หลักสูตรระดับชน้ั เรียน
โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจงั หวัดเชียงราย
พุทธศักราช 2565
ตามหลักสูตรการจดั การศึกษาขั้นพ้ืนฐานพทุ ธศักราช 2551
ฉบับปรับปรงุ พุทธศกั ราช 2565
รายวิชา ว๒2๑๐3 (วทิ ยาศาสตร์4)
กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาตอนต้น
ชอ่ื ครูผสู้ อน นางสาวลคั นา ไชยเนตร
สานักการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
กรมสง่ เสรมิ การปกครองทอ้ งถ่ิน
กระทรวงมหาดไทย
แผนจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 หน่วยยอ่ ยท่ี 1
ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ การแยกสาร เวลา 2 ช่วั โมง
เร่อื ง การแยกสาร ผู้สอน นางสาวลคั นา ไชยเนตร
วันที่ทาการสอน....................เดือน................................พ.ศ.................
1. สาระสาคญั 2. มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด
การแยกสาร หมายถงึ การที่แยกสารทีผ่ สมกันตง้ั แต่ 2 ชนิดข้ึนไปออกจาก ว2.1 ม.2/1 อธบิ ายการแยกสารผสมโดยการระเหยแหง้ การตก
กัน เพอ่ื นาสารที่ได้น้นั ไปใช้ประโยชนต์ ามต้องการ ซึ่งสามารถจาแนกไดค้ ือ ผลกึ การกลนั่ อย่างง่าย โครมาโทกราฟแี บบกระดาษ การสกดั
การแยกสารเนื้อผสม และการแยกสารเนื้อเดียว ดว้ ยตัวทาละลาย โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์
3. สาระการเรียนรู้ 4. ช้นิ งาน/ภาระงาน
- การแยกสาร - ใบงาน Diagram เร่ือง การแยกสาร
- ใบงาน เรอื่ ง การแยกสาร (ตามแนว Pisa)
5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
6. เครือ่ งมือการสอนคดิ
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี - Diagram, Six thinking hats (White hat)
กิจกรรมการเรยี นรู้
7. ข้ันของกจิ กรรม 8. ส่ือ 9. วธิ วี ดั ผล
- ใบงาน Diagram เรื่อง การ
Do Now ( 3 นาท)ี แยกสาร - ประเมนิ ใบงาน
“บอกวตั ถุดิบในการทาขา้ วผัด คนละ 1 วิธี” - ใบความรู้ เรื่อง การแยกสาร Diagram เร่ือง การแยก
Purpose (2 นาท)ี - สือ่ Power point เร่อื ง การ สาร
เราจะเรยี นเร่อื ง การแยกสาร เพอ่ื ใหน้ กั เรียนสามารถอธิบายการแยกสารผสมโดยการระเหย แยกสาร - ประเมนิ ใบงาน เรือ่ ง
แห้ง การตกผลกึ การกลน่ั อยา่ งงา่ ย โครมาโทกราฟแี บบกระดาษ การสกดั ด้วยตวั ทาละลาย การแยกสาร (ตามแนว
โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจักษ์ - ใบงาน เร่อื ง การแยกสาร Pisa)
Work mode (110 นาท)ี (ตามแนว Pisa)
1. นักเรยี นตอบคาถาม “เรามวี ิธแี ยกเกลือออกจากนา้ เกลอื อยา่ งไร” (5 นาที)
2. นักเรียนสืบค้นขอ้ มูลเกีย่ วกบั การแยกสาร โดยศกึ ษาจากใบความรู้ เรือ่ ง การแยกสาร
และสรปุ ความรู้ ในรูปแบบของผงั มโนทศั น์ ลงในใบงาน Diagram เรอ่ื ง การแยกสาร (คิด 9
: คดิ เชงิ มโนทัศน์)(สมรรถนะ2 : การคดิ ขัน้ สงู )(พอเพียง 3 : การมีภูมคิ ุ้มกันที่ดี) (25 นาท)ี
3. นกั เรียนแต่ละกล่มุ นาเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรยี น และอภปิ รายผลงานรว่ มกัน
(25 นาที))(สมรรถนะ3 : การสื่อสาร )
4. นักเรียนฟงั ครอู ธบิ ายเน้อื หาเพิ่มเตมิ เรือ่ ง การแยกสาร โดยใชส้ ื่อ Power Point เรอื่ ง
การแยกสาร (25 นาที)
5. นักเรยี นวิเคราะห์คาตอบโดยทาใบงานตามแนว Pisa เรื่อง การแยกสาร (15นาที)
6. นกั เรยี นตอบคาถาม “หากตอ้ งการแยกผงตะไบเหลก็ ออกจากทรายละเอียด ตอ้ งใช้
วิธกี ารแยกสารวธิ ใี ด อยา่ งไร”(White hat) (5 นาท)ี
7. นักเรียนและครู ร่วมกนั สรปุ ความรู้ เรือ่ ง การแยกสาร (10 นาที)
Reflective Thinking (5 นาท)ี
- บอก 1 สง่ิ ที่นักเรยี นได้รบั จากการเรยี นในคาบน้ี
- ข้อสอบ O-net
ใบความรู้ เร่ือง การแยกสาร
การหยบิ ออก
ในบางคร้ังสารทีผ่ สมมีขนาดใหญแ่ ละปริมาณไม่มากก็สามารถหยบิ ออกไดเ้ ลย เช่น กรวดปนในขา้ วเปลือก
การร่อน (แยกของแขง็ -ของแขง็ )
ใชแ้ ยกสารเน้ือผสมระหวา่ งของแขง็ และของแขง็ โดยการร่อน อาศยั ขนาดของรูตะแกรงแยกสารผสม เช่น ทรายปนใน
ขา้ วเปลือก
การใช้แมเ่ หลก็ (แยกสารทเี่ ป็นสารแม่เหลก็ )
ใชแ้ ยกสารทเี่ ป็ นสารแม่เหลก็ ดว้ ยแม่เหลก็ เช่น ผงตะไบเหลก็ ในทราย,ผงเหล็กและผงกามะถนั
สารทมี่ ีสารแม่เหล็ก เช่น เหลก็ , โคบอลต,์ นิกเกิล
สารทไี่ ม่มีสารแม่เหล็ก เช่น ทองแดง, กามะถนั
การกรอง (แยกของแขง็ -ของเหลว)
กระดาษกรองใชแ้ ยกของแขง็ ทอ่ี นุภาคมีเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางใหญก่ วา่ 10-4 เซนติเมตร
กระดาษเซลโลเฟนใชแ้ ยกของแขง็ ทอ่ี นุภาคมีเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางใหญ่กวา่ 10-7 เซนติเมตร แต่เล็กกวา่ 10-4 เซนตเิ มตร
การแยกดว้ ยกรวยแยก (แยกของเหลว-ของเหลวท่ีไม่รวมเป็นเน้ือเดียวกนั )
ใชแ้ ยกสารทม่ี ีความหนาแน่นต่างกนั สารที่มีความหนาแน่นกวา่ จะอยดู่ า้ นล่าง สารทม่ี ีความหนาแน่นนอ้ ยกวา่ จะลอยอยู่
ดา้ นบน
การระเหดิ (แยกของแขง็ -ของแขง็ ทีร่ ะเหิดได)้
การระเหิด คือ การเปลี่ยนสถานะสารจาก ของแขง็ --> แกส๊ โดยไม่ผา่ นสถานะของเหลว
สารท่รี ะเหิดได้ เช่น แนฟทาลีน, การบรู , เกลด็ ไอโอดีน
วธิ ีการ ใหค้ วามร้อนกบั สารผสม (ไอโอดนี -ทราย) เมื่อไอโอดนี ไดร้ บั ความรอ้ นจะระเหิด และไอจะไปเกาะท่ีกรวยแกว้ เมื่อ
ทง้ิ ไวจ้ ะเห็นเกลด็ ไอโอดีน
การตกตะกอน (แยกของแขง็ แขวนลอย-ของเหลว)
ใชแ้ ยกสารเน้ือผสมระหวา่ งของแขง็ แขวนลอยทอี่ ยใู่ นของเหลว เช่นน้าคลอง เม่ือนาน้าคลองมาต้งั ทิ้งไวส้ ารแขวนลอยจะ
ค่อยตกตะกอน แต่ถา้ ตอ้ งการใหเ้ ร็วข้ึน สามารถใชส้ ารสม้ สารสม้ จะทาใหต้ ะกอนเกิดการเกาะกลุ่มกนั และมีน้าหนกั มากจึง
ตกไปที่กน้ ภาชนะไดเ้ ร็วข้นึ
การสกดั ด้วยตัวทาละลาย
เป็นการแยกสารผสมดว้ ยตวั ทาละลาย เช่น การสกดั สมุนไพรดว้ ยเหลา้ ขาวหรือแอลกอฮอล์ (ขอ้ มูลจากสานกั งานขอ้ มลู
สมุนไพร คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหิดล)
จากรูป หากตอ้ งการแยกสารทผ่ี สมกนั อยดู่ ว้ ยวิธีการสกดั ดว้ ยตวั ทาละลาย เติมตวั ทาละลาย -> เขยา่ ใหเ้ กิดการผสม-> สารที่
ตอ้ งการจะแยกจะไปละลายในช้นั ของตวั ทาละลาย ->ตวั ทาละลายและสารเดิมจะแยกช้นั กนั -> นาไปแยกออก ->แยกตวั ทา
ละลายออกจากสารที่ตอ้ งการดว้ ยวธิ ีที่เหมาะสมตอ่ ไป
หลกั การในการเลือกตวั ทาละลาย
สามารถละลายสารที่ตอ้ งการแยกไดด้ ี แต่ไม่ละลายสารที่ไม่ตอ้ งการแยก
มีความหนาแน่นตา่ งกบั สารท่ไี ม่ตอ้ งการแยกมากกวา่ 150 กิโลกรัมตอ่ ลูกบาศกเ์ มตร
ไม่ทาปฏิกิริยาเคมีกบั สารท่ตี อ้ งการแยกและไม่ตอ้ งการแยก
ไม่เสียสภาพไดง้ า่ ยในความร้อน
สามารถแยกออกจากสารท่ตี อ้ งการไดง้ า่ ย
กลุ่มที่ 2 แยกสารเน้ือเดียว
การระเหย (แยกของแขง็ -ของเหลว)
เป็นการแยกสารผสมทปี่ ระกอบดว้ ยของแขง็ ซ่ึงละลายอยใู่ นของเหลวตวั อยา่ งเช่น การทานาเกลือ
