คมู่ ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 1 การเรยี นรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตวั 8
6.3 ขยะประเภทใดมีปริมาณมากท่ีสุด รู้ได้อย่างไร (ขยะย่อยสลาย การเตรียมตัวล่วงหน้าสาหรบั ครู
ได้ มีปริมาณร้อยละ 46 ซ่ึงมีปริมาณมากท่ีสุดเม่ือเทียบกับ เพื่อจัดการเรียนรู้ในครงั้ ถัดไป
ปรมิ าณขยะประเภทอื่น ๆ)
ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะได้เรียน
6.4 รูปน้ีเป็นการจัดกระทาข้อมูลในรูปแบบใด (รูปแบบอินโฟ เร่ืองที่ 1 เส้นทางของขยะจากมือเรา โดย
กราฟิก) ครูเตรียมสื่อการสอน เช่น ภาพอินโฟ
กราฟิกหรือวีดิทัศน์เกี่ยวกับเส้นทางขยะ
6.5 การจัดกระทาข้อมูลมีรูปแบบอะไรบ้าง ยกตัวอย่าง (การจัด จ า ก มื อ เร า เพ่ื อ ใ ห้ นั ก เรี ย น ได้ เรี ย น รู้
กระทาข้อมูลมีหลายรูปแบบ เช่น ตาราง กราฟ แผนภูมิ ประกอบเน้ือหาในเร่ืองท่ีอ่าน โดยครูอาจ
แบบจาลอง) ใ ช้ ค า ค้ น ใ น www.google.com ว่ า
infographic ขยะ
6.6 การจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมูลมีประโยชน์อย่างไร (เพ่ือ
สอ่ื ความหมายใหค้ นอืน่ เข้าใจถูกตอ้ งและรวดเรว็ )
6.7 นกั เรยี นเคยจดั กระทาและสื่อความหมายข้อมลู ในรปู แบบใดบา้ ง
(นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจ)
7. ครูชักชวนนักเรียนตอบคาถามเก่ียวกับทักษะกระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์ในสารวจความรู้ก่อนเรยี น
8. นักเรียนทาสารวจความรู้ก่อนเรียน ในแบบบันทึกกิจกรรม หนา้ 2-5
โดยให้นักเรียนอ่านคาถามแต่ละข้อ ครูตรวจสอบความเข้าใจของ
นักเรียน จนแน่ใจว่านักเรียนสามารถทาได้ด้วยตนเอง จึงให้นักเรียน
ตอบคาถาม โดยคาตอบของนักเรียนแต่ละคนอาจแตกต่างกันและ
คาตอบอาจถกู หรือผดิ กไ็ ด้
9. ครูสังเกตการตอบคาถามของนักเรียนเพ่ือตรวจสอบว่านักเรียนมี
แนวคิดเก่ียวกับทักษะการจัดกระทาและส่ือความหมายข้อมูล การ
พยากรณ์และการสร้างแบบจาลองอย่างไรบ้าง โดยอาจสุม่ นกั เรียน 2
– 3 คน นาเสนอคาตอบของตนเองซึ่งครยู ังไมต่ อ้ งเฉลยคาตอบ แตจ่ ะ
ให้นักเรียนย้อนกลับมาตรวจสอบอีกคร้ังหลังเรียนจบบทน้ีแล้ว ทั้งน้ี
ครูอาจบันทึกแนวคิดคลาดเคล่ือนหรือแนวคิดที่น่าสนใจของนักเรียน
แลว้ นามาออกแบบการจัดการเรียนรู้เพือ่ แก้ไขแนวคิดคลาดเคล่ือนให้
ถกู ต้อง และต่อยอดแนวคิดทีน่ า่ สนใจของนกั เรียน
ฉบับปรบั ปรงุ เดือนมิถุนายน 2562 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯
9 คมู่ ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 1 การเรยี นรูส้ ง่ิ ต่าง ๆ รอบตัว
แนวคาตอบในแบบบนั ทกึ กิจกรรม
การสารวจความรกู้ ่อนเรยี น นักเรยี นอาจตอบคาถามถกู หรือผดิ ก็ไดข้ ึ้นอยกู่ บั ความรู้เดิมของนักเรียน
แตเ่ ม่ือเรยี นจบบทเรียนแลว้ ใหน้ กั เรยี นกลับมาตรวจสอบคาตอบอีกคร้ังและแก้ไขให้ถูกต้อง ดงั ตัวอยา่ ง
⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรบั ปรุง เดอื นมิถนุ ายน 2562
คู่มอื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 การเรียนรู้สงิ่ ตา่ ง ๆ รอบตวั 10
แผนภูมแิ ท่งแสดงความแตกตา่ งของพืชแตล่ ะชนดิ ได้ชดั เจน เข้าใจไดร้ วดเร็ว โดย
สังเกตจากความสูงของแผนภมู แิ ต่ละแทง่ แล้วเปรียบเทียบจานวนพชื แต่ละชนิดท่ี
แตกตา่ งกนั
คาตอบขนึ้ อยู่กบั นักเรียน เช่น มชี ัน้ วางผลไม้ 2 ช้นั แต่ละชั้นมี 3 ชอ่ ง ชนั้ บนวางผลไมใ้ นช่อง
จากซา้ ยไปขวาคือสม้ แตงโมและลไใย ตามลาดับ ส่วนชั้นล่าง วางผลไมใ้ นช่องจากซ้ายไปขวา
คือ ฝรง่ั กล้วยและแอปเปิล ตามลาดบั
คาตอบของนักเรยี นอาจแตกตา่ งกันแต่ควรบรรยายตาแหนง่ ของผลไม้แต่ละชนิดได้ถูกต้องและ
ครบถว้ น
ฉบบั ปรบั ปรงุ เดอื นมิถุนายน 2562 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯
11 คูม่ ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 การเรยี นรสู้ งิ่ ตา่ ง ๆ รอบตัว
⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบับปรับปรุง เดอื นมิถนุ ายน 2562
คู่มอื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 การเรียนรู้ส่งิ ต่าง ๆ รอบตวั 12
เป็นการสร้างและใช้แบบจาลองเพราะการวาดแผนที่ทาข้ึนเพือ่ ใชแ้ ทนของจรงิ คือ
แผนผงั โรงเรียนแลว้ ใช้แผนทนี่ ีแ้ สดงแผนผังโรงเรยี น
ไม่เปน็ การสร้างและใชแ้ บบจาลองเพราะป้ายบอกทางไม่ไดส้ รา้ งข้นึ เพือ่ เป็นตวั แทน
ของส่ิงใดๆ
เป็นการสร้างและใชแ้ บบจาลองเพราะการป้ันดนิ น้ามันเปน็ แมงมุมมดเป็นการสร้างวัตถุ
เพ่ือเปน็ ตัวแทนของจรงิ คือแมงมุมมดแลว้ นามาใช้อธบิ ายลกั ษณะแมงมุมมดนั้น
เปน็ การสร้างและใชแ้ บบจาลองเพราะภาพแสดงการเปล่ียนสถานะของน้าเป็นภาพ
ตัวแทนของจริงคอื การเปล่ียนสถานะของนา้
เป็นการสร้างและใชแ้ บบจาลองเพราะการสร้างภาพเคลื่อนไหว 3 มิตเิ ปน็ การสรา้ งวัตถุ
เพอ่ื เปน็ ตัวแทนการหมุนเวียนของเลอื ด
ฉบบั ปรบั ปรงุ เดอื นมถิ ุนายน 2562 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯
13 คู่มอื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 1 การเรยี นรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว
เรอื่ งท่ี 1 เส้นทางของขยะจากมือเรา
ในเร่ืองนี้นักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการจัดกระทา
และส่ือความหมายข้อมูล การพยากรณ์ และการสร้าง
แบบจาลอง
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. จดั กระทาและส่ือความหมายขอ้ มลู เก่ยี วกบั ปริมาณขยะ
2. ใช้ขอ้ มลู ทีจ่ ดั กระทาแลว้ มาพยากรณ์ปริมาณขยะ
3. สร้างแบบจาลองอนุภาคและการเคล่ือนที่ของสารที่มีกล่ิน
ในขยะ
เวลา 4 ช่ัวโมง
วัสดุ อปุ กรณ์สาหรับทากจิ กรรม
กระดาษปรู๊ฟ ไม้บรรทัด ดินสอสี ลูกปัด เชือกไหมพรม
นา้ มนั หอมระเหย ไม้เมตรหรือตลับเมตร
ส่อื การเรยี นรู้และแหลง่ เรียนรู้
1. หนังสอื เรียน ป.5 เลม่ 1 หนา้ 7-16
2. แบบบันทกึ กิจกรรม ป.5 เล่ม 1 หนา้ 6-14
3. บัตรภาพขยะ ถังขยะ รถเกบ็ ขยะ โรงแยกขยะ
⎯ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบับปรับปรงุ เดอื นมิถนุ ายน 2562
คู่มือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 1 การเรียนรูส้ ิ่งตา่ ง ๆ รอบตัว 14
แนวการจัดการเรยี นรู้ (60 นาที) ในการตรวจสอบความรู้ ครู
เพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียนและ
ข้ันตรวจสอบความรู้ (10 นาท)ี ยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ แต่ชักชวน
ให้นักเรียนไปหาคาตอบด้วยตนเอง
1. ครูนาอภิปรายเก่ียวกบั ขยะและการจัดการขยะในชุมชนของนักเรียนโดย จากการอา่ นเนอ้ื เรอ่ื ง
ใช้คาถามว่า ขยะในครัวเรือนของนักเรียนมีอะไรบ้าง นกั เรยี นทาอย่างไร
กับขยะเหล่านั้น (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น ขยะในครัวเรือน
ได้แก่เศษอาหาร ถุงพลาสติก เราสามารถนาไปฝังกลบหรือนาไปทิ้งในถัง
ขยะ)
2. ครูนาบัตรภาพได้แก่ ขยะ ถงั ขยะ รถเก็บขยะ โรงแยกขยะ มาให้นักเรียน
สังเกต และนาอภิปรายโดยใช้คาถามวา่ นกั เรียนคิดวา่ บัตรภาพท้ังสี่ใบคือ
อะไรและแสดงถึงอะไรได้บ้าง (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ ซึ่งควรจะ
ตอบได้ว่า คือขยะ ถังขยะ รถเก็บขยะ และโรงแยกขยะ และแสดงถึง
กระบวนการกาจัดขยะ)
3. ครูเช่ือมโยงความรู้เดิมของนักเรียนจากบัตรภาพทั้งสี่สู่การเรียนเร่ือง
เส้นทางของขยะจากมือเรา การจัดการขยะของชุมชนต่าง ๆ ซึ่งมีวิธี
แตกต่างกันไป ถ้าเราจะนาเสนอข้อมูลเก่ียวกับวิธีการจัดการขยะของแต่
ละชุมชนเราจะมีวิธีการอย่างไรเพ่ือนาเสนอให้ คนอื่นเข้าใจได้ถูกต้อง
และรวดเร็ว เราจะไดเ้ รยี นรู้กันตอ่ ไป
ข้นั ฝกึ ทักษะจากการอ่าน (40 นาท)ี
4. นักเรียนอ่านช่ือเรื่อง และคิดก่อนอ่าน ในหนังสือเรียนหน้า 7 แล้ว ห า ก นั ก เรี ย น ไม่ ส า ม า ร ถ ต อ บ
ร่วมกันอภิปรายในกลุ่มเพื่อหาแนวคาตอบตามความเข้าใจของกลุ่ม ครู คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว
บันทึกคาตอบของนักเรียนบนกระดานเพื่อใช้เปรียบเทียบคาตอบหลัง คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด
การอา่ นเร่ือง อย่างเหมาะสม รอคอยอย่างอดทน
และรับฟงั แนวความคดิ ของนักเรยี น
5. นักเรียนอ่านคาใน คาสาคัญ ท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หาก
นักเรียนอ่านไม่ได้ ครูควรสอนอ่านให้ถูกต้อง) จากน้ันครูชักชวนให้
นกั เรียนอธบิ ายความหมายของคาสาคัญจากเน้ือเรื่อง
6. นักเรียนอ่านเนื้อเร่ืองในหนังสือเรียนหน้า 7-8 โดยครูฝึกทักษะการอ่าน
