29
6. บรู ณาการ
บรู ณาการกบั กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ เรอื่ ง แผนภมู ริ ูปวงกลม
7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นท่ี 1 ขั้นสรา้ งความสนใจ
1.1 ครูให้นกั เรยี นทาตรวจสอบความรูก้ อ่ นเรียนในหนงั สือเรยี น หน้า 3
1.2 ครทู วนคาถามตรวจสอบความรกู้ ่อนเรยี นให้นักเรยี นตอบรว่ มกนั พรอ้ มเฉลย ดงั น้ี
1) อากาศเป็นสารผสมใช่หรือไม่ (แนวการตอบ ใช่)
2) ธาตแุ ละสารประกอบเป็นสารบริสุทธิ์ (แนวการตอบ ใช่)
3) อะตอมเปน็ อนภุ าคทเี่ ล็กที่สุดของสารทอ่ี ยูใ่ นธรรมชาตไิ ด้ (แนวการตอบ ไมใ่ ช่)
4) โมเลกุลประกอบดว้ ย 2 อะตอมขึ้นไป (แนวการตอบ ใช่)
5) โปรตอน นิวตรอน และอเิ ล็กตรอนเป็นองคป์ ระกอบภายในอะตอม (แนวการตอบ ใช่)
1.3 ครนู าเขา้ สู่บทเรยี นโดยตัง้ คาถามตรวจสอบความรู้เดิม เพ่ือนาเข้าสู่กจิ กรรมเกีย่ วกบั
องค์ประกอบของอากาศ
1) แกส๊ ออกซเิ จนมปี ระโยชนอ์ ย่างไร มสี ูตรเคมเี ป็นอย่างไร
2) แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์มปี ระโยชน์อย่างไร มสี ตู รเคมีเป็นอยา่ งไร
3) ในอากาศ มแี ก๊สอนื่ ๆ อีกหรอื ไม่
ข้ันที่ 2 ข้นั สารวจและค้นหา
2.1 ครใู ห้นักเรยี นทุกคนศึกษาค้นคว้าองค์ประกอบในอากาศตามรายละเอยี ดในหนงั สือเรียน
หน้า 4 - 6
2.2 นกั เรยี นทาใบกิจกรรม เรือ่ ง องคป์ ระกอบในอากาศ ที่ครแู จกให้
2.3 นักเรียนทาแบบฝึกหัดทา้ ยบทท่ี 1 ข้อที่ 1-2 หนา้ 21 ลงในสมดุ
ขัน้ ท่ี 3 ขัน้ อธิบายและลงข้อสรปุ
3.1 ครนู านักเรียนอภปิ รายเพอื่ นาไปสู่การสรุปโดยใชค้ าถามตอ่ ไปน้ี
1) จงบอกสูตรเคมขี องแก๊สไนโตรเจน แกศ๊ ออกซิเจน แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ ตามลาดับ
(แนวการตอบ แก๊สไนโตรเจน (N2) แกส๊ ออกซิเจน (O2) แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2))
2) แก๊สใดมีปรมิ าณมากทส่ี ุดในอากาศ (แนวการตอบ แก๊สไนโตรเจน (N2))
3) แก๊สใดมีปริมาณนอ้ ยกวา่ แกส๊ ไนโตรเจนเกอื บ 4 เท่า (แนวการตอบ แก๊สออกซเิ จน (O2))
4) แกส๊ ใดเม่อื มนุษย์และสตั ว์หายใจเข้าส่รู ่างกาย แกส๊ ชนดิ นี้จะทาปฏิกิรยิ าเคมีกบั
สารอาหาร (แนวการตอบ แก๊สออกซิเจน (O2))
5) แกส๊ ใดมปี ริมาณน้อยมากในอากาศ ไมม่ ีสี ไม่มกี ลิ่น เป็นผลิตภณั ฑ์จากปฏกิ ิริยาเคมี
ระหว่างสารอาหารกับแกส๊ ออกซเิ จนในกระบวนการหายใจของสง่ิ มชี วี ิต รวมทัง้ การเผาไหม้เชื้อเพลงิ ต่างๆ
ในชีวติ ประจาวนั และยงั เป็นสารตั้งต้นท่สี าคัญใน กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพชื (แนวการตอบ
แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2))
30
6) ในอากาศมแี ก๊สไนโตรเจน และแก๊สออกซิเจน ประมาณรอ้ ยละเทา่ ใด (แนวการตอบ
แก๊สไนโตรเจน มปี ระมาณรอ้ ยละ 78 โดยปริมาตร และแกส๊ ออกซเิ จน มปี ระมาณร้อยละ 21)
7) ในอากาศยงั มแี ก๊สอน่ื ๆ ซึ่งคดิ เปน็ รอ้ ยละ 1 ได้แก่แกส๊ อะไรบา้ ง (แนวการตอบ แกส๊
อารก์ อน (Ar) แกส๊ ฮเี ลยี ม (He) แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2))
8) คาว่า “อาร์กอน” ในภาษากรกี มีความหมายวา่ อยา่ งไร (แนวการตอบ อาร์กอน
หมายถึง “ข้ีเกยี จ เฉอื่ ยชา”)
9) สารทีม่ ีธาตุเพียงชนดิ เดียวเปน็ องค์ประกอบ เรยี กว่าอะไร (พร้อมยกตวั อยา่ ง)
(แนวการตอบ เรยี กว่า “ธาตุ” เชน่ แกส๊ อารก์ อน (Ar) แก๊สฮีเลียม (He) ซง่ึ อาจอย่ใู นรปู ของอะตอม
แก๊สไนโตรเจน (N2) แก๊สออกซิเจน (O2) อยใู่ นรปู ของโมเลกลุ )
10) สารท่มี ธี าตุมากกว่าหนึ่งชนิดเป็นองคป์ ระกอบ เรียกว่าอะไร (พรอ้ มยกตัวอย่าง)
(แนวการตอบ เรียกวา่ “สารประกอบ” เช่น แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2) ไอน้า (H2O))
3.2 ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภปิ รายและสรุปการศกึ ษาคน้ คว้าจนสรุป เร่ือง องค์ประกอบใน
อากาศ ดังนี้
1) สตู รเคมขี องแก๊สตา่ ง ๆ ที่เป็นองค์ประกอบในอากาศ เช่น แก๊สอารก์ อน (Ar) และแก๊ส
ฮีเลยี ม (He) อยใู่ นรูปของอะตอม แต่แก๊สออกซิเจน (O2) แกส๊ ไนโตรเจน (N2) แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์
(CO2) ไอนา้ (H2O) อยู่ในรปู โมเลกลุ เนอ่ื งจากประกอบด้วย 2 อะตอมขึน้ ไป
2) แกส๊ อารก์ อน (Ar) แก๊สฮีเลียม (He) แกส๊ ออกซเิ จน (O2) แกส๊ ไนโตรเจน (N2) เป็นธาตุ
เนือ่ งจากประกอบด้วยธาตุเพียงชนิดเดียว ไอนา้ (H2O) และแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2) เป็นสารประกอบ
เนอื่ งจากประกอบดว้ ยธาตุมากกว่าหนง่ึ ชนดิ
ขน้ั ท่ี 4 ขน้ั ขยายความรู้
4.1 ครใู ห้ความรู้ เพ่ิมเตมิ นอกจากแก๊สในอากาศแล้ว การระบุว่าสารเคมีชนิดอน่ื อยู่ในรูปอะตอม
หรอื โมเลกลุ และจดั เป็นธาตหุ รอื สารประกอบสามารถพจิ าณาได้จากสตู รเคมี จากนนั้ ให้นกั เรียนทา
แบบฝึกหดั 1.1
4.2 ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนเลา่ สู่กนั ฟังถึงความรู้ทไ่ี ดจ้ ากการทากจิ กรรม และปัญหาทีเ่ กิดขน้ึ
ระหว่างการทากิจกรรม
ขัน้ ท่ี 5 ขน้ั ประเมินผล
5.1 ครตู รวจใบกจิ กรรม เรอ่ื ง องค์ประกอบในอากาศ ของนกั เรยี น
5.2 ครูตรวจสมุดการทาแบบฝกึ หดั ท้ายบทท่ี 1 ข้อที่ 1-2 หนา้ 21 ของนกั เรียน
ประยุกตแ์ ละตอบแทนสังคม
ครูให้นกั เรียนแตล่ ะคนนาความรู้ทเี่ รียนไปคน้ คว้าเพมิ่ เติมท่ีหอ้ งสมดุ หรอื เวบ็ ไซต์ แล้วนาเสนอใน
ชน้ั เรียน
31
8. ส่อื การเรยี นรู้/แหลง่ เรยี นรู้
8.1 หนังสือเรียนรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ (วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ) ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 เลม่ 1
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560)
8.2 ใบกิจกรรม เรอื่ ง องคป์ ระกอบในอากาศ
8.3 อินเทอรเ์ น็ต หรอื ห้องสมดุ
9. การวดั และประเมินผล วธิ ีการวดั เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1) ตรวจใบกจิ กรรม 1) แบบประเมินการ 1) นกั เรียนสามารถ
ดา้ นความรู้ (K) เรอ่ื ง องคป์ ระกอบใน ทากิจกรรม ตอบคาถามในใบ
1) นกั เรยี นบอกชอ่ื และปริมาณของแก๊ส อากาศ 2) ใบกิจกรรม เรื่อง กจิ กรรมไดร้ ะดับดี
ต่าง ๆ ในอากาศได้ 2) ตรวจแบบฝึกหัด องคป์ ระกอบใน ผา่ นเกณฑ์
2) นกั เรียนระบุว่าสารเป็นธาตุหรือ ทา้ ยบทที่ 1 ข้อท่ี 2 อากาศ 2) นักเรียนทา
สารประกอบ และอย่ใู นรปู อะตอม โมเลกลุ 3) แบบฝึกหัดทา้ ย แบบฝึกหัดทา้ ยบทท่ี
หรอื ไอออนจากสตู รเคมไี ด้ 1) ตรวจใบกจิ กรรม บทท่ี 1 ขอ้ ที่ 2 1 ข้อท่ี 2 ได้ระดับดี
เร่อื ง องคป์ ระกอบใน ผ่านเกณฑ์
ด้านกระบวนการ (P) อากาศ 1) แบบประเมนิ การ
1) นักเรยี นสามารถจดั กระทาและสอ่ื ทากจิ กรรม 1) นักเรยี นสามารถ
ความหมายของขอ้ มูลทศ่ี กึ ษาค้นควา้ ได้ 1) ตรวจใบกจิ กรรม 2) ใบกิจกรรม เร่อื ง สรปุ เนือ้ หาทไ่ี ด้จาก
เรือ่ ง องค์ประกอบใน องคป์ ระกอบใน การศกึ ษาคน้ ควา้
ด้านคุณลักษณะ (A) อากาศ อากาศ ได้ระดบั ดี ผ่านเกณฑ์
1) ใฝเุ รียนรู้ และเปน็ ผ้มู ีความมงุ่ มั่นในการ 2) ตรวจแบบฝึกหดั
ทางาน ทา้ ยบทท่ี 1 ข้อที่ 2 1) แบบประเมินการ 1) นักเรยี นทาภาระ
ทากิจกรรม งานที่ได้รบั มอบหมาย
2) แบบฝึกหดั ท้าย ได้ระดับดี ผา่ นเกณฑ์
บทที่ 1 ขอ้ ท่ี 2
32
10. เกณฑก์ ารประเมินผลงานนักเรยี น
เกณฑ์การประเมนิ แบบ Rubrics ของการทากิจกรรม เรอ่ื ง องค์ประกอบในอากาศ
ประเด็นการ ค่านา้ หนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมนิ คะแนน
ด้านความรู้ ตอบคาถามถูกตอ้ งครบถ้วนทกุ ข้อ
(K) 3 ตอบคาถามถกู ตอ้ งครบถว้ น 5-9 ขอ้
2 ตอบคาถามถูกต้องครบถว้ น 1-4 ขอ้
ด้าน 1 ทาแบบฝกึ หดั ทา้ ยบทที่ 1 ขอ้ ที่ 2 ไดถ้ กู ตอ้ งครบถ้วน
กระบวนการ 3 ทาแบบฝกึ หัดทา้ ยบทที่ 1 ข้อที่ 2 ได้ แตย่ ังไม่ถกู ต้องครบถ้วน
2 ทาแบบฝกึ หัดทา้ ยบทที่ 1 ข้อท่ี 2 แต่ไม่ถกู ต้อง
(P) 1 สรปุ เนอื้ หา เรือ่ ง องคป์ ระกอบในอากาศได้ถกู ตอ้ งครบถ้วน
ดา้ น 3 สรุปเนือ้ หา เรอ่ื ง องคป์ ระกอบในอากาศได้ค่อนขา้ งถกู ต้องครบถว้ น
คณุ ลกั ษณะ 2 สรุปเน้ือหา เรอ่ื ง องค์ประกอบในอากาศได้ แตไ่ มค่ รบถ้วน
(A) 1 ทาภาระงานทไ่ี ด้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กาหนด และเรยี บร้อยถูกต้องครบถว้ น
3 ทาภาระงานทไี่ ด้รบั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาท่ีกาหนด แตง่ านยงั ผดิ พลาดบางส่วน
2 ทาภาระงานท่ีได้รบั มอบหมายเสร็จ แต่ล่าชา้ และเกดิ ข้อผิดพลาดบางสว่ น
1
ระดับคะแนน 3 หมายถงึ ระดับดมี าก
คะแนน 2 หมายถงึ ระดับดี
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั พอใช้
คะแนน
หมายเหตุ หาค่าเฉลี่ยของคะแนนด้านความรู้ (K) คะแนนเตม็ เทา่ กับ 3
33
การประเมนิ การทากิจกรรม เรื่อง องคป์ ระกอบในอากาศ
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ท่ี ช่อื - นามสกลุ ด้านความรู้ ด้าน ด้าน รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลกั ษณะ คะแนน คณุ ภาพ
(P) (A)
3 3 39
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
34
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ท่ี ชอื่ - นามสกุล ด้านความรู้ ด้าน ด้าน รวม ระดบั
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คุณภาพ
(P) (A)
3 3 39
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดับดมี าก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดับดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
3-4 หมายถึง ระดับปรบั ปรงุ
คะแนน
คะแนน
35
บันทึกหลังการสอน
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง อากาศ ใ
แผนการสอนท่ี 1 เรอื่ ง องค์ประกอบในอากาศ .