การตกผลกึ
คอื วธิ ีการแยกของแขง็ จากสารละลาย
จากรูป เกิดข้นั ตอนดงั น้ี
A. สารผสมละลายอยใู่ นตวั ทาละลาย และเมื่อใหค้ วามรอ้ นสารผสมจะละลายไดม้ ากข้ึนจนใกลถ้ ึงจุดอ่ิมตวั (จุดทส่ี ารไม่
สามารถละลายตอ่ ไปได)้
B. เมื่อทิ้งไวใ้ หเ้ ยน็ ลงสารบริสุทธ์ิ เช่น ธาตุหรือสารประกอบจะก่อผลึกข้นึ
C. แยกออกจากสารอ่ืนดว้ ยการกรอง
หลกั การการเลือกตวั ทาละลาย
สามารถละลายสารที่ตอ้ งการตกผลึกไดเ้ ม่ือใหค้ วามรอ้ น และละลายไดน้ อ้ ยหรือไมล่ ะลายเลยเม่ืออุณหภมู ิต่า
เม่ือทง้ิ ไวใ้ หเ้ ยน็ จะเกิดผลึกสารบริสุทธ์ิ
ไม่ทาปฏิกิริยาเคมีกบั สารทต่ี อ้ งการตกผลึก
การกลัน่
เป็นการแยกสารเน้ือเดียวท่ีเป็นของเหลวโดยอาศยั ความแตกตา่ งของจดุ เดือดของสาร เม่ือใหค้ วามร้อน สารทมี่ ีจุดเดือดต่ากวา่
จะระเหยกลายเป็นไอ-> ไอจะกระทบความเยน็ ->เกิดการควบแน่น
การกลนั่ แบง่ ไดเ้ ป็น 3 ประเภท
การกลนั่ แบบธรรมดา
สารท่ีจะแยกตอ้ งมีจุดเดือดต่างกนั มาก
การกลนั่ ลาดบั ส่วน
สารท่ีจะแยกมีจุดเดือดใกลก้ นั เช่น การกลนั่ น้ามนั ดิบ
การสกดั โดยการกลนั่ ดว้ ยไอน้า
ใชแ้ ยกสารทีม่ ีจดุ เดือดต่ากวา่ น้าและไม่ละลายเป็นเน้ือเดียวกบั น้าเม่ือเยน็ ตวั ตวั อยา่ งเช่น การ สกดั น้ามนั หอมระเหย
การกลน่ั แบบธรรมดา
การกลน่ั ลาดบั ส่วน
โคมาโตกราฟี
เป็นการแยกสารเน้ือเดียวทมี่ ีความเป็นข้วั ตา่ งกนั ใชเ้ พอื่ ทาใหส้ ารบริสุทธ์ิ หรือใชเ้ พอ่ื ตรวจสอบความบริสุทธ์ิของสาร
หลกั การทางานข้นึ กบั ความแตกต่าง
ความสามารถในการดูดซบั กบั ตวั ดูดซบั ที่เป็นเฟสคง
ความสามารถในการละลายในตวั ทาละลายท่เี ป็นเฟสเคลื่อนท่ี
จากรูป C ละลายดีท่สี ุดและดูดซบั นอ้ ยทส่ี ุดเมื่อเทียบกบั A และ Bโดย A ละลายไดไ้ ม่ดี และดูดซบั ไดด้ ีจงึ เคลื่อนที่ไปได้
ระยะทางส้นั ทีส่ ุด
เรอื่ ง นา่ รู้ของสารให้ความหวานทดแทนน้าตาล
ปจั จุบนั ไม่ว่าจะหนั ไปทางไหน ก็มแี ตเ่ รื่องสุขภาพ ไม่วา่ จะเป็นการออกกาลงั กายเพือ่ สขุ ภาพ การรับประทานอาหารเพื่อ
สุขภาพ โดยเฉพาะอาหารทีม่ ีผลิตภัณฑใ์ หม่ๆ มาใหไ้ ด้ลองรบั ประทานอยู่ตลอดเวลา อาหารเพ่อื สขุ ภาพมีหลายแบบ แตร่ ปู แบบ
ทีเ่ ป็นที่นิยม คืออาหารทใ่ี ช้ “สารให้ความหวานทดแทนนา้ ตาล”
สารให้ความหวานทดแทนนา้ ตาลคือ อะไร? รบั ประทานมากๆ แล้วดีไหม? และคาถามอ่นื อีกมากมาย วันน้เี รามาทาความ
รู้จกั สารใหค้ วามหวานทดแทนน้าตาลกนั คะ่ โดยท่ัวไปสารใหค้ วามหวานทดแทนน้าตาลจะแบง่ ได้ เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่สารให้
ความหวานแทนนา้ ตาลชนิดที่ใหพ้ ลังงาน ได้แก่ ฟรกุ โทส ซ่ึงเป็นน้าตาลจากผลไม้ มอลทิทอล ซอร์บิทอล และไซลิทอล สารให้
ความหวานกลมุ่ น้ี ไมเ่ หมาะสาหรบั ผู้ท่ตี ้องการควบคมุ นา้ หนัก และผู้ป่วยโรคเบาหวาน ส่วนสารให้ความหวานทไ่ี ม่ให้พลังงาน
หรอื ให้พลังงานตา่ ได้แก่ ซูคราโลส สตีเวีย แอสปาแตม อะซซิ ัลเฟม-เค แซคคารนี หรือท่เี รียกว่าขัณฑสกร สารให้ความหวาน
กลมุ่ น้ี เหมาะสาหรบั ผู้ที่ตอ้ งการควบคมุ น้าหนัก และผู้ปว่ ยโรคเบาหวาน สารให้ความหวานท้ัง 2 กลุ่ม มที ั้งแบบทม่ี าจาก
ธรรมชาตแิ ละสังเคราะหโ์ ดยวิธกี ารทางเคมี คราวนีจ้ ะรักสขุ ภาพท้ังที มาทาความรูจ้ ักสารใหค้ วามหวานที่สามารถใช้ในอาหาร
มาจากธรรมชาติ ใช้ไดต้ ามกฎหมายและคอ่ นข้างมีความปลอดภยั กันดีกว่า
ใชข้ ้อความข้างต้นตอบคาถามตอ่ ไปนี้
คาถามท่ี 1 : สารใหค้ วามหวานทดแทนนา้ ตาลจากธรรมชาติจดั ว่าเป็น “ความหวานทางเลอื ก” ทีเ่ หมาะกบั คนรกั สุขภาพ
(2 คะแนน)
จงเขียนวงกลมล้อมรอบคาว่า “ใช”่ หรือ “ไม่ใช่” สมรรถนะ : การอธบิ ายปรากฏการณ์ในเชงิ วิทยาศาสตร์
ความร้/ู เน้ือหา : ความรู้เกี่ยวกับวทิ ยาศาสตร์
การใช้ความรู้ : สารให้ความหวานทดแทนน้าตาล
สถานการณ์ : ใช้พืชธรรมชาติทดแทนนา้ ตาล
ลักษณะขอ้ สอบ : เลอื กตอบเชงิ ซอ้ น
วตั ถปุ ระสงค์ของการปรับปรุงพนั ธข์ุ ้าวหอมมะลิ ใช่หรอื ไมใ่ ช่
1. สารให้ความหวานทดแทนนา้ ตาลเหมาะกบั การลดน้าหนกั ใช/่ ไมใ่ ช่
2. ฟรุกโตส พบในผลไมท้ ีม่ รี สหวาน ใช/่ ไม่ใช่
3. เหมาะสาหรบั บคุ คลกลุ่มทเ่ี ป็นโรคเบาหวาน ใช่/ไม่ใช่
4. ลดตน้ ทนุ ในการผลิต ใช่/ไมใ่ ช่
คาถามท่ี 2 : ข้อใดเป็นการให้เหตุผลทใี่ ชส้ ารใหค้ วามหวานทดแทนน้าตาลไม่ถูกตอ้ ง (1 คะแนน)
1. เพราะเหมาะสาหรับผู้ทีต่ อ้ งการลดน้าหนัก
2. เพราะสามารถใช้ในอาหาร มาจากธรรมชาติ ใชไ้ ด้ตามกฎหมายและค่อนข้างมีความปลอดภยั
3. เพราะผบู้ ริโภคไดล้ องรับประทานผลติ ภัณฑ์ใหมๆ่ อยตู่ ลอดเวลา
4. เพราะมะพรา้ ว และออ้ ยให้ผลผลิตต่า
สมรรถนะ : การประเมินและการออกแบบกระบวนการ
สบื เสาะหาความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์
ความรู้/เนือ้ หา : ความร้เู ก่ียวกับวทิ ยาศาสตร์
การใชค้ วามรู้ : สารให้ความหวานทดแทนนา้ ตาล
สถานการณ์ : ใชพ้ ชื ธรรมชาตทิ ดแทนนา้ ตาล
ลักษณะข้อสอบ : เลือกตอบ
แนวคาตอบและเกณฑ์การใหค้ ะแนน
เร่ือง น่าร้ขู องสารให้ความหวานทดแทนนา้ ตาล
คาถามท่ี 1 : สารให้ความหวานทดแทนนา้ ตาลจากธรรมชาติจดั ว่าเป็น “ความหวานทางเลือก” ทีเ่ หมาะกบั คนรกั สขุ ภาพ
(2 คะแนน)
วัตถุประสงค์ของการปรบั ปรุงพันธ์ขุ ้าวหอมมะลิ ใชห่ รือไมใ่ ช่
1. สารให้ความหวานทดแทนน้าตาลเหมาะกับการลดน้าหนกั ใช/่ ไม่ใช่
2. ฟรุกโตส พบในผลไม้ทีม่ ีรสหวาน ใช/่ ไม่ใช่
3. เหมาะสาหรบั บุคคลกลุ่มทเ่ี ป็นโรคเบาหวาน ใช/่ ไมใ่ ช่
4. ลดตน้ ทนุ ในการผลติ ใช่/ไม่ใช่
คะแนน 2 คะแนน คะแนน 1 คะแนน คะแนน 0 คะแนน
ตอบถูกทงั้ 4 ขอ้ ตอบถูก 3-2 ขอ้ ตอบถูก 1-0 ข้อ
คาถามท่ี 2 : ขอ้ ใดเปน็ การใหเ้ หตุผลที่ใช้สารใหค้ วามหวานทดแทนนา้ ตาลไมถ่ ูกต้อง (1 คะแนน)
1. เพราะเหมาะสาหรบั ผู้ท่ตี อ้ งการลดนา้ หนัก
2. เพราะสามารถใช้ในอาหาร มาจากธรรมชาติ ใชไ้ ด้ตามกฎหมายและคอ่ นข้างมคี วามปลอดภัย
3. เพราะผูบ้ ริโภคได้ลองรบั ประทานผลิตภัณฑใ์ หม่ๆอยูต่ ลอดเวลา
4. เพราะมะพร้าว และอ้อยให้ผลผลติ ต่า
คะแนนเต็ม 1 คะแนน คะแนน 0 คะแนน
ตอบข้อ 4 ตอบข้อ 1 , 2 หรือ 3
เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
3 ดีมาก
2 ดี
1 พอใช้
0 ปรับปรุง
นักเรียนไดร้ ะดบั คณุ ภาพท่ี พอใช้ ขน้ึ ไปถอื ว่า ผ่าน
ใบงาน Diagram
การ
เรอ่ื ง การแยกสาร
รแยกสาร
แบบประเมินใบงาน Diagram
คาชี้แจง : ใหผ้ ้สู อนประเมนิ ผลงานใบงานนักเรียน โดยการประเมินคะแนนลงในชอ่ งรายการประเมนิ กาหนดตามตารางแนบ
ทา้ ยแบบประเมินใบงาน Diagram
ลาดับที่ ช่อื -สกลุ รูปแบบ เน้อื หา นาเสนอ ความ ตรงต่อเวลา รวม สรปุ ผลการ
ของผรู้ ับการ สวยงาม 20 คะแนน ประเมนิ ผ่าน/ไม่
ประเมิน 1234123412 3412341234 ผ่าน
ลงช่ือ ....................................................ผปู้ ระเมิน
................/................/................
