128
และบทความออนไลน์ รวมไปถึงข่าวในสถานีโทรทัศน์ เป็นต้น พระสงฆ์รุ่นใหม่จึงเป็นผู้มีบทบาท
สำคัญในฐานะผ้สู ง่ สารที่มีอิทธิพลอยา่ งมากในการนำพุทธศาสนิกชนเขา้ หาธรรม โดยใชน้ วตั กรรมทาง
สอ่ื ออนไลนต์ ่าง ๆ เป็นชอ่ งทางในการเผยแผห่ ลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าและกจิ กรรมต่าง ๆ
ทางพุทธศาสนา แต่ในขณะเดียวกัน การปรับเปลี่ยนของบทบาททางพุทธศาสนาได้ขยายตัวไปสู่
พระสงฆ์ด้วย จะเห็นได้จากภาพลักษณ์เชิงลบ และพฤติกรรมท่ีล่อแหลมจากพฤติกรรมของพระสงฆ์
จำนวนหนึ่งได้นำไปสู่ปัญหาภาพลักษณ์ของสถาบันสงฆ์ที่มีต่อสาธารณชน สื่อสังคมออนไลน์ใน
ปัจจุบันจึงทำให้ผู้คนเห็นปัญหาของพุทธศาสนาในสังคมไทยมากขึ้นเช่นกัน (มนตรี สหชัยรุ่งเรือง,
2564, น. 29-38)
ในสังคมมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีชมรมพุทธศาสน์และประเพณี มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระสังฆราช ที่ก่อตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2523 โดยความร่วมมือกัน
ระหว่างพระสงฆ์คณาจารย์ และนักศึกษา โดยมีพันธกิจหลักคือ การส่งเสริมการเผยแผ่หลักคำสอน
วฒั นธรรม ประเพณตี า่ ง ๆ ทางพทุ ธศาสนา และอบรมจิตใจของบุคลากรในมหาวิทยาลัย (ชมรมพุทธ
ศาสน์และประเพณี มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2562, น. 2-4) ทางชมรมได้จัดตั้งเฟซบุ๊กแฟนเพจ
(Facebook Fanpage) เพ่อื ประมวลภาพกิจกรรมทีช่ มรมจดั ข้ึน เผยแผ่ธรรมะคำสอน และสื่อธรรมะ
ในรูปแบบต่าง ๆ ที่ทันสมัย ที่สำคัญคือ ยังมีการอัปเดตข่าวสารเพื่อเชิญชวนให้เข้าร่วมทำบุญ
และเข้าร่วมฟังธรรมอยู่เสมออีกด้วย ซึ่งผู้วิจัยได้ศึกษาท่าทีนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นส่วนใหญ่
เข้าใจว่าการได้นับถือพุทธศาสนามาตั้งแต่เกิดเป็นสิ่งที่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต
ส่วนหนึ่งเพราะพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติจึงทำให้หลายครอบครัวนับถือพุทธศาสนา
และตวั นกั ศึกษาเองก็ไดน้ บั ถือพุทธศาสนาตามไปดว้ ยผ่านการถูกปลูกฝงั ภายในครอบครัว จนสง่ ผลให้
พุทธศาสนาเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินชีวิต และทำให้สามารถเข้าถึงพุทธศาสนาได้มากข้ึน
เพราะว่าพุทธศาสนาสามารถเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจในยามทุกข์ และสอนให้รู้จักวิธีการ
ในการนำหลักธรรมคำสอนทางพุทธศาสนามาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งนักศึกษมหาวิทยาลัย
ขอนแก่น ในปัจจุบันอาจจะมีแนวโน้มว่ามีความสนใจในการเข้าถึงพุทธศาสนาน้อยกว่าคนรุ่นก่อน ๆ
เนื่องมาจากสภาพสังคมมีบริบทเปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับการที่ไม่มีเวลาในการเข้าร่วมกิจกรรม
ทางพุทธศาสนาภายในวดั ซง่ึ อาจเป็นปัจจยั ที่ทำให้นกั ศึกษามหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ หนั ไปสนใจค่านิยม
อย่างอื่นในการดำรงชีวิตประจำวันมากกว่าการให้ความสำคัญกับพุทธศาสนา นอกจากนี้รายวิชา
ที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาที่เปิดสอนในมหาวิทยาลัยขอนแก่นก็ไม่ได้มีมาก ส่วนใหญ่จะเป็นรายวิชา
เลือกเสรี ไม่ได้มีการบังคับให้ลงทะเบียนเรียน ซึ่งก็ถือเป็นสิ่งที่ทำให้นกั ศึกษาไม่ได้ศึกษาพุทธศาสนา
อย่างลึกซึ้ง และจากการที่นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นถือเป็นกลุ่มคนที่รับสารจากสื่อสังคม
ออนไลน์ และสามารถเข้าถึงปรากฏการณ์ขา่ วสารท้ังเชิงบวก และเชงิ ลบทางพุทธศาสนาบนสื่อสังคม
129
ออนไลน์ได้อย่างหลากหลาย รวมทั้งยังสามารถติดตามและเห็นข่าวสารเกี่ยวกับพุทธศาสนาที่เป็น
กระแสในสังคมที่ส่งผลให้พุทธศาสนาเกิดความเสื่อมลงจากการถูกนำเสนอผ่านสื่อต่าง ๆ ได้มากกว่า
เพราะการนำเสนอเรื่องราวเชิงลบทางพุทธศาสนามักเป็นที่สนใจของคนในสังคมเป็นอย่างมาก
ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจทำให้มุมมองและความเลื่อมใสศรัทธาของนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น
ทม่ี ีต่อพทุ ธศาสนาลดนอ้ ยลงได้
บทความนี้จะแบ่งการนำเสนอเป็น 3 ประเด็น ได้แก่ 1. ความสำคัญของพุทธศาสนาต่อนักศึกษา
มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ 2. มุมมองของนกั ศึกษามหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ต่อพทุ ธศาสนา และ 3. แนวโนม้
ในการนบั ถอื พทุ ธศาสนาของนกั ศึกษามหาวทิ ยาลัยขอนแกน่
2. ผลการศกึ ษา
2.1 ความสำคญั ของพทุ ธศาสนาต่อนักศึกษามหาวิทยาลยั ขอนแกน่
ตารางที่ 1
2.1.1 จากคำถาม “ครอบครัวคณุ เคยปลูกฝงั ในเรอื่ งพุทธศาสนาหรอื ไม่ ในตารางท่ี 1” พบว่า
นกั ศกึ ษามีพ้ืนฐานการนับถอื จากการถูกครอบครัวปลูกฝัง รอ้ ยละ 86.0 ซง่ึ สะท้อนใหเ้ ห็นวา่ นักศึกษา
ต่างก็มีพื้นฐานในการนับถือพุทธศาสนามาก่อน จากการได้รับการปลูกฝังจากครอบครัว
และครอบครัวก็มีส่วนในการพาเข้าวัด รวมไปถึงการเข้าร่วมปฏิบัติธรรมทางศาสนา ร้อยละ 99.0
ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ครอบครัวมีส่วนช่วยให้นักศึกษาได้เห็นถึงความสำคัญของพุทธศาสนาผ่านการ
ชกั ชวนนักศึกษาเข้าร่วมปฏบิ ัตธิ รรมทางศาสนา
จากบทสัมภาษณเ์ ชงิ ลึกมีความสอดคล้องกับแบบสอบถามเชิงปรมิ าณ และสะท้อนให้เห็นวา่
ครอบครัวเปน็ สว่ นสำคญั อยา่ งมากในการปลูกฝังพุทธศาสนาให้กับนักศกึ ษา
“ครอบครัวปลูกฝังเรื่องพุทธศาสนาตลอด และรู้สึกว่าในพุทธศาสนา มันก็มีบางเรื่องที่ควร
เรยี นรู้ และนำไปใช้จริง ๆ อย่างพวกการไม่เบียดเบยี นคนอ่นื แตก่ ารปลูกฝงั บางคร้ังก็เหมือนเป็นการ
บังคับ ไม่ใช่แค่ในครอบครัวแต่ยังมีในโรงเรียน เช่น บังคับให้สวดมนต์หน้าเสาธง สวดมนต์บทยาว ๆ
130
ในแต่ละครั้ง บางครั้งก็ไม่ไดเ้ ตม็ ใจท่จี ะทำ ศาสนาพทุ ธเป็นศาสนาท่ีมีคำสอนทนี่ ่าเช่อื ถือ ถ้าไม่นับรวม
พวกรา่ งทรงต่าง ๆ ก็เป็นสิง่ ทีด่ ที เี่ รานบั ถือกไ็ ม่เสยี หายอะไร”
ตารางที่ 2
2.1.2 จากคำถาม “คุณเคยลงทะเบียนเรียนในรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา
ในระดับอุดมศึกษาหรือไม่ ในตารางที่ 2” พบว่า นักศึกษาเคยลงทะเบียนเรียนในรายวชิ าที่เกี่ยวข้อง
กับพุทธศาสนา ร้อยละ 72.0 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า นักศึกษายังคงให้ความสำคัญกับการเรียนใน
รายวิชาที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา จากการเรียนในรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา
ในระดับอุดมศึกษา และให้ความสำคัญอยู่ในระดับ “ปานกลาง” ร้อยละ 46.4 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า
พุทธศาสนายังมีความสำคัญต่อการศึกษา ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้เข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับพุทธ
ศาสนาบนสื่อสังคมออนไลน์ ในขณะที่มีกลุ่มตัวอย่างที่เข้าวัดทำบุญ 1 ครั้ง/เดือน ร้อยละ 38.0
และไมเ่ ข้าวดั ทำบญุ เลย ร้อยละ 36.0 ซึ่งมีจำนวนทใี่ กล้เคยี งกัน ซ่ึงสะทอ้ นให้เห็นว่า นักศึกษายังคงมี
การเข้าร่วมฟังสัมมนาหรือการอบรมพุทธศาสนาผ่านสื่อออนไลน์ และยังคงมีนักศึกษาที่ได้เข้าวัด
ทำบุญ และเหน็ ถงึ ความสำคญั ของพุทธศาสนาอยา่ งแทจ้ รงิ
131
ตารางท่ี 3
2.1.3 จากคำถาม “เมื่อถึงวันสำคัญทางพุทธศาสนาคุณได้เข้าวัดเพื่อทำกิจกรรมทางพุทธ
ศาสนาหรือไม่ ในตารางที่ 3” พบว่า นักศึกษาเข้าวัดเพื่อทำกิจกรรมทางพุทธศาสนาเมื่อถึงวันสำคญั
เป็น “บางครั้ง” ร้อยละ 81.0 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า นักศึกษายังคงให้ความสำคัญกับการเข้าวัด
เพื่อทำกิจกรรมทางพุทธศาสนาโดยมีการเข้าวัดเป็นบางครั้งด้วยเหตุผล คือ เพราะครอบครัว
หรือคนรอบข้างชักชวนไป ร้อยละ 59.0 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ครอบครัว และคนรอบข้างมีส่วนช่วย
ทำให้นกั ศกึ ษายังเห็นความสำคัญกับการเข้าวดั เพื่อทำกิจกรรมทางศาสนา
นอกจากนี้ จากบทสัมภาษณ์เชิงลึกมีความสอดคล้องกับแบบสอบถามเชิงปริมาณ
และสะท้อนใหเ้ หน็ วา่ นกั ศกึ ษามองวา่ กจิ กรรมทางพุทธศาสนาที่เคยทำมาได้สง่ ผลดีต่อตวั นกั ศกึ ษา
“เราคิดว่ากิจกรรมทางพุทธศาสนาทุกอย่างส่งผลดีต่อตัวเราได้ทั้งนั้นเลยค่ะ อยู่ที่ว่าเรา
จะมีมุมมองต่อกิจกรรมต่าง ๆ อย่างไร เช่น กิจกรรมการเวียนเทียนในวันสำคัญ เช่น วันวิสาขบูชา,
วันมาฆบูชา หรือวันอาสาฬหบูชา ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้นับถือพุทธศาสนาเขาอาจจะไม่เข้าใจว่าเราทำ
กิจกรรมแบบนี้ไปเพื่ออะไร แต่จริง ๆ แล้วเราคิดว่าการเวียนเทียน คือ การที่เราได้ใช้เวลากับตัวเอง
มากขึ้น ได้ทบทวนตัวเองว่าตอนน้ีเรารู้สกึ อย่างไร เรากำลังทำอะไร เรารู้สกึ วา่ มนั เป็นกิจกรรมท่ีทำให้
เรามสี มาธิจดจ่อกับตัวเองมากขนึ้ คะ่ ”
(กมลวรรณ ลาภาพันธ์ คณะมนุษยฯ์ ปี 3, การสมั ภาษณ์ออนไลนผ์ ่าน Zoom, 9 มีนาคม 2565)
132
ตารางท่ี 4
2.1.4 จากคำถาม “คุณได้นำหลักธรรมคำสอนทางพุทธศาสนามาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
หรือไม่ ในตารางที่ 4” พบว่า นักศึกษามีการนำหลักธรรมทางพุทธศาสนามาปรับใช้ในชีวิตประจำวนั
อยู่บ้าง ร้อยละ 80.0 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า นักศึกษายังคงยึดมั่นในหลักธรรมทางพุทธศาสนา
ทั้งจากการปฏิบัติตนตามหลักธรรมทางพุทธศาสนา นำหลักธรรมคำสอนมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
อันไดแ้ ก่ ยดึ ม่ันในหลักธรรมศลี 5 รอ้ ยละ 58.0 อรยิ สัจ 4 รอ้ ยละ 59.0 และอิทธิบาท 4 ร้อยละ 59.0
ซ่งึ สะท้อนใหเ้ ห็นวา่ หลักธรรมเหลา่ นั้นยงั คงมผี ลตอ่ การดำเนินชวี ติ ของนักศึกษา
จากบทสัมภาษณเ์ ชงิ ลึกมีความสอดคล้องกับแบบสอบถามเชิงปรมิ าณ และสะท้อนให้เหน็ วา่
นกั ศึกษายงั คงใหค้ วามสำคัญในการยดึ ม่นั ในหลักปฏิบตั ิศลี 5 โดยการนำไปเปน็ แนวทางในการปรับใช้
ในชีวิตประจำวัน
“หนศู รัทธาในเร่ืองหลักธรรมคำสอน อย่างเชน่ ศลี 5 คะ่ ถึงแม้ว่าหนูจะทำไดบ้ ้างบางข้อ แต่
หนูกถ็ ือวา่ ได้ปฏิบัตติ ามหลกั ธรรมคำสอน”
(อารญา ดวงแก้ว คณะสาธารณสุขศาสตร์ ปี 1, การสมั ภาษณอ์ อนไลนผ์ า่ น Zoom, 7 มนี าคม 2565)
“มีการนำศลี 5 มาใช้ในชวี ิตจริง เพราะเปน็ หลกั ธรรมคำสอนทีส่ ามารถทำได้ง่ายทสี่ ุดแลว้ ”
(กลุ ปรยี า มาภา คณะมนุษยฯ์ ปี 3, การสมั ภาษณอ์ อนไลน์ผา่ น Zoom, 9 มีนาคม 2565)
133
2.2 มมุ มองของนกั ศกึ ษามหาวิทยาลัยขอนแก่นตอ่ พุทธศาสนา
ตารางที่ 1
2.2.1 จากคำถาม “แหล่งเรียนรู้หลักธรรมทางพุทธศาสนาของคุณคือที่ใด ในตารางที่ 1”
พบว่า นักศึกษาสามารถเข้าถึงหลักธรรมทางพุทธศาสนาได้ผ่านแหล่งเรียนรู้ คือ สื่อสังคมออนไลน์
(Facebook, Twitter, YouTube, Website) ร้อยละ 69.0 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า สื่อสังคมออนไลน์
เป็นแหล่งเรียนรู้หลักธรรมทางพุทธศาสนาที่นักศึกษาสามารถเข้าถึงได้มากกว่าบ้าน ครอบครัว
สถานศกึ ษา ครู และวดั
ตารางท่ี 2
2.2.2 จากคำถาม “คณุ เคยเห็นข่าว/ ส่ือสังคมออนไลน์ท่ีเก่ยี วข้องกับพุทธศาสนาบ้างหรือไม่
(เช่น Facebook, Twitter, YouTube, Website) ในตารางที่ 2” พบว่า นักศึกษาเคยเห็นข่าว/ ส่ือ
สังคมออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาร้อยละ 92.0 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า นักศึกษาได้เคยเห็นข่าว/
สื่อสังคมออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาทั้งในข่าวเชิงบวกร้อยละ 88.0 และข่าวที่เสื่อมเสีย
รอ้ ยละ 98.0 ซง่ึ สะทอ้ นให้เห็นว่าข่าว/ สือ่ สงั คมออนไลน์ในปจั จุบันเป็นสิง่ ท่ชี ่วยให้เข้าถึงพุทธศาสนา
ไดม้ ากขึ้น
134
ตารางที่ 3
2.2.3 จากคำถาม “คุณคิดว่าข่าว/ สื่อสังคมออนไลน์ในปัจจุบันช่วยให้เข้าถึงพุทธศาสนาได้
มากขึ้นใช่หรือไม่ (เช่น Facebook, Twitter, YouTube, Website) ในตารางที่ 3” พบว่านักศึกษา
คิดว่าข่าว/ สื่อสังคมออนไลน์ในปัจจุบันช่วยให้เข้าถึงพุทธศาสนาได้มากขึ้น ร้อยละ 89.0 ซึ่งสะท้อน
ให้เห็นว่า นักศึกษาสามารถเข้าถึงพุทธศาสนาผ่านสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้นทั้งจากการได้ฟังธรรม
เทศนา บทสวดมนต์ จากคลปิ วดิ โี อ และการไลฟส์ ดของพระสงฆ์
ตารางท่ี 4
2.2.4 จากคำถาม “หากคุณคิดวา่ ขา่ ว/ ส่ือสงั คมออนไลน์ในปัจจบุ ันช่วยให้เขา้ ถงึ พุทธศาสนา
ได้มากขึ้น ได้อย่างไร (เช ่น Facebook, Twitter, YouTube, Website) ในตารางที่ 4”
พบว่า นักศึกษาร้อยละ 67.0 มองว่าในขณะที่การที่สื่อสังคมออนไลน์ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
คนในปัจจุบัน โดยกลุ่มตัวอย่างไม่ได้มองว่าส่งผลให้เกิดความเลื่อมใสต่อพุทธศาสนามากขึ้น
หรือน้อยลง แต่เห็นด้วยว่ากระแสการไลฟ์สดของพระสงฆ์ในปัจจุบันส่งผลให้พุทธศาสนามีความ
ครกึ ครนื้ มากยงิ่ ขนึ้ รอ้ ยละ 64.0 ซงึ่ สะทอ้ นให้เหน็ ว่า นกั ศกึ ษามองว่ากระแสการไลฟส์ ดของพระสงฆ์
ส่งผลให้พุทธศาสนากลับมามีความครึกครื้นมากขึ้นจริง โดยมองว่าเป็นรูปแบบที่เหมาะสม
กับยุคปัจจุบันในระดับ “มาก” ร้อยละ 46.4 และช่วยให้กลุ่มตัวอย่างหันมาสนใจขา่ วสารที่เกีย่ วข้อง
กับพุทธศาสนามากขึ้น ร้อยละ 82.0 อีกทั้งยังเป็นส่ิงที่ส่งผลให้พุทธศาสนามีบทบาทในสังคมปจั จบุ ัน
135
มากขึ้น ร้อยละ 83.0 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าสื่อสังคมออนไลน์ก็เป็นสิ่งที่ส่งผลให้ผู้คนหันมาสนใจ
และอาจเลื่อมใสศรทั ธาต่อพทุ ธศาสนามากขึน้ ได้
นอกจากนี้ จากการสัมภาษณ์เชิงลึกมีความสอดคล้องกับแบบสอบถามเชิงปริมาณ
และสะท้อนให้เห็นว่า นักศึกษาคิดว่าข่าว/ สื่อสังคมออนไลน์ในปัจจุบันช่วยให้เข้าถึงพุทธศาสนาได้
มากขึ้น เพราะรูปแบบการเผยแผ่ธรรมะถูกปรับให้เข้ากับยคุ สมยั ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จึงทำให้ผู้คน
สามารถเข้าถึงพทุ ธศาสนาไดส้ ะดวกขึ้น
“สำหรับผม ผมรู้สึกว่าตัวเองได้เข้าถึงพุทธศาสนาผ่านสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้นครับ
เพราะวา่ ผมได้เจอข่าวแลว้ ก็เขา้ ไปค้นหาหลกั ธรรมตามสื่อออนไลนบ์ ่อย ๆ ครับ”
(กัญจน์ เรอื งศริ ิปยิ ะกลุ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ ปี 2, การสัมภาษณ์ออนไลนผ์ า่ น Zoom, 8 มีนาคม
2565)
“เราคิดว่าในปัจจุบันสื่อสังคมออนไลน์ได้เข้าถึงพุทธศาสนามากขึ้นเยอะเลยค่ะ เช่น การมี
บันทกึ วดิ ีโอการเทศน์ของพระสงฆ์ท่านตา่ ง ๆ ท่ีไดป้ รากฏอยู่บนยูทูบ หรอื เฟซบุก๊ แฟนเพจ ซ่ึงก็ได้รับ
ความสนใจเป็นอย่างมากตอ่ ผูค้ นในสังคมไทยค่ะ”
(กมลวรรณ ลาภาพนั ธ์ คณะมนษุ ย์ฯ ปี 3, การสมั ภาษณ์ออนไลน์ผ่าน Zoom, 9 มีนาคม 2565)
ส่วนมุมมองที่นักศึกษามีต่อพุทธศาสนามีความเห็นด้วยอยู่ในระดับ “ปานกลาง” ร้อยละ
64.58 และต่อหลักธรรมทางพุทธศาสนามีความเห็นด้วยอยู่ในระดับ “ปานกลาง” ร้อยละ 67.57
ซ่ึงเป็นไปในเชิงบวก โดยไม่ได้มองว่าพุทธศาสนาเป็นเรื่องงมงาย และไม่ได้มีความห่างเหิน
ต่อพุทธศาสนาเพราะมองว่ายังเป็นสิ่งสำคัญต่อสังคมไทยอยู่ นอกจากนี้นักศึกษาจากการสัมภาษณ์
เชิงลึกมองว่า การที่ผู้คนเลือกที่จะศรัทธาต่อพุทธศาสนาหรือไม่ ก็จะยังคงมองผ่านการปฏิบัติตน
