พระพรหมบัณฑิต (ประยรู ธมฺมจิตฺโต) 329
ผมใช้เงินสรา้ งมหาจุฬาฯ ไปไมต่ ํา่ กวา่ ๒,๐๐๐ ล้านบาท
มีคนถามวา่ ทำ�ไมสร้างไดถ้ กู
ผมตอบในใจว่าสร้างได้ถูกถ้าไม่คอรัปช่ัน ถ้าคอรัปช่ัน
มีเงินเทา่ ไรกไ็ มพ่ อ
ถ้าจะสร้างแบบนี้ที่ไต้หวัน ต้องแพงกว่าท่ีไทย ๕ เท่า
เพราะที่น่ันมีแผ่นดินไหว เสาต้องใหญ่กว่าน้ี ๕ เท่า สร้างตึก
ท่ีไต้หวันจึงแพงมหาศาล แต่พอสร้างอาคารท่ีเมืองไทย บาง
แห่งเบิกเงินหลวงแพงเท่าท่ีไต้หวัน ท้ังที่ใช้เสาเล็กนิดเดียว
เงินหายไปไหนหมด ถ้าเราสร้างด้วยเงินจริงๆ เราจะพัฒนา
ประเทศได้เร็วกว่าน ้ี
อีกตัวอย่างหนึ่ง ผมได้พูดชักชวนให้ญาติโยมมาทำ�บุญ
บริจาคสร้างมหาจุฬาฯเป็นพันล้าน ผมพูดตามความรู้สึกว่า
อาตมาจะสร้างสถานท่ีให้พระได้เรียนหนังสือ พระท่ัวโลกมา
เรียนกัน ท้ังที่อาตมาถนดั ในการสอนมากกวา่ การสรา้ ง อาตมา
จะรบี สรา้ งใหเ้ สรจ็ ตง้ั ใจวา่ จะทำ�หน้าที่ในการเทศน์ในการสอน
มากกวา่ สรา้ ง ถา้ อยากจะฟงั อาตมาเทศน ์ ใหร้ บี ชว่ ยกนั บรจิ าค
ปรากฏวา่ คนชว่ ยบรจิ าคกนั ยกใหญ ่
เมื่อสร้างมาจนถึงครึ่งทาง ผมพูดใหม่ว่า การสร้าง
อนุสรณ์สถานไว้ในพระศาสนา เป็นศาสนวัตถุ เราควรจะมี
ส่วนในการสร้าง อย่าช้านะโยม เพราะใกล้เสร็จแล้ว รีบ
330 หลักการและวิธีการเทศน์
บริจาคเสียแต่วันนี้ ถ้าสร้างเสร็จแล้วโยมจะไม่มีโอกาส ผม
เลน่ ตัวเสียด้วย
ผมไม่ได้ไปขออะไรใคร ผมเป็นอธิการก็ต้องสร้างอาคาร
เรียนให้พระเรียน ผมไม่ได้คิดสร้างอาคารเพ่ือน่ันเพ่ือนี่ ผม
อยากสร้างมหาวิทยาลัยสงฆ์ให้พระเณรเรียนอย่างสง่าผ่าเผย
เพอ่ื วา่ จะไดไ้ มต่ อ้ งไปแอบอาศยั เขาเรยี นทม่ี หาวทิ ยาลยั ชาวบา้ น
แบบข้าวนอกนา ตอนน้ีพระเณรมีมหาวิทยาลัยพระพุทธ-
ศาสนาของตัวเองแลว้
๓. สมตุ เตชนา แกลว้ กล้า ค�ำ ว่า แกลว้ กลา้ หมายถงึ วา่
เราต้องหาตัวอย่างท่ีคนอ่ืนทำ�สำ�เร็จมาแล้วมาเป็นตัวอย่าง
เหมือนวันน้ผี มพูดถึงคนติดอ่างกลายเป็นนักพูดระดับโลกคือ
เดมอสเธนิส ขนาดคนติดอ่างยังพูดโด่งดังมาถึงปัจจุบัน เรา
ไม่ติดอ่างก็ต้องทำ�ได้ ภาษาวิชาการเรียกว่าโมเดลลิ่ง คือ
ต้องหาตัวแบบท่ีเขาทำ�สำ�เร็จมาแล้วเป็นตัวอย่าง ถ้าเราจะ
สอนให้เด็กทำ�โน่นทำ�นี่ เขาไม่อยากทำ� แต่ถ้าเห็นเพ่ือนทำ�
เด็กจะท�ำ ตาม
๔. สัมปหังสนา ร่าเริง ฟังเทศน์แล้วไม่เครียด มีความ
สุข สนุกในการฟังพระเทศน์ มีอารมณ์ขัน ยกนิทานสนุกมา
ประกอบการเทศน์ ผู้ฟังเกิดความปีติในธรรม ฟังธรรมแล้ว
สบายใจเกิดความสุขเกิดศรทั ธา
พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) 331
ทัง้ ๔ ส. นท้ี า่ นทง้ั หลายตอ้ งมใี นการแสดงธรรม คอื
๑. สนั ทสั สนา เทศนไ์ ดแ้ จม่ แจง้ ชัดเจนเขา้ ใจง่าย
๒. สมาทปนา เทศนจ์ งู ใจให้เกิดศรทั ธา
๓. สมตุ เตชนา แกล้วกล้าในการนำ�ไปปฏิบตั ิ
๔. สัมปหงั สนา ร่าเริงบันเทงิ เบกิ บานในธรรม
เทศนท์ ุกครง้ั ถ้าไดค้ รบ ๔ ส. ถอื ว่าเปน็ สุดยอดนักเทศน์
ถา้ ประเมนิ ตัวเองแล้วพบว่า
ได ้ ๔ ส. ให้เกรด เอ (A)
ได้ ๓ ส. ให้เกรด บี (B)
ได ้ ๒ ส. ให้เกรด ซี (C)
ได ้ ๑ ส. ใหเ้ กรด ดี (D)
ผู้ไม่ได้สัก ส. เดียว ถือว่าสอบตก ให้ เอฟ (F) ขอ
แนะน�ำ ให้ไปเอาดที างอ่ืน อยา่ มาฝืนเทศนท์ รมานผฟู้ ังอยู่เลย
ทำ�อย่างไรจึงเทศน์ให้ได้ครบ ๔ ส. ตอนนี้เป็นเร่ืองวิธี
การเทศน์ซงึ่ ม ี ๒ แบบ คอื
๑. แบบธรรมาธิษฐาน สอนธรรมะล้วนๆ ไม่มีตัวอย่าง
เหมือนการสอนในอภิธรรมปิฎก บางคนชอบธรรมาธิษฐาน
เพราะเปน็ ปรชั ญาลึกซ้ึง
332 หลกั การและวิธีการเทศน์
๒. แบบบุคลาธิษฐาน สอนธรรมะด้วยตวั อยา่ ง เชน่ อา้ ง
นิทานชาดก ๕๔๗ เร่อื งมาประกอบ พระสุตตันตปิฎกเป็นการ
สอนแบบบคุ ลาธษิ ฐาน วิธกี ารเทศน์แบบน้ีจะท�ำ ให้ได ้ ๔ ส.
เตรียมตัวอย่างไรจึงจะทำ�ให้เทศน์ได้แจ่มแจ้งและจูงใจ
แกลว้ กลา้ และร่าเริง
สมมติวา่ ทา่ นจะเทศนเ์ รอ่ื งปณั ฑิตกถา กอ่ นเทศน์เรื่องน้ี
จะต้องมีการเตรียมตัว ไม่ใช่อยู่ดีๆก็ข้ึนเทศน์ทันที นั่นคือ
ท่านต้องไปคน้ หาบาลนี กิ เขปบท เมอ่ื ไดบ้ าลนี กิ เขปบทแลว้ ทา่ น
จะตอ้ งคดิ เตรยี มตวั ในประเด็นต่อไปนี้
๑. อรรถาธบิ าย
๒. ขยายจำ�แนก
๓. สอดแทรกภาษติ
๔. ขอ้ คดิ อุปมา
๕. นิทานสาธก
๖. ยกสอ่ื อปุ กรณ ์
ในการเทศน์ ๑ ชั่วโมง หรือ ๓๐ นาที ต้องพยายามให้
ได้ครบทั้ง ๖ อย่าง
อธบิ ายและขยายจำ�แนก จะชว่ ยให้แจม่ แจง้
สอดแทรกภาษิต จะชว่ ยใหจ้ งู ใจ
ขอ้ คดิ อุปมา จะได้ท้งั จูงใจและแจม่ แจ้ง
พระพรหมบณั ฑติ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) 333
นิทานสาธก จะไดแ้ จ่มแจง้ และร่าเริง
ยกสอื่ อุปกรณ ์ จะทำ�ให้แจ่มแจ้ง
อรรถาธิบาย ขยายจำ� แนก
เวลาท่านเตรียมเร่ืองต้องพยายามวางแผนว่าควรจะมี
อรรถาธบิ าย ขยายจ�ำ แนก สอดแทรกภาษติ เปน็ ตน้ ในตอนไหน
คดิ เป็นกเี่ ปอร์เซ็นตข์ องเวลาทีใ่ ชเ้ ทศน ์
ตัวอย่างเช่น ผมต้ังบาลีเรื่องบัณฑิตกถา ผมต้องนิยาม
คำ�ว่าบัณฑิตคืออะไร แล้วอธิบายคำ�นิยาม อ่านมงคลสูตร
ที่ว่า อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา ไม่คบคนพาล
แต่คบบณั ฑติ
คำ�วา่ บณั ฑติ แปลวา่ ผมู้ ปี ญั ญา
ปัญญาในท่ีนี้หมายปัญญาในทางโลกและปัญญาในทาง
ธรรม
ขยายจำ�แนกอย่างน้ีว่า บัณฑิตทางโลกรู้ปัญญาในทาง
โลก เขาจบปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก เรียกว่า
บัณฑิต มหาบัณฑิต ดุษฎีบัณฑิต บัณฑิตในทางโลกคือรู้
วิชาการทางโลก
บัณฑิตทางธรรมร้สู องอย่างท้งั ทางโลกและทางธรรม ดัง
พระบาลีที่อาตมภาพได้ยกเป็นนิกเขปบทเบ้ืองต้นว่า ทิฏฺเฐ
334 หลกั การและวธิ ีการเทศน์
ธมฺเม จ โย อตฺโถ โย จตฺโถ สมฺปรายิโก อตฺถาภิสมยา ธีโร
ปณฺฑิโตต ิ ปวจุ จฺ ตตี ิ แปลความว่า
“ผู้มีปัญญา ท่านเรียกว่าเป็นบัณฑิต เพราะถือเอาอรรถ
ประโยชน ์ ๒ ประการ คอื ๑. ทฏิ ฐธมั มกิ ตั ถะ ๒. สมั ปรายกิ ตั ถะ”
เราขยายจำ�แนกต่อไปว่าทิฏฐธัมมิกัตถะและสัมปรา-
ยกิ ตั ถะมีความหมายอยา่ งไร ตอ้ งตีความ อย่าไปแปลตรงตัว
ทิฏฐธัมมิกัตถะ หมายถงึ ประโยชน์ปัจจบุ นั เฉพาะหน้า
สมั ปรายกิ ตั ถะ หมายถงึ ประโยชนร์ ะยะยาวหรอื ประโยชน์
ชน้ั สงู
คำ�ว่า ประโยชน์ปัจจุบันเฉพาะหน้า หมายความว่า
อยา่ งไร ท่านจะต้องตีความ ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ เงินทอง
เป็นของเฉพาะหนา้ เป็นประโยชน์เฉพาะหนา้ ทันตาเห็น
สัมปรายิกัตถะ หมายถึงประโยชน์ชั้นสูง ได้แก่สัมปทา
ซึ่งแปลว่าสมบัติ มี ๔ อย่าง คือ ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา
น่ีเป็นสมบัติภายใน เพราะฉะน้ัน บัณฑิตต้องมีทั้งทรัพย์
ภายนอกและทรัพย์ภายใน ทรัพย์ภายนอก เช่น มีบ้านอยู่ มี
คู่ครอง มีของกนิ มีสินใช ้
บัณฑิตทางธรรมต้องมีประโยชน์ท้ังสองประการนี้ รู้จัก
คำ�ว่าพอเพียง ดังท่ใี นหลวงทรงสอนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
เมื่อระดับหน่ึงท่านได้ทรัพย์ภายนอกแล้ว ท่านต้องนำ�เอา
พระพรหมบัณฑติ (ประยูร ธมฺมจิตโฺ ต) 335
ทรัพย์ภายนอกนี้ไปเจือจานคนอื่นด้วยทรัพย์ภายในคือมี
ศรทั ธา มีศีล มจี าคะ มปี ญั ญา นีค่ อื ขยายจ�ำ แนก
สอดแทรกภาษติ
ในการอธิบายเรื่องศรัทธา บทกลอนต่อไปนี้บางคนอาจ
จะนกึ ว่าเปน็ เรอื่ งปกติ
คนจะงามงามนาํ้ ใจใชใ่ บหน้า
คนจะสวยสวยจรรยาใชต่ าหวาน
คนจะแก่แก่ความรใู้ ชอ่ ยนู่ าน
คนจะรวยรวยสนิ ทานใชบ่ า้ นโต
จะประยกุ ต ์ เก่ยี วกบั ท่ีเรอ่ื งทีเ่ ทศนอ์ ย่างไร
คนจะงามงามนา้ํ ใจใชใ่ บหน้า คือมีศรทั ธา
คนจะสวยสวยจรรยาใช่ตาหวาน คอื มีศลี
คนจะแกแ่ กค่ วามรูใ้ ชอ่ ยู่นาน คือปัญญา
คนจะรวยรวยสนิ ทานใช่บ้านโต คือจาคะ
สรุปแล้วสมบัติ ๔ เราเทศน์สนับสนุนไปในทางเดียวกัน
สอดแทรกภาษิต คนจะสวยสวยจรรยาใช่ตาหวาน ศีลเป็น