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
18 - 20 ดมี าก
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ
นกั เรยี นได้ระดบั คุณภาพท่ี พอใช้ ขน้ึ ไปถอื ว่า ผ่าน
ตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน Diagram
เกณฑก์ าร ระดับการประเมนิ
ประเมนิ 4 (ดีมาก) 3 (ด)ี 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรงุ )
รปู แบบ - มีหวั ข้อท่ีชัดเจน - มหี วั ข้อท่ีชัดเจน - มหี วั ข้อที่ชดั เจน - มหี ัวข้อที่ชัดเจน
- เขยี นอยูใ่ นกรอบ - เขียนอย่ใู นกรอบ - เขียนอยใู่ นกรอบ - เขียนอยู่ในกรอบ
- ใช้คาสาคัญตรงประเด็น - ใช้คาสาคัญตรงประเดน็ - ใช้คาสาคญั ตรงประเดน็
- ใช้สัญลกั ษณ์หรอื ภาพ - ใช้สัญลักษณ์หรอื ภาพ
ส่อื ความหมาย สือ่ ความหมาย
- ใช้สีสันท่ัวแผน่
เนอ้ื หา - เน้อื หาครบถ้วนตาม - เนอื้ หาถกู ตอ้ งตามสาระ - เน้อื หาถูกต้องตามสาระ - เนื้อหาถกู ต้องตามสาระ
สาระทก่ี าหนด 100% ที่กาหนด 80-99% ทีก่ าหนด 60-79% ทก่ี าหนดต่ากวา่ 59%
- เขยี นถกู ตอ้ งตามหลกั - เขียนถูกต้องตามหลัก - เขยี นถกู ตอ้ งตามหลัก - เขยี นถูกต้องตามหลัก
ภาษา 100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% ภาษาต่ากวา่ 59%
- ลาดบั หวั ขอ้ เน้ือหา - ลาดบั หวั ข้อเน้ือหา - มกี ารสรุปไดอ้ ย่าง - มีการสรปุ ไม่
ชัดเจน ชดั เจน สมเหตุสมผล 60-79% สมเหตุสมผลต่ากว่า
- มีการสรปุ ไดอ้ ยา่ ง - มีการสรปุ ได้อย่าง 59%
สมเหตุสมผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%
การนาเสนอ - พูดชดั เจนเสียงดังฟงั ชดั - พูดชัดเจนเสียงดงั ฟังชดั - การพูดเหมาะสม - สามารถพูดนาเสนอได้
- ใช้ภาษาทางการถกู ต้อง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง - ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ ง - ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ ง
ตามอักขระ100% ตามอักขระ80-99% ตามอักขระ60-79% ตามอกั ขระต่ากว่า
- บุคลิกภาพดีและมคี วาม - บุคลกิ ภาพดี - บุคลิกภาพเหมาะสม 59%
มนั่ ใจ - ความพร้อมในการ - บุคลิกภาพเหมาะสม
- มีการใช้สื่อประกอบการ นาเสนอไดบ้ างสว่ น
นาเสนอ
- ความพรอ้ มในการ
นาเสนอ
ความ - ใช้สสี ันสวยงาม - ใช้สสี ันสวยงาม - ใช้สสี นั สวยงามและมี - ใช้สีสันสวยงามหรอื
สวยงาม - มคี วามสะอาด - มคี วามสะอาด ความสะอาด เปน็ ไปตามเกณฑอ์ ย่าง
- มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ - มีความคดิ สรา้ งสรรค์ ใดอยา่ งหน่ึง
- ความเปน็ ระเบยี บอ่าน
ง่าย
การตรงต่อ สง่ ผลงานครบถว้ น ตรง ส่งผลงานครบถว้ น แต่ชา้ สง่ ผลงานครบถว้ น แต่ช้า สง่ ผลงานครบถ้วน แต่ช้า
เวลา ตามเวลาทก่ี าหนด กวา่ เวลาท่ีกาหนด 5 กว่าเวลาท่กี าหนด 10 กวา่ เวลาทก่ี าหนด 15
นาที นาที นาที
ขอ้ สอบ O-net ปี 48
วิธกี ารกลัน่ นา้ ให้บริสทุ ธิโ์ ดยการกลน่ั แบบธรรมดา สานในขอ้ ใดใช้วธิ ีการนี้แยกไม่ได้
1. นา้ ทะเล
2. น้าคลอง
3. น้าเช่อื ม
4. น้าผสมเอทานอล
ท่มี า http://www.niets.or.th
แผนจดั การเรยี นร้ทู ี่ 2
ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ การแยกสาร หนว่ ยยอ่ ยท่ี 1
เรอ่ื ง การระเหยแหง้ เวลา 2 ชัว่ โมง
วันทท่ี าการสอน....................เดือน................................พ.ศ................. ผูส้ อน นางสาวลัคนา ไชยเนตร
1. สาระสาคญั 2. มาตรฐาน/ตัวช้วี ดั
ว2.1 ม.2/1 อธิบายการแยกสารผสมโดยการระเหยแห้ง การตก
การระเหยแห้ง การแยกสารดว้ ยวธิ ีนีเ้ หมาะสาหรบั ใชแ้ ยกสารผสมทเี่ ป็นของเหลวและ ผลึก การกล่นั อยา่ งง่าย โครมาโทกราฟแี บบกระดาษ การสกัด
มขี องแขง็ ละลายในของเหลวน้ี จนทาใหส้ ารผสมมีลกั ษณะเปน็ ของเหลวใส ซง่ึ เรา ด4ว้ .ยตชัวน้ิ ทงาาลนะ/ลภาายระโงดายนใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์
เรียกสารผสมน้วี า่ สารละลาย เชน่ น้าทะเล นา้ เช่ือมน้าเกลอื เปน็ ต้น
- ใบงาน KWL เร่ือง การระเหยแห้ง
3. สาระการเรยี นรู้ - ใบงาน เรือ่ ง การระเหยแหง้ (ตามแนว Pisa)
- การระเหยแห้ง
6. เคร่ืองมือการสอนคิด
5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน - KWL
- ความสามารถในการคิด
- ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
กิจกรรมการเรยี นรู้ 8. สอื่ 9. วธิ วี ัดผล
7. ขนั้ ของกิจกรรม - ใบงาน KWL เรื่อง การระเหยแห้ง - ประเมินใบงาน KWL เรื่อง
Do Now ( 3 นาที) - ใบความรู้ การระเหยแห้ง การระเหยแหง้
“เขียนอวัยวะทน่ี ักเรียนภูมิใจคนละ 1 อวัยวะ” - ใบงาน เร่ือง การระเหยแห้ง -ประเมินใบงาน เรอ่ื ง
Purpose (2 นาท)ี (ตามแนว Pisa) การระเหยแหง้ (ตามแนว
เราจะเรียนเรือ่ ง การระเหยแห้ง เพอื่ ใหน้ ักเรยี นสามารถอธิบายการแยกสารผสมโดยการระเหย Pisa)
แหง้
Work mode (110 นาท)ี
1. นักเรยี นตอบคาถาม “การระเหย และการระเหยแหง้ ต่างกนั หรือไม่ เพราะเหตุใด” (5 นาที)
2. นักเรยี นบนั ทึกความรูท้ ไี่ ดล้ งในใบงาน KWL การระเหยแหง้ โดยตอบคาถาม “นักเรียนรู้
อะไรบา้ งเก่ียวกบั การระเหยแหง้ ” ลงในชอ่ ง K (15 นาที)
3. นกั เรยี นและครอู ภปิ รายรว่ มกันบนกระดาน ในหวั ขอ้ นักเรียนรู้อะไรบ้างเกยี่ วกับการระเหย
แห้ง (10 นาที)
4. นกั เรยี นตอบคาถาม “นกั เรียนอยากรู้อะไรบา้ ง เก่ียวกับการระเหยแห้ง ” ลงในช่อง W (10
นาที)
5. นกั เรยี นและครอู ภปิ รายรว่ มกนั บนกระดาน ในหัวข้อ นักเรียนอยากรูอ้ ะไรบา้ ง เกย่ี วกับเรอ่ื ง
การระเหยแห้ง (15 นาที)
6. นกั เรยี นสบื คน้ ข้อมูลเก่ียวกับการระเหยแห้ง โดยศึกษาจากใบความรู้ เรอ่ื ง การระเหยแหง้
และคิดอย่างมวี จิ ารณญาณเพอ่ื ตอบคาถาม “นกั เรยี นได้ร้อู ะไรบา้ ง เก่ียวกับการระเหยแห้ง ลงใน
ช่อง L (คิด4 : คิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ))(สมรรถนะ2 : การคิดขน้ั สูง ) (พอเพยี ง 3 การมีภูมิคมุ้ กนั
ทดี่ ี) (15 นาท)ี
7. นกั เรียนวิเคราะห์คาตอบโดยทาใบงานตามแนว pisa เร่อื ง การระเหยแหง้ (25นาที)
8. นกั เรียนและครอู ภปิ รายรว่ มกัน ในหัวข้อ การระเหยแห้ง (สมรรถนะ4 : การรวมพลังทางาน
เปน็ ทีม ) (15 นาที)
Reflective Thinking (5 นาที)
- บอก 1 สิ่งท่นี ักเรียนสงสัยจากการเรียนในคาบน(้ี 3 นาที)
- ข้อสอบ O-net(2 นาท)ี
ใบความรู้ เรือ่ ง การระเหยแห้ง
การแยกสารด้วยวธิ นี ้เี หมาะสาหรบั ใช้แยกสารผสมท่เี ปน็ ของเหลวและมขี องแข็ง ละลายในของเหลวนี้
จนทาให้สารผสม มีลกั ษณะ เปน็ ของเหลวใส ซึง่ เราเรยี กสารผสมน้วี ่า สารละลาย เชน่ นา้ ทะเล นา้ เชอื่ ม
นา้ เกลอื เปน็ ต้น การแยกสารโดยวิธกี ารระเหยแห้ง นยิ มใชใ้ นการแยกเกลอื ออกจากนา้ ทะเล มกี ารนาเกลือ
เพอ่ื แยกน้าทะเลใหไ้ ดเ้ กลอื สมุทรโดยวิธีการระเหยแหง้ ชาวนาเกลือเตรีมแปงนาแล้ว ใชก้ ังหันฉุดน้าทะเลเข้าสู้
แปลงนาเกลือหลังจาก นั้นปลอ่ ยใหน้ า้ ทะเลไดร้ ับแสงแดดเป็นเวลานานจนกระทั่งนา้ ระเหยจนแหง้ จะเหลอื
เกลืออยู่ในนา เกลือท่ไี ดน้ ี้เรยี กว่า เกลอื สมุทรซึ่งเป็นเกลือทน่ี ามาปรุงอาหาร ทาเคร่ืองดมื่
การเปลย่ี นอณุ หภูมแิ ละความดนั
วิธีนใี้ ชส้ าหรบั แยกของผสมที่องคป์ ระกอบทง้ั หมดเป็นกา๊ ซแตล่ ะชนิดมีจุดเดือดไม่เท่ากนั
การใชค้ วามรอ้ น
วิธีนแ้ี ยกของผสมชนิดก๊าซละลายในของเหลว
การเปลี่ยนอณุ หภมู แิ ละความดัน
วธิ ีนีใ้ ช้สาหรบั แยกของผสมท่อี งคป์ ระกอบทงั้ หมดเปน็ ก๊าซแตล่ ะชนดิ มีจุดเดอื ดไม่เทา่ กัน
ใบงาน KWL
เรือ่ ง การระเหยแหง้
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท.่ี .........ชอื่ ...........................................สกลุ ..............................ช้ัน..........เลขท่ี...............
คาชแ้ี จง นกั เรียนบนั ทึกความรู้ท่ีได้ ลงในตารางต่อไปนพ้ี รอ้ มทั้งเขียนสรุปความ ลงในบรรทดั ท่ีวา่ งขา้ งลา่ ง
ของแบบบันทกึ
K(นกั เรยี นรู้อะไร) W(นกั เรยี นต้องการรู้อะไร) L(นักเรียนได้เรยี นรอู้ ะไร)
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………...
………………………………………………………………………………………………………………………………...
