The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sriparat, 2020-02-14 01:40:44

สารบัณฑิต

สารบัณฑิต

พระพุทธวรญาณ (มงคล วโิ รจโน)  79 

ตายแล้วฟืน้

นายหวล ดสี นน่ั  อาย ุ ๘๔ ป ี เปน็ อมั พฤกษ ์ บา้ นอยอู่ �ำ เภอ
บา้ นแหลม จงั หวดั เพชรบรุ  ี ตายเมอ่ื วนั ท ่ี ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. 
๒๕๓๘ ทายาทจะทำ�พิธีสวด นายหวล ดีสน่ัน ฟื้นขึ้นมาเลย
น�ำ หบี ศพเปล่าไปถวายวัดตน้ สน

๏ ๏ ๏

พระอรหันต์
ท่านกท็ �ำ บญุ อทุ ิศเหมอื นกัน

นางเปรตซ่งึ เคยเป็นมารดาของพระสารีบุตรแต่ชาติก่อน
ได้รับทุกข์มาก อาหารของนางก็คือเสลด นํ้าลาย เลือด มี
ร่างกายซูบผอม คราวหนึ่งได้ปรากฏตัวให้พระสารีบุตรเห็น 
และขอความช่วยเหลือ พระสารีบุตรจึงได้ชักชวนพระมหา-
โมคคัลลาน์ พระอนุรุทธะ กับพระกัปปินะ ช่วยกันสร้างกุฏิขึ้น 
๔ หลังอุทิศสงฆ์ท่ีมาจาก ๔ ทิศ พร้อมกับหลั่งน้ําอุทิศส่งให้
แกม่ ารดาของทา่ น

80  เกบ็ เล็กผสมน้อย

มารดาของท่านก็เปลี่ยนสภาพเป็นเทพธิดารูปร่าง
สวยงามมีรัศมีผ่องใส พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ข้อ ๙๙ หน้า 
๑๗๓ ในภาคของเปตวตั ถุ

จากวารสารธรรมจกั ษ ุ โดย สชุ พี  ปญุ ญานุภาพ
๏ ๏ ๏

พระราชนิพนธ ์ ร.๖

อันความกรุณาปรานี ฯลฯ เป็นพระนิพนธ์รัชกาลท่ี ๖ 
พระมงกุฎฯ ทรงนิพนธ์ในเรื่อง เวนิช วานิช ทรงแปลจากบท
ประพันธ์ของ เช็คสเปยี

๏ ๏ ๏

พระนางเรอื ล่ม

สมเด็จพระนางเรือล่มคือสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทา
กุมารีรัตน์ ทรงเป็นอัครมเหสีพระองค์แรกในรัชการท่ี ๕ สิ้น

พระพุทธวรญาณ (มงคล วโิ รจโน)  81 

พระชนม์ในนํ้า ขณะทรงพระครรภ์ พร้อมด้วยสมเด็จเจ้าฟ้า
กรรณาภรณ์เพชรรตั น์ พระราชธิดา และพระพเี่ ล้ยี ง

๏ ๏ ๏

พระไตรปิฏกที่ใหญท่ สี่ ุดในโลก

พระเจ้ามินดง พระมหากษัตริย์ของพม่า ทรงเล่ือมใส
ในพระบวรพุทธศาสนามาก รบั ส่งั ให้จารกึ พระไตรปฏิ กท่ชี ำ�ระ
เสร็จใหม่ๆ ลงในแผ่นหินเป็นอักษรพม่า จำ�นวน ๗๒๙ แผ่น 
โดยใช้ช่างสลักหินชาวพม่าจำ�นวน ๕๐ คน ใช้เวลานานถึง ๗ 
ปีครึ่ง แล้วรับสั่งให้ประดิษฐานไว้ท่ีวัดกุโสดอ เมืองมัณฑะเลย์ 
กินเนือ้ ทถ่ี งึ  ๓๐ ไร่

๏ ๏ ๏

82  เก็บเลก็ ผสมน้อย

สามเณร ป.ธ. ๙ รปู แรก
แหง่ กรุงรัตนโกสนิ ทร์

สามเณรรูปน้ีมีช่ือว่า สา ต่อมาดำ�รงตำ�แหน่งสมเด็จ
พระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ซ่ึงสอบได้ในปี พ.ศ. ๒๔๕๐ มี
สามเณรสอบเปรียญธรรม ๙ ประโยคได้ ๗ รูป จึงทำ�ให้กรุง-
รัตนโกสินทร์มีสามเณรเปรียญธรรม ๙ ประโยค ครบ ๑๐๐ 
รปู พอดี

๏ ๏ ๏

มหาเสนห่ ์

ปากหวาน ตัวอ่อน มือเปน็ หงอน ย้มิ แย้มแจ่มใส
๏ ๏ ๏

พระพทุ ธวรญาณ (มงคล วิโรจโน)  83 

พราหมณ-์ ฮนิ ดู

ต้ังแต่ พ.ศ. ๒๐๐ เศษเร่ือยมา ศาสนาพราหมณ์ได้กลับ
ฟ้ืนคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยการปรับปรุงใหม่และต่อเติมเสริม
สร้างจุดอ่อนของศาสนา ให้มีหลักธรรมพอทัดเทียมกับพระ-
พุทธศาสนา ท้ังเปลี่ยนช่ือศาสนาใหม่ว่า “ศาสนาฮินดู” และ
มีข้อน่าสังเกตว่า ศาสนาฮินดูได้ทำ�ตัวเป็นมิตรกับพระพุทธ-
ศาสนาเร่ือยมาไม่ว่าพุทธศาสนาจะงอกงามไปถึงไหน ศาสนา
ฮนิ ดกู ็ตามไปถงึ ท่ีนนั้ ดว้ ย

๏ ๏ ๏

เมง่ จงลูกยอดกตญั ญู

ประเทศจีนได้รับยกย่องว่าผู้คนหนักไปในเรื่องกตัญญู 
อนุสาวรีย์ตัวอย่างของคนกตัญญูมีอยู่ท่ัวไป หนังสือตำ�รับ
ตำ�ราต่างๆ กล่าวถึงเร่ืองกตัญญูมีอยู่มากมาย เร่ืองท่ีจะเล่า
ต่อไปน้ีก็เก่ียวกับลูกกตัญญูเหมือนกัน โปรดได้ศึกษาเพื่อเป็น
คตสิ อนใจเถิด

84  เก็บเลก็ ผสมน้อย

เม่งจงเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว พ่อเขาตายไป
ตั้งแต่ยังเล็กๆ ตอนน้ีเขามีอายุได้ ๑๕ ปี แม่เขาชรามากแล้ว 
แล้วก็ขี้โรค เจ็บออดๆ แอดๆ เม่งจงเป็นลูกกตัญญู เขาเฝ้า
ปฏิบัติแม่อย่างใกล้ชิด หุงหาอาหารให้แม่กิน นวดให้แม่ยาม
ปวดเม่ือย พัดให้แม่ยามแม่ร้อน เวลาโรงเรียนหยุดพักก็รีบ
มาดูแม่

วันหน่ึงเขาได้ยินแม่ละเมอว่าอยากกินแกงหน่อไม้ เม่ง
จงจึงรีบฉวยเสียมเข้าป่า เพื่อหาหน่อไม้ แต่หาหน่อไม้เท่าไรๆ 
ก็ไม่พบ เพราะเป็นช่วงหน้าแล้ง ถึงกับอ่อนอกอ่อนใจ ผล
สุดท้ายก็เข้าไปกราบไหว้ที่กอไผ่พร้อมกับอ้อนวอนขอร้อง
ต่อเทวดาอารกั ษ์

ด้วยอานุภาพแห่งความกตัญญู จึงทำ�ให้รุกขเทวดา
สงสารได้เนรมิตหน่อไม้ให้โผล่ข้ึนมา ๑ หน่อ เม่งจงดีใจรีบขุด
เอามาให้แม่กิน ด้วยแกงหน่อไม้ม้ือนั้น ทำ�ให้แม่ของเขาหาย
วันหายคืน ร่างกายเปล่งปลั่งแข็งแรง คนท่ีดีใจที่สุดก็คือ
เม่งจง

ขอท่านท้ังหลายโปรดอย่าลืม เม่งจงผู้เป็นต้นแบบของผู้
ท่กี ตัญญู

พระพุทธวรญาณ (มงคล วโิ รจโน)  85 

อานิสงส์บรรพชา

๑. บูชาพระคณุ
๒. ค้ําจุนศาสนา
๓. พาสู่ความสงบ
๔. จบแคน่ พิ พาน

๏ ๏ ๏

คางคกขนึ้ ท่นี อน

“อีหนูๆ เร็วๆ คางคกข้ึนท่ีนอนแม่ เร็วๆ เอาไฟมาส่อง
ดูท”ี  

ลูกสาวรีบว่ิงไปเอาไฟมาส่องดู พร้อมกับร้องว่า “ไม่ใช่
คางคกหรอกแม”่

“อะไรละ่ ” แม่ถาม
“พันปลอมของแม่เองน่นั แหละ” ลูกตอบ
แม่รำ�พึง “เอ มันอยู่ในปากดีๆ มันกระโดดออกมาได้
อย่างไร”
ลกู สาว “แมๆ่  ทีหลงั อย่าให้คางคกข้ึนท่ีนอนแมอ่ กี นะ๊ ”