เครื่องประดับประเสรฐิ สดุ ดีกว่าอาภรณท์ ้งั หลาย
336 หลักการและวธิ ีการเทศน์
มีเร่ืองเล่าว่ามีเทพเจ้าพยากรณ์ผ่านคนทรงว่าโสคราตีส
เป็นคนฉลาดทีส่ ดุ
โสคราตีสบอกว่า ผมไม่ได้ฉลาดท่ีสุด เทพเจ้าโมเมว่า
ผมฉลาด ผมจะลองไปโต้วาทีกับคนฉลาด ถ้าผมแพ้เมื่อไร
แสดงว่าเทพเจ้าพยากรณผ์ ดิ
โสคราตีสไปโตว้ าทกี บั คนฉลาดทวั่ ประเทศกรกี เขาชนะ
ตลอด
คนไปถามโสคราตีสวา่ ทำ�ไมทา่ นชนะตลอด
โสคราตีสตอบว่า หนึ่งเดียวที่ข้าพเจ้ารู้คือรู้ว่าข้าพเจ้า
ไม่รู้อะไร
เม่ือรู้ว่าตัวเองโง่เรื่องไหนก็ไปเพิ่มความรู้ในเรื่องนั้นๆ
ท่านจะฉลาดขึ้น
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “โย พาโล มญฺญตี พาลฺยํ ปณฺฑิโต
วาปิ เตน โส พาโล จ ปณฺฑิตมานี ส เว พาโลติ วุจฺจติ” แปล
ความว่า “คนโง่ที่รู้ตัวเองว่าโง่ ยังเป็นบัณฑิตได้บ้าง แต่คนโง่
ทคี่ ิดวา่ ตัวเองฉลาดแล้ว โง่แท้ๆ”
ใครเทศน์ไม่เป็นแล้วรู้ตัวเองว่าเทศน์ไม่ได้เร่ืองจึงมา
ฝกึ เทศนท์ น่ี ีย่ ังมีโอกาสเป็นนักเทศน์ได้บา้ ง
ท่ีเทศน์ไม่ได้เรื่องแล้วยังฝืนเทศน์โดยไม่มาเรียนท่ีนี่
นบั ว่าโง่แทๆ้ ใชไ่ หม
พระพรหมบัณฑิต (ประยรู ธมฺมจติ ฺโต) 337
ผมอา้ งพุทธภาษติ สนบั สนนุ มติของผมอย่างน ี้
เช่นเดยี วกับสามเณรอ้างพทุ ธภาษติ เมอื่ เถยี งกับทายก
ทายกบอกว่า สัตวน์ า้ํ มากกวา่ สตั วบ์ ก
สามเณรบอกวา่ สัตวบ์ กมากกวา่ สัตวน์ ํ้า
ทายกแย้งว่า “เณรเกิดเมื่อวานซืนจะมารู้ว่าสัตว์บกมาก
กว่าสัตว์นํ้าได้อย่างไร สัตว์น้ําต้องมากกว่าสัตว์บก เพราะ
ทะเลกวา้ งใหญม่ าก”
สามเณรตอบว่า “โยมอย่าเถียงนะ พระพุทธเจ้าตรัสว่า
อตตฺ า ห ิ อตฺตโน นาโถ แปลวา่ สัตว์บกมากกวา่ สตั ว์นา้ํ แล”
ทายกไม่รู้ภาษาบาลีจึงพูดว่า “ถ้าพระพุทธเจ้าตรัสไว้
อย่างน ี้ ผมกย็ อมละครบั ”
ทุกวันนี้เรามีปัญหาตรงท่ีเราเทศน์อัตโนมัติคืออธิบาย
ธรรมเองโดยไม่อ้างพระพุทธเจ้า เรารู้เรื่องทางโลกทุกเรื่อง
แต่ไม่รู้เรื่องท่ีพระควรรู้คือพระไตรปิฎก เม่ือไม่รู้ก็ควรยอมรับ
ความโง่ของเราแล้วศึกษาพระไตรปิฎกเพิ่มขึ้น ดังท่ีสมเด็จ
มหาวีรวงศ์ (ตสิ สะ) แต่งเป็นกลอนวา่
โงไ่ ม่เป็นเป็นใหญ่ยากฝากใหค้ ิด
ทางชวี ติ จะรงุ่ โรจน ์ โสตถิผล
ตอ้ งรโู้ ง ่ รฉู้ ลาดปราดเปรอ่ื งตน
โงส่ บิ หนดกี วา่ เบง่ เกง่ เดย๋ี วเดยี ว
338 หลกั การและวธิ กี ารเทศน์
การฝึกการพัฒนาตนเองเพื่อจะเป็นบัณฑิตต้องรู้ว่าตัว
เองโง่ในเรื่องไหนแล้วใฝ่หาความรู้ในเร่ืองน้ัน เราก็เป็นบัณฑิต
ไดบ้ า้ ง
ข้อคิดอุปมา
ประเด็นต่อมาคือข้อคิดอุปมา เปรียบเทียบให้เห็นภาพ
ว่า บัณฑิตจะต้องรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม ไม่ใช่ว่ารู้ธรรมะ
แล้วเชย ไม่มีศักด์ิศรี พ่ึงตัวเองก็ไม่ได้ เทศน์สอนชาวบ้านแต่
ตัวเองเอาตัวไม่รอด ท้งั ประโยชนท์ างโลกกห็ าไมไ่ ด ้ ประโยชน์
ทางธรรมก็หาไม่ได้ ดังท่ีพระพุทธเจ้าเปรียบเทียบว่าคนใน
โลกน้ีม ี ๓ ประเภท คอื
๑. อนั ธจักขุ คนตาบอด
๒. เอกจักขุ คนตาเดียว
๓. ทวจิ กั ขุ คนสองตา
มเี รอ่ื งเลา่ วา่ พระทว่ี ดั เซนแหง่ หนง่ึ ตง้ั กฎวา่ พระอาคนั ตกุ ะ
ท่ีจะมาค้างท่ีวัดต้องโต้วาทีกับเจ้าอาวาส ถ้าโต้ชนะเจ้าอาวาส
จึงจะได้ที่พัก ถ้าแพ้ก็ไม่ได้พัก วันหนึ่ง พระอาคันตุกะรูปหนึ่ง
มาขอพักที่วัด คนมาตามเจ้าอาวาสไปโต้วาที บังเอิญเจ้า
อาวาสไม่ว่างจึงส่งพระน้องชายไปโต้วาทีแทน พระน้องชาย
ไปท่โี บสถ์โต้วาทีกับพระอาคันตุกะ สักพักหน่งึ พระอาคันตุกะ
พระพรหมบณั ฑติ (ประยูร ธมฺมจิตโฺ ต) 339
กระหืดกระหอบมามาบอกลาเจา้ อาวาสว่า “ผมลาละครบั ผม
แพค้ รบั โตว้ าทสี พู้ ระทท่ี า่ นสง่ ไปไมไ่ ด”้
“นน่ั แหละนอ้ งชายของผม ทา่ นโตก้ นั อยา่ งไร” เจา้ อาวาส
ถาม
พระอาคันตุกะตอบว่า “พอพบหน้าพระน้องชายของ
ท่าน ผมยกนิ้วให้หน่ึงนิ้ว หมายถึงว่าในโบสถ์น้ีมีพระพุทธ
พระน้องชายชูสองนิ้วตอบมาทันทีว่ามีพระพุทธก็ต้องมีพระ
ธรรม ผมจึงยกสามน้ิว หมายความว่า มีพระพุทธ มีพระธรรม
ก็ต้องมีพระสงฆ์ พระน้องชายของท่านฉลาดจริงๆ ชูกำ�ป้ันให้
ผม หมายถึงว่า พระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ รวมกันเป็น
หน่งึ ผมยอมแพจ้ ริงๆ”
สักพักหนึ่งพระน้องชายเดินกระหืดกระหอบมาหา
เจา้ อาวาสผเู้ ปน็ พระพช่ี าย ถามวา่ “พระบา้ น่ันอย่ทู ีไ่ หน”
เจ้าอาวาสตอบว่า “เขาไปแล้ว โต้วาทีชนะเขาแล้วทำ�ไม
เรียกเขาวา่ พระบา้ ”
พระน้องชายตอบวา่ “ชนะที่ไหนเล่า พอเจอหนา้ กัน มนั
ยกนว้ิ หนง่ึ นว้ิ หาวา่ ผมมตี าขา้ งเดยี ว ผมอตุ สา่ หส์ ะกดอารมณ์
พยายามยกนิ้วสองน้ิว หมายความว่า ถึงผมมีตาเดียว ท่านก็
มีสองตา มันชู ๓ น้ิว หมายความว่า เราสองคนมีตารวมกัน
เป็น ๓ ตา ผมโกรธจึงชูกำ�ปั้นใส่หน้ามัน พระบ้าจึงว่ิงหนีมา
ทางน้ี”
340 หลกั การและวิธีการเทศน์
ผมกำ�ลังพูดเรื่องคน ๓ ประเภท คือ คนตาบอด คนตา
เดยี ว และคนสองตา
คนตาบอดคือคนที่ไม่มีความรู้ในทางโลกและทางธรรม
ไม่ประสบความสำ�เร็จในการประกอบอาชีพ ประโยชนป์ จั จบุ นั
กไ็ มไ่ ด ้ ประโยชนท์ างธรรมกไ็ มไ่ ด ้ เรยี กวา่ ตาบอดสองขา้ ง
คนตาเดียวคือคนท่ีมีความรู้ในทางโลก จึงหาประโยชน์
ปจั จบุ นั ได ้ แตไ่ มร่ ู้ธรรมะ
คนที่สมบูรณ์คือคนที่มีตาสองข้าง คือคนท่ีมีความรู้ท้ัง
ทางโลกและทางธรรม
น้ีคือข้อคิดอุปมา ท่านพุทธทาสเปรียบเทียบว่า ชีวิตที่ดี
เหมือนการไถนาด้วยควายสองตัว คนสมัยโบราณไถนาด้วย
ควาย ๒ ตัว ควายตัวหนึ่งเป็นตัวรู้ เพราะรู้ภาษาชาวนา
ชาวนาส่ังให้เดินมันก็เดิน สั่งให้หยุดมันก็หยุด แต่มันไม่มีแรง
ลากไถ เพราะมันเป็นควายแก่ ชาวนาเอาไปเทียมคู่กับควาย
หนุ่มมีแรง ลากไถได้ แต่ไม่รู้ภาษาชาวนา สั่งให้หยุดมันก็ไม่
หยุด ชาวนาจึงเอาควายแก่ท่ีรู้ภาษาชาวนาเทียมคู่กับตัวแรง
คือควายหนุ่ม พอชาวนาออกคำ�ส่ัง ควายตัวรู้คือตัวแก่ที่ไม่มี
แรงก็ออกเดิน มันก็กระทบตัวหนุ่มให้เดินตาม พอชาวนาสั่ง
ให้หยุด ตัวแก่ก็หยุดและพาตัวหนุ่มหยุดด้วย ควายหนุ่มเป็น
ตัวลากไถตามแต่ตัวแก่จะพาไป ชีวิตเหมือนการไถนาด้วย
ควายสองตวั คือตัวรู้กับตัวแรง
พระพรหมบัณฑติ (ประยูร ธมมฺ จิตโฺ ต) 341
ตัวรู้หมายถึงความรู้ในทางธรรม คอยกำ�กับตัวแรงคือ
ความรู้ในทางโลก เช่น วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ถ้ามีความรู้
ในทางโลกแต่ไม่มีธรรมะ คนอาจจะโกงได้พิสดารยิ่งขึ้น ต้อง
เอาธรรมะคือตัวรู้ไปกำ�กับตัวแรงจึงจะเป็นบัณฑิตที่สมบูรณ์
บัณฑิตจึงต้องรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม เหมอื นการไถนาดว้ ย
ควายสองตวั นค่ี อื อปุ มาเปรยี บเทยี บ
นทิ านสาธก
เทศน์ดีต้องมีนิทานสาธก นิทานคือเร่ืองที่เล่ากันมา
อาจจะเป็นนิทานอีสปก็ได้ สาธกคือยกเหตุการณ์เช่นข่าวใน
หน้าหนังสือพิมพ์มาประกอบการเทศน์ ก่อนที่จะเล่าเรื่อง เรา
จะต้องอธิบายธรรมก่อน เช่น คนเรามักจะหาแต่ประโยชน์
ปัจจุบัน ไม่สนใจประโยชน์ระยะยาวก็คือสมบัติภายใน ผู้ที่
รู้จักเศรษฐกิจพอเพียง มีสมบัติภายในคือศรัทธา ศีล จาคะ
ปัญญา จะมีความสุขตามอัตภาพ คนอย่างน้ีน่าสรรเสริญเป็น
บณั ฑิตทแี่ ท้จรงิ เหมือนเร่อื งต่อไปนี้
เถ้าแก่จากกรุงเทพฯนำ�กฐินไปทอดต่างจังหวัด พอไป
ถึงวัด เถ้าแก่เดินลงไปท่ีศาลาท่านํ้า ซึ่งเป็นศาลาอกแตก เพื่อ
ดูว่าจะพัฒนาอะไรได้บ้าง เห็นลุงคนหนึ่งนุ่งกางเกงตัวเดียว
ไม่ใส่เสื้อ น่ังพิงเสาศาลาอยู่ ไม่ทำ�อะไร งานทอดกฐินก็ไม่ไป
342 หลกั การและวธิ ีการเทศน์
ช่วย น่ังเหม่อลอยดูกระแสน้ํา เสียพลังงาน ไม่สร้างสรรค์
เถ้าแก่คิดว่าคนข้ีเกียจอย่างน้ีไม่น่าจะอยู่ในโลก เรามาทอด
กฐิน ไม่ไปช่วยจับช่วยทำ� มาน่ังทอดหุ่ยอยู่ได้ เถ้าแก่กลับไป
ทอดกฐินบนศาลา หลังจากทำ�พิธีเสร็จก็เดินกลับมาที่ศาลา
