขยี วใช ้
จนุ สกี บั น้ํามะนาวทา สแี ดงใชน้ ําฝางกบั สารสม้ ทา และสี
เหลอื ง ใชน้ ําฝางทาแลว้ เอาน้ําถลู กั ษณะ การเชดิ จะ
เชดิ แสดงกนั หนา้ จอหนัง นยิ มเลน่ ในงานมงคล หรอื พระ
ราชพธิ ี

๕. หนังสี คอื หนังกลางวนั คําอธบิ ายเหมอื นกนั

๖. หนังกลางคนื หรอื หนังขาวดํา ใชเ้ ลน่ หรอื แสดงในตอน
กลางคนื นยิ มเลน่ ในงานอวมงคล

๗. หนังขาวดํา คอื หนังกลางคนื คําอธบิ ายเหมอื นกนั

๘. หนังเล็ก หรอื หนังตะลงุ ภาคกลาง คนหนังใน

อยธุ ยา ยงั คงคนุ ้ ปากเรยี กวา่ หนังเล็กไมเ่ รยี กวา่ หนังตะลงุ
รปู ตวั หนังและวธิ กี ารเลน่ คลา้ ยหนังตะลงุ แตต่ วั หนังทกุ

ตวั พากยเ์ จรจา เป็ นภาษาภาคกลาง

188

๙. หนังระทา หรอื หนังกลาง มขี นาดยอ่ มกวา่ หนัง
ใหญ่ ความกวา้ งอยทู่ ปี่ ระมาณ ๑ เมตรรปู แบบ การ
แสดงเหมอื นหนังใหญ่ ใชแ้ สดงระหวา่ งระทาไฟ
ในงานพระราชพธิ ี

๑๐. หนังกลาง คอื หนังระทา คําอธบิ ายเหมอื นกนั
๑๑. หนังตะลงุ คอื หนังขนาดเล็กกวา่ หนังใหญ่ ท่ี

นยิ มเลน่ ในภาคใต ้
๑๒. หนังไทย คอื คําเรยี กหนังใหญ่ อกี ชอื่ หนง่ึ

เมอื่ มหี นังตา่ งประเทศอยา่ งหนังจนี
หนังชวาเขา้ มาแสดงในสยามประเทศ

189

พฒั นาการหนงั ใหญ่

จดุ เรม่ิ แรกของหนังใหญม่ าจากการละเลน่ ประกอบ
พธิ กี รรม และพัฒนามาสศู่ ลิ ปการแสดงในรปู แบบ มหรสพหลวง
ในราชสํานัก และเผยแพรส่ รู่ าษฎร เป็ นมหรสพชาวบา้ น มี
พัฒนาการรว่ มกบั โขน ละคร และศลิ ปะการแสดงอน่ื ๆ โดย
องคป์ ระกอบหลกั คอื ตวั หนัง การเชดิ การพากยเ์ จรจา ดนตรี
ประกอบ และเรอ่ื งทแี่ สดง ยงั คงอยู่ แตม่ กี ารปรับเปลย่ี นสว่ นยอ่ ย
ตามสภาพสงั คมชมุ ชน

สจุ ติ ต์ วงษ์เทศ ไดเ้ สนอแนวความคดิ เรอ่ื งพัฒนาการ
ของหนังใหญ่ ไวใ้ นบทความ หนังใหญ่ มาจากไหนวา่

หนังใหญ่ เป็ นคําไทย ตรงกบั คําเขมร
วา่ แสบก ธม (แสบก แปลวา่ หนัง , ธม
แปลวา่ ใหญ)่ และอนิ โดนเี ซยี เรยี ก
วาหยงั
กลุ ติ ..ทงั้ หมดคอื “วฒั นธรรมเลน่ เงา” เป็ น
พธิ กี รรมของมนุษยท์ ว่ั โลกมากอ่ น “เลน่ เงาเป็ น
พธิ กี รรมเชอ่ื มโยงมนุษยเ์ ขา้ กบั สงิ่ ศกั ดส์ิ ทิ ธห์ิ ลงั
จากนัน้ ถงึ กลายเป็ นการละเลน่ อยา่ งทเ่ี ขา้ ใจใปัจจุ
บนั ” อาจารยศ์ ริ พิ จน์ เหลา่ มานะเจรญิ (คณะ
โบราณคดี มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร) อา้ งถงึ
จารกึ บนใบลานไศวาคม พบทเี่ กาะชวา แลว้ ยกมา

อธบิ ายไวใ้ นบทความเรอื่ งสะแบกธม, หนังใหญ,่
กบั วาหยงั กลุ ติ การเลน่ เงา มรดกรว่ มของ