๏ ๏ ๏

86  เกบ็ เลก็ ผสมนอ้ ย

คนอยากอายุยืน

ชายคนหนึ่งเข้าไปหาท่านเจ้าคุณพระเทพสุธี อดีต
เจ้าอาวาสวัดอนงคาราม เรียนท่านว่า “อยากจะให้อายุยืน
ต้องทำ�อย่างไร” ท่านเจ้าคุณตอบว่า “ไม่ยาก หม่ันหายใจไว้
อย่าหยุด” ท่านผู้ใดอยากอายุยืน จะนำ�วิธีน้ีไปใช้ก็ได้ ท่าน
เจา้ คณุ ทา่ นว่าท่านไมส่ งวนลขิ สทิ ธิ์

๏ ๏ ๏

กินยาหลังวิหาร

หลานสงสัยยายจึงถามยายว่า “ยายมาทำ�อะไรที่หลัง
วิหารน้ี”

ยายตอบว่า”มากนิ ยาตามที่หมอสง่ั ”
หลานท้วงว่า “ยายเข้าใจผิดแล้วล่ะ ท่ีจริงหมอเขาสั่งว่า 
ยาน้ใี ห้กนิ หลงั อาหาร ไมใ่ ชห่ ลงั วิหาร ตามท่ยี ายใจหรอก”
“ยังงั้นหรือ” ยายรบั อย่างอายๆ

๏ ๏ ๏

พระพุทธวรญาณ (มงคล วิโรจโน)  87 

โลหะปราสาท

เป็นท่ีน่าเสียดายว่า ซากโลหะปราสาทของนางวิสาขา 
มิได้มีให้เห็นในปัจจุบันเพราะสร้างอยู่ใกล้แม่น้ําอจิรวดี และ
น้ําได้เซาะพังไปหมดแล้ว

๏ ๏ ๏

เรอื่ งขำ�-ข�ำ

ท้าวมาลีวราชว่าความลูกศิษย์ 2 คน เถียงกันหน้าดำ�
หน้าแดง คนหนึ่งบอกว่าสัตว์อย่างนี้เขาเรียกว่าจิ้งเหลน อีก
คนว่าไม่ใช่ ท่ีจริงเรียกว่าจิ้งกะเหลน ตกลงกันไม่ได้ พากันไป
หาพระอาจารย์ให้ช่วยตัดสิน อาจารย์ใคร่ครวญดูเพื่อความ
ยุติธรรมจึงตัดสินว่า สัตว์ชนิดน้ีเขาเรียกว่า จ้ิงกะเหลนเป๋น
ศษิ ย์สองคนดใี จ ไมม่ ใี ครแพใ้ ครชนะ

๏ ๏ ๏

88  เก็บเลก็ ผสมน้อย

ตน้ มะต๋าว

ลูกชิดหรือลูกตาลหรือมะต๋าวมีมากท่ีจังหวัดน่าน กำ�ลัง
มีน้อยลงทุกที จึงควรอนุรักษ์ต้นมะต๋าวท่ีกำ�ลังจะสูญพันธ์ุ 
(เปน็ ปาลม์ ชนดิ หนงึ่ )

๏ ๏ ๏

ยังไม่เห็นน้ําตดั กระบอก 
ยงั ไม่เหน็ กระรอกโกง่ หน้าไม้

ชายผู้หนึ่งจัดเล้ียงอาหารเป็นการมโหฬาร เพราะเห็น
เลขสลากล๊อตเตอร่ีในหนังสือพิมพ์ตรงกับเลขสลากของตัวที่
ซื้อไวต้ อ่ มาหนังสอื พิมพแ์ จ้งวา่ ลงเลขผิดไปพร้อมกบั ขออภัย

ผลสุดท้ายชายผู้นั้นถึงกลับสลบ พอฟ้ืนขึ้นมาก็ตะโกน
ออกมาวา่  “ซวยๆ กูซวยๆ”

๏ ๏ ๏

คารมคมคายของนักเทศน์

คราวหน่ึงท่านพระครูโวทานธรรมาจารย์ เจ้าอาวาส
วัดดาวดึงส์ นักเทศน์เรืองนาม ท่านรับนิมนต์ไปเทศน์ที่วัด
หว้ ยโรงบางเค็ม

พระพทุ ธวรญาณ (มงคล วโิ รจโน)  89 

ท่านโดยสารรถไฟไปลงท่ีสถานีรถไฟเขาย้อย พวก
เจา้ ภาพน�ำ เรอื มาดมารบั ทา่ น เวลานน้ั เปน็ ชว่ งสาย แดดคอ่ นขา้ ง
รอ้ น คนมารบั พดู วา่  “หลวงพ่อถา้ จะรอ้ นแย ่ ผมลมื เอารม่ มา”

ท่านพระครูโวทานธรรมาจารย์พูดพร้อมกับชี้มือว่า
“แกดูไปในทุ่งโน่นซิ วัวที่มันอยู่กันเป็นฝูงๆ น่ะ มีใครกางร่ม
ให้มนั ละ่ ”

เรอ่ื งกจ็ บแคน่ น้ั  พวกทม่ี ารบั ทา่ นตา่ งกพ็ ากพ็ ากนั หวั เราะ
ด้วยความสบายใจ

๏ ๏ ๏

โรคอปุ าทาน

ชายหนุ่มคนหน่ึงเดินไปในเวลากลางคืน เขารู้สึกว่างูกัด 
รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน จึงร้องขอความช่วยเหลือ “โอยๆ งูกัด
ฉันๆ” 

ชาวบ้านแถวน้ันรีบเอาไฟมาส่องดู ต่างอุทานพร้อมกัน
วา่  “กะลามะพร้าวน่ะ ไมใ่ ชง่ ูอะไรหรอก”

เท่านั้นเองเขาก็หายปวดทันที พร้อมกับหัวเราะแหะๆ 
อยา่ งอายๆ

๏ ๏ ๏

90  เก็บเลก็ ผสมน้อย

ลเิ กหลงโรง

เม่ือข้าพเจ้ายังเป็นเด็กไปดูลิเกท่ีวัดข้างบ้าน ตอนหนึ่ง
ลุงเพชรซึ่งเป็นตัวตลกเอกแต่งตัวเป็นพม่าออกมา คนที่เริ่ม
หัวเราะกันแล้ว เพราะกิริยาท่าทางของแกดูแล้วมันน่าขำ� พอ
ออกมาแกก็เริ่มร้อง “หม่องพม่ามารศรี จะจรลีไปตามถนน 
จะเข้าเฝ้าเจ้าสากล จะจรดลไปหาเมีย” พร้อมท้ังออกท่ารำ� 
คนหัวเราะกนั ครนื ใหญ่

พอลิเกเลิก ชายคนหนึ่งเดินกลับบ้าน แกก็เอาพม่าไป
ด้วย แกร้องเสียงล่ัน “หม่องพม่ามารศรี จะจรลีไปตามถนน 
จะเข้าเฝ้าเจ้าสากล จะจรดลไปหาเมีย” ร้องซ้ําไปซ้ํามา น่ีเขา
เรียกวา่ ลเิ กหลงโรง จดั เขา้ ในค�ำ เพอ้ เจ้อ

ที่ลุงเพชรแกร้องนั้นไม่เป็นเพ้อเจ้อ เพราะแสดงไปตาม
บท

๏ ๏ ๏

พระพทุ ธวรญาณ (มงคล วิโรจโน)  91 

บงั สกุ ุลพเิ ศษ

แม่แก้วเมียเจ๊กค้ิมตาย นิมนต์พระไปบังสุกุล บังเอิญ
พระท่ีรับนิมนต์เป็นพระใหม่ ยังท่องจำ�บทบังสุกุลไม่ได้ แต่
ท่านก็เชาว์ดี เมื่อไปถึงแล้วก็บังสุกุลตามแบบของท่านว่า 
“อนจิ จาสกี าแก้ว ทง้ิ เจ๊กคม้ิ ไปเสียแลว้  ปสโม สโุ ข”

เจก๊ คมิ้ ชอบใจ ถวายเพมิ่ อีก ๒๐๐ บาท รูปนก้ี ็โชคดี
๏ ๏ ๏

พระใหม่สวดมนตไ์ ม่ได้

เมียเถ้าแก่ตี๋ตาย จึงนิมนต์พระไปสวดท่ีบ้าน (สมัยก่อน
นยิ มจดั งานศพทบ่ี า้ น) พระ ๔ รปู  เปน็ พระเกา่  ๓ รปู  พระใหม่ 
๑ รปู  พอสวดเสร็จจะถวายปัจจัยไทยทาน

เถ้าแก่ต๋ีแกว่า “อ๊ัวถวาย ๓ องค์เท่านั้น องค์นี้อีน่ังเฉยๆ 
ไมส่ วก อว๊ั ไมถ่ วาย”

