428
5. สรุป
พรรคคอมมิวนิสต์มาลายา ถูกก่อตั้งขึ้นจากความต้องการขยายอุดมการณ์คอมมิวนิสต์
และความ เกลียดชังอังกฤษของชาวจีนในมลายา โดยวัตถุประสงค์ของพรรคนั้นต้องการที่จะขับไล่
อังกฤษออกจากพื้นที่ คาบสมุทรมลายู ในระยะแรกการดำเนินงานของพรรคไม่มีบทบาทที่โดดเด่น
มากนัก แต่ช่วงหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 พรรคคอมมิวนิสต์มลายามีบทบาทเพิ่มมากข้ึน
เน่ืองจากพรรคได้หันมาร่วมมือกับรัฐบาลอังกฤษใน การขับไล่กองทัพญี่ปุ่นออกไปจากมลายาจน
สำเร็จ บทบาทของพรรคจึงได้รับการยอมรับมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ถึงแม้พรรคจะร่วมมือกับอังกฤษ
ในการขับไล่ญี่ปุ่น แต่พรรคก็ไม่เคยละทิ้งอุดมการณ์ที่จะขับไล่อังกฤษออกจาก คาบสมุทรมลายู
ภายหลังจากที่อังกฤษกลับมาปกครองมลายาอีกครั้ง พรรคคอมมิวนิสต์มลายาจึงได้ ดำเนินการ
เพื่อต่อต้านอังกฤษโดยใช้ความรุนแรง ทำให้รัฐบาลอังกฤษต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน และเร่งหา
วิธีการต่าง ๆ มาใช้ปราบปราม ต่อมามาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี ค.ศ. 1957 รัฐบาล
มาเลเซียยังคง กำหนดนโยบายในการปราบปรามพรรคคอมมิวนิสต์มลายาต่อจากอังกฤษ เนื่องจาก
มองว่าปัญหาพรรค คอมมิวนิสต์มลายาส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและต่อการพัฒนาประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการก่อการร้ายของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา ที่ได้สร้างความเดือดร้อน
ให้มาเลเซียเป็นอย่างมาก ดังนัน้ มาเลเซยี จึงได้กำหนดนโยบายเพ่ือใชป้ ราบปราม ได้แก่ นโยบายด้าน
การทหาร ด้านกฎหมาย ด้านสงั คมและจติ วทิ ยา ซง่ึ นับตง้ั แต่ ค.ศ. 1957 เปน็ ตน้ มา รฐั บาลมาเลเซีย
เนน้ การใช้นโยบายปราบปรามอย่างรุนแรง ต่อมาปี ค.ศ.1986 ไดเ้ ปลย่ี นมาใช้นโยบายผ่อนปรนทาง
ทหาร ที่เน้นการเจรจากับพรรคคอมมิวนิสต์มลายาเพื่อหาข้อตกลงกันในประเด็นต่าง ๆ จนสุดท้าย
สามารถหาขอ้ ตกลงรว่ มกันได้
เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์มลายาเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ก็ได้แบ่งก าลังออกเป็น 3 กรม
ไดแ้ ก่ กรมท่ี 8 กรมท่ี 10 และกรมท่ี 12 ซง่ึ ในระยะแรกท่ีพรรคคอมมวิ นสิ ต์มลายาเข้ามาพรรคไม่ได้
สร้างปัญหาให้กับประเทศไทยมากนัก เพียงแต่ต้องการสะสมเสบียงอาหาร อุปกรณ์ และกำลังพล
ให้เขม้ แข็ง เพื่อทจ่ี ะเข้าไปปฏบิ ัติการใน มาเลเซียได้อีกครง้ั แตต่ อ่ มาพรรคได้ขยายปฏิบัติการออกไป
โดยใช้วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อดึงให้ชาวไทยที่ อาศัยอยู่บริเวณชายแดนไทย -มาเลเซีย
ไปเข้าร่วมกับพรรค มีการโจมตีรัฐบาลไทยและเจ้าหน้าที่ที่เข้าไป ขัดขวางปฏิบัติการของพรรค
จากปฏิบัติการดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ของประเทศไทย-มาเลเซยี
จะเห็นว่าในช่วงแรกไทยเห็นว่าปัญหาพรรคคอมมิวนิสต์มลายาไม่ใช่ปัญหาโดยตรงของไทย
ทางรฐั บาลไทยจึงไม่ได้ออกนโยบายเกี่ยวกับพรรคคอมมวิ นสิ ต์มลายา แตก่ ็ใหค้ วามร่วมมือกับรัฐบาล
มาเลเซียในการแก้ปัญหาพรรคคอมมิวนิสต์มลายาในรูปแบบของการท ำข้อตกลงระหว่างกัน
ภายหลังปัญหาพรรคคอมมิวนิสต์มลายาได้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและความสัมพันธ์
ของประเทศไทย-มาเลเซียเป็นอย่างมาก รัฐบาลไทยจึงได้มีการออกนโยบายเกี่ยวกับ
พรรคคอมมิวนิสต์มลายาอย่างจริงจัง นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1977 เป็นต้นมา รัฐบาลไทยใช้นโยบาย
“การทหารนำการเมือง” ซึ่งเน้นการใช้กำลังทหารเข้าปราบปรามอย่างรุนแรง ต่อมาใน ปี ค.ศ.
429
1980 ไทยได้เปลี่ยนมาใช้นโยบาย “การเมืองนำการทหาร” ซึ่งเน้นแนวทางการต่อสู้
อย่างสันติจนนำไปสู่การเจรจายุติปัญหาพรรคคอมมิวนิสต์มลายา และลงนามใน
“สนธิสญั ญาสนั ตภิ าพ” ค.ศ. 1989 ท่ี อำเภอหาดใหญ่ จงั หวัดสงขลา
นอกจากนี้ ไทยและมาเลเซียยังได้ทำข้อตกลงร่วมกันในการแก้ไขปัญหาพรรคคอมมิวนิสต์
มลายา โดยข้อตกลงร่วมกันก่อนปี ค.ศ. 1977 นั้น ไทยยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว
แต่ต้องการรักษา ความสัมพันธ์ระหว่างไทยมาเลเซียไว้ จึงยินยอมให้ความร่วมมือ โดยนับตั้งแต่
มาเลเซียได้รับเอกราชจาก อังกฤษใน ค.ศ. 1957 ก็ได้ทำข้อตกลงด้วยกัน ดังนี้
ข้อตกลงปี ค.ศ. 1959 เป็นการร่วมมือจัดตั้งหน่วย ปราบปรามพรรคคอมมิวนิสต์มลายา
ข้อตกลงปี ค.ศ. 1963 เป็นการยกเลิกข้อตกลงฉบับเดิมและเรียกร้องให้ทำฉบับใหม่ขึ้น ข้อตกลงปี
ค.ศ. 1967 มีการจัดตั้งคณะกรรมการชายแดนทั่วไปและคณะกรรมการชายแดน ส่วนภูมิภาค
และข้อตกลงปี ค.ศ.1970 เป็นข้อตกลงที่ปรับปรุงมาจากฉบับบก่อนหน้านี้ เพื่อให้มีความเหมาะสม
และสอดคล้องกับสถานการณม์ ากขึ้น ต่อมาไทยเห็นว่าปัญหาพรรคคอมมิวนิสตม์ ลายาสง่ ผลกระทบ
ต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างไทย-มาเลเซียมากขึ้น ไทยจึงต้องการแก้ไขปัญหานี้อย่าง
เร่งด่วน ส่งผลให้ข้อตกลงตั้งแต่ ในปี ค.ศ. 1977 เป็นต้นมา ไทยได้หันมาร่วมมือกับมาเลเซียเพ่ือ
แกไ้ ขปญั หาพรรค คอมมิวนิสตม์ ลายาอยา่ งจรงิ จงั และไดม้ กี ารทำขอ้ ตกลงรว่ มกบั รฐั บาลมาเลเซียอีก
ครั้ง ในวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1977 โดยข้อตกลงดังกล่าว มีสาระสำคัญเหมือนกับข้อตกลง
ปี ค.ศ. 1970 เพียงแต่มีการแก้ไขเนื้อหาเพิ่มเติม ภายหลังจากการใช้นโยบายและข้อตกลงต่าง ๆ
ที่ทั้งไทยและมาเลเซียได้มีการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาพรรคคอมมิวนิสต์มลายา จนท้ายท่ีสุด
ปัญหาดังกล่าวก็สามารถยุติลงได้จากการทำสนธิสัญญาสันติภาพ ในปี ค.ศ. 1989 และไทยยังได้
ยอมรับสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์มลายาที่มาเลเซียไม่ยอมรับกลับประเทศให้อยู่ในไทย อีกทั้งยัง
พยายามพัฒนาเศรษฐกิจ ชีวิต และความเป็นอยู่ให้แก่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์มลายาในไทย
ถือว่าเป็นความสำเร็จของไทยในการแก้ปัญหาพรรคคอมมิวนิสต์มลายาอย่างสันติ และไม่กระทบ
ต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-มาเลเซีย ในส่วนของมาเลเซียก็ได้มีการเจรจา และแก้ไข
ปัญหาโดยการอนุญาตให้ทางสมาชิพรรคคอมมิวนิสต์มลายาบางส่วนย้ายกลับเข้ ามาเลเซีย
ได้อย่างถูก กฎหมาย และมีสิทธิในการเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง เศรษฐกิจ นอกจากนี้
ความสำเร็จในการยุติปัญหาดังกล่าว ยังส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-มาเลเซีย
ใหก้ ลบั มามีความสมั พันธใ์ ห้ดียิ่งขึ้น
430
เอกสารอ้างอิง
ชัยโชค จลุ ศริ ิวงศ์. 5 ทศวรรษ การต่างประเทศของไทย จากความขัดแย้งสู่ความร่วมมอื .
กรงุ เทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , 2536.
ชมุ ศักด์ิอนิ ทรร์ กั ษ์, ไพฑรู ย์พัฒ น์ใหญ่ย่ิง, อุทยั เอกสะพงั , และ ออ้ มใจ วงษ์มณฑา. งานวิจัยเรื่อง "การศึกษา
ยทุ ธศาสตรก์ ารจัดการสงั คมสมบรู ณ์แบบ ในสามจังหวดั ชายแดนภาคใต(้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส)".
ปัตตานี : โครงการจัดตงั้ สถาบันสมุทรรฐั เอเชยี ตะวันออกเฉยี งใตศ้ ึกษา มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์,
2546.
นภา เหลืองนันทการ. “ยอ้ นการต่อสูเ้พือ่ เอกราชของ "มาเลเซยี " จากสมยั อาณานิคม ถึงสภาพหลังได้รบั เอ
ก ร า ช". ศิ ล ป วั ฒ น ธ ร ร ม . สื บ ค้ น เมื่ อ วั น ที่ 13 กุ ม ภ า พั น ธ์2565, https://www.silpa
mag.com/history/article_69538.
นนั ทวรรณ ยอดพจิ ิตร. "ความรว่ มมือของไทยต่อมาเลเซีย: ศกึ ษากรณกี ารแก้ปัญหาพรรคคอมมวิ นสิ ต์ มลายา
(พ.ศ. 2520-2532)." วทิ ยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑติ , ภาควชิ าความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง ประเทศ คณะ
รฐั ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , 2543.
มานพ จติ ต์ภูษา, ฉววี รรณ วรรณประเสริฐ, และ พรี ยศ ราฮมิ มูลา. "รายงานการประชุมทางวชิ าการ ความ
ร่วมมอื ระหว่างไทยและมาเลเซียในการปราบปรามกองก าลังทีเ่ ปน็ ปฏิปักษต์ ่อรฐั บาลไทยและ
มาเลเซีย." คร้ังที่ 21 สาขาสงั คมศาสตร์ณ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์, 31 มกราคม -
3 กุมภาพนั ธ์2526. กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์, หนา้ 128-138.
วนั ชัย จติ ต์จ านงค.์ “ปัญหาชายแดนภาคใต้.” จติ วทิ ยาความมน่ คั ง. (กรุงเทพฯ: เจา้ พระยาการ
พมิ พ)์ , 2530.
อรชา รักด.ี “6 ทศวรรษความสัมพนั ธไ์ ทย-มาเลเซีย: เพ่ือนบา้ นทแ่ี นบแน่น.” วารสารอัลขฮกิ มะฮุ
มหาวิทยาลัยฟาฎอนี8,ฉ. 15 (มกราคม-มิถนุ ายน 2561): 186.
อฟั ฟาน ตลุ ยศกั ด.ิ์ “ความไม่เทา่ เทียมทางสงั คมและชาติพนั ธุ์ในมาเลเซีย (กรณีศึกษานโยบายภมู ปิ ตุ รากบั
คน จีน).” ป ระ ช าไท . สื บ คน้ เมื่ อ วนั ท่ี 22 กมุ ภ าพั น ธ์2565,
https://prachatai.com/journal/ 2014/05/53364.
อาทิตย์ก าลังเอก. “ทหารกับปญั หาของชาต.ิ ” จิตวทิ ยากบั ความมนั่ คง. (กรงุ เทพฯ: เจ้าพระยาการพิมพ์),
2529.
431
เอกรินทร์บ ารงุ ภักด.์ิ “100 ปีพรรคคอมมิวนสิ ตจ์ ีน: อทิ ธพิ ลต่อคอมมวิ นสิ ต์ไทยในมุมมอง "สหายชยั " จรัล
ดษิ ฐาอภชิ ยั .” BBC. สืบ ค้น เมื่ อวนั ท่ี 2 กมุ ภ าพัน ธ์2564, https://www.bbc.com /thai/
Thailand-57488754.
Plydamkwan Channel. “EP 26 l ยอ้ นอดีตท่ีปลายดา้ มขวาน: “จคม.” หนว่ ยรบใตด้ ินแหง่ มลายา
l OA291163.” (วดิ โิ อ). 29 พฤศจิกายน 2563. สืบค้นเม่ือวนั ที่ 22 กุมภาพนั ธ์2564,
https://www . youtube.com/watch?v=gjZyma0ITtk.
Anna Belogurova. The Nanyang Revolution: The Comintern and Chinese Networks in
Southeast Asia, 1890-1957. N.p.: Cambridge University Press, 2019.
Rahaman Kamel. A review of the Country Insurgency Operation in Malaysia. Research Paper,
Bangkok: The royal Thai Armies Staff College, 1991.
432
ความสมั พนั ธไ์ ทยและเวียดนาม: ความเก่ยี วเน่ืองสเู่ หตุการณ์ 6 ตลุ าคม 197611
(Thailand-Vietnam Relations: its Relevance to the 6 October 1976 Massacre)
ปยิ นนั ท์ จำปพี นั ธ์
ธณฐั พงศ์ ตรสี ุขเกษม
นัฏพงศ์ ประทมุ ทอง
องศา มานะทัต
ความเข้าใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ มักถูกให้ความสำคัญมากในแง่ของความขัดแย้ง
ภายในการเมืองไทยมาก กลุ่มผู้เสนอจึงได้ศึกษา 6 ตุลาฯ ที่เกิดจากปัจจัยภายนอกหรือการเมืองโลก
โดยการให้ความสำคัญกับบริบทสงครามเย็นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีเหตุการณ์สำคัญคือ
สงครามอินโดจีนครั้งที่ 1 และ 2 ที่ไทยได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง และสถานการณ์ภายนอกดังกล่าว
ก็ได้มีส่วนในกรกำหนดนโยบายภายในกาเมืองไทยนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1950-1970 เป็นอย่างมาก
รวมไปถึงเหตกุ ารณ์ความรนุ แรงในวันท่ี 6 ตลุ าคม ค.ศ. 1976
ผลของสงครามอินโดจีนครั้งที่ 1 (1st Indochina War) ได้ทำให้เกิดการประชุมที่เจนีวา
ในปี ค.ศ. 1954 (1954 Geneva Conference) หลังจากจบยุทธการที่เดียนเบียนฟูของการประชุม
ที่เจนีวาได้มีการตกลงให้เวียดนามถูกแบ่งออกเป็นสองประเทศคือเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้
เวียดนามเหนือถูกปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ อันเป็นเริ่มต้นสำคัญของความขัดแย้ง
ในความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเวียดนามเหนืออันเนื่องมาจากความนิยมในระบอบการปกครอง
ที่แตกต่างกันมาจนถึงสงครามอินโดจีนครั้งที่ 2 หรือสงครามเวียดนาม (2nd Indochina War :
Vietnam War) ที่มีตัวแสดงสำคัญคือ สหรัฐอเมริกา และเวียดนามทั้งเหนือและใต้ ประกอบกับไทย
ในฐานันธมิตรของสหรัฐฯ ได้ถูกใช้เป็นที่ตั้งฐานทัพของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเพื่อใช้ในการทำสงคราม
โจมตีเวียดนามเหนือจึงส่งผลให้ภายหลังจากสิ้นสุดสงครามอินโดจีนครั้งที่ สองที่ผลของสงครามคือ
ความปราชัยของสหรัฐฯ ในการสกัดกั้นคอมมิวนิสต์และชัยชนะของขบวนการคอมมิวนิสตเ์ วยี ดมินห์
และเวียดกงในเวียดนามเหนือและใต้ที่สามารถสถาปนาสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามได้สำเร็จ
ในปี ค.ศ. 1975 ประเทศไทยจึงได้ดำเนินนโยบายและปรับรปู แบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใหม่
เพอื่ ปรบั ความสัมพันธก์ ับสาธารณรฐั สังคมนยิ มเวียดนาม
ผลกระทบของสงครามนี้ได้สร้างความหวาดระแวง ความเกรงกลัวอิทธิพลและความสำเร็จ
ของอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ที่แผ่ขยายในภูมิภาคยังส่งผลต่อบริบทการเมืองภายในของประเทศไทย
1 บทความน้ีปรับปรงุ จากรายงานเร่อื ง “ความสัมพนั ธไ์ ทยเวียดนามท่นี ำไปสเู่ หตกุ ารณ์ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1976” ในรายวิชาประวตั ศิ าตร์ความสัมพนั ธร์ ะหว่างไทย
กับประเทศเพอ่ื นบ้าน ภาคปลาย ปีการศึกษา 2563 ภาควิชาประวตั ิศาสตร์ คณะสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์
433
ในช่วง ค.ศ. 1955-1976 ทสี่ ่งผลให้ชนชัน้ นำไทยมีอุดมการณ์ในการสกัดด้ัน และตอ่ ตา้ นการขยายตัว
ของคอมมิวนิสต์ภายในประเทศจนบานปลายกลายเป็นความขดั แย้งระหวา่ งฝ่ายขวา และฝ่ายซ้ายใน
เหตกุ ารณ์ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1976 ทีม่ ีผลต่อประวัตศิ าสตร์การเมอื งไทยสมยั ใหม่
บทความนี้จะอธิบายตั้งแต่การดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเวียดนามเหนือในช่วง
ระหว่างปี ค.ศ. 1955-1973, การฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทยกับเวียดนามรหะว่างปี ค.ศ. 1973-1976
และ ความหวาดกลัวภัยคอมมิวนิสตจ์ ากเวยี ดนามทน่ี ำไปสู่เหตุการณ์ 6 ตลุ าคม ค.ศ. 1976
1. การดำเนินความสัมพันธร์ ะหวา่ งระหว่างไทยและเวียดนามเหนือในชว่ งระหว่างปี ค.ศ. 1955-
1973
ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งไทยและเวียดนามเหนอื ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1955-1973 เป็นลักษณะ
ของความสัมพันธ์ที่อยู่ภายใต้บริบทของสงครามเย็นที่ภัยจากคอมมิวนิสต์เปรียบเสมือนภัยคุกคาม
อันดับหนึ่งที่บรรดาประเทศที่นิยมในระบอบเสรีประชาธิปไตยหรือฝ่ายทุนนิยมหวาดระแวง
ซึ่งในขณะนั้นภายหลังจากสิ้นสุดสงครามอินโดจีนครั้งที่หนึ่งขบวนการเวียดมินห์สามารถสถาปนา
ระบอบคอมมวิ นิสตป์ กครองเวยี ดนามเหนือได้สำเรจ็ ในปี ค.ศ. 1954 ส่งผลใหม้ หาอำนาจอยา่ งสหรัฐฯ
หวาดระแวงการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ในภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้จงึ ได้เข้ามามีอิทธิพล
และมีบทบาทในภูมิภาคดังกล่าวในฐานะผู้นำในการต่อต้านการขยายตัวของคอมมิวนิสต์
และได้เชื่อมโยงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวขอ้ งกับการสกดั กั้นคอมมิวนสิ ต์ในสงครามอินโดจีนครัง้ ทีส่ อง
ในฐานะการเป็นท่ีตง้ั ฐานทพั ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในภูมภิ าค
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเวียดนามเหนือโดยรวมเป็นไปในลักษณะที่ตึงเครียด
ขัดแย้งแลถหวาดระแวงระหว่างกัน2 อันเนื่องมาจากนิยมในระบอบการปกครองที่แตกต่างกัน
ประกอบกับชนชั้นนำของสยามเกรงกลัวการขยายตัวของขบวนการคอมมิวนิสต์ในเวียดนามเหนือ
ทเ่ี ริ่มเข้าไปมีบทบาทในเวียดนามใต้และประเทศเพอ่ื นบา้ นประชดิ พรมแดนไทยอย่างลาว และกัมพูชา
จึงส่งผลให้ชนชั้นปกครองของสยามดำเนินนโยบายเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับสหรัฐฯ ในการยินยอมให้
สหรัฐเข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศและดำเนินความสัมพันธ์เชิงลบกับเวียดนามเหนือก่อนที่จะปรับ
ความสัมพันธ์อีกครั้งภายหลังจากสิ้นสุดสงครามอินโดจีน ครั้งที่สองและเกิดการรวมเวียดนามเหนือ
และเวยี ดนามใต้เข้าเป็นหนงึ่ เดยี วภายใตส้ าธารณรฐั สงั คมนยิ มเวียดนาม
1.1 ความขัดแยง้ ทางอดุ มการณ์ทน่ี ำไปสู่สงครามอนิ โดจีนคร้ังทสี่ อง
สงครามอินโดจีนครั้งที่สอง ค.ศ. 1965-1973 หรือสงครามความขัดแย้งระหว่างเวียดนาม
เหนือและสหรัฐฯ เป็นสงครามตัวแทน (Proxy Wars) รูปแบบหนึ่งในบริบทของสงครามเย็นซ่ึงเป็น
สงครามความขัดแย้งทางอุดมการณ์ระหว่างฝ่ายเสรีประชาธิปไตยหรือฝ่ายทุนนิยมที่นำโดยสหรัฐฯ
2 หว่าง คัก นาม, ความเป็นมาแห่งการพัฒนาความสัมพันธไ์ ทย-เวียดนาม (1976-2000), (กรุงเทพฯ: สถาบันเอเชีย
ศกึ ษา จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั , 2550), น. 43.