นาเกลือ
โดยทวั่ ไปแล้วการผลิตเกลือ มี 2 วิธี คือ
1) การผลิตเกลือทะเลหรอื เกลือสมุทร (Sea Salt) โดยการนาน้าทะเลมากักไว้ แลว้ อาศัยแสงแดดและลมทาให้
น้าทะเลระเหยไปจนเหลอื แต่ผลึกเกลอื การผลิตเกลอื ชนดิ นีม้ ีมาตั้งแต่สมยั โบราณ และเปน็ อาชีพเก่าแกท่ ั้ง
ของประเทศไทย และประเทศตา่ ง ๆ ทัว่ โลก
2) การผลิตเกลอื หิน หรอื สินเธาว์ (Rock Salt) โดยการขูดเอาหนา้ ดนิ ท่ปี ะปนดว้ ยคราบเกลือ ซ่งึ เกิดจาก
นา้ ฝนทีช่ ะหน้าดนิ ละลายแล้วแห้งจนปรากฏเป็นคราบเกลอื อยบู่ นผวิ ดิน ท่ีเรียกวา่ “ส่าดนิ ” มาละลายน้า แล้ว
ต้มจนได้เกลือสินเธาว์ โดยสว่ นมากมักพบในพนื้ ที่แหง้ แล้งซ่งึ ในอดีตเคยเป็นท้องทะเล หรอื อาจผลิตได้จาก
เกลอื หนิ ที่อย่ใู ต้ดิน โดยการฉดี นา้ ลงไปละลายเกลือในบ่อเกลอื หรอื ใช้การสูบน้าเกลอื ใต้ดินข้นึ มาตากแดด
หรอื อาจใช้การตม้ เพอ่ื ให้ไดต้ ะกอนเกลือกไ็ ดเ้ ชน่ กนั
แมว้ า่ เกลือหินจะถูกนามาใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งแพรห่ ลายในปจั จุบนั และสามารถใช้ทดแทนเกลือสมทุ รได้
แต่เกลอื หินนนั้ ไม่มธี าตไุ อโอดนี ซึ่งเป็นธาตอุ าหารสาหรบั การพัฒนาโครงสรา้ งของสมองของทารก รวมไปถงึ
การปอ้ งกันโรคคอหอยพอกเหมอื นเชน่ เกลือสมทุ ร
ใช้ขอ้ ความขา้ งต้นตอบคาถามตอ่ ไปนี้
คาถามท่ี 1 : แมว้ ่าเกลอื หนิ จะถกู นามาใชป้ ระโยชน์อย่างแพร่หลายในปัจจบุ นั และสามารถใชท้ ดแทน
เกลือสมทุ รได้ แต่เกลอื หนิ นัน้ ไมม่ ธี าตไุ อโอดีน ซ่ึงเปน็ ธาตอุ าหารสาหรับการพฒั นาโครงสรา้ งของสมอง
ของทารก รวมไปถึงการปอ้ งกันโรคคอหอยพอกเหมือนเช่นเกลอื สมทุ ร (4 คะแนน)
สมรรถนะ : การอธิบายปรากฏการณใ์ นเชิงวิทยาศาสตร์
ความรู/้ เนอ้ื หา : ความรเู้ กีย่ วกบั วทิ ยาศาสตร์
การใช้ความรู้ : วิทยาศาสตร์สขุ ภาพ
สถานการณ์ : การทานาเกลอื
ลักษณะขอ้ สอบ : เลือกตอบเชงิ ซ้อน
จงเขยี นวงกลมลอ้ มรอบคาว่า “ใช”่ หรอื “ไม่ใช่” ใชห่ รอื ไมใ่ ช่
ใช/่ ไม่ใช่
ข้อมลู ของบทความ ใช/่ ไม่ใช่
1. การทานาเกลอื เปน็ การระเหยแห้งจนได้เกลอื ใช่/ไม่ใช่
2. เกลือสนิ เธาวไ์ มม่ ีแรธ่ าตุไอโอดิน ใช/่ ไม่ใช่
3. ความเคม็ ของเกลือเป็นธาตุอาหารสาหรบั การพฒั นาโครงสร้างของสมองของทารก
4. เกลือไดม้ าจากการระเหยแหง้
คาถามที่ 2 : ขอ้ ใดใหเ้ หตุผลผิด เก่ยี วกับการทานาเกลอื (1 คะแนน)
1. เกลอื สินเธาวไ์ ด้มาจาก ส่าดิน ทตี่ ้มจนระเหยแห้งแลว้
2. เกลือสมุทรอาศัยความตา่ งของอุณหภมู ิทาให้น้าทะเลระเหยแหง้ จนไดเ้ กลอื
3. แร่ธาตไุ อโอดีนได้มาจากเกลือท่ีอยใู่ นดิน
4. เด็กที่ขาดแร่ธาตไุ อโอดีนจะเป็นโรคคอพอก
สมรรถนะ : การประเมนิ และการออกแบบกระบวนการ
สืบเสาะหาความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์
ความรู้/เน้อื หา : ความรเู้ ก่ยี วกบั วิทยาศาสตร์
การใช้ความรู้ : ทรัพยากรธรรมชาติเก่ียวกบั นาเกลือ
สถานการณ์ : การทานาเกลือ
ลกั ษณะข้อสอบ : เลือกตอบ
แนวคาตอบและเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
การทานาเกลอื
คาถามที่ 1 : จากบทความ พจิ ารณาว่าข้อความต่อไปนเี้ ป็นขอ้ มลู ของบทความหรอื ไม่ (4 คะแนน)
ขอ้ มูลของบทความ ใชห่ รอื ไม่ใช่
1. การทานาเกลือเป็นการระเหยแห้งจนได้เกลือ ใช/่ ไม่ใช่
2. เกลอื สนิ เธาว์ไม่มแี รธ่ าตไุ อโอดิน ใช/่ ไมใ่ ช่
3. ความเค็มของเกลอื เปน็ ธาตุอาหารสาหรับการพฒั นาโครงสร้างของสมองของทารก ใช/่ ไม่ใช่
4. เกลือได้มาจากการระเหยแหง้ ใช่/ไมใ่ ช่
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ตอบถูก ได้ 1 คะแนน
ตอบผิด ได้ 0 คะแนน
คาถามที่ 2 : ขอ้ ใดให้เหตผุ ลผดิ เก่ียวกบั การทานาเกลอื (1 คะแนน)
1. เกลือสนิ เธาว์ไดม้ าจาก ส่าดนิ ทีต่ ้มจนระเหยแหง้ แลว้
2. เกลอื สมทุ รอาศยั ความตา่ งของอุณหภมู ทิ าใหน้ ้าทะเลระเหยแห้งจนได้เกลือ
3. แร่ธาตุไอโอดนี ไดม้ าจากเกลือท่อี ยูใ่ นดนิ
4. เด็กท่ีขาดแร่ธาตุไอโอดีนจะเปน็ โรคคอพอก
คะแนนเต็ม 1 คะแนน คะแนน 0 คะแนน
ตอบขอ้ 3 ตอบข้อ 1 , 2 หรอื 4
เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ระดบั คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ดีมาก
4 ดี
3 พอใช้
2 ปรบั ปรุง
1
นักเรียนได้ระดับคณุ ภาพท่ี พอใช้ ขึน้ ไปถอื วา่ ผ่าน
แบบประเมนิ ผลงานใบงาน KWL
คาชแี้ จง : ใหผ้ ูส้ อนประเมินผลงานใบงานนกั เรยี น ใหท้ าเครอื่ งหมาย✓ลงในช่องรายการประเมินกาหนด
ลาดับท่ี ชือ่ -สกุล การแสดงความ ครอบคลมุ ผลสาเร็จ ตรงต่อเวลา ความสะอาด รวม สรปุ ผล
ของผรู้ ับการประเมนิ คิดเหน็ ถกู ต้อง เนอ้ื หา ของงาน 4321 เรียบร้อย 20 การ
คะแนน ประเมิน
ชัดเจน 4321 4321 4321 ผ่าน/ไม่
ผา่ น
4321
ลงชื่อ .................................................... ผปู้ ระเมนิ
................/................/................
เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้งั ให้ 2 คะแนน 18 - 20 ดมี าก
ให้ 1 คะแนน
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ
นกั เรยี นไดร้ ะดับคุณภาพที่ พอใช้ ขน้ึ ไปถอื ว่า ผ่าน
ตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงาน KWL
เกณฑก์ าร ระดับการประเมิน
ประเมิน
การแสดง 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง)
ความคดิ เห็น - แสดงความคิดเหน็ ในช่อง K - แสดงความคดิ เหน็ ในช่อง K
- แสดงความคดิ เหน็ ในชอ่ ง K - แสดงความคดิ เหน็ ในช่อง K
ได้ 10 ขอ้ คาถามขนึ้ ไป ได้ น้อยกวา่ 7 ข้อ
- แสดงความคดิ เห็นในช่อง ได้ 9-10 ขอ้ คาถาม ได้ 7-8 ข้อคาถาม - แสดงความคิดเหน็ ในชอ่ ง
W ได้ 10 ข้อคาถามขึ้นไป - แสดงความคดิ เห็นในช่อง - แสดงความคดิ เหน็ ในช่อง W ได้ น้อยกว่า 7 ขอ้
- แสดงความคดิ เหน็ ในชอ่ ง L - แสดงความคดิ เหน็ ในช่อง L
W ได้ 9-10 ข้อคาถาม W ได้ 7-8 ขอ้ คาถาม
ได้ 10 ขอ้ คาถามข้ึนไป ได้ นอ้ ยกวา่ 7 ขอ้
- แสดงความคิดเหน็ ในชอ่ ง L - แสดงความคิดเหน็ ในชอ่ ง L
ได้ 9-10 ข้อคาถาม ได้ 7-8 ขอ้ คาถาม
เนอ้ื หา - เนอื้ หาครบถว้ นตามสาระที่ - เนือ้ หาถูกตอ้ งตามสาระท่ี - เน้อื หาถกู ต้องตามสาระที่ - เนอื้ หาถกู ตอ้ งตามสาระที่
กาหนด 100% กาหนด 80-99% กาหนด 60-79% กาหนดตา่ ว่า 59%
การนาเสนอ - เขยี นถูกตอ้ งตามหลกั ภาษา - เขียนถูกต้องตามหลักภาษา - เขียนถูกตอ้ งตามหลักภาษา - เขยี นถกู ตอ้ งตามหลกั ภาษา
100% 80-99% 60-79% ตา่ ว่า 59%
ความสวยงาม - ลาดับหวั ข้อเน้อื หาชัดเจน - ลาดับหวั ข้อเนื้อหาชัดเจน - มีการสรุปไดอ้ ย่าง - มกี ารสรปุ ไม่สมเหตุสมผล
การตรงต่อ - มกี ารสรุปไดอ้ ยา่ ง - มกี ารสรุปได้อย่าง สมเหตุสมผล 60-79% ตา่ วา่ 59%
สมเหตสุ มผล 100% สมเหตสุ มผล 80-99%
เวลา - พูดชดั เจนเสยี งดงั ฟงั ชดั - พดู ชัดเจนเสียงดงั ฟังชดั - การพูดเหมาะสม - สามารถพดู นาเสนอได้
- ใชภ้ าษาทางการถกู ต้องตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ ง
อกั ขระ100% อักขระ80-99% อกั ขระ60-79% ตามอกั ขระต่าวา่ 59%
- บคุ ลิกภาพดแี ละมคี วาม - บุคลิกภาพดี - บุคลิกภาพเหมาะสม - บุคลิกภาพเหมาะสม
มนั่ ใจ - ความพร้อมในการนาเสนอ
- มกี ารใชส้ ่ือประกอบการ ไดบ้ างส่วน - ใชส้ ีสนั สวยงามและมคี วาม - ใชส้ ีสนั สวยงามหรอื เป็นไป
นาเสนอ สะอาด ตามเกณฑ์อย่างใดอย่าง
- ความพร้อมในการนาเสนอ - ใช้สีสนั สวยงาม หนึง่
- ใชส้ ีสนั สวยงาม - มคี วามสะอาด ส่งผลงานครบถ้วน แต่ช้ากวา่
- มคี วามสะอาด - มีความคดิ สร้างสรรค์ เวลาที่กาหนด 10 นาที สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ า้ กวา่
- มีความคิดสรา้ งสรรค์ เวลาท่กี าหนด 15 นาที
- ความเปน็ ระเบียบอา่ นงา่ ย ส่งผลงานครบถว้ น แต่ช้ากวา่
สง่ ผลงานครบถ้วน ตรงตาม เวลาที่กาหนด 5 นาที
เวลาทก่ี าหนด
แบบทดสอบโอเน็ต ปี 2560
1. มีสารบริสุทธอ์ิ ยู่ชนดิ หนง่ึ จะตัดสนิ วา่ เปน็ ธาตุหรอื สารประกอบดูไดจ้ ากสมบัติขอ้ ใด
ก. จุดหลอมเหลว ข. ความหนาแน่น
ค. การนาไฟฟา้ ง. ชนิดของอะตอม
2.
A คอื สารใด ข. นำ้ ค. โบรมีน ง. ฟลอู อรีน
ก. คลอรนี
ทมี่ า http://www.niets.or.th
แผนจัดการเรยี นรู้ท่ี 3 หนว่ ยยอ่ ยที่ 1
ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ การแยกสาร เวลา 2 ช่วั โมง
เร่ือง การตกผลกึ ผู้สอน นางสาวลคั นา ไชยเนตร
วนั ที่ทาการสอน....................เดอื น................................พ.ศ.................