แต่รูปหนึ่งปฏิภาณดี บอกเถ้าแก่ตี๋ว่า “พระ ๓ รูปนี้สวด
ให้ล้ือฟัง จึงต้องสวดดังๆ ส่วนรูปนี้สวดให้ผีเมียลื้อฟังจึงต้อง
สวดในใจ”

92  เกบ็ เล็กผสมน้อย

“ฮ้อๆ ถา้ ยงั งั้นอ๊วั แถมใหอ้ ีก ๑ รอ้ ย แทนเมยี อว๊ั ”
ตกลงรปู ท่สี วดในใจโชคดไี ป

๏ ๏ ๏

หมุบหมิบมากห็ มบุ หมิบไป

หลานชายถามคุณย่าว่า “คุณย่าครับ เวลาคุณย่าใส่
บาตร คุณย่ายกขันข้าวขึ้นจบ เห็นคุณย่าทำ�ปากขมุบขมิบ 
คณุ ย่าว่าคาถาอะไรครับ”

“เอ ย่าก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าเขาว่าคาถาอะไร เห็นเขา
หมุบหมิบมา ย่ากห็ มบุ หมบิ ไปเท่านนั้ เอง”

๏ ๏ ๏

พระสนุ ทรภรู่ บั สังฆทาน

เล่ากันมาว่า สมัยหนึ่งท่านสุนทรภู่ รัตนกวีเอกของไทย
ได้หนีราชภัย หลบไปบวชเป็นพระอยู่บ้านนอก ตอนเช้าท่าน

พระพทุ ธวรญาณ (มงคล วโิ รจโน)  93 

ออกไปบิณฑบาตทางเรือ โยมคนหนึ่งจอดเรืออยู่ริมตลิ่ง ได้
นมิ นต์ท่านเข้าไปรบั สงั ฆทานและขอใหท้ ่านนำ�ถวายดว้ ย

ท่านจำ�ความไม่ได้ แต่ด้วยวิสัยนักกลอน ท่านจึงให้โยม
ต้ังนะโม ๓ จบแล้วท่านก็นำ�ถวายว่า “อิมัสมิงริมฝ่ัง” ตาของ
ท่านก็ชำ�เลืองไปในถาดอาหารแลว้ ว่า

“อิมังปลาร้า กุ้งแห้งแตงกวา อีกปลาดุกย่าง ช่อมะกอก 
ดอกมะปราง เน้ือย่างยำ�มะดัน ข้าวสุกค่อนขัน นํ้ามันขวด
หนึ่ง น้ําผ้ึงครึ่งโถ ส้มโอแช่อิ่ม ทับทิม ๒ ผล เป็นยอดกุศล 
สงั ฆัสสะ เทมิ”

โยมสาธุชื่นใจ ท่านผู้ใดจะนำ�ไปดัดแปลงใช้บ้างก็ได้ 
คิดวา่ ทา่ นพระสุนทรภู่คงไมส่ งวนลิขสิทธิ์

๏ ๏ ๏

สัญชาต-ิ เชอ้ื ชาติ

สัญชาติ : ผทู้ ีอ่ ย่ใู นปกครองประเทศเดยี วกัน
เชือ้ ชาติ : ผู้ท่ีร่วมเผา่ พนั ธเุ์ ดียวกัน

๏ ๏ ๏

94  เก็บเล็กผสมน้อย

เดก็ เซอ่

ท่านเจ้าคุณพระเขมสุตาจารย์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส
และอดีตเจ้าคณะ ๑๒ วัดประยุรวงศาวาส ใช้เด็กไปซ้ือของ
“น่ีไอ้เป้ียก เองไปตลาดซื้อน้ําเขียวๆ แดงๆ มาสัก ๒ ขวด
ไป”้

เจ้าเปี้ยกหายไปพักหนึ่งก็กลับมารายงานว่า “น้ําเขียวๆ 
แดงๆ ไม่มคี รบ มแี ตน่ ํ้าแดงกแ็ ดง น้าํ เขยี วก็เขยี วครบั ”

๏ ๏ ๏

พระคาถาเกราะแก้วกนั ภยั

นายทหารคนหนึ่งเข้าไปหาหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค 
อำ�เภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพ่ือขอคาถากันภัย
ต่างๆ ท่านก็เมตตามอบพระคาถาให ้ พระคาถามีดังนี้

“พระพทุ ธโธอยขู่ า้ งหลงั  พระอรหงั อยขู่ า้ งหนา้  พระสคุ โต
อยู่ข้างขวา พระภควาอยู่ข้างซ้าย พระอุอะมะทรงชัยสถิตย์
เหนือเกสา” แล้วหลวงพ่อท่านยํ้าว่า “อันพระคาถาทั้งหลาย
น้ันขอ้ สำ�คญั อยทู่ ี่จติ ม่ัน”

๏ ๏ ๏

พระพุทธวรญาณ (มงคล วโิ รจโน)  95 

ย่ามแปลก

ท่านประสกไปเห็นพระถือย่ามที่ตลาดเมืองขอนแก่น ท่ี
ย่ามปักตัวหนังสอื ว่า “ชงั คนหลายใจ”

๏ ๏ ๏

ฟงั ไม่ศพั ทจ์ บั เอาไปกระเดยี ด

เด็กคนหนึ่งได้ยินพระท่านเทศน์ว่า “ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตก็ดี 
ลักทรัพย์ก็ดี ประพฤติผิดลูกผิดเมียกันก็ดี โกหกมดเท็จก็ดี 
กนิ สุรายาเมาก็ดี”

พอฟังแล้วก็รีบว่ิงไปบอกแม่ว่า “แม่ พระท่านเทศน์ว่า
ฆ่าสัตว์ก็ดี ลักทรัพย์ ประพฤติผิดลูกผิดเมีย โกหกมดเท็จ
กินเหลา้ เมายา ดที ้งั น้ัน แสดงว่าไมเ่ ปน็ บาปเปน็ กรรมอะไร”

แต่หลังจากเจ้าเด็กคนนั้นลับหลังไปแล้ว พระท่าน
ก็เทศนต์ อ่ ว่า “ทั้งหมดนี้ไมด่ ที ้ังนน้ั ”

๏ ๏ ๏

96  เก็บเลก็ ผสมน้อย

พระโลลทุ ายี

ท่านรูปน้ีเดิมช่ืออุทายี แต่เพราะเหตุท่ีท่านชอบทำ�อะไร
เลอะเทอะ เหลวไหล เช่น สวดมนต์ก็ใช้คาถาสวดไม่ตรงกับ
งาน งานมงคลก็สวดพระอภิธรรม งานอวมงคลก็สวดมงคล
สตู ร จงึ ไดน้ ามใหมว่ า่ พระโลลทุ าย ี แปลวา่  พระอทุ ายเี ลอะเทอะ

๏ ๏ ๏

เงนิ ตรา

เปน็ มิตรเวลาก ู้ เปน็ ศตั รูเวลาทวง
๏ ๏ ๏

ค่าของความสามารถ

ร้านขายกาแฟชื่ออุ้ยหลี เจ้าของชื่อต๋ี ขายดี รวย จน
สามารถส่งลูกเรียนหนังสือได้ดิบได้ดีจนเป็นนายตำ�รวจบ้าง 
นายทหารบ้าง ทนายความบ้าง

พระพทุ ธวรญาณ (มงคล วโิ รจโน)  97 

พระท่ีวัดปทุมคงคา ซึ่งคุ้นเคยกันมาก ได้ทำ�ป้ายไปติด
ไว้ท่ีร้านห้องแถวว่า “อุ้ยหลี อยู่สำ�เพ็ง ชงกาแฟเก่ง เชิญท่าน
มาอุดหนนุ ”

ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อสมเด็จกรมพระยาดำ�รงราชา-
นุภาพเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย วันหนึ่งได้เสด็จเข้าไป
ตรวจราชการในเรือนจำ� นักโทษคนหน่ึงช่ืออิน ได้นำ�พระ-
พุทธรูปแกะด้วยไม้โพธิ์มาถวาย ทรงโปรด ต่อมาทรงรับสั่ง
ใหพ้ ้นโทษ ใหท้ �ำ งานกรมช่าง มียศเป็น “ขุนหัตถการโกวิท”

อีกคนหนึ่งทำ�กระเป๋าถักด้วยหวาย สานเป็นพระนาม
ของพระองค์ ทรงโปรดให้พ้นโทษ และให้รับราชการท่ี
กรมชา่ ง มียศเปน็  “ขุนบริหารกิจโกศล”

พระที่เทศน์เก่ง จนได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรด
เกล้าฯ ให้เลื่อนเป็นเจ้าคุณก็มี เช่น พระครูวิวิธธรรมโกศล 
(ชัยวัฒน์ ธมฺมวฑฺฒโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส 
ได้แสดงพระธรรมเทศนาหน้าพระที่นั่ง ในงานบำ�เพ็ญพระ
ราชกุศลพระศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงโปรดเกล้าฯ เล่ือนให้เป็น
พระราชาคณะที่ “พระพิจติ รธรรมพาที”