434
ในการสกัดกั้นและขจัดอิทธิพลของขบวนการคอมมิวนิสต์เวียดมินห์ในเวียดนามเหนือ ภายหลังจาก
สิ้นสุดสงครามอินโดจีนครั้งที่หนึ่งโดยที่ตามข้อตกลงเจนีวา ค.ศ. 1954 ได้ส่งผลให้ ฝรั่งเศสสูญเสีย
อาณานิคมในอินโดจีนทั้งหมดและเวียดนามถูกแบ่งออกเป็นเวียดนามเหนือหรือสาธารณรัฐ
ประชาธิปไตยเวียดนามและเวียดนามใต้หรือสาธารณรัฐเวียดนามภายใต้การสนับสนุนของสหรัฐฯ
โดยใช้เส้นขนานที่ 17 องศาเหนือเป็นเส้นแบ่งซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงชัยชนะของขบวนการเวียด
มนิ หท์ ส่ี ามารถสถาปนาระบอบการปกครองแบบสงั คมนยิ มในเวยี ดนามเหนือไดส้ ำเร็จ
ความสำเร็จของขบวนการเวียดมินห์ดังที่ได้กล่าวข้างต้นได้แสดงให้เห็นถึงการขยายตัว
ของลัทธิคอมมิวนิสตใ์ นภมู ิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามแนวคิดทฤษฎีโดมโิ น (Domino Theory)
จงึ ทำให้สหรฐั ฯ เลง็ เห็นถงึ ความสำคัญในการเขา้ มามีอิทธิพลในภูมดิ งั กล่าวมากขึน้ 3 เพอื่ ต้านทานการ
ขยายตัวของคอมมิวนิสต์ จงึ ทำใหป้ ระเทศไทยในฐานะทม่ี ีภมู ิรัฐศาสตร์ที่ติดกับภูมิภาคอินโดจีนทำให้
สหรัฐฯ จงึ เช่อื มโยงไทยเข้าไปเกีย่ วพันกับสงครามอินโดจนี คร้ังที่สองในฐานะการเปน็ ที่ตั้งฐานทัพของ
สหรัฐฯ ในภมู ิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้เพ่อื ใช้ในการทำสงครามสกัดก้ันคอมมิวนิสต์ จึง
ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเวียดนามในช่วงระยะเวลาระหว่าง ค.ศ. 1955-1973
มีลักษณะเชิงลบและค่อนข้างตึงเครียดก่อนที่จะปรับความสัมพันธ์ภายหลังจากสิ้นสุดสงคราม
อินโดจนี คร้ังท่สี อง
1.1.1 ความรว่ มมือระหวา่ งไทยและสหรัฐอเมริการในการต่อตา้ นคอมมิวนิสต์
ความร่วมมือระหว่างไทยและสหรัฐฯ ในการต้านทานคอมมิวนิสต์เริ่มปรากฏชัดเจน
ในช่วงปลายทศวรรษ 1940 ถึงต้นทศวรรษที่ 1950 เรื่อยมานับตั้งแต่การสิ้นสุดสงครามอินโดจีน
ครั้งที่หนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของการได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน (Mutual Interested) กล่าวคือ
ทั้งไทยและสหรัฐฯ มีอุดมการณ์ร่วมกันในการสกัดกั้นการขยายอิทธิพลของลัทธิคอมมิวนิสต์
ในภูมิภาคซึ่งสหรัฐฯ ได้พยายามแสดงบทบาทนำในการสกัดกั้นคอมมิวนิสต์ในภูมิภาคดังเห็น
ได้จากการที่สหรัฐไม่ยอมรับในสาระสำคัญในข้อตกลงเจนีวา ค.ศ. 1954 ที่กำหนดให้เวียดนาม
แบง่ ออกเป็นเวยี ดนามเหนือ และเวียดนามใตช้ วั่ คราว
ความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และไทยในลักษณะดังกล่าวยังสามารถ
พิจารณาได้จากการที่ไทยเข้าร่วมในนโยบายความมั่นคงร่วมกัน (Collective security) ของสหรัฐฯ
เพื่อปิดล้อมคอมมิวนิสต์ผ่านการเข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้หรือสปอ. (SEATO) ซึ่งสหรัฐฯ เป็นผู้ก่อตั้งและการลงนามในข้อตกลงร่วมกัน
สามฉบับในปีค.ศ. 1950 อันได้แก่ ความตกลงทางการศึกษาและวัฒนธรรม ความตกลงร่วมมือ
3 เร่อื งเดียวกนั . น. 44.
435
ทางเศรษฐกิจและวิชาการ และความตกลงด้านการให้ความช่วยเหลือทางทหาร 4 นอกจากนี้
ความรว่ มมอื เชงิ ประจักษ์อีกประการหนึ่งคือ การทร่ี ฐั บาลไทยให้การรับรองรฐั บาลของประธานาธิบดี
โง ดินห์ เสี่ยมในเวียดนามใต้ตามข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ในสมัยของประธานาธิบดีไอเซนเฮาร์
จงึ ถอื ไดว้ ่าไทยได้เข้ามาเก่ียวข้องกบั สงครามอินโดจนี ครง้ั ที่สองนบั ต้งั แต่ ค.ศ. 1955 เปน็ ตน้ มา
ดังนั้น โดยภาพรวมความร่วมมือระหว่างไทยและสหรัฐฯ ในการต้านทานคอมมิวนิสต์
เริ่มเด่นชัดขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1940 ถึงต้นทศวรรษ 1950 เมื่อสหรัฐเข้ามาเกี่ยวพันในสงคราม
อินโดจีนครั้งที่สองเพื่อสกัดกั้นการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ซึ่งสหรัฐได้เชื่อมโยงไทยเข้ามา
เกี่ยวพันผ่านการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองดังที่ได้กล่าวข้างต้น
ซึ่งพิจราณาได้จากการดำเนินนโยบายต่างประเทศของไทยในช่วงระหว่าง ค.ศ. 1947-1973
หรือช่วงระยะเวลาสมัยการปกครองของรัฐบาลทหาร จอมพล ป.พิบูลสงคราม จอมพล สฤษฎดิ์
ธนะรัชตน์และสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร ที่มีลักษณะของนโยบายสอดคล้องร่วมกันคือ ตั้งอยู่บน
พื้นฐานของผลประโยชน์เป็นปัจจัยชี้ขาดในการกำหนดนโยบายที่อิงกับความต้องการของสหรัฐฯ
ในการใช้ไทยเป็นฐานทัพในการต่อต้านคอมมิวนิสต์ในภูมิภาคอันเนื่องมาจากเหตุผล
ทางด้านภูมริ ฐั ศาสตรแ์ ละเปน็ จุดยทุ ธศาสตร์สำคญั ท่ีตดิ กบั ภูมภิ าคอนิ โดจนี
1.1.2 การเขา้ ร่วมสงครามอินโดจนี ครงั้ ท่สี องของไทย
ประเทศไทยเข้ามามีส่วนร่วมและเก่ียวพันกับสงครามอินโดจีนครั้งที่สองอย่างชัดเจน
ในสมัยของรัฐบาลจอมพล ถนอม กิตติขจร ค.ศ. 19665 ผ่านการเชื่อมโยงของสหรัฐฯ ในการใช้ไทย
เป็นศนู ย์การฐานทัพอากาศของสหรัฐในภูมิภาคนอกจากน้ีการเขา้ รว่ มสงครามอินโดจีนครั้งที่สองของ
ไทยที่นอกเหนือจากการได้ผลประโยชน์และความช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง
และการสกัดกั้นคอมมิวนิสต์ภายในประเทศจากสหรัฐฯ ดังที่ได้กล่าวข้างต้นแล้วไทยยังมีสภาพ
ภูมิศาสตร์ทส่ี อดคล้องกบั ยุทธศาสตร์ของสหรฐั ฯ ในภมู ภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตอ้ ีกดว้ ย
กล่าวคือประเทศไทยเป็นจุดภูมิรัฐศาสตร์สำคัญในลักษณะของการมีพรมแดนใกล้ชิดกับ
ภูมิภาคอินโดจีนซึ่งมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมแก่การตั้งฐานทัพทางอากาศของสหรัฐและสนามบิน
ภายในประเทศโดยเฉพาะบริเวณทางภาคอีสานของไทยเพื่อใช้ในการทำสงครามกับเวียดนามเหนือ
เพราะสะดวกในการส่งกองกำลังทางอากาศไปโจมตใี นภมู ิภาคอินโดจนี เชน่ สนามบินดอนเมืองได้ถูก
ใชเ้ ปน็ จดุ เชือ่ มต่อสำหรับการส่งกำลังพลและอาวุธจากสหรัฐไปยังฐานทัพอื่น ๆ ในภูมภิ าคจึงส่งผลให้
สหรัฐทำการปรับปรุงสนามบินดอนเมืองให้ทันสมัยและยังเป็นฐานปฏิบัติการของหน่วยลาดตระเวน
4 เรือ่ งเดียวกนั , น. 166.
5 เรื่องเดียวกัน, น. 44.
436
และสอดแนมทางอากาศของสหรฐั ฯ ในลาว สนามบนิ อูต่ ะเภาในระยอง สนามบนิ ตาคลใี นนครสวรรค์
ฐานทัพอากาศของสหรัฐในโคราช เป็นต้น นอกจากนี้การมีฐานทัพงสหรัฐในประเทศไทยยังทำให้
สหรัฐสามารถประหยัดงบประมาณทางการทหารได้มากกว่าการส่งกองทัพอากาศออกจากฐานทัพ
ของสหรฐั ทีเ่ กาะกวม6
นอกจากนก้ี ารทรี่ ฐั บาลไทยยนิ ยอมใหส้ หรฐั ฯ เข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศสง่ ผลในเชิงบวกต่อ
ไทยในแง่ของการได้รับความชว่ ยเหลือจากสหรัฐฯ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเข้า
มาของกองกำลังทหารและกองทัพอากาศของสหรัฐในไทยซึ่งพิจาราณาได้จากกรณีสมัยของรัฐบาล
จอมพลถนอม-ประภาสที่ไทยได้รับการพัฒนาและช่วยเหลือในการสร้าง ปรับปรุงและพัฒนาถนน
สนามบิน ท่าเรือ เช่น สหรัฐได้ลงทุนพัฒนาฐานทพั เรอื สัตหีบใหเ้ ป็นท่าเรือน้ำลึกท่ีทันสมยั ขนาดใหญ่
ทดแทนท่าเรือคลองเตยที่มีปริมาณการสัญจรของเรือพาณิชย์และเรือของกองกำลังทหารที่แนน่ ขนดั
หรอื มกี ารสร้างถนนเชื่อมต่อกับฐานทัพเรือสตั หบี และเช่ือมต่อเข้ากบั ถนนมติ รภาพส่งผลให้การขนส่ง
กำลงั ทหารนาวิกโยธินจากสตั หีบไปยังโคราชและฐานทัพอน่ื ๆ ไดส้ ะดวกมากยงิ่ ขน้ึ เป็นตน้
ข้อสังเกตอีกประการที่สามารถพิจารณาได้ว่าไทยเข้าร่วมสงครามอินโดจีนครั้งที่สองคือ
การที่รัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือทางการทหารแก่สหรัฐฯ ในสมัยของจอมพลถนอม-ประภาสผ่าน
การส่งทหารไทยไปร่วมรบในสงครามด้วยทัศนะที่ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการป้องกันประเทศไทย
จากการรุกรานของคอมมิวนิสต์และเพื่อเป็นหลักประกันในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน
ชาวไทย7
การกระทำของรัฐบาลไทยในลักษณะดังกล่าวข้างต้นส่งผลในแง่บวกคือ การได้รับความ
ชว่ ยเหลือจากสหรฐั ฯ ในดา้ นโครงสร้างพ้ืนฐานต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพฒั นาประเทศในอนาคต
แตใ่ นแงล่ บคอื สง่ ผลใหค้ วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งไทยและเวียดนามเหนือตลอดช่วงระยะเวลาของสงคราม
อินโดจีนครั้งที่สองหรือช่วง ค.ศ.1965-1973 เรื่อยมาอยู่ภายใตก้ ารกำหนดของสหรัฐฯ เป็นหลักผ่าน
การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างไทยและสหรฐั ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์กับเวียดนามเหนือเป็นไปใน
เชิงลบและตงึ เครียดระหว่างกนั ในฐานะที่ไทยยนิ ยอมให้สหรัฐเข้ามาตั้งฐานทัพสำหรับการป้องกนั ภยั
คอมมวิ นิสตจ์ ากภมู ิภาคอินโดจีน
6 พวงทอง ภวัครพนั ธ,์ การตา่ งประเทศไทยในยุคสงครามเยน็ , (กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ,
2561), น. 106.
7 สรุ พงษ์ ชยั นาม, นโยบายของไทยต่อเวียดนาม, น. 41.
437
1.2 ชัยชนะของเวียดนามเหนือในสงครามอินโดจีนคร้งั ที่สอง
นับต้ังแต่การเร่ิมตน้ ของสงครามอินโดจีนคร้ังท่ี 2 ในปี ค.ศ. 1965 สหรัฐฯ และไทยได้เข้าไป
เกี่ยวข้องและมีบทบาทสำคัญต่อการทำสงครามในภูมิภาคอินโดจีนอย่างเด่นชัดโดยที่เวียดนามเหนือ
ภายใต้บริบทของสงครามในขณะนั้นอยูภ่ ายใตก้ ารปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามหรือเวียด
มินห์และเวียดนามใต้อยู่ภายใต้รัฐบาลประชาธิปไตยที่สหรัฐฯ สนับสนุนและยังมีตัวแสดงสำคัญ
ที่มีบทบาทต่อการนำมาซึ่งชัยชนะของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามในท้ายที่สุดคือ ขบวนการเวียดกง
หรือขบวนการคอมมิวนิสต์ในเวียดนามใต้ภายใต้การสนับสนุนของขบวนการเวียดมินห์และบรรดา
ประเทศคอมมวิ นิสตเ์ ช่น สหภาพโซเวยี ตและสาธารณรัฐประชาชนจนี เป็นตน้
โดยที่ชัยชนะเชิงประจักษ์ของเวียดนามเหนือในสงครามอินโดจีนครั้งที่สองคือ การที่
ขบวนการคอมมิวนิสต์เวียดมินห์ในเวียดนามเหนือและขบวนการเวียดกงในเวียดนามใต้สามารถรวม
ประเทศเวียดนามเหนือและใต้ได้สำเร็จผ่านการจัดตั้งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามในวันที่ 25
เมษายน ค.ศ. 1976 โดยการโจมตขี องขบวนการเวียดกงในเหตุการณว์ ันตรุษเวียดในเวียดนามใต้และ
การบุกยึดกรุงไซ่ง่อนและล้มล้างรัฐบาลเหงียนวันเทียว (Nguyen Van Thieu) ของเวียดนามใต้ได้
สำเร็จทำให้พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสามารถปกครองเวียดนามเหนือและใต้ได้สำเร็จจึงทำให้
สหรัฐฯ เริ่มถอนกำลังทางทหารและเปิดฉากการเจรจาเพื่อแสวงหาสันติภาพในภูมิภาคอินโดจีนอัน
เนือ่ งมาจากแรงกดดนั จากสภาครองเกรสและการประท้วงของประชาชนอเมริกันในประเทศท่ีต่อต้าน
การทำสงครามที่นำมาซึ่งความสูญเสียแก่สหรัฐโดยตรงประกอบกับความเสียเปรียบของสหรัฐ
ในการทำสงครามเวียดนามจึงทำให้แนวคิดการถอนกำลังทางทหารของสหรัฐออกจากสงคราม
เวียดนามและภูมิภาคอินโดจีนเริ่มปรากฎชัดขึน้ ซึ่งทา้ ยที่สุดรัฐบาลสหรัฐได้ตัดสินใจในการผลกั ภาระ
การทำสงครามเวยี ดนามทัง้ หมดใหแ้ ก่ชาวเวียดนาม
1.2.1 การยุติบทบาทท่งการทหารของสหรัฐอเมริกาในอินโดจีน
หลงั จากที่ขบวนการเวยี ดกงได้ทำการโจมตีสถานทรี่ าชการตา่ ง ๆ ของรัฐบาลเหงียนวันเทียว
ของเวียดนามใต้ในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ.1963 หรือเหตุการณ์ตรุษเวียด (the Tet Offensive)
ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่แสดงให้ประจักษ์ถึงการขยายตัวและความแข็งแกร่งของขบวนการคอมมิวนิสต์
เวียดกงต่อประชาคมโลก8ซึ่งสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวในแง่ของการปลุกระดม
กระแสคนในชาติให้ต่อต้านสงครามเวียดนามที่ยืดเยื้อและยาวนานประกอบกับรัฐบาลสหรัฐในสมัย
8 หว่าง คัก นาม, ความเปน็ มาแห่งการพฒั นาความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม (1976-2000), น. 60.
438
ของประธานาธบิ ดีนิกสนั ได้ประกาศหลักการนกิ สนั (the Nixon Doctrine) อันเปน็ จุดเริม่ ต้นของการ
ยุติบทบาททางการทหารของสหรัฐฯ ในอินโดจีนซึ่งหลักการดังกล่าวมีสาระสำคัญคือ สหรัฐฯ จะลด
ภาระในการเข้าไปเกีย่ วข้องกับความขัดแย้งในสงครามตา่ ง ๆ ซงึ่ หลกั การข้างต้นได้นำไปสู่นโยบายทำ
สงครามให้เป็นของชาวเวียดนาม (Vietnamization) โดยการผลักภาระความขัดแย้งในเวียดนามท่ี
เกิดขึ้นให้ชาวเวียดนามเป็นผู้รับผิดชอบต่อการทำสงครามเองโดยที่สหรัฐจะค่อย ๆ เริ่มถอนกองทัพ
และกองกำลังทางทหารออกจากภูมิภาคอินโดจีนซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการยุติบทบาททาง
ทหารของสหรัฐฯ ในอินโดจีนซึ่งในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1969 รัฐบาลสหรัฐได้ดำเนินการถอนกำลัง
ทหารอเมรกิ นั ชดุ แรกจำนวนวน 2,500 คนและภายในปคี .ศ.1969 เพิ่มขนึ้ เปน็ 115,000 คน
สหรัฐฯ, เวียดนามเหนือ, เวียดนามใต้ และเวียดกง ได้ร่วมลงนามเจรจาตกลงในสนธิสัญญา
สนั ติภาพปารสี ณ กรุงปารสี ในวนั ที่ 23 มกราคม ค.ศ.1973 โดยมสี าระสำคัญคือ ทุกฝ่ายจะต้องหยุด
ยิงและสหรัฐตอ้ งถอนกองกำลังทหารออกจากเวียดนามใต้อีกท้ังเวียดนามเหนอื ต้องยอมรับให้รัฐบาล
เวียดนามใต้สามารถคงอำนาจอยู่ต่อไปและยังมีการกำหนดให้เจรจาระหว่างรัฐบาลเวียดนามใต้
และเวียดกงเพื่อหาทางออกในความขัดแย้งแต่ท้ายที่สุดกองกำลังคอมมิวนิสต์เวียดนามเหนือและ
ขบวนการเวียดกงสามารถบุกยึดไซ่ง่อนและรวมประเทศเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ได้สำเร็จใน
วันที่ 30 เมษายน ค.ศ.1975 อันเป็นเหตุการณ์ที่นัยยะสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความพ่ายแพ้ทาง
การทหารและการเมืองของสหรฐั ฯ และรัฐบาลเวยี ดนามใต้ที่ไมส่ ามารถสกดั กั้นและกำจัดอิทธิพลของ
ขบวนการคอมมวิ นิสต์ในเวียดนามเหนือและกลุ่มเวียดกงในเวียดนามใต้ได้ซงึ่ ทำให้สหรัฐต้องถอนกอง
กำลังออกจากภมู ภิ าคอนิ โดจนี โดยปริยาย
ความสมั พันธร์ ะหวา่ งไทยและเวยี ดนามเหนอื ในชว่ งระหวา่ งปี ค.ศ. 1955-1973 เปน็ ลกั ษณะ
ของความสัมพันธ์ที่อยู่ภายใต้บริบทสงครามเย็นและการเกิดขึ้นของสงครามอินโดจีนครั้งที่สอง
ค.ศ.1965-1973 โดยมีตัวแสดงหลักที่สำคัญทัง้ ในและนอกภูมิภาคอินโดจีนอันได้แก่ สหรัฐฯ ประเทศ
ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ อีกทั้งยังมีมหาอำนาจอย่างสหภาพโซเวียต
และสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นแรงสนับสนุนหลักให้แก่ขบวนการคอมมิวนิสต์ทั้งในเวียดนามเหนอื
และเวียดนามใต้ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเวียดนามในช่วงระยะเวลาดังกล่าวถูกกำหนดโดย
ปัจจัยภายในและปัจจยั ภายนอกท่มี ผี ลต่อการดำเนินความสัมพันธ์ของสองประเทศไดแ้ ก่
ปจั จัยภายในคือ การขยายตวั ของขบวนการคอมมิวนสิ ต์ในประเทศไทยและในประเทศเพื่อน
บ้านรอบขา้ งอยา่ งลาวและกัมพูชาท่ีอดุ มการณ์คอมมิวนสิ ต์ไดแ้ ผ่ขยายเข้าส่บู รบิ ทการเมืองภายในของ
ทั้งสองประเทศซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐไทยในขณะนั้นในฐานะที่มีพรมแดนติดต่อกัน
และปัจจัยภายนอกคือ อิทธพิ ลของสหรัฐฯ ทแี่ ผข่ ยายเข้ามาสภู่ ูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอิน
439
โดจนี ในแง่ของการให้ความชว่ ยเหลือทางเศรษฐกจิ สังคมและการเมืองให้แก่บรรดาประเทศที่ร่วมมือ
และสนับสนุนสหรัฐในการตอ่ ต้านคอมมิวนิสต์
ดังนั้น ด้วยชัยชนะของคอมมิวนิสต์ในอินโดจีน การสถาปนาสธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
การถอนกำลังทหารของสหรัฐฯ ออกจากไทยและภายในภูมิภาคอินโดจีนและการเติบโตของ
ขบวนการนักศึกษาและกลุ่มปัญญาชนที่ต่อต้านการทำสงครามเวียดนามของรัฐบาลไทยและความ
หวาดระแวงภยั คอมมิวนิสต์ของรฐั บาลส่งผลใหป้ ัจจัยดงั กลา่ วข้างต้นทั้งหมดทำใหภ้ าครฐั หวาดระแวง
การขยายตวั ของอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ในประเทศจนบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งรุนแรงระหว่าง
ขบวนการนักศึกษาและภาครัฐไทยในวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ.1973 อันเป็นเหตุการณ์สำคัญใน
ประวตั ศิ าสตร์ไทยทส่ี ่งผลต่อการเปล่ียนแปลงรัฐบาลและบริบทการเมอื งการปกครองของไทย
2. การฟนื้ ฟูความสัมพันธ์ไทยกับเวียดนามระหว่าง ค.ศ. 1973-1976
สถานการณ์สงครามเย็นในภูมิภาคอินโดจีนเริ่มลดความขัดแย้งลงไปนับตั้งแต่นโยบาย
Vietnamization ทีน่ ำไปสกู่ ารยุตบิ ทบาทการทหารของกองทัพสหรัฐฯ ในอนิ โดจนี ทำใหไ้ ทยในฐานะ
โลกเสรีจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของรัฐหลังจากคอมมิวนิสต์ที่เป็นศัตรูอันดับหนึ่งมาเป็น
ประเทศเพ่ือนบ้านในภูมิภาค และนำไปสู่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเวียดนามในเวลา
ต่อมา
2.1 ความพยายามปรับปรงุ ความสมั พันธ์ระหว่างกนั
ภัยคอมมิวนิสต์ที่ถูกลดบทบาทลงไปโดยสหรัฐฯ ส่งผลให้ไทยต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของ
อย่างกระทันหัน และไทยต้องพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์กับเวียดนามเหนือที่เป็นคอมมิวนิสต์
อย่างทก่ี ลา่ วมาแล้ว ยังมปี จั จัยภายในการเมืองไทยทีส่ ำคัญคือเหตุการณ์ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1973 ท่ีได้
โคน่ ลม้ รฐั บาลเผด็จการทหารที่มีอำนาจในไทยมานานกว่าทศวรรษ และได้เปล่ยี นให้รฐั บาลพลเรือนท่ี
มากจากการเลือกตั้งเข้ามาปกครองประเทศแทน และตามมาด้วยการถอรทหารสหรัฐฯ ออกจากไทย
ตามเสียงเรียกร้องของมหาชนฝา่ ยซ้าย
440
2.1.1 ผลของเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ
เหตุการณ์ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1973 กล่าวได้ว่าเป็นเหตุการณ์การลุกฮือของขบวนการนิสิต/
นักศึกษา และปัญญาชน เพื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญ หลังจากถูกฉีกรัฐธรรมนูญไปในปี ค.ศ. 1971
จากการรัฐประหารตนเองของ จอมพลถนอม กิตตขิ จร โดยมีเหตุผลการรัฐประหารคือ “ได้มบี ุคลบาง
จำพวกอาศัยสิทธิ์จามรัฐธรรมนูญ ยุยงบ่อนทำลายใช้อิทธิพล ทั้งถายใรและภายนอกสภานิติบัญญัติ
ก่อกวนการบริหารราชการของรัฐบาล ให้ดำเนินไปด้วยความลำบากและล่าช้าไม่ทันต่อเหตุการณ์”9
ซึ่งตีความได้ไม่ยากว่าจอมพลถนอมไม่สามารถทำงานร่วมกับระบอบรัฐสภาที่เคยลองปรับไปใช้ช่วง
ค.ศ. 1969-1971 ได้ เพราะเคยชินกับระบอบเผด็จการที่ไม่มีผู้คานอำนจของเขา และสามารถ
ดำเนนิ การนโยบายตา่ ง ๆ ได้อยา่ งรวดเร็ว แต่เมื่อตอ้ งมาทำงานกับระบอบรัฐสภาจอมพลถนอมก็ต้อง
ประสบกับปัญหากับการคานอำนาจอย่างเข้มข้นของ ส.ส. ฝ่ายค้าน และการเริ่มเคลื่อนไหว
ของขบวนการนิสิตนักศึกษาที่ได้เริ่มก่อตั้ง “ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย” ในเดือน
กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1970 จอมพลถนอมจึงเลือกการแก้ปัญหาที่สร้างปัญหามากกว่าเดิม
โดยการรัฐประหารยึดอำนาจตนเอง ฉกี รัฐธรรมนญู พ.ศ. 2511 และแทนท่ีด้วยประกาศกฎอัยการศึก
เปน็ การกลับเขา้ มาใชร้ ะบอบเผดจ็ การเข้ามาปกครองดังเดมิ
หลังจากที่ได้รับรู้ถึงระบอบรัฐธรรมนูญและรัฐสภา ที่ให้เสรีภาพมากกว่าระบอบเผด็จการท่ี
พวกเขาต้องเจอมาตั้งแตย่ ังเด็ก ทำให้ขบวนการนสิ ิต/นกั ศึกษา และประชาชนจำนวนมากไมพ่ อใจการ
รัฐประหารของจอมพลถนอม ทำให้เกิดกระแสต่อต้านรัฐบาลเผด็จการของจอมพลถนอมจนนำไปสู่
การต่อต้านดว้ ยการเดนิ ขบวนตอ่ ต้านทน่ี ำโดยขบวนการนสิ ิต/นักศกึ ษา และมผี เู้ ขา้ รว่ มเดินขบวนมาก
ปฏิกิริยาของรัฐต่อการเดินขบวนต่อต้านของขบวนการนิสิต/นักศึกษาคือความพยายามใช้
กฎหมายในจัดการกับผู้ต่อต้านรัฐ ไปจนถึงการใช้ความรุนแรงด้วยอาวุธในวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ.
