The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Khumhathaichanok, 2022-01-16 07:49:48

คู่มือครูวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม1

คู่มือครูวิทย์ป.5 เล่ม1

Keywords: ืครู,วิทย์เล่ม

คมู่ อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 แรงและพลังงาน 158

กล่องใส่เมล็ดถ่ัวเขยี วใบเดิม จานวนเมล็ดถ่ัวเขยี วเทา่ เดิม
คนเขยา่ คนเดมิ

เขยา่ กลอ่ งใส่เมล็ดถั่วเขยี วด้วยแรงท่แี ตกตา่ งกนั จากนัน้ สงั เกตวา่ เสียงดัง
เสยี งคอ่ ยทไ่ี ดย้ ินแตกต่างกันอย่างไร

เขย่ากลอ่ งเบา ๆ / แรง ๆ เสยี งคอ่ ย / เสยี งดัง
เสยี งค่อย / เสยี งดัง
เคาะกล่องกับโต๊ะเบา ๆ /
แรง ๆ

ฉบบั ปรบั ปรงุ เดอื นมถิ ุนายน 2562 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

159 คมู่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 แรงและพลังงาน

สงั เกต สบื ค้นข้อมูล และอธิบายการไดย้ ินเสยี งดัง เสยี งค่อย

1. เดินเข้าใกล้ /เดนิ ออกห่าง เดินเขา้ ใกล้วทิ ยุ ได้ยนิ เสียงดังข้ึน/
วทิ ยุ
เดนิ ออกห่างจากวทิ ยุ ไดย้ ินเสยี งค่อยลง
2.ปรับปุ่มปรับความดงั ให้ ปรับปุ่มปรับความดังให้มากขึ้น ได้ยินเสียงดงั ขึน้
มากข้นึ /นอ้ ยลง
ปรบั ปมุ่ ปรับความดงั ใหน้ ้อยลง ไดย้ นิ เสยี งค่อย
ลง

**หมายเหตุ วธิ ีการออกแบบการทดลองของนักเรยี น อาจจะได้ผลการสังเกต
ทแ่ี ตกต่างกนั

⎯ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบับปรับปรงุ เดอื นมิถุนายน 2562

คมู่ ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 แรงและพลังงาน 160

เขยา่ กล่องใสเ่ มล็ดถ่ัวเขยี วด้วยแรงท่ตี ่างกนั โดยเม่ือเขย่ากลอ่ งเบา ๆ เสียงจะ
ค่อยลง ทาใหไ้ ดย้ ินเสยี งคอ่ ย แต่เมื่อเขย่ากล่องแรงขน้ึ จะเกดิ เสียงดัง ทาให้ได้
ยินเสียงดัง

ใช้พลงั งานในการเขยา่ กล่องตา่ งกนั โดยเม่อื เขยา่ กลอ่ งเบา ๆ ใชพ้ ลังงานใน
การเขยา่ นอ้ ย แต่เมื่อเขย่ากล่องแรงข้นึ จะใช้พลังงานในการเขยา่ มากข้นึ
เสยี งทเ่ี กดิ ข้นึ จะดงั ค่อยแตกตา่ งกนั

เสียงดงั เสียงค่อยมีความสัมพันธก์ บั พลงั งานที่ทาใหเ้ กิดการสนั่ ของ
แหล่งกาเนดิ เสียง ถา้ แหล่งกาเนดิ เสยี งสน่ั ด้วยพลงั งานมาก เสียงกจ็ ะดงั
ถ้าแหล่งกาเนิดเสยี งสน่ั ดว้ ยพลงั งานน้อย เสยี งก็จะคอ่ ย

ฉบบั ปรับปรุง เดอื นมถิ ุนายน 2562 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

161 คูม่ ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 แรงและพลังงาน

1. ฟังเสียงวิทยุทีร่ ะยะหา่ งต่างกัน
2. ปรับป่มุ ปรบั ความดังของวทิ ยุ

1. การฟงั เสียงทร่ี ะยะห่างจากวิทยุตา่ งกัน ทาใหพ้ ลงั งานของเสยี งทม่ี าถึง
หผู ้ฟู ังตา่ งกัน

2. การปรับปุ่มความดงั ของวิทยุ ทาใหพ้ ลงั งานการสนั่ ของของวทิ ยุต่างกัน

เราจะไดย้ ินเสียงดังเม่ืออยใู่ กล้วทิ ยุ หรือปรับปุ่มความดงั ของวทิ ยุใหเ้ สียงดังข้นึ
แตเ่ ม่อื ถอยห่างจากวิทยุ หรือปรับปุ่มความดงั ของวทิ ยุให้เสียงคอ่ ยลง เสยี งท่ี
ได้ยนิ จะค่อยลง

การเกิดเสยี งดงั เสียงค่อยข้ึนอยูก่ บั พลงั งานการส่ันของแหล่งกาเนดิ เสียง
สว่ นการได้ยินเสียงดงั เสียงคอ่ ยขนึ้ อยกู่ ับพลังงานในการสน่ั ของแหล่งกาเนดิ เสยี ง
และระยะหา่ งจากแหลง่ กาเนดิ เสียงถึงผฟู้ งั

⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบับปรบั ปรุง เดือนมิถุนายน 2562

คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 แรงและพลังงาน 162

คาถามของนักเรยี นที่ตั้งตามความอยากรขู้ องตนเอง



✓✓


✓✓



ฉบบั ปรับปรงุ เดือนมิถุนายน 2562 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

163 คู่มือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 แรงและพลังงาน

แนวการประเมินการเรียนรู้

การประเมนิ การเรยี นรูข้ องนกั เรยี นทาได้ ดงั นี้
1. ประเมินความร้เู ดิมจากการอภปิ รายในช้ันเรยี น
2. ประเมินการเรียนรจู้ ากคาตอบของนักเรยี นระหวา่ งการจดั การเรยี นรูแ้ ละจากแบบบันทึกกจิ กรรม
3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 จากการทากจิ กรรมของนักเรียน

การประเมินจากการทากิจกรรมที่ 1.3 เสยี งดงั เสียงค่อย ขึน้ อย่กู ับอะไร

ระดับคะแนน 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรุง
3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้

รหสั สิง่ ที่ประเมนิ ระดับคะแนน

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
S1 การสังเกต
S8 การลงความเห็นจากขอ้ มลู
S9 การต้ังสมมตฐิ าน
S11 การกาหนดและควบคมุ ตวั แปร
S12 การทดลอง
S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรุป
ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
C4 การสือ่ สาร
C5 ความร่วมมือ

รวมคะแนน

⎯ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบบั ปรับปรงุ เดือนมิถุนายน 2562

ค่มู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 แรงและพลังงาน 164

ตาราง แสดงการวเิ คราะห์ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรต์ ามระดับความสามารถของนักเรียน

โดยอาจใช้เกณฑ์การประเมิน ดงั นี้

ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมนิ ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรบั ปรุง (1)
ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (2)

S1 การสงั เกต ก า ร บ ร ร ย า ย สามารถใช้ ประสาท สามารถใช้ประสาทสัมผัส สามารถใช้ประสาทสัมผัส

รายละเอียดเกี่ยวกับ สัมผัสเก็บรายละเอียด เก็บรายละเอียดข้อมูลและ เก็บรายละเอียดข้อมูลและ

การได้ ยิ น เสี ย งดั ง ข้ อ มู ล แล ะบ รรยาย บรรยายเก่ียวกับการได้ยิน บรรยายเกี่ยวกับการได้ยิน

เสียงค่อยเมื่อทาให้ เก่ียวกับการได้ยินเสียง เสียงดัง เสียงค่อยเมื่อออก เสียงดัง เสียงค่อยเมื่อออก

กล่องท่ี ใส่ เมล็ ดถ่ัว ดัง เสียงค่อยเมื่อออก แรงกระทาต่อกล่องที่ใส่ แรงกระทาต่อกล่องท่ีใส่

เขียวเกิดเสียงตาม แรงกระทาต่อกล่องที่ใส่ เมล็ ดถ่ั วเขี ยวด้ วยวิธีท่ี เมล็ ดถั่ วเขี ยวด้ วยวิธีที่

วิธีการที่ ออกแบ บ เมล็ดถั่วเขียวด้วยวิธีท่ี แตกต่างกัน และการได้ยิน แตกต่างกัน และการได้ยิน

และการได้ยินเสียงดัง แตกต่างกัน และการได้ เสียงดัง เสียงค่อยจากวิทยุ เสียงดัง เสียงค่อยจากวิทยุ

เสียงค่ อยจากวิทยุ ยินเสียงดัง เสียงค่อย ตามวิธีการท่ีออกแบบ ได้ ตามวิธีการที่ออกแบบได้

ตามวธิ ีการท่อี อกแบบ จากวิทยุตามวิธีการท่ี ถูกต้องแต่ไม่ครบถ้วน โดย ถูกตอ้ งเพยี งบางสว่ น

ออกแบบ ได้ถูกต้อง อาศัยคาช้ีแนะจากครูหรือ

แ ล ะ ค ร บ ถ้ ว น ด้ ว ย ผูอ้ น่ื

ตนเอง

S8 การลงความเห็น การลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็น สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเหน็ จาก

จากข้อมูล ขอ้ มลู เก่ียวกับการได้ จากข้อมูลได้ถูกต้อง ข้อมูล จากการชแี้ นะของ ขอ้ มูล ได้ถูกต้องเพยี ง

ยนิ เสยี งดงั เสยี งค่อย ท้ังหมดดว้ ยตนเอง ครูหรือผูอ้ ื่น เกี่ยวกับการ บางสว่ น แมว้ ่าจะได้รับคา

เกิดจากความแรงหรือ เกี่ยวกับการเกิดและ เกดิ และการไดย้ ินเสยี งดัง ช้แี นะจากครหู รือผ้อู ่ืน

พลงั งานที่กระทาต่อ การได้ยินเสียงดัง เสียง เสยี งค่อยวา่ เมื่อออกแรง เกี่ยวกับการเกิดและการได้

แหลง่ กาเนดิ เสียงและ ค่อยวา่ เมือ่ ออกแรง กระทาต่อกล่องใสเ่ มล็ดถั่ว ยินเสียงดัง เสียงค่อยวา่ เมื่อ

ระยะห่างระหวา่ ง กระทาต่อกล่องใสเ่ มล็ด เขยี วด้วยแรงมาก ทาให้ ออกแรงกระทาต่อกล่องใส่

แหล่งกาเนดิ เสียงกับ ถ่ัวเขียวด้วยแรงมาก เมล็ดถัว่ เขยี วสัน่ ดว้ ย เมล็ดถวั่ เขยี วดว้ ยแรงมาก

หผู ู้ฟงั ทาให้เมล็ดถวั่ เขียวส่นั พลังงานมาก จงึ เกิดเสยี งดัง ทาให้เมล็ดถั่วเขียวสน่ั ด้วย

ดว้ ยพลังงานมาก จึง และเม่ือออกแรงกระทาต่อ พลงั งานมาก จงึ เกิดเสยี งดงั

เกดิ เสยี งดงั และเมื่อ กล่องใสเ่ มล็ดถว่ั เขียวดว้ ย และเม่ือออกแรงกระทาต่อ

ออกแรงกระทาต่อ แรงน้อย ทาให้เมล็ดถั่ว กล่องใสเ่ มล็ดถวั่ เขยี วด้วย

กล่องใสเ่ มล็ดถว่ั เขยี ว เขียวส่นั ด้วยพลงั งานน้อย แรงน้อย ทาให้เมล็ดถั่ว

ดว้ ยแรงน้อย ทาให้ จงึ เกิดเสียงค่อย และการได้ เขยี วส่ันดว้ ยพลงั งานน้อย

เมลด็ ถวั่ เขยี วสั่นด้วย ยนิ เสยี งดัง เสยี งค่อย จงึ เกิดเสยี งค่อย และการได้

พลงั งานน้อย จึงเกิด ข้นึ อยกู่ ับพลังงานของวิทยุ ยินเสียงดงั เสียงค่อย

ฉบบั ปรบั ปรงุ เดอื นมถิ ุนายน 2562 สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

165 คูม่ อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 แรงและพลังงาน

ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมนิ ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรับปรุง (1)
ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (2)

เสียงค่อย และการได้ และระยะห่างถงึ ผ้ฟู ัง โดย ขนึ้ อย่กู ับพลังงานของวิทยุ

ยินเสียงดัง เสยี งค่อย เมื่อออกแรงกระทาต่อ และระยะห่างถึงผฟู้ ัง โดย

ข้ึนอยู่กับพลังงานของ กล่องที่ใส่เมล็ดถว่ั เขียวมาก เมื่อออกแรงกระทาต่อ

วทิ ยแุ ละระยะห่างถงึ และผูฟ้ ังอยู่ใกล้ กล่องท่ีใส่เมลด็ ถัว่ เขียวมาก

ผ้ฟู งั โดยเมื่อออกแรง แหลง่ กาเนิดเสียง จะไดย้ ิน และผู้ฟังอยู่ใกล้

กระทาต่อกล่องที่ใส่ เสียงดัง และเม่ือออกแรง แหลง่ กาเนดิ เสียง จะไดย้ ิน

เมล็ดถ่วั เขยี วมากและ กระทาต่อกลอ่ งใสเ่ มล็ดถ่ัว เสยี งดัง และเมื่อออกแรง

ผฟู้ งั อยู่ใกล้แหลง่ กาเนดิ เขียวด้วยแรงน้อย และผู้ฟัง กระทาต่อกลอ่ งใส่เมล็ดถ่วั

เสยี ง จะได้ยินเสียงดัง อยู่ไกลจากแหล่งกาเนดิ เขียวด้วยแรงน้อย และผู้ฟงั

และเม่ือออกแรงกระทา เสียง จะไดย้ ินเสยี งค่อย อยู่ไกลจากแหล่งกาเนดิ

ต่อกล่องใสเ่ มลด็ ถัว่ เสยี ง จะได้ยินเสียงค่อย

เขยี วด้วยแรงน้อย และ

ผู้ฟังอยู่ไกลจาก

แหล่งกาเนดิ เสียง จะได้

ยนิ เสยี งค่อย

S9 การ การต้งั สมมตฐิ านเพื่อ สามารถตั้งสมมติฐาน สามารถตงั้ สมมติฐานเพ่ือ สามารถตงั้ สมมติฐานเพื่อ

ตั้งสมมตฐิ าน บอกความสัมพันธ์ เพ่ือบอกความสมั พันธ์ บอกความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง บอกความสัมพนั ธ์ระหว่าง

ระหว่างแรงที่กระทา ระหว่างแรงท่ีกระทาต่อ แรงที่กระทาต่อ แรงท่ีกระทาต่อ

ต่อแหล่งกาเนิดเสียง แหล่งกาเนิดเสียงกับ แหลง่ กาเนดิ เสียงกับเสียง แหลง่ กาเนิดเสียงกับเสียง

กบั เสยี งดัง เสียงค่อย เสยี งดัง เสยี งค่อยที่ได้ ดัง เสยี งค่อยท่ีได้ยินได้ ดงั เสยี งค่อยที่ได้ยินได้

ทไ่ี ด้ยิน ยนิ ได้อย่างถกู ต้องและ อย่างถูกต้องและมีเหตผุ ล อย่างถูกต้องแต่ไม่มเี หตุผล

มีเหตผุ ลประกอบด้วย ประกอบ จากการชแี้ นะ ประกอบ แมว้ ่าจะไดร้ ับคา

ตนเอง ของครูหรือผอู้ ื่น ชแี้ นะจากครูหรือผูอ้ ื่น

S11 การกาหนด การกาหนดตัวแปรต้น สามารถกาหนดตวั แปร สามารถกาหนดตัวแปรของ สามารถกาหนดตวั แปรของ

