The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิทยาศาสตร์กายภาพ1-ม.5

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ธัญญาดล อุปชิตกุล, 2020-05-19 12:39:59

วิทยาศาสตร์กายภาพ1-ม.5

วิทยาศาสตร์กายภาพ1-ม.5

229

การประเมินการทากจิ กรรม เร่อื ง ขอ้ มลู โภชนาการบนฉลากอาหาร

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

ท่ี ชือ่ - นามสกุล ด้านความรู้ ดา้ น ด้าน รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ

(P) (A)

3 - 36

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

26

27

28

230

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ท่ี ชื่อ - นามสกุล ดา้ นความรู้ ดา้ น ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 - 36

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

ระดบั คุณภาพ 5-6 หมายถึง ระดบั ดีมาก
คะแนน 4 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 3 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
2 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรุง
คะแนน
คะแนน

231

บนั ทกึ หลงั การสอน

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 เรอื่ ง อาหาร ใ
แผนการสอนท่ี 18 เรื่อง ข้อมูลโภชนาการบนฉลากอาหาร .

ใ เดือน พ.ศ. ใ

วันที่

ผลการจัดการเรียนรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ปัญหา / อปุ สรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ัญหา

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ลงช่ือ............................................ครผู ูส้ อน ลงชือ่ .............................................หัวหน้ากลุ่มสาระ
(นางสาวนลิ นิกา แก้วปัญญา) (นางนพรตั น์ ครฑุ เกดิ )

232

ชือ่ ช้ัน เลขที่ ‘

ใบงาน เรื่อง ข้อมลู โภชนาการบนฉลากอาหาร

คาสง่ั จงตอบคาถามตอ่ ไปนีใ้ ห้ถูกตอ้ ง f
1) คาศัพทภ์ าษาองั กฤษ คาว่า “ข้อมลู โภชนาการ” คือ
ตอบ Nutrition Information

2) จงอธิบายความหมายคาว่าฉลากบนโภชนาการ

ตอบ ฉลากอาหารทมี่ ีการแสดงข้อมูลโภชนาการ ซึ่งระบุชนดิ และปรมิ าณสารอาหารของอาหารชนิดน้นั ๆ

อยใู่ นกรอบ ที่เรียกวา่ “กรอบข้อมลู โภชนาการ”)n f

อยใู่ นกรอบ ท่เี รียกว่า “กรอบขอ้ มูลโภชนาการ”)n f

3) จงบอกประโยชนข์ องฉลากบนโภชนาการ

ตอบ 1. เลือกซ้อื อาหารและเลอื กบรโิ ภคใหเ้ หมาะสมกบั ความตอ้ งการหรอื ภาวะทาง โภชนาการของตน

ได้ เช่น เลือกอาหารท่ีระบวุ ่ามีโคเลสเตอรอลต่า หรอื มโี ซเดียมต่า 2. เปรยี บเทยี บเลอื กซอ้ื ผลิตภณั ฑ์

อาหารชนิดเดยี วกัน โดยเลือกที่มีคุณคา่ ทางโภชนาการดกี ว่าได้ 3. ในอนาคตเมื่อผบู้ ริโภคสนใจตอ้ งการ

ขอ้ มูลโภชนาการของอาหาร ผผู้ ลติ ก็จะ แขง่ ขนั กันผลติ อาหารทม่ี ีคุณคา่ ทางโภชนาการสูงกวา่ แทนการ

แข่งขันกนั ในเร่ือง หบี ห่อ สี หรือสง่ิ จู งใจภายนอกอื่นๆ

อยู่ในกรอบ ทเ่ี รยี กว่า “กรอบข้อมูลโภชนาการ”)n f

อยใู่ นกรอบ ที่เรยี กว่า “กรอบข้อมูลโภชนาการ”)n f

4) จงอธบิ ายความหมายของคาว่า “หนึง่ หนว่ ยบริโภค” f
ตอบ ขอ้ มูลบอกถึงปรมิ าณอาหารแตล่ ะชนดิ ท่คี วรรบั ประทานใน 1 ครงั้ f
อยู่ในกรอบ ทเ่ี รียกวา่ “กรอบขอ้ มูลโภชนาการ”)n