ของพระสงฆ์อยู่ แต่ไม่ได้มองว่ากรณีข่าวเสื่อมเสียต่าง ๆ ของพระสงฆ์ จะส่งผลให้เลิกศรัทธา
ต่อพระสงฆห์ รอื พุทธศาสนา
นอกจากนี้ จากการสัมภาษณ์เชิงลึกยังสะท้อนให้เห็นว่า นักศึกษามองว่าความเสื่อมเสีย
ของพระสงฆ์ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตนของพระสงฆ์แต่ละรูปเท่านั้น แต่มองว่าพระสงฆ์มีส่วนสำคัญ
ที่ทำให้ผูค้ นเลือกท่ีจะศรัทธา และเลกิ ศรทั ธาในพทุ ธศาสนา
“มันทำให้หนูเลิกศรัทธาต่อพระสงฆ์เพียงแค่บางรูปค่ะ เพราะก็ยังมีพระสงฆ์บางรูป
ที่ประพฤติดีตามหลักสงฆ์ เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่คนที่นับถือพุทธศาสนา อีกอย่างคือมันไม่ได้ทำให้
136
หนูเลิกศรทั ธาในพทุ ธศาสนานะคะ ถึงแมว้ ่าพระสงฆ์จะเปน็ ผู้เผยแผ่ศาสนา เราก็แค่ศรัทธาในพระสงฆ์
ท่เี ราอยากจะศรัทธาค่ะ”
(มณัญญา ฤทธทิ ิศ คณะนิติศาสตร์ ปี 3, การสมั ภาษณ์ออนไลน์ผา่ น Zoom, 9 มีนาคม 2565)
“ไมไ่ ดท้ ำให้เลกิ ศรัทธา เพราะพระสงฆท์ ่ีประพฤตปิ ฏิบัติดีไมไ่ ด้ทำเร่ืองเส่อื มเสียกย็ ังมีมาก”
(กลุ ปรยี า มาภา คณะมนุษยฯ์ ปี 3, การสัมภาษณอ์ อนไลน์ผา่ น Zoom, 9 มนี าคม 2565)
รวมถึงมองว่าการที่ค่านิยมสมัยเข้ามาไม่ได้เป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้คนมองข้าม และการที่ผู้คน
ไม่ได้เขา้ วดั ทำบญุ กย็ ังทำใหน้ ับถือพทุ ธศาสนาได้ จากการทีย่ งั ยดึ มั่นในหลักธรรมคำสอนอยู่
2.3 แนวโนม้ ในการนบั ถือพุทธศาสนาของนกั ศกึ ษามหาวทิ ยาลัยขอนแกน่
ตารางท่ี 1
2.3.1 จากคำถาม “นักศึกษายังคงคิดวา่ พุทธศาสนามีผลต่อการดำเนินชีวิตหรอื ไม่ ในตาราง
ที่ 1” ได้ข้อค้นพบว่า นักศึกษามองว่าพุทธศาสนามีผลต่อการดำเนินชวี ิต ร้อยละ 70.0 ซึ่งสะท้อนให้
เห็นว่า ในปัจจุบนั พุทธศาสนายังคงมีผลตอ่ การดำเนินชีวิตของนกั ศกึ ษาอยู่
137
ตารางท่ี 2
2.3.2 จากคำถาม “หากพุทธศาสนามีผลต่อการดำเนินชีวิต มีผลอย่างไร ในตารางที่ 2”
ได้ข้อค้นพบว่า นักศึกษามีการทำบุญตักบาตร ร้อยละ 59.0 นั่งสมาธิ ร้อยละ 46.0 ถวายสังฆทาน
ร้อยละ 43.0 สวดมนต์ รอ้ ยละ 41.0 เวยี นเทยี น ร้อยละ 31.0 ฟังธรรม ร้อยละ 31.0 การบนบานศาล
กล่าว ร้อยละ 1.0 และการนำหลักธรรมบางข้อมาปรับใช้ ร้อยละ 1.0 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า
ในปัจจุบันนักศึกษาไม่ได้ละเลยการปฏิบัติกิจกรรมทางพุทธศาสนาศาสนา จากการที่ยังคงปฏิบัติ
กจิ กรรมทางพุทธศาสนาอยบู่ ้าง
ตารางที่ 3
2.3.3 จากคำถาม “คุณจะนับถือพุทธศาสนาต่อไปหรือไม่ ในตารางที่ 3” ได้ข้อค้นพบว่า
นักศึกษายังไม่มีความคิดที่จะหันไปนับถือศาสนาอื่น ๆ เพราะมั่นใจว่าตนเองยังคงนับถือพุทธศาสนา
อยู่ ร้อยละ 61.0 และยังไม่เคยมีความคิดที่จะหันไปนับถือศาสนาอื่น ๆ ร้อยละ 61.0 ซึ่งสะท้อนให้
เห็นว่า พุทธศาสนายังคงมีผลต่อการดำเนินชีวิตของนักศึกษา จนอาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้นักศึกษา
ยงั ไมเ่ คยมีความคดิ ที่จะหันไปนบั ถอื ศาสนาอื่น
138
ตารางท่ี 4
2.3.4 จากคำถาม “ถ้าหากนับถือต่อไป เพราะเหตุใด ในตารางที่ 4” ได้ข้อค้นพบ
ว่า นักศึกษามองว่าพุทธศาสนายังมีความสำคัญในการดำเนินชีวิต ร้อยละ 42.3 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า
แนวโน้มในการนับถือพุทธศาสนาต่อไปของนักศึกษาเป็นไปในเชิงบวก จากการมองว่าพุทธศาสนา
ยังคงมคี วามสำคัญในการดำเนนิ ชวี ติ และยังคงเลือ่ มใสศรัทธาในพทุ ธศาสนาอยู่
นอกจากนี้ จากการสัมภาษณ์เชิงลึกมีความสอดคล้องกับแบบสอบถามเชิงปริมาณ
และสะท้อนให้เห็นว่า พุทธศาสนามีผลต่อการดำเนินชีวิตของนักศึกษา โดยยังคงมีการปฏิบัติตาม
หลักธรรมทางพุทธศาสนา และยงั คงใช้พทุ ธศาสนาเปน็ เคร่อื งยดึ เหนย่ี วจิตใจ
“ทีม่ ่ันใจว่ายังนบั ถืออยู่คือ ยังมีศาสนาไวเ้ ปน็ ท่ีพงึ่ ทางใจ เช่น ตอนจะสอบก็มีการไหว้พระขอพร ตอน
ไมส่ บายใจก็ไปทำบญุ แลว้ กไ็ ม่ได้สนใจศาสนาอนื่ เลยก็เลยคิดว่าตัวเองก็ยงั คงเปน็ ชาวพทุ ธ”
(เกวลิน พลอุ่น วิทยาลยั การปกครองท้องถ่ิน ปี 3, การสมั ภาษณ์ออนไลนผ์ ่าน Zoom, 9 มีนาคม
2565)
“ก็คงเป็นการท่ียังคงไหวพ้ ระ เข้าวัด ทำบุญบ้างบางครั้งในวันพระ หรือวันที่ครอบครัวพาไป
หรอื อยา่ งเม่ือผมเห็นพระสงฆ์ก็ยังคงกราบไหว้ เหน็ พระพุทธรูปก็ไหว้ เหน็ เขารบั บริจาคเงินทำบุญก็มี
ช่วยบริจาคบา้ งครับ ไม่ได้เพิกเฉยต่อพุทธศาสนาครบั ”
139
3. สรปุ ข้อเสนอแนะ และอภปิ รายผล
3.1 สรุป
จากการศึกษามุมมองของนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นต่อพุทธศาสนาพบว่า “นักศึกษา
ยังคงใหค้ วามสำคัญต่อพุทธศาสนา” โดยมเี หตผุ ลในการนบั ถือพทุ ธศาสนาตามครอบครวั จากการถูก
ครอบครัวปลูกฝังในเรื่องพุทธศาสนา และเคยลงทะเบียนเรียนในรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา
โดยมองว่ารายวิชาที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนามีความสำคัญอยู่ในระดับปานกลาง นอกจากน้ี
เมื่อถึงวันสำคัญทางพุทธศาสนา นักศึกษายังไดเ้ ข้าวัดเพื่อทำกิจกรรมทางพทุ ธศาสนา 1 ครั้งต่อเดอื น
โดยเข้าวัดเพราะครอบครัวหรือคนรอบขา้ งชกั ชวนไป และยังมองว่ากิจกรรมทางพทุ ธศาสนาที่เคยทำ
มาได้ส่งผลดีต่อตนเองในทางจิตใจด้วย ซึ่งได้มีการปฏิบัติตนตามหลักธรรมทางพุทธศาสนา
โดยการนั่งสมาธิ พร้อมทั้งนำหลักธรรมคำสอนทางพุทธศาสนามาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
อันได้แก่ หลักปฏิบัติศีล 5 หลักธรรมอริยสัจ 4 และหลักธรรมอิทธิบาท 4 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า
“นักศึกษามีมุมมองต่อพุทธศาสนาในเชิงบวก” โดยนักศึกษามีการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้หลักธรรม
ทางพุทธศาสนาผ่านสื่อสังคมออนไลน์เป็นหลัก ถึงแม้ว่านักศึกษาจะไม่เคยเข้าชมเว็บไซต์ ยูทูบ
เฟซบุ๊กแฟนเพจ และทวิตเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาด้วยตนเอง แต่เคยเห็นข่าว/ สื่อสังคม
ออนไลน์ท่เี กยี่ วข้องกับพุทธศาสนา จากการเหน็ ขา่ วสารผ่านสื่อออนไลน์ท่วั ไป ทงั้ ยงั เคยเหน็ ข่าว/ ส่ือ
สังคมออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา ในเชิงบวก เช่น ข่าวพระสงฆ์บริจาคเงินเพื่ อสร้างอาคาร
ในโรงพยาบาล และโรงเรียน ทั้งยังเคยเห็นข่าวทีเ่ สื่อมเสีย เช่น ข่าวพระสงฆ์ซุกซ่อนสกี าไว้ภายในกฏุ ิ
ตนเอง ซึ่งนักศึกษามองว่าข่าวที่เสื่อมเสียของพระสงฆ์นั้น ไม่ได้ส่งผลให้เลิกศรัทธาต่อพระสงฆ์
หรือเลิกศรัทธาพุทธศาสนา อีกทั้งยังมองว่าข่าว/ สื่อสังคมออนไลน์ในปัจจุบันช่วยให้เข้าถึง
พุทธศาสนาได้มากขึ้น จากการได้ฟังธรรมเทศนา บทสวดมนต์ จากสื่อ หรือคลิปวิดีโอต่าง ๆ
จากการไลฟ์สดของพระสงฆ์บนสื่อออนไลน์จนทำให้สามารถนำหลักธรรมที่สอดแทรกอยู่ในสื่อ
รูปแบบต่าง ๆ ไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตได้จริงด้วย และจากการที่นักศึกษาได้ให้ความสำคัญ
ประกอบกับการที่มีมุมมองต่อพุทธศาสนาในเชิงบวกส่งผลให้ “นักศึกษามีแนวโน้มที่ดีต่อการนับถือ
พุทธศาสนา” โดยพุทธศาสนายังคงมีผลต่อการดำเนินชีวิต จากการที่ยังคงทำบุญตักบาตร
นั่งสมาธิ ถวายสังฆทาน สวดมนต์ภาวนา เวียนเทียน ฟังธรรม บนบานศาลกล่าว และนำหลักธรรม
บางข้อมาปรับใช้ อันเป็นสิ่งที่ส่งผลให้นักศึกษาเลือกที่จะไม่หันไปนับถือศาสนาอื่น และยึดม่ัน
ในการที่จะยังนับถือพุทธศาสนาต่อไป ด้วยเหตุผลที่ว่า ยังคงเลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนา
ยังคงปฏิบัติตามหลักธรรมทางพุทธศาสนาและพุทธศาสนายังสามารถเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
ได้มาโดยตลอด
140
3.2 ขอ้ เสนอแนะ
3.2.1 ข้อเสนอแนะสำหรบั การวจิ ยั ครัง้ ตอ่ ไป
3.2.1.1 ควรขยายขอบเขตการวิจัยให้กว้างขึ้น เนื่องจากงานวิจัยครั้งนี้มีข้อจำกัด
ด้านการเข้าถึงประชากร โดยเป็นการเก็บข้อมูลโดยใช้กลุ่มตัวอย่างเชิงปริมาณจำนวนเพียง 100 คน
และเชงิ คณุ ภาพ เพียง 15 คน จากนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นท้ังหมด ซึ่งทำให้ผู้วิจัยสามารถ
รวบรวมข้อมลู ได้รวดเรว็ แต่อาจถือเป็นการเข้าถึงกลุ่มประชากรในจำนวนน้อย และอาจส่งผลให้
งานวิจัยครงั้ น้ีไมส่ มบรู ณม์ ากนัก
3.2.1.2 ควรขยายเวลาในการเก็บขอ้ มลู ให้มากข้นึ เนือ่ งจากงานวิจยั ครั้งน้มี ีข้อจำกัด
ด้านเวลา โดยได้ใช้ระยะเวลาในการเก็บแบบสอบถามเชิงปริมาณ และในการสัมภาษณ์เชิงคุณภาพ
เพียง 3 วัน (วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2565 - 9 มีนาคม พ.ศ. 2565) จึงอาจส่งผลให้การเก็บข้อมูลจาก
การสัมภาษณ์ไม่ครบถว้ นทุกคำถาม
3.2.2 ข้อเสนอแนะต่อองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น และชมรมพุทธศาสน์และ
ประเพณี มหาวิทยาลัยขอนแกน่
3.2.2.1 องค์การนักศึกษามหาวิทยาลยั ขอนแกน่ และชมรมพุทธศาสน์และประเพณี
มหาวิทยาลัยขอนแก่นสามารถนำผลวิจัยในครั้งนี้ไปใช้ประกอบในการจัดรูปแบบกิจกรรม
เกี่ยวกับการส่งเสริม และการปลูกฝังพุทธศาสนาให้แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น
เช่น การจัดอภิปรายในหัวข้อเกี่ยวกับธรรม หรือเกี่ยวกับพุทธศาสนากับนักศึกษาในมหาวิทยาลัย
การจัดปาฐกถาธรรม การจัดอบรมธรรมะทายาทและจัดพิธีอุปสมบทหมู่ของนักศึกษาในช่วงภาค
การศึกษาฤดูร้อน และการจัดบอร์ดนิทรรศการเก่ียวกับพุทธศาสนา โดยอาจมีการนำเสนอภาพเขียน
และคำสอนที่มีรูปแบบที่น่าสนใจ ไม่ดูเป็นวิชาการมากเกินไป อาจมีการจัดงานอยู่บริเวณสถานที่
ภายในมหาวิทยาลัย อย่างเช่น หอศิลปวัฒนธรรม หอศิลป์ของคณะศิลปกรรมศาสตร์ หรือบริเวณ
โถงใต้ตึกองค์การนักศึกษา เพื่อช่วยให้นักศึกษาเกิดการรับรู้ ความเข้าใจ และแนวปฏิบัติที่ถูกต้อง
ในการนับถอื พทุ ธศาสนา
141
3.3 อภิปรายผล
จากวัตถุประสงค์การวิจัย คือ เพื่อศึกษามุมมองของนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น
ต่อพุทธศาสนาผลการวิจัยสามารถอภิปรายได้ว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นมองว่าพุทธศาสนา
มีความสำคัญซึ่งสอดคล้องกับ “แนวคิดการสื่อสารกับพุทธศาสนา” ที่ว่า รูปแบบการเผยแผ่
พุทธศาสนามีช่องทางในการสื่อสารเป็นแบบพืน้ ฐาน คือ การพบปะพูดคุย ซึ่งทำให้เห็นว่าการดำเนนิ
ไปเกี่ยวกับพุทธศาสนาในด้านต่าง ๆ ล้วนต้องอาศัยการสื่อสารเป็นหลัก ที่สำคัญ คือ นักศึกษา
มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ มีมมุ มองต่อพุทธศาสนาและหลักธรรมทางพุทธศาสนาในเชงิ บวก ซงึ่ สอดคล้อง
กับ “แนวคิดที่ว่าด้วยความเป็นยุคสมัยใหม่ทางพุทธศาสนา” ที่ว่า เมื่อความรู้พุทธต้องประสาน
กับการเข้ามาของเทคโนโลยี และอนิ เทอรเ์ นต็ จึงได้นำไปสู่การฟ้ืนฟู หรอื แมแ้ ต่การปฏริ ูปคำสอนทาง
พุทธศาสนาในที่สุด ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า เมื่อสังคมไทยเปลี่ยนไปผ่านการเข้ามาของสื่อสังคมออนไลน์
พทุ ธศาสนาก็ได้เปล่ียนผนั ตามไปดว้ ย และสอดคล้องกับ “แนวคิดเก่ยี วกบั การสื่อสารระหว่างบุคคล”
ทว่ี า่ การติดต่อสือ่ สารระหวา่ งบุคคล มีลักษณะง่ายตอ่ การชักจงู ให้คล้อยตาม ซง่ึ ทำใหเ้ ห็นว่านักศึกษา
ในปัจจุบันอยู่ในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ จึงทำให้สามารถเข้าถึงพุทธศาสนา ผ่านการให้ความรู้
และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถสรุปได้ว่า แนวโน้มในการนับถือพุทธ
ศาสนาของนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นไปในเชิงบวก โดยผลการวิจัยครั้งนี้ได้สอดคล้องกับ
งานวิจัยของ (วสิฐพัชร์ วาฤทธิ์, ณัฐพงค์ แย้มเจริญ, วโรชา สุทธิรักษ์, และพระเมธาวินัยรส, 2557)
ที่ศึกษาเรื่อง “การใช้สื่อโซเชยี ลมีเดียในการเผยแผ่พุทธศาสนาเชิงรุกของพระสงฆ์” พบว่า การใช้สอื่
สังคมออนไลนใ์ นการเผยแผพ่ ุทธศาสนาเชงิ รุกของพระสงฆ์ สง่ ผลให้นักศึกษาสามารถเข้าถึงหลักธรรม
คำสอนได้มากขึ้น และสามารถโต้แย้งงานวิจัยของ (จำนงค์ อดิวัฒนสิทธ์ิ, และเพ็ญศรี กาญจโน,
2525) ทศ่ี กึ ษาเร่ือง “พทุ ธศาสนาเขา้ กันได้หรือไม่กบั ความทนั สมยั ” ทีพ่ บว่า ทศั นคติของเยาวชนไทย
อาจจะยังไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร เนื่องจากพบว่านักศึกษาประมาณคร่ึงหนึ่งในกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด
ยังคงมีความคิดเห็นเชงิ ลบต่อพุทธศาสนา โดยสามารถโต้แย้งได้วา่ มมุ มองของนักศึกษาอยู่ในเชิงบวก
เนื่องจากพบว่า นักศึกษาเกินครึ่งหนึ่งในกลุ่มตัวอย่างมองว่าพุทธศาสนายังคงมีความสำคัญต่อผู้คน
ในสังคมไทยทั้งในแง่ของหลักธรรมคำสอน พระสงฆ์ และพิธีกรรมทางศาสนา ทั้งนี้งานวิจัยครั้งนี้
ยังได้ข้อค้นพบเพิ่มเติม คือ การที่นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นยังไม่มีความคิดที่จะเลิกเลื่อมใส
หรือเลิกศรัทธาในพุทธศาสนา อันถือเป็นแนวโน้มที่ดีต่อการนับถือพุทธศาสนาต่อไปในอนาคต
ซึง่ ผลการวจิ ัยในคร้ังน้ียงั สามารถสะท้อนให้เหน็ ด้วยวา่ “พุทธศาสนาในปจั จุบนั ยังไมไ่ ดถ้ ือว่าก้าวเข้าสู่
ชว่ งขาลงแต่อย่างใด”
142
บรรณานุกรม
จารุกติ ติ์ พริ ยิ สวุ ัฒน์, ประสงค์ หสั รนิ ทร์ และอดุ ร จันทวนั . (2563). พระพทุ ธศาสนากับการ
เปลี่ยนแปลงวิถีวัฒนธรรมของคนรุ่นใหม่ จังหวัดเลย. วารสาร มจร.อุบลปริทรรศน์
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั . 5 (2), 743-752
จำนงค์ อดิวัฒนสิทธิ์ และเพญ็ ศรี กาญจโน. (2525). พุทธศาสนาเข้ากันได้หรือไม่กับความทันสมัย.
วารสาร วิทยาการเกษตรศาสตร์ สาขาสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 4(2), 34-
44
เด่นพงษ์ แสนคำ และอัครยา สงั ขจันทร.์ (2563). บทวิเคราะห์รฐั ไทยกบั การปฏิรปู พทุ ธศาสนาใน
สมัยรชั กาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5. วารสารรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์
มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น. 11(1), 141- 170
ปาณสิ รา วัฒนพฤกษ์. (2557). นวตั กรรมการใชส้ ่ือเพอื่ เข้าถงึ พทุ ธธรรมของสถานโี ทรทัศนผ์ ่าน
ดาวเทียมช่องธรรมะทีวี. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขานิเทศศาสตรและนวัต
กรรม สถาบันบณั ฑิตพฒั นบริหารศาสตร์
พระครพู ิศาลจริยากร เลขธมโม และสุชน ปรวั ตั ดิ ี. (2562). จรยิ ธรรม ปญั หาพฤตกิ รรมและการ
จัดการในปัจจุบันของสังคมไทย. วารสาร มจร.มนุษยศาสตร์ปริทรรศน์ มหาวิทยาลัยมหา
จฬุ าลงกรณราช วิทยาลยั . 5(2), 131-144
พระครโู กศลธรรมานุสฐิ , พระครูสตุ าภรณพ์ สิ ุทธิ์ และพระครพู พิ ฒั นวฒุ กิ ร. (2562). พทุ ธศาสนากบั
การพัฒนาสังคมไทย ในยุคไทยแลนด์ 4.0. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร. 12(4), 1524-1527
พฒุ ริ กั ษ์ กมลชัยสกุล. (2550). รปู แบบการสอื่ สารธรรมะเพ่อื เยาวชนผา่ นเว็บไซต.์ วทิ ยานิพนธ์
นิเทศศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวชิ านิเทศศาสตรพฒั นาการภาควชิ าประชาสัมพนั ธ์ คณะนิเทศ
ศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
พระธัชนนท์ ชยาภินนโฺ ท (จนี หน)ู . (2553). วธิ กี ารถ่ายทอดหลักพุทธจรยิ ธรรมแกเ่ ยาวชนของสถาบัน
ครอบครัว: ศึกษากรณี ครอบครัวผู้ประกอบอาชีพทำสวนยาง อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบ่ี.