และควบคุมตวั แปร ตัวแปรตาม และตวั ของการทดลองเร่ือง การทดลองเรื่องการเกิด การทดลองเรื่องการเกดิ

แปรทตี่ ้องควบคมุ ให้ การเกิดเสียงดัง เสียง เสียงดัง เสยี งค่อยไดว้ า่ ตวั เสยี งดัง เสยี งค่อยไดว้ ่า ตัว

คงท่ีของการทดลอง คอ่ ยไดว้ า่ ตวั แปรต้น แปรต้น คือ การเขย่ากล่อง แปรต้น คือ การเขย่ากล่อง

เรื่องการเกิดเสยี งดัง คือ การเขย่ากล่องใส่ ใสเ่ มล็ดถ่ัวเขียวด้วยแรงที่ ใส่เมล็ดถ่วั เขียวด้วยแรงท่ี

เสียงค่อยของกล่องใส่ เมล็ดถวั่ เขียวดว้ ยแรงที่ แตกต่างกัน ตวั แปรตาม แตกตา่ งกัน ตวั แปรตาม

เมล็ดถว่ั เขยี ว แตกต่างกัน ตวั แปรตาม คอื เสยี งดงั เสียงค่อยที่ได้ คอื เสยี งดัง เสยี งค่อยท่ีได้

(สมมติฐานที่ตง้ั ขึ้นอยู่ คอื เสยี งดัง เสยี งค่อยท่ี ยนิ และตัวแปรทตี่ ้อง ยิน และตวั แปรทตี่ ้อง

⎯ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับปรบั ปรุง เดือนมิถนุ ายน 2562

ค่มู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 แรงและพลังงาน 166

ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรับปรุง (1)
ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (2)

กับการออกแบบการ ได้ยนิ และตัวแปรทตี่ ้อง ควบคุมให้คงท่ี คือ กล่องใส่ ควบคมุ ให้คงท่ี คือ กล่องใส่

ทดลองของนักเรยี น) ควบคมุ ใหค้ งที่ คือ เมลด็ ถ่ัวเขียว กล่องเดมิ เมลด็ ถวั่ เขยี ว กล่องเดิม

กล่องใสเ่ มลด็ ถ่ัวเขียว จานวนเมลด็ ถั่วเขยี วเท่า จานวนเมลด็ ถวั่ เขียวเท่า

กล่องเดิม จานวนเมล็ด เดมิ คนเขย่าคนเดิมได้ เดมิ คนเขย่าคนเดมิ ได้

ถ่ัวเขียวเท่าเดิม คน ถูกต้อง ครบถ้วนจากการ ถกู ต้องเป็นบางสว่ น แม้ว่า

เขย่าคนเดิม ได้ถูกต้อง ชี้แนะของครูหรือผูอ้ ่ืน จะได้รับคาช้ีแนะจากครู

และครบถว้ นดว้ ย หรือผู้อื่น

ตนเอง

S12 การทดลอง การออกแบบและทา สามารถออกแบบและ สามารถออกแบบและทา สามารถออกแบบและทา

การทดลองเร่ืองการ ทาการทดลองเรื่องการ การทดลองเรื่องการเกดิ การทดลองเร่ืองการเกิด

เกิดเสียงดงั เสยี งค่อย เกิดเสียงดงั เสียงค่อยที่ เสยี งดัง เสยี งค่อยที่ เสยี งดัง เสยี งค่อยท่ี

ทสี่ อดคลอ้ งกับ สอดคล้องกับสมมติฐาน สอดคล้องกบั สมมตฐิ าน สอดคล้องกบั สมมติฐาน

สมมติฐานของการ ของการทดลองและตวั ของการทดลองและตวั แปร ของการทดลองและตวั แปร

ทดลองและตวั แปรท่ี แปรที่กาหนดได้ถูกต้อง ทก่ี าหนดได้ ถูกต้อง ทีก่ าหนดได้ถูกต้องเป็น

กาหนด ครบถ้วนดว้ ยตนเอง ครบถว้ น จากการช้ีแนะ บางสว่ น แม้วา่ จะได้คา

ของครหู รือผอู้ ื่น ชแ้ี นะจากครูหรือผูอ้ ื่น

S13 การ การตคี วามหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตีความหมายข้อมลู สามารถตีความหมายข้อมูล

ตีความหมายข้อมูล ขอ้ มูลจากการทา ข้อมลู จากการทา จากการทากิจกรรมและลง จากการทากิจกรรมและลง

และลงข้อสรุป กิจกรรมและลง กิจกรรมและลงขอ้ สรุป ขอ้ สรุปเกีย่ วกับการเกิด ขอ้ สรุปเกีย่ วกับการเกิด

ขอ้ สรุปเก่ียวกับการ เก่ียวกบั การเกิดเสียงดัง เสียงดัง เสียงค่อยวา่ ขึ้นอยู่ เสียงดัง เสียงค่อยวา่ ขึ้นอยู่

เกดิ เสยี งดงั เสียงค่อย เสียงค่อยวา่ ขึ้นอยู่กับ กับพลงั งานในการสั่นของ กับพลังงานในการส่นั ของ

ว่าข้ึนอย่กู ับพลงั งาน พลังงานในการสน่ั ของ แหล่งกาเนิดเสียง และการ แหล่งกาเนดิ เสียง และการ

ในการสั่นของ แหลง่ กาเนดิ เสียง และ ไดย้ ินเสยี งดงั เสียงค่อย ได้ยนิ เสยี งดัง เสียงค่อย

แหล่งกาเนดิ เสียง การไดย้ นิ เสียงดัง เสียง ข้ึนอยู่กับพลังงานในการส่ัน ข้ึนอยู่กับพลังงานในการสั่น

และการไดย้ ินเสยี งดัง ค่อยขึน้ อยู่กบั พลังงาน ของแหลง่ กาเนดิ เสยี ง ของแหลง่ กาเนดิ เสยี ง

เสียงค่อยข้นึ อยู่กับ ในการสั่นของ และระยะห่างจาก และระยะห่างจาก

พลังงานในการสั่นของ แหลง่ กาเนดิ เสียง แหล่งกาเนิดเสียงถงึ ผฟู้ ัง แหล่งกาเนิดเสียงถึงผู้ฟัง

แหลง่ กาเนดิ เสียง และระยะห่างจาก ไดถ้ ูกต้อง จากการช้แี นะ ไดถ้ ูกต้องเพียงบางส่วน

และระยะห่างจาก แหล่งกาเนิดเสียงถึง จากครูหรือผู้อนื่ แมว้ ่าจะไดร้ ับคาชแี้ นะจาก

แหลง่ กาเนิดเสียงถงึ ผ้ฟู ังไดถ้ ูกต้องท้ังหมด ครหู รือผอู้ ื่น

ผู้ฟัง ดว้ ยตนเอง

ฉบับปรบั ปรงุ เดอื นมถิ ุนายน 2562 สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

167 คู่มอื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 แรงและพลังงาน

ตาราง แสดงการวิเคราะห์ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ตามระดับความสามารถของนกั เรยี น

โดยอาจใช้เกณฑ์การประเมนิ ดงั นี้

ทกั ษะแห่ง รายการประเมิน ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรบั ปรุง (1)
ศตวรรษท่ี 21 พอใช้ (2)

C4 การส่อื สาร การนาเสนอเก่ียวกับ สามารถนาเสน อการ ส า ม า ร ถ น า เส น อ ก า ร สามารถ น าเสน อการ

ก า ร อ อ ก แ บ บ ก า ร ออกแบบการทดลอง ออกแบบการทดลองและ ออกแบบการทดลองและ

ทดลองและการอธิบาย และอธิบายเกี่ยวกับการ อธิบายเก่ียวกับการเกิดและ อธิบายเก่ียวกับการเกิด

เกี่ยวกับการเกิดและ เกิดและการได้ยินเสียง การได้ยินเสียงดัง เสียงค่อย และการได้ยินเสียงดัง

การได้ยินเสียงดัง เสียง ดัง เสียงค่อย โดยการ โดยการพดู เพื่อให้ผูอ้ ่ืนเข้าใจ เสียงค่อย โดยการพูด

ค่ อ ย โด ย ก า ร พู ด พูดเพ่ือให้ผู้อื่นเข้าใจได้ ได้ถูกต้อง โดยอาศัยการ เพ่ือให้ผู้อื่นเข้าใจได้เพียง

เพ่ือใหผ้ ูอ้ น่ื เขา้ ใจ ถู ก ต้ อ ง ชั ด เจ น ด้ ว ย ชแี้ นะจากครูหรือผอู้ ่ืน บ างส่ ว น แ ม้ ว่าจ ะได้

ตนเอง รับคาช้ีแนะจากครูหรือ

ผูอ้ น่ื

C5 ความ การทางานร่วมกับผู้อื่น สามารถทางานร่วมกับ สามารถทางานร่วมกับผู้อื่น สามารถทางานร่วมกับ

รว่ มมือ ในการทาการทดลอง ผู้ อ่ื น ใน ก า ร ท า ก า ร ในการทาการทดลอง และ ผู้อื่นเป็นบางช่วงเวลาท่ี

และร่วมกันอภิปราย ท ด ล อ ง แ ล ะ ร่ว ม กั น รว่ มกนั อภิปรายเก่ียวกบั การ ทากิจกรรม ท้ังน้ีต้อง

เกี่ยวกับการเกิดและ อภิปรายเกยี่ วกับการเกิด เกิดและการได้ยินเสียงดัง อาศัยการกระตุ้นจากครู

การได้ยินเสียงดัง เสียง และการได้ยินเสียงดัง เสียงค่อย รวมท้ังยอมรับ หรอื ผอู้ ่ืน

ค่อย รวมทั้งยอมรับ เสี ย ง ค่ อ ย ร ว ม ทั้ ง ความคิดเห็นของผู้อ่ืนบาง

ความคิดเหน็ ของผอู้ น่ื ยอมรับความคิดเห็นของ ชว่ งเวลาทที่ ากิจกรรม

ผู้อ่ื น ตั้งแต่ เร่ิม ต้ น จ น

สาเรจ็

⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบบั ปรับปรุง เดอื นมิถุนายน 2562

คูม่ อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 แรงและพลังงาน 168

กิจกรรมที่ 1.4 มลพิษทางเสียงเปน็ อย่างไร

กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนรู้ว่าเสียงท่ีมีความดังมากหรือเสียงที่
ก่อให้เกิดความราคาญเป็นมลพิษทางเสียง การวัดระดับเสียง ทาได้
โดยใช้เคร่ืองมือวดั ระดับเสียง รวมท้ังการรวบรวมข้อมูลและนาเสนอ
แนวทางในการหลีกเลยี่ งและลดมลพษิ ทางเสยี ง

เวลา 2 ชวั่ โมง

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. วัดระดบั เสียงโดยใชเ้ คร่ืองวดั ระดบั เสียง
2. รวบรวมข้อมลู และนาเสนอแนวทางในการหลกี เล่ียงและลด

มลพิษทางเสียง

วัสดุ อปุ กรณส์ าหรบั ทากจิ กรรม

ส่ิงทค่ี รตู ้องเตรียม/กลมุ่

กระดาษโปสเตอร์ 1 แผ่น ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21

สิง่ ทน่ี กั เรยี นต้องเตรยี ม/กลุม่ C4 การสื่อสาร
C5 ความรว่ มมือ
ปากกาเคมีคละสี 1 กล่อง C6 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ สอ่ื การเรยี นรู้และแหลง่ เรียนรู้

S2 การวัด 1. หนงั สือเรยี น ป.5 เล่ม 1 หนา้ 65-68
S8 การลงความเห็นจากข้อมูล
S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรุป 2. แบบบันทกึ กจิ กรรม ป.5 เลม่ 1 หนา้ 73-76

3. แอปพลิเคชนั เครื่องมือวดั ระดับเสยี ง

ฉบบั ปรบั ปรงุ เดือนมิถุนายน 2562 สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

169 คมู่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 แรงและพลังงาน

แนวการจดั การเรยี นรู้ ในการตรวจสอบความรู้ ครู
เพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียนและ
1. ครตู รวจสอบความรู้เดิมของนักเรยี นโดยอาจใช้คาถาม ดังนี้ ยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ แต่ชักชวน
1.1 จงเรียงลาดับความดังของเสียงจากแหล่งกาเนิดเสียงต่อไปนี้ เสียง ให้นักเรียนไปหาคาตอบด้วยตนเอง
ลมหายใจปกติ เสียงจากลาโพง เสียงเคร่ืองบินกาลังข้ึน เสียง จากการอา่ นเนอ้ื เร่ือง
กระซิบแผ่วเบา (นักเรียนตอบตามความคิดของตนเอง เช่น เสียง
หายใจปกติ เสียงกระซิบแผ่วเบา เสียงจากลาโพง เสียงเคร่ืองบิน
กาลงั ข้ึน)
1.2 นักเรียนทราบหรือไม่ว่า เรามีวิธีวัดความดังของเสียงอย่างไร
(นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง)
1.3 ถ้านักเรยี นจาเป็นต้องอยู่ในสถานที่ท่ีมีเสียงดังมาก ๆ นักเรียนจะมี
วิธีป้องกันหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ
ตนเอง)

2. นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม และ ทาเป็นคิดเป็น ในหนังสือเรียนหน้า 65
จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ
จุดประสงค์ในการทากิจกรรม โดยครใู ชค้ าถามดังนี้
2.1 กิจกรรมนี้นักเรียนจะไดเ้ รยี นรู้เร่ืองอะไร (มลพษิ ทางเสียง)
2.2 นักเรียนจะได้เรียนรู้เร่ืองนี้ด้วยวิธีใด (การวัดระดับเสียง
การรวบรวมข้อมลู )
2.3 เม่ือเรียนแล้วนักเรยี นจะทาอะไรได้ (วดั ระดับเสียงโดยใช้เครือ่ งมือ
วดั ระดับเสียง นาเสนอแนวทางในการหลีกเลี่ยงและลดมลพิษทาง
เสยี ง)

3. นักเรียนบันทึกจุดประสงค์ลงในแบบบันทึกกิจกรรมหน้า 73 และอ่าน
สง่ิ ทีต่ อ้ งใชใ้ นการทากจิ กรรม

4. นกั เรียนอา่ นทาอยา่ งไร โดยครใู ช้วิธีฝกึ การอา่ นตามความสามารถของ
นกั เรยี น แล้วร่วมกันอภปิ รายเพือ่ สรปุ ลาดับขัน้ ตอนของกิจกรรมตาม
ความเขา้ ใจ โดยครูใช้คาถามดังตอ่ ไปน้ี
4.1 ในขั้นตอนแรก นักเรียนต้องทาอะไร (ฟังเสียงจากวิทยุ โดยเปิด
เสยี งวทิ ยุให้ดงั คอ่ ยแตกตา่ งกนั )
4.2 ในขั้นตอนต่อมา นักเรียนต้องทาอะไร (ฝึกการใช้เคร่ืองวัดระดับ
เสียง เช่น มิเตอร์วัดระดับเสียง แอปพลิเคช่ันวัดระดับเสียง
โดยวัดระดับเสียงที่ได้ยิน นาเสนอผลและร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับ
การวัดระดับเสยี ง)

⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบบั ปรบั ปรุง เดอื นมิถนุ ายน 2562

คมู่ ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 170

4.3 หลังจากฝึกใช้เคร่ืองมือวัดระดับเสียงแล้ว นักเรียนต้องทาอะไร ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ
ตอ่ ไป (วัดระดบั เสยี งในสถานที่ท่แี ตกตา่ งกัน 3 แห่ง บันทกึ ผล) ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ทีน่ ักเรียนจะได้