ท่านํ้าอีก พบว่าลุงคนน้ันยังนั่งอยู่อย่างนั้นแหละ ไม่รู้ร้อนรู้
หนาว เถ้าแก่ทนไมไ่ ด้กถ็ ามว่า “ลงุ มานั่งท�ำ อะไร”
แทนทจ่ี ะสนใจสนทนา ลงุ กลบั ยอ้ นวา่ “ดเู องไมเ่ ปน็ หรอื ”
“แลว้ มานง่ั ท�ำ อะไร งานการไม่รจู้ ักท�ำ ”
ลงุ ย้อนถามว่า “แลว้ งานน่ะ ท�ำ ไปท�ำ ไม”
“ท�ำ งานกจ็ ะไดม้ เี งินนะ่ สิ”เถ้าแกต่ อบ
“มีเงนิ แล้วเป็นอย่างไร”
“มีเงนิ จะไดม้ คี วามสุขน่ะสิ” เถา้ แกต่ อบ
“สขุ มันเป็นอย่างไรล่ะ” ลุงถาม
“สขุ กค็ อื อยู่สบายๆ ไมต่ อ้ งท�ำ อะไร” เถ้าแก่ตอบ
“นี่ไงสุขแลว้ อย่สู บายๆ ไม่ตอ้ งท�ำ อะไร” ลงุ สรปุ
ลุงมีสมบัติภายใน เราไปหาว่าเขาขาดโน่นขาดนี่ บางที
เราเข้าใจผิด เห็นนักปราชญ์นั่งอยู่เฉยๆ ก็ว่าพวกนี้ข้ีเกียจ
เห็นพระน่ังกัมมัฏฐานก็ว่าเป็นกาฝากสังคม สมัยหน่ึง
คอมมิวนิสต์กล่าวหาว่าพระสงฆ์เป็นกาฝากสังคมไม่ผลิตอะไร
หารไู้ ม่วา่ พระสงฆผ์ ลติ อริยทรัพย์คือสมบตั ภิ ายใน
พระพรหมบัณฑติ (ประยรู ธมมฺ จิตโฺ ต) 343
ยกส่อื อุปกรณ์
คำ�ว่าสื่อหมายถึงเครื่องช่วยให้เกิดความเข้าใจ ถ้าท่าน
อธิบายธรรมล้วนๆอย่างเดียวย่อมเป็นท่ีเข้าใจได้ยาก เพราะ
ฉะนั้นท่านต้องหาอะไรมาเป็นสื่อให้คนเข้าถึงธรรม บางท่าน
ไม่เข้าใจว่าเวลาน่ังบนธรรมาสน์จะใช้ส่ือได้อย่างไร เมื่อมือ
ตอ้ งประคองคมั ภรี เ์ ทศน ์ การใช้สอ่ื บนธรรมาสนเ์ ป็นไปได้หรอื
มีสำ�นวนนิยายกำ�ลังภายในอยู่ประโยคหน่ึงว่า “กระบ่ีอยู่ท่ี
ใจ” หมายความว่ายอดฝีมือสามารถใช้ส่ิงของทุกอย่างเป็น
กระบี่ได้ แม้แต่กิ่งไม้ก็กลายเป็นกระบ่ีฆ่าคนได้ ในทำ�นอง
เดียวกัน สำ�หรับสุดยอดนักเทศน์ ไม่มีอะไรที่ใช้เป็นอุปกรณ์
สอนธรรมไมไ่ ด้
เวลาไปเทศน์งานศพ อุปกรณ์ในการเทศน์ก็คือโลงศพ
ท่ีตั้งอยู่บนศาลา เราสามารถเทศน์ถึงผู้วายชนม์ที่นอนอยู่
ภายในโลงว่า “ญาติโยมมาวันน้ีเพื่อส่งหลวงพ่อเจ้าอาวาสใน
โลงนั้นเป็นคร้ังสุดท้าย ก่อนนี้ ท่านเคยเทศน์สอนญาติโยมอยู่
ทุกวันพระ มาถึงวันนี้ท่านนอนน่ิงอยู่ในโลง ตอนนี้ท่านเทศน์
อยู่ตรงน้ันโดยไม่ต้องพูด ฟังให้ดีเถอะ ร่างอันไร้วิญญาณของ
หลวงพ่อสอนธรรมะโดยไม่ต้องพูดว่าในที่สุด ชีวิตคนเราก็มา
ถงึ จดุ นกี้ นั ทกุ คน
344 หลกั การและวิธีการเทศน์
ร่างท่นี อนในโลงอยตู่ รงหน้า
แต่ก่อนมาทา่ นกเ็ ป็นเหมอื นเชน่ ฉัน
อย่างท่ีทา่ นนอนอยไู่ ซร้ในโลงน้นั
ไม่ช้าพลนั ฉนั กเ็ ป็นเช่นทา่ นเอย
เราสอนธรรมคือมรณสติแก่ผู้ฟังโดยใช้โลงท่ีตั้งอยู่ตรง
หน้าเป็นสื่อการสอน ยกตัวอย่างให้เห็นต่อไปว่า เทียนท่ีจุดอยู่
เบ้ืองหน้าอาตมภาพน้ีเรียกว่าเทียนส่องธรรม เวลาพระจะข้ึน
ธรรมาสน์ เขาจะจุดเทียนส่องธรรมก่อน มีหลักจรรยานัก
เทศน์อยู่ว่า ถ้ายังไม่จุดเทียนส่องธรรม ห้ามพระเทศน์ข้ึน
ธรรมาสน์ บางทีโฆษกไม่รู้เร่ือง นิมนต์พระเทศน์ขึ้นธรรมาสน์
ก่อนจุดเทียนส่องธรรม อย่างนี้ใช้ไม่ได้ ประธานหรือเจ้าภาพ
จุดเทียนส่องธรรมเมื่อไร นักเทศน์กราบพระประธาน ไหว้
เจ้าอาวาสแล้วข้นึ ธรรมาสน์ทันที เทียนส่องธรรมเป็นอุปกรณ์
สอนธรรมทต่ี ั้งอย่ตู ิดธรรมาสน์
เราสามารถเทศนโ์ ดยอา้ งถงึ เทยี นสอ่ งธรรมวา่ “ญาติโยม
ทง้ั หลาย ชวี ติ คนเราเกดิ มากอ่ นจะจากโลกนไ้ี ป ตอ้ งฝากความ
ดีไว้กับโลกน้ีบ้าง เทียนท่ีจุดอยู่เบ้ืองหน้าท่านท้ังหลายน้ีเป็น
เทียนส่องธรรม จุดแล้วทำ�ให้พระได้เทศน์ โยมได้ฟังธรรม แต่
เทียนบางเล่มจุดแล้วดับไปอย่างไร้คุณค่า เทียนบางเล่มเผา
บ้านเผาเมือง ชีวิตคนเราต้องเหมือนเทียนส่องธรรมคือดับไป
อยา่ งมคี ณุ คา่ ฝากไว้ในโลกน ้ี ดงั ค�ำ ประพนั ธ์ทีว่ ่า
พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมมฺ จิตฺโต) 345
“เปลวเทยี นละลายแท่ง เพอ่ื เปล่งแสงอันอำ�ไพ
ชีวติ มลายไป เพ่อื อะไรท้งิ ไวแ้ ทน”
ในงานทอดผ้าป่า มีต้นผ้าป่าต้ังอยู่หน้าธรรมาสน์ เจ้า
อาวาสนิมนต์เราไปเทศน์เพ่อื ระดมทุนสร้างศาลา เราก็บอกว่า
ศาลาหลังน้เี ม่ือสร้างเสร็จแล้วไม่ใช่สมบัติของเจ้าอาวาส แต่
เป็นสมบัติพระศาสนา ญาติโยมท้งั หลายจะได้มาใช้ประโยชน์
ร่วมกัน เพราะฉะน้ัน มาช่วยหลวงพ่อท่านสร้างศาลาเป็น
สมบตั ิฝากไวใ้ นพระศาสนากนั เถดิ ช่วยตดิ ต้นผ้าปา่ ให้ใบหนา
กว่าน้ี ญาติโยมดตู น้ ผา้ ปา่ นี้มีธนบัตรประดบั อย่ไู ม่มาก
อาตมภาพเคยได้ยินธนบัตรใบละพันคุยกับธนบัตรใบละ
ย่ีสิบ แบ้งค์ยี่สิบถามแบ้งค์พันว่าวันหยุด ๑๒ สิงหาคมปีน้ี
ไปเที่ยวที่ไหนมา แบงค์พันตอบว่าได้เข้าห้าง ได้ข้ึนเคร่ืองบิน
บางทกี ไ็ ปต่างประเทศ ไปถงึ บอ่ นปอยเปต ไดเ้ ที่ยวไปทั่วหมด
แบงค์ยี่สิบบอกว่า อิจฉาจังเลย พ่ีไปเที่ยวท่ัวทุกแห่ง ผม
ไมไ่ ดไ้ ปไหนเลย ไดแ้ ตเ่ ขา้ วดั วนเวยี นตดิ ตน้ ผา้ ปา่ อย่นู ่แี หละ
ญาตโิ ยมทง้ั หลาย พาแบงคพ์ นั เขา้ วดั ตดิ ตน้ ผา้ ปา่ บา้ งนะ
นีค่ อื การใช้ส่ืออปุ กรณ ์ ไมม่ ีอะไรทใี่ ชส้ อนธรรมะไม่ได้
346 หลกั การและวธิ กี ารเทศน์
ปฏนิ เิ ทศ
ปฏินิเทศคือสรุปจบประทับใจ เม่ือได้นิเทศคืออธิบาย
ขยายความมาพอสมควรแก่เวลาก็ถึงขั้นสุดท้ายคือปฏินิเทศ
หมายถึงสรุปจบให้ประทับใจ ท่านต้องพยายามโยงธรรม
เข้าหาผู้ฟัง เม่ือจะสรุปจบต้องสอนให้น้อมนำ�เอาธรรมะที่เรา
ได้เทศน์มาน้ีไปปฏบิ ตั ิ เขาเรยี กวา่ ประยกุ ตใ์ ชธ้ รรม หรอื ถา้ เรา
เทศนง์ านศพกบ็ อกวา่ “ธรรมะที่พรรณนามาทำ�ให้อายุยืนมี ๔
ประการ คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ผู้ที่นอนน่ิงอยู่ในโลง
ได้ถือปฏิบัติตามน้ีจึงมีอายุยืนถึง ๑๐๑ ปี ใครอยากมีอายุยืน
ก็จงรบั เอาไปปฏบิ ตั ”ิ
จากน้ัน ลงท้ายด้วยการให้พรแก่ผู้ฟัง บทให้พรนี้ควร
จะท่องให้ข้ึนใจ ถ้าเป็นการเทศน์ในงานมงคล ควรให้พรใน
ท�ำ นองนว้ี ่า
“รตนตฺตฺยานุภาเวน รตนตฺตฺยเตชสา ขอเดชานุภาพ
แห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและกุศลผลบุญท่ีท่านท้ังหลายได้
บำ�เพ็ญมา จงมารวมกันเป็นตบะเดชะ พลวปัจจัย อำ�นวย
อวยพรให้ท่านสาธุชนท้ังหลายจงเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ
พละ ปฏภิ าณ ธรรมสารสมบตั ิ ธนสารสมบตั ิ ปรารถนาสง่ิ หนง่ึ
ประการใดท่ีชอบประกอบด้วยธรรม ก็ขอให้ความปรารถนา
นน้ั ๆ จงพลนั ส�ำ เรจ็ สมมโนรถมงุ่ มาดปรารถนาทกุ ประการ”
พระพรหมบัณฑติ (ประยรู ธมมฺ จิตฺโต) 347
ถา้ เทศนใ์ นงานศพ ควรใหพ้ รวา่
“อิมินา กตปุญฺเน ขออำ�นาจกุศลผลบุญที่คณะท่าน
เจ้าภาพได้บำ�เพ็ญไว้ดีแล้วในหมู่สงฆ์ จงมารวมกันเป็นตบะ
เดชะ พลวปัจจัย อุทิศเป็นส่วนกุศลไปให้ท่านผู้วายชนม์เพ่ือ
ส�ำ เรจ็ เปน็ อฏิ ฐวบิ ากสขุ สมบตั ทิ พิ ยสมบตั ใิ นสมั ปรายภพ สมดงั
เจตนาปรารภของคณะทา่ นเจา้ ภาพทกุ ประการ
อน่ึง ขออำ�นาจกุศลผลบุญนี้จงเป็นปฏิพรย้อนสนองให้
คณะท่านเจ้าภาพเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ
ธรรมสารสมบัติ ธนสารสมบัติ ปรารถนาสิ่งใดท่ีชอบประกอบ
ดว้ ยธรรม กข็ อใหค้ วามปรารถนานน้ั ๆ จงพลนั ส�ำ เรจ็ สมความ
ปรารถนาทกุ ประการ”
เมอ่ื ใหพ้ รเปน็ ทเ่ี รยี บรอ้ ยแลว้ กล็ งทา้ ยอยา่ งนมุ่ นวลวา่
“รบั ประทานแสดงพระธรรมเทศนา ใน...กถา พอสมควร
แกเ่ วลา ขอสมมตยิ ตุ ลิ งคงไวแ้ ตเ่ พยี งเทา่ น้ี
เอวงั กม็ ดี ว้ ยประการฉะน”้ี
พระพรหมบณั ฑติ (ประยรู ธมฺมจติ ฺโต) 349
โสตถิธรรมกถา*
ว่าดว้ ยธรรมเพอ่ื ความสวสั ดี
]
นาญฺ ตฺร โพชฺฌาตปสา นาญฺ ตฺร อินทฺ รฺ ิยสํวรา
นาญฺ ตฺร สพพฺ นสิ สฺ คคฺ า โสตถฺ ึ ปสสฺ าม ิ ปาณินนฺติ
(สํ.ส.๑๕/๒๖๕/๗๕)
ณ บัดน้ ี จักรับประทานแสดงพระธรรมเทศนาในโสตถิ-
ธรรมกถา ว่าด้วยธรรมเพื่อความสวัสดี เพื่อเป็นเคร่ืองประคับ
ประคองฉลองศรัทธาประดับปัญญาบารมีอนุโมทนากุศลบุญ
ราศีของญาติโยมพุทธศาสนิกชนท้ังหลาย ผู้ตั้งใจมาบำ�เพ็ญ
บุญบำ�เพ็ญกุศล ท่ีวัดประยุรวงศาวาส วรวิหารแห่งน้ี ปรารภ
