The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิทยาศาสตร์กายภาพ1-ม.5

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ธัญญาดล อุปชิตกุล, 2020-05-19 12:39:59

วิทยาศาสตร์กายภาพ1-ม.5

วิทยาศาสตร์กายภาพ1-ม.5

129

ประยกุ ตแ์ ละตอบแทนสงั คม
ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนนาความรทู้ ่เี รียนไปค้นควา้ เพ่ิมเติมท่ีห้องสมดุ หรอื เว็บไซต์ แล้วนาเสนอใน

ชนั้ เรียน

8. ส่อื การเรยี นรู้/แหลง่ เรียนรู้
8.1 หนังสอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ (วิทยาศาสตรก์ ายภาพ) ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 เล่ม 1

(ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 ใบงาน เรอื่ ง สูตรเคมขี องไอออนท่ีพบในชวี ติ ประจาวนั
8.3 อินเทอรเ์ นต็
8.4 ห้องสมดุ

9. การวดั และประเมินผล

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วิธีการวัด เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมิน

ดา้ นความรู้ (K)

1) นักเรยี นอธิบายการเกิดพันธะไอออนกิ ได้ 1) ถามคาถามเกี่ยวกับ 1) แบบประเมินการ 1) นกั เรยี นสามารถ

การเกดิ พันธะไอออนกิ ทากจิ กรรม ตอบคาถามไดร้ ะดบั

จานวน 3 ข้อ 2) คาถามเก่ียวกับ ดี ผา่ นเกณฑ์

การเกิดพนั ธะไอออนิก

จานวน 3 ข้อ

ดา้ นกระบวนการ (P)

1) นกั เรียนเขยี นสตู รเคมขี องไอออนท่ีพบ 1) ตรวจใบงาน เรือ่ ง 1) แบบประเมินการ 1) นักเรยี นทาใบงาน

ในชวี ติ ประจาวันได้ ไอออนที่พบใน ทากิจกรรม ถูกต้อง ได้ระดับดี

ชวี ิตประจาวนั 2) ใบงาน เร่อื ง ผา่ นเกณฑ์

ไอออนท่พี บใน

ชีวติ ประจาวัน

ดา้ นคุณลกั ษณะ (A)

1) ใฝเุ รยี นรแู้ ละเปน็ ผมู้ ีความมุง่ มนั่ ในการ 1) ถามคาถามเกย่ี วกบั 1) แบบประเมนิ การ 1) นักเรียนทาภาระ

ทางาน การเกดิ พันธะไอออนกิ ทากิจกรรม งานทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย

จานวน 3 ข้อ 2) คาถามเก่ยี วกบั ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์

2) ตรวจใบงาน เรอื่ ง การเกิดพันธะไอออ

ไอออนท่ีพบใน นกิ จานวน 3 ข้อ

ชีวิตประจาวัน 3) ใบงาน เร่อื ง

ไอออนที่พบใน

ชีวิตประจาวนั

130

10. เกณฑ์การประเมินผลงานนกั เรียน

เกณฑก์ ารประเมนิ แบบ Rubrics ของการทากิจกรรม เร่อื ง สารประกอบไอออนกิ

ประเด็นการ คา่ นา้ หนกั แนวทางการให้คะแนน
ประเมิน คะแนน

ดา้ นความรู้ 3 สามารถตอบคาถามไดถ้ ูกตอ้ งครบถ้วน จานวน 3 ข้อ

(K) 2 สามารถตอบคาถามได้ถูกต้องครบถ้วน จานวน 2 ขอ้

1 สามารถตอบคาถามได้ถูกตอ้ งครบถ้วน จานวน 1 ขอ้ หรอื ไมถ่ กู ตอ้ ง

ด้าน 3 ทาใบงาน เรอ่ื ง ไอออนทพ่ี บในชวี ิตประจาวนั ได้ถกู ตอ้ งครบถ้วน

กระบวนการ จานวน 6-7 ขอ้

(P) 2 ทาใบงาน เรือ่ ง ไอออนที่พบในชวี ิตประจาวนั ไดถ้ กู ต้องครบถว้ น

จานวน 4-5 ข้อ

1 ทาใบงาน เรื่อง ไอออนทพ่ี บในชีวิตประจาวนั ไดถ้ กู ตอ้ งครบถ้วน

จานวน 1-3 ข้อ หรือทาไม่ถูกตอ้ ง

ด้าน 3 ทาภาระงานทไี่ ด้รับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาที่กาหนด และเรียบรอ้ ยถูกต้องครบถ้วน

คุณลักษณะ 2 ทาภาระงานท่ไี ดร้ ับมอบหมายเสร็จภายในเวลาทก่ี าหนด แต่งานยังผิดพลาดบางส่วน

(A) 1 ทาภาระงานที่ไดร้ บั มอบหมายเสรจ็ แต่ลา่ ชา้ และเกดิ ขอ้ ผิดพลาดบางส่วน

ระดับคะแนน 3 หมายถงึ ระดบั ดมี าก
คะแนน 2 หมายถงึ ระดบั ดี
คะแนน 1 หมายถงึ ระดบั พอใช้

คะแนน

131

การประเมนิ การทากจิ กรรม เรือ่ ง สารประกอบไอออนิก

จุดประสงค์การเรยี นรู้

ท่ี ชื่อ - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ดา้ น ด้าน รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ

(P) (A)

3 3 39

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

26

27

28

132

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ท่ี ช่ือ - นามสกลุ ด้านความรู้ ดา้ น ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 3 39

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

ระดับคณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
3-4 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรุง
คะแนน
คะแนน

133

บนั ทกึ หลงั การสอน

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เรื่อง น้า พ.ศ. ใ
แผนการสอนท่ี 8 เร่อื ง สารประกอบไอออนกิ .

ใ เดอื น ใ

วันท่ี

ผลการจดั การเรยี นรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ปัญหา / อุปสรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ปัญหา

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ลงช่อื ............................................ครผู สู้ อน ลงชือ่ .............................................หวั หนา้ กลุม่ สาระ
(นางสาวนิลนิกา แกว้ ปัญญา) (นางนพรัตน์ ครุฑเกิด)

134

ใบงาน เรอื่ ง ไอออนทพี่ บในชีวติ ประจาวัน

ใหน้ กั เรียนศึกษาเนอ้ื หาเก่ียวกับไอออนทีพ่ บในชวี ิตประจาวนั ในหนังสอื แลว้ เตมิ คาตอบลงในชอ่ งวา่ งให้

ถูกตอ้ ง

ขอ้ ที่ ไอออนบวก ช่ือ ไอออนลบ ช่ือ

1 Li+ คลอไรดไ์ อออน

2 โซเดียมไอออน ออกไซด์ไอออน
คาร์บอเนตไอออน
3 โพแทสเซียมไอออน OH-

4 Mg2+ NO3-

5 แคลเซียมไอออน

6 อะลูมิเนียมไอออน ซัลเฟสไอออน

7 NH4+ PO43-

135

เฉลยใบงาน เรอ่ื ง ไอออนที่พบในชีวิตประจาวนั

ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาเนอื้ หาเก่ยี วกบั ไอออนทพี่ บในชวี ติ ประจาวนั ในหนงั สอื แล้วเตมิ คาตอบลงในชอ่ งวา่ งให้

ถกู ต้อง

ข้อที่ ไอออนบวก ชื่อ ไอออนลบ ชอ่ื
1 Li+ ลิเทียมไอออน คลอไรดไ์ อออน
2 Na+ โซเดยี มไอออน Cl- ออกไซด์ไอออน
3 K+ โพแทสเซียมไอออน ไฮดรอกไซดไ์ อออน
4 Mg2+ แมกนเี ซยี มไอออน O2- ไนเทรตไอออน
5 Ca2+ แคลเซยี มไอออน คารบ์ อเนตไอออน
6 Al3+ อะลูมิเนียมไอออน OH- ซลั เฟสไอออน
7 NH4+ แอมโมเนยี มไอออน ฟอสเฟตไอออน
NO3-
CO32-
SO42-
PO43-

136

เรือ่ ง สูตรเอมพริ คิ ัล แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 9 เวลา 1 ช่ัวโมง
รายวิชา ว31104 รวม 9 ช่ัวโมง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 1
กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ น้า ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1

1. มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.1 เขา้ ใจสมบัตขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพนั ธร์ ะหว่างสมบตั ขิ องสสารกับโครงสร้าง

และแรงยดึ เหนีย่ วระหวา่ งอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลย่ี นแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย
และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

2. ตัวช้ีวัด
ว 2.1 ม.5/12 เขยี นสตู รเคมขี องไอออนและสารประกอบไอออนกิ

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) นักเรียนอธิบายความหมายของสูตรเอมพริ ิคลั ได้
3.2 ดา้ นกระบวนการ (P)
1) นกั เรยี นเขยี นสูตรเอมพิรคิ ัลของสารประกอบไอออนกิ จากไอออนที่กาหนดให้ได้
3.3 ด้านคณุ ลักษณะ (A)
1) ใฝเุ รยี นรู้และเปน็ ผู้มคี วามมงุ่ มนั่ ในการทางาน

4. สาระสาคญั
น้าเปน็ สารเคมี ชนิดหนง่ึ ที่เป็นองค์ประ กอบพน้ื ฐานใน รา่ กายของส่งิ มีชวี ติ และสง่ิ แวดล้อม โมเลกลุ ของน้า
เกดิ จากอะตอมของธาตไุ ฮโดรเจน 2 อะตอม ยึดเหน่ยี วกับธาตอุ อกซเิ จน 1 อะตอมด้วย พันธะเคมที เ่ี รยี กวา่ พันธะ
โคเวเลนต์ นา้ จัดเปน็ สารโคเวเลนต์ และยงั มีสารอืน่ อีกหลายชนิดที่เปน็ สารโคเวเ ลนต์ สถานะและจดุ เดือดของสาร
โคเวเลนตข์ น้ึ อยู่กับ แรงยดึ เหนี่ยวระหว่ างโมเลกลุ ซึ่งมคี วามสัมพนั ธ์กับสภาพขัว้ ของสารและพนั ธะไฮโดรเจน
ในแหล่งนา้ ธรรมชาตินอกจากมนี ้าเปน็ องค์ประกอบหลักแลว้ ยงั มีสารอื่นละลายอย่ดู ้วย สารท่ีละลายนา้ ไดม้ ที งั้ สาร
โคเวเลนตแ์ ละสารประกอบไอออนกิ สารประกอบไอออนิกเกดิ จากการยึดเหน่ยี วระหวา่ งไอออนบวกกับไอออนลบ
ด้วยพนั ธะไอออนกิ ในอตั ราส่วนอยา่ งตา่ ท่ที าใหป้ ระจุรวมของสารประกอบเป็นศนู ย์ การละลายของสารในนา้ มี 2
แบบ คือการละลายแบบแตกตัวและไม่แตกตัว ซึง่ ทาให้ไดส้ ารละลายอิเล็กโทรไลตแ์ ละนอนอิเล็กโทรไลต์ ตามลาดบั

137

5. สาระการเรียนรู้
5.1 ความรู้
สารในแหล่งน้าธรรมชาติ
น้าในแหลง่ น้าธรรมชาติเป็นนา้ ท่ไี มบ่ ริสุทธิ์ มสี ารอนื่ เจอื ปนซงึ่ อาจเปน็ สารโคเวเลนต์ เช่น แก๊ส
ออกซิเจน แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ และสารทอี่ ยู่ในรูปของไอออน เชน่ โซเดียมไอออน (Na+) คลอไรด์
ไอออน (Cl-) ไอออนทั้งสองชนดิ น้ีมีปรมิ าณมากในนา้ ทะเล และเมือ่ ระเหยนา้ ออกจะได้เกลือแกงหรือ
โซเดียมคลอไรด์ (NaCl) ซ่ึงเปน็ สารประกอบไอออนกิ (ionic compound)