4.4 นกั เรยี นต้องรวบรวมข้อมูลโดยการสืบค้นข้อมูลและอ่านใบความรู้ ฝึกจากการทากิจกรรม
เก่ียวกบั เรื่องอะไร (ระดบั เสียงและมลพิษทางเสียง)
S2 การใช้เครื่องมือวัดระดับเสียงวัด
4.5 หลังจากศึกษาเก่ียวกับระดับเสียงและมลพิษทางเสียงแล้ว ความดังของเสียงในสถานท่ีตา่ ง
นักเรียนต้องทาอะไรต่อไป (ทาโปสเตอร์นาเสนอแนวทางในการ
หลีกเลยี่ งและลดมลพิษทางเสียง) S8 การลงความเห็นจากข้อมูลว่าเสียง
ครอู าจใหน้ ักเรียนแบ่งหวั ขอ้ การสืบคน้ ขอ้ มูล ดงั น้ี ท่ีดังเกินไปหรือเสียงที่ก่อให้เกิด
ความราคาญเปน็ มลพษิ ทางเสียง
- ความหมายของระดบั เสียง หนว่ ยวัดระดบั เสียง
C4 ก ารส่ื อ ส ารด้ วย ก ารน าเส น อ
- ระดับเสียงของกจิ กรรมทเี่ กดิ ขน้ึ ในชุมชน แนวทางในการหลีกเล่ียงและลด
มลพิ ษ ท างเสียงด้วยวิธีการท่ี
- ความหมายของมลพิษทางเสยี ง นา่ สนใจ

- วิธีปอ้ งกันหรือหลีกเล่ยี งมลพิษทางเสียง C5 ความร่วมมือในการทากิจกรรม
สืบค้นขอ้ มูล และนาเสนอ
5. หลังจากทากิจกรรมแล้ว ครูนาอภิปรายผลการทากิจกรรม โดยใช้
คาถามดงั นี้
5.1 เราสามารถบอกความดังของเสียงได้อย่างไร (เราบอกความดังของ
เสยี งดว้ ยระดบั เสียง มหี น่วยวดั เป็น เดซเิ บล)
5.2 กจิ กรรมในชุมชนแต่ละอย่างมีระดับเสยี งอยา่ งไรบ้าง จงยกตัวอย่าง
(เสียงกระซิบแผ่วเบา มีระดับเสียงประมาณ 20 เดซิเบล ถือว่าเป็น
เสียงเบามาก เสียงจากเคร่ืองเจาะถนน มีระดับเสียงประมาณ 100
เดซิเบลถือว่าเปน็ เสียงดัง)
5.3 มลพิษทางเสียงคืออะไร (เสียงที่ดังมากจนทาให้เกิดอันตรายต่อ
อวยั วะภายในหู หรือเสยี งท่กี อ่ ให้เกิดความราคาญแกผ่ ู้ฟงั )
5.4 มลพิษทางเสียงมีผลข้างเคียงต่อสุขภาพ หรือไม่ อย่างไร (มีผลต่อ
สุขภาพ คือ ทาให้เกิดความเครียด ปวดหัว โรคความดันโลหิตสูง
อ่อนเพลยี โรคหวั ใจ)
5.5 ถ้าได้ยินเสียงดังกว่าปกติต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน จะทาให้เกิดผล
อย่างไร (ทาให้ความสามารถในการได้ยินลดลง อาจทาให้เกิด
อาการหตู ึง หรอื หูหนวกได้)
5.6 เรามีวธิ ีป้องกนั อันตรายจากมลพิษทางเสียงได้อย่างไร (สวมที่ครอบ
หู หรอื ไม่ฟังเสียงดังเปน็ เวลานานเกนิ ไป)

ฉบับปรบั ปรุง เดือนมถิ ุนายน 2562 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

171 ค่มู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 แรงและพลังงาน

6. ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันออกแบบวิธีการนาเสนอ
แนวทางในการหลีกเลี่ยงและลดมลพิษทางเสียง เช่น ทาโปสเตอร์
ระหว่างน้คี รูควรเดนิ สารวจการทากจิ กรรมและใหค้ าแนะนาแกน่ ักเรยี น

7. นักเรียนแต่ละกลุ่มติดแสดงผลงานของกลุ่มบริเวณผนังห้องโดยมี
ตัวแทนของกลุ่มยืนประจาคอยให้ความรู้แก่นักเรียนกลุ่มอ่ืนที่มาศึกษา
นักเรียนท่ีมาชมผลงานอาจเขียนข้อเสนอแนะ หรือคาถามที่สงสัยบน
แผ่น post it และติดบนแผ่นโปสเตอร์นั้น แล้วติดลงบนโปสเตอร์ของ
เจ้าของผลงาน

8. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภิปรายเกี่ยวกับข้อเสนอแนะและคาถามที่สงสัย
ซง่ึ รวบรวมจากแผน่ post it

9. ครูชักชวนนักเรียนร่วมกันให้คะแนนให้กับผลงานแต่ละกลุ่มพร้อมท้ัง
คัดเลอื กผลงานของกล่มุ ทีน่ าเสนอไดย้ อดเยย่ี ม

10. ครูและนักเรียนรว่ มกันอภิปรายสรุปผลการทากิจกรรมซึ่งควรสรุปได้ว่า
การวัดระดับเสียง หรือเสียงดัง เสียงค่อยที่ได้ยิน ทาได้โดยใช้เครื่องมือ
วัดระดับเสียง มีหน่วยเป็นเดซิเบล มลพิษทางเสียงเป็นเสียงดังท่ีทาให้
เกิดอันตรายต่อหู ซ่ึงขึ้นอยู่กับระดับเสียงที่ได้ยินและระยะเวลาที่ได้ยิน
เสียงเป็นเวลานาน หรือเสียงท่ีก่อให้เกิดความราคาญ เราควรหลีกเล่ียง
มลพิษทางเสียง หรือใช้เครื่องป้องกันหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น การใช้
ทอ่ี ดุ หู เปน็ ต้น (S13)

11.นกั เรยี นร่วมกันอภิปรายเพ่ือตอบคาถามในฉนั รู้อะไร โดยครูอาจใช้
คาถามเพมิ่ เติมในการอภปิ รายเพื่อใหไ้ ดแ้ นวคาตอบที่ถูกต้อง

12.นกั เรยี นร่วมกันสรุปส่งิ ท่ีไดเ้ รียนรูใ้ นกิจกรรมนี้ จากนน้ั นักเรียนอา่ นส่งิ ที่
ได้เรยี นรู้ และเปรยี บเทยี บกับขอ้ สรปุ ของตนเอง

13.ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกต้ังคาถามเก่ียวกับเร่ืองท่ีสงสัยหรืออยากรู้
เพิ่มเติมใน อยากรู้อีกว่า จากนั้นครูอาจสุ่มนักเรียน 2 -3 คน นาเสนอ
คาถามของตนเองหน้าช้ันเรียน และให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกยี่ วกับ
คาถามที่นาเสนอ

14.ครูนาอภิปรายเพ่ือให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างและในข้ันตอน
ใดบ้าง

⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบบั ปรับปรงุ เดือนมิถนุ ายน 2562

คมู่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 แรงและพลังงาน 172

15. นักเรียนร่วมกันอ่านรู้อะไรในเร่ืองน้ี ในหนังสือเรียนหน้า 69 ครูนา
อภิปรายเพ่ือนาไปสู่ข้อสรุปเก่ียวกับส่ิงท่ีได้เรียนรู้ในเรื่องนี้ จากนั้นครู
กระตุ้นให้นักเรียนตอบคาถามในชว่ งท้ายของเนื้อเรื่อง ดังนี้ “ลองคิดดู
สิว่า ในชุมชนของเรามีบริเวณใดบ้างที่มีมลพิษทางเสียง และเราใน
ฐานะที่เป็นสมาชิกของชุมชน จะมีส่วนช่วยลดมลพิษทางเสียงได้
อย่างไรบ้าง” นักเรียนตอบคาถามตามความคิดของตนเอง นอกจากนี้
ครูอาจใช้คาถามเพื่อเชื่อมโยงความรู้ไปยังบทต่อไป ดังนี้ ในช่วง
เทศกาลเฉลิมฉลองมีการจุดประทัดหรือพลุซ่ึงทาให้เกิดเสียงดัง
นับเป็นมลพิษทางเสียง นอกจากจะเป็นอันตรายต่ออวัยวะในการรับ
เสียง คือ หูของเราแล้ว เราอาจจะได้รับอันตรายจากการระเบิดหรือ
ได้รับสารพิษด้วย รู้หรือไม่ว่า ขณ ะจุดประทัดหรือพลุ มีการ
เปลี่ยนแปลงทางเคมีอย่างไร นักเรียนสามารถหาคาตอบได้จากการ
เรียนในบทต่อไป

ฉบบั ปรบั ปรงุ เดอื นมิถุนายน 2562 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

173 คมู่ อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 แรงและพลังงาน

แนวคาตอบในแบบบันทึกกิจกรรม

1. วัดระดับเสียงโดยใชเ้ ครอ่ื งมือวดั ระดับเสียง
2. รวบรวมข้อมลู และนาเสนอแนวทางในการหลีกเลีย่ งและลด

มลพิษทางเสียง

ผลทไ่ี ด้จากการทากิจกรรมของนกั เรยี นในสถานท่จี ริง เช่น ในโรงอาหาร หอ้ งเรยี น สนามกีฬา

โรงอาหาร นักเรยี นรับประทานอาหาร 86.20
และพูดคุย

ห้องเรียน มกี ารเรยี นการสอน ทา 91.85
กิจกรรม

สนามกฬี า นักเรยี นทากิจกรรม เลน่ กฬี า 104.95
โรงเรยี น

หมายเหตุ: ผลการวดั ระดับเสียงของนักเรยี นอาจแตกตา่ งจากตวั อยา่ งในตาราง

⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรับปรงุ เดือนมิถุนายน 2562

คู่มือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 แรงและพลังงาน 174

ผลการสบื ค้นข้อมูลและการอ่านใบความรตู้ ามที่นักเรียนได้ศกึ ษามาจริง เช่น เสียงดัง
เสียงค่อย บอกได้ด้วยระดับเสียง มีหน่วยเป็นเดซิเบล มลพิษทางเสียง อาจเป็นเสียง
ดังมากจนทาให้เกิดอันตรายต่อหู หรืออาจเป็นเสียงที่ทาให้เกิดความราคาญ ระดับ
เสียงที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ คือ ระดับเสียงท่ีสูงกว่า 120 เดซิเบล การฟังเสียงดัง
ติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็เป็นอันตรายเช่นกัน เช่น ฟังเสียงที่มีระดับเสียงต้ังแต่
90 เดซเิ บล โดยฟังติดต่อกนั เป็นเวลานานเกินกว่า 8 ชั่วโมง หรือการฟังเสียงท่ีระดับ
เสยี งตงั้ แต่ 70 เดซิเบล* ตลอดเวลา วธิ ีการป้องกันอนั ตรายจากเสียง ทาไดโ้ ดยการ
หลีกเล่ียงบริเวณท่ีมีเสียงดังมากและหลีกเลี่ยงการฟังเสียงติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ
หรอื สวมท่ีอุดหู หรือทค่ี รอบหู เป็นต้น (*อา้ งองิ ข้อมูลจาก กรมควบคมุ มลพิษ)

ระดบั เสียง เป็นปรมิ าณท่บี อกถงึ เสยี งดัง ค่อยท่ไี ดย้ ิน

เครอื่ งมอื วัดระดับเสียง เป็นเครอื่ งมือทีบ่ อกใหร้ ู้ว่าบริเวณน้ันมเี สยี งดงั เสียงค่อยในระดบั ใด
ถ้าเสยี งดงั เกินไป อาจเกิดอนั ตรายตอ่ หขู องเรา เราควรหลีกเล่ียงบริเวณดังกล่าว

ฉบบั ปรบั ปรุง เดอื นมิถุนายน 2562 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

175 ค่มู ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 แรงและพลังงาน

ระดับเสียงที่เป็นอนั ตรายต่อมนษุ ย์ คือ ระดับเสยี งท่สี งู กว่า 120 เดซเิ บล หรือระดับ
เสียงตัง้ แต่ 90 เดซเิ บล โดยฟังตดิ ตอ่ กนั เปน็ เวลานานเกินกว่า 8 ชั่วโมง หรอื ฟังเสยี ง
ระดบั เสียงต้ังแต่ 70 เดซิเบล* ข้ึนไปอยตู่ ลอดเวลา การปอ้ งกันอันตรายจากเสยี ง
ทาไดโ้ ดยการหลกี เล่ยี งการได้ยนิ เสียงดังติดต่อกันเปน็ เวลานาน ๆ หรือสวมท่ีอดุ หู
หรอื ทคี่ รอบหู เป็นตน้ (*อ้างองิ ข้อมลู จาก กรมควบคุมมลพิษ)

มลพิษทางเสียงคอื เสียงทดี่ ังมากจนเปน็ อันตรายตอ่ หู หรือเสียงที่ก่อใหเ้ กดิ
ความราคาญตอ่ ผฟู้ ัง

เสียงดัง เสียงคอ่ ย บอกได้ดว้ ยระดบั เสยี ง มหี น่วยเปน็ เดซิเบล มลพิษทางเสยี งอาจ
เป็นเสยี งดังมากจนทาใหเ้ กดิ อนั ตรายต่อหู หรืออาจเปน็ เสยี งท่ีทาให้เกดิ ความ
ราคาญ วธิ ีปอ้ งกันมลพิษทางเสียง ทาไดห้ ลายวิธี เชน่ การสวมท่ีครอบหู หรอื การ
หลีกเลย่ี งบรเิ วณที่มีเสยี งดงั มาก

มลพิษทางเสียงเป็นเสียงดงั ท่ีทาให้เกิดอนั ตรายต่อหู หรือเสยี งทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ความ
ราคาญ เราควรหลกี เลี่ยงมลพิษทางเสียง หรือใชเ้ ครือ่ งป้องกัน การวดั ระดบั เสียง
ทาไดโ้ ดยใช้เครอื่ งมือวดั ระดับเสียง มหี น่วยเป็นเดซเิ บล

⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบับปรบั ปรุง เดอื นมิถุนายน 2562

ค่มู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 แรงและพลังงาน 176

คาถามของนักเรียนทต่ี ้ังตามความอยากรู้ของตนเอง

✓ ✓
✓ ✓
✓ ✓

ฉบบั ปรับปรงุ เดือนมิถุนายน 2562 สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

177 คูม่ อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 แรงและพลังงาน

แนวการประเมินการเรียนรู้

การประเมนิ การเรยี นรู้ของนกั เรยี นทาได้ ดงั น้ี
1. ประเมินความรเู้ ดิมจากการอภิปรายในช้ันเรยี น
2. ประเมินการเรียนรู้จากคาตอบของนักเรียนระหว่างการจดั การเรียนร้แู ละจากแบบบนั ทึกกิจกรรม
3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทากจิ กรรมของนักเรียน

การประเมินจากการทากิจกรรมท่ี 1.4 มลพษิ ทางเสียงเป็นอย่างไร

ระดบั คะแนน 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ
3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้

รหสั สิ่งที่ประเมนิ ระดบั คะแนน

ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
S2 การวัด
S8 การลงความเห็นจากข้อมูล
S13 การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21
C4 การสอ่ื สาร
C5 ความร่วมมอื
C6 การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร

รวมคะแนน

⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบับปรับปรุง เดอื นมิถนุ ายน 2562

คมู่ ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 แรงและพลังงาน 178

ตาราง แสดงการวเิ คราะห์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรต์ ามระดบั ความสามารถของนักเรยี น

โดยอาจใชเ้ กณฑ์การประเมิน ดังน้ี

ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรบั ปรุง (1)
ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (2)

S2 การวัด การวดั ระดับเสยี งโดย สามารถวดั ระดับเสียงโดย สามารถวดั ระดับเสยี งโดย สามารถระบุหนว่ ยของระดับ