ใ เดอื น พ.ศ. ใ
วันที่
ผลการจดั การเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปัญหา / อุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ัญหา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงชอ่ื ............................................ครูผ้สู อน ลงชอ่ื .............................................หัวหนา้ กลุม่ สาระ
(นางสาวนลิ นิกา แกว้ ปัญญา) (นางนพรตั น์ ครุฑเกดิ )
ชอ่ื ชั้น เลขท่ี 36
‘
ใบกจิ กรรม เร่ือง องคป์ ระกอบในอากาศ
1. สรปุ สง่ิ ทไี่ ด้จากการศกึ ษาค้นควา้
องค์ประกอบในอากาศสว่ นใหญ่เปน็ แก๊สไนโตรเจน (N2) ประมาณรอ้ ยละ 78 โดยปรมิ าตร และแก๊สออกซเิ จน (O2)
อีกประมาณรอ้ ยละ 21 ส่วนทเี่ หลอื อกี ประมาณร้อยละ 1 เปน็ แกส๊ ชนิดอ่ืนๆ เชน่ แกส๊ อารก์ อน (Ar) แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์
(CO2) แก๊สฮเี ลียม (He) l
(CO2) แก๊สฮีเลยี ม (He) l
แก๊สไนโตรเจน ( N2) มีปรมิ าณมากท่ีสดุ ในอากาศ แก๊สน้ไี มม่ ีสี ไม่มกี ล่นิ เมือ่ มนุษยห์ ายใจ แก๊สชนิดนีจ้ ะเคลอื่ นที่
ผา่ นเขา้ และออกจากปอดโดยไม่ทาปฏกิ ิริยากบั สารใด ๆ ในรา่ งกาย ท
(CO2) แก๊สฮีเลียม (He) l
แก๊สออกซิเจน (O2) มีปรมิ าณนอ้ ยกวา่ แก๊สไนโตรเจนเกือบ 4 เทา่ แตม่ ีความจาเป็นต่อสงิ่ มีชวี ิตมาก เม่อื มนุษย์และ
สตั ว์หายใจเอาแก๊สออกซิเจนเขา้ สรู่ ่างกาย แกส๊ ชนิดนีจ้ ะทาปฏกิ ริ ยิ าเคมีกับสารอาหาร แล้วใหพ้ ลงั งานท่จี าเปน็ สาหรบั การ
ดารงชวี ิต นอกจากนีแ้ ก๊สออกซเิ จนยังมสี ่วนสาคัญในปฏกิ ริ ยิ าเคมที ีเ่ กดิ ขน้ึ ในชวี ิตปร ะจาวนั เชน่ การเผาไหม้ การเกิดสนิ ท
(CO2) แกส๊ ฮีเลยี ม (He) l
แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2) มีปรมิ าณนอ้ ยมากในอากาศ แกส๊ นี้ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น เปน็ ผลิตภณั ฑ์จากปฏกิ ิริยาเคมี
ระหว่างสารอาหารกับแก๊สออกซิเจนในกระบวนการหายใจของสง่ิ มชี วี ติ รวมท้งั การเผาไหมเ้ ช้อื เพลิงตา่ งๆ ในชวี ติ ประจาวัน
แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ยงั เป็นสารตง้ั ต้นที่สาคัญในกระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืช v
(CO2) แกส๊ ฮีเลยี ม (He) l
แก๊สอาร์กอน (Ar) มีประมาณร้อยละ 0.9 ในอากาศ คาวา่ “อาร์กอน” ในภาษากรกี มคี วามหมายว่า “ขเี้ กยี จ เฉื่อย
ชา” ซง่ึ สอดคล้องกับความไม่ว่องไวตอ่ ปฏิกริ ิยาเคมขี องแก๊สนี้ b
แก๊สฮีเลียม (He) เป็นแก๊สอกี ชนดิ หนงึ่ ท่เี ฉ่อื ยตอ่ ปฏกิ ิริยาเคมี ดงั นนั้ เมือ่ หายใจเข้าไป แกส๊ เหลา่ นีจ้ งึ ไม่เกิดปฏิกริ ยิ า
กับสารเคมีใด ๆ ในร่างกาย m
แกส๊ ต่างๆ แกส๊ ทเ่ี ป็นองค์ประกอบของอากาศแหง้ แต่ในอากาศยังมคี วามชนื้ ซง่ึ เกิดจากไอนา้ ( H2O) ในปรมิ าณที่
แตกต่างกัน ขนึ้ อยู่กับอุณหภมู ิ ฤดกู าล หรือสถานท่ี เนอื่ งจากไอนา้ เป็นแก๊สทไี่ ม่มสี ี ไมม่ กี ลน่ิ ไมส่ ามารถมองเห็นได้ดว้ ยตา
เปลา่ แตส่ งิ่ ที่ตามองเห็น เช่น เมฆ หมอก เกดิ จากการควบแนน่ ของไอน้ากลายเป็นละอองน้าขนาดเลก็ จานวนมากทีย่ งั ไมต่ ก
(CO2) แก๊สฮีเลียม (He) l
อากาศประกอบดว้ ยสารเคมีทอ่ี ยู่ในรูปของอะตอม เช่น แก๊สอารก์ อน ( Ar) แก๊สฮีเลยี ม ( He) และอยู่ในรูปของ
โมเลกลุ เชน่ แกส๊ ไนโตรเจน (N2) แกส๊ ออกซิเจน ( O2) แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ ( CO2) ไอนา้ ( H2O) โดยสารท่มี ีธาตุเพียง
ชนิดเดยี วเป็นองค์ประกอบ เรยี กว่า ธาตุ ซ่งึ อาจอยใู่ นรูปของอะตอม เช่น แก๊สอารก์ อน ( Ar) แก๊สฮเี ลยี ม ( He) หรอื อยใู่ นรูป
สารประกอบ เช่น แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2) ไอน้า (H2O) v
37
2. จงตอบคาถามให้ถกู ตอ้ งครบถ้วน
2.1 จงบอกสตู รเคมขี องแกส๊ ไนโตรเจน แกศ๊ ออกซเิ จน แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ ตามลาดับ
ตอบ แก๊สไนโตรเจน (N2) แก๊สออกซเิ จน (O2) แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) รถ A ไม่ม,ี
2.2 แกส๊ ใดมปี รมิ าณมากทส่ี ุดในอากาศ
ตอบ แก๊สไนโตรเจน (N2)การเคลือ่ นที่ เพราะเมอื่ เวลาผา่ นไป รถ B มกี ารเปลีย่ นตาแหน่ง m
2.3 แกส๊ ใดมปี รมิ าณน้อยกว่าแก๊สไนโตรเจนเกือบ 4 เทา่
ตอบ แกส๊ ออกซิเจน (O2) ของวัตถจุ ึงจาเป็นตอ้ งมีการกลา่ วถงึ จุดท่ี ช้เปรียบเทียบในการบอกตาแหนง่
2.4 แก๊สใดเม่อื มนุษย์และสตั ว์หายใจเขา้ ส่รู ่างกาย แกส๊ ชนดิ นี้จะทาปฏิกริ ิยาเคมีกบั สารอาหาร
ตอบ แกส๊ ออกซเิ จน (O2) ของวัตถจุ ึงจาเป็นตอ้ งมกี ารกล่าวถงึ จุดท่ี ช้เปรียบเทียบในการบอกตาแหนง่
2.5 แก๊สใดมปี ริมาณนอ้ ยมากในอากาศ ไม่มสี ี ไม่มีกล่ิน เป็นผลติ ภณั ฑ์จากปฏกิ ริ ยิ าเคมรี ะหวา่ งสารอาหารกบั แก๊สออกซิเจน
ในกระบวนการหายใจของสงิ่ มีชีวติ รวมทงั้ การเผาไหม้เชอื้ เพลิงตา่ งๆ ในชวี ิตประจาวนั และยังเป็นสารต้งั ตน้ ที่สาคญั ใน
กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืช
ตอบ แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ของ มีการกลา่ วถึงจุดท่ี ชเ้ ปรียบเทยี บในกา รบ อกตาแหนง่
2.6 ในอากาศมีแก๊สไนโตรเจน และแก๊สออกซิเจน ประมาณร้อยละเทา่ ใด
ตอบ แก๊สไนโตรเจน มีประมาณรอ้ ยละ 78 โดยปรมิ าตร และแก๊สออกซเิ จน มปี ระมาณร้อยละ 21 ตน้ ไ
2.7 ในอากาศยังมแี ก๊สอ่ืนๆ ซ่งึ คิดเปน็ ร้อยละ 1 ได้แก่แกส๊ อะไรบ้าง
ตอบ แก๊สอาร์กอน (Ar)กส๊ ฮีเลียม (He) แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2) ตน้ ไ ม้ หรือหอนาฬกิ า
2.8 คาวา่ “อารก์ อน” ในภาษากรีกมคี วามหมายว่าอยา่ งไร
ตอบ อารก์ อน หมายถงึ “ข้ีเกียจ เฉ่อื ยชา” ซึ่งสอ ดคล้องกับความไมว่ อ่ งไวต่อ ของแกส๊ น้ี ลีย่ นนง่ จากตาแหน่งฃ
2.9 สารทม่ี ีธาตเุ พยี งชนิดเดยี วเปน็ องคป์ ระกอบ เรยี กวา่ อะไร (พร้อมยกตัวอย่าง)
ตอบ เรียกวา่ “ธาตุ” เช่น แก๊สอาร์กอน (Ar) แก๊สฮีเลียม (He) ซงึ่ อาจอย่ใู นรปู ของอะตอม แกส๊ ไนโตรเจน (N2) แก๊ส
ออกซเิ จน (O2) อยู่ในรูปของโมเลกลุ ก
2.10 สารท่มี ีธาตุมากกวา่ หนึ่งชนิดเป็นองคป์ ระกอบ เรียกวา่ อะไร (พร้อมยกตัวอยา่ ง)
ตอบ สารประกอบ เช่น แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2) ไอนา้ (H2O) b
38
ชื่อ ช้ัน เลขท่ี ‘
เฉลยใบกิจกรรม เรอ่ื ง องคป์ ระกอบในอากาศ
1. สรปุ ส่งิ ที่ไดจ้ ากการศึกษาค้นควา้
องคป์ ระกอบในอากาศสว่ นใหญเ่ ปน็ แก๊สไนโตรเจน (N2) ประมาณร้อยละ 78 โดยปรมิ าตร และแกส๊ ออกซเิ จน ( O2)
อีกประมาณร้อยละ 21 ส่วนทีเ่ หลอื อกี ประมาณรอ้ ยละ 1 เป็นแกส๊ ชนดิ อน่ื ๆ เชน่ แกส๊ อารก์ อน (Ar) แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์
(CO2) แกส๊ ฮีเลียม (He) l
แก๊สไนโตรเจน ( N2) มีปริมาณมากทส่ี ดุ ในอากาศ แก๊สนไ้ี มม่ ีสี ไม่มกี ล่นิ เม่ือมนุษยห์ ายใจ แกส๊ ชนดิ นจี้ ะเคลือ่ นท่ี
ผา่ นเข้าและออกจากปอดโดยไม่ทาปฏิกริ ิยากับสารใด ๆ ในรา่ งกาย ท
แกส๊ ออกซเิ จน (O2) มปี ริมาณน้อยกวา่ แกส๊ ไนโตรเจนเกือบ 4 เท่า แตม่ ีความจาเปน็ ต่อส่ิงมชี ีวิตมาก เมอ่ื มนุษย์และ
สัตว์หายใจเอาแก๊สออกซิเจนเข้าสรู่ า่ งกาย แกส๊ ชนิดนจี้ ะทาปฏิกริ ิยาเคมีกบั สารอาหาร แล้วให้พลังงานทจี่ าเป็นสาหรับการ
ดารงชวี ิต นอกจากน้แี กส๊ ออกซิเจนยงั มสี ่วนสาคัญในปฏกิ ิรยิ าเคมีทีเ่ กิดขน้ึ ในชวี ติ ประจาวนั เชน่ การเผาไหม้ การเกดิ สนิท อ
แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2) มีปรมิ าณน้อยมากในอากาศ แกส๊ นไี้ ม่มีสี ไมม่ กี ลน่ิ เป็นผลติ ภณั ฑ์จากปฏกิ ิรยิ าเคมี
ระหว่างสารอาหารกบั แก๊สออกซิเจนในกระบวนการหายใจของสง่ิ มีชวี ิต รวมทงั้ การเผาไหมเ้ ชอื้ เพลงิ ต่างๆ ในชีวิตประจาวัน
แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ยงั เปน็ สารตงั้ ตน้ ท่สี าคัญในกระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืช v
แก๊สอารก์ อน (Ar) มีประมาณร้อยละ 0.9 ในอากาศ คาวา่ “อาร์กอน” ในภาษากรกี มีความหมายว่า “ขเี้ กยี จ เฉอื่ ย
ชา” ซ่งึ สอดคลอ้ งกับความไมว่ ่องไวต่อปฏิกิรยิ าเคมีของแก๊สน้ี b
แกส๊ ฮเี ลยี ม (He) เปน็ แกส๊ อกี ชนดิ หนง่ึ ที่เฉ่อื ยตอ่ ปฏิกริ ยิ าเคมี ดังนั้นเมื่อหายใจเข้าไป แกส๊ เหลา่ นจี้ ึงไม่เกดิ ปฏกิ ิริยา
กับสารเคมใี ด ๆ ในรา่ งกาย m
แกส๊ ต่างๆ แกส๊ ท่ีเปน็ องค์ประกอบของอากาศแห้ง แต่ในอากาศยังมคี วามช้นื ซง่ึ เกดิ จากไอนา้ ( H2O) ในปริมาณที่
แตกตา่ งกัน ขึ้นอยกู่ ับอณุ หภูมิ ฤดูกาล หรอื สถานท่ี เนอื่ งจากไอน้าเป็นแก๊สท่ีไม่มีสี ไมม่ ีกล่ิน ไมส่ ามารถมองเห็นได้ดว้ ยตา
เปลา่ แตส่ ิง่ ที่ตามองเห็น เชน่ เมฆ หมอก เกิดจากการควบแน่นของไอนา้ กลายเปน็ ละอองนา้ ขนาดเล็กจานวนมากทย่ี ังไมต่ ก
ลงสพู่ น้ื โลก v
อากาศประกอบด้วยสารเคมที ีอ่ ยใู่ นรูปของอะตอม เชน่ แก๊สอาร์กอน ( Ar) แก๊สฮเี ลยี ม ( He) และอย่ใู นรปู ของ
โมเลกลุ เช่น แกส๊ ไนโตรเจน (N2) แกส๊ ออกซเิ จน (O2) แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2) ไอนา้ (H2O) โดยสารทมี่ ีธาตุเพียงชนิด
เดียวเปน็ องคป์ ระกอบ เรียกวา่ ธาตุ ซ่ึงอาจอยู่ในรูปของอะตอม เชน่ แกส๊ อาร์กอน ( Ar) แกส๊ ฮเี ลยี ม ( He) หรอื อยใู่ นรปู ของ
โมเลกลุ เชน่ แก๊สไนโตรเจน ( N2) แก๊สออกซเิ จน ( O2) แต่สารทมี่ ีธาตุมากกวา่ หนึง่ ชนดิ เป็นองคป์ ระกอบ เรยี กวา่
สารประกอบ เช่น แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2) ไอน้า (H2O) v
39
2. จงตอบคาถามใหถ้ กู ต้องครบถ้วน
2.1 จงบอกสูตรเคมขี องแกส๊ ไนโตรเจน แกศ๊ ออกซเิ จน แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ ตามลาดับ
ตอบ แกส๊ ไนโตรเจน (N2) แก๊สออกซเิ จน (O2) แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2) รถ A ไม่มี,
2.2 แก๊สใดมปี รมิ าณมากทสี่ ดุ ในอากาศ
ตอบ แกส๊ ไนโตรเจน (N2)การเคลื่อนท่ี เพราะเมอ่ื เวลาผ่านไป รถ B มกี ารเปล่ยี นตาแหนง่ m
2.3 แกส๊ ใดมปี ริมาณนอ้ ยกว่าแก๊สไนโตรเจนเกอื บ 4 เท่า
ตอบ แก๊สออกซิเจน (O2) ของวตั ถจุ ึงจาเปน็ ต้องมีการกลา่ วถงึ จุดท่ี ช้เปรียบเทียบในการบอกตาแหนง่
2.4 แก๊สใดเมื่อมนุษยแ์ ละสัตว์หายใจเขา้ ส่รู า่ งกาย แกส๊ ชนิดนีจ้ ะทาปฏิกิรยิ าเคมกี บั สารอาหาร
ตอบ แก๊สออกซเิ จน (O2) ของวตั ถุจงึ จาเป็นตอ้ งมกี ารกล่าวถึงจุดท่ี ช้เปรยี บเทียบในการบอกตาแหน่ง
2.5 แก๊สใดมีปริมาณนอ้ ยมากในอากาศ ไมม่ สี ี ไมม่ ีกล่ิน เป็นผลติ ภณั ฑ์จากปฏกิ ิรยิ าเคมีระหวา่ งสารอาหารกับแก๊สออกซิเจน
ในกระบวนการหายใจของสงิ่ มชี ีวิต รวมท้ังการเผาไหมเ้ ชอื้ เพลงิ ตา่ งๆ ในชีวิตประจาวนั และยังเป็นสารต้งั ตน้ ทส่ี าคญั ใน
กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื
ตอบ แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2) ของ มกี ารกล่าวถงึ จุดที่ ชเ้ ปรียบเทยี บในกา รบ อกตาแหนง่
2.6 ในอากาศมีแก๊สไนโตรเจน และแกส๊ ออกซิเจน ประมาณร้อยละเทา่ ใด
ตอบ แก๊สไนโตรเจน มปี ระมาณรอ้ ยละ 78 โดยปรมิ าตร และแก๊สออกซเิ จน มปี ระมาณรอ้ ยละ 21 ตน้ ไ