1973 ผลของเหตุการณ์คือชัยชนะของระชาชนและขบวนการนักศึกษา มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ
พ.ศ. 2517/ค.ศ. 1974 และมีการเลือกตั้งต้นปี ค.ศ. 1975 ทำให้รฐั บาลพลเรือนไดป้ กครองประเทศ
สิ่งที่เกิดควบคู่กันมาคือฝ่ายขวาโดยเฉพาะปีกทหารที่ครองอำนาจตั้งแต่หลังการรัฐประหาร
ค.ศ.1958 ฝา่ ยซ้ายเติบโตข้ึนตั้งแต่เสรีนิยมและแนวคิดสงั คมนิยม รวมไปถงึ ขบวนการนักศึกษาที่ส่วน
หนึ่งถูกครอบงำด้วยพรรคคอมมิวนิสต์แหงประเทศไทย (พคท.) ซึ่งพิสูจน์ไม่ได้ว่ามากน้อยและ
9 ประกาศของคณะฏวิ ัติ, ราชกิจจานุเบกษา ฉบับพเิ ศษ เล่มที่ 88 ตอนที่ 124 (18 พฤษจิกายน 2514): น. 14.
441
อุดมการณ์มีความเข้มข้นแค่และบทบาทและความนิยมของสถาบันกษัตริย์ก็เข้าสู่ยุคเฟื่องฟูแทนที่
บทบาทของทหาร10 ทำใหส้ องกระแสระหวา่ งบนกบั ล่างสวนทางกนั
2.1.2 การถอนทหารสหรฐั อเมรกิ าออกจากไทย
สงครามอนิ โดจนี ครั้งที่ 2 จบลงดว้ ยชยั ชนะของฝา่ ยเวียดนามเหนอื โดยได้ยึดเมืองไซง่ อน
ซึง่ เป็นอดีตเมอื งหลวงของเวียดนามใต้ไดส้ ำเรจ็ ในวนั ที่ 30 เมษายน ค.ศ. 1975 ซึ่งฝ่ายเวยี ดนาม
เหนอื ประกาศรวมชาตเิ วียดนามเหนอื เขา้ กับเวียดนามใต้เป็น สาธารณรฐั สงั คมนยิ มเวียดนาม
(Socialist Republic of Vietnam)พร้อมทั้งเปลยี่ นชือ่ เมืองไซ่งอนเป็น โฮจมิ ินห์ซติ ้ีเพื่อเป็นเกียรตแิ ก่
วรี บุรษุ ผู้ยงิ่ ใหญ่ในการเรียกร้องเอกราชของเวยี ดนาม11 นนั่ คือ โฮจมิ ินห์ซ่งึ เขามิได้อยู่เห็นความสำเรจ็
ของมกี ารถอนการรวมชาตติ ามท่ีวาดฝันไวเ้ พราะได้เสยี ชวี ิตไปก่อนหน้าแล้ว
ในช่วงปีเดียวกันนี้อินโดจีนอันประกอบไปด้วย ลาว กัมพูชา และเวียดนามได้เข้าสู่ระบอบ
การปกครองอุดมการณ์คอมมิวนิสต์หมดแล้ว นั่นคือ กรณีกัมพูชานั้น กลุ่มคอมมิวนิสต์เขมรแดง
ภายใต้ผู้นำอย่าง พอล พตที่ได้รับการสนับจากจีนคอมมิวนิสต์ ทำได้ทำการโค่นล้มรัฐบาล
เผด็จการทหารของนายพล ลอนนอล และนายพล เจา้ สริ ิมาตะ ศรีสวสั ดิ์ ไดส้ ำเร็จในวนั ท่ี 17 เมษายน
ส่วนในลาวนั้น ขบวนการประเทศลาว ได้เข้ายึดอำนาจจากเจ้าสุวรรณภูมา จากนั้นยกเลิกระบอบ
กษตั ริยต์ ามมาดว้ ยการสถาปนาสาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาวขนึ้ ในวันท่ี 2 ธนั วาคม
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่ได้อิทธิพลจากนโยบายนิกสัน (Nicxon
Doctine) ซึ่งเป็นการถอนทหารออกจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอยู่ภายใต้รัฐบาลพล
เรือนที่มาจากการเลือกตั้งหลังจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคมและได้รัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2517/ค.ศ. 1974
ซ่ึงเป็นช่วงที่ประชาธิปไตยเติบโตกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่ครองอำนาจมามากกว่าทศวรรษหมดอำนาจไป
นโยบายการปราบปรามคอมมิวนิสต์ ที่ถูกลดความสำคัญลงในสมัยรัฐบาลพลเรือนไทย ประกอบกับ
ความจำเปน็ ทีเ่ วียดนามภายใต้การรวมประเทศแล้วนน้ั จำเปน็ ต้องมีความสัมพันธ์กบั ประเทศอ่ืน ๆ ทำ
ให้เวียดนามมองว่าไทยนั้นสามารถเป็นมิตรกับเวียดนามได้และพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์ต่อกนั
แต่ปัญหาหลัก ๆ ของการปรับปรุงความสัมพันธ์ของเวียดนามและไทยนั้นคือการที่ไทยยังอนุญาติให้
สหรัฐคงกิจกรรมทางการทหารอยู่ เมือ่ ยกไทยไดย้ กเลิกกจิ กรรมทางการทหารของสหรัฐในไทยเม่ือต้น
ปี ค.ศ. 1976 ที่กล่าวไว้แล้ว ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยภายใต้รัฐบาลพลเรือน และเวียดนาม
ภายใต้รัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์สามารถฟื้นฟูความสัมพันธ์ได้รวดเร็วขึ้นจนสามารถสถาปนา
10 ดใู น ธงชัย วินิจจะกลู , “ขา้ มให้พน้ ประชาธิปไตยแบบหลงั 14 ตุลา,” ใน ประชาธปิ ไตยท่ีมีกษัตริยอ์ ยู่เหนอื
การเมอื ง, พมิ พ์ครัง้ ที่ 2 (นนทบรุ :ี ฟา้ เดยี วกนั , 2562).
11 ธนาสฤษดิ์ สตะเวทนิ . นโยบายต่างประเทศไทย. (กรุงเทพฯ: สำนกั พมิ พ์มหาวิทยาลัยรามคำแหงรามคำแหง, 2563), น. 126.
442
ความสัมพันธ์ทางการทูตสำเร็จเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1976 (2 เดือนเต็มก่อนหน้าเหตุการณ์ 6
ตุลาคม ค.ศ. 1976 ในไทย)
3. ความหวาดกลัวคอมมิวนิสตจ์ ากเวยี ดนามท่นี ำไปสเู่ หตกุ ารณ์ 6 ตลุ าคม ค.ศ. 1976
หวาดกลัวคอมมิวนิสต์ของฝ่ายขวาและฝ่ายอนุรักษ์นิยมนิยมในไทย ซึ่งในที่นี้จะเริ่มอธิบาย
ตั้งแต่ผลของเหตกุ ารณ์ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1973, การรวมเวียดนามเหนอื ใต้ในปี ค.ศ. 1975, การถอน
กำลงั ทางทหารของสหรัฐออกจากประเทศไทย และความหวาดกลวั คอมมิวนิสต์ที่ปรากฎในเหตุการ 6
ตลุ าคม ปี ค.ศ. 1976
3.1 ความหวาดกลวั ภัยคอมมิวนสิ ต์ของฝ่ายขวาและฝา่ ยอนุรักษน์ ิยมในไทย
กลุ่มคนแรก ๆ ที่คอมมิวนิสต์ได้สร้างความสั่นคลอนให้คือ กลุ่มชนชั้นปกครองและชนชั้นสูง
รองลงมาก็คือชนชั้นกลางระดับสูง เพราะหากพิจารณาแนวคิดคอมมิวนิสต์ของมากซ์นั้นคือการ
ทำลายชนชั้นปกครอง หรือผู้ปกครองเดิม และโอนอำนาจการปกครองมาสู่ชนชั้นกรรมาชีพหรือ
ผ้แู ทนของสภาชนช้นั กรรมมาชีพ (ผแู้ ทนในที่นีห้ มายถึงพรรคปฏิวตั ิหรือพรรคคอมมิวนิสต)์ และให้ยึด
ทรัพย์สินทั้งหมดเปน็ ของรัฐและรัฐจัดสรรให้ประชาชนดว้ ยความเท่าเทียม12 เป็นที่รูก้ ันดีว่าคนกลุม่ น้ี
มีอำนาจในการบริหารปกครองบ้านเมืองผู้มีอำนาจการปกครองในช่วงนั้น ซึ่งเป็นกลุ่มเผด็จการ
อนุรักษ์นิยมได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ได้ปลูกฝังการต่อต้านคอมมิวนิสต์ผ่านนโยบายรัฐใน
รูปแบบต่าง ๆ ทั้งปลูกฝังผ่านแบบเรยี น การโฆษณาชวนเชื่อ หรือการปราบปรามโดยใช้ความรุนแรง
(โดยเฉพาะหลังวันปนื แตก ปี ค.ศ. 1965) ทั้งยังส่งเสริมบทบาทของสถาบันของพระมหากษัตริยผ์ า่ น
โครงการในพระราชดำริ หรอื การเสด็จราชดำเนินไปยงั พ้ืนทชี่ ายขอบ เพอื่ ใหก้ ษัตริย์เป็นส่วนหนึ่งของ
การพัฒนารัฐ และโดยนัยคือการต่อต้านคอมมิวนิสต์ทางอ้อมเพราะให้เห็นถึงคุณค่าของ
พระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นชนชั้นนำว่ามีคุณค่าในฐานะ “กษัตริย์นักพัฒนา”13 โดยมีอเมริกาสนับสนุน
ดว้ ย
ผลจากการปลูกฝังและการโฆษณาชวนเชื่อทำให้ความหวาดกลัวคอมมิวนิสต์แพร่ขยายจาก
ชนชั้นสูงลงมาสู่ชนชั้นกลางและชนชั้นล่างมากขึ้น และแพร่ขยายจากกรุงเทพฯ ต่างจังหวัดมากขึ้น
ซึ่งเป็นผลงานที่รัฐบาลเผด็จการโดยในที่นี้จะเรียกว่ากลุ่มอนุรักษ์นิยม สามารถสร้างมวลชนฝ่ายขวา
ทั้งจากการดำเนนิ นโยบายรัฐและการปลกู ฝงั ใหแ้ ทรกซมึ ไปในทกุ สถาบนั ทางสงั คม
12 วัฒนะ วรรณ, บรรณาธกิ าร, มารู้จกั “มาร์กซสิ ต”์ กันเถอะ (กรุงเทพฯ: องค์กรเลี้ยวซา้ ย, 2554), น. 8.
13 ชนดิ า ชิตบัณฑิตย์, โครงการอันเน่อื งมาจากพระราชดำร:ิ การสถาปนาพระราชอำนาจนำในพระบาทสมเดจ็ พระ
เจา้ อยู่หัว (กรุงเทพฯ: มูลนิธติ ำราสังคมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตร,์ 2550), น. 472-474.
443
3.1.1 ความหวาดกลัวผลของ 14 ตุลาคม 1973
หลังจากเหตุการณก์ ารเปลีย่ นแปลง 14 ตุลาคม 1973 ทำให้กลุ่มอนุรักษ์นิยมที่มีอำนาจการ
ปกครองนานมากกว่าทศวรรษต้องพ้นจากอำนาจไป และยังทำให้เกิดบรรยากาศความเป็น
ประชาธิปไตยมากขึ้นจากการพ้นอำนาจของกลุ่มอนุรักษ์นิยม และมีรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2517/
ค.ศ. 1974 ที่ทำให้เกิดการเลือกตั้งตามแบบประชาธิปไตยและได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในปี
ค.ศ. 1975 แต่ทั้งสองปัจจัยที่เติบโตมาคู่กันนี้อาจดูเหมือนว่า จะเป็นผลดีกับการเมืองและสังคมไทย
แตท่ วา่ ทง้ั สองปัจจยั น้กี ลบั เป็นส่วนหน่ึงทที่ ำให้เกิดเหตุการณ์ 6 ตลุ าคม ค.ศ. 1976
การหมดอำนาจการปกครองของกลุ่มอนุรักษ์นิยมสร้างความไม่มั่นคงให้ฝ่ายขวามาก
เพราะเดิมแล้วกลุ่มอนุรักษ์นิยมนี้เป็นผู้สร้างความมั่นคงให้กับฝ่ายขวา เพราะเดิมแล้วกลุ่มอนุรักษ์
นิยมนเี้ ปน็ ตวั รว่ มในกระบวนการสรา้ งและเนน้ ย้ำอุดมการณต์ ่อตา้ นคอมมิวนสิ ต์ และจากการสร้างให้
สถาบันพระมหากษัตริย์มีบทบาทในการพัฒนาประเทศเพื่อต่อสู้กับอุดมการณ์คอมมิวนิสต์นั้น
เม่ือเปรียบเทียบช่วงเวลาท่ีกลุ่มอนุรักษ์นยิ มน้ีมีอำนาจการปกครองและดำเนินนโยบายดังกล่าวมาคือ
เวลามากกว่า 16 ปี (1957-1973) ควรกลา่ วไว้วา่ อันทีจ่ รงิ ท่ีใช้คำว่ามากกวา่ เพราะว่าการปราบปราม
คอมมิวนิสต์นั้นเริ่มตั้งแต่สมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 (1947-1957) แล้ว
แต่ผู้เขียนมองว่ารัฐบาลจอมพล ป. ไม่ได้เป็นผู้สร้างอุดมการณ์การต่อต้านคอมมิวนิสต์อย่างเข้มข้น
ประกอบกับความไมแ่ น่นอนท่ีอาจจะสร้างความสมั พันธ์กับสาธารณรัฐประชาชนจีนซ่ึงในขณะน้ันเป็น
คอมมวิ นสิ ตแ์ ละเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้อเมริกาเริ่มเข้าแทรกแซงการเมืองไทย14 ระยะเวลามากกว่า
16 ปนี ้ีนานพอสำหรับการเติบโตจากเด็กเป็นวยั รุน่ หรอื จากวยั รนุ่ เปน็ วัยกลางคนและทำใหอ้ ดุ มการณ์
ท่รี ฐั ปลูกฝงั นัน้ เติบโตไปในทุกสถาบันทางสังคมได้
การที่ประชาธิปไตยเติบโตขึ้นภายหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1973 ได้ทำให้ฝ่าย
เสรีนิยม-สังคมนิยม(ที่เรียกกันว่า “ฝ่ายซ้าย”) เติบโตขึ้นโดยเฉพาะในหมู่นักศึกษา แนวคิดเรื่อง
การเมอื งท่เี สรหี รือการนำแนวคิดเรื่องสังคมนยิ มท้ังทเ่ี ป็นคอมมวิ นิสต์และไม่ใช่คอมมิวนสิ ต์ ควรกล่าว
ด้วยว่าแนวคิดนี้เริ่มเติบโตหลังช่วงการประกาศรัฐธรรมนูญปีพ.ศ. 2511/ค.ศ.1968 แต่กลับต้องถูก
ชะลอหลังการประกาศกฎอัยการศึกในปี พ.ศ. 2514/ค.ศ.1971
นธิ ิ เอยี วศรวี งศ์ เสนอว่าในมุมมองฝา่ ยซา้ ยเองกม็ คี วามคิดแบบชาตนิ ิยมเชน่ กนั แต่ความรูส้ ึก
ของชาติอาจต่างกับฝ่ายขวาตรงที่ ฝ่ายซ้ายมองว่าศัตรูของชาติคือทุนนิยมจากสหรัฐฯ
และการแทรกแซงกจิ การภายในประเทศไทย การทำให้ชาติแขง็ แกร่งจึงต้องขบั ไล่สหรฐั และทุนนิยม
14 ณฐั พล ใจจริง, ขุนศกึ ศกั ดนิ า และพญาอินทร:ี การเมืองไทยภายใตร้ ะเบยี บโลกของสหรฐั อเมรกิ า, น. 191-195.
444
แบบอเมริกาออกไป และทำลายกลุ่มขุนศึก(พวกอนุรักษ์นิยม) ที่สหรัฐสนับสนุนออกไป15 (ชาตินิยม
กลุ่มนี้จึงถูกนับรวมกับสังคมนิยม) ต่างจากแนวคิดของฝ่ายขวาที่มองว่าสหรัฐคือผู้ปกป้องภยันตราย
จากภัยคอมมิวนิสต์รอบบ้าน โดยเฉพาะในเวียดนาม และกลุ่มอนุรักษ์นิยมก็เป็นผู้พิทักษ์ปกป้อง
สถาบันพระมหากษตั รยิ จ์ ากภยั คอมมวิ นิสต์ ฝ่ายขวาจึงมองวา่ ฝ่ายซา้ ยนนั้ พยายามชักศึกเข้าบ้านหรือ
ชกั นำภยั คอมมิวนิสต์จากอินโดจีนเข้ามาในไทย และความหวาดกลวั ของฝ่ายขวานั้นไม่ใช่คอมมิวนิสต์
ทีจ่ ะโคน่ ล้มทุนนิยม แต่ฝ่ายขวามองว่าฝ่ายซา้ ยจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริยแ์ ละทำลายทุกอย่าง
ทีเ่ ปน็ ไทย ฝ่ายซ้ายจึงเป็นศัตรูของชาติในรูปแบบของฝ่ายขวา16 การหมดอำนาจของกลุ่มอนุรักษ์นิยม
ทำให้กลุ่มชนชั้นนำ, กลุ่มอนุรักษ์นิยมเก่า และฝ่ายขวามองว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เสียผู้พิทักษ์
ภยันตรายจากภัยคอมมิวนิสต์ นิธิจึงมองว่าความขัดแย้งทั้งสองฝ่ายนั้นคือการต่อสู้ของความคิด
ชาตินิยมสองความคิดที่ต่างกัน โดยเฉพาะหลัง ค.ศ. 1975 ความขัดแย้งก็จะเข้มข้นมากยิ่งขึ้นจน
นำไปสชู่ ัยชนะของฝา่ ยขวาและฝา่ ยอำนาจจนิยมใน 6 ตลุ าคม ค.ศ. 197617
3.1.2 ความหวาดกลัวจากรวมเวียดนามเหนอื และในปี ค.ศ. 1975
หลังจากการถอนกองทัพสหรัฐออกจากอินโดจีนตามนโยบายทำสงครามให้เป็นของชาว
เวียดนาม(Vietnamization) ท่ีดำเนินมาถึงปี ค.ศ. 1973 ส่งผลให้เวียดนามเหนือสามารถยึดครอง
เวียดนามใต้ไดส้ ำเรจ็ และปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ ประกอบกบั กมั พูชาทโ่ี ดนคอมมวิ นิสต์เขมร
แดงยดึ ครองก่อนหนา้ เวียดนามไม่ก่วี ัน และลาวก็ถกู ขบวนการประเทดลาวยึดครองในปลายปเี ดียวกัน
เท่ากับว่าเมื่อจบปลายปี ค.ศ. 1975 อินโดจีนทั้ง 3 ประเทศถูกคอมมิวนิสต์เข้าปกครอง และไทยที่
เป็นประเทศเสรีนิยมก็ถูกล้อมหวั ดว้ ยประเทศคอมมิวนิสต์ถึง 3 ประเทศ โดยมีคอมมิวนิสต์เวียดนาม
เป็นพ่ีใหญใ่ นภูมิภาคอนิ โดจีน
การเป็นปึกแผ่นและการขยายตัวอย่างรวดเร็วของคอมมิวนิสต์ในอินโดจีนนั้นส่งผลใ ห้ฝ่าย
ขวาในไทยที่ถูกประชิดด้วยประเทศคอมมิวนิสต์ในภูมิภาคอินโดจีน จึงเกิดความหวาดกลัวต่อภัย
คอมมิวนิสต์มากในกลุ่มชนชั้นนำ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมเก่า และฝ่ายขวา ส่วนหนึ่งเพราะอุดมการณ์ที่รัฐ
เผด็จการเคยปลูกฝังไว้นานกว่าทศวรรษจนแนวคิดนี้เติบโตในทุกสถาบันของสังคม และผู้นำกลุ่ม
อนรุ กั ษ์นยิ มก็ได้ถูกทำลายลงจนหมดอำนาจในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1973 ประกอบกับสหรัฐก็
ไดด้ ำเนินการถอนทหารออกจากอนิ โดจนี แล้ว ทำใหฝ้ ่ายขวาและกลุม่ อนุรักษ์นิยมทีห่ มดอำนาจในการ
ปกครองแล้วรู้สึกว่าชาตินั้นพบกับภัยอย่างมาก หนึ่งในภัยที่ฝ่ายขวามองว่าอันตรายมากคือพวกฝ่าย
15 ธิ เอยี วศรวี งศ์, ชาติไทย, เมืองไทย, แบบเรียนและอนุสาวรีย,์ พมิ พ์คร้งั ท่ี 4 (กรุงเทพฯ: มตชิ น, 2563), น. 140.
16 ธงชัย วินิจจะกูล, “ลัทธคิ ลัง่ ไคล้เจ้าในไทย,” ใน รฐั ราชาชาติ : วา่ ด้วยรัฐไทยในปัจจุบนั (นนทบรุ :ี ฟ้าเดียวกัน,
2563), น. 71.
17 ธิ เอยี วศรวี งศ์, ชาติไทย, เมืองไทย, แบบเรยี นและอนุสาวรยี ์, น. 151-152.