รปู 2.8 การจัดเรียงไอออนของเกลือแกงในสถานะของแขง็ และในรปู ของสารละลาย
สารประกอบไอออนกิ ประกอบด้วยไอออนบวกทยี่ ึดเหนี่ยวกับไอออนลบด้วยพนั ธะเคมที เี่ รยี กว่า
พนั ธะไอออนกิ (ionic bond) ดว้ ยไอออนบวกและไอออนลบจดั เรียงตวั สลับต่อเนื่องกนั ไปใน 3 มติ ิ
เกดิ เปน็ ผลกึ ของแข็ง ดังรูป 2.9 ในอตั ราส่วนของไอออนท่ที าให้สารประกอบไอออนกิ เปน็ กลางทางไฟฟูา

รปู 2.9 การจัดเรยี งไอออนบวกและไอออนลบของเกลือแกงใน 3 มติ ิ
เน่อื งจากสารประกอบไอออนิกเกดิ จากการจดั เรียงตัวของไอออนทเี่ ป็นองค์ประกอบตอ่ เน่ืองกันไป
ในสามมิติ โดยไมส่ ามารถหาขอบเขตได้แนน่ อนจึงไมจ่ ดั เป็นโมเลกลุ และไม่สามารถเขียนสตู รโมเลกลุ ได้
ดังนนั้ สตู รเคมีของสารประกอบไอออนิกจึงเขยี นแสดงอตั ราส่วนอย่างตา่ ของไอออน ซง่ึ เรียกวา่ สูตรเอมพิ
ริคลั (empirical formule)
การเขยี นสูตรเอมพริ ิคลั ทาได้โดยเขยี นสัญลกั ษณ์ธาตุทเี่ ปน็ ไอออนบวกไวข้ า้ งหน้าและตามดว้ ย
สญั ลักษณ์ธาตทุ เ่ี ป็นไอออนลบ และเขียนตวั เลขหอ้ ยทา้ ยสัญลักษณ์ธาตุแต่ละชนิดเพอ่ื แสดงอตั ราสว่ นอยา่ ง
ตา่ ของจานวนไอออนในการรวมตวั โดยไมต่ ้องเขียนแสดงเลข 1 เช่น โซเดยี มคลอไรด์ (NaCl) เปน็ สตู รเคมี
ของเกลอื แกงแสดงว่า Na+ รวมตัวกบั (Cl-) ดว้ ยอัตราสว่ นอย่างต่า 1:1

138

สารประกอบไอออนิกเมื่อละลายนา้ จะอยใู่ นรปู ของไอออน ซ่งึ ไอออนที่ละลายอยู่ในนา้ อาจเปน็

ไอออนทเี่ กดิ จากอะตอมของธาตุชนิดเดยี วหรอื เกิดจากกล่มุ อะตอม เช่น สารประกอบแมกนเี ซยี มซลั เฟต
(MgSO4) เม่ือละลายน้าจะอยูใ่ นรูปของแมกนีเซยี มไอออน (Mg2+) กบั ซลั เฟตไอออน (SO42-) ตัวอย่าง

ไอออนท่ีพบในชวี ติ ประจาวนั แสดงดงั ตาราง 2.3

ตาราง 2.3 ตัวอย่างไอออนทพ่ี บในชีวิตประจาวัน

ไอออนบวก ชือ่ ไอออนลบ ชือ่

Li+ ลเิ ทียมไอออน Cl- คลอไรดไ์ อออน

Na+ โซเดียมไอออน O2- ออกไซดไ์ อออน

K+ โพแทสเซยี มไอออน OH- ไฮดรอกไซดไ์ อออน

Mg2+ แมกนีเซยี มไอออน NO3- ไนเทรตไอออน

Ca2+ แคลเซียมไอออน CO32- คาร์บอเนตไอออน

Al3+ อะลูมิเนียมไอออน SO42- ซัลเฟสไอออน

NH4+ แอมโมเนียมไอออน PO43- ฟอสเฟตไอออน

เนื่องจากสารประกอบไอออนกิ เป็นกลางทางไฟฟูา ดังน้นั สตู รเอมพิรคิ ลั ต้องประกอบด้วยจานวน

ไอออนบวกและไอออนลบท่ีรวมตวั กันดว้ ยอตั ราสว่ นอย่างตา่ ท่ที าใหผ้ ลรวมของประจุเปน็ ศนู ย์ ดงั ตวั อยา่ ง

ในตาราง 2.4

ตาราง 2.4 ตัวอย่างการรวมตวั ของไอออนในสารประกอบไอออนกิ

ไอออน ไอออน อตั ราส่วนการรวมตัว ผลรวมประจุ สูตรเอมพริ คิ ลั
บวก ลบ (ไอออนบวก:ไอออนลบ)

1:1 (+2) + (-1) = +1 
ไม่เปน็ กลางทางไฟฟูา
Mg2+ Cl-
(+2) + 2(-1) = 0
1:2 เป็นกลางทางไฟฟูา MgCl2

1:1 (+1) + (-2) = -1 
ไม่เป็นกลางทางไฟฟาู
Na+ SO42-
2(+1) + (-2) = 0
2:1 เป็นกลางทางไฟฟาู Na2SO2

1:1 (+3) + (-1) = +2 
ไม่เปน็ กลางทางไฟฟูา

Al3+ NO3- 1:2 (+3) + 2(-1) = +1 
ไมเ่ ป็นกลางทางไฟฟูา

1:3 (+3) + 3(-1) = 0 Al(NO3)3
เป็นกลางทางไฟฟูา

139

นอกจากน้กี ารเขยี นสูตรเอมพิริคลั ของสารประกอบไอออนกิ ยังอาจทาได้โดยการไขวต้ วั เลขประจุ
ของไอออน แลว้ ทาตัวเลขใหเ้ ป็นอัตราส่วนอยา่ งตา่ ดังตัวอยา่ ง

5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสื่อสาร (อ่าน ฟงั พดู เขยี น)
2) ความสามารถในการคดิ (สงั เกต วเิ คราะห์ จัดกลมุ่ สรุป)
3) ความสามารถในการแกป้ ญั หา (แสวงหาความรู้)
4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต (ความรบั ผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใชก้ ารสืบคน้ ผา่ นคอมพิวเตอร์)

5.3 คุณลกั ษณะและค่านิยม
ใฝุเรียนรู้และเปน็ ผมู้ คี วามมุง่ มัน่ ในการทางาน

6. บรู ณาการ
บูรณาการกบั กลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ เร่ือง การบวก การลบ จานวนเต็มบวก และจานวนเต็มลบ

7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขน้ั ท่ี 1 ข้นั สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูทบทวนบทเรียน เร่ือง ไอออนทีพ่ บในชวี ิตประจาวัน

ข้นั ท่ี 2 ขน้ั สารวจและคน้ หา
2.1 ครูนานกั เรยี นศึกษา ตาราง 2.4 ตวั อย่างการรวมกันของไอออนในสารประกอบไอออนิก
2.2 ครูนานักเรียนศกึ ษาเน้ือหาเกีย่ วกบั การเขยี นสูตรเอมพริ คิ ัล ตามรายละเอยี ดในหนังสอื เรียน

หนา้ 42-43
2.5 นกั เรยี นทาแบบฝกึ หดั 2.3 ข้อที่ 1-2 ในหนังสอื เรยี น หน้า 44 ลงในสมุด

ขั้นท่ี 3 ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ
3.1 ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรุปการเขยี นสตู รเอมพริ คิ ัล

ขนั้ ท่ี 4 ขนั้ ขยายความรู้
4.1 ครูใหค้ วามรู้เพ่ิมเตมิ เกยี่ วกับการนาสารโคเวเลนตแ์ ละสารประกอบไอออนกิ ไปใช้ประโยชนใ์ น

ชีวติ ประจาวนั รวมถึงอันตรายทอี่ าจเกดิ ข้นึ จากกการใช้สารโคเวเลนต์และสารประกอบไอออนกิ บางชนิด

ขั้นท่ี 5 ขัน้ ประเมนิ ผล

140

5.1 ครตู รวจสมุดการทาแบบฝึกหัด 2.3 ขอ้ ที่ 1-2
5.2 ครถู ามคาถาม จานวน 1 ขอ้ ใหน้ กั เรยี นทาส่งในสมุด

1) จงอธบิ ายความหมายของสตู รเอมพริ คิ ลั (แนวการตอบ สูตรเอมพิรคิ ัล คอื เป็นสูตร
เคมีที่แสดงชนดิ และอตั ราสว่ นอยา่ งต่าของธาตุท่มี ีองค์ปะกอบ ซึ่งนยิ มใช้เพ่ือแสดงสตู รเคมีของ
สารประกอบไอออนิก)

ประยกุ ตแ์ ละตอบแทนสงั คม
ครใู ห้นักเรยี นแตล่ ะคนนาความรูท้ ่ีเรยี นไปคน้ คว้าเพิ่มเตมิ ทีห่ อ้ งสมดุ หรือเว็บไซต์ แล้วนาเสนอใน

ช้นั เรียน

8. สื่อการเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้
8.1 หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ (วิทยาศาสตรก์ ายภาพ) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 เล่ม 1

(ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 อินเทอร์เนต็
8.3 ห้องสมุด

9. การวัดและประเมนิ ผล วธิ กี ารวัด เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมิน
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1) ถามคาถาม จานวน 1) แบบประเมินการ 1) นักเรยี นสามารถ
ด้านความรู้ (K) 1 ข้อ ทากิจกรรม ตอบคาถามได้ระดบั
1) นักเรยี นอธิบายความหมายของสตู ร 2) คาถาม จานวน 1 ดี ผ่านเกณฑ์
เอมพริ คิ ลั ได้ ข้อ
1) นกั เรียนสามารถ
ด้านกระบวนการ (P) 1) ตรวจแบบฝกึ หดั 1) แบบประเมินการ ทาแบบฝึกหัด 2.3
1) นักเรียนเขยี นสตู รเอมพริ คิ ัลของ ไดร้ ะดับดี ผ่านเกณฑ์
สารประกอบไอออนกิ จากไอออนที่ 2.3 ข้อท่ี 1-2 ทากิจกรรม
กาหนดใหไ้ ด้ 1) นักเรียนทาภาระ
ด้านคุณลกั ษณะ (A) 1) ตรวจแบบฝกึ หัด 1) แบบประเมินการ งานที่ได้รบั มอบหมาย
1) ใฝุเรียนรู้และเป็นผ้มู คี วามม่งุ มัน่ ในการ ได้ระดับดี ผา่ นเกณฑ์
ทางาน 2.3 ข้อที่ 1-2 ทากจิ กรรม

141

10. เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงานนกั เรยี น

เกณฑก์ ารประเมนิ แบบ Rubrics ของการทากิจกรรม เรื่อง สูตรเอมพริ ิคัล

ประเด็นการ ค่านา้ หนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมนิ คะแนน

ด้านความรู้ 3 ตอบคาถามไดถ้ ูกตอ้ งครบถ้วน

(K) 2 ตอบคาถามได้ แตถ่ กู ต้องครบถ้วน

1 ตอบคาถาม แต่ไมถ่ กู ตอ้ ง

ดา้ น 3 ทาแบบฝึกหัด 2.3 ไดถ้ กู ตอ้ งครบถว้ น จานวน 2 ขอ้

กระบวนการ 2 ทาแบบฝึกหัด 2.3 ได้ถกู ตอ้ งครบถว้ น จานวน 1 ข้อ

(P) 1 ทาแบบฝึกหัด 2.3 แต่ไม่ถกู ตอ้ ง

ด้าน 3 ทาภาระงานทไ่ี ด้รับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาทีก่ าหนด และเรียบร้อยถกู ตอ้ งครบถว้ น

คุณลักษณะ 2 ทาภาระงานที่ไดร้ บั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาทก่ี าหนด แต่งานยังผิดพลาดบางสว่ น

(A) 1 ทาภาระงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายเสรจ็ แตล่ า่ ชา้ และเกดิ ข้อผดิ พลาดบางสว่ น

ระดับคะแนน 3 หมายถึง ระดบั ดีมาก
คะแนน 2 หมายถงึ ระดับดี
คะแนน 1 หมายถึง ระดับพอใช้

คะแนน

142

การประเมนิ การทากจิ กรรม เรอื่ ง สตู รเอมพริ คิ ัล

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

ท่ี ชอื่ - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ด้าน ด้าน รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 3 39

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

26

27

28

143

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ท่ี ช่ือ - นามสกลุ ด้านความรู้ ดา้ น ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 3 39

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

ระดับคณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
3-4 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรุง
คะแนน
คะแนน

144

บันทกึ หลังการสอน

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เรือ่ ง น้า พ.ศ. ใ
แผนการสอนท่ี 9 เรือ่ ง สตู รเอมพิริคัล .