ใช้เครื่องมือวดั ระดับ ใชเ้ ครื่องมือวดั ระดบั เสียง ใช้เคร่ืองมือวัดระดับเสียง เสยี งได้อย่างถูกต้องดว้ ย

เสยี ง และระบหุ นว่ ย และระบุหนว่ ยของระดับ และระบหุ น่วยของระดับ ตนเองแต่ไม่สามารถวัดระดับ

ของระดับเสยี ง เสียงไดถ้ ูกต้องด้วยตนเอง เสยี งไดถ้ ูกต้อง จากการ เสียงโดยใช้เคร่ืองมือวดั ระดับ

ชีแ้ นะของครูหรือผ้อู ่ืน เสียงได้แม้จะได้รับการช้แี นะ

จากครหู รือผู้อื่น

S8 การลงความเหน็ การลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก

จากข้อมูล ข้อมลู เก่ยี วกับเสียงท่ี ขอ้ มลู ว่าเสยี งที่ดังเกนิ ไป ข้อมูลว่าเสียงท่ีดงั เกินไป ขอ้ มลู ว่าเสียงท่ีดงั เกนิ ไปหรือ

ดงั เกินไปหรือเสยี งที่ หรอื เสียงท่ีก่อใหเ้ กิดความ หรือเสียงที่ก่อให้เกิดความ เสียงท่ีก่อให้เกิดความราคาญ

ก่อให้เกดิ ความ ราคาญจัดเปน็ มลพิษทาง ราคาญจัดเป็นมลพิษทาง จดั เป็นมลพิษทางเสียงได้

ราคาญจัดเปน็ มลพิษ เสียงไดถ้ ูกต้องทั้งหมดดว้ ย เสยี งได้ถูกต้องทั้งหมด จาก ถูกต้องเพยี งบางสว่ น แม้วา่ จะ

ทางเสียง ตนเอง การชี้แนะของครูหรือผู้อนื่ ไดร้ ับคาชแ้ี นะจากครหู รือผู้อืน่

S13 การ การตีความหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตีความหมายข้อมลู

ตคี วามหมายข้อมูล ขอ้ มูลจากการทา ข้อมูลจากการทากิจกรรม ขอ้ มูลจากการทากิจกรรม จากการทากิจกรรมและลง

และลงข้อสรุป กิจกรรมและลง และลงข้อสรุปไดว้ ่ามลพิษ และลงข้อสรปุ ได้ว่ามลพิษ ข้อสรุปไดว้ า่ มลพิษทางเสียง

ขอ้ สรุปเกยี่ วกับ ทางเสียงเป็นเสียงดงั ทที่ า ทางเสียงเป็นเสียงดงั ท่ีทา เปน็ เสียงดังท่ที าให้เกิด

ลกั ษณะของมลพษิ ใหเ้ กิดอันตรายต่อหู ซง่ึ ให้เกิดอันตรายต่อหู ซง่ึ อันตรายต่อหู ซ่ึงขึน้ อยู่กบั

ทางเสยี งและข้อควร ขึ้นอย่กู ับระดับเสยี งและ ขน้ึ อยกู่ ับระดับเสียงและ ระดับเสียงและระยะเวลาที่ได้

ปฏิบัตใิ นการป้องกัน ระยะเวลาท่ีไดย้ นิ เสียง ระยะเวลาท่ีได้ยนิ เสยี ง ยนิ เสยี ง หรือเสียงท่ีก่อใหเ้ กิด

และหลีกเลยี่ งมลพิษ หรอื เสียงที่ก่อใหเ้ กิดความ หรอื เสยี งที่ก่อให้เกิดความ ความราคาญเราควรหลีกเล่ียง

ทางเสียง การวัด ราคาญเราควรหลกี เลี่ยง ราคาญเราควรหลีกเลย่ี ง มลพิษทางเสียง หรือใช้เครอ่ื ง

ระดับเสยี งซึ่งมหี น่วย มลพิษทางเสียง หรือใช้ มลพิษทางเสียง หรือใช้ ป้องกันหากหลีกเลี่ยงไม่ได้

เป็นเดซิเบล เคร่ืองป้องกนั หาก เครื่องป้องกนั หาก การวัดระดับเสยี งทาไดโ้ ดยใช้

หลีกเล่ียงไม่ได้ การวดั หลีกเลยี่ งไม่ได้ การวดั เคร่ืองมือวัดระดับเสยี ง มี

ระดับเสียงทาได้โดยใช้ ระดับเสยี งทาได้โดยใช้ หน่วยเป็นเดซิเบลได้ถูกต้อง

เคร่ืองมือวดั ระดับเสียง มี เคร่ืองมือวดั ระดับเสยี ง มี เพียงบางสว่ น แม้วา่ จะได้

หน่วยเปน็ เดซิเบลได้ หนว่ ยเปน็ เดซิเบลได้ รับคาชแี้ นะจากครหู รือผู้อน่ื

ถกู ต้องทั้งหมดด้วยตนเอง ถูกต้องทั้งหมด จากการ

ช้แี นะจากครูหรือผอู้ ่ืน

ฉบบั ปรับปรุง เดือนมถิ ุนายน 2562 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

179 คู่มือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 แรงและพลังงาน

ตาราง แสดงการวเิ คราะห์ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ตามระดบั ความสามารถของนักเรียน

โดยอาจใชเ้ กณฑ์การประเมนิ ดังนี้

ทกั ษะแห่ง รายการประเมิน ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรับปรุง (1)
ศตวรรษท่ี 21 พอใช้ (2)

C4 การสื่อสาร การนาเสนอเกี่ยวกับ ส า ม า ร ถ น า เส น อ สามารถนาเสนอเก่ียวกับ ส า ม า ร ถ น า เ ส น อ

แ น ว ท า ง ใ น ก า ร เก่ียวกับแนวทางในการ แนวทางในการหลีกเลี่ยง เก่ียวกับแนวทางในการ

ห ลี ก เลี่ ย ง แ ล ะ ล ด หลีกเล่ียงและลดมลพิษ และลดมลพิษทางเสียง หลีกเล่ียงและลดมลพิษ

มลพิษทางเสียงเพ่ือให้ ทางเสียงเพื่อให้ผู้อื่น เพื่ อ ให้ ผู้ อ่ื น เข้ าใจ ด้ ว ย ทางเสียงเพื่อให้ผู้อื่น

ผู้อื่นเข้าใจด้วยวิธีการ เข้ า ใจ ด้ ว ย วิ ธี ก า ร ท่ี วิธีการที่น่าสนใจ โดยอาศัย เข้ า ใจ ด้ ว ย วิ ธี ก า ร ที่

ที่นา่ สนใจ น่าสนใจ ได้ดว้ ยตนเอง การช้แี นะจากครูหรอื ผอู้ ่นื ชัดเจนและไม่น่าสนใจ

แม้ว่าจะได้รับคาชี้แนะ

จากครูหรอื ผู้อ่ืน

C5 ความ การท างาน ร่วม กั บ สามารถทางานร่วมกับ สามารถทางานร่วมกบั ผู้อื่น สามารถทางานร่วมกับ

ร่วมมอื ผู้ อื่ น ใ น ก า ร ท า ผู้อ่ืนในการทากิจกรรม ใน การท ากิจกรรม และ ผู้อื่นในการทากิจกรรม

กิจกรรมและร่วมกัน และร่วมกัน นาเสนอ ร่วมกันนาเสนอแนวทางใน แ ล ะ ร่ ว ม น า เส น อ

นาเสนอแนวทางใน แ น ว ท า ง ใ น ก า ร ก า ร ห ลี ก เลี่ ย งแ ล ะ ล ด แ น ว ท า ง ใ น ก า ร

การหลีกเล่ียงและลด หลีกเล่ียงและลดมลพิษ มลพิษทางเสียงด้วยวิธีการ หลีกเล่ียงมลพิ ษทาง

มลพิษทางเสียงด้วย ทางเสียงด้วยวิธีการท่ี ที่น่าสนใจ รวมทั้งยอมรับ เสยี งได้เปน็ บางช่วงเวลา

วิธกี ารที่น่าสนใจ น่าสนใจ รวมทั้งยอมรับ ความคิดเห็นของผู้อื่นเป็น ที่ทากิจกรรม ทั้งนี้ต้อง

ความคิดเห็นของผู้อื่น บางช่วงเวลาทีท่ ากิจกรรม อาศัยการกระตุ้นจากครู

ตั้งแต่เร่มิ ตน้ จนสาเร็จ หรือผ้อู ่ืน

C6 การใช้ ก า ร สื บ ค้ น ข้ อ มู ล สามารถสืบค้นข้อมูล ส า ม า ร ถ สื บ ค้ น ข้ อ มู ล สามารถสืบค้นข้อมูล

เทคโนโลยี เกี่ยวกับระดับเสียง เก่ียวกับระดับเสียงและ เก่ียวกับระดับเสียงและ เก่ียวกับระดับเสียงและ

สารสนเทศและ และมลพิษทางเสียง มลพิ ษ ท างเสียงจาก มลพิษทางเสียงจากแหล่ง ม ลพิ ษ ท างเสี ยงจาก

การสอื่ สาร จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ แหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ที่ เรียนรู้ตา่ ง ๆ ทีน่ ่าเชือ่ ถือได้ แหลง่ เรียนรู้ตา่ ง ๆ ท่ีไม่

ที่น่าเชื่อถอื นา่ เชอื่ ถือไดด้ ้วยตนเอง โดยอาศัยการชี้แนะจากครู น่าเชื่อถอื แม้ว่าจะได้รับ

หรอื ผอู้ ่นื การชี้แนะจากครูหรือ

ผอู้ น่ื

⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบบั ปรบั ปรงุ เดอื นมิถุนายน 2562

ค่มู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 แรงและพลังงาน 180

กจิ กรรมท้ายบทที่ 2 เสียง (1 ชว่ั โมง)

1. ครูให้นักเรียนวาดรูปหรือเขียนสรุปส่ิงท่ีได้เรียนรู้จากบทน้ี ในแบบ บันทึก
กจิ กรรมหนา้ 77

2. นักเรียนตรวจสอบการสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ของตนเองโดยเปรียบเทียบกับ
ผังมโนทัศน์ในหวั ขอ้ รู้อะไรในบทนี้ ในหนงั สือเรยี นหนา้ 71

3. นักเรียนกลับไปตรวจสอบคาตอบของตนเองในสารวจความรู้ก่อนเรียน ใน
แบบบันทึกกิจกรรม หน้า 50-51 อีกคร้ัง ถ้าคาตอบของนักเรียนไม่ถูกต้อง
ให้ขีดเส้นทับข้อความเหล่านั้น แล้วแก้ไขให้ถูกต้อง หรืออาจแก้ไขคาตอบ
ด้วยปากกาท่ีมีสีต่างจากเดิม นอกจากนี้ครูอาจนาคาถามในรูปนาบทใน
หนงั สอื เรียนหน้า 48 มาร่วมกนั อภปิ รายคาตอบอกี ครั้ง

4. นักเรียนทา แบบฝึกหัดท้ายบทท่ี 2 เสียง ในแบบบันทึกกิจกรรมหน้า 78-
79 จากนั้นนาเสนอคาตอบหน้าช้ันเรียน ถ้าคาตอบยังไม่ถูกต้องครูควรนา
อภิปรายหรอื ใหส้ ถานการณเ์ พิม่ เติมเพ่อื แก้ไขแนวคิดคลาดเคล่ือนให้ถูกต้อง

5. นักเรียนร่วมกันทากิจกรรม ร่วมคิด ร่วมทา โดยร่วมกันคิดประดิษฐ์เคร่ือง
ดนตรีจากวัสดุเหลือใช้ให้เครื่องดนตรีน้ันสามารถเล่นให้มีเสียงสูง เสียงต่า
ตา่ งกันได้ นกั เรียนจะออกแบบประดิษฐเ์ ครอื่ งดนตรีน้นั อยา่ งไร

6. นักเรียนอ่านและอภิปรายเนื้อเรื่องในหัวข้อวิทย์ใกล้ตัว ในหนังสือเรียน
หน้า 73 โดยครูกระตุ้นให้นักเรียนเห็นความสาคัญของความรู้จากสิ่งที่ได้
เรียนรู้ในหน่วยน้ี ว่าสามารถนาไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวันได้อย่างไร
บ้าง เช่น เสียงจากสายกีตาร์ ที่มีเสียงสูง เสียงต่า เกิดจากขนาดและความ
ยาวของสายกีตาร์ ส่วนเสียงดัง เสียงค่อย เกิดจากแรงในการดีดสายกีตาร์
ครูแนะนาให้นักเรียนสังเกตเคร่ืองดนตรีท่ีไม่มีสาย เช่น ขลุ่ย นักดนตรีจะทา
ให้ขลุ่ยเกิดเสียงสูง เสียงต่า เสียงดัง เสียงค่อย ที่แตกต่างกันได้หรือไม่
อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง โดยใชค้ วามร้จู ากเร่ืองที่ได้
เรียนมา เช่น การทาให้ขลุ่ยเกิดเสียงสงู เสียงต่า ท่ีแตกต่างกนั ทาได้โดยการ
ปิดท่ีบริเวณรูต่าง ๆ ที่อยู่ท่ีตัวขลุ่ย เพ่ือกาหนดมวลของอากาศที่นักดนตรี
เปา่ ลมเข้าไปในขลุ่ย โดยถา้ กาหนดให้มวลของอากาศมาก เสียงของขลุ่ยท่ีได้
ยินจะเป็นเสียงต่า แต่ถ้ากาหนดให้มวลของอากาศน้อย เสียงของขลุ่ยท่ีได้
ยินจะเป็นเสียงสูง ส่วนการทาให้ขลุ่ยเกิดเสียงดัง เสียงค่อยน้ัน ข้ึนอยู่กับ
พลังงานท่ีนักดนตรีเป่าลมเขา้ ไปในขลุ่ย ถ้าเป่าโดยใช้พลังงานมาก เสียงที่ได้
ยนิ จะดงั แต่ถา้ เปา่ โดยใช้พลงั งานน้อย เสียงท่ไี ด้ยนิ จะคอ่ ยนั่นเอง)

ฉบับปรับปรงุ เดือนมิถุนายน 2562 สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

181 คมู่ อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 แรงและพลังงาน

สรปุ ผลการเรยี นรู้ของตนเอง

รปู หรอื ข้อความสรุปสิ่งทีไ่ ด้เรียนรูจ้ ากบทน้ีตามความเขา้ ใจของนักเรียน

⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบบั ปรบั ปรุง เดอื นมิถนุ ายน 2562

คมู่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 แรงและพลังงาน 182

แนวคาตอบในแบบฝกึ หดั ทา้ ยบท

เสียงจากโลมาตัวหน่งึ เคลอื่ นที่ผ่านตัวกลางของเสยี ง คือ น้า
ไปยงั อวัยวะรับเสียงของโลมาอีกตวั หนึ่ง

การเตมิ นา้ ลงไปในขวดทีละนอ้ ยเป็นการเพ่มิ มวลรวมของขวดแก้ว
เมื่อเราใชไ้ ม้เคาะขวดบริเวณเดมิ จะทาให้เสียงท่ีไดย้ ินตา่ ลง ๆ เพราะ
ความถใี่ นการสน่ั ของวตั ถนุ อ้ ยลงเรอ่ื ย ๆ

ฉบบั ปรบั ปรุง เดอื นมถิ ุนายน 2562 สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

183 คมู่ ือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 แรงและพลังงาน

นกั เรยี นอาจตอบข้อ ค เพราะในสถานทก่ี ่อสร้างทม่ี ีการขุดเจาะพ้ืน
จะมเี สียงดงั มากทสี่ ดุ ซึง่ อาจเป็นอันตรายตอ่ หู แตอ่ ย่างไรก็ตาม
นักเรียนอาจตอบข้ออืน่ ทงั้ น้ีขึน้ อยู่กับเหตุผลประกอบ

⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบับปรับปรงุ เดอื นมิถนุ ายน 2562

คมู ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | บรรณานุกรม หนวยที่ 2 184

บรรณานุกรม (หนวยที่ 2)

Chee, C. T. (1996). Common Misconception in Frictional Force among University Physics Students. Teaching
and Learning. 16(2). 107-116.