อษุ าคเนย์ (พมิ พใ์ นมตชิ นรายวนั ฉบบั วนั
พฤหสั บดที ่ี ๒๕ สงิ หาคม ๒๕๕๔ หนา้ ๒๑ )
คําอธบิ ายของอาจารยศ์ ริ พิ จนน์ ่าฟัง และเขา้ ใจได ้

190

ดกี วา่ อยา่ งอนื่ จงึ ควรสรปุ งา่ ยๆ อา่ นเขา้ ใจงา่ ยๆ
วา่ หนังใหญม่ วี วิ ฒั นาการยาวนานจากวฒั นธรรม
เลน่ เงา ซงึ่ เป็ นพธิ กี รรม ของมนุษยท์ ว่ั โลก
ทเี่ ชอ่ื มโยงมนุษยเ์ ขา้ กบั สงิ่ ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ และ
ววิ ฒั นาการรว่ มกนั กบั แสบกธมของเขมร, วาหยงั
กลุ ติ ของชวา

ตอ่ จากนัน้ มพี ัฒนาการเป็ นการละเลน่ โดย
ผสมผสานเขา้ กบั ประเพณีเตน้ และเชดิ ของคนใน
อษุ าคเนยม์ าแตด่ งั้ เดมิ ดกึ ดําบรรพ์ รปู ฉลกุ บั ทา่
เตน้ ของคนเชดิ หนัง ใหญ่ ตอ่ ไปขา้ งหนา้ จะมี
พัฒนาการเป็ นโขน, ละคร33

ประเมษฐ์ บณุ ยะชยั ผเู ้ ชย่ี วชาญจากสถาบนั
บณั ฑติ พัฒนศลิ ป์ ไดก้ ลา่ วถงึ พัฒนาการถงึ หนังใหญไ่ วว้ า่ “ถา้
เปรยี บหนังใหญก่ เ็ หมอื นเป็ นการแสดงคลาสสคิ คอื องคป์ ระกอบ
การแสดงทกุ อยา่ งพัฒนาสงู สดุ เต็มอม่ิ หมดแลว้ ”34 โขนจงึ เป็ น
การแสดงทตี่ อ่ ยอดพัฒนามาจากหนังใหญ่ จากตวั หนังมาเป็ น
คนจรงิ แสดง และยงั คงมบี ทพากยเ์ จรจา มดี นตรปี ่ีพาทยบ์ รรเลง
ประกอบการแสดง แรกทเี ดยี วก็เลน่ โขนหนา้ จอหนังเป็ น”หนังตดิ
โขน” คอื การแสดงหนังเป็ นหลกั มโี ขนมาแทรกบางชว่ งเพอ่ื

33 สจุ ิตต์ วงษ์เทศ หนังใหญ่ มาจากไหน?[ออนไลน์] มติชนรายวนั ฉบบั ประจําวนั องั คารท่ี
๖ กนั ยายน ๒๕๕๔. แหลง่ ท่ีมา http://www.sujitwongthes.com/๒๐๑๑/๐๙/siam
๐๖๐๙๒๕๕๔/
34 สมั ภาษณ์ ประเมษฐ์ บณุ ยะชยั ,ผ้เู ช่ียชาญอาวโุ สสถาบนั พํฒนศิลป์ , การประชุมขนึ้
ทะเบยี นมรดกภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรม ยเู นสโก, เดอื นพฤศจิกายน ๒๕๕๗.

191

สรา้ งสสี นั ตอ่ มาก็สลบั กนั เป็ น โขนตดิ หนัง คอื การแสดงโขน
เป็ นหลกั หนังเป็ นแคเ่ ล็กนอ้ ย เพราะคนดเู รมิ่ เทใจไปชอบการ
แสดงโขนมากกวา่ ทา้ ยสดุ เป็ นโขนหนา้ จอ เหลอื แตจ่ อหนังตงั้
เป็ นอนุสรณ์ ไมม่ หี นังใหญร่ ว่ มแสดงดว้ ย ภายหลงั โขนพัฒนา
เป็ นรปู แบบละคร ยง่ิ ทําใหค้ นรนุ่ หลงั แทบจะไมร่ ทู ้ ม่ี าวา่ โขน
พัฒนาการมาจากหนังใหญ่