ใ เดอื น ใ

วนั ที่

ผลการจัดการเรียนรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ปัญหา / อปุ สรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ปญั หา

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ลงช่อื ............................................ครูผสู้ อน ลงชื่อ.............................................หวั หน้ากลุ่มสาระ
(นางสาวนลิ นิกา แก้วปญั ญา) (นางนพรตั น์ ครฑุ เกดิ )

145

แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 10

เรื่อง การเปลีย่ นสถานะของสารประกอบไอออนกิ

รายวชิ า ว31104 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 1 เวลา 1 ชั่วโมง
รวม 9 ชว่ั โมง
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ นา้
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 1
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์

1. มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ิของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสมบัติของสสารกับโครงสรา้ ง

และแรงยึดเหน่ียวระหวา่ งอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ยี นแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย
และการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี

2. ตวั ช้วี ัด
ว 2.1 ม.5/12 เขียนสูตรเคมีของไอออนและสารประกอบไอออนกิ

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) นกั เรยี นเปรยี บเทียบจุดหลอมเหลวและจดุ เดอื ดระหว่างโคเวเลนสก์ บั สารประกอบไอออนกิ ได้
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) นักเรียนสามารถจดั กระทาและส่อื ความหมายของขอ้ มลู ที่ศกึ ษาคน้ ควา้ ได้
3.3 ดา้ นคณุ ลักษณะ (A)
1) ใฝเุ รียนรแู้ ละเปน็ ผู้มีความมงุ่ ม่นั ในการทางาน

4. สาระสาคญั
น้าเป็นสารเคมี ชนดิ หนง่ึ ทีเ่ ป็นองคป์ ระ กอบพ้ืนฐานใน รา่ กายของสงิ่ มชี วี ิตและส่งิ แวดลอ้ ม โมเลกลุ ของนา้
เกิดจากอะตอมของธาตุไฮโดรเจน 2 อะตอม ยดึ เหน่ยี วกบั ธาตอุ อกซิเจน 1 อะตอมด้วย พันธะเคมที เ่ี รียกวา่ พันธะ
โคเวเลนต์ น้าจัดเป็นสารโคเวเลนต์ และยงั มีสารอื่นอีกหลายชนิดท่เี ป็นสารโคเวเ ลนต์ สถานะและจดุ เดอื ดของสาร
โคเวเลนต์ข้นึ อยูก่ บั แรงยดึ เหนี่ยวระหว่ างโมเลกุล ซง่ึ มีความสัมพันธ์กบั สภาพขวั้ ของสารและพนั ธะไฮโดรเจน
ในแหลง่ นา้ ธรรมชาตินอกจากมีนา้ เปน็ องค์ประกอบหลักแลว้ ยงั มีสารอ่ืนละลายอยู่ด้วย สารที่ละลายน้าได้มีทัง้ สาร
โคเวเลนตแ์ ละสารประกอบไอออนิก สารประกอบไอออนกิ เกดิ จากการยดึ เหนยี่ วระหวา่ งไอออนบวกกับไอออนลบ
ด้วยพันธะไอออนกิ ในอตั ราสว่ นอยา่ งต่าที่ทาใหป้ ระจุรวมของสารประกอบเป็นศนู ย์ การละลายของสารในน้ามี 2
แบบ คอื การละลายแบบแตกตวั และไม่แตกตัว ซงึ่ ทาใหไ้ ดส้ ารละลายอิเล็กโทรไลตแ์ ละนอนอเิ ลก็ โทรไลต์ ตามลาดบั

146

5. สาระการเรยี นรู้
5.1 ความรู้
การเปลีย่ นสถานะของสารประกอบไอออนิก
สารประกอบไอออนกิ ทอี่ ยใู่ นสถานะของแขง็ ไอออนบวกและไอออนลบจะจดั เรยี งตวั สลับ
ตอ่ เนือ่ งกันไปใน 3 มิติ โดยไอออนต่างชนดิ กนั จะดึงดูดกนั ด้วยพันธะไอออนิกซึง่ เป็นแรงทางไฟฟูาและ
ไอออนแตล่ ะชนดิ ไมส่ ามารถเคลอ่ื นที่ได้ เมื่อสารประกอบไอออนกิ ได้รับความร้อน พนั ธะไอออนิกบางส่วน
จะถกู ทาลายทาให้ไอออนบวกและไอออนลบเคล่อื นท่ไี ด้มากขนึ้ หากอุณหภูมเิ พ่ิมข้ึนถึงจุดหลอมเหลวจะ
เปลย่ี นสถานะเปน็ ของเหลว และเม่อื ไดร้ ับความร้อนต่อไปจนมีอุณหภมู ิถึงจดุ เดอื ดจะเปล่ยี นสถานะเปน็
แกส๊ การเปลีย่ นสถานะของสารประกอบไอออนกิ จากของแข็งเป็นของเหลวหรอื แก๊สต้องทาลายพนั ธะ
ไอออนกิ ซง่ึ มคี วามแขง็ แรงมากกกว่าแรงยดึ เหนยี่ วระหวา่ งโมเลกุลของสารโคเวเลนตม์ าก ดังนนั้ จุด
หลอมเหลวและจดุ เดอื ดของสารประกอบไอออนกิ สงู กว่าสารโคเวเลนต์
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสอ่ื สาร (อา่ น ฟงั พูด เขยี น)
2) ความสามารถในการคดิ (สงั เกต วิเคราะห์ จัดกลุม่ สรุป)
3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา (แสวงหาความรู้)
4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต (ความรบั ผดิ ชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ (ใชก้ ารสบื ค้นผา่ นคอมพวิ เตอร์)
5.3 คณุ ลกั ษณะและค่านยิ ม
ใฝุเรียนรแู้ ละเป็นผมู้ คี วามมงุ่ มน่ั ในการทางาน

6. บรู ณาการ
-

7. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขน้ั ที่ 1 ข้ันสรา้ งความสนใจ
1.1 ครทู บทวนบทเรยี นเก่ยี วกับสารโคเวเลนตแ์ ต่ละชนดิ มีจุดหลอมเหลวและจดุ เดอื ดต่างกนั
ตวั อย่างดงั ตาราง 2.2 จดุ หลอมเหลวและจดุ เดอื ดของสารโคเวเลนสบ์ างชนดิ ทคี่ วามดนั 1 บรรยากาศ
เม่ือตอ้ งการเปลี่ยนสถานะของสารเหล่านี้จึงตอ้ งใชพ้ ลังงานความรอ้ นไม่เท่ากัน แสดงวา่ แรงยดึ เหนี่ยว
ระหวา่ งโมเลกุลของสารโคเวเลนตแ์ ต่ละชนิดไมเ่ ทา่ กัน

ขัน้ ที่ 2 ข้นั สารวจและค้นหา
2.1 ครใู ห้นกั เรียนศกึ ษาเนอื้ หาเก่ยี วกับการเปล่ียนสถานะของสารประกอบไอออนิก และตาราง

2.5 จุดหลอมเหลวและจุดเดอื ดของสารประกอบไอออนกิ บางชนิดทคี่ วามดนั 1 บรรยากาศ แล้วสรปุ องค์
ความรู้ลงในสมุด

2.2 ครูใหน้ ักเรยี นเปรยี บเทียบขอ้ มลู จุดหลอมเหลวและจุดเดือดของสารโคเวเลนต์ในตาราง 2.2
และจุดหลอมเหลวและจุดเดือดของสารประกอบไอออนกิ ในตาราง 2.5

147

ขน้ั ท่ี 3 ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป
3.1 ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ เรือ่ ง การเปลยี่ นสถานะของสารประกอบไอออนกิ จนได้ขอ้ สรุป

ดังน้ี
สารประกอบไอออนกิ ทอ่ี ยูใ่ นสถานะของแข็ง ไอออนบวกและไอออนลบจะจัดเรียงตวั สลับ

ตอ่ เนอื่ งกันไปใน 3 มิติ โดยไอออนต่างชนดิ กันจะดงึ ดดู กนั ดว้ ยพันธะไอออนกิ ซ่งึ เปน็ แรงทางไฟฟาู และ
ไอออนแตล่ ะชนิดไมส่ ามารถเคลอ่ื นทไ่ี ด้ เมื่อสารประกอบไอออนกิ ได้รบั ความรอ้ น พันธะไอออนกิ บางสว่ น
จะถูกทาลายทาใหไ้ อออนบวกและไอออนลบเคลือ่ นทีไ่ ดม้ ากข้นึ หากอุณหภมู เิ พิม่ ขึ้นถงึ จุดหลอมเหลวจะ
เปล่ียนสถานะเปน็ ของเหลว และเมื่อไดร้ บั ความรอ้ นต่อไปจนมีอุณหภมู ถิ งึ จุดเดือดจะเปลี่ยนสถานะเป็น
แกส๊ การเปล่ียนสถานะของสารประกอบไอออนกิ จากของแขง็ เปน็ ของเหลวหรือแกส๊ ต้องทาลายพนั ธะ
ไอออนกิ ซ่ึงมคี วามแขง็ แรงมากกกวา่ แรงยดึ เหน่ยี วระหว่างโมเลกลุ ของสารโคเวเลนตม์ าก ดงั นัน้ จุด
หลอมเหลวและจดุ เดอื ดของสารประกอบไอออนกิ สูงกวา่ สารโคเวเลนต์

ขน้ั ที่ 4 ข้ันขยายความรู้
4.1 ครูใหค้ วามรู้เพิม่ เติมเกย่ี วกบั สมบัตขิ องสารประกอบไอออนิก ดังน้ี
1. มขี ้วั เพราะสารประกอบไอออนกิ ไม่ไดเ้ กดิ ข้ึนเปน็ โมเลกุลเดย่ี ว แต่จะเปน็ ของแข็งซึ่

ประกอบดว้ ยไอออนจานวนมาก ซึ่งยดึ เหนีย่ วกนั ด้วยแรงยึดเหนย่ี วทางไฟฟาู
2. ไมน่ าไฟฟ้าเมื่ออยู่ในสภาพของแขง็ แต่จะนาไฟฟ้าไดเ้ มื่อใสส่ ารประกอบไอออนิกลง

ในนา้ ไอออนจะแยกออกจากกนั ทาให้สารละลายนาไฟฟาู ในทานองเดยี วกนั สารประกอบทห่ี ลอมเหลวจะนา
ไฟฟาู ไดด้ ว้ ยเน่ืองจากเมอ่ื หลอมเหลวไอออนจะเป็นอิสระจากกัน เกิดการไหลเวยี นอิเล็กตรอนทาให้
อิเลก็ ตรอนเคลื่อนท่จี งึ เกิดการนาไฟฟูา