5) จงอธบิ ายความหมายของคาว่า “จานวนหน่วยบริโภคต่อภาชนะบรรจุ”

ตอบ เปน็ ข้อมลู ทช่ี ่วยใหผ้ ู้บริโภคประมาณได้วา่ จะแบง่ อาหารในภาชนะบรรจนุ น้ั สาหรับการบริโภคได้ก่ี

คร้งั หรือจัดแบง่ ได้สาหรับก่คี น f

6) จงอธบิ ายความหมายของคาว่า “คณุ คา่ ทางโภชนาการตอ่ 1 หนว่ ยบริโภค”

ตอบ ได้ปรากฏเป็นขอ้ มูลบนฉลากทีบ่ อกให้ผู้บริโภคทราบวา่ เมอ่ื รบั ประทานอาหารเข้าไปใน 1 หน่วย

บริโภค จะไดร้ ับสารอาหารมากน้อยแค่ไหน f

7) จงอธบิ ายความหมายของคาว่า “ร้อยละของปริมาณที่แนะนาต่อวนั ”

ตอบ เป็นข้อมูลทไ่ี ด้จากการคานวณเปรียบเทียบปรมิ าณสารอาหาร 1 หนว่ ยบริโภค กบั ปรมิ าณทร่ี ่างกาย

ต้องการในแต่ละวัน ข้อมลู นบ้ี อกให้ผบู้ ริโภคทราบว่า เมื่อกินอาหารใน 1 หน่วยบรโิ ภค จะได้สารอาหาร

เป็นสดั สว่ นเท่าใด ของปรมิ าณทีค่ วรได้รบั ใน 1 วนั f

อยใู่ นกรอบ ท่เี รียกวา่ “กรอบขอ้ มลู โภชนาการ”)n f

ชอื่ ชนั้ เลขท่ี 233


เฉลยใบงาน เร่อื ง ขอ้ มลู โภชนาการบนฉลากอาหาร

คาส่งั จงตอบคาถามต่อไปนี้ให้ถูกตอ้ ง f
1) คาศัพท์ภาษาองั กฤษ คาวา่ “ข้อมูลโภชนาการ” คือ
ตอบ Nutrition Information

2) จงอธบิ ายความหมายคาว่าฉลากบนโภชนาการ

ตอบ ฉลากอาหารที่มีการแสดงข้อมลู โภชนาการ ซ่ึงระบุชนิดและปรมิ าณสารอาหารของอาหารชนดิ นน้ั ๆ

อยใู่ นกรอบ ทเ่ี รียกว่า “กรอบข้อมูลโภชนาการ”)n f

อยู่ในกรอบ ที่เรียกวา่ “กรอบขอ้ มูลโภชนาการ”)n f

3) จงบอกประโยชน์ของฉลากบนโภชนาการ

ตอบ 1. เลือกซือ้ อาหารและเลอื กบรโิ ภคให้เหมาะสมกบั ความตอ้ งการหรือภาวะทาง โภชนาการของตนได้

เช่น เลือกอาหารทีร่ ะบวุ ่ามโี คเลสเตอรอลต่า หรือ มโี ซเดยี มต่า 2. เปรยี บเทยี บเลือกซอ้ื ผลติ ภัณฑอ์ าหาร

ชนิดเดยี วกนั โดยเลือกทม่ี คี ณุ ค่าทางโภชนาการดกี ว่าได้ 3. ในอนาคตเม่ือผูบ้ รโิ ภคสนใจต้องการขอ้ มูล

โภชนาการของอาหาร ผผู้ ลิตก็จะ แขง่ ขันกนั ผลิตอาหารท่ีมีคุณค่าทางโภชนาการสงู กวา่ แทนการแข่งขัน