วันพระหรือวันธรรมสวนะซึ่งเป็นวันฟังธรรม อันตรงกับวัน
ส่งท้ายปีเก่า ๒๕๕๖ ต้อนรับปีใหม่ ๒๕๕๗ ทำ�บุญทำ�กุศลน้ี ก็
เพ่ือความสวัสดีมีชัย ต้อนรับปีใหม่ให้มีความสุข ความสำ�เร็จ
ความสวัสดีและเราก็ส่งความสุขถึงกัน ความสุขท่ีเราส่งถึงกัน
ก็เริ่มต้นด้วยคำ�ว่า สวัสดีปีใหม่ ดังนั้น ความสวัสดี จึงเป็น
* พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙, Ph.D.) แสดงในวัน
ธรรมสวนะ ณ พระอโุ บสถวดั ประยรุ วงศาวาสวรวหิ าร เมอ่ื วนั ท ่ี ๓๑ ธนั วาคม
พ.ศ.๒๕๕๖
350 โสตถิธรรมกถา
เร่ืองท่ีเราท้ังหลายปรารถนาต้องการ โดยเฉพาะในการเฉลิม
ฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เราก็ปรารถนาให้เกิดความ
สวัสดีด้วยกัน จึงกล่าวคำ�ว่า สวัสดีปีใหม่ ต่อกัน คำ�ว่าสวัสดี
ไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ ด้วยคำ�พูด ในทางพระพุทธศาสนาต้องให้
เราปฏิบัติธรรมะ มีธรรมเพื่อความสวัสดีด้วย อย่างไรก็ตาม
ค�ำ วา่ สวสั ดนี น้ั ตรงกบั ภาษาบาลวี า่ โสตถฺ ิ ดงั พระบาลนี กิ เขป-
บทท่ีอาตมภาพยกข้ึนเป็นอุเทศ ณ เบื้องต้นว่า นาญฺตฺร
โพชฺฌาตปสา เป็นต้น แปลความว่า เราตถาคตไม่เห็นความ
สวัสดีจะเกิดข้ึนได้ นอกจากมีปัญญา มีตบะ มีอินทรีย์สังวร
และมีความสละสิ่งทั้งปวง ธรรม ๔ ข้อ เรียกว่า ธรรมเพ่ือ
ความสวัสดี ได้แก่ (๑) โพชฌา คือปัญญา (๒) ตปสา ตบะ
คือความเพียร (๓) อินทรีย์สังวร คือ การสำ�รวมอินทรีย์ และ
(๔) สพั พนสิ สคั คะ ความสละสงิ่ ทง้ั ปวง
ความสวัสดีในภาษาไทย แปลจากคำ�ว่า โสตฺถิ ในพระ
บาลนี ้ี คำ�วา่ โสตถฺ ิ มาจากค�ำ วา่ ส-ุ อตถฺ ิ แปลวา่ มคี วามดีงาม
บัญญัติเป็นภาษาไทยโดยเทียบกับภาษาสันสกฤตว่าสวัสติ
ออกเสียงคนไทยไม่สะดวก พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม
กาญจนาชีวะ) จึงได้ให้ออกเสียงว่า สวัสดี แทนท่ีจะออกเสยี ง
ว่า สวัสติ เป็นสันสกฤต ใช้ทักทายกันท่ีคณะอักษรศาสตร์
จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ในสมยั ทพ่ี ระยาอปุ กติ ศิลปสาร สอน
อยู่จนเป็นท่ีนิยมในคณะอักษรศาสตร์ แต่ก่อนคนไทยคงไม่มี
พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมมฺ จติ ฺโต) 351
คำ�ทักทายเป็นทางการ คำ�ว่า สวัสดีใช้เป็นทางการต้งั แต่ พ.ศ.
๒๔๘๖ เป็นต้นมา นายกรัฐมนตรี จอมพล ป. พิบูลสงคราม
ประกาศเป็นข้อกำ�หนดให้คนไทยท้ังประเทศทักทายกันด้วย
ค�ำ วา่ สวสั ด ี ฝร่ังต่างชาติมาเมืองไทยกค็ นุ้ กบั ค�ำ วา่ สวสั ด ี เมอ่ื
ขน้ึ เครอ่ื งบนิ การบนิ ไทยมนี ติ ย-สารการบินไทย ชื่อว่า สวัสดี
คำ�ว่าสวัสดีน้ันติดปากกันมาจนปัจจุบัน แต่เวลาเขา
บัญญัติให้สวัสดีก็เลียนแบบฝร่ัง ตอนเช้าฝร่ังทักทายกันว่า
Good morning เราก็บัญญัติเป็น อรุณสวัสด์ิ สวัสดีตอนเช้า
ตอนกลางวันฝร่ังทักทายกันว่า Good day หรือ Good
afternoon เราก็ใช้คำ�ว่า ทิวาสวัสด์ิ ตกตอนค่ําฝร่ังทักทาย
กันว่า Good evening เราใช้คำ�ว่าสายัณห์สวัสด์ิ ก่อนนอน
ฝร่งั ทกั ทายกันวา่ Good night เราใช้คำ�วา่ ราตรสี วัสด ิ์
ใน ๔ คำ�น้ ี มีคำ�ไหนท่โี ยมใช้กันบ้าง ส่วนมากเราจะเห็น
คำ�ว่า ราตรีสวัสด์ิอยู่บ้าง แต่เดียวน้ีเราใช้คำ�ว่า สวัสดีเป็นพ้ืน
เป็นคำ�ทักกัน คำ�ว่า สวัสดี แปลว่า มีความดีขอให้มีความดี มี
ความงามในชีวิต สวัสดีในภาษาบาลีท่านยังหมายถึงว่า
ความปลอดภัยคำ�ว่าดี งาม ปลอดภัย เป็นความหมายของคำ�
ว่า สวสั ดี เพราะฉะนน้ั สวัสดปี ีใหม่ก็หมายความวา่ ขอให้ท่าน
จงมีความดี ความงาม ความปลอดภัย ตลอดปีใหม่ และ
ตลอดไป
352 โสตถธิ รรมกถา
ถ้าเราบอกว่า สวัสดีปีใหม่ประเทศไทย เราก็ขอให้
ประเทศไทยมีแต่ความดีความงาม ความปลอดภัย ไปฉลองปี
ใหม่กันก็ให้มีแต่ความดี ความงาม ความปลอดภัยไปไหนมา
ไหนอยา่ ใหเ้ กิดอุบตั เิ หต ุ รถตกเหวหรอื เสยี ชีวิต แตเ่ อาเขา้ จริง
ก็เกิดอุบัติเหตุจนได้ ๓ วันที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ลงข่าวสถิติ
ราชการว่า เสียชีวิตจากอุบัติเหตุไปแล้ว ๑๖๑ คน ไปเพื่อ
สวัสดีปีใหม่ แต่ไม่ได้ไปดี มีความปลอดภัย เหตุเพราะไม่
ปฏิบัติตามธรรมเพ่ือความสวัสดี พรใดก็ไร้ค่า ถ้าไม่นำ�มา
ปฏิบัติ ถ้าเราปฏิบัติแล้วก็จะมีความสวัสดี มีโชค มีชัย ธรรม
เพ่ือความสวัสดีก็เป็นดังพระบาลีท่ียกข้ึนไว้ ณ เบ้ืองต้น ว่า
นาญฺ ตรฺ โพชฌฺ าตปสา เป็นต้น แปลความว่า เราตถาคต ไม่
เห็นความสวัสดีจะเกิดข้ึนได้ นอกจากมีปัญญา มีตบะ มี
อินทรยี ์สังวร และมคี วามสละสิ่งทัง้ ปวง
พระบาลีน้ีมาจากการที่พระพุทธเจ้าตรัสตอบสุพรหม
เทพบตุ รผกู้ ลวั ตาย เขาเหน็ วา่ ตวั เองจะอยบู่ นสวรรคไ์ มน่ าน จะ
ต้องจุติ จุติคือตกสวรรค์ จุติ แปลว่า เคล่ือนย้าย ถ้าเราตาย
จากโลกน้ีไป ก็เรียกว่าจุติ เหมือนกัน ย้ายวญิ ญาณเราไปสภู่ พ
ใหม ่ ถา้ เราไปเกดิ ใหม ่ เรยี กวา่ ปฏสิ นธิ แปลว่า เชื่อมภพใหม่
เทวดาเรามักเรียกว่าจุติแต่คนไม่นิยมเรียกว่าจุติ แต่ที่จริงใช้
เหมอื นกันหมดในภาษาบาลี
พระพรหมบัณฑติ (ประยูร ธมมฺ จติ ฺโต) 353
สุพรหมเทพบุตรรู้ตัวว่า อีก ๗ วันจะจุติจากสวรรค์จึง
กลัวตาย พอกลัวตายก็มาเฝ้าพระพุทธเจ้า ขอฟังธรรมเพ่ือให้
หายความกลัว ความกังวล พระพุทธเจ้าจึงตรัสตอบว่า เพื่อ
ที่จะไม่ให้มีความกลัว ความกังวล และมีความสวัสดีมีชัย คน
เราจะต้องมีธรรม ๔ ประการ เทพบุตรบอกว่าความกลัวเกิด
มาจาก ๒ เรื่อง คือ เร่ืองท่ีเกิดขึ้นแล้วกับเรื่องท่ียังไม่เกิด เหตุ
ทเ่ี รากงั วลมาจาก ๒ เรอื่ งน้เี หมือนกัน
ท่ีว่ากลัวเร่ืองท่ีเกิดขึ้นแล้วก็คือ ในรอบปีท่ีผ่านมา เกิด
เร่ืองขึ้นมากมายในประเทศไทยที่ทำ�ให้คนไทยรู้สึกกลัว นั่น
คือ มีการชุมนุมทางการเมืองใหญ่โต เรียกว่า ในช่วงชีวิตเรา
มีเร่ืองใหญ่โตแบบนี้ไม่บ่อยนัก การชุมนุมทางการเมืองทำ�ให้
ชีวิตประจำ�วันเรากระทบ ไม่ว่าจะกิจการค้าขาย การจราจร
แมก้ ระทัง่ การสญู เสยี ชวี ิต
ที่ว่ากังวลกับเรื่องที่ยังไม่เกิดข้ึนคือเกิดความกังวลว่าจะ
มีปัญหาแบบเดียวกันไหมในปีใหม่ หรือปัญหาจะหนักกว่าเก่า
เรากังวลถึงเรื่องท่ียังไม่เกิดและอาจจะเกิด บางคนไม่รู้ว่าตอน
น้ีจะทำ�อย่างไร เรื่องท่ีเกิดแล้วพอทนได้ แต่เร่ืองท่ียังไม่เกิด
อาจจะหนักกว่าปีเก่าหรือไม่ บางคนต้องไปปรกึ ษาโหราจารย์
แม้วัดประยุรวงศาวาสก็เปิดพระอุโบสถเพราะโหราจารย์ท่าน
พยากรณ์ว่า คนท่ีเกิดปีน้ัน ปีน้ี ถ้าจะโชคดี ต้องมากราบ
สกั การบชู าหลวงพอ่ พระพทุ ธธรรมวเิ ชษฐศาสดา พระประธาน
354 โสตถธิ รรมกถา
ในพระอุโบสถ เจ้าอาวาสจึงต้องส่ังเปิดพระอุโบสถทั้งวันเพ่ือ
ความสวัสดีมีชัยของคนมาไหว้พระ วัดจัดสวดมนต์ข้ามปี
ก็เพ่ือความสวัสดีมีชัย ชาวพุทธทำ�ทุกอย่างที่ว่ามาก็ดีอยู่ แต่
ต้องปฏิบัติธรรม ๔ ประการชีวิตจึงจะสวัสดีมีชัย ธรรม ๔
ประการมีดังนี้
ประการที ่ ๑ โพชฌา ความสวัสดีเกิดจากปญั ญา
ประการท ่ี ๒ ตปสา ความสวสั ดีเกดิ จากการลงมือทำ�
ประการที่ ๓ อินทรีย์สังวร ความสวัสดีเกิดจากการ
สำ�รวมอนิ ทรยี ์
ประการที่ ๔ สัพพนิสสัคคะ ความสวัสดีเกิดจากการ
สละส่ิงทง้ั ปวง
๑.โพชฌา คือปัญญา คำ�ว่าปัญญาหมายถึงความรอบรู้
รู้เท่าและรู้ทัน รู้เท่าเอาไว้ป้องกัน รู้ทันเอาไว้แก้ไข จะไปไหน
มาไหนต้องมีความรู้ในถ่ินน้ัน ย่านนั้น เดินคนเดียวปลอดภัย
หรือไม่ ถ้าเห็นว่าปลอดภัย จึงไปได้ ถ้าเห็นว่าไม่ปลอดภัย
ต้องป้องกันอย่างไรความรู้ช่วยให้เราอยู่รอดปลอดภัย ม็อบ
ชุมนุมกันมากท่ีไหน อย่าเข้าไปที่น่ันเพราะบริษัทประกันภัย
ไมจ่ า่ ย เนอ่ื งจากเรารนหาเรอ่ื งเอง นกั ทอ่ งเทย่ี วจากตา่ งประเทศ
ไม่เดินทางมาไทย เพราะบริษัทประกันภัยทั่วโลกไม่จ่าย เขา
ถือว่าคุณต้ังใจมาหาเรื่องเองและคุณโง่เองไม่รู้ว่าเขากำ�ลังจะ