445
ซ้าย เพราะเหตุผลที่กล่าวไว้และยังกล่าวได้ว่าฝ่ายขวามองว่ายซ้ายเป็นคอมมิวนิสต์หรือชักนำ
คอมมิวนิสต์จากอินโดจีนเข้าไทย โดยเฉพาะคอมมิวนิสต์จากเวียดนามที่สามารถรวมประเทศได้และ
อาจมีแนวโน้มว่าจะเข้ารุกรานและเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์เข้าสู่ประเทศอื่น ๆ (ในมุมมองของฝ่าย
ขวา)
ถึงแม้สหรัฐจะยังไม่ถอนกำลังทหารทหารทั้งหมดออกไปในไทย แต่ว่าการที่สหรัฐถอนกำลัง
ออกจากอินโดจนี น้นั ก็เป็นการทิ้งใหเ้ วยี ดนามใตต้ ้องเผชญิ กบั ชะตากรรมการต่อสู้กับคอมมวิ นิสต์เพียง
ลำพงั และยงั สรา้ งความไม่ม่ันใจในตวั ของสหรัฐในไทย เพราะกังวลว่าสหรฐั อาจท้ิงให้ไทยเผชิญชะตา
กรรมแบบเดียวกับเวยี ดนามใตไ้ ด้ จึงทำให้ฝ่ายขวาต้องรีบจัดการกับขบวนการนักศึกษาและฝ่ายซา้ ย
อย่างเข้มข้น18 ควรกลา่ วดว้ ยวา่ กลุ่มอนรุ ักษ์นิยมเก่าหลายคนน้ันไดเ้ ข้ามาเปน็ ส่วนหน่ึงของรัฐบาลพล
เรือน และรัฐบาลพลเรือนนี้หากไม่นับกลุ่มอนุรักษ์นิยมเก่าก็เป็นรัฐบาลของฝ่ายขวาอยู่แล้ว การ
สนับสนุนและการรณรงค์ให้เกิดขบวนการ “ขวาพิฆาตซ้าย” ส่วนหนึ่งจึงมาจากบุคลในรัฐบาลและ
ผู้นำในระบบข้าราชการประจำระดับสูง เช่น พล.ต.ประมาณ อดิเรกสาร (รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงกลาโหม) และ พล.อ.กฤษณ์ สีวะรา (ผู้บัญชาการทหารบก) เป็นต้น19
การปราบปรามนักศึกษาและฝ่ายซ้ายที่เข้มข้นมากในขวาพิฆาตซ้ายผู้เขียนเห็นร่วมกับ
แนวคิดของ นิธิ เอียวศรีวงษ์ ที่กล่าวไว้ว่าเป็นการต่อสู้กันของชาตินิยม 2 กระแส ที่มีศัตรูร่วมของ
ความเป็นชาติต่างกัน ซ้ำศัตรูของความเป็นชาติของฝ่าขวานั้นเป็นฝ่ายซ้ายเพื่อนร่วมชาติ(ไทย)ของ
ตัวเอง แต่วิธีการที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นผู้ทำลายเพื่อร่วมชาติ คือ การแบ่งแยกกีดกันหรือการ
ผลักดันให้อีกฝา่ ยน้ันพน้ ปริมณฑลของความเปน็ ชาติไทย ด้วยการสร้างคำอธิบายว่านักศึกษาและฝ่าย
ซา้ ยเปน็ เจก๊ เปน็ ญวณ หรือเป็นจนี และเวียดนาม เพอื่ สรา้ งการสนบั สนุนใหค้ วามคิดตวั เองว่านักศึกษา
เปน็ คอมมวิ นิสต์ทจ่ี ะทำลายชาติ ฉะนนั้ ฝา่ ยขวาจงึ คิดว่าจะจดั การกับกลุ่มนักศึกษาและฝ่ายซ้ายนี้ด้วย
ความรนุ แรงอยา่ งไรกไ็ ด้
3.1.3 ความหวาดกลัวจากการถอนกองกำลังทหารของสหรฐั อเมรกิ าออกจากประเทศไทย
หลังจาก 14 ตุลาคม ฝ่ายซ้ายทีเ่ ติบโตขึ้น และมีการเรียกร้องให้สหรัฐฯ ถอนกำลังทางทหาร
ออกไปจากประเทศไทย และตามสิง่ ที่นธิ ิ เสนอคือศตั รูของความเป็นชาติของฝ่ายซ้ายคือสหรัฐฯ และ
ทุนนิยมของสหรัฐฯ ที่เข้าแทรกแซงกิจการภายในไทย การขับไล่สหรัฐฯ ให้ออกจากประเทศไทยจึง
เป็นสิ่งที่ฝ่ายซ้ายมองว่าเป็นการรักษาชาติให้พ้นภัย ต่างจากฝ่ายขวาที่มองว่าการเรียกร้องการถอน
18 พวงทอง รุ่งสวสั ดิทรพั ย์, “พทิ กั ษโ์ ลกเสรี”: ค าอธบิ ายและการจัดการความจริงในการด าเนนิ นโยบาย
ต่างประเทศของไทยในกรณสี งครามเวยี ดนาม, (รายงานการวิจยั , ส านกั งานกองทนุ วิจยั , 2545), น.80-81.
19 เร่อื งเดยี วกนั , น. 81-82.
446
กำลังทางทหารของสหรัฐฯ น้ันจะทำให้ภัยคอมมวิ นสิ ต์เข้าสู่ประเทศไทย ถึงแมว้ ่าฝา่ ยขวาส่วนหนึ่งจะ
ไม่ไว้ใจสหรัฐฯ อยู่แล้ว ฝ่ายขวาจึงใช้ประเด็นการเคลื่อนไหวต่อต้านการคงอยู่ของกองกำลังสหรัฐฯ
เป็นประเด็นโจมตีฝ่ายซ้าย แต่การที่ฝ่ายซ้ายเคลื่อนไหวการเรียกร้องการถอนกำลังทางทหารของ
สหรฐั ฯ น้ันทำใหร้ ฐั บาลไทยและอเมริกาต้องหารือเกี่ยวกบั เรอ่ื งนี้และทั้งสหรัฐฯ และไทยกเ็ ห็นรว่ มกัน
ยกเลิกกจิ การทหารของสหรัฐฯ
การถอนกำลังสหรัฐฯ ออกจากไทยนั้นตรงกับช่วงความพยายามฟ้ืนฟูความสัมพันธ์ระหว่าง
ไทยกับเวียดนามภายใต้รัฐบาลพลเรือนของไทย ปัญหาหนึ่งที่เป็นปัญหาของการฟื้นฟูความสัมพันธ์
ไทยกับเวียดนามนั้นคือการคงอยู่ของฐานทัพสหรัฐฯ ในไทย เมื่อเกิดความพยายามจะยุติกิจการทาง
ทหารของสหรัฐฯ และการถอนกองกำลังสหรัฐฯ ออกจากไทยตั้งแต่ปีค.ศ. 1975 จนสามารถให้
สหรัฐฯ ยุติบทบาททางการเกือบทั้งหมดยกเว้นกิจกรรมที่ประกอบโดยทหารสหรัฐฯ ตามความตกลง
ช่วยเหลือทางการทหารในวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ.1950 ที่ดำเนินโดยรัฐบาลพลเรือนไทย
ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเวียดนามที่สามารถรวมเป็นหนึ่งได้เป็นสาธารณรัฐสังคมนิยม
เวียดนามดำเนนิ ไปได้ดีขึน้ จนสามารถสถาปนาความสมั พนั ธ์ทางการทตู กับเวียดนามไดส้ ำเร็จ
การสถาปนาความสัมพนั ธ์กับเวียดนามนน้ั ทำในนามของรฐั บาลพลเรือน แต่ฝา่ ยอนุรักษ์นิยม
เก่า, ชนชั้นนำ และฝ่ายขวาหลายพวก ยังคงยึดติดกับอุดมการณ์ต่อต้านคอมมิวนิสต์ที่ได้รับการ
ปลูกฝังมานาน อาจยังทำให้เกลียดกลัวเวียดนามอยู่ ทั้งยังมองว่าการถอนกำลังทหารของสหรัฐฯ
ออกจากไทยเป็นการสูญเสียผู้สนับสนุนในการต่อต้านภัยคอมมิวนิสต์ ประกอบกับความหวาดกลัว
คอมมิวนิสต์ที่เพิ่มขึ้นจากการรวมเวียดนามเป็นหนึ่ง ซ้ำรัฐบาลพลเรือนไทยยังสถาปนาความสัมพันธ์
ทางการทูตกับเวียดนามท่ีพวกเขามองว่าเป็นภยั อีก จงึ ทำให้เกิดการเดินขบวนของฝ่ายขวาที่พระบรม
รูปทรงมา้ มกี ารเรียกรอ้ งให้ปราบปรามนักศึกษาท่ีชุมนุมทีธ่ รรมศาสตร์ และเรียกรอ้ งใหร้ ฐั มนตรี 3 คน
ในรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ที่พวกเขามองว่าเป็นคอมมิวนิสต์ลาออกจากตำแหน่ง หนึ่งในนั้นคือ
นายชวน หลกี ภยั ในช่วงวนั ท่ี 5-6 ตลุ าคม ค.ศ. 197620
3.2 ความหวาดกลวั เวียดนามของฝา่ ยขวาท่ีปรากฎในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1976
คำว่าเหตุการณ์ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1976 นี้ไม่ได้หมายถึงเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์วันที่ 6
ตุลาคม และไม่พูดถึงรายละเอียดของเหตกุ ารณ์นองเลือด 6 ตุลาคม ค.ศ. 197621 แต่จะกล่าวถงึ สิง่ ท่ี
นำพามาสู่และผลของเหตุการณ์ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1976 ที่มีนัยถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย
20 ธงชยั วินจิ จะกลู , “ความทรงจ า/ความเงียบง าของประวัติศาสตรบ์ าดแผล,” ใน 6 ตุลา ลืมไม่ได้ จ าไม่ลง : รวม
บทความวา่ ด้วยว่าดว้ ย 6 ตุลา 2519, พิมพ์ครงั้ ที่ 2 (นนทบุร:ี ฟา้ เดียวกัน, 2563), น.17-18.
21 ดูรายละเอียดของเหตกุ ารณ์จากความทรงจ า ธงชัย วนิ ิจจะกูล, “ภาคผนวก 2. เดอื นตลุ าเช้าวันพุธ,” ใน 6
ตลุ า ลืมไม่ได้ จ าไม่ลง : รวมบทความวา่ ด้วยว่าดว้ ย 6 ตลุ า 2519, น. 262-273.
447
และเวียดนาม หรือสื่อถึงความกลัวต่อเวียดนามที่เพิ่งสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยได้
สำเร็จก่อนหนา้ เหตุการณ์ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1976
ในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1976 นับเป็นเหตุการณ์ที่นำพาชัยชนะมาสู่ฝ่ายขวา
และในเย็นวันนั้นก็เกิดเหตุการรัฐประหารยึดอำนาจฝ่ายรัฐบาลพลเ รือนที่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถ
ควบคุมเหตุการณ์ความไม่สงบในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ เป็นที่น่าสังเกตว่าชนชั้นนำ,
กลุ่มอนุรักษ์นิยม และฝ่ายขวาอาจร่วมกันก่อและใช้ความวุ่นวายของวันที่ 5 และ 6 ตุลาคม
ค.ศ. 1976 (หรือก่อนหน้านน้ั )เป็นการปทู างสู่การรฐั ประหาร)
การกลับเข้าไทยของจอมพลถนอมในวันที่ 19 กันยายน ค.ศ. 1976 โดยเข้ามาในผ้าเหลือง
สามเณรและมุ่งหน้าไปยังวัดบวรฯ เพื่อบวชเป็นพระภิกษุ การเข้ามาครั้งนี้ของถนอมถูกคัดคานอย่าง
มากโดยกลุ่มนักศึกษาและฝ่ายซ้าย โดยอ้างว่าจะบวชเพื่อให้บิดาที่ป่วยหนักได้เห็นชายผ้าเหลือง
ไม่มีเหตุผลทางการเมือง22แต่ธงชัย วินิจจะกูล แย้งว่า บิดาของถนอมเสียชีวิตหลังจากนั้น 10 ปี
และถนอมได้สึกจากการเป็นภิกษุในเดือนมกราคม ค.ศ. 1977 เรียกร้องให้คืนทรัพย์สินทั้งหมดที่เขา
ถูกยึดไปด้วยข้อหาคอร์รัปชั่น23 นอกจากนี้หลังจากพระถนอมกลับประเทศได้ไม่กี่วันหนังสือพิมพ์
ไทยรัฐ ฉบับวนั ท่ี 24 กันยายน พ.ศ.2519(1976)พาดหัวตัวใหญห่ นา้ หนงึ่ ว่า “ในหลวง,ราชนิ ี เสด็จวัด
บวร รับสั่งให้ช่วยรับสั่งให้ช่วยรักษาวัดอย่าทำลาย” ตามจุดประสงค์(ที่หนังสือพิมพ์บอก)ว่าเป็นการ
มา(จากทักษิณราชนิเวศน์ จ.นราธิวาส) เพื่อเยี่ยมพระภิกษุและเป็นห่วงใยวัด ไม่ได้มาเพื่อหา
พระถนอม ทั้งยังรับสั่งกับประชาชนว่าอยากให้ทุกคนช่วยกันรักษาวัดบวรฯไว้เพราะเป็นวัดเก่า
อย่าทำลาย24
หากพิจารณากับบริบทและพระกระแสรับสั่งของสมเด็จฯ ทั้งสอง “อาจ” มองได้ว่าการ
กลับมาของพระถนอม ซ่งึ เป็นอดตี หัวหนา้ กล่มุ อนุรักษน์ ยิ มที่หมดอำนาจการปกครองกลับมาหากมอง
กับบริบทความหวาดกลัวฝ่ายซ้ายและเวียดนาม การกลับมาของถนอมนั้นอาจสะท้อนเงาของฝ่าย
อนุรักษ์นิยมที่กำลังจะกลับมาภายใต้การสนับสนุนของฝ่ายขวาและอาจจะมีชนชั้นนำสนั บสนุนด้วย
เพราะความหวาดกลัวภยั คอมมิวนิสต,์ ขบวนการนักศึกษาและฝา่ ยซ้าย ประกอบกบั พระกระแสรับส่ัง
ณ วัดบวรฯนั้น โดยนัยหนึ่งก็ทำให้ฝ่ายซ้ายถูกมองว่าเป็นผู้ร้าย เพราะโดยเดิมก็ถูกมองว่าเป็น
คอมมวิ นสิ ตอ์ ยู่แลว้ และต้องการขับไล่พระถนอมที่อยวู่ ดั บวรฯ ออกไปอีกรอบ ประกอบกับบันทึกของ
บญุ ชนะ อตั ถากร ทีส่ มศกั ดิ์ เจียมธีรสกุลนำมาเสนอ ท่ีตัวบุญชนะพดู คุยอยู่กับ พล.ร.อ.สงัด ชะลออยู่
22 “บวชใหร้ ู้ธรรม” และ “ถนอม,” เดลิไทม์, 20 กันยายน 2519, น.3.
23 ธงชัย วนิ จิ จะกลู , “ความทรงจ า/ความเงยี บง าของประวตั ศิ าสตรบ์ าดแผล,” ใน 6 ตลุ า ลืมไม่ได้ จ าไมล่ ง : รวม
บทความวา่ ด้วยวา่ ดว้ ย 6 ตลุ า 2519, 13.
24 “ในหลวง,ราชินี เสด็จบวร รับสง่ั ให้ชว่ ยรกั ษาวดั อยา่ ท าลาย,” ไทยรัฐ, 24 กนั ยายน 2519, น.1,16.
448
(หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครอง ที่ก่อรัฐประหารในวันที่ 6 ตุลาคม) มีความตอนหนึ่งสรุปความได้ว่า
สงัดไดบ้ ังคมทูลกับในหลวงว่าบบา้ นเมืองตอนนี้ตกอยู่ในความวุ่นวาย หากปลอ่ ยไว้จะต้องเป็นเหมือน
ลาวและเขมร จึงควรปฏิวัติ ในหลวงจึงให้ไปปรึกษานักฎหมาย คือ คุณธานินทร์ กรัยวิเชียร
ผู้พิพากษาศาลฎีกา (นายกรัฐมนตรีที่ได้อำนาจจากการรัฐประหารวันที่ 6 ตุลาคม)25 หากพิจารณา
สรุปในบันทึกดังกล่าว พล.ร.อ.สงัด นั้นต้องการรัฐประหารโดยกราบทูลว่าหากปล่อยไว้บ้านเมือง
จะต้องเหมือนลาวและเขมร ซึ่งประโยคนี้หากพิจารณาถึงบริบทช่วงนั้นจะเห็นว่าทั้งสองประเทศน้ี
ได้รับอิทธิพลคอมมิวนิสต์มาจากเวียดนาม และถูกยึดครองโดยพวกคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นช่วงเวลา
เดียวกับความแข็งแกร่งของคอมมิวนิสต์เวียดนามขยายตัวถึงขีดสุดในอินโดจีนเพราะเวียดนาม
สามารถขับไล่สหรัฐออกจากอินโดจีน และสามารถรวมเวียดนามใต้ได้ จึงเห็นได้ว่าการรัฐประหาร
ในวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1976 มาจากความหวาดกลัวภัยคอมมิวนิสต์จากเวียดนามในขนาดน้ัน
มากในหมชู่ นชัน้ นำและฝา่ ยอำนนาจนิยม
หากพิจารณาการเริ่มการชุมนุมของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะเห็นได้ว่านัก
ศกษานั้นมาเพื่อการชุมนุมเพื่อขับไล่พระถนอมและเรียกร้องความยุติธรรมเรื่องพนักงานการไฟฟ้า
แต่เหตุการณ์กลับบานปลายขึ้นเมื่อหนังสือพิมพ์ดาวสยามเสนอข่าวทำนองว่านักศึกษาเล่ นละครดู
หมิ่นพระบรมโอรสาธิราช จนฝ่ายขวาไม่พอใจและบานปลายเป็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ.
197626 การยุยงให้เกิดการบานปลายนั้น ส่วนหนึ่งเพื่อต้องการกระตุ้นให้ฝ่ายขวาออกมากวาดล้าง
นักศกึ ษาดว้ ยความรุนแรง และเพอ่ื ปทู างใหท้ หารเขา้ มายดึ อำนาจรัฐบาลพลเรือน
ในการรัฐประหารวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1976 จากแถลงการณ์ของคณะปฏิรูปการปกครอง
แผ่นดินที่นำโดย พล.ร.อ.สงัด ชะลออยู่ ก็ได้แถลงการโยนความผิดทั้งหมดให้นกั ศึกษาวา่ “ได้กระทำ
การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ....โดยเจตจำนงทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ
แผนการคอมมิวนิสต์ที่จะเข้ายึดครองประเทศไทย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมก็ได้ต่อสู้ด้วยอาวุธ
รา้ ยแรงท่ีใช้ในราชการสงคราม โดยร่วมมอื กับผู้กอ่ การรา้ ยคอมมวิ นสิ ตช์ าวเวียดนาม......”27 เห็นไดว้ ่า
เป็นการใส่ไฟกับฝ่ายซ้ายฝ่ายเดียวว่านิสิตและนักศึกษาใช้อาวุธร้ายแรงทั้งยังกล่าวว่าประชาชนและ
ตำรวจไดเ้ สยี ชีวิตและบาดเจบ็ จำนวนมาก โดยท่ไี มก่ ลา่ วถงึ การกระทำของตำรวจและฝ่ายขวา และไม่
กล่าวถึงความสูญเสียของนิสิตและนักศึกษาฝ่ายซ้าย นอกจากนี้จะเห็นได้ถึงความหวาดกลัวจากภัย
คอมมิวนิสต์เวียดนามและใช้ความกลัวทำนองว่าคอมมิวนิสต์จะเข้ายึดครองประเทศไทยโดยร่วมมือ
25 สมศกดั เ์ิ จียมธรี สกุล, “ใครเปน็ ใครในกรณี 6 ตุลา,” ใน ประวัตศิ าสตร์ที่เพิง่ สรา้ ง (กรุงเทพฯ: ๖ตลุ าร าลกึ ,
2544), น. 161-162.
26 ดูใน สมศกดั ์เิ จียมธีรสกุล, “ชนวน: ภาพละครแขวนคอทีน่ าไปส่กู รณี 6 ตลุ า,” ใน ประวตั ิศาสตรท์ เ่ี พ่งิ สร้าง, น.
149-154.
27 แถลงการณข์ องคณะปฎริ ปู การปกครองแผ่นดิน, ราชกจิ จานเุ บกษา ฉบบั พิเศษ เลม่ ที่ 93 ตอนท่ี 120 (6 ตลุ าคม 2519): น. 1.
449
กับคอมมวิ นสิ ตช์ าวเวียดนาม สร้างความชอบธรรมให้การรัฐประหารผ่านความหวาดกลัวเวียดนามใน
หมฝู่ า่ ยขวาและประชาชนทเี่ คยถกู ปลกู ฝงั ค่านยิ มตอ่ ต้านคอมมวิ นสิ ต์และเวยี ดนามอยกู่ ่อนหนา้ แล้ว
หลังการรัฐประหารวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1976 นายธานินทร์ กรัยวิเชียร ได้ดำรงตำแหน่ง
นายกต่อ ซึ่งเดิมนั้นเขาเป็นนักเคลื่อนไหวคนสำคัญของฝ่ายขวาเกี่ยวกับการต่อต้านคอมมิวนิสต์ผ่าน
รายการโทรทัศน์จนสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล มองว่าในหลวง (ร.9) อาจได้ติดตามผลงานของธานินทร์
และให้สงัดมาปรึกษาธานินทร์เรื่องการรัฐประหารโดยที่ธานินทร์กล่าวว่าไม่เคยเข้าเฝ้าในหลวง 28
ซึ่งนโยบายของธานินทร์หลังการเป็นนายกคือการกลับมาต่อต้านคอมมิวนิสต์อย่างเข้มข้น ประกอบ
กับกอ่ นหนา้ น้หี ลังการรัฐประหารวันท่ี 6 ตลุ าคม รัฐบาลเวียดนามกล่าวว่ากองทัพไทยร่วมกับสหรัฐฯ
นำพวกอนุรักษ์นิยมเก่ากลับมาปกครองประเทศแทนรัฐบาลพลเรือน และเตือนว่าหากรัฐบาลใหม่
ดำเนินนโยบายตามสหรัฐฯ จะทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างไทยกับเวียดนามได้29 จึงทำให้
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเวียดนามที่เคยดีขึ้นจนสามารถสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตได้เมอื่
2 เดือนก่อนหน้า (6 สิงหาคม ค.ศ. 1976) ต้องหยุดลง และกลับมาอยู่ในความสัมพันธ์แบบความ
หวาดระแวงกนั
สรุป
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเวียดนาม (เหนือ) หลังปี 1955 ดำเนินไปด้วยความเป็น
ปฏปิ ักษ์ต่อกนั ด้วยความขัดแย้งทางด้านอุดมการณ์ เพราะการเกิดข้ึนของเวียดนามเหนือหลังปี 1955
ได้เปลี่ยนภาพจำของขบวนการคอมมิวนิสต์ในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตจ้ ากขบวนการ หรือกองโจรมา
เป็นรัฐที่สามรถเอาชนะอดีตชาติมหาอำนาจอย่างฝรั่งเศสได้ จากนั้นความหวาดกลัวคอมมิวนิสต์
ในไทย จึงเป็นที่ประจักษ์มากขึ้น และดำเนินความสัมพันธ์กับหรัฐอเมริกาในรูปแบบต่างฝ่ายต่างได้
ประโยชน์ คือให้สหรัฐฯเข้ามาตั้งฐานทัพเพื่อรบในสงครามเวียดนาม ส่วนไทยก็ได้ประโยชน์
จากการที่สหรัฐฯ เข้ามาพัฒนาเศรษฐกิจ และเป็นเกราะป้องกันไทยจากภัยคอมมิวนิสต์
และในทางอำนาจสหรัฐฯ ก็สนับสนุนให้เผด็จการอนุรักษ์นิยมมีอำนาจในการปกครองประเทศไทย
แต่เมื่อสหรัฐฯดำเนินสงครามกับเวียดนามได้ในระยะหนึ่งก็ถูกกดดันจากหลายฝ่ายทั้งในประเทศ
และนอกประเทศจงึ ทำใหเ้ กดิ นโยบาย Vietnamization และต้องดำเนนิ การยตุ ิบทบาททางการทหาร
ออกจากจากอินโดจนี แตย่ ังคงกองกำลังสว่ นหนึ่งไว้ในไทย
28 สมศักดิ์ เจยี มธรี สกลุ , “ใครเปน็ ใครในกรณี 6 ตุลา,” ในประวตั ิศาสตรท์ ี่เพ่ิงสรา้ ง, 162-164.
