The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิทยานิพนธ์ฉบับสมบูรณ์-พระเกริกเกียรติ-ฉบับสมบูรณ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Ampol Chaisaree, 2022-10-17 09:30:05

วิทยานิพนธ์ฉบับสมบูรณ์-พระเกริกเกียรติ-ฉบับสมบูรณ์

วิทยานิพนธ์ฉบับสมบูรณ์-พระเกริกเกียรติ-ฉบับสมบูรณ์

227

ผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญ ทำให้พวกเขาสามารถติดตามแนวคิดทางธรุ กจิ ภายในบริษัทได้ในข้ันต้น หากแผน
ธุรกิจของเขาเป็นไปได้ด้วยดี พนักงานคนนั้นจะออกจากฝ่ายของตนเองแล้วสร้างหน่วยธรุ กิจขึ้นภายใน
บรษิ ทั

4.9. เวลาทำงานในการสร้างนวัตกรรม (Working Time for Innovation) 3M และ Google
เป็นหนึ่งใน บริษัท ที่มีนวัตกรรมมากที่สุด เราทราบข้อมูลวา่ พนักงานทกุ คนใช้เวลาทำงานประมาณ 20
เปอรเ์ ซน็ ตใ์ นการสร้างนวัตกรรมและทำความคดิ สร้างสรรค์ของพวกเขาให้กลายเปน็ จริงจำนวนดังกล่าว
เปน็ เรื่องทส่ี ำคญั จรงิ ๆแล้วคอื การสรา้ งวฒั นธรรมแห่งการสร้างนวตั กรรมมากกวา่ เพราะมนั แสดงให้เหน็
ว่าการสร้างนวัตกรรมในบรษิ ัทสำคัญแค่ไหน อกี ทง้ั ยังสามารถสร้างผลงานทีย่ ิ่งใหญจ่ ากนวตั กรรมได้

4.10. ห้องทดลองของนวัตกรรม (Innovation Labs) ห้องปฏิบัติการนวัตกรรมเป็นผู้คิดค้น
นวัตกรรม ที่แยกออกจากงานประจำทท่ี ำอยู่ทกุ ๆวัน ทรัพยากรที่ใหก้ บั นวัตกรรมไมไ่ ด้ถกู ใชใ้ นการดำเนิน
ธุรกิจในแต่ละวัน กำแพงของความคิดจะไม่ถูกจำกัดเพราะ ทุกอย่างเป็นไปได้และได้รับอนุญาต
หอ้ งปฏิบัติการนวัตกรรมสามารถเปน็ หน่วยนวัตกรรมขององคก์ ร แตย่ งั เป็นสถานที่ที่ทกุ คนสามารถไปใช้
ทรพั ยากรพ้นื ฐานและพัฒนาความคดิ สรา้ งสรรคข์ องพวกเขา หอ้ งปฏิบัติการนวัตกรรมสามารถเป็นหนว่ ย
นวัตกรรมขององค์กร แต่ยังเป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถไปใช้โครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาความคิด
สรา้ งสรรค์ของพวกเขา พวกเขาสามารถเขา้ หอ้ งออกแบบ ใชเ้ ครอ่ื งมือ เช่นเคร่ืองพิมพ์ 3 มิตแิ ละ การฝึก
ปฏิบัตกิ ็มีไว้สำหรบั การพัฒนาความคดิ และการสร้างอปุ กรณต์ น้ แบบ

10 มาตรการในการสร้างวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรมมีหลายวิธีในการปรับแต่งวัฒนธรรมของ
นวัตกรรมใหไ้ ดผ้ ลจริง วิธเี หล่าน้จี รงิ ๆแล้วไมไ่ ดต้ อ้ งการทุนมหาศาลหรอื แผนระยะหา้ ปีรว่ มกับตัวช้วี ัดรอ้ ย
ตวั เรอ่ื งนส้ี ามารถเร่มิ ได้จากสงิ่ เลก็ ๆ คอ่ ยๆเก็บเกย่ี วผลผลติ ไปเรือ่ ยๆก็ได้

โปรดทบทวนตัวเอง แล้วตอบในใจวา่ ท่านเขา้ ใจแนวทางการพัฒนาของทกั ษะเชงิ
นวัตกรรม ตามทศั นะของ Hengsberger ว่าอย่างไร ?

……………………………………………………………………………………………..............................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................

228

5. Jonathan เสนอแนะ 8 กลยุทธ์งา่ ย ๆ ในการพฒั นานวตั กรรม เพื่อสร้างความคดิ สร้างสรรค์
คุณ นักนวัตกรรมคนดงั ไดใ้ หข้ ้อเสนอแนะไวด้ ังนี้

5.1. อย่าคิดว่าความสำเร็จของคุณเป็นเรื่องของโชค (Don’t Think your Success is a
Matter of Luck) อุปสรรคสำคัญคือการคดิ ว่าความสำเร็จของคณุ จะเป็นเรอื่ งเกย่ี วกับโชค ในการทำงาน
ระดบั สูง คณุ ตอ้ งทง้ิ ความสภุ าพและพูดกบั ตัวเองว่า“ ใช่ฉนั อยากจะทำส่งิ ท่ีย่งิ ใหญ”่ ปาสเตอร์เคยกล่าว
ว่า“ โชคจะช่วยเหลือจิตใจที่มีความพรอ้ มเท่านั้น” สุดท้ายแล้วจิตใจทีม่ ีความพร้อมจะพบเจอบางอย่าง

และลงมือทำในทีส่ ุด ลักษณะทด่ี ขี องคนทย่ี ง่ิ ใหญ่คือ“ เมือ่ พวกเขายงั เดก็ พวกเขามคี วามคิดอิสระและมี
ความกลา้ ท่ีจะไล่ตามความคดิ ความฝนั ของพวกเขา” เขากล่าวว่า:“ เมือ่ คณุ กล้าและเชอ่ื ว่าคณุ สามารถทำ
สิ่งที่ยิ่งใหญไ่ ด้ คุณก็จะทำได้”บทเรียน: เตรียมใจของคุณให้พร้อมเมือ่ โอกาสท่ีโชคดีมาถึง ใช้ประโยชน์

จากมัน มคี วามกล้าท่จี ะไล่ตามความคิดอิสระของคุณ และคณุ ต้องซ่อื สตั ย์กบั ตัวเอง
5.2. ปลูกเมล็ดขนาดเล็กๆที่อาจจะเป็นต้นไม้ท่ียิ่งใหญ่ (Plant Many Small Seeds from

Which a Mighty Oak Tree can Grow) บางครงั้ นกั วิทยาศาสตรล์ ม้ เหลวเพราะพวกเขารู้สกึ ว่าพวกเขา

เจอกับปญั หาที่เลก็ เกินไป เขากลา่ วถงึ Claude Shannon หลงั จากประดิษฐท์ ฤษฎีสารสนเทศสมัยใหม่
มีชื่อเสียงมากข้ึน นั่นทำลายอาชพี ของเขา เพราะว่านักวทิ ยาศาสตร์ส่วนใหญล่ ะเลยที่ใส่ใจกับต้นไมต่ ้น
เล็กๆทจี่ ะเตบิ โตไปเปน็ ต้นไม้ใหญ่ พวกเขาอยากจะประสบความสำเร็จทนั ที ซงึ่ นนั่ ไมใ่ ช่แนวทางทถี่ ูกตอ้ ง

บทเรียน: จำไวเ้ สมอว่าต้องทำงานกบั ปัญหาเล็ก ๆ แต่หลากหลาย เพราะคุณไมเ่ คยรวู้ า่ สงิ่ ใดท่ีจะ
เติบโตไปสู่แนวคิดที่ยิ่งใหญช่ ิ้นตอ่ ไป “คุณไม่รู้หรอกว่าต้องไปยืนอยู่จุดไหน คุณเพียงแค่ทำงานหนักใน
สถานทีซ่ ง่ึ อาจมีบางสิง่ ที่ดเี กดิ ขน้ึ ”

5.3 ลองพลิกแพลงปัญหาของคุณ เปลี่ยนข้อบกพร่องให้เป็นสินทรัพย์ (Turn your Problem
Around. Change a Defect into an Asset) นักวทิ ยาศาสตร์ที่ย่ิงใหญม่ กั จะสามารถเปลย่ี นข้อบกพรอ่ ง
ให้กลายเป็นสินทรัพย์ด้วยการเปล่ียนแนวคดิ หรือพลิกแพลงวธิ ีคดิ Hamming อธิบายที่ Bell Labs ว่า
เขาไมต่ อ้ งการเจา้ หน้าทีท่ ่ีเปน็ มนษุ ยม์ าเขียนโปรแกรมให้กบั คอมพิวเตอร์ ในขณะทบ่ี ริษัทอื่นๆพรอ้ มจะสง่
พนกั งานให้กับเขา แต่เขารูส้ กึ วา่ พนักงานที่ Bell Labs นา่ ตน่ื เตน้ อยู่แลว้ จากข้อจำกดั น้ี ทำให้เขาเข้าใจ
ว่าเครื่องจักรอาจเขียนโปรแกรมเองได้ ซึ่งนั่นทำให้เขาก้าวเข้าสู่การสร้างระบบอัตโนมัตได้อย่างรวดเร็ว
เขาอาจไม่จำเปน็ ตอ้ งเข้าใจเร่อื งที่ต้องทำ เขาตอ้ งการเพยี งแค่สภาพการทำงานในอุดมคติเท่านน้ั

บทเรียน: นกั วทิ ยาศาสตร์หลายคนเมอ่ื พวกเขาไม่สามารถแก้ปญั หาได้ พวกเขาเร่ิมตั้งคำถามว่า
ทำไมถึงแก้ไม่ได้ และหลังจากนั้นการค้นพบก็ตามมา สภาพการทำงานในอุดมคตินั้นจริงๆแล้วเป็นส่ิง
แปลกใหม่ ส่ิงท่ีคุณต้องการไมใ่ ชส่ ิ่งทดี่ ที ่สี ุดสำหรบั คณุ เสมอไป

5.4. ความรู้และผลผลิตเป็นเหมือนดอกเบี้ยทบต้น (Knowledge and Productivity are Like
Compound Interest) เมอื่ เขาเข้าร่วมกบั เบลล์แล็บสค์ ร้ังแรก เขาไดพ้ บกับนักคณติ ศาสตร์ จอห์น ทูกี้ ผู้
เกง่ กาจ เขารสู้ กึ วา่ เขาไม่สามารถเทียบกับอัจฉริยะผู้นี้ไดเ้ ลย เขาถามหัวหนา้ เขาว่า “มีใครที่อายุเท่าเขา
แตม่ ีความรูม้ ากกว่าเขาไหม” เจา้ นายของเขาตอบวา่ :“ คุณจะประหลาดใจสำหรับสงิ่ ท่คี ณุ จะรหู้ ากทำงาน

229

แบบทเี่ ขาทำในรอบหลายปที ่ีผ่านมา” จากนัน้ เขากเ็ ขา้ ใจ: ความรแู้ ละผลผลิตเปน็ เหมอื นดอกเบ้ียทบต้น
“ เนื่องจากคนสองคนหากมีความสามารถเท่ากัน คนหนึ่งที่ทำงานมากกว่าอีกคนสิบเปอร์เซ็นต์อย่าง
ต่อเนื่องตลอดเวลา คนหลังน้ีจะผลติ ผลงานออกมาได้มากกวา่ สองเท่าในเวลาตอ่ มา”

5.5. คน้ หาบุคคลสำคัญและปัญหาทสี่ ำคญั จดจอ่ ความคิดของคณุ ไว้ท่พี วกเขา (Find Important
People and Problems. Focus your Mind on Them) เขาจะตามหาคนที่จะไปกินข้าวกลางวันด้วย
ในหลายๆสาขา ตัวอย่างเช่นเขากินข้าวที่โตะ๊ สาขาฟิสิกส์เพราะที่โต๊ะคณิตศาสตร์เขาไม่ได้เรียนรู้อะไร
มากมาย จากนั้นเขากเ็ รมิ่ ไปกนิ ขา้ วท่โี ต๊ะเคมีและถามพวกเขาวา่ "อะไรคอื ปญั หาสำคญั ของสาขาของคณุ "
และ“ คณุ กำลังทำงานกบั ปัญหาที่สำคัญเกี่ยวกับอะไรอยู”่ พวกเขาไมส่ ามารถตอบเขาได้และเขาก็ไม่ได้
ไปกินข้าวด้วยอกี เมื่อคุณต้องการแก้ปัญหาที่ยาก“ อย่าปล่อยให้สิง่ ใดเปน็ จุดศูนย์กลางความสนใจของ
คุณ ... รักษาความคิดของคุณไวก้ บั ปัญหาให้แน่วแน่ รกั ษาจติ ใตส้ ำนกึ ของคุณเพื่อแก้ไขปัญหาของคุณ
คุณสามารถนอนหลับและไดร้ ับคำตอบในตอนเช้า "

บทเรียน: ค้นหาผู้คนที่มีพลังอยู่เสมอ เพราะพวกเขาสามารถช่วยคุณค้นหาปัญหาสำคัญท่ี
ต้องการแก้ไข เม่อื คณุ ทำงานกบั ปัญหาทส่ี ำคญั อยา่ ปลอ่ ยให้สง่ิ ใดมารบกวนคุณ ความมงุ่ มัน่ เปน็ สงิ่ จำเปน็
สำหรับงานทีย่ งิ่ ใหญ่

5.6. เตรียมจิตใจให้พร้อมสำหรับโอกาส (Prepare your Mind for Opportunity) เมื่อคุณพบ
ปญั หาแล้ว คณุ ต้องตดั สินใจว่าปัญหาใดท่คี ณุ จะเรมิ่ จัดการกับมนั ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ในช่วงเวลาหนึ่ง
นักวิทยาศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมมีปัญหาที่ต้องการการแก้ไขประมาณ สิบถึงยี่สิบเรื่อง ดังนั้นพวกเขาต้อง
ตดั สินใจว่าจะเร่ิมจากเรอ่ื งไหนกอ่ น

5.7. ทำงานแบบเปิดใจตลอดเวลา คุณจะรู้เองว่าสิ่งใดสำคัญ (Work with the Door Open.
You will Sense What is Important) หากคุณปิดประตูห้องทำงานของคุณ คุณจะทำงานได้มากข้นึ ท้ัง
ในวันน้แี ละพรงุ่ น้ี และคณุ จะมปี ระสทิ ธผิ ลมากกว่าคนส่วนใหญ่ แต่สบิ ปีต่อมา คุณก็ยังไมร่ ูว้ า่ ปัญหาอะไร
ที่คุ้มค่ากับการลงแรงทำงานของคุณ เขารู้สึกว่าคนที่มี“ เปิดประตูทิ้งไว้” มักจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าใน
ขณะท่ีคนท“่ี ปิดประต”ู มักจะทำงานหนกั ข้นึ ในทิศทางทผ่ี ดิ เขาแนะนำวา่ ทกุ ๆเจด็ ปีลองสร้างส่ิงใดส่ิง
หนึ่งที่มีความหมาย หากไม่สำเร็จให้ลองเปลี่ยนสาขาดูเพื่อให้รู้สึกว่ามีพลังสำหรับสิ่งใหม่ๆ เขาเล่าถงึ
เพ่อื นร่วมงานที่ใชเ้ วลาในการอ่านวารสารวิจัยในห้องสมดุ “ถ้าคณุ อ่านหนังสือแล้วคุณจะพบว่าผคู้ นทำใน
ส่ิงท่ีเขาคดิ ถา้ หากอยากไดค้ วามคดิ ทแี่ ตกตา่ ง ลองดูสงิ่ ท่คี นมคี วามสรา้ งสรรคท์ ำสิ” มองปัญหาท่ีสำคัญ
เป็นหลัก อยา่ มองทีเ่ ร่อื งอื่นๆ มองปัญหาให้กระจา่ ง แลว้ หาวธิ ีจดั การกับมัน

5.8. รวู้ ่าเมอ่ื ไหร่ต้องทำงานเป็นระบบ และร้วู ่าเม่ือไหร่ตอ้ งทำงานแบบโดดเดี่ยว (Know When
to Work with the System, and When to Go it Alone) หากคณุ ทำงานคนเดยี วคณุ จะไปใหไ้ กลทสี่ ดุ
เท่าที่คนหนึง่ จะทำได้ หากคุณทำงานกับระบบบางครั้งคุณสามารถใช้ระบบเพื่อเอื้อประโยชน์ให้คุณได้
Hamming กล่าววา่ “ นักวทิ ยาศาสตร์ทด่ี ีจะต่อส้กู ับระบบมากกวา่ เรียนรู้ท่ีจะทำงานกบั ระบบ” สว่ นใหญ่
แลว้ การทำงานคนเดียวมักจะเกิดปัญหาเรอ่ื งอตั ตาและบกุ คลิกภาพส่วนบคุ คล

230

โปรดทบทวนตวั เอง แลว้ ตอบในใจวา่ ทา่ นเข้าใจแนวทางพฒั นาของทกั ษะเชงิ
นวัตกรรม ตามทศั นะของ Jonathan วา่ อย่างไร ?

……………………………………………………………………………………………..............................

................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................

6. Cherry ได้กล่าวถึง 17 วิธีในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของคุณ นักจิตวิทยาด้านความ
เข้าใจ ได้นิยาม ความคิดสร้างสรรค์ ว่า "กระบวนการผลิตสิ่งที่เป็นต้นฉบับของสิ่งใหม่และมีคุณค่า"
ความคิดสร้างสรรคค์ อื สง่ิ ทีเ่ กี่ยวกับการคน้ หาวิธกี ารใหม่ๆในการแกป้ ัญหาและแกไ้ ขสถานการณ์มันไม่ใช่
ทักษะที่จำกัดเฉพาะศิลปิน นักดนตรี หรือนักเขียน มันเป็นทักษะที่มีประโยชน์สำหรับผู้คน หากคุณ
ตอ้ งการเพิ่มความคิดสรา้ งสรรคข์ องคณุ เคลด็ ลับเหล่านี้สามารถช่วยได้

6.1. ตัง้ เปา้ หมายเพือ่ พัฒนาความคดิ สร้างสรรค์ของคุณเอง (Commit yourself to Developing
your Creativity) ขั้นตอนแรกคือการอุทิศตนเองอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาความสามารถในการสร้างสรรค์
ของคุณ อยา่ ลดความพยายามของคณุ ต้งั เป้าหมาย, ขอความช่วยเหลือจากคนอ่ืน และใช้เวลาในแตล่ ะวัน
เพอ่ื พัฒนาทกั ษะของคุณ

6.2. เป็นผู้เช่ยี วชาญ (Become an Expert) หนึ่งในวิธีทด่ี ที ีส่ ุดในการพฒั นาความคิดสร้างสรรค์
คือการเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นเมื่อมีความเข้าใจในด้านหนึ่งอย่างเต็มที่ คุณจะสามารถนึกถึงวิธี
แก้ปัญหาแบบใหม่หรือแนวทางแก้ปัญหาได้ดียงิ่ ขึน้

6.3. ให้รางวัลความอยากรู้อยากเห็นของคุณ (Reward your Curiosity) สิ่งที่ขัดขวางความคิด
สร้างสรรค์อย่างหนึ่งคือการคิดว่าความอยากรูอ้ ยากเห็นเป็นเรื่องไร้สาระแทนที่จะตำหนิตัวเอง ควรให้
รางวลั ตวั เองเม่อื คุณอยากรเู้ ก่ยี วกับบางสง่ิ ให้โอกาสตัวเองในการสำรวจเรอื่ งใหมๆ่

6.4. พร้อมรับความเสี่ยงอยู่เสมอ (Be Willing to Take Risks) เมื่อเวลาในการสร้างความคิด
สรา้ งสรรคม์ าถงึ คณุ ตอ้ งพร้อมทีจ่ ะรับความเส่ียงเพอ่ื พัฒนาความสามารถของคณุ แม้วา่ ทกุ ความพยายาม
จะไม่สำเรจ็ เสมอไป คณุ กย็ งั ต้องเชอ่ื มนั่ ในความสามารถดา้ นการสรา้ งสรรคอ์ ยู่ เพอ่ื ใหท้ กั ษะนี้ตดิ ตัวไปใน
อนาคต

6.5. สร้างความมั่นใจ (Build your Confidence) ความสามารถที่ไม่แน่นอนสามารถหยุด
ความคิดสร้างสรรคไ์ ด้ ซงึ่ นน่ั เปน็ เหตผุ ลวา่ ทำไมเราตอ้ งมคี วามม่นั ใจ จดจำความคืบหนา้ ท่คี ุณกำลังทำ ช่ืน
ชมความพยายามของคณุ และคอยมองหาวธิ ีทีจ่ ะตอบแทนความคิดสร้างสรรคข์ องคณุ

231

6.6. ให้เวลาสำหรับความคิดสร้างสรรค์ (Make Time for Creativity) คุณจะไม่สามารถพฒั นา
ความสามารถสร้างสรรค์ของคณุ ได้หากคุณไมม่ เี วลาว่าง ใชเ้ วลาวา่ งในแตล่ ะสปั ดาห์ ให้ความสำคัญกับ
โครงการสรา้ งสรรค์บ้าง

6.7. เอาชนะทัศนคตเิ ชงิ ลบทีป่ ิดก้นั ความคดิ สร้างสรรค์ (Overcome Negative Attitudes that
Block Creativity) อารมณ์เชิงบวกสามารถเพิ่มความสามารถในการคิดอย่างสร้างสรรค์ได้ ตามที่ดร.
อดมั แอนเดอร์สนั ผูเ้ ขยี นอาวโุ สของการศกึ ษา กลา่ ววา่ "ถา้ คุณกำลงั ทำส่งิ ทตี่ ้องการความคิดสร้างสรรค์
นั่นหมายถึงคุณต้องการอยู่ในสถานที่ที่ทำให้มีอารมณ์ดีเน้นการขจัดความคิดด้านลบ หรือการ
วพิ ากษ์วิจารณ์ตนเอง ซง่ึ อาจทำใหค้ วามสามารถในการพัฒนาทกั ษะการสร้างสรรคข์ องคณุ ลดลง

6.8. ต่อสู้กับความกลัวการล้มเหลว (Fight your Fear of Failure) ความกลัวการล้มเหลวอาจ
ทำให้คุณเดินไดช้ ้าลง เมื่อใดก็ตามทีค่ ุณพบว่าตวั เองพบเจอกับความรู้สึกนัน้ เตือนตวั เองวา่ ขอ้ ผิดพลาด
เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเดินทาง การเดินทางในการส้รางความคิดสร้างสรรค์อาจจะสะดุดบ้าง แต่
สุดทา้ ยคุณก็จะพบกับความสำเรจ็

6.9. ระดมสมองเพื่อสรา้ งความคิดใหม่ ๆ (Brainstorm to Inspire New Ideas) การระดมสมอง
เป็นเทคนิคทั่วไปท่ีใช้ในการเรียนและในการประกอบอาชีพ เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการ
พัฒนาความคดิ สรา้ งสรรค์ของคณุ

เริ่มต้นด้วยการหยุดการวิจารณ์ตนเอง เริ่มเขียนสิ่งที่คิด เชื่อมโยงความคิดและแนวทางการ
แก้ปญั หา เปา้ หมายคือการสรา้ งความคิดใหมใ่ หม้ ากทีส่ ุดเทา่ ที่จะทำไดใ้ นชว่ งเวลาส้นั ๆ จากน้นั เน้นไปที่
การวเิ คราะห์และปรบั แตง่ ความคดิ ของคุณเพ่ือให้ไดต้ ัวเลือกที่ดที ี่สดุ

6.10. ตระหนักว่าปัญหาส่วนใหญ่มีวิธีแก้ไขหลายทาง (Realize that Most Problems have
Multiple Solutions) เม่ือคณุ พบกับปญั หา ให้ลองคน้ หาวิธีแก้ไขปญั หาทีห่ ลากหลาย แทนท่ีจะแก้ปญั หา
ดว้ ยวิธีการแรกทน่ี กึ ถงึ ลองหาวธิ อี ่นื ๆท่เี ปน็ ไปไดด้ ู วิธงี ่าย ๆ นี้เป็นวธิ ีท่ียอดเย่ยี มในการสร้างทักษะการ
แก้ปญั หาและทกั ษะการคดิ สรา้ งสรรค์