๏ ๏ ๏

98  เก็บเลก็ ผสมน้อย

ความคดิ หลวงตา

ประธานสงฆ์มอบหมายให้หลวงตาไปจุดธูปเทียนบูชา
พระรัตนตรัย หลวงตาจุดธูปแค่ดอกเดียว ประธานสงฆ์ก็
เอด็ ว่า “ไมร่ รู้ ะเบยี บพธิ ี จดุ ธปู แคด่ อกเดยี ว ส�ำ หรบั บูชาศพ”

หลวงตาก็พึมพำ�ว่า “พระพุทธเจ้านิพพานแล้วก็เป็นผี
เหมอื นกนั ”

๏ ๏ ๏

ซอ่ มสะพานท�ำ ใหอ้ ายยุ นื

หมออิน เทวดาตาทิพย์ มีช่ือเสียงว่าดูหมอแม่นยำ�มาก
ได้ตรวจดูดวงชะตาของนายจ๋ิว ซึ่งอยู่ท่ีตรอกจันทร์ สะพาน
สามว่า “ปีน้ีชะตาขาด จะต้องประสบเคราะห์กรรมถึงตายได้ 
หมอแนะน�ำ ให้ทำ�บุญมากๆ อาจช่วยได”้

ต้ังแต่นั้นมา นายจ๋ิว เร่ิมทำ�บุญเป็นการใหญ่ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง แกชอบซ่อมสะพาน สมัยก่อนที่ตรอกจันทร์เป็น
สะพานไม้อานิสงฆ์ซ่อมสะพานปรากฎว่า นายจ๋ิวมีอายุ
ยนื ยาวมาจนถงึ วัยชรา

๏ ๏ ๏

พระพทุ ธวรญาณ (มงคล วิโรจโน)  99 

คณะสงฆจ์ ีนนิกาย

สมัยรัชกาลท่ี ๕ พระภิกษุจีนรูปหน่ึงชื่อ “สกเห็ง” เป็น
ชาวมลฑลกวางตุ้ง เดินทางเข้ามานมัสการปูชนียสถานใน
ประเทศไทย โดยพักอาศัยอยู่ที่ศาลเจ้าร้างกวนอิม ถนน
เยาวราช กรงุ เทพฯ

ท่านหลวงจีนรูปน้ีเป็นผู้ทรงคุณธรรมทางวิปัสสนา มี
ชาวจีนเคารพนับถือมาก จึงร่วมกันสร้างวัดข้นึ ตรงศาลเจ้าร้าง
นั้นเอง ต้ังช่ือวัดว่า “วัดย่งฮกยี่” ภายหลังได้รับพระราชทาน 
นามวัดว่า “วัดบำ�เพ็ญจีนพรต” เป็นวัดจีนแห่งแรกใน
ประเทศไทย

ต่อมาหลวงจีนสกเห็ง ได้ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสวัด
เล่งเนยยี่หรือวัดมังกรกมลาวาส และได้รับพระราชทาน
สมณศักด์ิเป็น “พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร” ดำ�รงตำ�แหน่ง
เจ้าคณะใหญ่จีนนิกายรูปแรกแห่งประเทศไทย ถือได้ว่า
คณะสงฆ์จีนนิกายได้รับการยอมรับนับถือจากประชาชน
ชาวไทยและราชสำ�นักต้ังแต่น้ันมา

คณะสงฆ์จีนนิกายคือคณะสงฆ์นิกายมหายาน ปกครอง
โดยเจ้าคณะใหญ่ มีวัดในปกครองท่ัวประเทศ รวม ๑๒ วัด ๕ 
ส�ำ นักสงฆ์ ดังนี้

100  เกบ็ เลก็ ผสมนอ้ ย

๑. วัดโพธิแ์ มนคุณาราม กรุงเทพฯ
๒. วดั มงั กรกมลาวาส กรงุ เทพฯ
๓. วัดบำ�เพ็ญจีนพรต กรุงเทพฯ
๔. วดั โพธ์เิ ย็น กาญจนบุรี
๕. วดั ฉ่อื ฉาง สงขลา
๖. วัดทพิ ย์วารวี หิ าร กรุงเทพฯ
๗. วดั โพธทิ ัตตาราม ชลบรุ ี
๘. วดั เทพพุทธาราม ชลบุรี
๙. วัดจีนประชาสโมสร ฉะเชิงเทรา
๑๐. วดั มังกรบุปผาราม จนั ทบุรี
๑๑. วดั โพธทิ อง นนทบรุ ี
๑๒. วดั หมน่ื พุทธ เชียงราย
๑๓. สำ�นักสงฆ์สธุ รรม กรงุ เทพฯ
๑๔. ส�ำ นักสงฆเ์ ล่งจวิ เจง็ เสยี่ กรุงเทพฯ
๑๕. ส�ำ นักสงฆ์กวงเม้งเจ่งเสย่ี กรุงเทพฯ
๑๖. ส�ำ นกั สงฆก์ ก๊ั ฮง้ เนยี มฮกุ ลม้ิ กรุงเทพฯ
๑๗. สำ�นักสงฆห์ ม่ีท้อ กรงุ เทพฯ

๏ ๏ ๏

พระพุทธวรญาณ (มงคล วิโรจโน)  101 

พระไตรปิฎก

พระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม ได้แบ่งเป็นพระวินัยปิฎก จำ�นวน 
๘ เล่ม (เล่ม ๑-๘) พระสุตตันตปิฎก จำ�นวน ๒๕ เล่ม (เล่ม 
๙-๓๓) และพระอภิธรรมปิฎก จำ�นวน ๑๒ เล่ม (เล่ม ๓๔- 
๔๕)

๏ ๏ ๏

คณะสงฆอ์ นมั นกิ าย

คณะสงฆ์อนัมนิกายเข้ามาสู่ประเทศไทยต้ังแต่สมัย
กรุงธนบุรีเป็นต้นมา จวบจนถึงในสมัยรัชกาลท่ี ๔ พระภิกษุ
ญวนรูปหนึ่งชื่อ “องฮึง” ซ่ึงเป็นพระเถระญวนรูปแรกได้มี
โอกาสเข้าเฝ้า และถวายความคิดเห็นเกี่ยวกับลัทธิธรรมเนียม
ประเพณี ของฝ่ายมหายาน ให้ทรงทราบจนเป็นท่ีพอพระราช-
หฤทยั

ต่อมาทรงพระราชทานสมณศักดิ์องฮึงเป็น “พระครู-
คณานัมสมณาจารย์” และเป็นอธิการวัดญวนตลาดน้อย (วัด
อุทัยราชบำ�รุง) นับเป็นเจ้าคณะใหญ่อนัมนิกายรูปแรกใน

102  เก็บเล็กผสมนอ้ ย

ประเทศไทย ทั้งได้ปฏิสังขรณ์วัดน้ีจนเป็นปึกแผ่นมั่นคง ทรง
ยกย่องคณะสงฆ์อนัมนิกายเป็นอันมาก โปรดให้เข้าเฝ้าถวาย
พระพรในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา เป็นพระสงฆ์ใน
พิธีหลวงอีกฝา่ ยหนง่ึ เปน็ ประจ�ำ ทกุ ปมี า

คณะสงฆ์อนัมนิกาย คือคณะสงฆ์มหายาน ปกครอง
โดยเจ้าคณะใหญ่ มีวัดในการปกครองท่ัวประเทศ รวม ๑๕ 
วัด ๒ สำ�นกั สงฆ์ ดงั นี้

๑. วัดกุศลสมาคร กรุงเทพฯ
๒. วดั มงคลสมาคม กรงุ เทพฯ
๓. วดั ชัยภูมิการาม กรงุ เทพฯ
๔. วดั โลกานเุ คราะห์ กรงุ เทพฯ
๕. วัดสมณานัมบรหิ าร กรุงเทพฯ
๖. วัดอนมั นกิ ายาราม กรุงเทพฯ
๗. วัดอภุ ัยราชบำ�รุง กรงุ เทพฯ
๘. วัดอุภยั ภาติการาม ฉะเชิงเทรา
๙. วัดถ้าํ เขานอ้ ย กาญจนบุรี
๑๐. วดั ถาวรวราราม กาญจนบรุ ี
๑๑. วัดสุนทรประดิษฐ์ อุดรธานี
๑๒. วัดเขตร์นาบุญญาราม จันทบุรี
๑๓. วัดถาวรวราราม หาดใหญ สงขลา
๑๔. วัดมหายานกาญจนมาสราษฎรบ์ ำ�รุง ยะลา

พระพทุ ธวรญาณ (มงคล วโิ รจโน)  103 

๑๕. วดั อนมั นกิ ายเฉลมิ พระชนมพรรษากาล สุพรรณบุรี
๑๖. สำ�นกั สงฆ์ศรัทธายิ้มพานชิ วราราม สมทุ รสาคร
๑๗. ส�ำ นกั สงฆช์ ่องเสดจ็ เขาขาด กาญจนบุรี