วิทยานพิ นธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณ์ราชวทิ ยาลยั
143
พระธรรมโกศาจารย์. (2552). วิธบี รู ณาการพระพุทธศาสนากบั ศาสตรส์ มยั ใหม.่ พมิ พ์ครัง้ ท่ี 4.
กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ หจก.ไทยรายวัยการพมิ พ์
พระมหาดาวสยาม วชริ ปญโฺ ญ, พระมหาภริ ัฐกรณ์อํสุมาลี และพระครสู ริ ปิ ญั ญาภรณ์ (ตัณโห).
(2562). พระพทุ ธศาสนาในเส้นทางสายไหม: ประวตั ิศาสตร์, หลกั ฐานทาง โบราณคดี และ
พัฒนาการการสร้างอารยธรรมของมนษุ ยชาต.ิ วารสารบัณฑิตศกึ ษามหาจฬุ าขอนแก่น. 6(1),
420-423
พระมหาสมศักดิ์ ธมุมโชตโิ ก (ธรรมโชต)ิ . (2563). บทวเิ คราะห์รูปแบบการปลูกฝังศลี ธรรมแกเ่ ยาวชน
ไทยบนสังคมออนไลน.์ วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วทิ ยาลัย. 8(4), 1582-1591
พระสุพทิ ักข์ โตเพ็ง. (2563). ศรทั ธาความเช่อื ในหลักธรรมคำส่งั สอนทางพระพทุ ธศาสนาของ
พทุ ธศาสนิกชนในยุคโลกาภวิ ัตน์. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิรน์ เอเชีย ฉบับ
สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์. 10(1), 191-200
พระไพศาล วิสาโล. (2543). แนวโนม้ ของพทุ ธศาสนาไทยในศตวรรษที่ 21. พมิ พ์ครงั้ ท่ี 1. กรุงเทพฯ:
โรงพมิ พธ์ รรมสาร
พระไพศาล วิสาโล. (2546). พทุ ธศาสนาไทยในอนาคต แนวโน้มและทางออกจากวิกฤต.
พมิ พค์ รั้งที่ 1. กรงุ เทพฯ: เรือนแก้วการพมิ พ์
ภาณทุ ัต ยอดแกว้ . (2562). ความเปน็ ยุคสมัยใหม่ทางพทุ ธศาสนาของไทย: กรณีศึกษาวาทกรรมดา้ น
สิทธิมนุษยชนของพระสงฆ์ไทย. ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต วิทยาลัยสหวิทยาการ
มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์
มนตรี สหชยั รงุ่ เรอื ง. (2564). การสง่ เสริมการมสี ว่ นร่วมของคนรุ่นใหม่ในการจัดกิจกรรมทาง
พระพุทธศาสนา. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,
8 (7), 29-38
วนิดา สดุ สงวน. (เรยี บเรียง) (2541). บทบาทพระพทุ ธศาสนากับปัญหาท้าทายในศตวรรษท่ี 21.
พิมพค์ รั้งท่ี 1. กรงุ เทพฯ: บริษทั สหธรรมิกจำกดั
144
วรรณธชั ประเสรฐิ . (2560). การส่อื สารพุทธศาสนาจากมูลนธิ ิทางศาสนาสพู่ ทุ ธศาสนกิ ชนเจนเนอเร
ชันวาย. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขานิเทศศาสตรและนวัตกรรม สถาบัน
บัณฑิตบริหารพฒั นศาสตร์
วสิฐพัชร์ วาฤทธิ์, ณฐั พงค์ แยม้ เจรญิ , วโรชา สุทธริ ักษ์, และพระเมธาวินัยรส. (2557). รปู แบบการ
สอื่ สารดา้ นพุทธศาสนาสู่คนรุน่ ใหมใ่ นยุคปัจจุบัน. [ม.ป.ท.: ม.ป.พ.]
สิรวิ รุณ. (2554). วถิ พี ทุ ธ วิถีโลกาภวิ ตั น์. พมิ พ์คร้งั ท่ี 1.กรงุ เทพฯ: เอม่ี เอน็ เตอรไ์ พรส์
สุภารกั ษ์ จูตระกลู . (ม.ป.ป.). การใช้โซเชยี ลมีเดียในการเผยแผ่พุทธศาสนาเชิงรกุ ของพระสงฆ์, คน้
เม่ือ 28 มนี าคม2565, จาก https://bit.ly/3z2CNnl
สรุ ตั น์ พกั นอ้ ย และอนิ ทกะ พิรยิ ะกุล. (2561). ภาพลกั ษณข์ องพระพุทธศาสนาในมุมมองของ
พุทธศาสนิกชนชาวไทย. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วทิ ยาลัย. 5(3), 637-653
สวุ รรณา สถาอานนั ท์. (2537). มรดกปัญญาของทา่ นพุทธทาส: พืน้ ฐานสู่พทุ ธศาสนาสมัยใหมใ่ น
สังคมไทย. วารสารพทุ ธศาสน์ศึกษา จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั . 1(1), 31-43
อนุสรณ์ อุณโณ. (2539). วัฒนธรรมการบริโภคกับพุทธธรรม. วารสารพุทธศาสน์ศึกษา จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั . 3(1), 4-21
Lily de Silva. (2546). ทา่ ทีของพุทธศาสนาตอ่ ธรรมชาต.ิ วารสารสิรนิ ธรปรทิ รรศน์ มหาวทิ ยาลยั
มหามกฏุ ราชวิทยาลยั วิทยาเขตสริ นิ ธรราชวิทยาลยั . 3(5), 1-
145
“พทุ ธพาณิชยผ์ ่านภาพยนตร์สารคดีเอหิปสั สิโก”
นางสาวภคั จริ า ฟุ้งเหยี น
นายเสฎฐวฒุ ิ สขุ สวสั ด์ิ
นางสาววรดา จนั ทวงค์
นางสาววรรณณภิ า ทองหน่อหล้า
บทคัดยอ่
จากกระแสโลกาภิวัตน์ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน พุทธศาสนาก็เช่นกัน
มีทั้งการบิดเบือนคำสอน โดยเฉพาะการเป็นพุทธพานิชย์ บทความนี้มุ่งศึกษาประเด็นพุทธพาณิชย์
ผ่านสารคดีเอหิปัสสิโกโดยใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพ พบว่าพุทธพาณิชย์แฝงอยู่ในพุทธศาสนาตั้งแต่อดีต
โดยจะอยู่ในรูปแบบการบริจาคสิง่ ของ เงินตรา หรือการซื้อวัตถุมงคลจากวัด เพื่อนำรายได้ไปจัดแจง
ค่าใช้จ่ายภายในวัด ส่งผลให้ผู้คนเกิดคำถามต่อศาสนาพุทธในประเด็นพุทธพาณิชย์มากขึ้น
ดังเช่น การทำบุญในกรณีของวัดพระธรรมกาย เป็นการทำบุญเพื่อผลประโยชน์ ทั้งตัวผู้ทำบุญ
และตัวผู้รับ เงินบริจาคที่รับมาวัดพระธรรมกายนำไปสร้างอารามที่โอ่อ่า และงดงาม รวมไปถึงจัด
กิจกรรมอย่างยิ่งใหญ่ ส่งผลให้มีคนศรัทธาและเลื่อมใสจำนวนมาก โดยธรรมกายจะถ่ายทอดหลักคำ
สอนให้แก่ผู้ศรัทธาว่า ยิ่งบริจาคมากก็จะยิ่งได้ใกล้ชิดกับพระธัมมชโย และพระพุทธเจ้า การบริจาค
เพื่อไปสวรรค์ และไปยังนิพพานเสมือนเป็นจุดหมายสูงสุดของหลักคำสอนในแบบวัดพระธรรมกาย
ซึ่งแตกต่างจากหลักคำสอนพุทธศาสนาแบบดั้งเดิมที่สอนว่าการให้ทาน คือการทำบุญโดยไม่หวัง
สิ่งตอบแทน ทำบุญเพื่อให้ทานผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทว่าการให้ทานแก่วัดพระธรรมกายแท้จริงแล้ว
เราบริจาคเพื่ออะไรกันแน่ เพราะฉะนั้น ผู้ศรัทธาควรเชื่ออย่างมีวิจารณญาณ คิด และไตร่ตรอง
ตามหลักเหตผุ ล ไมเ่ ชอื่ สุดโตง่ จนทำให้ตนเองเดือดรอ้ น หรือเปน็ ทกุ ข์ในภายภาคหน้า
คำสำคญั พระธัมมชโย, คำสอนวดั พระธรรมกาย, พทุ ธศาสนา, การทำทาน, การบรรลนุ พิ พาน
146
บทนำ
เมื่อกล่าวถึงพุทธศาสนา วัดในอุดมคติสำหรับผู้คนทั่วไป ก็คือวัดที่มีสภาพแวดล้อมสงบ
มีพระพุทธรูปประดิษฐานบูชา มีพระสงฆ์อาศัยอยู่เป็นผู้เจริญศีล สมาธิ ปัญญา และเพื่อดูแลรักษา
วัด และอีกด้านคือ เงินทองที่นำมาสร้างโบสถ์ กุฏิ อาราม ศาลาการเปรียญ สิ่งของเครื่องใช้
เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ยารักษาโรค ทุนทั้งหมดนี้ได้มาอย่างไร เป็นที่แน่นอนว่าส่วนหนึ่งมาจาก
ประชาชนที่ร่วมบริจาค ซึ่งการบริจาคเพื่อเป็นการสร้างทำบุญนั้น ก็เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายอุปโภค
บริโภคเป็นหลัก แต่ในบางกรณีวัดมีการสร้างวัตถุมงคล หรือสร้างวาทกรรมการทำบุญภายในวัดนั้น
เพอ่ื ระดมเงินจำนวนมากมายให้กบั วัด ซึ่งนำไปสูก่ ารกลายเปน็ พทุ ธพาณิชย์
พุทธพาณิชย์ เป็นกระบวนการค้าขายความเชื่อและความศรัทธาในพระพุทธศาสนา
และมีพุทธพาณิชย์ในหลายรูปแบบและวิธีการ ซึ่งมีเป้าหมายคือการสร้างรายได้และแสวงหากำไร
จึงต้องมกี ิจกรรมสนับสนุนส่งเสริมพทุ ธพาณิชย์ตามกลไกของตลาดในระบบทนุ นิยม เช่นการเชิญชวน
ขายตรง การโฆษณา เพ่อื สร้างกระแสใหเ้ กิดความตอ้ งการและนำไปสู่เป้าหมายคือรายได้และแสวงหา
กำไร (วิสมัญญา ทุลไธสงค์, 2564) ซึ่งพัฒนาการของพุทธพาณิชย์ของพุทธศาสนาในไทยปรากฏ
มาตั้งแต่ในอดีต ตลอดจนในปัจจุบันกระแสของโลกทุนนิยมส่งผลให้ความเป็นพุทธพาณิชย์ในวัดของ
ไทยจำนวนไม่น้อยทวีมากขึ้น อีกทั้งยังส่งผลต่อความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของหลักคำสอนของพุทธ
ศาสนา ซึ่งจะส่งผลต่อการปฏิบัติที่ผิดเพี้ยนไป ซึ่งพุทธพาณิชย์ที่แฝงอยู่ในพุทธศาสนาเป็นเครื่องมือ
ท่ชี ว่ ยให้วัดและพระสงฆภ์ ายในวดั ดำรงชวี ติ อยตู่ ่อไปได้ เชน่ ในกรณขี อง วดั บวั ขวญั พระปรยิ ตั ิคณุ ากร
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด กล่าวว่า เงินจากการบริจาค สำคัญที่ช่วยอุดหนุนการบรู ณปฏิสังขรณ์สิ่งก่อสร้าง
ภายในวัดและที่สำคัญเป็นรายได้ในการดูแลความเป็นอยู่ของพระสงฆ์กว่า 200 รูป ภายในวัด
(Thai PBS News, 2561) ทว่าในกรณีสารคดี เอหิปัสสิโก วัดพระธรรมกายไม่ได้นำเงินบริจาคมาใช้
จ่ายอุปโภคบริโภค หรือดูแลในเรื่องการศึกษาของพระสงฆ์เพียงเท่านั้น ผู้ศรัทธามักจะบริจาคเป็น
จำนวนมากและส่วนใหญ่จะทุ่มสุดตัว แม้ว่าทางวัดพระธรรมกายจะไม่ได้มีการบังคับหรือออกมา
ชักชวนแบบซึ่งหนา้ ทว่าคำเชื้อเชิญจะอยู่ในรูปแบบของหลักคำสอนมากกว่า เช่น อ้างอิงจากสารคดี
เอหิปัสสิโก และจากข่าวดังตวั อย่างชดุ “มหาลดาปสาธน”์ หรือชุดนกยูงที่ยึดต้นแบบจากนางวสิ าขา
สำหรับสตรีที่เป็นผู้นำทอดผ้ากฐินวัดพระธรรมกาย จากเดลินิวส์ออนไลน์ วันที่ 21 กุมพาพันธ์ 2560
การนำเสนอภาพของผ้หู ญงิ คนหนง่ึ ท่ีใส่ชุดคล้ายคลงึ กับชุดส่าหรี พ้นื หลงั เปน็ รูปกวาง ซึ่งในตัวสารคดี
ไม่ได้เจาะจงในเรื่องนี้ แต่ทว่าการที่จะเข้าไปนั่งตรงจุดนั้นได้ จำเป็นจะต้องมีการ ‘บริจาค’
เพื่อที่จะได้ใส่ชุดและเข้าไปนั่งทำกิจกรรมตรงนั้น แม้จะไม่รู้ถึงฐานะของผู้หญิงคนนั้น แต่สามารถ
อนุมานได้ในระดับหนึ่งว่าต้องเป็นหนึ่งในผู้ที่ศรัทธาต่อวัดพระธรรมกายและที่สำคัญต้องบริจาคมาก
ในระดบั หน่งึ ซ่ึงการบริจาคมากจะได้บญุ มาก ถอื เปน็ หน่ึงในคำสอนของพุทธแบบธรรมกาย (เดลินิวส์
ออนไลน์, 2560) ซึ่งในกรณีนี้จะเชื่อมโยงไปถึงประเด็นพุทธพาณิชย์และเกิดเป็นข้อเปรียบเทียบใน
เรื่องของพุทธพาณิชย์ในวัดพระธรรมกายที่แตกต่างออกไปจากวัดทั่วไป โดยนำเอาพุทธศาสนา
มาปรับเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบของสินค้าเพื่อแลกกับเงินบริจาคที่จะนำเข้ามาสร้างสถาปัตยกรรม
147
ภายในวัด ตามทฤษฎีกระบวนการทำวัฒนธรรมให้เป็นสินค้า (Commodification of culture)
คือ แนวคิดและกระบวนการผลิต โดยการใช้ทุนทางวัฒนธรรมมาทำให้เกิดมูลค่าผ่านกระบวนการ
ประดิษฐ์สร้าง หรือนำมาแปรสภาพให้เป็นสินค้าที่มีนัยยะทางวัฒนธรรมในเชิงความหมาย
หรือความแตกต่าง (ชัชพล ทรงสุนทรวงศ์, 2560: 227) เช่น จากรายงานข่าว Thai PBS News
(2560) วันที่ 6 มีนาคม 2560 ค้อนที่ทำให้รวยของวัดพระธรรมกาย รวมไปถึงการถวายเงินมาก
ก็จะได้นั่งใกล้เจ้าอาวาส หรือการแปลงนิพพานเป็นสถานที่แหง่ หนึ่งเพื่อให้ผู้คนทีท่ ำบุญมากในระดับ
หนึ่งได้เข้าไปถวายภัตตาหารให้แด่พระพุทธเจ้า โดยเงินลงทุนทั้งหมด กว่า 13,000 ล้านบาท
แต่เงินบรจิ าคจะอยู่ภายใต้การบริหาร โดยมูลนิธิมหารตั นอบุ าสกิ าจันทร์ ขนนกยงู หรือ มลู นธิ ิคุณยาย
จนั ทร์ จดทะเบียนกอ่ ตงั้ 30 กรกฎาคม 2547 บรหิ ารงานโดยเครือญาตขิ องนกั การเมอื ง และนักธรุ กิจ
ระดับประเทศ เมื่อครั้งก่อตั้งปรากฎชื่อ นางวรรณา จิรกิติ ภรรยาของนักการเมือง และน้องสาว
นายบุญชัย เบญจรงคกุล ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการอื่น ๆ มีชื่อปรากฏ
เปน็ บคุ คลใกลช้ ิดของวดั พระธรรมกาย ทถ่ี ูกเรยี กว่ากัลยาณมิตร (Thai PBS News, 2560)
วิธวี ิจัย
บทความนี้มุ่งนำเสนอประเด็นพุทธพาณิชย์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน มีรูปแบบเป็นอย่างไร
การมีอยู่ได้สร้างปัญหาต่อมาอย่างไรบ้าง โดยใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research)
ใช้รูปแบบศึกษาเขียนจากเอกสารวิชาการ บทความ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับพุทธพาณิชย์
ผ่านตัวสารคดีเอหิปัสสิโก กำกับโดยคุณณฐพล บุญประกอบ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฉายภาพให้เห็น
พุทธพาณิชย์และรูปแบบและวิธีการทางธุรกิจของพุทธพาณิชย์ที่เกิดขึ้นภายในวัดพระธรรมกาย
เพอ่ื ชว่ ยใหเ้ ขา้ ใจความเปน็ พทุ ธพาณิชย์ในสงั คมไทย
วตั ถุประสงค์
เพื่อศึกษาสาเหตุที่พุทธศาสนากลายมาเป็นพุทธพาณิชย์ในมุมมองของวัดทั่วไปและวัด
พระธรรมกาย
ผลการศกึ ษา
พุทธพาณิชย์มีมาตั้งแต่ในอดีต มูลเหตุของการที่ทำให้มนุษย์แสวงหาที่พึ่งพิง
และคิดสร้างสรรค์ลัทธิหรือศาสนาขึ้นมา และธรรมชาติแท้ๆ ของมนุษย์ต้องการสิ่งหล่อเลี้ยงจิต
วิญญาณ เนื่องจากปัญหาของการดำเนิน ชีวิต บางครั้งไม่สามารถจะเอาชนะธรรมชาติได้ หรือบางที
มีปัญหาสุขภาพอาจต้องการหมอ ต้องการวิทยาศาสตร์ แต่เมื่อพ้นขอบเขตที่หมอหรือวิทยาศาสตร์
จะช่วยได้ สิ่งเดียวจะพึ่งพิงได้ก็ คือศาสนานั่นเอง (พระครูใบฎีกาทวีศักดิ์ ใต้ศรีโคตร และคณะ,
2563: 428)
148
ท่ามกลางกระแสโลกาภิวัตน์ และระบบทุนนิยมที่เข้าครอบงำเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้เกิด
กระบวนการที่สามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้กลายเป็นสินค้าไม่เว้นแม้แต่วัฒนธรรม หรือรสนิยม
ซึ่งสินค้าทางวัฒนธรรมในประเทศไทยได้มีการกล่าวถึงไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในรูปแบบของทุนทางวัฒนธรรม (cultural capital) โดยในทางปฏิบัติแล้วคือการนำเอาทุนทาง
วฒั นธรรม มาแปรเปลี่ยนให้เปน็ สนิ คา้ และบรกิ ารเพอื่ ตอบสนองนโยบายทางเศรษฐกิจ (ณัฐพล มีแก้ว
, 2555) สอดคล้องกับกรณีของพุทธพาณิชย์ที่เป็นกระบวนการในการเปลี่ยนแปลงความเชื่อ
และความศรัทธาไปเป็นสินค้าที่สามารถซื้อขายได้ผ่านเงินตรา พร้อมทั้งกลไกในการเผยแผ่
และประชาสัมพันธ์ในเรื่องการบริจาค โดยเฉพาะกรณีของธรรมกายที่ยิ่งเป็นตัวเร่งทำให้เกิดการ
นำเอาความเชื่อและความศรัทธาให้กลายเป็นสินค้า เพื่อตอบสนองผู้ศรัทธาและดึงดูดผู้คนให้เข้ามา
ทำบุญ จนทำให้กลายเป็นพื้นที่ของผู้ที่มีกำลังทรัพย์ที่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมหรือครอบครองบุญ
เหล่านั้นผ่านการบริจาคได้ กล่าวได้ว่ารูปแบบการทำบุญและบริจาคทานในปัจจุบันได้มีการ
เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต ผู้คนมีค่านิยมความเชื่อเรื่องบุญในรูปแบบการทำทาน การบริจาคเงิน
ซึ่งเป็นการบริจาคเพ่ือสะสมบุญ เพื่อเสริมสร้างโชคลาภ และบารมีให้กับตัวเอง จนกระทั่งการบริจาค
เชิงวัตถุเพื่อสร้างสิ่งก่อสร้าง ฯลฯ จากการศึกษาประเด็นพุทธพาณิชย์ผ่านสารคดีเอหิปัสสิโก
พบว่า กรณีพุทธพาณิชย์ที่กลายเป็นกระแสข่าวและสื่อโซเชียลในสังคมไทย กล่าวคือสารคดีนำเสนอ
วัดพระธรรมกายในประเด็นปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ จนนำไปสู่การเป็นภัยความมั่นคงของ รัฐ
ทว่าประเด็นปัญหาพุทธพานิชย์ถือเป็นหนึ่งในประเด็นที่ผู้คนในสังคมและกลุ่มผู้วิจัยให้ความสนใจ
สืบเนื่องจากคำสอนของวัดพระธรรมกายที่ได้สร้างวาทกรรมคำสอนที่ว่า การทำบุญด้วยกำลังทรัพย์
มาก ก็จะได้บุญมาก หากทำด้วยกำลังทรัพย์น้อยก็จะได้บุญน้อย คำสอนน้ี นำไปสู่ประเด็น
การวิพากษว์ ิจารณม์ ากมาย เพราะศษิ ยานุศษิ ยไ์ ด้ร่วมกันต้ังกล่มุ แต่ละกลุ่มเพอื่ ระดมทนุ ในการบริจาค
เงินเข้าวัด ซึ่งเป็นการรวมเงินทุนโดยมีการแข่งขันกันที่ว่าหากใครระดมทุนได้มากก็จะได้บุญมาก
จนนำไปสู่การขายทรัพย์สินส่วนตัว เพียงเพื่อทำให้กองทุนของกลุ่มได้จำนวนเงินที่มากกว่าเท่านั้น
ซึ่งเงินทุนที่ได้ก็จะนำไปสร้างอารามขนาดใหญ่ให้กับวัดพระธรรมกาย ทั้งนี้การสร้างสถาปัตยกรรม
ขนาดใหญ่และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวนี้ นอกจากจะแข็งแรง คงทน และรองรับผู้คนได้
จำนวนมากแล้ว ยังแสดงถึงการมุ่งเน้นการสร้างความประทับใจ และทำให้ผู้คนสามารถสัมผัสได้