กันในเร่ือง หบี ห่อ สี หรือสิ่งจูงใจภายนอกอน่ื ๆ f

อยใู่ นกรอบ ท่เี รยี กว่า “กรอบขอ้ มูลโภชนาการ”)n f

อยู่ในกรอบ ที่เรยี กวา่ “กรอบขอ้ มูลโภชนาการ”)n f

4) จงอธบิ ายความหมายของคาวา่ “หน่ึงหน่วยบรโิ ภค” f
ตอบ ข้อมูลบอกถึงปริมาณอาหารแตล่ ะชนิดที่ควรรับประทานใน 1 ครัง้ f
อย่ใู นกรอบ ที่เรยี กวา่ “กรอบข้อมูลโภชนาการ”)n

5) จงอธบิ ายความหมายของคาว่า “จานวนหนว่ ยบริโภคตอ่ ภาชนะบรรจุ”

ตอบ เปน็ ขอ้ มูลทีช่ ่วยให้ผู้บริโภคประมาณไดว้ า่ จะแบง่ อาหารในภาชนะบรรจุนัน้ สาหรบั การบริโภคไดก้ ี่

ครงั้ หรือจดั แบ่งไดส้ าหรบั ก่ีคน f

6) จงอธิบายความหมายของคาว่า “คุณคา่ ทางโภชนาการต่อ 1 หน่วยบริโภค”

ตอบ ไดป้ รากฏเปน็ ข้อมูลบนฉลากท่บี อกให้ผู้บริโภคทราบวา่ เมื่อรบั ประทานอาหารเข้าไปใน 1 หน่วย

บรโิ ภค จะไดร้ บั สารอาหารมากน้อยแค่ไหน f

7) จงอธบิ ายความหมายของคาว่า “ร้อยละของปริมาณทแ่ี นะนาต่อวนั ”

ตอบ เปน็ ขอ้ มูลทไี่ ด้จากการคานวณเปรียบเทียบปรมิ าณสารอาหาร 1 หน่วยบริโภค กับปริมาณทร่ี ่างกาย

ต้องการในแต่ละวนั ข้อมูลนบ้ี อกให้ผู้บรโิ ภคทราบว่า เมื่อกินอาหารใน 1 หน่วยบรโิ ภค จะไดส้ ารอาหาร

เป็นสดั สว่ นเทา่ ใด ของปรมิ าณท่ีควรไดร้ ับใน 1 วนั f

อยู่ในกรอบ ท่ีเรยี กว่า “กรอบข้อมูลโภชนาการ”)n f

234

แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 19

เรอื่ ง พอลเิ มอรส์ ังเคราะห์ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 1 เวลา 1 ช่ัวโมง
รายวชิ า ว31104 ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ อาหาร รวม 13 ช่ัวโมง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรียนท่ี 1

1. มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสมบตั ขิ องสสารกบั โครงสร้าง

และแรงยดึ เหนีย่ วระหวา่ งอนุภาค หลักและธรรมชาตขิ องการเปลยี่ นแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย
และการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี

2. ตวั ชีว้ ดั
ว 2.1 ม.5/18 วเิ คราะห์และอธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งโครงสรา้ งกับสมบัติเทอร์มอพลาสติกและเทอรม์ อ

เซตของพอลเิ มอร์ และการนาพอลิเมอร์ไปใช้ประโยชน์

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) นกั เรียนวิเคราะหแ์ ละอธิบายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งโครงสร้างกับสมบตั ิเทอร์มอพลาสติกและเทอร์
มอเซตของพอลเิ มอร์ และการนาพอลิเมอรไ์ ปใชป้ ระโยชน์ได้
3.2 ดา้ นกระบวนการ (P)
1) นักเรยี นสามารถจดั กระทาและส่อื ความหมายของข้อมูลทีศ่ กึ ษาค้นควา้ ได้
3.3 ดา้ นคณุ ลักษณะ (A)
1) ใฝุเรยี นรแู้ ละเป็นผ้มู ีความม่งุ มัน่ ในการทางาน