3. มีจหุ ลอมเหลวและจดุ เดอื ดสงู ความร้อนในการทาลายแรงดงึ ดดู ระหว่างไอออนให้
กลายเปน็ ของเหลวต้องใชพ้ ลังงานสงู

ขนั้ ที่ 5 ขั้นประเมนิ ผล
5.1 ครูตรวจสมดุ นักเรียนในการสรุปองค์ความรู้ เร่อื ง การเปลย่ี นสถานะของสารประกอบไอออนิก
5.2 ครถู ามคาถาม จานวน 1 ข้อ ให้นักเรยี นทาสง่ ในสมดุ
1) จงเปรยี บเทียบจดุ หลอมเหลวและจุดเดือดระหว่างโคเวเลนสก์ บั สารประกอบไอออนิก

(แนวการตอบ การเปล่ยี นสถานะของสารประกอบไอออนกิ จากของแข็งเปน็ ของเหลวหรือแก๊สต้องทาลาย
พนั ธะไอออนิกซึ่งมคี วามแข็งแรงมากกกว่าแรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกุลของสารโคเวเลนตม์ าก ดงั น้ันจุด
หลอมเหลวและจุดเดือดของสารประกอบไอออนิกสงู กว่าสารโคเวเลนต์)
ประยกุ ตแ์ ละตอบแทนสังคม

ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะคนนาความรทู้ ่ีเรียนไปคน้ คว้าเพิ่มเตมิ ท่หี อ้ งสมุด หรอื เวบ็ ไซต์ แล้วนาเสนอใน
ช้นั เรียน

148

8. สือ่ การเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้
8.1 หนังสอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ (วิทยาศาสตร์กายภาพ) ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 5 เล่ม 1

(ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 อินเทอร์เน็ต
8.3 หอ้ งสมดุ

9. การวดั และประเมินผล วธิ ีการวดั เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1) ถามคาถาม จานวน 1) แบบประเมินการ 1) นกั เรยี นสามารถ
ดา้ นความรู้ (K) 1 ขอ้ ทากจิ กรรม ตอบคาถามได้ระดบั
1) นกั เรียนเปรยี บเทียบจดุ หลอมเหลวและ 2) คาถาม จานวน 1 ดี ผ่านเกณฑ์
จุดเดอื ดระหว่างโคเวเลนส์กบั สารประกอบ ข้อ
ไอออนกิ ได้ 1) นกั เรยี นสรปุ องค์
1) ตรวจสมดุ นกั เรยี น 1) แบบประเมินการ ความรู้ได้ระดบั ดี
ดา้ นกระบวนการ (P) สรุปองคค์ วามรู้ เร่ือง ทากจิ กรรม ผา่ นเกณฑ์
1) นักเรยี นนักเรียนสามารถจดั กระทาและ การเปล่ยี นสถานะของ
ส่อื ความหมายของขอ้ มูลทศี่ กึ ษาค้นคว้าได้ สารประกอบไอออนิก 1) นักเรียนทาภาระ
งานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย
ดา้ นคุณลกั ษณะ (A) 1) ตรวจสมดุ นกั เรียน 1) แบบประเมินการ ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์
1) ใฝุเรียนรแู้ ละเปน็ ผ้มู ีความม่งุ มั่นในการ สรุปองคค์ วามรู้ เร่อื ง ทากิจกรรม
ทางาน การเปลีย่ นสถานะของ
สารประกอบไอออนิก

149

10. เกณฑ์การประเมนิ ผลงานนักเรียน

เกณฑก์ ารประเมินแบบ Rubrics ของการทากิจกรรม เรอ่ื ง การเปล่ยี นสถานะของสารประกอบไอออนิก

ประเด็นการ คา่ น้าหนกั แนวทางการให้คะแนน
ประเมิน คะแนน

ด้านความรู้ 3 ตอบคาถามไดถ้ ูกต้องครบถ้วน

(K) 2 ตอบคาถามได้ แตถ่ ูกต้องครบถ้วน

1 ตอบคาถาม แตไ่ มถ่ ูกตอ้ ง

ดา้ น 3 สรปุ เนอ้ื หาที่ไดจ้ ากการศึกษาคน้ คว้าได้ถูกตอ้ งครบถว้ น

กระบวนการ 2 สรปุ เนอื้ หาทไี่ ด้จากการศกึ ษาค้นควา้ ได้คอ่ นข้างถูกตอ้ งครบถ้วน

(P) 1 สรปุ เนือ้ หาที่ได้จากการศึกษาค้นควา้ ได้ แต่ไมค่ รบถว้ น

ดา้ น 3 ทาภาระงานที่ได้รบั มอบหมายเสร็จภายในเวลาทก่ี าหนด และเรยี บรอ้ ยถกู ตอ้ งครบถว้ น

คุณลักษณะ 2 ทาภาระงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายเสร็จภายในเวลาทก่ี าหนด แตง่ านยังผิดพลาดบางสว่ น

(A) 1 ทาภาระงานทไ่ี ด้รับมอบหมายเสร็จ แตล่ า่ ชา้ และเกิดข้อผดิ พลาดบางส่วน

ระดับคะแนน 3 หมายถงึ ระดับดมี าก
คะแนน 2 หมายถงึ ระดับดี
คะแนน 1 หมายถึง ระดับพอใช้

คะแนน

150

การประเมินการทากจิ กรรม เรือ่ ง การเปลี่ยนสถานะของสารประกอบไอออนกิ

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

ท่ี ช่ือ - นามสกุล ด้านความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดบั
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ

(P) (A)

3 3 39

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

26

27

28

151

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ท่ี ช่ือ - นามสกลุ ด้านความรู้ ดา้ น ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 3 39

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

ระดับคณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
3-4 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรุง
คะแนน
คะแนน

152

บันทึกหลังการสอน

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เร่อื ง น้า ใ
แผนการสอนท่ี 10 เรื่อง การเปลีย่ นสถานะของสารประกอบไอออนิก .

ใ เดือน พ.ศ. ใ

วนั ที่

ผลการจัดการเรยี นรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ปัญหา / อุปสรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ัญหา

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ลงชือ่ ............................................ครูผู้สอน ลงช่ือ.............................................หัวหน้ากล่มุ สาระ
(นางสาวนิลนกิ า แกว้ ปญั ญา) (นางนพรตั น์ ครฑุ เกิด)

153

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 11

เร่ือง การละลายแบบแตกตวั วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 1 เวลา 2 ชวั่ โมง
รายวชิ า ว31104 ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ น้า รวม 9 ชวั่ โมง
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2
กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1

1. มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 2.1 เขา้ ใจสมบัติของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พันธร์ ะหว่างสมบัตขิ องสสารกบั โครงสรา้ ง

และแรงยึดเหนีย่ วระหวา่ งอนุภาค หลกั และธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย
และการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี

2. ตวั ช้ีวัด
ว 2.1 ม.5/13 ระบุวา่ สารเกดิ การละลายแบบแตกตวั หรือไม่แตกตัว พรอ้ มใช้เหตผุ ลและระบวุ า่ สารละลายที่

ไดเ้ ป็นสารละลายอเิ ล็กโทรไลต์ หรือนอนอิเลก็ โทรไลต์

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) นักเรยี นระบวุ ่าสารเกดิ การละลายนา้ แบบแตกตวั จากสูตรเคมี และสารละลายทไ่ี ดเ้ ป็น
สารละลายอเิ ล็กโทรไลตไ์ ด้
3.2 ดา้ นกระบวนการ (P)
1) นกั เรียนสามารถจัดกระทาและสื่อความหมายของข้อมลู ทศี่ ึกษาค้นควา้ ได้
3.3 ดา้ นคณุ ลักษณะ (A)
1) ใฝเุ รียนร้แู ละเป็นผมู้ ีความมุ่งม่นั ในการทางาน

4. สาระสาคัญ
น้าเปน็ สารเคมี ชนิดหนงึ่ ทเ่ี ป็นองคป์ ระกอบพืน้ ฐานในร่ากายของส่งิ มชี วี ิตและสิง่ แวดลอ้ ม โมเลกุลของนา้
เกิดจากอะตอมของธาตุไฮโดรเจน 2 อะตอม ยึดเหนีย่ วกบั ธาตอุ อกซิเจน 1 อะตอมดว้ ย พนั ธะเคมีที่เรียกวา่ พันธะ
โคเวเลนต์ นา้ จดั เปน็ สารโคเวเลนต์ และยังมีสารอื่นอีกหลายชนิดทีเ่ ปน็ สารโคเวเลนต์ สถานะและจุดเดอื ดของสาร
โคเวเลนตข์ ้ึนอยู่กบั แรงยดึ เหนี่ยวระหว่างโมเลกุล ซ่ึงมีความสัมพันธก์ บั สภาพขวั้ ของสารและพันธะไฮโดรเจน
ในแหล่งน้าธรรมชาตินอกจากมนี า้ เป็นองคป์ ระกอบหลกั แล้ว ยงั มีสารอนื่ ละลายอย่ดู ้วย สารที่ละลายนา้ ได้มที ้งั สาร
โคเวเลนต์และสารประกอบไอออนิก สารประกอบไอออนิกเกิดจากการยึดเหน่ยี วระหว่างไอออนบวกกบั ไอออนลบ
ดว้ ยพนั ธะไอออนิก ในอตั ราส่วนอยา่ งตา่ ท่ีทาให้ประจุรวมของสารประกอบเปน็ ศูนย์ การละลายของสารในนา้ มี 2
แบบ คือการละลายแบบแตกตวั และไมแ่ ตกตวั ซงึ่ ทาให้ได้สารละลายอิเล็กโทรไลต์และนอนอิเล็กโทรไลต์ ตามลาดับ

154

5. สาระการเรียนรู้

5.1 ความรู้

การละลายแบบแตกตัว

เม่ือสารละลายเกลอื แกง (NaCl) ในนา้ โมเลกุลของนา้ จะเข้าลอ้ มรอบและแยกโซเดียมไอออน

(Na+) และคลอไรดไ์ อออน (Cl-) ออกจากกัน ในนา้ เกลอื จึงประกอบดว้ ยสารละลายโซเดยี มไอออนและ

สารละลายคลอไรด์ไอออนเขียนแทนด้วย Na+(aq) และ Cl- (aq) ซงึ่ ไอออนเหล่านี้สามารถเคลือ่ นทีเ่ มอื่ ต่อ

เข้ากับวงจรไฟฟาู ไอออนบวกจะเคล่อื นทเ่ี ข้าหาขัว้ ลบ และไอออนลบจะเคล่ือนทีเ่ ข้าหาขว้ั บวก ทาให้

กระแสไฟฟูาไหลผ่านได้ สง่ ผลใหส้ ารละลายสามารถนาไฟฟูา เรยี กสารละลายประเภทนี้ว่า สารละลาย

อเิ ลก็ โทรไลต์ (electrolyte solution) ดงั รูป 2.10 การละลายน้าในลกั ษณะน้ีเรยี กว่า การละลายน้า

แบบแตกตวั NaCl(s) H2O Na+(aq) + Cl- (aq)

รูป 2.10 การละลายน้าของเกลือแกงและการเคล่อื นทข่ี องไอออนเมื่อนาไฟฟูา

นอกจากสารประกอบไอออนกิ ที่สามารถเกดิ การละลายนา้ แบบแตกตวั แลว้ สารโคเวเลนต์บางชนิด
เชน่ แก๊สไฮโดรเจนคลอไรด์ (HCl) เมอื่ ละลายนา้ จะแตกตัวใหไ้ ฮโดรเจนไอออน (H+) และคลอไรด์ไอออน
(Cl-) ได้สารละลายกรดไฮโดรคลอริก ดังสมการเคมี

HCl(g) H+(aq) + Cl- (aq)