ถึงผลบุญ และโลกสวรรค์ได้ (ภิญญพนั ธุ์ พจนะลาวัณย์, 2557)
การนำคำสอนของพุทธศาสนามาใช้ในการสร้างวาทกรรม เพื่อใช้ในการหาผลประโยชน์
เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ทำให้การทำบุญกลายเป็นสิ่งท่ี
เสริมสร้างค่านิยมที่แตกต่าง หรืออาจถึงขั้นที่ผิดไปจากหลักคำสอน ในกรณีของวัดพระธรรมกาย
จากสารคดีเอหิปัสสิโก ที่มีการทำบุญแบบเน้นไปที่การบริจาคเงิน ตลอดจนการสร้างวาทกรรมที่ว่า
การทำบุญด้วยกำลังทรัพย์มาก ก็จะได้บุญมาก หากทำด้วยกำลังทรัพย์น้อยก็จะได้บุญน้อย
สิ่งนี้เป็นลักษณะของการซื้อขายตามวิถีแห่งสังคมบริโภคนิยม และเป็นการบ่งบอกถึงความคับแคบ
ในจิตใจของคนในยุคปัจจบุ ัน การมองบุญเป็นเร่ืองของปัจเจกนิยม คือการทำเพื่อตัวเองมากกว่าผ้อู ื่น
149
หรือการทำบุญเพื่อมุ่งที่ความต้องการส่วนตนเป็นหลัก กล่าวคือ การทำบุญเพื่อเสริมสร้างอำนาจ
วาสนา บารมี และความสำเร็จให้กับตวั เอง (ภณกุล ภวคณุ วรกติ ติ์, 2557)
สอดคล้องตามสิ่งที่สารคดีได้นำเสนอในประเด็นพุทธพาณิชย์ ที่ได้แสดงให้เห็นถึงคำสอน
เรอ่ื งบญุ ของ พระมงคลเทพมนุ ี (มปป) ทท่ี างวดั ได้นำมาติดประกาศเพื่อศิษยานุศิษยภ์ ายในวัดได้อ่าน
ความว่า “ในมนุษย์โลก ถา้ เรามบี ุญเสยี แล้ว จะคา้ ขายก็รำ่ รวย จะทำกิจการอะไรก็เจรญิ จะหาทรัพย์
สมบัติก็หาได้คล่อง สะดวกสบาย ไม่ติดขัดประการใด ถ้าไม่มีบุญ จะทำอะไรก็ติดขัดเสียไปทุกอย่าง
ทุกประการ ดังนั้นจึงได้ชักชวนพวกเราให้มาทำบญุ ทำกุศล จะได้เลิกจน เลิกทุกข์ยากลำบากเสียที”
กล่าวได้ว่ากรณีของธรรมกายเป็นไปตามแนวคิดกระบวนการกลายเป็นสินค้า ในงานของ ธรรมพร
สุขมี (2559: 15) ที่เป็นการทำให้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว กลายเป็นสินค้าเพื่อแลกเปลี่ยนกันได้
และส่ิงทีน่ ำมาแลกเปลย่ี นกนั น้ันจำเป็นต้องเป็นสิง่ ทม่ี ีคุณคา่ ในการแลกเปลี่ยน โดยปกติสินค้าช้ินหนึ่ง
จะประกอบไปด้วยคุณค่าอย่างน้อย 2 ประเภท คือ คุณค่าในการใช้ (use value) และคุณค่า
ในการแลกเปลี่ยน (exchange value) นอกจากนี้ยังมีคุณค่าอื่น ๆ เช่น คุณค่าทางจิตใจ
(sentimental value) เปน็ ต้น (ศลิ าวฒั น์ ชัยวงศ์ และคณะ, 2565) ธรรมกายนำเร่ืองคุณค่าของบุญ
กับการบริจาค มาใช้ในการแลกเปลี่ยนกันระหว่างผู้ศรัทธาและทางวัด โดยมีวาทกรรมที่ว่าหากเม่ือ
ทำบุญบริจาคทานแล้วก็จะมีสิทธิ์ในการครอบครองซึ่งความร่ำรวย พร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ
ตลอดจนการได้สั่งสมบุญเพื่อใชใ้ นโลกหลังความตายตามท่ีสารคดีได้นำเสนอ ซ่งึ การที่พุทธศาสนิกชน
ไทยยึดถือปฏิบัติแนวทางนี้อย่างเป็นปกติ มันจึงกลายเป็นเพียงเปลือกนอกที่ห่อหุ้มพระพุทธศาสนา
จนทำใหไ้ ม่สามารถเข้าถึงแก่นแทข้ องหลักพทุ ธศาสนาได้ (ภณกลุ ภวคณุ วรกิตติ์, 2557)
การที่วัดในสังคมไทยนำเอาคำสอนเรื่องบุญ มาเป็นข้ออ้างในการสร้างวาทกรรม
และพยายามสถาปนาวาทกรรมท่วี ดั ไดส้ รา้ งข้ึน ใหม้ ีอำนาจหรอื ครองความเป็นเจ้าเหนือวาทกรรมอื่น
ถือเป็นเรื่องปกติในยุคโลกาภิวัตน์ เนื่องจากสภาพสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป การเป็นพุทธ
พาณิชย์ถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการอยู่รอด หรือการมีตัวตนในสังคม เพียงแต่กรณี
ของธรรมกายน้นั เป็นเรื่องของความมอี ำนาจและความมชี ื่อเสียงมากของทางวัด ตลอดจนการถูกหยิบ
ยกนำมาสรา้ งเป็นสารคดี เป็นผลทำให้ผู้คนในสังคมยิ่งต้องการทีจ่ ะทราบและสนใจในประเด็นของวัด
มากยงิ่ ข้ึน กรณีของธรรมกาย ได้มกี ารใชห้ ลักคำสอนในพระพทุ ธศาสนามาสรา้ งวาทกรรมที่คนทั่วไป
อาจมองว่าเป็นเรื่องเกินความจริง เช่น “ปิดบัญชีทางโลก เปิดบัญชีทางธรรม” ซึ่งใครถวายเงินมาก
จะมีโอกาสใกล้ชิดเจา้ สำนัก, “ต้นธรรม ต้นธาตุ” โดยหมายถึงตนเหนือกว่าพระพุทธเจ้า, “พระรุ่นดูด
ทรัพย์” มีไว้แล้วจะโคตรรวย โคตรรวย, “ไม่ได้ไม่มี ไม่มีไม่ได้ ไม่ได้ต้องเอาให้ได้ ต้องได้และดี
และให้ดีกว่าดีที่สุด” หรือในกิจกรรมการจัดธุดงค์ธรรมชัย ก็กล่าวว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูจิตใจ
ผู้ประสบภัยน้ำท่วม เพื่อสร้างบุญใหญ่และสิริมงคลให้แผ่นดินไทย ปัดเป่าภัยพิบัติให้แผ่นดิน
แสดงความกตญั ญูอยา่ งสงู สดุ เป็นผลทำให้คนบางกลมุ่ ล่มุ หลงอยู่กบั ภาษาทส่ี วยงาม (ทวีพงศ์ นามกูล
, 2561)
150
พฤติกรรมความเชื่อของชาวพุทธในสังคมไทยปัจจุบันมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องเครื่อง ราง
ของขลังอยู่ เป็นจำนวนมากและเป็นที่แพร่หลาย ชาวพุทธมักนิยมพกพาเครื่องรางของขลังติดตัว
ตลอดเวลา ทั้งนี้เพื่อยึด เหนี่ยวจิตใจ สร้างขวัญกำลังใจ ทำให้รู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัยจากภยันตราย
รอบตัวที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะความเชื่อ ต่อเครื่องรางของขลังที่ว่าสามารถป้องกันคุ้มครองได้
และยังใหโ้ ชคลาภ โดยเฉพาะดา้ นพาณชิ ยซ์ ่ึงสามารถ สังเกตไดจ้ ากร้านคา้ ตา่ ง ๆ จะนิยมบชู านางกวัก
หรือกุมารทอง เพื่อทำมาค้าขายให้เจริญรุ่งเรือง (พระคมสัน ฐิตเมธโส และคณะ, 2561)
นอกจากการระดมทุนเพื่อสร้างอารามขนาดใหญ่แล้ว รูปแบบพุทธพานิชย์ภายในวัดพระธรรมกาย
อ ี ก ร ู ป แ บ บ ค ื อ ก า ร ส ร ้ า ง แ ล ะ อ อ ก แ บ บ พ ร ะ พ ุ ท ธ ร ู ป ท ี ่ ม ี ล ั ก ษ ณ ะ ท ี ่ ง ด ง า ม แ ล ะ เ ฉ พ า ะ ตั ว
ซึ่งการสร้างพระพุทธรูป พระพิมพ์ หรือพระเครื่อง ก็เป็นพุทธพาณิชย์ที่นำวัตถุเหล่านี้มาสร้างกำไร
ผ่านความเชือ่ และความศรัทธาของผู้คน (พระอนัญญพงศ สนเตสโก (ชายเกต), 2563) แม้จะถูกมอง
ว่าเป็นการสร้างพุทธพาณิชย์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพุทธพาณิชย์แบบวัดพระธรรมกายได้ตอบสนอง
ความตอ้ งการของผคู้ นทเี่ ปล่ียนไปตามยคุ สมยั ได้อย่างสมบรู ณ์
“พุทธพาณิชย์” ก็คือ การค้าที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา และมีพุทธพาณิชย์ในหลายรูปแบบ
และวิธีการ ซึ่งมีเป้าหมายคือการสร้าง รายได้และแสวงหากำไร จึงต้องมีกิจกรรมสนับสนุนส่งเสริม
พุทธพาณิชย์ตามกลไกของตลาดในระบบทุนนิยม เช่น การเชิญชวน ขายตรง การโฆษณา
เพื่อสร้างกระแสให้เกิดความต้องการและนำไปสู่เป้าหมายคือรายได้และ แสวงหากำไร
วิธีการในการทำ “ธุรกิจพุทธพาณิชย์” ของบรรดาวัดต่าง ๆ ที่สามารถกระตุ้นความต้องการ
ให้ พทุ ธศาสนกิ ชนเข้ามาซื้อหาและครอบครอง ซึง่ ทกุ กิจกรรมของวดั ลว้ นมเี ปา้ หมายเพือ่ สร้างรายได้
และแสวงหากำไร โดยเฉพาะมีการสร้างตำนานการตลาดที่ชวนให้หลงใหล เชื่อในอิทธิฤทธ์ิ
และผลบุญจากอานิสงส์ของการ ทำบุญที่สำคัญแค่การสร้างพระใหญ่ ก็ยังทำให้เกิดสารพัดกิจกรรม
ที่ทำให้เกิดผลประโยชน์ตามมาได้ท้ังวดั และผู้เกี่ยวข้อง (พระครูใบฎีกาทวีศกั ดิ์ ใต้ศรีโคตร และคณะ,
2557)
สรปุ ผลการศึกษา
พุทธพาณิชย์แทรกอยู่ในพุทธศาสนามาตั้งแต่อดีต เนื่องจากเป็นทางเดียวที่วัดจะมีรายได้
โดยจะอยู่ในรูปแบบของ กจิ กรรมของตัววัด วตั ถสุ งิ่ ของ การบริจาค หรือแมแ้ ต่การเชิญชวนให้เข้ามา
ทำบุญ แต่ในปัจจุบันเนื่องจากกระแสโลกาภิวัตน์และระบบทุนนิยม ทำให้ความเชื่อ และค่านิยมของ
ความเป็นพุทธศาสนาถูกมองต่างออกไป ในยุคทุนนิยมเช่นนี้ ผู้คนจะบริจาคสิ่งของ บริจาคเงิน
บริจาคเชิงวัตถุเพื่อสร้างสิ่งก่อสร้างให้วัดเพื่อเสริมสร้างบารมีให้แก่ตนเอง บ่งบอกได้ถึงการทำเพ่ือ
ตนเองเป็นหลัก ทำบุญเพียงเพื่อความสำเร็จของตนเองเพียงเท่านั้น เห็นได้จากสารคดีเอหิปัสสิโก
ท่ีพทุ ธพาณชิ ยเ์ ป็นชนวนหนงึ่ ที่ทำใหว้ ัดพระธรรมกายเกิดความขดั แย้งต่อรัฐและสังคม วาทกรรมท่ีว่า
“การทำบุญด้วยกำลังทรัพย์มากก็จะได้บุญมาก หากทำด้วยกำลังทรัพย์น้อยก็จะได้บุญน้อย ”
หรือ “ในมนุษย์โลกถ้าเรามีบุญเสียแล้ว จะค้าขายก็ร่ำรวย จะทำกิจการอะไรก็เจริญ ”
151
จนทำให้มีผู้ศรัทธาเป็นจำนวนมากขายทรัพย์สินส่วนตัวเพื่อบริจาคให้แก่วัดพระธรรมกาย
เพอ่ื นำไปสร้างอารามขนาดใหญ่ทอ่ี ้างว่าจะทำใหผ้ ู้คนสัมผัสถงึ ผลบญุ ที่ได้กระทำไป และรสู้ ึกถงึ สวรรค์
ได้ หรือ การซื้อวัตถุบูชาที่มีลักษณะงดงาม ประณีต และมีลักษณะเฉพาะตัว ถึงแม้ทางวัดจะไม่ได้
บังคับให้ผู้ที่ศรัทธาบริจาค แต่มุมมองของนักวิชาการและผู้ที่ไม่เห็นด้วยกลับคิดเห็นว่า นั่นเป็นเพียง
แค่การนำเอาหลักคำสอนมาเป็นข้ออ้างเพื่อให้ผู้ที่ศรัทธาบริจาคเงิ นให้แก่วัดพระธรรมกายมากกว่า
ดงั นนั้ การบริจาคเหล่านก้ี ็อาจจะกลา่ วได้ว่าเป็นเพียงแค่เรื่องผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายเพียงเท่าน้ัน
วัดได้เงิน ส่วนผู้ที่ทำบุญก็ได้ความสบายใจ ไม่สามารถเข้าถึงแก่นแท้ของพุทธศาสนาได้อย่างแท้จริง
แต่หากมองในอีกมุมหนึ่ง พุทธพาณิชย์ คือ วิถีทางรอดของวัดในสังคมทั้งอดีตและปัจจุบัน
อาจกล่าวได้ว่าเพื่อให้คงอยู่ วัดจึงต้องกลายเป็นพุทธพาณิชย์ และพุทธพาณิชย์ เป็นการกระจาย
รายได้ ทำให้เกดิ การจา้ งงาน ยกตวั อย่างเชน่ การสร้างอาคารหลังหนึ่ง แนวคิดการออกแบบเน้นหลัก
“ประหยัดสดุ ประโยชนส์ ูง” และสะทอ้ นใหเ้ ห็นถงึ ความ “สะอาด สวา่ ง สงบ” (Buildernew, 2559)
ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแรงงาน วัตถุดิบ และอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งวัดก็นำเงิน
บริจาคเหล่านี้ไปอุดหนุนผู้ประกอบการเพื่อหมุนเวียนเงินจำนวนนี้ต่อไป แต่ในกรณีของวัด
พระธรรมกายกลับกลายเป็นเรื่องของอำนาจและชื่อเสียงมากกว่า การนำเงินบริจาคมาสร้าง
สถาปัตยกรรมหรือจัดกิจกรรมที่เข้าขั้น ‘อลังการ’ โดยอ้างว่าเพื่อความเป็นสิริมงคล หรือเพื่อให้ได้
ใกล้ชิดกับเจ้าสำนัก ภาพจินตนาการที่สวยงามและถ้อยคำที่สวยหรูเหล่านี้ก็ทำให้ผู้คนบางกลุ่ม
ก็ยังคงหลงเชื่ออยู่ ซึ่งการทำตนทัดเทียมกับพระพุทธเจ้าและการเผยแผ่คำสอนที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม
รวมถึงการเป็นพทุ ธพาณิชย์ จดุ น้จี ึงทำให้สงั คมหันมาวพิ ากษว์ จิ ารณ์วัดพระธรรมกายเปน็ อย่างมาก
อภิปรายผลการศึกษา
สารคดีเอหิปัสสิโก อาจไม่ได้มุ่งเน้นที่จะนำเสนอในจุดนี้มากเท่ากับการนำเสนอมุมมอง
ของผู้คน แต่ทวา่ ส่วนหนึ่งของการเป็นวัดพระธรรมกาย นนั่ ก็คอื พุทธพาณิชย์ การทำบุญในกรณีของ
วัดพระธรรมกาย เป็นการทำบุญเพื่อผลประโยชน์ทั้งตัวผู้ทำบุญและตัวผู้รับเงินบริจาคที่ได้รับมาวัด
พระธรรมกายนำไปสร้างทั้งสถาปัตยกรรมไม่ว่าจะเป็น มหาวิหารคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกา
จันทร์ ขนนกยูง, อาคาร 100 ปี คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง, มหาวิหารพระ
มงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย มหาธรรมกายเจดีย์ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วน
แล้วแต่มีจุดเด่นเป็นความอลังการ สวยงาม และยิ่งใหญ่ นั่นหมายความว่าต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก
เพื่อสร้างสิ่งเหล่านี้ออกมา นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทำบุญหรือสวดมนต์อื่นๆที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน
ดังนนั้ กลา่ วได้วา่ การบริจาคของวัดพระธรรมกายเป็นการอ้างหลกั คำสอนเพื่อให้คนศรัทธาและเข้ามา
บริจาคแม้ว่าจะไม่ได้กล่าวออกมาตรงๆ แต่หลักคำสอนของวัดพระธรรมกายเป็นหัวใจหลัก
ในการชักจูงผู้คนเข้ามาศรัทธาและบริจาคและเป็นการบริจาคที่สุดโต่ง ขัดกับหลักคำสอนของพุทธ
ศาสนาแบบด้งั เดิม น่นั คอื การให้ทานโดยไม่หวงั สิ่งตอบแทน แตเ่ มือ่ เวลาทำบุญใหท้ าน ผคู้ นมักนึกถึง
152
โชคลาภและความมั่งมี หรือ “สวย รวย ฉลาด สมปรารถนา” แม้นั่นเป็นอานิสงส์อย่างหนึ่งของทาน
แต่หาใช่อานิสงส์สูงสุดของทานไม่ ประโยชน์สูงสุดที่สามารถเกิดได้จากทานก็คือ การคลายความยึด
มั่นในตัวกู ของกู หรือการลดละความโลภ หากให้ทานโดยยังหวังได้โชคลาภ ก็ไม่ช่วยให้บรรลุ
ถึงประโยชน์ดังกล่าวเลย เพราะยังเป็นการให้ที่เจือด้วยความโลภอยู่ (Minou, 2562) เช่นเดียวกับ
หลักคำสอนศาสนาพุทธในรูปแบบของวัดพระธรรมกายที่สอนให้ผู้คนบริจาคให้มาก สอนให้ทานโดย
หวังสิ่งตอบแทน นั่นคือ การไปสวรรค์ ดังนั้น ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงแก่นหลักที่แท้จริงของพุทธ
ศาสนา รวมไปถึงการทำให้วัดพระธรรมกายกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยการอำนวยความสะดวก
ในการมีรถไปรับส่งผู้ทีศ่ รัทธาเข้าวัดเพื่อไปฟังธรรม และหลักคำสอน สง่ ผลให้ผคู้ นมีความคิดตามหลัก
ของธรรมกาย แต่ผู้คนที่ศรัทธามักจะมองข้ามประเด็นนี้ไปเนื่องจากพวกเขามีหน้าที่แค่ศรัทธา
และทำบุญเพียงเท่านั้น และอาจกล่าวได้ว่าผู้คนทั่วไปก็อาจจะไม่รู้ถึงพุทธพาณิชย์ที่ซ่อนอยู่ในพุทธ
ศาสนาโดยส้นิ เชงิ ไม่ว่าจะเปน็ ท้ังในอดีตและในปัจจุบัน
ขอ้ เสนอแนะ
บทความชิ้นน้ีนอกจากจะนำเสนอพุทธพาณิชย์ที่แฝงอยู่ในรูปแบบต่างๆของพุทธศาสนาแลว้
ก็ยังนำเสนอให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงและความเป็นพุทธพาณิชย์ที่ต่างออกไปจากปกติธรรมดา
ของวัดพระธรรมกาย ผ่านสารคดี เอหิปัสสิโกอีกด้วย จุดนี้อาจทำให้ผู้คนเหมารวมไปถึงพุทธศาสนา
แบบดั้งเดิม ซึ่งความต้องการของผู้วิจัยไม่ได้มีจุดประสงค์ให้ผู้คนเลิกสนับสนุนวัด งดบริจาคเงินหรือ
วัตถุสิ่งของแก่วัด แต่เป็นเพียงการนำเสนอเพื่อให้ผู้คนตระหนักว่า วัดประกอบไปด้วยพุทธพาณิชย์
ทั้งสิ้น ควรพิจารณาถึงกำลังทรัพย์ของตนเองและควรบริจาคแต่ความพอดี หากคิดตามหลักกาลาม
สูตร 10 ประการ (RU library's Webmaster, 2555) จงเชื่อในเหตุผลอย่าเชื่อเพราะเป็นเพียงแค่
คำพูดของผู้ที่เรานับถือ หลักคำสอนของพระธัมมชโยที่ว่า ต้องบริจาคมากและทุ่มสุดตัวเพื่อจะได้
ใกล้ชิดตัวท่านเองและไปสถานที่ที่เรียกว่า นิพพาน เพื่อถวายภัตตาหารให้แด่พระพุทธเจ้า
หรือมีเป้าหมายเพื่อจะไปสวรรค์ คำสอนเหล่านี้เป็นไปตามหลักเหตุและผลหรือไม่ วัดพระธรรมกาย
หากมองจากภายนอกก็ดูโอ่อ่าและร่ำรวยมากกว่าวัดทั่วไป ดังนั้น การให้ทานแก่วัดพระธรรมกาย
แท้จริงแล้วเราให้เพื่ออะไรกันแน่ ดังนั้น ผู้ศรัทธาต้องใช้สติและปัญญาในการไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะ
คล้อยตามหลักคำสอนใดๆก็ตามเพื่อให้พ้นทกุ ข์ แต่ถ้าหากเชื่อจนเอาตัวเองไปยึดติดจนเกินไปตนเอง
เป็นทุกข์เอง บริจาคเงินมากจนต้องตัดขาดกับครอบครัวและหมดตัว เช่นนั้นก็ไม่ควรที่จะปฏบิ ัติตาม
ต่อไปเพื่อใหเ้ ราเปน็ ทุกขเ์ อง หากเข้าใจในจุดนก้ี ารนับถือพระพุทธศาสนาที่แทรกไปด้วยพุทธพาณิชย์
ก็จะยังคงดำเนินต่อไปได้ วัดก็จะยังคงอยู่ต่อไป ผู้คนก็จะศรัทธาเพื่อเสริมความสำเร็จของตนเอง
เป็นท่ีพงึ่ ทางจิตใจ และเกิดการกระจายรายได้สู่สังคมต่อไป
153
เอกสารอ้างอิง
ชัชพล ทรงสุนทรวงศ์ และพิทกั ษ์ ศริ ิวงศ์. (2560). การสร้างและการปรบั เปลยี่ นวฒั นธรรมสู่การเปน็
สินค้า
ทางการท่องเที่ยวของชาวมอญ เกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี. วารสารวิทยาลัยดุสิตธานี.