4. สาระสาคญั
อาหารเป็นปจั จัยสาคัญ สาหรบั การดารงชวี ิตของมนษุ ย์ โดยไขมนั คารโ์ บไฮเดรต โปรตีน และวติ ามนิ เปน็
สารประกอบอนิ ทรีย์ สว่ นเกลอื แรเ่ ปน็ ไอออนหรือสารประกอบไอออนิก สารประกอบ อนิ ทรยี ์เปน็ สารประกอบของ
ธาตุคาร์บอนซง่ึ อาจมธี าตอุ นื่ เปน็ องค์ประกอบรว่ มด้วย เช่น ไฮโดรเจน ออกซเิ จน ไนโตรเจน ซลั เฟอร์ ไขมัน มีทั้ง
ชนดิ อิ่มตัวและไมอ่ ่มิ ตัวซง่ึ พจิ ารณาไดจ้ ากชนิดพนั ธะระหวา่ งคาร์บอนอะตอมในกรดไขมัน ซงึ่ ใชเ้ กณฑเ์ ดยี วกับ
สารประกอบไฮโดรเจนคารบ์ อน คาร์โบไฮเดรต ที่เปน็ มอนอเมอร์และพอลิเมอรม์ ีสมบัตแิ ตกตา่ งกัน โปรตนี เปน็
พอลิเมอรท์ ่มี มี อนอเมอร์เป็นกรด แอมิโนซง่ึ มีหมคู่ ารบ์ อก ซิล และหมูอ่ ะมิโน จึงแสดงสมบตั ิความเป็นกรด -เบสได้
วิตามนิ แต่ละชนดิ มีสภาพข้วั แตกตา่ งกนั ทาใหบ้ างชนดิ ละลายได้ในนา้ มัน บางชนดิ ละลายได้ในน้ามัน ซง่ึ เปน็ ไปตาม
หลกั การ like dissolves like สว่ นเกลอื แร่แต่ละชนดิ มีประโยชนท์ ่ีแตกตา่ งกัน บรรจภุ ัณฑ์ สาหรับอาหารสว่ นใหญ่

235

ทามาจากพลาสติกซึ่งเป็นพอลเิ มอรส์ งั เคราะห์ มีทัง้ ชนดิ พอลิเมอร์เทอรม์ อพลาสติกและพอลเิ มอร์ เทอรม์ อเซต ซง่ึ ใช้
งานได้แตกตา่ งกนั พลาสตกิ ยอ่ ยสลายได้ยากและมีการใช้ในปริมาณมาก จึงก่อใหเ้ กดิ ปญั หาขยะ การลดการใช้ การ
ใชซ้ ้า และการนากลับมาใชใ้ หม่ เป็นการชว่ ยปญั หาไดท้ างหนึ่ง
5. สาระการเรยี นรู้

5.1 ความรู้
พอลิเมอรส์ ังเคราะห์
พอลิเมอรส์ ังเคราะห์ทีน่ ามาใช้ทาบรรจภุ ณั ฑพ์ ลาสติกประเภทตา่ ง ๆ มีสมบัติแตกต่างกนั ดังน้ัน

การเลอื กพลาสตกิ แตล่ ะประเภทมาใชง้ านจึงตอ้ งใชใ้ ห้เหมาะสมโดยคานึงถึงความปลอดภยั และไม่ควร
เปล่ียนลกั ษณะการใชง้ าน เชน่ ถุงพลาสตกิ สาหรบั บรรจขุ องเย็นไม่ควรนามาใช้กบั ของรอ้ น พอลเิ มอร์
สงั เคราะห์ ผลติ ข้นึ มาจากมอนอเมอร์ตา่ ง ๆ เชน่ เอทลิ นี โพรพลิ ีน สไตรีน ซง่ึ ทาปฏิกิริยา เคมีให้เกดิ การ
เชอื่ มตอ่ กันไดเ้ ปน็ พอลิเมอร์ที่มสี มบัติแตกตา่ งกัน ดงั ตัวอยา่ งต่อไปนี้