2.7 ในอากาศยงั มแี กส๊ อ่ืนๆ ซ่งึ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 1 ได้แก่แก๊สอะไรบ้าง
ตอบ แก๊สอาร์กอน (Ar) แกส๊ ฮีเลียม (He) แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ตน้ ไ ม้ หรือหอนาฬิกา
2.8 คาวา่ “อาร์กอน” ในภาษากรกี มคี วามหมายวา่ อยา่ งไร
ตอบ อารก์ อน หมายถึง “ขเี้ กยี จ เฉอ่ื ยชา” ซึง่ สอ ดคลอ้ งกบั ความไม่วอ่ งไวต่อ ของแก๊สนี้ ลย่ี นน่งจากตาแหนง่ ฃ
2.9 สารทม่ี ีธาตเุ พียงชนดิ เดียวเปน็ องค์ประกอบ เรยี กว่าอะไร (พร้อมยกตวั อยา่ ง)
ตอบ เรียกวา่ “ธาตุ” เช่น แก๊สอาร์กอน (Ar) แก๊สฮเี ลยี ม (He) ซง่ึ อาจอยใู่ นรปู ของอะตอม แก๊สไนโตรเจน (N2) แกส๊
ออกซิเจน (O2) อย่ใู นรูปของโมเลกุล ก
2.10 สารท่ีมีธาตมุ ากกวา่ หน่ึงชนดิ เป็นองคป์ ระกอบ เรยี กวา่ อะไร (พรอ้ มยกตวั อยา่ ง)
ตอบ สารประกอบ เชน่ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ไอนา้ (H2O) b
40
แบบฝึกหัด 1.1
สารเคมีต่อไปนเ้ี ปน็ แกส๊ ทอ่ี าจพบในอากาศ จงระบุวา่ สารตอ่ ไปนอ้ี ยใู่ นรูปอะตอมหรอื โมเลกุล และเป็นธาตุ
หรือสารประกอบ โดยเขยี นเครื่องหมาย ลงในชอ่ งว่าง
สตู รเคมี ฃ่อื สารเคมี อะตอม โมเลกลุ ธาตุ สารประกอบ
H2 แกส๊ ไฮโดรเจน
(hydrogen gas)
Cl2 แก๊สครอรนี
(chlorine gas)
HCl ไฮโรเจนคลอไรด์
(hydrogen chloride)
O3 โอโซน (ozone)
NO ไนโตรเจนมอนอกไซด์
(nitrogen monoxide)
CO ไนโตรเจนมอนอกไซด์
(carbon monoxide)
Ne นอี อน (neon)
CH4 มเี ทน (methane)
41
เฉลยแบบฝกึ หัด 1.1
สารเคมีตอ่ ไปน้เี ปน็ แก๊สท่ีอาจพบในอากาศ จงระบุว่าสารต่อไปนี้อยู่ในรปู อะตอมหรือ โมเลกุล และเป็นธาตุ
หรอื สารประกอบ โดยเขยี นเครื่องหมาย ลงในช่องวา่ ง
สูตรเคมี ฃอ่ื สารเคมี อะตอม โมเลกุล ธาตุ สารประกอบ
H2 แก๊สไฮโดรเจน
(hydrogen gas)
Cl2 แก๊สครอรนี
(chlorine gas)
HCl ไฮโรเจนคลอไรด์
(hydrogen chloride)
O3 โอโซน (ozone)
NO ไนโตรเจนมอนอกไซด์
(nitrogen monoxide)
CO ไนโตรเจนมอนอกไซด์
(carbon monoxide)
Ne นีออน (neon)
CH4 มีเทน (methane)
42
เรอื่ ง องคป์ ระกอบภายในอะตอม แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 2 เวลา 1 ชั่วโมง
รายวชิ า ว31104 รวม 5 ช่ัวโมง
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 1 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1
กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ อากาศ
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พันธ์ระหวา่ งสมบตั ขิ องสสารกับโครงสรา้ ง
และแรงยดึ เหนย่ี วระหว่างอนภุ าค หลกั และธรรมชาตขิ องการเปล่ยี นแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย
และการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี
2. ตัวชี้วัด
ว 2.1 ม.5/2 เปรยี บเทยี บความเหมือนและความแตก ตา่ งของแบบจาลองอะตอมของโบรก์ ับแบบจาลอง
อะตอม แบบกลุ่มหมอก
ว 2.1 ม.5/3 ระบจุ านวนโปรตอน นวิ ตรอน อเิ ล็กตรอนของอะตอมและไอออนท่ีเกิดจากอะตอมเดียว
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) นักเรียนระบจุ านวนเวเลนซ์อเิ ล็กตรอนจากแบบจาลองอะตอมของโบรข์ องธาตทุ ก่ี าหนดใหไ้ ด้
2) นักเรยี นระบจุ านวนโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอนของอะตอม และไอออนที่เกดิ จาก
อะตอมเดยี วได้
3.2 ดา้ นกระบวนการ (P)
1) นักเรยี นเขียนเปรยี บเทยี บความเหมือนและความแตกต่างของแบบจาลองอะตอมของโบรก์ บั
แบบจาลองอะตอมแบบกล่มุ หมอกได้
3.3 ด้านคุณลกั ษณะ (A)
1) ใฝเุ รียนรู้และเป็นผมู้ ีความมุ่งมัน่ ในการทางาน
4. สาระสาคัญ
อากาศเปน็ สารผสมประกอบดว้ ยแกส๊ หลายชนดิ ในปริมาณ ท่แี ตกตา่ ง อยู่ในรูปของอะตอมและโมเลกลุ
โดยสารทีอ่ ย่ใู นรูปอะตอมจัดเป็นธาตเุ สมอ ส่วนสารทอ่ี ยู่ในรปู โมเลกลุ อาจเปน็ ธาตหุ รือสารประกอบก็ได้ อะตอมเป็น
หน่วยย่อยของสารเคมี ภายในอะตอมประกอบดว้ ยโปรตอน นวิ ตรอน และอเิ ลก็ ตรอน ซึง่ มีจานวนทีแ่ ตกตา่ งกนั ใน
ธาตุแตล่ ะชนิด สง่ ผลใหธ้ าตแุ ต่ละชนิดมมี วลและสมบตั ิเฉพาะที่แตกตา่ งกนั โดยโปรตอนและนิวตรอนรวมกนั อยูใ่ น
43
นิวเคลียส ส่วนอิเลก็ ตรอนเคล่อื นท่รี อบนวิ เคลียส แบบจาลองอะตอมของโบร์เสนอว่า อเิ ล็กตรอนเคล่ือนท่รี อบ
นวิ เคลียสเปน็ วง สว่ นแบบจาลองอะตอมแบบกลมุ่ หมอกเสนอวา่ อิเล็กตรอนเคลอื่ นท่ีรอบนิวเคลยี สในลกั ษณะ
กลุ่มหมอก อะตอมของธาตุต่างชนิดกนั มจี านวนโปรตอนไมเ่ ท่ากัน อะตอมเป็นกลางทาง ไฟฟาู เมอ่ื อะตอมของธาตุ
มีการใหห้ รื อรับอิเล็กตรอนทาให้เกดิ ไอออน สัญลักษณ์นวิ เคลยี ร์ แสดงชนิดและจานวนอนุภาคใน อะตอมของธาตุ
ธาตุชนดิ เดียวกันทม่ี ีเลขมวลต่างกนั เปน็ ไอโซโทปกนั ตารางธาตจุ ัดเรยี งธาตตุ ามเลขอะตอมและสมบตั ิท่คี ล้ายคลงึ
กันของธาตุ แบง่ ธาตุออกเป็น 2 กลมุ่ คือ กล่มุ ธาตเุ รพรเี ซนเททฟี และกล่มุ ธาตุแทรนซิชัน และยังสามารถแบ่งธาตุ
ออกเปน็ โลหะ อโลหะ และก่งึ โลหะ โดยธาตุทีเ่ ป็นองคป์ ระกอบของแก๊สในอากาศส่วนใหญ่เปน็ ธาตอุ โลหะ
แกส๊ หลายชนิดในอากาศนามาใช้ประโยชนไ์ ด้มาก แตบ่ างชนิดเปน็ พษิ โดยสง่ ผลกระทบต่อสขุ ภาพมนุษย์และ
ส่ิงแวดลอ้ ม
5. สาระการเรยี นรู้
5.1 ความรู้
อะตอมเปน็ หน่วยยอ่ ยของสารเคมี ภายในอะตอมประกอบดว้ ยโปรตอน นวิ ตรอน และอิเลก็ ตรอน
ซึ่งมจี านวนที่แตกตา่ งกนั ในธาตุแตล่ ะชนิด ทาใหธ้ าตแุ ต่ละชนดิ มมี วลของอะตอมและสมบตั ทิ ีแ่ ตกตา่ งกนั
เชน่ อะตอมของออกซิเจน (O) มี 8 โปรตอน 8 นิวตรอน และ 8 อิเล็กตรอน ซึง่ มสี มบัติต่างจากอะตอม
ของฮเี ลยี ม (He) ทม่ี ี 2 โปรตอน 2 นวิ ตรอน และ 2 อเิ ล็กตรอน ในธรรมชาติธาตอุ อกซเิ จน (O2) อย่ใู นรปู
โมเลกุล เปน็ แก๊สท่เี กดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมไี ด้ เช่น ปฏกิ ิริยาการเผาไหม้ ส่วนธาตุฮีเลียม (He) อยใู่ นรูปอะตอม
เปน็ แก๊สท่ไี ม่เกิดปฏิกริ ิยาเคมี และแกส๊ ฮีเลียมเบากว่าแกส๊ ออกซิเจน
เนื่องจากอะตอมและองค์ประกอบภายในอะตอมมีขนาดเลก็ มากไม่สามารถมองเห็นดว้ ยตาเปลา่
จงึ มกี ารใช้แบบจาลองอะตอมในการแสดงองคป์ ระกอบ และตาแหนง่ ขององคป์ ระกอบในอะตอม ซ่ึง
แบบจาลองอะตอมไดร้ บั การปรับปรุงเปล่ียนแปลงให้สอดคล้องกบั ผลการทดลองของนกั วิทยาศาสตร์ทมี่ ี
เพิ่มมากขึ้นเรอ่ื ยๆ
แบบจาลองอะตอมที่นิยมนามาใชใ้ นการอธิบายสมบตั ิทางเคมีของธาตุ คอื แบบจาลองอะตอม
ของโบร์ (Bohr’s atomic model) ประกอบดว้ ยโปรตอน (proton, p) ทม่ี ีประจบุ วก และนิวตรอน
(neutron, n) ไมม่ ีประจรุ วมกนั อยใู่ นนิวเคลยี ส และอิเล็กตรอน (electron, e) มีประจุลบ เคลอื่ นทรี่ อบ
นิวเคลยี สเป็นวง ซึ่งแตล่ ะวงมรี ะยะห่างจากนวิ เคลยี สและมีพลงั งานตา่ งกนั อเิ ลก็ ตรอนท่ีอยู่วงนอกสุด
เรียกวา่ เวเลนซ์อเิ ล็กตรอน (valence electron) ดงั ตวั อยา่ งแสดงในรปู 1.5
รปู 1.5 แผนภาพแสดงแบบจาลองอะตอมของโบรข์ องฮเี ลียมและออกซเิ จน
เนื่องจากอิเล็กตรอนมีขนาดเลก็ และเคลอ่ื นทอ่ี ยา่ งรวดเรว็ ตลอดเวลา ทาใหไ้ ม่สามารถบอก
ตาแหน่งท่ีแนน่ อนของอิเล็กตรอนได้ จงึ มีการเสนอแบบจาลองอะตอมแบบกลุม่ หมอก (electron clond
model of atom) ซงึ่ แสดงโอกาสท่ีจะพบอเิ ลก็ ตรอนในลกั ษณะกลมุ่ หมอก โดยบริเวณทมี่ ีกล่มุ หมอกทบึ
เป็นบรเิ วณท่มี โี อกาสพบอิเลก็ ตรอนไดม้ ากกว่าบริเวณทมี่ กี ลุ่มหมอกจาง
44
อะตอมของธาตุชนิดเดยี วกนั มจี านวนโปรตอนเท่ากัน แตอ่ ะตอมของธาตตุ า่ งชนิดกนั มีจานวน
โปรตอนไมเ่ ทา่ กัน ดังนน้ั จงึ ใชจ้ านวนโปรตอนระบชุ นิดของธาตไุ ด้ เนอื่ งจากอะตอมเป็นกลางทางไฟฟูา จึง
มีจานวนอิเล็กตรอนเทา่ กับจานวนโปรตอน ส่วนจานวนนิวตรอนของธาตุแต่ละชนดิ อาจเท่าหรือไมเ่ ทา่ กบั
จานวนโปรตอน ดังตาราง 1.1
ตาราง 1.1 จานวนโปรตอน อเิ ล็กตรอน และนิวตรอนของธาตบุ างชนิด
สญั ลักษณ์ ชือ่ ธาตุ โปรตอน จานวน นิวตรอน
ธาตุ อิเลก็ ตรอน
H ไฮโดรเจน (hydrogen) 1 1 0
He ฮเี ลียม (helium) 2 2 2
C คารบ์ อน (Carbon) 6 6 6
N ไนโตรเจน (nitrogen) 7 7 7
O ออกซเิ จน (oxygen) 8 8 8
F ฟลอู อรีน (fluorine) 9 9 10
Ne นีออน (neon) 10 10 10
Mg แมกนีเซยี ม (magnesium) 12 12 12
Cl คลอรนี (chlorine) 17 17 18
Ar อาร์กอน (argon) 18 18 22
เม่อื อะตอมของธาตมุ ีการให้หรือรบั อิเลก็ ตรอนทาให้เกดิ ไอออน โดยไอออนบวกมีจานวน
อิเลก็ ตรอนน้อยกว่าโปรตอน และไอออนลบมจี านวนอิเล็กตรอนมากกว่าโปรตอน ตัวอยา่ งดงั ตาราง 1.2
ตาราง 1.2 จานวนโปรตอน อเิ ล็กตรอน และนวิ ตรอนของไอออนบางชนดิ
ไอออน โปรตอน จานวน นวิ ตรอน
อเิ ลก็ ตรอน
F- 9 10 10
O2- 8 10 8
Na+ 11 10 12
Ca2+ 20 18 20
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการส่อื สาร (อา่ น ฟงั พูด เขยี น)
2) ความสามารถในการคดิ (สงั เกต วเิ คราะห์ จดั กลุ่ม สรุป)
3) ความสามารถในการแก้ปญั หา (แสวงหาความรู้)
4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต (ความรบั ผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ (ใช้การสบื คน้ ผา่ นคอมพิวเตอร์)
45
5.3 คณุ ลกั ษณะและคา่ นิยม
ใฝุเรียนรแู้ ละเปน็ ผู้มีความมงุ่ ม่นั ในการทางาน
6. บูรณาการ
บูรณาการกบั กลมุ่ สาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ เร่อื ง สูตรหาพน้ื ท่วี งกลม และเส้นรอบวง
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขน้ั ท่ี 1 ข้นั สร้างความสนใจ
1.1 ครทู บทวนเนอื้ หาเดมิ เรื่อง องค์ประกอบในอากาศ
1.2 ครตู ง้ั คาถามตรวจสอบความรู้เดิม ดงั นี้
1) นอกจากแกส๊ ในอากาศแลว้ การระบวุ ่าสารเคมชี นิดอ่นื อยใู่ นรปู อะตอม หรอื โมเลกุล
และจัดเป็นธาตุหรือสารประกอบสามารถพจิ าณาได้จากอะไร (แนวการตอบ สูตรเคมี)
2) หนว่ ยทเี่ ล็กท่สี ดุ ของธาตคุ อื อะไร เพราะเหตุใด (แนวการตอบ อะตอม เพราะเปน็
หน่วยท่ีเล็กท่สี ดุ ท่ีแสดงสมบตั เิ ฉพาะของธาตุ)
1.3 ครูให้นักเรียนทากิจกรรม 1.1 เพ่ือทบทวนความรูเ้ กี่ยวกับตาแหนง่ และชนดิ ประจุของโปรตอน
นิวตรอน และอิเลก็ ตรอน
1.4 ครตู ้ังคาถามใหน้ ักเรยี นคดิ เพื่อนาไปสู่กิจกรรมแบบจาลองอะตอมของโบร์
1) อิเล็กตรอนเคล่ือนทร่ี อบนิวเคลียสในลกั ษณะใด (แนวการตอบ อิเล็กตรอนเคล่ือนท่ี
รอบนวิ เคลียสเป็นวง ซ่ึงแต่ละวงมรี ะยะหา่ งจากนวิ เคลยี สและมีพลังงานต่างกัน)
ขั้นที่ 2 ข้นั สารวจและคน้ หา
2.1 ครูให้นกั เรียนทกุ คนศึกษาค้นคว้าองค์ประกอบภายในอะตอมตามรายละเอียดในหนงั สอื เรียน
หน้า 7 - 10
2.2 นักเรียนทาใบงาน เรอ่ื ง มารู้จักแบบจาลองอะตอมของโบร์กบั แบบจาลองอะตอมแบบกลมุ่
หมอกกันเถอะ
2.3 นักเรียนทาแบบฝึกหดั เรื่อง ระบจุ านวนโปรตอน อเิ ลก็ ตรอน และนิวตรอน
2.4 ครูให้ความรเู้ กีย่ วกับการหาจานวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนของแบบจาลองอะตอมของโบร์
2.5 นักเรยี นทาแบบฝกึ หัดท้ายบทที่ 1 ขอ้ 4-5 ลงในสมดุ
ข้ันท่ี 3 ขัน้ อธิบายและลงขอ้ สรปุ
3.1 ครนู านกั เรียนอภิปรายเพื่อนาไปสกู่ ารสรปุ โดยใชค้ าถามต่อไปนี้
1) องค์ประกอบภายในอะตอมมอี ะไรบา้ ง (แนวการตอบ ประกอบภายในอะตอมมี
อะไรบา้ ง (แนวการตอบ อะตอมประกอบดว้ ยโปรตอน นวิ ตรอน และอิเลก็ ตรอน)