ฆา่ กนั แลว้ ยงั จะเขา้ ไป เพราะฉะนน้ั บรษิ ทั ประกนั ภยั ไมค่ มุ้ ครอง
พระพรหมบณั ฑิต (ประยูร ธมฺมจติ โฺ ต) 355
ดังน้ัน เวลาจะไปไหนมาไหน ต้องมีความรู้ภูมิศาสตร์ รู้สถาน
ที่ เหมือนคนจะขับรถไปต่างจังหวัด เขาจะเขียนป้ายว่า โค้ง
อันตราย ถึงตรงน้ีต้องชะลอลดความเร็ว ความรู้ทำ�ให้เราลด
ความเร็ว เม่ือสองสามวันท่ีผ่านมา รถบัสแล่นเร็วตรงโค้ง
อันตราย รถตกลงจากภูเขา แม้จะมีกำ�แพงปูนกั้นไม่ให้ตก
เหว รถบัสชนกำ�แพงปูนไถลไป ๖๐ เมตรแล้วไปตกเหวตรง
สะพาน มีคนตายหลายสิบคน ดังน้ัน เวลาเราจะไปไหนมา
ไหน ต้องมีความรู้เท่ารู้ทัน สิ่งไหนมีความเส่ียงสูงทำ�ให้เกิด
ทุกข์ภัยอย่าไปยุ่ง ถ้าเราเป็นโรคแพ้อาหารอะไร อย่าไปรับ
ประทานอาหารแสลง อย่างนีเ้ ป็นตน้
รวมความว่า คนเราต้องอยู่ด้วยความรู้ ขับรถบนถนน
จะไปไหนต้องรู้จุดหมายปลายทาง แล้วขับไปเร่ือยๆ ถ้าบน
ถนนนน้ั ตรงดง่ิ เรารวู้ า่ จะไปไหน กข็ บั ตรงไป จะไปเลย้ี วทไ่ี หน
หยุดที่ใด เรามีความรู้เราก็ขับรถปลอดภัย และท่ีสำ�คัญรู้ว่า
ตรงไหนมีแยกอันตราย บางทีไฟจราจรก็ไม่มี เราไม่รู้เลย
ชีวิตของคนเราจะรอดปลอดภัย ต่อเม่ือรู้ว่ามีกับดักมีเหว มี
หลุมมรณะ เช่น การลงทุนทางธุรกิจ ช่วงน้ีถ้าทำ�ไป จะมี
อุปสรรคตรงน้ี มีความเสี่ยงตรงนี้ เรายินดีที่จะเผชิญความ
เส่ยี งไหม บางทีเราไปเช่อื คนมาชวนไปลงทุน มีความเสี่ยงสูง
เราจะร่วมลงทุนกับเขาไหม เราศึกษาที่มาที่ไปประวัติเขาดี
หรอื ยัง ถ้าหากเราไมม่ ีความร ู้ ให้รูจ้ ักระแวงระวงั
356 โสตถิธรรมกถา
สงฺเกยยฺ สงกฺ ติ ฺตพฺพานิ ระแวงในสง่ิ ทคี่ วรจะแวง
รกเฺ ขยยฺ านาคตํ ภยํ ระวังภัยทจี่ ะตามมา
ถ้าเราไม่มีระแวงระวัง มันก็จะเหมือนเครื่องบินของสาย
การบนิ เกาหลใี นป ี ๒๕๒๖ บนิ จากสหรฐั อเมรกิ า จะไปเกาหลใี ต้
เขาบินไปท่ีข้ัวโลกเหนือก่อนแล้ววกลงมาอีกด้านหน่งึ ก็จะมา
ถึงเกาหลีใต้ ฉะน้นั จากสหรัฐอเมริกาเขาบินข้นึ ข้วั โลกเหนือลง
จอดเติมน้าํ มันที่อลาสกา จากนั้นก็บินเลียบช่องแคบอลาสกา
เลียบชายแดนของสหภาพโซเวียตจนมาถึงเกาหลีใต้ เส้นทาง
การบินเป็นอย่างน้ัน แต่เครื่องบินท่ีว่านี้ เป็นเครื่องบินพาณิชย์
มีผ้โู ดยสาร ๒๖๐ คน บินเข้าไปในน่านฟ้าของสหภาพโซเวียต
กัปตันไม่รู้ว่าบินเข้าไปในน่านฟ้าของโซเวียต เคร่ืองบินขับไล่
โซเวียตก็ทะยานข้ึนมาไล่ตาม พอไล่ตามมาเครื่องบินพาณิชย์
ลำ�น้ี ก็ออกจากน่านฟ้าโซเวียตโดยท่ีไม่รู้ว่าถูกติดตาม สักพัก
เคร่ืองบินก็วกกลับมาในดินแดนโซเวียตอีก ทนี เ้ี ครอ่ื งบนิ ขบั ไล่
โซเวยี ตยงิ ขปี นาวธุ ใสเ่ ครอ่ื งบนิ จนระเบดิ กลางอากาศ ตกลงใน
ทะเล ๒๖๐ ชวี ติ ตายเรยี บ โดยทไี่ ม่ทนั รตู้ วั
การสอบสวนอย่างเป็นทางการในภายหลังพบว่า กัปตัน
เป็นเหตุ กัปตันเครื่องบินมี ๒ ประเภท คือ กัปตันท่ีเป็นคน
และกัปตันท่ีเป็นคอมพิวเตอร์ เรียกว่าออโตไพลอต (Auto
Pilot) กัปตันอัตโนมัติ ขับเครื่องบินสมัยน้ี กัปตันที่เป็นคน
ใช้ ๒ คน เรียกว่าหัวหน้ากัปตันกับผู้ช่วยกัปตัน อาตมภาพ
พระพรหมบณั ฑติ (ประยรู ธมฺมจติ ฺโต) 357
เทศน์สอนกัปตันเครื่องบินการบินไทย เวลาเดินทางไปไหน
ถ้าเขาจำ�ได้ก็นิมนต์เข้าไปในห้องกัปตัน อาตมภาพก็เข้าไปดู
กัปตันน่ังคุมแป้นอยู่ แล้วเขาก็บอกว่า เคร่ืองบินไปเองโดย
นักบินอัตโนมัติ ตั้งแต่เครื่องบินขึ้นจนเครื่องบินลง เรามีหน้า
ท่ีดูว่าเข้าเส้นทางตามท่ีต้ังโปรแกรมตามคอมพิวเตอร์ไหม
ถามว่ากัปตันมนุษย์เอาไว้ทำ�อะไร เขาก็บอกว่า เครื่องบิน
เวลาบิน มันสวนทิศทางลมบ้าง แรงดึงดูดของโลก มันดึงออก
นอกทางบ้าง เรามีหน้าท่นี ำ�มันกลับเข้าเส้นทาง ดึงมันเข้าทาง
ตรง ให้ไปถึงเป้าหมาย และเวลาจะลงท่ีสนามบิน มีอันตราย
ทุกคร้ัง อาจมีพายุเมฆ ฝนฟ้าคะนอง เพราะเวลาที่ขึ้นบินจาก
ประเทศไทยไปอเมริกา กว่าจะไปถึงใช้เวลาเกือบ ๒๐ ช่ัวโมง
พยากรณ์อากาศตอนเครื่องข้ึน ยังไม่มีเมฆฝนเท่าไร แต่พอ
เครื่องจะลง เมฆฝนอาจจะมา มีฟ้าแลบที่สนามบิน ฟ้าอาจ
ผ่าเคร่ืองบิน แม้ว่าสมัยนี้จะมีระบบป้องกันฟ้าผ่าบนเคร่ืองบิน
เขาจะหลบก้อนเมฆอันตราย แล้วเข้าไปก้อนเมฆท่ไี ม่อันตราย
เรื่องหลบอันตรายเป็นหนา้ ท่ขี องกัปตันท่ีเปน็ มนุษย์
เครื่องบินเกาหลีใช้กัปตันอัตโนมัติคุมตลอด แต่เคร่ือง
บินเกาหลีท่ีว่านี้ตั้งโปรแกรมผิด คือตั้งให้บินเข้าไปในน่านฟ้า
ของสหภาพโซเวียต กัปตันมนุษย์ไม่รู้เรื่องเลย เครื่องบินรบ
โซเวียตเตือนก็แล้ว เขาถือว่าเป็นเคร่ืองบินสอดแนม จึงยิง
เคร่ืองบินตก มีคนตายไป ๒๖๐ คน เป็นเหตุให้ประธานาธิบดี
358 โสตถิธรรมกถา
สหรัฐฯ ประกาศว่า ขณะน้ี ประเทศสหรัฐอเมริกากำ�ลังทำ�
โครงการระบบกำ�หนดท่ีอยู่บนพ้ืนผิวโลก ด้วยระบบดาวเทียม
เรียกในภาษาปัจจุบันว่าจีพีเอ็ส (GPS) จพี เี อส็ ท�ำ ใหเ้ รารไู้ ดว้ า่
ตอนน้เี รากำ�ลังอย่ทู ่ตี ำ�แหน่งไหนในโลก มันจะปรากฏในจอ
คอมพิวเตอร์ สมัยนั้นไม่มีจีพีเอ็ส เม่ือไม่มีจีพีเอ็ส กัปตันจึง
ไมร่ ู้วา่ เครือ่ งบินออกนอกเส้นทางจึงโดนยิงตก
ทำ�นองเดียวกัน ทุกวันนี้เราไปไหนปลอดภัย รถยนต์
ของเราจะมีแผนที่ข้ึนบนจอ ถ้าโยมมาเมืองไทยเช่ารถ จะมี
แผนท่ีกรุงเทพฯ ขึ้นอยู่บนจอ ทุกประเทศเขาจะมีหมดใน
คอมพิวเตอร์ นี่เป็นผลมาจากสายการบินเกาหลี (Korean
Air) ถูกยิงตก เพราะความไม่รู้ของกัปตัน ท้ังกัปตันเครื่องบิน
ท่ีเป็นมนุษย์ ส่วนกัปตันที่เป็นเคร่ืองคอมพิวเตอร์รู้ แต่มีคนไม่
หวังดี ต้ังระบบคอมพิวเตอร์หลอกไว้ ทำ�ให้เครื่องบินออกนอก
ทางตามที่เขากำ�หนดไว้ในคอมพิวเตอร์ แต่มนุษย์ไม่รู้จึงตาย
กันหมด เราถูกระบบอัตโนมัติหลอกกันทุกวัน มันหลอกให้เรา
ออกนอกทาง แล้วเราก็หายนะกันทุกวัน ระบบอัตโนมัติท่ีว่านี้
เปน็ ระบบในชีวติ ของท่าน ทกุ คนมีระบบอัตโนมตั ิ
อะไรคือระบบอตั โนมัติในชวี ิต
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณเป็นระบบอัตโนมัติ
เวลาท่ีเรามีสัญญา แปลว่าความหมายรู้ เรามองแล้วจะเกิด
พระพรหมบัณฑิต (ประยรู ธมมฺ จติ โฺ ต) 359
สัญญารับรู้โดยอัตโนมัติว่า นี่เป็นคน น่ีเป็นผู้หญิงผู้ชาย
พอเห็นภาพเราก็เกิดเวทนา แปลว่า ความรู้สึกสุข ทุกข์ ไม่สุข
ไม่ทุกข์ อย่างเช่นท่าน น่ังฟังเทศน์อยู่น้ี บางคนฟังโหมด
อัตโนมัติ ฟังเทศน์แบบอัตโนมัติ ฟังไปอย่างน้ัน เกิดเวทนา
เม่ือย ทุกข์ นั่งเหยียดขาไปบ้าง ทำ�โดยอัตโนมัติ เมื่อมีสัญญา
จะเกดิ เวทนาความรสู้ กึ ถา้ มคี วามสขุ ทา่ นกอ็ ยากได ้ เปน็ ตณั หา
ได้แล้วก็ไม่อยากให้ใครแย่งไป เป็นอุปาทาน ถ้าใครมาแย่ง
กท็ ะเลาะกนั
ทุกวันน้ีเราอยู่ด้วยระบบอัตโนมัติ โยมอยู่ด้วยระบบ
อัตโนมัติ คือไปไหนก็ตามเห็นของสวยๆ งามๆ ความจริง
ไม่ได้ต้ังใจซ้ือ เดินผ่านหน้าร้านเห็นโฆษณาปีใหม่ลดกระหน่ํา
ก็ซ้ือทันทีโดยอัตโนมัติจนเงินหมด กลับมาบ้านเห็นของ
เต็มบ้าน ลูกถามว่าแม่ซื้อมาทำ�ไม ซ้ือด้วยความเคยชิน ระบบ
อัตโนมัติเป็นแบบนี้ เราขับรถไปบนถนนเขาแซงเรา เราก็โกรธ
แล้ว ยังมาเปิดกระจกทำ�ปากพะงาบ เราจึงขับรถไปด่าว่าเขา
ระบบอัตโนมัติทำ�งานแล้ว ไม่ได้คิดเลยว่า ควรหรือไม่ควรด่า
ปาดกนั ไปปาดกนั มา คนทด่ี า่ เรามนั โกรธเปดิ กระจกรถ เอาปนื
ยิงมา ฆ่ากันตายกันไปโดยท่ีไม่รู้จักกัน เพราะระบบอัตโนมัติ
มันทำ�งาน เขาเรียกว่า ระบบแห่งกิเลสตัณหา ระบบกิเลส
ตัณหาเป็นระบบอัตโนมัติที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ คือ ถ้าชอบ
ก็เกิดโลภทนั ท ี ถา้ ไมช่ อบกเ็ กดิ โทสะทนั ที
360 โสตถธิ รรมกถา
ถ้าใครอยากปลอดภัยให้ตั้งระบบสติปัญญาคอยกำ�กับ
ระบบกิเลสตัณหา คือ ใช้กัปตันท่ีมีปัญญา เป็นระบบที่ตรวจ
สอบได้ด้วยสติปัญญา สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดมักเกิด
ปัญหา เราอยู่ด้วยปัญญา อย่าอยู่ด้วยอารมณ์ ถ้าเราอยู่ด้วย