พอลเิ อทลิ ีน (polyethylene, PE) สังเคราะหจ์ ากเอทิลนี พอลเิ อทลิ ีน มจี ุดหลอมเหลวประมาณ
115 - 135 องศาเซลเซียส ซึ่งต่ากวา่ พอลเิ มอร์สังเคราะหช์ นดิ อ่ืน ภาชนะ ทผี่ ลิตจากพอลิ เอทลิ ีนจงึ ไม่
เหมาะสาหรับบรรจอุ าหารร้อน พอลิเอทิลีนท่ีนยิ มใช้มี 2 ชนิด ไดแ้ ก่ พอลิเอทิลนี ความหนาแนน่ ตา่ (low-
density polyethylene, LDPE) ใชผ้ ลิตเปน็ ถงุ พลาสตกิ ใส่ของเย็น กล่องพลาสตกิ และพอลิเอทิลนี
ความหนาแนน่ สงู (high-density polyethylene, HDPE) ใช้ผลติ เป็นถุงพลาสติกหหู ้วิ ขวดพลาสตกิ
ขนุ่ ฝาขวด เนื่องจากมขี องแขง็ เหนยี ว และทนความรอ้ นได้ดีมากกว่า LDPE พลาสติกทีท่ าจากพอลิเอทิลีน
มนี ้าหนักเบา โคง้ งอได้ ราคาถกู จึงเป็นพลาสตกิ ทม่ี กี ารนามาใชง้ านมาก

รูป 3.21 พลาสติกท่ีทาจากพอลิเอทิลีนและสตู รโครงสร้างของพอลิเอทิลนี และเอทิลีน

พอลิโพรพิลีน (polypropylene,PP) สงั เคราะหไ์ ด้จากโพรพิลีน พอลโิ พรพลิ นี มีสมบัตคิ ลา้ ยกบั
HDPE แต่มีจุดหลอมเหลวสงู กวา่ จงึ ทน ความรอ้ นไดด้ ีกวา่ HDPE ภาชนะท่ผี ลติ จาก พอลิโพรพลิ ีนจึง
สามารถใช้บรรจอุ าหารรอ้ นได้ และนิยมนามาผลติ เปน็ ภาชนะท่ีใชก้ บั ไมโครเวฟ

รปู 3.22 พลาสตกิ ที่ทาจากพอลิโพรพลิ ีนและสูตรโครงสรา้ งของพอลิโพรพลิ นี และโพรพลิ ัน

236

พอลสิ ไตรนี (polystyrene, PS) สงั เคราะห์ได้จาก สไตรีน พอลิสไตรีนมีน้าหนกั เบา แขง็ และ
เปราะ นยิ มนามาผลิตเป็นกล่องโฟมบรรจุอาหาร ช้อนสอ้ มพลาสติก กล่องพลาสติกใส

รูป 3.23 พลาสติกท่ที าจากพอลิสไตรนี และสตู รโครงสร้างของพอลสิ ไตรีนและสไตรีน
พอลิเอทลิ ีนเทเรฟทาเลต (poly(ethylene terephthalate), PET หรอื PETE) สงั เคราะหไ์ ด้
จากเอทิลีนไกลคอลและไดเมทิลเทเรฟทาเลต พอลเิ อทิลนี เทเรฟทาเลตมีความแข็งและเหนยี ว นิยมนามา
ผลิตเปน็ ขวดน้า ถงุ ขนมขบเค้ยี ว ภาชนะสาหรบั ไมโครเวฟ

รูป 3.24 พลาสตกิ ท่ีทา PET โครงสรา้ งและมอนอเมอร์ทใี่ ชส้ งั เคราะห์
พอลเิ มลามีนฟอรม์ าลดไี ฮด์ (poly(melamine formaldehyde)) สงั เคราะห์ไดจ้ ากเมลามีน
และฟาร์มาลดไี ฮด์ พอลิเมลามีนฟอรม์ าลดีไฮด์มีความแข็ง ทนความร้อน จึงใช้ผลติ เปน็ จาน ชาม และ
ภาชนะที่ไม่แตกหกั ง่าน