11(1), 227.
ณัฐพล มแี ก้ว. (2555). ถนนชายโขงเมอื งเชยี งคาน: การทำวัฒนธรรมใหเ้ ป็นสินคา้ เพ่ือการ
ทอ่ งเทย่ี วอำเภอ
เชียงคาน จงั หวดั เลย. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑติ ). ขอนแก่น: มหาวิทยาลยั ขอนแก่น.
ทวพี งศ์ นามกูล, สโรชา ศรสี ุวรรณ, กมลทพิ ย์ สุริยะฉันทนานนท์, กานติมา โกศลวณชิ ยก์ จิ และ
ธนวรรณ แก้วมณี. (2561). พุทธพาณิชย์: การเปลี่ยนแปลงภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์. ค้น
เมอ่ื 30 มนี าคม 2565, จาก https://prachatai.com/journal/2018/05/76764.
ธัญพชั ร ศรมี ารัตน. (2558). อัตลกั ษณ์ทางวัฒนธรรมกับกระบวนการกลายเป็ นสนิ ค้า : กรณศี ึกษา
โรงแรมปิงนครา บตู ิกโฮเทลแอนดส์ ปา เชียงใหม่. คน้ เมือ่ 25 มีนาคม 2565 จาก,
http://cmuir.cmu.ac.th/bitstream/6653943832/46102/3/full.pdf.
ธรรมพร สุขมี. (2559). ประเพณีงานศพ: กระบวนการกลายเป็นสินคา้ ภายใตก้ ระแสบรโิ ภคนยิ ม.
(วิทยานพิ นธป์ รญิ ญามหาบณั ฑติ ). สงขลา: มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์.
พระคมสนั ฐติ เมธโส, พระครปู ุรมิ านรุ กั ษ์, รศ.ดร.พระครูสนุ ทรเจติยาภวิ ัฒน์, ภทั รพล ใจเยน็ และ
พลวัฒน์ ชุมสุข.(2561). พระพุทธศาสนาการกระจายเศรษฐกิจที่ซ่อนเร้น. ในการประชุม
วิชาการ การพัฒนาชุมชน ท้องถิ่น และสังคมระดับชาติ ครั้งที่ 17 และระดับนานาชาติ
ครั้งที่ 1, คุณธรรมจริยธรรมกับการพัฒนาที่ยั่งยืน (322). พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัย
มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย.
พระครใู บฎกี าทวศี ักด์ิ ใตศ้ รโี คตร, สง่ สุข ภาแกว้ และพชั รี สายบุญเย้ือน มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลง
กรณราชวิทยาลัย วทิ ยาลยั สงฆ์เลย. (2563). วารสารมหาจฬุ านาครทรรศน์. 7(11), 428.
ภญิ ญพนั ธ์ุ พจนะลาวัณย์. (2557). การสรา้ งพนื้ ที่อภิมหาวหิ ารและพทุ ธศลิ ป์แบบแฟนตาซีของวดั
พระธรรมกาย. วารสารหน้าจ่วั . 11(2557), 92-103.
ภณกลุ ภวคณุ วรกติ ต.ิ์ (2557). พุทธพาณชิ ยแ์ ละไสยพาณชิ ย์ในพุทธศาสนาเชิงปฏบิ ัติของไทย:
กรณศี กึ ษาวัดในจังหวัดนครปฐม. วารสารพทุ ธศาสน์ศกึ ษา. 21(2), 44-74.
วสิ มญั ญา ทุลไธสงค์. (2564). การจดั ทำเอกสารวชิ าการสร้างองค์ความรู้ เรือ่ ง "การนำทรพั ยส์ นิ
ทางปัญญามาใชป้ ระโยชน์เชิงพาณิชย:์ ผลติ ภัณฑ์กัญชา". ค้นเมื่อ 28 มีนาคม 2565 จาก,
https://library1.parliament.go.th/cgi-bin/koha/opacm
detail.pl?biblionumber=98681
154
ศลิ าวฒั น์ ชัยวงศ์, สกฤติ อิสริยานนท์, สธุ ี ประศาสนเ์ ศรษฐ และชยั ณรงค์ เครอื นวน. (2565).
เศรษฐศาสตร์การเมืองของการแสวงหาและใช้ผลประโยชน์ส่วนเกินขององค์กรศาสนา.
วารสารวจิ ยวชิ าการ. 5(2), 211-212.
Buildernew. (2559). ยลสง่ิ ก่อสร้างสดุ ตระการตาใน “วัดพระธรรมกาย”. คน้ เมื่อ 25 มนี าคม
2565 จาก,
https://www.buildernews.in.th/news-updates/6369.
เดลินวิ ส์ออนไลน์. (2560). '9สตรี'บญุ หนักสวมชุดนกยูง เขา้ พธิ ีทอดกฐิน'ธรรมกาย'. ค้นเมอ่ื 28
มีนาคม 2565 จาก https://d.dailynews.co.th/regional/556988/.
Minou. (2562). เพราะชวี ติ สมดุลไดด้ ้วย ” การใหท้ าน ” บทความธรรมะจาก พระไพศาล วิ
ส า โ ล . ค ้ น เ ม ื ่ อ 25 ม ี น า ค ม 2565 จ า ก , https://goodlifeupdate.com/healthy-
mind/dhamma/4695.html
RU library's Webmaster. (2555). วิธีปฏิบัติต่อสิ่งที่ตนสงสัย หรือหลักความเชื่อ 10 ประการ
(กา
ลามสตู ร). ค้นเมือ่ 25 มนี าคม 2565 จาก, https://www.lib.ru.ac.th/miscell2/?p=1170.
Thai PBS News. (2560). เสน้ ทางการเงิน “วัดพระธรรมกาย”. อนั ตราย. ค้นเม่ือ 28 มีนาคม
2565. จาก, https://news.thaipbs.or.th/content/260685.
Thai PBS News. (2561). "พทุ ธพาณชิ ย์" แหลง่ รายได้-คา่ ใชจ้ า่ ยวดั . คน้ เมื่อ 25 มนี าคม 2565
จาก, https://news.thaipbs.or.th/content/272602.
155
การเคล่ือนไหวเรยี กรอ้ งความเท่าเทียมทางเพศในระดบั มหาวทิ ยาลัย
Gender Equality Movement in Universities
Abstract
Nowadays, Thai society has become more accepting of gender variety, with
people being able to freely show their sexual orientation through clothing, for
example. However, some people refuse to recognize gender distinctions. Homosexuals
are oppressed and discriminated against. They aren't allowed to work in jobs that aren't
open to LGBTQ+ persons. Some laws prohibit LGBTQ+ individuals from marrying or
using prefixes, among other things. This article aimed to investigate the gender equality
movement at the university level from 2017 to 2022, when LGBTQ groups came out
and demanded more in 4 - 5 years, by collecting data on student movements from
online channels from claim groups in all three universities, namely Khon Kaen
University, Chiang Mai University and Thammasat University by studying through
Facebook pages and websites. There was the formation of a movement group. Its goal
is to raise awareness of gender diversity, sexual support is provided by public relations
news. The three university group’s operations are mostly focused on movement
through online platforms through sharing information to raise awareness and
encourage the general public to engage in conversations and exchange thoughts on
gender diversity issues It also joined other advocacy groups in a march for gender
equality.
156
บทคัดย่อ
ในปัจจุบัน สังคมไทยได้มีการเปิดกว้างในเรื่องความหลากหลายทางเพศที่มากขึ้น
สามารถแสดงออกรสนิยมทางเพศของตนเองได้อย่างอิสระ เช่น การแต่งกายตามเพศวิถี เป็นต้น
แต่อยา่ งไรก็ตาม ยงั มีกลุม่ คนทไี่ มย่ อมรับความแตกต่างทางเพศ มีการกดขีแ่ ละการเลือกปฏิบัติกับเพศ
ทางเลือกถูกกีดกันในด้านการประกอบอาชีพที่ยังไม่เปิดรับเพศทางเลือกเข้ามาทำงาน นอกจากนี้
ยังมีกฎหมายที่ยังไม่รองรับสำหรับผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ในด้านการสมรสหรือการใช้คำ
นำหน้า เป็นต้น บทความชิ้นนี้ มุ่งเพื่อศึกษาการเคล่ือนไหวเรียกร้องความเทา่ เทยี มทางเพศในระดบั
มหาวิทยาลัย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560-2565 เป็นช่วงที่กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศออกมาแสดง
ตัวตน (come out) และออกมาเรียกร้องมากขึ้นใน 4-5 ปีนี้ โดยใช้ระเบียบวิจัยเชิงเอกสาร
ในการศึกษา โดยการรวบรวมข้อมูลขบวนการเคลื่อนไหวของนักศึกษาจากช่องทางออนไลน์จากกล่มุ
ผู้เรียกร้องในมหาวิทยาลัยทั้งหมด 3 มหาวิทยาลัย ได้แก่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยศึกษาผ่าน เพจเฟซบุ๊ก และเว็บไซต์
ซึ่งพบว่าการเคลื่อนไหวของนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
และมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีการจัดตั้งกลุ่มการเคลื่อนไหว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับ
ความหลากหลายทางเพศ ประชาสัมพันธ์ข่าวสาร ให้การสนับสนุนทางเพศ โดยการดำเนินงาน
ของกลุ่มทั้ง 3 มหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่จะเน้นการเคลื่อนไหวผ่านช่องทางออนไลน์ โดยการเผยแพร่
ข้อมูลเพอื่ สรา้ งความตระหนกั รู้ท่ีถูกต้อง และสง่ เสรมิ ให้ประชาชนท่วั ไปสามารถมสี ่วนรว่ ม เพ่ือพูดคุย
แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางเพศ อีกทั้งยังมีการร่วม
เดินขบวนเรียกร้องความเท่าเทยี มทางเพศกับกล่มุ เคลอื่ นไหวเรยี กรอ้ งอนื่ ๆ อกี ดว้ ย
คำสำคัญ: การเคลื่อนไหวเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศ ความหลากหลายทางเพศ การเรียกร้อง
ของนักศึกษา ความเทา่ เทียมทางเพศ
157
บทนำ: ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ หรือที่เรียกกันในชื่อ LGBTQ+ คือ กลุ่มคนที่มีอัตลักษณ์
ทางเพศหรือรสนิยมทางเพศที่ไม่ตรงกับเพศสภาพ ไม่ว่าจะเป็น เกย์ (Gay), เลสเบี้ยน (Lesbian),
กลุ่มที่รักได้ทั้งชายและหญิง (Bisexual), กลุ่มคนข้ามเพศ (Transgender) และกลุ่มคนที่ไม่ได้จำกัด
เรื่องเพศหรือความรัก (Queer) ซึ่งในอดีต กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ ถูกกล่าวหาว่าเป็นกลุ่ม
ผู้คนที่มีความผิดปกติทางจิตใจ เป็นโรคจิต วิกลจริต ความคิดเหล่านี้ถูกครอบงำด้วยวัฒนธรรมหรือ
บรรทดั ฐานทางสังคม ส่งผลให้กล่มุ ผู้คนเหล่าน้ี ถูกเลือกปฏิบตั ิจากสงั คม
ในปจั จุบนั สังคมได้มีการยอมรบั กลุ่มผ้มู ีความหลากหลายทางเพศมากขน้ึ สามารถแสดงออก
ถึงรสนิยมทางเพศของตนเองได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนให้สังคมมีการให้เกียรติ
และสิทธิแก่กลุ่มผู้คนเหล่านีอ้ ย่างเท่าเทียมผ่านองค์กรมากมาย แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่ม LQBTQ+ น้ัน
ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับจากผู้คนบางกลุ่มหรือยังคงมีความขัดแย้ง เกลียดชัง เช่น การเหยียด LGBTQ+
หรือมีพฤติกรรมการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่ม LGBTQ+ โดยสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ในครอบครัวจนถึงใน
สังคม นอกจากนี้ การที่กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศก็ยังถูกจำกัดสิทธิในการแต่งกาย
ในระดบั มหาวิทยาลยั ที่ต้องแต่งกายตามเพศสภาพ หรือแมแ้ ตใ่ นองค์กรข้าราชการก็ไม่อนุญาตให้กลุ่ม
ผู้มีความหลากหลายทางเพศแต่งกายตามรสนิยมทางเพศได้ อีกทั้งผู้คนกลุ่มนี้ยงั ต้องเผชิญกับการถูก
กดขี่ ความรุนแรง ตวั อยา่ งเช่น กรณขี องนกั ศึกษา LGBTQ+ ในมหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ได้ถูกเชิญออก
จากห้องน้ำหญิงของมหาวิทยาลัย ด้วยเหตุที่ว่านักศึกษาผู้นั้นเป็นเพศทางเลือก (ประชาไท, 2562)
เป็นตน้
การเคลื่อนไหวเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศของนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย
จึงได้ออกมาเรียกร้องเพื่อแสดงให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในสังคม ลักษณะของการเคลื่อนไหว
และวิธีการในการเรียกร้องของกลุ่มนักศึกษาในมหาวิทยาลัย โดยพบว่านักศึกษาจาก
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้มีการเคลื่อนไหว
เรียกร้องโดยวิธีการจัดตั้งกลุ่มและองค์กรเพื่อเคลื่อนไหวผ่านช่องทางออนไลน์ เพจเฟซบุ๊ก
และเว็บไซต์ เช่น การจัดตั้งกลุ่ม Young Pride Club, TU Changemaker Club, Thammasat
Pride and Allies และศูนย์เพศภาวะศึกษา-Center for Gender Studies ของคณะมนุษย์ศาสตร์
และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นต้น อีกทั้งยังมีการเข้าร่วมกับองค์กรภายนอก
เพื่อเคลื่อนไหวเรียกร้องความเท่าเทียมอีกด้วย จุดประสงค์ของการศึกษาการเคลื่อนไหวเรียกร้องใน
ระดับมหาวิทยาลัยเนื่องจากนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยมีความตระหนักรู้ ให้ความสำคัญ
158
ในด้านการเคารพสิทธิความเท่าเทียม และความเหลื่อมล้ำในเรื่องเพศทางเลือกที่เกิดขึ้นในสังคม
มาเป็นเวลานาน ทำให้การเคลื่อนไหวในสังคมหลาย ๆ กลุ่มมีนักศึกษาเข้าร่วมระดมความคิด
และปกป้องผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงทำให้การเคลื่อนไหว
ของกลุ่มนักศึกษาเป็นการเคลื่อนไหวที่สำคัญในการปลุกระดมความคิดให้กับคนกลุ่มอื่น ๆ
เพอ่ื ออกมาเรียกรอ้ งความเปลีย่ นแปลงสิทธคิ วามเทา่ เทียม การพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตและสงั คมที่ดขี นึ้
ผลการวจิ ยั
จากการศึกษาการเคลื่อนไหวเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศในมหาวิทยาลัย 3
มหาวิทยาลัย ได้แก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยขอนแก่น
ดังทก่ี ลา่ วมาข้างตน้ ผวู้ ิจยั ได้ผลการศกึ ษา ดงั รายละเอยี ดต่อไปน้ี
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศในมหาวิทยาลัย
อย่างมากมาย เช่น เรื่องการแต่งกายตามเพศวิถีของนักศึกษา ที่ได้มีการเรียกร้องตั้งแต่วันที่ 21
มกราคม พ.ศ. 2561 หรือ การเคารพสิทธแิ ละเสรีภาพของทุกเพศ เนื่องจากเหตุการณ์นักศึกษาเพศ
ทางเลือก ถูกไล่ออกจากห้องน้ำในวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2563 เป็นต้น ซึ่งการเคลื่อนไหวการ
เรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศนั้น ส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวผ่านช่องทางออนไลน์ โดยการ
ประชาสัมพันธ์ข้อมูล ข่าวสาร ที่เกี่ยวข้องกับเพศทางเลือก เพื่อเป็นการให้ผู้คนหรือประชาชนทั่วไป
ตระหนักรู้ถึงการเคารพสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น มีการจัดตั้งศูนย์สตรีศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
(Department of Women's Studies CMU) เพือ่ เป็นศูนยใ์ หค้ วามรู้ สนบั สนุน รณรงค์ และสามารถ
เข้าไปปรึกษาในเรื่องเพศวิถีได้ รวมถึงได้จัดตั้งเพจเฟซบุ๊กศูนย์สตรีศึกษา หรือ เพจเฟซบุ๊ก Young
Pride ท่มี ีการจดั ตั้งโดย เบส ชษิ ณุพงศ์ ศษิ ย์เก่ามหาวิทยาลยั เชียงใหม่ โดยมีการประชาสัมพันธข์ อ้ มูล
ข่าวสารอย่างต่อเนื่อง และยังเชิญชวนผู้คนเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านโครงการต่าง ๆ อีก
ด้วย ซึ่งจากที่กล่าวมาข้างต้น ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้เบิกเฉย และได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่าง
เป็นทางการในบางเรื่อง ได้แก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อนุญาตให้นักศึกษาแต่งกายตามเพศวิถีได้
และสามารถแต่งกายตามเพศวิถีในการเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรได้ หรือข้อบังคับที่กล่าวว่า
“บุคคลที่ปฏิบัติงานหรอื นักศึกษา พึงปฏิบัติต่อบุคคลเพศชาย เพศหญิง และบุคคลที่มีอัตลักษณ์ทาง
เพศ เพศสภาพ หรือเพศวิถีไม่ตรงกับเพศกำเนิดโดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ
159
และความเท่าเทียมทางเพศ และต้องไม่กระทำการใดที่เป็นการกลั่นแกล้ง ดูหมิ่น เหยียดหยาม
กดขี่ข่มเหง หรือลดทอนคุณค่าของบคุ คลเพราะเหตุทางเพศ เพศสภาพ หรือเพศวิถี รวมถึงการแสดง
อคติทางเพศท่ีไมเ่ คารพในสทิ ธิ และเสรภี าพของบุคคล” (ขอ้ บังคับมหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ว่าด้วยความ
เสมอภาค และความเท่าเทยี ม, 2564) เปน็ ตน้
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นมหาลัยที่เชื่อมั่นให้สิทธิและเสรีภาพของมนุษย์ทุกคน
ได้ชื่อมหาลัยอันดับหนึ่งของความเท่าเทียม จะเห็นได้จากหลักสูตรการเรียน หรือการจัดตั้งกลุ่ม
และชมรมต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนให้บุคคลที่ถูกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ และความรุนแรงทางเพศ
ได้รับสิทธิและความเท่าเทียม ซึ่งได้มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศอย่างมากมาย
โดยการเคลือ่ นไหวสว่ นใหญข่ ะผ่านช่องทางออนไลน์ เชน่ ไดม้ กี ารจัดตง้ั เพจเฟซบุ๊ก ช่ือ Thammasat
Pride and Allies เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับความเสมอภาคทางเพศ
และยังมีการร่วมมือกับกลุ่ม Thammasat Law School Feminist's Club ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2564
โดยกลุ่มนกั ศกึ ษา มจี ดุ มุ่งหมายเพอ่ื เป็นพื้นที่ของกลุ่มคนท่ีมีความสนใจในประเด็นความเท่าเทียมทาง
เพศ ในการพบปะพูดคุยและทำกิจกรรมร่วมกัน เป็นต้น นอกจาก นี้ ยังมีการจัดตั้ง TU
Changemaker Club (องค์กรขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
และมีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าร่วมสนับสนุนความเสมอภาคทางเพศ
รวมถึงการผลักดันกฎหมายเพื่อให้กลุ่มคนผู้มีความหลากหลายทางเพศมสี ิทธิในครอบครัวอย่างเสมอ
ภาคและไม่ถูกเลือกปฏิบัติเพราะเหตุแห่งเพศอีกด้วย จากที่กล่าวมาข้างต้น ทางมหาวิทยาลัยธรรม
ศาตร์ ก็ได้มีข้อเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นทางการ เช่น การอนุญาตการแต่งกายตามเพศวิถีอย่างเป็น
ทางการและสามารถแต่งกายตามเพศวิถีในการเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรได้เมื่อปี 2563
(ประกาศมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2563) หรือ การประกาศนโยบายเพื่อป้องกัน และต่อต้าน
การคุกคามและล่วงเกินทางเพศ โดยเริ่มจากการสร้างความรู้ความเข้าใจให้นักศึกษาเกี่ยวกับ
การกระทำที่ถือว่าคุกคามและล่วงเกินทางเพศ การจัดช่องทางติดต่อเพื่อให้ความช่วยเหลือ
แก่ผู้ถูกกระทำ และมีการดำเนินการตรวจสอบอย่างเป็นธรรม (คณะนิติศาสต ร์
มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์, 2564)
160
มหาวิทยาลยั ขอนแกน่
มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นมหาวิทยาลัยที่เกิดกิจกรรมการเรียกร้องทางสังคมอยู่บ่อยครั้ง
โดยถือเป็นสถานที่รู้จักกนั โดยทัว่ ไป หรือเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญในภาคอีสานที่เกิดการเรยี กร้องทาง
สังคมอยู่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมทางเพศด้วยเช่นกัน ทั้งนี้กิจกรรม
สนับสนนุ ความหลากหลายทางเพศ มีการจดั ข้นึ จากการสนับสนนุ ภายในมหาวิทยาลัย จากการศึกษา
พบการเคลื่อนไหวที่สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ ดังต่อไปนี้ 1. มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้มีการ
ป ร ะ ก า ศ อ น ุ ญ า ต ใ ห ้ น ั ก ศ ึ ก ษ า ส า ม า ร ถ แ ต ่ ง ก า ย ต า ม เ พ ศ ท า ง เ ล ื อ ก ข อ ง ต น เ อ ง ไ ด้
2. มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ประกาศนโยบายส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ โดยห้ามเลือกปฏิบัติต่อ
บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ 3. การจัดตั้งองค์กร ศูนย์เพศภาวะศึกษา Center for Gender
Studies เป็นหนึ่งในศูนย์สนับสนุนภารกิจและยุทธศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นศูนย์วิจัยที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์สร้างองค์ความรู้ด้านเพศภาวะ
โดยม่งุ เนน้ การพฒั นาโจทย์การวิจัย สนับสนนุ การวจิ ยั รวมท้ังสร้างและพัฒนาเครือขา่ ยการทำงานใน
ประเดน็ เพศภาวะ สตรแี ละเดก็ ของภูมภิ าคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ และในอนุภาคล่มุ น้ำโขง จุดประสงค์
ในการจัดตั้งองค์กรเพื่อต้องการบูรณาการให้ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขาให้เข้ามาร่วมงาน
หรือมีกิจกรรมร่วมกันเพื่อส่งเสริมประเด็น หรือขับเคลื่อนการการทำงานในเชิงสังคมร่วมกับภาคี
เครือข่ายต่าง ๆ ร่วมทง้ั ในมหาวิทยาลัยขอนแกน่ และรว่ มกบั องค์กรภายนอก 4. การเคลือ่ นไหวความ
เท่าเทียมทางเพศ โดยคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีการจัดกิจกรรมเพื่อสะท้อน
ความหลากหลายทางเพศจากการลงพ้ืนท่ีชมุ ชน และจดั กจิ กรรมภายในมหาวทิ ยาลยั
ทั้งนี้การเคลื่อนไหวเรียกร้องที่เกิดขึ้นจากบุคคลภายนอกที่เข้ามามีสว่ นร่วมในการเรยี กร้องความเท่า
เทียมทางเพศ ยกตัวอย่างการเดินเคลื่อนไหวจากบุคคลภายนอกมหาวิทยาลยั ของกลุ่มเครือข่ายความ
หลากหลายทางเพศอีสานจัดประชุมเพื่อสร้างเครือข่ายความหลากหลายทางเพศที่คณะนิติศาสตร์
มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น (ม.ขอนแกน่ ) ระหว่างวันท่ี 24 – 25 ตลุ าคม 2563 ที่ผา่ นมา โดยมีผู้สนใจเข้า
ร่วมกวา่ 40 คน ซง่ึ มาจากเกอื บทกุ จังหวัดในภาคอีสาน เป็นต้น (ดวงทพิ ย์ ฆารฤทธิ์, 2564)
161
สรุปและอภปิ รายผล
จากการศึกษาการเคล่ือนไหวเรยี กร้องความเท่าเทียมทางเพศในระดบั มหาวิทยาลยั สามารถ
สรุปผลการศกึ ษาได้ตามวตั ถุประสงค์ ดังน้ี
การเคลื่อนไหวเรียกร้องของนักศึกษาทั้ง 3 มหาวิทยาลัย คือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้มีการจัดตั้งศูนย์ ชมรม หรือเพจเฟซบุ๊กต่าง
ๆ เพื่อประชาสมั พันธ์ขอ้ มูลข่าวสาร สนับสนุนความเทา่ เทียมทางเพศ ได้แก่ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ ได้
มีการจัดตั้งศูนย์สตรีศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (Department of Women's Studies CMU.)