ถงึ แมอ้ งคป์ ระกอบหลกั คอื ตวั หนัง การเชดิ การพากย์
เจรจา ดนตรปี ระกอบ และเรอ่ื งทแี่ สดง ยงั คงมอี ยกู่ ็จรงิ แตม่ กี าร
ปรับเปลย่ี นพัฒนาสว่ นยอ่ ยตามสภาพสงั คมชมุ ชนมาอยา่ ง
ตอ่ เนอื่ ง อาทิ หนังสรา้ งไดง้ า่ ยขนึ้ ดว้ ยการลอกลายเดมิ แผน่ หนัง
หาซอ้ื ไดท้ โ่ี รงงานฟอกหนัง รปู แบบการเชดิ บางครัง้ ไมต่ อ้ งตงั้ จอ
ทใี่ ชท้ าบเงา เพมิ่ การรับรอ้ งอยา่ งละครเพอื่ ลดการพากยเ์ จรจา
ดนตรปี ระกอบยงั เป็ นวงปี่ พาทย์ แตไ่ มไ่ ดใ้ ชเ้ สยี งทางกลาง
ป่ี กลาง กลองตง๋ิ จอหนังใชโ้ ครงเหล็กแทนไมไ้ ผเ่ พราะคงทน
กวา่ และแสงไฟสปอตไลท์ สอ่ งสวา่ งแทน ไต ้ ตะเกยี งลาน หรอื
กะลามะพรา้ ว เรอื่ งราวทแ่ี สดงยงั คงเป็ นเรอื่ งรามเกยี รติ์ แต่
ระยะเวลาแสดงตอ้ งสนั้ กระฉับเป็ นตน้

ทงั้ หมดคอื พัฒนาการหนังใหญใ่ นแงม่ มุ ของกลมุ่ ชมุ ชน
หนังใหญ่ ในมมุ มองของผทู ้ ศ่ี กึ ษาสนใจศลิ ปการแสดงแขนงน้ี
หากมองในมมุ กวา้ ง ความหมายของคําวา่ หนังใหญ่ ไดแ้ ปร
เปลยี่ นไปไกลกนั คนละเรอื่ ง เพราะผคู ้ นทวั่ ไปในปัจจบุ นั จะ
เขา้ ใจทนั ทวี า่ หนังใหญ่ คอื หนังในโรง หรอื หนังทฉ่ี ายในโรง
ภาพยนตร์ ดว้ ยอทิ ธพิ ลของหนังฟิลม์ ตา่ งประเทศทค่ี อ่ ยๆเขา้ มา
แทนทห่ี นังใหญ่ ตงั้ แตช่ ว่ งสมยั รัชกาลที่ ๕ จนในชว่ ง พ.ศ.
๒๔๙๐ เป็ นชว่ งทห่ี นังใหญ่ ในแตล่ ะชมุ ชนเรม่ิ หมดเรยี่ วแรงยตุ ิ

192

การแสดงลง และคอ่ ยมาเรม่ิ ฟ้ืนฟอู กี ครัง้ ประมาณปี พ.ศ.๒๕๑๘
ทชี่ มุ ชนวดั สวา่ งอารมณ์ สงิ หบ์ รุ ี และปีถดั มา พ.ศ.๒๕๑๙ ทวี่ ดั
ขนอน ราชบรุ ี

คําวา่ หนัง หนังใหญ่ หนังโรง หนังกลางแปลง หนัง
พากย์ คนพากยห์ นัง ฯลฯ ยงั อยใู่ นวถิ ชี วี ติ คนในปัจจบุ นั ทงั้ ที่
รปู แบบการแสดง องคป์ ระกอบการนําเสนอ มคี วามแตกตา่ งกนั
นั่นหมายความวา่ หนัง ยงั ทรงอทิ ธพิ ลมาอยา่ งตอ่ เนอื่ ง มอง
เผนิ ๆคอื เป็ นแคค่ ําทเ่ี รยี กตดิ ปากคนไทยมาแตโ่ บราณ แตห่ าก
ความจรงิ คอื จติ

193

ขนบ

ขนบธรรมเนยี มปฏบิ ตั ขิ องการแสดงหนังใหญ่ เป็ นสว่ นท่ี
สะทอ้ นใหเ้ ห็นภมู ปิ ัญญาของบรรพชนทสี่ ง่ั สมกนั มานานหลาย
รอ้ ยปี เป็ นทงั้ ขอ้ ปฏบิ ตั ทิ ย่ี ดึ ถอื รวมเป็ นถงึ กศุ โลบายในชมุ ชน
เพอื่ ความสามคั คแี ละดําเนนิ ชวี ติ รว่ มกนั ซง่ึ ขอยกตวั อยา่ ง ขนบ
เฉพาะทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั หนังใหญด่ งั น้ี