รูป 3.25 พลาสติกท่ที าจากเมลามีนฟอรม์ าลดไี ฮด์ และสูตรโครงสร้างของมอนอเมอร์
ที่ใช้สังเคราะห์

237

5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสื่อสาร (อา่ น ฟัง พูด เขียน)
2) ความสามารถในการคดิ (สงั เกต วิเคราะห์ จัดกลุ่ม สรปุ )
3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา (แสวงหาความรู้)
4) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ (ความรบั ผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ (ใชก้ ารสบื คน้ ผ่าน โทรศพั ท์)

5.3 คุณลักษณะและคา่ นิยม
ใฝุเรียนรู้และเป็นผู้มคี วามมุ่งมัน่ ในการทางาน

6. บรู ณาการ
บูรณาการ PLC นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มแลกเปลยี่ นเรยี นรเู้ ล่าสู่กันฟงั ถึงความรู้ท่ีได้จากการทากจิ กรรม และปัญหา

ที่เกดิ ขน้ึ ระหวา่ งการทากิจกรรม

7. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้ันที่ 1 ขน้ั สร้างความสนใจ
1.1 ครูทบทวนบทเรยี น เรือ่ ง ขอ้ มลู โภชนาการบนฉลากอาหาร
1.2 ครูนาเขา้ สู่บทเรียนโดยตั้งคาถาม เพอื่ นาเขา้ สู่กิจกรรม
1) ใบตอง ใบบวั มีองคป์ ระกอบทางเคมีคือสารใด จดั เปน็ พอลิเมอรห์ รอื ไม่ (แนวการตอบ
ใบตอง ใบบวั มีองคป์ ระกอบทางเคมเี ปน็ เซลลูโลส ซึ่งจัดเป็นพอลเิ มอร์ธรรมชาติ)
2) นกั เรียนคิดวา่ พลาสติกเปน็ พอลเิ มอรห์ รือไม่
3) นักเรยี นคิดวา่ กลอ่ งโฟมบรรจุอาหารเป็นพอลเิ มอรห์ รือไม่
4) นักเรยี นร้จู ักคาวา่ พอลเิ มอร์สงั เคราะห์หรือไม่

ขน้ั ที่ 2 ขนั้ สารวจและค้นหา (จดั การเรียนการสอนแบบรว่ มมือ โดยใช้เทคนคิ Jigsaw)
2.1 จดั กลุ่มนักเรียน กลมุ่ ละประมาณ 5 คน โดยใหส้ มาชิกแต่ละกลุม่ มีความรู้ความสามารถทค่ี ละ

กนั กลุม่ นีจ้ ะเปน็ กลมุ่ ประจา
2.2 ครจู ดั แบ่งเน้อื หาท่ีจะเรยี นเปน็ เนือ้ หายอ่ ย ๆ เทา่ กบั จานวนสมาชกิ ในกลุม่ ของนักเรยี นอาจ

จดั ทาเปน็ บทเรยี นหน้าเดยี วก็ได้
2.3 ให้สมาชิกใน แตล่ ะกลุ่ม จบั ฉลากหมายเลขของเนอ้ื หา คนละ 1 ฉลาก เพือ่ รบั ผดิ ชอบใน

การศึกษาหวั ขอ้ ย่อยของเนือ้ หา คนละ 1 หวั ข้อ
2.4 ใหน้ กั เรยี นแต่ละคนศึกษาและทาความเขา้ ใจเนอื้ หาตามห มายเลขทตี่ วั เองได้ ซงึ่ ครตู ดิ เนอื้ หา

บนโต๊ะ
2.5 นกั เรยี น แต่ละคนท่ศี กึ ษาและทาความเขา้ ใจเน้ือหา (ใชเ้ วลา 15 นาที) ให้กลบั ไปยังกลมุ่