6.11. รักษาความคิดสร้างสรรค์ไว้ (Keep a Creativity Journal) เริ่มการสร้างความคิด
สร้างสรรค์ เดินตามกระบวนการสร้างความคิดนั้น การเดินทางตามเส้นทางการสร้างสรรค์นี้ทำให้คณุ
ทบทวนท่คี ุณไดท้ ำไปแล้วและมองหาวิธีแก้ปญั หาท่ีเปน็ ไปได้อื่น ๆ การบนั ทึกการเดนิ ทางเป็นตัวหนังสือ
อาจจะใช้เพ่อื บนั ทกึ ความคดิ ท่ีสามารถใช้เปน็ แรงบันดาลใจในอนาคต

6.12. สร้างแผนที่ความคิดและแผนภูมิ (Create a Mind Map and Flow Chart) แผนผัง
ความคิดเป็นวธิ ีที่ยอดเยี่ยมในการเชอ่ื มต่อแนวคดิ และคน้ หาคำตอบท่เี ปน็ นวตั กรรม สร้างแผนท่คี วามคิด
โดยการเขียนหัวข้อกลางหรอื คำบางคำลงไป หลังจากนัน้ หาความเชือ่ มโยงของคำรอบๆคำน้ัน ในระหว่าง
การระดมสมอง การเขียนเช่ือโยงจะชว่ ยให้เหน็ ภาพวา่ ส่งิ ต่างๆในกระดาษน้ันเชอื่ มโยงกนั อยา่ งไร เมือ่ คุณ
เร่มิ พฒั นาโครงการใหม่ ให้สรา้ งแผนภมู เิ พอื่ ติดตามโครงการตัง้ แต่ต้นจนจบ คน้ หาลำดบั เหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ
ทอ่ี าจเกดิ ขึ้น แผนภูมกิ ารสามารถช่วยให้คุณเห็นภาพผลิตภัณฑ์ได้ชัดเจนขึ้น ขจดั ปญั หาท่อี าจเกิดข้ึนและ
สร้างแนวทางท่ีไมซ่ ้ำใครขนึ้ มา

232

6.13 ท้าทายตัวเองและสร้างโอกาสสำหรับความคิดสร้างสรรค์ (Challenge yourself and
Create Opportunities for Creativity) เมอ่ื คุณได้พฒั นาความคิดสร้างสรรค์ขั้นพื้นฐานข้นึ มาแล้ว ต้อง
ท้าทายตัวเองอย่างต่อเนือ่ งเพื่อพัฒนาทกั ษะของคุณ มองหาวิธีทีย่ ากขึ้น ลองมองหาสิ่งใหม่ๆที่แตกต่าง
จากการใช้วิธแี ก้ปญั หาเดมิ ๆในอดีต

6.14 ลองใชเ้ ทคนคิ "หมวกหกใบ" (Try the "Six Hats" Technique) เป็นเทคนิคเกยี่ วกับการดู
ปัญหาจากมมุ มองทแี่ ตกต่างกันหกรูปแบบ โดยการทำเช่นนคี้ ณุ สามารถสร้างความคิดได้มากกว่าวิธีการท่ี
คุณเคยเหน็ จากมมุ มองเพียงหนงึ่ หรือสองมุมมอง

- หมวกสแี ดง (Red Hat): มองสถานการณ์ด้วยอารมณ์ ความรูส้ ึกบอกคณุ อยา่ งไร?
- หมวกสขี าว (White Hat): มองสถานการณ์ด้วยจดุ ประสงค์ อะไรคือขอ้ เท็จจรงิ ?
- หมวกสเี หลอื ง (Yellow Hat): ใช้มุมมองเชงิ บวก. อะไรทจ่ี ะใชไ้ ดผ้ ลกบั เหตุการณ์แบบนี้?
- หมวกสดี ำ (Black Hat): ใชม้ มุ มองเชิงลบ. อะไรทจ่ี ะใช้ไม่ได้ผลกบั เหตกุ ารณ์แบบน้ี?
- หมวกสีเขียว (Green Hat): คดิ อย่างสรา้ งสรรค์. อะไรคือความคดิ ใหม่ๆสำหรับเหตุการณ์น้ี?
- หมวกสฟี ้า (Blue Hat): คิดกวา้ ง. บทสรุปท่ีดที ่สี ดุ คอื อะไร?
6.15 มองหาแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจ (Look for Sources of Inspiration) ความคิด
สรา้ งสรรค์ไมไ่ ดเ้ กิดข้นึ โดยบังเอิญ ดงั น้นั ให้มองหาแรงบันดาลใจ มันจะมอบความคดิ ใหมๆ่ ใหค้ ุณ รวมถึง
กระตุ้นใหค้ ุณสรา้ งลักษณะเฉพาะของการแกป้ ญั หาอีกด้วย อ่านหนงั สอื เขา้ ชมพพิ ิธภณั ฑ์ ฟังเพลงท่ีคุณ
ชอบ หรือลองสนทนากบั เพอ่ื นดูสิ ลองหาวิธที ่ีเหมาะกบั คุณดู
6.16 พิจารณาสถานการณ์ทางเลือก (Consider Alternative Scenarios) เมื่อพบปัญหา ให้
ลองใชค้ ำถามว่า "จะเกิดอะไรขึน้ ถา้ ... " เพอ่ื พิจารณาสถานการณ์ท่เี ปน็ ไปได้ หากคณุ ใช้วธิ ีการใดวิธีการ
หน่งึ ผลลพั ธท์ ไี่ ด้จะเป็นอย่างไร ลองมองหาวิธกี ารรบั มือล่วงหน้า คณุ จะได้วิธแี ก้ปญั หาแบบใหม่ๆอีกเยอะ
6.17 ลองใชเ้ ทคนิคสโนว์บอล (Try the Snowball Technique) คุณเคยสงั เกตไหมว่าความคิด
ทยี่ อดเยย่ี มอนั หนง่ึ จะเช่ือมโยงกบั ความคิดยอดเย่ียมอกี อนั หนึง่ คุณสามารถใช้ประโยชน์จากสงิ่ นีไ้ ดโ้ ดยใช้
"เทคนิคสโนว์บอล" เมื่อคณุ สร้างแนวคดิ บางอยา่ งสำหรบั โครงการของคุณ หากแนวคดิ น้ียังไม่เหมาะสม
กับงานปัจจบุ ันของคณุ ใหว้ างแนวคิดน้นั ไว้ แลว้ อาจลองใชใ้ นภายหลังหรือนำไปใช้กบั โครงการในอนาคต

โปรดทบทวนตวั เอง แลว้ ตอบในใจวา่ ทา่ นเข้าใจแนวทางการพฒั นาของทกั ษะ
เชิงนวัตกรรม ตามทัศนะ ของ Cherry ว่าอย่างไร ?
…………………………………………………………………………………………….................................
............................................................................................................................. .....................
............................................................................................................................. ...................................

233

7. Stack ไดก้ ล่าวถงึ การเพิ่มความคิดสร้างสรรคใ์ นองค์กรไว้ดงั น้ี
7.1. ส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปิดกว้างและสร้างสรรค์ (Foster an Open,

Creative Work Environment) การสง่ เสริมความคดิ สร้างสรรค์ บรษิ ัทบางแห่งจัดหาขนมขบเค้ียว เกม
และ“ เวลาหยุดงาน” ให้กับพนักงานในช่วงเวลาทำงาน อย่างเช่น Google ให้นักพัฒนาของพวกเขา
สามารถทำงานในโครงการของตนเองได้หนึ่งวันต่อสัปดาห์ การทำแบบนี้ทำให้กูเกิ้ลได้หัวข้อ Google
News มาใช้ให้บริการ อาจจะไม่ต้องมอี สิ ระในการทำงานมากมาย แต่อยา่ งน้อยคณุ ก็สามารถสง่ เสริมการ
สือ่ สารทัศนคตเิ ชิงบวก และสภาพแวดลอ้ มทีม่ ีความเครียดตำ่ ได้ สิ่งเหลา่ นมี้ คี วามยดื หย่นุ ทางจติ ใจท่ีมาก
ขึ้น และความคิดไม่ถูกจำกัด ซึ่งส่งผลให้เกิดนวัตกรรมที่สร้างผลกำไรได้มากมาย การสร้างเง่ื อนไขกับ
ทีมงานกย็ ังเปน็ เร่อื งทีท่ ำได้ ตราบใดท่ไี ม่สรา้ งความเครยี ดให้กับพวกเขามากนัก

7.2. กระตุ้นทีมงานของคุณ (Motivate your Team) ให้มีการเสริมแรงทางบวกเช่นของ
รางวัล โบนัส สิทธพิ เิ ศษ เวลาว่างพเิ ศษ และผลตอบแทนพเิ ศษ สิง่ เหล่านี้จะชว่ ยใหพ้ วกเขาต่ืนตัวอยเู่ สมอ
ไมใ่ ช่ทกุ คนทีจ่ ะสนใจ แต่จะมหี ลายคนท่เี หน็ วา่ ความพยายามมีประโยชนช์ ดั เจน

7.3. ส่งเสริมความหลากหลาย (Encourage Diversity) รูปแบบการทำงานที่หลากหลาย
กระบวนการคดิ และมุมมองเป็นสิง่ จำเปน็ ในการหลีกเลี่ยงความคิดแบบเดียวแบบใดแบบหนึง่ เมื่อทีมมี
ความคดิ เปน็ แบบเดียวกันจะทำให้สญู เสียความสามารถในการมองเหน็ วิธแี ก้ไขปญั หา นวตั กรรมสามารถ
เตบิ โตได้ในพื้นท่ีทม่ี คี วามคิดเยอะๆ แทนทจ่ี ะรบี สรา้ งการเติบโต แตเ่ ราควรสรา้ งการโตต้ อบของความคิด
มากกว่า เร่มิ จากการนำสมาชิกมาอยู่รวมกนั และเริ่มแลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ เชญิ ผู้บรรยายจากภายนอก
มาเพื่อช่วยเพิ่มมุมมองและวิธีคิด การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถือเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีสำหรับการสร้าง
นวัตกรรม

7.4. จัดเตรียมเครอ่ื งมอื ท่ีเหมาะสม (Provide the Proper Tools) ช่างไมไ้ มส่ ามารถทำงาน
ด้วยค้อนเพียงอย่างเดียว พวกเขาต้องการ เลื่อย เครื่องวัด เครื่องไส และกล่องเครื่องมือ ตรวจสอบให้
แน่ใจว่าคนของคุณไดร้ บั เคร่ืองมอื ทตี่ อ้ งการเชน่ : คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ การศกึ ษา หรอื การฝึกอบรม

7.5. สร้างทีมนวัตกรรม (Create Innovation Teams) สร้างทีมที่ประกอบด้วยสมาชิกที่มี
แนวทางการทำงานที่หลากหลาย ประสบการณไ์ ม่เหมอื นกนั และ ทักษะทตี่ ่างกัน โดยมีเปา้ หมายร่วมกัน
คือการรวมตัวกนั เพ่อื คิดค้นบางอยา่ ง ทมี สามารถทำงานไดแ้ บบเตม็ เวลาและแบบไมเ่ ตม็ เวลางาน แม้ว่า
บางคนจะอยากไดค้ วามคลอ่ งตวั ในการทำงาน แต่การรวมกลมุ่ จะชว่ ยให้การระดมสมองสรา้ งนวตั กรรมได้

7.6. อย่าทำการลงโทษ (Don’t Penalize) หากต้องการสร้างนวัตกรรม คุณต้องเสี่ยงกับ
ความล้มเหลว นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความคิดสร้างสรรค์ การล้มเหลวเกดิ ขึ้นบ่อยครั้งกว่าที่คุณจะ
ประสบความสำเร็จ หากสมาชกิ ในทีมกลัวความผิดพลาดจากการสรา้ งนวัตกรรม พวกเขากไ็ ม่ควรเข้ามา
ต้งั แต่แรก ใหม้ กี ล่องความเหน็ สำหรับพนักงาน แต่ไม่ใหร้ ะบชุ ่อื ผูเ้ ขยี น เพราะในสภาพแวดล้อมที่เปิดรับ
ความเห็น บางคนไมต่ อ้ งการ

234

โปรดทบทวนตวั เอง แล้วตอบในใจว่าท่านเขา้ ใจแนวทางการพฒั นาของทกั ษะ
เชงิ นวตั กรรม ตามทศั นะ ของ Stack ว่าอย่างไร ?
…………………………………………………………………………………………….................................
............................................................................................................................. .....................

......................................................................................................................................................... .......

8. Kaye สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อนวัตกรรม สภาพบรรยากาศนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรบั การรักษา
สมาชิกในทมี แตล่ ะคนให้คิดอย่างสร้างสรรค์และเป็นนักนวัตกรรม สิ่งแวดล้อมนี้จะไม่เอ้ือตอ่ การทำงาน
แบบประจำ การสร้างบรรยากาศนั้น Anderson and West ได้สร้างเครื่องมือวัดขึ้นมา เรียกว่า Team
Climate Inventory ซึ่งได้รับการตรวจสอบแลว้ โดยนกั วิจัยคนอื่น ๆ ในด้านต่าง ๆ เช่น ศูนย์สุขภาพใน
เนเธอรแ์ ลนด์

โมเดลนวัตกรรมองค์กรของ Anderson and West เป็นแบบติดตามความคิดสร้างสรรค์ โดย
แบ่งการสรา้ งบรรยากาศแห่งความคิดสร้างสรรคอ์ กเป็น 4 ประเภท วสิ ยั ทศั น์ ความปลอดภัยแบบมีส่วน
ร่วม การปฐมนิเทศงาน และการสนับสนุนจากองค์กร คุณจะสังเกตเห็นหมวดหมู่ย่อยที่มีส่วนร่วมและ
ส่งผลต่อแตล่ ะหมวดหมหู่ ลกั ดว้ ยวิธีการน้ี เมอ่ื นำความคิดสรา้ งสรรคข์ องทีมมาใช้ แลว้ แบง่ ประเภทเช่นน้ี
คุณจะสามารถแยกแยะได้วา่ ทมี ของคุณทำไดด้ แี คไ่ หน และอาจตอ้ งปรับปรุงท่ไี หน

Anderson and West’s Model of Organisational Innovation:

235

การประยุกต์ใช้แบบจำลองของ Anderson และ West สามารถช่วยใหผ้ ู้นำสร้างบรรยากาศทีด่ ี
สำหรับนวัตกรรมได้ และนั่นทำให้เราได้ทีมที่ดีเมื่อมีเวลาให้กับพวกเขา นักวิจัย Andrew Pirola Pi
Merlo และ Leon Mann แนะนำวา่ ความสัมพนั ธ์ขององค์ประกอบดังกล่าวไมไ่ ด้เรียบง่ายแบบนน้ั ดงั น้ัน
ในปี 2004 พวกเขาพบวา่ ผลลพั ธ์ท่สี รา้ งสรรค์ในระยะยาวนั้นไมไ่ ดข้ ้ึนอยู่กับบรรยากาศเพียงอย่างเดียวแต่
เกดิ จากความสามารถเฉพาะบคุ คลรว่ มด้วย ดงั น้นั บรรยากาศของทมี ไม่ไดม้ ีอิทธิพลตอ่ ความคดิ สรา้ งสรรค์
ของทีมโดยตรง แตบ่ รรยากาศแห่งการสรา้ งนวตั กรรมมผี ลทางอ้อมตอ่ แต่ละบคุ คลท่ีอยู่ในทแี่ หง่ นัน้ ๆ

ดังนั้นผู้นำจึงต้องมุ่งเน้นไปที่การจ้างคนเกง่ ๆรวมถึงการสร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับนวตั กรรม
สร้างบรรยากาศความคิดสร้างสรรค์ที่สมบูรณ์ สำหรับทีมที่มีความสามารถและเพิ่มผลลัพธ์ท่ี เป็น
นวัตกรรม โดยทำตามสี่ข้ันตอนในแบบจำลองนวตั กรรมของ Anderson และ West

8.1. กำหนดวัตถุประสงค์และความคาดหวังที่ชัดเจนและเป็นไปได้จริง (Set Clear and
Realistic Objectives and Expectations) ความคดิ ริเริ่มและกลยุทธท่ีดีเริ่มจาก การสร้างบรรยากาศที่
ดีและวิสัยทศั นท์ ดี่ ำเนนิ การได้ ผู้คนมักมองวา่ วสิ ัยทัศน์เปน็ สิ่งจับตอ้ งไม่ได้ แตก่ ย็ งั ไมม่ ีสิ่งใดที่สามารถทำ
ให้วิสัยทัศน์เป็นเรื่องของรูปธรรมได้ วิสัยทัศน์หมายถึงการสรุปแผนโครงสร้างที่ดีสำหรับอนาคต
วัตถุประสงค์และความคาดหวังถูกกำหนดและมีความชัดเจนสำหรับทีมงาน วัตถุประสงค์และทิศทางท่ี
ชัดเจน จะทำใหท้ ีมของคุณเดินหนา้ ได้โดยไมต่ อ้ งพ่งึ เวทย์มนต์ วสิ ัยทัศน์ท่ดี ีจากผ้นู ำชว่ ยใหส้ มาชกิ ในทีมรู้
ว่าตอ้ งทำอะไร อยา่ เป็นหัวหน้าท่เี อาแต่ส่ังและตอ้ งการผลงาน โดยทีไ่ มไ่ ด้อธบิ ายอะไร แล้วจะมางงทหี ลัง
ว่าสมาชิกในทีมทำเรื่องบางอย่างได้ยังไง การสร้างทีมนั้นจำเป็นต้องสร้างเป้าหมายร่วมกันและทำให้
สมาชิกในทมี รู้สกึ เปน็ ส่วนหนง่ึ ของแผนงาน

8.2. ตัดสนิ ใจโดยอาศยั ความคล่องตัวและมีส่วนรว่ ม (Use Dynamic, Participative, Decision
Making) เมื่อคุณกำหนดวิสัยทัศน์ที่เป็นนวัตกรรมสำหรับทมี ของคุณ คุณอาจพบกับทางเลือกอื่น ๆ อีก
หลายทาง อย่าตัดทกุ ขอ้ เสนอแนะทงิ้ ยอมรับความคดิ สร้างสรรค์ของทีม เพอื่ ปรบั เปลีย่ นแผนตามความ
จำเป็นในขณะเดียวกันก็ต้อง สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจในแผนงานหลักด้วย กระตุ้นให้เกิดการ
อภปิ รายและสนทนาเปน็ ระยะๆ เพราะความขดั แย้งเป็นสว่ นหนึ่งของการสร้างนวตั กรรม ในขณะทห่ี ลาย
คนอาจรู้สึกไม่สบายใจกับวิธีการถกเถียงในตอนแรก แต่การถกเถียงเชิงบวกมีความสำคัญมากสำหรับ
ความคิดสร้างสรรค์ของทีม การถกเถียงช่วยกำจดั ความคิดที่ไม่เป็นรูปแบบ ทำให้ผู้คนมองความเห็นใน
ทางตรงข้าม บีบให้พวกเขาคิดในมุมมองใหม่ๆ นั่นอาจนำไปสู่แนวทางการสร้างนวตั กรรมและความคิด
สรา้ งสรรค์

ในการสนทนาแบบตัวต่อตัวกับสมาชิกในทีม พยายามหลีกเลี่ยงการไม่เห็นด้วยโดยการถาม
คำถาม สิง่ นี้ทำใหแ้ ต่ละฝ่ายยอมฟังแทนท่ีจะถกเถยี งเฉพาะความเหน็ ของตนเอง แตใ่ นการประชมุ กลุม่ ให้
ทำตวั เหมอื นผู้ดำเนนิ รายการในการอภิปรายทางการเมือง เลือกซกั ถามคำถามเชงิ ลกึ ของแตล่ ะคน สร้าง
ตวั เลือก และทำความเข้าใจกบั ทุกๆคน

8.3 ตอ้ งการงานทย่ี อดเยย่ี มด้วยการวางแนวงานที่ยืดหยุน่ (Demand Exceptional Work with
Flexible Task Orientation) ระวังอย่าให้การอภิปรายอยา่ งสร้างสรรค์มปี ญั หา หรอื ทำใหป้ ระสิทธิภาพ

236

ในการทำงานลดลงเพราะความขัดแย้ง ทีมยังคงต้องการผู้นำ ดังนั้นในระหวา่ งการอภปิ รายต้องกำหนด
ช่วงให้กบั ผ้ดู ำเนินงานเพื่อให้การอภิปรายเปน็ ไปตามรปู แบบท่กี ำหนดโดยไมเ่ กิดปญั หา

แน่นอนว่าการดำเนินงานต้องไม่เคร่งครัดเกินไป ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมต้องการ
วิธีการที่ยืดหยุ่นกว่าตาราง เมื่อโครงการเริ่มขึ้นให้ปรับเปลี่ยนตามความจำเปน็ แต่ถ้าตารางเปลี่ยนทุก
สปั ดาห์กอ็ าจเกดิ ปญั หากบั ทมี งานได้ เม่อื มปี ญั หาหรือมีโอกาสปรากฏขึ้นใหพ้ ยายามปรับให้เข้ากับตาราง
ปจั จบุ ันก่อนท่ีจะเปลยี่ นแปลงส่ิงตา่ ง ๆ ท่ีสำคญั คือการรักษาเปา้ หมายระยะยาวไว้

8.4 ส่งเสริมการคิดเชิงนวัตกรรมและสร้างสรรค์ (Encourage Innovation and Creative
Thinking) ทำให้ทมี ของคณุ ม่ันใจวา่ คุณคาดหวังอะไร คาดหวงั วา่ พวกเขาจะมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์และคิด
เชงิ นวตั กรรมได้ สง่ เสรมิ พวกเขาเมอ่ื พวกเขามคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ รวมถงึ การให้ทรพั ยากร (ถ้าเป็นไปได้)
ไปยงั โครงการทม่ี ีแนวโนม้ ดี มนั ดเู หมอื นง่าย แต่ผนู้ ำและพนักงานจำนวนมากมักใช้เวลาทำงานในสถานท่ี
ท่ไี มใ่ หส้ ง่ เสริมกบั ความคิดสรา้ งสรรค์ใหม่ ๆ และเปลีย่ นแปลงเชงิ นวัตกรรม

สมาชกิ ในทีมทีม่ าใหมอ่ าจตอ้ งใช้เวลาเล็กนอ้ ยในการปรับตัวกับงานท่ใี ชแ้ นวทางท่สี ร้างสรรค์ เรา
ตอ้ งทำใหเ้ ขาเชอ่ื มัน่ ให้ได้ ถึงแมว้ ่าบางทคี ณุ จะรู้วา่ คณุ ต้องใหเ้ ขาทำโครงการอื่นๆร่วมด้วย คุณต้องทำให้
เขาเชือ่ ม่ันในโครงการนนั้ แม้วา่ ในตอนแรกพวกเขาอาจมีปัญหากับสภาพแวดล้อมทส่ี รา้ งสรรคซ์ ่งึ พวกเขา
น้นั ไมค่ ้นุ เคย แตห่ ลังจากนั้นพนักงานสว่ นใหญ่จะมคี วามสขุ กับสภาพแวดล้อมนน้ั ๆ

ไม่มีเวทมนต์เพื่อสร้างบรรยากาศในทีมแห่งนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ มีทีมไม่มากที่ประสบ
ความสำเร็จหากขาดลูกทีมที่มีความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ หากเป็นเช่นนัน้ หัวหน้าทีมก็จะไม่
ประสบความสำเร็จในการสร้างทีมแห่งนวัตกรรมและการสร้างสรรค์ ดังนั้นคุณยังต้องการใช้คนที่มี
ความสามารถอยู่ ในทางกลับกันทีมงานของบุคคลที่เก่งอาจล้มเหลวเมื่อทำงานในสภาพแวดล้อมแห่ง
นวตั กรรมที่ไมด่ ี ก่อนท่ีจะตำหนิบุคคลของทมี ตรวจสอบให้แนใ่ จก่อนวา่ สภาพแวดลอ้ มนัน้ เหมาะสมไหม
สำหรบั การสรา้ งความคิดสร้างสรรค์ เมือ่ แต่ละคนสรา้ งความคิดสรา้ งสรรค์ไดน้ ่นั ก็จะเปน็ ประโยชนก์ บั ทีม
ในเวลาที่สร้างสภาพแวดล้อมแห่งนวัตกรรมนั้น องค์กรณ์ที่ดีจะให้อิสระกับการทำงาน ใหเป้าหมายที่
ชดั เจน และทีมจะตอ้ งอยใู่ นอารมณท์ ี่ดี การสร้างสภาพแวดล้อมแหง่ นวัตกรรมเปน็ สิ่งท่ีองคก์ รตอ้ งทำ

โปรดทบทวนตัวเอง แล้วตอบในใจว่าทา่ นเขา้ ใจแนวทางการพัฒนาของทกั ษะเชิง
นวัตกรรม ตามทศั นะ ของ Kaye วา่ อย่างไร ?