ตามวิธีการอ่านท่ีเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน เช่น การฝึก
อ่านในใจ อ่านจับใจความสาคัญ ครูใช้คาถามเพ่ือตรวจสอบความเข้าใจ
จากการอา่ น โดยใช้คาถามดังน้ี
ยอ่ หนา้ ที่ 1
6.1 จากเรื่องที่อ่าน พอเพียงอยากรู้อะไร (พอเพียงอยากรู้ว่าเหตุใด
ถังขยะจงึ มสี ีแตกต่างกัน)
ฉบบั ปรับปรงุ เดอื นมิถุนายน 2562 สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯
15 คู่มอื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยที่ 1 การเรยี นรู้สงิ่ ตา่ ง ๆ รอบตวั
6.2 พอเพียงใชว้ ธิ กี ารใดเพ่ือหาคาตอบ (สบื ค้นข้อมลู )
6.3 ขยะส่วนใหญน่ าไปทาอะไร (ทาปุ๋ยหมกั )
6.4 ขยะประเภทใดที่นาไปฝังกลบ (ขยะท่ีนามาทาปุ๋ยหมักไม่ได้และขยะ
ทนี่ ากลบั มาใช้ใหม่ไม่ได)้
ย่อหนา้ ท่ี 2
6.5 การพยากรณ์คืออะไร (การคาดการณ์เหตุการณ์ที่จะเกิดข้ึนโดย
อาศัยขอ้ มลู ที่รวบรวมไวอ้ าจได้จากการสงั เกตหรือการวัดหรืออืน่ ๆ)
ย่อหนา้ ท่ี 3
6.6 การจัดกระทาและส่ือความหมายข้อมูลคืออะไร (การนาข้อมูลมา
เรียบเรยี ง หรอื นาเสนอใหเ้ ขา้ ใจง่ายขน้ึ )
6.7 รูปแบบของการจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมูลมีอะไรบ้าง
ยกตัวอย่าง (ตาราง แผนภูมิ กราฟ แบบจาลอง อินโฟกราฟกิ )
ยอ่ หน้าท่ี 4
6.8 แบบจาลองคอื อะไร (สง่ิ ทีเ่ ราสร้างข้ึนเพือ่ เป็นตวั แทนของจริงตา่ ง ๆ)
6.9 แบบจาลองมีลักษณะอย่างไรบ้าง ยกตัวอย่าง (แบบจาลองมีหลาย
ลักษณะ เช่น แบบจาลองสองมิติ เช่น แผนภาพ แบบจาลองสามมิติ
เชน่ รูปปน้ั สือ่ เคล่ือนไหวเสมอื นจรงิ โปรแกรมคอมพิวเตอร์)
ครูให้ความรู้เพ่ิมเติมว่าถ้าแบบจาลองที่สร้างขึ้นเป็น 3 มิติ
แบบจาลองน้ันมีขนาดใหญ่กว่าหรอื เล็กกว่าของจริงหรือมีขนาดเท่า
ของจริงก็ได้ เช่น แบบจาลองลูกโลก เป็นแบบจาลองท่ีเล็กกว่าโลก
แบบจาลองร่างกายมนุษย์มีขนาดเท่ากับมนุษย์ แบบจาลองแมงมุม
มขี นาดใหญก่ ว่าแมงมมุ
ขน้ั สรปุ จากการอ่าน (10 นาท)ี
7. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเร่ืองที่อ่านซึ่งควรสรุปได้ว่าขยะแต่ละ นั ก เ รี ย น อ า จ ไ ม่ ส า ม า ร ถ ต อ บ
ประเภทจะนาไปกาจดั ด้วยวิธีแตกต่างกัน ข้อมลู ต่าง ๆ สามารถนามาจัด คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนวคาตอบ
กระทาและส่ือความหมายในรูปแบบท่ี เข้าใจได้ง่ายขึ้น ซ่ึงเป็นการจัด ค รูค วรให้ เวล านั กเรีย น คิ ด อ ย่าง
กระทาและส่ือความหมายข้อมูล การคาดการณ์สิ่งต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนโดย เหมาะสม รอคอยอย่างอดทน และรับ
อาศยั ข้อมูลที่รวบรวมไว้เป็นการพยากรณ์ และการสร้างบางส่ิงบางอย่าง ฟงั แนวความคิดของนักเรยี น
ข้ึนมาเพ่ือเป็นตัวแทนของส่ิงน้ัน ๆ เป็นการสร้างแบบจาลอง ทั้งการจัด
กระทาและสื่อความหมายข้อมูล การพยากรณ์และการสร้างแบบจาลอง
⎯ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรับปรงุ เดือนมิถุนายน 2562
คมู่ ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 1 การเรียนร้สู ง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตวั 16
ล้ ว น เป็ น ทั ก ษ ะ ก ร ะ บ ว น ก า ร ท า ง วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ ซ่ึ ง ส า ม า ร ถ น า ม า ใช้
ประโยชนไ์ ด้
8. นักเรียนตอบคาถามจากเร่ืองท่ีอ่านใน รู้หรือยัง ในแบบบันทึกกิจกรรม
หนา้ 6
9. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือเปรียบเทียบคาตอบของนักเรียนใน
รู้หรอื ยังกบั คาตอบทเ่ี คยตอบในคดิ ก่อนอ่าน ซง่ึ ครูบันทึกไวบ้ นกระดาน
10. ครูชักชวนนักเรียนลองตอบคาถามท้ายเร่ืองท่ีอ่านโดยครูบันทึกคาตอบ
ของนักเรียนบนกระดานโดยยังไม่เฉลยคาตอบแต่ชักชวนให้นักเรียนหา
คาตอบจากการทากจิ กรรม
ฉบบั ปรบั ปรงุ เดอื นมิถุนายน 2562 สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯
17 คู่มอื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 การเรียนรสู้ ่งิ ตา่ ง ๆ รอบตัว
แนวคาตอบในแบบบันทึกกิจกรรม
การพยากรณท์ าไดโ้ ดยการนาขอ้ มูลทร่ี วบรวมไดจ้ ากการสงั เกต การวัดหรือ
อ่ืน ๆ มาคาดการณ์เหตกุ ารณ์ทจ่ี ะเกิดข้ึน
การจดั กระทาและส่อื ความหมายข้อมูลคอื การนาข้อมลู ที่รวบรวมไวม้ า
นาเสนอในรูปแบบทีเ่ ขา้ ใจง่าย ชดั เจน ทาให้เห็นความสมั พันธ์ของข้อมูล
มากข้ึน
แบบจาลอง สองมิติ แบบจาลองสามมติ ิ แผนภาพ ส่ือเคลื่อนไหวเสมือนจรงิ
โปรแกรมคอมพิวเตอร์
⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับปรับปรงุ เดอื นมิถุนายน 2562
คมู่ ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 1 การเรยี นรสู้ ่ิงต่าง ๆ รอบตวั 18
กจิ กรรมท่ี 1 จดั กระทาและส่ือความหมายข้อมลู และสรา้ งแบบจาลอง
ได้อย่างไร
กิ จ ก ร ร ม นี้ นั ก เรี ย น จ ะ ได้ อ ธิ บ า ย แ ล ะ ใช้ ทั ก ษ ะ
การจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมูล การพยากรณ์และ
การสร้างแบบจาลองเกี่ยวกับปรมิ าณขยะและการเคล่ือนที่
ของกลนิ่ ของสารในขยะ
เวลา 3 ช่ัวโมง
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. จดั กระทาและส่ือความหมายข้อมลู เกี่ยวกบั ปริมาณขยะ
2. พยากรณ์เกีย่ วกับปริมาณขยะ
3. สร้างแบบจาลองเพื่ออธิบายการเคลอ่ื นท่ีของกลน่ิ ขยะ
วสั ดุ อุปกรณ์สาหรับทากจิ กรรม
ส่ิงท่ีครตู ้องเตรยี ม/กล่มุ
1. กระดาษปรฟู๊ 1 แผ่น ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21
2. ลูกปัดคละสี 1 ถงุ C4 การสอ่ื สาร
3. เชอื กไหมพรม 1 ม้วน C5 ความรว่ มมอื
4. นา้ มันหอมระเหย 1 ขวด สอื่ การเรยี นรู้และแหลง่ เรียนรู้
5. ไม้เมตรหรือตลับเมตร 1 อัน 1. หนังสือเรียน ป.5 เลม่ 1 หน้า 9-13
สง่ิ ทีน่ กั เรียนต้องเตรยี ม/กลุ่ม 2. แบบบนั ทึกกิจกรรม ป.5 เลม่ 1 หนา้ 7-14
1. ดินสอสี 1 กล่อง 3. วีดิทศั น์ตวั อยา่ งการปฏิบัติการวทิ ยาศาสตรส์ าหรบั ครเู รือ่ ง
2. ไมบ้ รรทัด 1 อัน การจัดกระทาและสอ่ื ความหมายข้อมูลทาไดอ้ ย่างไร
3. ดนิ สอ 1 แทง่ http://ipst.me/8121
ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 4. วีดทิ ัศน์ตวั อย่างการปฏิบัติการวทิ ยาศาสตร์สาหรบั ครู
S6 การจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมูล เร่อื งการพยากรณท์ าได้อย่างไร http://ipst.me/8122
S7 การพยากรณ์ 5. วดี ทิ ัศน์ตัวอยา่ งการปฏบิ ตั กิ ารวทิ ยาศาสตรส์ าหรบั ครเู รอ่ื ง
S8 การลงความเห็นจากข้อมูล การสร้างแบบจาลองทาได้อยา่ งไร http://ipst.me/8127
S13 การตคี วามหมายข้อมูลและลงขอ้ สรุป
S14 การสร้างแบบจาลอง
ฉบับปรับปรุง เดอื นมถิ ุนายน 2562 http://ipst.me/8121 http://ipst.me/8122 http://ipst.me/8127
สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯
19 คมู่ ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยที่ 1 การเรยี นรูส้ ่งิ ตา่ ง ๆ รอบตัว
แนวการจดั การเรียนรู้ ในการตรวจสอบความรู้ ครู
เพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียนเป็น
1. ครูตรวจสอบความร้เู ดิมของนักเรียนเกย่ี วกับการสรา้ งแบบจาลองโดยค้นหา สาคัญ และยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ
ข่าวเก่ียวกับมลพิษของกล่ินขยะจากพื้นที่ฝังกลบขยะที่ส่งกล่ินรบกวนคนที่ ให้กับนักเรียน แต่ชักชวนนักเรียน
อาศัยใกล้เคียงกับ พ้ื น ที่ ฝังกลบ เช่น หั วข้อข่าวใน ห นั งสือพิ ม พ์ ไปหาคาตอบท่ีถูกต้องจากกิจกรรม
https://www.thaipost.net/main/detail/5054 และสรุปให้นักเรียนฟัง ตา่ ง ๆ ในบทเรยี นนี้
ครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยใช้แนวคาถามในการอภิปราย
ดังตอ่ ไปน้ี
1.1 กลิ่นขยะมาจากที่ใด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจซ่ึงควรตอบได้ว่า
มาจากพน้ื ที่ฝงั กลบ)
1.2 กล่ินขยะส่งผลกระทบต่อคนในพ้ืนที่อย่างไร (นักเรียนตอบตามความ
เข้าใจ ชึ่งควรตอบได้วา่ ส่งผลกระทบคอื มกี ลิ่นเหมน็ รบกวน)
1.3 ถา้ กลน่ิ ขยะเป็นอนุภาคของสารทีป่ ะปนอยูใ่ นขยะซ่ึงมีขนาดเล็กมาก ๆ
นักเรียนจะแสดงลักษณะของอนุภาคของสารท่ีให้กล่ินได้อย่างไร
(นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจ)
1.4 นักเรียนจะแสดงลักษณะการเคลื่อนที่ของอนุภาคของสารที่ให้กลิ่น
ออกจากพื้นท่ฝี ังกลบไปยังบ้านของคนทีอ่ าศยั อยรู่ อบๆ พนื้ ที่ฝังกลบได้
อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ)
2. นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม และ ทาเป็นคิดเป็น และร่วมกันอภิปรายเพ่ือ