29 Freedom of Information Act Electronic Reading Room (FOIA), CIA-RDP79T00024A000300010007-1, 8 Octorber 1976, 1.
450
การยุติบทบาททางการทหารของสหรัฐฯในเวียดนามส่งผลให้เวียดนามเหนือสามารถรวม
ประเทศเวียดนามใต้ได้ และเกิดบรรยากาศเสรีมากขึ้นในไทยจนเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 1973
ทำใหฝ้ า่ ยเผด็จการอนุรกั ษ์นยิ มท่ีมอี ำนาจการปกครองมากกวา่ ทศวรรษต้องพงั ไป และเกดิ บรรยากาศ
ความเป็นประชาธิปไตยมากข้ึน ฝ่ายซ้ายในไทยเริ่มเตบิ โตข้ึน และความสมั พันธ์ไทยกับเวียดนามดีข้ึน
เพราะได้ฟื้นฟูความสัมพันธ์กันภายใต้บรรยากาศประชาธิปไตย แต่ปัญหาสำคัญของปัญหา
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเวียดนามตอนนั้น คือการคงอยู่ของฐานทัพสหรัฐฯในไทย แต่ในไทยเอง
ก็มีความพยายามขับไล่ฐานทัพสหรัฐฯออกจากไทยโดยฝ่ายซ้ายจนสำเร็จในปี 1976
และสามารถสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเวียดนามได้สำเร็จนวันที่ 6 สิงหาคม ปี 1976 โดย
รัฐบาลพลเรือน
ถึงแม้จะสามารถสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตได้สำเร็จในปี 1976 แต่การถอนฐานทัพ
สหรัฐฯ ให้ออกไปในปี 1976 ที่เป็นผลงานจากการเคลื่อนไหวของฝ่ายซ้ายนั้นทำให้ฝ่ายขวารู้สึกว่า
เกราะปอ้ งกนั ภัยคอมมวิ นิสตไ์ ด้หายไป และเกดิ การปะทะกับความคิดเกา่ ที่ถูกปลูกฝงั ไว้เกี่ยวกับความ
หวาดกลวั คอมมิวนิสตจ์ นสร้างมวลชนฝ่ายขวาออกมามากมาย ประกอบกบั หลงั ปี 1975 คอมมิวนิสต์
สามารถยดึ ครองประเทศในอินโดจนี ได้ท้ังหมด ทำใหฝ้ า่ ยขวาและชนชั้นนำไทยรสู้ กึ ไม่ปลอดภัยจึงเกิด
การรณรงค์ “ขวาพิฆาตซ้าย” เพื่อกวาดล้างฝ่ายซ้ายที่ฝ่ายขวามองว่าเป็นทั้งคอมมิวนิสต์ เป็นเจ๊ก
เป็นญวน นับเป็นการปะทะทางความคิดเก่ากับใหม่ที่ทำให้เกิดความรุนแรงเหตุการณ์ 6 ตุลาคม
1976 และมีแนวโน้มว่าการรัฐประหารของพวกอนุรักษ์นิยมที่เกิดขึ้นในเย็นวันเดียวกัน เป็นแผนการ
รัฐประหารมีแนวโน้มว่าจงให้ร้ายนักศึกษาว่าเป็นคอมมิวนิสต์และร่วมมือกับคอมมิวนิสต์เวียดนาม
การรฐั ประหารครง้ั นั้นยังได้ทำลายความสัมพันธ์ไทยกับเวียดนามท่ีเพิ่งไดร้ บั การฟ้ืนฟูจากสมัยรัฐบาล
พลเรอื น ให้กลับไปสู่รูปแบบความสัมพันธท์ ี่หวาดระแวงกนั
451
บรรณานุกรม
หนงั สอื ,บทความ,วิทยานพิ นธ์
Anderson, Ben. “Withdrawal Symptoms: Social and Cultural Aspects of the Octorber
6 Coup.” In Bulletin of Concerned Asian Scholars. 9:3, pp. 19-30.
Jeamteerasakul, Somsak. The Communist Movement in Thailand. (PhD. thesis).
Monash University, School of Social Sciences, Department of Politics, 1991.
ณัฐพล ใจจรงิ . ขนุ ศึก ศักดนิ า และพญาอนิ ทรี : การเมืองไทยภายใตร้ ะเบียบโลกของสหรัฐอเมรกิ า.
ชุด สยามพากษล์ ำดับที่ 5. นนทบรุ :ี ฟา้ เดยี วกนั , 2563.
ทักษ์ เฉลมิ เตยี รณ. การเมืองระบบพ่อขุนอุปถัมปแ์ บบเผดจ็ การ. แปลโดย พรรณี ฉตั รพลรักษ์,
ประกายทอง สริ ิสขุ , ม.ร.ว., และ ธำรงศกั ด์ิ เพชรเลศิ อนันต์. พิมพ์ครัง้ ที่ 5. หนงั สือชดุ
ประวตั ศิ าสตรร์ ่วมสมยั 4. กรุงเทพฯ: มลู นธิ ิตำราสงั คมศาสตรแ์ ละมนุษศาสตร,์ 2561.
ธงชยั วินจิ จะกูล. “ข้ามให้พน้ ประชาธิปไตยแบบหลงั 14 ตลุ า.” ใน ประชาธิปไตยทีม่ ีกษัตริยอ์ ยู่เหนือ
การเมือง. พิมพค์ ร้ังท่ี 2. นนทบุร:ี ฟ้าเดยี วกัน, 2562.
ธงชยั วนิ จิ จะกลู . “ความทรงจำ/ความเงยี บงำของประวัติศาสตร์บาดแผล.” ใน 6 ตลุ า ลืมไม่ได้ จำไม่
ลง. บรรณาธิการโดย อัญชลี มณีโรจน.์ พมิ พ์ครงั้ ที่ 2. นนทบุร:ี ฟ้าเดียวกนั , 2563.
ธงชัย วินจิ จะกูล. “ประวตั ิศาสตรอ์ นั ตรายในอุษาคเนย์.” ใน คนไทย/คนอ่นื . บรรณาธิการโดย อญั ชลี
มณีโรจน.์ นนทบุรี: ฟา้ เดียวกนั , 2560.
ธงชยั วินจิ จะกูล. “ภาคผนวก 2. เดือนตลุ าเชา้ วนั พธุ .” ใน 6 ตลุ า ลืมไม่ได้ จำไม่ลง. บรรณาธกิ ารโดย
อญั ชลี มณโี รจน์. พมิ พ์คร้ังท่ี 2. นนทบรุ :ี ฟ้าเดยี วกนั , 2563.
ธงชยั วินจิ จะกลู . “ลัทธคิ ลงั่ ไคลเ้ จ้าในไทย.” ใน รฐั ราชาชาติ. บรรณาธกิ ารโดย อญั ชลี มณีโรจน.์
นนทบุรี: ฟ้าเดียวกนั , 2563.
452
ธนาสฤษด์ิ สตะเวทิน. นโยบายต่างประเทศไทย. กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลยั รามคำแหงรามคำแหง,
2563.
รงศักด์ิ เพชรเลิศอนนั ต์. “ข้ออา้ ง”การปฏิวัติ-รัฐประหารในการเมืองไทยสมัยใหม่. บรรณาธิการโดย
ชาญวิทย์ เกษตรศริ .ิ พิมพ์ครัง้ ท่ี 2. กรุงเทพฯ: มลู นธิ ติ ำราสังคมศาสตร์และมนุษศาสตร,์
2561.
นิธิ เอยี วศรีวงศ์. ชาติไทย, เมืองไทย, แบบเรยี นและอนสุ าวรีย์. พิมพค์ ร้งั ที่ 4. กรุงเทพฯ: มติชน,
2563.
ประจักษ์ กอ้ งกีรต.ิ และแล้วความเคลอ่ื นไหวกเ็ ริม่ ปรากฎ การเมอื งวฒั นธรรมของนกั ศกึ ษาและ
ปญั ญาชนกอ่ น 14 ตลุ าฯ. พมิ พค์ รั้งท่ี 2. หนังสอื ชดุ สยามพากษ์ลำดับท่ี 3. นนทบุรี: ฟ้า
เดยี วกนั , 2556.
พวงทอง ภวัครพนั ธ.์ การต่างประเทศไทยในยคุ สงครามเย็น. กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย,
2561.
พวงทอง ร่งุ สวสั ดิทรพั ย์. “พิทกั ษ์โลกเสรี”: คำอธบิ ายและการจดั การความจรงิ ในการดำเนนิ นโยบาย
ต่างประเทศของไทยในกรณสี งครามเวยี ดนาม. รายงานการวิจยั , สำนักงานกองทนุ วิจยั ,
2545.
ไพโรจน์ กาญจนพันธุ,์ “การต่อตา้ นการโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายคอมมวิ นสิ ต์โดยรัฐบาลไทยศึกษา
เฉพาะกรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.” วทิ ยิพนธ์มหาบัณฑิต, ลักษณะวิชาระบบบรหิ ารง
นแห่งรฐั , คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาธรรมศาสตร์, 2518.
วฒั นะ วรรณ. บรรณาธิการ. มารู้จัก “มาร์กซิสต”์ กันเถอะ. กรุงเทพฯ: องค์กรเล้ียวซ้าย, 2554.
สมศักดิ์ เจยี มธรี สกลุ . “ใครเป็นใครในกรณี 6 ตลุ า.” ใน ประวตั ศิ าสตรท์ เ่ี พิ่งสร้าง. กรงุ เทพฯ: ๖ ตุลา
รำลึก, 2544.
สมศักด์ิ เจียมธีรสกลุ . “ชนวน: ภาพละครแขวนคอท่ีนำไปสู่กรณี 6 ตลุ า.” ใน ประวัตศิ าสตรท์ ีเ่ พิง่
สร้าง. กรุงเทพฯ: ๖ตุลารำลึก, 2544.
453
สุรพงษ์ ชยั นาม. นโยบายของไทยต่อเวียดนาม. หนังสอื ชดุ นโยบายต่างประเทศไทยต่อประเทศเพ่ือน
บ้าน ในยคุ สงครามเยน็ : ห้ากรณีศกึ ษาเปรยี บเทยี บ. กรงุ เทพฯ: สำนกั พิมพ์ศยาม, 2550.
หว่าง คัก นาม. ความเป็นมาแห่งการพฒั นาความสัมพนั ธ์ไทย-เวียดนาม (1976-2000). กรงุ เทพฯ:
ในยุคสงครามเย็น : ห้ากรณีศึกษาเปรียบเทยี บ. กรงุ เทพฯ: สำนกั พิมพ์ศยาม, 2550.
ฮาร์มาน, คริส. ประวัติศาสตร์โลกในมมุ มองมาร์คซิสต์ (ฉบับสังเขป). บรรณาธกิ ารโดย จิระ เกียรตสิ ม
ชยั . แปลโดย ใจ องึ๊ ภากร. พิมพครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ประชาธปิ ไตยแรงงาน, 2562.
เอกสารราชการ
แถลงการณ์ของคณะปฎิรปู การปกครองแผน่ ดนิ . ราชกจิ จานุเบกษา ฉบับพเิ ศษ เล่มที่ 93 ตอนที่ 120
(6 ตุลาคม 2519): 1.
ประกาศของคณะฏิวัต.ิ ราชกจิ จานเุ บกษา ฉบับพเิ ศษ เล่มที่ 88 ตอนที่ 124 (18 พฤษจิกายน 2514):
น. 14. Freedom of Information Act Electronic Reading Room (FOIA), CIA-
RDP79T00024A000300010007-1, 8 October 1976, 1.
Freedom of Information Act Electronic Reading Room (FOIA), CIA-
RDP79T00936A01180002000-3, 17 October 1973, 6.
หนงั สอื พิมพ์
หนังสือพมิ พเ์ ดลิไทม,์ 20 กนั ยายน 2519.
หนังสอื พมิ พ์ไทยรัฐ, 24 กันยายน 2519.
454
เกมศึกคนชนช้นั
นายกษดิ ิศ หม่ืนภักดี 620510250
นายกนั ตธ์ รี ์ อรุ าเจริญ 620510210
นายจตุรวชิ ญ์ น้อยน้ำคำ 620510253
นายศุภวชิ ญ์ เม่นหรมุ่ 620510268
อารมั ภบท
ในเกม "ศึกคนชนช้ัน" ผู้เล่นจะต้องต่อสู้โดยสวมบทบาทเป็นตัวละครเพื่อแย่งชิงอุดมการณ์
อ้านาจ และ เงินตรา ในแต่ละรอบ ผู้เล่นแต่ละคนจะสามารถเลือกตัวละครหน่ึงตวั ทีม่ ีความสามารถ
แตกต่างกันในแต่ละชนชั้น ซึ่งตอนจบรอบต้องรับมือกับการสุ่มของเหตุการณ์ในช่วงเวลา 1715-
1815 ของประวัตศิ าสตรฝ์ รงั่ เศส
การที่ผู้เล่นจะเอาชนะในศึกแห่งชนช้ันนี้ ได้คือการสั่งสมทรัพยากรและการใช้เล่ห์เหลี่ยมใน
การเลน่ ในแตล่ ะรอบ ซ่ึงในตอนจบเกมการด์ ทรัพยากรแต่ละใบจะนับเป็นคะแนนชื่อเสยี งตามการส่ัง
สมของผู้เล่นเกมจะจบเมื่อจบรอบ ที่ผู้เล่นคนใดคนหนึ่งสั่งสมการ์ดทรัพยากรครบตามจ้านวนที่
กำหนด และผูเ้ ลน่ ที่มีคะแนนช่ือเสียงมากที่สุดจะได้ ยืนอย่จู ดุ สงู สุดของชนช้ันต่าง ๆ
ความเปน็ มาและแรงบนั ดาลใจในการสร้างของเกมศึกคนชนชน้ั
เกมศึกคนชนช้ัน ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรายวิชาฝรั่งเศสสมัยใหม่ ซึ่งเป็นการผสมผสาน
ระหว่างความรู้ ในรายวชิ าฝร่ังเศสสมัยใหม่กับบอร์ดเกมสื่อทีท่ ้ังสนุกและเข้าถึงงา่ ย จุดประสงค์คือให้
ผู้คนได้เข้าถึงประวัติศาสตร์ที่ ท้ังสนุกและมีสาระโดยเกมศึกคนชนช้ันจะน้าเสนอประวัติศาสตร์
ของฝรั่งเศส ในกรอบเวลา ค.ศ.1715-1815 ซึ่งได้มุ่งเน้นในช่วงเวลาของการปฏิวัติฝรั่งเศสเป็นหลัก
และเกร็ดน่ารู้ต่างๆในช่วงเวลานี้ ซึ่งในเกมจะมีตัวละคร ท้ัง 8 ตัว การ์ดเหตุการณ์ การ์ดทรัพยากร
เหรยี ญทอง เพชรและความสนุกต่าง ๆ ภายในเกม
บอร์ดเกมนี้ พยายามนำเสนอประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการปฏิวัติฝรัง่ เศสครั้งแรก คือประมาณ
ต้ังแต่ ค.ศ.1715-1815 ซึ่งไม่ได้นำเสนอประวัติศาสตร์ที่สลับซับซ้อนหรือเข้าใจยากจนเกินไป
โดยการนำประวัติศาสตร์ มาประยุกต์ให้เข้ากับเกมได้อย่างกลมกลืน แสดงให้ผู้เล่นเห็นเพียง
เหตุการณ์ที่สำคัญ ๆ รวมไปถึงเกร็ดเล็กๆน้อยๆใน ประวัติศาสตร์ที่สอดคล้องไปกับรูปแบบเกมที่ท้ัง
สนุกและได้รับความรู้ประวัติศาสตร์ที่สอดแทรกอยู่ในการ์ดต่างๆ พร้อมค้าอธิบายส้ัน ๆ ได้ใจความ
เข้าใจง่ายสำหรบั ผเู้ ลน่ ทส่ี นใจในประวตั ศิ าสตร์หรือไม่ก็ตาม
จุดมุ่งหมายของการสร้างบอร์ดเกมนี คือการพยายามน้าเสนอประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสให้กับ
ผคู้ น ทที่ ง้ั สนใจในประวัตศิ าสตร์หรอื ผ้คู นทั่วไปไดเ้ ข้าใจและเข้าถึงประวตั ศิ าสตร์ไดโ้ ดยง่าย อีกทั้งยัง
สนุก และมสี าระในเวลาเดียวกนั
455
อปุ กรณก์ ารเล่น
1.การ์ดตัวละคร 8 ใบ
2.การ์ดเหตกุ ารณ์25 ใบ
3.การ์ดทรัพยากร 95 ใบ แบ่งไดด้ ังน้ี
⮚ การ์ดทรพั ยากรพิเศษ 15 ใบ
⮚ การ์ดทรัพยากรสขี าว 20 ใบ
⮚ การ์ดทรัพยากรสีแดง 20 ใบ
⮚ การด์ ทรพั ยากรสีฟ้า 20 ใบ
⮚ การ์ดทรัพยากรสีทอง 20 ใบ
4.เหรียญทอง 70 เหรียญ
5.เพชร 15 เม็ด (มลู คา่ เท่ากับ2 เหรยี ญทอง)
6.การอา้ งอิง 5 ใบ
การเซต็ อัพ
ส้าหรับการเซต็ อัพ ท้าจงตามขั นตอนต่อไปนี
1.สับการ์ดทรัพยากรเข้าด้วยกัน วางเปดิ ไว้4ใบและแจกคว้่าหน้าให้ผู้เลน่ คนละ2ใบเริ่มต้น
2.วางการด์ ทรพั ยากรท่ีเหลือเปน็ กองเดียวน้ามาไว้กลางโต๊ะเป็นกองจ่ัว จากนั นน้า
เหรียญทองและเพชร ทั งหมดมาวางไวเ้ ป็นกองกลาง
3.สับการ์ดเหตกุ ารณ์เข้าดว้ ยกัน วางไว้กลางโตะ๊ เช่นเดยี วกัน กองการด์ เหตกุ ารณจ์ ะเปิดก็
ตอ่ เมื่อจบรอบเล่น ในแต่ละรอบหรือความสามารถพเิ ศษของตัวละคร
4.ผเู้ ลน่ จะไดร้ บั เหรียญทองคนละ2เหรียญจากกองกลาง เป็นทุนเร่มิ ตน้
5.ผเู้ ล่นที่อายุมากที่สุดเลน่ ก่อนในการเรม่ิ รอบแรก
456
กติกา
กตกิ าการเล่นกติกาต่อไปนี ใชส้ ำหรบั การเล่น 4-7 คน
➢ เกมศึกคนชนชั้นแบง่ การเลน่ ออกเปน็ หลาย ๆ รอบโดยแต่ละรอบเริ่มจากชว่ งเลอื กตวั ละคร
ผู้เล่น จะต้องสง่ การ์ดตวั ละครใหค้ นต่อ ๆ กนั ไปและเลอื กตัวละครเพียงตวั เดียวเพ่อื เล่นใน
รอบนน้ั ๆ การ์ดตวั ละครแตล่ ะตวั มคี วามสามารถพเิ ศษตา่ ง ๆ กนั เชน่ ขโมยเหรยี ญทอง
ทำลายส่งิ ปลูกสรา้ งของผเู้ ล่นอนื่ เปน็ ต้น หลังจากช่วงเลือกตวั ละครก็จะเขา้ สชู่ ่วงตาเล่น ซง่ึ
ผูเ้ ลน่ จะต้องเกบ็ รวบรวมการ์ด ทรพั ยากรและเผชญิ กบั การ์ดเหตกุ ารณ์แบบสุ่ม ๆ ผู้เลน่ ท่ีมี
อายุมากที่สุด จะเป็นผู้กำกับล้าดับการเลน่ ในแต่ละรอบโดยทา้ หน้าที่ขานเรียกตัวละครทลี ะ
ตวั ในช่วงตาเล่น เมือ่ จบรอบเปิดการ์ดเหตุการณ์ 1 ใบ แล้วเร่มิ เล่นรอบต่อไป
➢ ไม่สามารถซอ้ื การ์ดทรัพยากรชื่อเดียวกันได้
➢ เหรยี ญทองสามารถซ้ือทุกสง่ิ ไดห้ ากผ้เู ล่นอ่ืนยินยอมขาย ไม่วา่ จะเป็น การ์ดบนมือผเู้ ล่นอื่น
การ์ดทรัพยากร ความสามารถของตัวละครผูเ้ ล่นคนอืน่ หรือสิง่ ทใ่ี จปรารถนา
ระยะเวลาในการเล่น 20-50 นาที (โดยประมาณ)
ชว่ งอายุทเี่ หมาะสมในการเล่น 13 ปขี ึน้ ไป
ช่วงเลือกตัวละคร
ช่วงเลอื กตวั ละครเลน่ ผ้เู ลน่ ท่ีอายมุ ากสดุ เร่มิ เลอื กเป็นคนแรกในรอบแรกหยบิ การ์ดตัวละคร
ทั้ง 8 ใบ มาสบั เข้าดว้ ยกันจากนั นให้ส่มุ เอาการ์ดออกจากกองจ้านวนหนง่ึ ในลักษณะหงายหน้าวางไว้
ตรงกลางโต๊ะจากนัน้ สมุ่ เอาการด์ อีกหนึง่ ใบออกจากกองในลกั ษณะควำ่ หนา้ โดยจ้านวนการ์ดทีต่ อ้ ง
สุ่มออกหงายหนา้ ขนึ้ อยู่กับจำนวนผเู้ ล่นในเกม (ดูตารางด้านล่าง) การด์ ทีส่ มุ่ ออกในขัน้ ตอนนี้จะไม่
นำมาใชเ้ ล่นในรอบนี้
457
จำนวนผเู้ ลน่ ช่วงเลือกตวั ละคร การด์ คว่ำหน้า
4 การ์ดหงายหน้า 1
5 1
6 2 1
7 1 1
0
0
จากนน้ั ผูเ้ ล่นทีค่ รองมงกฎุ น้าการด์ ตัวละครท่เี หลือมาดูและเลอื กเก็บไวห้ นงึ่ ใบโดยไมต่ ้อง
เปิดเผยให้ใครเหน็ เม่ือเลือกเสรจ็ ใหส้ ่งการด์ ท่ีเหลือทั้งหมดให้ผู้เล่นทางซา้ ยมือเพื่อเลอื กเก็บไว้หนงึ่ ใบ
เชน่ กันจากน้ัน จึงสง่ การด์ ทีเ่ หลอื ใหผ้ ูเ้ ลน่ ทางซ้ายมอื ต่อไปทำเชน่ น้ี จนกระท่ังผู้เล่นทุกคนเลือกการด์
ตวั ละครคนละใบสว่ นการ์ด หน่งึ ใบทเ่ี หลอื ให้ท้ิงคว่ำหนา้ ไว้กลางโต๊ะ
* กตกิ าพเิ ศษสำหรบั ผเู้ ล่น 7 คนหลังจากทผ่ี เู้ ลน่ คนที่ 6 ส่งการ์ดท่ีเหลือใบสุดท้ายให้ผู้เล่นคนท่ี
7 ให้ผเู้ ลน่ คน ท่ี 7 หยิบการ์ดทสี่ ุม่ ออกคว่ำหนา้ ทกี่ ลางโต๊ะในตอนแรกขน้ึ มารวมกับการ์ดใบท่ี
เหลอื น้ันจากนนั้ จงึ เลอื กการ์ด หน่ึงจากสองใบนแ้ี ลว้ ท้งิ อีกใบคว่ำหน้า
การจบเกม
เกมจะจบก็ต่อเมื่อมีผู้เล่นคนใดคนหนึ่งครอบครองการ์ดทรัพยากรครบตา ม
จำนวนทีก่ ำหนด และจะจบเกมในรอบการเล่นนั้น
ตวั อย่างการนบั คะแนนตอนจบเกม
1. ผูเ้ ล่นคนแรกที่สามารถสะสมการด์ ทรัพยากรประเภทใดประเภทหน่งึ ครบ 5 ใบ
จะได้รบั คะแนนพิเศษ +20 ชื่อเสยี ง
2. หากสะสมการ์ดทรัพยากรประเภทเดยี วกนั จะได้รบั คะแนนพเิ ศษเพมิ่ +30 ชอ่ื เสยี ง
3. หากสะสมการด์ ทรัพยากรครบทุกสจี ะได้คะแนนพเิ ศษเพิ่ม +20 ชื่อเสียง
458
รายละเอยี ดความสามารถของตัวละคร
1.นกั ฆา่ รบั จ้าง
ประกาศชอ่ื ตวั ละครอ่นื ที่ตอ้ งการสังหารเม่ือถึงตาเล่นของตัวละครทีถ่ ูกสังหาร ผ้เู ลน่ ทถ่ี กู สงั การ
จะตอ้ งอยู่เฉยๆ และข้ามตาเล่นโดยไม่เปดิ เผยการด์ ตัวละคร ผ้เู ล่นคนอน่ื สามารถจา้ งละครตัวน้ี
ในการฆ่าตัวละครอนื่ ได้ (ผเู้ ล่นที่เสนอเงินค่าจ้างมากสุดถือเปน็ ผูจ้ ้างสงู สดุ )
2.โจร
ประกาศช่อื ตวั ละครอ่ืนท่ีตอ้ งการปล้นเม่อื ถงึ ตาเล่นของตวั ละครทถ่ี ูกปล้น ผ้เู ล่นท่ถี ูกปลน้ จะตอ้ งให้
เงนิ ทง้ั หมดกับโจร โจรไมส่ ามารถประกาศปลน้ นักฆา่ รับจ้างและตัวละครท่ถี ูกสังหารไปแลว้
3.นักปฏิวัติ
สามารถเปดิ การด์ เหตกุ ารณใ์ บบนสุดได้ 2 ใบแล้วเลอื กมา 1 ใบ จากนั นให้สับกองการด์ และไมถ่ ูก
ซ้อื หรือทำลายทรัพยส์ ิน
459
4.สามัญชน
ซ้อื ทรัพยากรราคาถูกลงครึง่ หนง่ึ (ราคาคร่ึงหนึ่งปดั เศษขึ้น) และหากจะซ้ือหรือ
ทำลายทรพั ยากร ของตัวละครนี้ใช้เงินเพม่ิ 1 เหรียญ
5.พระราชา
เม่อื เปดิ บทบาทตวั ละครคุณจะไดร้ ับ + 2 เหรยี ญและเริ่มเลือกคนแรกในรอบถัดไปสามารถเรยี กเกบ็
เงิน จากทกุ ตัวละคร 1 เหรยี ญ/รอบ
6.นักบวช
ละเว้นภาษจี ากพระราชา สามารถบังคับซื้อทรัพย์สินจากตัวละครอื่น 1ตวั /รอบ ( ตามราคา
ทรพั ยากร -1 ) โดยจา่ ยเหรยี ญให้ผเู้ ลน่ ท่ถี ูกบังคบั ซ้ือการ์ดทรัพยากร
460
7.ขุนนาง
ละเว้นภาษีจากพระราชาเลอื กได้รับเงนิ 2 เหรยี ญหรือสรา้ ง
ทรพั ยากรได้ 2 ใบ/รอบ 8.ขุนพล
ละเวน้ ภาษจี ากพระราชาและท้าลายทรพั ย์สินตวั ละครอน่ื ( ตามราคาทรัพยากร ) โดยจา่ ย
เหรียญคนื กองกลาง เป็นค่าท้าลายการด์ ทรัพยากรของผูเ้ ล่นอ่ืน
***หมายเหตุ (ภาพท่ใี ช้ประกอบใช้ในการศึกษาเรียนรเู้ พียงเท่าน้ันไม่ไดใ้ ชใ้ นเชิง
พาณิชย์)
461
บรรณานุกรม
จรลั ดิษฐาอภิชยั . (2537). การปฏวิ ตั ิฝร่ังเศส. กรงุ เทพฯ: ผู้จดั การ
จรัล ดษิ ฐาอภชิ ัย.(2537). การปฏิวตั ฝิ ร่ังเศสเล่มสอง. กรุงเทพฯ: ผ้จู ดั การ
เจษฎา ทองรงุ่ โรจน์. (2549). นโปเลยง โบนาปารต์ บุรุษแหง่ สงครามและอำนาจ.