2) โปรตอน อักษรย่อคืออะไร และเป็นประจุบวกหรอื ลบ (แนวการตอบ อกั ษร คือ p
มปี ระจุบวก)
3) อิเล็กตรอน อักษรย่อคอื อะไร และเปน็ ประจุบวกหรอื ลบ (แนวการตอบ อักษร คือ e
มีประจลุ บ)
46
4) นิวตรอน อักษรยอ่ คืออะไร และเป็นประจบุ วกหรอื ลบ (แนวการตอบ อกั ษร คอื n
ไมม่ ปี ระจุ)
5) จงอธบิ ายแบบจาลองอะตอมของโบร์ (แนวการตอบ แบบจาลองอะตอมของโบร์
ประกอบดว้ ยโปรตอน (proton, p) ที่มปี ระจุบวก และนิวตรอน (neutron, n) ไม่มีประจุรวมกนั อยูใ่ น
นิวเคลยี ส และอิเลก็ ตรอน (electron, e) มีประจุลบ เคลื่อนทร่ี อบนิวเคลียสเป็นวง ซงึ่ แต่ละวงมรี ะยะหา่ งจาก
นิวเคลยี สและมพี ลงั งานต่างกัน)
6) จากแบบจาลองอะตอมของโบร์ อเิ ลก็ ตรอนทีอ่ ยวู่ งนอกสุด เรียกว่าอะไร (แนวการ
ตอบ เวเลนซ์อิเลก็ ตรอน (valence electron)
7) จงอธิบายแบบจาลองอะตอมแบบกลุ่มหมอก (แนวการตอบ อิเล็กตรอนในลักษณะ
กลุม่ หมอก โดยบริเวณท่มี กี ลุ่มหมอกทึบเป็นบริเวณท่ีมโี อกาสพบอเิ ล็กตรอนไดม้ ากกวา่ บรเิ วณทม่ี กี ลุ่ม
หมอกจาง)
8) ธาตุ Ne มจี านวนโปรตอน อิเลก็ ตรอน และนวิ ตรอนเทา่ ใด (แนวการตอบ p = 10,
e = 10 และ n = 10)
9) ไอออน Ca2+ มจี านวนโปรตอน อเิ ล็กตรอน และนวิ ตรอนเท่าใด (แนวการตอบ p =
20, e = 18 และ n = 20)
10) ไอออน O2- มีจานวนโปรตอน อิเล็กตรอน และนิวตรอนเทา่ ใด (แนวการตอบ p = 8,
e = 10 และ n = 8)
11) ธาตฮุ ีเลียม (He) มจี านวนเวเลนซ์อเิ ล็กตรอนเท่าใด (แนวการตอบ 2)
12) ธาตอุ อกซเิ จน (O) มีจานวนเวเลนซอ์ ิเลก็ ตรอนเท่าใด (แนวการตอบ 6)
3.2 นกั เรยี นและครรู ่วมกนั อภิปรายและสรุปการศกึ ษาค้นคว้าจนสรุป เรอ่ื ง องค์ประกอบภายใน
อะตอม ดังน้ี
1) อะตอมเป็นหนว่ ยยอ่ ยของสารเคมี ภายในอะตอมประกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน และ
อเิ ลก็ ตรอน ซึง่ มจี านวนท่ีแตกต่างกนั ในธาตแุ ตล่ ะชนิด ทาใหธ้ าตุแต่ละชนดิ มมี วลของอะตอมและสมบัติที่
แตกตา่ งกัน เช่น อะตอมของออกซิเจน (O) มี 8 โปรตอน 8 นิวตรอน และ 8 อิเลก็ ตรอน ซง่ึ มสี มบตั ติ า่ ง
จากอะตอมของฮีเลยี ม (He) ทมี่ ี 2 โปรตอน 2 นวิ ตรอน และ 2 อเิ ลก็ ตรอน ในธรรมชาตธิ าตุออกซเิ จน
(O2) อยใู่ นรปู โมเลกลุ เปน็ แกส๊ ท่ีเกิดปฏิกิรยิ าเคมไี ด้ เชน่ ปฏกิ ิริยาการเผาไหม้ สว่ นธาตุฮเี ลยี ม (He) อยใู่ น
รูปอะตอม เปน็ แก๊สทไ่ี ม่เกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี และแก๊สฮเี ลียมเบากว่าแก๊สออกซเิ จน
2) เน่อื งจากอะตอมและองคป์ ระกอบภายในอะตอมมขี นาดเล็กมากไม่สามารถมองเหน็
ด้วยตาเปลา่ จึงมีการใช้แบบจาลองอะตอมในการแสดงองคป์ ระกอบ และตาแหนง่ ขององค์ประกอบใน
อะตอม ซ่ึงแบบจาลองอะตอมไดร้ บั การปรบั ปรงุ เปลี่ยนแปลงใหส้ อดคลอ้ งกบั ผลการทดลองของ
นกั วทิ ยาศาสตร์ท่ีมีเพิม่ มากขน้ึ เรอ่ื ยๆ
3) แบบจาลองอะตอมท่นี ิยมนามาใชใ้ นการอธิบายสมบัติทางเคมขี องธาตุ คอื
แบบจาลองอะตอมของโบร์ (Bohr’s atomic model) ประกอบด้วยโปรตอน (proton, p) ทม่ี ปี ระจุ
บวก และนิวตรอน (neutron, n) ไม่มปี ระจุรวมกนั อยูใ่ นนิวเคลียส และอิเลก็ ตรอน (electron, e) มปี ระจุ
47
ลบ เคลือ่ นที่รอบนวิ เคลยี สเป็นวง ซ่ึงแต่ละวงมรี ะยะหา่ งจากนิวเคลียสและมีพลังงานต่างกัน อเิ ลก็ ตรอนท่ี
อยู่วงนอกสุด เรียกว่า เวเลนซอ์ ิเล็กตรอน (valence electron) ดงั ตวั อยา่ งแสดงในรปู 1.5
4) เนอื่ งจากอเิ ลก็ ตรอนมีขนาดเล็กและเคลอื่ นท่อี ย่างรวดเรว็ ตลอดเวลา ทาให้ไม่สามารถ
บอกตาแหน่งท่แี น่นอนของอเิ ล็กตรอนได้ จงึ มกี ารเสนอแบบจาลองอะตอมแบบกลมุ่ หมอก (electron
clond model of atom) ซงึ่ แสดงโอกาสท่จี ะพบอิเล็กตรอนในลกั ษณะกลมุ่ หมอก โดยบริเวณท่มี ีกลมุ่
หมอกทึบเป็นบริเวณทม่ี ีโอกาสพบอิเลก็ ตรอนได้มากกวา่ บริเวณทมี่ กี ลุ่มหมอกจาง
5) อะตอมของธาตชุ นิดเดยี วกนั มจี านวนโปรตอนเท่ากัน แตอ่ ะตอมของธาตุต่างชนิดกนั มี
จานวนโปรตอนไม่เทา่ กนั ดงั น้นั จึงใชจ้ านวนโปรตอนระบุชนดิ ของธาตไุ ด้ เนื่องจากอะตอมเปน็ กลางทาง
ไฟฟูา จึงมจี านวนอิเล็กตรอนเทา่ กบั จานวนโปรตอน ส่วนจานวนนิวตรอนของธาตแุ ตล่ ะชนิดอาจเท่าหรอื ไม่
เทา่ กับจานวนโปรตอน ดังตาราง 1.1
ขั้นที่ 4 ข้ันขยายความรู้
4.1 ครใู ห้ความรู้เพม่ิ เติมเก่ียวกบั ชวนคิดในหนังสือเรียน หนา้ 10
1) อะตอมของธาตุชนิดหนึง่ มี 13 โปรตอน นักเรียนสามารถระบุจานวนอเิ ลก็ ตรอน และ
นวิ ตรอนของธาตนุ ้ไี ด้หรือไม่ เพราะเหตุใด (สามารถบอกจานวนอิเล็กตรอนได้ เพราะอะตอมของธาตเุ ป็น
กลางทางไฟฟูา จงึ มจี านวนโปรตอนเท่ากบั อิเลก็ ตรอน แตไ่ ม่สามารถบอกจานวนนิวตรอนได้ เพราะจานวน
นวิ ตรอนและโปรตอนไม่มคี วามสัมพันธ์กนั )
4.2 ครูใหค้ วามร้เู พ่มิ เตมิ เก่ยี วกับจานวนเวเลนซ์อเิ ลก็ ตรอนของธาตุทีไ่ ม่ใช่โลหะทรานซชิ นั
1) การระบุจานวนเวเลนซอ์ เิ ลก็ ตรอน (แบบจาลองอะตอมของโบร์) เวเลนซอ์ ิเล็กตรอน คอื
จานวนอเิ ลก็ ตรอนในระดับพลงั งานนอกสดุ หรือสงู สุด ของแต่ละธาตุจะมีอเิ ล็กตรอนไมเ่ กิน 8 การจัด
อิเลก็ ตรอน มีความสมั พนั ธก์ ับการจัดหมแู่ ละคาบ คือ เวเลนซ์อิเลก็ ตรอน จะตรงกับเลขที่ของหมู่ ดังนัน้
ธาตุท่อี ยหู่ มเู่ ดียวกนั จะมเี วเลนซ์อเิ ลก็ ตรอนเทา่ กนั
4.3 ครูให้นักเรียนแต่ละคนเล่าสกู่ ันฟงั ถงึ ความรูท้ ไ่ี ดจ้ ากการทากิจกรรม และปัญหาทเี่ กิดขน้ึ
ระหว่างการทากจิ กรรม
4.4 ครนู านกั เรยี นทาแบบฝกึ หดั ท้ายบทที่ 1 ข้อ 3 บางส่วน แล้วให้นักเรยี นทาด้วยตนเอง
ข้ันท่ี 5 ขั้นประเมนิ ผล
5.1 ครตู รวจใบงาน เรื่อง มารจู้ ักแบบจาลองอะตอมของโบรก์ ับแบบจาลองอะตอมแบบกลุ่มหมอก
กนั เถอะ
5.2 ครตู รวจแบบฝึกหัด เรอ่ื ง ระบุจานวนโปรตอน อิเลก็ ตรอน และนวิ ตรอน
5.3 ครูตรวจสมุดการทาแบบฝกึ หัดท้ายบทท่ี 1 ข้อ 4-5 ของนักเรียน
ประยกุ ต์และตอบแทนสังคม
ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละคนนาความรู้ทเ่ี รียนไปค้นควา้ เพิ่มเติมทห่ี อ้ งสมุด หรอื เวบ็ ไซต์ แล้วนาเสนอใน
ช้นั เรยี น
8. สือ่ การเรยี นรู้/แหลง่ เรียนรู้
48
8.1 หนังสือเรียนรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ (วิทยาศาสตร์กายภาพ) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 เล่ม 1
(ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560)
8.2 ใบงาน เร่ือง มารจู้ กั แบบจาลองอะตอมของโบร์กับแบบจาลองอะตอมแบบกลมุ่ หมอกกนั เถอะ
8.3 แบบฝกึ หดั เรอ่ื ง ระบจุ านวนโปรตอน อิเล็กตรอน และนิวตรอน
8.4 อนิ เทอร์เน็ต/ห้องสมุด
9. การวัดและประเมินผล
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธีการวัด เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
ดา้ นความรู้ (K)
1) นกั เรียนระบุจานวนเวเลนซอ์ ิเลก็ ตรอน 1) แบบฝกึ หัดทา้ ยบท 1) แบบฝึกหดั ทา้ ย 1) นกั เรยี นสามารถ
จากแบบจาลองอะตอมของโบรข์ องธาตุที่ ที่ 1 ข้อ 4 บทท่ี 1 ข้อ 4 ทาแบบฝกึ หดั ท้าย
กาหนดใหไ้ ด้ 2) ตรวจแบบฝกึ หัด 2) แบบฝึกหัด เร่ือง บทที่ 1 ขอ้ 4 ได้
2) นกั เรยี นระบจุ านวนโปรตอน นิวตรอน เร่อื ง ระบจุ านวน ระบจุ านวนโปรตอน ระดับดี ผ่านเกณฑ์
และอิเลก็ ตรอนของอะตอม และไอออนท่ี โปรตอน อเิ ล็กตรอน อิเล็กตรอน และ 2) นักเรียนสามารถ
เกิดจากอะตอมเดียวได้ และนวิ ตรอน นวิ ตรอน ทาแบบฝึกหัด
3) แบบประเมนิ การ แบบฝกึ หดั เร่ือง
ทากิจกรรม ระบจุ านวนโปรตอน
อิเลก็ ตรอน และ
นิวตรอน ได้ระดับดี
ผ่านเกณฑ์
ดา้ นกระบวนการ (P)
1) นกั เรียนเขยี นเปรยี บเทยี บความเหมือน 1) ตรวจใบงาน เร่อื ง 1) แบบประเมินการ 1) นักเรียนสามารถ
และความแตกต่างของแบบจาลองอะตอม มารู้จกั แบบจาลอง ทากจิ กรรม สรปุ เนือ้ หาทีไ่ ด้จาก
ของโบรก์ บั แบบจาลองอะตอมแบบกลุ่ม อะตอมของโบร์กบั 2) ใบงาน เร่อื ง การศึกษาคน้ ควา้
หมอกได้ แบบจาลองอะตอม มารจู้ กั แบบจาลอง ไดร้ ะดบั ดี ผา่ นเกณฑ์
แบบกล่มุ หมอกกนั อะตอมของโบรก์ ับ
เถอะ แบบจาลองอะตอม
แบบกลมุ่ หมอกกนั
เถอะ
ดา้ นคุณลกั ษณะ (A)
1) ใฝเุ รียนรู้ และเปน็ ผู้มคี วามมุ่งมน่ั ในการ 1) ตรวจใบงานและ 1) แบบประเมนิ การ 1) นกั เรียนทาภาระ
ทางาน แบบฝกึ หดั ของ ทากจิ กรรม งานที่ไดร้ บั มอบหมาย
นกั เรียน ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์
49
10. เกณฑ์การประเมนิ ผลงานนกั เรียน
เกณฑ์การประเมนิ แบบ Rubrics ของการทากจิ กรรม เรื่อง องค์ประกอบภายในอะตอม
ประเด็นการ ค่านา้ หนัก แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมนิ คะแนน
ด้านความรู้ ทาแบบฝึกหัดทา้ ยบทท่ี 1 ขอ้ 4 ไดถ้ กู ต้องครบถ้วน
(K) 3 ทาแบบฝกึ หัดทา้ ยบทท่ี 1 ขอ้ 4 ได้ แต่ยังไม่ถกู ต้องครบถ้วน
2 ทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบทที่ 1 ข้อ 4 ไม่ถกู ตอ้ ง
ดา้ น 1 ทาแบบฝึกหัด เรื่อง ระบุจานวนโปรตอน อิเล็กตรอน และนิวตรอน ไดถ้ กู ต้องครบถ้วน
กระบวนการ 3 จานวน 12-14 ข้อ
ทาแบบฝกึ หดั เรื่อง ระบจุ านวนโปรตอน อเิ ลก็ ตรอน และนิวตรอน ไดถ้ ูกตอ้ งครบถ้วน
(P) 2 จานวน 6-11 ขอ้
ทาแบบฝกึ หัด เรื่อง ระบุจานวนโปรตอน อเิ ล็กตรอน และนวิ ตรอน ได้ถูกต้องครบถ้วน
ด้าน 1 จานวน 1-5 ข้อ หรอื ไม่ถูกต้อง
คณุ ลกั ษณะ สรุปเนอ้ื หา เร่อื ง แบบจาลองอะตอมของโบร์กบั แบบจาลองอะตอมแบบกลุ่มหมอก
3 ได้ถกู ต้องครบถ้วน
(A) สรปุ เนอ้ื หา เรื่อง แบบจาลองอะตอมของโบรก์ ับแบบจาลองอะตอมแบบกลุ่มหมอก
2 ได้คอ่ นข้างถกู ต้องครบถว้ น
สรุปเนอ้ื หา เร่อื ง แบบจาลองอะตอมของโบร์กับแบบจาลองอะตอมแบบกลมุ่ หมอกได้
1 แตไ่ ม่ครบถว้ น
ทาภาระงานที่ไดร้ บั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาทกี่ าหนด และเรียบร้อยถกู ตอ้ งครบถ้วน
3 ทาภาระงานท่ไี ดร้ ับมอบหมายเสร็จภายในเวลาทกี่ าหนด แตง่ านยังผิดพลาดบางสว่ น
2 ทาภาระงานทไี่ ด้รบั มอบหมายเสร็จ แต่ลา่ ช้า และเกิดข้อผดิ พลาดบางส่วน
1
ระดับคะแนน 3 หมายถึง ระดบั ดีมาก
คะแนน 2 หมายถงึ ระดับดี
คะแนน 1 หมายถงึ ระดบั พอใช้
คะแนน
หมายเหตุ หาคา่ เฉล่ยี ของคะแนนดา้ นความรู้ (K) คะแนนเตม็ เท่ากบั 3
50
การประเมนิ การทากิจกรรม เรอ่ื ง องค์ประกอบภายในอะตอม
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
ท่ี ช่อื - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ดา้ น ด้าน รวม ระดบั
(K) กระบวนการ คณุ ลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ
(P) (A)
3 3 39
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
51
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ท่ี ชอื่ - นามสกุล ด้านความรู้ ด้าน ด้าน รวม ระดบั
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คุณภาพ
(P) (A)
3 3 39
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดับดมี าก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดับดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
3-4 หมายถึง ระดับปรบั ปรงุ
คะแนน
คะแนน
52
บนั ทกึ หลังการสอน
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง อากาศ ใ
แผนการสอนท่ี 2 เรื่อง องค์ประกอบภายในอะตอม .