ตรวจสอบความเข้าใจเก่ียวกับจุดประสงค์ในการทากิจกรรม โดยใช้คาถาม
ดงั น้ี
2.1 กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนเก่ียวกับเรื่องอะไร (จัดกระทาและ
สอ่ื ความหมายข้อมูลและสรา้ งแบบจาลอง)
2.2 นักเรียนจะได้เรียนรู้ทักษะอะไรบ้างในกิจกรรมนี้ (การจัดกระทาและ
สอ่ื ความหมายข้อมลู การพยากรณแ์ ละการสรา้ งแบบจาลอง)
2.3 เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (สามารถจัดกระทาและ
ส่ือความหมายข้อมูลเก่ียวกับปริมาณขยะ พยากรณ์ปริมาณขยะและ
สรา้ งแบบจาลองเพื่อบรรยายการเคล่อื นทขี่ องกลิ่นขยะ)
3. นกั เรยี นอา่ นส่ิงที่ต้องใช้ในการทากจิ กรรม จากน้นั ครนู าวัสดอุ ุปกรณม์ า
แสดงให้นกั เรยี นดูทีละอย่าง
4. นกั เรียนอ่าน ทาอยา่ งไร ตอนที่ 1 แล้วร่วมกันอภปิ รายเพื่อสรปุ ลาดบั
ขน้ั ตอนการทากิจกรรมตามความเขา้ ใจ โดยครูใช้คาถามดังต่อไปน้ี
⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับปรบั ปรุง เดือนมิถุนายน 2562
คมู่ อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 1 การเรยี นร้สู ิ่งต่าง ๆ รอบตวั 20
4.1 ข้อมูลจากการอ่านเป็นข้อมูลเก่ียวกับเรื่องอะไร (ปริมาณขยะในแต่ละ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ
ปี ต้งั แต่ปี พ.ศ. 2551 จนถงึ ปี พ.ศ. 2560 ) ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 ทนี่ ักเรยี นจะได้
4.2 จากขอ้ มูล ปริมาณของขยะมหี น่วยเปน็ อะไร (ตัน) ฝึกจากการทากิจกรรม
4.3 ปริมาณขยะใน ปี พ.ศ. 2551 มีปริมาณเท่าใด (ปี พ.ศ. 2551 มี
S6 การจัดกระทาและส่ือความหมายข้อมูล
ปริมาณขยะ 23,900,000 ตนั (ยี่สบิ สามลา้ นเก้าแสนตัน)) จ า ก ก า ร น า ข้ อ มู ล ม า จั ด ก ร ะ ท า เป็ น
4.4 จากขอ้ มลู ที่อา่ นนักเรยี นไดเ้ ห็นความสมั พันธร์ ะหว่างข้อมลู ใดกบั ข้อมูล ตารางและแผนภูมิ
ใด (ปริมาณขยะกบั ปีทรี่ วบรวมได้) S7 ก ารพ ย าก รณ์ จ าก ก ารน าข้ อมู ล ท่ี
4.5 หลังจากอา่ นข้อมูลเกยี่ วกับปรมิ าณขยะมูลฝอยในประเทศไทยแล้ว เรา รวบรวมได้มาพยากรณ์ปริมาณขยะท่ีจะ
เกิดขึ้น
สามารถนาข้อมูลไปทาอะไรต่อไป (นาข้อมูลมาจัดให้อยู่ในตารางและ
แผนภูมแิ ท่ง) S8 การลงความเห็นจากข้อมูลจากทิศ
4.6 การนาข้อมูลมาจัดในตาราง นักเรียนจะจัดให้ปริมาณขยะกับปีท่ี ทางการเคลื่อนที่ของอนุภาคของสารท่ีมี
รวบรวมได้มาจัดวางในตารางอย่างไร (นักเรยี นตอบตามความเข้าใจ) กล่ิน
4.7 การนาข้อมูลมาจัดทาเป็นแผนภูมิแท่ง นักเรียนจะจัดให้ปริมาณขยะ
กับปีที่รวบรวมได้อยู่ในแกนใดกับแกนใด(นักเรียนตอบตามความ S14 การสร้างแบบจาลองอนุภาคและการ
เข้าใจ) เคล่ือนท่ีของอนุภาคของสารที่เป็นกลิ่น
ขยะ
ครูอาจเสนอแนะนักเรียนเก่ียวกับการสร้างตาราง ปีที่จัดเก็บ
ขยะจัดเป็นตัวแปรต้น ส่วนปริมาณขยะที่เกิดขนึ้ ในแต่ละปีเป็นตัวแปร C4 การสื่อสารจากการบรรยายแบบจาลอง
ตาม ดังนั้น ตารางควรจะมี 2 สดมภ์ สดมภ์ด้านซ้ายเป็นปีที่จัดเก็บ อนุภาคและการเคล่ือนท่ีของอนุภาค
ขยะ สดมภ์ด้านขวาเป็นปริมาณขยะท่ีจัดเก็บได้ จานวนแถวในตาราง ของสารทีเ่ ป็นกล่ินขยะ
จะเท่ากับจานวนปที ี่จัดเกบ็ ขยะ สว่ นการสร้างแผนภมู ิ แกนตั้งควรเป็น
ปริมาณขยะท่ีจัดเกบ็ ในแตล่ ะปี แกนนอนเป็นปี พ.ศ. ท่จี ดั เก็บขยะ C5 ความร่วมมือจากการทางานร่วมกันใน
4.8 หลังจากทาตารางและแผนภูมิเรียบร้อยแล้ว นักเรียนต้องทาอย่างไร กลุ่ม
ต่อไป (อภิปรายเพื่อเปรียบเทยี บวา่ การนาเสนอขอ้ มูลในรูปแบบตาราง
และแผนภมู ิ รปู แบบใดเขา้ ใจง่าย ชัดเจนในเวลาอนั รวดเร็ว)
4.9 นักเรียนจะต้องทาอย่างไรในลาดับต่อไป (อภิปรายว่าปริมาณขยะ
ต้งั แตป่ ี 2551 -2560 มกี ารเปลี่ยนแปลงอย่างไร)
4.10นักเรียนต้องพยากรณ์เกี่ยวกับอะไรบ้าง (เก่ียวกับปริมาณขยะใน
ปี พ.ศ. 2548 และ ปี พ.ศ. 2563)
5. เมือ่ นักเรยี นเขา้ ใจวธิ กี ารทากิจกรรมในทาอย่างไร ตอนที่ 1 แล้วใหน้ ักเรียน
บนั ทกึ จุดประสงค์การทากิจกรรมตอนที่ 1 .ในแบบบันทกึ หนา้ 7 และให้
วิเคราะหว์ า่ กจิ กรรมตอนท่ี 1 ตอ้ งใช้วัสดุอุปกรณ์หรอื ไม่ อย่างไร
6. เม่อื นกั เรยี นเขา้ ใจวธิ ีการทากิจกรรมในทาอย่างไรแล้ว ให้นักเรียนเร่มิ ปฏิบัติ
กจิ กรรมตามขั้นตอน
ฉบับปรับปรุง เดอื นมิถนุ ายน 2562 สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯
21 ค่มู อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยที่ 1 การเรียนรู้สง่ิ ต่าง ๆ รอบตัว
7. หลงั จากทากจิ กรรมแลว้ ครนู าอภปิ รายผลการทากิจกรรม โดยใชค้ าถาม ข้อเสนอแนะเพิม่ เติม
ดังน้ี
7.1 จากข้อมูลปริมาณขยะในประเทศไทยปี พ.ศ. 2551-2560 นักเรียนนา 1. ครูอาจใชก้ ล่ินของสารอ่ืน
ขอ้ มลู มาจัดใหอ้ ยู่ในรปู แบบใดบ้าง (ตารางและแผนภูมิแทง่ ) แทนนา้ มนั หอมระเหย
7.2 จากตารางแสดงขอ้ มูลอะไรบ้าง (ปี พ.ศ. ท่ีจดั เก็บขยะ ปรมิ าณขยะแต่
ละปี มีหนว่ ยเป็นตัน และแหลง่ ที่มาของข้อมูล) 2. ค รูอ าจ ม อ บ ห ม าย ให้
7.3 จากแผนภูมิแสดงข้อมูลอะไรบ้าง (แกนตั้งแสดงปริมาณขยะ มีหน่วย นักเรียนทากิจกรรม ร่วมคิด ร่วม
เปน็ ตัน แกนนอนแสดง ปี พ.ศ.ทจี่ ดั เกบ็ ขยะ แหลง่ ท่ีมาของข้อมลู ) ทาหลงั จากจบ กิจกรรม ตอนท่ี 1
7.4 ส่ิงท่ีแตกต่างกันของข้อมูลในตารางและแผนภูมิคืออะไร (ข้อมูลใน
ตารางแสดงปริมาณขยะเป็นตัวเลข ส่วนข้อมูลในแผนภูมิจะแสดง ห าก นั ก เรียน ไม่ ส าม ารถ ต อ บ
ปรมิ าณขยะโดยใชค้ วามสงู ของแท่งแผนภมู ิ) คาถามห รืออภิ ป รายได้ตามแน ว
7.5 ข้อมูลจากตารางหรือแผนภูมิช่วยให้เราเปรียบเทียบปริมาณขยะในแต่ คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด
ละปีได้รวดเรว็ กวา่ (แผนภูม)ิ อย่างเหมาะสม รอคอยอย่างอดทน
7.6 การจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมูลมีประโยชน์อย่างไร (ทาให้ และรับฟังแนวความคิดของนกั เรียน
เขา้ ใจข้อมลู ได้ชัดเจนและรวดเร็วขึน้ )
7.7 ข้อมูลที่ยังไม่ผ่านการจัดกระทาแตกต่างจากข้อมูลท่ีจัดกระทาแล้ว
อย่างไร (ข้อมูลที่จัดกระทาแล้วเข้าใจได้ง่ายและรวดเร็วมากกว่าและ
สะดวกในการพยากรณ์แนวโน้มปริมาณขยะในปีต่อไป)
7.8 จากข้อมูลในแผนภูมิแท่ง แนวโน้มปริมาณขยะเป็นอย่างไร (ปริมาณ
ขยะจะมีแนวโนม้ เพิ่มข้นึ )
7.9 จากข้อมูลปริมาณขยะ ต้ังแต่ ปี พ.ศ. 2551 – พ.ศ. 2560 สามารถ
พยากรณ์ปริมาณขยะ ในปี พ.ศ. 2561 ได้หรือไม่ อย่างไร (ปริมาณ
ขยะในปี 2561 นา่ จะมีปรมิ าณเท่ากับ 277 แสนตัน)
7.10นักเรียนมีวิธีช่วยลดปริมาณขยะของตนเองได้อย่างไร (นักเรียนตอบ
ตามความเขา้ ใจของตนเอง)
8. ครเู ช่ือมโยงขอ้ มูลท่ีได้จากการทากจิ กรรมชว่ งน้ีไปสู่เรอ่ื งการสร้างแบบจาลอง
9. นักเรียนอ่าน ทาอย่างไร ตอนท่ี 2 แล้วร่วมกันอภิปรายเพ่ือสรุปลาดับ
ข้ันตอนในการทากิจกรรม โดยครูใช้คาถามนาอภิปรายดงั นี้
9.1 จากการอ่านสถานการณ์ นักเรียนได้ข้อมูลอะไรบ้าง (ในพื้นที่มีบ้าน 4
หลัง คือ ก ข ค และ ง ตั้งอยู่รอบๆ พ้ืนที่ฝังกลบขยะ บ้าน ก ข และ
ง อยู่ห่างจากพ้ืนที่ฝังกลบ 100 เมตร ส่วนบ้าน ค อยู่ห่างจากพื้นที่ฝัง
กลบ 200 เมตร และสารที่มีกล่ินจากขยะเคล่ือนท่ีมาถึงบ้านแต่ละ
หลงั )
⎯ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรับปรุง เดอื นมิถนุ ายน 2562
คมู่ อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 การเรียนรูส้ งิ่ ต่าง ๆ รอบตัว 22
9.2 นักเรียนต้องทาอย่างไรต่อไป (สร้างแบบจาลองเพ่ือแสดงการเคลื่อนที่
ของอนุภาคของสารที่มีกลิ่นในขยะจากพ้ืนท่ีฝังกลบขยะมายังบ้านแต่
ละหลังโดยใช้วสั ดุอปุ กรณ์ทค่ี รูกาหนดหรือสรา้ งเอง)
9.3 นักเรียนคิดว่าจะสร้างแบบจาลองในรูปแบบใด และต้องใช้วัสดุ
อปุ กรณอ์ ะไรบ้าง (นกั เรยี นตอบไดต้ ามความเข้าใจ)
9.4 นกั เรียนคิดว่าจะใชอ้ ะไรแทนอนุภาคของสารทีม่ ีกล่นิ และใช้อะไรแทน
ทิศทางการเคลื่อนท่ีของอนุภาคของสารที่มีกลิ่น (นักเรียนตอบได้ตาม
ความเข้าใจ)
9.5 เม่ือสร้างแบบจาลองท่ีได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลแล้วนักเรียนทา
อย่างไรต่อไป (สังเกตกล่ินน้ามันหอมระเหยเม่ือยืนในตาแหน่งต่าง ๆ
โดยเปรียบเหมือนเป็นตาแหน่งของบ้านแต่ละหลัง และนาข้อมูลจาก
การสงั เกตมาปรับปรุงแบบจาลอง และนาเสนอ)
10.เมื่อนกั เรียนเข้าใจวิธกี ารทากิจกรรมในทาอยา่ งไรแล้ว ครแู จกวสั ดุอปุ กรณ์
และให้นักเรยี นปฏบิ ัตติ ามขน้ั ตอน โดยครูเสนอแนะว่า ในแบบจาลองควร
ระบุสญั ลกั ษณแ์ ละความหมายของสญั ลักษณ์นัน้ ๆ เช่น อนุภาคของสารท่มี ี
กล่นิ แทนด้วยอะไร อนุภาคของสารอืน่ ๆ แทนด้วยอะไร การเคลอ่ื นที่ของ