1. สาระสาคัญ 2. มาตรฐาน/ตัวชว้ี ดั
ว 2.1 ม.2/1 อธิบายการแยกสารผสมโดยการระเหยแหง้ การ
การตกผลกึ คือ การแยกของผสมที่เปน็ ของแขง็ ทีม่ สี มบัตกิ ารละลายในตัวทา
ละลายตา่ งกันและไดไ้ มเ่ ทา่ กันทกุ อุณหภูมิ มหี ลกั การ คือ เม่ือนาของผสมละลาย ตกผลึก การกล่ันอยา่ งง่าย โครมาโทรกราฟแี บบกระดาษ การ
ในตวั ทาละลายต้มสารละลายน้ันจนละลายหมด แล้วทง้ิ ให้อณุ หภมู ลิ ดลง สารที่ สกดั ดว้ ยตัวทาละลาย
ละลายนอ้ ยกว่าจะอ่มิ ตัวแลว้ ตกผลึกแยกออกมาก่อน
4. ชนิ้ งาน/ภาระงาน
3. สาระการเรยี นรู้
- ใบงาน Mind mapping เรื่อง การตกผลึก
- การตกผลึก - ใบงาน เรอ่ื ง การตกผลึก (ตามแนว Pisa)
5. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน 6. เครื่องมือการสอนคดิ
- ความสามารถในการคิด - Mind mapping, Six thinking hats (White hat)
- ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
กจิ กรรมการเรยี นรู้
7. ขัน้ ของกิจกรรม 8. สือ่ 9. วธิ วี ดั ผล
- ใบงาน Mind mapping
Do Now ( 3 นาท)ี เรอื่ ง การตกผลกึ - ประเมินใบงาน Mind
“บอกวิธีคลายร้อนคนละ 1 วิธี” - ใบความรู้ เร่อื ง การตก mapping เรอื่ ง การตก
Purpose (2 นาท)ี ผลึก ผลกึ
เราจะเรยี นเรอ่ื ง การตกผลกึ เพือ่ ใหน้ กั เรียนสามารถอธบิ ายการแยกสารผสมโดยการ การ - ส่อื Power point เรือ่ ง การ - ประเมนิ ใบงาน เรอ่ื ง การ
ตกผลึก ตกผลกึ ตกผลึก (ตามแนว Pisa)
Work mode (110 นาที)
1. นักเรยี นตอบคาถาม “บอกเครื่องปรุงท่ีเปน็ ของแขง็ ในห้องครวั ” (10 นาที) - ใบงาน เรือ่ ง การตกผลึก
2. นักเรยี นสืบคน้ ขอ้ มูลเกยี่ วกบั การตกผลกึ โดยศึกษาจากใบความรู้ เรื่อง การตกผลึก (ตามแนว Pisa)
และสรุปความรู้ ในรปู แบบของผังมโนทัศน์ ลงในใบงาน Mind mapping เรื่อง การตก
ผลึก (คดิ 9 : คิดเชิงมโนทศั น์) )(สมรรถนะ2 : การคิดขน้ั สูง )(พอเพยี ง 3 : การมภี มู ิคุ้มกนั ท่ี
ดี) (25 นาที)
3. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอผลงานหน้าชัน้ เรียน และอภิปรายผลงานร่วมกนั (สมรรถนะ3 :
การสื่อสาร ) (20 นาที)
4. นักเรียนฟังครอู ธิบายเน้ือหาเพ่ิมเตมิ เร่ือง การตกผลึก โดยใชส้ ือ่ Power Point เรื่อง
การตกผลึก (25 นาท)ี
5. นกั เรยี นวิเคราะหค์ าตอบโดยทาใบงานตามแนว pisa การตกผลกึ (25นาที)
6. นกั เรยี นตอบคาถาม “นกั เรียนเคยเหน็ การตกผลกึ ในชวี ิตประจาวนั อะไรบา้ ง”
(White hat) (5 นาท)ี
7. นกั เรยี นและครู รว่ มกันสรุปความรู้ เรื่อง การตกผลึก (10 นาที)
Reflective Thinking (5 นาที)
- บอก 1 สงิ่ ท่นี กั เรียนได้รับจากการเรยี นในคาบน้ี
- ข้อสอบ O-net
ใบความรู้ เร่อื ง การตกผลึก
การตกผลึก คอื ปรากฏการณ์ท่ีของแขง็ ทีเ่ ปน็ ตัวละลายแยกออกจากสารละลายอ่ิมตัว เม่อื สารละลายอม่ิ ตวั มี
อณุ หภมู ลิ ดลง ถา้ สารละลายอม่ิ ตวั เย็นตัวลงอยา่ งรวดเร็ว จะเกดิ ผลกึ ท่มี ีขนาดเล็ก แตถ่ ้าสารละลายอมิ่ ตัวเยน็
ตวั ลงอย่างชา้ ๆ จะเกดิ ผลึกท่ีมขี นาดใหญ่ ผลกึ ท่ีสมบูรณข์ องสารต่างชนิดกันจะมีรูปทรงที่แตกตา่ งกัน
วิธตี กผลกึ ท่ีนยิ มใช้ในปจั จุบัน คอื การตกผลึกในสารละลายดว้ ยตัวทาละลายท่ีเหมาะสม ตัวทาละลายที่ใช้ใน
การตกผลกึ ควรมสี มบัตดิ ังนี้
- ละลายสารทต่ี อ้ งการตกผลึกไดด้ ใี นขณะรอ้ น
- จุดเดอื ดของตัวทาละลายไม่สงู มาก
- ต้องมีจุดเดอื ดตา่ กวา่ จุดเดือดของสารท่ีตอ้ งการตกผลึก
- ควรใหผ้ ลึกทมี่ ีรูปร่างดี
- ตดิ ไฟได้ยาก
- มีราคาถูก
ขั้นตอนในการตกผลึก
1. เลือกตัวทาละลายท่ีเหมาะสม
2. บดสารที่ต้องการตกผลึกให้ละเอยี ด ใส่ในภาชนะทีม่ ตี ัวทาละลายอยู่เลก็ นอ้ ย
3. อ่นุ สารใหม้ อี ุณหภูมเิ พิม่ ขึน้ ช้าๆ พรอ้ มกบั เตมิ ตัวทาละลายลงไปจนมีปรมิ าณพอสมควร ทาให้
สารละลายท่ไี ดเ้ ป็นสารละลายอ่มิ ตัว แลว้ อุ่นสารละลายต่อไปจนอณุ หภมู ิใกล้เคียงกับจดุ เดือดของตวั ทา
ละลาย เพ่อื ใหผ้ ลกึ ท่บี ดละเอียดละลายหมด
4. กรองในขณะทีส่ ารละลายยงั ร้อน
5. ปล่อยให้สารละลายท่ีไดจ้ ากการกรองเยน็ ลงช้า ๆ อย่าให้ถูกกระทบกระเทือนหรอื เคลอื่ นไหว เพือ่ ให้
ได้รูปผลกึ ที่สวยงาม
6. ผลึกทีต่ กคร้ังแรกอาจไม่บริสทุ ธิ์เพยี งพอ ตอ้ งตกผลกึ ใหม่อกี ครั้งเพ่อื ให้มีความบริสทุ ธิเ์ พิม่ ข้ึน
ประโยชน์ของการตกผลึกในชวี ติ ประจาวนั
- การทานาเกลอื
- การทาน้าตาลทราย
ใบงาน เร่อื ง การตกผลึก (ตามแนวPisa)
นักเรยี นคิดวา่ สารสม้ ท่ีเกิดจากการตก
ผลกึ ช่วยให้นา้ ประปาได้หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด
……………………………………………………………
……………………………………………………………
……………………………………………………………
……………………………………………………………
……………………………………………………………
(สมรรถนะ : การระบุประเด็นทางวทิ ยาศาสตร์)
คาถามท่ี 2 (ขอ้ ละ 2 คะแนน)
จากภาพขัน้ ตอนการผลติ นา้ ประปา จงเขียนวงกลมล้อมรอบคาว่า “ใช่” หรอื “ไมใ่ ช่” ในแตล่ ะ
ข้อความ
ขอ้ ขอ้ ความ คาตอบ
1. น้าจากแหลง่ นา้ ดิบต้องผ่านสารสม้ ก่อนเสมอ ใช่ / ไม่ใช่
2. สารสม้ ชว่ ยให้น้าใสแยกจากเศษดนิ จากนา้ ดิบ ใช่ / ไมใ่ ช่
3. ถังกรองใช้ในการตกผลึกของน้าดบิ ใช่ / ไมใ่ ช่
4. คลอลนี ช่วยในการตกผลึกของนา้ ดิบ ใช่ / ไมใ่ ช่
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน / แนวคาตอบ
คาถามท่ี 1 แนวการตอบคาถาม (ขอ้ ละ 2 คะแนน)
เหน็ ดว้ ย / ความคิดเห็นคล้อยตาม ไมเ่ หน็ ด้วย / ความคดิ เห็นโต้แย้ง
เพราะสารจากสารสม้ จะช่วยให้เศษดนิ ในนา้ เพราะสารสม้ ตอ้ งผสมปูนขาวด้วยจงึ จะมี
ดิบตกตะกอน ประสิทธิภาพมากขน้ึ
คะแนนเต็ม 2 คะแนน ไมม่ ีคะแนน
ตอบสอดคล้องกบั แนวคาตอบ ตอบไม่สอดคล้องกับแนวคาตอบ
/ไมเ่ ขียนข้อความใด ๆ
คาถามท่ี 2 (ขอ้ ละ 2 คะแนน)
จากภาพแบคทีเรียดอื้ ยาอนั ตรายถงึ ชีวติ จงเขียนวงกลมลอ้ มรอบคาว่า “ใช”่ หรือ “ไม่ใช่” ในแต่ละ
ขอ้ ความ
ข้อ ข้อความ คาตอบ
1. นา้ จากแหล่งน้าดบิ ตอ้ งผ่านสารส้มกอ่ นเสมอ ใช่ / ไม่ใช่
2. สารส้มช่วยให้นา้ ใสแยกจากเศษดนิ จากนา้ ดิบ ใช่ / ไม่ใช่
3. ถงั กรองใชใ้ นการตกผลึกของนา้ ดิบ ใช่ / ไม่ใช่
4. คลอลีนช่วยในการตกผลกึ ของนา้ ดิบ ใช่ / ไม่ใช่
คะแนนเตม็ 2 คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน คะแนนเตม็ 0 คะแนน
ตอบถูกทั้ง 4 ข้อ : ใช่ / ไมใ่ ช่ / ตอบถูก 3 ขอ้ ตอบถกู 2-0 ข้อ
ใช่ / ใช่
เกณฑก์ ารให้คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
10 ดีมาก
8 ดี
6 พอใข้
4 ปรบั ปรงุ
นักเรียนไดร้ ะดบั คณุ ภาพ พอใช้ ข้ึนไปถอื ว่า ผา่ น
ใบงาน Mind mapp
ping เร่อื ง การตกผลึก
แบบประเมินใบงาน Mind mapping
คาชแ้ี จง : ใหผ้ สู้ อนประเมินผลงานใบงานนกั เรยี น โดยการประเมินคะแนนลงในช่องรายการประเมนิ
กาหนดตามตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงาน Mind mapping
ชื่อ-สกุล รูปแบบ เนือ้ หา นาเสนอ ความ ตรงต่อ รวม สรปุ ผลการ
ลาดบั ที่ ของผรู้ บั การ สวยงาม เวลา 20 คะแนน ประเมนิ ผ่าน/
ประเมิน ไม่ผ่าน
ลงชื่อ ....................................................ผ้ปู ระเมนิ
................/................/................
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
18 - 20 ดมี าก
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ
นักเรียนได้ระดบั คุณภาพท่ี พอใช้ ข้ึนไปถอื ว่า ผ่าน
ตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน Mind mapping
เกณฑ์การ ระดับการประเมนิ
ประเมนิ
รปู แบบ 4 (ดีมาก) 3 (ด)ี 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
- เขียนความคิดรวบยอดหลกั - เขียนความคิดรวบยอดหลกั
เน้ือหา - เขียนความคดิ รวบยอด - เขยี นความคดิ รวบยอดหลัก
ไวต้ รงกลาง ไวต้ รงกลาง
การนาเสนอ - มีกิ่งแกว้ กง่ิ ก้อย และกง่ิ หลกั ไว้ตรงกลาง ไวต้ รงกลาง - มีก่งิ แกว้ ขาดกิง่ ก้อย แต่
ความสวยงาม ยอ่ ยตามลาดับ - มีกิง่ แกว้ กิง่ กอ้ ย และก่งิ - มีกิง่ แก้ว ก่ิงก้อย และก่งิ ขาดกงิ่ ยอ่ ย
การตรงตอ่ - ตัวหนงั สืออยบู่ นเสน้ - ใช้สีสนั ไมท่ ั่วแผน่
- ใช้คาสาคญั ตรงประเดน็ ยอ่ ยตามลาดับ ยอ่ ยตามลาดบั
เวลา - ใช้สัญลักษณ์หรอื ภาพสอื่ - เน้อื หาถกู ตอ้ งตามสาระที่
- ตวั หนงั สืออยู่บนเส้น - ใช้สสี นั ทวั่ แผน่ กาหนดต่าว่า 59%
ความหมาย - เขียนถกู ตอ้ งตามหลกั ภาษา
- ใช้สสี นั ทัว่ แผน่ - ใชค้ าสาคัญตรงประเด็น ต่าว่า 59%
- เนือ้ หาครบถ้วนตามสาระที่ - มีการสรุปไม่สมเหตุสมผล
กาหนด 100% - ใชส้ สี ันท่ัวแผ่น ตา่ ว่า 59%
- เขยี นถกู ต้องตามหลกั ภาษา
100% - เน้อื หาถูกต้องตามสาระท่ี - เนอื้ หาถูกต้องตามสาระที่ - สามารถพูดนาเสนอได้
- ลาดบั หัวข้อเน้ือหาชัดเจน - ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ ง
- มีการสรปุ ได้อย่าง กาหนด 80-99% กาหนด 60-79% ตามอักขระตา่ วา่ 59%
สมเหตสุ มผล 100% - บุคลิกภาพเหมาะสม
- พูดชัดเจนเสียงดงั ฟงั ชัด - เขียนถูกต้องตามหลกั ภาษา - เขยี นถกู ต้องตามหลักภาษา
- ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใชส้ สี นั สวยงามหรอื เป็นไป
อกั ขระ100% 80-99% 60-79% ตามเกณฑอ์ ยา่ งใดอย่าง
- บคุ ลกิ ภาพดแี ละมีความ หนงึ่
ม่นั ใจ - ลาดบั หวั ข้อเนอ้ื หาชดั เจน - มีการสรปุ ได้อย่าง
- มกี ารใช้สื่อประกอบการ สง่ ผลงานครบถว้ น แต่ช้ากว่า
นาเสนอ - มีการสรุปได้อย่าง สมเหตสุ มผล 60-79% เวลาท่ีกาหนด 15 นาที
- ความพรอ้ มในการนาเสนอ
- ใช้สสี ันสวยงาม สมเหตสุ มผล 80-99%
- มีความสะอาด
- มคี วามคดิ สร้างสรรค์ - พูดชัดเจนเสียงดังฟังชดั - การพูดเหมาะสม
- ความเปน็ ระเบียบอา่ นงา่ ย
สง่ ผลงานครบถ้วน ตรงตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ต้องตาม - ใช้ภาษาทางการถูกตอ้ งตาม
เวลาท่กี าหนด
อกั ขระ80-99% อกั ขระ60-79%
- บคุ ลิกภาพดี - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม
- ความพร้อมในการนาเสนอ
ได้บางส่วน
- ใชส้ ีสันสวยงาม - ใชส้ สี ันสวยงามและมคี วาม
- มคี วามสะอาด สะอาด
- มคี วามคดิ สร้างสรรค์
ส่งผลงานครบถ้วน แตช่ า้ กว่า สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ ้ากวา่
เวลาทีก่ าหนด 5 นาที เวลาท่กี าหนด 10 นาที
ข้อสอบสพฐ. ปี 2562
1.การกระทาในข้อใดไม่เกิดผลึก
ก. เตรยี มสารละลายจนสีอ่ิมตวั ทอ่ี ุณหภูมิ 90 องศา แล้วตงั้ ไวท้ อี่ ณุ หภมู ิห้อง
ข. รนิ นา้ ปลาใส่ถว้ ยแลว้ ตัง้ ทง้ิ ไว้ประมาณ 1 สปั ดาห์
ค. นาสารละลายจุนสอี ม่ิ ตัวทอ่ี ุณหภมู ิ 10 องศา นามาผสมกบั สารละลายจุนสอี ่มิ ตัวท่ี
อุณหภูมิ 30 องศาแล้วต้งั ทง้ิ ไวท้ อ่ี ุณหภูมหิ อ้ ง
ง. นำสำรละลำยอ่ิมตัวของสำรสม้ ท่อี ุณหภมู ิ 80 องศำ ผสมกับสำรละลำยอิ่มตวั ของ
สำรส้มทีอ่ ณุ หภูมิ 30 องศำ
ทีม่ า http://www.niets.or.th
แผนจดั การเรียนรู้ท่ี 4 หน่วยยอ่ ยที่ 1
ชือ่ หนว่ ยการเรยี นรู้ การแยกสาร เวลา 2 ช่ัวโมง
เรอ่ื ง การสกัดดว้ ยตัวทาละลาย ผสู้ อน นางสาวลัคนา ไชยเนตร
วันทีท่ าการสอน....................เดือน................................พ.ศ.................