……………………………………………………………………………………………...................................
..................................................................................................................... ........

............................................................................................................................. .......

237

9. Kim ไดก้ ล่าวถงึ 9 วิธใี นการพฒั นาความคดิ สรา้ งสรรคไ์ ว้ดังนี้
9.1. เรียนรผู้ ่านการทำงานรว่ มกนั (Learn Through Collaboration) ความอยากรอู้ ยากเหน็

จะนำคณุ ไปสู่ความคิดสรา้ งสรรค์ Andrew Ng เคยทำงานที่ Google และปจั จบุ นั อยูท่ ี่ Baidu เปน็ ผู้ท่ีไม่
เชื่อว่านวัตกรรมจะ เกิดจากอัจฉริยะ และไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ เขาบอกว่าคุณสามารถมีความคิด
สร้างสรรค์และมีนวัตกรรม สิ่งเหลา่ นี้เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ ในชีวิตของเขา เขาพบว่าเมื่อใดก็ตามที่ไม่
แนใ่ จว่าจะทำอยา่ งไรต่อไป เขาจะไปและเรยี นรู้ อ่านหนังสอื หรือพดู คยุ กบั ผู้เช่ียวชาญ เขาบอกว่าไม่รู้ว่า
สมองของมนษุ ย์ทำงานอย่างไร แต่มนั วิเศษมาก เมอ่ื คณุ อา่ นมากพอ พูดคยุ กบั ผเู้ ช่ยี วชาญมากพอ เมื่อมี
ขอ้ มลู เพียงพอความคิดใหม่ ๆ กจ็ ะเรม่ิ ปรากฏข้ึน แน่นอนว่าการร่วมมอื และเรยี นรจู้ ากผู้อื่นอาจเป็นสิ่งท่ี
คุณตอ้ งการเพ่อื เพมิ่ ความคิดสร้างสรรค์ของคุณ

9.2. ทำในสิ่งที่คุณรัก (Do Something You Love) ติดอยู่กับความคิด ไม่แน่ใจว่าต้องทำ
อะไร ชีวิตของคุณต้องการความสมดุลเพ่ือใหแ้ น่ใจวา่ ความคิดสร้างสรรคข์ องคณุ จะไม่ถูกทำลาย อัลเบิร์ต
ไอนส์ ไตน์ เขา้ ใจอย่างลึกซ้งึ เมื่อพูดถึงความสนใจของลูกชายในการเล่นเปียโน ขณะทลี่ กู ชายการสญู เสีย
ตัวเองในกระบวนการสรา้ งสรรค์ เขาบอกว่าทำในสงิ่ ทีล่ กู พอใจ น่นั คอื วธิ กี ารเรียนร้ดู ีท่ีสดุ เมอื่ คณุ กำลงั ทำ
อะไรบางอย่างด้วยความเพลิดเพลินจนไม่สังเกตเห็นเลยว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว เขาบอกว่า
บางครั้งเขาก็ทำงานหมกมุ่นมากกเกนิ ไปจนลืมอาหารเที่ยง ความรักและความคิดสร้างสรรค์เป็นส่งิ ที่มี
ความเกี่ยวพันธ์กัน งานอดิเรก เช่น เล่นดนตรี วิ่ง หรือเก็บสะสมสิ่งของ ช่วยให้ผ่อนคลายและลด
ความเครยี ดและ เพ่ิมความคดิ สร้างสรรค์ของคณุ

9.3. ค้นหาแรงบันดาลใจจากอุตสาหกรรมอื่น ๆ (Find Inspiration from Other Industries)
ความคิดใหมๆ่ นนั้ ไมไ่ ดเ้ กิดจากการลอกเลยี นแบบสิ่งท่ีคแู่ ข่งทำไปแลว้ แตเ่ ปน็ การมองออกไปดธู ุรกิจอ่ืนๆ
ลองมองดูว่าธุรกิจไหนกำลังครองตลาด ธุรกิจไหนที่คุณต้องจ่ายเงินให้อยู่ตลอด ทำอย่างไรถึงจะ
ลอกเลียนแบบสง่ิ ที่อยใู่ นกลุม่ อตุ สาหกรรมอ่ืนเขา้ มาส่ธู ุรกจิ ของคณุ ได้ บางทคี ุณสามารถปรับปรุงแนวคิด
เหล่านไ้ี ด้ ใชแ้ รงบันดาลใจจากอตุ สาหกรรมอ่ืน ๆ เปน็ วิธที ีด่ ใี นการเพมิ่ ความคดิ สรา้ งสรรคข์ องคุณ

9.4. การอยู่เฉยๆ หรือไม่ทำอะไรเลย (Unplug or Just Do Nothing) ทุ่มเทในการทำงาน
และทุ่มเทในการพักผ่อน ทำสิ่งนี้เป็นประจำ บางครั้งความคิดท่ีดที ี่สุดของคุณจะเกดิ ขึน้ เมื่อคุณไม่ไดใ้ ช้
งานสมองของคุณ หรืออาจจะขณะหลับด้วย การนอนหลับจะช่วยให้คุณมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น
เป็นไปไดว้ ่าความคดิ ของคุณไหลไปตามสายน้ำหลังจากนัน้ ก็ไดร้ บั ความคดิ ท่ีดี บางทคี วามคิดสร้างสรรค์
ครั้งตอ่ ไปของคุณอาจเกิดข้ึนในตอนที่คุณขบั รถ ออกกำลังกาย เดินป่า ช้อปปิ้ง นั่งเครือ่ งบนิ หรือดูพระ
อาทิตยต์ ก หากรู้สึกวา่ ตนเองขาดความคิดสร้างสรรค์ ให้พกั ผอ่ น เพ่อื ให้สมองทำเรือ่ งมหัศจรรย์

9.5. เดิน (Walk) คนทั่วไปจะนงั่ ประมาณ 7-15 ช่วั โมงต่อวนั ซึ่งน่ันเป็นสิ่งท่ีแย่สำหรบั สุขภาพ
และอารมณ์ของคณุ น่นั รวมถึงแย่สำหรับความคิดสรา้ งสรรค์ดว้ ย Stanford research กล่าวว่าการเดิน
ช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ในการศึกษาต่อมาของ HBR พบว่าคนที่อยู่ในการประชุม และชอบเดินมี

238

ความคิดสร้างสรรค์ มีส่วนร่วมกับงานมากกว่า Darren Huston ของ Priceline Group, Mark
Zuckerberg ของ Facebook, Hikmet Ersek ของ Western Union Co. และ Jack Dorsey ผู้ร่วม
ก่อตงั้ Twitter, Jeff Weiner ผู้บรหิ ารของ LinkedIn เป็นตน้ คนกล่มุ น้ีชอบการเดนิ ในท่ีประชมุ มากกว่า

9.6. ทำให้ตัวเองอยู่ในอารมณ์ทีดี (Set the Right Mood) การขาดความคิดหรือการไม่
สามารถแก้ปัญหาได้อาจเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดอย่างยิ่ง การฟังเพลงจะช่วยให้อารมณ์และความคิด
สร้างสรรค์ของคุณดีขึ้น Steve Jobs ใช้การฟังเพลงเพื่อช่วยเพ่ิมความคดิ สร้างสรรค์ แน่นอนว่าน่นั อาจ
ไดผ้ ลกับคณุ ดว้ ย

9.7. ใช้ทฤษฎีหมวกหกใบ (Use the Six Thinking Hats Technique) บางทีคุณต้องการแค่
การเริ่มต้นใหม่ ให้ลืมทุกอย่างและเริ่มใหม่บนกระดานที่ว่างเปล่า ลองใช้วิธีหมวกหกใบนี้ดู การใช้
กระบวนการน้สี ามารถชว่ ยให้คณุ มองสิ่งตา่ ง ๆ ไดแ้ ปลกใหม่ วิธนี ้ีจะมองสงิ่ ตา่ งๆด้วยขอ้ เท็จจรงิ หมวกสี
ขาว : มีบางอย่างที่ไม่ดี, หมวกสดี ำ : ความเป็นไปได้ ตัวเลอื ก และความคดิ , หมวกสีเขียว : มองปัญหา
จากหลายๆมุมมอง ทำให้เจอขอ้ แกไ้ ขในหลายๆมมุ มอง

9.8. ถามหาข้อคดิ เหน็ และคำแนะนำ (Ask for Advice or Feedback) บางคร้งั คณุ อยู่ใกล้กับ
ปัญหาเกินกว่าจะหาคำตอบของปัญหาได้ด้วยตนเอง การถามคนอื่นไม่ได้แปลว่าคุณอ่อนแอ ขอความ
ช่วยเหลือและคำแนะนำจากเพื่อน หรือผู้คนจากเครือข่ายที่คุณเชื่อถือและเคารพ ทุกๆคนมีทักษะและ
ประสบการณ์ ความรู้ทแี่ ตกตา่ งกัน การมองจากบคุ คลภายนอก อาจจะสอง สาม หรือห้าอย่าง อาจเปน็ สง่ิ
ที่คุณต้องการ แม้ว่าคุณจะไม่ใช้คำแนะนำของเขา แต่คุณอาจใช้มันในการหาความคิดใหม่ๆ และอาจจะ
พาคณุ ไปถงึ จุดทีม่ ีความคิดสรา้ งสรรคไ์ ด้

9.9. ลองมองความคิดที่แย่ๆดู (Pick a Terrible Idea) ออกห่างจากความคดิ ใด ๆที่คุณกำลัง
คิดอยู่สักครู่หนึ่ง อะไรคือความคิดที่ไร้ประโยชน์ที่สุดที่คุณสามารถคิดได้ ลองทำรายการความคิดที่
เพี้ยนๆเหล่านั้นดู หลังจากนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นคือความท้าทายในการคิดสร้างสรรค์ของคุณ ลองนึกดูว่าใน
ความคดิ เพยี้ นๆน้นั มีอะไรทดี่ ีอยู่ บางทคี ุณอาจนำมาใสค่ วามคิดดีๆของคณุ ก็ได้

โปรดทบทวนตวั เอง แลว้ ตอบในใจวา่ ทา่ นเขา้ ใจแนวทางการพฒั นาของทกั ษะ
เชงิ นวตั กรรม ตามทัศนะ ของ Kim ว่าอย่างไร ?
…………………………………………………………………………………………….................................
............................................................................................................................. ...................................
.................................................................................................................................................... ............

239

แบบประเมินตนเอง

โปรดทบทวนความรคู้ วามเขา้ ใจของทา่ นอีกครง้ั จากแบบประเมนิ ผลตนเองน้ี
1) ท่านเข้าใจแนวทางการพฒั นาทักษะเชิงนวัตกรรมตามทัศนะของ Baiya ชัดเจนดีแล้วหรอื ไม่
[ ] ชัดเจนดแี ล้ว [ ] ยงั ไม่ชัดเจนดพี อ
หากยังไม่ชดั เจนดพี อ โปรดกลับไปศกึ ษาใหมอ่ กี คร้งั แลว้ ตอบคำถามในใจว่า Baiya กลา่ วถงึ
แนวทางการพฒั นาของทกั ษะเชงิ นวตั กรรมวา่ อยา่ งไร ?
2) ท่านเขา้ ใจแนวทางการพฒั นาทกั ษะเชงิ นวัตกรรมตามทัศนะของ Myllaya ชดั เจนดีแลว้ หรอื ไม่
[ ] ชดั เจนดีแล้ว [ ] ยงั ไมช่ ดั เจนดีพอ
หากยงั ไมช่ ัดเจนดีพอ โปรดกลบั ไปศกึ ษาใหมอ่ กี ครง้ั แลว้ ตอบคำถามในใจว่า Myllaya กลา่ วถึง
แนวทางการพฒั นาของทกั ษะเชิงนวตั กรรมวา่ อยา่ งไร ?
3) ท่านเข้าใจแนวทางการพฒั นาทักษะเชิงนวัตกรรมตามทศั นะของ Francisco ชดั เจนดีแล้ว
หรือไม่
[ ] ชดั เจนดแี ลว้ [ ] ยังไมช่ ัดเจนดีพอ
หากยังไมช่ ัดเจนดีพอ โปรดกลบั ไปศึกษาใหม่อกี ครัง้ แลว้ ตอบคำถามในใจว่า Francisco
กลา่ วถึงแนวทางการพัฒนาของทักษะเชงิ นวตั กรรมว่าอย่างไร ?
4) ทา่ นเขา้ ใจแนวทางการพฒั นาทกั ษะเชิงนวัตกรรมตามทัศนะของ Hengsberger ชดั เจนดแี ล้ว
หรือไม่
[ ] ชดั เจนดแี ล้ว [ ] ยงั ไมช่ ัดเจนดีพอ
หากยงั ไม่ชัดเจนดีพอ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อกี ครง้ั แล้วตอบคำถามในใจว่า Hengsberger
กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาของทักษะเชงิ นวตั กรรมว่าอยา่ งไร ?
5) ท่านเขา้ ใจแนวทางการพฒั นากษะเชงิ นวตั กรรมตามทศั นะของ Jonathan ชัดเจนดีแลว้ หรือไม่
[ ] ชัดเจนดแี ลว้ [ ] ยังไมช่ ดั เจนดีพอ
หากยังไมช่ ัดเจนดีพอ โปรดกลับไปศึกษาใหมอ่ กี ครง้ั แล้วตอบคำถามในใจวา่ Jonathan
กล่าวถงึ แนวทางการพัฒนาของทกั ษะเชิงนวัตกรรมวา่ อย่างไร ?
6) ท่านเขา้ ใจแนวทางการพฒั นาทักษะเชงิ นวตั กรรมตามทัศนะของ Cherry ชดั เจนดแี ลว้ หรือไม่
[ ] ชัดเจนดีแลว้ [ ] ยงั ไมช่ ัดเจนดีพอ
หากยังไม่ชดั เจนดีพอ โปรดกลับไปศกึ ษาใหม่อกี ครง้ั แล้วตอบคำถามในใจวา่ Cherry กลา่ วถึง
แนวทางการพฒั นาของทกั ษะเชงิ นวัตกรรมวา่ อย่างไร ?
7) ทา่ นเขา้ ใจแนวทางการพฒั นาทักษะเชิงนวตั กรรมตามทศั นะของ Stack ชดั เจนดแี ลว้ หรือไม่
[ ] ชดั เจนดีแล้ว [ ] ยังไมช่ ดั เจนดีพอ

240

หากยังไม่ชดั เจนดพี อ โปรดกลับไปศึกษาใหมอ่ กี ครัง้ แลว้ ตอบคำถามในใจวา่ Stack กล่าวถงึ
แนวทางการพฒั นาของทกั ษะเชงิ นวัตกรรมว่าอยา่ งไร ?
8) ท่านเข้าใจแนวทางการพฒั นาทกั ษะเชิงนวตั กรรมตามทศั นะของ Kaye ชัดเจนดแี ลว้ หรือไม่
[ ] ชัดเจนดีแล้ว [ ] ยังไมช่ ัดเจนดีพอ
หากยงั ไมช่ ดั เจนดพี อ โปรดกลับไปศกึ ษาใหม่อกี คร้งั แล้วตอบคำถามในใจว่า Kaye กลา่ วถึง
แนวทางการพฒั นาของทกั ษะเชิงนวัตกรรมวา่ อย่างไร ?
9) ทา่ นเข้าใจแนวทางการพฒั นาทักษะเชงิ นวัตกรรมตามทัศนะของ Kim ชัดเจนดีแล้วหรือไม่
[ ] ชัดเจนดแี ล้ว [ ] ยงั ไมช่ ัดเจนดีพอ
หากยังไม่ชดั เจนดีพอ โปรดกลบั ไปศกึ ษาใหม่อกี ครัง้ แล้วตอบคำถามในใจว่า Kim กลา่ วถึง
แนวทางการพฒั นาของทกั ษะเชิงนวัตกรรมวา่ อย่างไร ?

หมายเหตุ

หากต้องการศึกษารายละเอียดของแต่ละทัศนะจากต้นฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษ โปรด “Ctrl & Click”
เว็บไซต์ของแต่ละแหล่งได้ ดงั น้ี

Baiya : https://bit.ly/2YB604x
Myllaya : https://bit.ly/2ZsmOfu
Francisco : https://bit.ly/2XiVtiC
Hengsberger : https://bit.ly/2Y6R1TI
Jonathan: https://bit.ly/33lfhRR
Cherry : https://bit.ly/2PUTp8E
Stack : https://bit.ly/2YIMus1
Kaye : https://bit.ly/2OKMUJv
Kim : https://bit.ly/2uV4oFh

เอกสารอ้างองิ

Baiya, E. (2018). Innovation management. Retrieved August 4, 2019, from
https://bit.ly/2YB604x

Cherry, K. (2019). 17 Ways to develop your creativity. Retrieved August 8, 2019, from
https://bit.ly/2PUTp8E

Francisco, J. (2018). How to develop innovation skills. Retrieved August 4, 2019, from
https://bit.ly/2XiVtiC

241

Hengsberger, A. (2018). 10 Measures to create a culture of innovation. Retrieved August
4, 2019, from https://bit.ly/2Y6R1TI

Jonathan, W. (2014). 8 Simple strategies to improve your innovation. Retrieved August 8,
2019, from https://bit.ly/33lfhRR

Kaye, W. (2018). How to increase innovation output from your team in 4 steps.
Retrieved August 8, 2019, from https://bit.ly/2OKMUJv

Kim, L. (2018). 9 Ways to dramatically improve your creativity. Retrieved August 8,
2019, from https://bit.ly/2uV4oFh

Myllyla, J. (2018). Innovation strategy – what is it and how to develop one?. Retrieved
August 4, 2019, from https://bit.ly/2ZsmOfu

Stack, L. (2013). Increasing Creativity in your organization: Six ways to spark innovation
thinking. Retrieved August 8, 2019, from https://bit.ly/2YIMus1

242

คมู่ ือชุดท่ี 5

ทศั นะเกี่ยวกบั ขั้นตอนการพัฒนาของทกั ษะเชิงนวตั กรรม

วตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้

หลงั จากการศึกษาคูม่ อื ชุดน้แี ล้ว ท่านมพี ัฒนาการด้านพทุ ธพิ ิสยั (Cognitive Domain) ซงึ่ เป็น
จุดมุ่งหมายทางการศึกษาท่เี กี่ยวขอ้ งกับสมรรถภาพทางสมองหรอื สติปญั ญาตามแนวคดิ ของ Benjamin
S. Bloom โดยจําแนกพฤตกิ รรมในขอบเขตนี้ออกเปน็ 6 ระดับ เรยี งจากพฤตกิ รรมท่ีสลับซับซอ้ นน้อยไป
หามาก หรือจากทักษะการคดิ ขน้ั ตำ่ กว่าไปหาทกั ษะการคิดข้นั สูงกวา่ ดังน้ี คือ ความจำ (Remembering)
ความเข้าใจ (Understanding) การประยุกต์ใช้ (Applying) การวิเคราะห์ (Analyzing) การประเมิน
(Evaluating) และการสรา้ งสรรค์ (Creating) ดังน้ี

1) บอกคุณสมบตั ิ จบั คู่ เขียนลำดับ อธบิ าย บรรยาย ขีดเสน้ ใต้ จำแนก หรือระบุข้นั ตอนการ
พัฒนาของทกั ษะเชงิ นวัตกรรมได้

2) แปลความหมาย อธบิ าย ขยายความ สรปุ ความ ยกตัวอย่าง บอกความแตกตา่ ง หรอื เรียบเรียง
ข้ันตอนการพัฒนาของทกั ษะเชงิ นวตั กรรมได้

3) แก้ปัญหา สาธติ ทำนาย เชอ่ื มโยง ความสัมพนั ธ์ เปลี่ยนแปลง คำนวณ หรือปรับปรงุ ขั้นตอน
การพัฒนาของทักษะเชงิ นวตั กรรมได้

4) แยกแยะ จัดประเภท จำแนกใหเ้ ห็นความแตกตา่ ง หรอื บอกเหตผุ ลขัน้ ตอนการพฒั นาของ
ทักษะเชิงนวัตกรรมได้

5) วดั ผล เปรยี บเทียบ ตีค่า ลงความเห็น วิจารณข์ ้ันตอนการพฒั นาของทกั ษะเชิงนวัตกรรมได้
6) รวบรวม ออกแบบ จัดระเบยี บ สรา้ ง ประดษิ ฐ์ หรอื วางหลกั การขัน้ ตอนการพฒั นาของทักษะ
เชงิ นวตั กรรมไดโ้ ดยมีทศั นะเก่ียวกบั นิยามของทักษะเชิงนวตั กรรม ของแหล่งอา้ งอิงทางวชิ าการตา่ งๆ
ดังน้ี
1) ขั้นตอนการพัฒนาของทักษะเชิงนวตั กรรม ตามทศั นะของ Magazine Spring
2) ขั้นตอนการพัฒนาของทักษะเชิงนวตั กรรม ตามทศั นะของ Landry
3) ขนั้ ตอนการพัฒนาของทักษะเชิงนวัตกรรม ตามทศั นะของ Pisano
4) ขน้ั ตอนการพัฒนาของทักษะเชงิ นวตั กรรม ตามทศั นะของ Molloy
5) ขน้ั ตอนการพัฒนาของทักษะเชิงนวตั กรรม ตามทศั นะของ Boutelle

243

คำชีแ้ จง

1) โปรดศึกษาเนอ้ื หาเก่ียวกบั ข้ันตอนการพฒั นาของทักษะเชิงนวัตกรรม จากทัศนะทน่ี ำมากล่าวถึง
แต่ละทัศนะ โดยแต่ละทัศนะท่านจะต้องทำความเข้าใจท่ีสามารถอธิบายกับตัวเองได้ว่า เขาให้
นิยามว่าอย่างไร

2) หลงั จากการศึกษาเน้อื หาแตล่ ะทศั นะ โปรดทบทวนความรคู้ วามเข้าใจของท่านอกี ครั้งจากแบบ
ประเมนิ ผลตนเองในตอนทา้ ยของคมู่ อื

3) เน้ือหาเกีย่ วกับขัน้ ตอนการพัฒนาของทักษะเชิงนวัตกรรม จากทศั นะทนี่ ำมากลา่ วถึงแต่ละทศั นะ
มีแหลง่ อ้างองิ ตามทแี่ สดงไว้ในตอนท้ายหลังของแบบประเมินผลตนเอง หากทา่ นต้องการศึกษา
รายละเอยี ดของทัศนะเหล่านั้น ซ่ึงต้นฉบับเปน็ บทความภาษาองั กฤษ ท่านสามารถจะสืบค้นต่อ
ได้จากเว็บไซตท์ ่ีระบุไว้ในแหลง่ อ้างอิงนนั้ ๆ

ทัศนะเก่ียวกับขั้นตอนการพัฒนาของทกั ษะเชิงนวตั กรรม

1. Magazine Spring นิตยสารแม็กกาซีนสปริง กล่าวว่าการจะประสบความสำเร็จในการ
สรา้ งนวตั กรรมมอี ยู่ห้าขน้ั ตอน นวัตกรรมทปี่ ระสบความสำเร็จน้นั มผี ลกับมูลค่าของบรษิ ทั ในอนาคต การ
พัฒนานวตั กรรมไม่ใชแ่ ผนกลยุทธ์ แตม่ นั สง่ ผลกบั แผนของบริษทั อยา่ งมาก ความสำคญั ของนวัตกรรมต่อ
อนาคตของบรษิ ัทน้นั ทกุ ๆคนรู้กนั ดีอย่แู ล้ว แต่ถึงกระน้ันหลายๆบรษิ ทั ก็ยังไมใ่ หค้ วามสำคัญกบั นวตั กรรม
ผู้เขียนทำงานเกี่ยวกับเอกสารด้านนวัตกรรมในปี ค.ศ. 2006 เกี่ยวกับกระบวนการสร้างนวัตกรรมให้
องค์กร คำถามคือทำอยา่ งไรใหอ้ งค์กรมีนวัตกรรม มีเอกสารและข้อมูลงานวจิ ัยประเภททีเ่ ป็นข้อมูลการ
สัมภาษณ์ โครงการวิจัยและพัฒนา ผู้เขียนทำงานร่วมกับนักวิจัยอาวุโสของฝ่ายวิจัยและพัฒนา ฝ่าย
การตลาดและบรหิ ารผลิตภัณฑ์ รวมถึงทำวจิ ยั ใหก้ บั ฝา่ ยบรหิ ารของบรษิ ัทในสหรัฐอเมริกาและยุโรปกว่า
30 บริษัท แต่ละบริษัทก็อยู่ในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันออกไป โดยงานวิจัยมีการวิเคราะห์รายงาน
ประจำปีด้วย และนีค่ ือหา้ ข้นั ตอนและวิธีการสรา้ งนวตั กรรมที่ประสบความสำเร็จ