กรงุ เทพฯ: มติ ิชมุ ชน.
บรรยง บญุ ฤทธ์ิ. (2548). ประวตั ิศาสตร์-อัตชวี ประวัตินโปเลียน.
กรุงเทพฯ: อนิเมทกรปุ๊
บรรยง บญุ ฤทธ์.ิ (2548). เสน้ ทางสูอ่ ำนาจสูงสุดและชะตากรรมท่ีเลวรา้ ยของจกั รพรรดนิ กั รบ
Napoleon. กรุงเทพฯ: อนิเมทกร๊ปุ
ประเสรฐิ เร่ืองสกุล. (2518). ความคดิ ปฏวิ ตั ิในประเทศฝรั่งเศส. กรุงเทพฯ: เจรญิ รัตน์การพมิ พ์
พระเจา้ วรวงศเ์ ธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา. (2477). ประวตั ิศาสตร์สมัยการปฏวิ ตั ิ
ฝรงั่ เศส.กรุงเทพฯ:โฆษติ พีรวุฒิ เสนามนตร.ี (2562). The French Revolution.ปฏวิ ัติ
ฝรง่ั เศส.กรุงเทพฯ:ยปิ ซี กรุ๊ป.
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.คทั ทิยากร ศศิธรามาศ.(2564). เอกสารประการเรียนรายวิชา 415259
ประวตั ิศาสตร์ ฝร่งั เศสสมยั ใหม่. มหาวิทยาลยั ศิลปากร. นครปฐม
462
It seems like Imperialism
นายศุภศษิ ฏ์ สทิ ธิสิงห์
ความเป็นมา
เกม It seems like Imperialism เป็นเกมที่มุ่งนำเสนอให้เห็นภาพของการเข้ามามีบทบาท
ในการล่าอาณานิคมของชาติมหาอ านาจในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ทั้งนี้เวทีของการประลองอำนาจอยู่
ในพื้นที่ที่เรียกว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผู้เล่นจะสวมบทบาทเป็นตัวละครของชาติ
มหาอำนาจ อันได้แก่ อังกฤษ เยอรมนีฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา ที่จะต้องมาแสวงหาดินแดนอาณา
นคิ มในภมู ิภาคเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ เพือ่ แสดงอำนาจของตนในเวทีโลก
ตัวเกมจะประกอบไปด้วยการ์ด 6 ประเภท ได้แก่การ์ดตัวละคร (Character Card) การ์ด
แอคชั่น (Action Card) การ์ดกองก าลัง (Military Card) การ์ดดินแดน (Region Card) และการ์ด
เหตกุ ารณ์โลก (World Event)
การ์ดตัวละครคือการ์ดที่ให้ผู้เล่นสวมบทบาทเป็นตัวละครนั้น ๆ เพื่อออกล่าอาณานิคมมา
สร้างความ ย่งิ ใหญ่ให้ประเทศ ภายในการแข่งขันของ 4 ดนิ แดน จะมกี าร์ดตัวละคร 2 ใบต่อดินแดน
เพื่อให้ผู้เล่นเลือกตัว ละครที่สอดคล้องกับความต้องการของตน ซึ่งแต่ละตัวละครก็จะมี
ความสามารถที่แตกต่างกัน ทำให้โดยรวม แล้วมีการด์ ตัวละครรวมแล้ว 8 ตัวละคร ประกอบไปด้วย
วิลเลียม แมคคินลีย์(William Mckenley) วิลเลียม โฮเวิร์ต ทัฟต์(William Howard Taft) ท่ีเป็น
การ์ดตัวละครของสหรัฐอเมริกา พระบาทสมเด็จพระราชินีนาถ วิคตอเรีย (Victoria) กับเบนจามิน
ดิสเรลี (Benjamin Disreali) ที่เป็นการ์ดตัวละครจากฝ่ายอังกฤษ จักรพรรดิวิลเลียมที่ 2 (William
II) กับออตโต ฟอน บิสมาร์ค (Otto von Bismarck) ที่เป็นตัวละครฝ่าย เยอรมนี จักรพรรดินโป
เลียนท่ี 3 (Napoleon III) กบั เอากุสต์ ปาวี (Auguste Pavie) ทเี่ ปน็ การ์ดตัวละครฝา่ ยฝรงั่ เศส
การ์ดแอคชั่นจะเปน็ การด์ ท่ีจะแจกใหแ้ กผ่ ้เู ลน่ ทุกคนตั้งแต่เร่ิมเกม ซงึ่ การด์ ประเภทน้ีจะเป็น
ส่วน ส าคัญในการก าหนดการเล่นของผู้เล่น ซึ่งจะขออธิบายไว้ในส่วนของกฎกติกา การ์ดกองก
าลงั จะเปน็ การ์ดที่ เสมือนเปน็ ก าลงั รบของผเู้ ลน่ ทุกคน ซึ่งสามารถนำไปใชท้ ั้งในดา้ นการทำสงคราม
กับผู้เล่นอื่นเพื่อแย่งชิง ดินแดน ทั้งในด้านการยึดดินแดนอาณานิคม หรือเพื่อป้องกันดินแดน
ตนเอง
การ์ดดินแดนก็จะเป็นดินแดนในบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดงั ที่ได้กล่าวไป ผู้เล่นทุกคน
จะต้องมี เป้าหมายเพื่อยึดครองดินแดนเหล่านี้ซึ่งแต่ละดินแดนก็จะมีการให้ทรัพยากรที่แตกต่างกัน
ออกไปตามความ เหมาะสมของดินแดนนั้น ๆ ซึ่งจะพิจารณาจากลักษณะภูมิประเทศ และความ
สืบเนื่องจากรัฐจารีตเป็นหลัก โดยจะอยู่ภายใต้เกณฑ์ที่ว่ารัฐการค้าจะมอบเงินมากกว่าก าลังคน
ในทางตรงกันข้ามรัฐการเกษตรจะมอบคน มากกว่ากำลังเงิน ส่วนการ์ดเหตุการณ์โลกก็จะเป็นการ
463
หยิบยกสถานการณ์โลกในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 มา ตีความใหม่ให้เข้ากับรูปแบบของเกม ซึ่งจะ
สง่ ผลกระทบตอ่ ผู้เล่นทุกคน
กฎกตกิ าการเล่น
1. ผเู้ ลน่ ทุกคนทำการสุ่มเลอื กประเทศมาคนละ 1 ประเทศ
2. ผู้เล่นทุกคนท าการเลือกผู้น าของประเทศของตนจากการ์ดตัวละครที่มี จากนั้นจ่ายเงินตั้งต้นให้
คนละ 3 g. และการ์ดแอคชน่ั 1 ชุด โดยการด์ แอคช่นั จะประกอบไปดว้ ย
- เพิ่มกำลังรบ เมอื่ ใชก้ าร์ดใบน้จี ะท าการจ่าย 2 g. เพือ่ จัว่ การด์ กองกำลงั 1 ใบจากกองการด์
- ซ้ือดนิ แดน เม่อื ใช้การ์ดใบน้จี ะทำการจา่ ยเงินตามแตล่ ะเง่ือนไขของการด์ ดินแดนที่ถูกเปิด
อยู่ และจะไดร้ ับดนิ แดนนัน้
-ยึดดินแดน เมื่อใช้การ์ดใบนี้จะทำการจ่ายการ์ดกองกำลังที่มีผลรวมของกำลังรบมากกว่า
หรอื เทา่ กบั เง่อื นไขของการ์ดดินแดนทถี่ ูกเปดิ อยู่ และจะไดร้ ับดินแดนน้นั
- ประกาศสงคราม เมื่อใช้การ์ดใบนี้จะทำการเลือกผู้เล่นคนอื่นอีก 1 คนเพื่อทำสงคราม
จากน้ันผ้เู ล่นทงั้ สองคนจะเลือกการด์ กำลงั รบของตนตามความต้องการมาคว่ำหนา้ ไว้ดา้ นหน้าตนเอง
เมื่อคว่ำครบทั้งสอง คน จะท าการเปิดการ์ด หากผู้เล่นที่ประกาศสงครามมีผลรวมของกำลังรบ
มากกว่าผู้ถูกประกาศสงครามให้ถือว่าชนะสงคราม สามารถเลือกยึดดินแดนของอีกฝ่ายได้ 1 แห่ง
แต่หากผู้เล่นที่ประกาศสงครามมีผลรวมของ กำลังรบน้อยกว่าผู้ถูกประกาศสงครามให้ถือว่าแพ้
สงครามจะต้องเสียเงิน 2 g. ให้แก่อีกฝ่าย หากเท่ากันถือว่า เสมอจะไม่ได้รับดินแดนและไม่เสียเงิน
จากนั้นผู้เล่นทั้งสองฝ่ายทิ้งการ์ดก าลังรบที่ใช้ไปในการทำสงคราม ครึ่งหนึ่ง (เศษปัดขึ้น)
หากในกรณีที่ผู้ประกาศสงครามไม่ส่งการ์ดกองก าลังให้ถือว่าโมฆะ และในกรณีที่ผู้ถูกประกาศ
สงครามไม่ส่งการ์ดกองก าลัง ให้ถือว่าผู้ประกาศสงครามชนะสงคราม แต่จะต้องสุ่มทิ้งการ์ดกอง
กำลงั ของตน 2 ใบ
- สงบศึก เมื่อใช้การ์ดใบนี้จะทำการจ่ายเงิน 5 g. เพื่อป้องกันการตกเป็นเป้าหมายจากการ
ใช้การด์ ประกาศสงครามของผเู้ ลน่ อ่นื
3. สุ่มหาผูเ้ ล่นคนแรก และเปิดการด์ ดินแดนจากกองการ์ด 3 ใบ
4. ผู้เล่นทุกคนทำการเลอื กการ์ดแอคชัน่ ในมือ 1 ใบ ซ่งึ การ์ดแอคช่นั จะเป็นตวั กำหนดว่าภายในตานี้ผู้
เล่นจะ สามารถทำอะไรได้แล้วคว่ำการ์ดที่เลือกลงไว้ด้านหน้าตนเอง หากผู้เล่นตัดสินใจว่าจะไม่ทำ
การเล่นการ์ดใด ๆ ในรอบนี้ให้คว่ำการ์ดตัวละครของตนเอง การ์ดตัวละครที่ถูกคว่ำหน้าลงจะไม่
464
สามารถใช้ความสามารถของ ตนเองไดใ้ นตอนท่ีเลน่ การ์ดแอคชนั่ ให้ถอื ว่าเป็น รอบวางแผน หลังจาก
ทุกคนวางการ์ดแอคชั่นกันครบทุกคน แลว้ ให้ถือว่าส้นิ สุดรอบวางแผน
5. ผู้เล่นคนแรกทำการเปิดการ์ดและใช้ความสามารถตามการ์ดที่เลือก จากนั้นให้ผู้เล่นทางซ้ายมือ
เปน็ คนเปดิ การ์ดแอคชน่ั และใช้ความสามารถตามการ์ดวนไปเรอ่ื ย ๆ จนครบทกุ คน หากไม่สามารถ
ใช้ความสามารถการ์ด แอคชั่นได้จะต้องทิ้งการ์ดลงกองทิ้ง ในรอบที่เปิดการ์ดแอคชั่นเพื่อเล่นการ์ด
ให้ถือว่าเป็น รอบดำเนินการ ใน ระหว่างเปิดการ์ดแอคชั่นหากมีการ์ดกองกำลังที่เป็นการ์ดบุคคล
จะสามารถใช้ความสามารถของการด์ กองกำลัง บุคคลในมือได้ทันทีหลังจากทุกคนเปดิ การ์ดแอคชน่ั
กันครบทุกคนแล้ว ให้ถือว่าสิ้นสุดรอบดำเนินการ ผู้เล่นที่คว่ำการ์ดตัวละครทำการหงายการ์ดตัว
ละครกลบั มา ผู้เลน่ ทีใ่ ช้การด์ แอคชั่นให้ทิ้งการ์ดแอคชัน่ ที่ใช้ไปแล้วลง กองทิ้ง และเปิดการ์ดดินแดน
ให้หงายหนา้ ครบ 3 ใบ
6. เมื่อจบรอบด าเนินการให้ทุกฝ่ายได้รับเงิน 1 g. และทำการจัดสรรทรัพยากรตามแต่ละดินแดน
ทม่ี ี ใหถ้ ือว่าเป็นรอบจดั สรร เมอ่ื แจกจ่ายทรพั ยากรจนครบทุกคนแลว้ ใหถ้ ือวา่ ส้ินสดุ รอบจัดสรร
7. เปลย่ี นผูเ้ ลน่ คนแรกเปน็ คนซ้ายมอื ของผเู้ ลน่ คนแรก
8. ทำการเล่นในลักษณะเรียงตาม รอบวางแผน รอบดำเนินการ และรอบจัดสรร วนไปจนผู้เล่นทุก
คนได้เป็นผู้เล่นคนแรกครบทุกคน จะทำการเปิดการ์ดเหตุการณ์ 1 ใบ แล้วทำตามผลของการ์ดใบ
ดงั กล่าว
9. ทำการเล่นในลักษณะของข้อ 7-8 วนไปเรื่อย ๆ จนการ์ดเหตุการณ์ถูกเปิดออกมาเป็นจำนวนผู้
เล่น + 1 อย่าง มีผู้เล่น 4 คน เปิดการ์ด 5 ใบ หรือผู้เล่น 2 คน เปิด 3 ใบ เป็นต้น ให้ถือว่าจบเกม
จากน้ันให้ท าการนบั แต้ม โดยจะคดิ แตม้ ดังน้ี
- ดนิ แดนท่ยี ดึ มามีค่า 5 แตม้
- ผูท้ ่ีครอบครองดินแดนมากทสี่ ุดได้รบั 3 แต้ม
- ผูท้ ค่ี รอบครองกำลังต่อสูข้ องทหารมากท่ีสดุ ได้รบั 3 แต้ม
- เงิน 1 g. มีคา่ 1 แตม้
- การด์ บคุ คลมคี ่า 5 แต้ม
นอกจากนี้บางตัวละครสามารถเพิ่มแต้มได้ตามเงื่อนไขของตนเอง ให้ทำการนับแต้มนั้นใน
ตอนนบั แต้มเทา่ นั้น ผู้เลน่ ทมี่ ีแตม้ รวมสงู ทสี่ ดุ ใหถ้ อื เป็นผชู้ นะ
465
การนำประวัตศิ าสตร์มาประยุกต์ใช้
ถึงแม้ว่าเกมชุดนี้จะมีการใช้ชื่อจักรวรรดินิยม (imperialism) อยู่ในชื่อ แต่ประเด็นที่ถูกน
าไป ประยกุ ตใ์ ชก้ บั เกมน้ันจะเป็นข้อเทจ็ จริงเกย่ี วกับประวตั ิศาสตร์ในเชิงวงกว้างเสียมากกว่าการพูด
ถึงลัทธิการล่า อาณานิคมเป็นหลัก ซึ่งส่วนที่มีการประยุกต์นั้นจะเป็นส่วนของการ์ดตัวละครและ
การ์ดเหตุการณเ์ ปน็ หลกั
การ์ดตัวละคร
การตีความการ์ดตัวละครวิลเลียม แมคคินลยี ์ ชายผูเ้ ป็นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีลำดับท่ี
25 ของสหรัฐอเมริกา จะพิจารณาจากการที่อเมริกาในสมัยของแมกคินลีย์นั้นได้มีการท ำสงคราม
ระหว่างสหรฐั อเมริกา กับสเปน อันสืบเนื่องมาจากกรณีทีเ่ กิดเหตุไมส่ งบในคิวบาจากการกระทำของ
สเปน อีกทั้งเรือประจัญบานของ อเมริกาได้ถูกทุ่นระเบิดจมลงในท่าเรือฮาวานาของคิวบา จนทาง
สภาผู้แทนสหรัฐอเมริกาได้มีมติมอบอำนาจให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใช้อำนาจเพื่อขับไล่สเปน
ให้ถอยออกไปจากเกาะคิวบา จึงก่อให้เกิดสงครามระหว่าง อเมริกากับสเปนขึ้นใน ค.ศ. 1898
ผลของสงครามคอื การท่ีกองทัพเรอื สหรฐั ฯ มีชยั ชนะในน่านนำ้ ควิ บา และฟิลปิ ปนิ ส์ สงครามส้ินสุดลง
โดยฝ่ายสเปนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้จึงยอมปล่อยให้คิวบาเป็นอิสระ ซึ่งต่อมาในคิวบาก็ อยู่ในฐานะเป็น
อาณัติของสหรัฐอเมริกา ส่วนฟิลิปปินส์ ทางกองทหารอเมริกาได้เข้ายึดหมู่เกาะฟิลิปปินส์ไว้ได้
จนกระทั่งในสมัยของ แฟรงคลิน ดี. รูสเวลต์(Franklin D. Roosevelt) เป็นประธานาธิบดีได้ดำเนิน
ให้ฟิลิปปินส์ไปสู่ความเป็นประเทศที่มีเอกราชและอธิปไตยอันสมบูรณ์ความสามารถของแมคคินลีย์
จึงเป็นการ เล่นกับวาทะมอนโรล (Monroe Doctrine) ที่เหมือนเป็นนโยบายทางการเมือง
ของสหรัฐอเมริกาที่จะไม่เข้าไป ยุ่งกับเหตุการณ์ในยุโรป ด้วยความสามารถที่จะจั่วการ์ดกองกำลัง
เมื่อมีถูกประกาศสงครามใส่ แต่ในทาง กลับกันแมคคินลีย์ก็เปน็ คนที่ละเมิดวาทะมอนโรลดว้ ยตนเอง
เนอื่ งจากมกี ารพยายามที่จะเข้าไปทำสงครามกบั สเปนทเ่ี ป็นดินแดนในยุโรป การดำเนนิ นโยบายทาง
การเมืองที่ก้าวร้าวของแมคคินลีย์จึงท าให้เมื่อเขาทำสงครามไม่ว่าในกรณีใดเขาจะได้รับการ์ดกอง
กำลังเพิ่มอีก 1 ใบ ส่วนความสามารถสุดท้ายจึงเป็นความสามารถ ที่พูดถึงการเข้าครอบครอง
ฟิลิปปินส์ที่กลายเป็นสัญญะหน่ึงของการพยายามขยายอำนาจของอเมริกาในฐานะจักรวรรดิในสมัย
ของแมคคินลยี ์ จึงทำใหต้ ัวของแมคคินซยี ์จะไดร้ บั แต้มเพ่ิมเม่ือครอบครองฟิลปิ ปนิ ส์
การตีความการ์ดตัวละครวิลเลียม ฮาวเวิร์ด ทัฟต์ นั้นถึงแม้ว่าทัฟต์จะดำรงตำแหน่งเป็น
ประธานาธิบดี คนที่ 27 ของสหรัฐอเมริกา แต่บทบาทของทัฟต์ที่ถูกนำมาปรับใช้เป็นความสามารถ
ของตัวละคร จะเป็นการเล่นกับบทบาทของทัฟต์ในสมัยที่เขายังดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการสงคราม (United Secretary of War) ในสมัยที่ประธานาธิบดีของอเมริกาคือธีโอดอร์
รูสเวลต์ (Theodore Roosevelt) ใน ค.ศ. 1905 ได้มกี ารทำขอ้ ตกลงในชอ่ื ว่า ขอ้ ตกลงทัฟต์-คัตซึระ
(Taft–Katsura Agreement) ที่เป็นข้อตกลง ระหว่างทัฟต์ กับนายคัตซึระ ทาโร (Katsura Taro)
466
นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นในขณะนั้น โดยใจความของข้อตกลงคือการยอมรับอิทธิพลของกันและกัน
ในบรเิ วณที่แตท่ ง้ั ทฟั ต์ และคัตซรึ ะใหค้ วามสนใจ อยา่ งฟิลิปปินส์ หรอื เกาหลี ตามลำดับ อกี ท้ังยังเป็น
การท าข้อตกลงที่จะไม่ก้าวก่ายอ านาจอิทธิพลของกันและกัน จึงน าไปสู่ ความสามารถของทัฟต์
ในเกมที่เน้นไปที่การสนับสนุนให้ผู้เล่นอื่นท าสงครามต่อกันโดยทัฟต์จะมีบทบาทเป็นผู้สนับสนุน
อย่างการสามารถส่งกองทัพของตนไปช่วยผู้เล่นฝ่ายหนึ่งในการทำสงคราม เสมือนการยอมรับ
อทิ ธพิ ลของฝ่ายน้ัน ๆ ในดินแดนท่คี รอบครอง
การตีความการ์ดตัวละครวคิ ตอเรยี พระราชินีนาถแห่งอังกฤษ นน้ั จะเป็นการพยายามพูดถึง
ภาพลักษณ์ของอังกฤษในฐานะดินแดนที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน หรือการพยายามที่จะสร้าง Pax
Britannica ที่สะท้อนถึงภาพลักษณ์ของอังกฤษในฐานะเจ้าอาณานิคม ท าให้วิคตอเรีย
จึงมีความสามารถที่จะต้องเกี่ยวข้อง กับการพยายามครอบครองดินแดนอาณานิคมให้เยอะที่สุด
ทั้งความสามารถที่จะมีการเพิ่มแต้มหากมีดินแดน มากที่สุด หรือการเพิ่มแต้มตามดินแดนที่มีความ
คละเขตแดน นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงควีนแลนด์ (Queensland) ดินแดนที่พยายามแยกตัวออกมา
จากอาณานิคมนิวเซาธ์เวลส์ (New South Wales) ใน ค.ศ. 1851 ซึ่งพระราชินีนาถวิคตอเรีย
ก็ทรงลงพระนามอนุมัติการขอแยกตัวของควีนแลนด์ ใน ค.ศ. 1859 แต่ทั้งนี้ แล้วทั้งควีนแลนด์