อารมณ์เกิดปัญหาง่ายมาก พอเปิดทีวีขึ้นมาตอนเช้าหรืออ่าน
หนังสือพิมพ์ชวนให้ไปประท้วงที่น้ันท่ีนี่ เราก็ไปด้วยอารมณ์
แต่ลืมไปว่ามันไม่ปลอดภัย เราอาจตายฟรี จริงอยู่เราไม่ชอบ
เราก็อยากไปประท้วง แต่ให้ดูตาม้าตาเรือก่อน อย่าทำ�อะไร
ด้วยความไม่ร้ ู ต่อไปน้อี ย่าทำ�อะไรด้วยอารมณ์ ทำ�ด้วยปัญญา
ด้วยเหตุผล ใครด่าก็อย่าไปรีบโกรธเขา ต้องพิจารณาดูก่อน
ว่าทำ�ไมเขาด่าเรา เราควรด่าตอบไหม เราควรโกรธตอบไหม
เขาเรียกว่ายั้งคิดก่อน คิดก่อนพูด คิดก่อนทำ� คิดให้รอบคอบ
เรากจ็ ะไมไ่ ปหาเรอ่ื งใคร ทง้ั ๆ ทเ่ี ราโกรธ เรากจ็ ะไมไ่ ปทะเลาะ
กับคนอื่นโดยไม่จำ�เป็น ถ้าทำ�ด้วยอารมณ์เรียกว่าเป็นคนไม่มี
เหตุผล ครอบครัวไม่เป็นสุข บ้านไม่เป็นสุข วัดไม่เป็นสุข
ประเทศชาติก็ไม่ปลอดภัย คนต่างประเทศก็ไม่อยากมาเที่ยว
ตอนนี้คนออกต่างจังหวัดเยอะ ไม่อยากอยู่กรุงเทพฯ กัน
เหลือโยมมาฟังเทศน์ปีใหม่เท่าน้ี ก็นับว่าเยอะแล้ว แต่ว่าคืนน้ี
จะไปไหน ใช้ปัญญาหน่อย ไปท่ีท่ีปลอดภัย ในที่ท่ีคนเมา
เยอะ ดื่มสุราเยอะ อย่าไป ไปสวดมนต์ที่สนามหลวงดีกว่า
วันนี้ตั้งแต่ ๕ ทุ่มครึ่ง อาตมภาพจะไปน่ังนำ�สวดมนต์อยู่ที่
พระพรหมบัณฑติ (ประยูร ธมมฺ จิตโฺ ต) 361
ท้องสนามหลวง ไปเป็นประธานสวดมนต์ข้ามปี จะมีการ
ถา่ ยทอดทีวมี าถึงวัดประยุรวงศาวาสด้วย
ข้อที่ ๒ ตปสา ความสวัสดีเกิดจากตบะความเพียรเผา
กิเลส หมายถึงความเพียรท่ีจะลดละกิเลส อย่าตามใจความ
โลภ ความโกรธ ความหลง ที่บางคนเป็นหน้ีเป็นสินติดกับดัก
เพราะเราไปเซ็นสัญญาหรือไปตกลงซ้ือสินค้าอันนั้น การท่ีเรา
หา้ มใจได ้ เรยี กว่ามีตบะ การหลีกเลยี่ งอบายมขุ ได้ น่เี ปน็ ตบะ
เมอ่ื เราไมท่ �ำ อะไรตามใจกเิ ลสตณั หา เรยี กวา่ มตี บะความเพยี ร
เผากเิ ลส ชีวิตเราจะปลอดภัย
ข้อที่ ๓ อินทรียสังวร ควบคุมประสาทสัมผัส ทำ�ตัวเป็น
เต่าวัดประยุรวงศาวาสทำ�ไมเต่าเป็นสัตว์ที่อายุยืนที่สุดในโลก
สุนัขจะกัดมัน มันก็หดหัวหดเท้าอยู่ในกระดองเราเองก็เช่น
เดียวกัน อย่าไปแส่หาเรื่อง ใครด่าเราก็อย่าย่ืนหูไปฟัง ใคร
เขายั่วมา เราก็อย่าไปดู หรือทำ�ตัวเป็นลิงสามตัว ตัวหนึ่งปิด
หู ตัวหนึ่งปิดตา ตัวหนึ่งปิดปาก ตามคติที่ว่า “ปิดหูซ้ายขวา
ปิดตาสองข้าง ปิดปากเสียบ้าง นั่งนอนสบาย” รู้ว่าที่ไหนมี
อันตรายอย่าไป ดูทีวีบางช่องแล้วไม่สบายใจก็ไม่ต้องดู
พยายามเก็บตัวอยู่ในท่ีปลอดภัยเขาเรียกว่า อยู่ในเซฟเฮ้าส์
(Safe house) อยู่ในสถานที่ปลอดภัยก็อย่าทำ�ให้จิต
ฟุ้งซ่าน ถ้าเข้าวัดฟังเทศน์ ฟังธรรม เจริญกรรมฐาน รับรอง
ปลอดภยั อายุยืน
362 โสตถธิ รรมกถา
ข้อสุดท้าย สัพพนิสัคคา แปลว่า สละส่ิงทั้งปวง บางที
เราอุตส่าห์หดตัวอยู่ในกระดองแล้ว ก็ยังย่ัวอยู่ได้ มากวน
อะไรต่างๆ แล้วก็จะเกิดเร่ืองถ้าเราไปตอบโต้ ถ้าไม่ไปเราก็
จะต้องแพ้เขา เสียหน้า เสียเกียรติ เราพยายามคิดปล่อยวาง
ว่าไม่เป็นไรหรอกปีใหม่น้ีหลบอยู่ในบ้านก็ได้ ใครจะว่าเราจน
ก็ไม่เป็นไร ฉลองปีใหม่กับครอบครัวท่ีบ้านปลอดภัยดีท่ีสุด
ใครจะว่าอะไรเราไม่ยึดติด นี่เรียกว่า สัพพนิสัคคา แปลว่า
สละสิ่งท้ังปวง บางทีถ้าอยู่ไปทุกข์เหลือเกิน ถอยจนสุดซอย
แล้วก็ยังไปไม่รอด ลาออกก็ได้ เขาเรียกว่า สัพพนิสัคคา เราก็
จะปลอดภัยไมม่ เี ร่ือง นค่ี ือมาตรการสดุ ท้าย ฉะนนั้ ถา้ หากว่า
เลอื กตง้ั เดนิ หนา้ ตอ่ ไป คนไทยจะฆา่ กนั ถอยบา้ งกไ็ ด ้ การถอย
คอื สละความยดึ ตดิ ลดทฐิ มิ านะ ถา้ จะท�ำ ใหค้ นตายเยอะ ถอย
บ้างดีกว่า ถอยก็คือสละ สละอะไร สละความยึดม่ันถือม่ัน
ถ้าเราแพ้เขาแล้ว อย่าคิดว่าคดีแพ้ แต่คนไม่แพ้ เอาปืนไปยิง
เขาตาย หรือถูกแย่งคนรักของรัก เราคิดเสียใจอยู่น่นั แหละ
จนตายก็ยังไม่ลืมความทุกข์ ท่านบอกว่า ถ้าอย่างน้ัน สัพพ-
นิสัคคา ปล่อยมันไปเถิด อย่าไปยึดม่ันถือมั่นเราหาใหม่ดีกว่า
ถ้าหากว่าเราไปยึดอยู่ตรงน้ีมีแต่ความทุกข์ เราไปคบคนอ่ืน
ไปทีอ่ ื่นมคี วามสุขกว่า เราจะเรมิ่ ปีใหมท่ ่สี ดใสกว่าเก่า
รวมความว่า ความสวัสดีมาจากธรรม ๔ ประการ คือ
๑. ปัญญา มีความรู้เท่าทัน ๒. ความเพียร ทำ�ไปตามความรู้ที่
พระพรหมบัณฑิต (ประยรู ธมฺมจติ โฺ ต) 363
เราบอกให้ทำ� อันไหนดีทำ�อันนั้น ๓. อินทรีย์สังวรพยายามท่ี
จะปิดหูปิดตาอย่าไปดูส่ิงยั่วที่จะทำ�ให้เราไปเจออันตราย และ
๔. ข้อสุดท้ายขณะปิดหูซ้ายขวายังถูกยั่ว ถูกกระตุ้นให้คิดถึง
ความทุกข์ ความพ่ายแพ้ เราต้องปล่อยวาง ลืมมันไปเสียบ้าง
อภัยกนั บ้าง โดยเฉพาะใครมาทำ�อะไรเรา ลมื และใหอ้ ภยั กนั
ถ้าไม่มีการให้อภัยผดิ
และไมค่ ดิ ทจ่ี ะลืมซึ่งความหลงั
จะหาสามคั คียากล�ำ บากจัง
ความผิดพล้งั ยอ่ มมีทว่ั ทกุ ตัวตน
ถ้าคนไทยไม่ให้อภัยกัน ความทุกข์ก็จะตามต่อไปยัง
ปีใหม่ ก็จะสร้างเง่ือนไข สร้างเหตุปัจจัยแห่งความรุนแรงจาก
ทุกฝ่าย และประเทศไทยก็จะเป็นประเทศอันตรายท่ีนักท่อง
เท่ียวมาแล้วเสี่ยงชีวิต ความปลอดภัย ความสวัสดีก็ไม่มี
ฉะนน้ั ถา้ อยากไดค้ วามสวสั ดมี ชี ยั ตอ้ งมธี รรมเพอ่ื ความสวสั ดี
ทั้ง ๔ ประการ ปฏิบัติกันทั้งประเทศไทยแล้วประเทศไทยจะมี
ความสุข ความงาม ความปลอดภัย สมคำ�ว่าสวัสดีปีใหม่กัน
ทกุ คน
รับประทานแสดงพระธรรมเทศนาในโสตถิธรรมกถา
พอสมควรแก่เวลา ขอสมมติยุติลงคงไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอ
ความสุข ความสวัสดีมีชัย ในปีใหม่ตามพรแห่งพระธรรมที่
364 โสตถิธรรมกถา
รับประทานแสดงมา จงมีแด่ท่านผู้ฟังทุกรูปทุกท่าน ตลอดปี
ใหมแ่ ละตลอดไป
เอวํ ก็มดี ้วยประการฉะน้ี
พระพรหมบณั ฑิต (ประยูร ธมมฺ จติ ฺโต) 365
อัตตโจทนกถา*
ว่าดว้ ยการเตือนตน
]
อตตฺ นา โจทยตฺตานํ ปฏมิ ํเสตมตตฺ นาติ
(ข.ุ ธ.๒๕/๓๕/๖๖)
ณ บัดน้ี จักรับประทานแสดงพระธรรมเทศนาในอัตต-
โจทนกถา ว่าด้วยการเตือนตนเพ่อื เป็นเคร่อื งประคับประคอง
ฉลองศรัทธาประดับปัญญาบารมีอนุโมทนากุศลบุญราศีของ
ญาติโยมพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ผู้ขวนขวายมาบำ�เพ็ญบุญ
บ�ำ เพญ็ กศุ ล ณ วดั ประยุรวงศาวาสวรวหิ ารแหง่ น้ี
เน่ืองในวันพระวันธรรมสวนะ คือวันฟังธรรม การฟัง
ธรรมนี้ให้นำ�เอาไปพินิจพิจารณาแล้วสอนตัวเอง ถ้าหากฟัง
แล้วจดจำ�ไม่ได้ ไม่นำ�ไปสอนตนเอง ธรรมะน้ันไม่ค่อยจะมี
ประโยชน์กับตัวเราเท่าไร ฉะนั้นเวลาฟังพระเทศน์ให้ต้ังใจฟัง
* พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙,Ph.D.) แสดง
ในวันธรรมสวนะ ณ พระอุโบสถวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เมื่อวันท่ี ๒๑
ธนั วาคม พ.ศ.๒๕๕๗
366 อตั ตโจทนกถา
ตั้งใจจำ�นำ�เอาไปสอนตน ธรรมะใดๆ ก็ไร้ค่า ถ้าไม่นำ�เอาไป
สอนตวั เอง
พอสอนตัวเองแล้วจะเกิดการปรับเปล่ียนพฤติกรรม
เปล่ียนชีวิตของเรา โดยเฉพาะในช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับ
ปีใหม่ ๒๕๕๘ มีอะไรดีๆ รอเราอยู่มากมายในปีใหม่ แต่
ถ้าหากว่าเราไม่มีการปรับปรุงตนเอง ไม่มีการเตรียมตัวเพ่ือ
รับสิ่งท่ีดี ท่ีงาม ท่ีจะเข้ามาสู่ชีวิต บางทีส่ิงดีๆ เหล่านั้น มันก็
จะล่วงเลยเราไปอีก โอกาสไม่ได้เกิดข้ึนบ่อยและเมื่อมีโอกาส
ปรากฏว่าเราไม่พร้อม ไม่พร้อมท่ีจะรับส่ิงดีๆ ท่ีผ่านเข้ามา
เลยตกขบวนรถไฟอยู่เรอ่ื ย
ดังนั้น ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อย่างนี้ จึงเป็น
เวลาที่ดีสำ�หรับเตรียมตัวให้พร้อม ซักซ้อมให้ดี เข้าไปสู่ชีวิต
ใหม่ เดือนใหม่น้ัน ในคติท่ีเรากำ�ลังพูดถึงเป็นคติฝร่ังเร่ิมจาก
เดือนมกราคม ธันวาคมเป็นเดือนสุดท้ายของปี มกราคมเป็น
เดือนแรก ซ่ึงไม่ใช่คติไทยหรืออินเดีย ในฝ่ายไทยเราเคยข้ึน
ปีใหมก่ นั ในวนั สงกรานต ์
ตามคติฝร่ังน้ี เดือนมกราคมเขาเรียกเป็นภาษาอังกฤษ