ขน้ั ตอนท่ี 1 การสร้างความคิดและการระดมความคิด (Idea Generation and Mobilization)
การสร้างความคดิ เปน็ จุดเร่ิมต้นของการเกดิ ความคิดใหมๆ่ การสรา้ งความคิดจะประสบความสำเร็จได้ก็
ต่อเมื่อมีการกระตุ้นจากการแข่งขันและมีอิสระในการคิด ตัวอย่างเช่น บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์และ
ออกแบบตราสินค้าที่ชื่อ IDEO มีสำนักงานตั้งอยู่ที่ พาโล อัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย พวกเขาประสบ
ความสำเร็จจากการสง่ เสริมการสรา้ งความคดิ วิธกี ารที่ใช้คือการหาจุดทส่ี มดลุ ระหวา่ งความต้องการของ
บริษัทและความสนกุ สนานในบริษทั เมอื่ เกดิ ความคดิ ใหม่ๆข้ึนมา ความคิดนน้ั จะถูกนำไปสู่กระบวนการ
ระดมความคิดทนั ที ความคิดนนั้ จะได้รบั การวิจารณ์โดยหลายๆคน หลายๆความเห็นและตรรกะทม่ี ีความ
แตกตา่ งกนั โดยปกติผทู้ คี่ ิดคน้ ความคิดใหม่ๆมกั จะต้องการความเชี่ยวชาญด้านการตลาด ดังนั้นความคิด
ใหม่ๆที่คดิ ขึ้นมาจึงตอ้ งการใครสักคนเพือ่ ช่วยให้ความคดิ นั้นประสบความสำเร็จ ขั้นตอนการสร้างและ

244

ระดมความคิดจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก หากคุณข้ามขั้นตอนนี้ไปอาจทำให้การพัฒนานวัตกรรมเกิด
ความล่าช้าหรือถึงขน้ั ล้มเหลวได้

ขั้นตอนที่ 2 ขั้นตอนการสนับสนุนและกลั่นกรองความคิด (Advocacy and Screening)
ขั้นตอนนี้เป็นการชั่งใจถึงข้อดีและข้อเสียของแนวคิดทีไ่ ด้มา ขั้นตอนการกลั่นกรองความคิดต้องเกดิ ขน้ึ
ทนั ทหี ลงั จากการได้ความคิดนัน้ มา ขนั้ ตอนนเ้ี ป็นการขจดั ความคิดทข่ี าดศกั ยภาพในเรอ่ื งของความเป็นไป
ได้ แต่อย่างไรก็ตามผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต้องไม่ปฏิเสธความคิดนั้นทันที เพียงเพราะว่ามันเป็นไปได้ยาก
เพราะความแปลกใหม่ก็อาจจะมีประโยชน์ ผู้เขียนบทความพบว่าบริษัทที่ประสบความสำเร็จนั้นจะมี
กระบวนการประเมนิ ความคิดในองคก์ รทีม่ มี าตรฐานและมคี วามโปร่งใส เหตผุ ลก็คอื พนกั งานในองค์กร
รู้สึกสบายใจในการแสดงความคิดเห็น เพราะพวกเขารู้ว่าความคิดของพวกเขาจะถูกตัดสินแบบใด
ยกตัวอย่างเช่น วิศวกรคอมพิวเตอร์ซอฟแวร์คนหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีเคยกล่าวว่า “สิ่งหนึ่งที่ผม
ต้องการคอื การได้รับคำแนะนำเม่อื ผมนำเสนอความคิดออกไป บางครงั้ ความคดิ ของผมก็ผดุ ข้ึนมา แต่คน
อื่นๆก็ทำลายมันทันที ผมไม่รู้จะทำอย่างไร บางครั้งผู้บริหารขอความคิดจากผมไป แต่ก็ไม่ได้ให้ความ
คดิ เห็นใดๆกับผมว่าทำไมความคิดของผมถึงไมไ่ ดน้ ำไปใช้ในบริษัท”

ข้นั ตอนท่ี 3 ขนั้ ตอนการทดลอง (Experimentation) ขั้นตอนการทดลองเปน็ ขั้นตอนการทดสอบ
แนวคดิ ที่เกิดข้นึ ในองคก์ ร ณ ชว่ งเวลาใดเวลาหน่งึ ที่สภาพแวดลอ้ มเอ้ืออำนวย ขนั้ ตอนนี้จะเป็นการระบุ
ว่าลกู คา้ กลุม่ ใดทีจ่ ะไดป้ ระโยชน์จากนวัตกรรม และพวกเขาจะใชน้ วัตกรรมของเราไปเพอื่ อะไร สาเหตุท่ี
ต้องทดลองเพราะเวลาเปน็ เร่ืองสำคญั แมว้ ่าใครบางคนในบรษิ ัทจะมีความคดิ ทยี่ อดเย่ยี ม แต่ความคิดน้ัน
อาจจะอยู่ผิดเวลาหรืออาจจะเพียงแค่เหมาะกับตลาดเล็กๆเพียงตลาดหนึ่ง การทดลองที่ไม่ได้ผลไม่ได้
หมายถึงความล้มเหลวของความคิด เพราะมันอาจจะนำไปสู่ความคิดใหม่ที่ดีกว่า มีตัวอย่างหนึ่งของ
ธนาคารทีช่ ื่อ Washington Mutual พวกเขาประสบความสำเร็จในการใชก้ ารทดลองทางความคิด พวก
เขาไมใ่ ชน้ วัตกรรมการออกแบบสาขาในทกุ สาขาทั่วประเทศทนั ที แตท่ ดลองใชใ้ นบางสาขาแล้วดูว่าลูกค้า
มีพฤติกรรมตอบสนองต่อนวัตกรรมนั้นอย่างไร หลังจากนัน้ เมื่อลูกค้าแสดงความพอใจต่อการออกแบบ
สาขาในรูปแบบใหม่ พวกเขาก็เพิ่มการใช้นวัตกรรมในหลายๆสาขามากขึ้น จะเห็นว่าการใช้วิธีนี้ช่วยให้
ธนาคารประหยัดเวลาและทรัพยากรได้มาก และไม่ต้องรับความเสี่ยงในกรณีที่นวัตกรรมไม่ประสบ
ความสำเร็จอีกดว้ ย

ข ั ้ น ต อ น ท ี ่ 4 ก า ร ส ร ้ า ง ค ว า ม ค ิ ด ใ น เ ช ิ ง พ า ณ ิ ช ย ์ ( Commercialization In the
commercialization stage) ในข้ันตอนนีอ้ งคก์ รควรมองว่า นวตั กรรมนนั้ สามารถแก้ปัญหาของลูกค้าได้
อย่างไร ขั้นตอนต่อจากนั้นคือการวิเคราะห์หาต้นทุนและผลกำไรของการนำนวัตกรรมนั้นมาใช้จริงๆ
ผเู้ ขียนไดเ้ น้นย้ำวา่ “การคดิ คน้ สิง่ ใดๆก็ตามจะสามารถเรียกสง่ิ นั้นว่าเป็นนวตั กรรมไดก้ ็ต่อเมื่อสามารถใช้
ในเชิงพาณิชย์ได้เท่านั้น” ดงั น้ันข้ันตอนการสรา้ งนวตั กรรมเชงิ พาณชิ ย์จึงเป็นสง่ิ สำคญั มาก ซ่งึ ก็ต้องใช้คน
ที่มคี วามเหมาะสมในการพัฒนาความคดิ ไปสู่ขน้ั ตอนตอ่ ไป ผ้บู ริหารทา่ นหน่งึ เคยกลา่ วเอาไวว้ ่า “ เราเคย
เรียนรูส้ ิ่งหนึ่งคือ นักวิจัยและผู้ที่มีความคดิ ใหมๆ่ มักจะไม่เข้าใจศาสตร์ของการตลาดและการพาณิชย์ …

245

จากประสบการณท์ ผี่ า่ นมา เราเคยนำนกั วิจัยมาร่วมโครงการทางธรุ กิจและการพาณชิ ย์ ผลที่ได้คือความ
ล้มเหลวและความเจ็บปวด”

ขั้นตอนที่ 5 การเผยแพร่นวัตกรรมและการนำนวัตกรรมไปปฏิบัติ ( Diffusion and
Implementation) ขั้นตอนนี้ผู้เขียนบทความได้กล่าวเอาไว้ว่า “เป็นเหมือนเหรียญสองด้าน” การ
เผยแพร่นวัตกรรมเปน็ ข้นั ตอนสุดท้ายของการสรา้ งนวัตกรรม โดยทำใหท้ ัง้ บรษิ ทั ยอมรบั นวตั กรรมที่สรา้ ง
ข้ึนมา การนำนวตั กรรมสู่การปฏบิ ตั ิกเ็ ปน็ อกี ขน้ั ตอนทีส่ ำคญั การนำไปปฏิบตั ต้องมีข้ันตอนของการปฏบิ ตั ิ
วิธีการรักษานวัตกรรมนั้นไว้ รวมถึงตอ้ งรู้วา่ จะใช้ทรัพยากรอะไรเพื่อสร้างนวัตกรรมนั้นขึน้ มา ตัวอย่าง
ของการเผยแพร่นวัตกรรมทป่ี ระสบความสำเรจ็ ได้แก่ บริษัท International Business Machines Corp
วิธีทพ่ี วกเขาใชค้ ือให้พนกั งานมสี ่วนรว่ มต้ังแตก่ ระบวนการสรา้ งความคิด รวมถึงการระดมสมอง พวกเขา
ให้ลกู คา้ พันธมิตรทางธุรกจิ หรือครอบครัวของพนักงานมีส่วนรว่ มกบั กระบวนการน้ดี ้วย อีกตัวอย่างหน่ึง
คือบรษิ ัท IBM ที่เผยแพรน่ วัตกรรมโดยให้ทุกคนท่มี ีส่วนเก่ียวข้องมีส่วนรว่ มกับการสร้างนวตั กรรม

โปรดทบทวนตวั เอง แล้วตอบในใจวา่ ท่านเข้าใจข้นั ตอนการพัฒนาของทกั ษะ
เชงิ นวตั กรรม ตามทัศนะของ Magazine Spring วา่ อยา่ งไร ?

……………………………………………………………………………………….....................................................................
.......................................................................................................................................... ............................
...................................................................................................................................................

2. Landry ได้กล่าวถึงขั้นตอนการพัฒนานวัตกรรมควรมดี งั น้ี
ขั้นตอนท่ี 1 การค้นพบ (Discovery) ขั้นตอนการค้นพบแนวคิดใหม่ ๆ เป็นขั้นที่บริษัท

ทั้งหลายควรทุ่มเทเวลาและทรัพยากรไปกับมนั ในช่วงที่มีแนวคิดใหม่ ๆ เกิดขึ้นนี้ เหล่าสมาชิกที่มาก
ความสามารถจะทำการทดสอบแนวคิดดังกล่าว และทีมจะได้รู้ว่าพวกเขาจัดการปัญหาได้ถูกจุดแล้ว
หรือไม่ “ช่องวา่ งที่เกดิ ขนึ้ ตอนนค้ี อื การกระทำการล่วงหนา้ ใหด้ ีขึ้นกว่าเดิม” แมเรยี นกลา่ ว “ซึง่ มันจะทำ
ให้พนักงานมีทักษะในการทำความรู้จักโอกาสต่าง ๆที่เข้ามา ทักษะการนำหลกั การท่ีแตกต่างมาใชเ้ พื่อ
เกบ็ ขอ้ มูลจากผู้ซงึ่ อาจกลายมาเปน็ ลูกค้าในอนาคต และทักษะในการสรา้ งแนวคดิ ท่ีไมเ่ คยมมี าก่อนขึ้นมา
พูดง่าย ๆคือคุณต้องการหาแนวคดิ ที่ดีและลองทำมันดูสักหนอ่ ย แค่นั้นเอง” จุดนี้เองที่องค์กรทั้งหลาย
สามารถนำเทคนคิ การระดมความคิดมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ เทคนคิ ท่วี ่านั้น ตวั อย่างเช่นการะดมสมอง
และการสรา้ งรปู แบบการทำงาน เปน็ ตน้ การระดมความคิด – กระบวนการสร้างสรรค์ในการสรา้ งแนวคดิ
ใหม่ ๆ- เปน็ สว่ นทสี่ ำคัญในกระบวนการการคิดเชิงออกแบบ ซ่งึ องคก์ รตา่ ง ๆ ไดม้ ่งุ เน้นไปที่การเปิดเผย
ความเจ็บปวดในฐานะลูกคา้ ซึง่ ลูกค้าของพวกเขากำลังประสบอยู่ และมงุ่ เน้นไปที่พฒั นาผลติ ภัณฑ์ บรกิ าร
และโมเดลธรุ กจิ ใหม่ ๆซึง่ สอดคลอ้ งกับความต้องการของตนเอง วิธีหน่งึ ทไ่ี ด้ผลดแี ละทรงประสทิ ธิภาพใน
การเริ่มต้นขั้นตอนแห่งการค้นพบก็คือการนำการคิดแบบอเนกนัย (Divergent thinking) และการคิด
แบบเอกนัย (Convergent Thinking) มาใช้ การคิดแบบอเนกนัย (Divergent thinking) นั้นจะเป็นการ

246

คดิ แบบอสิ ระ ซึง่ พนกั งานทง้ั หลายจะได้รบั การส่งเสรมิ ให้หาเปา้ หมายและหาทางแกป้ ัญหาท่เี ปน็ ไปได้ให้
ได้มากที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้ จากนั้นทีมจะทำการ “รวบ” แนวความคิดที่ตรงใจลูกค้าและเป็น
ตัวเลือกที่ดีที่สุดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจของบริษัทเข้าด้วยกัน ในการคิดแบบเอกนัย
(Convergent Thinking) นั้นในทมี จะใชห้ ลักประชาธิปไตยในการดำเนนิ การ โดยให้สมาชกิ ทำการโหวต
3-4 แนวคิดที่พวกเขาคิดว่าน่าจะมีคุณภาพมากที่สุด เมื่อแนวคิดเริ่มเปน็ รูปเป็นร่างขึ้นแล้ว เป้าหมาย
ต่อไปก็คอื การสร้างรูปแบบการทำงาน –แม้วา่ จะเปน็ เพยี งแคก่ ารใชป้ ากกาเขยี นลงบนกระดาษกต็ าม- ซ่งึ
ทีมสามารถให้ผรู้ บั ผดิ ชอบทดสอบการใช้งานในชว่ งแรกได้ จากผลตอบรบั ของพวกเขาในชว่ งแรก องค์กร
ควรที่จะสร้าง Minimum viable product (MVP = ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบตั ิน้อยที่สุดทีส่ ามารถซ้ือขาย
ได้) หรือผลิตภัณฑ์ หรือเว็บไซต์ในรูปแบบที่ใช้คุณสมบัติอย่างน้อยที่สุดซึ่งประกอบไปด้วยฟังก์ชันการ
ทำงานหลักเท่านั้น โดยการสร้าง MVP นั้น ผู้ใช้งานจะสามารถเห็นภาพได้ชัดเจนว่าผลิตภัณฑ์ทำงาน
อยา่ งไรและสามารถแสดงความคดิ เห็นแต่เน่นิ ๆ เกี่ยวกบั สง่ิ ท่ซี ึง่ ทางทมี สามารถผลติ ซำ้ ได้ กระบวนการ
ดงั กลา่ วน้ีช่วยให้องค์กรพฒั นาและทดสอบแนวคิดได้อย่างรวดเร็วและประหยัดตน้ ทุนมากข้นึ

ขณะทนี่ ยิ ามของ MVP อาจจะยังดเู ป็นสงิ่ ใหม่ แต่แนวคิดของ MVP นั้นไม่ใชส่ ่ิงใหม่แต่อย่าง
ใด ดูอย่างเฮนรี ฟอร์ดและพี่น้องตระกูลไรท์ พวกเขาสร้างสิ่งที่มีรูปแบบซ้ำ ๆเพื่อเร่งพัฒนานวัตกรรม
โดยเฉพาะ แมเรียนกล่าวว่า ในระบบราชการยงั มีการเผยแพร่กระบวนการพัฒนาผลติ ภัณฑ์เพ่มิ มากขึน้
และความต้องการในการนำนวัตกรรมมาใช้ จากแนวคิดนำไปสูก่ ารพฒั นา ชน้ั ตอนการคน้ พบกลายมาเปน็
หนึ่งในขั้นตอนการวางแผนและวิเคราะห์ ซึ่งผลักดันการสร้างต้นแบบไปสู่ขั้นตอนการพัฒนา “เรา
สนับสนุนให้บริษทั สร้างต้นแบบในช่วงแรก ย้อนกลับไปสู่จุดแรกที่เปน็ นั้นก็คือขั้นตอนการค้นพบ” แม
เรยี นอธิบาย “ในช่วงท้ายของข้ันตอนการค้นพบ หากฉนั ทำการบา้ นมาอย่างถกู ตอ้ งแล้วก็หมายความว่า
ฉันได้ทดลองใช้ต้นแบบในช่วงแรกกับลูกค้าและได้แนวคิดที่ดีว่าโมเดลธุรกิจของฉันคืออะไร ซึ่งจะช่วย
เตรียมความพรอ้ มให้ฉนั กา้ วสู่ขน้ั ตอนการพฒั นาไดด้ ขี นึ้ ”

ข้ันตอนที่ 2 การพฒั นา (Development) เมือ่ ไดแ้ นวคิดทเ่ี ป็นรูปเปน็ รา่ งและได้สรา้ ง MVP
ขึ้นมาแลว้ องค์กรสามารถกา้ วไปสขู่ ้ันตอนทสี่ องน้ันกค็ ือขั้นตอนการพฒั นา “ซึ่งเป็นข้ันตอนที่คุณเร่ิมใช้
เงินไปในด้านออกแบบและวิศวกรรม” แมเรียนกล่าว ขั้นตอนการพัฒนามีการเปลีย่ นแปลงอย่างช้า ๆ
ในช่วง 10 ถึง 15 ปีที่ผ่านมาโดยการนำเครื่องมือซึ่งออกแบบมาเพื่อการทำงานร่วมกันและเครื่องมือ
ดจิ ิตอลมาใช้และการสร้างตน้ แบบทร่ี วดเรว็ การแบ่งทีม ระบบนิเวศนวตั กรรม และแนวคิดนวตั กรรมแบบ
เปิดชว่ ยใหส้ ามารถออกแบบการผลติ ซำ้ ได้อยา่ งคล่องตัว มีวงจรการพฒั นาทเ่ี รว็ ข้ึนและเพ่ิมระดับความ
ซับซ้อนและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น วิศวกรซึ่งทำการพัฒนาโครงยึดใหม่
สำหรับเครื่องยนต์เจ็ทสามารถอาศัยการวิเคราะห์แบบตามเวลาจริงในการทำให้โครงยึดนั้นมีความ
แข็งแรงยิ่งขึ้นและมีแนวโน้มที่จะผิดพลาดน้อยลงได้ นอกจากนั้นพวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จาก
เครอื่ งมอื การออกแบบเพ่ือเพ่มิ ประสทิ ธิภาพโครงยึดสำหรบั การผลิตเพิม่ เตมิ รวมไปถึงการพิมพ์ 3 มติ ขิ อง
ชิ้นส่วนการผลิตขัน้ สุดท้าย สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การออกแบบสุดล้ำ ที่ไม่สามารถทำได้โดยการออกแบบ
และใช้วิธีการผลิตแบบเดิม ๆ องค์กรสามารถร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทต่าง ๆได้ เช่นบริษัทฟอร์ท

247

(Forth) ซงึ่ เปน็ บรษิ ัททร่ี วบรวมผูเ้ ชี่ยวชาญท่ีจะช่วยแกป้ ญั หาด้านการออกแบบ ใหข้ ้อเสนอเพ่ิมเติมและ
ผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นอตุ สาหกรรม “ข้อดีของการใชป้ ระโยชนจ์ ากการออกแบบดจิ ิทัลระดบั แนวหนา้ คือการใช้
เครื่องมือและบริการเพื่อการทำงานร่วมกันในระหว่างขั้นตอนแห่งการพัฒนานั้นมีมากมาย” แมเรียน
กล่าว “ความนิยมนี้จะคงอยตู่ ่อไปเม่ือปญั ญาประดิษฐย์ กระดบั ความอัจฉริยะของเครื่องมือการออกแบบ
ใหส้ งู ข้นึ อีกขัน้ ” (artificial intelligence brings design tools’ intelligence to the next level)

ขั้นตอนที่ 3 การทำให้เป็นธุรกิจ (Commercialization) ท้ายที่สุดขั้นตอนการพัฒนาก็จะ
กลายมาเป็นธุรกิจ เป็นที่ที่คุณนำผลิตภัณฑ์หรือบริการสู่ท้องตลาด ขั้นตอนการทำให้เป็นธุรกิจสามารถ
แยกย่อยเป็นหลายขั้นตอน –จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์หรือบริการเป็นครั้งแรกไปสู่การผลิตจำนวนมาก
และการนำไปใช้ เม่อื คุณดำเนินงานไปในแต่ละขน้ั ตอนคุณจะไดร้ บั ขอ้ คิดเหน็ เพิม่ เตมิ จากลูกคา้ และคณุ จะ
ต้องการปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณอยู่เสมอ แมเรียนแนะนำให้บริษัทต่าง ๆเพิ่มการ
ทดสอบด้านการผลิต แม้ว่าจะผลิตออกมาได้ช้ากว่า หากแต่กลยุทธ์ที่นำมาใช้นี้ช่วยให้ทีมมีเวลาในการ
ตรวจสอบแก้ไขปัญหาได้มากขึ้นและทำให้ทีมได้รับข้อมูลตามเวลาจริงในด้านการยอมรับของตลาด
“บางคร้งั นกี่ เ็ ปน็ การขยายเวลาการทดลอง แบบกูเกิลกลาส (Google Glass)-และไดผ้ ลออกมาดีเนอื่ งจาก
ผลที่ได้คอื ผลิตภัณฑไ์ ม่ได้รบั นำเสนอมากนกั ” แมเรียนกล่าว “หรือเทสลา (Tesla) ซึ่งในขณะนี้กำลังทำ
การทดสอบเทสลาโมเดล3 อยู่ ใชพ่ วกเขามีข้อจำกัดในการผลติ แต่ฉนั ก็อยากจะบอกวา่ น่ันคือสิ่งท่ีดีที่สุด
สำหรบั พวกเขา ณ ขณะนี้” เพื่อการประสบความสำเร็จในการทำให้เกิดเป็นธรุ กิจ คุณยังจำเป็นตอ้ งตง้ั
ราคาสำหรับสนิ คา้ หรือบรกิ ารของคณุ และวางแผนการตลาดให้ดี คณุ จะทำอยา่ งไรใหผ้ บู้ ริโภครู้จักสินค้า
ของเราและกลายมาเป็นลูกค้าประจำของเรา? ควรมีการนำแผนการตลาดนั้นไปใช้ทั่วทั้งองค์กรเพื่อ
หลกี เลี่ยงความผิดพลาดดา้ นการสอ่ื สารระหว่างฝา่ ยการตลาดและฝา่ ยขายและทมี วิจัยและพัฒนา (R&D)
หรอื ทีมเทคโนโลยสี ารสนเทศ (IT) จากการสำรวจโดยแมค็ คนิ ซยี ์ (in a McKinsey survey ) มผี รู้ ่วมตอบ
แบบสอบถามเพียงร้อยละ 39 ระบุวา่ บรษิ ทั ของพวกเขาสามารถนำเสนอผลติ ภัณฑห์ รือบรกิ ารใหม่ ๆ ใน
เชิงพาณิชย์ได้เป็นอยา่ งดี เมอ่ื ถามพวกเขาว่าอะไรคอื ความท้าทายทีย่ ่ิงใหญท่ ่ีสุด พวกเขาตอบวา่ เป็นเรื่อง
ของความสัมพันธ์ระหว่างทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) และฝ่ายการตลาด โดยเฉพาะในเรื่องของการจัด
ตำแหน่งทรพั ยากรบุคคลและการเงินไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตลอดจนการขาดกระบวนการสำหรับ
การผลิตและแนะนำนวัตกรรม การกำหนดกลยุทธ์การตลาดแบบไปตลาดถือเป็นเรื่องสำคัญในชั้นตอน
การทำให้เป็นธุรกิจ ย่ิงกลยทุ ธน์ ีม้ คี วามคลอ่ งตัวมากข้นึ เท่าใด การเปดิ ตวั สินคา้ กจ็ ะมีประสิทธิภาพมาก
ขนึ้ น้ัน และมีแนวโนม้ วา่ ผลติ ภณั ฑห์ รือบรกิ ารของคุณจะไดร้ ับการยอมรับจากตลาดมากขน้ึ ตามไปด้วย

โปรดทบทวนตัวเอง แลว้ ตอบในใจวา่ ทา่ นเขา้ ใจขน้ั ตอนการพัฒนาของทกั ษะเชิง
นวตั กรรม ตามทศั นะของ Landry ว่าอย่างไร ?
……………………………………………………………………………………………................................
............................................................................................................................. ...........................
......................................................................................................................................