อนุภาคของสารท่ีมกี ลิ่นแทนด้วยอะไร
11.หลงั จากทากิจกรรมแลว้ นักเรียนแตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลการทากจิ กรรม
จากนัน้ ครูนาอภปิ รายโดยใชค้ าถามดงั นี้
11.1 แบบจาลองเพ่ือบรรยายการเคลื่อนท่ีของอนุภาคของสารที่มีกล่ินมีกี่
รูปแบบ อะไรบ้าง (นกั เรยี นตอบตามท่ีสร้าง เช่น ภาพวาด แบบจาลอง
สามมิต)ิ
11.2 สิ่งใดใช้เป็นตัวแทนอนุภาคของสารท่ีมีกลิ่น และสิ่งใดใช้เป็นตัวแทน
การเคลื่อนท่ีของอนุภาค (นักเรียนตอบตามสิ่งที่ได้สร้างข้ึน เชน่ ใช้จุด
แทนอนุภาคของสารที่มีกล่ินแต่ละอนุภาค หรือใช้ลูกปัดแทนอนุภาค
ของสารทีม่ ีกลนิ่ ลูกศรแทน ทิศทางการเคลอื่ นท)ี่
11.3 แบบจาลองแสดงการเคล่ือนที่ของอนุภาคของสารท่ีมีกลิ่นอย่างไร
(อนภุ าคของสารท่ีมีกลนิ่ เร่ิมจากพ้ืนทฝ่ี ังกลบและเคลื่อนทไ่ี ปในอากาศ
ทุกทศิ ทางจนถงึ บ้านแต่ละหลัง ทาใหค้ นในบา้ นแตล่ ะหลงั ได้รบั กลนิ่ )
12.ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่าการจัดกระทาและสื่อ
ความหมายข้อมูลเป็นการนาข้อมูลมานาเสนอในรูปแบบท่ีเข้าใจง่ายข้ึนและ
เห็นความสัมพนั ธ์ของข้อมลู การพยากรณ์เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ท่ีจะ
เกิดข้ึนโดยอาศัยข้อมูลท่ีรวบรวมไว้ การสรา้ งแบบจาลองเป็นการสร้างสิ่งใด
ฉบับปรบั ปรุง เดอื นมิถุนายน 2562 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯
23 คมู่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 การเรียนรู้สิ่งตา่ ง ๆ รอบตวั
ส่ิงหนึ่งขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทน ของจริงซึ่งอาจเป็นวัตถุ เหตุการณ์
กระบวนการหรือระบบและใช้แบบจาลองนั้นเพื่อส่ือสาร บรรยาย อธิบาย
หรอื พยากรณส์ งิ่ เหลา่ น้นั (S13)
ครูให้ความรู้เพิ่มเติมว่าการสร้างส่ิงใดส่ิงหนึ่งข้ึนมาเพ่ือเป็นตัวแทนของจริง
น้ันทาได้หลายรูปแบบอาจเป็นวัตถุสิ่งของที่เป็นนามธรรม เช่น แผนภาพ
รูปปั้น หรืออาจไม่ได้เป็นวัตถุส่ิงของหรือมีลักษณะเป็นนามธรรม เช่น
คาพูด สมการ โปรแกรมคอมพวิ เตอร์
13.นักเรียนตอบคาถามใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจใช้คาถามเพ่ิมเติมในการ
อภปิ รายเพื่อให้ไดแ้ นวคาตอบท่ถี ูกต้อง
14. นักเรียนสรปุ สง่ิ ท่ีได้เรียนรู้ในกจิ กรรมน้ี จากน้ันนักเรียนอ่าน ส่ิงที่ได้เรยี นรู้
และเปรยี บเทยี บกบั ขอ้ สรปุ ของตนเอง
15.ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกตั้งคาถามเกี่ยวกับเรื่องท่ีสงสัยหรืออยากรู้เพ่ิมเติม
ใน อยากรู้อีกว่า จากน้ันครูอาจสุ่มนักเรียน 2 -3 คน นาเสนอคาถามของ
ตนเองหน้าช้ันเรียน และให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับคาถามท่ี
นาเสนอ
16. ครูนาอภิปรายเพ่ือให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างและในข้ันตอนใดแล้ว
บันทกึ ลงในแบบบนั ทกึ กจิ กรรมหน้า 14
17.นักเรียนร่วมกันอ่าน รู้อะไรในเรื่องนี้ ในหนังสือเรียนหน้า 15-16 ครูนา
อภิปรายเพ่ือนาไปสู่ข้อสรุปเก่ียวกับสิ่งท่ีได้เรียนรู้ในเร่ืองน้ี จากนั้นครู
กระตุ้นให้นักเรียนตอบคาถามในช่วงท้ายของเน้ือเรื่องซ่ึงเป็นคาถามเพ่ือ
เชื่อมโยงไปสู่การเรียนเน้ือหาในบทถัดไป ดังน้ี การจัดกระทาและสื่อ
ความหมายข้อมูลและการสร้างแบบจาลองสามารถนาไปใช้อธิบายแนวคิด
เกี่ยวกับแรงและพลังงานได้หรือไม่ นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง
ซ่งึ จะหาคาตอบไดจ้ ากการเรียนในบทตอ่ ไป
18. ครูชักชวนนักเรียนอ่าน รักษ์โลก แล้วร่วมกันอภิปรายสรปุ แนวคิดที่ไดจ้ าก
การอ่าน
⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับปรับปรงุ เดือนมิถุนายน 2562
คมู่ อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 1 การเรียนรสู้ ิง่ ตา่ ง ๆ รอบตัว 24
แนวคาตอบในแบบบนั ทึกกิจกรรม
1. จดั กระทาและส่ือความหมายขอ้ มูลเกยี่ วกบั ปริมาณขยะในแตล่ ะปี
2. พยากรณเ์ กย่ี วกับปริมาณขยะ
ปริมาณขยะมูลฝอยปี พ.ศ. 2551-2560
สานักงานสง่ิ แวดล้อมภาคและสานกั งานทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อมจังหวดั
ฉบบั ปรบั ปรุง เดอื นมถิ ุนายน 2562 สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯
25 คู่มอื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 การเรยี นรู้ส่งิ ตา่ ง ๆ รอบตวั
แผนภมู ิ ปริมาณขยะในประเทศไทย ระหวา่ งปี พ.ศ. 2551 - 2560
ปรมิ าณขยะ (แสนตนั )
ปี พ.ศ.
สานกั งานสง่ิ แวดลอ้ มภาคและสานักงานทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อมจังหวัด
⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบับปรบั ปรงุ เดอื นมิถนุ ายน 2562
คู่มอื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 1 การเรยี นรูส้ ง่ิ ต่าง ๆ รอบตัว 26
แสดงปริมาณขยะเป็นตัวเลข ดแู นวโนม้ ของ
และเหน็ ความสมั พนั ธข์ อง ข้อมูลได้ไมช่ ดั เจน
ข้อมลู ระหว่างปแี ละปรมิ าณ
ขยะในแต่ละปี
แสดงปรมิ าณขยะในแตล่ ะปีที่ หาความแตกตา่ งของ
แตกต่างกันโดยใช้ความสูงของแทง่ ปริมาณขยะในแตล่ ะปี
แผนภูมิทาให้เปรยี บเทียบปรมิ าณขยะ
ในแต่ละปีได้งา่ ยกวา่ และมองเห็น เปน็ ตวั เลขได้ไมช่ ัดเจน
แนวโนม้ ปรมิ าณขยะไดช้ ดั เจนและ
รวดเร็ว แผนภูมิแท่ง
มขี อ้ ดี ดงั น้ี แสดงปรมิ าณขยะในแต่ละปีที่แตกตา่ งกนั โดยใชค้ วามสูงของแท่ง แผนภูมแิ สดง
การเปรียบเทียบปริมาณขยะในแต่ละปีซึง่ มองเหน็ ไดง้ ่ายกว่าและมองเห็นแนวโนม้ ปริมาณ
ขยะไดช้ ดั เจนและรวดเร็ว
ปรมิ าณขยะมลู ฝอยท่ีเกิดข้ึนในประเทศไทยภายในระยะเวลา 10 ปี แนวโน้มคือมี
ปรมิ าณสงู ข้นึ เร่อื ยๆ
ปริมาณขยะมูลฝอยทเี่ กดิ ขึ้นในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2548 น่าจะมีปริมาณนอ้ ยกวา่
ปรมิ าณขยะท่ีเกดิ ข้ึนในปี พ.ศ. 2551
ปริมาณขยะมูลฝอยท่จี ะเกดิ ข้ึนในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2563 นา่ จะมีปรมิ าณมากกว่า
ปริมาณขยะที่เกดิ ขนึ้ ในปี พ.ศ. 2560
ฉบบั ปรบั ปรงุ เดอื นมิถนุ ายน 2562 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯
27 คมู่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยที่ 1 การเรยี นรูส้ ่ิงต่าง ๆ รอบตวั
สรา้ งแบบจาลองเพื่อบรรยายการเคลอ่ื นที่ของอนุภาคของสารท่ีมกี ล่นิ ในขยะ
คาตอบขึน้ อยู่กับนักเรียน
⎯ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับปรบั ปรงุ เดอื นมิถนุ ายน 2562
ค่มู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 การเรียนรู้ส่งิ ต่าง ๆ รอบตวั 28
คาตอบข้นึ อยู่กับนกั เรยี น
ฉบบั ปรบั ปรงุ เดอื นมถิ ุนายน 2562 สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯
29 คูม่ อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 1 การเรยี นรู้สง่ิ ต่าง ๆ รอบตวั
นามาจัดกระทาให้อยใู่ นรปู แบบตารางและแผนภมู ิ
เปน็ การนาเสนอขอ้ มลู ที่ไมไ่ ดจ้ ัดใหเ้ ปน็ ระบบหรือข้อมลู ทย่ี ังไม่เห็นความสัมพันธก์ ัน
นามาจดั ใหเ้ ป็นระบบหรือให้เห็นความสัมพันธร์ ะหว่างขอ้ มูล ซ่ึงจะทาให้เข้าใจไดง้ า่ ย
ชดั เจนในเวลารวดเรว็
สามารถนาขอ้ มูลขยะมูลฝอยท่เี กิดขึน้ ในปี พ.ศ. 2551-2560 มาพยากรณป์ ริมาณขยะท่ี
จะเกดิ ขนึ้ ในปีตอ่ ไปโดยวิเคราะหจ์ ากข้อมูลเดิม
เราสามารถนาขอ้ มลู ปริมาณขยะมลู ฝอยท่ีเกดิ ขน้ึ ในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2551-2560
ซง่ึ มีหน่วยงานรวบรวมไว้ มาจดั กระทาให้อยใู่ นรปู แบบตารางและแผนภูมแิ ท่ง จะพบวา่
ท้ังในรูปแบบตารางและแผนภมู ิแทง่ ทาให้เขา้ ใจข้อมูลได้ง่ายขึ้น เมื่อเปรียบเทยี บ
ระหว่างตารางและแผนภมู แิ ท่ง พบว่า แผนภูมแิ ทง่ จะทาให้เขา้ ใจข้อมูลไดง้ ่าย และเห็น
แนวโนม้ ของปรมิ าณขยะไดช้ ดั เจนกวา่ จดั ในรปู แบบตาราง จากขอ้ มูลปริมาณขยะในแต่
ละปีสามารถพยากรณป์ รมิ าณขยะทเี่ กิดขึน้ ในปี พ.ศ. 2548 และ พ.ศ. 2563 ได้โดย
วิเคราะหจ์ ากขอ้ มลู การเปล่ียนแปลงปริมาณขยะทเ่ี กิดขนึ้ ในปี พ.ศ. 2551- 2560
⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรบั ปรงุ เดอื นมิถุนายน 2562
คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 การเรยี นรสู้ ่ิงต่าง ๆ รอบตวั 30
คาตอบข้ึนอยู่กบั แบบจาลองของนักเรยี น เชน่ วาดภาพ สร้างโมเดลสามมิติ
คาตอบขึน้ อยู่กับแบบจาลองของนักเรยี น เชน่ ในภาพวาดมอี นุภาคของสารที่มีกลิน่
แสดงด้วยจดุ เล็ก ๆ อย่รู อบๆ พืน้ ท่ีฝงั กลบ และมีจุดเลก็ ๆ กระจายออกไปจนถงึ ตัวบ้าน