1. สาระสาคัญ 2. มาตรฐาน/ตัวชว้ี ัด
การสกดั ดว้ ยตัวทาละลาย เป็นวิธีแยกสารทเ่ี ป็นของเหลวปนกบั ของเหลว ว 2.1 ม.2/2 แยกสารโดยการระเหยแหง้ การตกผลึก การกล่นั
หรอื ของแข็งปนของแข็ง โดยอาศยั สมบตั ิการละลายของสาร และเป็นการ อยา่ งง่าย โครมาโทรกราฟแี บบกระดาษ การสกดั ดว้ ยตวั ทา
แยกสารทีต่ อ้ งการออกจากสว่ นต่างๆ ของพืช ละลาย
3. สาระการเรยี นรู้ 4. ช้ินงาน/ภาระงาน
- การสกัดดว้ ยตัวทาละลาย - ใบงาน Diagram เรื่อง การสกัดดว้ ยตัวทาละลาย
- ใบงาน เรื่อง การสกัดด้วยตัวทาละลาย
5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน
- ความสามารถในการแก้ปัญหา 6. เครอื่ งมอื การสอนคดิ
- ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี - Diagram, Six thinking hats (White hat)
กิจกรรมการเรียนรู้ 8. สอ่ื 9. วิธีวัดผล
- ใบงาน Diagram เรอ่ื ง การ
7. ขั้นของกจิ กรรม สกัดดว้ ยตวั ทาละลาย - ประเมินใบงาน Diagram
- ใบความรู้ เรอ่ื ง การสกดั เร่ือง การสกดั ดว้ ยตัวทา
Do Now ( 3 นาท)ี ด้วยตัวทาละลาย ละลาย
“บอกส่ิงท่ีนักเรยี นกลัวมากท่ีสดุ คนละ 1 อย่าง” - ส่อื Power point เรือ่ ง การ - ประเมนิ ใบงาน เรอ่ื ง
Purpose (2 นาที) สกดั ด้วยตัวทาละลาย การสกดั ดว้ ยตัวทาละลาย
เราจะเรียนเรื่อง การสกัดด้วยตัวทาละลาย เพ่ือใหน้ กั เรียนสามารถแยกสารโดยการสกดั
- ใบงาน เรอ่ื ง การสกัดดว้ ย
ดว้ ยตัวทาละลาย ตัวทาละลาย
Work mode (110 นาท)ี
1. นักเรยี นตอบคาถาม “นามันจากพชื ต่างจากนามันจากสตั วอ์ ย่างไร” (5 นาท)ี
2. นกั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มูลเกยี่ วกบั การสกดั ดว้ ยตวั ทาละลาย โดยศกึ ษาจากใบความรู้ เร่ือง
การสกดั ด้วยตวั ทาละลาย และสรุปความรู้ ในรปู แบบของผังมโนทัศน์ ลงในใบงาน
Diagram เรอื่ งการสกดั ดว้ ยตวั ทาละลาย (คดิ 9 : คิดเชิงมโนทศั น์)(สมรรถนะ2 : การคิดขัน
สงู )(พอเพียง 3 : การมีภมู คิ ้มุ กนั ท่ดี )ี (25 นาท)ี
3. นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ นาเสนอผลงานหน้าชันเรียน และอภิปรายผลงานร่วมกัน(สมรรถนะ3 :
การสอ่ื สาร ) (20 นาที)
4. นกั เรียนฟังครูอธบิ ายเนือหาเพ่ิมเติม เรอื่ ง การสกัดด้วยตัวทาละลาย โดยใชส้ อ่ื Power
Point เรอื่ ง การสกัดด้วยตวั ทาละลาย (20 นาท)ี
5. นักเรียนวิเคราะหค์ าตอบโดยทาใบงาน เรื่อง การสกัดด้วยตวั ทาละลาย (25นาที)
6. นักเรียนตอบคาถาม “ผลิตภณั ฑ์ท่ีไดม้ าจากการสกดั ด้วยตัวทาละลายมอี ะไรบา้ ง”
(White hat) (5 นาท)ี
7. นักเรียนและครู ร่วมกนั สรปุ ความรู้ เรือ่ ง การสกัดด้วยตัวทาละลาย (10 นาที)
Reflective Thinking (5 นาที)
- บอก 1 ส่งิ ท่ีนักเรียนไดร้ บั จากการเรยี นในคาบนี
- ข้อสอบ O-net
ใบความรู้ เรื่อง การสกัดด้วยตวั ทาละลาย
การสกัดดว้ ยตัวทาละลาย (sovent extraction) เป็นวิธที ีใ่ ชก้ ันอยา่ งกวา้ งขวาง ในอตุ สาหกรรม เช่น
การสกัดนามันพืชเพ่ือใช้ประกอบอาหาร โดยนาวัตถุดบิ มาจากเมล็ดของพชื ชนดิ ต่าง ๆ ไดแ้ ก่ เมล็ดทานตะวนั
ถ่วั เหลือง ปาล์ม ถัว่ ลิสง ข้าวโพด เมลด็ บวั งา และราขา้ ว ในการสกดั นามันพชื นิยมใช้เฮกเชนเป็นตัวทาละลาย
หลงั การสกดั จะไดส้ ารละลายทีม่ นี ามนั พชื ละลายอยใู่ นเฮกเซน จากนันนาไปกรองเอากากเมล็ดพชื ออก แล้ว
นาสารละลายไปกลั่นแยกลาดับสว่ นเพอ่ื แยกเฮกเซนจะไดน้ ามนั พชื ซึง่ ตอ้ งนาไป ฟอกสี ดูดกลนิ่ และกาจดั
สารอืน่ ๆ ออกก่อน จงึ จะไดน้ ามันพืชสาหรับใช้ปรุงอาหาร ทงั นี การสกดั ดว้ ยตวั ทาละลาย เปน็ วิธีการแยก
สารท่ีใช้มากในชีวิตประจาวนั เป็นการแยกสาร ทต่ี อ้ งการออกจากส่วนตา่ ง ๆ ของพชื หรอื จากของผสมตอ้ ง
เลอื กตัวทาละลายทีเ่ หมาะสมในการสกัดสารทีต่ อ้ งการ
การเลอื กตัวทาละลายทน่ี ามาใช้ในการสกดั มหี ลักทวั่ ไป ดงั น้ี
1. ต้องละลายสารที่ต้องการสกัดได้ดี
2. ไมท่ าปฏกิ ริ ิยากับสารท่ตี ้องการสกดั
3. ถ้าต้องการแยกสี ตวั ทาละลายจะตอ้ งไมม่ สี ี ถา้ ต้องการแยกกลิ่น ตวั ทาละลายต้องไมม่ กี ล่นิ
4. ไมม่ พี ษิ มจี ุดเดือดต่า และแยกตวั ออกจากสารท่ตี อ้ งการสกดั ได้งา่ ย
5. ไม่ละลายปนเป็นเนือเดียวกบั สารท่ีนามาสกัด
6. มรี าคาถูก
ตวั ทาละลายที่นยิ มใช้ในการสกดั ได้แก่ นา เบนซนิ อเี ทอร์ โทลูอีน และเฮกเซน สาหรบั การสกัดนามนั
พชื นยิ มใช้เฮกเซน ในการสกัดนามันพืชนนั เม่อื ใช้เฮกเซนสกัดนามนั ออกจากพชื แล้วตอ้ งนาสารละลายทไ่ี ดไ้ ป
กลนั่ เพือ่ แยก เฮกเซนออกไปจากสารที่สกัดได้ ต่อจากนันจึงกาจัดสแี ละกล่นิ จนได้นามนั พชื บรสิ ุทธิ์
ตวั ทาละลายท่นี ิยมใช้ในการสกดั ได้แก่ นา เบนซิน อเี ทอร์ โทลอู นี และเฮกเซน สาหรับการสกัดนามันพชื นิยม
ใช้เฮกเซน ในการสกัดนามันพืชนนั เมอ่ื ใช้เฮกเซนสกัดนามนั ออกจากพืชแล้วต้องนาสารละลายท่ไี ด้ไปกล่ันเพอื่
แยก เฮกเซนออกไปจากสารท่ีสกัดได้ ตอ่ จากนนั จึงกาจดั สีและกลิน่ จนไดน้ ามันพชื บรสิ ุทธิ์
การสกดั ดว้ ยตวั ทาละลาย อาจสกดั ด้วยเคร่ืองมือท่เี รยี กว่า ซอกซเ์ ลต เครื่องมือดงั กล่าวนีใช้ตัวทาละลาย
ปรมิ าณนอ้ ย เพราะใชว้ ธิ กี ารใหต้ วั ทาละลายหมุนเวียนผ่านสารทตี่ อ้ งการสกดั หลาย ๆ ครงั ตอ่ เนือ่ งกันไป
จนกระทงั่ สกัดสารออกมาไดเ้ พยี งพอ
ประโยชนข์ องการสกดั ด้วยด้วยตวั ทาละลาย
1. ใชส้ กัดนามันพืชจากเมล็ดพืช เช่น นามนั งา ถ่วั ปาลม์ นุ่น บวั เปน็ ต้น นยิ มใช้
เฮกเซนเป็นตวั ทาละลาย
2. สกัดสารมีสีออกจากพืช
3. ใชส้ กัดนามนั หอมระเหยออกจากพืช
4. ใชส้ กัดยาออกจากสมุนไพร
สารท่นี ิยมสกัดด้วยตวั ทาละลาย
การสกดั สารออกจากพชื ต่าง ๆ เช่น ใบเตย มะลิ ตะไคร้หอม เป็นต้น โดยปรมิ าณ ทีส่ กัดได้ขนึ อยู่
กับประมาณพืชท่ใี ช้ ชนิดตวั ทาละลายและปริมาณตัวทาละลาย ไดแ้ ก่ นาสกัดสีจากขมินได้ดกี ว่าเอทานอล ถ้า
ใชต้ ัวทาละลายท่ีผสมนาและเอทานอลเขา้ ดว้ ยกัน สารที่สกัดจะมีทงั สีและกลิน่ รวมอยดู่ ้วยกนั สารท่ีสกัดได้
จากขมินนาไปใช้ประโยชน์ ในการผสมเคร่ืองสาอางและอาหาร สารจากพืชส่วนใหญใ่ ช้นาเปน็ ตัวสกัด แต่
บางชนดิ ใชน้ าเย็น บางชนดิ ใชน้ าร้อน สารท่ีใช้นาเยน็ สกดั เชน่ สกัดสีจากใบเตย กลิ่นหอมจากดอกมะลิ สี
จากดอกอญั ชัน สารที่ใช้นารอ้ นสกัด เช่น สีจากดอกกระเจ๊ยี บ กลิน่ หอมจากตะไครห้ อม สีจากแกน่ ขนนุ ใบหู
กวาง สารบางชนิดสกดั โดยใช้เอทานอล เชน่ ยาดองสมนุ ไพร ไวนก์ ระชายดา
เฉลยใบงาน เรือ่ ง การสกัดดว้ ยตวั ทาละลาย
1. ประโยชนข์ องการสกดั ดว้ ยด้วยตัวทาละลายมีอะไรบ้าง
ตอบ 1. ใชส้ กัดนามนั พชื จากเมลด็ พืช เช่น นามนั งา ถ่ัว ปาลม์ นุ่น บวั เปน็ ต้น นยิ มใช้เฮกเซนเป็นตวั ทาละลาย
2. สกดั สารมสี อี อกจากพืช
3. ใช้สกดั นามันหอมระเหยออกจากพืช
4. ใช้สกดั ยาออกจากสมนุ ไพร
2. การเลอื กตวั ทาละลายทน่ี ามาใชใ้ นการสกัดมีหลักการอย่างไร
ตอบ 1. ตอ้ งละลายสารทีต่ ้องการสกดั ไดด้ ี