248

3. Pisano ได้กลา่ วถงึ ขัน้ ตอนการพฒั นานวัตกรรมไว้ดังนี้
ขัน้ ตอนที่ 1 กำหนดเปา้ หมายและแนวทางเชิงกลยทุ ธ์ในการสรา้ งสรรค์นวัตกรรม ข้ันตอนแรก

ของกระบวนการพฒั นากลยุทธด์ า้ นนวัตกรรมคือการกำหนดวา่ อะไรคอื ส่งิ ทค่ี ุณมงุ่ มนั่ อยากทำ หรือพูดอกี
อย่างก็คอื คุณตอ้ งทำการวิเคราะห์ ประเมนิ สถาณการณ์ปัจจุบันภายในองคก์ รของคุณ และระบเุ ป้าหมาย
ดา้ นนวัตกรรมอย่างชัดเจนและทศิ ทางกลยทุ ธ์ด้านนวัตกรรมของคุณ กำหนดว่าคณุ อยากจะบรรลผุ ลอะไร
โดยใช้นวัตกรรม? ให้คิดถึงเป้าหมายทางธรุ กิจระยะยาวของคุณและสิ่งทีม่ ีแนวโน้มจะช่วยสง่ เสริมธรุ กิจ
ของคณุ แมเ้ มอื่ เวลาผา่ นไปแลว้

ขั้นตอนที่ 2 รู้จักตลาด หาลูกคา้ และดูคูแ่ ข่งทางธุรกิจ ข้ันตอนที่สองในการสร้างกลยุทธด์ ้าน
นวัตกรรมก็คือการศกึ ษาตลาดเป้าหมายและกลุ่มเป้าหมายเพ่อื ดูว่าผลติ ภัณฑ์หรอื บริการของคุณตรงกับ
กลุ่มไหนบ้าง ในการปรบั ปรงุ พฒั นาและตอบสนองความต้องการของผบู้ รโิ ภคไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพน้ัน
คณุ จำเป็นต้องเขา้ ใจวา่ อะไรคอื ส่ิงทผี่ ู้บริโภคต้องการ แลว้ ตัดส่งิ อ่ืน ๆท่ไี มเ่ กย่ี วข้องออกไป จะทำเช่นน้ีได้
สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจอย่างชัดเจนว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นในตลาด อะไรคือตัวขับเคลื่อนและแนวโน้มใน
ตลาด เนือ่ งจากความต้องการในการแข่งขันเปน็ เรือ่ งส่วนบุคคลและมักจะเฉพาะเจาะจง จึงไม่แนะนำให้
คุณเลียนแบบกลยุทธ์การตลาดประเภทเดียวกันทีผ่ ู้อื่นใช้แล้วได้ผลมาท้ังหมด จะสมเหตุสมผลกว่าหาก
เรียนรู้มนั จากบทเรยี นอนั ทรงคณุ คา่ เมื่อพดู ถึงบทเรียนอันทรงคณุ ค่า กรุณาอา่ นบทความเร่อื ง 5 บทเรียน
ซ่งึ เจ้าของผลิตภณั ฑ์ทกุ คนควรเรยี นรจู้ ากนวัตกรรมที่ล้มเหลวลา่ สุด

ขั้นตอนท่ี 3 กำหนดคุณค่าของสินค้า ขั้นตอนต่อไปและอาจเป็นขั้นตอนที่สำคัญท่สี ดุ นั่นก็คอื
การกำหนดว่าอะไรคือส่ิงที่ทำให้สินค้าของคุณมเี อกลักษณ์และมคี ุณค่า คุณอยากจะประสบความสำเร็จ
อย่างไร? นวัตกรรมแบบใดที่องค์กรจะสามารถใช้คุณค่านี้ได้และได้เปรียบในสนามแข่งขัน? เนื่องจาก
เป้าหมายของนวัตกรรมคอื การสรา้ งความไดเ้ ปรียบทางการแขง่ ขนั คณุ กค็ วรท่จี ะเนน้ ไปทางการสรา้ งคุณ
ค่าที่ซึง่ ช่วยใหล้ ูกค้าประหยัดทั้งเงินและเวลา หรือทำให้พวกเขายินดที ี่จะจา่ ยเงินจำนวนมากข้นึ เพื่อซอ้ื
สินค้าของคุณ เน้นให้ประโยชน์ทางสังคมที่มากกว่า ทำให้สินค้าของคุณมีประสิทธิ ภาพหรือสะดวก
มากกว่าในการใช้งาน หรือทนทานมากกว่าและราคาจับต้องได้มากกว่าสินค้าตัวอื่นในตลาด เพื่อให้
สามารถสร้างคุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์ คุณต้องสามารถหาและทำธุรกิจในตลาดแห่งใหม่ที่ไม่มีคู่แข่งได้
เงอ่ื นไขขอ้ ไดเ้ ปรียบจะเกดิ ขึน้ เนื่องจากแขง่ ขนั ไม่ไดเ้ ป็นปญั หา ในการจะประสบผลสำเรจ็ น้ันคุณเพียงต้อง
ปรับปรุงพัฒนาผลิตภณั ฑห์ รือบรกิ ารท่ีมอี ยแู่ ล้วโดยสร้างความแตกตา่ งและหาวิธีลดต้นทนุ ลงไปอกี

ขัน้ ตอนที่ 4 สรา้ งทฤษฎแี ละระบบนวัตกรรมของคณุ ในการนำกลยทุ ธด์ ้านนวัตกรรมมาใช้ใน
รูปแบบที่สามารถปรับปรุงและบูรณาการได้นั้น คุณต้องบอกได้ว่าทฤษฎีและระบบนวัตกรรมใดที่คุณ
ตอ้ งการใชเ้ พอ่ื เชอ่ื มองคป์ ระกอบของโครงสรา้ งพ้นื ฐานนวัตกรรมต่าง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั ระบบใดจะเปน็ ระบบ
สนับสนนุ ทส่ี ำคญั ทีส่ ุดและช่วยในด้านการวดั ประเมนิ ผลกลยุทธ์ด้านนวตั กรรม? ครสิ โตเฟอร์ ฟรีแมน นัก
เศรษฐศาสตรช์ าวอังกฤษไดใ้ หน้ ิยามระบบนวตั กรรมไวว้ า่ “เปน็ เครอื ขา่ ยขององคก์ รทง้ั ภาครัฐและเอกชน
ซึ่งกิจกรรมและการทำงานร่วมกันขององค์กรเหล่านั้นเป็นการริเริ่ม นำเข้า ปรับปรุงและเผยแพร่
เทคโนโลยีใหม่ ๆ” พวกเขายงั ไดร้ วมองคป์ ระกอบดงั ต่อไปน้ีไวด้ ว้ ย

249

บทบาทของบริษัทด้านการวจิ ัยและพัฒนา (R&D) โดยเฉพาะบริษัทที่เกี่ยวกับด้านเทคโนโลยี
บทบาทของการศึกษาและอบรมที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรม โครงสร้างกลุ่มบริษัทในเครืออุตสาหกรรม
ระบบการผลิต การตลาด และการเงิน หากใช้กลยทุ ธ์ท้งั หมดทก่ี ลา่ วไปขา้ งตน้ นน้ั แล้ว ก็ไม่มคี แู่ ขง่ รายไหน
จะทำให้คุณต้องกลัว

ขั้นตอนท่ี 5 นำกลยุทธ์ไปใช้ หลังจากที่คุณได้เลือกแนวทางเชิงกลยุทธ์และเปรียบเทียบกับ
องค์ประกอบทีส่ ำคญั ทส่ี ุดทเี่ ก่ียวขอ้ งแลว้ ก็ถงึ เวลาทีจ่ ะนำกลยทุ ธด์ ้านนวตั กรรมมาใชจ้ ริง

เพื่อให้นวัตกรรมเปน็ กลยทุ ธ์ท่ีสำคัญที่สุด คุณต้องมุ่งเน้นไปทีเ่ ปา้ หมายและการนำกลยทุ ธ์วัต
กรรมมาใช้อย่างเป็นระบบสำหรับขั้นตอนนี้ขอแนะนำว่าควรเริ่มจากการพัฒนาด้านการแก้ปัญหาทาง
เทคโนโลยี ซึง่ จะกลายเปน็ ไม้เด็ดของกลยุทธเ์ ชงิ นวตั กรรมของคุณ แต่คุณไมต่ อ้ งรบี รอ้ นนัก

โปรดทบทวนตวั เอง แลว้ ตอบในใจว่าทา่ นเขา้ ใจขน้ั ตอนการพฒั นาของทักษะเชิง
นวตั กรรม ตามทัศนะของ Pisano ว่าอยา่ งไร ?

……………………………………………………………………………………………...............................................................
............................................................................................................................. .........................................
...................................................................................................................................................

4. Molloy ได้กล่าวถึง 5 ขนั้ ตอนในการนำนวัตกรรมไปใชจ้ ริงว่า เราทกุ คนคุ้นเคยกับเรอ่ื งราว
เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บริการ และกระบวนการที่ล้ำสมัย – องค์กรหรือบุคคลผู้ซึ่งมองเห็นโอกาสและหา
ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลง และยังมีเรื่องราวผู้ประกอบการผู้ซึ่งเคยปรากฏตัวบนปกนิตยสาร
Bloomberg Businessweek และยงั เปน็ ผ้เู ขยี นหนงั สอื ขายดีดา้ นกญุ แจสำคญั ในการประสบความสำเรจ็
ของพวกเขาอกี ดว้ ย ดเู หมอื นวา่ เร่อื งราวเหล่านัน้ จะเกดิ ข้ึนเม่ือจังหวะเวลาดหี รือด้วยความอัจฉริยะทงั้ นั้น
สว่ นนวัตกรรมเปน็ ตัวเลือกท่ีคนเพียงไม่กค่ี นจะเลือกใช้ แต่แก่นหลกั ของนวัตกรรมเปน็ เพยี งวิธีการในการ
แก้ปัญหาและสร้างคุณค่าในทิศทางใหม่ ๆ เป็นการปรับปรุงกระบวนการท่ีไร้ประสิทธิภาพ โดยนำความ
คดิ เหน็ จากลกู คา้ มาใช้ในการพฒั นาให้เกิดผลติ ภัณฑ์ใหม่ นวตั กรรมไมจ่ ำเป็นต้องเป็นตัวดงึ ดดู ความสนใจ
หรือเป็นตัวพลิกเกมในการที่จะนำไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนขององค์กร ความคิดริเริ่มเล็ก ๆ แต่ยิ่งใหญ่
เหลา่ นี้แทบไมไ่ ด้มาจากผบู้ ริหารระดับสูงหรือ “หอ้ งแล็บไอเดีย” แต่อยา่ งใด แต่กลับมาจากผู้มีส่วนร่วม
แต่ละคนและหัวหน้าพนกั งานด่านหน้าทีใ่ กล้ชิดกบั ลูกคา้ และเป็นผู้ที่สามารถเขา้ ใจถึงความตอ้ งการของ
ลูกค้าได้ดีที่สุด เมื่อพนักงานจากทกุ ระดับเรยี นรู้ท่ีจะมองตนเองในฐานะนักนวัตกรรมและได้นำแนวคดิ
ของตนมาทำให้เกิดขึ้นได้จริง ผลลัพธ์ที่ได้อาจทรงพลังอย่างถึงที่สุด นอกเหนือจากการเสริมสร้าง
เป้าหมายของบริษัทและเสริมสร้างผลกำไรแล้ว นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนโดยพนักงานที่เกี่ยวข้องกับผู้คน
มากมายน่ันมีประสิทธิภาพมากกว่าการรบั คำสั่งจากเบ้อื งบนเสียอีก

250

ขั้นตอนที่ 1 มองหาโอกาสสำหรับสร้างสรรค์นวัตกรรม (Spot opportunities for
innovation) “ไม่ว่านวัตกรรมจะอยใู่ นรูปแบบใด -รูปแบบการลงทนุ สน้ั ๆ รวดเรว็ วอ่ งไว หรอื ระยะยาว
หรอื การลงทนุ ครง้ั ใหญ่- นวัตกรรมเป็นพ้นื ฐานของการแก้ไขปัญหา” ให้คณุ คิดถงึ องค์กรของคณุ มปี ญั หา
อะไรที่ต้องแก้ไข? เราจะหาโอกาสได้จากไหน? เมื่อคณุ เกิดแนวคดิ ขึน้ มา พยายามค้นหามันจากหลายๆ
แงม่ มุ การทำเช่นนั้นคุณอาจค้นพบความเป็นไปไดท้ ่นี า่ สนใจหลายอย่างเลยทเี ดียว

ขั้นตอนที่ 2 จัดลำดับความสำคัญของโอกาส (Prioritize opportunities) คุณมีเวลาและ
ทรัพยากรทีจ่ ำกัด ดงั นั้นจดั ลำดับความสำคญั ของนวัตกรรมทสี่ ามารถทำใหเ้ กิดข้ึนได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณคิด
ว่าจะได้รบั ประโยชนส์ งู สดุ จากการลงทนุ กับนวัตกรรมใดมากกวา่ กัน จำกดั แนวคิดใหแ้ คบลงจนเหลือสอง
หรอื สามแนวคิดทคี่ ณุ ร้สู ึกว่าคมุ้ คา่ ทจ่ี ะลองทำ ลองทดสอบ และปรบั ปรุงใหม้ นั ดขี น้ึ แล้วตง้ั เปน็ สมมติฐาน
ทค่ี ณุ สามารถทำการทดสอบผา่ นการทดลองท่ตี ัง้ เปา้ ไวไ้ ด้

ขั้นตอนที่ 3 ทดสอบนวัตกรรมต่าง ๆ ที่มีความเป็นไปได้ของคุณ (Test your potential
innovations) กำหนดขอบเขตให้การทดสอบของคุณ โดยเฉพาะเมื่อทุกอย่างกำลังเริ่มต้นขึ้น คุณอาจ
ต้องการการเร่ิมตน้ ด้วย “รปู ภาพจำลอง (paper prototypes)” หรอื การรา่ งผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการ
ใหมอ่ ยา่ งง่าย ๆ ซ่งึ ผู้ใชส้ ามารถโตต้ อบกับคุณได้และดูว่าอะไรดีอะไรไมด่ ี ซงึ่ ตน้ แบบเหล่าน้ีใช้งานได้เร็ว
และราคาถกู และชว่ ยให้คณุ รู้วา่ ต้องปรับปรุงแนวคดิ ตรงไหนบ้าง ในการทดสอบแต่ละรอบก็จะยิง่ เพ่มิ การ
ทดลองความซบั ซอ้ นซึง่ เก่ียวข้องกับผู้บรโิ ภคหรือผใู้ ช้งานทม่ี ากยิง่ ขึน้

ขั้นตอนที่ 4 สร้างการสนับสนุนให้นวัตกรรมของคุณ ( Build support for your
innovations) อย่าไดเ้ ขนิ อาย หาจังหวะเหมาะ ๆ และบอกเล่าเรือ่ งราวของคณุ ให้ผูม้ ีสว่ นไดส้ ่วนเสียฟัง
รวมไปถึงผู้ที่มีทรัพยากรที่สามารถสนับสนุนสิ่งที่คุณต้องการได้ และผู้ที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงจาก
นวัตกรรมของคุณ คณุ จะตอ้ งปรับปรงุ แนวทางการเข้าหาของคุณตามสง่ิ ท่ีสำคญั ตอ่ แต่ละบุคคลและส่ิงที่
คุณต้องการจากพวกเขา

ข้ันตอนที่ 5 เรยี นรจู้ ากความพยายามในการสร้างสรรค์นวตั กรรมของคุณ (Learn from your
innovation efforts) คุณอาจเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “ยิ่งล้มไว ยิ่งเรียนรู้ไว” หลังจากการสร้างสรรค์แต่
ละนวัตกรรมทีผ่ ่านมา ให้เขยี นรายการสิ่งที่คุณจะทำซ้ำอีกครั้งและสิง่ ท่ีคุณจะไม่ทำอกี เด็ดขาด และคณุ
อย่าได้จมอยูก่ ับความล้มเหลวนานนัก กุญแจสำคัญคือการเรยี นรู้จากมันและนำมาเป็นบทเรียนสำหรบั
นวตั กรรมของคณุ ในอนาคต”

โปรดทบทวนตวั เอง แลว้ ตอบในใจว่าทา่ นเข้าใจขัน้ ตอนการพัฒนาของทกั ษะเชงิ
นวตั กรรม ตามทัศนะของ Molloy ว่าอยา่ งไร ?

……………………………………………………………………………………………..............................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................

251

5. Boutelle กล่าวถงึ 7 ข้ันตอนท่ีได้ผลสำหรบั การคดิ เชงิ นวตั กรรมและการลงมือทำ นวัตกรรม
ที่ประสบความสำเร็จต้องการมากกว่าการระดมความคิดอย่างสร้างสรรค์ มันต้องอาศัยการคิดอย่างมี
ระบบและกล่องท่เี ตม็ ไปด้วยเครอ่ื งมอื และเทคนิคตา่ ง ๆ ในการสร้างโอกาสใหม่ ๆ วิธีการ 7 ขนั้ ตอนการ
กระต้นุ ของดารินกนั เลย

ขั้นตอนที่ 1 ค้นหาความท้าทาย (Clarifying the challenge) ก่อนท่ีจะสร้างแนวคดิ แม้
เพียงแนวคิดเดียว ทำให้แนใ่ จวา่ ทศิ ทางของนวตั กรรมหรอื การพฒั นาผลิตภณั ฑส์ อดคล้องกบั พันธกิจของ
คณุ และเกี่ยวข้องกบั บรรดาลูกคา้ ระบุปัญหาทีค่ ุณกำลงั หาทางแก้หรอื โอกาสท่ีคณุ จะใชป้ ระโยชน์จากมัน
คณุ นิยามความทา้ ทายอย่างไรกเ็ ปน็ เร่อื งสำคญั สรา้ งความคดิ ทีช่ ดั เจนวา่ ความท้าทายด้านนวัตกรรมของ
คุณคืออะไรและเกบ็ รวบรวมจากมมุ มองอนั หลากหลาย ไม่ใชเ่ พียงมุมมองของซอี ีโอเท่าน้นั เก็บรวบรวม
ข้อมูลความเห็นของผู้ที่คุณทำงานด้วย อะไรคือปัญหา ความท้าทาย และโอกาสสำหรับคุณ? “อย่า
สร้างสรรคน์ วตั กรรมด้วยความแปลกแยก ให้ใส่ใจโซเชยี ลมีเดยี บ้างเพือ่ จะได้รู้ว่าลูกค้ากำลังคิดอะไรอยู่
และคน้ หาความทา้ ทายโดยเฉพาะกบั ลกู ค้าของคุณ” ดารินกล่าว

ขั้นตอนที่ 2 ตั้งคำถาม (Formulating the questions) เปลี่ยนความทา้ ทายของคณุ ให้
เป็นชุดคำถามหลาย ๆ ชุด จัดการคำถามที่คุณสร้างขึ้นให้เป็นหมวดหมู่ จากหมวดคำถามท่ัวไปไปจนถงึ
หมวดคำถามแบบเฉพาะเจาะจงมากข้ึนให้แต่ละคำถามเป็นตัวกระตุ้นที่ช่วยให้คุณพัฒนาคำถาม
เฉพาะเจาะจงให้มีจำนวนเพิ่มมากข้ึน ในขั้นตอนการพัฒนาและปรับปรุงคำถามเหล่านี้ สิ่งที่
คุ ณ ต้ อ ง ม อ ง ห า ก็ คื อ ท า ง เ ลื อ ก ที่ ห ล า ก ห ล า ย ขึ้ น เ พื่ อ ช่ ว ย ใ ห้ ใ ค ร สั ก ค น ส ร้ า ง เ ค รื อ ข่ า ย อั น
สร้างสรรค์ที่ช่วยจุดประกายความคิดขึ้นมาได้ให้ถามคำถามเหล่านั้นในช่วงช่ัวโมงการระดม
สมอง หรือในการทำการวิจัยการตลาด –เน้นในกลุ่มบุคคลหรือชุมชนออนไลน์ “ที่นี่แหละที่
คุณจะค้นพบพลังแห่งคำถามอันชาญฉลาดกว่า มีคำถามคุณภาพมากมายพอ ๆ กับแนวคิด
ใหม่ ๆ ในระหว่างกระบวนการทางนวัตกรรม” ดารินกล่าว

ขนั้ ตอนท่ี 3 สร้างแนวคดิ (Generating the ideas) ใชค้ ำถามจากขนั้ ตอนท่ี #2 ในการ
ช่วยสร้างสรรค์แนวคิด ความผิดพลาดทีพ่ บไดบ้ ่อยในขน้ั ตอนนค้ี อื การตัดความเป็นไปได้ออกโดยการด่วน
ตัดสนิ แนวคิดน้นั ๆเร็วเกินไป ดารนิ บอกว่า “ใหส้ งั เกตว่าแนวคดิ ใดกำลังเกดิ ขึน้ แตอ่ ย่าดว่ นตัดสนิ แนวคดิ
เหลา่ น้นั เร็วนัก เพราะมันเป็นเรือ่ งของข้ันตอนท่ี #4” หาแนวคิดเตรยี มไวเ้ ลยสกั รอ้ ยแนวคดิ สร้างแนวคิด
จากตัวเอง และรวบรวมจากแหล่งอื่น ๆ ดว้ ย

ขั้นตอนที่ 4 วิเคราะห์และสังเคราะห์แนวคิด (Analyzing and synthesizing ideas)
เมื่อคุณมีแนวคิดมากมายแล้ว ก็ต้องจัดให้เป็นหมวดหมู่ บางแนวคิดอาจเกีย่ วข้องกับอารมณ์ความร้สู กึ
เทคนคิ ความไมส่ มเหตุสมผล การใช้งานได้ และคาดเดาได้ จัดวางแนวคดิ รวมลงในถงั จากนน้ั ใส่แนวคิด
ลงในช่องเพื่อจำกัดให้แคบลง กรองและรอ่ นความคิด เปลีย่ นจากการมีความคิดทีม่ ากมายเปน็ การเลือก
แนวคิดที่คณุ ตอ้ งการจะพัฒนา ตัวอย่างเช่นสังเคราะห์แนวคิดจาก 500 แนวคิดให้เหลือเพยี ง 100 และ
จาก 100 ลดลงเหลือ 50 จาก 50 เหลือแค่ 5 เป็นต้น “อย่าแปลกใจหากคุณพบว่าตัวเองกำลังพยายาม
เอาแนวคิดมาใส่รวมกัน” ดารนิ อิคชก์ ล่าว