ว่าแจนยัวร่ี (January) เป็นการต้ังตามช่อื ของเทพเจ้าประจำ�
เดือนมกราคม ช่ือว่าเจนัส (Janus) เป็นเทพเจ้าท่ีมีหน้า
สองหนา้ หนา้ หนง่ึ มองไปขา้ งหนา้ อกี หนา้ หนง่ึ มองไปขา้ งหลัง
พระพรหมบณั ฑิต (ประยรู ธมมฺ จิตฺโต) 367
หน้าหนึ่งมองไปปี ๒๕๕๘ ในอนาคต อีกหน้าหน่ึงมองกลับ
อดีตปี ๒๕๕๗ ท่ีกำ�ลังจะหมดไป ทำ�ไมเทพเจ้าเจนัสจึงมี ๒
หน้า เพราะว่าเทพเจ้าองค์น้ี ตามคติของโรมัน มีหน้าที่เฝ้า
ประตูใครเข้าใครออกสวรรค์ ต้องผ่านประตูน้ี เจนัสต้องคอย
เหลียวไปเหลียวมาจนเมื่อยคอเทพผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ของ
โรมันเรียกว่าจูปิเตอร์ (Jupiter) จึงบันดาลให้เจนัสไม่ต้อง
เหลียวหน้าเหลียวหลัง คือบันดาลให้มี ๒ หน้า หน้าหนึ่ง
สำ�หรับดูคนที่กำ�ลังออกไปอีกหน้าหน่ึงสำ�หรับดูคนที่จะเข้าจึง
เหมาะสมกบั การเปลย่ี นแปลงของปเี กา่ ทก่ี �ำ ลงั จะผา่ นไปสปู่ ใี หม่
หน้าหนึ่งที่มองอดีตเห็นว่าอะไรท่ีไม่ดี ให้กันไว้อย่าให้
ตามไปรังควาญเราในปีใหม่นี่คือหน้าท่ีมองไปข้างหลัง หน้าที่
มองไปข้างหน้าก็เดินไปสู่เป้าหมายที่เราประสงค์ท่ีดีงามอะไร
ท่ีไม่ดี ทิ้งไป อะไรที่ดีมุ่งไปสู่ตรงนั้น ถ้ามันดีอยู่แล้วก็พาไปสู่
ปใี หม ่
ดังน้ัน ช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่เป็นเวลาที่เราจะ
ตรวจสอบตัวเองและเตือนตนเอง ดังพระบาลีท่ีอาตมภาพ
ได้ยกข้ึนเป็นนิกเขปบทไว้ ณ เบื้องต้นว่า อตฺตนา โจทยตฺตานํ
เป็นต้น แปลความว่า จงเตือนตนด้วยตนเอง จงพิจารณา
ตรวจสอบตนเองด้วยตนเอง คือเอาตัวเรา มองตัวเรา ถ้าเรา
ไม่ตรวจสอบตัวเอง ไม่เตือนตัวเอง ใครเขาจะมาเตือนเรา
ใครจะรู้จักเราดีเท่ากับตัวเราเอง คนท่ีใกล้ชิดเรา เขามีเรื่องท่ี
368 อัตตโจทนกถา
จะต้องใส่ใจสนใจ คือตัวเขาเอง เราเองเท่านั้นรู้ว่าอะไรเป็น
จุดเด่นในตัวเรา อะไรเป็นจุดด้อยที่จะต้องกำ�จัด ฉะน้ัน
เมื่อพิจารณาจุดเด่น จุดด้อยในรอบปีที่ผ่านมา เราจะได้กำ�จัด
จุดด้อยเสริมจุดเด่น ด้วยการพิจารณาตรวจสอบ อะไรดี
อะไรไมด่ ี ในตวั เรา เราจึงเตือนตนอยู่เสมอ
ตนของตน เตอื นตน ให้พ้นผิด
ตนเตอื นจิต ตนได ้ ใครจะเหมือน
ตนเตือนตน ไม่ได้ ใครจะเตือน
อย่าแชเชอื น เตือนตน ใหพ้ น้ ภัย
ช่วงเวลาน้ีก่อนจะส้ินปี ให้ใช้ใบหน้าท่ีมองไปข้างหลัง
เตือนตัวเรา และให้ใช้ใบหน้าที่มองไปข้างหน้าวางแผน
สำ�หรับอนาคต การวางแผนสำ�หรับอนาคตคือปีหน้าวางให้
ตรงกับจุดเด่นของเรา อย่าไปทำ�ตรงจุดด้อย ปีหน้าเราจะทำ�
อะไรดี บางคนวางแผนในสิ่งท่ีตนไม่ถนัด ไม่มีทุน ไม่มีพรรค
พวก อยากจะเดินทางไปจังหวัดไหนช่วงปีใหม่ ถามว่าจุดเด่น
ของเราอยู่ตรงไหน มีค่ารถ มีค่าเคร่ืองบินไหม ไปแล้วมีญาติ
สนิทมิตรสหายอยู่ที่น่ันหรือไม่ มีใครคอยอำ�นวยความสะดวก
ไหม ถ้าไม่มีแต่ว่ามีเงิน บริษัททัวร์เขาจัดให้ได้ และอากาศ
เป็นอย่างไร หนาวเกินไปเหมาะกับเราไหม ร้อนเกินไป เรา
ทนไหวไหม เรียกว่าพิจารณาจากจุดที่เรามี ไปสู่เป้าหมายท่ี
เราจะไป เวลาเตอื นตนไมใ่ ชเ่ ตอื นมว่ั ๆ ไมใ่ ชน่ กึ จะดา่ ตวั เราเอง
พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจติ ฺโต) 369
ว่าโง่ มันแล้วแต่สถานการณ์ บางทีความโง่ก็มีประโยชน์ เช่น
พดู ไปสองไพเบย้ี นิ่งเสยี ต�ำ ลึงทอง ตอนนี้ต้องหัดโง่บา้ ง
โงไ่ ม่เป็น เป็นใหญ่ยาก ฝากให้คดิ
ทางชีวิต จะรุง่ โรจน์ โสตถผิ ล
ต้องรู้โง ่ รูฉ้ ลาด ปราดเปรื่องตน
โงส่ บิ หน ดกี วา่ เบ่ง เกง่ เด๋ียวเดยี ว
ตอนไหนต้องแกล้งโง่ ทำ�โง่บ้าง เพื่อที่จะให้ไม่ไปขัดใจ
หรือไประรานเขา แต่อย่าโง่แนบเนียนเกินไป ฉลาดบ้างก็ได้
เพราะฉะน้ัน ต้องรู้โง่ รู้ฉลาด คือเมื่อใดควรจะโง่ เมื่อใดควร
จะฉลาด หดั นง่ิ เปน็ บา้ ง หดั โงเ่ ปน็ บา้ ง หดั แพเ้ ปน็ บา้ ง นน่ั แหละ
ท่านกำ�ลังชนะและกำ�ลังฉลาดขึ้น หมายความว่า เราจะ
เคล่ือนไหวไปทางไหน อยู่ที่เป้าหมายของเรา เราจะทำ�อะไร
เตือนตัวเองให้ปรับกระบวนยุทธ์ ปรับทีท่าให้สอดคล้องกับ
เปา้ หมายท่ีตอ้ งการ
วัดประยุรวงศาวาสมีแผนในปีหน้าชัดเจน ถ้าเดินไป
ข้างหลังพระอุโบสถ จะเห็นท่ีโล่งตรงนั้น เรารื้ออาคารไป ๒
หลัง วัดจะสร้างอาคารใหม่ขึ้นมาแทนที่ วัดบางวัดเขาสร้าง
อาคารเพอ่ื เปน็ ทบ่ี �ำ เพ็ญกศุ ล เช่นต้งั ศพ หรอื เป็นท่ปี ระดิษฐาน
พระพุทธรูปองค์ใหญ่เรียกว่าวิหาร แต่วัดประยุรวงศาวาส
มีหมดแล้ว เราตรวจสอบตัวเอง อะไรคือจุดเด่นของวัด อะไร
370 อตั ตโจทนกถา
คือจุดด้อย อะไรคือโอกาส และอะไรคืออุปสรรค จุดเด่น
ของวัดคือมีนักเทศน์มาก เรียกว่าเป็นดงนักเทศน์มาแต่
โบราณ ดังค�ำ กล่าวทวี่ า่
อยากเป็นนกั เทศน์ใหอ้ ยู่วัดประยุรฯ
อยากเปน็ เจา้ คุณให้ไปอยวู่ ัดมหาธาตฯุ
อยากเปน็ นักปราชญ์ให้อยู่วัดสามพระยา
อยากเปน็ มหาให้อยวู่ ดั เบญจมบพติ ร
จุดเด่นของวัดประยุรวงศาวาสคือมีนักเทศน์ จุดด้อยคือ
ไม่มีที่จะเทศน์ในวัดพระอุโบสถก็กำ�ลังซ่อม อาคารต่างๆ ใช้
สวด เพราะฉะน้ันพระวัดประยุรวงศาวาสเป็นวัดมีนักสวด
เพียบ ท่ีสวดมีมาก แต่ท่ีเทศน์ไม่ค่อยมี เพราะฉะน้ัน เราต้อง
แก้จุดอ่อนด้วยการสร้างห้องประชุมใหญ่ ให้โยมมาฟังเทศน์
กันทีหน่ึงได้ ๕๐๐ คน จะจัดงานใหญ่อย่างนี้ไม่เป็นสัปปายะ
จึงจำ�เป็นต้องจัดสร้างหอประชุม ๕๐๐ ท่ีนั่งข้ึนไป มีเคร่ือง
เสียงเพียบ มีลฟิ ทใ์ ห้ญาติโยมข้นึ ไปฟังเทศน ์
ปีหน้าโยมคงได้ขึ้นไปฟังเทศน์ในห้องแอร์ เคร่ืองเสียง
อย่างดี อาคาร ๓ ช้ัน ช้ันท่ี ๓ มีลิฟท์ขึ้นไป จุผู้ฟังอย่างน้อย
๕๐๐ ชั้นท่ี ๒ มีห้องพัก ปกติใครจะมาค้างวัดวันปาติโมกข์
วันถือศีลอุโบสถต้องนอนบนศาลา แต่ต่อไปน้มี ีห้องพักติดแอร์
พร้อมห้องน้ําในตัว อยู่ชั้นที่ ๒ ส่วนช้ันล่างสุดเป็นห้องสมุด
พระพรหมบณั ฑิต (ประยรู ธมมฺ จติ ฺโต) 371
เป็นพิพิธภัณฑ์ เรียกว่าเรามีจุดแข็งคือมีนักเทศน์ จะให้พระ
อย่เู ทศน์ประจ�ำ จัดที่เทศน์ทบ่ี รรยายธรรม
โอกาสสร้างหอประชุมมาถึงปีหน้าท่ีจ้าภาพมาทอดกฐิน
จองกฐินต้ังแต่ปีน ี้ ปีหน้ามาทอด เขาถามว่าท่านจะเอาบริวาร
กฐินเป็นอะไร ปกติกฐินทอดเป็นผ้าไตรจีวร ส่วนบริวารกฐิน
คือปัจจัยหรือของใช้ในวัด เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส
มักน้อยบอกไม่เอาอะไรมาก เอาอาคาร ๑ หลัง ๕๐ ล้านบาท
ปรากฏว่าเจ้าภาพใจถึงจริงๆ ทอดกฐินทีหน่ึงสร้างอาคาร ๑
หลังถวายเลย โอกาสมาถึง แต่ว่าอาคารนี้ ไหนๆ จะสร้าง
ต้องยาว คือ สร้างยาวกว่าโรงเรียนส่งเสริมฯ ที่คู่ขนานกัน ท่ี
โรงเรียนส่งเสริมชั้นล่าง จุได้ ๒๕๐ คน เพราะฉะนั้น เรามี
โอกาสเพราะมีเจ้าภาพดำ�เนินการในปีหน้า
คำ�ถามคือว่า เมื่อมีสถานที่สำ�หรับเทศน์สำ�หรับสอน
แล้ว โยมพร้อมจะไปฟังเทศน์หรือยัง พระพร้อมท่ีจะไปเทศน์
ตรงนั้นหรือไม่ เขาเรียกว่าตรวจสอบตัวเอง เมื่อมีโอกาสเช่นนี้
ถ้ารายังไม่ได้เป็นนักเทศน์ต้องฝึกเทศน์ เตรียมไปสู่เป้าหมาย
ในอนาคต ถ้าที่ตรงน้ีดี เราจะใช้ประโยชน์อะไร และเรา
พร้อมไหม ถ้าไม่พร้อมต้องฝึกฝนตนเอง ถ้าไม่มีเวทีแสดงก็
แล้วไป แต่เมื่อมีเวทีให้แสดง เราร้องเพลงเป็นไหม เขามาจัด
คอนเสิร์ตให้เราแสดง เรารำ�เป็นไหม ถ้าเขามาจัดงานท่ีบ้าน
ให้เรารำ� เขาบอกอีกคร่ึงปีจะมีการจัดงานรำ�อวยพรผู้ใหญ่
372 อตั ตโจทนกถา
ที่บ้านของเรา เรารู้ว่าเรามีจุดอ่อนคือร้องไม่เป็น รำ�ไม่เป็น
เราต้องฝึกซ้อม น่ีเรียกว่าเตือนตัวเอง ไม่ใช่เตือนม่ัวๆ เรา
เตือนตัวเองให้เตรียมความพร้อม
ฉะน้ัน เตือนตนในที่น้ีคือ เตรียมท่ีจะทำ�ในส่ิงที่เรา
ประสงค์ เม่ืออายุมากแล้วเราเตรียมอะไรไว้สำ�หรับเดินทาง
เช่นทำ�บุญกุศล จัดการมรดกให้คนอยู่ข้างหลังไม่ต้องทะเลาะ
แย่งมรดกกัน นี่เรียกว่าไม่ประมาท อย่าปล่อยให้เวลาล่วงเลย
ผ่านไป หลับๆ ต่ืนๆ อยู่อย่างไม่มีเป้าหมาย เรียกว่าเป็นคน