๑.การไหวค้ รหู นงั ใหญ่ เรยี กวา่ ไหวค้ รใู หญ่
เพราะการไหวค้ รหู นังใหญป่ ระจําปีนัน้ จะเป็ นการไหวค้ รู
ศลิ ปะ ประกอบดว้ ย ไหวค้ รชู า่ งสบิ หมู่ ครดู นตรี นาฏศลิ ป เรยี ก
กนั วา่ “ไหวค้ รชู า่ งหนังใหญ่ โขน ละคร พณิ พาทยฯ์ ”
การไหวค้ รหู นังใหญ่ ไดร้ ับแนวทางมาจากพธิ กี รรมใน
ศาสนาพราหมณ์ดงั ท่ี บํารงุ คําเอก กลา่ ววา่ อทิ ธพิ ลทางดา้ น
นาฏกรรมก็ไดร้ ับมาจากศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู เชน่ พธิ ไี หวค้ รู
โหมโรง เบกิ โรง35
ในหลายๆชมุ ชนหนังใหญจ่ ะมมี หรสพอยรู่ วมกนั ทงั้ หนัง
ใหญ่ โขน ละคร พณิ พาทย์ ลเิ ก กลองยาว เชน่ วดั พระญาตกิ า
ราม อยธุ ยา, วดั กษัตราธริ าชวรวหิ าร อยธุ ยา, คณะหนังใหญค่ รู
วน เกดิ ผล อยธุ ยา, วดั ตะเคยี น ลพบรุ ี ฯลฯ

35 บำรุง คำเอก, ศาสนาพราหมณ์ · ศาสนาฮินดู · พธิ ีทางศาสนาและพิธีกรรม. ภาควิชาภาษา
ตะวนั ออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลยั ศิลปากร(นครปฐม: พิมพลกั ษณ์,2550)

194

๒.พธิ เี บกิ หนา้ พระ เป็ นพธิ ที ม่ี เี ฉพาะการแสดงหนงั ใหญ่
เทา่ นนั้
๒.๑ เครอ่ื งบชู าครู เชน่ หวั หมู บายศรปี ากชาม
กระยาบวช เทยี นขาว ๓ เลม่ เป็ นตน้ เครอ่ื ง

๒.๒ พากยส์ ามตระ มเี ฉพาะหนังใหญ่

๒.๓ เมอื่ ทําพธิ เี บกิ หนา้ พระ มหรสพอนื่ จะตอ้ งหยดุ ให ้

๓.หนงั ใหญเ่ ป็ นมหรสพแสดงลาดบั แรก ตอ่ ดว้ ยโขน ละคร
ตามลาดบั
เป็ นขนบธรรมเนยี มนยิ มแตโ่ บราณ ทจี่ ะให ้ หนังใหญ่
แสดงเป็ นลําดบั แรกของมหรสพทกุ ครัง้

๔.ผชู้ ายเชดิ หนงั
ความจรงิ ศลิ ปการแสดงของไทยหลายชนดิ ทมี่ ขี นบนยิ ม
แบง่ ไวใ้ หผ้ ชู ้ ายแสดงชนดิ นแี้ ละผหู ้ ญงิ แสดงชนดิ นัน้ ซง่ึ หนัง
ใหญเ่ ป็ นอกี หนง่ึ กรณีศกึ ษาทมี่ ขี นบใหเ้ ป็ นเรอ่ื งของผชู ้ ายเชดิ
พากย์

กรณีศกึ ษาหนงั ใหญเ่ ป็ นเรอ่ื งของผชู้ าย

เหตทุ ผี่ ชู ้ ายมบี ทบาทสําคญั ในการแสดงหนังใหญ่ คง
ดว้ ยเหตเุ บอ้ื งตน้ ๒ ประการคอื เรม่ิ ตน้ จากผแู ้ สดงเป็ นทหาร
จดุ มงุ่ หมายคอื ซอ้ มรบเรยี นรู ้ และเป็ นการละเลน่ เพอ่ื ประกอบ
พธิ กี รรมเพอื่ สรรญเสรญิ พระผเู ้ ป็ นเจา้ ในทน่ี ค้ี อื พระมหากษัตรยิ ์
มม่ี คี วามเชอื่ วา่ เสมอื นองคน์ ารายณ์มาอวตาร ลกั ษณะการแสดง
ทอี่ อกมาคอื ความเขม้ แข็ง สงา่ งาม ตอ้ งใชก้ ําลงั สว่ นผหู ้ ญงิ
สมยั กอ่ น ก็สามารถเรยี นรดู ้ า้ นศลิ ปการแสดง ละครรา่ ยรําได ้