และ Young Pride Club มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับเพศ ประชาสัมพันธ์ข่าวสารให้การ
สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ การจัดตั้ง PRIDE Chiang Mai University Club (PRIDE CLUB)
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนที่สนใจในเรื่องของ LGBTQ+ ความเท่าเทียมทางเพศ และสิทธิ
มนุษยชน ไดม้ ีการพูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้ และมีกจิ กรรมตา่ ง ๆ ภายในมหาวทิ ยาลยั เปน็ ตน้
ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พบว่าไดม้ กี ารจัดตงั้ ลุ่ม ไดแ้ ก่ Thammasat Pride and Allies,
TU Changemaker Club (องค์กรขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์),
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และThammasat Law School Feminist's Club
มีวตั ถปุ ระสงค์ในทิศทางเดยี วกันคือ สร้างความเปลย่ี นแปลงในการยอมรับ และความตระหนักในเพศ
สภาพที่หลากหลาย รวมถึงการบังคับใช้นโยบายที่สร้างผลกระทบต่อกลุ่มผู้มีความหลากหลายทาง
เพศ โดยการดำเนินงานของกลุ่มจะเคลื่อนไหวผ่านทางช่องทางออนไลน์ ทั้งเพจเฟซบุ๊ก อิสตาแกรม
และเว็บไซต์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางเพศ ไปจนถึงการจัดกิจกรรม
ที่ให้ประชาชนทั่วไปสามารถมีส่วนร่วมเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ภายใต้หัวข้อ LGBTQ+
ทั้งการจัดเสวนา เปิดห้องClub house และการอบรมผ่านช่องทางออนไลน์อื่น ๆ เพื่อให้ทุกคน
มีความรคู้ วามเขา้ ใจ และให้ความสำคัญแกค่ นกลมุ่ นม้ี ากขึน้
ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น พบว่าได้มีการจัดตั้ง องค์กรศูนย์เพศภาวะศึกษา (Center for
Gender Studies) ภายใต้ศูนย์สนับสนุนภารกิจและยุทธศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
เป็นการให้ข้อมูล ความเข้าใจเกี่ยวกับเพศหลากหลาย โดยมีการแนะนำหนังสือ งานเสวนาพูดคุย
เกี่ยวกับเพศหลากหลายและความเท่าเทียม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการบูรณาการให้เกิดความ
ร่วมมือจากหลายสาขา หรือมีกิจกรรมส่งเสริมความเท่าเทียม ขับเคลื่อนการทำงานในเชิงสังคม
ร่วมกับภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ร่วมกันทั้งในมหาวิทยาลัย และร่วมกับองค์กรภายนอก
โดยมีมหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นศูนย์กลาง และการสนับสนุนสิทธิมนุษยชนรวมถึงความหลากหลาย
162
ทางเพศของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมีการจัดกิจกรรมทั้งในพื้นที่มหาลยั และนอก
มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่
นอกจากนี้ยังพบว่า งานส่วนใหญ่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศ
ยังไม่มีการศึกษาที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของนักศึกษา ถึงแม้ว่างานชิ้นนี้จะเป็นงานที่มีการศึกษา
ใกลเ้ คียงกนั แตง่ านท่ีผู้วิจยั ได้ทำการศึกษาน้ัน ไดน้ ำเสนอการศึกษาการเคล่ือนไหวของกลุ่มนักศึกษา
ผ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เป็นหลักฐานชั้นต้น และเป็นการรวบรวมการเคลื่อนไหวในรูปแบบออนไลน์
รวมไปถงึ การศึกษาผ่านเพจเฟซบุ๊กท่ีเก่ยี วข้องกบั ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ โดยช่วงเวลาที่ผู้วิจัย
ได้ทำการศึกษานั้น มีสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและได้นำเสนอในงานวิจัยชิ้นนี้ จะเป็นงานที่มีความเป็น
ปัจจบุ นั และเพ่ิมเติมจากงานวิจยั ช้นิ อื่น ๆ
จากการศึกษาวิจัยในครั้งนี้ ทำให้ค้นพบข้อค้นพบใหม่ คือ ในการจัดตั้งกลุ่มของนักศึกษา
ได้รับการสนับสนุนจากบุคลากรภายในมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ หรือคณบดี เพื่อให้การ
ดำเนินการของกลมุ่ สามารถทำไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ และสามารถร่วมมอื กับองค์กรภายนอกได้
163
เอกสารอ้างอิง
ข้อบงั คับมหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. (2564). วา่ ดว้ ยความเสมอภาคและความเทา่ เทยี มทางเพศของ
ผปู้ ฏิบตั ิงานในมหาวทิ ยาลยั และนกั ศกึ ษาสังกัดมหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม.่ สบื คน้ เม่ือ 8 เมษายน
2565, จาก https://council.cmu.ac.th/co-static/publish_files/GENERAL/gender-
equality-2564.pdf
ดวงทิพย์ ฆารฤทธ์.ิ (2564). เปดิ ตัวเครอื ข่าย LGBTQ อีสาน สร้างพ้นื ที่สูก่ ารยอมรบั . สบื ค้นเม่ือ 24
มีนาคม 2565, จาก https://theisaanrecord.co/2020/10/29/first-pride-parade-of-
lgbtqi-in-isaan/
ประกาศมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร.์ (2563). เร่อื ง แนวปฏิบัตติ อ่ นักศกึ ษาและการแต่งกายของ
นักศกึ ษาทมี่ อี ัตลกั ษณ์ทางเพศหรือวถิ ีทางเพศท่ีไม่ตรงกบั เพศกำเนิด พ.ศ.2563. สืบคน้ เม่อื
8 มนี าคม 2565, จาก http://regu.tu.ac.th/quesdata/Data/AA125.pdf
ประชาไท. (2563). นศ. ข้ามเพศ ม.เชียงใหมเ่ ผย ถูกเชญิ ออกจากห้องนำ้ หญงิ . สืบค้นเมื่อ 14 มีนาคม
2565, จาก https://prachatai.com/journal/2020/01/85924
พนัญญา ลาภประเสรฐิ พร. (2564). บทบาทของคณะนติ ิศาสตร์ในการสง่ เสรมิ ความหลากหลายทาง
เพศ โดย อาจารย์ ดร.พนัญญา. สืบค้นเมื่อ 12 มีนาคม 2565, จาก
https://alumni.law.tu.ac.th/news/dc0 1 b4 b2 - 1 6 8 2 - 4 5 9 7 - 8 7 8 c-
1e1bdd30d2eb/detail#_ftn1
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร.์ (2564). ‘เด็กธรรมศาสตร์’ ขบั เคล่อื นสงั คม ตง้ั กลุ่มสร้างความเสมอภาค
ทางเพศ ดึง ‘สหประชาชาติ’ เป็นที่ปรึกษา. สืบค้นเมื่อ 12 มีนาคม 2565, จาก
https://tu.ac.th/thammasat-191064-tu-changemaker-gender-equality-group
ศนู ยส์ ตรีศึกษา มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม.่ (2561). GENDER TALK CONTEST. สบื คน้ เม่ือ 14 มีนาคม
2 5 6 5 , จ า ก https://wsc.soc.cmu.ac.th/newsupdate_detail.php?id=4 &lang=
th&fbclid=IwAR0GjPQ5wUXpe3jOnSNgFj7Z7D_fgBDQhtsT4lwUCnr30whRGzzwZ
T6j9tA
164
องค์การนกั ศกึ ษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น, (2564). วนั น้ี (29 กนั ยายน 2564) ท่ีประชมุ คณะกรรมการ
พัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น ครั้งที่ 7/2564 มีมติเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศ
มหาวิทยาลัยขอนแก่น เรื่อง แนวปฏิบัติในการแต่งกายของนักศึกษา. สืบค้นเมื่อ 8 เมษายน
2 5 6 5 , จ า ก https://www.facebook.com/kkustudentunion/posts/2 9 3 3 0 4
0107010055
HUSO KKU CHANNEL. (2564). ตอนพเิ ศษ ศนู ย์สนับสนนุ ภารกจิ และยุทธศาสตร์ คณะ
มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2565, จาก
https://www.youtube.com/watch?v=z2VVCHp8u8c
KKU SUSTAINABLE DEVELOPMENT. (2564). นโยบายการส่งเสรมิ ความเสมอภาคทางเพศ
(Gender Equality). สืบค้นเมื่อ 24 มีนาคม 2565, จาก https://sdg.kku.ac.th/policy-
gender-equality
Young Pride Club. (2565). Young Pride. สบื คน้ เมื่อ 14 มนี าคม 2565, จาก
https://youngprideclub.com/about/team/
165
สถานภาพสตรีบนเวทีการประกวดนางงามฟิลิปปนิ ส์
นายปญั ญพัฒน์ ศรีบาง
สถานะเพศ หรือเพศสภาพ คือลักษณะต่าง ๆ ที่บ่งบอกความเป็นชาย และความเป็นหญิง
ซึ่งอาจหมายถึง เพศทาง ชีววิทยา โครงสร้างทางสังคมที่อาศัยความเป็นเพศ หรืออัตลักษณ์ทางเพศ
แล้วแต่บริบทในประวัติศาสตร์ เพศหญิงนั้นถือว่าเป็นเพศที่ถูกกดขี่และลิดรอนสิทธิ์มากมาย
โดยส่วนมากสังคมทั่วโลกจะเป็นสังคมแบบปิตาธิป ไตย (patriarchy) หรือ แนวคิดชายเป็นใหญ่
ที่กำหนดบรรทัดฐานว่าผู้ชายคือศูนย์กลางของสังคมมนุษย์ และ แบ่งแยกความแตกต่างระหว่าง
ชายหญิงเป็นสองขั้ว โดยระบุว่าผู้ชายเป็นเพศที่เข้มแข็ง มีเหตุผล เป็นผู้นำ ส่วนผู้หญิงเป็นเพศที่
อ่อนแอ ใช้อารมณ์ การเลี้ยงลูกเป็นหน้าที่เฉพาะของผู้หญิง ชีวิตของเพศหญิงจึงเป็นชีวิตที่อาภัพ
และไม่มีความเท่าเทียมเสมอเพศชาย จำกัดเสรีภาพในการใช้ชีวิตผ่านโครงสร้างทางสังคม
และแทรกซึมไปสู่วิถีชีวิตของผู้คนจนเกิดเป็นความเคยชิน ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ
จนกลายเป็นค่านิยมที่ยึดมั่นถือมั่นมาโดยตลอด รวมทั้งการปฏิบัติตามคำสั่งของบุพการี
และสามีอย่างเคร่งครัด โดยถือวา่ เพศชายเป็นเพศท่ีมีสทิ ธิ ศักดิ์ศรี1และมีคุณค่าต่อสังคมมากกว่าเพศ
หญิง ในปัจจุบันแนวคิดนี้ไม่ได้แพร่หลายเหมือนในอดีตและเบาบางลง ผู้หญิงได้รับ สิทธิต่าง ๆ
เพิ่มขึ้น และผู้หญิงก็พยายามเรียกร้องสิทธิต่าง ๆ ที่สมควรแก่การได้รับมากขึ้น รวมถึงพยายามก้าว
ข้ามอปุ สรรคต่าง ๆ ของชวี ติ เพ่ือทจ่ี ะทำให้คุณภาพชวี ิตของตนเองดีข้ึนได้
ตัวอย่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถสะท้อนถึงบทบาทของผู้หญิง
ได้อย่างชัดเจน คือ ฟิลิปปินส์ ที่มีการประกวดนางงามเป็นวาระแห่งชาติ เช่น การประกวด Miss
Universe หรือนางงามจักรวาล ที่มีนางงามได้ครอบครองมงกุฎถึง 4 คนด้วยกัน ถือได้ว่าเป็น
มหาอำนาจด้านนางงามอันดับหนึ่งของเอเชีย และ อันดับ 4 ของโลก การประกวดนางงาม
ในฟิลิปปินส์นั้นไม่ใช่แค่การแข่งขันเพื่อได้สายสะพายและมงกุฎ แต่ยังแฝง ไปด้วยผลประโยชน์
ของตวั นางงามเองในการประกอบอาชีพ มีคณุ ภาพชีวติ ทด่ี ีขึ้น รวมไปถึงผลพลอยได้ทางด้านการเมือง
เศรษฐกิจ และสงั คม เช่นเดยี วกัน
ความเปน็ อยู่ทั่วไปของผูห้ ญิงฟลิ ปิ ปนิ ส์และจุดเริม่ ต้นของการประกวดนางงาม
ความเป็นอยู่ของผู้หญิงฟิลิปปินส์ในปัจจุบันยังคงมีสถานะที่ไม่เท่าเทียมกับผู้ชาย
แม้ว่าประเทศนี้จะมีผู้นำเป็นประธานาธิบดีหญิงถึง 2 คนคือ คอราซอน อากิโน (Corazón Aquino)
และกลอเรีย อาร์โรโย (Gloria Arroyo) แต่สถานะของผู้หญิงฟิลิปปินส์ยังคงไม่มีเสรีภาพในการ
ตัดสินใจเท่าประเทศอื่น ฟิลิปปินส์เป็นประเทศ เดียวบนโลกที่ยังไม่มีการรับรองกฎหมายหย่าร้าง 2
1 มาโนช ดนิ ลานสกูล และ HE XIAO HUA. (2564). สังคมปติ าธปิ ไตย : ภาพสะทอ้ นบุรษุ มีอำนาจและสิทธเิ หนือสตรี จากนวนิยาย “ขา้ งหลังภาพ” ของศรี
บูรพา. หน้า 279.
2 กรุณา บัวคำศรี. (2565). กฎหมายหา้ มหย่าในฟิลปิ ปินส.์ (ออนไลน์).
166
เน่ืองจากสงั คมของฟิลิปปนิ สย์ ังคงมคี วามอนรุ ักษ์นิยมท่ีมีพนื้ ฐานมาจากการนบั ถือศาสนาคริสต์นิกาย
โรมันคาทอลิกอย่างเคร่งครัดทำให้มองว่าการหย่าร้างเป็นบาป และ การสมรสที่เป็นโมฆะวิธีเดียวท่ี
ถูกกฎหมายคือการถูกวินิจฉัยว่าเป็นบุคคลวิกลจริต มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์3 หรือสามีเสียชีวิต4
ทำให้คู่สมรสที่ต้องการหย่าทำได้มากสุดเพียงแยกกันอยู่และแบ่งสินสมรสเท่านั้น ซึ่งสาเหตุดังกล่าว
เป็นเหตผุ ลหลกั ทท่ี ำใหส้ งั คมฟิลปิ ปนิ ส์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันไม่มีความปลอดภัย เนือ่ งจากยังคงมีปัญหา
ความ รุนแรงภายในครอบครัวที่ถูกพัฒนากลายเป็นปัญหาอาชญากรรม ถึงแม้ว่าฟิลิปปินส์จะมีการ
ประกาศใช้กฎหมาย คุมกำเนิดแลว้ ซึ่งสร้างความยินดใี หแ้ ก่ผู้หญิงฟิลิปปินส์เป็นอยา่ งมาก เนื่องจาก
จะไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเครื่องผลิตเด็กอีกต่อไป แต่ก็ยังถูกคริสตจักรและประชาชนบางส่วนต่อต้าน
เพราะเชื่อว่าเป็นการทำบาปอย่างรุนแรง5ผู้หญิง ฟิลิปปินส์จึงพยายามยกระดับฐานะตนเองโดยใช้
การศึกษาและการส่งออกแรงงาน6ไปยังต่างประเทศแตก่ ใ็ ช้ เวลานาน การประกวดนางงามของผู้หญิง
ฟิลิปปินส์จึงเป็นการยกระดับตนเองที่ใช้เวลาน้อยที่สุด เพื่อออกจาก สภาวะแวดล้อมที่โหดร้าย
และเป็นหนทางเขา้ สู่วงการบนั เทงิ อีกด้วย7
ถึงแม้ว่าในกระแสโลกปัจจุบันการประกวดนางงามถือว่าเป็นการลดศักดิ์ศรีของผู้หญิง
แต่ในฟิลิปปินส์ กลับเป็นที่แพร่หลายมาก เนื่องจากถูกมองว่าเป็นการเชิดชูศักดิ์ศรีของความเป็น
ผู้หญิง และเปิดโอกาสให้ผู้หญงิ ได้แสดงพลงั ออกมา8โดยการประกวดนางงามในฟิลิปปนิ ส์มตี ั้งแตเ่ วที
ระดับหมู่บ้านที่เรียกว่า barangay beucons9 ไปจนถึงเวทีระดับประเทศ โดยเวทีที่มีชื่อเสียงมาก
ที่สุดในฟิลิปปินส์คือ Binibining Pilipinas ซี่งแสดงให้เห็นว่า ชาวฟิลิปปินส์มีความหลงใหล
ในการประกวดนางงามเป็นอย่างมาก
วัฒนธรรมการประกวดนางงามในฟิลิปปินส์มีข้อสันนิษฐานว่าเริ่มต้นในสมัยที่ฟิลิปปินส์
อยภู่ ายใต้การ ปกครองของสเปน โดยมีการคดั เลอื กหญงิ สาวประจำหมูบ่ า้ นเพ่ือเฉลิมฉลองในเทศกาล
ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิคที่เข้ามามีอิทธิพลในดินแดนนี้อย่างเทศกาล
Santa Cruzan หรือ Flores de Mayo ที่จัดขึ้น ในทุกเดือนพฤษภาคมเพื่อเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยว
โดยสาวงามที่ได้รับเลือกต้องแต่งเป็น Saint Helena ซึ่งถือว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่หลงเหลือ
จากการเป็นอาณานิคมที่อยู่ภายใต้การปกครองของสเปน และเริ่มมีบทบาท มากขึ้นในช่วงก่อน
สงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากมาอยู่ภายใต้การปกครองของสหรัฐอเมริกา ที่มีการนำหญิงสาว
แต่ละพื้นที่มาโฆษณาสินค้าท้องถิ่น10 โดยจะมีการจัดงานที่กรุงมะนิลาโดยใช้ชื่องานว่า Manila
3 China daily. (2018). 'I almost died': Abused Filipino women hope divorce will become legal. (Online).
4Ana P. Santos. (2015). Ending a Marriage in the Only Country That Bans Divorce. (Online).
5MGR Online. (2557). คริสตจักรแนะให้ชาวครสิ ต์ในฟลิ ปิ ปินสเ์ ลีย่ งกฎหมายคุมกำเนดิ . (ออนไลน)์ .
6 ไทยรัฐออนไลน.์ (2559).เจาะวฒั นธรรมฟิลิปปินส์ โกอนิ เตอร์ขายแรงงาน โกยเงินเข้าประเทศ. (ออนไลน์).
7 กรณุ า บัวคาํ ศร.ี (2565). กฎหมายห้ามหย่าในฟลิ ิปปินส์. (ออนไลน์).
8 Positioning. (2561). เบ้อื งหลังมหาอำนาจนางงาม “ฟลิ ิปปนิ ส”์ หยาดเหงอื่ คราบนำ้ ตา และความลมุ่ หลงในความ งาม. (ออนไลน์).