หรือนิวเซาธ์เวลส์ ต่างก็มีสถานะเป็นรัฐอาณานิคมที่ขึ้นตรงกับประมุขแห่งอังกฤษ จึงมีการ
หยบิ เอามาเปน็ ความสามารถของวิคตอเรยี ท่ีจะไดร้ ับอาณานิคมควีนแลนด์
การตีความการ์ดตัวละครเบนจามิน ดิสเรลี นายกรัฐมนตรีแห่งอังกฤษ
นั้นเป็นการหยิบสัญญะ 2 อย่าง ประการแรกคือการพูดถึงความสามารถที่เกี่ยวกับการไม่รับผล
ของการ์ดเหตุการณ์ โดยตีความจากการ ดำเนินนโยบายการแยกตัว (Splendid Isolation Policy)
ของอังกฤษที่จะไม่สนใจกิจการใด ๆ ในยุโรป หากแต่มุ่งใฝ่หาผลประโยชน์จากดินแดนโพ้นทะเล
มากกว่า ท าให้สถานะของอังกฤษจึงมีการลอยตัวเหนือ ปัญหาบางกรณีที่เกิดขึ้นในยุโรป
อีกหนึ่งความสามารถนั้นเป็นความสามารถที่มาจากการด าเนินนโยบายของ ทางดิสเรลีเอง
อย่างการให้ความสนใจต่อธุรกิจขุดคลองสุเอซ (Suez Canal) ที่ขุดผ่านอียิปต์ ทำให้การเดินเรือ
สมุทรไม่จำเป็นจะต้องอ้อมแหลมกู๊ดโฮปที่แอฟริกาอีกต่อไป โดยในตอนแรกนั้นอียิปต์จะเป็นผู้ดูแล
การขุด คลองสุเอซ ซึ่งมีการกู้ยืมทุนทรัพย์จากอังกฤษ แต่แล้วกลับเกิดปัญหาขึ้นจนทำให้ทางอียิปต์
ไม่สามารถขุดคลอง ต่อไปได้ ทางดิสเรลีจึงดำเนินเรื่องจนทำให้ทางอังกฤษเป็นผู้ถือครองกรรมสิทธ์ิ
ในการขุดคลองสุเอซ ใน ค.ศ. 1875 จึงเป็นที่มาของการเข้าไปมีส่วนร่วมในดินแดนผู้เล่นอื่น
และสามารถยึดมาเป็นของตนได้
การตีความตัวละครจากเยอรมนีทั้งสองคนอย่างไกเซอร์วิลเลียมที่ 2 หรือตัวของอัครมหา
เสนาบดี ออตโต ฟอน บิสมาร์ค จะเน้นไปที่การเล่นแบบเน้นการไปที่การทำสงคราม แต่จะมีความ
แตกตา่ งกนั ตรงทก่ี ารเล่นวิลเลียมที่ 2 น้นั จะเนน้ ไปท่ีการประกาศสงครามด้วยตนเอง เนื่องจากมีการ
ผลิตการ์ดกองกำลังที่ดีกว่าการด์ ตัวละครอื่น อย่างการ์ดที่ทุกคร้ังท่ีวิลเลียมที่ 2 ได้รับการ์ดทหารใน
467
กรณีใดก็ตามเขาจะได้รับเพ่ิมอีกใบเสมอ อีกท้งั ความสามารถเพิม่ แต้มท้ายเกมยังเกี่ยวข้องกับจำนวน
สงครามที่ชนะและจำนวนทหารท่ีครอบครองหากมีมากทีส่ ุด เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินโยบาย
ทางการเมืองและการต่างประเทศอย่างแข็งกร้าว ส่วนในกรณีของบิสมาร์คนั้นจะเป็นการตีความมา
จากการใช้ Bismarck System เพื่อที่จะกดดันไม่ให้ดินแดนที่พวกเขา ต้องการกดดันมีโอกาสลืมตา
อ้าปากในสังคมโลก ซึ่งในทางประวัติศาสตร์ก็คือการที่บิสมาร์คพยายามกดดัน ฝรั่งเศส และสร้าง
ภาพลักษณ์ให้เยอรมันเป็นดินแดนที่เป็นมิตรกับชาติอื่น ทำให้การใช้ความสามารถของบิสมาร์ค
จึงเน้นไปที่การกดดันผู้เล่นหน่ึงคน ทั้งการพยายามให้ผู้เลน่ อื่นเข้ามาโจมตผี ูเ้ ล่นท่ีถูกกดดัน อีกทั้งยัง
สามารถ ลดแตม้ ผเู้ ลน่ คนดังกล่าวไดใ้ นตอนทา้ ยเกม
การตีความตัวละครจากฝรั่งเศสอย่างนโปเลียนที่ 3 นั้นจะเน้นไปที่การพยายามที่จะเอาตัว
รอดในแรง กดดนั อยา่ งความสามารถทเี่ ขาจะจ่ายเงนิ เพื่อที่ใชก้ าร์ดแอคช่ันที่ใช้ไปแล้วซ้ำได้ซึ่งตรงจุด
นก้ี ต็ ีความมาจากการปรบั ปรงุ ผงั เมอื งปารีสในสมยั พระองค์ จึงเป็นการจ่ายเงินมาเพ่อื คุณภาพชีวิตท่ีดี
ขึ้น แต่ทั้งนี้จะดีหรือไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับการวางแผนของผู้เล่นอยู่ดี ความสามารถการยกเลิกสงคราม
หากตนเองเป็นผู้ประกาศก็เป็นการ กระทำของนโปเลียนที่ 3 ที่เลือกถอนทัพออกจากทั้งสงคราม
รวมชาติอติ าลี หรือสงครามบุกเม็กซิโก สอง ความสามารถนี้จึงกลายเป็นแนวทางการเล่นแบบเอาตัว
รอดในโลกที่โหดร้ายของนโปเลียนที่ 3 ส่วน ความสามารถที่เหลืออย่างการเพิ่มแต้มดินแดนอาณา
นคิ มตอนนบั แตม้ นั้นเปรียบเสมือนการท่ีหลุยส์ นโปเลียน (Louise Napoleon) ผูม้ ศี กั ด์เิ ปน็ หลานลุง
ของนโปเลียน โบนาปาร์ต (Napoleon Bonaparte) ที่ถูกคาดหวัง จากผู้คนเม่ือเขาไดข้ ึน้ ครองราชย์
เป็นจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 ความสามารถดังกล่าวจึงเป็นเหมือนการตีความ มาจากแรงกดดันที่มา
จากความคาดหวังของประชาชนในประเทศนั่นเอง ส่วนของปาวีก็คือการดำเนินนโยบาย เรือปืน
โดยเฉพาะกรณีข้อพิพาท รศ. 112 ระหว่างปาวีกับสยาม ซึ่งน าไปสู่การสูญเสียดินแดนใต้อำนาจ
ของสยาม ความสามารถของปาวีจึงเน้นไปที่การกดดันผู้เล่นคนอื่นด้วยกำลังรบ ต่างจากบิสมาร์ค
ที่กดดันดว้ ย ขอ้ เสนอ
นอกจากการ์ดตัวละครแล้ว การ์ดกำลังรบที่เป็นการ์ดบุคคลก็มีการหยิบยกบุคคลใน
ประวัติศาสตร์มา เป็นตัวละครที่คอยช่วยผู้เล่น ดังนี้ เคลเมนซ์ ฟอน เมทเทอร์นิช (Klemens von
Metternich) เสนาบดีแห่งจักรวรรดิออสเตรียที่มีบทบาทในการจัดประชุมแห่งเวียนนา ใน ค.ศ.
1815 จึงถูกน าไปใช้กับความสามารถที่ จะน าการ์ดเหตุการณ์ที่มีค าว่า “Principle” มาใช้
และไม่ส่งผลต่อผู้ใช้การ์ดเมทเทอร์นิช เพ่ือเป็นการให้เห็นถึง บทบาทในฐานะผู้น าของการประชุมท่ี
นำมาสู่ “หลกั ” หรอื “Principle” ทัง้ 4 ประการ พระเจา้ เฟอรด์ ินันด์ที่ 7 (Ferdinand VII) กษัตริย์
แห่งสเปนที่ประสบกับปัญหาการก่อจลาจลในประเทศ จนต้องขอความช่วยเหลือ ไปยังกษัตริย์
แห่งประเทศอื่น จึงตีความให้เป็นการที่การ์ดใบนี้จะสามารถหาการ์ดกองกำลังเพื่อมาสนับสนุน
ความมั่นคงในราชบัลลังก์ของตนเอง กามิลโล เบนโซ เคาต์แห่งคาวัวร์ (Camillo Benzo, Count of
Cavour) เสนาบดีของกษัตริย์แห่งปิดมองต์-ซาดิเนียร์ ผู้เป็นผู้นำในการรวมชาติอิตาลีใน ค.ศ. 1861
468
จึงมคี วามสามารถท่ีจะรวบรวมการด์ กองกำลงั และอโิ ตะ ฮิโรบูมิ (Ito Hirobumi) นายกรฐั มนตรีแห่ง
ญี่ปนุ่ คนแรกหลงั จากการ ปฏริ ูปเมจใิ น ค.ศ. 1868 อกี ทั้งยงั เป็นคนที่นำญป่ี ุ่นเขา้ สู่สงครามจีน-ญ่ีปุ่น
ใน ค.ศ. 1894-1895 และได้รับชัยชนะ และนำไปสู่การทำสนธิสัญญาชิโมโนเซกิ (Shimonoseki
Treaty) ที่เปรียบเสมือนการท้าทายอำนาจของจักรวรรดิจีน ความสามารถของฮิโรบูมิจึงเป็นในเชิง
การเพิม่ พลังโจมตีและการทำสงคราม
การด์ เหตกุ ารณ์
หลักการแห่งสิทธิอันชอบธรรม (Principle of Legitimacy) หลักการสร้างดุลยอำนาจ
(Principle of Balance of Power) หลักการปิดล้อม (Principle of Containment) และหลักการ
ชดเชยค่าเสียหาย (Principle of Compensation) เป็นการ์ดเหตุการณ์ที่มีที่มาจากการประชุมใหญ่
แห่งเวียนนา หลังจากจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 สิ้นอำนาจลง เหล่าดินแดนมหาอำนาจในยุโรป
เริม่ ทีจ่ ะจดั การปญั หาต่างๆ ท่ีเกิดข้ึน 1 ในวิการดำเนินการเพื่อจัดการปัญหา นั่นคือการประชุมใหญ่
แหง่ เวียนนา (Congress of Vienna) ทเ่ี ร่มิ ใน ค.ศ. 1814 และส้นิ สดุ ใน ค.ศ.1815 โดยมีเมทเทอร์นิช
นั่งเป็นองค์ประธานการประชุมครั้งนี้เมทเทอนิชเน้นที่จะ แสวงหาแนวทางที่จะสร้างความมั่นค
งให้แก่ดินแดนต่าง ๆ ในยุโรป วิธีการที่จะสกัดกั้นและต่อต้านการปฏิวัติ รวมไปถึงการป้องกันไม่ให้
ฝรั่งเศสก่อความปั่นป่วนอีกครั้ง จึงนำไปสู่หลักการทั้ง 4 ข้อของเมทเทอร์นิช ที่ที่ประชุมมีความ
เห็นชอบพอกัน ซึ่งหลักการทั้ง4 นั้นประกอบไปด้วย หลักการแห่งสิทธิอันชอบธรรม (Principle of
Legitimacy) หลักการสร้างดุลยอำนาจ (Principle of Balance of Power) หลักการปิดล้อม
(Principle of Containment) และหลกั การชดเชยค่าเสียหาย (Principle of Compensation)
หลักสิทธิอันชอบธรรมนั้นคือการที่คนื ดนิ แดนเดิมให้แกเ่ จ้าของเดิม หรือตามสิทธิขงิ ผ้มู ีสิทธิ
โดยชอบธรรมอย่างดินแดนที่นโปเลียนครอบครองก็จะต้องถูกคืนให้แก่เจ้านครเดิม ก่อนที่นโปเลียน
จะมีบทบาทจึงกลายเป็นการทำให้ผู้เล่นทุกคนต้องเสียดินแดนที่เพิ่งได้รับมาล่าสุดให้แก่เจ้าของเดิม
หลักการสร้างดุลยอำนาจ ที่ไม่ให้ชาติใดชาติหนึ่งมีอำนาจมากเกินไป จึงกลายเป็นความสามารถใน
เกมในลักษณะเดียวกนั โดยในเกมจะตคี วามดินแดนเสมือนวา่ เปน็ อำนาจ หลักการปดิ ล้อม ที่เป็นการ
กดดันฝรั่งเศสเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนโปเลียนอีกครั้ง ในกรณีของเกม การ์ดใบนี้จึงส่งผลให้ผู้
เล่นหนึง่ คนซ่ึงจะเป็นใครกแ็ ลว้ แต่มติของผู้เล่นทกุ คน ผู้เลน่ คนดังกลา่ วจะไมส่ ามารถประกาศสงคราม
และไม่สามารถถูกประกาศสงครามใส่ได้ ส่วนหลักชดเชย ค่าเสียหายคือผู้ที่ไม่สามารถครอบครอง
ดินแดนในรอบทผี่ ่านมาจะสามารถรับเงนิ จากกองกลาง
ส่วนใหญ่แล้วเหตกุ ารณ์ที่ถูกนำมาใช้จะเป็นเหตุการณ์ที่เกดิ ขึ้นในคริสต์ศตวรรษท่ี 19 ไม่ว่า
จะเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ทำให้การผลิตรวดเร็วมากยิ่งขึ้น การ์ดจึงเน้นไปที่การจัดสรร
ทรัพยากรที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น การลุกฮือของชนชั้นกรรมาชีพ ที่เราจะต้องจ่ายเงินเพื่อพัฒนาคุณภาพ
ชวี ิตพวกเขาหรือจะใช้กองทัพปราบปราม แต่หากแก้ไขไม่ได้ กจ็ ะเกดิ การปฏิวัตจิ ากชนช้ันกรรมาชีพ
469
แนวคิดเสรีนิยมที่เน้นให้ยุติการผลิต กองทัพ เพื่อต่อต้านแนวคิดชาตินิยมที่เน้นการผลิตกองทัพ
ทั้งนี้ตีความจากแนวคิดชาตินิยมทีก่ ลายเป็นสิ่งปลูกฝังให้เกิดกระแสการยึดครองดินแดน โดยเฉพาะ
เรื่องของการรวมชาติ ซึ่งกระแสเสรีนิยมที่แพร่หลายก็จะ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
โดยเฉพาะในฝรั่งเศส การต่อต้านการปราบปรามด้วยกองกำลังทหาร จึงเป็นความหมายที่ถูกซ่อน
เอาไว้ในการ์ดใบน้ี และสุดทา้ ยอย่างการ์ดมหาสงครามกเ็ ปน็ การ์ดท่ีพยายามจะชใี้ ห้เห็นว่า ท้ายท่ีสุด
แล้วสงครามนั้นนำมาซงึ่ ความสญู เสยี กบั ทกุ ฝ่าย
นอกจากการ์ดเหตุการณ์และการ์ดตัวละครที่ทางผู้สร้างพยายามตีความข้อเท็จจริงทาง
ประวัติศาสตร์ ยังมีส่วนที่เรียกว่าการ์ดดินแดนที่ได้กล่าวถึงเกณฑ์การประยุกต์แนวคิดที่ได้กล่าว
มาแล้วในตอนต้น และเนื่องจากเปน็ การประยุกต์ข้อเท็จจริง เกมนี้จึงไม่ใชเ่ กมทีด่ ำเนินเนื้อเรื่องตาม
ข้อเท็จจริงทป่ี รากฏตามประวัติศาสตร์
ระยะเวลาในการเล่น 20 – 60 นาที โดยประมาณ
ช่วงอายุท่เี หมาะสมในการเลน่ 12 ปขี ้นึ ไป
บรรณานกุ รม
กนกกอร สว่างศร.ี (2552). รัฐฉานกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สงั คมและวัฒนธรรมภายใต้
การปกครองของอังกฤษ ค.ศ.1886 – 1948.วิทยานิพนธ์อักษรศาสตร์มหาบัณฑิต.
ประวัติศาสตรศ์ กึ ษา มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร.
เกรกิ ฤทธไี ทคนู ธนภพ. (2555). สยาม ร.ศ.112 วกิ ฤตแผ่นดิน : พิพาทฝร่ังเศสและเสียดินแดน.
กรงุ เทพฯ: สยามความรู.้
โกวิท วงศ์สุรวัฒน์. (2524). สหรัฐอเมริกา : ประวัติศาสตร์และการเมือง. กรุงเทพฯ: บรรณกิจ.
ครองชัย หตั ถ า. (2541). ปตั ตาน:ี การค้าและการเมืองการปกครองในอดตี . ปตั ตานี: โครงการ
ปตั ตานีศกึ ษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลยั สงขลานครินทรป์ ตั ตาน.ี
ชาญวิทย์ เกษตรสริ .ิ (2548). อยุธยา :ประวตั ศิ าสตรแ์ ละการเมือง. พมิ พค์ ร้งั ท4ี่ . กรงุ เทพฯ: โรง
พิมพ์มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร.์
470
_____. (2554). ประมวลสนธสิ ญั ญา อนุสัญญา ความตกลง บันทึกความเขา้ ใจและแผน
ทร่ี ะหว่าง สยามประเทศไทยกบั ประเทศอาเซียนเพอ่ื นบา้ น : กัมพชู า-ลาว-พมา่ -
มาเลเซยี . กรุงเทพฯ: โครงการต าราสงั คมศาสตรแ์ ละมนุษยศาสตร.์
เดวดิ แชนดเ์ ลอร์. (2546). ประวตั ิศาสตร์กัมพูชา. พมิ พ์ครัง้ ท3ี่ . กรงุ เทพฯ:
โรงพมิ พม์ หาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ดี.จี.อ.ี ฮอลล.์ (2526). ประวตั ศิ าสตร์เอเชียตะวนั ออกเฉียงใตเ้ ล่ม 1. พมิ พค์ รง้ั ท2่ี . กรุงเทพฯ: โครง
การตำรา สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์.
ดุลยภาค ปรชี ารชั ช. (2562) “พลังภูมิศาสตร์คองบอง กับการลม่ สลาย
ของอยธุ ยา”, ศลิ ปวัฒนธรรม. ปที ี่40 (ฉบบั ท6่ี ).
ธิติพงศ์มที อง. “การสรา้ งลัทธจิ กั รวรรดินิยมสมัยใหม่ของอังกฤษในสมัยเบนจามนิ ดิสเรล.ี ”
วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ปีท่ี25, ฉบับท่ี48(พฤษภาคม - สิงห าคม
2560): 253-262.
เมธัส อนุวตั รอดุ ม. (2555). กระบวนการสันติภาพอาเจะหส์ าธารณรัฐอินโดนเี ซีย.
กรงุ เทพฯ: สถาบันพระปกเกล้ า.
ราชบณั ฑติ ยสถาน. ราชวงศแ์ ห่งมหาอ านาจยโุ รปในคริสตศ์ ตวรรษท่ี19 :
กษัตริย์และ สมเด็จพระราชินีนาถ. กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถ าน,
2555.
_____. สารานุกรมประเทศในทวีปยุโรป ฉบับราชบณั ฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ: ราชบณั ฑิตยสถาน
, 2550.
วทิ ยา ศกั ยาภินันท.์ ปรัชญามาร์กซ.์ กรงุ เทพมหานคร: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2533.
ศรีศักร วลั ลิโภดม. (2543). สยามประเทศ. กรงุ เทพฯ: มติชน.
สุรยี พ์ งษ์จนั ทร.์ (2526). ประวตั ศิ าสตรส์ หรฐั อเมรกิ า. พษิ ณโุ ลก : โครงการตำรามหาวิทยาลยั ศรีนค
รินทรวโิ รฒ พษิ ณโุ ลก.
สัญชัย สวุ งั บุตร และอนนั ต์ชัย เลาหะพันธ.ุ (2558). ยุโรป ค.ศ. 1815-1918. กรงุ เทพฯ : ศกั ดิโสภา
การพมิ พ์.
471
สวุ ิทยธ์ ีรศาศวตั . (2553). เบอื้ งลกึ การเสียดินแดนและปญั หาปราสาทพระวิหารจาก ร.ศ.112 ถงึ
ปัจจุบนั . กรงุ เทพฯ: สมาคมประวตั ิศาสตร์ในพระราชูปถัมภส์ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ
สยามบรมราชกมุ ารี.
อคั นมี ลู เมฆ. (2548). รัฐฉาน ประวตั ิศาสตร์และการปฏิวตั ิ. กรุงเทพฯ: มตชิ น.
อารีฟีน บินจแิ ละคณะ. (2556). ปาตานี....ประวัติศาสตรแ์ ละการเมืองในโลกมลายู. พิมพค์ รั้งท3ี่ .
สงขลา : มลู นิธิวัฒนธรรมอสิ ลามภาคใต้.