คาตอบข้ึนอยู่กบั แบบจาลองของนักเรียน เช่น มี เพราะแบบจาลองยงั ไม่มีสง่ิ ท่ี
แสดงทศิ ทางการเคลือ่ นท่ีของอนภุ าค จึงไดเ้ พ่ิมส่งิ ท่แี สดงทิศทางการเคล่อื นที่ของ
อนุภาคของสารที่มกี ลนิ่ โดยใช้ลกู ศร
แบบจาลองการเคล่ือนท่ีของกลิ่นขยะ สามารถสรา้ งได้หลายรูปแบบ เชน่ วาดภาพ
โมเดลสามมติ ิ โดยอาจใชจ้ ดุ หรอื ลกู ปัดเปน็ ตวั แทนอนภุ าคของสารที่มกี ลิ่น ส่วนทศิ
ทางการเคล่อื นทขี่ องกลิ่นอาจแทนดว้ ยลกู ศรหรือเสน้ เพื่อบอกทศิ ทาง
การจัดกระทาและส่ือความหมายข้อมูลเป็นการนาขอ้ มูลมาแสดงในรปู แบบท่เี ขา้ ใจง่าย
ขึน้ และเห็นความสัมพนั ธ์ของขอ้ มูล การพยากรณเ์ ป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ที่จะ
เกิดข้ึนโดยอาศยั ขอ้ มลู ที่รวบรวมไว้ การสรา้ งแบบจาลองเป็นการสร้างสงิ่ ใดส่งิ หนึ่ง
ข้ึนมาเป็นตวั แทนของจริงเพ่ือบรรยายหรืออธิบายลกั ษณะของสงิ่ นั้น
ฉบับปรบั ปรุง เดือนมิถุนายน 2562 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯
31 คมู่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 การเรียนรูส้ ่งิ ต่าง ๆ รอบตัว
คาถามของนกั เรยี นท่ตี ้ังตามความอยากรูข้ องตนเอง
ฉบับปรับปรงุ เดือนมิถนุ ายน 2562
⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยที่ 1 การเรยี นรสู้ ง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตัว 32
แนวการประเมินการเรียนรู้
การประเมนิ การเรียนรูข้ องนักเรยี นทาได้ ดงั น้ี
1. ประเมินความรเู้ ดิมจากการอภปิ รายในชน้ั เรียน
2. ประเมนิ การเรยี นรู้จากคาตอบของนกั เรียนระหวา่ งการจัดการเรียนรแู้ ละจากแบบบันทึกกจิ กรรม
3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 จากการทากิจกรรมของนักเรียน
การประเมินจากการทากิจกรรมท่ี 1 จัดกระทาและสือ่ ความหมายขอ้ มลู และ
สร้างแบบจาลองได้อยา่ งไร
ระดับคะแนน 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ
3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้
รหัส ส่ิงทป่ี ระเมิน ระดบั คะแนน
ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
S6 การจดั กระทาและสือ่ ความหมายข้อมลู
S7 การพยากรณ์
S8 การลงความเหน็ จากขอ้ มูล
S13 การตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรุป
S14 การสรา้ งแบบจาลอง
ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21
C4 การสื่อสาร
C5 ความรว่ มมือ
รวมคะแนน
ฉบับปรับปรุง เดือนมถิ ุนายน 2562 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯
33 คู่มือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 การเรยี นรสู้ ่ิงต่าง ๆ รอบตวั
ตาราง แสดงการวิเคราะหท์ ักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรต์ ามระดบั ความสามารถของนักเรียน
โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมิน ดงั นี้
ทักษะกระบวนการทาง รายการประเมนิ ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรับปรงุ (1)
วิทยาศาสตร์ พอใช้ (2)
S6 การจัดกระทาและสื่อ การนาข้อมูลปริมาณ สามารถนาข้อมูลปริมาณ สามารถนาข้อมูลปริมาณ สามารถนาข้อมูลปริมาณ
ความหมายขอ้ มลู ขยะในแต่ละปีมาจัด ข ย ะ ใน แ ต่ ล ะ ปี ม า จั ด ข ย ะ ใน แ ต่ ล ะ ปี ม าจั ด ข ย ะ ใน แ ต่ ล ะ ปี ม าจั ด
กระทาและนาเสนอใน กระทาและนาเสนอใน กระทาและนาเสนอใน กระทาและนาเสนอใน
รูปแบบตารางและแผนภูมิ รู ป แ บ บ ต า ร า ง แ ล ะ รู ป แ บ บ ต า ร า ง แ ล ะ
รูป แบ บ ตารางและ แท่งได้อย่างถูกต้องและ แ ผ น ภู มิ แ ท่ ง ได้ ถู ก ต้ อ ง แ ผ น ภู มิ แ ท่ ง ไ ด้ ถู ก ต้ อ ง
แผนภมู แิ ท่ง ครบถ้วนด้วยตนเอง และครบถ้วนจาก การ บางส่วน แมว้ ่าจะได้รับคา
ชแ้ี นะของครหู รอื ผ้อู น่ื ชีแ้ นะจากครูหรอื ผู้อนื่
S7 การพยากรณ์ การคาดการณ์ปริมาณ สามารถคาดการณ์ปรมิ าณ ส า ม า ร ถ ค า ด ก า ร ณ์ ส า ม า ร ถ ค า ด ก า ร ณ์
ขยะท่ีจะเกิดขึ้นโดย ขยะท่ีจะเกิดข้ึนโดยอาศัย ปริมาณขยะที่จะเกิดข้ึน ปริมาณขยะที่จะเกิดข้ึน
อ า ศั ย ข้ อ มู ล ก า ร ข้อมูลการเปล่ียนแปลง โด ย อ า ศั ย ข้ อ มู ล ก า ร ได้แต่ไม่สามารถบอกเหตุ
เป ลี่ ย น แ ป ล ง ข อ ง ของปริมาณขยะในช่วง เปล่ียนแปลงของปริมาณ ผลได้แม้ว่าจะได้รับคา
ปริมาณ ขยะในช่วง ระยะเวล าห นึ่ งได้ด้ วย ขยะในช่วงระยะเวลาหน่ึง ชแ้ี นะจากครูหรอื ผ้อู น่ื
ระยะเวลาหนึง่ ตนเอง ได้จากการช้ีแนะของครู
หรือผอู้ ืน่
S8 การลงความเห็นจาก การลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก
ขอ้ มูล ข้ อ มู ล เก่ี ย ว กั บ ทิ ศ ข้อมูลไดด้ ้วยตนเองว่ากล่ิน ข้อมูลได้ว่ากลิ่นเคล่ือนที่ ข้อมูลได้แต่ไม่ชัดเจนว่า
ทางการเคลื่อนท่ีของ เคล่ือ น ท่ี ออ กจากขวด ออกจากขวดน้ามันหอม กลิ่นเคลื่อนท่ีออกจาก
กลนิ่ นา้ มันหอมระเหย น้ามันหอมระเหยได้ทุก ระเหยได้ทุกทิศทางจาก ขวดน้ามันหอมระเหยได้
ทิศทาง การชแ้ี นะของครหู รอื ผอู้ ่นื แม้ว่าจะได้รับคาชี้แนะ
จากครูหรือผอู้ นื่
S13 การตีความหมาย ก า ร ตี ค ว า ม ห ม า ย สามารถตีความหมาย สามารถตีความห มาย สามารถตีความห มาย
ข้อมูลและลงขอ้ สรุป ข้อมูลและลงข้อสรุป ขอ้ มลู และลงข้อสรปุ ได้ ข้อมูล และลงข้อสรุปได้ ข้ อ มู ล ได้ บ้ า ง แ ล ะ ล ง
ด้วยตนเองว่าการจัด ว่าการจัดกระทาและส่ือ ข้อสรปุ ได้ไม่ชัดเจนว่าการ
ได้ ว่ า ก า ร จั ด ก ร ะ ท า กระทาและสื่อความหมาย ความหมายข้อมูลเป็นการ จั ด ก ร ะ ท า แ ล ะ ส่ื อ
แ ล ะ ส่ื อ ค ว า ม ห ม า ย ข้อมลู เป็นการนาข้อมลู มา น า ข้ อ มู ล ม า น า เส น อ ใ น ความหมายข้อมูลเป็นการ
ข้ อ มู ล เป็ น ก า ร น า นาเสนอในรูปแบบทีเ่ ข้าใจ รู ป แ บ บ ที่ เข้ า ใ จ ง่ า ย ข้ึ น น า ข้ อ มู ล ม า น า เส น อ ใ น
ข้อมูลมานาเสนอใน ง่ายข้นึ และเห็น และเห็นความสัมพันธ์ของ รู ป แ บ บ ท่ี เข้ า ใ จ ง่ า ย ข้ึ น
รูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้น ข้อมูล การพยากรณ์เป็น และเหน็ ความสัมพันธ์ของ
และเห็นความสัมพันธ์
⎯ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบับปรบั ปรงุ เดอื นมิถนุ ายน 2562
คู่มอื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 การเรียนรสู้ ่งิ ตา่ ง ๆ รอบตัว 34
ทักษะกระบวนการทาง รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ
วิทยาศาสตร์
ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1)
ข อ ง ข้ อ มู ล ก า ร ความสมั พนั ธข์ องข้อมูล การคาดการณ์เหตุการณ์ ข้อมูล การพยากรณ์เป็น
พ ย า ก ร ณ์ เป็ น ก า ร การพยากรณเ์ ปน็ การ ที่เกิดขึ้นโดยอาศยั ข้อมลู ที่ การคาดการณ์เหตุการณ์
คาดการณ์เหตุการณ์ที่ คาดการณ์เหตุการณท์ ่ี รว บ รวม ไว้ ก ารส ร้าง ทเ่ี กดิ ขึ้นโดยอาศัยข้อมลู ที่
เกดิ ขนึ้ โดยอาศัยข้อมูล เกิดข้นึ โดยอาศัยข้อมลู ท่ี แบบจาลองเป็นการสร้าง รวบ รว ม ไว้ ก ารส ร้าง
ที่รวบรวมไว้ การสร้าง
แบบจาลองเป็นการ รวบรวมไว้ การสร้าง ส่ิงใดส่ิงหนึ่งขึ้นมาเพ่ือ แบบจาลองเป็นการสร้าง
ส ร้ า งส่ิ งใด สิ่ งห น่ึ ง แบบจาลองเป็นการสรา้ ง เป็นตัวแทนของของจริง ส่ิงใดส่ิงหนึ่งขึ้นมาเพ่ือ
เพื่อบรรยายหรืออธิบาย เป็นตัวแทนของของจริง
ข้ึนมาเพื่อเป็นตัวแทน ส่ิงใดส่ิงหน่งึ ข้ึนมาเพื่อเปน็ ลักษณะของส่ิงนั้นทั้งน้ี เพื่อบรรยายหรืออธิบาย
ข อ ง ข อ ง จ ริ ง เพื่ อ ตัวแทนของของจริงเพอื่ โดยอาศัยการชี้แนะจาก ลักษณะของสิ่งน้ันแม้ว่า
บ ร ร ย า ย อ ธิ บ า ย บรรยายหรืออธิบาย ครหู รือผอู้ ื่น จะได้รับคาชี้แนะจากครู
ลักษณะของสิ่งนน้ั ลักษณะของสงิ่ นั้น
หรอื ผู้อื่น
S14 การสร้างแบบจาลอง การสร้างแบบจาลอง สามารถสร้างแบบจาลอง สามารถสร้างแบบจาลอง สามารถสร้างแบบจาลอง
และระบุสิ่งท่ีใช้แทน แ ล ะ ร ะ บุ สิ่ ง ท่ี ใช้ แ ท น แ ล ะ ร ะ บุ สิ่ งท่ี ใช้ แ ท น ได้แต่ไม่สมบูรณ์และระบุ
อนุภ าคของสารที่มี อนุภาคของสารท่ีมีกลิ่น อนุภาคของสารท่ีมีกลิ่น ส่ิงท่ีใช้แทนอนุภาคของ
กล่ินและทิศทางการ และทิศทางการเคล่ือนท่ี และทิศทางการเคลื่อนที่ ส า ร ที่ มี ก ล่ิ น แ ล ะ ทิ ศ
เคล่ือนที่ของอนุภาค ของอนุภาคในแบบจาลอง ของอนุภาคในแบบจาลอง ท างก ารเค ลื่อ น ท่ี ข อ ง
ในแบบจาลองที่สร้าง ท่สี รา้ งขึน้ ไดด้ ้วยตนเอง ที่ ส ร้ า ง ขึ้ น ได้ โ ด ย อ า ศั ย อนุภาคในแบบจาลองท่ี
ข้นึ การช้ีแนะจาก ครูหรือ สรา้ งขึ้นได้บ้างแม้ว่าจะได้
ผู้อื่น รับคาช้ีแนะจากครูหรือ
ผอู้ นื่
ฉบบั ปรับปรุง เดอื นมิถุนายน 2562 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯
35 คมู่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยที่ 1 การเรยี นรสู้ ่ิงตา่ ง ๆ รอบตวั
ตาราง แสดงการวเิ คราะห์ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ตามระดับความสามารถของนักเรียน
โดยอาจใชเ้ กณฑ์การประเมิน ดงั น้ี
ทกั ษะแห่ง รายการประเมิน ระดับความสามารถ
ศตวรรษท่ี 21
C4 การส่ือสาร ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรุง (1)
C5 ความรว่ มมือ การนาเสนอขอ้ มูลจาก น าเส น อ ข้ อ มู ล จ าก ก าร น า เส น อ ข้ อ มู ล จ า ก ก า ร สามารถนาเสนอข้อมูล
การอภิปรายเก่ียวกับ อภิปรายเกี่ยวกับ การจัด อภิ ป รายเก่ียวกับ การจัด บ า ง ส่ ว น จ า ก ก า ร
การจัดกระทาและส่ือ กระทาและส่ือความหมาย กระทาและสื่อความหมาย อภิปรายเกี่ยวกับการจัด
ความหมายข้อมูล การ ข้อมูล การพยากรณ์และการ ข้อมูล การพยากรณ์และการ ก ร ะ ท า แ ล ะ ส่ื อ
พ ย า ก ร ณ์ แ ล ะ ก า ร สร้างแบบจาลองให้ผู้อื่น สร้างแบ บ จาลองให้ ผู้อื่น ความหมายข้อมูล การ
สรา้ งแบบจาลอง เขา้ ใจไดอ้ ย่างถูกต้อง ได้ดว้ ย เข้าใจได้อย่างถูกต้อง จาก พยากรณ์และการสร้าง
ตนเอง การช้ีแนะของครูหรอื ผอู้ ่นื แ บ บ จ า ล อ ง ให้ ผู้ อ่ื น
เข้ า ใ จ ทั้ ง น้ี แ ม้ ว่ า จ ะ ได้
รับคาช้ีแนะจากครูหรือ
ผูอ้ น่ื
การท างาน ร่วม กั บ สามารถทางานร่วมกับผู้อ่ืน สามารถทางานร่วมกับผู้อ่ืน สามารถทางานร่วมกับ
ผอู้ ื่นในการสงั เกต การ ในการสังเกต การนาเสนอ ในการสังเกต การนาเสนอ ผู้อื่นได้บ้างแต่ไม่แสดง
น าเส น อ แ ล ะ ก า ร และการแสดงความคิดเห็น และการแสดงความคิดเห็นใน ความคิดเห็น แม้ว่าจะ
แสดงความคิดเห็นใน ในการจัดกระทาและสื่อ ก า ร จั ด ก ร ะ ท า แ ล ะ ส่ื อ ได้รับการกระตุ้นจากครู
การจัดกระทาและส่ือ ความห มายข้อมูล การ ค ว า ม ห ม า ย ข้ อ มู ล ก า ร หรอื ผูอ้ ่นื
ความหมายขอ้ มูล การ พ ยาก รณ์ แ ล ะก ารส ร้าง พ ย าก รณ์ แ ล ะ ก ารส ร้ าง
พ ย า ก ร ณ์ แ ล ะ ก า ร แบบจาลองรวมท้ังยอมรับ แบบจาลอง รวมท้ังยอมรับ
ส ร้ า ง แ บ บ จ า ล อ ง ความคิดเห็นของผู้อ่ืนตั้งแต่ ความคิดเห็นของผู้อ่ืน บาง
รวมทั้งยอมรับความ เรม่ิ ต้นจนสาเรจ็ ชว่ งเวลาทที่ ากจิ กรรม
คดิ เหน็ ของผ้อู นื่
⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบับปรบั ปรงุ เดอื นมิถุนายน 2562
ค่มู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 การเรยี นรูส้ ง่ิ ต่าง ๆ รอบตัว 36
กจิ กรรมทา้ ยบทท่ี 1 ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (0.5 ชัว่ โมง)
1. นักเรียนวาดรูปหรือเขียนสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้จากบทนี้ตามความเข้าใจของ
ตนเอง ในแบบบันทึกกิจกรรม หนา้ 15
2. นักเรียนตรวจสอบการสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรขู้ องตนเองโดยเปรียบเทียบกับผัง
มโนทัศน์ในหวั ข้อ รู้อะไรในบทนี้ ในหนังสอื เรียน หน้า 17
3. นักเรียนกลับไปตรวจสอบคาตอบของตนเองในสารวจความรู้ก่อนเรียน
ในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 2-5 อีกครั้ง ถ้าคาตอบของนักเรียนไม่ถูกต้อง
ให้ขีดเส้นทับข้อความเหล่าน้ัน แล้วแก้ไขให้ถูกต้อง หรืออาจแก้ไขคาตอบ
ด้วยปากกาที่มีสีต่างจากเดิม นอกจากน้ีครูอาจนาคาถามในรูปนาบทใน
หนังสือเรียน หนา้ 2 มาร่วมกันอภิปรายคาตอบอกี คร้ัง
4. นักเรยี นทา แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 1 ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
โดยครูสุ่มนักเรียน 2-3 คนนาเสนอคาตอบหน้าช้ันเรียน ถ้าคาตอบยังไม่
ถูกต้องครูควรนาอภิปรายหรือให้สถานการณ์เพิ่มเติมเพ่ือแก้ไขแนวคิด
คลาดเคล่ือนใหถ้ ูกตอ้ ง
5. นักเรียนร่วมกันทากิจกรรม ร่วมคิดร่วมทา โดยให้นักเรียนเก็บข้อมูลชนิด
และปริมาณขยะในโรงเรียนจากน้ันนาเสนอข้อมูลในรูปแบบท่ีทาให้คนอ่ืน
เข้าใจถูกต้องและรวดเร็ว และร่วมกันหาวิธีแยกขยะและอุปกรณ์ท่ีใช้
จดั เกบ็ ขยะแตล่ ะชนิด ครอู าจให้นกั เรยี นสารวจขอ้ มลู ลว่ งหนา้ แล้วนาเสนอ
6. นักเรียนอ่านและอภิปรายเน้ือเร่ืองในหัวข้อวิทย์ใกล้ตัว ในหนังสือเรียน
หน้า 22 โดยครูกระตุ้นให้นักเรียนเห็นความสาคัญของความรู้จากส่ิงท่ีได้
เรียนรใู้ นหน่วยนี้ ว่าสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง ดังนี้ การฝึก
ทกั ษะการจัดกระทาและส่ือความหมายข้อมูลมีประโยชน์อย่างไร (สามารถ
นามาใช้ในการเตรียมตัวเพ่ือนาเสนอเรื่องราวทางด้านวิทยาศาสตร์ใน
ประเด็นท่ีคนกาลังสนใจให้เข้าใจได้ชัดเจนและรวดเร็ว เช่น การนาเสนอ
ขอ้ มูลภายใน 3 นาท)ี
7. นักเรียนร่วมกันตอบคาถามสาคัญประจาหน่วยในหนังสือเรียนอีกคร้ัง ถ้า
คาตอบยังไม่ถูกต้อง ให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันเพื่อให้ได้คาตอบที่ถูกต้อง
ตามแนวคาตอบดังน้ี
7.1 ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทาให้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างไร
(ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นามาใช้ในการเก็บรวบรวม
ข้อมูล การสร้างคาอธิบายและการนาเสนอส่ิงที่ค้นพบ) ถ้าคาตอบยัง
ไมถ่ ูกตอ้ ง ให้นักเรยี นอภิปรายร่วมกนั เพือ่ ให้ไดค้ าตอบที่ถูกตอ้ ง
สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯
37 คมู่ อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยที่ 1 การเรยี นร้สู ง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตวั
สรปุ ผลการเรียนร้ขู องตนเอง
รูปหรอื ข้อความสรปุ สิ่งที่ไดเ้ รียนรู้จากบทนี้ตามความเขา้ ใจของนักเรยี น
⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ ือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 1 การเรียนรู้สิ่งตา่ ง ๆ รอบตวั 38
แนวคาตอบในแบบฝกึ หัดทา้ ยบท
สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯
39 คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 การเรยี นรสู้ งิ่ ต่าง ๆ รอบตวั
เลอื กในรปู แบบตาราง ในรูปท่ี 1 เพราะทาใหเ้ หน็ ความสัมพันธข์ องข้อมูล
ไดช้ ดั เจนและเห็นสดั สว่ นของแก๊สในอากาศไดถ้ กู ต้องชดั เจน กว่ารปู แบบ
อื่น ๆ
⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ค่มู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยที่ 1 การเรยี นรสู้ งิ่ ต่าง ๆ รอบตวั 40
สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯
41 คู่มือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 1 การเรียนรสู้ ิ่งต่าง ๆ รอบตัว
แบบจาลองเหมือนของจรงิ ในเรื่องเก่ียวกับจานวนดาวเคราะห์ ตาแหนง่ ดาวเคราะห์
ดวงอาทติ ย์ และแถบดาวเคราะห์นอ้ ย
ไมเ่ หมือนในดา้ นระยะหา่ งระหว่างดาวเคราะห์แตล่ ะดวงกบั ดวงอาทิตย์
ขนาดของดาวต่าง ๆ ไม่มีดวงจันทร์ของดาวเสาร์ รูปทรง และสีดาวเคราะห์
ไมเ่ หมอื นจริง
⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ค่มู ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยที่ 1 การเรยี นร้สู ่งิ ตา่ ง ๆ รอบตวั 42
ปรับปรุงโดยทาระยะหา่ งระหวา่ งดาวเคราะห์แต่ละดวงกบั ดวงอาทิตย์ให้มสี ัดส่วน
เหมอื นจริง ทาขนาดของดาวตา่ ง ๆ ใหม้ ีสดั ส่วนถกู ต้องมากขน้ึ เพิ่มดวงจนั ทร์
ของดาวเสาร์ ทารปู ทรงและสีของดาวเคราะห์ให้เหมอื นหรอื ใกลเ้ คียงของจรงิ
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯
43 คมู่ อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 1 การเรยี นร้สู ่งิ ต่าง ๆ รอบตวั
⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | บรรณานุกรม หนว่ ยที่ 1 44
บรรณานุกรม (หน่วยที่ 1)
ลฎาภา ลดาชาติ และ ลือชา ลดาชาติ. (2560). มุมมองและความเข้าใจเก่ียวกับแบบจาลองทางวิทยาศาสตร์ของครูวิทยาศาสตร์.
วารสารการวจิ ยั เพ่ือพฒั นาชมุ ชน (มนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร์), 10(3), 149-162.
ภรทิพย์ สุภัทรชัยวงศ์ ชาตรี ฝ่ายคาตา และ พจนารถ สุวรรณรุจิ. (2557). ความเข้าใจธรรมชาติของแบบจาลองทางวิทยาศาสตร์
ของนักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4. วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ วิทยาเขตปตั ตานี, 25, 39-51.
Krajcik, J. & Merritt, J. (2012). Engaging students in scientific practices: What does constructing and revising models
look like in the science classroom? Understanding a framework for K−12 science education. Science
and Children, 49(3), 10-13.