9 9 Arianne Merez. (2017). Why beauty pageants are popular in the Philippines. (Online).
10 NGThai. (2561). โรงเรยี นฝึกนางงาม เสน้ ทางสู่ความฝันของสาวฟลิ ิปปนิ ส์. (ออนไลน)์ .
167
Carnival ซึ่งได้รับการ สนับสนุนจากรัฐบาลอาณานิคมสหรัฐอเมริกา ซึ่งจุดเด่นของงาน คือการคัด
สาวงามเพื่อดำรงตำแหน่ง Carnival Queens ซึ่งในปีแรกได้มีการคัดสาวงาม 2 คนเพื่อเป็นตัวแทน
ของความงามแบบตะวันออกและตะวันตก ต่อมาได้มีการคัดสาวงามเพื่อเป็นตัวแทนภูมิภาคต่าง ๆ
ทั้งลูซอน วิสายัส มินดาเนา รวมไปถึงสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นชาติ ผู้ปกครองดินแดนนี้โดยในช่วงหลัง
ได้พัฒนามาเป็นการประกวดนางงามประจำชาติ ( National Beauty Queen) ในปี 1926
ถือได้ว่าเป็นการประกวดสาวงามอย่างเป็นทางการ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากการประกวด
Miss America ทเี่ ร่ิมประกวดในปี 192111
ฟิลิปปินส์เริ่มเข้าสู่การประกวดบนเวทีระดับนานาชาติครั้งแรกโดยเข้าร่วมประกวด Miss
Universe ครั้ง แรกในปี1952 โดยกระแสการประกวดนางงามของฟิลิปปินส์บนเวทีระดับนานาชาติ
เริ่มได้นับความนิยมมากขึ้น หลังจากที่ Gloria Diaz ชนะการประกวด Miss Universe 1969
ซึ่งทำให้กระแสการส่งออกนางงามไปประกวด ต่างประเทศมากขึ้น รัฐบาลฟิลิปปินส์ในขณะน้ัน
จึงต้องการใช้กระแสดังกล่าวเพื่อโปรโมทประเทศจึงรับเป็น เจ้าภาพการประกวด Miss Universe
1974 ท่ีได้รบั การสนับสนุนจาก Imelda Marcos สภุ าพสตรหี มายเลข 1 ของฟลิ ิปปินส์ ณ ขณะนั้น
ได้สั่งให้สร้างสถานที่เพื่อรองรับการประกวดภายใน 77 วัน ซึ่งภายหลังก็คือศูนย์วัฒนธรรม
ฟิลปิ ปินส์12 เพอ่ื ตอ้ งการให้ Miss Universe คนที่ 2 ของประเทศอำลาตำแหน่งในบา้ นของตน
การที่นางงามจากฟิลิปปินส์ประสบความสำเร็จบนเวทีนานาชาติมาตั้งแต่อดีตน้ัน
เพราะได้รับการสนับสนุนจาก Stella Marquez Araneta นางงามจากโคลอมเบียที่ดำรงตำแหน่ง
Miss International คนแรก ซึ่งภายหลังได้แต่งงานกับนักธุรกิจชาวฟิลิปปินส์ที่ได้นำวิธีการฝึกฝน
การเป็นนางงามจากประเทศในแถบละติน อเมริกามาใช้ ซึ่งบางครั้งก็นำตัวแทนประเทศไปเก็บตัว
ที่โรงเรียนนางงามที่ประเทศโคลอมเบียและเวเนซุเอลา โดยผลลัพท์ที่เห็นได้ชัดคือ Miriam
Quiambao ที่ได้ตำแหน่งรองอันดับหนึ่ง Miss Universe 1999 ที่ได้ไปฝึกฝนที่เวเนซุเอลา
และได้ใช้ชุดจากโคลอมเบีย13 ซึ่งภายหลังฟิลิปปินส์มีความแข็งแกร่งในการฝึกฝนนางงามของตน
จงึ ไมไ่ ดไ้ ปเก็บตัวยงั ประเทศเหล่านน้ั ต้ังแต่ปี 201514
สถานภาพของนางงามฟิลิปปินส์ในปัจจุบันเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ในอดีตนางงาม
ที่ถูกคัดเลือกตั้งแต่ Carnival Queen จนถึงการประกวดในปี1973 ล้วนเป็นกลุ่มผู้ดีภายในประเทศ
หรือนักศึกษาจากนอก ประเทศ เนื่องจากมองว่าการประกวดนางงามเป็นพิธีกรรมก่อนการแต่งงาน
และเลี้ยงดูบุตร15 แต่เมื่อความสำเร็จ ของ Margarita Moran ที่ได้เป็น Miss Universe 1973
11 Alex Y. Vergara. (2020). Pinoys’ passion for beauty pageants explained. (Online).
12 Susan A. De Guzman. (2017). THROWBACK: Folk Arts Theater, 43 years after first Miss Universe in
PH. (Online).
13 13 Rappler. (2015). Stella Araneta defends MJ Lastimosa’s national costume. (Online).
14 Rappler. (2017). Stella Araneta on Miss U:’ I’m Colombian but I would choose Philippines’.(Online).
15 Alex Y. Vergara. (2020). Pinoys’ passion for beauty pageants explained. (Online).
168
ที่ถือว่าเป็นนางงามยุคผู้ดีคนสุดทา้ ยได้ทำให้ผู้หญงิ ชนชั้น กลางออกมาประกวดมากขึ้น เพื่อต้องการ
โอกาสในด้านต่างๆ มากขึ้น ซึ่งในช่วงแรกการประกวดนางงามฟิลิปปินส์ จะเน้นเรื่องกายภาพ
มากกว่าสติปัญญา แต่เมื่อการเรียกร้องสิทธิสตรีมีมากขึ้นรวมไปถึงการตั้งคำถามกับการประกวด
ว่าการประกวดนางงามกลายเป็นข้อกังขาว่าลดคุณค่าผู้หญิงหรือไม่ ทำให้นางงามฟิลิปปินส์
เริ่มมีการเปลี่ยนทัศนคติในการประกวดนางงาม โดยเริ่มคิดโครงการเพื่อสนับสนุนสิทธิของสตรี
หรือสังคมที่เป็นรูปธรรม เห็นได้จากกรณี Miss Universe Philippines 2021 ที่เป็นทหารประจำ
กองทัพเรือที่มาเรียกรอ้ งสทิ ธิ LGBTQ+ ของตนเอง16
ภาพสะทอ้ นของบรบิ ทนางงามตอ่ ฟลิ ิปปนิ ส์
ดา้ นการเมอื ง
หากย้อนไปในยุคที่โลกเข้าสู่สงครามเย็นที่เต็มไปด้วยภาวะความตึงเครียดระหว่างกลุ่มโลก
เสรี นำโดยสหรัฐอเมริกาและกลุ่มโลกคอมมิวนิสต์นำโดยสหภาพโซเวียต ช่วงเวลานั้นในฐานะ
ที่สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำของโลกเสรีได้เริ่มชักชวนประเทศพันธมิตรเข้าประกวดนางงามจักรวาล
(Miss Universe) ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ สาเหตุหนึ่งเพื่อสร้างความร่วมมือทาง
เศรษฐกิจทุนนิยมที่ขยายตัวขึ้น ส่งเสริมการลงทุนจาก ต่างชาติ การวางนโยบายเพื่อให้สอดคล้อง
กับสหรัฐอเมริกา นางงามฟิลิปปินส์จึงกลายเป็นตัวแทนในการ ประชาสัมพันธ์ประเทศในระดับ
นานาชาติ เอกชนจึงเริ่มเข้ามามีบทบาทต่อการประกวดนางงาม มีบทบาทในฐานะผู้จัดส่งนางงาม
หรือที่เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นสปอนเซอร์ การประกวดยังเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจและการท่องเที่ยว
อีกด้วย และที่สำคัญฟิลิปปินส์ และสหรัฐอเมริกามีความสัมพันธ์อันดตี ่อกันมาตลอด จนมีการกล่าว
ว่าฟิลปิ ปินสเ์ ป็นรฐั ที่ 51 ของสหรัฐอเมริกา เพราะหลงั สงครามโลกคร้ังท่ี 2 สหรฐั อเมริกาได้ให้ความ
ช่วยเหลือทางทหาร เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมแก่ฟิลิปปินส์เป็นอันมาก รวมถึงมีข้อตกลง
และสัญญาทางทหารระหว่างกันถงึ 3 ฉบบั 17
สหรัฐอเมริกา เจ้าของฉายาพญาอินทรีย์ เจ้าของลิขสิทธิ์การประกวด Miss Universe
ไม่ว่าการจัดงาน การประกวดเวทีนี้ครั้งใด และผลจะออกมาเป็นอย่างไร ก็มักจะมีการผูกโยง
กบั เรอ่ื งผลประโยชน์ทางการเมืองอย่าง มีนัยยะเสมอ ซงึ่ การประกวด มักจะมคี วามแคลงใจว่าเพราะ
เหตุใดในรอบการตอบคำถาม ถึงมีการหยิบยกเรื่อง การเมืองเข้ามาพูดถึงเป็นประเด็นหลัก
ซึ่งคนส่วนใหญ่อาจจะมองว่ากองประกวดกำหนดคำถามที่หินเกินไป ในขณะที่แท้จริงแล้ว
การกำหนดคำถามเชน่ น้ี มีทศิ ทางทส่ี ื่อถงึ ผลประโยชน์ระหวา่ งชาติอย่างเห็นได้ชดั
16 คมชัดลึก ออนไลน์. (2564). รู้จัก "มสิ ยูนเิ วิร์ส ฟลิ ิปปินส์" คนใหม่ เธอมีแฟนเป็นผู้หญงิ . (ออนไลน)์ .
17 ศลิ ญั ชญา ปานมงคล. (2558). ‘นางงามกบั การเมือง’ เวทีขาอ่อนระดบั โลก ใช้มงกฎุ แลกผลประโยชน์?. (ออนไลน์).
169
ยกตัวอย่างการประกวดในปี 2015 หากสหรัฐอเมริกา เลือกให้ฟิลิปปินส์ชนะในครั้งน้ี
สหรัฐฯ จะได้ ผลประโยชนใ์ นข้อใด ซง่ึ ความเปน็ ไปได้ มหี ลายสาเหตุดงั นี้18
1. ข้อสังเกตแรก ฟิลิปปินส์ เป็นประเทศที่มีความตื่นตัวในเรื่องการประกวดเวทีความงาม
อย่างมาก ทั้ง แฟนนางงามก็ทุ่มแรงกายโหวตให้ตัวแทนของตนเองมากมาย การเลือกให้ฟิลิปปินส์
กา้ วข้ึนมาเป็น Miss Universe ในปีน้ีอาจเปน็ การกระตุ้น ปลุกกระแสการประกวดนางงามให้รุ่งเรือง
อกี คร้ัง
2. ปัจจัยที่ไม่อาจมองข้ามได้ คือ โดนัลด์ทรัมป์ ผู้ลงสมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี
สหรัฐอเมริกา ซึ่งเดิมเป็น นักธุรกิจที่มีอิทธิพลมากอยู่แล้ว และที่สำคัญคือเขาเคยเป็นอดีตเจ้าของ
ลิขสิทธิ์การประกวด Miss Universe อีก ด้วย เมื่อจะไปขอสร้างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ
ฟิลิปปนิ ส์ จึงทำใหน้ างงามฟลิ ปิ ปินสเ์ ข้ารอบลึก ๆ บนเวที Miss Universe ตดิ ตอ่ กนั หลายปกี ่อนหน้า
นี้ จนกระทั่งในปีที่ทรัมป์ลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ฟิลิปปินส์ซึ่งมีผลประโยชน์ในด้านธุรกิจ
จงึ ได้รบั ชยั ชนะบนเวที Miss Universe ในท่ีสุด
3. สหรัฐอเมริกาต้องการนำกำลังทางทหารไปตั้งฐานทัพในฟิลิปปินส์ จึงใช้ชัยชนะบนเวที
ขาอ่อน เป็น ใบเบิกทาง จากกรณีที่เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา พล.อ.เกรกอริโอคาตาปัง
ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม ของฟลิ ปิ ปนิ ส์ไดเ้ ปดิ เผยผา่ นสื่อต่างประเทศ กรณีที่สหรัฐอเมริกา
ได้ร้องขอการเข้าถึงฐานทัพฟิลิปปินส์กว่า 8 แห่ง เพื่อสับเปลี่ยนกำลังทหาร เครื่องบิน และเรือตาม
แผนการปกั หมดุ เอเชยี เพื่อถว่ งดุลอำนาจของจีนขยายแสนยานุภาพทางทหารในทะเลจนี ใต้
จะเห็นได้ว่าการประกวดนางงามของฟิลิปปินส์มีเรื่องของผลประโยชน์ระหว่างชาติเข้ามา
เก่ียวข้องด้วย มี ผลประโยชน์ทางด้านธุรกิจ สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างมากมาย
รวมไปถึงมีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดีต่อประเทศมหาอำนาจของโลกอย่างสหรัฐอเมริกา
ส่วนภายในประเทศรัฐบาลก็ได้ส่งเสริมการประกวด นางงามเพราะสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับ
ประเทศไดอ้ ย่างมาก
ดา้ นสงั คม
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นางงามจากฟิลิปปินส์สามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ จนกลายเป็น
มหาอำนาจของ การประกวดนางงามอกี หนงึ่ ประเทศของโลกได้คือ ความกระหายชยั ชนะของนางงาม
การที่ได้มงกุฎหรือได้รับ ตำแหน่งบนเวทีนางงาม สังคมฟิลิปปินส์จะยกย่องเชิดชูราวกับว่าเป็นผู้นำ
ของประเทศ และยังได้เข้าพบกับ ประธานาธิบดีในฐานะผู้ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ซึ่งตำแหน่ง
ที่ได้มานั้นก็เหมือนเป็นการช่วยทำให้คนอื่น ตระหนักได้ว่า ดินแดนอันไกลโพ้นทะเลอย่าง ฟิลิปปินส์
ก็สามารถโดดเด่น และสร้างชื่อเสียงจนคนทั้งโลกหันมาจับตามองได้ กลับกันในสังคมตะวันตก
18 ศลิ ัญชญา ปานมงคล. (2558). ‘นางงามกบั การเมือง’ เวทีขาออ่ นระดบั โลก ใช้มงกุฎแลกผลประโยชน์?. (ออนไลน)์ .
170
การประกวดนางงามเริ่มถูกมองในแง่ลบมากขึ้น เนื่องจากเวทีที่มีกรรมการมา ให้คะแนนนางงาม
ในชุดวา่ ยน้ำ เริม่ จะถกู มองวา่ เป็นการปฏิบัติกบั ผู้หญงิ เหมือนเปน็ วัตถุทางเพศ จนกระทั่งเวทีนางงาม
ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่าง Miss World ได้พยายามลบภาพดังกล่าวด้วยการยกเลิกการประกวด
ในรอบชุดว่ายน้ำ ส่วนเวทีใหญ่หลาย ๆ แห่งก็เลือกให้ผู้หญิงมามีบทบาทเป็นกรรมการมากขึ้น
ส่งผลให้ภาพพจน์ของการประกวดนางงามจะเร่ิมไมส่ วยงามในหลาย ๆ ประเทศ แตส่ ำหรับฟิลิปปินส์
ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงนิยมการประกวดนางงาม และมองว่าเวทีประชันโฉมไม่ได้เป็นเรื่องการ
เหยียดเพศ แต่ตรงกันข้ามชาวฟิลิปปินส์ยังเชื่อว่าเวทีประกวดนางงาม คือการเชิดชูสตรี
และเปิดโอกาสใหผ้ ู้หญงิ ได้แสดงพลงั ในตัวเองออกมา19อย่างไรกต็ าม การจะคว้ามงกฎุ ได้นั้นตอ้ งแลก
มากบั ค่าใชจ้ า่ ยระหวา่ งการเก็บตัวท่ีค่อนข้างสูง ไม่วา่ จะเปน็ ค่าชุดเสื้อผ้า คา่ เคร่อื งสำอางค่าเรียนเพ่ิม
ทักษะเพื่อการประกวด และถ้ามาจากต่างจังหวัดก็ต้องมีค่าเช่าที่พักเพิ่มขึ้นอีกด้วย แม้ว่าจะมีผู้ให้
การสนับสนุนมาช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่าย หรือมีห้องเสื้อตัดชุดให้ใส่ขึ้นเวทีประกวด ผู้สนับสนุน
เหล่านั้นก็ล้วนมีข้อแลกเปลี่ยนเพื่อหวังประโยชน์จากตัวผู้เข้าประกวดเช่นกัน ซึ่งข้อเสนอที่ดูเหมือน
เป็นเรื่องปกติในวงการนี้ก็คงจะเป็น “การยอมมีเพศสัมพันธ์” Janina San Miguel อดีต Miss
World Philippines 2008 ก็เป็นอีกคนที่มีประสบการณ์ตรงกับเรื่องเหล่านี้ และนั่นก็เป็นอีกเหตุผล
หลักที่เธอได้ตัดสินใจคืนมงกุฎ และตำแหน่งให้กับทางกองประกวด หลังจากดำรงตำแหน่งไดเ้ พียง 3
เดือนเท่านั้น ไม่ใช่แค่เพียงนางงามในฟิลิปปินส์เท่านั้นที่ถูกเสนอให้เพศสัมพันธ์กับเหล่าผู้ให้การ
สนับสนุน แม้แต่นางงามจากต่างประเทศที่ได้บินมาประกวดที่ฟิลิปปินส์อย่าง Jaime Vandenberg
นางงามตวั แทน Miss Earth จากประเทศแคนาดากเ็ คยถูกคุกคามทางเพศด้วยเช่นกัน20
วงการนางงามของฟิลิปปินส์ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทั้งเรื่องฐานะ
และเพศของคนในสังคมได้เปน็ อย่างดี มคี นจำนวนมากมาประกวดนางงามพรอ้ มกบั แรงจูงใจทจ่ี ะเป็น
กระบอกเสียงในการเปลี่ยนแปลงสังคม หรือช่วยสร้างการเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมใหม่ ๆ
เกิดขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอีกปจั จยั สำคัญนั้นเป็น เพราะว่าต้องการมีชื่อเสียง เงิน ทอง การต่อยอด
หน้าทก่ี ารงานหรอื ความสมั พนั ธ์ในอนาคตเพอื่ พฒั นาชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น
นอกจากนี้กองเชียร์ฟิลิปปินส์ก็เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ฟิลิปปินส์เป็นตลาด
ท่ีแขง็ แกร่งใน อตุ สาหกรรมนางงาม ในยุคที่การประกวดความงามเริ่มซบเซาและมองว่าเป็นการดูถูก
ผู้หญิง ซึ่งทำให้มูลค่า ทางการตลาดในอุตสาหกรรมนี้ลดลงแต่ที่ฟิลิปปินส์การประกวดนางงาม
เปรียบเสมือนความบันเทิงหลักที่ นอกเหนือจากกีฬาบาสเก็ตบอลและมวย ซึ่งสามารถชมได้ทุกเพศ
ทุกวัยเนื่องจากไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากจนทำให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของคนฟิลิปปินส์
ซ่ึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวแทนจากฟิลิปปนิ สม์ กั จะไปได้ดใี น การประกวดนางงามทั่วโลก21
19 Positioning. (2561). เบือ้ งหลงั มหาอำนาจนางงาม “ฟิลิปปนิ ส”์ หยาดเหง่ือ คราบน้ำตา และความลมุ่ หลงในความ งาม. (ออนไลน)์ .
20 CNA Insider. (2022). The Hidden Side of Philippines Beauty Pageants | Undercover Asia | Full Episode. (online).
21 Rappler. (2018). The Philippines’ beauty pageant obsession: Who benefits?. (Online).
171
ดา้ นเศรษฐกิจ
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้นางงามของฟิลิปปินส์โดดเด่นขึ้นมา คือ อุตสาหกรรมนางงาม
ในฟิลิปปินส์จะมี “ศูนย์ฝึก” หรือ “โรงเรียนสอนนางงาม” สำหรับอบรบหญิงสาวเพื่อเตรียม
ความพร้อมในการขึ้นเวทีประกวดอยู่ จำนวนมากซึ่งโรงเรียนดังกล่าวได้รับอิทธิพลมาจากโรงเรียน
สอนนางงามในประเทศเวเนซุเอลา ซึ่งในสมัยก่อนผู้ ชนะจากเวทีใหญ่ภายในประเทศจะถูกส่งไป
เก็บตัวที่โรงเรียนดังกล่าว แต่ปัจจุบันฟิลิปปินส์มีโรงเรียนสอนนางงาม ชื่อดังหลายแห่ง โดยนางงาม
ทเี่ ขา้ โรงเรยี นดังกล่าวจะได้รับการฝึกฝนระดับมืออาชีพ ท้งั ฝกึ ฝนการเดินบนรองเทา้ ส้นสูง ฝึกโพสต์
ท่า ฝึกการยิ้มแย้ม การแสดงออกบนเวทีประกวด รวมถึงฝึกฝนการอวดหุ่นในชุดว่ายน้ำ ฝึกตั้งแต่
บางคนยังอายุน้อย ๆ ความนิยมในการประกวดนางงามที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
ส่งผลให้ธุรกิจเวที
การประกวดมีเม็ดเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้น จากเดิมในปี2010 ธุรกิจประกวดสาวงาม
ในฟิลิปปินส์ได้รับเงินจากภาค ธุรกิจรวมทั้งหมดประมาณ 2.78 ล้านเปโซ (1.7 ล้านบาท)
และเพม่ิ ขน้ึ มาเปน็ 35 ล้านเปโซ (24 ลา้ นบาท) ในปี 2014 จนยอดขายตัว๋ เขา้ ชมการประกวดนางงาม
จาก 1.2 ลา้ นเปโซในปี2010 เปน็ 4 ลา้ นเปโซ ในปี2014 อกี ดว้ ย22 ชือ่ เสียงด้านนางงามของฟลิ ิปปินส์
ยังทำให้ธุรกิจปั้นนางงามเฟื่องฟู และมีสาวงามจากประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะในเอเชียที่อยากคว้า
มงกุฎมาครองท้งั ในระดับประเทศและระดับนานาชาติ เดินทางมายงั ฟิลปิ ปนิ ส์เพื่อ เตรยี มความพร้อม
สู่การเป็นนางงาม เช่น Shwe Eain Si หญิงสาวชาวเมียนมาอายุ 19 ปี ที่เคยเข้ารับการฝึกจาก
โรงเรียนสอนนางงามในฟิลิปปินส์ก่อนการประกวด Miss Grand Myanmar เพราะเชื่อว่า
จะลบจุดด้อยและเสริม จุดแข็งให้เธอได้23 ในส่วนของภาคธุรกิจและรัฐบาลฟิลิปปินส์ก็ชื่นชอบ
การประกวดนางงามเช่นเดียวกัน เพราะทุก ครั้งหากฟิลิปปินส์ได้เป็นเจ้าภาพ คือโอกาสทอง
ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์ในภาคธุรกิจ ฟิลิปปินส์ให้ปรากฏสู่สายตาผู้ชม
และผตู้ ิดตามการประกวดนางงามหลายล้านคนท่วั โลกได้
ธุรกิจการประกวดนางงามในฟิลิปปินส์นอกจากจะทำให้ธุรกิจโรงเรียนสอนนางงาม
ไดร้ ับความนิยมมากขน้ึ แลว้ ยังได้ทำให้ธุรกิจท่ีมีความเกีย่ วข้องไดร้ ับความนิยมไปด้วยทั้งธุรกิจแฟช่ัน
ขนาดเล็กมีชื่อเสียงไปทั่วโลก เนื่องจากนางงามจักรวาลชาวฟิลิปปินส์ได้ใส่ชุดราตรีของตนรับมงกุฎ
โดย Pia Wurtzbach ได้ใส่ชุดของ Albert Andrada ส่วน Catriona Gray ได้ใส่ชุดของ Mak
Tamung24 ธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีความเกี่ยวข้องกับ การประกวดนางงามอย่างเพจ Sash
Factor หรือ Misssology ที่มีจุดเริ่มต้นจากการทำโพลการประกวดนางงาม ซึ่งภายหลังได้พัฒนา
22 Mgronline. (2561). “ฟิลปิ ปนิ ส์” โรงงานผลติ นางงาม ธรุ กิจเวทีประกวดเม็ดเงินสะพัดมหาศาล. (ออนไลน)์ .
23Siwarotemarketeer. (2561). ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ‘มงลง’ บอ่ ย : ถอดรหสั มหาอำนาจเอเชยี บนเวทีนางงามโลก. (ออนไลน์).