Ozkan, G. (2013). The use of conceptual change texts as class material in the teaching of “sound” in
physics. Asia-Pacific Forum on Science Learning and Teacning, 14(1). Retrived from https://www.edu
hk.hk/apfslt/download/v14_issue1_files/ozkan.pdf

Weiler, B. (1998). Children’s misconceptions about Sound. Retrived from http://amasci.com/miscon
/opphys.html

ขจรศักด์ิ บัวระพันธ และ เพ็ญจันทร ซิงห (2550). แนวคิดคลาดเคล่ือนจากแนวคิดทางวิทยาศาสตรเก่ียวกับแรงและการ
เคลือ่ นท่ี. วารสารศกึ ษาศาสตรป รทิ ศั น. 22(3). 49-63.

ขจรศักดิ์ บัวระพันธ, เพ็ญจันทร ซิงห และ วรรณทิพา รอดแรงคา (2549). การพัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับแรงและการเคล่ือนท่ี
ของวัตถุของนักศึกษาครูวิชาเอกฟสิกสชั้นปที่ 3 ดวยกิจกรรมการเรียนรูแบบสรางองคความรูดวยตนเอง. วารสาร
สงขลานครินทร ฉบบั สงั คมศาสตรและมนษุ ยศาสตร. 12(1). 97-119.

สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

185 คมู่ อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 3 การเปลี่ยนแปลงของสาร

หนว่ ยที่ 3 การเปล่ียนแปลงของสาร

ภาพรวมการจัดการเรียนร้ปู ระจาหนว่ ยท่ี 3 การเปลีย่ นแปลงของสาร

บท เรอ่ื ง กจิ กรรม ลาดับการจดั การเรยี นรู้ ตัวช้วี ดั

บทที่ 1 การ เรือ่ งท่ี 1 การเปล่ียน  การเปลย่ี นสถานะเป็นการเปลย่ี นแปลง ว 2.1
เปลยี่ นแปลงทาง สถานะ ทางกายภาพเพราะสารหลงั ป. 5/1 อธบิ ายการ
กายภาพ การเปลย่ี นแปลงยงั เป็นสารเดิม
การเปลย่ี นสถานะเกดิ ขึนเม่ือสารไดร้ บั เปลย่ี นสถานะ
กจิ กรรมที่ 1.1 ความรอ้ นและร้อนขนึ หรือสารสูญเสีย ของสสารเม่ือทา
นาแข็งมีการ ความรอ้ นและเยน็ ลง ให้สสารร้อนขนึ
เปลีย่ นสถานะ หรือเยน็ ลงโดย
อยา่ งไร  การเปลี่ยนแปลงท่ีของแขง็ ได้รับ ใช้หลักฐานเชิง
ความรอ้ นจนเปลี่ยนสถานะเป็น ประจกั ษ์
ของเหลวเรียกว่าการหลอมเหลว และ
กจิ กรรมท่ี 1.2 ของเหลวเปลย่ี นสถานะเปน็ แก๊ส
นาผลไม้เป็นเกลด็ เรียกวา่ การกลายเป็นไอโดยเกดิ ขนึ ได้
นาแขง็ ได้อยา่ งไร สองลกั ษณะคอื การระเหยและ
การเดือด เมือ่ ลดความรอ้ นลงจนแก๊ส
เปลย่ี นสถานะเป็นของเหลวเรียกว่า
การควบแน่น

 การเปลย่ี นแปลงท่ีของเหลวสูญเสีย
ความร้อนจนเปลี่ยนสถานะเป็น
ของแขง็ เรยี กว่าการแขง็ ตัว

กจิ กรรมที่ 1.3  การเปล่ียนแปลงที่ของแขง็ เปล่ยี น
พิมเสนมีการ สถานะเปน็ แก๊สโดยไมเ่ ปล่ยี นสถานะ
เปลยี่ นสถานะ เป็นของเหลวก่อนเรียกวา่ การระเหดิ
อย่างไร และแกส๊ เปล่ียนสถานะเปน็ ของแข็งโดย
ไมเ่ ปลี่ยนสถานะเป็นของเหลวก่อน
เรียกว่าการระเหิดกลบั

 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรับปรุง เดอื นมิถนุ ายน 2562

ค่มู อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 3 การเปล่ียนแปลงของสาร 186

บท เรื่อง กิจกรรม ลาดบั การจดั การเรยี นรู้ ตวั ชีว้ ัด

เรอ่ื งท่ี 2 การละลาย กิจกรรมท่ี 2 การ  เมื่อนาสารในสถานะใดๆ อย่างนอ้ ย 2 ว 2.1
ละลายเปน็ ชนิดผสมกันสารท่ไี ดเ้ ป็นสารผสม ป.5/2 อธิบายการ
อย่างไร สารผสมบางชนิดมองเหน็ กลมกลืนเป็น
เนอื เดียวกันหมดทกุ ส่วนจดั เป็นสาร ละลายของสารใน
เนือเดียว แตถ่ ้ามองเห็นไมเ่ ป็นเนือ นาโดยใชห้ ลกั ฐาน
เชิงประจกั ษ์

เดยี วกันจัดเป็นสารเนอื ผสม

 การละลายเปน็ การเปลย่ี นแปลงทาง

กายภาพเกิดจากการนาสารอย่างนอ้ ย

2 ชนิดผสมเป็นเนือเดยี วกนั โดยไม่

เปลย่ี นเปน็ สารใหม่ สารเนอื เดยี วทีไ่ ด้

จากการละลายเรียกว่าสารละลาย

บทที่ 2 การ เรือ่ งท่ี 1 การ กิจกรรมที่ 1.1  การเปล่ยี นแปลงทางเคมเี ป็นการ ว.2.1
การเปล่ยี นแปลง เปล่ียนแปลงทมี่ สี ารใหม่เกดิ ขึน สาร
เปลีย่ นแปลงทาง เปลยี่ นแปลงทาง ทางเคมีคืออะไร ใหม่มสี มบตั ิบางประการแตกต่างจาก ป.5/3 วเิ คราะห์การ
สารเดิม การเปลยี่ นแปลงทางเคมี เปลยี่ นแปลง
เคมี เคมี กิจกรรมที่ 1.2 รู้ สงั เกตไดจ้ ากการเปลีย่ นสี กลิ่น ของสารเมื่อเกดิ
ได้อย่างไรว่าเกิด การเกดิ ฟองแก๊ส การเกดิ ตะกอน การเปล่ยี นแปลง
การเปลี่ยนแปลง นอกจากนนั ยงั มีการเพ่ิมหรอื ลดความ ทางเคมโี ดยใช้
ทางเคมี ร้อน หลักฐานเชงิ
ประจกั ษ์

บทท่ี 3 การ เรอ่ื งท่ี 1 การ กิจกรรม่ี 1 ผนั  สารบางชนิดเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว ว 2.1
เปลยี่ นแปลงท่ผี นั เปลี่ยนแปลงทผ่ี นั กลับไดแ้ ละผนั สามารถทาให้กลบั มาเปน็ สารเดิมได้ ป.5/4 วิเคราะห์
กลบั ได้และผนั กลับไดแ้ ละผนั กลบั กลับไม่ไดเ้ ป็น เปน็ การเปลีย่ นแปลงทีผ่ นั กลบั ได้ แต่
กลบั ไม่ได้ ไม่ได้ อยา่ งไร การเปลยี่ นแปลงของสารบางชนดิ เมอื่ และระบุการ
เปลยี่ นแปลงแล้วไม่สามารถทาให้ เปล่ียนแปลงท่ี
กลบั มาเป็นสารเดมิ ได้ เปน็ การ ผันกลับไดแ้ ละ
เปล่ยี นแปลงท่ีผนั กลบั ไม่ได้ การเปลี่ยนแปลง
ทผี่ ันกลับไม่ได้

ฉบับปรบั ปรงุ เดือนมถิ นุ ายน 2562 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

187 คู่มอื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 3 การเปลี่ยนแปลงของสาร

บทท่ี 1 การเปล่ยี นแปลงทางกายภาพ

จุดประสงคก์ ารเรยี นร้ปู ระจาบท

เมื่อเรียนจบบทนี นักเรียนสามารถ

1. อธบิ ายการเปลย่ี นสถานะของสสาร

2. อธิบายการละลายของสารในนา

3. อธบิ ายการเปล่ยี นแปลงทางกายภาพ

เวลา 7 ชวั่ โมง

แนวคิดสาคัญ

สสารเปล่ียนจากสถานะหนึ่งไปเป็นอีกสถานะ
หนึ่งเม่ือได้รับหรือสูญเสียความร้อน การเปล่ียนแปลงนี
เรียกว่า การเปล่ียนสถานะ สารหลายชนิดเมื่อใสล่ งในนา
จะเกิดการเปล่ียนแปลงโดยแตกออกเป็นอนุภาคเล็ก ๆ
และรวมเป็นเนือเดียวกันกับนา การเปล่ียนแปลงนี

เรียกวา่ การละลาย

สารที่เปลีย่ นสถานะและสารท่ีละลายอยูใ่ นนา
ยงั คงเป็นสารเดิมไม่เปล่ียนเป็นสารใหม่ การเปล่ียน
สถานะและการละลายจึงเปน็ การเปลย่ี นแปลงทาง
กายภาพ

ส่ือการเรยี นร้แู ละแหล่งเรียนรู้ บทนี้มอี ะไร การเปลี่ยนสถานะ
การเปลย่ี นสถานะของสสาร
1. หนงั สือเรียน ป. 5 เล่ม 1 หน้า 74-103 เรื่องที่ 1 (changing state of matter)
คาสาคัญ นาแข็งมีการเปล่ียนสถานะ
2. แบบบันทกึ กจิ กรรม ป. 5 เลม่ 1 หนา้ 80-110 อย่างไร
กิจกรรมท่ี 1.1 นาผลไม้เป็นเกล็ดนาแข็งได้
อย่างไร
กจิ กรรมท่ี 1.2 พิมเสนมีการเปล่ียนสถานะ
อย่างไร
กิจกรรมท่ี 1.3 การละลาย
การละลายเปน็ อยา่ งไร
เรอื่ งที่ 2
กจิ กรรมท่ี 2

 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบบั ปรบั ปรุง เดอื นมิถุนายน 2562

คูม่ อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 การเปลย่ี นแปลงของสาร 188

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทักษะแห่งศตวรรษที่ 21

กิจกรรมท่ี
รหสั ทักษะ 1.1 1.2 1.3 2

ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 
S1 การสงั เกต
S2 การวดั  
S3 การใชจ้ านวน 
S4 การจาแนกประเภท
S5 การหาความสัมพันธร์ ะหวา่ ง 

 สเปซกับสเปซ
 สเปซกบั เวลา 
S6 การจัดกระทาและสื่อความหมายขอ้ มูล
S7 การพยากรณ์ 
S8 การลงความเหน็ จากข้อมูล 
S9 การตงั สมมติฐาน 
S10 การกาหนดนยิ ามเชงิ ปฏบิ ัติการ
S11 การกาหนดและควบคุมตัวแปร
S12 การทดลอง
S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ
S14 การสรา้ งแบบจาลอง
ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21
C1 การสร้างสรรค์
C2 การคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ
C3 การแก้ปัญหา
C4 การสือ่ สาร
C5 ความรว่ มมือ
C6 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร
หมายเหตุ: รหสั ทักษะท่ปี รากฏนี ใช้เฉพาะหนังสือคู่มือครเู ลม่ นี

ฉบบั ปรับปรุง เดือนมถิ ุนายน 2562 สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

189 คู่มอื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 การเปลยี่ นแปลงของสาร

แนวคดิ คลาดเคลือ่ น

แนวคิดคลาดเคล่ือนที่อาจพบและแนวคิดที่ถูกต้องในบทท่ี 1 การเปลีย่ นแปลงทางกายภาพ มดี งั ต่อไปนี

แนวคดิ คลาดเคลือ่ น แนวคดิ ทถี่ กู ตอ้ ง
เมื่อต้มนาจนเดือดเกิดฟองแก๊ส สารท่ีอยู่ในฟองแก๊สคือ
อากาศหรือแก๊สไฮโดรเจน หรือแก๊สออกซิเจน (Osborne เมื่อต้มนาจนเดือดเกิดฟองแก๊ส สารท่ีอยู่ในฟองแก๊สคือไอนา
and Cosgrove, 1983; Stein, Larrabee and Barman, (Osborne and Cosgrove, 1983; Stein, Larrabee and
2008) Barman; 2008)
เมื่อนาตาลละลายในนา นาตาลจะเหลือไว้แต่เพียงรสชาติ
เท่านัน (Driver, 2010) เม่ือนาตาลละลายในนา นาตาลไม่ได้หายไปไหนเพียงแต่มี
ขนาดเล็กลงจนตาเรามองไม่เห็นและแทรกอยู่ระหว่างโมเลกุล
การละลายและการหลอมเหลวมีความหมายอย่างเดียวกัน ของนา สังเกตได้จากสารละลายนาตาลมีรสหวานของนาตาล
คือสารเปลี่ยนจากของแข็งเป็นของเหลว เช่น นาแข็ง อยู่ (Driver, 2010)
กลายเป็นนาเรียกว่าละลาย (ทองดแี ละพิมพท์ อง, 2012) การละลายและการหลอมเหลวมคี วามหมายตา่ งกนั การละลาย
คือการที่สารอย่างน้อย 1 ชนิดรวมกันเป็นเนือเดียวกับนา ส่วน
เมือ่ วางของแขง็ เช่น ลูกเหมน็ ไว้แลว้ มขี นาดเลก็ ลง เรยี กวา่ ก า ร ห ล อ ม เ ห ล ว เ ป็ น ก า ร เ ป ล่ี ย น ส ถ า น ะ จ า ก ข อ ง แ ข็ ง เ ป็ น
ของแข็งนันเกิดการหลอมละลาย (ทองดีและพิมพ์ทอง, ของเหลว (ทองดแี ละพมิ พ์ทอง, 2012)
2012)
ของแข็ง เช่น ลกู เหม็น เมื่อวางไวม้ ีขนาดเล็กลง เพราะเกดิ การ
เปล่ียนสถานะเป็นแก๊สโดยไม่เปล่ียนสถานะเป็นของเหลวก่อน
เรียกการเปลี่ยนสถานะนีว่า การระเหิด (ทองดีและพิมพ์ทอง,
2012)

ถา้ ครพู บวา่ มแี นวคิดคลาดเคลื่อนใดท่ียังไม่ไดแ้ ก้ไขจากการทากิจกรรมการเรียนรู้ ครูควรจัดการเรยี นรู้เพ่ิมเตมิ เพ่อื แก้ไขแนวคิด
คลาดเคล่ือนใหถ้ ูกตอ้ ง

 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรบั ปรงุ เดือนมิถนุ ายน 2562

คู่มอื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 3 การเปลยี่ นแปลงของสาร 190

บทนเี้ ร่มิ ตน้ อย่างไร (1 ชว่ั โมง) ในการตรวจสอบความรู้ ครูรับฟัง
เหตุผลของนักเรียนเป็นสาคัญ ครูยังไม่
1. ครูทบทวนความรู้พืนฐานของนักเรียนเก่ียวกับสถานะของ เฉลยคาตอบใด ๆ แต่ชักชวนให้หาคาตอบ
สสารโดยอาจใช้คาถาม ดังนีว่าจากการเรียนในชัน ท่ีถกู ต้องจากกจิ กรรมต่าง ๆ ในบทเรียนนี
ประถมศึกษาปีที่ 4 สสารมีสถานะอะไรบ้าง (นักเรียนควร
ตอบได้วา่ สสารมีสถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส)