พาล พาลแปลว่าคนไร้ปัญญา อยู่สักแต่ว่าหายใจเข้า หายใจ
ออก ไมม่ ีแผนการอนั เป็นประโยชน์ส�ำ หรบั อนาคต
ส่วนบัณฑิตคือผู้มีปัญญา นึกถึงประโยชน์ปัจจุบัน และ
ประโยชน์ในอนาคตบัณฑิตทำ�ประโยชน์ปัจจุบันยังไม่พอ คิด
จะทำ�ประโยชน์ปีหน้า ปีต่อๆ ไปดังพระบาลีว่า ทิฏฺเ ธมฺเม
จ โย อตฺโถ โย จตฺโถ สมฺปรายิโก เป็นต้น แปลความว่า คนมี
ปัญญาท่านเรียกว่าบัณฑิต เพราะคิดถึงประโยชน์ปัจจุบันและ
ประโยชน์ระยะยาวในอนาคต ถ้าคิดว่าจะทำ�ประโยชน์ใน
อนาคตทำ�ไมไม่เตรียมตัว จะหุงข้าวเตรียมฟืนหรือยัง จะน่ังดู
ท่ีดูทางมีการเตรียมกันท้ังนั้น ไม่ใช่หิวขึ้นมาก็จะรับประทาน
โดยยงั ไมไ่ ด้เตรียมอาหาร
พระพรหมบณั ฑติ (ประยูร ธมมฺ จติ โฺ ต) 373
จะปลูกพืชกต็ อ้ งเตรียมดิน
จะกนิ ต้องเตรยี มอาหาร
จะเทศนาวาทการก็ต้องเตรยี มตวั
การเทศนท์ กุ ครง้ั ตอ้ งเตรยี มตวั ทกุ อยา่ งตอ้ งมกี ารเตรยี ม
พร้อม เวลาท่านเตรียมตัวต้องพิจารณาดูว่า เราพร้อมท่ีจะทำ�
ส่ิงที่จะดำ�เนินการไหม ถ้าไม่พร้อมต้องเตรียมตัวเตรียมใจ
ก่อน ถ้าหากว่ามีอะไรจะต้องแก้ไขปรับปรุงให้เกิดความพร้อม
ต้องกลับจิตกลับใจ กลับกลายกลับตัว กลับหางกลับหัว
เปลี่ยนชั่วให้เป็นดี อะไรท่ีไม่พร้อมไม่ดีที่ผ่านมาอย่าไปเก็บ
เอาไว้ ทำ�สิ่งที่ดีงามให้กับตัวเองและอย่าไปผัดผ่อนให้เวลา
ผ่านไปอย่างไร้คุณค่า เวลาทุกนาทีหมดไปแล้วเอากลับคืน
ไม่ได้
ปี ๒๕๕๗ หมดไปแล้ว เอาคืนได้ไหม บางคนบอกว่า
เวลาเป็นเงินเป็นทองอันท่ีจริง เวลามีค่ากว่าเงินกว่าทอง
เพราะเงินทองหล่นหายแล้วตามหาคืนได้ หมดแล้วเอามาใหม่
ได ้ แต่เวลาหมดแล้วหมดเลย หมดไปอยา่ งไม่มวี ันหวนคนื มา
อนั เงนิ ทองหล่นหายยอ้ นไปหา ยังมีถา้ หวงั พบประสบสม
แตเ่ วลาผ่านไปไม่ปรารมภ ์ จะนิยมย้อนหลงั อย่าหวังเลย
บางคร้ัง โอกาสเพียงครั้งเดียว พลาดแล้วพลาดเลย
เหมือนเรื่องดังต่อไปน้ี
374 อัตตโจทนกถา
นกพิราบกับมดเป็นเพ่ือนกัน นกทำ�รังอยู่บนต้นไทร
ส่วนมดอาศัยอย่รู ิมแม่น้าํ ใต้ต้นไทร ต้นไทรอย่รู ิมน้าํ แผ่ก่งิ ก้าน
สาขาย่ืนไปในแม่น้ํา ส่วนมดทำ�รังอยู่กับดินมีครอบครัวอยู่
ตรงนั้น มนั เป็นเพื่อนกบั นกพริ าบ
นกรบั มดเปน็ เพอ่ื นโดยไมร่ งั เกยี จวา่ ตวั เลก็ จะมปี ระโยชน์
อะไร คิดว่าอย่างน้อยเอาไว้คุยแก้เหงา สร้างมิตรภาพกัน จน
กระทั่งวันหนึ่งฝนตกหนัก น้ําเจิ่งนองล้นตลิ่ง มดไม่ทันระวัง
ตวั นา้ํ มาพดั เอามดลอยไปกลางแมน่ า้ํ
นกมองเห็นความทุกข์ของเพ่อื นคิดจะช่วย แต่นกว่ายน้าํ
ไม่เป็น มันมีจุดอ่อน อะไรคือจุดแข็งของนก จุดแข็งคือนก
บินได้ เมื่อนกบินได้ นกใช้จุดแข็งของตนให้เป็นประโยชน์ จะ
ช่วยใครต้องพิจารณา นกจึงเตือนตัวเองว่า เพื่อนจะจมน้ํา
ตายแล้วถ้าไม่ช่วยตอนน้ีมดตายแน่นอน โอกาสมันมีแค่นี้ นก
เตือนตัวเองให้ รีบช่วยมด นกใช้ปัญญาคิดว่าจะทำ�อย่างไร
นกคาบเอาใบไม้บินโฉบลงไปใกล้มดที่กำ�ลังจะจมนํ้า ทิ้งใบไม้
แห้งลงใกล้ตัวมดเหมือนแพกู้ชีพ บอกให้มดปีนข้ึนมาบนใบไม้
มดได้สติเห็นใบไม้รู้สึกขอบคุณนก ปีนขึ้นไปเกาะบนใบไม้
ใบไม้ลอยไปตามน้ํา นกก็บินโฉบมาอีกรอบ เอาปากคาบใบไม้
ที่มีมดอยู่นั้น มาวางไว้บนบกริมตล่ิง มดรอดชีวิตด้วยความ
มีนํ้าใจและการช่วยอย่างทันท่วงทีของนก เวลาไม่คอยท่า
การท่ีนกตัดสนิ ใจอย่างรวดเรว็ ได้ช่วยมดให้รอดตาย
พระพรหมบัณฑติ (ประยรู ธมฺมจิตโฺ ต) 375
เหตุการณ์ผ่านไปด้วยดี จนกระท่ังวันหนึ่ง นายพราน
เดินมาใต้ต้นไทร เล็งธนูไปที่นกพิราบ ซึ่งกำ�ลังเกาะกิ่งไทร
พรานข้ึนธนูเตรียมยิงนก มดอยู่ข้างล่างมองเห็นเหตุการณ์
ตลอด ถ้าไม่ตัดสินใจให้ทันท่วงทีนกตายแน่ มดมีน้ําใจอยาก
จะช่วยเพื่อน แต่ต้องพิจารณาตัวเองเหมือนกัน มดตัวเล็กๆ
จะชว่ ยนกไดอ้ ยา่ งไร เพราะฉะนน้ั มดใชจ้ ดุ แขง็ ใหเ้ ปน็ ประโยชน์
ตรวจสอบตัวเองว่ามดมีจุดแข็งอะไรจุดแข็งคือกัดเก่ง เพราะ
ฉะนน้ั มดกก็ ดั ทเ่ี ทา้ ของนายพรานท่ีกำ�ลงั เล็งธนไู ปที่นก
นายพรานโดนมดกัดร้องเสียงดัง ธนูหลุดมือ นายพราน
พอปล่อยธนู อุทานด่ามด นกพิราบได้ยินเสียงก็บินหนีไปและ
นึกขอบคุณมดว่า เรารอดตายเพราะเพ่ือนตัวน้อยๆ คือมด
มดช่วยนกทันการเพราะตัดสินใจทันเวลา ช้านิดเดียวนกตาย
แล้ว สัตว์ทัง้ สองรู้จกั เตือนตนใหร้ ีบท�ำ การทนั เวลา
การเตือนตนในชว่ งปีใหม่ประกอบดว้ ยขัน้ ตอนดังนี้
(๑) อ่านตนออก (๒) บอกตนได้ (๓) ใช้ตนเป็น (๔)
เห็นตนชดั
(๑) อ่านตนออก สิ่งท่ีเราจะทำ�ในอนาคตมันตรงกับ
จุดแข็งจุดเด่นท่ีเรามีหรือไม่หาจุดเด่นให้พบ ถ้าไม่มีต้องเสริม
จุดด้อยให้เป็นจุดเด่น
376 อัตตโจทนกถา
(๒) บอกตนได้ คือ สอนตัวเอง บอกตน เตือนตน แก้ไข
จุดอ่อนด้วยการพัฒนาตน ปีหน้าเขาจะรวมกันเป็นอาเซียน
เราพูดภาษาอาเซียนไม่ได้ เราต้องทำ�ธุรกิจกับเขาเราจะแก้
จดุ ดอ้ ยไปเรียนภาษาตา่ งประเทศ อยา่ งน้เี รยี กว่า บอกตนได ้
(๓) ใช้ตนเป็น หมายถึง ตัดสินใจทันเหตุการณ์ เม่ือถึง
เวลาต้องทำ� อย่ามาโอ้เอ้อืดอาด เช่นเดียวกับ มดท่ีตัดสินใจ
กัดนายพรานชว่ ยนกใหร้ อดตาย เวลาไมค่ อยทา่ ใคร
เวลาและวารีมิได้มีทคี่ อยใคร
เรือเมลแ์ ละรถไฟตอ้ งไปตามเวลา
โอเ้ อแ้ ละอืดอาดมักจะพลาดปรารถนา
พลาดแลว้ จะโศกาอนจิ จาเราช้าเอง
ตัดสินใจให้ทันท่วงทีเพราะโอกาสอาจหลุดลอยไป ดัง
พระบาลวี า่ ขโณ โว มา อปุ จจฺ คา อย่าให้โอกาสหลุดมอื ไป
(๔) เห็นตนชัด เห็นความไม่เท่ยี ง เผ่อื ใจไว้สำ�หรับความ
ผดิ หวงั ในกรณีทไี่ ม่เปน็ ไปตามแผน เตรยี มแผนสำ�รองไว้ดว้ ย
วันน้ีเป็นวันท่สี ำ�คัญท่ีสุด ถ้าคิดจะเตรียมการเพ่อื ปีหน้า
ทด่ี กี วา่ ใหท้ �ำ ตง้ั แตป่ นี เ้ี พราะทำ�ปีนี้ วันนี้ คือเตรียมเพื่อปีหน้า
อยากจะสร้างอนาคตสำ�หรับวันพรุ่งน้ีท่ีดีกว่าให้เร่ิมทำ�ต้ังแต่
วันนี้
พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมมฺ จติ โฺ ต) 377
วันไหนๆ ไม่ส�ำ คัญ เทา่ วนั น้ ี
เป็นวนั ท่ ี ส�ำ คญั กว่าวันไหน
มะรนื น ี้ พร่งุ น ี้ ดีอยา่ งไร
กย็ ังไม ่ สำ�คัญ เทา่ วนั น ้ี
วันน้ีทำ�อะไรได้ให้ทำ� เพราะเม่ือทำ�แล้วมันจะพาพรุ่งนี้
ซึ่งดีกว่า มาพบเรา ระยะทางหมื่นล้ี มันเริ่มที่ก้าวแรก ปีหน้า
จะดีแค่ไหน เพียงไร มันอยู่ที่วันนี้ และตอนนี้เราได้ทำ�ความดี
ร่วมกัน คือฟังเทศน์ฟังธรรม มาทำ�บุญที่วัดประยุรวงศาวาส
เร่ิมวันน้ีอย่างดีแล้วก็ทำ�วันน้ีให้ดีต่อไปด้วยการเตือนตนว่า
อย่าประมาท อ่านตนออกว่ามีจุดแข็งอะไรบอกตนได้ถ้าพบ
จุดด้อยให้แก้ไข ใช้ตนเป็นเม่ือมีโอกาสต้องตัดสินใจ เห็น
ตนชัดคือไม่ประมาท สถานการณ์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
อย่างน้ีช่ือว่า เตือนตน สอนตนดังพรรณนามาพอสมควรแก่
เวลา
เทสนาปริโยสาเน ในอวสานเป็นที่สุดแห่งพระธรรม
เทศนาน้ี ขออำ�นาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และบุญกุศลที่
บำ�เพ็ญร่วมกันในวันน้ีและก่อนน้ี พร้อมท้ังบารมีธรรม
เดชานุภาพของหลวงพ่อพระพุทธธรรมวิเชษฐศาสดา พระ
ประธานในพระอุโบสถ หลวงพ่อพระพุทธนาคอันศักด์ิสิทธิ์
ในพระวหิ าร และพระบรมสารรี กิ ธาตบุ นพระเจดยี จ์ งมารวมกนั
เป็นตบะ เป็นเดชะ เป็นพลวปัจจัย อำ�นวยอวยพรให้ท่าน
378 อตั ตโจทนกถา
ทั้งหลายประสบแต่ความสุขความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป เป็นผู้
ไม่ประมาทในการเตือนตน อ่านตนออกบอกตนได้ ใช้ตนเป็น
เห็นตนชัด เจริญก้าวหน้าในชีวิตด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ
ปฏิภาณ ธรรมสารสมบัติ ธนสารสมบัติ ปรารถนาสิ่งใดที่ชอบ
ประกอบด้วยธรรมก็ให้ความปรารถนาเหล่าน้ันจงพลันสำ�เร็จ
สมมโนรถมุ่งมาดปรารถนาทกุ ประการ
รับประทานแสดงพระธรรมเทศนาในอัตตโจทนกถา พอ
สมควรแก่เวลา ขอสมมตยิ ตุ ลิ งคงไวแ้ ต่เพยี งเท่าน้ี
เอวํ กม็ ีดว้ ยประการฉะนี้.