195

รปู แบบการแสดงหนังใหญข่ องวดั บา้ นดอน ระยองใน
อดตี กม็ ลี ะครพน้ื บา้ น ทเี่ ป็ นผหู ้ ญงิ แสดงเป็ นนางสดี า ตอนสดี า
ลยุ ไฟ ซงึ่ เป็ นตอนทไี่ ดร้ ับการกลา่ วขานมชี อื่ เสยี งมาก เรยี กวา่
“หนังตดิ ละคร” คอื การแสดงหลกั ยงั เป็ นหนังใหญอ่ ยแู่ ตเ่ พมิ่ เตมิ
สสี นั ดว้ ยละครพน้ื บา้ นเขา้ มาแทรกแคบ่ างฉากบางตอน พระครู
ปลดั วริ ัตน์ อคคธมโม อดตี เจา้ อาวาสวดั บา้ นดอนหนังใหญ่ วดั
บา้ นดอน ไดเ้ คยกลา่ วไวว้ า่ “จดุ เดน่ อยทู่ กี่ ารแสดงตอนสดี าลยุ
ไฟ ซงึ่ ผเู ้ ชดิ หนังไดแ้ สดงการลยุ ไฟจรงิ ๆ จนเป็ นทเี่ ลอื่ งลอื ใน
ความสามารถของผเู ้ ชดิ ถงึ ขนั้ ทห่ี ากกลา่ วถงึ หนังใหญว่ ดั บา้ น
ดอนก็จะนกึ ถงึ การแสดงในตอนสดี าลยุ ไฟ”36
แมก้ ระทงั่ ผฝู ้ ึกสอนหนังใหญว่ ดั บา้ นดอนคนสําคญั ครู
เสถยี ร แสงมณี เป็ นผหู ้ ญงิ ทสี่ อนการเชดิ จากประสบการณ์จรงิ ท่ี
เห็นกบั ศษิ ย์ โดยใชค้ ําพดู และทา่ ทางประกอบ ไมไ่ ดจ้ บั ตวั หนัง
เพอ่ื รักษาขนบเดมิ ทไี่ มน่ ยิ มใหผ้ หู ้ ญงิ จับตวั หนัง รวมถงึ นัก
ดนตรปี ่ีพาทยท์ บี่ รรเลงประกอบการแสดงหนังใหญว่ ดั บา้ นดอน
ในปัจจบุ นั ก็มผี หู ้ ญงิ เป็ นนักดนตรสี ว่ นใหญ่ เป็ นอกี หนงึ่
กรณีศกึ ษาใหเ้ ห็นแบบภาพเชงิ ซอ้ น วา่ สง่ิ ทค่ี รบู าอาจารย์
สมยั กอ่ นวางขนบไวย้ อ่ มมเี หตผุ ลทล่ี กึ ซงึ้ การแสดงหนังใหญว่ ดั
บา้ นดอนทมี่ นี างละครสดี ามาลยุ ไฟ หรอื ครผู สู ้ อนเป็ นหญงิ นัน้
ยอ่ มสะทอ้ นใหเ้ ห็นสภาพการปรับตวั เขา้ หากนั ระหวา่ งขนบกบั
การสบื ทอดศลิ ปะผคู ้ นในชมุ ชนไดเ้ ป็ นอยา่ งดี

36สรุปการแสดงทางวฒั นธรรมครัง้ ที่ ๑๒, ศนู ย์มานษุ ยวทิ ยาสิรินธร (องค์กรมหาชน), หนังใหญ่
วัดบ้านดอน [ออนไลน์], ๒๓ มกราคม ๒๕๔๗. แหลง่ ที่มา http://www.sac.or.th

196

ความเชอ่ื เกย่ี วกบั ตวั หนงั

ทกุ ชมุ ชนหนังใหญล่ ว้ นมคี วามเชอื่ เหมอื นๆกนั วา่ ตวั หนัง
ทกุ ตวั เป็ นเสมอื นครู ไมต่ า่ งจากศรษี ะโขน หรอื เครอื่ งดนตรี ที่
ตอ้ งดแู ลรักษาเป็ นอยา่ งดี วางไวท้ ส่ี งู หรอื ทเี่ หมาะสม ไมเ่ ดนิ
ขา้ มหรอื ใชอ้ วยั วะอน่ื จบั ตอ้ งนอกจากมอื หากมใี ครเจ็บป่ วยหรอื มี
อาการแปลกผดิ สงั เกต นายโรงจะมาไหวข้ อใหค้ รหู นัง หนังเจา้
ทงั้ สามชว่ ยรักษาหรอื ยกโทษใหอ้ ภยั หากศษิ ยพ์ ลงั้ ผดิ พลาดแลว้
ก็มกั จะไดผ้ ลทกุ ครัง้ 37 ซง่ึ แบง่ ความเชอื่ ตามลําดบั ตงั้ แตเ่ รมิ่
สรา้ งตวั หนังจนถงึ การแสดงดงั น้ี