2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับสสารและสารโดยใช้
คาถามดงั นี

2.1 สสารคืออะไร (สสารคือสิ่งต่าง ๆ รอบตัวที่มีมวลและ
ตอ้ งการท่ีอยู่ สสารอาจเป็นของแขง็ ของเหลวหรือแก๊ส)

2.2 สารคืออะไร (สารคือเนอื ของสสาร)
ครูให้ความรู้เพิ่มเติมว่า สารคือเนือของสสาร เช่น ก้อน
นาตาลทรายเป็นสสารท่ีมีสถานะเป็นของแข็งซึ่งมีมวลและ
ตอ้ งการทอ่ี ยู่ กอ้ นนาตาลทรายมีอนภุ าคเล็กๆ ท่มี าประกอบ
กันเป็นก้อนนาตาลทราย เราจะเรียกอนุภาคเหล่านันว่า
อนุภาคของนาตาลทรายซ่ึงจัดเป็นสารอย่างหนึ่ง หรือก้อน
นาแข็ง เป็นสสารท่ีมีสถานะเป็นของแข็งซึ่งมีมวลและ
ต้องการที่อยู่ ประกอบด้วยอนุภาคเล็ก ๆ มาประกอบกัน
เป็นก้อนนาแข็งซึ่งคืออนุภาคของนา นาก็จัดเป็นสารอย่าง
หนง่ึ

3. ครูเตรียมบัตรภาพสารท่ีมีสถานะต่าง ๆ เช่น แป้งมัน นาแข็ง นา
นมสด อากาศในลูกโป่ง นาตาลทราย เกลือแกง เอทานอล
แก๊สออกซิเจน และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และสุ่มบัตรภาพเพ่ือ
แจกนักเรียนคนละ 1 ใบ นักเรียนวิเคราะห์สถานะของสารใน
บัตรภาพแล้วนาไปเขียนให้ตรงกับกลุ่มของสถานะที่ครูเขียนไว้บน
กระดานดา

4. ครูนาอภิปรายเพื่อตรวจสอบคาตอบบนกระดาน และหากพบว่า
บางบัตรภาพจาแนกไว้ผิดกลุ่มให้ครูแก้ไขให้ถูกต้อง (นักเรียนควร
ตอบได้ว่าแป้งมัน นาแข็ง นาตาลทราย เกลือแกงเป็นของแข็ง
นา เอทานอล นมสดเป็นของเหลว อากาศในลกู โปง่ แกส๊ ออกซิเจน
แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ เปน็ แกส๊ )

5. ครูนาอภิปรายโดยใช้คาถามว่าสสารสามารถเปลย่ี นจากสถานะหนึ่ง
ไปเป็นอีกสถานะหนึ่งได้หรือไม่ อย่างไร นอกจากสสารจะเปล่ียน
สถานะได้แล้ว ยังเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบใดได้อีก นักเรียนจะได้
เรียนรใู้ นหนว่ ยที่ 3

6. ครูชักชวนนักเรียนศึกษาเร่ืองการเปลี่ยนแปลงของสารโดยอ่านช่ือ
หนว่ ย และอ่านคาถามสาคัญประจาหน่วยในหนงั สือเรียนหน้า 74
ดงั นี
6.1 การเปลยี่ นแปลงของสารมีอะไรบ้าง และเปลย่ี นอยา่ งไร

ฉบบั ปรบั ปรงุ เดือนมถิ ุนายน 2562 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

191 คมู่ ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 การเปล่ยี นแปลงของสาร

6.2 การเปล่ียนแปลงของสารเก่ียวข้องกับการดารงชีวิตของมนุษย์ การเตรียมตวั ล่วงหน้าสาหรบั ครู
อย่างไร เพือ่ จัดการเรยี นรใู้ นครั้งถัดไป
นักเรยี นตอบคาถาม โดยครยู ังไมต่ อ้ งเฉลยคาตอบท่ีถูกต้อง
ในครังถัดไป นักเรียนจะได้เรียน
แต่จะให้นักเรียนย้อนกลับมาตรวจคาตอบอีกครังหลังเรียนจบ เรื่องท่ี 1 การเปลี่ยนสถานะ ครูเตรียมคลิป
หนว่ ยนแี ลว้ สัน ๆ เกี่ยวกบั การอุ่นอาหารแช่แขง็ (สืบค้น
7. นักเรียนอ่าน ช่ือบท และอ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ประจาบท ใน ได้ใน www.youtube.com คาค้นคือ การ
หนังสือเรียนหน้า 75 จากนันครูใช้คาถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ อุ่นอาหารแชแ่ ข็ง)
เก่ยี วกับจุดประสงค์การเรียนรู้ ดงั นี
7.1 บทนีจะเรยี นเร่ืองอะไร (การเปล่ยี นแปลงทางกายภาพ)
7.2 จากจุดประสงค์การเรียนรู้ เม่ือจบบทเรียนนักเรียนสามารถทา

อะไรได้บ้าง (สามารถอธิบายการเปล่ียนสถานะของสสาร
อธิบายการละลายของสารในนา และอธิบายการเปลี่ยนแปลง
ทางกายภาพของสาร)
8. นักเรียนอ่านช่ือบทและแนวคิดสาคัญ ในหนังสือเรียนหน้า 76
จากนันครูใช้คาถามว่า จากการอ่านแนวคิดสาคัญ นักเรียนคิดว่าจะ
ได้เรียนเกี่ยวกับเร่ืองอะไรบ้าง (ในบทนีนักเรียนจะได้เรียนเร่ือง การ
เปลี่ยนสถานะ การละลาย และการเปล่ียนแปลงทางกายภาพของ
สาร)
9. ครูชักชวนให้นักเรียนสังเกตรูป และอ่านเนือเร่ืองในหน้า 76 โดยครู
ฝึกทักษะการอ่านตามวิธีการท่ีเหมาะสมกับความสามารถของ
นักเรียน ครูตรวจสอบความเข้าใจในการอ่านของนักเรียน โดยใช้
คาถามต่อไปนี
9.1 เรือ่ งนกี ลา่ วถึงอะไร (ไอศกรีมและการทาไอศกรีม)
9.2 ไอศกรีมมสี ว่ นประกอบอะไรบา้ ง (นม นาตาล และสารแตง่ กล่นิ )
9.3 เราต้องทาอย่างไรเพื่อให้ส่วนผสมต่าง ๆ ของไอศกรีมแข็งตัว
เป็นแทง่ (นาส่วนผสมไปแช่ในตทู้ ม่ี อี ณุ หภมู ิต่า)
9.4 นักเรียนคิดว่า การทาให้ไอศกรีมแข็งตัว ไอศกรีมได้รับหรือ
สูญเสียความรอ้ น (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจ)
10. ครูนาอภิปรายโดยใช้คาถามว่าในการทาไอศกรีมเกี่ยวข้องกับการ
เปล่ียนสถานะและการละลายซึ่งเป็นการเปล่ียนแปลงทางกายภาพ
อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจโดยครูยังไม่ต้องเฉลยคาตอบท่ี
ถูกตอ้ ง) จากนนั ชักชวนนกั เรยี นทาสารวจความรู้ก่อนเรยี น
11. นักเรียนทากิจกรรมสารวจความรู้ก่อนเรียน ในแบบบันทึกกิจกรรม
หน้า 82-84 โดยนักเรียนอ่านคาถามแต่ละข้อ ครูตรวจสอบความ
เขา้ ใจของนกั เรยี น จนแนใ่ จว่านกั เรยี นสามารถทาไดด้ ว้ ยตนเอง จึงให้
นักเรียนตอบคาถามลงในแบบบันทึกหน้า 82 โดยคาตอบของแต่ละ
คนอาจแตกต่างกัน และคาตอบอาจถูกหรือผิดกไ็ ด้

 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรบั ปรงุ เดือนมถิ นุ ายน 2562

ค่มู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 การเปลีย่ นแปลงของสาร 192

12. ครูสังเกตการตอบคาถามของนักเรียนเพื่อตรวจสอบว่านักเรียนมี
แนวคดิ เกี่ยวกับการเปลย่ี นสถานะและการละลายอย่างไรบา้ ง อาจสุ่ม
นักเรียน 2–3 คน นาเสนอคาตอบของตนเองหน้าชันเรียนโดยครูยัง
ไม่ต้องเฉลยคาตอบ แต่จะให้นักเรียนย้อนกลับมาตรวจสอบอีกครัง
หลังเรียนจบบทนีแล้ว ทังนีครูอาจบันทึกแนวคิดคลาดเคลื่อนหรือ
แนวคิดท่ีน่าสนใจของนักเรียน แล้วนามาออกแบบการจัดการเรียนรู้
เพื่อแก้ไขแนวคิดคลาดเคลื่อนให้ถูกต้อง และต่อยอดแนวคิดที่
นา่ สนใจของนกั เรียน

ความร้เู พมิ่ เติมสาหรับครู
พลาสมา

สสารในสถานะของแขง็ ของเหลว และแกส๊ ประกอบไปดว้ ยอนภุ าคทม่ี ีประจุไฟฟา้ รวมเป็นกลางเพราะมจี านวนโปรตอน
ซ่งึ มีประจุไฟฟา้ เป็นบวกเท่ากับอิเลก็ ตรอนซ่งึ มีประจุไฟฟา้ เป็นลบ เม่อื แกส๊ ได้รับพลงั งานสงู จนทาให้อิเล็กตรอนบางส่วนหรือ
ทงั หมดหลดุ ออกจากอะตอม ทาใหอ้ นภุ าคท่เี หลืออยมู่ ีประจบุ วกหรือเรยี กว่าไอออนบวก ไอออนบวก อนุภาคซง่ึ อเิ ล็กตรอนไม่
หลดุ รวมกบั อเิ ลก็ ตรอนท่ีหลุดออกมาเป็นสสารในสถานะพลาสมาซึง่ นาไฟฟา้ ได้ จึงนามาใชป้ ระโยชน์ได้หลากหลาย เชน่ ทาเป็น
ส่วนประกอบของจอโทรทัศน์ สว่ นประกอบของหลอดไฟฟ้า

ทม่ี า : http://web.utk.edu/~prack/Thin%20films/plasma
http://www.qrg.northwestern.edu/projects/vss/docs/propulsion/2-what-is-plasma.html

ฉบบั ปรบั ปรงุ เดอื นมถิ ุนายน 2562 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

193 คมู่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยที่ 3 การเปลย่ี นแปลงของสาร

แนวคาตอบในแบบบนั ทึกกจิ กรรม

การสารวจความรู้ก่อนเรียน นักเรียนอาจตอบคาถามถูกหรือผิดก็ได้ขนึ อยู่กบั ความรเู้ ดิมของนักเรียน
แตเ่ มอื่ เรยี นจบบทเรยี นแล้ว ใหน้ ักเรยี นกลับมาตรวจสอบคาตอบอกี ครังและแก้ไขให้ถูกต้อง ดงั ตัวอยา่ ง

การบรู แก๊ส
ของแข็ง

การระเหิด

 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรบั ปรงุ เดอื นมถิ นุ ายน 2562

คู่มอื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 3 การเปลีย่ นแปลงของสาร 194

นา้ (ไอน้า) ของเหลว

แก๊ส
การควบแน่น

น้า (น้าแข็ง) ของเหลว
ของแข็ง
การหลอมเหลว

ฉบบั ปรับปรงุ เดือนมถิ นุ ายน 2562 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

195 คูม่ อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 3 การเปลย่ี นแปลงของสาร

แอลกอฮอล์ แก๊ส

ของเหลว
การกลายเป็นไอ







 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบับปรบั ปรุง เดือนมถิ นุ ายน 2562

คู่มือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยที่ 3 การเปลย่ี นแปลงของสาร 196

เรอื่ งท่ี 1 การเปลยี่ นสถานะ

เรื่องนีนักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนสถานะของ
สสารซึ่งเป็นการเปล่ียนแปลงทางกายภาพ การเปลี่ยนสถานะของ
สสารเกิดขึนเมือ่ สสารไดร้ บั หรือสูญเสยี ความร้อน

ของแข็งเมื่อได้รับความร้อนจนเปล่ียนสถานะเป็นของเหลว
เรียกว่า การหลอมเหลว ของเหลวเม่ือได้รับความร้อนจนเปลี่ยน
สถานะเป็นแก๊สเรียกว่า การกลายเป็นไอซึ่งมีสองลักษณะได้แก่
การระเหยและการเดอื ด

แก๊สเม่ือสูญเสียความร้อนจนเปล่ียนสถานะเป็นของเหลว
เรียกว่า การควบแน่น และเมื่อของเหลวสูญเสียความร้อนจนเปลี่ยน
สถานะเป็นของแข็งเรียกว่า การแข็งตัว ของแข็งบางชนิดได้รับความ
ร้อนสามารถเปล่ียนสถานะเป็นแก๊สโดยเปล่ียนสถานะเป็นของเหลว
ก่อนเรียกว่า การระเหิด และแก๊สบางชนิดสูญเสียความร้อนสามารถ
เปล่ียนสถานะเป็นของแข็งโดยเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลวก่อน
เรียกว่า การระเหิดกลบั

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. สงั เกตและอธิบายการเปลย่ี นสถานะของสสาร
2. อธิบายการเปลีย่ นแปลงทางกายภาพ

เวลา 5 ช่ัวโมง

วสั ดุ อปุ กรณส์ าหรบั ทากจิ กรรม สอ่ื การเรยี นรู้และแหลง่ เรียนรู้

นาแข็งก้อนเล็ก ๆ ไม้ขีดไฟ ชุดตะเกียงแอลกอฮอล์ 1. หนังสอื เรยี น ป.5 เลม่ 1 หน้า 78-94
ถุงพลาสติกใส ยางรัดของ กระป๋องทรายสาหรับดับไฟ 2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป.5 เล่ม 1 หน้า 85-100
ขวดรูปกรวย นาผลไม้ นาแข็งป่น เกลือแกง อ่างพลาสติก 3. รูปหรอื วดี ิทัศน์เก่ยี วกับการอนุ่ อาหารแช่แขง็
แก้วพลาสติกใสหรือขวดพลาสติก ช้อน บีกเกอร์ขนาด
250 cm3 แผ่นกระดาษแข็งเจาะรู ช้อนตักสารเบอร์ 2
พิมเสน

ฉบบั ปรบั ปรงุ เดอื นมถิ ุนายน 2562 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

197 คูม่ ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยที่ 3 การเปลย่ี นแปลงของสาร