๏ ๏ ๏

ทะเลทรายซาฮารา

ทะเลทรายซาฮารา ต้ังอยู่ทางภาคเหนืองของทวีป
แอฟริกาเหนือ เป็นทะเลทรายที่ใหญ่ท่ีสุดในโลก เร่ิมต้นจาก
ริมฝ่ังมหาสมุทรแอตแลนติกด้านทิศตะวันตกไปจนจรดแม่น้ํา
ไนล์ด้านทิศตะวันออก ส่วนทางด้านทิศเหนือเร่ิมต้นจากเชิง
เขาแอทลาส มาจรดประเทศซูดานด้านทิศใต้ มีเนื้อที่ราว 
๘๔๐,๐๐๐ ตารางกโิ ลเมตร

จากหนงั สือพิมพเ์ ดลินิวส์
๏ ๏ ๏

104  เกบ็ เลก็ ผสมน้อย

คว�ำ่ บาตร-หงายบาตร

คว�ำ่ บาตรคอื ไมค่ บคา้ สมาคมดว้ ย เดมิ หมายถงึ สงั ฆกรรม
ท่ีพระสงฆ์ประกาศลงโทษคฤหัสถ์ผู้ประทุษร้ายต่อศาสนา
ด้วยการไม่คบ ไมร่ ับบณิ ฑบาตเปน็ ต้น

การทพ่ี ระสงฆค์ ว�ำ่ บาตรกด็ ว้ ยเหตทุ ช่ี าวบา้ นกระท�ำ ความ
ผิดต่อพระพุทธศาสนาตัวอย่าง เช่น ทำ�ให้พระภิกษุเดือดร้อน 
ติฉินนินทาว่าร้ายยุยงให้พระท่าน ทะเลาะแตกแยกกัน กล่าว
ติเตยี นพระพทุ ธ พระธรรม ดถู กู พระสงฆ์ เปน็ ต้น

เมื่อชาวบ้านกระทำ�การท่ีไม่สมควรต่อพระศาสนา
พระสงฆ์ ท่านจะต้องประชุมกัน หากมีเหตุผลเพียงพอ และจะ
เป็นภัยต่อพระศาสนา ท่านก็จะไม่รับบิณฑบาต ไม่รับนิมนต์ 
ไม่รับไทยธรรม เป็นการลงโทษคฤหัสถ์ให้รู้สึกตัวที่ประพฤติ
ไม่สมควร

เมื่อชาวบ้านผู้ถูกควํ่าบาตร รู้สึกสำ�นักชั่วดีว่าได้กระทำ�
ผดิ ตอ่ พระสงฆแ์ ละพระศาสนา กลบั ตวั ประพฤตดิ แี ลว้  พระสงฆ์
ก็จะระงับการลงโทษว่า “หงายบาตร”

จากหนังสอื พูดจาภาษาวัด กรมการศาสนา
๏ ๏ ๏

พระพุทธวรญาณ (มงคล วิโรจโน)  105 

เสาเสมาธรรมจักร

เสาเสมาธรรมจกั รเปน็ รางวลั เกยี รตยิ ศ ทก่ี รมการศาสนา
มอบให้แก่บุคคล หรือหน่วยงานท่ีทำ�คุณประโยชน์ต่อพระ
พทุ ธศาสนา และมีสิทธิได้รับเพราะได้ทำ�คุณประโยชน์ติดต่อ
กนั มาเปน็ เวลายาวนาน โดยมแี นวคิดวา่

พระธรรมจกั รเปน็ เครอ่ื งหมายแหง่ การประกาศพระพทุ ธ-
ศาสนา และผู้ทำ�คุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ก็ได้ช่ือว่า
เป็นผู้มีบทบาทสำ�คัญในการช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนา ช่วย
เผยแผ่พระพทุ ธศาสนาใหไ้ พศาลย่งิ ๆ ข้ึนไปด้วย

รางวัลเสาเสมาธรรมจักร สร้างจากวัตถุธรรมดาท่ัวไป
หล่อด้วยเรซินแล้วปิดทอง โดยจะทำ�พิธีมอบรางวัลแด่ผู้
ทำ�คุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาในงานสัปดาห์ส่งเสริม
พระพุทธศาสนาเนือ่ งในเทศกาลวันวิสาขบูชาของทุกๆ ปี

๏ ๏ ๏

106  เก็บเลก็ ผสมน้อย

ปากเปน็ เอก เลขเปน็ โท

ปากน้ันความชัดแล้ว แต่เลขนั้นมิใช่วิชาเก่ียวกับการ
คำ�นวณแต่หมายถึงการเขียน มาจากคำ�ว่าเลขนะ เขียนให้
ส้ันว่าเลขน์ซ่ึงแปลว่าการเขียน ภายหลังนอหนูและการันต์
กร่อนหลดุ หายไปจงึ เหลือแตเ่ พยี งคำ�วา่  “เลข”

๏ ๏ ๏

มหาเถรสมาคม

มหาเถรสมาคมเป็นองค์กรสูงสุดทางการปกครองของ
คณะสงฆ์ไทย บริหารงานในรูปของคณะกรรมการ ประกอบ
ด้วยสมเด็จพระสังฆราช ทรงดำ�รงตำ�แหน่งเป็นประธาน
กรรมการโดยต�ำ แหนง่  สมเดจ็ พระราชาคณะทกุ รปู เปน็ กรรมการ
โดยตำ�แหน่งและพระราชาคณะซ่ึงสมเด็จพระสังฆราชทรง
แตง่ ตัง้ มีจำ�นวนไม่เกิน ๑๒ รปู  เป็นกรรมการ

อธิบดีกรมการศาสนาเป็นเลขาธิการมหาเถรสมาคม
โดยตำ�แหน่ง กรมการศาสนาทำ�หน้าท่ีสำ�นักงานเลขาธิการ

พระพุทธวรญาณ (มงคล วิโรจโน)  107 

มหาเถรสมาคม มหาเถรสมาคมมีอำ�นาจหน้าที่ปกครองคณะ
สงฆ์ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยดีงาม ปกครองและกำ�หนดการ
บรรพชาสามเณร ควบคุมส่งเสริมการศาสนศึกษา การ
ศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่การศาสนูปการของคณะสงฆ์ 
รวมถงึ รักษาหลกั พระธรรมวินัยของพระพทุ ธศาสนา

การประชุมมหาเถรสมาคมมี ๒ อย่าง คือ ประชุมปกติ
ทุกวนั ที่ ๑๐, ๒๐, ๓๐, ของเดือนและการประชุมพิเศษ

๏ ๏ ๏

ฆ่าตัวตายหนีหน้ี

นายสจุ ติ  จลุ นันท์ อดีตผู้ตรวจการมหาดไทย ยิงตวั ตาย
ในห้องน้ําของสถานีตำ�รวจบางเขนเพราะมีหนี้สินมากถึง ๔๐ 
ล้านบาท

๏ ๏ ๏

108  เก็บเลก็ ผสมน้อย

นายกรฐั มนตรีในอดตี

จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นผู้นำ�การเปลี่ยนแปลงการ
ปกครอง จบการศกึ ษาจากโรงเรยี นนายรอ้ ยทหารบก ประเทศ
ฝรง่ั เศส เป็นนายกรฐั มนตรี ๘ สมยั  รวม ๑๖ ปี ๒๒ วัน

จอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ ๑๐ ปี 
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ๘ ปี นายทวี 
บุณยเกตุ เป็นนายกรัฐมนตรี ๑๗ วัน เพ่ือรอ ม.ร.ว.เสนีย์ 
ปราโมช กลับจากสหรฐั อเมริกา

๏ ๏ ๏

คนสูช้ วี ิต

โอลานโด มาโกซี วณิพกชาวฟิลิปปินส์โชว์การเดี่ยว
กีตาร์แบบใช้แต่เท้าแลกกับเศษสตางค์ข้างถนนสายหนึ่ง
ในกรุงมะนิลา เขาไม่รู้สึกว่าเป็นปมด้อยท่ีเกิดมาไม่มีแขน 
แต่ละวันเขาทำ�เงนิ ไดร้ าว ๑๑ ดอลล่าร์

๏ ๏ ๏

พระพทุ ธวรญาณ (มงคล วิโรจโน)  109 

ประวตั ิวัดสามพระยา

พระยา ๓ พน่ี อ้ ง คอื พระยาราชสภาวด ี (ขนุ ทอง) พระยา
ราชนิกูล (ทองคำ�) พระยาเทพอรชุน (ทองห่อ) ร่วมกันสร้าง
วดั สามพระยา

จากหนงั สือวารสารทางเดิน
๏ ๏ ๏

อย่าเทศนผ์ ดิ หลัก

ท่านประสกได้ถวายข้อควรระวังของนักเทศน์ว่าให้แม่น
ในหลัก เช่นเทศน์ว่า การลอยกระทงเดือน ๑๒ นั้น จุด
ประสงค์เพื่อต้อนรับเสด็จพระพุทธเจ้า ตอนที่เสด็จลงจาก
สวรรค์ชั้นดาวดึงส์หลังจากได้ทรงเทศน์โปรดพระพุทธมารดา
แล้ว อย่างน้ีถือว่าผิดอย่างร้ายแรง เพราะพระพุทธเจ้าได้
เสด็จลงจากสวรรค์ช้ันดาวดึงส์นานแล้ว ต้ังแต่แรม ๑ ค่ํา 
เดือน ๑๑ ห่างกันตั้ง ๑ เดอื น