 หนังครหู รอื หนังเจา้ ทําดว้ ยหนังเสอื หนังหมี ความขลงั ,
ไมค้ าบหนังทําจากไมฝ้ าโลง หรอื ไมเ่ ขยี่ ศพ

 หนังครอู อกขา้ งจอ หา้ มลอดใตจ้ อ
 หนังครฤู าษี จะไมว่ างทบั หรอื ใกลก้ บั หนังครพู ระอศิ วร

และหนังครพู ระนารายณ์
 เชอื่ วา่ หนังทกุ ตวั เป็ นเสมอื นครู ไมเ่ ดนิ ขา้ ม ควรงไวใ้ นท่ี

เหมาะสม
 หนังกบั ไฟไมถ่ กู กนั เชน่ ไฟไหม ้ หนังนครไหว ทโ่ี รง

ละคอนศลิ ปากร, วดั บางนอ้ ย สมทุ รสงคราม
 ความเชอื่ เรอื่ งหนังสใี ชเ้ ลน่ งาน มงคล หนังขาวดําใชเ้ ลน่

งาน อวมงคล
 เชอื่ วา่ หนังมชี วี ติ เชน่ กรณี ๑.หนังหนุมานวา่ ยน้ํากลบั วดั

ราษฎรบ์ รู ณะ สทรุ สงคราม ๒.หนังสดี าเกาะหางเสอื มา
ระยอง ๓.ลงิ ขาววา่ ยน้ําไตข่ น้ึ เสาจอหนัง อยธุ ยา เป็ นตน้

37สมั ภาษณ์ วลั ลภ แสงอรุณ,(นายหนงั วดั บ้านดอน ระยอง), ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗.

197

 เชอ่ื เรอ่ื งหนังสตั วแ์ ละลกั ษณะความตายทเี่ กดิ ความขลงั
“หนังตายพราย ถกู ฟ้าผา่ ตาย ออกลกู ตาย”

พระมหากษตั รยิ ค์ อื สมมตุ เิ ทพ

แสดงหนังใหญน่ ยิ มเลน่ เรอ่ื งรามเกยี รต์ิ ซงึ่ เป็ น
วรรณกรรมเทดิ พระเกยี รต์ิ พระมหากษัตรยิ ไ์ ทยตามความเชอ่ื ใน
ศาสนาพราหมณ์ทวี่ า่ พระมหากษัตรยิ ไ์ ทยทกุ พระองคท์ รงเป็ น
พระนารายณ์ อวตารมาเพอื่ ปกครอง และทํานุบํารงุ บา้ นเมอ่ื ใหม้ ี
ความสงบสขุ ทว่ั กนั
เชอ่ื ในหลกั คาสง่ั สอนของพทุ ธศาสนา
ธรรมมะยอ่ มชนะอธรรม ความดยี อ่ มชนะความชวั่ ความ
เชอ่ื นเี้ ป็ นบทสรปุ ตอนจบของการแสดงชดุ เบกิ โรง เชน่ จับลงิ
หวั คํา่ ลงิ ขาวกบั ลงิ ดํา เป็ นตน้
หนงั ไมเ่ ลน่ ถา้ ไมไ่ หวค้ รู

ผเู ้ ลน่ หนังถอื วา่ การไหวค้ รเู ป็ นของสําคญั มาก เขาจะไม่
เลน่ หนังถา้ การไหวค้ ร(ู เบกิ หนา้ พระ)ไมไ่ ดท้ ําครบพธิ ี
ไมเ่ ลกิ ตอนลม้ ตอนตาย
ผเู ้ ลน่ ถอื มากวา่ จะไมเ่ ลน่ ตอนตาย หรอื เรยี กตามภาษา
หนังวา่ “ลม้ ” แมจ้ ะสลบก็ตอ้ งใหฟ้ ้ืนกอ่ น เชน่ ตอนพระลกั ษณ์

198

ถกู ศรนาคบาศและศรพรหมมาสตรจ์ ะหมดุ ตอนนัน้ ไมไ่ ด ้ ตอ้ งเลน่
ถงึ ตอนฟ้ืนกอ่ น มเิ ชน่ นัน้ จะมอี นั เป็ นไปในทางไมด่ 3ี 8
เชอื่ ผี เจา้ ทเี่ จา้ ทาง
กอ่ นตงั้ จอหนังขดุ เสาปักจอทกุ ครัง้ นายหนังหรอื หวั หนา้
คณะหนังใหญ่ จะทําพธิ ขี อขมาเจา้ ทเี่ จา้ ทางทกุ ครัง้ เพราะมี
ความเชอ่ื วา่ มสี งิ่ ศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ ดวงวญิ ญาณเจา้ ทเี่ จา้ ทางสงิ สถติ ย์
คมุ ้ ครองสถานทบี่ รเิ วณนัน้
สําหรับการตงั้ เสาปักจอ ทชี่ มุ ชนหนังใหญว่ ดั สวา่ ง
อารมณ์ สงิ หบ์ รุ นี ัน้ จะตอ้ งทําพธิ ขี ออนุญาตเจา้ ทเี่ จา้ ทาง
เสยี กอ่ นจงึ เรม่ิ ลงมอื เรยี กวา่ ชมบ มลี กั ษณะเป็ นกระทงกาบ
กลว้ ยประดบั ดว้ ยดอกไมธ้ ปู เทยี น