24Rappler. (2018). The Philippines’ beauty pageant obsession: Who benefits?. (Online).
172
มาเป็นสือ่ ออนไลน์ที่ได้รับการว่าจ้างจากเวทปี ระกวดนานาชาตบิ างเวทีรวมไปถึงธุรกิจ ศัลยกรรมเพ่ือ
ความสวยงามทางกายภาพท่ีต้องตรงสดั ส่วนทองคำใหม้ ากที่สุด25
การประกวดนางงามในฟิลปิ ปนิ สก์ บั สัญญะที่แอบแฝง
การประกวดนางงามในฟิลิปปินส์ได้ซ่อนสัญญะที่แสดงถึงสภาพสังคมรวมไปถึงวิถีชีวิต
ท่ีไมไ่ ด้แสดงให้เห็น อย่างชัดเจน แตส่ อดแทรกผา่ นการกระทำท่ีเก่ียวข้องกับการประกวดนางงามไว้
หลายอยา่ ง
1.การประกวดนางงามเปรียบเสมือนการยกระดับชีวติ ของผูห้ ญิง
การประกวดนางงามเป็นการนำผู้หญิงที่ผ่านกฎเกณฑ์มาแข่งขัน ซึ่งกฎเกณฑ์ที่ถูกกำหนด
ส่วนใหญ่คือ น้ำหนัก ส่วนสูงและสัดส่วน ทำให้ผู้หญิงฟิลิปปินส์ที่ต้องการเป็นนางงามต้องพยายาม
ทำให้ร่างกายของตนผ่าน เกณฑ์ซึ่งบางครั้งอาจต้องแลกกับปัญหาสุขภาพภายหลัง ส่วนผู้หญิง
ที่ต้องการเข้าวงการบันเทิงหรือต้องการ ยกระดับสถานะของตนในวงการบันเทิงเพื่อสร้างมูลค่า
กจ็ ะใชก้ ารประกวดนางงามเปน็ บนั ไดไปสูค่ วามฝันเหน็ ได้
จากการที่มีนักแสดงและนางแบบสัญชาติฟิลิปปินส์หลายคนได้เข้าสู่การประกวดดังเช่น
Maureen Wroblewitz ผู้ ชนะรายการ Asia’s Next Top Model Cycle 5 ที่ภายหลังได้เข้า
ประกวด Miss Universe Philippines 2021 ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่นางงามฟิลิปปินส์ช่วงแรก
จะเปน็ จากเด็กสาววยั รนุ่ ที่มาจากตระกูลร่ำรวยหรือเปน็ ตระกลู ทม่ี อี ทิ ธิพล ซ่งึ กต็ อบสนองต่อเทรนด์
การประกวดยุคใหม่ที่นางงามต้องมีความคล้ายนางแบบมากขึ้น และเป็นที่ยืนยันว่าอาชีพนางงาม
ในฟิลิปปินส์ประสบความสำเร็จมากกว่านางแบบ
บางครั้งการประกวดนางงามก็กลายเป็นอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัว
ที่ยากจน โดยได้ใช้ข้อ ได้เปรียบทางกายภาพของตนเป็นอาวุธหลักในการทำงาน ซึ่งรางวัลที่ได้
บางคร้ังอาจเป็นเงินสดหรือเคร่ืองใช้ไฟฟ้า แต่ถ้าสามารถชนะในเวทีระดับประเทศกจ็ ะสามารถสร้าง
โอกาสท่เี พ่ิมขึ้นเห็นไดจ้ ากกรณี Venus Raj ตวั แทน ฟิลปิ ปินสใ์ นการประกวด Miss Universe 2010
ที่เข้าประกวดนางงามเพื่อต้องการนำเงินไปใช้ในการศึกษา26 ใน ระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งการประสบ
ความสำเร็จในการประกวดนางงามต้องแลกมาด้วยการเปลี่ยนแปลงสถานภาพ ไปเป็นบุคคล
สาธารณะ ซึ่งในยุคปัจจุบันที่เป็นยุคโลกาภิวัตน์ทำให้ต้องมีความระมัดระวังมากขึ้นในการปฏิบัติตน
หรอื แสดงทศั นะผ่านเหตกุ ารณต์ า่ งๆ27
25 Vianne Grace C. Delfinado. (2015). Beyond the Sash and Crown: A Cultural Examination of the Possible Impacts of Beauty
Pageant in the Filipino Society. (Online).
26Vincent Anthon Garcia. (2010). Earth to Venus Raj, the fiery Filipino beauty. (Online).
27 Amee Enriquez. (2014). Philippines: How to make a beauty queen. (Online).
173
2.การประกวดนางงามแสดงให้เหน็ ถงึ ผลลัพธ์จากการสง่ ออกแรงงาน
การส่งออกแรงงานออกไปยังต่างประเทศถือว่าเป็นการส่งออกทรัพยากรที่สำคัญ
ของประเทศฟลิ ิปปนิ ส์28 เนอื่ งจากค่านยิ มของประเทศท่ีไดร้ บั อิทธิพลจากศาสนาคริสต์นิกายโรมันคา
ทอลิคที่มองว่าการคุมกำเนิดเป็นบาป มหันต์ จึงทำให้มีประชากรจำนวนมากทำให้ทรัพยากร
ภายในประเทศไม่เพียงพอ รวมไปถึงภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ เป็นระยะเวลานานจึงมีการส่งออก
แรงงานไปยังประเทศต่าง ๆ จึงทำให้เกิดการแต่งงานระหว่างชาวฟิลิปปินส์กับ คนในดินแดนต่าง ๆ
สังเกตได้จากนางงามฟิลิปปินส์ยุคเก่าบางคนจะเป็นลูกหลานผู้มีอิทธิพลที่มีความสัมพันธ์กับ
เจ้าอาณานิคม ส่วนนางงามฟิลิปปินส์ยุคใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นลูกผสมชาวยุโรปกับแรงงานที่ออกไป
ทำงานที่ ต่างประเทศเห็นได้จาก Miss Universe 2015 Pia Wurtzbach มีเชื้อสายเยอรมัน
และ Catriona Gray Miss Universe 2018 ก็มีเชื้อสายออสเตรเลีย ซึ่งทำให้มีรูปลักษณ์คล้ายกับ
ชาวตะวันตก ทำให้นักชาตินิยมบางคนมอง ว่าการประกวดนางงามเป็นการแสดงให้เห็นถึงการนิยม
วัฒนธรรมตะวันตกประเภทหนึ่ง29 แต่ก็มีข้อโต้แย้งว่าการ ประกวดนางงามคือเอกลักษณ์ของชาว
ฟิลิปปินส์ ที่แสดงให้เห็นถึงการรวมมวัฒนธรรมอาณานิคม 2 ยุคที่ว่าด้วยความรื่นเริงจากเทศกาล
ต่างๆ แสดงถึงความเป็นสเปน และความหรูหราและมนต์เสน่ห์ ความเป็นอเมริกัน
จาก สหรัฐอเมรกิ า30
3.การประกวดนางงามเปน็ การแขง่ ขันทางธรุ กจิ ไม่ใชอ่ งค์กรการกุศล
ด้วยความเขา้ ใจของคนในสงั คมทั่วไปมักมองว่าการประกวดนางงามเปน็ งานการกุศลท่ีแสดง
ให้เห็นถึง อำนาจ แต่ความเป็นจริงแล้วการประกวดนางงามได้ถูกเปลี่ยนแปลงให้เป็นธุรกิจ
เมื่อการประกวด Miss Universe ได้รับความนิยมจากทั่วโลกชว่ งทศวรรษ 1970 ซึ่งในระยะแรกน้ัน
เป็นรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ต้องการโปรโมทการ ท่องเที่ยวซึ่งฟิลิปปินส์ก็ได้เป็นเจ้าภาพสองครั้งคือปี
1974 และ 1994 แต่ระยะหลังเมื่อธุรกิจประกวดความงามเริ่ม ซบเซาทำให้กลุ่มเอกชนต้องเข้ามามี
บทบาทมากขึ้นจนทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างองค์กรเกิดขึ้นโดยมีการ ประกวดนางงาม
เป็นตัวแทนระหวา่ งเวที Binibining Pilipinas และ Miss Universe Philippines
การประกวดนางงามที่เก่าแก่ในฟิลิปปนิ ส์อย่าง Binibining Pilipinas ทเี่ ริ่มก่อต้ังในปี 1964
นนั้ อย่ภู ายใต้ กลุ่มธุรกิจ Araneta Group ของตระกูล Araneta ที่สืบเชอื้ สายมาจากสเปนที่เข้ามาใน
ฟิลิปปินส์ในช่วงอาณานิคม ถือว่าเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากในฟิลิปปินส์เนื่องจากเป็นเจ้าของ
โครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่อย่าง Araneta City ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งและโรงแรม
ชั้นนำในฟลิ ปิ ปินสอ์ ย่าง Novotel Manila แบรนดแ์ ฟรนไชส์ ชนั้ นำอย่าง Pizza Hut, Dairy Queen
28กรุงเทพธรุ กจิ . (2563). 'แรงงาน' ทรัพยากรมีค่าระบบเศรษฐกิจฟิลิปปินส.์ (ออนไลน์).
29Chelsea Salac White. (2019). Philippines: Powerhouse of Beauty Pageants. (Online).
30 Alex Y. Vergara. (2020). Pinoys’ passion for beauty pageants explained. (Online).
174
และ 7-Eleven รวมไปถึงสนาม Araneta Coliseum ซึ่งเป็นสนามกีฬาใน ร่มที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย31
ซึ่งแบรนด์สินค้าดังกล่าวก็เป็นผู้สนับสนุนในการประกวด Binibining Pilipinas มาโดยตลอด
โดยมีผู้อำนวยการกองประกวดคือ Stella Araneta32สะใภ้ชาวโคลอมเบีย กล่าวได้ว่าผู้ชนะในการ
ประกวด ดังกล่าวก็ถือว่าเป็น Brand Ambassador ให้กับกลุ่มธุรกิจ Araneta Group โดยเวทีนี้ได้
ถือลิขสิทธิ์การส่งผู้เข้า ประกวด Miss Universe ในนามประเทศฟิลิปปินส์ตั้งแต่ปี 1964 – 2020
ซึ่งภายหลังลิขสิทธิ์ได้ตกไปอยู่กับการ ประกวด Miss Universe Philippines33 ที่มี Shamcey
Supsup เป็นผู้อำนวยการกองประกวด โดยอยู่ภายใต้ กลุ่มธุรกิจ LCS Group ที่มีเจ้าของคือตระกูล
Singson ที่ดำเนินธรกิจด้านพลังงานและโทรคมนาคม34ตัวแปร สำคัญที่ทำให้เกิดเหตุการณ์
ดังกล่าวคือการที่ตระกูล Singson ได้มีการรวบรวมเงินทุนเพื่อยื่นเสนอให้ฟิลิปปินส์ เป็นเจ้าภาพใน
การประกวด Miss Universe 2016 และเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นหลังจากการประกวด
Miss Universe 2018 ที่มีสาวงามจากฟิลิปปินส์ Catriona Gray เป็นผู้ชนะและบุตรสาวRichelle
Singson-Michael เป็นคณะกรรมการตัดสิน35
การแย่งชิงลิขสิทธิ์ในการส่งตัวแทนเข้าร่วมประกวด Miss Universe แสดงให้เห็นว่าธุรกิจ
การประกวดนางงามสามารถสร้างกำไรได้อย่างมหาศาล โดยมีสินค้าคือเรือนร่างของผู้หญิง
และความสวยงามเพราะฐานลูกค้าของการประกวดคือประชาชนฟิลิปปินส์ที่มีวัฒนธรรมนิยม
ชอบการประกวดนางงามเน่ืองจากสามารถขายโฆษณาไดร้ ะหวา่ งการประกวด36
สรุป
จากสถานภาพของผู้หญิงฟิลิปปินส์ท่ีมีชีวติ ความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก และไม่ได้รับความเท่า
เทียมในสังคม จึงใช้เวทีการประกวดนางงามเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของตนเองให้ดีขึ้น
ความสำเร็จของการครอบครองมงกุฎ และสายสะพาย ส่งผลให้ผู้เข้าประกวดได้รับรางวัลมูลค่า
มหาศาล ได้ทำงานในองค์กรหรือมีตัวเลือกในการ ประกอบอาชีพเพิ่มมากขึ้น สร้างรายได้
ให้กับตนเองและครอบครัวผู้เข้าประกวดนางงามจึงพยายามใช้เวทีการประกวดทั้งเพื่อผลประโยชน์
ของตนเองและ ใช้เรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมต่าง ๆ ให้กับผู้หญิงเพื่อต้องการจะสื่อว่าผู้หญิงนั้น
ไม่ใช่เพศที่จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ชาย ผู้หญิงสามารถทำประโยชน์ได้หลาย ๆ
อย่าง สมควร ที่จะได้รับความเท่าเทียมเท่ากับผู้ชาย โดยใช้เวทีนางงามเป็นกระบอกเสียง
และแสดงให้เห็นถึงผลประโยชน์ของการประกวดนางงามทส่ี ร้างมูลค่าให้กับประเทศท้ังด้านการเมือง
31 31 Araneta City. (2022). About the Araneta Group. (Online).
32 Binibining Pilipinas. (2022). About BPCI. (Online).
33 Rappler. (2019). Miss Universe Philippines crown no longer with Binibining Pilipinas. (Online).
34 LCS Group Companies. (2022). LCS Group Philippines. (Online).
35 35 Jacqueline Arias. (2018). Get to know Miss Universe 2018 judges Monique Lhuillier and Richelle Singson-Michael. (Online).
36Jarralyn A. Gutierrez, Aristophere Kyle Atienza & Rainier Mira. (2019). Katawan at Kalakal Philippines, cultural production of labels, and
the media. (Online).
175
เศรษฐกิจ และสังคม มีบทบาทในการช่วย ประเทศชาติด้วยเช่นกัน จึงสมควรที่จะได้รับสิทธิต่าง ๆ
เพื่อความเท่าเทียมในสังคม ถึงแม้ว่าในอดีตสถานภาพของ ผู้หญิงในเวทีนางงามจะแสดงออก
ในทางกายภาพ ความสวยงาม และไม่ได้มีการเรียกร้องสิทธิใด ๆ แต่ปัจจุบันมี การเปลี่ยนแปลง
เนื่องจากมีการเปลี่ยนทัศนคติการประกวดนางงาม โดยสนับสนุนสิทธิของสตรีหรือสังคมมากขึ้น
และการประกวดนางงามจะเป็นการเชิดชูศักดิ์ศรีของความเป็นผู้หญิงด้วย รวมไปถึงการประกวด
นางงามยังได้ แสดงให้เห็นสภาพสังคมของฟิลิปปินส์ว่ามีลักษณะเช่นไร เนื่องจากการประกวด
ความงาม มคี วามเกยี่ วข้องท้ังใน ดา้ นเศรษฐกิจ ด้านสังคมและดา้ นวฒั นธรรมได้อยา่ งชดั เจน
บรรณานุกรม
กรุงเทพธรุ กจิ . (2563). 'แรงงาน' ทรพั ยากรมคี ่าระบบเศรษฐกจิ ฟิลปิ ปินส์. สบื ค้นเม่ือ 30
มกราคม 2565, จาก https://www.bangkokbiznews.com/world/861488
กรุณา บัวคำศร.ี (2565). กฎหมายหา้ มหย่าในฟลิ ิปปนิ ส์. สืบคน้ เมอื่ 29 มกราคม
2565, จาก http://1ab.in/b9hH.
คมชัดลกึ ออนไลน์. (2564). รู้จกั "มสิ ยนู ิเวิรส์ ฟลิ ิปปนิ ส์" คนใหม่ เธอมแี ฟนเปน็ ผหู้ ญงิ .
สบื ค้นเมอ่ื 30 มกราคม 2565, จาก
https://www.komchadluek.net/entertainment/486288.
ไทยรฐั ออนไลน์. (2559). เจาะวัฒนธรรมฟิลิปปินส์ โกอินเตอรข์ ายแรงงาน โกยเงินเข้าประเทศ.
สืบคน้ เมอื่ 29 มกราคม 2565, จาก
https://www.thairath.co.th/content/591038.
มาโนช ดินลานสกลู และ HE XIAO HUA. (2564). สงั คมปิตาธปิ ไตย : ภาพสะท้อนบุรุษมี
อำนาจและสทิ ธิ เหนอื สตรี จากนวนยิ าย “ข้างหลังภาพ” ของศรบี ูรพา. การ
ประชุมหาดใหญว่ ิชาการระดับชาตแิ ละ นานาชาติครั้งที่ 12. สงขลา: มหาวทิ ยาลยั หาดใหญ่.
ศลิ ัญชญา ปานมงคล. (2558). ‘นางงามกบั การเมอื ง’ เวทีขาออ่ นระดับโลก ใช้มงกฎุ แลก
ผลประโยชน์?. สบื คน้ เม่อื 29 มกราคม 2565, จาก
https://news.mthai.com/world-news/473909.html.
Araneta City. (2022). About the Araneta Group. Retrieved January 30,
176
2022, from https://aranetacity.com/our-story
Arias, Jacqueline. (2018). Get to know Miss Universe o2018 judges Monique
Lhuillier and Richelle Singson-Michael. Retrieved January 30, 2022,
from https://preen.ph/88418/get- to-know-miss-universe-2018-judges-
monique-lhuillier-and-richelle-singson-michael
Artsandculture. (2564). สถานะเพศ. สบื คน้ เมอ่ื 29 มกราคม 2565, จาก
https://artsandculture.google.com/entity/m09hcb?hl=th.
Binibining Pilipinas. (2022). About BPCI. Retrieved January 30,
2022, from https://www.bbpilipinas.com/about-us
China daily. (2018). 'I almost died': Abused Filipino women hope divorce
will become legal. Retrieved January 31, 2022, from
https://www.chinadailyasia.com/articles/120/205/156/1523862168728.html
CNA Insider. (2022). The Hidden Side Of Philippines Beauty Pageants |
Undercover Asia | Full Episode. สบื คน้ เมื่อ 29 มกราคม 2565, จาก
https://www.youtube.com/watch?v=pt8HGce7KFA.
De Guzman, Susan A. (2017). THROWBACK: Folk Arts Theater, 43 years after
first Miss Universe in PH. Retrieved January 30, 2022, from
https://news.abs- cbn.com/life/01/25/17/throwback-folk-arts-theater-43-
years-after-first-miss-universe-in-ph
Delfinado, Vianne Grace C. (2015). Beyond the Sash and Crown: A Cultural
Examination of the Possible Impacts of Beauty Pageant in the Filipino
Society. Bachelor Research in Social Science, University of the Philippines
Manila. Retrieved January 31, 2022,
from https://www.academia.edu/35963969/Beyond_the_Sash_and_Crown
_A_Cultural_Examination_of_the_Possible_Impacts_of_Beauty_Pageant_in_t
he_Filipino_Society
177
Enriquez, Amee. (2014). Philippines: How to make a beauty queen. Retrieved
January 30, 2022, from https://www.bbc.com/news/world-asia-25550425
Garcia, Vincent Anthon. (2010). Earth to Venus Raj, the fiery Filipino beauty.
Retrieved January 30, 2022,
from https://gulfnews.com/entertainment/earth-to-venus-raj-the-fiery-
filipino-beauty-1.678837
Gutierrez, Jarralyn A., Atienza, Aristophere Kyle & Mira, Rainier. (2019). Katawan at
Kalakal Philippines, cultural production of labels, and the media.
Retrieved January 31, 2022, from
https://www.academia.edu/43914012/Katawan_at_Kalakal
LCS Group Companies. (2022). LCS Group Philippines. Retrieved January 30,
2022, from https://lcsgroup.com.ph/philippines_en
Merez, Arianne. (2017). Why beauty pageants are popular in the
Philippines. Retrieved January 30, 2022, from https://news.abs-
cbn.com/focus/01/30/17/why-beauty-pageants- are-popular-in-the-
philippines
MGR Online. (2557). คริสตจักรแนะให้ชาวครสิ ต์ในฟลิ ิปปนิ สเ์ ลี่ยงกฎหมายคมุ กำเนิด.
สืบคน้ เม่อื 29 มกราคม 2565, จาก
https://mgronline.com/around/detail/9570000078206.
_______. (2561). “ฟลิ ิปปินส์” โรงงานผลิตนางงาม ธุรกจิ เวทีประกวดเม็ดเงนิ สะพดั มหาศาล.
สืบค้นเม่อื 29 มกราคม 2565, จาก
https://mgronline.com/entertainment/detail/9610000125180.