ฉบับปรับปรุง เดือนมถิ นุ ายน 2562 สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯
45 คมู่ อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 แรงและพลังงาน
หนว่ ยท่ี 2 แรงและพลงั งาน
ภาพรวมการจัดการเรยี นรปู้ ระจาหนว่ ยที่ 2 แรงและพลังงาน
บท เร่ือง กจิ กรรม ลาดับการจัดการเรยี นรู้ ตัวชี้วดั
บทที่ 1 แรงลัพธ์ เร่ืองท่ี 1 แรงลัพธ์ กจิ กรรมท่ี 1 • เมอื่ มีแรงหลาย ๆ แรง ว 2.2
และแรงเสยี ดทาน หาแรงลัพธ์ท่ี กระทาต่อวตั ถุในแนว ป.5/1 อธิบายวิธกี ารหาแรงลัพธ์
กระทาตอ่ วตั ถุได้ เดียวกัน สามารถหาแรง ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกัน
อยา่ งไร ลัพธท์ ีก่ ระทาต่อวตั ถโุ ดย ทกี่ ระทาต่อวัตถใุ นกรณที ว่ี ัตถุอยู่
พิจารณาจากทิศทางของ นิ่งจากหลักฐานเชงิ ประจักษ์
แรงนัน้ ๆ ป.5/2 เขียนแผนภาพแสดงแรงที่
กระทาต่อวัตถุที่อยู่ในแนวเดียวกัน
• เมอ่ื แรงลัพธท์ ก่ี ระทาต่อ และแรงลัพธ์ท่ีกระทาต่อวัตถุ
วัตถทุ ่อี ยู่นิ่งมีคา่ เปน็ ศูนย์ ป.5/3 ใชเ้ ครอื่ งชั่งสปรงิ ในการวัด
วตั ถุจะอยนู่ ิ่งตอ่ ไป แรงท่ีกระทาต่อวัตถุ
เรอ่ื งท่ี 2 แรงเสยี ด กิจกรรมที่ 2 • เม่ือออกแรงกระทาต่อวตั ถุ ป.5/4 ระบุผลของแรงเสยี ดทาน
ทาน
แรงเสยี ดทานมี ทอ่ี ยู่บนพน้ื ผิวสมั ผสั เพ่ือให้ ทมี่ ีตอ่ การเปลย่ี นแปลงการ
ผลต่อวัตถุอย่างไร เคล่ือนทจ่ี ะมีแรงต้านการ เคล่ือนท่ีของวตั ถุจากหลกั ฐานเชงิ
เคลื่อนทหี่ รือ แรงเสยี ดทาน ประจักษ์
ซึง่ มีทิศทางตรงกนั ข้ามกบั
ทศิ ทางการเคล่ือนท่ีของวตั ถุ ป.5/5 เขียนแผนภาพแสดงแรง
• แรงเสยี ดทานมีผลทาให้ เสยี ดทานและแรงท่ีอยูใ่ นแนว
วัตถทุ กี่ าลงั เคลือ่ นที่ เดยี วกนั ทกี่ ระทาต่อวัตถุ
เปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่
รว่ มคดิ รว่ มทา เปน็ ช้าลงจนหยุดน่งิ
⎯ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบับปรับปรงุ เดอื นมิถนุ ายน 2562
คู่มอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 46
บท เร่ือง กจิ กรรม ลาดับการจดั การเรียนรู้ ตวั ชวี้ ัด
บทที่ 2 เรื่อ งที่ 1 เสี ย งกั บ กิจกรรมท่ี 1.1 เสยี ง • เสยี งเคลอ่ื นท่ีไดต้ ้องอาศยั ว 2.3
เสียง การไดย้ ิน เคลื่อนท่ีไปได้อยา่ งไร ตัวกลาง ป.5/1 อธิบ ายการได้ยิน
• เสียงสงู เสียงตา่ ขึ้นอยู่กบั เสี ย งผ่ าน ตั ว ก ล า งจ า ก
กิจกรรมท่ี 1.2 เสียงสงู
เสียงต่า เกิดได้อย่างไร ความถใ่ี นการสั่นของ
แหลง่ กาเนิดเสียง หลักฐานเชิงประจกั ษ์
กิจกรรมที่ 1.3 เสยี งดัง • เสยี งดงั เสยี งคอ่ ยข้นึ อยู่ ป.5/2 ระบุตัวแปร ทดลอง
เสียงค่อย ข้ึนอย่กู บั อะไร
กับพลังงานการสัน่ ของ และอธิบายลักษณะและ
กจิ กรรมที่ 1.4 มลพษิ ทาง แหลง่ กาเนิดเสยี ง และ
เสยี งเป็นอยา่ งไร ระยะห่างระหวา่ งผูฟ้ ัง การเกดิ เสยี งสงู เสยี งตา่
กับแหล่งกาเนิดเสยี ง ป.5/3 ออกแบบการทดลอง
• เสยี งทด่ี ังมาก ๆ และเสยี ง และอธิบายลักษณะและ
ทีก่ ่อให้เกิดความราคาญ การเกดิ เสียงดัง เสยี งคอ่ ย
เรยี กวา่ มลพิษทางเสยี ง ป.5/4 วัดระดับเสียงโดยใช้
• ถ้าต้องอยใู่ นบริเวณทม่ี ี เครือ่ งมอื วดั ระดบั เสยี ง
เสยี งดัง ควรสวมเคร่อื ง ป.5/5 ตระหนักในคุณค่า
ปอ้ งกันหู หรือควร
หลีกเล่ยี งการอยู่ในบริเวณ ของความรู้เร่ืองระดับเสียง
น้ัน โดยเสนอแนะแนวทางใน
การหลีกเลี่ยงและลดมลพิษ
ทางเสียง
รว่ มคดิ รว่ มทา
ฉบบั ปรบั ปรงุ เดอื นมิถุนายน 2562 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี⎯
47 คมู่ อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 แรงและพลังงาน
บทท่ี 1 แรงลพั ธแ์ ละแรงเสยี ดทาน
จุดประสงค์การเรยี นร้ปู ระจาบท
เม่ือเรยี นจบบทนี้ นักเรียนสามารถ
1. อธิบายการหาแรงลพั ธข์ องแรงหลายแรงในแนว
เดียวกันทกี่ ระทาต่อวตั ถุในกรณีทีว่ ัตถุอยนู่ ิง่
2. อธบิ ายและเขยี นแผนภาพแสดงขนาดและ
ทิศทางของแรงท่ีกระทาต่อวตั ถใุ นแนวเดียวกนั
3. วดั ขนาดของแรงที่กระทาต่อวตั ถโุ ดยใชเ้ ครื่องช่งั
สปริง
4. อธิบายแรงเสยี ดทานท่มี ีผลต่อการเปล่ียนแปลง
การเคลื่อนทีข่ องวตั ถุ
เวลา 7.5 ชัว่ โมง บทนม้ี ีอะไร
แนวคดิ สาคัญ เรอ่ื งท่ี 1 แรงลพั ธ์
กิจกรรมที่ 1 หาแรงลพั ธ์ท่ีกระทาต่อวตั ถุได้อย่างไร
เม่ือมีแรงหลายแรงมากระทาต่อวัตถุหน่ึง ๆ
ผลรวมของแรงเหล่านั้น คือ แรงลัพธ์ท่ีกระทาต่อวัตถุ เรื่องที่ 2 แรงเสียดทาน
การหาแรงลัพธ์ต้องพิจารณาท้ังขนาดและทิศทางของ กิจกรรมที่ 2 แรงเสียดทานมีผลต่อวัตถอุ ย่างไร
แรงท้ังหมดท่ีกระทาต่อวัตถุนั้น ถ้าแรงลัพธ์ท่ีกระทาต่อ
วตั ถุที่อยู่น่ิงมีค่าเป็นศูนย์ วัตถุก็จะอยู่นิ่งต่อไป ถ้ามีแรง
มากระทาต่อวัตถุเพอ่ื ใหว้ ัตถุเคลอ่ื นท่ี โดยวตั ถุนัน้ สัมผัส
กับผิวสัมผัสของวัตถุอ่ืน จะเกิดแรงเสียดทานต้านการ
เคล่ือนท่ีของวัตถุในบริเวณผิวสัมผัสของวัตถุนั้น และ
สาหรับวัตถุท่ีกาลังเคล่ือนท่ี ก็จะมีแรงเสียดทานต้าน
การเคลอ่ื นทข่ี องวตั ถุเชน่ กัน
สอื่ การเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้
1. หนงั สอื เรยี น ป.5 เลม่ 1 หน้า 24-45
2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม ป.5 เล่ม 1 หนา้ 23-47
⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับปรับปรงุ เดอื นมิถุนายน 2562
คู่มือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 แรงและพลังงาน 48
ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21
รหัส ทกั ษะ กจิ กรรมท่ี
12
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
S1 การสังเกต
S2 การวัด
S3 การใช้จานวน
S4 การจาแนกประเภท
S5 การหาความสมั พันธร์ ะหวา่ ง
สเปซกับสเปซ
สเปซกับเวลา
S6 การจัดกระทาและส่ือความหมายขอ้ มลู
S7 การพยากรณ์
S8 การลงความเห็นจากข้อมูล
S9 การตงั้ สมมติฐาน
S10 การกาหนดนยิ ามเชิงปฏิบตั กิ าร
S11 การกาหนดและควบคุมตวั แปร
S12 การทดลอง
S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ
S14 การสร้างแบบจาลอง
ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21
C1 การสรา้ งสรรค์
C2 การคดิ อย่างมวี ิจารณญาณ
C3 การแก้ปัญหา
C4 การสื่อสาร
C5 ความรว่ มมือ
C6 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร
หมายเหตุ: รหัสทกั ษะทป่ี รากฏนี้ ใชเ้ ฉพาะหนงั สือคู่มือครเู ล่มนี้
ฉบบั ปรบั ปรงุ เดือนมถิ ุนายน 2562 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี⎯
49 คูม่ อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 แรงและพลงั งาน
แนวคิดคลาดเคลอ่ื น
แนวคิดคลาดเคล่ือนท่ีอาจพบและแนวคิดท่ีถูกต้องในบทที่ 1 แรงลพั ธ์และแรงเสียดทาน มดี งั ต่อไปนี้
แนวคิดคลาดเคลอื่ น แนวคดิ ท่ีถกู ต้อง
ถ้าวัตถุเคล่ือนทแ่ี สดงวา่ ต้องมีแรงมากระทาต่อวัตถุนน้ั หรือ เมอื่ แรงลัพธท์ ีก่ ระทาต่อวตั ถเุ ท่ากบั ศนู ย์ วัตถจุ ะรกั ษาสภาพการ
เมอื่ วัตถุไม่เคลอ่ื นท่ีแสดงวา่ ไมม่ ีแรงมากระทาต่อวัตถนุ ้ัน เคล่อื นที่ กลา่ วคือวตั ถุจะอย่นู ิ่งหรอื เคล่ือนทด่ี ว้ ยความเรว็ คงตวั
(ขจรศักด์ิ และเพ็ญจนั ทร์, 2550) ดงั น้ันในกรณวี ตั ถุอยูน่ ่ิง ก็ไม่ไดห้ มายความวา่ ไม่มีแรงใด ๆ มา
กระทาต่อวตั ถเุ สมอไป อาจจะมแี รงหลายแรงมากระทา แต่
เมื่อมีแรงกระทาต่อวตั ถุ แลว้ วตั ถุยังคงอยนู่ งิ่ แรงเสยี ดทานท่ี แรงลัพธ์เป็นศูนย์ก็เปน็ ได้ (ขจรศกั ดิ์ และเพ็ญจันทร,์ 2550)
กระทาต่อวัตถนุ ั้นยังคงมีค่าเป็นศนู ย์ (Chee, C.,1996) เมื่อมีแรงกระทาต่อวัตถุ แล้ววัตถุยงั คงอยนู่ ง่ิ แรงเสยี ดทานที่
กระทาตอ่ วตั ถจุ ะมีค่าเท่ากับแรงทีก่ ระทาต่อวัตถุ แตม่ ีทิศทาง
เม่ือออกแรงกระทาลงั ไม้ แล้วลงั ไม้ยงั คงอย่นู งิ่ เพราะออก ตรงกันข้าม (Chee, C.,1996)
แรงกระทาต่อลงั ไมน้ ้อยกวา่ แรงเสยี ดทาน (ขจรศักด์ิ และ เมือ่ ออกแรงกระทาต่อวตั ถทุ อี่ ยบู่ นพนื้ แลว้ วัตถุยงั คงอยู่น่ิง
คณะ, 2549) แรงลัพธ์ที่กระทาต่อวตั ถุจึงเป็นศูนย์ ดังนน้ั แรงเสียดทานจะตอ้ งมี
ขนาดเทา่ กับแรงท่ีกระทา (ขจรศกั ด์ิ และ คณะ, 2549)
ถ้าครพู บวา่ มีแนวคิดคลาดเคลอื่ นใดทยี่ ังไม่ได้แก้ไขจากการทากิจกรรมการเรยี นรู้ ครูควรจดั การเรียนรูเ้ พิ่มเตมิ เพ่ือแก้ไข
ตอ่ ไปได้
⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับปรบั ปรุง เดอื นมิถนุ ายน 2562
คู่มอื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 แรงและพลังงาน 50
บทนเี้ รม่ิ ต้นอยา่ งไร (0.5 ช่วั โมง) ในการทบทวนความรู้พ้ืนฐาน ครูควรให้
เวลานักเรียนคิดอย่างเหมาะสม รอคอย
1. ครูทบทวนความรู้พื้นฐานของนักเรียนเกี่ยวกับแรงท่ีนักเรียนรู้จักและ อย่างอดทน นักเรียนต้องตอบคาถาม
ได้เรียนรู้กันมาแล้ว โดยการถามคาถามประกอบการสาธติ ด้วยอุปกรณ์ เหล่าน้ีได้ถูกต้อง หากตอบไม่ได้หรือลืมครู
หน้าชน้ั เรียน โดยอาจใชค้ าถามดังน้ี ต้องให้ความรทู้ ่ถี ูกต้องทันที
1.1 จากท่ีเคยเรียนมา นักเรียนรู้จักแรงอะไรบ้าง (แรงในการดึง
แรงในการผลกั แรงดงึ ดูดหรอื แรงโน้มถ่วงของโลก)
1.2 แรงมีผลต่อการเคลื่อนที่ของวัตถุอย่างไร (แรงทาให้วัตถุ
เปลี่ยนแปลงการเคล่ือนที่ เช่น แรงโน้มถ่วงของโลกทาให้วัตถุ
ต่าง ๆ ตกลงสพู่ ื้น)
1.3 ถ้าต้องการวัดขนาดของแรง นักเรียนจะใช้อุปกรณ์ใดในการวัด
(ใชเ้ คร่อื งชง่ั สปรงิ วดั ขนาดของแรง)
ถ้านักเรียนตอบไม่ถูกต้อง ครูควรทบทวน เพ่ือให้นักเรียนตอบได้
ถูกต้อง
2. ครูตรวจสอบความร้เู ดิมของนักเรียนเกยี่ วกับแรงลพั ธ์และแรงเสียดทาน
โดยอาจใช้คาถามดังน้ี
2.1 มีแรงกระทาต่อวัตถุหน่ึง ๆ มากกว่า 1 แรงได้หรือไม่ อย่างไร
(นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น ได้ นักเรียน 2 คนช่วยกันยก
ของ การเล่นชักเยอ่ เป็นต้น)
2.2 ถา้ มีแรงหลาย ๆ แรงมากระทาต่อวัตถุ เราจะหาผลรวมของแรง