ใ เดือน พ.ศ. ใ
วนั ท่ี
ผลการจัดการเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปัญหา / อุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ปญั หา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงชื่อ............................................ครูผ้สู อน ลงช่ือ.............................................หวั หนา้ กล่มุ สาระ
(นางสาวนิลนกิ า แกว้ ปัญญา) (นางนพรตั น์ ครุฑเกดิ )
53
ชอื่ ช้ัน เลขท่ี ‘
ใบงาน เรือ่ ง มารู้จักแบบจาลองอะตอมของโบร์กับแบบจาลองอะตอมแบบกลมุ่ หมอกกนั เถอะ
1. สรุปส่ิงทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาคน้ ควา้
แบบจาลองอะตอมที่นยิ มนามาใชใ้ นการอธบิ ายสมบัติทางเคมขี องธาตุ คอื แบบจาลองอะตอมของโบร์ ( Bohr’s
atomic model) ประกอบดว้ ยโปรตอน ( proton, p) ท่มี ปี ระจุบวก และนวิ ตรอน ( neutron, n) ไม่มปี ระจุรวมกันอยูใ่ น
นวิ เคลียส และอเิ ลก็ ตรอน (electron, e) มีประจลุ บ เคลือ่ นที่รอบนวิ เคลียสเปน็ วง ซงึ่ แตล่ ะวงมรี ะยะห่างจากนวิ เคลียสและ
มีพลังงานตา่ งกัน อเิ ล็กตรอนท่ีอยูว่ งนอกสุด เรยี กว่า เวเลนซ์อเิ ลก็ ตรอน (valence electron) ดงั ตัวอย่างแสดงในรูป 1.5 v
แบบจาลองอะตอมทีน่ ิยมนามาใช้ในการอธบิ ายสมบตั ทิ างเคมีของธาตุ คือ แบบจาลองอะตอมของโบร์ ( Bohr’s
atomic model) ประกอบดว้ ยโปรตอน (proton, p) ที่มีประจุบวก และนวิ ตรอน (neutron, n) ไมม่ ปี ระจุรวมกนั อยใู่ น
แบบจาลองอะตอมที่นยิ มนามาใชใ้ นการอธิบายสมบตั ทิ างเคมีของธาตุ คือ แบบจาลองอะตอมของโบร์ ( Bohr’s
atomic model) ประกอบดว้ ยโปรตอน (proton, p) ท่ีมปี ระจุบวก และนิวตรอน (neutron, n) ไม่มีประจรุ วมกนั อยู่ใน
รปู 1.5 แผนภาพแสดงแบบจาลองอะตอมของโบรข์ องฮเี ลียมและออกซเิ จน
เน่ืองจากอเิ ลก็ ตรอนมีขนาดเล็กและเคล่อื นท่ีอยา่ งรวดเร็วตลอดเวลา ทาให้ไม่สามารถบอกตาแหน่งท่ีแนน่ อนของ
อิเลก็ ตรอนได้ จงึ มกี ารเสนอแบบจาลองอะตอมแบบกลุม่ หมอก ( electron clond model of atom) ซึง่ แสดงโอกาสท่จี ะ
พบอเิ ลก็ ตรอนในลักษณะกลมุ่ หมอก โดยบริเวณทมี่ กี ลุ่มหมอกทึบเปน็ บริเวณทมี่ โี อกาสพบอิเลก็ ตรอนได้มากกวา่ บริเวณท่มี ี
กลุ่มหมอกจาง
แบบจาลองอะตอมท่ีนิยมนามาใช้ในการอธิบายสมบัติทางเคมีของธาตุ คอื แบบจาลองอะตอมของโบร์ (Bohr’s atomic
แบบจาลองอะตอมทน่ี ยิ มนามาใช้ในการอธบิ ายสมบตั ิทางเคมีของธาตุ คือ แบบจาลองอะตอมของโบร์ ( Bohr’s
atomic model) ประกอบด้วยโปรตอน (proton, p) ที่มีประจุบวก และนิวตรอน (neutron, n) ไมม่ ปี ระจุรวมกันอยู่ใน
แบบจาลองอะตอมที่นยิ มนามาใชใ้ นการอธิบายสมบัตทิ างเคมีของธาตุ คอื แบบจาลองอะตอมของโบร์ ( Bohr’s
atomic model) ประกอบดว้ ยโปรตอน (proton, p) ท่ีมีประจบุ วก และนวิ ตรอน (neutron, n) ไมม่ ีประจุรวมกันอยใู่ น
model) ประกอบดว้ ยโปรตอน (proton, p) ท่มี ีประจุบวก และนิวตรอน (neutr on, n) ไม่มปี ระจุรวมกันอยใู่ น
54
2. คาถาม : แบบจาลองอะตอมของโบร์กบั แบบจาลองอะตอมแบบกลุ่มหมอกความเหมอื นและความแตกตา่ ง อยา่ งไร
ตอบ แบบจาลองอะตอมทั้งสองมีความเหมือนกัน คอื อะตอมประกอบด้วยโปรตอน นวิ ตรอน และอิเลก็ ตรอน โดยตาแหนง่
ของโปรตอนและนิวตรอนเหมอื นกันคอื อย่ใู นนิวเคลยี ส ส่วนตาแหนง่ ของอิเลก็ ตรอนในแบบจาลองอะตอมทง้ั สองแตกต่างกัน
คือ แบบจาลองอะตอมของโบรแ์ สดงการเคลอื่ นทข่ี องอเิ ลก็ ตรอนรอบนวิ เคลยี สเปน็ วง แต่แบบจาลองอะตอมแบบกลุ่มหมอก
แสดงโอกาสทจ่ี ะพบอเิ ลก็ ตรอนรอบนวิ เคลียสในลักษณะกลุ่มหมอก v
คือ แบบจาลองอะตอมของโบร์แสดงการเคลื่อนท่ีของอเิ ลก็ ตรอนรอบนวิ เคลยี สเปน็ วง แต่แบบจาลองอะตอมแบบกลมุ่ หมอก
แสดงโอกาสทจี่ ะพบอิเลก็ ตรอนรอบนวิ เคลียสในลักษณะกลุม่ หมอก v
55
แบบฝึกหดั เรื่อง ระบุจานวนโปรตอน อเิ ลก็ ตรอน และนวิ ตรอน
คาชแี้ จง ให้นกั เรยี นระบุจานวนโปรตอน อิเล็กตรอน และนิวตรอนของธาตุบางชนิด ลงในชอ่ งวา่ งใหถ้ ูกตอ้ ง
ขอ้ ท่ี สญั ลักษณ์ ช่ือธาตุ โปรตอน จานวน นวิ ตรอน
ธาตุ 1 อิเล็กตรอน 0
ไฮโดรเจน (hydrogen) 2
1H ฮเี ลยี ม (helium) 2 6
คาร์บอน (Carbon) 8 6 7
2 He 9 7 8
ไนโตรเจน (nitrogen) 10 10
3C ออกซิเจน (oxygen) 12 10
ฟลอู อรนี (fluorine) 12 18
4N 18 17
นอี อน (neon) 18
5O แมกนีเซยี ม (magnesium)
6F คลอรนี (chlorine)
อารก์ อน (argon)
7 Ne
8 Mg
9 Cl
10 Ar
คาช้ีแจง ให้นักเรยี นระบุจานวนโปรตอน อเิ ลก็ ตรอน และนิวตรอนของไอออนบางชนดิ ลงในชอ่ งวา่ งให้ถกู ตอ้ ง
ขอ้ ที่ ไอออน โปรตอน จานวน นวิ ตรอน
อเิ ล็กตรอน 10
1 F- 8 8
2 O2- 11 10
3 Na+ 20
4 Ca2+ 10
ช่อื ชน้ั เลขที่ 56
‘
เฉลยใบงาน เร่ือง มารู้จกั แบบจาลองอะตอมของโบรก์ ับแบบจาลองอะตอมแบบกลมุ่ หมอกกนั
เถอะ
1. สรุปส่งิ ทีไ่ ด้จากการศกึ ษาค้นควา้
แบบจาลองอะตอมที่นิยมนามาใชใ้ นการอธบิ ายสมบตั ทิ างเคมขี องธาตุ คอื แบบจาลองอะตอมของโบร์ ( Bohr’s
atomic model) ประกอบด้วยโปรตอน ( proton, p) ท่มี ีประจบุ วก และนิวตรอน ( neutron, n) ไมม่ ีประจุรวมกนั อยใู่ น
นิวเคลียส และอิเล็กตรอน (electron, e) มีประจลุ บ เคลื่อนท่รี อบนวิ เคลยี สเปน็ วง ซ่ึงแตล่ ะวงมีระยะหา่ งจากนวิ เคลียสและ
มพี ลังงานตา่ งกนั อิเล็กตรอนท่ีอยูว่ งนอกสดุ เรยี กวา่ เวเลนซอ์ ิเลก็ ตรอน (valence electron) ดงั ตัวอยา่ งแสดงในรูป 1.5 v
รปู 1.5 แผนภาพแสดงแบบจาลองอะตอมของโบร์ของฮีเลียมและออกซเิ จน
เนือ่ งจากอเิ ลก็ ตรอนมขี นาดเล็กและเคล่อื นที่อยา่ งรวดเร็วตลอดเวลา ทาให้ไม่สามารถบอกตาแหน่งทีแ่ น่นอนของ
อเิ ล็กตรอนได้ จงึ มีการเสนอแบบจาลองอะตอมแบบกลมุ่ หมอก ( electron clond model of atom) ซึ่งแสดงโอกาสทีจ่ ะ
พบอเิ ล็กตรอนในลักษณะกลุ่มหมอก โดยบริเวณทม่ี ีกลุม่ หมอกทบึ เป็นบรเิ วณทม่ี ีโอกาสพบอเิ ล็กตรอนได้มากกวา่ บริเวณทีม่ ี
กลุม่ หมอกจาง v
2. คาถาม : แบบจาลองอะตอมของโบร์กบั แบบจาลองอะตอมแบบกลุ่มหมอกความเหมอื นและความแตกตา่ ง อย่างไร
ตอบ แบบจาลองอะตอมทั้งสองมีความเหมือนกนั คอื อะตอมประกอบดว้ ยโปรตอน นิวตรอน และอเิ ล็กตรอน โดยตาแหนง่
ของโปรตอนและนวิ ตรอนเหมือนกันคืออยใู่ นนิวเคลียส สว่ นตาแหน่งของอเิ ลก็ ตรอนในแบบจาลองอะตอมทงั้ สองแตกตา่ งกัน
คอื แบบจาลองอะตอมของโบรแ์ สดงการเคลอ่ื นท่ีของอเิ ล็กตรอนรอบนวิ เคลยี สเปน็ วง แต่แบบจาลองอะตอมแบบกลุม่ หมอก
แสดงโอกาสท่จี ะพบอิเล็กตรอนรอบนวิ เคลยี สในลักษณะกลมุ่ หมอก v
คอื แบบจาลองอะตอมของโบร์แสดงการเคลื่อนทขี่ องอเิ ล็กตรอนรอบนวิ เคลยี สเปน็ วง แตแ่ บบจาลองอะตอมแบบกลุ่มหมอก
แสดงโอกาสทีจ่ ะพบอเิ ลก็ ตรอนรอบนวิ เคลียสในลักษณะกลมุ่ หมอก v
57
เฉลยแบบฝกึ หัด เรอื่ ง ระบุจานวนโปรตอน อิเลก็ ตรอน และนิวตรอน
คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนระบุจานวนโปรตอน อิเลก็ ตรอน และนิวตรอนของธาตุบางชนิด ลงในช่องวา่ งให้ถูกตอ้ ง
ขอ้ ที่ สญั ลกั ษณธ์ าตุ ช่อื ธาตุ โปรตอน จานวน นวิ ตรอน
1 อิเล็กตรอน 0
1H ไฮโดรเจน (hydrogen) 2 2
2 He ฮีเลยี ม (helium) 6 1 6
3C คาร์บอน (Carbon) 7 2 7
4N 8 6 8
5O ไนโตรเจน (nitrogen) 9 7 10
6F ออกซเิ จน (oxygen) 10 8 10
7 Ne ฟลูออรนี (fluorine) 12 9 12
8 Mg 17 10 18
9 Cl นีออน (neon) 18 12 22
10 Ar แมกนเี ซียม (magnesium) 17
18
คลอรนี (chlorine)
อาร์กอน (argon)
คาช้ีแจง ให้นักเรยี นระบุจานวนโปรตอน อิเลก็ ตรอน และนวิ ตรอนของไอออนบางชนดิ ลงในชอ่ งว่างใหถ้ ูกตอ้ ง
ข้อท่ี ไอออน โปรตอน จานวน นิวตรอน
อเิ ล็กตรอน
1 F- 9 10 10
2 O2- 8 10 8
3 Na+ 11 10 12
4 Ca2+ 20 18 20
58
เร่ือง สญั ลกั ษณน์ วิ เคลียร์ของธาตุ แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 3 เวลา 1 ช่ัวโมง
รายวชิ า ว31104 รวม 5 ช่วั โมง
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 1 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรียนที่ 1
กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ อากาศ
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 2.1 เขา้ ใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พันธ์ระหว่างสมบตั ขิ องสสารกับโครงสร้าง
และแรงยดึ เหนีย่ วระหว่างอนุภาค หลกั และธรรมชาตขิ องการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย
และการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี
2. ตวั ชี้วดั
ว 2.1 ม.5/4 เขยี นสญั ลกั ษณ์นวิ เคลยี รข์ องธาตุและระบกุ ารเปน็ ไอโซโทป
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) นกั เรยี นเขียนสญั ลกั ษณน์ ิวเคลยี ร์ของธาตุที่กาหนดให้ และระบวุ า่ ธาตใุ ดเป็นไอโซโทปกนั
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) นักเรยี นมีทักษะการคานวณ
3.3 ด้านคุณลกั ษณะ (A)
1) ใฝเุ รยี นรู้และเปน็ ผูม้ คี วามมงุ่ มนั่ ในการทางาน
4. สาระสาคัญ
อากาศเป็นสารผสมประกอบด้วยแกส๊ หลายชนดิ ในปริมาณ ท่ีแตกตา่ ง อยูใ่ นรูปของอะตอมและโมเลกุล
โดยสารทอี่ ยใู่ นรปู อะตอมจัดเปน็ ธาตเุ สมอ ส่วนสารท่ีอยใู่ นรูปโมเลกลุ อาจเป็นธาตุหรอื สารประกอบก็ได้ อะตอมเป็น
หน่วยย่อยของสารเคมี ภายในอะตอมประกอบด้วยโปรตอน นวิ ตรอน และอิเล็กตรอน ซ่งึ มจี านวนที่แตกตา่ งกนั ใน
ธาตแุ ต่ละชนดิ สง่ ผลให้ธาตุแต่ละชนดิ มมี วลและสมบตั เิ ฉพาะท่ีแตกต่างกัน โดยโปรตอนและนวิ ตรอนรวมกันอยใู่ น
นวิ เคลียส สว่ นอเิ ลก็ ตรอนเคล่อื นทีร่ อบนิวเคลยี ส แบบจาลองอะตอมของโบร์เสนอว่า อิเล็กตรอนเคล่ือนท่ีรอบ
นวิ เคลียสเปน็ วง สว่ นแบบจาลองอะตอมแบบกลมุ่ หมอกเสนอวา่ อิเลก็ ตรอนเคล่ือนที่รอบนิวเคลียสในลักษณะ
กลุ่มหมอก อะตอมของธาตุตา่ งชนิดกันมจี านวนโปรตอนไม่เท่ากัน อะตอมเปน็ กลางทาง ไฟฟูาเมื่ออะตอมของธาตุ
มกี ารให้หรื อรบั อิเล็กตรอนทาใหเ้ กดิ ไอออน สญั ลกั ษณน์ วิ เคลยี ร์ แสดงชนิดและจานวนอนภุ าคใน อะตอมของธาตุ
ธาตชุ นดิ เดียวกนั ท่มี เี ลขมวลตา่ งกันเปน็ ไอโซโทปกนั ตารางธาตุจัดเรยี งธาตุตามเลขอะตอมและสมบตั ิที่คล้ายคลึง
59
กันของธาตุ แบง่ ธาตุออกเป็น 2 กลุ่มคอื กลมุ่ ธาตเุ รพรเี ซนเททฟี และกลุ่มธาตุแทรนซิชัน และยงั สามารถแบ่งธาตุ
ออกเปน็ โลหะ อโลหะ และก่งึ โลหะ โดยธาตุทเี่ ปน็ องคป์ ระกอบของแกส๊ ในอากาศสว่ นใหญเ่ ป็นธาตอุ โลหะ
แก๊สหลายชนดิ ในอากาศนามาใชป้ ระโยชน์ไดม้ าก แตบ่ างชนิดเปน็ พิษโดยสง่ ผลกระทบตอ่ สุขภาพมนษุ ยแ์ ละ
สิ่งแวดล้อม
5. สาระการเรยี นรู้
5.1 ความรู้
เน่อื งจากอะตอมของธาตแุ ตล่ ะชนิดมจี านวนโปรตอนไม่เท่ากัน ดงั นน้ั การแสดงชนิดของธาตุดว้ ย
สญั ลักษณ์ ทาให้ทราบจานวนโปรตอนและจานวนอิเลก็ ตรอน ซง่ึ มีจานวนเท่ากนั แตจ่ ะยังไมท่ ราบจานวน