การละลายนา้ ของสารบางชนดิ อาจทาใหไ้ ดส้ ารละลายท่มี สี มบตั เิ ปน็ กรดหรอื เบส ซงึ่ สามารถ
นาไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน ตวั อย่างดงั ตาราง

ตาราง 2.6 ตวั อยา่ งสารละลายทมี่ สี มบัตกิ รด-เบสที่ใช้ประจาประโยชน์ในชีวติ ประจาวนั

สารละลาย ประเภท การใชป้ ระโยชน์

กรดไฮโดรคลอรกิ หรือกรดเกลือ สารโคเวเลนต์ น้ายาล้างห้องนา้
(HCl*)

กรดซลั ฟิวริกหรอื กรดกามะถัน สารโคเวเลนต์ สารอิเลก็ โทรไลต์ใน
(H2SO4) สารโคเวเลนต์ แบตเตอรี่แบบตะกว่ั
กรดแอซีตกิ หรือกรดน้าสม้ น้าสม้ สายชู
(CH3COOH)
แอมโมเนยี (NH3) สารโคเวเลนต์ น้ายาทาความสะอาดพืน้ ผิว
ต่างๆ เช่น กระจก
กระเบือ้ ง

155

โซเดยี มไฮดรอกไซด์หรอื โซดาไฟ สารประกอบไอออนิก ผลติ สบู่ กาจดั ไขมัน

(NaOH)

แคลเซยี มโฮดรอกไซด์ สารประกอบไอออนกิ ปรับ pH ของน้าใน

กระบวนการผลิตน้าประปา

HCl* ในสถานะแก๊ส เรยี กว่า ไฮโดรเจนคลอไรด์ เมอ่ื เป็นสารละลาย เรยี กว่า กรดไฮโดรคลอริก

5.2 กระบวนการ

1) ความสามารถในการสอ่ื สาร (อา่ น ฟัง พูด เขียน)

2) ความสามารถในการคดิ (สังเกต วเิ คราะห์ จัดกลุม่ สรุป)

3) ความสามารถในการแก้ปญั หา (แสวงหาความรู้)

4) ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ (ความรับผิดชอบ)

5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ (ใชก้ ารสบื คน้ ผ่านคอมพิวเตอร์)

5.3 คุณลักษณะและค่านยิ ม

ใฝเุ รยี นร้แู ละเป็นผู้มคี วามมุ่งม่นั ในการทางาน

6. บรู ณาการ

-

7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขน้ั ท่ี 1 ข้นั สร้างความสนใจ
1.1 ครนู าเข้าสูบ่ ทเรยี นโดยทบทวนความรเู้ กยี่ วกบั สารละลายว่าประกอบดว้ ยตวั ละลายซงึ่
กระจายตัวอยู่ในตัวทาละลาย
1.2 ครูยกตวั อย่าง การเตรียมน้าเกลอื แร่ โดยการนาผงเกลือแร่ซ่งึ ประกอบดว้ ยเกลอื แกงและ
กลโู คส มาละลายในน้า จากนัน้ เขียนสตู รเคมีของเกลือแกงและกลโู คส แลว้ ใชค้ าถามว่า NaCl และ
C6H12O6 เมือ่ ละลายในนา้ จะมกี ารเปลี่ยนแปลงอย่างไร เพื่อใหร้ ว่ มกนั อภปิ รายและสรปุ ใหไ้ ด้วา่ ไอออนที่
เป็น องค์ประกอบใน NaCl และโมเลกุล C6H12O6 จะแยกออกจากกันแล้วกระจายตัวอยูใ่ นน้า
1.3 ครอู ธิบายวา่ การละลายของสารในน้าเกดิ ขึ้นเม่ือโมเลกุลของนา้ เข้าไปแทรกระหว่างโมเลกุล
หรือไอออนของตวั ละลายไดเ้ ป็นสารละลาย โดยการละลายของสารในนา้ มี 2 ลักษณะ คอื การละลาย แบบ
แตกตัว และการละลายแบบไมแ่ ตกตวั

ข้ันที่ 2 ขัน้ สารวจและคน้ หา

2.1 ครใู หน้ กั เรียนพจิ ารณารปู 2.10 (ก) ซ่ึงแสดงการละลายของเกลอื แกงในน้า แลว้ อธบิ ายวา่
เมื่อ NaCl ละลายนา้ จะแตกตวั เปน็ Na+ และ Cl- กระจายตวั อยู่ในนา้ โดยไอออนแต่ละชนิดมีโมเลกลุ
ของน้าลอ้ มรอบ ซ่ึงแสดงดว้ ยสญั ลักษณ์ Na+(aq) และ Cl-(aq) การละลายในน้าลักษณะนีเ้ รยี กว่า

การละลายแบบแตกตัว สารละลายที่ได้เรียกว่า สารละลายอเิ ลก็ โทรไลต์

2.2 ครูใหค้ วามรูว้ ่า สารละลายอิเล็กโทรไลตน์ าไฟฟูาได้ เนื่องจากไอออนสามารถเคลอ่ื นท่ีไดใ้ น

สารละลาย ดงั รปู 2.10 (ข) จากนั้นอธบิ ายเพ่มิ เติมว่า สารประกอบไอออนิกท่อี ยใู่ นสถานะของแขง็ ไมน่ า

ไฟฟูา เนอ่ื งจากไอออนมีแรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งกันมากจงึ ไม่สามารถเคลื่อนทไี่ ด้

156

2.3 นักเรียนสรปุ องค์ความรทู้ ่ไี ดจ้ ากการเรียนรใู้ นชั้นเรียน ลงในสมุด
2.4 นักเรียนทาแบบฝกึ หดั ท้ายบทที่ 2 ข้อ 10. ลงในสมุด

ขั้นที่ 3 ขัน้ อธิบายและลงข้อสรุป
3.1 ครูนานักเรียนอภิปรายเพอื่ นาไปสู่การสรุป โดยใชค้ าถามตอ่ ไปนี้
1) เมือ่ NaCl ละลายน้า จะแตกตัวเปน็ อะไรบ้าง (แนวการ จะแตกตวั เป็น Na+ และ Cl-

กระจายตัวอยูใ่ นนา้ )
2) สารละลายอเิ ลก็ โทรไลต์นาไฟฟูาได้ เน่อื งจาก (แนวการตอบ เนือ่ งจากไอออนสามารถ

เคลื่อนท่ไี ดใ้ นสารละลาย)
3) ไอออน Na+(aq) และ Cl- (aq) สามารถเคลือ่ นทเ่ี มอ่ื ต่อเข้ากบั วงจรไฟฟาู ไอออนบวก

จะเคลอ่ื นท่ีเข้าหาข้ัวลบ และไอออนลบจะเคลื่อนที่เขา้ หาขวั้ บวก ทาให้กระแสไฟฟูาไหลผา่ นได้ ส่งผลให้
สารละลายสามารถนาไฟฟาู เรียกสารละลายประเภทนวี้ า่ (แนวการตอบ สารละลายอเิ ล็กโทรไลต์
(electrolyte solution))

4) จากคาถามขอ้ 1) - 3) การละลายนา้ ในลักษณะนเี้ รียกว่า (แนวการตอบ การละลาย
น้าแบบแตกตวั )

3.2 ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปการศกึ ษาเนื้อหา เรอ่ื ง การละลายแบบแตกตัว

ขัน้ ท่ี 4 ขั้นขยายความรู้
4.1 ครูให้ความรู้เพ่ิมเตมิ สารโคเวเลนต์ เช่น กรดอะมโิ นบางชนิด อาจละลายน้าแบบแตกตัว แตไ่ ม่

แสดงความเปน็ กรด-เบส เมือ่ ทดสอบด้วยกระดาษลติ มสั
4.2 ครยู กตวั อย่างสารละลายอิเลก็ โทรไลตท์ ี่นามาใชใ้ นชีวติ ประจาวัน

- แอมโมเนียมคลอไรด์ (NH4Cl) มสี มบัติเปน็ กรด ใชท้ าปยุ๋ เคมีโดยเปน็ แหลง่ ของธาตุ
ไนโตรเจน และสามารถใชเ้ ปน็ สารละลายอิเล็กโทรไลตท์ ่ีช่วยในการนาไฟฟูาระหว่างขว้ั ไฟฟาู ในถ่านไฟฉาย

- กรดซัลฟวิ รกิ (H2SO4) ใชเ้ ป็นสารละลายอเิ ลก็ โทรไลต์ในแบตเตอร่ีรถยนต์ รวมถงึ การชุบ
โลหะดว้ ยไฟฟาู

ข้ันท่ี 5 ขัน้ ประเมนิ ผล
5.1 ครตู รวจสมุดนักเรียน ในการสรุปองคค์ วามรู้ เรื่อง การละลายแบบแตกตัว
5.2 ครตู รวจสมุดการทาแบบฝกึ ท้ายบทที่ 2 ขอ้ 10.

ประยุกต์และตอบแทนสังคม
ครใู ห้นักเรียนแต่ละคนนาความรู้ที่เรียนไปค้นควา้ เพ่ิมเตมิ ทีห่ อ้ งสมดุ หรือเวบ็ ไซต์ แล้วนาเสนอใน

ชน้ั เรยี น

157

8. สอื่ การเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้
8.1 หนงั สอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ (วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ) ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5 เลม่ 1

(ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 อนิ เทอรเ์ น็ต
8.3 ห้องสมดุ

9. การวดั และประเมินผล วธิ ีการวดั เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมนิ
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1) ตรวจสมุดการทา 1) แบบประเมนิ การ 1) นักเรยี นทา
ด้านความรู้ (K)
1) นักเรียนระบวุ ่าสารเกิดการละลายนา้ แบบฝกึ ทา้ ยบทที่ 2 ขอ้ ทากจิ กรรม แบบฝกึ หัด ไดร้ ะดบั
แบบแตกตัวและสารละลายทีไ่ ด้เปน็
สารละลายอเิ ล็กโทรไลต์ได้ 10. ดี ผ่านเกณฑ์
ดา้ นกระบวนการ (P)
1) นกั เรยี นสามารถจดั กระทาและสื่อ 1) ตรวจสมุดการสรปุ 1) แบบประเมนิ การ 1) นักเรยี นสรปุ องค์
ความหมายของข้อมูลท่ีศึกษาคน้ คว้าได้
องคค์ วามรู้ เร่ือง การ ทากิจกรรม ความรู้ไดร้ ะดบั ดี
ด้านคณุ ลกั ษณะ (A)
1) ใฝเุ รยี นรู้และเปน็ ผมู้ คี วามมุง่ ม่ันในการ ละลายแบบแตกตัว ผ่านเกณฑ์
ทางาน
1) ถามคาถาม จานวน 1) แบบประเมินการ 1) นกั เรียนทาภาระ
4 ข้อ ทากิจกรรม งานท่ีได้รับมอบหมาย
2) ตรวจสมดุ การสรุป 2) คาถาม จานวน 4 ได้ระดับดี ผา่ นเกณฑ์
องคค์ วามรู้ เรื่อง การ ขอ้
ละลายแบบแตกตัว

158

10. เกณฑ์การประเมินผลงานนักเรยี น

เกณฑ์การประเมนิ แบบ Rubrics ของการทากจิ กรรม เรอื่ ง การละลายแบบแตกตวั

ประเดน็ การ คา่ น้าหนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมิน คะแนน

ดา้ นความรู้ 3 ทาแบบฝกึ หดั ได้ถูกต้องครบถ้วน

(K) 2 ทาแบบฝกึ หดั ได้ แต่ไม่ถกู ต้องครบถ้วน

1 ทาแบบฝกึ หัด แต่ไมถ่ ูกตอ้ ง

ด้าน 3 สรปุ เนอ้ื หา เรอื่ ง การละลายแบบแตกตัวได้ถูกต้องครบถว้ น

กระบวนการ 2 สรปุ เนื้อหา เรอ่ื ง การละลายแบบแตกตวั ไดค้ ่อนข้างถกู ตอ้ งครบถว้ น

(P) 1 สรุปเนื้อหา เร่อื ง การละลายแบบแตกตวั ได้ แต่ไมค่ รบถ้วน

ดา้ น 3 ทาภาระงานท่ไี ด้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กาหนด และเรียบรอ้ ยถกู ตอ้ งครบถว้ น

คุณลักษณะ 2 ทาภาระงานท่ไี ดร้ ับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กาหนด แต่งานยังผดิ พลาดบางสว่ น

(A) 1 ทาภาระงานท่ไี ด้รบั มอบหมายเสร็จ แต่ล่าช้า และเกดิ ข้อผดิ พลาดบางสว่ น

ระดับคะแนน 3 หมายถงึ ระดับดมี าก
คะแนน 2 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 1 หมายถงึ ระดบั พอใช้

คะแนน

159

การประเมินการทากจิ กรรม เรอ่ื ง การละลายแบบแตกตวั

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

ท่ี ชอื่ - นามสกุล ด้านความรู้ ด้าน ด้าน รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 3 39

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

26

27

28

160

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ท่ี ช่ือ - นามสกลุ ด้านความรู้ ดา้ น ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 3 39

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

ระดับคณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
3-4 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรุง
คะแนน
คะแนน

161

บันทึกหลังการสอน

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 เร่ือง นา้ ใ
แผนการสอนท่ี 11 เรอื่ ง การละลายแบบแตกตวั .