2. ไมท่ าปฏิกิรยิ ากบั สารทตี่ อ้ งการสกัด
3. ถ้าตอ้ งการแยกสี ตวั ทาละลายจะต้องไมม่ ีสี ถา้ ตอ้ งการแยกกล่นิ ตัวทาละลายตอ้ งไม่มีกลิ่น
4. ไมม่ ีพิษ มจี ุดเดือดต่า และแยกตวั ออกจากสารที่ตอ้ งการสกัดไดง้ ่าย
5. ไม่ละลายปนเปน็ เนือเดยี วกับสารทีน่ ามาสกดั
6. มรี าคาถกู
3. จงยกตัวอยา่ งการสกดั ด้วยตวั ทาละลาย
ตอบ 1. ตัวทาละลายขมนิ 2 ชนดิ คือ นา และเอทานอลให้ผลการสกดั สารต่างกันคือ ทังนาและเอทานอล
สามารถสกัดสีขมนิ ได้ แต่นาสามารถสกัดกล่ินขมินได้ดีกว่าเอทานอล เนอ่ื งจากเอทานอลมกี ลิน่ แต่นาไมม่ ีกลน่ิ
2. การห่นั ขมินเปน็ ชินเลก็ ๆ มีผลต่อการสกดั เพราะยิ่งขมินชินเลก็ การสกัดสารยง่ิ ดี เน่ืองจากผิวหนา้ สาร
ทถ่ี ูกสกดั เพิม่ มากขึนเม่อื สารนันชนิ เล็กลง
สารทส่ี กัดจากพืชหลายชนิดเป็นโอสถสารหรอื ตัวยาอยู่ในพืช เมอ่ื สกัดสารออกมาไดส้ ามารถนาตัวยาที่สกัดได้ไปใช้
ประโยชนต์ ่อไป เช่น ทาเครอ่ื งสาอาง ผสมสารอาหาร
ใบงาน Diagram เร่ือง การสกดั ดว้ ยตัวทาละลาย
การสกัดดว้ ยตัวทาละลาย
แบบประเมินใบงาน Diagram
คาช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลงานใบงานนกั เรยี น โดยการประเมินคะแนนลงในชอ่ งรายการประเมนิ
กาหนดตามตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน Diagram
ชือ่ -สกุล รูปแบบ เน้อื หา นาเสนอ ความ ตรงต่อ รวม สรปุ ผลการ
ลาดบั ที่ ของผูร้ ับการ สวยงาม เวลา 20 คะแนน ประเมนิ ผ่าน/
ประเมนิ 123412341 2 3 412341234 ไมผ่ า่ น
ลงชอ่ื ....................................................ผปู้ ระเมนิ
................/................/................
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
18 - 20 ดมี าก
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ
นกั เรียนไดร้ ะดบั คุณภาพท่ี พอใช้ ขนึ ไปถอื ว่า ผา่ น
ตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงาน Diagram
เกณฑก์ าร ระดบั การประเมิน
ประเมนิ
รปู แบบ 4 (ดมี าก) 3 (ด)ี 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง)
- มหี ัวขอ้ ทช่ี ดั เจน - มหี ัวข้อทชี่ ัดเจน
เนอื หา - เขียนอยู่ในกรอบ - มีหวั ข้อท่ชี ดั เจน - มีหวั ขอ้ ที่ชัดเจน - เขยี นอยู่ในกรอบ
- ใชค้ าสาคัญตรงประเดน็
การนาเสนอ - ใชส้ ัญลักษณ์หรอื ภาพสื่อ - เขยี นอยใู่ นกรอบ - เขียนอยูใ่ นกรอบ - เนือหาถูกตอ้ งตามสาระท่ี
กาหนดตา่ กว่า 59%
ความสวยงาม ความหมาย - ใช้คาสาคัญตรงประเดน็ - ใชค้ าสาคัญตรงประเด็น - เขยี นถกู ตอ้ งตามหลกั ภาษา
การตรงตอ่ - ใชส้ สี นั ทว่ั แผ่น ตา่ กว่า 59%
- เนือหาครบถ้วนตามสาระที่ - ใช้สัญลกั ษณห์ รือภาพส่อื - มีการสรุปไมส่ มเหตุสมผล
เวลา กาหนด 100% ตา่ กวา่ 59%
- เขยี นถกู ต้องตามหลักภาษา ความหมาย
100% - สามารถพูดนาเสนอได้
- ลาดับหัวข้อเนือหาชัดเจน - เนือหาถูกต้องตามสาระที่ - เนอื หาถกู ตอ้ งตามสาระท่ี - ใชภ้ าษาทางการถกู ต้อง
- มีการสรุปไดอ้ ยา่ ง ตามอักขระตา่ กวา่ 59%
สมเหตสุ มผล 100% กาหนด 80-99% กาหนด 60-79% - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม
- พูดชัดเจนเสยี งดังฟงั ชัด
- ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ งตาม - เขียนถกู ตอ้ งตามหลกั ภาษา - เขียนถูกต้องตามหลกั ภาษา - ใช้สสี นั สวยงามหรือเปน็ ไป
อกั ขระ100% ตามเกณฑ์อยา่ งใดอย่าง
- บคุ ลิกภาพดแี ละมคี วาม 80-99% 60-79% หนึ่ง
มัน่ ใจ
- มกี ารใชส้ ่ือประกอบการ - ลาดบั หัวขอ้ เนอื หาชัดเจน - มีการสรุปได้อย่าง สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ า้ กว่า
นาเสนอ เวลาทก่ี าหนด 15 นาที
- ความพรอ้ มในการนาเสนอ - มีการสรปุ ได้อย่าง สมเหตุสมผล 60-79%
- ใชส้ ีสันสวยงาม
- มีความสะอาด สมเหตุสมผล 80-99%
- มคี วามคดิ สร้างสรรค์
- ความเปน็ ระเบยี บอ่านงา่ ย - พูดชัดเจนเสียงดงั ฟงั ชัด - การพูดเหมาะสม
สง่ ผลงานครบถว้ น ตรงตาม
เวลาท่กี าหนด - ใชภ้ าษาทางการถกู ต้องตาม - ใช้ภาษาทางการถูกต้องตาม
อักขระ80-99% อกั ขระ60-79%
- บคุ ลิกภาพดี - บคุ ลิกภาพเหมาะสม
- ความพรอ้ มในการนาเสนอ
ไดบ้ างส่วน
- ใชส้ สี นั สวยงาม - ใช้สสี ันสวยงามและมีความ
- มีความสะอาด สะอาด
- มีความคิดสรา้ งสรรค์
สง่ ผลงานครบถ้วน แต่ช้ากวา่ สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ ้ากว่า
เวลาที่กาหนด 5 นาที เวลาทก่ี าหนด 10 นาที
ใบงาน เรอ่ื ง การสกดั ด้วยตวั ทาละลาย
1. ประโยชนข์ องการสกัดดว้ ยด้วยตวั ทาละลายมีอะไรบ้าง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. การเลอื กตวั ทาละลายทน่ี ามาใชใ้ นการสกัดมีหลักการอยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. จงยกตัวอย่างการสกัดด้วยตัวทาละลาย
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
แบบประเมินใบงาน การสกดั ด้วยตวั ทาละลาย
คาช้ีแจง :ให้ผู้สอนประเมนิ ผลงานใบงานนกั เรยี น
โดยการประเมินคะแนนลงในช่องรายการประเมินกาหนดตามตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน
แบบฝึกหดั
.
ลาดบั ช่อื – สกุล ข้อท่ี 1 ขอ้ ที่ 2 ข้อที่ 3 ข้อท่ี 4 รวม 20 สรปุ ผลการ
ท่ี ของผรู้ บั คะแนน ประเมิน ผา่ น /
ประเมนิ
ไม่ผ่าน
ชื่อ……………………………………………….ผู้ประเมนิ ลง
.. ……………./………………../……………
เกณฑ์การใหค้ ะแนน / แนวคาตอบ
ใบงาน เร่อื ง การสกัดดว้ ยตัวทาละลาย
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
5 คะแนน วิเคราะห์และกาหนดตวั แปร กาหนดสูตร/สมการถูกตอ้ ง แทนค่าสมการแสดง
วิธกี ารคานวณและ
คาตอบถูกต้อง
4 คะแนน วิเคราะห์และกาหนดตวั แปร กาหนดสูตร/สมการถกู ต้อง แทนคา่ สมการ และ
แสดงวธิ กี ารคานวณได้
3 คะแนน วเิ คราะห์และกาหนดตัวแปร กาหนดสูตร/สมการถูกตอ้ ง แทนคา่ สมการได้
2 คะแนน วิเคราะหแ์ ละกาหนดตัวแปร กาหนดสูตร/สมการไดถ้ ูกต้อง
1 คะแนน วเิ คราะหแ์ ละกาหนดตัวแปรได้
0 คะแนน ไมไ่ ด้สามารถแสดงวิธที าและคาตอบผิด
เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
18 – 20 ดมี าก
14 – 17 ดี
10 – 13 พอใช้
ตา่ กวา่ 10 ปรบั ปรุง
นกั เรียนระดบั คณุ ภาพท่ี พอใช้ ขึนไปถือวา่ ผา่ น
ข้อสอบ O-net ปี 48
1. ข้อใดเปน็ วธิ กี ารแยกสารเน้อื เดียวทัง้ หมด
ก. การกรอง การกลั่น
ข. การตกผลึก การระเหิด
ค. การสกัดดว้ ยตวั ทาละลาย การหยบิ ออก
ง. การระเหยแห้ง การกล่นั ลาดับส่วน
https://www.google.com/search?rlz=1C1CHZL_enTH8
แผนจัดการเรยี นรู้ที่ 5 หน่วยยอ่ ยท่ี 1
ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ การแยกสาร เวลา 2 ช่ัวโมง
เรอ่ื ง โครมาโทกราฟี ผูส้ อน นางสาวลคั นา ไชยเนตร
วนั ที่ทาการสอน....................เดือน................................พ.ศ.................