นิวตรอน ถ้าต้องการทราบจานวนนวิ ตรอนในอะตอม ตอ้ งพจิ ารณาจากสญั ลักษณ์นิวเคลยี ร์ (nuclear
symbol) ซงึ่ นอกจากประกอบด้วย สญั ลักษณ์ธาตุ (element symbol) แล้วยงั มีเลขอะตอม (atomic
number) ท่แี สดงจานวนโปรตอนเขยี นไวท้ ีม่ มุ ล่างซ้ายของสญั ลกั ษณ์ธาตุ และเลขมวล (mass number)
ที่แสดงผลรวมของจานวนโปรตอนและนวิ ตรอนในนิวเคลียสเขยี นไว้ทม่ี มุ บนซา้ ยของสญั ลกั ษณธ์ าตุ เช่น
ธาตฮุ ีเลียม (He) มี 2 โปรตอน และ 2 นิวตรอน จึงมเี ลขอะตอมเท่ากับ 2 และเลขมวลเท่ากบั 4 และมี
สญั ลักษณ์นิวเคลียรเ์ ปน็ 4 He จากข้อมลู จานวนโปรตอนและนวิ ตรอนในตาราง 1.1 สามารถเขียน
2
สัญลักษณ์นิวเคลยี รข์ องธาตุไนโตรเจน (N) และอารก์ อน (Ar) ดงั รูป 1.7
รปู 1.7 สัญลักษณ์นวิ เคลียร์ของธาตฮุ เี ลียม ไนโตรเจน และอารก์ อน
เนอื่ งจากอะตอมของธาตมุ จี านวนโปรตอนและอเิ ล็กตรอนเทา่ กัน ดังนัน้ จานวนอเิ ลก็ ตรอนของ
อะตอมจึงเท่ากบั เลขอะตอมในสญั ลกั ษณน์ วิ เคลยี ร์ดว้ ย นอกจากนย้ี ังพบวา่ มีธาตุชนดิ เดยี วกนั ที่มีเลขมวล
ตา่ งกันซ่งึ เรยี กว่า ไอโซโทป (isotope) เชน่ ธาตไุ ฮโดรเจน มีเลขอะตอมเท่ากับ 1 มี 3 ไอโซโทป ทมี่ ีเลข
มวลเทา่ กนั 1 2 และ 3 ซงึ่ มสี ัญลกั ษณน์ วิ เคลียรเ์ ป็น 11H 2 H และ 3 H ตามลาดับ หรืออาจเขยี นรูปยอ่ ของ
1 1
ไอโซโทปโดยแสดงเฉพาะสญั ลักษณ์ของธาตุกบั เลขมวล เชน่ 13H เขียนได้เปน็ 3H หรือ H 3
ไอโซโทปของธาตบุ างชนิดไมเ่ สถียร สามารถแผร่ ังสีได้ เรียกว่า ไอโซโทปกัมมนั ตรังสี (radioactive
isotope) ไอโซโทปกมั มนั ตรังสีบางชนดิ นามาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ เชน่ ยเู รเนียม-235 (U-235) ใชเ้ ป็นแหลง่
พลงั งานในโรงไฟฟาู นิวเคลยี ร์ คาร์บอน-14 (C-14) ใชห้ าอายขุ องซากสิง่ มชี ีวิตโบราณ ไอโอดนี -131 (I-131)
ใชต้ ิดตามและรักษาความผดิ ปกติของตอ่ มไทรอยด์
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสอื่ สาร (อา่ น ฟัง พดู เขียน)
2) ความสามารถในการคดิ (สงั เกต วเิ คราะห์ จดั กลมุ่ สรุป)
3) ความสามารถในการแก้ปญั หา (แสวงหาความรู้)
4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ (ความรบั ผดิ ชอบ)
60
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ (ใชก้ ารสบื คน้ ผ่านคอมพิวเตอร์)
5.3 คุณลกั ษณะและคา่ นยิ ม
ใฝเุ รยี นรู้และเป็นผมู้ ีความม่งุ มัน่ ในการทางาน
6. บูรณาการ
-
7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขัน้ ที่ 1 ข้ันสรา้ งความสนใจ
1.1 ครทู บทวนบทเรยี นที่ผ่านมา เรอื่ ง องคป์ ระกอบภายในอะตอม และจานวนเวเลนซ์
อิเลก็ ตรอน
1.2 ครูนาเขา้ ส่บู ทเรยี นโดยตงั้ คาถาม เพื่อนาเขา้ สู่กิจกรรม
1) ถา้ อะตอมของธาตชุ นดิ หนึง่ มี 15 โปรตอน นักเรยี นจะสามารถระบจุ านวนอเิ ล็กตรอน
และจานวนนิวตรอนของธาตนุ ั้นได้หรอื ไม่ อย่างไร
2) เราสามารถเขยี นสญั ลกั ษณน์ ิวเคลยี ร์ของธาตุฮเี ลยี มไดว้ ่าอยา่ งไร
ข้ันที่ 2 ขน้ั สารวจและค้นหา
2.1 ครนู านกั เรียนศึกษา เร่อื ง สัญลักษณธ์ าตุ ตามรายละเอียดในหนงั สอื เรียน หนา้ 11 และ
เพ่มิ เตมิ เน้ือหาสัญลักษณ์นิวเคลียร์ A X
Z
2.2 นักเรียนทาใบงาน เรอ่ื ง สัญลักษณ์นวิ เคลียรข์ องธาตุ ทีค่ รูแจกให้
ขัน้ ที่ 3 ขัน้ อธิบายและลงขอ้ สรปุ
3.1 ครทู าการสุม่ นกั เรยี น จานวน 3 คน (สุ่มเลขที่) ใหบ้ อกสัญลักษณธ์ าตขุ องตนเอง (พร้อมบอก
เลขมวล เลขอะตอม จานวนโปรตอน จานวนนวิ ตรอน และจานวนนิวตรอน)
3.2 ครูนานกั เรียนอภปิ รายเพอ่ื นาไปสู่การสรปุ โดยใชค้ าถามตอ่ ไปนี้
1) จาก A X สญั ลักษณ์ X หมายถึง (แนวการตอบ สัญลักษณข์ องธาตุ)
Z
2) จาก A X สญั ลกั ษณ์ A หมายถึง (แนวการตอบ เลขมวล)
Z
3) จาก A X สญั ลักษณ์ Z หมายถงึ (แนวการตอบ เลขอะตอม)
Z
4) จาก A X จานวนโปรตอนและอเิ ล็กตรอนมคี ่าเท่ากับสัญลักษณ์ใด (แนวการตอบ Z หรอื
Z
เลขอะตอม)
5) จาก A X ผลรวมของจานวนโปรตอนและนวิ ตรอนในนวิ เคลยี ส คอื สัญลกั ษณใ์ ด
Z
(แนวการตอบ A หรอื เลขมวล)
6) นักเรียนสามารถคานวณหาจานวนนิวตรอนไดอ้ ยา่ งไร (แนวการตอบ นาเลขมวล –
เลขอะตอม หรือ A-Z)
7) ธาตชุ นิดเดยี วกันท่ีมเี ลขอะตอมเหมอื นกนั แต่เลขมวลต่างกนั เรียกวา่ (แนวการตอบ
ไอโซโทป)
61
3.3 นกั เรยี นและครูรว่ มกนั อภปิ ราย จนสรุป เร่อื ง สัญลักษณ์ของธาตุและไอโซโทป ดงั นี้
1) สัญลักษณน์ วิ เคลยี ร์ (nuclear symbol) ประกอบด้วย สัญลักษณ์ธาตุ (element
symbol) เลขอะตอม (atomic number) ท่ีแสดงจานวนโปรตอนเขียนไวท้ ่มี มุ ล่างซา้ ยของสญั ลกั ษณธ์ าตุ
และเลขมวล (mass number) ที่แสดงผลรวมของจานวนโปรตอนและนิวตรอนในนวิ เคลยี สเขยี นไวท้ ี่มุม
บนซา้ ยของสัญลกั ษณธ์ าตุ เชน่ ธาตุฮีเลียม (He) มี 2 โปรตอน และ 2 นิวตรอน จึงมเี ลขอะตอมเท่ากับ 2
และเลขมวลเทา่ กับ 4
2) อะตอมของธาตุมจี านวนโปรตอนและอเิ ลก็ ตรอนเท่ากนั ดังนน้ั จานวนอิเล็กตรอนของ
อะตอมจงึ เท่ากบั เลขอะตอมในสญั ลกั ษณน์ วิ เคลยี รด์ ว้ ย นอกจากนี้ยังพบว่ามีธาตุชนิดเดียวกันท่ีมีเลขมวล
ตา่ งกนั ซง่ึ เรียกวา่ ไอโซโทป (isotope) เช่น ธาตุไฮโดรเจน มีเลขอะตอมเทา่ กบั 1 มี 3 ไอโซโทป ที่มีเลข
มวลเทา่ กัน 1 2 และ 3 ซ่ึงมสี ญั ลกั ษณ์นวิ เคลยี รเ์ ปน็ 11H 2 H และ 3 H ตามลาดับ หรืออาจเขยี นรูปยอ่ ของ
1 1
ไอโซโทปโดยแสดงเฉพาะสญั ลกั ษณ์ของธาตกุ ับเลขมวล เชน่ 3 H เขยี นไดเ้ ป็น 3H หรอื H 3
1
ขน้ั ท่ี 4 ข้นั ขยายความรู้
4.1 ครใู ห้ความรู้เพิ่มเติม
ไอโซโทปของธาตบุ างชนิดไมเ่ สถียร สามารถแผร่ ังสไี ด้ เรียกวา่ ไอโซโทปกมั มันตรังสี
(radioactive isotope) ไอโซโทปกัมมันตรังสีบางชนิดนามาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ เชน่ ยูเรเนียม-235 (U-235)
ใช้เป็นแหลง่ พลังงานในโรงไฟฟาู นวิ เคลียร์ คาร์บอน-14 (C-14) ใชห้ าอายขุ องซากสิง่ มีชีวิตโบราณ ไอโอดนี -
131 (I-131) ใชต้ ดิ ตามและรกั ษาความผิดปกตขิ องตอ่ มไทรอยด์
4.2 ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนเลา่ สกู่ ันฟังถึงความรทู้ ไี่ ดจ้ ากการทากจิ กรรม และปัญหาท่ีเกดิ ขึ้น
ระหวา่ งการทากิจกรรม
4.3 ครนู านกั เรยี นทาแบบฝกึ หดั ทา้ ยบทท่ี 1 ข้อ 6-7 บางส่วน แลว้ ใหน้ กั เรียนทาด้วยตนเอง
ขั้นที่ 5 ข้นั ประเมนิ ผล
5.1 ครตู รวจใบงาน เร่ือง สญั ลักษณน์ วิ เคลยี รข์ องธาตุ
5.2 ครตู รวจแบบฝึกหัด เรอ่ื ง สญั ลักษณ์นิวเคลยี ร์ของธาตุ
ประยกุ ตแ์ ละตอบแทนสงั คม
ครูให้นกั เรยี นแตล่ ะคนนาความร้ทู ่เี รียนไปคน้ ควา้ เพิ่มเตมิ ทหี่ อ้ งสมุด หรอื เวบ็ ไซต์ แลว้ นาเสนอใน
ชัน้ เรียน
8. สอ่ื การเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้
8.1 หนงั สอื เรียนรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ (วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เลม่ 1
(ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560)
8.2 ใบงาน เรือ่ ง สญั ลักษณ์นิวเคลียรข์ องธาตุ
8.3 แบบฝึกหัด เรื่อง สญั ลักษณ์นวิ เคลยี รข์ องธาตุ
8.4 อนิ เทอร์เนต็
8.5 ห้องสมดุ
62
9. การวดั และประเมินผล วิธีการวดั เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมนิ
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1) ตรวจใบงาน เรอื่ ง 1) แบบประเมนิ การ 1) นักเรียนสามารถ
ด้านความรู้ (K) สัญลักษณน์ วิ เคลียร์ ทากิจกรรม ตอบคาถามในใบงาน
1) นักเรียนเขียนสญั ลกั ษณ์นวิ เคลยี รข์ อง ของธาตุ 2) ใบงาน เร่ือง ไดร้ ะดับดี ผา่ นเกณฑ์
ธาตทุ ก่ี าหนดให้ และระบุวา่ ธาตใุ ดเปน็ สญั ลักษณน์ ิวเคลยี ร์
ไอโซโทปกนั 1) ตรวจแบบฝกึ หดั ของธาตุ 1) นักเรียนสามารถ
เรื่อง สญั ลกั ษณ์ หาคาตอบในการ
ด้านกระบวนการ (P) นวิ เคลยี รข์ องธาตุ 1) แบบประเมินการ คานวณไดร้ ะดบั ดี
1) นักเรียนมีทักษะการคานวณ ทากิจกรรม ผ่านเกณฑ์
1) ตรวจใบงาน เรื่อง 2) แบบฝกึ หัด เรอ่ื ง
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A) สัญลักษณ์นิวเคลยี ร์ สัญลักษณน์ ิวเคลียร์ 1) นักเรียนทาภาระ
1) ใฝุเรียนรู้ และเป็นผูม้ คี วามมุง่ มัน่ ในการ ของธาตุ ของธาตุ งานทไ่ี ด้รบั มอบหมาย
ทางาน 2) ตรวจแบบฝกึ หัด ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์
เรื่อง สญั ลักษณ์ 1) แบบประเมินการ
นวิ เคลยี ร์ของธาตุ ทากจิ กรรม
2) ใบงาน เรื่อง
สญั ลักษณน์ วิ เคลียร์
ของธาตุ
3) แบบฝกึ หดั เรอื่ ง
สัญลักษณ์นวิ เคลียร์
ของธาตุ
63
10. เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงานนกั เรียน
เกณฑ์การประเมินแบบ Rubrics ของการทากิจกรรม เรอ่ื ง สญั ลกั ษณ์นวิ เคลียรข์ องธาตุ
ประเดน็ การ ค่าน้าหนัก แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมนิ คะแนน
ดา้ นความรู้ 3 ตอบคาถามถกู ตอ้ งครบถ้วน จานวน 11-15 ขอ้
(K) 2 ตอบคาถามถกู ต้องครบถ้วน จานวน 5-10 ข้อ
1 ตอบคาถามถูกตอ้ งครบถว้ น จานวน 1-4 ขอ้ หรอื ไม่ถูกต้อง
ด้าน 3 ทาแบบฝกึ หัดถูกตอ้ งครบถว้ นทกุ ข้อ
กระบวนการ 2 ทาแบบฝึกหดั ถกู ตอ้ งครบถว้ น จานวน 3-4 ขอ้
(P) 1 ทาแบบฝกึ หัดถูกตอ้ งครบถ้วน จานวน 1-2 ขอ้ หรอื ไม่ถูกตอ้ ง
ดา้ น 3 ทาภาระงานทไี่ ดร้ ับมอบหมายเสร็จภายในเวลาทก่ี าหนด และเรียบร้อยถูกต้องครบถว้ น
คณุ ลกั ษณะ 2 ทาภาระงานทไี่ ด้รบั มอบหมายเสร็จภายในเวลาทกี่ าหนด แต่งานยงั ผดิ พลาดบางสว่ น
1 ทาภาระงานท่ไี ด้รบั มอบหมายเสรจ็ แตล่ า่ ช้า และเกดิ ขอ้ ผดิ พลาดบางส่วน
(A)
ระดบั คะแนน 3 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 2 หมายถงึ ระดับดี
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั พอใช้
คะแนน
64
การประเมนิ การทากจิ กรรม เรือ่ ง สญั ลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุ
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
ท่ี ชอื่ - นามสกุล ด้านความรู้ ด้าน ด้าน รวม ระดบั
(K) กระบวนการ คุณลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ
(P) (A)
3 3 39
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
65
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ท่ี ชอื่ - นามสกุล ด้านความรู้ ด้าน ด้าน รวม ระดบั
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คุณภาพ
(P) (A)
3 3 39
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดับดมี าก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดับดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
3-4 หมายถึง ระดับปรบั ปรงุ
คะแนน
คะแนน
66
บันทกึ หลงั การสอน
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เรือ่ ง อากาศ ใ
แผนการสอนท่ี 3 เรอื่ ง สญั ลักษณ์นิวเคลยี ร์ของธาตุ .