เหล่าน้ันได้อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น นาแรง
ทง้ั หมดมารวมกนั )
นักเรียนตอบคาถามตามความเข้าใจของตนเองโดยครูยังไม่ต้อง
เฉลยคาตอบทีถ่ กู ต้อง
3. ครูชักชวนให้นักเรียนศึกษาเร่ืองแรงลัพธ์และแรงเสียดทาน โดยให้อ่าน
ช่ือหน่วย และอ่านคาถามสาคัญประจาหน่วย ที่ 2 ในหนังสือเรียน
หน้า 24 คือ แรงและพลังงานเก่ยี วข้องกบั ชีวติ ประจาวันของเราอย่างไร
นักเรียนตอบคาถาม โดยครูยังไม่ต้องเฉลยคาตอบ แต่จะให้นักเรียน
ยอ้ นกลบั มาตอบอีกคร้งั หลังจากเรียนจบหนว่ ยนี้แล้ว
4. นักเรียนอ่านช่ือบท และจุดประสงค์การเรียนรู้ประจาบท ในหนังสือ
เรียนหน้า 25 จากน้ันครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยใช้
คาถามดงั นี้
ฉบับปรบั ปรุง เดอื นมถิ ุนายน 2562 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี⎯
51 คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 แรงและพลงั งาน
4.1 บทน้ีนักเรยี นจะได้เรียนเร่ืองอะไร (แรงลัพธแ์ ละแรงเสียดทาน) ค รู รั บ ฟั ง เห ตุ ผ ล ข อ ง
นักเรียนเป็นสาคัญ ครูยังไม่
4.2 จากจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ เม่ือเรยี นจบบทนนี้ ักเรยี นจะสามารถทา เฉลยคาตอบใด ๆ แต่ชักชวนให้
อะไรไดบ้ ้าง (อธิบายการหาแรงลพั ธข์ องแรงหลายแรงในแนว หาคาตอบท่ีถูกต้องจากกิจกรรม
เดียวกนั ทก่ี ระทาต่อวัตถุในกรณีที่วัตถุอยนู่ ง่ิ อธบิ ายการเขยี น ตา่ ง ๆ ในบทเรียนน้ี
แผนภาพแสดงขนาดและทศิ ทางของแรงท่กี ระทาต่อวัตถใุ นแนว
เดียวกนั วดั ขนาดของแรงท่กี ระทาต่อวัตถโุ ดยใชเ้ ครื่องชง่ั สปรงิ ฉบับปรับปรงุ เดือนมิถุนายน 2562
อธบิ ายแรงเสียดทานที่มีผลต่อการเปล่ยี นแปลงการเคลื่อนทีข่ อง
วัตถ)ุ
5. นกั เรียนอ่านช่อื บท และแนวคดิ สาคัญ ในหนังสอื เรยี นหน้า 26 จากนนั้
ครูซักถามว่า จากการอ่านแนวคิดสาคญั นักเรยี นคิดว่าจะได้เรยี น
เก่ียวกบั เรอ่ื งอะไรบา้ ง (ในเรื่องนี้จะไดเ้ รียนเร่ืองแรงลพั ธท์ ่ีกระทาต่อ
วัตถุ การหาแรงลพั ธ์ และแรงเสียดทาน)
6. ครูชักชวนให้นกั เรยี นสงั เกตรูป และอ่านเนื้อเร่ืองในหนา้ 26 โดยครูฝึก
ทกั ษะการอา่ นตามวิธีการอ่านท่ีเหมาะสมกบั ความสามารถของนกั เรียน
จากน้ันครูตรวจสอบความเข้าใจในการอา่ น โดยใช้คาถามดังต่อไปน้ี
6.1 การเล่นกีฬามีผลต่อร่างกายอย่างไร (ทาให้ร่างกายแข็งแรงมี
สุขภาพดี)
6.2 การเล่นชักเย่อมีกติกาอย่างไร (การเล่นชักเย่อประกอบด้วยผู้เล่น
2 ฝ่าย จานวนผู้เล่นฝ่ายละเท่า ๆ กัน จับเชือกคนละด้าน มีเส้น
แบ่งเขตแดนอยู่ตรงกลาง ท่ีจุดก่ึงกลางของเชือกมีผ้าผูกไว้ เมื่อ
เร่ิมเล่น ต่างฝ่ายต่างออกแรงเพ่ือดึงเชือกให้ผ้าท่ีจุดกึ่งกลางเชือก
เคลือ่ นที่ไปยงั เขตแดนของฝ่ายตน จึงจะตดั สินว่าชนะ)
6.3 ถ้าดึงเชือก แล้วผ้าที่ผูกจุดก่ึงกลางเชือกอยู่นิ่ง นักเรียนคิดว่า
ผลรวมของแรงทั้งหมดที่กระทาต่อเชือกขณะนั้นเป็นอย่างไร
(นักเรียนตอบตามความเข้าใจ)
6.4 การเล่นชักเย่อมีแรงใดมาเกี่ยวข้องบ้าง (นักเรียนตอบตามความ
เขา้ ใจ)
7. ครูชักชวนนักเรียนตอบคาถามเก่ียวกับแรงลัพธ์และแรงเสียดทานใน
สารวจความรูก้ อ่ นเรียน
8. นกั เรยี นทาสารวจความรกู้ ่อนเรยี น ในแบบบันทึกกจิ กรรมหน้า 24-26
โดยนกั เรียนอา่ นคาถามแตล่ ะข้อ ครตู รวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี น
⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ค่มู อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 แรงและพลังงาน 52
จนแนใ่ จวา่ นกั เรียนสามารถทาได้ดว้ ยตนเอง จึงใหน้ กั เรยี นตอบคาถาม การเตรยี มตวั ลว่ งหน้าสาหรับครู
โดยคาตอบของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน และคาตอบอาจถูกหรอื ผดิ ก็ได้ เพ่อื จดั การเรียนรใู้ นคร้ังถัดไป
9. ครูสงั เกตการตอบคาถามของนกั เรียนเพือ่ ตรวจสอบว่านกั เรียนมีแนวคิด ในครั้งถัดไป นักเรียนจะได้เรียน
เกี่ยวกับเรื่องแรงลัพธ์และแรงเสียดทานอย่างไร หรืออาจสุ่มให้นักเรียน เรื่องที่ 1 แรงลัพธ์ ครูควรเตรียมรูปภาพ
2 – 3 คน นาเสนอคาตอบของตนเอง โดยครูยังไม่ต้องเฉลยคาตอบ แต่ หรือส่ือวีดิทัศน์จากอินเทอร์เน็ตเพ่ือกระตุ้น
จะให้นักเรียนย้อนกลับมาตรวจสอบอีกครั้งหลังจากเรียนจบบทน้ีแล้ว ความสนใจของนักเรียนเก่ียวกับกิจกรรม
ท้ังน้ีครูอาจบันทึกแนวคิดคลาดเคล่ือนหรือแนวคิดท่ีน่าสนใจของ ต่าง ๆ ท่ีมีการออกแรงหลาย ๆ แรง เช่น
นักเรียน แล้วนามาออกแบบการจัดการเรียนรู้เพ่ือแก้ไขแนวคิด การแข่งเรือยาว หรอื การเล่นชักเย่อ
คลาดเคล่ือนให้ถกู ต้อง และตอ่ ยอดแนวคดิ ท่ีนา่ สนใจของนักเรียนต่อไป
ฉบับปรับปรงุ เดือนมิถนุ ายน 2562 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี⎯
53 คมู่ ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 แรงและพลังงาน
แนวคาตอบในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม
การสารวจความรกู้ ่อนเรียน นักเรียนอาจตอบคาถามถูกหรือผดิ ก็ได้ขน้ึ อยูก่ ับความรู้เดมิ ของนักเรยี น
แตเ่ ม่อื เรียนจบบทเรียนแลว้ ให้นกั เรยี นกลับมาตรวจสอบคาตอบอีกคร้ังและแก้ไขให้ถกู ต้อง ดงั ตัวอย่าง
0 นิวตัน
✓
4 นิวตนั ก 2 นวิ ตนั
ค 2 นิวตัน
ข
⎯ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรบั ปรงุ เดือนมิถุนายน 2562
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 54
8 นิวตัน
ไปทางซา้ ยมือ
8 นวิ ตนั 8 นิวตัน
จ ง
ฉบบั ปรับปรงุ เดอื นมถิ ุนายน 2562 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี⎯
55 คมู่ ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 แรงและพลงั งาน
ทใี่ ชด้ งึ หนังสอื แรงเสียดทาน
แรงเสียดทานเป็นแรงท่ีตา้ นการเคลือ่ นที่ของวัตถุ เกดิ ระหว่างผิวสัมผสั
ของวตั ถุในทศิ ทางตรงกนั ขา้ มกับทิศทางทต่ี ้องการให้วัตถุเคลอ่ื นที่
ทาให้หนงั สือแยกออกจากกันไดย้ ากเม่ือออกแรงดึง
⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับปรบั ปรุง เดือนมิถนุ ายน 2562
คมู่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 แรงและพลังงาน 56
เรื่องท่ี 1 แรงลัพธ์
ในเรื่องน้ีนักเรียนจะได้เรียนรู้เก่ียวกับ การหา
แรงลัพธ์ที่กระทาต่อวัตถุเม่ือแรงที่กระทาอยู่ในแนว
เดียวกัน ซ่ึงอาจมีทิศทางเดียวกันหรือทิศทางตรงกัน
ข้าม และเรียนรู้เก่ียวกับแรงลัพธ์ที่กระทาต่อวัตถุเมื่อ
วตั ถุอยู่น่ิง รวมทั้งการเขียนแผนภาพแสดงแรงท่ีกระทา
ตอ่ วตั ถุ
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. วดั ขนาดของแรง อธิบายการหาแรงลัพธ์ทกี่ ระทาต่อ
วตั ถุ
2. เขยี นแผนภาพแสดงแรงทกี่ ระทาต่อวัตถุ
เวลา 3.5 ช่ัวโมง
วสั ดุ อปุ กรณ์สาหรับทากจิ กรรม
เครื่องช่ังสปริง ถุงพลาสติกมีหูห้ิว ไม้บรรทัด ถุงทราย
เชือก กระดาษแข็ง กรรไกร วัตถุอ่ืน ๆ เช่น ก้อนหิน
ถา่ นไฟฉาย
สื่อการเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้
1. หนังสอื เรียน ป.5 เล่ม 1 หนา้ 28-36
2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม ป.5 เล่ม 1 หนา้ 27-35
ฉบบั ปรบั ปรงุ เดือนมถิ ุนายน 2562 สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี⎯
57 คู่มือครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 แรงและพลังงาน
แนวการจัดการเรยี นรู้ (30 นาที)
ขัน้ ตรวจสอบความรู้ (5 นาที)
1. ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนโดยชักชวนนักเรียนสนทนาเกยี่ วกับ ใน ก ารตรวจสอบ ความ รู้
กิจกรรมท่ีต้องอาศัยแรงหลาย ๆ แรงมากระทาต่อวัตถุ เพื่อให้วัตถุ ครูรับฟังเหตุผลของนักเรียนเป็น
เคลอื่ นทไ่ี ด้ (นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) สาคัญ ครูยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ
ครูรับฟังความคิดเห็นของนักเรียนและกระตุ้นให้นักเรียนอธิบาย แต่ชักชวนให้หาคาตอบที่ถูกต้อง
ความเข้าใจของตัวเองให้มากที่สุด จากนั้นครูเช่ือมโยงความรู้เดิมของ จากกจิ กรรมต่าง ๆ ในบทเรียนนี้
นกั เรยี นเพอื่ เข้าสูเ่ ร่ืองที่ 1 แรงลพั ธ์ โดยใช้คาถามวา่ การรวมแรงหลาย ๆ
แรงทีก่ ระทาตอ่ วตั ถุในกิจกรรมตา่ ง ๆ ทาไดอ้ ยา่ งไร
ขั้นฝกึ ทักษะจากการอา่ น (20 นาท)ี หากนักเรียนอาจตอบคาถาม
หรืออภิปรายไม่ได้ตามแนวคาตอบ
2. นักเรียนอ่านชื่อเร่ือง และคาถามในคิดก่อนอ่าน ในหนังสือเรียนหน้า ครูควรให้เวลานักเรียนคิดอย่าง
28 แล้วร่วมกันอภิปรายในกลุ่มเพ่ือหาแนวคาตอบ ครูบันทึกคาตอบ เหมาะสม รอคอยอย่างอดทน และ
ของนักเรียนบนกระดานเพ่ือใช้เปรียบเทียบคาตอบภายหลังการอ่าน รบั ฟังแนวความคดิ ของนักเรยี น
เร่อื ง
3. นักเรียนอ่านคาสาคัญ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ถ้านักเรียนยัง
อ่านไม่ได้ ครูควรสอนการอ่านคาใหถ้ ูกต้อง
4. นักเรียนอ่านเนื้อเรื่องในหนังสือเรียนหน้า 28-29 โดยครูฝึกทักษะการ
อ่านตามวิธีการอ่านท่ีเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน ครูใช้
คาถามเพือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจจากการอา่ น โดยใช้คาถามดงั นี้
4.1 กิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจาวันที่ต้องออกแรงกระทาต่อ
วัต ถุ เป็ น ก ารอ อ ก แ รงใน ลั ก ษ ณ ะ ใด ย ก ตั ว อ ย่ าง
(การแปรงฟันเป็นทั้งการดึงและการผลัก การยกกระเป๋าขึ้น
จากโต๊ะเป็นการดงึ )
4.2 เราสามารถเขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระทาต่อวัตถุได้
อย่างไร (ใช้ลูกศร โดยหัวลูกศรแสดงทิศทางของแรงท่ีมา
กระทาต่อวัตถุ ความยาวของลูกศรแสดงขนาดของแรง
นน้ั ๆ)
4.3 ถ้าเราออกแรงกระทาต่อวัตถุมากหรือน้อยแตกต่างกัน
แผนภาพแสดงแรงจะแตกต่างกันอย่างไร (ถ้าขนาดของแรง
⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรับปรงุ เดอื นมถิ นุ ายน 2562