252

ข้นั ตอนที่ 5 พัฒนาแนวคิด (Developing concepts) สร้างและขยายของเขตแนวคดิ ของ
คุณอีกสักหน่อย เพิ่มรายละเอียดให้กับโครงที่วางไว้ พัฒนาความคิดที่ดีที่สุดของคุณให้เป็นแนวคิดท่ี
สมบรู ณแ์ บบมากยิง่ ข้นึ “สร้างบอรด์ แนวคดิ สำหรบั แต่ละคน –แนวคิดที่คุณอยากแสดงให้ลกู คา้ ดู บางครั้ง
ผมใช้แค่อนิ เดก็ ซก์ าร์ด 3x5 ในการเร่มิ ต้นเท่าน้ัน” ดารนิ กลา่ ว นี่แหละจดุ เรมิ่ ต้นของการนำชีวิตชีวามาสู่
แนวคิดของคุณ ลองจินตนาการว่าลกู คา้ ไดร้ บั รูแ้ นวคดิ นั้น แนวคดิ นนั้ ได้กลายเป็นแพคเกจ และนำเสนอ
ต่อลูกคา้ แล้วดูสิ แนน่ อนวา่ ทง้ั หมดเปน็ แคค่ วามคิดเทา่ น้นั แต่การจนิ ตนาการสามารถผลักดันแนวคิดไป
ข้างหน้าเพื่อให้คุณทำมันไดด้ ีขนึ้ นวัตกรรมไม่เคยหยุดนิง่ แม้ว่าจะถูกนำเสนอไปแลว้ ก็ตาม

ขั้นตอนที่ 6 ทดสอบและเลือกสรรแนวคิด (Testing and selecting concepts)
ขณะนี้คุณเข้าใกล้ขั้นตอนการนำเสนอนวัตกรรมหรือทางแก้ปัญหาแล้ว คุณสามารถนำเสนอ
แนวคิดเป็นข้อมูลภาพบนการ์ดอินเด็กซ์ได้ หรือในแบบสเก็ตซ์ หรือบน “กระดานไวท์บอร์ด”
โดยใช้แพลตฟอร์มอย่าง Digsite ให้การทดสอบแนวคิดหลาย ๆ แนวคิดและดูว่าอันไหนที่
ดีกว่าอันอื่น ๆ สังเกตว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับแนวคิดเ หล่านี้ น่ีอาจเป็นจุดที่
องค์กรของคุณนำแนวคิดมาใช้เป็นขั้นตอนต้นแบบ หรือเป็นจุดที่คุณเพิ่มรายละเอียดภาพ
ให้กับการส่ือสารของคุณ

ขั้นตอนที่ 7 การสือ่ สารและความก้าวหน้า (Communicating and advancing) สร้าง
แนวคดิ ด้านผลิตภัณฑ์ทด่ี ีท่ีสุดของคณุ เป็นหนึง่ เร่อื งทส่ี ำคัญ วิธีการส่อื สารและสถานทที่ ่คี ณุ สอื่ สารแนวคิด
ของคุณก็เปน็ อีกหนึ่งด้านทีส่ ำคัญไม่แพ้กัน คุณพร้อมจะเริ่มปฏิบัตกิ ารและนำเสนอแนวคิดของคุณแลว้
คุณอาจมคี วามรู้สึกลังเลขึ้นมา แต่อย่ารูส้ ึกแบบนั้นเลย แนวคิดของคณุ ไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งสมบูรณแ์ บบหรอก
คณุ สามารถพฒั นาไดเ้ สมอหากคุณได้รู้ว่าผอู้ น่ื มคี วามคิดเหน็ ตอ่ แนวคิดของคุณอยา่ งไร “เม่อื กระบวนการ
ดำเนนิ ไปอยา่ งถกู ต้อง ผมได้เหน็ คนที่เขาสามารถสรา้ งร้อยแนวคิดได้ภายในเวลาแค่ 2 ชั่วโมงเทา่ น้ัน ลอง
จินตนาการดูสิว่าคุณจะสามารถทำไดข้ นาดไหนเมื่อร่วมกบั สมาชิกอีกหลายคนที่ทำงานร่วมกัน” ดาริน
กล่าว “ให้อุปสรรคเป็นโอกาสในการเตบิ โตของเรา หากจำเป็นก็ให้ย้อนกลับไปที่ขั้นตอน #1 ใหม่และ
ปรับความท้าทายใหม่ และเร่ิมใหมอ่ ีกคร้งั เพราะว่านวตั กรรมเปน็ สง่ิ ท่ีไมเ่ คนหยดุ นิ่ง” ฉันชอบวิธีการคิด
อันละเอียดรอบคอบของดาริน มันทำให้ความคิดของฉันเฉียบคม ความคิดเพิ่มขึ้นทวีคูณ ทำให้คิดถึง
ความเปน็ ไปไดแ้ ละปรับปรงุ กระบวนการทำงานร่วมกันไดอ้ ย่างดี

โปรดทบทวนตวั เอง แล้วตอบในใจวา่ ทา่ นเขา้ ใจขัน้ ตอนการพัฒนาของทกั ษะเชงิ
นวัตกรรม ตามทศั นะของ Boutelle วา่ อย่างไร ?

……………………………………………………………………………………………..............................
............................................................................................................................. ...................................
.......................................................................................................................................................... ......

253

แบบประเมินตนเอง

โปรดทบทวนความร้คู วามเขา้ ใจของท่านอกี ครงั้ จากแบบประเมนิ ผลตนเองน้ี
1) ท่านเขา้ ใจข้ันตอนการพฒั นาทักษะเชงิ นวัตกรรมตามทัศนะของ Magazine Spring ชัดเจนดี
แล้วหรือไม่
[ ] ชดั เจนดแี ลว้ [ ] ยงั ไม่ชดั เจนดพี อ
หากยงั ไมช่ ดั เจนดพี อ โปรดกลบั ไปศกึ ษาใหมอ่ กี คร้ัง แลว้ ตอบคำถามในใจวา่ Magazine
Spring กลา่ วถึงข้ันตอนการพฒั นาของทกั ษะเชิงนวตั กรรมวา่ อย่างไร ?
2) ท่านเขา้ ใจขั้นตอนการพฒั นาทกั ษะเชงิ นวัตกรรมตามทศั นะของ Landry ชดั เจนดีแลว้ หรอื ไม่
[ ] ชัดเจนดแี ล้ว [ ] ยังไม่ชดั เจนดพี อ
หากยังไม่ชดั เจนดีพอ โปรดกลับไปศกึ ษาใหม่อกี ครั้ง แลว้ ตอบคำถามในใจว่า Landry กล่าวถงึ
ขน้ั ตอนการพฒั นาของทักษะเชงิ นวตั กรรมวา่ อย่างไร ?
3) ท่านเข้าใจขนั้ ตอนการพฒั นาทกั ษะเชงิ นวัตกรรมตามทศั นะของ Pisano ชดั เจนดแี ล้วหรอื ไม่
[ ] ชัดเจนดแี ล้ว [ ] ยงั ไม่ชัดเจนดพี อ
หากยังไม่ชดั เจนดีพอ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อกี ครัง้ แลว้ ตอบคำถามในใจวา่ Pisano กล่าวถงึ
ขน้ั ตอนการพัฒนาของทกั ษะเชิงนวัตกรรมว่าอยา่ งไร ?
4) ทา่ นเข้าใจขั้นตอนการพฒั นาทักษะเชิงนวตั กรรมตามทศั นะของ Molloy ชัดเจนดแี ล้วหรอื ไม่
[ ] ชัดเจนดแี ล้ว [ ] ยังไมช่ ดั เจนดีพอ
หากยงั ไม่ชัดเจนดพี อ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อกี ครง้ั แลว้ ตอบคำถามในใจว่า Molloy กลา่ วถงึ
ขั้นตอนการพัฒนาของทกั ษะเชิงนวตั กรรมว่าอย่างไร ?
5) ท่านเข้าใจขนั้ ตอนการพัฒนาเชิงนวตั กรรมตามทัศนะของ Boutelle ชัดเจนดีแลว้ หรอื ไม่
[ ] ชดั เจนดแี ลว้ [ ] ยงั ไมช่ ดั เจนดีพอ
หากยงั ไมช่ ัดเจนดีพอ โปรดกลบั ไปศึกษาใหมอ่ กี ครัง้ แล้วตอบคำถามในใจว่า J Boutelle
กล่าวถงึ ขน้ั ตอนการพฒั นาของทักษะเชิงนวัตกรรมว่าอยา่ งไร ?

หมายเหตุ หากตอ้ งการศึกษารายละเอียดของแต่ละทัศนะจากต้นฉบับท่เี ปน็ ภาษาองั กฤษ โปรด “Ctrl &

Click” เว็บไซตข์ องแต่ละแหลง่ ได้ ดังน้ี

Magazine Spring : https://bit.ly/3lqGcVp

Landry : https://bit.ly/32r4F48

Pisano : https://bit.ly/3lnRk5n

Molloy : https://s.hbr.org/34Fe2jD

Boutelle : https://bit.ly/33qpmhc

254

เอกสารอา้ งอิง

Magazine Spring (2007). The five stages of successful innovation. Retrieved September 5,
2019, from https://bit.ly/3lqGcVp

Landry, l . (2017). The innovation process. Retrieved September 5, 2019, from
https://bit.ly/32r4F48

Pisano (2020). 5 Steps to develop innovation strategy for your company. Retrieved
September 5, 2019, from https://bit.ly/3lnRk5n

Molloy. (2019). Five steps to implementing innovation. Retrieved September 5, 2019,
from https://s.hbr.org/34Fe2jD

Boutelle, j. (2020). 7 Sure-fire steps to innovation thinking and doing. Retrieved September
5, 2019, from https://bit.ly/33qpmhc

255

คู่มือชุดที่ 6

ทศั นะเก่ยี วกับการประเมนิ ทักษะเชิงนวัตกรรม

วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้

หลงั จากการศกึ ษาคมู่ ือชดุ น้แี ล้ว ทา่ นมีพัฒนาการด้านพทุ ธิพิสยั (Cognitive Domain) ซง่ึ เป็น
จดุ มงุ่ หมายทางการศึกษาทเ่ี ก่ียวข้องกับสมรรถภาพทางสมองหรือสติปญั ญาตามแนวคิดของ Benjamin
S. Bloom โดยจําแนกพฤตกิ รรมในขอบเขตนีอ้ อกเปน็ 6 ระดบั เรียงจากพฤตกิ รรมทีส่ ลบั ซบั ซอ้ นนอ้ ยไป
หามาก หรือจากทักษะการคิดขั้นตำ่ กวา่ ไปหาทักษะการคดิ ข้นั สงู กว่า ดังนี้ คือ ความจำ (Remembering)
ความเข้าใจ (Understanding) การประยุกต์ใช้ (Applying) การวิเคราะห์ (Analyzing) การประเมิน
(Evaluating) และการสร้างสรรค์ (Creating) ดังน้ี

1) บอกคณุ สมบตั ิ จบั คู่ เขยี นลำดับ อธบิ าย บรรยาย ขีดเสน้ ใต้ จำแนก หรอื ระบกุ าร
ประเมนิ ผลของทักษะเชงิ นวัตกรรมได้

2) แปลความหมาย อธบิ าย ขยายความ สรปุ ความ ยกตัวอยา่ ง บอกความแตกต่าง หรอื เรยี บ
เรยี งการประเมินผลของทักษะเชงิ นวัตกรรมได้

3) แกป้ ัญหา สาธิต ทำนาย เช่ือมโยง ความสมั พันธ์ เปล่ียนแปลง คำนวณ หรอื ปรับปรงุ การ
ประเมนิ ผลของทักษะเชิงนวัตกรรมได้

4) แยกแยะ จัดประเภท จำแนกใหเ้ หน็ ความแตกตา่ ง หรอื บอกเหตผุ ลการประเมินผลของ
ทักษะเชิงนวตั กรรมได้

5) วัดผล เปรียบเทียบ ตีคา่ ลงความเห็น วิจารณก์ ารประเมนิ ผลของทกั ษะเชิงนวตั กรรมได้
6) รวบรวม ออกแบบ จดั ระเบียบ สรา้ ง ประดิษฐ์ หรอื วางหลกั การการประเมินผลของทกั ษะ

เชิงนวตั กรรมได้
โดยมีทศั นะเก่ยี วกับนยิ ามของทกั ษะเชงิ นวตั กรรม ของแหลง่ อ้างองิ ทางวิชาการต่างๆ ดงั นี้
1)การประเมนิ ผลของทักษะเชงิ นวตั กรรม ตามทัศนะของ Bukidnon State University,

Malaybalay City, Bukidnon
2)การประเมินผลของทกั ษะเชงิ นวัตกรรม ตามทัศนะของ Research and Extension Unit,

Food and Agriculture Organization of the United Nations Rome
3)การประเมนิ ผลของทักษะเชงิ นวตั กรรม ตามทัศนะของ Butter & Beest
4)การประเมินผลของทักษะเชงิ นวัตกรรม ตามทศั นะของ Chell & Athayde

256

คำช้แี จง

1) โปรดศึกษาเนอื้ หาเกย่ี วกับการประเมนิ ผลของทักษะเชิงนวัตกรรม จากทศั นะทน่ี ำมากล่าวถงึ แต่
ละทศั นะ โดยแตล่ ะทัศนะท่านจะตอ้ งทำความเขา้ ใจท่สี ามารถอธบิ ายกบั ตัวเองไดว้ า่ เขาใหน้ ิยาม
ว่าอยา่ งไร

2) หลงั จากการศกึ ษาเนื้อหาแตล่ ะทศั นะ โปรดทบทวนความร้คู วามเข้าใจของท่านอีกคร้ังจากแบบ
ประเมินผลตนเองในตอนท้ายของคู่มอื

3) เนือ้ หาเกีย่ วกบั การประเมินผลของทักษะเชิงนวัตกรรม จากทศั นะทน่ี ำมากล่าวถึงแต่ละทัศนะมี
แหล่งอ้างอิงตามที่แสดงไว้ในตอนท้ายหลังของแบบประเมินผลตนเอง หากท่านต้องการศึกษา
รายละเอยี ดของทัศนะเหลา่ นั้น ซึ่งตน้ ฉบับเป็นบทความภาษาอังกฤษ ทา่ นสามารถจะสืบค้นต่อ
ไดจ้ ากเว็บไซตท์ ร่ี ะบไุ วใ้ นแหล่งอ้างองิ นน้ั ๆ

ทัศนะเกย่ี วกับการประเมินทักษะเชิงนวัตกรรม

1. Bukidnon State University, Malaybalay City, Bukidnon ได้พัฒนาแบบสอบถาม
เก่ยี วกบั ทกั ษะการสอนของครใู นศตวรรษที่ 21 (Questionnaire for Teachers' Practices on the 21st
Century Skills) โดยมีส่วนหนึ่งเป็นแบบประเมินทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม (Learning and
Innovation Skills) ดังมขี อ้ คำถามดงั น้ี

1) ระดมความคิดและหาโอกาสในการช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาความคิดและการรับมือกับ
ส ถา น ก า ร ณ์ ต ่ า ง ๆ ( Brainstorm and seek out opportunities for learners to
improve their ideals and on the way they react to situations)

2) ปรับเปลี่ยนโมเดลและจำลองสถารการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เรียนได้ลองแก้ปัญหาและสร้าง
แ น วคิ ด ใ ห ม ่ ๆ ขึ ้ น ( manipulate models and simulations for the learners to
experiment and create new ideas)

3) จัดทำกราฟฟิคเพื่อใช้อธิบายหัวข้อที่ยากและซับซ้อนให้เข้าใจได้ง่ายขึน้ (make graphic
organizers to illustrate difficul topics)

4) สร้างมาตรฐานโดยทำการประเมินผลการเรียนของผู้เรีย (provide learners with
performance standards by which their work will be evaluated)

5) สงั เกตผูเ้ รียนขณะเรียนรดู้ ว้ ยตัวเองในหอ้ งเรียน (observe the learners while they are
having the self-learning in the classroom)

6) ตรวจสอบให้แนใ่ จวา่ ในห้องเรียนมกี ารเรยี นรแู้ บบโต้ตอบกนั อย่างทวั่ ถงึ มากยิ่งข้นึ ซึง่ รวมถึง
การสงเสริมให้ตั้งข้อสงสัยและมีการสะท้อนการเรียนรู้ (ensure that a more
comprehensive approach to inquiry that includes wonder and reflection
must be used in the classroom)

257

7) ใช้กลยุทธ์การสอนที่น่าสนใจและเหมาะสมกับจุดประสงค์การสอน ระดับผู้เรียนและ
รปู แบบการเรยี นรู้ (use engaging instructional strategies suitable to instructional
purposes and learner’s levels and learning styles)

8) แนะให้ผู้เรียนพิจารณาความน่าเชื่อถือ หรือความลำเอียงในข้อเรียกร้องต่างๆ โดยจัด
กิจกรรมที่เหมาะสมเพื่อช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ (guide the learners in examining
reliability, bias or credibility of claims by means of giving activities that suit
in)

9) จัดให้ผูเ้ รียนมีการจัดการ จำแนก ตั้งคำถาม หรือประเมินผลงานของเพื่อนๆ ในห้องเรยี น
(facilitate the learners in organizing, classifying, questioning or evaluating the
work of their classmates)

10) พิจารณาบริบทหรือรวมเอามุมมองที่แตกต่างเข้าดว้ ยกันเพ่ือใช้ประเมินแนวคิดหรือการ
ป ฏิ บ ั ต ิ ( consider contexts or incorporate different perspective to evaluate
thoughts or actions)

11) รวบรวมขอ้ มลู ท่ีเกยี่ วข้องและมมุ มองต่างๆ เพอ่ื ใชถ้ า่ ยทอดความคิด การปฏบิ ัตแิ ละความ
เชื่อมั่นให้แก่ผู้เรียน (bring together relevant information and perspectives to
inform thoughts, actions or belief to learners)

12) สังเคราะห์และตีความข้อมูลโดยการถามคำถามสำคัญซ่ึงจะช่วยให้เห็นวิธีการแก้ปัญหา
กระจ่างมากยิ่งขึ้น (synthesize and interpret information by asking essential
questions that help clarify a path towards better solutions)

13) แบ่งปัญหาออกเป็นส่วนย่อยหรือเป็นข้อง่ายๆ และพัฒนาวิธีการแก้ปัญหาขึ้น (break
problems into smaller or simplier parts and develop criteria in solving
problems)

14) เลือกปัญหาทีส่ ามารถพบเจอได้ในชีวติ ประจำวนั และใหผ้ ้เู รียนไดล้ องหาวิธีแก้ปัญหาด้วย
ตนเอง (select problems that are applicable to real life situations and let the
leaners find solution)

15) . เตรยี มแบบฝกึ หัดใหผ้ เู้ รียนทำหลงั จากดูวีดโี อจบ (prepare some worksheet for the
learners to complete after watching the video)

16) . เคารพประสบการณ์หรอื มมุ มองของผู้เรยี นและผูอ้ ื่นขณะพวกเขาแบ่งปนั ความเห็นหรือ
แสดงแนวคิดโดยปราศจากอคติ (respect the experience or views of my learners
and others when expressing opinions or ideas without bias)

17) . สนับสนุนหรือสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้สอนร่วมซึ่งอาจรู้สึกลำบากใจในการแบ่งปนั
ความรู้หรือความเห็นให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น(support or empower learners and co-
teachers who are reluctant to share their knowledge or views)

258

18) สร้างกิจกรรมรวมกลุ่มเพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกันและแบ่งปันภาวะผู้นำ ( create
collaborative group activities to encourage paticipation and shared
leadership)

19) สนบั สนุนการประชุมทีผ่ รู้ ่วมประชุมสามารถโต้ตอบกนั ไดม้ ากกวา่ การจดั ประชมุ แบบนงั่ ฟงั
หรือการประชุมแบบเดิมที่เคยมีมาก่อน (allow an open conference style of
interaction rather than the one-way seating or traditional desk)

20) ม่งุ เนน้ ดา้ นการเรียนรดู้ ว้ ยโครงงานซงึ่ ช่วยใหผ้ ู้เรียนสามารถนำความรทู้ ่ีมีมารวบรวมกันใน
รูปแบบของคำถามที่เน้นและการประเมินสำหรับโครงงาน (focus on project-based
learning which enables learners to put knowledge together in the form of
focused questions and assessments for the project)

โปรดทบทวนตวั เอง แล้วตอบในใจวา่ ท่านเขา้ ใจการประเมินผลของทักษะเชิง
นวัตกรรม ตามทัศนะของ Bukidnon State University, Malaybalay
City, Bukidnon ว่าอย่างไร ?

……………………………………………………………………………………….....................................................................
.......................................................................................................................................... ............................
...................................................................................................................................................

2. Research and Extension Unit, Food and Agriculture Organization of the
United Nations Rome สถาบันวิจัยและส่งเสริม องค์กรด้านอาหารและเกษตรกรรมแห่งองค์การ
สหประชาชาติ ณ กรุงโรม ได้พัฒนาแบบประเมินเครื่องมอื วดั ศกั ยภาพทางนวตั กรรม (Assessment of
Innovation Capacities a Scoring Tool) โดยได้กลา่ วว่าเคร่ืองมือประเมินศกั ยภาพที่ได้นำเสนอน้เี ปน็
วิธีการประเมนิ ความสามารถในการสรา้ งสรรค์นวัตกรรม การระบจุ ุดแข็งและจดุ ออ่ น และประเมินการ
เปลี่ยนแปลงความสามารถในท้ายท่สี ุด

ภาพรวมของตัวช้วี ดั ทใ่ี ชใ้ นแบบสอบถามการให้คะแนนดา้ นศกั ยภาพ (Overview of indicators
used in the capacity scoring questionnaire)

หัวขอ้ ที่ 1: ศกั ยภาพในการรับมอื กบั ความซบั ซ้อน (Capacity To Navigate Complexity)
ตัวชว้ี ดั ท่ี 1.1 – การมที กั ษะในการทำความเขา้ ใจและแกไ้ ขปัญหา (Availability of skills to
understand and solve problems
ตัวชว้ี ัดที่ 1.2 – การมีทกั ษะดา้ นการจัดการ (Availability of management skills)
ตัวชี้วัดท่ี 1.3 – การเขา้ ถงึ และการระดมทรพั ยากรจากกลมุ่ /หนุ้ สว่ น (Access to and
mobilization of resources by group/partnership)

259

ตวั ชว้ี ดั ท่ี 1.4 – การเขา้ ถึงและแบง่ ปันข้อมลู โดยผมู้ สี ่วนได้สว่ นเสยี ภายในกล่มุ /หนุ้ สว่ น (Access
to and sharing of information by stakeholders within the group/partnership)
ตวั ชี้วัดท่ี 1.5 – การเข้าถึงและการแบ่งปันขอ้ มลู ในกลมุ่ /หุน้ สว่ นโดยบุคคลภายนอก (Access to
and sharing of information by group/partnership with outside actors)
ตวั ชีว้ ัดท่ี 1.6 – ส่งเสรมิ ความรจู้ ากทอ้ งถนิ่ เพอื่ นำมาใชใ้ นการพจิ ารณาตัดสนิ ใจ (Extent to
which value of local knowledge is recognized in decision-making)
ตวั ชว้ี ดั ที่ 1.7 – มกี ารตดั สนิ ใจร่วมกนั ในกลุ่ม/หุน้ ส่วน (Extent of informed decision-making
in the group/partnership)
ตัวชี้วัดท่ี 1.8 – มกี ารพฒั นาและระบวุ สิ ัยทศั นท์ ซ่ี ง่ึ ภายในกลมุ่ /ห้นุ ส่วนอยากให้มใี นอนาคต
(Development and identification of a vision where the group/partnership wants to
be in the future)
ตวั ชว้ี ัดท่ี 1.9 – การพัฒนาและระบกุ ลยทุ ธ์ (Development and identification of strategy)
หวั ข้อท่ี 2: ศักยภาพในการทำงานร่วมกบั ผ้อู น่ื (Capacity To Collaborate)
ตัวชีว้ ดั ที่ 2.1 – การมคี วามร่วมมอื กนั ภายในกลมุ่ /หนุ้ สว่ น (Existence of cooperation among
actors in the group/partnership)
ตัวชว้ี ัดที่ 2.2 – การสง่ เสรมิ ใหผ้ มู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ร่วมตัวแทนในการทำงานรว่ มกนั (Extent of
representation of stakeholders in coordination)
ตวั ชว้ี ัดที่ 2.3 – การมแี รงจงู ใจในการสรา้ งเครือขา่ ย รว่ มเปน็ หนุ้ สว่ น การมีปฏิสมั พันธก์ ับผู้มสี ่วน
ไดส้ ่วนเสียหลายราย (Existence of incentives for networking, partnering, multi
stakeholder interaction)
หวั ข้อที่ 3: ศกั ยภาพดา้ นการสะทอ้ นและการเรยี นรู้ (Capacity To Reflect And Learn)
ตัวช้ีวัดที่ 3.1 – การมสี ภาพแวดล้อมทสี่ ่งเสรมิ ให้เกดิ การเรยี นรแู้ ละทดลองร่วมกนั (Existence of
environment that encourages joint learning and experimentation)
ตวั ชว้ี ัดท่ี 3.2 – การมสี ว่ นรว่ มในการจดั อบรมซง่ึ ครอบคลุมกระบวนการดา้ นนวัตกรรมทผ่ี มู้ สี ่วนได้
สว่ นเสยี หลายราย (Participation in training programmes that cover multi-stakeholder
innovation processes )
ตวั ชี้วัดที่ 3.3 – การมคี วามเขา้ ใจในกระแสความรู้ (Understanding of knowledge flows)
ตัวชว้ี ดั ท่ี 3.4 – กระบวนการเกบ็ ขอ้ มลู และใหก้ ารดแู ล (Documentation and monitoring
processes)
หัวข้อที่ 4: ศกั ยภาพด้านการมีสว่ นร่วมในดา้ นกลยทุ ธแ์ ละกระบวนการทางการเมือง
(Capacity To Engage In Strategic And Political Processes)
ตัวช้ีวดั ที่ 4.1 – บทบาทและความรับผิดชอบของผู้นำ (Role and responsibilities of
leadership)