ใ เดือน พ.ศ. ใ
วันท่ี
ผลการจัดการเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปัญหา / อปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงช่ือ............................................ครูผู้สอน ลงช่อื .............................................หวั หนา้ กลมุ่ สาระ
(นางสาวนิลนกิ า แก้วปัญญา) (นางนพรตั น์ ครฑุ เกิด)
ชอ่ื ชัน้ เลขที่ 67
‘
ใบงาน เรอ่ื ง สญั ลกั ษณ์นวิ เคลยี รข์ องธาตุ
1. จงเติมคาตอบลงในชอ่ งวา่ งให้ถกู ต้อง XA
1.1
Z
1.2 จากสัญลักษณน์ วิ เคลียร์ข้างบน จานวนโปรตอน และอิเลก็ ตรอน คอื สญั ลักษณใ์ ด Z v
v
1.3 จากสัญลกั ษณ์นิวเคลยี ร์ข้างบน ผลรวมของจานวนโปรตอนและนิวตรอนในนิวเคลียส คือสญั ลกั ษณ์ใด A v
v
1.4 นักเรยี นสามารถคานวณหาจานวนนวิ ตรอนไดอ้ ย่างไร เลขมวล – เลขอะตอม (A-Z) ท
1.5 จากสัญลักษณ์ธาตไุ นโตรเจน 14 N เลขมวล เท่ากับ 14 เลขอะตอม เท่ากับ 7 แ
7 แ
แ
จานวนโปรตอน เทา่ กบั 7 จานวนอิเล็กตรอน เท่ากบั 7 จานวนนิวตรอน เทา่ กบั 7 แ
แ
2. ใหน้ กั เรียนศกึ ษาตารางธาตุ พรอ้ มเลือกสญั ลกั ษณ์ธาตุคนละ 1 ธาตุ พรอ้ มระบชุ อ่ื ภาษาไทยของธาตุ เลขมวล แ
เลขอะตอม จานวนโปรตอน จานวนอเิ ลก็ ตรอน และจานวนนวิ ตรอน แ
40 v 2.1 ชื่อภาษาไทย ธาตุอารก์ อน 40
2.2 ชอ่ื ภาษาอังกฤษ Argon 18
18 v Arv 2.3 เลขมวล มคี ่าเทา่ กบั 18
2.4 เลขอะตอม มคี ่าเท่ากับ 18
2.5 จานวนโปรตอน มีคา่ เทา่ กับ 22
2.6 จานวนอเิ ล็กตรอน มีค่าเทา่ กับ
2.7 จานวนนวิ ตรอน มีค่าเทา่ กบั
3. จงตอบคาถามตอ่ ไปน้ใี ห้ถูกตอ้ ง
3.1 ธาตุชนดิ เดียวกันที่มีเลขอะตอมเหมอื นกนั แต่เลขมวลต่างกัน เรียกวา่ ไอโซโทป (isotope) v
3.2 ธาตุไฮโดรเจนมเี ลขอะตอมเทา่ กบั 1 มี 3 ไอโซโทป ทมี่ ีเลขมวลเท่ากบั 1 2 และ 3 ซ่ึงเขียนสัญลกั ษณ์นวิ เคลยี ร์
ไดอ้ ยา่ งไร ไอโซโทป (isotope) v
3.3 ธาตุคาร์บอนมเี ลขอะตอมเท่ากบั 6 มี 3 ไอโซโทป ทมี่ เี ลขมวลเทา่ กับ 12 13 และ 14 ซงึ่ เขียนสัญลกั ษณน์ วิ เคลียร์
ไดอ้ ยา่ งไร ไอโซโทป (I sotope) v
68
แบบฝึกหดั เรือ่ ง สญั ลกั ษณน์ วิ เคลยี รข์ องธาตุ
คาชี้แจง จงเตมิ ข้อมูลเก่ยี วกบั อะตอมของธาตุในตารางให้สมบรู ณ์
สญั ลกั ษณ์ สญั ลักษณ์ เลขมวล เลข จานวน จานวน จานวน
นิวเคลียร์ ธาตุ อะตอม โปรตอน อิเล็กตรอน นวิ ตรอน
16
1 H 35 8 66
1 17 17
O
C
Cl
20 Ne
10
ชอื่ ชนั้ เลขที่ 69
‘
เฉลยใบงาน เรอ่ื ง สัญลกั ษณ์นวิ เคลียรข์ องธาตุ
1. จงเติมคาตอบลงในชอ่ งว่างให้ถูกตอ้ ง XA สัญลักษณธ์ าตุ
1.1
Z
เลขมวล
เลขอะตอม
1.2 จากสญั ลักษณน์ วิ เคลยี ร์ขา้ งบน จานวนโปรตอน และอเิ ล็กตรอน คือสัญลกั ษณใ์ ด Z v
v
1.3 จากสัญลักษณ์นิวเคลียร์ขา้ งบน ผลรวมของจานวนโปรตอนและนวิ ตรอนในนิวเคลียส คือสญั ลักษณ์ใด A v
v
1.4 นกั เรียนสามารถคานวณหาจานวนนิวตรอนไดอ้ ย่างไร เลขมวล – เลขอะตอม (A-Z) ท
1.5 จากสัญลกั ษณ์ธาตไุ นโตรเจน 14 N เลขมวล เทา่ กบั 14 เลขอะตอม เท่ากบั 7 แ
7 แ
แ
จานวนโปรตอน เทา่ กบั 7 จานวนอิเลก็ ตรอน เทา่ กับ 7 จานวนนิวตรอน เท่ากับ 7 แ
แ
2. ใหน้ ักเรียนศึกษาตารางธาตุ พร้อมเลือกสัญลกั ษณ์ธาตคุ นละ 1 ธาตุ พร้อมระบชุ ่ือภาษาไทยของธาตุ เลขมวล แ
เลขอะตอม จานวนโปรตอน จานวนอิเล็กตรอน และจานวนนวิ ตรอน แ
40 v 2.1 ชอ่ื ภาษาไทย ธาตอุ ารก์ อน 40
2.2 ช่ือภาษาองั กฤษ Argon 18
18 v Arv 2.3 เลขมวล มีค่าเท่ากับ 18
2.4 เลขอะตอม มีคา่ เท่ากับ 18
2.5 จานวนโปรตอน มีค่าเท่ากบั 22
2.6 จานวนอิเล็กตรอน มีคา่ เท่ากบั
2.7 จานวนนิวตรอน มคี ่าเท่ากับ
3. จงตอบคาถามต่อไปนใ้ี หถ้ กู ต้อง
3.1 ธาตชุ นิดเดียวกนั ทมี่ ีเลขอะตอมเหมือนกัน แตเ่ ลขมวลตา่ งกนั เรยี กว่า ไอโซโทป (isotope) v
3.2 ธาตุไฮโดรเจนมีเลขอะตอมเท่ากบั 1 มี 3 ไอโซโทป ที่มเี ลขมวลเทา่ กบั 1 2 และ 3 ซ่งึ เขียนสัญลักษณน์ ิวเคลยี ร์
ไดอ้ ยา่ งไร และ11H 2 H 3 H v
1 1
3.3 ธาตุคารบ์ อนมเี ลขอะตอมเท่ากบั 6 มี 3 ไอโซโทป ที่มีเลขมวลเท่ากบั 12 13 และ 14 ซง่ึ เขียนสญั ลักษณ์นวิ เคลยี ร์
ไดอ้ ยา่ งไร และ162C 163C 164C v
70
เฉลยแบบฝึกหัด เรื่อง สญั ลักษณ์นวิ เคลียร์ของธาตุ
คาชี้แจง จงเติมข้อมลู เกย่ี วกับอะตอมของธาตใุ นตารางใหส้ มบูรณ์
สัญลกั ษณ์ สญั ลกั ษณ์ เลขมวล เลข จานวน จานวน จานวน
นวิ เคลียร์ ธาตุ อะตอม โปรตอน อเิ ล็กตรอน นวิ ตรอน
1
H1 H 16 1 110
12
1 35 8 888
20
O186O 6 666
C162C 17 17 17 18
10 10 10 10
Cl1375Cl
20 Ne Ne
10
71
เรอื่ ง ตารางธาตุ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 4 เวลา 1 ชัว่ โมง
รายวชิ า ว31104 รวม 5 ช่ัวโมง
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 1
กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ อากาศ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 1
1. มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.1 เข้าใจสมบตั ขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสมบตั ิของสสารกบั โครงสรา้ ง
และแรงยึดเหนีย่ วระหวา่ งอนุภาค หลักและธรรมชาตขิ องการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย
และการเกิดปฏิกิริยาเคมี
2. ตัวชี้วดั
ว 2.1 ม.5/5 ระบหุ มู่และคาบของธาตุ และระบุวา่ ธาตุเปน็ โลหะ อโลหะ กง่ึ โลหะ กล่มุ ธาตเุ รพรเี ซนเททฟี
หรือกลุ่มธาตแุ ทรนซิชันจากตารางธาตุ
ว 2.1 ม.5/6 เปรยี บเทยี บสมบตั กิ ารนาไฟฟาู การใหแ้ ละรบั อิเล็กตรอนระหว่างธาตใุ นกลุ่มโลหะกับอโลหะ
3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) นักเรยี นระบหุ มูแ่ ละคาบของธาตใุ นตารางธาตไุ ด้
2) นกั เรียนเปรียบเทียบการนาไฟฟูาและการให้หรือรับอิเล็กตรอนของธาตโุ ลหะและอโลหะได้
3.2 ดา้ นกระบวนการ (P)
1) นักเรียนระบวุ ่าธาตทุ ่ีกาหนดให้เปน็ โลหะ อโลหะ หรอื ก่งึ โลหะ หรอื เปน็ ธาตเุ รพรีเซนเททีฟ หรอื
ธาตุแทรนซิซันจากตารางธาตุได้
3.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ (A)
1) ใฝุเรยี นรู้
4. สาระสาคัญ
อากาศเปน็ สารผสมประกอบด้วยแกส๊ หลายชนิดในปริมาณ ทีแ่ ตกตา่ ง อยูใ่ นรูปของอะตอมและโมเลกลุ
โดยสารท่อี ย่ใู นรปู อะตอมจัดเปน็ ธาตเุ สมอ ส่วนสารทีอ่ ยใู่ นรปู โมเลกุลอาจเปน็ ธาตุหรือสารประกอบก็ได้ อะตอมเปน็
หน่วยยอ่ ยของสารเคมี ภายในอะตอมประกอบดว้ ยโปรตอน นวิ ตรอน และอิเล็กตรอน ซง่ึ มีจานวนที่แตกตา่ งกนั ใน
ธาตุแต่ละชนดิ ส่งผลใหธ้ าตแุ ต่ละชนดิ มมี วลและสมบตั ิเฉพาะทแ่ี ตกตา่ งกัน โดยโปรตอนและนวิ ตรอนรวมกนั อยู่ใน
นิวเคลียส ส่วนอเิ ลก็ ตรอนเคลื่อนทรี่ อบนวิ เคลยี ส แบบจาลองอะตอมของโบร์เสนอวา่ อิเล็กตรอนเคล่ือนทรี่ อบ
นิวเคลยี สเป็นวง ส่วนแบบจาลองอะตอมแบบกล่มุ หมอกเสนอว่า อเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่รอบนิวเคลยี สในลกั ษณะ
72
กลมุ่ หมอก อะตอมของธาตุต่างชนดิ กนั มีจานวนโปรตอนไมเ่ ท่ากนั อะตอมเป็นกลางทาง ไฟฟาู เมือ่ อะตอมของธาตุ
มกี ารใหห้ รื อรับอเิ ลก็ ตรอนทาใหเ้ กดิ ไอออน สัญลกั ษณน์ วิ เคลียร์ แสดงชนดิ และจานวนอนภุ าคใน อะตอมของธาตุ
ธาตชุ นดิ เดียวกันท่ีมีเลขมวลตา่ งกนั เป็นไอโซโทปกนั ตารางธาตุจดั เรียงธาตุตามเลขอะตอมและสมบตั ทิ ี่คล้ายคลงึ
กนั ของธาตุ แบ่งธาตุออกเป็น 2 กลุ่มคือ กล่มุ ธาตเุ รพรีเซนเททฟี และกลุ่มธาตุแทรนซชิ นั และยังสามารถแบ่งธาตุ
ออกเป็นโลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะ โดยธาตทุ เ่ี ปน็ องค์ประกอบของแก๊สในอากาศสว่ นใหญเ่ ป็นธาตุอโลหะ
แก๊สหลายชนดิ ในอากาศนามาใช้ประโยชน์ได้มาก แต่บางชนิดเปน็ พิษโดยส่งผลกระทบต่อสขุ ภาพมนุษยแ์ ละ
ส่ิงแวดลอ้ ม
5. สาระการเรยี นรู้
5.1 ความรู้
ธาตเุ ป็นองคป์ ระกอบของแกส๊ ในอากาศมีทงั้ ทอ่ี ยใู่ นรปู อะตอมและโมเลกุล เชน่ อาร์กอน (Ar)
ฮเี ลยี ม (He) แกส๊ ออกซิเจน (O2) แกส๊ ไนโตรเจน ( N2) ปัจจบุ นั มธี าตุ ทค่ี ้นพบแลว้ ไมน่ ้อยกว่า 118 ธาตุ
นกั วิทยาศาสตรไ์ ด้จดั หมวดหมขู่ องธาตุใน รปู ของตารางทเ่ี รยี กวา่ ตารางธาตุ (periodic table of
elements) โดยจดั เรียงธาตุตามเลขอะตอม และใหธ้ าตทุ ีม่ ีคล้ายคลงึ กันอยูใ่ นหมทู่ ใี่ กลเ้ คียงกนั
ตารางธาตมุ แี ถวตามแนวต้งั เรยี กว่า หมู่ ( group) และ มแี ถวตาม แนวนอน เรยี กว่า คาบ
(period) การระบใุ นตารางธาตทุ นี่ ิยมใช้กันในปัจจุบนั มี 2 ระบบ คอื ระบบ International Union of
Pure and Applied Chemistry (IUPAC) ซงึ่ แบ่งออกเป็น 18 หมู่ โดยใช้สญั ลักษณ์เลขอารบกิ 1-18 แทน
หม่ธู าตุ และ ระบบ Chemical Abstracts Service (CAS) ซงึ่ แบง่ ธาตุออกเปน็ 2 กลุม่ คอื กลมุ่ A และ
กลมุ่ B โดยกล่มุ A เรียกวา่ ธาตเุ รพรีเซนเททฟี ( representative elements) หรือ ธาตุหมหู่ ลกั
(main-group elements) มี 8 หมู่ อยู่ทางด้านซา้ ยและขวาของตารางธาตุ และใช้สัญลักษณเ์ ปน็ เลขโรมัน
IA-VIIIA และกลมุ่ B เรยี กว่า ธาตแุ ทรนซิชัน (transition elements) มี 8 หมู่ อย่ตู รงกลางของตาราง ธาตุ
และใช้สัญลักษณ์เป็นเลขโรมนั IB-VIIIB การระบุหมู่ของธาตุในหนังสือเรียนเลม่ นี้ใชร้ ะบบ CAS
ธาตุในหมู่ VIIIA ส่วนใหญ่มสี ถานะเป็นแก๊ส อยู่ในรปู ของอะตอม ไม่ว่องไวต่อปฏกิ ริ ยิ าเคมี
จึงเรียกธาตใุ นหมูน่ ี้ว่า แก๊สมสี กลุ ( noble gas) อะตอมของธาตหุ มู่ VIIIA เชน่ นีออน ( Ne) อารก์ อน ( Ar)
มีเวเลนซอ์ เิ ล็กตรอนเทา่ กับ 8 ยกเว้นฮเี ลียม (He) มเี วเลนซ์อิเลก็ ตรอนเท่ากับ 2 สว่ นธาตุในหมู่ VIIA เชน่
ฟลอู อรีน (F) คลอรนี ( Cl) มีเวเลนซ์อิเลก็ ตรอนเทา่ กับ 7 ธาตุในหมนู่ ้อี ยู่ในรูปโมเลกุล ว่องไวตอ่ ปฏกิ ิรยิ า
เคมี และเมอ่ื เกิดปฏกิ ริ ยิ ามีแนวโนม้ รับอเิ ล็กตรอน ทานองเดียวกนั จานวนเวเลนซอ์ เิ ล็กตรอนในอะตอมของ
ธาตุหมู่ IA-VIA จะเทา่ กบั เลขหมู่ และธาตใุ นหมเู่ ดียวกนั มีสมบตั ทิ างเคมีสว่ นใหญค่ ล้ายกัน
นอกจากนีก้ ารจดั ธาตุในตารางธาตแุ บ่งออกเป็น โลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ โดยกลุ่มธาตเุ รพรีเซน