ใ เดอื น พ.ศ. ใ

วันท่ี

ผลการจัดการเรียนรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ปัญหา / อปุ สรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ปญั หา

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ลงชอ่ื ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ.............................................หวั หนา้ กลมุ่ สาระ
(นางสาวนิลนิกา แก้วปญั ญา) (นางนพรตั น์ ครฑุ เกิด)

162

แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 12

เร่ือง การละลายแบบไม่แตกตวั วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 1 เวลา 1 ชวั่ โมง
รายวิชา ว31104 ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ น้า รวม 9 ช่วั โมง
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2
กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรียนที่ 1

1. มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ิของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสมบตั ิของสสารกับโครงสรา้ ง

และแรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งอนุภาค หลกั และธรรมชาตขิ องการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย
และการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี

2. ตัวชว้ี ัด
ว 2.1 ม.5/13 ระบุวา่ สารเกดิ การละลายแบบแตกตัวหรือไมแ่ ตกตัว พรอ้ มใชเ้ หตผุ ลและระบุวา่ สารละลายท่ี

ได้เปน็ สารละลายอิเลก็ โทรไลต์ หรือนอนอิเลก็ โทรไลต์

3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) นกั เรยี นระบวุ า่ สารเกิดการละลายนา้ แบบแตกตัวหรือแบบไม่แตกตวั จากสูตรเคมี และ
สารละลายท่ีไดเ้ ป็นสารละลายอเิ ล็กโทรไลตห์ รือนอนอเิ ลก็ โทรไลต์ได้
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
-
3.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ (A)
1) ใฝุเรียนร้แู ละเปน็ ผมู้ คี วามมุ่งม่ันในการทางาน

4. สาระสาคญั
น้าเป็นสารเคมี ชนดิ หนง่ึ ท่ีเป็นองคป์ ระ กอบพ้นื ฐานใน รา่ กายของสง่ิ มชี วี ิตและสงิ่ แวดลอ้ ม โมเลกลุ ของน้า
เกิดจากอะตอมของธาตไุ ฮโดรเจน 2 อะตอม ยดึ เหนย่ี วกบั ธาตอุ อกซเิ จน 1 อะตอมด้วย พนั ธะเคมีทเี่ รยี กวา่ พนั ธะ
โคเวเลนต์ นา้ จัดเปน็ สารโคเวเลนต์ และยงั มสี ารอ่ืนอีกหลายชนดิ ท่ีเปน็ สารโคเวเ ลนต์ สถานะและจดุ เดือดของสาร
โคเวเลนตข์ ึ้นอยู่กบั แรงยึดเหน่ยี วระหว่ างโมเลกุล ซง่ึ มคี วามสัมพันธ์กบั สภาพข้ัวของสารและพันธะไฮโดรเจน
ในแหลง่ นา้ ธรรมชาตินอกจากมนี ้าเป็นองค์ประกอบหลกั แลว้ ยังมสี ารอ่นื ละลายอยดู่ ว้ ย สารที่ละลายน้าได้มีท้ังสาร
โคเวเลนตแ์ ละสารประกอบไอออนกิ สารประกอบไอออนิกเกดิ จากการยึดเหนยี่ วระหว่างไอออนบวกกบั ไอออนลบ
ด้วยพนั ธะไอออนิก ในอัตราส่วนอย่างต่าทีท่ าให้ประจุรวมของสารประกอบเปน็ ศูนย์ การละลายของสารในน้ามี 2
แบบ คอื การละลายแบบแตกตัวและไมแ่ ตกตัว ซง่ึ ทาให้ได้สารละลายอิเล็กโทรไลต์และนอนอิเลก็ โทรไลต์ ตามลาดับ

163

5. สาระการเรียนรู้
5.1 ความรู้
การละลายแบบแตกตัว
สารโคเวเลนตท์ ลี่ ะลายน้าได้สว่ นใหญเ่ ป็นสารโมเลกลุ ขนาดเล็ก เช่น แกส๊ ออกซเิ จน แก๊สคลอรนี
หรือเปน็ สารที่สามารถเกิดพนั ธะไฮโดรเจนกบั นา้ ได้ เชน่ กลโู คส นา้ ตาลทราย เอทานอล แอซโี ตน สาร
เหล่านี้เกิดการละลายน้าแบบไมแ่ ตกตวั ไดส้ ารละลายท่ีไมน่ าไฟฟูา เรยี กว่า สารละลายนอนอเิ ลก็ โทรไลต์
(non-electrolyte solution) การละลายนา้ ของแกส๊ ออกซเิ จนและเอทานอลแสดงดงั รูป 2.11

รูป 2.11 การละลายน้าของแก๊สออกซิเจนและเอทานอล

5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการส่อื สาร (อ่าน ฟงั พดู เขยี น)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วเิ คราะห์ จดั กล่มุ สรปุ )
3) ความสามารถในการแก้ปัญหา (แสวงหาความรู้)
4) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ (ความรับผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ (ใชก้ ารสืบคน้ ผา่ นคอมพวิ เตอร์)

5.3 คุณลักษณะและค่านยิ ม
ใฝเุ รยี นร้แู ละเป็นผู้มคี วามมุง่ มน่ั ในการทางาน

6. บรู ณาการ
-

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขนั้ ท่ี 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูทบทวนบทเรียน เร่ือง การละลายแบบแตกตวั สารละลายอเิ ลก็ โทรไลต์

ขน้ั ท่ี 2 ขั้นสารวจและค้นหา
2.1 ครูให้ความรูว้ ่าการละลายแบบไม่แตกตวั เกดิ ขนึ้ กับสารโคเวเลนต์ท่ีมโี มเลกุลขนาดเล็ก หรือ

เป็นสารโคเวเลนตท์ ีส่ ามารถสรา้ งพนั ธะไฮโดรเจนกับน้าได้ ซ่งึ สารละลายทไ่ี ด้จะไม่นาไฟฟาู เรยี กว่า
สารละลายนอนอิเลก็ โทรไลต์

2.2 นกั เรยี นทาแบบฝกึ หัด 2.4 ในหนังสอื เรยี น หนา้ 49 ลงในสมุด

ขน้ั ท่ี 3 ขน้ั อธิบายและลงข้อสรปุ

164

3.1 ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปเน้อื หาภายในบทเรียน เร่ือง การละลายแบบไมแ่ ตกตวั แล้วให้
นกั เรียนทาแบบฝึกหัดท้ายบทท่ี 2 เพ่อื ทบทวนความรู้

ขน้ั ที่ 4 ข้ันขยายความรู้
4.1 ครูใหค้ วามรู้เพม่ิ เตมิ เกีย่ วกับศัพทน์ ่ารู้ตามรายละเอียดในหนงั สือเรียน หน้า 50

ข้ันท่ี 5 ข้ันประเมนิ ผล
5.1 ครตู รวจสมดุ การทาแบบฝกึ หดั 2.4

ประยกุ ตแ์ ละตอบแทนสงั คม
ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะคนนาความรทู้ เ่ี รยี นไปคน้ ควา้ เพิม่ เตมิ ทห่ี อ้ งสมุด หรอื เวบ็ ไซต์ แล้วนาเสนอใน

ชัน้ เรียน

8. สอ่ื การเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้
8.1 หนงั สือเรยี นรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ (วิทยาศาสตร์กายภาพ) ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 เล่ม 1

(ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 อินเทอรเ์ นต็
8.3 หอ้ งสมุด

9. การวดั และประเมินผล วิธกี ารวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมนิ
จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1) ตรวจแบบฝึกหดั
2.4 1) แบบประเมนิ การ 1) นักเรียนทา
ด้านความรู้ (K)
1) นักเรียนระบุวา่ สารเกดิ การละลายน้า - ทากิจกรรม แบบฝกึ หดั ไดร้ ะดับ
แบบแตกตวั และสารละลายที่ได้เป็น
สารละลายอิเล็กโทรไลต์ได้ ดี ผา่ นเกณฑ์
ด้านกระบวนการ (P)
- --

ด้านคุณลักษณะ (A) 1) แบบประเมินการ 1) นักเรยี นทาภาระ
1) ใฝุเรียนร้แู ละเปน็ ผูม้ คี วามม่งุ มนั่ ในการ 1) ตรวจแบบฝกึ หดั
ทางาน 2.4 ทากิจกรรม งานที่ได้รับมอบหมาย

ได้ระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์

165

10. เกณฑ์การประเมนิ ผลงานนกั เรียน

เกณฑ์การประเมนิ แบบ Rubrics ของการทากจิ กรรม เรื่อง การละลายแบบไม่แตกตวั

ประเด็นการ ค่าน้าหนกั แนวทางการให้คะแนน
ประเมิน คะแนน

ด้านความรู้ 3 ทาแบบฝึกหดั ไดถ้ ูกตอ้ งครบถ้วน

(K) 2 ทาแบบฝกึ หดั ได้ แตไ่ ม่ถกู ตอ้ งครบถ้วน

1 ทาแบบฝึกหัด แต่ไม่ถกู ต้อง

ด้าน 3 ทาภาระงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาท่ีกาหนด และเรียบร้อยถกู ตอ้ งครบถ้วน

คณุ ลักษณะ 2 ทาภาระงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายเสร็จภายในเวลาทก่ี าหนด แต่งานยังผดิ พลาดบางส่วน

(A) 1 ทาภาระงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายเสรจ็ แตล่ ่าช้า และเกดิ ขอ้ ผิดพลาดบางสว่ น

ระดบั คะแนน 3 หมายถงึ ระดบั ดีมาก
คะแนน 2 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั พอใช้

คะแนน

166

การประเมนิ การทากจิ กรรม เร่ือง การละลายแบบไม่แตกตัว

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

ท่ี ชื่อ - นามสกลุ ด้านความรู้ ดา้ น ด้าน รวม ระดบั
(K) กระบวนการ คณุ ลกั ษณะ คะแนน คณุ ภาพ

(P) (A)

- 3 36

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

26

27

28

167

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ท่ี ชื่อ - นามสกุล ดา้ นความรู้ ดา้ น ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

- 3 36

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

ระดบั คุณภาพ 5-6 หมายถึง ระดบั ดีมาก
คะแนน 4 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 3 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
2 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรุง
คะแนน
คะแนน

168

บันทึกหลังการสอน

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 เรอ่ื ง น้า ใ
แผนการสอนท่ี 12 เรือ่ ง การละลายแบบไม่แตกตัว .