แนวการจดั การเรยี นรู้ (50 นาท)ี

ขนั้ ตรวจสอบความรู้ (5 นาท)ี

1. ครูตรวจสอบความรเู้ ดิมเกี่ยวกับการเปลย่ี นสถานะของสสารโดยให้นกั เรยี น ในการตรวจสอบความรู้ ครู
สังเกตสารที่สามารถเปล่ียนสถานะได้ เช่น นา และนาอภิปรายโดยใช้ เพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียน
คาถามดังนี และยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ แต่
1.1 นกั เรียนคดิ วา่ เมื่อนานาไปแช่ในช่องแชแ่ ข็งในต้เู ย็นเป็นเวลา 1 คนื นา ชักชวนให้นักเรียนไปหาคาตอบ
จะเกดิ การเปล่ียนแปลงอยา่ งไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ) ดว้ ยตนเองจากการอา่ นเนอื เร่อื ง
1.2 การเปล่ียนแปลงที่เกิดขึนเป็นการเปลี่ยนสถานะหรือไม่ อย่างไร และ
เรียกการเปลยี่ นแปลงนนั วา่ อะไร (นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจ) หากนักเรียนไม่สามารถตอบ
1.3 ถ้านานาท่ีเคยอยู่ในช่องแช่แข็งของตู้เย็นออกมาไว้นอกตู้เย็น นักเรียน คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว
คิดว่าจะมีการเปล่ียนแปลงอย่างไร มีการเปล่ียนสถานะเกิดขึนหรือไม่ คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคดิ
และเรยี กการเปล่ียนแปลงนันวา่ อะไร (นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจ) อย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง
อดทน และรบั ฟังแนวความคิดของ
2. ครสู รุปคาตอบของนกั เรียนว่านาท่ีนาไปไวช้ ่องแช่แข็งและท่ีนาออกจากช่อง นักเรยี น
แช่แข็งมาไว้นอกตู้เย็นจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึนแล้วเชื่อมโยงสู่การเรียน
เร่ืองการเปล่ียนสถานะว่าสารอ่ืน ๆ จะเกิดการเปลี่ยนสถานะหรือไม่
อย่างไรซึ่งจะได้เรียนรู้จากการอ่านเรื่องการเปลี่ยนสถานะหน้า 78-79 และ
จากการทากิจกรรม

ข้ันฝกึ ทกั ษะจากการอา่ น (35 นาท)ี

3. นักเรียนอ่านชื่อเร่ือง และคิดกอ่ นอา่ น ในหนงั สือเรียนหน้า 78 แลว้ รว่ มกัน
อภิปรายในกลุ่มเพ่ือตอบคาถามคิดก่อนอ่านตามความเข้าใจของกลุ่ม ครู
บันทึกคาตอบของนักเรียนบนกระดานเพ่ือใช้เปรียบเทียบคาตอบหลังจาก
การอา่ นเนือเรอ่ื ง

4. นักเรียนอ่านคาสาคัญ ทังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หากนักเรียนอ่าน
ไม่ได้ ครูควรสอนอ่านให้ถูกต้อง) จากนันนักเรียนร่วมกันอภิปราย
ความหมายของคาสาคัญตามความเข้าใจ ครูชักชวนให้นักเรียนหา
ความหมายของคาจากการอา่ นเนือเร่ือง

5. นักเรียนอ่านเนือเรื่องในหนังสือเรียนหน้า 79 โดยครูฝึกทักษะการอ่านตาม
วิธีการอ่านท่ีเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน ครูใช้คาถามเพื่อ
ตรวจสอบความเข้าใจจากการอ่าน ดงั นี
5.1 สสารมีสถานะ อะไรบา้ ง (สสารมีสถานะของแขง็ ของเหลวและแก๊ส)
5.2 การเปลี่ยนแปลงใดบ้างเป็นการเปล่ียนสถานะของสสารและเกิดขึนได้
อย่างไร (ของเหลวในอาหารเปล่ียนเป็นของแข็ง เกิดขึนเม่ือทาให้
ของเหลวนนั เยน็ ลงหรือสูญเสียความร้อน ของแขง็ ในอาหารเปล่ียนเป็น
ของเหลวเกดิ ขึนเม่อื ไดร้ ับความร้อน)

 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรบั ปรงุ เดอื นมถิ ุนายน 2562

คมู่ ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 3 การเปลี่ยนแปลงของสาร 198

5.3 การเปล่ียนสถานะเป็นการเปลย่ี นแปลงทางกายภาพหรอื ไม่ เพราะเหตุ การเตรยี มตัวล่วงหน้าสาหรบั ครู
ใด (เป็นการเปล่ียนแปลงทางกายภาพเพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ เพือ่ จดั การเรยี นรใู้ นครง้ั ถัดไป
เกิดสารใหม่)
ในครังถัดไป นักเรียนจะได้ทา
5.4 การเปล่ียนสถานะของสสารหมายถึงอะไร (การเปล่ยี นสถานะของสสาร กิจกรรมท่ี 1.1 นาแข็งมีการเปลี่ยน
หมายถึงการเปลี่ยนแปลงของสสารที่เปล่ียนจากสถานะหน่ึงไปเป็นอีก สถานะอยา่ งไร ครูตอ้ งเตรียมชุดอุปกรณ์
สถานะหนง่ึ ) ต่อนักเรียน 1 กลุ่ม ดังต่อไปนี นาแข็ง
ก้อนเล็ก ๆ ชุดตะเกียงแอลกอฮอล์
ข้ันสรปุ จากการอ่าน (10 นาท)ี ขวดรูปกรวย ถุงพลาสติกใส ยางรัดของ
กระป๋องทรายดับไฟสาหรับดบั ไฟ
6. นักเรียนร่วมกันสรุปเรื่องท่ีอ่านซึ่งควรสรุปได้ว่าสสารรอบตัวเรามีสาม
สถานะ สสารเปล่ียนจากสถานะหนึ่งไปเป็นอีกสถานะหน่ึงเม่ือสสารได้รับ ครูเตรียมนาแข็งก้อนเล็ก ๆ
หรือสูญเสียความร้อน สสารที่เปลี่ยนสถานะแล้วยังคงเป็นสารเดิม ขนาดประมาณเท่ากับเมล็ดถ่ัวลิสงและ
การเปลยี่ นสถานะจงึ จดั เปน็ การเปลีย่ นแปลงทางกายภาพ ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ใช้เพียง 1 กอ้ น

7. นักเรยี นตอบคาถาม รูห้ รอื ยงั ในแบบบันทกึ กิจกรรม หนา้ 85
8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือเปรียบเทียบคาตอบของนักเรียนในรู้

หรือยังกับคาตอบที่เคยตอบและบันทึกไว้ในคิดก่อนอ่าน รวมทังแก้ไข
คาตอบให้ถูกต้อง
9. ครชู ักชวนนักเรยี นลองตอบคาถามท้ายเรื่องทอ่ี ่านวา่
นอกจากของเหลวในอาหาร สารอื่น ๆ สามารถเปล่ียนสถานะได้หรือไม่
อยา่ งไร ครูบนั ทึกคาตอบของนักเรียนบนกระดาน โดยยงั ไม่เฉลยคาตอบแต่
ชักชวนใหน้ กั เรยี นหาคาตอบจากการทากิจกรรม

ฉบับปรบั ปรงุ เดอื นมถิ ุนายน 2562 สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

199 คมู่ อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 3 การเปลีย่ นแปลงของสาร

แนวคาตอบในแบบบนั ทึกกจิ กรรม

 ของเหลวในอาหารเปล่ียนเป็นของแขง็ เกดิ ข้นึ เมอ่ื ของเหลวสญู เสีย
ความร้อนจากการทาให้ของเหลวเย็นลง

 ของแข็งในอาหารเปล่ียนเป็นของเหลว เกิดข้ึนเมื่อของแขง็ ได้รบั
ความรอ้ น

 ของเหลวในอาหารแห้งแสดงว่าของเหลวเปลี่ยนเป็นแก๊ส เกิดข้นึ เมอ่ื
ของเหลวได้รบั ความรอ้ น

การเปลี่ยนสถานะเปน็ การเปล่ียนแปลงทางกายภาพเพราะเปน็
การเปลี่ยนแปลงท่ไี ม่มสี ารใหม่เกดิ ขึน้ สารก่อนและหลัง
การเปล่ียนแปลงเปน็ สารเดิมแต่มสี ถานะตา่ งกนั

 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรับปรุง เดอื นมถิ นุ ายน 2562

คมู่ ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 การเปลย่ี นแปลงของสาร 200

กิจกรรมท่ี 1.1 นา้ แขง็ มกี ารเปลีย่ น

สถานะอย่างไร

กิจกรรมนีนักเรียนจะได้สังเกตและอธิบายการเปลี่ยน
สถานะของนาแขง็

เวลา 1 ช่ัวโมง
จุดประสงค์การเรียนรู้

ทากิจกรรมนีเพื่อสังเกตและอธบิ ายการเปลย่ี นสถานะของนาแข็ง

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

S1 การสังเกต
S5 การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ
S6 การจดั กระทาและสือ่ ความหมายข้อมูล
S8 การลงความเห็นจากข้อมูล
S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ

ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21

C4 การสื่อสาร

C5 ความรว่ มมอื สื่อการเรยี นรู้และแหลง่ เรียนรู้

C6 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร 1. หนังสือเรียน ป.5 เล่ม 1 หนา้ 80-83

วัสดุ อปุ กรณ์สาหรบั ทากจิ กรรม 2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป.5 เล่ม 1 หนา้ 86-89

สงิ่ ทตี่ ้องเตรียม 3. ตัวอย่างวดี ิทัศน์ปฏบิ ัติการวิทยาศาสตร์สาหรบั ครู

สง่ิ ท่คี รูต้องเตรียม/กลุ่ม เร่ืองการหลอมเหลว การกลายเปน็ ไอและ
1. ขวดรูปกรวย ขนาด 250 cm3 2 ใบ
การควบแนน่ เปน็ อยา่ งไร
2. ยางรดั ของ 1 วง

3. ชดุ ตะเกียงแอลกอฮอล์ 1 ชุด

4. ไมข้ ีดไฟ 1 กลกั

5. ถุงพลาสติกใส ขนาด 5 นวิ x 8 นิว 1 ถงุ

6. นาแข็งก้อนเล็ก ๆ ประมาณเมล็ดถัว่ ลิสง 1-2 ก้อน

7. กระป๋องทรายสาหรบั ดับไฟ 1 กระป๋อง http://ipst.me/8926

8. เว็บไซต์ทเี่ ก่ียวกับการเปล่ียนสถานะของสสาร

9. หนงั สอื ที่มีเนือหาเกีย่ วกบั การเปลีย่ นสถานะของสสาร

10. แผนภาพการเปลี่ยนสถานะของสสาร

สงิ่ ที่ครตู อ้ งเตรียม/คน

-

ส่ิงทน่ี ักเรียนต้องเตรยี ม/กลมุ่

-

ฉบับปรบั ปรงุ เดอื นมิถนุ ายน 2562 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

201 คู่มือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 3 การเปลยี่ นแปลงของสาร

แนวการจดั การเรยี นรู้ ใ น ก า ร ต ร ว จ ส อ บ ค ว า ม รู้
ครูรับฟังเหตุผลของนักเรียนเป็น
1. ครูตังบกี เกอร์ทใี่ ส่นาแข็งบนโต๊ะแล้วถามนักเรียนว่า นาแข็งมีสถานะ สาคัญ ครูยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ
อะไร และเมื่อวางนาแข็งไว้จะเกิดการเปล่ียนแปลงหรือไม่ อย่างไร แต่ชักชวนให้หาคาตอบที่ถูกต้อง
นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง ครูจดบันทึกคาตอบของ จากกิจกรรมตา่ ง ๆ ในบทเรียนนี
นักเรียนแต่ยังไม่เฉลยคาตอบท่ีถูกต้อง แล้วชักชวนให้นักเรียนค้นหา
คาตอบจากการทากิจกรรมที่ 1.1

2. นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรมและ ทาเป็นคิดเป็น จากนันครูตรวจสอบ
ความเข้าใจของนกั เรียน โดยอาจใชค้ าถามดังนี
2.1 กิจกรรมนีนักเรียนจะได้เรียนเก่ียวกับเร่ืองอะไร (เรียนเกี่ยวกับ
การเปลีย่ นสถานะของนาแข็ง)
2.2 นักเรียนจะเรยี นเรอ่ื งนดี ้วยวิธีใด (การสังเกต)
2.3 เม่ือเรียนแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (อธิบายการเปลี่ยนสถานะ
ของนาแข็ง)

3. นักเรียนบันทึกจุดประสงค์ของกิจกรรมในแบบบันทึกหน้า 86 และ
อ่านส่ิงที่ต้องใช้ ครูนาอุปกรณ์ที่ใช้ในกิจกรรมซ่ึงบางอย่างนักเรียน
อาจไม่รู้จักมาแสดงให้นักเรียนดู เช่น ขวดรูปกรวย โดยอธิบายและ
ทาความเขา้ ใจเกยี่ วกับอปุ กรณ์นนั ๆ

4. นักเรียนอ่านทาอย่างไร โดยครูฝึกอ่านตามความเหมาะสมกับ
ความสามารถของนักเรียน จากนันร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปขันตอน
การทากจิ กรรม ครตู รวจสอบความเขา้ ใจขนั ตอนการทากิจกรรมโดย
ใชค้ าถามดังนี
4.1 นกั เรยี นต้องคาดคะเนอะไรบ้าง (คาดคะเนว่าจะเกดิ อะไรขึนกับ
นาแข็งในขวดรูปกรวยเมื่อวางไว้สักครู่ เมื่อนาไปให้ความร้อน
ด้วยชุดตะเกียงแอลกอฮอล์และหลังจากดับไฟแล้ววางไว้ 2
นาท)ี
4.2 หลังจากบันทึกผลการคาดคะเนแล้ว นักเรียนต้องทาอย่างไร
ต่อไป (ทากิจกรรมเพื่อตรวจสอบการคาดคะเนโดยนานาแข็ง
ก้อนเล็ก ๆ 1-2 ก้อนบรรจุในขวดรูปกรวย และครอบปากขวด
ด้วยถุงพลาสติกรัดให้แน่นด้วยยางรัดของ สังเกตสิ่งท่ีเกิดขึน
บันทกึ ผล)
4.3 เม่ือไม่เห็นก้อนนาแข็งเหลืออยู่ในขวดรูปกรวยต้องทาอย่างไร
ต่อไป (นาขวดรูปกรวยไปให้ความร้อนโดยตังไฟอ่อนๆ
ประมาณ 3 นาที สังเกตสงิ่ ท่ีเกิดขนึ อยา่ งละเอยี ด บนั ทกึ ผล)

 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรับปรงุ เดอื นมิถุนายน 2562

ค่มู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 3 การเปลี่ยนแปลงของสาร 202

4.4 หลังจากดับไฟแล้ว นักเรียนต้องทาอย่างไร (หลังจากดับไฟ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะ
สังเกตสิ่งท่ีเกิดขึนภายในขวดรูปกรวยและภายในถุงพลาสติก แห่งศตวรรษท่ี 21 ท่ีนักเรียนจะได้ฝึกจากการ
จนถึงประมาณ 2 นาที บันทกึ ผล) ทากิจกรรม