1. สาระสาคัญ 2. มาตรฐาน/ตัวช้ีวดั
ว 2.1 ม.2/2 แยกสารโดยการระเหยแหง้ การตกผลกึ การ
โครมาโทกราฟี เป็นวธิ ีการทางหอ้ งปฏบิ ัติการในการแยกสารผสม
หลกั การโดยทวั่ ไปคอื ตวั อย่างสารจะผสมกับตัวทาละลายบนตัวดดู ซับสาร กลนั่ อย่างง่าย โครมาโทรกราฟีแบบกระดาษ การสกัดดว้ ยตวั ทา
แตล่ ะชนิดเคลอื่ นทดี่ ้วยความเร็วต่างกัน ละลาย
3. สาระการเรยี นรู้ 4. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
- โครมาโทกราฟี - ใบงาน Mind mapping เรือ่ ง โครมาโทกราฟี
- ใบงาน เร่อื ง โครมาโทกราฟี (ตามแนว Pisa)
5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 6. เคร่ืองมอื การสอนคดิ
- ความสามารถในการคิด - Mind mapping, Six thinking hats (White hat)
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
กจิ กรรมการเรียนรู้
7. ข้ันของกิจกรรม 8. สื่อ 9. วิธีวดั ผล
- ใบงาน Mind mapping
Do Now ( 3 นาท)ี เร่อื ง โครมาโทกราฟี - ประเมินใบงาน Mind
“บอกสที ี่ชอบคนละ 1 สี” - ใบความรู้ โครมาโทกราฟี mapping เรื่อง
Purpose (2 นาที) - สือ่ Power point โครมาโทกราฟี
เราจะเรียนเรื่อง โครมาโทกราฟี เพอ่ื ให้นักเรียนสามารถแยกสาร โครมาโทรกราฟแี บบ โคมาโทกราฟี - ประเมนิ ใบงาน เรื่อง
กระดาษ โครมาโทกราฟี (ตามแนว
Work mode (110 นาท)ี - ใบงาน เรื่อง โครมาโทกราฟี Pisa)
1. นกั เรียนตอบคาถาม “นักเรียนคดิ วา่ สีของดอกไม้สามารถแยกสีได้อยา่ งไร” (10 นาท)ี (ตามแนว Pisa)
2. นักเรยี นสบื คน้ ข้อมูลเกี่ยวกบั โครมาโทกราฟี โดยศกึ ษาจากใบความรู้ เรื่อง โครมาโทกราฟี
และสรุปความรู้ ในรูปแบบของผงั มโนทศั น์ ลงในใบงาน Mind mapping เรอ่ื ง
โครมาโทกราฟี (คิด 9 : คดิ เชงิ มโนทศั น์)(สมรรถนะ2 : การคดิ ขัน้ สูง )(พอเพียง 3 : การมี
ภมู คิ ้มุ กนั ที่ดี) (25 นาท)ี
3. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรียน และอภิปรายผลงานร่วมกนั (สมรรถนะ3 :
การสอื่ สาร ) (20 นาท)ี
4. นักเรยี นฟังครูอธิบายเนือ้ หาเพม่ิ เติม เร่ือง โครมาโทกราฟี โดยใช้ส่ือ Power Point เร่ือง
โครมาโทกราฟี (25 นาที)
5. นักเรียนวิเคราะห์คาตอบโดยทาใบงานตามแนว pisa เร่อื ง โครมาโทกราฟี(25นาที)
6. นกั เรยี นตอบคาถาม “นกั เรยี นเคยเห็นโครมาโทกราฟี ในชวี ติ ประจาวันอะไรบา้ ง”
(White hat) (5 นาท)ี
7. นักเรียนและครู รว่ มกันสรปุ ความรู้ เร่ือง โครมาโทกราฟี (10 นาที)
Reflective Thinking (5 นาที)
- บอก 1 ส่งิ ที่นักเรียนได้รับจากการเรยี นในคาบนี้
- ขอ้ สอบ O-net
ใบความรู้ เร่ือง โครมาโทกราฟี
โครมาโทกราฟี อาศัยสมบตั ิ 2 ประการ คอื
- สารต่างชนดิ กนั มคี วามสามารถในการละลายในตัวทาละลายได้ตา่ งกัน
- สารต่างชนดิ กันมคี วามสามารถในการถกู ดูดซับดว้ ยตัวดูดซบั ได้ต่างกนั
โครมาโทกราฟี (chromatography) เปน็ การแยกสารผสมท่ีมีสี หรอื สารทสี่ ามารถทาใหเ้ กดิ สี
ได้ วิธีการนจี้ ะมีเฟส 2 เฟส คอื เฟสอยู่กบั ที่ (stationary phase) กับ เฟสเคล่อื นท่ี (mobile phase) โดย
ท่สี ารในเฟสอยู่กบั ทีจ่ ะทาหนา้ ท่ดี ดู ซบั (adsorb) สารผสมด้วยแรงไฟฟ้าสถิตย์ สารท่ีใชท้ าเฟสอยู่กบั ท่ีจงึ มี
ลักษณะเปน็ ผง ละเอยี ดมพี ้นื ท่ีผวิ มากเชน่ อลูมินา (alumina,Al2O3) ซลิ ิกาเจล(silica gel,SiO2) หรือ
อาจจะใช้วัสดทุ ี่สามารถดูดซบั ได้ดี เช่น ชอลก์ กระดาษ ซง่ึ สารทท่ี าหนา้ ท่ีดดู ซับในเฟสอยกู่ ับท่ี เช่น นา้ ส่วน
เฟสเคลอื่ นทีจ่ ะทาหน้าท่ชี ะ (elute)เอาสารผสมออกจากเฟสอยู่กับที่ให้เคลื่อนทไ่ี ปดว้ ย การจะเคลื่อนที่ ได้
มากหรือน้อยขึ้นอยกู่ ับแรงดงึ ดดู ระหวา่ งสารในสารผสมกบั ตวั ดูดซับในเฟสอ ยกู่ ับท่ี ดงั นั้นสารทีใ่ ช้เป็นเฟส
เคล่อื นทีจ่ ึงได้แก่ พวกตวั ทาละลาย เช่น ปิโตรเลยี มอเี ทอร์ เฮกเซน คลอโรฟอรม์ เบนซีน ฯลฯ การทาโคร
มาโทกราฟีสามารถทาได้หลายวิธจี ะแตกต่างกันที่เฟสอยกู่ บั ทว่ี า่ อยู่ในลักษณะใด เชน่
– โครมาโทกราฟแี บบคอลัมน์ (column chromatography) ทาไดโ้ ดยการบรรจุสารท่ีเป็นเฟสอยู่กับ
ท่ี เชน่ อลมู ินาหรือซลิ กิ าเจลไว้ ในคอลมั น์ แลว้ เทสารผสมท่ีเป็นสารละลายของเหลว
ลงสู่คอลัมน์ สารผสมจะผา่ นคอลัมน์ช้าๆ โดยตัวทาละลายซง่ึ เป็นเฟสเคล่ือนที่ เป็นผู้พาไป สารในเฟสอยกู่ บั ที่
จะดูดซับสารในสารผสมไวส้ ว่ นประกอบใดของสารผสมท่ถี กู ดูด ซบั ไดด้ ีจะเคลอื่ นท่ีชา้
ส่วนทีถ่ ูกดดู ซับไม่ดจี ะเคล่อื นที่ได้เรว็ ทาให้สารผสมแยกจากกนั ได้
– โครมาโทกราฟีแบบชั้นบาง (thin layer chromatography) เป็นโครมาโทกราฟีแบบระนาบ(plane
chromatography) โดยทาเฟสอยกู่ บั ทีใ่ ห้มีลักษณะเปน็ ครมี ข้น แลว้ เคลอื บบนแผ่นกระจกใหค้ วามหนาของ
การเคลือบเทา่ กนั ตลอดแล้วนาไปอบให้แหง้ หยดสารละลายของสารผสมที่ตอ้ งการแยกบนแผ่นทเ่ี คลือบเฟส
อยู่กบั ท่นี ไี้ ว้ แลว้ นาไปจุ่มในภาชนะทบี่ รรจตุ ัวทาละลายท่ีเป็นเฟสเคล่ือนท่ีไว้ โดยใหร้ ะดับของตวั ทาละลาย
ต้องอยู่ตา่ กว่าระดบั ของจดุ ทห่ี ยดสารผสมไว้ ตวั ทาละลายจะซมึ ไปตามเฟสอยู่กบั ที่ดว้ ยการซึมตามรเู ลก็
เหมือนกับนา้ ทซ่ี มึ ไป ในกระดาษหรือผา้ เมอ่ื ซึมถึงจดุ ทีห่ ยดสารผสมไว้ ตัวทาละลายจะชะเอาองค์ประกอบใน
สารผสมน้นั ไปดว้ ยอตั ราเรว็ ทแ่ี ตกต่างกนั ท้ังนีข้ น้ึ อยกู่ บั สภาพมขี ั้ว (polarity) ของสารทีเ่ ปน็ องค์ประกอบกับ
สารทีเ่ ป็นตวั ทาละลาย ถ้าตวั ทาละลายเป็นโมเลกุลมขี ้ัว (polar molecules) จะชะเอาสารในสารผสมที่เปน็
สารมีขว้ั ไปดว้ ยได้เร็ว ส่วนสารที่ไมม่ ีข้วั ในสารผสมจะถกู ชะพาไปได้ชา้ สารผสมก็จะแยกออกจากกนั
– โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ (paper chromatography) เป็นโครมาโทกราฟแี บบระนาบอกี แบบหน่ึง มี
วธิ ีการและหลักการเหมือนกบั โครมาโทกราฟแี บบช้นั บาง แตกต่างกันท่เี ฟสอยกู่ บั ที่ใชก้ ระดาษท่ีสามารถดดู ซบั
ไดแ้ ทนกระจกที่เคลือบ ดว้ ยซิลิกาเจล
– โครมาโทกราฟแี บบแก๊ส (gas chromatography , GC) ใช้สาหรบั แยกสารผสมท่ีเป็นแก๊ส โดยมเี ฟส
เคลอ่ื นท่ีเปน็ แกส๊ เชน่ กนั แต่ไมท่ าปฏกิ ิรยิ ากับสารผสม เชน่ ฮเี ลยี ม จะทาหน้าท่เี ป็นตวั พา (carier) สารผสม
สว่ นเฟสอยู่กับทีอ่ าจจะเป็นของแข็งหรอื ของเหลวทบี่ รรจอุ ยู่ในคอลมั น์ เมอ่ื ท้งั ตวั พาและสารผสมเคล่ือนที่ผา่ น
คอลัมน์น้ี เฟสอยู่กบั ทีใ่ นคอลัมนจ์ ะดึงดดู ดว้ ยแรงดึงดูดไฟฟ้าสถติ ย์ตามความเปน็ ข้วั ของ สารกบั โมเลกุลใน
สารผสมทาใหอ้ งค์ประกอบในสารผสมถูกพาไปด้วยอตั ราเร็วท่ีตา่ ง กัน สารผสมกจ็ ะแยกออกจากกนั
ปจั จบุ นั เทคนิคของโครมาโทกราฟไี ดถ้ กู พฒั นาให้สามารถทางานได้รวดเรว็ และใชแ้ ยกสารตัวอย่างไดค้ ร้ังละ
หลายสารตวั อยา่ ง เช่น Gas – Liquid Chromatography (GLC), High Performance Liquid
Chromatography (HPLC) เปน็ ต้น
หลักการของโครมาโทกราฟี
โครมาโทกราฟี อาศยั หลักการละลายของสารในตวั ทาละลาย และการถูกดดู ซับโดยตวั ดูดซับ โดยสารที่
ตอ้ งการนามาแยกโดยวธิ ีน้ีจะมสี มบัติการละลายในตวั ทาละลาย ได้ไมเ่ ท่ากัน และตัวถูกดูดซับโดยตัวดดู วับได้
ไมเ่ ท่ากนั ทาใหส้ ารเคลื่อน ท่ีได้ไม่เทา่ กัน
วธิ ีการทาโครมาโทกราฟี
นาสารท่ตี ้องการแยกมาละลายในตวั ทาละลายที่เหมาะสมแล้วให้เคลอื่ นทไ่ี ปบนตัว ดูดซับ การเคล่ือนทีข่ อง
สารบนตัวดูดซับขนึ้ อยู่กับความสามารถในการละลายของ สารแต่ละชนิดในตวั ทาละลาย และความสามารถ
ในการดดู ซับทีม่ ีตอ่ สารนั้น กล่าว คอื สารท่ีละลายในตัวทาละลายไดด้ ี และถูกดดู ซับน้อยจะถกู เคล่อื นที่
ออกมา กอ่ น สว่ นสารที่ละลายได้นอ้ ยและถกู ดดู ซบั ไดด้ ี จะเคลอื่ นทอ่ี อกมาที หลัง ถ้าใช้ตัวดดู ซับมาก
ๆ จะสามารถแยกสารออกจากกันได้
การเลือกตัวทาละลายและตัวดดู ซบั
1. ตวั ทาละลายและสารท่ีตอ้ งการแยกจะตอ้ งมกี ารละลายไมเ่ ทา่ กัน
2. ควรเลอื กตัวดูดซับทม่ี กี ารดูดซบั สารได้ไมเ่ ทา่ กัน
3. ถ้าต้องการแยกสารทีผ่ สมกนั หลายชนิด อาจตอ้ งใช้ตัวทาละลายหลายชนิดหรอื ใชต้ วั ทาละลายผสม
4. ตวั ทาละลายท่นี ยิ มใช้ ไดแ้ ก่ เฮกเซน ไซโคลเฮกเซน เบนซนี อะซโี ตน คลอไรฟอรม์ เอธานอล
5. ตวั ดดู ซับท่ีนยิ มใช้ ได้แก่ อะลมู ินาเจค (Al2O3) ซิลิกาเจล (SiO2)