ใ เดอื น พ.ศ. ใ

วนั ที่

ผลการจดั การเรียนรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ปัญหา / อุปสรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ปัญหา

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ลงชือ่ ............................................ครูผ้สู อน ลงช่ือ.............................................หัวหน้ากลมุ่ สาระ
(นางสาวนลิ นิกา แกว้ ปญั ญา) (นางนพรตั น์ ครฑุ เกิด)

169

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 13

เรอื่ ง ไขมนั และน้ามัน วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 1 เวลา 2 ช่ัวโมง
รายวชิ า ว31104 ช่อื หน่วยการเรียนรู้ อาหาร รวม 13 ชัว่ โมง
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรียนท่ี 1

1. มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้าง

และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนภุ าค หลกั และธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย
และการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี

2. ตัวช้วี ัด
ว 2.1 ม.5/14 ระบุสารประกอบอนิ ทรยี ป์ ระเภทไฮโดรคารบ์ อนวา่ อิม่ ตวั หรือไม่อิ่มตวั จากสูตรโครงสร้าง

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) นกั เรยี นอธบิ ายความหมายของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนได้
2) นกั เรียนระบสุ ารประกอบอินทรียป์ ระเภทไฮโดรเจนคารบ์ อนว่าอ่ิมตัวหรอื ไมอ่ ่มิ ตวั จากสตู ร
โครงสร้างได้
3.2 ดา้ นกระบวนการ (P)
1) นกั เรียนสามารถจัดกระทาและส่อื ความหมายของข้อมูลที่ศึกษาคน้ คว้าได้
3.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ (A)
1) ใฝเุ รียนรู้และเป็นผู้มคี วามมุง่ มนั่ ในการทางาน

4. สาระสาคญั
อาหารเปน็ ปจั จยั สาคญั สาหรับการดารงชีวติ ของมนษุ ย์ โดยไขมัน คาร์โบไฮเดรต โปรตนี และวิตามนิ เปน็
สารประกอบอนิ ทรีย์ ส่วนเกลือแรเ่ ปน็ ไอออนหรือสารประกอบไอออนิก สารประกอบ อินทรยี ์เปน็ สารประกอบของ
ธาตคุ าร์บอนซึ่งอาจมธี าตอุ ่ืนเปน็ องคป์ ระกอบรว่ มดว้ ย เชน่ ไฮโดรเจน ออกซิเจน ไนโตรเจน ซัลเฟอร์ ไขมนั มที ้งั
ชนิดอม่ิ ตัวและไม่อ่มิ ตวั ซึ่งพจิ ารณาได้จากชนิดพนั ธะระหว่างคารบ์ อนอะตอมในกรดไขมนั ซ่ึงใชเ้ กณฑเ์ ดยี วกับ
สารประกอบไฮโดรเจนคาร์บอน คาร์โบไฮเดรต ทีเ่ ป็นมอนอเมอร์และพอลเิ มอร์มสี มบัติแตกต่างกนั โปรตีน เป็น

170

พอลิเมอร์ทมี่ ีมอนอเมอร์เป็นกรด แอมโิ นซงึ่ มหี มู่คาร์บอก ซิล และหมอู่ ะมโิ น จึงแสดงสมบัตคิ วามเปน็ กรด -เบสได้
วติ ามินแตล่ ะชนิดมีสภาพข้วั แตกตา่ งกนั ทาใหบ้ างชนิดละลายได้ในนา้ มัน บางชนดิ ละลายได้ในน้ามัน ซึง่ เปน็ ไปตาม
หลกั การ like dissolves like สว่ นเกลอื แร่แตล่ ะชนิดมปี ระโยชน์ทแ่ี ตกต่างกนั บรรจภุ ณั ฑ์ สาหรบั อาหารส่วนใหญ่
ทามาจากพลาสติกซึ่งเปน็ พอลเิ มอรส์ ังเคราะห์ มีทั้งชนิดพอลิเมอร์เทอร์มอพลาสติกและพอลิเมอร์ เทอรม์ อเซต ซึง่ ใช้
งานได้แตกต่างกนั พลาสตกิ ย่อยสลายได้ยากและมีการใช้ในปรมิ าณมาก จงึ ก่อใหเ้ กดิ ปัญหาขยะ การลดการใช้ การ
ใช้ซ้า และการนากลบั มาใชใ้ หม่ เป็นการช่วยปัญหาไดท้ างหนง่ึ

5. สาระการเรียนรู้
5.1 ความรู้
อาหารเป็นปัจจยั สาคัญในการดารงชวี ติ ของมนษุ ย์ อาหารใหพ้ ลงั งาน หรอื ใช้กลไกในการทางาน
ของระบบภายในรา่ งกาย อาหารแตล่ ะชนิดมสี าร องค์ ประกอบท่ีสาคัญ ได้แก่ ไขมนั และน้ามัน
คาร์โบไฮเดรต โปรตนี วิตามนิ และเกลือแร่ ในสัดสว่ นที่ แตกตา่ งกนั ซ่ึงสว่ นใหญเ่ ป็นสารประกอบ อินทรยี ์
(organic compound) ยกเวน้ เกลอื แร่
สารประกอบอินทรีย์เปน็ สารประกอบทม่ี ธี าตคุ าร์บอน (C) เปน็ องค์ประกอบ ธาตุคารบ์ อนใน
สารประกอบอนิ ทรียส์ ่วนใหญ่สร้าง พนั ธะโคเวเลนต์กบั ธาตไุ ฮโดรเจน ( H) หรือกับธาตคุ าร์บอน ( C) ดว้ ย
กนั เอง นอกจากน้ีสาร ประกอบอินทรีย์ ยงั มีธาตุชนิดอน่ื เช่น O N S Cl เปน็ องค์ ประกอบรว่ มกัน
สารประกอบอนิ ทรยี ์อาจได้มา จากสง่ิ มชี ีวติ หรอื การสังเคราะห์ ส่วนสารประกอบอืน่ ท่ไี มใ่ ช่ สารประกอบ
อินทรีย์ เรียกวา่ สารประกอบอนินทรยี ์ ซึ่งมีสารประกอบของคารบ์ อน บางชนิดจดั เป็นสารประกอบ
อนินทรีย์ เชน่ คารบ์ อนมอนนอกไซด์ คารบ์ อนไดออกไซด์ กรดคาร์บอนิก

รูป 3.1 สูตรโครงสร้างสารประกอบอนิ ทรียบ์ างชนิด

ไขมนั และน้ามนั
ในชีวิตประจาวันอาหารท่ีบริโภคสว่ นใหญม่ ไี ขมนั และ นา้ มนั เป็นองค์ประกอบ เช่น ไกท่ อด
ไอศกรีม ผดั ผัก ขนมเค้ก เครือ่ งด่ืมผสมครมี เทยี ม ไขมนั และน้ามนั แต่ละชนิดมขี อ้ ดแี ละขอ้ เสยี แตกตา่ งกนั
การเลือกบริโภคไขมันและน้ามนั อยา่ งเหมาะสมจึงเป็นผลดตี อ่ สขุ ภาพของรา่ งกาย
ไขมันและน้ามนั เป็นสารอาหารท่ีใหพ้ ลังงาน พบมากในอาหารจาพวกน้ามนั พืช ไขมันสตั ว์ นม เนย
ไขมนั และน้ามันจัดเปน็ สารในกลมุ่ ไตรกลีเซอไรด์ (triglycerides) ที่มีโครงสร้างประกอบด้วยสว่ นท่มี าจาก
กลเี ซอรอล (glycerol) และกรดไขมนั (fatty acid) ดงั รูป 3.3

171

รปู 3.3 โครงสร้างของไตรกลเี ซอไรด์
เมื่อพจิ ารณาโครงสร้างของไตรกลีเซอไรด์ในไขมนั และ นา้ มันแตล่ ะชนิดจะมีสว่ นทม่ี าจาก กลเี ซอรอล
เหมอื นกนั แต่จะมีสว่ นที่มาจาก กรดไขมันที่แตกต่างกัน โดยสว่ นท่เี ปน็ กรดไขมนั ถ้ามพี ันธะ C=C อยใู่ นโครงสร้าง
เรียกว่า กรดไขมนั ไม่อม่ิ ตวั (unsaturated fatty acid) สว่ นกรดไขมันท่มี ี เฉพาะพันธะเดย่ี วอย่ใู นโครงสร้าง
เรยี กวา่ กรดไขมันอ่ิมตวั (saturated fatty acid) โดยกรดไขมันไม่อิ่มตัว มีจุดหลอมเหลวต่ากวา่ อุณหภูมิห้อง
สว่ นกรดไขมันอิ่มตวั มีจดุ หลอมเหลวสงู กวา่ อณุ หภูมิหอ้ ง
หลกั การพจิ ารณาความอิ่มตัวของกรดไขมนั เป็นหลักการเดยี วกนั กับการ พจิ ารณา ความอิม่ ตัวของ
สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน (hydrocarbon compound) ซึง่ เปน็ สารประกอบอินทรียท์ ีป่ ระกอบด้วยคาร์บอน
และไฮโดรเจน เทา่ น้นั โดยสูตรโครง สรา้ งของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนอม่ิ ตวั มีพนั ธะเดยี่ วทง้ั หมด สว่ นสูตร
โครงสรา้ งของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนไม่อ่มิ ตัวมีพันธะคู่หรือพันธะสามอยา่ งน้อย 1 พนั ธะ ดงั รปู 3.4

รูป 3.4 ตวั อย่างโครงสรา้ งของสารประกอบไฮโดรคารบ์ อนอ่มิ ตวั และไม่อิม่ ตวั
5.2 กระบวนการ

1) ความสามารถในการสื่อสาร (อา่ น ฟงั พดู เขียน)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วเิ คราะห์ จดั กลุม่ สรุป)
3) ความสามารถในการแกป้ ญั หา (แสวงหาความรู้)
4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ (ความรบั ผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ (ใชก้ ารสืบคน้ ผา่ นคอมพิวเตอร์)
5.3 คุณลักษณะและค่านยิ ม
ใฝุเรยี นรแู้ ละเปน็ ผู้มคี วามมงุ่ มนั่ ในการทางาน
6. บูรณาการ
-

172

7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขัน้ ที่ 1 ข้นั สร้างความสนใจ
1.1 ครูใหน้ กั เรียนทาตรวจสอบความรกู้ ่อนเรียนในหนงั สือเรียน หน้า 65
1.2 ครูทวนคาถามตรวจสอบความรู้กอ่ นเรยี นให้นกั เรียนตอบรว่ มกนั พร้อมเฉลย
1.3 ครตู ั้งคาถามให้นักเรียนคิด เพ่ือนาไปสู่กิจกรรม
1) อาหารให้พลงั งานแกร่ ่างกายหรอื ไม่ อาหารท่ใี หพ้ ลังงานไดแ้ ก่ (แนวการตอบ อาหาร
ให้พลังงานแก่ร่างกาย ไดแ้ ก่ ไขมัน คารโ์ บไฮเดรต โปรตนี )
2) นักเรียนคิดวา่ อาหารทีใ่ ห้พลงั งานมากทีส่ ุด คอื อะไร (แนวการตอบ ไขมนั )
3) เกลือแร่เป็นสารประกอบอินทรีย์หรอื ไม่ (แนวการตอบ ไม่)
4) สารประกอบอนิ ทรีย์เป็นสารประกอบทีม่ ีธาตุในเป็นองค์ประกอบ (แนวการตอบ ธาตุ
คารบ์ อน (C))
5) ไขมันและนา้ มนั เป็นอาหารท่ใี หพ้ ลังงาน นกั เรยี นคดิ วา่ พบในอาหารจาพวกใดบ้าง
(แนวการตอบ นา้ มันพืช ไขมนั สัตว์ นม เนย)
1.4 ครูนาเขา้ สู่บทเรยี นด้วยการอภปิ รายเกีย่ วกับความสาคัญของอาหารตอ่ การดารงชีวิตของ
มนษุ ย์และส่งิ มชี ีวิต แหลง่ ของสารอาหารแตล่ ะชนดิ ซ่ึงได้มาจากสงิ่ มีชวี ิต และเชอื่ มโยงว่าไขมนั และน้ามนั
คารโ์ บไฮเดรต โปรตีน และวติ ามนิ เปน็ สารประกอบอินทรยี ์ ยกเวน้ เกลอื แร่
1.5 ครอู ธบิ ายเก่ียวกับชนดิ ของธาตอุ งค์ประกอบของสารประกอบอินทรีย์ และสารประกอบ
อนินทรีย์ แล้วให้นกั เรียนตอบคาถามตรวจสอบความเขา้ ใจ