ชมบ ผเี งาผหู้ ญงิ ยคุ กอ่ นอยธุ ยา
คําวา่ ชมบ ใน พจนานุกรม ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.
๒๕๔๒ หมายถงึ ผผี หู ้ ญงิ ทตี่ ายในป่ าและสงิ อยใู่ นบรเิ วณทตี่ าย
มรี ปู เห็นเป็ นเงา ๆ แตไ่ มท่ ําอนั ตรายใคร , ฉมบ หรอื ทมบ ก็วา่
สรปุ ความวา่ เป็ น ผเี งา
ในกฎหมายลกั ษณะเบ็ดเสร็จ (ตอนทา้ ย) ตราขน้ึ เมอื่
พ.ศ.๑๗๖๘ กอ่ นการสถาปนากรงุ ศรอี ยธุ ยาขนึ้ ใหม่ เมอื่ พ.ศ.
๑๘๙๓ ถงึ ๑๒๕ ปี ยคุ อโยธยาศรรี ามเทพนคร 39 มเี นอื้ หา
เกย่ี วกบั ความเชอื่ เรอ่ื ง ผรี า้ ย มชี อื่ เรยี กในกฎหมายนว้ี า่ "ฉมบ
จะกละ กระสอื กระหาง" กบั เรอื่ ง หมอผี ทเี่ รยี กชอ่ื ในกฎหมายน้ี

38 ผะอบ โปษะกฤษณะ, ความเป็ นมาของหนังใหญ่วดั ขนอน (อา้ งถึงการสัมภาษณ์นายประสบ
วงศจ์ ีน) เอกสารประกอบการประชุมวชิ าการ การศึกษากบั การถ่ายทอดวฒั นธรรม กรณีศึกษา
หนงั ใหญว่ ดั ขนอน, หนา้ ๕๔
39 ผ้วู จิ ยั สนั นิษฐาน

199

วา่ "แมม่ ดพอ่ หมอ"คอื คนผเู ้ รยี นรเู ้ วทวทิ ยาคมและกฤตยิ าคณุ อนั
ทําใหถ้ งึ ตายฉบิ หายดว้ ยอบุ ายตา่ งๆ40

หากรปู แบบการไหวเ้ จา้ ที่ ชมบ สบื เนอื่ งมาจากครเู ปี ย ครู
หนังเร่ ซงึ่ เป็ นคนรนุ่ อยธุ ยาตอนปลาย แหง่ วดั สวา่ งอารมณ์
สงิ หบ์ รุ 4ี 1 ทําใหเ้ กดิ ความน่าสนใจวา่ สองประการคอื
ประการแรก น่าจะมมี หรสพหนังใหญเ่ ลน่ กนั มาตงั้ แตก่ อ่ นสมยั
อยธุ ยา ในทร่ี าบลมุ่ ภาคกลาง อยธุ ยา ลพบรุ ี แหง่ น้ี ดว้ ยปรากฎ
หลกั ฐานคําวา่ ชมบ ผเี งาผหู ้ ญงิ มากอ่ นกอ่ ตงั้ ราชธานี