260

ตวั ชีว้ ดั ที่ 4.2 – ระดับความเข้าใจดา้ นการพฒั นาด้านเกษตรกรรมในหมผู่ ู้มสี ่วนไดส้ ว่ นเสยี
(Degree of awareness of agricultural development issues among stakeholders)
ตวั ชี้วดั ท่ี 4.3 – ระดบั ความเขา้ ใจด้านโอกาสในการเปลย่ี นแปลงนโยบาย (Degree of awareness
of opportunities for policy change)
ตวั ชวี้ ัดท่ี 4.4 – สง่ เสรมิ กระบวนการตดั สนิ ใจที่ไดร้ บั อิทธิพลมากจากผู้มสี ่วนได้ส่วนเสีย (Extent
to which decision-making processes are influenced by stakeholders)
ตวั ชี้วัดท่ี 4.5 – มชี ่องทางการสอ่ื สารทที่ รงประสทิ ธภิ าพ (Effectiveness of communication
channels)
หวั ขอ้ ท่ี 5: ทักษะด้านเทคนิคการทำงาน (Technical Skills)
ตัวชี้วดั ที่ 5.1 – การมีทกั ษะความสามารถทีจ่ ำเป็นต้องใช้ (Availability of required technical
skills)
หัวขอ้ ที่ 6: การสรา้ งสภาพแวดล้อม (Enabling Environment)
ตวั ชว้ี ัดท่ี 6.1 – สร้างสถานการณ์ทางเศรษฐกจิ และสงั คมทด่ี สี ำหรบั การเชอ่ื มโยงผผู้ ลติ กบั ตลาด
(Favourable socio-economic circumstances for linking producers to markets)
ตวั ชี้วัดท่ี 6.2 – มกี ระบวนการลงทะเบยี น / การรบั รองด้านการเกษตรทม่ี ปี ระสทิ ธิภาพ
(Efficiency of registration/certification processes in agriculture)

โปรดทบทวนตวั เอง แลว้ ตอบในใจว่าท่านเข้าใจการประเมินผลของทักษะเชงิ
นวัตกรรมตามทศั นะของ Research and Extension Unit, Food and
Agriculture Organization of the United Nations Rome ว่าอยา่ งไร ?
……………………………………………………………………………………………................................
........................................................................................................................................................
......................................................................................................................................
3. Butter & Beest ทำวิจัยเรื่องการตรวจสอบเครื่องมือวัดประสิทธิภาพของนวัตกรรม การ
พัฒนาและประเมินเครื่องมือ โดยวิธีการแบบผสม เขากล่าวในบทคัดย่องานวิจัยของเขาว่า
คณะกรรมาธิการยุโรปได้ระบุว่า นวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหภาพยโุ รป
มหาวิทยาลัยที่มคี วามเชี่ยวชาญทางด้านวทิ ยาศาสตร์มีความท้ายทายอย่างมากที่จะให้นกั เรียนของพวก
เขาสรา้ งนวัตกรรมขนึ้ มา ความพยายามสรา้ งนวัตกรรมไมไ่ ดจ้ ำกัดอย่ใู นมหาวิทยาลัยเทา่ นัน้ แม้แต่ธุรกิจ
เองก็ต้องการนวัตกรรม เขาได้เสนอ FINCODA (รูปแบบการประเมินประสิทธิภาพของนวัตกรรม) เพ่ือ
เปน็ เครื่องมือการประเมนิ ตนเองผา่ นระบบออนไลนซ์ ่ึงชว่ ยในการสร้างความร่วมมอื ในการสรา้ งนวตั กรรม
ระหว่างภาคการศึกษากับภาคธุรกิจ มีการสรา้ งความตระหนักถึงความจำเปน็ ในการมสี ว่ นรว่ มในการสรา้ ง
นวตั กรรมของทีมและบริษทั และทำให้นักเรยี น รวมถงึ ผู้ที่ทำงานในองค์กรธรุ กจิ ได้มีโอกาสร่วมมือกันใน
การสร้างนวตั กรรม นอกจากน้ี เคร่ืองมือดงั กล่าวยังทำใหก้ ารคดั เลือกผ้เู ข้ารว่ มทีมดว้ ยการใชร้ ูปแบบการ

261

สัมภาษณ์เชิงพฤติกรรม FINCODA นั้นแตกต่างจากเครื่องมือแบบอื่นๆ เพราะมีความน่าเชื่อถือและมี
ความถกู ตอ้ งที่ดีกว่า FINCODA แสดงความสัมพันธ์เชิงบวก และแสดงความมนี ัยสำคัญกบั พฤติกรรมเชิง
นวัตกรรม ผู้ใช้สามารถให้คะแนนตนเอง หัวหน้าฝ่ายก็สามารถให้คะแนนได้ด้วย รวมถึงเครื่องมือยัง
สามารถแสดงผลเชิงคณุ ภาพของนวตั กรรมได้ดว้ ย

จากผลการวจิ ยั เราได้เคร่อื งมอื สำหรับประเมนิ ตนเองและประเมนิ โดยหัวหน้าหนว่ ยงาน เครอ่ื งมอื
ทใ่ี ช้ต้งั คำถามวา่ เพือ่ ประโยชนข์ องการสรา้ งนวตั กรรม คณุ คิดวา่ คณุ มคี วามสามารถทจ่ี ะ :

1)มีความคิดสร้างสรรค์ – เป็นคนที่ชอบคิดโครงการใหม่ๆ (Creative thinking - Someone
who likes to think about a new project approach)

2)มีความคิดสร้างสรรค์ – เป็นคนที่มีความท้าทายในการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในแบบของ
ต น เ อ ง ( Creative thinking - Someone who finds it challenging to develop new
products in this/her own discipline)

3)มีความคิดสร้างสรรค์ – เป็นคนที่ชอบคิดว่าจะทำอย่างไรให้งานที่ทำอยู่มีการพัฒนาขึ้น(
Creative thinking - Someone who likes thinking about how work can be
improved)

4)มีความคิดสร้างสรรค์ – เป็นคนที่ชอบคิดว่าปัญหาที่ซับซ้อนนั้นมีความท้าทายแฝงอยู่
(Creative thinking - Someone who sees complex problems as challenging)

5)มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ –เปน็ คนท่เี กง่ ในการคน้ หาวิธกี ารใหม่ๆมาจัดการกบั ปัญหาทกี่ ำลงั เจออยู่
( Creative thinking - Someone who is good at finding a new solution to an
existing problem)

6)มีความคิดสร้างสรรค์ – เป็นคนที่เก่งในการรวมและผสมวิธีการหลายๆแบบ (Creative
thinking - Someone who is good at combining different disciplines)

7)มีความคิดสรา้ งสรรค์ – เปน็ คนทีส่ ามารถผสมผสานความคิดใหม่ๆกับความคิดเดิมท่ีมีอยู่แล้ว
(Creative thinking - Someone who can link new ideas to existing ideas)

8)แรงจงู ใจจากภายใน – เปน็ คนที่มองเหน็ โครงการทที่ า้ ทายในอนาคต(Intrinsic motivation -
Someone who sees his/her work/project as challenging)

9)แรงจูงใจจากภายใน – เป็นคนที่มองเห็นความน่าสนใจในการทำงานของตนเอง (Intrinsic
motivation - Someone who finds his/her work field interesting)

10) ความเป็นอิสระ – เป็นคนที่รู้สึกมีอิสระที่จะทำสิ่งใหม่ๆในงานที่ตนเองรับผิดชอบอยู่
( Freedom - Someone who feels freedom to pick up new things as part of
his/her job responsibilities)

11) ความเป็นอิสระ – เป็นคนที่มีเวลาให้กับสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ( Freedom - Someone who
thinks that there is enough time to pick up new things)

262

12) ความเป็นอิสระ – เป็นคนที่รู้ว่าหัวหน้าทีมจะคาดหวังอะไรจากเขาได้ (Freedom -
Someone who clearly knows what is expected from him//her)

13) อิสระในตนเอง –คิดว่าทำงานของตัวเองได้ดี (Autonomy - Someone who thinks
he/she is good at his/her work)

14) อิสระในตนเอง – เป็นคนทีร่ ับผดิ ชอบงานในแต่ละวนั ได้ดี (Autonomy - Someone who
can do his/her core tasks in a routine manner)

15) มีพฤติกรรมทำงานเชิงรุก – เป็นคนที่สามารถพัฒนาตนเองได้ (Proactive behavior -
Someone who can improve himself/herself)

16) มีพฤติกรรมทำงานเชิงรุก – เป็นคนที่มองหาวิธีพัฒนาการทำงานของตนเอง (Proactive
behavior - Someone who is looking for ways to improve work processes)

17) มพี ฤตกิ รรมทำงานเชงิ รุก – เป็นคนที่ลองพัฒนาผลติ ภัณฑ์หรือบริการที่เก่ยี วขอ้ งกบั องค์กรท่ี
ทำงานอยู่ (Proactive behavior - Someone who is trying to improve the products
or services which he/she works with/on)

18) มีพฤติกรรมทำงานเชิงรุก – เป็นคนที่ต้องการคำแนะนำในการทำงานของตนเองอยู่เสมอ
( Proactive behavior - Someone who regularly asks others for feedback on
his/her own performance)

19) มีพฤติกรรมทำงานเชิงรุก – เป็นคนที่ต้องการคำแนะนำในงานที่ตนเองเข้าไปมีส่วนร่วม
(Proactive behavior - Someone who regularly asks others for feedback on what
he/she is involved with)

20) มีพฤติกรรมทำงานเชิงรุก – เป็นคนที่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆเมื่อเขาสร้างสิง่ ใหม่ๆ
ขึ้นมา (Proactive behavior - Someone who asks for the opinion of others when
he/she invents something new)

21) มีพฤติกรรมทำงานเชิงรุก – เป็นคนให้ความสำคัญกับการพัฒนาในสิ่งที่เขารับผิดชอบอยู่
รวมถงึ การหาโอกาสใหมๆ่ ดว้ ย (Proactive behavior - Someone who is aware of the
developments in his/her discipline allowing him/her to identify new
opportunities)

22) มีพฤติกรรมทำงานเชิงรุก – เป็นคนท่ีตรวจสอบข่าวสารทีเ่ กี่ยวข้องกบั งานที่เขาทำอยู่ และ
มองวา่ งานท่ีเขาทำน้ันน่าสนใจ (Proactive behavior - Someone who checks if news
that relates to his/her discipline or workfield,is interesting for his/her work)

23) ยอมรับความเสี่ยงได้ – เป็นคนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงในการทำงานได้ (Risk
tolerance - Someone who is willing to take risks in his/her work)

263

24) ยอมรับความเสี่ยงได้ – เป็นคนท่ีชอบความทา้ ทาย แม้ว่าความท้าทายนั้นอาจทำให้องคก์ ร
หรือบริษัทต้องพบความเสี่ยง (Risk tolerance - Someone who likes to take a
challenge, even if it’s a risk for the company/organization)

25) ยอมรบั ความเสี่ยงได้ – เป็นคนทีย่ อมรับความเสยี่ งเพ่อื การสรา้ งนวตั กรรม (Risk tolerance
- Someone who takes risks in order to be innovation)

26) ยอมรับความเสี่ยงได้ – เป็นคนที่ชอบสถานการณ์ที่คาดเดาไม่ได้( Risk tolerance -
Someone who loves unpredictability)

27) ยอมรับความเสี่ยงได้ – เป็นคนที่เพื่อนร่วมงานสามารถกระตุ้นให้เกิดความคิดได้ (Risk
tolerance - Someone who is strongly stimulated by colleagues who seek
renewal)

28) ยอมรับความเสีย่ งได้ – เปน็ คนทค่ี ดิ ว่าการเข้ามาควบคุมการทำงานน้ันไม่มปี ระโยชน์ (Risk
tolerance - Someone who doesn’t find it important to have control over
his/her work)

29) ยอมรับความเสี่ยงได้ – เป็นคนที่เข้าใจและรับรู้ว่าทุกโครงการที่เข้าไปมีส่วนร่วม จะไม่
ประสบความสำเร็จทง้ั หมด (Risk tolerance - Someone who finds it logical that not
all the projects he/she participates in are successful)

โปรดทบทวนตวั เอง แล้วตอบในใจว่าท่านเขา้ ใจการประเมนิ ผลของทกั ษะเชงิ
นวัตกรรม ตามทัศนะของ Butter & Beest วา่ อย่างไร ?

……………………………………………………………………………………………...............................................................
............................................................................................................................. .........................................
......................................................................................................................................................................

4. Chell & Athayde ทำวิจยั เรือ่ ง การระบุและการประเมนิ คณุ ลกั ษณะแหง่ นวัตกรรมของ
คนในวัยหนุ่มสาว และการพัฒนาเครือ่ งมือในการตรวจสอบนวัตกรรมของคนหนุ่มสาว โดยเขากล่าววา่
การตรวจสอบความนา่ เชื่อถือของเคร่ืองมอื วดั และตรวจสอบนวัตกรรมของคนหนุ่มสาวนน้ั อา้ งอิงตามการ
ตรวจสอบความน่าเชอ่ื ถือของเกณฑก์ ารตรวจสอบในเครอื่ งมือชุดแรก โดยชุดปัจจบุ นั เปน็ เครื่องมอื ที่ไดร้ บั
การพฒั นามาเป็นชุดทสี่ ามแล้ว โดยมีการใชต้ วั แปรหลายอย่าง ซ่งึ เก่ยี วขอ้ งกบั ความตั้งใจของนักเรียนใน
การสร้างอาชีพทางด้านนวัตกรรม ผู้ตอบแบบสอบถามจะต้องระบุระดับความเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
โดยใช้ระดบั 1 ถึงระดับ 7 ในการตอบคำถามทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั ด้านต่างๆ ดังน้ี

264

ความคิดสรา้ งสรรค์ (Creativity)

1) ฉนั ต้องการการเรียนทม่ี กี จิ กรรมที่ใชค้ วามคิดสรา้ งสรรค์ (I would like my lessons to
involve lots of different creative activities)

2) ฉนั ชอบการเรยี นทม่ี ีกจิ กรรมต่างๆมากกวา่ การน่ังเรยี นเฉยๆท่ีโตะ๊ ( I prefer lessons that
involve different activities rather than just sitting at my desk)

3) ฉันร้สู ึกภูมใิ จทไี่ ดอ้ อกแบบอะไรบางอย่างดว้ ยตวั เอง (I feel proud when I’ve designed
something myself and made it)

4) ฉันชอบทำงานอะไรก็ตามที่ใช้งานไดจ้ ริง ( I like doing things that are very practical)
5) ฉันเลอื กวชิ าเรียนในโรงเรยี นหรือมหาวิทยาลัย ทใ่ี หโ้ อกาสฉนั ไดน้ ำเสนอความคดิ (I have

chosen subjects at school/college that give me the freedom to express my own
ideas)
6) จนิ ตนาการของฉนั เปน็ ประโยชนต์ ่อวิชาเรยี นในโรงเรยี น / มหาวทิ ยาลัย (The subjects I have
chosen at school/college require my imagination)
ความเปน็ ผู้นำ (Leadership)

7) ฉนั ชอบการเปน็ ผ้นู ำกลมุ่ (I really like being leader of a group)
8) การทำงานโครงการ ทำให้ฉนั มโี อกาสไดเ้ ป็นผนู้ ำกล่มุ (Project work gives me the chance

to take a leading role in the group)
9) ในระหวา่ งการทำงานเป็นทมี ฉันพยายามกระตุ้นใหท้ กุ คนคล้อยตามความคดิ ของฉัน (When

working in a group I do my best to persuade the others to take up my ideas)
10) ฉนั เลือกทจ่ี ะทำงานในตำแหนง่ ผู้นำทีมเสมอ (I am often chosen to be the team leader

or captain of my team)
11) ฉันชอบการทำงานบริหารทีม (I like organising other people)
12) เม่อื เพ่ือนๆในทมี ไมส่ ามารถตัดสนิ ใจได้ พวกเขารบั ฟังคำแนะนำของฉัน (My friends follow

my suggestions when they can’t make up their minds)
ความมุ่งม่นั (Energy)

13) มกี ำลงั ใจในการทำงาน เม่ือได้รบั รางวลั จากการทำงาน (It’s energising when you are
given rewards for good work)

14) ฉันรสู้ กึ ตนื่ เต้นและมกี ำลงั ใจเม่ือฉันไดส้ รา้ งส่ิงที่ไม่เคยมใี ครทำได(้ I feel really motivated
when I produce something that no one else has)

15) ฉันกระตือรอื ร้นในการเรยี นวิชาทฉ่ี ันเลอื ก (I feel really enthusiastic about my chosen
subjects)

16) ฉนั กระตือรอื รน้ ที่จะช่วยเหลอื ผอู้ ืน่ (It’s energising and rewarding to help other people)
17) ฉันพยายามทำคะแนนใหไ้ ด้ดี (I really push myself to achieve good grades)

265

18) เม่อื ฉันทำอะไรก็ตาม ฉนั มเี ปา้ หมายเสมอ (When I’m doing something I like to feel it
has a purpose or goal)

19) ฉันมีพลังมากมายในการทำงานแตล่ ะวนั ( I have lots of energy for work and play)
การรบั รู้ความสามารถของตนเอง (Self-efficacy)

20. ฉันมองหาส่ิงอื่นๆท่ีอยู่ภายนอกโรงเรียน/ มหาวทิ ยาลัย แต่สงิ่ น้นั ฉนั ตอ้ งรสู้ กึ วา่ ควบคุมได้ ไม่
ก่อให้เกดิ ปัญหาตามมา (I like to pursue my interests outside school/college where I
feel more in control)

21. ฉันคดิ ว่าในอนาคตฉันอยากทำงานที่ทา้ ทาย ในขอบเขตท่ตี นเองสนใจ (I want my future
work to be based around a set of challenges that I would find interesting)

22. เม่อื ฉนั เร่ิมตน้ ทำอะไรแลว้ ฉนั จะทำใหส้ ำเร็จ (Once I start something I like to finish it)
23. ฉันจะเขา้ ร่วมกลมุ่ /ชมรม ทต่ี นเองสนใจ โดยไมส่ นใจวา่ เพือ่ นสนทิ ของฉนั จะเข้ารว่ มหรือไม่ (I

would join a club/interest group independently of my friends if it was something
I really wanted to do)
24. ความคดิ ของผู้อืน่ ไม่ได้มผี ลกบั ฉนั มากนกั ฉันจะทำในสงิ่ ทีฉ่ นั คดิ วา่ ดีทีส่ ุด (I’m not easily
swayed by other people’s opinions, but do what I think is best)
25. นักเรยี นควรออกความเหน็ เก่ียวกบั แนวทางการดำเนนิ งานของโรงเรยี น/มหาวิทยาลยั
(Students should have a say in how a school/college is run)
26. เงินของฉนั มคี วามสำคัญ เพราะน่ันทำให้ฉันรสู้ ึกวา่ มอี สิ ระ (My spending money is
important because it gives me a sense of my independence)
27. มีคนบอกใหฉ้ ันลองพจิ ารณาตวั เอง (I’ve been brought up to think for myself)
การชอบความเสย่ี ง (Risk-propensity)

28. เมือ่ ฉันต้องตัดสินใจ ฉนั คดิ เสมอวา่ สงิ่ ทจ่ี ะเกดิ ขึน้ กบั ฉันในอนาคตมอี ะไรบา้ ง (When I make
choices I want to be as sure as possible what the future consequences will be
for me)

29. ฉันต้องการใหก้ ารทำงานของฉนั เป็นโอกาสที่จะแสดงใหท้ ุกคนเหน็ วา่ ฉันสามารถแก้ปญั หาได้ (
I want my work to provide me with opportunities to show that I can overcome
problems)

30. ฉนั จะไม่เสย่ี งในกจิ กรรมท่อี าจจะทำใหฉ้ ันไดค้ ะแนนน้อยลงในการเรยี นในโรงเรยี น /
มหาวิทยาลัย (I would not take a risk on an activity that might spoil my chances of
getting good grades at school/college)

31. สง่ิ ทก่ี ระตุน้ ฉนั ในการเรียนในโรงเรยี น/ มหาวิทยาลัยคือความกลวั สอบตก (Fearing that I
might fail my exams is a powerful motivator at school/college)

266

โปรดทบทวนตัวเอง แลว้ ตอบในใจวา่ ทา่ นเข้าใจการประเมินผลของทักษะเชิงนวตั กรรม
ตามทัศนะของ Chell & Athayde ว่าอย่างไร ?

……………………………………………………………………………………………..............................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................

แบบประเมนิ ตนเอง

โปรดทบทวนความรคู้ วามเขา้ ใจของทา่ นอีกครง้ั จากแบบประเมินผลตนเองน้ี

1) ท่านเขา้ ใจการประเมนิ ผลทกั ษะเชิงนวตั กรรมตามทัศนะของ Bukidnon State University,
Malaybalay City, Bukidnon ชดั เจนดีแล้วหรือไม่
[ ] ชัดเจนดีแล้ว [ ] ยงั ไม่ชัดเจนดพี อ
หากยงั ไมช่ ัดเจนดพี อ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อกี ครงั้ แลว้ ตอบคำถามในใจวา่ Bukidnon State
University, Malaybalay City, Bukidnon กล่าวถึงการประเมินผลของทักษะเชงิ นวัตกรรมวา่
อยา่ งไร ?

2) ทา่ นเขา้ ใจการประเมินผลทักษะเชิงนวัตกรรมตามทัศนะของ Research and Extension Unit,
Food and Agriculture Organization of the United Nations Rome ชัดเจนดแี ลว้ หรอื ไม่
[ ] ชดั เจนดแี ลว้ [ ] ยงั ไม่ชัดเจนดพี อ
หากยงั ไม่ชัดเจนดพี อ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อกี คร้ัง แล้วตอบคำถามในใจวา่ Research and
Extension Unit, Food and Agriculture Organization of the United Nations Rome
กล่าวถงึ การประเมินผลของทกั ษะเชงิ นวตั กรรมวา่ อย่างไร ?

3) ทา่ นเข้าใจการประเมนิ ผลทักษะเชิงนวตั กรรมตามทศั นะของ Butter & Beest ชัดเจนดแี ล้ว
หรือไม่
[ ] ชัดเจนดีแลว้ [ ] ยงั ไมช่ ดั เจนดีพอ
หากยังไมช่ ดั เจนดพี อ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อกี คร้งั แล้วตอบคำถามในใจวา่ Butter & Beest
กล่าวถึงการประเมินผลของทกั ษะเชิงนวตั กรรมว่าอย่างไร ?