ขน้ั ท่ี 2 ขน้ั สารวจและค้นหา
2.1 ครูให้นกั เรียนศกึ ษาเนือ้ หาเกี่ยวกบั ไขมันและนา้ มัน ตามหนงั สอื เรียน หน้า 60-61
2.2 นกั เรยี นทาแบบฝึกหดั 3.1 ข้อท่ี 1-3 ในหนังสือเรียน หน้า 62 ลงในสมุด
2.3 นกั เรียนตอบคาถามต่อไปนล้ี งในสมดุ
- สารประกอบไฮโดรคาร์บอน (hydrocarbon compound) คอื (แนวการตอบ

เปน็ สารประกอบอินทรยี ท์ ่ปี ระกอบดว้ ยคารบ์ อนและไฮโดรเจนเท่านนั้ โดยสูตรโครงสร้างของสารประกอบ
ไฮโดรคาร์บอนอ่มิ ตวั มีพนั ธะเดยี่ วท้งั หมด ส่วนสตู รโครงสร้างของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนไม่อิม่ ตัว
มพี ันธะค่หู รอื พันธะสามอย่างนอ้ ย 1 พนั ธะ)

ขัน้ ท่ี 3 ข้นั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ
3.1 ครสู มุ่ นกั เรยี น 3 คน (ส่มุ เลขท่ี) ออกมาเฉลยแบบฝกึ หดั 3.1 หน้าชนั้ เรียน
3.2 ครูใหน้ ักเรียนทุกคนช่วยกันตรวจสอบคาตอบพร้อมกนั ว่าถกู ต้องหรอื ไม่
3.3 ครนู านกั เรียนอภปิ รายเพอ่ื นาไปสู่การสรุป เรือ่ ง ไขมนั และนา้ มัน โดยใช้คาถามตอ่ ไปนี้
1) ไขมันและน้ามันจัดเป็นสารในกลมุ่ ใด (แนวการ กลุ่มไตรกลเี ซอไรด์ (triglycerides))

173

2) กรดไขมนั ถา้ มพี ันธะ C=C อยูใ่ นโครงสร้าง เรยี กว่า (แนวการตอบ กรดไขมนั ไมอ่ ิม่ ตวั
(unsaturated fatty acid))

3) กรดไขมนั ทมี่ เี ฉพาะพนั ธะเดี่ยวอยู่ในโครงสร้าง เรียกวา่ (แนวการตอบ กรดไขมัน
อิม่ ตวั (saturated fatty acid))

4) กรดไขมนั ไมอ่ ิ่มตวั มีจุดหลอมเหลวอยา่ งไรอุณหภมู ิห้อง (แนวการตอบ ต่ากวา่
อณุ หภมู หิ อ้ ง)

5) กรดไขมนั อม่ิ ตวั มจี ุดหลอมเหลวอยา่ งไรอณุ หภูมิหอ้ ง (แนวการตอบ สงู กว่า
อุณหภมู หิ อ้ ง)

6) สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน (hydrocarbon compound) คอื (แนวการตอบ
เปน็ สารประกอบอินทรยี ์ท่ปี ระกอบดว้ ยคาร์บอนและไฮโดรเจนเท่านัน้ โดยสตู รโครงสร้างของสารประกอบ
ไฮโดรคารบ์ อนอิม่ ตวั มีพนั ธะเดย่ี วทั้งหมด สว่ นสตู รโครงสรา้ งของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนไมอ่ ิม่ ตวั
มีพันธะค่หู รอื พนั ธะสามอยา่ งนอ้ ย 1 พันธะ)

3.2 ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรปุ บทเรียน เร่อื ง ไขมนั และน้ามนั

ขน้ั ที่ 4 ขนั้ ขยายความรู้
4.1 ครใู ห้ความรู้เพ่ิมเตมิ เก่ยี วกับกรดไขมันประเภทโอเมกา-3 และโอเมกา-6 ตามรายละเอยี ดใน

หนังสือเรยี นหนา้ 61
4.2 ครใู หค้ วามรู้เพม่ิ เตมิ เกย่ี วกับร้อยละของกรดไขมันอ่ิมตัวและไมอ่ ่ิมตัวบางชนดิ ตามรายละเอียด

ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 63-64

ขั้นที่ 5 ขนั้ ประเมินผล
5.1 ครตู รวจสมุดของนกั เรยี น ในการทาแบบฝกึ หัด 3.1
5.2 ครูตรวจสมุดของนกั เรียนในการตอบคาถามเกย่ี วกบั สารประกอบไฮโดรเจนคาร์บอน
5.3 นักเรยี นทาแบบฝกึ หดั ท้ายท่ี 3 ขอ้ ท่ี 1 หน้า 91

ประยุกตแ์ ละตอบแทนสังคม
ครูให้นักเรียนแตล่ ะคนนาความรู้ทเี่ รยี นไปคน้ ควา้ เพิม่ เติมทีห่ ้องสมดุ หรอื เวบ็ ไซต์ แลว้ นาเสนอใน

ชั้นเรียน

8. สือ่ การเรียนรู้/แหลง่ เรียนรู้
8.1 หนังสอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ (วทิ ยาศาสตร์กายภาพ) ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5 เล่ม 1

(ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 อินเทอรเ์ น็ต
8.3 ห้องสมุด

174

9. การวดั และประเมินผล วธิ ีการวดั เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมนิ
จุดประสงค์การเรยี นรู้
1) ถามคาถามจานวน 1) แบบประเมนิ การ 1) นักเรยี นตอบ
ดา้ นความรู้ (K) 1 ข้อ ทากจิ กรรม คาถาม ได้ระดับดี
1) นักเรียนอธบิ ายความหมายของ 2) ตรวจแบบฝึกหดั 2) คาถามจานวน 1 ผ่านเกณฑ์2)
สารประกอบไฮโดรคารบ์ อนได้ ทา้ ยท่ี 3 ขอ้ ท่ี 1 ข้อ นกั เรียนสามารถทา
2) นกั เรยี นระบสุ ารประกอบอนิ ทรยี ์ 3) แบบฝกึ หดั ทา้ ยที่ แบบฝกึ หดั ท้ายบทที่
ประเภทไฮโดรเจนคารบ์ อนวา่ อิ่มตัวหรอื ไม่ 1) ตรวจแบบฝึกหดั 3 ขอ้ ที่ 1 3 ขอ้ ที่ 1 ไดร้ ะดับดี
อม่ิ ตวั จากสูตรโครงสร้างได้ 3.1 ขอ้ ท่ี 1-3 ผา่ นเกณฑ์
1) แบบประเมนิ การ
ด้านกระบวนการ (P) 1) ถามคาถามจานวน ทากจิ กรรม 1) นกั เรียนสามารถ
1) นกั เรยี นสามารถจดั กระทาและส่อื 1 ขอ้ ทาแบบฝึกหัด 3.1
ความหมายของข้อมลู ท่ีศกึ ษาคน้ ควา้ ได้ 2) ตรวจแบบฝกึ หดั 1) แบบประเมินการ ได้ระดบั ดี ผ่านเกณฑ์
ท้ายท่ี 3 ขอ้ ท่ี 1 ทากิจกรรม
ด้านคณุ ลกั ษณะ (A) 3) ตรวจแบบฝกึ หัด 1) นกั เรียนทาภาระ
1) ใฝเุ รียนรแู้ ละเปน็ ผมู้ ีความมงุ่ มน่ั ในการ 3.1 ขอ้ ท่ี 1-3 งานที่ไดร้ ับมอบหมาย
ทางาน ได้ระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์

175

10. เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงานนักเรียน

เกณฑ์การประเมินแบบ Rubrics ของการทากิจกรรม เร่ือง ไขมนั และนา้ มัน

ประเดน็ การ คา่ นา้ หนัก แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมนิ คะแนน

ดา้ นความรู้ 3 ตอบคาถามไดถ้ ูกตอ้ งครบถว้ น

(K) 2 ตอบคาถามได้ แตถ่ ูกตอ้ งครบถว้ น

1 ตอบคาถาม แต่ไม่ถกู ตอ้ ง

3 ทาแบบฝึกหดั ท้ายบทที่ 3 ขอ้ ที่ 1 ถูกตอ้ งครบถ้วน

2 ทาแบบฝึกหัดทา้ ยบทท่ี 3 ขอ้ ท่ี 1 ถูกต้องบางสว่ น

1 ทาแบบฝกึ หดั ท้ายบทที่ 3 ขอ้ ที่ 1 แต่ไม่ถูกตอ้ ง

ด้าน 3 ทาแบบฝึกหัด 3.1 ไดถ้ กู ตอ้ งครบถ้วน จานวน 3 ขอ้

กระบวนการ 2 ทาแบบฝึกหดั 3.1 ได้ถูกตอ้ งครบถ้วน จานวน 1-2 ขอ้

(P) 1 ทาแบบฝึกหัด 3.1 แต่ไมถ่ กู ต้อง

ด้าน 3 ทาภาระงานทไี่ ดร้ บั มอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กาหนด และเรยี บรอ้ ยถูกต้องครบถว้ น

คุณลกั ษณะ 2 ทาภาระงานที่ไดร้ ับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาท่กี าหนด แต่งานยังผิดพลาดบางสว่ น

(A) 1 ทาภาระงานทไี่ ด้รบั มอบหมายเสร็จ แต่ล่าช้า และเกดิ ขอ้ ผิดพลาดบางส่วน

ระดบั คะแนน 3 หมายถึง ระดบั ดีมาก
คะแนน 2 หมายถงึ ระดบั ดี
คะแนน 1 หมายถงึ ระดับพอใช้

คะแนน

หมายเหตุ หาค่าเฉลี่ยของคะแนนดา้ นความรู้ (K) คะแนนเต็ม เท่ากับ 3

176

การประเมนิ การทากจิ กรรม เรอ่ื ง ไขมนั และนา้ มัน

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

ท่ี ชอื่ - นามสกุล ด้านความรู้ ดา้ น ด้าน รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 3 39

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

26

27

28

177

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ท่ี ช่ือ - นามสกลุ ด้านความรู้ ดา้ น ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 3 39

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

ระดับคณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
3-4 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรุง
คะแนน
คะแนน

178

บนั ทกึ หลังการสอน

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เรื่อง อาหาร พ.ศ. ใ
แผนการสอนท่ี 13 เร่ือง ไขมนั และน้ามนั .

ใ เดือน ใ

วันท่ี

ผลการจัดการเรยี นรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ปัญหา / อปุ สรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกป้ ัญหา

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ลงชอ่ื ............................................ครูผ้สู อน ลงชอ่ื .............................................หัวหน้ากล่มุ สาระ
(นางสาวนลิ นกิ า แกว้ ปญั ญา) (นางนพรตั น์ ครุฑเกิด)


Click to View FlipBook Version