4.5 นักเรียนต้องทาอย่างไรต่อไป (อภิปรายการเปลี่ยนสถานะของ S1 การสงั เกตการเปลย่ี นแปลงของนาแขง็
นาแข็ง และสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับการเปล่ียนสถานะที่เกิดขึนใน และนา
แตล่ ะชว่ งเรยี กวา่ อะไร) S5 การหาความสมั พนั ธ์ระหว่างสเปซกบั สเป
ซจากการสังเกตการเปลยี่ นแปลงรูปร่างสาร
5. ครูเตือนให้นักเรียนระมัดระวังเร่ืองความปลอดภัยในการใช้ ในภาชนะ (1) การเปลย่ี นรูปร่างของนาแข็ง
ตะเกียงแอลกอฮอล์ และดับก้านไม้ขีดไฟลงในกระป๋องทราย ไม่ กับรปู รา่ งของนา (2) การเปล่ยี นรปู รา่ งของ
สัมผัสขวดรูปกรวยขณะยังร้อนอยู่ พร้อมทังกาชับนักเรียนให้ดับ นากบั รูปรา่ งของไอนาในภาชนะ
ตะเกียงแอลกอฮอล์ทันทีเม่ือสังเกตสารในภาชนะเสร็จแล้ว 91 ครู S6 การจัดกระทาและสือ่ ความหมายข้อมูล
ควรแสดงวิธีการระบชุ ่ือแหล่งข้อมลู ท่ีสบื ค้นและยาให้นักเรียนบันทึก จากการบรรยายและวาดรปู ลักษณะของ
แหล่งข้อมูลทกุ ครงั นาแข็ง นาและไอนาในภาชนะ
S8 การลงความเห็นจากข้อมูลจากการ
6. ครอู าจช่วยเขียนสรุปขันตอนการทากจิ กรรมข้อ 4.1-4.5 บนกระดาน สงั เกตลักษณะของสารขณะเกดิ การ
ครูยาแนวทางในการสังเกตส่ิงต่าง ๆ ควรสังเกตให้ละเอียดมากที่สุด เปลี่ยนแปลง เช่น บอกไดว้ ่ามีไอนาเกดิ ขนึ
ตัวอย่างเช่น การสังเกตก้อนนาแข็ง ควรสังเกตให้ได้ข้อมูลต่าง ๆ ให้ ในถุงพลาสติกที่พองขนึ และนาขอ้ มลู มา
ได้มากทสี่ ุด เช่น สี ขนาด รูปรา่ งของกอ้ นนาแขง็ จานวนกอ้ นนาแข็ง ระบสุ ถานะของสารท่เี ปลีย่ นแปลง
ระยะเวลาท่ีก้อนนาแข็งเกิดการเปล่ียนแปลงจนหมด ขณะที่นาแข็ง C4 การสือ่ สารจากการพดู เขียนบรรยาย
เลก็ ลง เกดิ อะไรขึนบ้าง เกยี่ วกบั การเปลย่ี นสถานะของนาแขง็
C5 ความรว่ มมือจากการทางานร่วมกันใน
7. เมอ่ื ตรวจสอบนักเรยี นจนเข้าใจวธิ ีการทากิจกรรมในทาอย่างไร แลว้ กลมุ่
ครแู จกวสั ดุอุปกรณ์ และนักเรยี นเร่มิ ทากิจกรรมตามขนั ตอน C6 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ
สอื่ สารจากการใชอ้ ินเทอร์เนตสบื ค้นการ
8. หลังจากทากิจกรรมแล้ว ครูสุ่มตัวแทนนักเรียนนาเสนอผลการทา เปล่ียนสถานะของสสาร
กิจกรรมโดยอาจบันทึกผลในตารางที่ครูเขียนไว้บนกระดาน หรือใช้
เคร่ืองฉายแผ่นทึบฉายแบบบันทึกของนักเรียนขึนจอให้นักเรียนร่วม
ตรวจสอบผลการทากิจกรรมว่าได้ผลที่ถูกต้องหรือไม่และอภิปราย
สาเหตทุ ท่ี าให้ผลการทากจิ กรรมคลาดเคลือ่ น

9. ครูนาอภิปรายผลการทากิจกรรมที่นักเรียนนาเสนอ โดยใช้คาถาม
ดงั นี
9.1 เกิดอะไรขึนเม่ือวางนาแข็งในขวดรูปกรวยไว้สักครู่และเรียก
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึนว่าอะไร (เมื่อวางนาแข็ง 1-2 ก้อนไว้
นาแข็งมีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆและมีนาท่ีก้นภาชนะปริมาณมาก
ขึนเร่ือย ๆ เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 5 นาที นาแข็งจะ
เปลยี่ นเปน็ นาทงั หมด เรยี กการเปล่ียนแปลงจากนาแขง็ เปน็ นา
นีวา่ การหลอมเหลว)
ถ้านักเรยี นตอบไม่ได้ ครูให้ความรู้เพ่มิ เติมว่าการเปล่ียนสถานะ
จากของแข็งเปน็ ของเหลว เรียกวา่ การหลอมเหลว

ฉบบั ปรับปรุง เดอื นมิถุนายน 2562 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

203 คู่มือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 3 การเปลี่ยนแปลงของสาร

หมายเหตุ เวลาท่ีนาแข็งใช้ในการเปลยี่ นเป็นนาจนหมดทังก้อน หากนักเรียนไม่สามารถ
ขนึ อยกู่ ับขนาดของก้อนนาแขง็ ตอบคาถามหรืออภิปรายได้ตาม
9.2 เมอื่ นานาในขวดรูปกรวยไปใหค้ วามรอ้ น แนวคาตอบ ครูควรให้เวลา
- เกิดการเปล่ียนแปลงอย่างไร (เมื่อให้ความร้อนแก่นาใน นักเรียนคิดอย่างเหมาะสม รอ
คอยอย่างอดทน และรับฟัง
ขวดรูปกรวย นารอ้ นขึน มฟี องแก๊สผุดขนึ จากกน้ ขวด นาที่ แนวความคิดของนกั เรยี น
ก้นภาชนะ มีปริมาณน้อยลงๆ จนหมดไป ถุงพลาสติกพอง
ขึน) ขอ้ เสนอแนะเพมิ่ เตมิ
- นักเรียนคิดว่านาท่ีมีปริมาณน้อยลงเป็นเพราะนาหายไป
จากขวดรูปกรวยใช่หรือไม่ รู้ได้อย่างไร (ไม่ใช่ เพราะ ครูควรสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการ
ขวดรูปกรวยมีถุงพลาสติกครอบอยู่และรัดด้วยยางรัดของ เปลี่ยนสถานะของสสารจากเว็บไซต์ท่ี
ทาใหน้ าออกจากขวดรูปกรวยไมไ่ ด)้ น่าเช่ือถือไว้ล่วงหน้าประมาณ 3-4 เว็บไซต์
- นักเรียนคิดว่าเพราะเหตุใดนาจึงมีปริมาณน้อยลง (นา และแนะนานักเรียนให้สืบค้นข้อมูลจาก
เปลยี่ นแปลงเปน็ สารท่มี องไม่เห็น) เว็บไซตท์ ่ีนา่ เชอ่ื ถือ
- ถา้ นาไมห่ ายไปจากขวดรูปกรวย แล้วนาเปลีย่ นเปน็ สถานะ
ใด รู้ได้อย่างไร (นาเปลี่ยนสถานะเป็นแก๊ส สังเกตได้จาก
ถุงพลาสติกท่ีครอบปากขวดรูปกรวยพองขึน การที่
ถุ ง พ ล า ส ติ ก พ อ ง ขึ น แ ส ด ง ว่ า น่ า จ ะ มี ส า ร อ ยู่ ภ า ย ใ น
ถงุ พลาสตกิ ที่พองนนั ซงึ่ น่าจะเป็นแก๊ส)
- การท่ีนาเปล่ียนไปเป็นไอนาเรียกว่าอะไร (เรียกการ
เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึนวา่ การกลายเป็นไอ)
ถ้านักเรียนตอบไม่ได้ ครูให้ความรู้เพิ่มเติมว่าการเปล่ียน
สถานะจากของเหลวเป็นแก๊สเรียกว่าการกลายเป็นไอซึ่งมี
2 ลักษณะคือการระเหย และการเดือด การระเหยจะเกิด
บริเวณผิวของของเหลว ส่วนการเดือดจะเกิดได้ทุกส่วน
ของของเหลว
- นักเรียนคิดว่าขณะท่ีนาเดือดเกิดเป็นฟองแก๊ส สารที่อยู่ใน
ฟองแกส๊ คอื อะไร (นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจ)
ครูให้ความรู้เพ่ิมเติมว่า สารที่อยู่ในฟองแก๊สมีสารเพียง
ชนิดเดยี วคือไอนาซึ่งเป็นนาในสถานะแก๊ส สารที่อยใู่ นฟอง
แก๊สไมใ่ ช่อากาศหรอื แกส๊ ออกซิเจน
- นาเปลี่ยนเป็นไอนาเก่ียวข้องกับความร้อนอย่างไร (นา
เปลี่ยนเป็นไอนาเกี่ยวข้องกับความร้อน โดยนาจะได้รับ
ความร้อนเพม่ิ ขึนจนเปล่ียนสถานะเป็นไอนาได้)
9.3 เมื่อดับตะเกียงและตงั ขวดรปู กรวยไว้สกั ครู่

 สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรบั ปรุง เดอื นมิถุนายน 2562

คมู่ อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 การเปลยี่ นแปลงของสาร 204

- สารท่ีอยใู่ นขวดรูปกรวย เกิดการเปลีย่ นแปลงอย่างไร (สาร

ท่ีอยู่ในขวดรูปกรวยเปล่ียนเป็นฝ้าสีขาวอยู่ในถุงพลาสติก

และมีหยดนาเกาะท่ีผิวด้านในของถุงพลาสติก ถุงพลาสติก

แฟบลง)

- ฝา้ สขี าวทีเ่ กิดขึนคืออะไร (นาในสถานะของเหลว)

- นาในสถานะของเหลว เช่น ละอองนาและหยดนาเกิดขึน

ได้อย่างไร ((ไอนาสูญเสียความร้อนไปถึงระดับหนึ่ง

จนกระทั่งควบแน่นเป็นละอองนา เมื่อละอองนารวมตัวกัน

ก็จะกลายเป็นหยดนา)

- การเปล่ยี นแปลงนีเรยี กวา่ อะไร (การเปลีย่ นแปลงนีเรียกว่า

การควบแน่น)

ถ้านักเรียนตอบไม่ได้ ครูให้ความรู้เพ่ิมเติมว่าการเปล่ียน

สถานะจากแก๊สเปน็ ของเหลว เรยี กว่าการควบแน่น

9.4 สารเม่ือได้รับหรือสูญเสียความร้อนมีผลต่อการเปล่ียนสถานะ การเตรียมตวั ล่วงหนา้ สาหรบั ครู

หรือไม่ อยา่ งไร ยกตวั อยา่ ง (มผี ลต่อการเปล่ยี นสถานะของสาร เพือ่ จัดการเรียนรู้ในคร้ังถัดไป

เช่น นาแข็งเมื่อได้รับความร้อนจะหลอมเหลวเป็นนา และนา

เมอื่ ไดร้ บั ความร้อนจะระเหยและเดือดกลายเปน็ ไอนาเม่ือไอนา ในครังถัดไป นักเรียนจะได้ทา

สญู เสียความรอ้ นจะควบแนน่ เปน็ ละอองนาหรอื หยดนา) กิจกรรมที่ 1.2 นาผลไม้เป็นเกล็ดนาแข็งได้

9.5 เมื่อสารเกิดการเปล่ียนสถานะแล้วจะสามารถกลับมาเป็น อย่างไร ครูเตรียมกระดาษหนงั สือพิมพ์เพือ่
สถานะเดิมได้หรือไม่ อย่างไร (สารสามารถกลับมาเป็นสถานะ รองโต๊ะหรอื ผา้ เช็ดโต๊ะ

เดิมได้ เมื่อทาให้สารได้รับหรือสูญเสียความร้อน ตัวอย่างเช่น

น า แ ข็ ง เ ป ลี่ ย น เ ป็ น น า แ ล ะ น า เ ป ลี่ ย น เ ป็ น ไ อ น า เ ม่ื อ ไ ด้ รั บ

ความร้อน และไอนาเปลี่ยนเป็นนาเหมือนเดมิ เมื่อสูญเสียความ

ร้อน)

10.ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่า สสาร เช่น นา

สามารถเปล่ียนจากสถานะหน่ึงไปเป็นอีกสถานะหนึ่งได้ เมื่อได้รับ

หรือสูญเสียความร้อน การเปลี่ยนแปลงนีเรียกว่าการเปลี่ยนสถานะ

และเม่ือสสารเปลี่ยนสถานะแล้วสามารถเปล่ียนกลับสู่สถานะเดิมได้

เม่อื สสารไดร้ ับหรือสูญเสยี ความร้อน โดยการทาให้สสารรอ้ นขึนหรือ

ทาให้สสารเย็นลง (S13)

11.นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจใช้คาถามเพ่ิมเติม

ในการอภปิ รายเพ่อื ให้ไดแ้ นวคาตอบทถ่ี ูกต้อง

12. นักเรียนสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ในกิจกรรมนี จากนันครูให้นักเรียนอ่าน สิ่งท่ีได้

เรียนรู้ และเปรยี บเทยี บกบั ขอ้ สรุปของตนเอง

13. ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกตังคาถามเกี่ยวกับเร่ืองที่สงสัยหรืออยากรู้เพ่ิมเติม

ใน อยากรู้อีกว่า จากนันครูอาจสุ่มนักเรียน 2 -3 คน นาเสนอคาถามของ

ฉบบั ปรับปรุง เดอื นมิถุนายน 2562 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 

205 ค่มู อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 การเปลยี่ นแปลงของสาร

ตนเองหน้าชันเรียน และให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับคาถามท่ี
นาเสนอ
14. ครูนาอภิปรายเพ่ือให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างและใน
ขนั ตอนใด แล้วบนั ทึกลงในแบบบนั ทกึ กจิ กรรมหนา้ 89

 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบับปรับปรงุ เดอื นมิถนุ ายน 2562

คู่มอื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 การเปลยี่ นแปลงของสาร 206

แนวคาตอบในแบบนั ทกึ กิจกรรม

สังเกตและอธิบายการเปลย่ี นสถานะของนา้ แขง็

คาตอบขึ้นอยู่กบั การ เมอ่ื วางนา้ แข็ง 1-2 กอ้ นไว้
คาดคะเนของนักเรยี น นา้ แข็งแตล่ ะกอ้ นมขี นาดเลก็ ลง
เช่น นา้ แข็งจะค่อยๆ เรอื่ ย ๆ และมีนา้ ทก่ี ้นภาชนะ
หายไป มีของเหลวใส ปรมิ าณมากขน้ึ เร่ือย ๆ เมือ่
เกิดขน้ึ หรือ นา้ แขง็ จะ เวลาผ่านไปประมาณ 5 นาที

หลอมเหลว นา้ แข็งทงั้ กอ้ นจะเปลีย่ นเป็นน้า

คาตอบข้นึ อยู่กับการ มฟี องแกส๊ เกิดขนึ้ นา้ จะมี
คาดคะเนของนกั เรยี น ปรมิ าณนอ้ ยลงๆ เม่ือเวลา
เชน่ น้าจะคอ่ ยๆ หายไป ผ่านไปประมาณ 3 นาทนี ้า
หายไปจนเกือบหมด และ

ถงุ พลาสติกคอ่ ยๆ พองขึ้น

หมายเหตุ

1.เวลาท่นี ้าแข็งเปลี่ยนเปน็ น้าจนหมดทงั้ ก้อนอาจแตกต่างไปจากในตาราง ขนึ้ อยกู่ บั ขนาดของ

กอ้ นนา้ แขง็ ใหน้ กั เรยี นบนั ทึกเวลาตามความเปน็ จริง

2. เวลาท่นี ้าเปลยี่ นเป็นไอน้าจนเกอื บหมดอาจแตกต่างไปจากในตาราง ขน้ึ อยู่กับปริมาณของน้า

และปรมิ าณความร้อนจากไฟของตะเกียงแอลกอฮอล์ ให้นกั เรยี นบนั ทึกเวลาตามความเป็นจริง 
ฉบบั ปรบั ปรงุ เดอื นมิถนุ ายน 2562 สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

207 คูม่ อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 | หน่วยที่ 3 การเปลีย่ นแปลงของสาร

คาตอบข้ึนอยู่กบั การ มีหยดนา้ เกาะท่ีขา้ งขวด มี
คาดคะเนของนักเรยี น ฝา้ สีขาวเกาะที่ผวิ ด้านใน
เช่น มหี ยดน้าเกาะข้าง ถุงพลาสติกและถงุ พลาสติก

ถงุ พลาสติก จะแฟบลง

ของแข็ง ของเหลว
การหลอมเหลว

ของเหลว แก๊ส

การกลายเปน็ ไอซึง่ มีทั้งการระเหยกับการเดอื ด

แกส๊ ของเหลว
การควบแน่น

 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับปรบั ปรุง เดอื นมถิ นุ ายน 2562


Click to View FlipBook Version