๏ ๏ ๏

110  เก็บเลก็ ผสมนอ้ ย

วัดทพ่ี ระมหากษตั ริย์สร้าง

รชั กาลท ่ี ๑ ทรงสรา้ งวดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม
รชั กาลท ่ี ๒ ทรงสรา้ งวดั อรณุ ราชวราราม
รชั กาลท ่ี ๓ ทรงสรา้ งวดั ราชโอรสาราม
รชั กาลท ่ี ๔ ทรงสรา้ งวดั ราชประดษิ ฐ์
รชั การท ่ี ๕ ทรงสรา้ งวดั ราชบพธิ สถติ มหาสมี าราม

๏ ๏ ๏

เขยี นให้ถูก

หนุ่มอุบาทว์ สติไม่เต็มบาท ใช้บ่วงบาศ พระภิกษุอุ้ม
บาตร กำ�ลังบิณฑบาต หลุมอุกกาบาต บาดแผล เป็น
บาดทะยัก บาทหลวง

๏ ๏ ๏

พระพุทธวรญาณ (มงคล วโิ รจโน)  111 

วัตถุมงคลของจีน

ฮก หมายถงึ ยศศักดิ์
ลก หมายถงึ ร่าํ รวย
ซิ่ว หมายถงึ ไรโ้ รค
ใครมีครบทง้ั  ๓ อยา่ ง ถอื ได้วา่ โชคดที ี่สดุ

๏ ๏ ๏

สมเด็จโตกับนางนาคพระโขนง

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรฺ หฺมรํสี) ท่านเกดิ เมอื่ เดอื น 
๖ ปีวอก พ.ศ. ๒๔๓๑ ต้นสมัยรัชกาลที่ ๔ รวมอายุ ๘๔ ปี 
บริบูรณ์ ท่านเคยไปพักผ่อนคลายอารมณ์ที่ป่าช้าผีดิบ วัด
สระเกศทา่ นชอบทนี่ น้ั มาก จนพวกวัดสระเกศหล่อรูปท่านไว้

เมื่อรัชกาลท่ี ๔ สวรรคต ท่านเดินร้องไห้ไปรอบๆ วัด 
พลางบน่ ไปว่า “ส้ินสนกุ แล้วๆ ครง้ั นส้ี ิ้นสนกุ แล้ว”

เมื่อผีนางนาคพระโขนงอาละวาด ท่านไปค้างคืนท่ีวัด
มหาบุศย์ ค่ําลงท่านไปน่ังท่ีปากหลุมฝังศพ เรียกผีนางนาค

112  เกบ็ เลก็ ผสมน้อย

ขึ้นมาสนทนา จากนั้นก็เจาะเอากระดูกหน้าผากนางนาคมา
ไวท้ ว่ี ดั ระฆงั  ทา่ นขดั จนเปน็ มนั  แลว้ ลงยนั ต ์ เจาะเปน็ ปน้ั เหนง่  
คาดเอว (ป้นั เหนง่ -เข็มขดั )

๏ ๏ ๏

การเวยี นเทียน
ในวันสำ�คญั ของศาสนา

การจัดให้มีการเวียนเทียนในวันสำ�คัญของพระพุทธ-
ศาสนาไดม้ ีผ้ทู ่รี ิเรม่ิ ท้งั จากคณะสงฆ์และพระมหากษัตรยิ ์ คอื

วันมาฆบูชา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที ่ ๔ ทรงเปน็ ผูร้ ิเร่มิ

วนั วสิ าขบชู า สมเดจ็ พระสงั ฆราช (มี) ทรงรเิ รมิ่
วนั อาสาฬหบชู า พระธรรมโกศาจารย ์ (ชอบ อนจุ ารเี ถระ)
ภายหลังดำ�รงสมณศกั ด์ิท่ ี พระพมิ ลธรรม เปน็ ผูร้ เิ ร่มิ

๏ ๏ ๏

พระพทุ ธวรญาณ (มงคล วโิ รจโน)  113 

ตำ�ราสรา้ งเสนห่ ์

หลวงพ่อเน่ือง วัดนางใน จังหวัดระนอง ท่านบอกว่า 
“เบ้ืองต้นให้กำ�จัดหลวงพ่อทั้ง ๔ เสียก่อน คือ หลวงพ่อบูด 
หลวงพ่อเบี้ยว หลวงพ่อบ้ึง หลวงพ่อเบ้ แล้วให้ต้อนรับหลวง
พ่อทั้ง ๔ คือ หลวงพ่อยิ้ม หลวงพ่อแย้ม หลวงพ่อแจ่ม หลวง
พ่อใส”

๏ ๏ ๏

บงั สุกุล

บังสุกุล ไม่ใช่บังสกุล บังสุกุลใช้ต่างกับสดับปกรณ์ 
สดับปกรณ์เป็นราชาศัพท์ ใช้กับพระศพเจ้านายตั้งแต่ชั้น
หม่อมเจา้ ขึน้ ไป นอกนนั้ ใชบ้ งั สุกลุ

๏ ๏ ๏

114  เกบ็ เล็กผสมน้อย

รำ�พึงในปา่ ชา้

วงั เอ๋ย วังเวง
หงา่ งเหงย่ าํ่ ค่ําระฆังขาน
ฝงู ววั ควายผ้าย* ลาทวิ ากาล
คอ่ ยค่อยผ่านท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน

ชาวนาเหนื่อยอ่อนตา่ งจรกลบั
ตะวนั ลับอบั แสงทกุ แห่งหน
ท้ิงท่งุ ให้มืดมวั ท่วั มณฑล
และทง้ิ ตนดูเปลีย่ วอย่เู ดียวเอย
อำ�มาตย์เอก พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนชีวะ)
ประพันธจ์ ากมหากวีภาษาอังกฤษ ทเี่ สถียรโกเศศ แปลให ้
* (ผ้าย : เคลื่อนที่)

จากหนงั สือพมิ พ์สยามรัฐ
๏ ๏ ๏

พระพทุ ธวรญาณ (มงคล วโิ รจโน)  115 

นกั เทศนน์ กั พดู ท่ีดตี ้องมี ๔ โก

๑. สนั ทสั สโก ชี้แจงเหตผุ ลใหฟ้ งั งา่ ย
๒. สมาทปโก ให้ผ้ฟู งั ยอมรบั นบั ถอื ปฏบิ ัติตาม
๓. สมตุ เตชโก ยอมตายถวายชวี ติ
๔. สมั ปหงั สโก ฟังไม่เบื่อ ร่าเรงิ

๏ ๏ ๏

พวงหรดี

ประวัติของชนชาติท่ีว่าด้วยพวงหรีด ซ่ึงมีความหมาย
ถึงชัยชนะ แต่ไทยเรากลับเอามาใช้ในความหมายของการ
ไว้ทุกข์เพียงสถานเดียว เวลาคนไทยเอาหรีดไปวางที่สถานทูต
ฝรงั่  ฝรั่งอาจจะงงก็ได้

๏ ๏ ๏

116  เกบ็ เล็กผสมนอ้ ย

ภูมใิ จในความเป็นไทย

ใครมาเปน็ เจ้าเขา้ ครอง
เขาจะตอ้ งบังคับขบั ใส
เคี่ยวเข็ญเย็นคา่ํ ราํ่ ไป
ตามวิสยั เชิงเช่นผู้เปน็ นาย

เขาจะเหน็ แกห่ นา้ คา่ ชือ่
จะนับถือพงษพ์ ันธนุ์ นั้ อย่าหมาย
ไหนจะตอ้ งเหน่อื ยยากล�ำ บากกาย
ไหนจะอายทั่วท้ังโลกา

รัชกาลท่ ี ๖
๏ ๏ ๏

พระราชดำ�รสั

รัชกาลที่ ๕ เคยรับส่ังว่า “พระภิกษุสามเณร ต้องมี
ความรู้สงู กวา่ ฆราวาส เขาจึงจะนับถอื ”

๏ ๏ ๏

พระพุทธวรญาณ (มงคล วิโรจโน)  117 

ควายไลข่ วิดยมบาล

ยายอ่ิมแกเป็นคนใจบุญ ที่ไหนมีการถ่ายชีวิตโค กระบือ 
แกจะต้องไปร่วมถ่ายด้วยเสมอ คราวหนึ่งแกเจ็บหนักถึงกับ
สลบไป ก็ปรากฏว่ามียมบาล ๔ คน พากันมาจะจับตัวยายอิ่ม
พาไปปรโลก ขณะนั้นเองก็มีควายหลายตัววิ่งเข้ามาจะขวิด
ยมบาล ยมบาลเลยพากันหนีไป เมื่อยายอิ่มฟ้ืนข้ึนมา จึงนำ�
เอาเรอ่ื งน้มี าเล่าใหใ้ ครๆ ฟัง ดว้ ยความปลม้ื ใจ