4) ท่านเขา้ ใจการประเมินผลทักษะเชงิ นวตั กรรมตามทัศนะของ Chell & Athayde ชัดเจนดแี ลว้
หรือไม่
[ ] ชัดเจนดแี ล้ว [ ] ยงั ไม่ชดั เจนดีพอ
หากยังไม่ชดั เจนดีพอ โปรดกลบั ไปศึกษาใหม่อกี คร้ัง แล้วตอบคำถามในใจว่า Molloy กล่าวถึง
การประเมนิ ผลของทกั ษะเชงิ นวตั กรรมวา่ อย่างไร ?

267

หมายเหตุ

หากต้องการศึกษารายละเอียดของแต่ละทัศนะจากต้นฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษ โปรด “Ctrl & Click”

เวบ็ ไซตข์ องแตล่ ะแหลง่ ได้ ดังน้ี

Bukidnon State University : https://bit.ly/2Oev1zP

Research and Extension Unit, Food and Agriculture Organization of the United

Nations Rome. : http://www.fao.org/3/a-i7014e.pdf

Butter, R. & Beest : https://bit.ly/38Mc6pl

Chell, E. & Athayde :

https://core.ac.uk/download/pdf/90615.pdf

เอกสารอ้างอิง

Bukidnon State University. (2018). Questionnaire for teachers' practices on the 21st
century skills. Retrieved June14,2019 from https://bit.ly/2Oev1zP

Butter, R. & Beest, W.V. (2017). Psychometric validation of a tool for innovation
competencies development and assessment using a mixed-method design.
Retrieved June14,2019 from https://bit.ly/38Mc6pl

Chell, E. & Athayde, R. (2009). The identification and measurement of innovation
characteristics of young people: Development of the youth innovation skills
measurement tool. Retrieved June14,2019 from
https://core.ac.uk/download/pdf/90615.pdf

Research and Extension Unit, Food and Agriculture Organization of the United Nations
Rome. (2017). Assessment of innovation capacities a scoring tool. Retrieved June
14, 2019 from http://www.fao.org/3/a-i7014e.pdf

268

คูม่ ือประกอบโครงการครนู ำความรสู้ ่กู ารพฒั นานกั เรยี น

269

คู่มอื เชิงปฏบิ ตั กิ ารเพอื่ พฒั นาทักษะเชิงนวตั กรรม
ให้แกน่ กั เรียน

วัตถปุ ระสงค์เพอื่ การปฏิบตั ิ

คู่มือเชิงปฏบิ ตั ิการประกอบโครงการครูนำความรู้สูก่ ารพัฒนานักเรียนนี้ จัดทำขึ้นเป็นให้ท่านได้
ทราบถงึ ประเดน็ ตา่ งๆ ทจี่ ะช่วยใหท้ า่ นนำความรทู้ ีท่ ่านได้รับจากโครงการแรก คือ โครงการพฒั นาความรู้
ของครผู สู้ อนเกย่ี วกบั การพฒั นาทักษะเชิงนวัตกรรมนำไปสกู่ ารปฏบิ ัติ คือ การพัฒนานักเรียน ได้อย่างมี
ประสิทธภิ าพและประสิทธผิ ล ดงั น้ี

1) ทบทวนถงึ คณุ ลกั ษณะหรือทักษะเชงิ นวัตกรรมที่คาดหวงั ใหเ้ กิดข้ึนกับนักเรยี น หลงั จากได้รับ
การพัฒนาจากท่านตามโครงการครูผูส้ อนนำความรู้สู่การพัฒนานักเรียน ในระยะ 2-3 เดือน
หลังจากนี้

2) ทบทวนถงึ หลกั การ / แนวคดิ / เทคนิค / วธิ ีการ / กิจกรรมทีเ่ ป็นทางเลือกท่ีหลากหลายเพื่อ

การพัฒนาทักษะเชิงนวัตกรรมจากทศั นะของนักวชิ าการหรือหน่วยงานท่ีท่านได้ศึกษามาจาก
คู่มือประกอบโครงการแรก คอื โครงการพัฒนาความร้ขู องครผู สู้ อนเก่ียวกับการพัฒนาทักษะ
เชิงนวัตกรรมเพื่อใช้เป็นแนวทางการพัฒนาของท่าน ซึ่งหากมีมากมาย อาจเลือกใช้แนว
ทางการพัฒนาทที่ า่ นเห็นวา่ สำคัญ
3) ทบทวนถึงข้ันตอนการพัฒนาทักษะเชิงนวัตกรรม จากทัศนะของนักวิชาการหรือหน่วยงานท่ี
ท่านได้ศึกษามาจากคู่มือประกอบโครงการแรก คือ โครงการพัฒนาความรู้ของครูผู้สอน
เกย่ี วกับการพฒั นาทักษะเชงิ นวัตกรรม เพอื่ ใชเ้ ปน็ แนวทางการพัฒนาของท่านเอง ซึ่งอาจจะ
ยดึ ถอื ตามทัศนะใดทัศนะหนึ่ง หรือบรู ณาการข้นึ ใหม่จากหลายๆ ทศั นะ
4) ระบถุ งึ หลกั การ / แนวคิด / เทคนคิ / วิธีการ / กิจกรรมท่เี ป็นทางเลอื กท่หี ลากหลายเพอื่ การ
พฒั นา และข้นั ตอนการพฒั นาทท่ี า่ นนำไปใชใ้ นการพัฒนานักเรียน
5) ให้ขอ้ สังเกตถงึ ปัจจัยทสี่ ่งผลในทางบวก และปัญหาหรืออปุ สรรคต่อการปฏบิ ตั ิงานของท่านใน
การพฒั นาทักษะเชิงนวัตกรรมแก่นกั เรยี น
6) ระบุถึงวิธีการที่ทา่ นนำมาใช้เพื่อแกไ้ ขปัญหาหรืออุปสรรคต่อการปฏิบัติงานของท่านในการ
พฒั นาทักษะเชงิ นวตั กรรมแก่นักเรยี น
7) ระบถุ ึงบทเรียนสำคญั ท่ีได้จากการการพัฒนาทักษะเชิงนวตั กรรมแก่นักเรียน
8) ระบถุ ึงข้อเสนอแนะสำคญั เพ่ือให้การพัฒนาทกั ษะเชงิ นวตั กรรมแกน่ กั เรยี นประสบผลสำเร็จ

270

ทบทวนความรู้ความเขา้ ใจจากโครงการพัฒนาครผู ู้สอน
เพ่อื พัฒนาทักษะเชิงนวัตกรรมแกน่ กั เรียน

1. ทบทวนคณุ ลักษณะหรอื ทักษะเชิงนวตั กรรม ทคี่ าดหวงั ใหเ้ กิดขึ้นกับนักเรียน
1.1 ความคาดหวังคุณลกั ษณะของนักเรยี นท่ีมีทักษะเชิงนวตั กรรมจากนานาทศั นะทางวิชาการ
Zenger (2015)
1)ผู้นำกำหนดวสิ ยั ทัศนร์ ่วมกันเพื่อนรว่ มงาน (Leaders Jointly Created a Vision with their
Colleagues)
2)การสร้างความไว้วางใจ (They Build Trust)
3)ลักษณะของผู้กำหนดทศิ ทางการดำเนินการด้านนวตั กรรม (Innovation Champions)
4)ผนู้ ำทสี่ ง่ เสริมนวัตกรรมจะถกู กล่าวถงึ ในเรือ่ งความเชย่ี วชาญทีล่ กึ ซึง้ (Leaders who
Fostered Innovation were Noted for their Deep Expertise)
5)การตง้ั เป้าหมายไวส้ ูง (They Set High Goals)
6)ผูน้ ำเชงิ นวตั กรรมจะมงุ่ ไปข้างหนา้ โดยเรว็ (Innovation Leaders Gravitate Toward
Speed)
7)การกระหายขอ้ มูล (They Crave Information)
8)การทำงานเป็นทีม (They Excel At Teamwork)
9)การให้คุณคา่ กบั ความหลากหลายและการรวมกัน (They Value Diversity And Inclusion)
Rosales (2018)
1)การรสู้ กึ ถงึ โอกาส (Sensing Opportunity)
2)การฝกึ อบรมและการศกึ ษาท่เี หมาะสม (Proper Training & Education)
3)การดำเนินการเชงิ รุกและความตอ่ เนื่อง (Proactivity & Persistence)
4)ความรอบคอบ (Prudence)
5)ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence)
Premuzic (2013)
1)ความคิดแบบฉกฉวยโอกาส (An Opportunistic Mindset)
2)การศกึ ษาหรอื การฝกึ อบรม (Formal Education or Training)
3)การดำเนินการเชิงรุกและความต่อเน่ืองทเี่ ขม้ ข้น (Proactive Action and Intensive
Continuity)
4)ความรอบคอบทพ่ี อดี (A Healthy Dose Of Prudence)
5)ทุนทางสังคมท่ีพวกเขาพงึ่ พา (Social Capital)

271

1.2 ความคาดหวงั คณุ ลกั ษณะของนักเรยี นท่มี ีทกั ษะเชงิ นวัตกรรมจากแบบประเมนิ ผล
จากผลการศึกษาทัศนะเกี่ยวกับลักษณะหรือคุณลักษณะที่แสดงถึงการสร้างนวัตกรรม ของ

Zenger (2015), Rosales (2018), Premuzic (2013) และจากการศกึ ษาขอ้ คำถามในแบบสอบถามของ

Bukidnon State University (2018), Research and Extension Unit, Food and Agriculture

Organization of the United Nations Rome (2017), Butter & Beest (2017), Chell & Athayde

(2009) ได้ข้อคำถามเพื่อใช้ในแบบประเมินการบรรลุความคาดหวังจากการพัฒนาทักษะนวัตกรรมของ

นกั เรยี นในดา้ นตา่ ง ๆ ดงั น้ี

ความมุ่งมั่น
1) ฉันมเี ป้าหมายในการทำงานเสมอ
2) ฉนั มีพลังมากมายในการทำงานแตล่ ะวัน
3) ฉนั กระตือรอื รน้ ในการเรยี นวิชาที่ฉนั เลือก
4) ฉนั กระตือรอื ร้นทจี่ ะช่วยเหลอื ผ้อู นื่
5) ฉนั รู้สกึ ตื่นเต้นและมีกำลงั ใจเม่อื ฉนั ไดส้ ร้างส่งิ ที่ไมเ่ คยมใี ครทำได้
ความตระหนกั ในความสามารถของตนเอง

6) ฉนั มองหาส่งิ อน่ื ๆทอ่ี ยภู่ ายนอกโรงเรยี น ทฉี่ นั รสู้ กึ ว่าควบคุมได้ ไมก่ ่อให้เกิดปญั หาตามมา
7) ในอนาคตฉันฉันอยากทำงานทที่ า้ ทายที่ตนเองสนใจ
8) ฉันเชื่อมนั่ ในตนเองวา่ เม่ือเริ่มต้นทำอะไรแลว้ ฉนั สามารถทำให้สำเร็จได้
9) ฉันจะเข้ารว่ มในกิจกรรมท่ีตนเองสนใจ โดยไมส่ นใจว่าเพือ่ นสนิทของฉันจะเขา้ รว่ มหรอื ไม่
10) ฉันเชอื่ มั่นในความคดิ ของตวั เอง ฉนั จะทำในสิง่ ที่ฉนั คิดวา่ ดีที่สดุ
11) ฉนั เชือ่ ว่านักเรยี นควรออกความเหน็ เก่ยี วกบั แนวทางการดำเนนิ งานของโรงเรียน
ความคดิ สรา้ งสรรคแ์ ละเปน็ อสิ ระ
12) ฉนั ชอบคดิ ทำโครงการใหมๆ่
13) ฉนั ชอบประดิษฐส์ ่งิ ใหมๆ่ ในแบบของตนเอง
14) ฉันชอบคิดจะทำใหง้ านทที่ ำอยู่มีการพัฒนาขึ้น
15) ฉันคิดวา่ ปัญหาท่ีซับซอ้ นนนั้ มีความทา้ ทายแฝงอยู่
16) ฉันชอบค้นหาวธิ กี ารใหมๆ่ มาจัดการกบั ปญั หาท่กี ำลังเจออยู่
17) ฉนั สามารถผสมผสานความคดิ ใหม่ๆ กับความคดิ เดมิ ที่มีอยูแ่ ล้ว
18) ฉนั รู้สกึ มอี สิ ระท่ีจะทำสิง่ ใหมๆ่ ในงานท่ตี นเองรับผิดชอบ
19) ฉันเป็นคนทม่ี เี วลาให้กบั สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ
20) ฉนั คิดวา่ ฉันสามารถทำงานของตัวเองได้ดี
21) ฉนั เป็นคนท่ีรับผดิ ชอบงานในแต่ละวนั ได้ดี
22) ฉันต้องการการเรยี นทม่ี กี ิจกรรมที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์
23) ฉันชอบการเรียนทม่ี ีกิจกรรมต่างๆมากกวา่ การนัง่ เรยี นเฉยๆทโี่ ต๊ะ

272

การเผชญิ กบั ปญั หาและความซับซ้อน

24) ฉันมที ักษะในการทำความเข้าใจและแก้ไขปัญหา
25) ฉันมที ักษะการตัดสนิ ใจรว่ มกันในกลมุ่
26) ฉนั มีทักษะในการวางแผนเพือ่ กำหนดกลยทุ ธ์
27) ฉนั ชอบมองหาวิธีพัฒนาการทำงานของตนเอง
28) ฉันรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของคนอื่นๆ เมอ่ื เขาสร้างส่งิ ใหมๆ่ ขึ้นมา
29) ฉันใหค้ วามสำคัญกบั การพฒั นาในสง่ิ ทีร่ ับผดิ ชอบอยู่ และการหาโอกาสใหมๆ่ ดว้ ย
กลา้ เสย่ี ง

30) ฉนั ยอมรับความเสยี่ งในการทำงานได้
31) ฉนั ชอบความท้าทาย แมว้ ่าความท้าทายนั้นอาจทำให้ฉันต้องพบความเสีย่ ง
32) ฉันยอมรบั ความเสี่ยงเพอื่ การสรา้ งนวัตกรรม
33) ฉันเปน็ คนทเี่ พื่อนรว่ มงานสามารถกระตุ้นให้เกดิ ความคดิ ได้
34) ฉนั คดิ วา่ การเขา้ มาควบคุมการทำงานอยา่ งเขม้ งวดนนั้ ไม่มีประโยชน์
35) ฉันเข้าใจว่าทกุ โครงการทเ่ี ขา้ ไปมีสว่ นร่วม จะไมป่ ระสบความสำเร็จทงั้ หมด

2. ทบทวนหลักการ / แนวคิด / เทคนิค / วิธีการ / กิจกรรมที่เป็นทางเลอื กที่หลากหลายเพื่อการ

พฒั นาทักษะเชิงนวัตกรรม จากนานาทศั นะเชิงวชิ าการ

Baiya (2018)
1) ช่วยพวกเขาพฒั นาการตระหนกั รู้ (Help them Develop Self-Awareness)
2) สนับสนุนการเรียนรทู้ เี่ พม่ิ มากขนึ้ (Support their Intellectual Growth)
3) สง่ เสริมใหม้ คี วามคิดสร้างสรรค์ (Encourage them to Embrace Creativity)
4) กระตนุ้ ใหผ้ ู้นำพฒั นาระบบนวัตกรรม (Challenge them to Develop an Innovation

System)
Myllaya (2018)

1) การกำหนดเปา้ หมายและกลยทุ ธ์ในการเข้าถงึ นวัตกรรม (Determine Objectives and

Strategic Approach to Innovation)

2) รจู้ กั ตลาด ซง่ึ กค็ ือผบู้ ริโภคและคู่แขง่ (Know your Market: Customers and

Competitors)

3) กำหนดคณุ ค่าทคี่ ณุ สง่ มอบใหล้ ูกค้า (Value Proposition)
4) เขา้ ถงึ และพฒั นาแกน่ ความสามารถหลัก (Assess and Develop your Core Capabilities)
5) จัดตั้งเทคนิคและระบบนวตั กรรม (Establish your Innovation Techniques and

Systems)

273

Hengsberger (2018)
1) การสอ่ื สารกลยทุ ธ์ของนวัตกรรม (Communication of the Innovation Strategy)
2) การฝกึ อบรมของพนกั งานปฏิบตั กิ ารในแตล่ ะระดับ (Cascade Workshops for Active

Employee Involvement)
3) หลกั สูตรการสร้างนวตั กรรม (Innovation Crash Courses)
4) วันนวตั กรรม (Innovation Days)
5) การปฏิบตั จิ รงิ ของการสรา้ งความคิดสรา้ งสรรค์ (Creativity Workshops)
6) การแขง่ ขันนำเสนอความคดิ (Pitching Contests)
7) รางวลั แห่งนวัตกรรม (Innovation Awards)
8) การลงทนุ ร่วมกนั (Corporate Venturing)
9) เวลาทำงานในการสรา้ งนวตั กรรม (Working Time for Innovation)
10) ห้องทดลองของนวตั กรรม (Innovation Labs)

Jonathan (2014)
1. อยา่ คดิ วา่ ความสำเรจ็ ของคุณเป็นเรอ่ื งของโชค (Don’t Think your Success is a Matter of

Luck)
2) ปลูกเมล็ดขนาดเลก็ ๆทอี่ าจจะเป็นตน้ ไมท้ ี่ยง่ิ ใหญ่ (Plant Many Small Seeds from Which

a Mighty Oak Tree can Grow)
3) ลองพลกิ แพลงปญั หาของคุณ เปลี่ยนขอ้ บกพรอ่ งใหเ้ ป็นสนิ ทรัพย์ (Turn your Problem

Around. Change a Defect into an Asset)
4) ความรแู้ ละผลผลติ เปน็ เหมอื นดอกเบ้ยี ทบตน้ (Knowledge and Productivity are Like

Compound Interest)
5) คน้ หาบคุ คลสำคญั และปัญหาทส่ี ำคญั จดจอ่ ความคิดของคุณไวท้ พ่ี วกเขา (Find Important

People and Problems. Focus your Mind on Them)
6) เตรยี มจิตใจใหพ้ รอ้ มสำหรบั โอกาส (Prepare your Mind for Opportunity)
7) ทำงานแบบเปดิ ใจตลอดเวลา คุณจะรู้เองวา่ ส่ิงใดสำคญั (Work with the Door Open. You

will Sense What is Important)
8) รู้ว่าเมื่อไหรต่ อ้ งทำงานเปน็ ระบบ และรู้ว่าเมอ่ื ไหร่ต้องทำงานแบบโดดเดยี่ ว (Know When to

Work with the System, and When to Go it Alone)

274

Cherry (2019)
1) ตง้ั เป้าหมายเพ่ือพฒั นาความคดิ สรา้ งสรรค์ของคุณเอง (Commit yourself to Developing

your Creativity)
2) เปน็ ผู้เชี่ยวชาญ (Become an Expert)
3) ให้รางวลั ความอยากร้อู ยากเหน็ ของคุณ (Reward your Curiosity)
4) พร้อมรับความเสีย่ งอยู่เสมอ (Be Willing to Take Risks)
5) สรา้ งความมัน่ ใจ (Build your Confidence)
6) ใหเ้ วลาสำหรับความคดิ สร้างสรรค์ (Make Time for Creativity)
7) เอาชนะทศั นคตเิ ชงิ ลบทป่ี ดิ กนั้ ความคิดสรา้ งสรรค์ (Overcome Negative Attitudes that

Block Creativity)
8) ตอ่ สูก้ บั ความกลวั การลม้ เหลว (Fight your Fear of Failure)
9) ระดมสมองเพือ่ สรา้ งความคดิ ใหม่ ๆ (Brainstorm to Inspire New Ideas)
10) ตระหนักว่าปญั หาส่วนใหญม่ วี ธิ แี ก้ไขหลายทาง (Realize that Most Problems have

Multiple Solutions)
11) รกั ษาความคิดสรา้ งสรรค์ไว้ (Keep a Creativity Journal)
12) สรา้ งแผนทค่ี วามคดิ และแผนภูมิ (Create a Mind Map and Flow Chart)
13) ท้าทายตัวเองและสรา้ งโอกาสสำหรบั ความคดิ สร้างสรรค์ (Challenge yourself and

Create Opportunities for Creativity)
14) ลองใชเ้ ทคนิค "หมวกหกใบ" (Try the "Six Hats" Technique)
15) มองหาแหลง่ ทม่ี าของแรงบนั ดาลใจ (Look for Sources of Inspiration)
16) พจิ ารณาสถานการณท์ างเลือก (Consider Alternative Scenarios)
17) ลองใชเ้ ทคนิคสโนวบ์ อล (Try the Snowball Technique)

Stack (2013)
1) ส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานท่เี ปดิ กว้างและสร้างสรรค์ (Foster an Open, Creative

Work Environment)
2) กระตุ้นทมี งานของคณุ (Motivate your Team)
3) ส่งเสรมิ ความหลากหลาย (Encourage Diversity)
4) จัดเตรยี มเครือ่ งมือทเ่ี หมาะสม (Provide the Proper Tools)
5) สรา้ งทมี นวัตกรรม (Create Innovation Teams)
6) อยา่ ทำการลงโทษ (Don’t Penalize)

275

Kaye (2018)
1) กำหนดวัตถปุ ระสงค์และความคาดหวงั ท่ีชดั เจนและเป็นไปไดจ้ รงิ (Set Clear and Realistic

Objectives and Expectations)
2) ตัดสินใจโดยอาศยั ความคล่องตัวและมสี ่วนร่วม (Use Dynamic, Participative, Decision

Making)
3) ตอ้ งการงานท่ยี อดเยย่ี มดว้ ยการวางแนวงานทยี่ ดื หยนุ่ (Demand Exceptional Work with

Flexible Task Orientation)

3. ทบทวนโมเดลขัน้ ตอนทางเลือกท่ีหลากหลายเพื่อการพัฒนาทกั ษะเชิงนวัตกรรม จากนานาทศั นะ
เชิงวิชาการ

Magazine Spring (2007)
1) การสร้างความคิดและการระดมความคดิ (Idea Generation and Mobilization)
2) ขั้นตอนการสนบั สนนุ และกลน่ั กรองความคิด (Advocacy and Screening)
3) ขน้ั ตอนการทดลอง (Experimentation)
4) การสร้างความคดิ ในเชงิ พาณชิ ย์ (Commercialization In the commercialization stage)
5) การเผยแพร่นวตั กรรมและการนำนวตั กรรมไปปฏบิ ัติ (Diffusion and Implementation)

Landry (2017)
1) การค้นพบ (Discovery)
2) การพฒั นา (Development)
3) การทำใหเ้ ป็นธรุ กิจ (Commercialization)

Pisano (2020)
1) กำหนดเปา้ หมายและแนวทางเชงิ กลยุทธ์ในการสรา้ งสรรคน์ วัตกรรม (Set Goals and

Strategic Directions for Innovation)
2) รจู้ กั ตลาด หาลกู ค้าและดูคูแ่ ขง่ ทางธรุ กจิ (Know the Market, Find Customers and Look

at Business Competitors)
3) กำหนดคณุ คา่ ของสนิ คา้ (Determine the Value of the Product)
4) สรา้ งทฤษฎีและระบบนวตั กรรมของคุณ (Build your Theory and Innovation System)
5) นำกลยุทธ์ไปใช้ (Implement Strategies)

276

Molloy (2019)
1) มองหาโอกาสสำหรบั สรา้ งสรรคน์ วตั กรรม (Spot opportunities for innovation)
2) จดั ลำดบั ความสำคัญของโอกาส (Prioritize opportunities)
3) ทดสอบนวตั กรรมต่าง ๆ ท่ีมคี วามเปน็ ไปไดข้ องคุณ (Test your potential innovations)
4) สร้างการสนบั สนุนให้นวัตกรรมของคณุ (Build support for your innovations)
5) เรียนรจู้ ากความพยายามในการสร้างสรรค์นวัตกรรมของคณุ (Learn from your innovation

efforts)

Boutelle (2020)
1) ค้นหาความท้าทาย (Clarifying the challenge)
2) ตั้งคำถาม (Formulating the questions)
3) สร้างแนวคดิ (Generating the ideas)
4) วเิ คราะหแ์ ละสงั เคราะห์แนวคิด (Analyzing and synthesizing ideas)
5) พฒั นาแนวคดิ (Developing concepts)
6) ทดสอบและเลือกสรรแนวคิด (Testing and selecting concepts)
7) การสอื่ สารและความกา้ วหนา้ (Communicating and advancing)


Click to View FlipBook Version