เททีฟมีท้งั เป็นโลหะ กึ่งโลหะ และ อโลหะ ส่วนธาตุกล่มุ แทรน ซิชันเปน็ โลหะท้งั หมด ธาตุที่เปน็ โลหะ เชน่
อะลูมเิ นียม (Al) เหลก็ (Fe) ตะก่วั (Pb) ทองแดง (Cu) ทองคา (Au) ส่วนใหญ่มสี ถานะ เปน็ ของแขง็ ที่
อณุ หภูมิห้อง มจี ดุ หลอมเหลวและจุดเดอื ดสูง นาความรอ้ น นาไฟฟาู ไดด้ ี และมีแนวโน้มใ หอ้ เิ ล็กตรอน เมอื่
เกิดปฏกิ ิริยาเคมี ธาตทุ ีเ่ ปน็ อโลหะ เช่น ไนโตรเจน (N) ออกซเิ จน (O) โบรมนี ( Br) ไอโอดนี (I) ธาตใุ นกลุ่ม
นพี้ บไดท้ ้ังสามสถานะทอ่ี ุณหภมู ิห้อง ส่วนใหญไ่ มน่ าไฟฟาู จดุ หลอมเหลวและจุดเดอื ดต่า และมแี นวโน้มรับ
อิเลก็ ตรอนเม่อื เกิดปฏกิ ิริยาเคมี ส่วนธาตทุ ่เี ป็น กง่ึ โลหะ เชน่ ซิลคิ อน (Si) เจอร์เมเนยี ม ( Ge) สารหนู (As)
มีสถานะเปน็ ของแขง็ นาไฟฟาู ไดด้ กี ว่าอโลหะ แตไ่ ม่ดีเท่ากบั โลหะ
73
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการส่ือสาร (อา่ น ฟงั พูด เขยี น)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วเิ คราะห์ จัดกลมุ่ สรุป)
3) ความสามารถในการแกป้ ญั หา (แสวงหาความรู้)
4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต (ความรบั ผดิ ชอบ)
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสืบค้นผา่ นคอมพวิ เตอร์)
5.3 คุณลกั ษณะและคา่ นยิ ม
ใฝุเรยี นรู้
6. บรู ณาการ
บรู ณาการกบั กลุม่ สาระการเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ เร่อื ง ตัวเลขโรมัน
7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 ขนั้ สร้างความสนใจ
1.1 ครูทบทวนบทเรียนที่ผ่านมา เรื่อง สัญลักษณ์นวิ เคลยี ร์ของธาตุ
1.2 ครูนาเข้าส่บู ทเรยี นโดยเกริน่ นาว่า ปัจจบุ นั มกี ารค้นพบธาตุจานวนมากจึงมีการจดั หมวดหมู่
ของธาตุในรูปตาราง เรยี กวา่ ตารางธาตุ
ข้นั ท่ี 2 ขนั้ สารวจและค้นหา
2.1 ใหน้ ักเรยี นพิจารณาตารางธาตุในรปู 1.8 แล้วใหอ้ ภิปรายเกย่ี วกบั ลกั ษณะและข้อมลู ทปี่ รากฏ
ในตารางธาตุ และศึกษาเนื้อหาตามรายละเอยี ดในหนงั สือเรยี น หนา้ 13-15 (ครใู ห้ความรู้ระหว่างนักเรยี น
ศกึ ษาคน้ ควา้ )
2.2 ให้นักเรียนแบ่งกลมุ่ 3-5 คน โดยคละกลมุ่ เกง่ ปานกลาง ออ่ น
2.3 ให้นักเรียนทากจิ กรรมกล่มุ เพ่อื ฝึกการระบหุ มแู่ ละคาบของธาตุ การระบุว่าธาตเุ ปน็ ธาตุเรพรี
เซนเททีฟและธาตแุ ทรนซิชนั รวมทงั้ การระบุว่าธาตุเป็นโลหะ อโลหะ หรอื ก่ึงโลหะ ใหพ้ ิจารณาจากตาราง
ธาตุ โดยครูทาการสมุ่ หยิบบัตรคาธาตุ จานวน 10 บตั รคา แลว้ ให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มแข่งขันกนั ตอบวา่ ธาตุ
น้ีอยูใ่ นหมู่คาบใด
2.4 นักเรียนทาแบบฝึกหัด 1.3 ในหนังสือเรียน หนา้ 15 -16 ลงในสมดุ
2.5 นกั เรียนทาแบบฝึกหดั ท้ายบทที่ 1 ขอ้ 9 ในหนังสอื เรยี น หนา้ 24-25 ลงในสมดุ
ขั้นท่ี 3 ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ
3.1 ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายเกยี่ วกบั ตารางธาตุ โดยใชค้ าถามเพ่อื นาไปส่กู ารสรปุ ดงั น้ี
1) จานวนแถวตามแนวต้งั และแนวนอนเป็นเท่าใด การจดั เรยี งธาตุมีความสัมพนั ธก์ ับเลข
อะตอมอยา่ งไร (แนวการตอบ ตารางธาตุมี 18 แถวตามแนวตงั้ และ 7 แถวตามแนวนอน และการจัดเรียง
ธาตเุ ปน็ ไปตามลาดับตามเลขอะตอมจากนอ้ ยไปมาก)
74
2) กลุ่มธาตเุ รพรเี ซนเททฟี และกลุม่ ธาตุแทรนซชิ นั มีอยา่ งละกหี่ มู่ อยู่บริเวณใดของตาราง
ธาตุ (แนวการตอบ กลมุ่ ธาตเุ รพรีเซนเททีฟมี 8 หมู่ (IA – VIIIA) อย่ทู างด้านซ้ายและขวาในตารางธาตุ และ
กลุ่มธาตแุ ทรนซชิ ันเป็นธาตกุ ลุ่ม B มี 8 หมู่ (IB – VIIIB) อยู่ตรงกลางในตารางธาตุ)
3.2 นักเรยี นและครูร่วมกนั อภปิ รายจนสรปุ เรอื่ ง ตารางธาตุ ดงั นี้
1) ตารางธาตปุ ระกอบด้วยแถวตามแนวต้งั และแถวตามแนวนอน โดย แตล่ ะช่องแสดง
สัญลกั ษณธ์ าตุ ชอ่ื ธาตุ และเลขอะตอม
2) การจดั ธาตใุ นตารางธาตอุ อกเป็นกลุ่มโลหะ กงึ่ โลหะ และอโลหะ โดยพจิ ารณาจาก
ตารางธาตใุ นรปู 1.8 ซ่งึ ใช้สีชว่ ยในการแบง่ กลุม่ ธาตุ จากนน้ั ร่วมกนั อภปิ รายเปรยี บเทียบ สมบัติของธาตุ
โลหะและอโลหะวา่ โลหะมีสมบัตินาไฟฟาู และมีแนวโนม้ ให้อเิ ลก็ ตรอนเม่ือเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี อโลหะสว่ น
ใหญ่ไมน่ าไฟฟาู และมีแนวโน้มรับอิเลก็ ตรอนเม่อื เกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี
ขัน้ ท่ี 4 ขั้นขยายความรู้
4.1 ครใู ห้ความรู้เพม่ิ เติม
1) แถวตามแนวต้งั เรยี กวา่ หมู่ และแถวตามแนวนอนเรยี กวา่ คาบ โดยใชต้ วั เลขกากบั หมู่
เปน็ เลขโรมนั ตามดว้ ยตวั อกั ษร A หรอื B ทง้ั นธ้ี าตทุ ่อี ยู่ 2 แถวลา่ งของตารางธาตุ บรเิ วณใตค้ าบ 7 เปน็ ธาตุท่ี
แทรกอยู่ระหว่างหมู่ IIA และ IVB ในคาบที่ 6 และคาบท่ี 7 เรียกวา่ ธาตกุ ลมุ่ แลนทานอยด์และกลุม่ แอก
ทนิ อยด์ ตามลาดบั
2) การเรียกชื่อกลมุ่ ธาตุอ้างอิงตาม IUPAC 2017 โดยเรียกธาตกุ ลุ่มแลนทาไนด์วา่ เป็นธาตุ
กลุ่มแลนทานอยด์ และธาตกุ ล่มุ แอกทิไนด์ว่าเปน็ ธาตกุ ลุม่ แอกทนิ อยด์ ตามลาดับ
3) จานวนเวเลนซ์อเิ ล็กตรอนรอนของธาตุเรพรีเซนเททีฟเทา่ กับเลขหมู่ เชน่ คลอรนี (Cl)
เป็นธาตุหมู่ VIIA มีจานวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนเทา่ กับ 7
4.2 ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนเล่าส่กู ันฟังถงึ ความรู้ที่ไดจ้ ากการทากิจกรรม และปญั หาที่เกดิ ขึ้น
ระหว่างการทากจิ กรรม
ขั้นที่ 5 ขน้ั ประเมนิ ผล
5.1 ครปู ระเมินจากการทากิจกรรมกลมุ่ เรื่อง บตั รคาธาตุ
5.2 ครตู รวจสมุดการทาแบบฝกึ หัดของนกั เรียน
ประยุกตแ์ ละตอบแทนสงั คม
ครูให้นกั เรียนแตล่ ะคนนาความรูท้ ่ีเรียนไปคน้ คว้าเพ่ิมเตมิ ที่หอ้ งสมดุ หรอื เว็บไซต์ แลว้ นาเสนอใน
ช้ันเรยี น
8. ส่อื การเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้
8.1 หนงั สอื เรียนรายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ (วทิ ยาศาสตร์กายภาพ) ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 เล่ม 1
(ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2560)
8.2 อนิ เทอรเ์ น็ต
8.3 หอ้ งสมุด
75
8.4 ตารางธาตุ
8.5 บัตรคาธาตุ
9. การวัดและประเมินผล วิธีการวัด เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1) ตรวจแบบฝกึ หดั 1) แบบฝึกหดั ท้าย 1) นกั เรยี นสามารถ
ด้านความรู้ (K) ท้ายบทที่ 1 ข้อ 9 บทที่ 1 ข้อ 9 ทาแบบฝึกหัดท้าย
1) นักเรยี นระบุหมูแ่ ละคาบของธาตุใน 2) ตรวจแบบฝึกหดั 2) แบบฝึกหดั 1.3 บทท่ี 1 ขอ้ 9
ตารางธาตุได้ 1.3 ข้อ 3-4 ข้อ 3-4 ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์
2) นกั เรยี นเปรียบเทยี บการนาไฟฟาู และ 3) แบบประเมนิ การ 2) นักเรียนสามารถ
การใหห้ รือรบั อิเลก็ ตรอนของธาตโุ ลหะและ ทากจิ กรรม ทาแบบฝึกหดั 1.3
อโลหะได้ ขอ้ 3-4 ไดร้ ะดบั ดี
ผ่านเกณฑ์
ด้านกระบวนการ (P)
1) นักเรียนระบุว่าธาตทุ กี่ าหนดให้เป็นโลหะ 1) ถามคาถาม เรอ่ื ง 1) แบบประเมินการ 1) นกั เรียนสามารถ
อโลหะ หรือก่งึ โลหะ หรอื เปน็ ธาตุเรพรเี ซน บัตรคาธาตุ ทากิจกรรม ตอบคาถามได้ระดับ
เททฟี หรอื ธาตแุ ทรนซิซนั จากตารางธาตุได้ 2) บัตรคาธาตุ ดี ผา่ นเกณฑ์
(ทักษะการจาแนกประเภท)
ด้านคณุ ลักษณะ (A)
1) ใฝุเรียนรู้ 1) ตรวจแบบฝึกหัด 1) แบบประเมินการ 1) นักเรียนทาภาระ
ทากิจกรรม งานทไี่ ด้รบั มอบหมาย
ทา้ ยบทที่ 1 ข้อ 9 2) ใบงาน เรือ่ ง ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์
สญั ลกั ษณ์นวิ เคลยี ร์
2) ตรวจแบบฝึกหัด ของธาตุ
3) แบบฝกึ หดั เรื่อง
1.3 ขอ้ 3-4 สญั ลกั ษณน์ วิ เคลยี ร์
ของธาตุ
3) ถามคาถาม เรอ่ื ง
บัตรคาธาตุ
76
10. เกณฑก์ ารประเมินผลงานนักเรียน
เกณฑ์การประเมนิ แบบ Rubrics ของการทากิจกรรม เร่ือง ตารางธาตุ
ประเดน็ การ คา่ น้าหนกั แนวทางการให้คะแนน
ประเมนิ คะแนน
ดา้ นความรู้ ทาแบบฝกึ หัดทา้ ยบทที่ 1 ข้อ 9 ได้ถกู ต้องครบถว้ นทกุ ขอ้ ย่อย
(K) 3 ทาแบบฝึกหดั ท้ายบทท่ี 1 ข้อ 9 ไดถ้ ูกตอ้ งครบถว้ น (ขอ้ ยอ่ ย จานวน 2 ขอ้ )
2 ทาแบบฝึกหดั ท้ายบทที่ 1 ข้อ 9 ได้ถกู ต้องครบถ้วน (ขอ้ ย่อย จานวน 1 ขอ้ หรือทาไม่
ดา้ น 1 ถกู ตอ้ ง)
กระบวนการ ทาแบบฝกึ หัด 1.3 ขอ้ 3-4 ได้ถกู ตอ้ งครบถ้วน
3 ทาแบบฝกึ หัด 1.3 ข้อ 3 หรอื 4 ได้ถูกต้องครบถ้วน (ถูกเพยี งข้อเดียว)
(P) 2 ทาแบบฝกึ หดั 1.3 ขอ้ 3-4 แต่ไมถ่ ูกตอ้ ง
ดา้ น 1 นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ไดค้ ะแนน 9-10 คะแนน
คุณลักษณะ 3 นักเรียนแตล่ ะกล่มุ ได้คะแนน 5-8 คะแนน
(A) 2 นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มไดค้ ะแนน 0-4 คะแนน
1 ทาภาระงานท่ีได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาท่กี าหนด และเรยี บรอ้ ยถกู ตอ้ งครบถว้ น
3 ทาภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาท่ีกาหนด แต่งานยงั ผิดพลาดบางสว่ น
2 ทาภาระงานทไ่ี ด้รบั มอบหมายเสร็จ แต่ลา่ ช้า และเกดิ ขอ้ ผดิ พลาดบางส่วน
1
ระดับคะแนน 3 หมายถึง ระดับดมี าก
คะแนน 2 หมายถึง ระดับดี
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั พอใช้
คะแนน
หมายเหตุ หาค่าเฉลย่ี ของคะแนนด้านความรู้ (K) คะแนนเตม็ เทา่ กับ 3
77
การประเมนิ การทากิจกรรม เรอื่ ง ตารางธาตุ
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
ท่ี ช่ือ - นามสกุล ด้านความรู้ ดา้ น ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ
(P) (A)
3 3 39
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
78
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ท่ี ชอื่ - นามสกุล ด้านความรู้ ด้าน ด้าน รวม ระดบั
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คุณภาพ
(P) (A)
3 3 39
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
ระดบั คณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดับดมี าก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดับดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
3-4 หมายถึง ระดับปรบั ปรงุ
คะแนน
คะแนน