ท่านเคยถ่ายชีวิตโค กระบือบ้างแล้วหรือยัง ถ้ายังรีบไป
ถ่ายเสีย หรือแม้แต่ปลา เป็ด ไก่ ท่ีกำ�ลังจะถูกฆ่า ท่านก็ควร
หาโอกาสซอ้ื ไปปลอ่ ยเสยี  ไดบ้ ญุ มากจรงิ ๆ แลว้ ทา่ นจะมอี ายยุ นื

๏ ๏ ๏

หลักในการทำ�บุญอุทิศให้ผตู้ าย

ท่านมหาปุ้ย แสงฉาย เล่าว่า ในลัทธิมหายาน มีการ
กำ�หนดเวลาทำ�บุญให้ผู้ตายไว้ว่า ๗ วัน ๕๐วัน ๑๐๐ วัน แต่
ฝา่ ยเราไมม่ ีกำ�หนดอย่างนี้

118  เกบ็ เลก็ ผสมนอ้ ย

เพราะฉะน้ันการทำ�บุญให้ผู้ตายน้ัน จะทำ�เม่ือไรก็ได้ 
เช่น พระเจ้าพิมพิสาร ทำ�ให้พวกญาติท่ีเป็นเปรต นับตั้ง ๙๒ 
กลั ป์ กย็ งั ไดร้ ับผล

๏ ๏ ๏

ตายไปเกดิ เป็นเลน็

พระติสสะ ได้รับการถวายผ้ามา ๑ ผืน ซ่ึงพ่ีสาวท่านได้
ทอถวาย สวยงามมาก ท่านเองก็ชอบอกชอบใจในผ้าผืนนี้
มาก คืนน้ันเองท่านเกิดเป็นลมและถึงแก่มรณภาพไปเกิดเป็น
เล็นอยู่ท่ผี า้ ผนื น้ัน

บรรดาพระก็จะแบ่งผ้ากัน ปรากฏว่าเล็นตัวน้ันร้องห้าม
ดว้ ยความหวงแหนวา่  “อยา่ เอาผา้ ของผมไปๆ” แตพ่ ระเหลา่ นน้ั
ไม่ได้ยินเสยี งเลน็  เพราะหูไม่ถงึ ไมส่ ามารถรบั เสียงของเล็นได้

แต่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ในพระคันธกุฎี ทรงได้ยิน
เสียงเล็นด้วยทิพยโสต (หูทิพย์) จึงทรงห้ามพระเหล่านั้น
ว่า “อย่าเพิ่งแบ่งผ้ากัน รอสัก ๗ วัน ให้เล็นตายก่อน จึงค่อย
แบง่ กัน”

พระพทุ ธวรญาณ (มงคล วิโรจโน)  119 

พอครบ ๗ วัน เล็นก็ตายไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต 
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “พระติสสะไปเกิดเป็นเล็นน้ัน เพราะหลง
ติดอยู่ในผ้า แต่ที่เกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตน้ัน เพราะอานิสงส์ที่
บวชเปน็ พระ

เร่อื งนส้ี อนว่าอยา่ หลงติดในสมบตั ิ
๏ ๏ ๏

พระปรางค์ท่ีสูงทสี่ ุด

พระปรางคว์ ดั อรุณราชวราราม สงู  ๘๒ เมตร
๏ ๏ ๏

ที่มาของคำ�วา่ กลาโหม

พราหมณ์มีพิธีบูชาเทพเจ้า โดยการก่อไฟบูชาอยู่เสมอ 
เรียกว่า “กองกูณฑ์” การใส่เช้ือเพลิงเข้าไปในไฟเรียก
ว่า “โหมกูณฑ”์  ท�ำ ให้ไฟสว่างและคงอยเู่ รอื่ ยไป

120  เก็บเล็กผสมนอ้ ย

เม่ือมาถึงกรุงศรีอยุธยา การบูชาไฟต่อพระมหากษัตริย์
คงยังมีอยู่ ท่ีพระนครหลวงของเขมรน้ัน มีห้องพิเศษสำ�หรับ
บูชาไฟเรียกว่า “กลาโหม” กลา แปลว่า ห้อง โหมก็คือโหม
กณู ฑ์

ต่อมาในแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงไม่ไว้
พระทัยพวกพราหมณ์เขมรที่เข้ามาจุดไฟอยู่ใกล้พระองค์
จึงโปรดให้ใช้ทหารมาทำ�หน้าที่แทน คำ�ว่า “กลาโหม” จึงถูก
น�ำ มาใชห้ มายถงึ ทหารในกาลต่อมา

๏ ๏ ๏

อานสิ งสฟ์ งั เทศน์

ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าตรัสเทศนาท่ีริมสระโบกขรณี มีกบ
ตัวหน่ึงฟังเทศน์อยู่ด้วย และมีชาวนาคนหนึ่งฟังเทศน์อยู่ด้วย
เชน่ กนั  บงั เอญิ เอาไม้กระทงุ้ ไปโดนกบตายโดยไมเ่ จตนา

กบตัวน้ันตายไปบังเกิดเป็นเทวดา อยู่บนสวรรค์ชั้น
ดาวดึงส์ เทวดานั้นพิจารณาดูสมบัติของตนก็ทราบว่าได้เป็น
เทวดาเพราะอานิสงสฟ์ งั เทศน์ เทวดาจึงมาเฝ้าพระพทุ ธเจา้

๏ ๏ ๏

พระพุทธวรญาณ (มงคล วิโรจโน)  121 

เหตเุ กิดที่วัดบางเกาะเทพศักดิ์

เรื่องนี้เกิดข้ึนเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๙ สมัยท่ีพระยาราชพงษา-
นุรักษ์เป็นผู้สำ�เร็จราชการเมืองสมุทรสงคราม วันนั้นนาย
จันทร์และอำ�แดงเอมภรรยาได้พาหนูไก่ ลูกหญิงไปงานเลี้ยง
พระทว่ี ัดบางเกาะดว้ ย

หนูไก่แต่งตัวด้วยเครื่องประดับหลายอย่าง มีสร้อยคอ 
กำ�ไลนาค ลงมาว่ิงเล่นอยู่ท่ีลานวัด อันเป็นเหตุให้ไอ้วายร้าย 
๒ คน คือไอ้กล่อมกับไอ้สุกสมคบกันหลอกหนูไก่ไปสระหน้า
โบสถ์แล้วจัดการทุบจนตาย หมกไว้ในสระนานถึง ๖ วัน จึงมี
ผพู้ บเห็น

ลูกขุนและขุนหลวง พระยาไกรศรีระดมเจ้าหน้าท่ีสืบจน
จับได้ทั้งสองคน ลงโทษให้เฆี่ยนคนละ ๙๐ ที แล้วนำ�ตัวไป
ประหารชีวิตท่ีวัดพลับพลาไชย กรุงเทพฯ แล้วให้ตัดศีรษะ
นำ�มาเสียบประจานท่สี มุทรสงครามเพ่อื มิให้ใครเอาเย่ยี งอย่าง
ตอ่ ไป

๏ ๏ ๏

122  เกบ็ เลก็ ผสมนอ้ ย

ปาฐกถาตอนหน่ึง
ของทา่ นหรนิ  หงสกลุ

พ่อลูกทะเลาะกัน ลูกหาว่า “พ่อเป็นไดโนเสาร์” พ่อไม่รู้
จะตอบได้อย่างไรดี เลยสวนคำ�ออกไปว่า “ถึงพ่อจะเป็น
ไดโนเสาร์ กย็ ังเปน็ ตน้ ตระกลู ของเห้ยี ๆ อย่างพวกเธอ”

๏ ๏ ๏

เรือ่ งเปรตวดั ปรก

บ้านคุณตาข้าพเจ้าอยู่เยื้องๆ ตรงข้ามกับวัดปรก คืน
วันหนึ่งเป็นวันพระข้ึน ๑๕ คํ่า ประมาณตี ๑ คุณตาข้าพเจ้า
ลุกขึ้นไปทำ�ธุระท่ีห้องน้ําแล้วนั่งจุดบุหร่ีสูบ ขณะน้ันเองก็มี
เสียงดังมาจากป่าช้า ดังคึกๆ และมีเสียงดังหวีดๆ เสียงนั้น
คอ่ ยดงั ข้ึนๆ

คุณตาเล่าว่า ต้องเป็นเสียงเปรตแน่ๆ ตามที่ท่านผู้ใหญ่
เล่าให้ฟังว่าเปรตน้ันปากเล็กจึงร้องเสียงหวีดๆ คุณตาจึงปลุก
ลูกหลานให้ลุกข้นึ มาฟัง ต่างพากันขนลุกขนพองไปตามๆ กัน 

พระพทุ ธวรญาณ (มงคล วิโรจโน)  123 

คืนนั้นทั้งคืนนอนกันไม่หลับ เสียงเปรตดังอยู่ประมาณ ๓ 
นาทกี เ็ งยี บหายไป

รุ่งขึ้นท่ีวัดมีงานศพ มีคนเป็นจำ�นวนมากมาร่วมในงาน 
ต่างโจษจันกันถึงเร่ืองน้ีเป็นการใหญ่ ต่างบอกกันให้ช่วยแผ่
บุญกุศลไปให้เปรตตนน้ี จะได้ไปผุดไปเกิดในโลกที่มีความสุข
กันตอ่ ไป