ประการทส่ี อง มผี ตี งั้ มากมายหลายชนดิ แตก่ ารแสดง
หนังใหญเ่ ลอื กทจี่ ะไหวบ้ ชู าใหค้ วามยําเกรงกบั ผชี มบ ซง่ึ เป็ นผี
เงาผหู ้ ญงิ มคี วามเกยี่ วขอ้ งกนั ตรงลกั ษณะการปรากฏกายใหค้ น
เห็นในลกั ษณะเงา สว่ นหนังใหญก่ ็เป็ นการละเลน่ วา่ ดว้ ย “แสง
เงา” เชน่ กนั จงึ อาจเกรงวา่ หากบอกกลา่ วเลา่ ความกอ่ นตงั้ เสา
เมอื่ ถงึ เวลาแสดงหนังใหญแ่ ลว้ ผชี มบจะปรากฏเป็ นแสงเงา
รบกวน สว่ นการเลอื กผชี มบ ผผี หู ้ ญงิ มารว่ มพธิ กี รรมนัน้ เป็ นการ
นับถอื ใหเ้ กยี รติ สงิ่ ใดยงิ่ ใหญใ่ หก้ ําเนดิ มกั เรยี กแม่ ซง่ึ เป็ นเพศ
หญงิ เสมอมา เชน่ แมน่ ้ํา แมธ่ รนี แมพ่ ระคงคาฯลฯ แมโ้ ลกความ
จรงิ ผหู ้ ญงิ อาจไมม่ บี ทบาทเกย่ี วขอ้ งกบั การแสดงหนังใหญต่ าม
คตพิ ราหมณ์ชายเป็ นใหญ่ แตโ่ ลกของวญิ ญาณความเชอ่ื และชน
พน้ื ถน่ิ กไ็ ดด้ งึ ชมบ ผผี หู ้ ญงิ มาเกยี่ วโยงไดอ้ ยา่ งลงตวั ดว้ ยการปู
ทางกอ่ นตงั้ เสาไหวผ้ เี จา้ ถน่ิ กอ่ นเขา้ สพู่ ธิ กี รรมไหวผ้ เี ทพแบบ

40 สจุ ิตต์ วงษ์เทศ. “อา่ นแผน่ ดินฯ”, มตชิ นสดุ สปั ดาห์(๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖) ปี ท่ี ๒๓ ฉบบั
ท่ี ๑๒๐๐.
41 ในชว่ งเวลา พ.ศ.๒๓๙๙ ครูเปี ยนา่ จะต้องมีอายไุ ม่ตา่ํ กวา่ ๗๔ ปี เพราะต่างเลา่ สืบกนั มาวา่
เป็นคนยคุ ปลายกรุงเก่า (ผ้วู จิ ยั )

200

พราหมณ์ในชว่ งเบกิ หนา้ พระกอ่ นการแสดงหนังใหญ่

ความเชอ่ื เป็ นเรอื่ งยากตอ่ การพสิ จู นเ์ ชงิ วทิ ยาศาสตร์ เป็ น
ประสบการณ์โดยตรงของผปู ้ ระสบเหตุ หรอื เชอ่ื สบื เนอื่ งตามกนั
มา จงึ มคี ําวา่ ไมเ่ ชอื่ อยา่ ลบหลู่ เป็ นขอ้ เตอื นสติ แตค่ วามเชอ่ื
สง่ ผลดหี ลายประการ ในแงข่ องคตธิ รรมและการเตอื นสติ

หนังครทู ําไมตอ้ งทําจากหนังเสอื หนังหมี เพราะความ
เป็ นครู หรอื การแสวงหาครทู ด่ี มี คี วามรนู ้ ัน้ ยากยง่ิ ดงั่ การหาผนื
หนังสตั วท์ มี่ อี ํานาจและบารมี

ทหี่ นังครฤู าษี จะไมว่ างทบั หรอื ใกลก้ บั หนังครพู ระอศิ วร
และหนังครพู ระนารายณ์ เพราะตามหลกั ธรรมชาติ กลนิ่ สาปหนัง
เสอื อาจไปทําปฏกิ รยิ าทางเคมกี บั หนังหมี หรอื หนังววั ก็ได ้ จน
ทําใหห้ นังยน่ เปลย่ี นรปู

ทเี่ ชอ่ื วา่ หนังทกุ ตวั เป็ นเสมอื นครู ไมค่ วรเดนิ ขา้ ม ตงั้ ไว ้
ในทเ่ี หมาะสมนัน้ เป็ นสงิ่ ดงี ามทศ่ี ลิ ปินควรกระทํา เพราะหนังแต่
ละตวั เป็ นสง่ิ ทบี่ อบบางงา่ ยตอ่ การชาํ รดุ หากไมท่ ะนุถนอม แตล่ ะ
ตวั กวา่ จะทําขนึ้ มาก็ยาก มมี ลู คา่ ทางใจมาก

ทวี่ า่ หนังกบั ไฟไมถ่ กู กนั เชน่ ไฟไหม ้ หนังนครไหว ท่ี
โรงละคอนศลิ ปากร, วดั บางนอ้ ย สมทุ รสงครามนัน้ เป็ นเครอื่ ง
เตอื นสตใิ หร้ ะแวดระวงั ภยั ไมป่ ระมาทเลนิ เลอ่ ความจรงิ สาเหตุ
ของไฟไหมเ้ กดิ จากคนทงั้ นัน้ 42

42 สมั ภาษณ์ วรี ะ มีเหมือน (ครูหนงั ใหญ่ จ.อา่ งทอง), ๒๔ ตลุ าคม ๒๕๕๗.


Click to View FlipBook Version