เอน.เจ.ไรอนั . (2526). การสรา้ งชาติมาเลเซียและสิงคโปร์. กรงุ เทพฯ: โครงการต ารา
สังคมศาสตร์และ มนุษยศาสตร.์
472
นทิ รรศการ “Yesterday Once More เพราะความคดิ ถึงคือส่งิ ทใี่ คร ๆ ก็เคยเป็น”
นิทรรศการ Yesterday Once More คือการเกบ็ ช่วงเวลาและความทรงจำท่ีงดงาม คือความ
พยายามบอกเล่าเรื่องราวท่ีมีคา่ ของใครบางคน ณ ขณะหนึ่ง ทแ่ี มก้ าลเวลาจะผ่านไปแค่ไหน เร่อื งราว
เหล่านั้นก็ยังยดึ โยงส่วนหนึ่งของใจเราไว้ได้อย่างไมเ่ ปลี่ยนแปลง เรื่องบางเร่ือง คนบางคน ที่บางแห่ง
ของบางชิ้น เพลงบางเพลง กลิ่นบางกลิ่น คือ ภาพสะท้อนของอดีต ท่ีได้พาวันวานให้ย้อนกลับมา
ตรงหน้า ความรสู้ กึ ที่จางไปไดห้ วนกลบั มา แม้จะเพียงชัว่ ครชู่ ว่ั ยามกต็ าม
กระบวนการในการจดั ทำนิทรรศการนี้ ไดแ้ ก่
1. นักศกึ ษานำเสนอหวั ข้อท่ีตนเองสนใจ และทำการคัดเลือกหวั ขอ้ ทจี่ ะจัดทำนิทรรศการ
2. นักศึกษานำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการโหยหาอดีตที่ตนเองสนใจและที่อยากเขียนเพ่ือ
นำเสนอ จากนั้นได้มีการจัดหมวดหมู่ให้เป็นเรื่องราวเดียวกัน ซึ่งแบ่งออกมาได้เป็น 5 โซน
ดังนี้ กาลคร้ังหน่ึง เม่อื เรายังเดก็ , สีสนั ของวนั วาน, ไดย้ นิ เม่ือไหร่ก็คิดถึง, บนั ทึกความทรงจำ
ความทรงจำทคี่ ุณยังเกบ็ ไว้ และ ความคดิ ถึงเพราะความหา่ งไกล
3. นำเสนอรูปแบบแผนผังโซนต่าง ๆ ของนิทรรศการ เช่น mood and tone รูปแบบการจัด
โซน กิจกรรม และรปู แบบการเขยี นในแตล่ ะโซน
4. เลือกทรีมสีหลักของนิทรรศการและกิจกรรมของนิทรรศการ พร้อมตั้งชื่อนิทรรศการนี้ซึ่งก็
คือ yesterday one more
5. รวบรวมทกุ โซนของนิทรรศการมาจดั ไว้ในรูปแบบของสูจบิ ตั ร
Mood and Tone ของนิทรรศการนี้ถูกบอกเล่าผ่าน สี pearl ที่ทำให้นึกถึงความหลังในอดีตที่แสน
อบอุ่นทุกครั้งเม่ือครนั้ นกึ ถึง ในสว่ นอารมณข์ องสีในนิทรรศการน้ียงั ถูกนำเสนอใหผ้ ูช้ มภายในงานรู้สึก
อบอ่นุ หวั ใจและเปน็ สถานที่เซฟโซนของคิดและความทรงจำในอดตี
กิจกรรมภายในนิทรรศการ “Yesterday Once More เพราะความคิดถึงคือสิ่งที่ใคร ๆ ก็เคยเป็น”
คือ กิจกรรมถ่ายรูปตู้สติกเกอร์ โดย ตู้สติกเกอร์นั้นแผ่นสติกเกอร์ที่ปริ้นออกมาจะเป็นในรูป ขาวดำ
ซึ่งสื่อให้เหน็ ถงึ ความทรงจำในอดีตเหมือนกับว่าเราได้เก็บบันทึกรูปภาพในอกดีตที่เราอยากย้อนกลบั
ไป
การจัดวางรูปแบบผังนิทรรศการ โดยนิทรรศการนี้ถูกจัดเป็นวงกลมตามลำดับโซน 1-5 แล้ววน
กลับมาทจี่ ุดเริ่มต้น เปน็ ตวั U ควำ่ เรียงตามลำดับโซน 1-5 ให้เดินจากซา้ ยไปขวา
ภายในนทิ รรศการแบง่ เปน็ 5 โซน ไดแ้ ก่
โซนแรก กาลคร้งั หน่ึง เมอื่ เรายงั เด็ก
“เพราะวยั เดก็ ไมเ่ คยถูกลมื ความคิดถึงจึงไม่เคยเลือนลาง”
473
ประกอบด้วย จักรยานคันแรก, เชี่ยนหมาก...ของคุณย่า, ขนมของเธอ…, ดอกไม้ มิตรภาพและความ
ทรงจำ และความทรงจำยามเยาว์วยั เก็บไว้ตลอดกาล..
“เพราะความคดิ ถึงไมเ่ คยจำกัดวยั ต่อใหเ้ ราโตข้นึ แค่ไหนสุดทา้ ยก็โหยหาช่วงเวลาวัยเดก็ ”
ภายในโซนทีห่ น่งึ ถูกนำเสนอในรูปแบบของการโหยหาอดีตหรือความหลังเมื่อคร้ันยังเด็กโดย
ผ่านสตอรี่เรื่องราวความทรงจำที่แสนอบอุ่น สัมผัสปุยสำลี ฝีเท้าที่ปั่นจักยาน ตะกร้าหมากคุณยาย
การลิ้มรสขนมที่ยังคงตราตรึงในความทรงจำ ดอกไม้และกลิ่นที่คุ้นเคย ได้มอบให้แก่กันในโอกาส
พิเศษ โดยภายในโซนแรกนี้มีการจัดแสดงเรื่องราวของ จักรยานคันแรก, เชี่ยนหมากของคุณย่า,
ขนมของเธอ…, ดอกไม้ มิตรภาพและความทรงจำ และความทรงจำยามเยาว์วัยเก็บไว้ตลอดกาล
โดยบอกเล่าจากความรู้สึกท่ที ำใหผ้ ชู้ มรูส้ ึกถงึ วัยเดก็ ทคี่ ิดถึง
โซนท่ีสอง สสี ันของวันวาน
“เพียงแรงกระตุ้นของฮิปโปแคมปัสสอดประสานรับกับระบบลิมบิก โลกแห่งวันวานที่เคยเลือนลางก็
ไมจ่ างอีกตอ่ ไป”
ประกอบดว้ ย หนังสือการ์ตูนเซเว่น, อาราเล่: หมบู่ ้านเพนกวนิ , เทเลทบั บีส์ และเกมสใ์ นวนั วาน
“เพื่อนเอ๋ยขออย่าได้เอ่ยคำลา เพราะฉันขอสัญญาว่าจะไม่ไปไหน เราจะยังคงเป็นเพื่อนยากเพื่อน
เกลอกันตลอดไป และฉันก็หวังอย่างสุดหวั ใจว่าเธอจะจดจำวันวาน ฉันไม่รู้ว่าที่ไหนหรือเมื่อไหร่ ไม่รู้
ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าช่วงเวลาในอดีตจะย้อนคืนมา ถึงแม้ว่าสีสันของวันวานจะไม่เลือนลางไปตาม
กาลเวลา แตอ่ ดทนรอวนั ที่ Nostalgia ไดเ้ ดินทางมาเพอื่ พดั พาให้เราไดเ้ จอกนั ”
ภายในโซนที่สองของนิทรรศการนี้ถูกบอกเล่าและนำเสนอในรูปแบบของการโหยหาความ
ทรงจำในอดีตที่มีภาพจำที่สดใสเต็มไปด้วยความทรงจำที่ล้ำค่า ภายในโซนสีสันของวันวานถูกจัด
องค์ประกอบนำเสนอเรื่องราวที่ประกอบไปด้วย หนังสือการ์ตูนเซเว่น, อาราเล่: หมู่บ้านเพนกวิน,
เทเลทับบีส์ และเกมส์ในวันวาน ถือได้ว่าสิ่งของหรือเรื่องราวเหล่านี้ถูกนำเอามานำเสนอเพื่อให้ผู้ชม
ภายในงานรู้สึกถึงการย้อนกลับไปในอดีตที่เวียนกลับถึงและความทรงจำที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่มี
สิ่งของเหล่านี้เป็นเครื่องเตอื นใจให้กลบั ไปนึกถึงส่ิงเหลา่ นั้นเม่ือครัน้ เห็นมนั ในชีวติ ปัจจบุ ัน
โซนทสี่ าม ไดย้ นิ เม่ือไหรก่ ็คดิ ถึง
“เพราะ เสยี ง เป็นสงิ่ ที่ทรงพลังและยังสามารถกระตนุ้ ความทรงจำได้”
ประกอบด้วย เทปคาสเซท็ , เพลงกับความทรงจำ และ ซาวนด์แทรก็
“เพราะ เสียง คอื ตัวกลางท่ีทำใหเ้ รานึกย้อนนึกถึงอดีต”
474
ภายในโซนที่สามมีการนำเอาเรื่องราวของเสียงเข้ามาประกอบการภายในโซนนิทรรศการนี้
บอกเล่าเรื่องราวของเสียงที่เปรียบเสมือนเครื่องกระตุ้นความทรงจำในอดีต เสียงม้วนเทป เสียงกรอ
เทป เน้ือเพลง และเมโลด้ที ี่ติดหู ซาวดแ์ ทร็กพาคุณกลับไปหาหนังเรื่องโปรด ไมว่ า่ จะท่ีใด เพียงได้ยิน
เมื่อไหร่ก็จะคิดถึงทุกครั้ง โดยภายในโซนนี้ประกอบไปด้วย เทปคาสเซ็ท, เพลงกับความทรงจำ และ
ซาวนดแ์ ทร็ก สง่ิ เหล่าน้ถี ูกนำมาบอกเล่าทำใหผ้ ้ชู มได้นึกถึงเสียงในวนั วานท่ีคิดถึง
โซนท่สี ่ี บนั ทึกความทรงจำ ความทรงจำที่คณุ ยังเก็บไว้
“เรื่องราวทีค่ ุณเคยบันทึกผา่ นกล้องฟิลม์ ตวั โปรด ภาพถ่ายสีจาง รวบรวมเป็นอัลบ้ัมท่ีบันทึกเรือ่ งราว
ในอดีต Friendship ที่มีคำอวยพรจากเพื่อนวัยเยาว์ เส้นทางระยะสั้นต่อไปนี้ จะพาคุณกลับไปหา
ความคิดถงึ เหลา่ น้นั ความคิดถงึ ทร่ี อคอยใหค้ ุณกลบั ไปหาเสมอมา”
ประกอบด้วย กล้องฟิล์ม, ความทรงจำผ่านรูปถ่าย, ชุมชนชาวอีสานยุค 90s ผ่านอัลบั้มภาพแต่งงาน
และFriendship สมดุ มติ รภาพแห่งความทรงจำ
“ไมม่ คี วามคิดถงึ ใดเปน็ สิ่งสุดท้าย เพราะความคิดถึงคอื ส่งิ ทคี่ ุณแอบรอคอย และความคิดถึงบนบันทึก
เหล่านั้น ก็แอบรอคอยให้คุณย้อนกลับไปพบเช่นกัน คุณล่ะ จำได้หรือไม่? ว่าบันทึกความทรงจำสุด
โปรดของคุณ คือเรอ่ื งใด?”
ภายในโซนที่สี่โซนนี้บอกเล่าเรื่องราวผ่านการบันทึกความทรงจำ โดยโซนนี้ประกอบไปด้วย
กล้องฟิล์ม, ความทรงจำผ่านรูปถ่าย, ชุมชนชาวอีสานยุค 90s ผ่านอัลบั้มภาพแต่งงาน และ
Friendship สมุดมิตรภาพแห่งความทรงจำ โดยถูกนำเสนอเรื่องราวความทรงจำที่ต่างเรื่องราวต่าง
สถานท่ีและต่างวัยซึ่งทำให้ผู้เข้าชมนิทรรศการนี้ได้รับรู้ถึงความทรงจำในขณะนั้นที่สร้างความสุข
ความรัก และมิตรภาพทีด่ ี ที่เกิดขึน้ ในอดตี ย้อนกลับมาในปัจจบุ ันความทรงจำเหล่านีเ้ ปน็ การโหยหา
อดตี ท่ีมคี วามสุขของใครหลายคน
โซนสดุ ท้าย ความคดิ ถงึ เพราะความห่างไกล
“เมื่อคุณรู้สึกคิดถึงใครสักคนความห่างไกล ทำให้ใจคุณไกลกันบ้างหรือเปล่า? เคยไหมเมื่อต้องคิดถึง
ใครเพราะความห่างไกลกัน ความคิดถึงบางครั้งก็อาจจะกำลังเดนิ ทางไปหาใครสักคนที่รอคอยเราอยู่
ณ ที่แห่งใดแห่งหนหนึ่ง สัญญาณหัวใจไม่ว่าจะอยู่ที่ใดอีกฟากฟ้าแม่น้ำหรือทะเล ขอให้ใจเราตรงกัน
ความคดิ ถงึ นั้นกส็ ง่ สัญญาณหากนั ได้ไรข้ ีดจำกัด..”
ประกอบด้วย กลน่ิ ทำใหน้ กึ ถงึ อดตี , ไกลบา้ น และจดหมาย
475
“แล้วสักวันเราจะกลับมาพบกัน วันวานที่เราได้สร้างมันขึ้นมาอีกครั้งทำให้รู้สึกว่ามันไม่เคยเก่า เม่ือ
เราได้สร้างขึ้นมันมาใหม่ ความทรงจำต่าง ๆ ท่ีมีมันจะยังคงอยู่ ณ ที่แห่งนี้ไม่แปรเปลี่ยนไป กลับมา
เมือ่ ไรก็ให้ความอบอุ่นใจเสมอ”
สำหรับโซนสดุ ท้ายของนิทรรศการ “Yesterday Once More เพราะความคิดถึงคือสิ่งที่ใคร
ๆ ก็เคยเปน็ ” มีชอื่ โซนว่า ความคิดถึงเพราะความห่างไกล โซนนถ้ี กู นำเสนอในรูปแบบของความคิดถึง
ของผู้คนที่มีความห่างไกลจากความคนุ้ เคยทเ่ี คยเปน็ การเตบิ โตท่เี กดิ ขน้ึ ในทุก ๆ วนั และส่งิ ต่าง ๆ ที่
เกิดขึ้นในช่วงเวลาอดีต โดยโซนนี้ประกอบไปด้วย กลิ่นทำให้นึกถึงอดีต, ไกลบ้าน และจดหมาย ส่ิง
เหล่านี้ทำให้ผู้ชมที่มีเกิดความรู้สึกห่างไกลบ้าน ห่างไกลจากสถานที่ที่คุ้นเคย ห่างไกลจากคนรักและ
ครอบครัว หรือแม้กระทั่งห่างไกลสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ โซนนี้จึงทำให้ผู้ชมรู้สึกอบอุ่นหัวใจเต็มไป
ด้วยความคิดถึงทมี่ ีความสุขในอดีต
นทิ รรศการ “Yesterday Once More เพราะความคิดถึงคือสง่ิ ทใี่ คร ๆ ก็เคยเปน็ ” เป็นส่วน
หนึ่งของรายวิชา การเขียนและผลิตสารคดีทางประวัติศาสตร์ สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา
คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ซ่งึ รายวิชาน้มี ุ่งเน้นทใ่ี ห้นักศกึ ษาได้เรียนรู้
หลักการเขียนและนำเสนองานเขียนในรูปแบบต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการนำเสนองานเขียนของ
นกั ศกึ ษาในรูปแบบผ่านนิทรรศการ โดยนักศึกษาในเอกประวตั ิศาสตร์เพ่ือการท่องเท่ียว รุน่ ที่ 4 น้ี ได้
จัดทำนิทรรศการเกี่ยว Nostalgia (การโหยหาอดีต) ท้ายที่สุดนิทรรศการเล่มนี้ได้ถูกนำเสนอใน
รูปแบบของสูจิบัตรเพื่อให้ผู้ชมได้สัมผัสกับความทรงจำในอดีตผ่าน นิทรรศการ “Yesterday Once
More เพราะความคดิ ถงึ คือส่ิงทีใ่ คร ๆ ก็เคยเป็น”
476
กยู การมอี ยขู่ องภาษาท่ถี กู ลมื
นางสาวกชกร ด่านกระโทก
ท่มี าและความสำคญั
ภาษา เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มนุษย์ใช้เป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารกัน ทำให้มนุษย์
สามารถเข้าใจและอยู่ร่วมกันในสังคมได้ ภาษาจึงเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่เชื่อมต่อมนุษย์เข้าด้วยกัน
จนเรียกได้ว่ามนุษย์นั้นเป็นสัตว์สังคม เมื่อภาษาสามารถเชื่อมต่อผู้คนจนสามารถสร้างสังคมได้
ในแต่ละสังคมย่อมมีความเข้าใจในเร่ืองต่าง ๆ ท่ีเขา้ กันและสามารถอยู่รว่ มกันได้ สง่ิ น้ันทำให้เกิดส่ิงที่
เรียกว่าวิถีชีวิตและวัฒนธรรม โดยภูมิศาสตร์ของโลกที่มีหลากหลายในแต่ละภูมิภาค บางภูมิภาค
ก็อยู่ใกล้ชิดกัน บ้างก็อยู่ห่างไกลและถูกขวางกั้นด้วยทะเลกว้าง ดังนั้นเมื่อมนุษย์ทั่วโลกใช้ภาษา
ในการสื่อสาร ภาษาจึงเกิดขึ้นได้เสมอตามสภาพสังคม สังคมที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกันมักมีภาษา
ท่ีคล้ายคลึงกัน ดงั น้นั วิถีชวี ิตและวัฒนธรรมก็สอดคล้องกับภาษาที่ใช้คล้ายคลึงกันด้วย ทว่าเม่ือสังคม
ที่อยู่ต่างพื้นที่หรือพื้นที่ห่างไกลกัน ภาษาที่ใช้อาจจะใช้สื่อสารกันไม่ได้หรือสื่อสารกันไม่เข้าใจ
ดงั นน้ั บริเวณทหี่ า่ งไกลกัน ภาษา วิถีชวี ติ และวฒั นธรรมมักจะแตกตา่ งกนั อยา่ งชดั เจน ดังนั้นนอกจาก
การที่ภาษาอันเป็นหนึ่งในเครื่องมือสือ่ สารท่ีสร้างความเขา้ ใจกนั ใหแ้ ก่มนุษย์แล้ว ภาษายงั สร้างวิถีชวี ิต
และสร้างวฒั นธรรมเฉพาะตัวของคนกลุ่มตา่ ง ๆ ทีแ่ ตกต่างกันไปอยู่ท่วั ทกุ มุมโลกอีกดว้ ย
ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ภาษาบนโลกเริ่มเชื่อมถึงกันด้วยเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงสำคัญ
ของโลก อยา่ งการเดินทางของภาษาคร้ังใหญ่ในยุคล่าอาณานิคมหรือการเปล่ียนแปลงของโลกาภิวัตน์
ทีเ่ ตม็ ไปดว้ ยส่ือทำให้โลกไร้พรมแดน สงั คมจึงเร่ิมสนใจในภาษาเพียงแค่ไม่ก่ีภาษา อย่างภาษาประจำ
ชาติหรือภาษาต่างชาติที่กำลังเป็นที่นิยม นั่นจึงเป็การหันหลังให้ภาษาท้องถิ่นโดยไม่รู้ตัว
อย่างที่ผู้เขียนได้กล่าวไปแล้วว่าในแต่ละสังคมมักเกิดภาษาและวิถีชีวิตร่วมกันขึ้น ดังนั้นแม้จะอยู่ใน
ประเทศเดยี วกัน กส็ ามารถเกดิ ภาษาที่หลากหลายได้ เพราะเมื่ออยคู่ นละภมู ิภาคก็ถือเปน็ คนละสังคม
แมจ้ ะมวี ัฒนธรรมบางอย่างใกลเ้ คียงกนั ก็ตาม อยา่ งการที่ประเทศไทยมีห้าภูมภิ าคใหญ่ คนในประเทศ
ไทยใช้ภาษาไทยเป็นภาษาราชการเช่นเดียวกนั ทวา่ เมอ่ื ฟังสำเนยี งของภาษาไทยในแต่ละภูมิภาคกลับ
มีสำเนียงที่แตกต่างกัน บางคำก็สามารถฟังกันเข้าใจ บางคำก็ไม่เข้าใจเพราะเป็นภาษาเฉพาะกลุ่ม
ดังนั้นเมื่อโลกโลกาภิวัตน์ความเข้ามาอิทธิพล ความหลากหลายเหล่านี้กำลังถูกกลืนให้เป็นหนึ่งเดียว
ภาษาของกลุ่มเล็ก ๆ อย่างภาษาอีสาน ภาษาเหนือ หรือภาษาที่ถูกใช้ในกลุ่มชาติพันธุ์ที่แสดงถึง
ความเป็นตัวตนในแต่ละกลุ่มสังคมกำลังถูกลบเลือนหายไป มีบางภาษาในประเทศไทยที่สูญหายไป
เพราะไม่ถูกค้นพบและไม่มีผู้คนนำมาใช้ คือ ภาษาพะล็อก (Phalok) อ้างอิงจากยูเนสโก (UNESCO)
ซึ่งในประเทศไทย ถูกระบุว่ามีอีก 25 ภาษาที่มีความเสี่ยงต่อการสูญหายของภาษาเช่นกัน
โดยยูเนสโกกล่าวว่า "การสาบสูญไปของภาษาที่ไม่ได้เขียนและไม่ได้มีการบันทึกไว้นั้น อาจจะทำให้
มนุษยชาตไิ ม่เพียงแค่สูญเสยี ความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมแต่จะสูญเสียความรู้จากบรรพชนทีแ่ ฝงอยู่ใน
ตัวภาษาเหล่าน้ีไปด้วย โดยเฉพาะกับภาษาพืน้ เมือง" (ประชาไท, 2562) นอกจากเสียความรูท้ ีแ่ ฝงมา
กับภาษาเหล่านี้แล้ว ยังอาจทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียตัวตนหรืออัตลักษณ์เฉพาะของกลุ่มเจ้าของ
477
ภาษาที่กำลังจะสูญหายเหล่านั้นด้วย เพราะภาษาไม่ได้มีความสำคัญแค่ใช้ติดต่อสื่อสารกัน
ทวา่ ยงั สำคญั ตอ่ วถิ ชี วี ติ วฒั นธรรมและอัตลักษณ์ของแตล่ ะสงั คมอีกด้วย
ผู้ศึกษามีโอกาสได้เข้าไปเรียนรู้ในหมู่บ้านไทดำ จังหวัดเลย พบว่ากลุ่มชาติพันธุ์ไทดำ
มีทั้งภาษาพูดและภาษาเขียนเป็นของตนเอง ชาวไทดำกล่าวว่านอกจากวัฒนธรรมและการแต่งกาย
แล้ว ภาษาและตัวอักษรก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่แสดงความเป็นตัวตนของชาวไทดำเช่นกัน ผู้ศึกษาจึงเ ริ่ม
สนใจเกี่ยวกับการแสดงอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ผ่านภาษามากขึ้น กระทั่งได้พบว่า “ภาษากูย”
จดั เป็นหนงึ่ ในภาษาทก่ี ำลังจะสญู หายและภาษากูยน้ันไมม่ รี ะบบตัวอักษรมาแต่เดิมดว้ ย
ดังนั้นการแสดงออกทางวัฒนธรรม ภาษาและวิถีชีวิตของชาวกูยจึงไม่เป็นที่รู้มากนัก
ทว่าชาวกูยยังคงหวงแหวนความเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ของตนเอง จึงริเริ่มผลิตตัวอักษรภาษากูยขึ้นเพื่อ
เป็นหนึ่งในวิธีการธำนงอัตลักษณ์ของตนไว้นอกเหนือจากอัตลักษณ์ด้านวัฒนธรรม ผู้ศึกษาจึงสนใจ
ศึกษาเกี่ยวกับความเป็นมาของคนกูยที่มีความเกี่ยวเนื่องกับภาษากูย เพื่อตีแผ่การมีอยู่ของภาษากูย
ให้ผู้ชมได้มีความตระหนัก มีความเข้าใจ และได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของภาษากูยอันมีความสำคัญ
ต่ออัตลักษณ์กล่มุ ชาตพิ นั ธุก์ ยู ให้มากยิ่งขน้ึ ผา่ นผลติ ส่อื สารคดีนี้
วัตถปุ ระสงค์
1. เพื่อใหผ้ ู้ชมตระหนักถึงความสำคญั ของภาษา
2. เพอ่ื เผยแพรใ่ หผ้ ู้ชมรจู้ ักภาษากูยและกลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์กยู
3. เพอ่ื ใหผ้ ชู้ มรบั รู้และเข้าใจในความสำคัญของการมีอยขู่ องภาษากูย
ขัน้ ตอนและวธิ กี ารเตรยี มงาน
1. กำหนดหวั ข้อโครงงานและปรกึ ษาหารอื กบั อาจารย์ที่ปรกึ ษา
2. วางแผนการทำงาน รวมถึงการเขียน Story board ของสอื่ สารคดี
3. สบื ค้นและรวบรวมขอ้ มลู
4. วิเคราะห์และสังเคราะหข์ อ้ มูล
5. ลงมือถ่ายสื่อวิดที ัศนแ์ ละผลิตสือ่ สารคดี
6. ตรวจสอบความถูกต้องและแก้ไขชิ้นงาน
7. สรุปผลในรูปเลม่ โครงงาน
ขอ้ มูลเบอื้ งต้นเกยี่ วกบั ส่อื สารคดี
ช่ือเร่อื ง : “กูย” การมีอยูข่ องภาษาที่ถูกลืม
ความยาว : ไม่เกนิ 20 นาที
ประเภท: สารคดีใหค้ วามรู้
กลมุ่ เป้าหมาย : ทุกวัยท่ีมคี วามสนใจในเรื่องวัฒนธรรม ความเปน็ อตั ลกั ษณแ์ ละภาษาท้องถิ่น
แนวคดิ : การรักษาภาษาท่กี ำลังจะสญู หายให้คงอยู่ เป็นหนึ่งในวิธีการธำรงชาตพิ ันธุ์ของชาว
กยู