๏ ๏ ๏

การนั ต์

ตัวอักษรท่ีไม่ออกเสียงซ่ึงมีไม้ฑัณฑฆาตกำ�กับไว้ เช่น
ตวั ในค�ำ วา่  “การันต”์

๏ ๏ ๏

124  เกบ็ เล็กผสมนอ้ ย

เปรตวัดประยรู

สมัยโน้นที่โบสถ์วัดประยุรวงศาวาส หลวงปู่โล้นท่าน
เป็นผู้เฝ้าโบสถ์ ท่ีหลังโบสถ์มีเพิงเล็กๆ สำ�หรับต้มนํ้าทำ�
อาหาร ปกติตอนเย็นๆ จะมีข้าราชการบำ�นาญหลายท่าน 
เช่น พระยาเทพผล ู พระยาสุรราชฤทธามณท์ โยมทยุ  เปน็ ต้น

ฝ่ายพระภิกษุก็มีพระผู้ใหญ่หลายองค์มาร่วมวงสนทนา
กันเป็นที่สนุกสนาน เร่ิมตั้งแต่ตอนเย็นแดดร่มลมตก คุยกัน
ไปจนถึง ๓-๔ ทุ่ม จึงเลิกวงสนทนา ในบรรดาพระผู้ใหญ่ใน
วดั มที ่านพระครูสาราณียคณุ  (ปุน่ ) ลงมาคุยเป็นประจ�ำ

คืนหนึ่งประมาณ ๓ ทุ่มหลังจากปิดประชุม ท่านเดิน
กลับกุฏิผ่านหลังโบสถ์ ซึ่งบริเวณหลังโบสถ์สมัยโน้นน่ากลัว
มาก เปลี่ยว วังเวง มีหอพระไตรปิฎกเก่าๆ มีพระเจดีย์เก่าๆ 
หลายองค ์ มีโกดงั เกบ็ ศพ บางคนไมก่ ลา้ เดนิ กลางคนื

ท่านพระครูสาราณียคุณเดินมาถึงห้องหอไตร ก็มีเสียง
ดังคึกๆ และมีภาพเปรตปรากฏสูงขึ้นๆ พร้อมกับเสียงวี้ดๆ 
ตัวเปรตสูงข้ึนถึงหลังคาหอไตรแล้วก็ค่อยๆ เต้ียลงและหาย
ไปในท่สี ดุ  รงุ่ ขน้ึ ท่านพระครูมาเลา่ ใหพ้ วกอย่หู ลงั โบสถ์ฟงั เพอื่
รบั ทราบว่าเปรตนัน้ มีจรงิ

๏ ๏ ๏

พระพุทธวรญาณ (มงคล วิโรจโน)  125 

เปรตวดั สทุ ศั น์

ข้ามฟากไปทางวัดสุทัศน์ซึ่งก็มีเปรตเหมือนกัน ดังคำ�
ยืนยนั ทว่ี ่า “แร้งวัดสระเกศ เปรตวัดสุทัศน์” ณ ทีว่ ดั สทุ ศั นน์ น้ั  
พอถึงวันพระก็มีญาติโยมมารักษาศีลฟังธรรมกันและนอนค้าง
ท่ีศาลาการเปรียญ หลังที่ยังอยู่บัดน้ีเป็นหลังเตี้ยๆ คล้ายๆ 
กบั พระอโุ บสถวดั ประยรุ วงศาวาส

คืนหนึ่งเป็นวันพระ ๑๕ คํ่า โยมผู้ชายคนหน่ึงออกมา
ทำ�ธุระนอกศาลา ณ ที่ริมกำ�แพงด้านทิศตะวันตก ก็มีภาพ
เปรตปรากฏพรอ้ มกบั เสียงรอ้ งว้ดี ๆ

โยมคนน้ันจึงปลุกคนในศาลาให้ออกมาดู ต่างก็ช่วยกัน
ภาวนา เปรตตนน้ันก็เตี้ยลงๆ และหายไปในที่สุด โดยทุกคน
ต่างกไ็ ม่ทราบวา่ เปรตหายไปดว้ ยคาถาบทไหน

๏ ๏ ๏

126  เกบ็ เลก็ ผสมน้อย   

วันขึ้นปีใหม่

ประเทศไทยกำ�หนดเอาวันที่ ๑ เมษายน เป็นวันข้ึน
ปีใหม่มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๒๓ มาเปลี่ยนเป็นวันท่ี ๑ มกราคม 
ตงั้ แต่ พ.ศ. ๒๔๘๔ และใชม้ าจนถึงทกุ วันน้ี

ในปี พ.ศ. ๒๔๘๓ น้ัน ปีหน่ึงมี ๙ เดือน เพราะทาง
ราชการประกาศใช้วนั ที่ ๑ มกราคม เปน็ วันขน้ึ ปีใหม่

จากหนังสอื ช่อคูณ

๏ ๏ ๏

คนเป็นเปรต

เร่ืองนี้เกิดท่ีจังหวัดน่าน ท่านเจ้าคุณพระมหาโพธิ-
วงศาจารย์ วัดพระบาทมิ่งเมือง จังหวัดแพร่ เม่ือท่านเป็นพระ
ราชาคณะชั้นธรรมท่ีพระธรรมรัตนากร ท่านเล่าว่าที่จังหวัด
นา่ นมีพระมหาเถระช้นั ผู้ใหญร่ ูปหนึง่  มลี ูกศิษย์ลูกหามากมาย 
มคี นเคารพย�ำ เกรงมาก

พระพุทธวรญาณ (มงคล วโิ รจโน)  127 

คราวหนึ่งทางวัดจะทำ�การบูรณะพระมหาธาตุท่ีชำ�รุด
ทรุดโทรม จำ�เป็นต้องนำ�ยอดฉัตรลงมา คร้ันซ่อมองค์พระ
บรมธาตุเสรจ็ ก็ทำ�พิธียกฉตั ร แตเ่ ป็นฉตั รที่ท�ำ ขึ้นใหม่

ต่อมาฉัตรน้ันก็ดำ� แต่ใครๆ ก็ไม่กล้าทักท้วง ปรากฏว่า 
พระมหาเถระผ้ใู หญ่ท่านน้นั ได้นำ�เอาฉัตรอันเก่าซ่งึ เป็นทองคำ�
ไปขาย แลว้ ต่อมาท่านก็ลาสกิ ขาไปแตง่ งานจนมีลูก แต่ลูกคน
นั้นคลอดออกมาไม่มีหนังมีแต่เน้ือแดงๆ ผู้สามีปรารภจะฆ่า
เดก็ นใี้ ห้พน้ อาย แต่ภรรยาไมย่ อม

ต่อมาไม่นานเด็กคนนั้นก็ตาย วันหน่ึงมีแขกมาหาสามี 
เธอจึงข้ึนไปตามที่ในห้อง แต่เมื่อถึงห้องเธอถึงกับตกใจร้อง
กรี๊ด เพราะภาพท่ีเห็นนั้นเป็นเปรตตัวยาวเต็มห้อง เธอจึง
ขอหย่า แล้วท่านผู้น้ีก็จนลงๆ จนถึงกับต้องอาศัยผู้ที่เคยเป็น
ศิษย์เล้ียงชีวิต ต่อมาก็เกิดเป็นโรคหูหนาตาเร่อและตายไป
ในทีส่ ดุ

๏ ๏ ๏

128  เก็บเลก็ ผสมนอ้ ย

เปรตเจา้ ระเบยี บ

ท่านเจ้าคุณพระยาอนุมานราชธน เล่าว่ามีนิทานของ
ทางภาคอีสาน เล่าถึงเปรตเจ้าระเบียบว่า มีเปรตตนหนึ่ง
มหี น้าทีร่ กั ษาศาลาพักรมิ ทาง

คืนหน่ึงเห็นคนท่ีมาพักนอนเรียงแถวสูงๆ ตํ่าๆ ไม่ได้
ระเบยี บ รสู้ กึ ร�ำ คาญ จงึ เขา้ ไปดงึ ทางศรี ษะขน้ึ มาใหเ้ สมอๆ กนั  
แล้วกลับไปดูทางเท้าเห็นไม่เสมอกันอีก จึงดึงเท้าให้เสมอกัน 
ทำ�อยู่อย่างนี้จนสว่างก็ไม่สำ�เร็จ จะสำ�เร็จได้อย่างไรเพราะตัว
คนไม่เทา่ กนั

เร่ืองนี้สอนให้รู้ว่าการที่จะไปกะเกณฑ์ให้ใครๆ ให้ได้
อย่างใจเราย่อมไม่สำ�เร็จ เพราะคนเราสติปัญญาความรู้ความ
สามารถไม่เทา่ กนั

ถ้าเราเอาเรื่องเปรตเจ้าระเบียบน้ีมาปฏิบัติก็จะทำ�ให้เรา
สบายใจมากขน้ึ ทเี ดียว เร่อื งเปรตกม็ ีประโยชน์เหมือนกัน

๏ ๏ ๏


Click to View FlipBook Version