ตนเองแล้วอธิบายความรูท้ ่ีได้จากการศกึ ษาและทาความเขา้ ใจในเนื้อหาทีไ่ ด้รับมอบหมายให้เพ่อื นฟงั
2.6 นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ชว่ ยกันสรุปความรูท้ ี่ไดใ้ นการศึกษาลงในกระดาษปรฟู๊ (น้าตาล)
2.7 นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มทาใบงาน เรอ่ื ง พอลิเมอร์สงั เคราะห์

238

ขนั้ ที่ 3 ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ
3.1 ครใู ห้นกั เรียนแตก่ ลมุ่ ออกมานาเสนอผลการสบื คน้ ของกลุม่ ตนเองหนา้ ช้ันเรยี น

(https://random.thaiware.com/) หรอื โปรแกรม Super Soomm And Goomm
3.2 ครนู านักเรียนอภิปรายเพอื่ นาไปสู่การสรปุ โดยใช้คาถามต่อไปน้ี
1) พอลิเมอรส์ ังเคราะห์นามาใช้เกีย่ วกบั อะไร (แนวการตอบ นามาใชท้ าบรรจุภณั ฑ์

พลาสตกิ ประเภทตา่ งๆ)
2) พอลเิ มอรส์ งั เคราะห์ผลติ ขึน้ จากอะไร (แนวการตอบ ผลติ ขึน้ จากมอนอเมอร์ต่างๆ เชน่

เอทลิ ีน โพรพิลีน สไตรนี )
3) พอลเิ มอร์สงั เคราะห์ มอี ะไรบา้ ง (แนวการตอบ พอลเิ อทิลีน พอลิโพรพลิ ีน พอลิสไตรนี

พอลเิ อทลิ นี เทเรฟทาเลต และพอลิเมลามนี ฟอรม์ าลดไี ฮด์)
4) พอลิเอทิลนี อักษรย่อคือ (แนวการตอบ PE)
5) พอลโิ พรพิลีน อกั ษรยอ่ คอื (แนวการตอบ PP)
6) พอลิสไตรีน อกั ษรยอ่ คือ (แนวการตอบ PS)
7) พอลเิ อทิลนี เทเรฟทาเลต อกั ษรยอ่ คือ (แนวการตอบ PET หรอื PETE)
8) พอลิเมอร์ใดมีความแขง็ ทนความรอ้ น นามาผลติ เป็นจาน ชาม และภาชนะที่ไม่

แตกหกั ง่าย (แนวการตอบ พอลเิ มลามนี ฟอรม์ าลดไี ฮด์)
3.3 ครูและนักเรยี นรว่ มกันอภิปรายและสรุปการศึกษาค้นควา้ จนได้ขอ้ สรปุ เร่อื ง พอลิเมอร์

สังเคราะห์

ข้ันที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้
4.1 ครูยกตัวอย่างพอลิเมอร์ทีน่ ามาทาเปน็ ผลติ ภณั ฑ์อ่นื ๆ นอกเหนือจากบรรจุภัณฑ์ สาหรบั

อาหาร เช่น พอลวิ ินลิ คลอไรด์ (PVC) ใชท้ าทอ่ น้า กระเบอื้ งยาง ปลอกฉนวน สายไฟ หนังเทียม ปูายไวนลิ

ขั้นท่ี 5 ขั้นประเมินผล
5.1 ครปู ระเมนิ จากการสบื คน้ ขอ้ มูลในกระดาษปรู๊ฟ (นา้ ตาล) ของแตล่ ะกลุ่ม
5.2 ครูตรวจใบงาน เรอ่ื ง พอลิเมอร์สังเคราะห์

ประยุกต์และตอบแทนสังคม
ครใู หน้ ักเรียนแต่ละคนนาความรทู้ ี่เรียนไปคน้ ควา้ เพมิ่ เติมทหี่ อ้ งสมดุ หรอื เวบ็ ไซต์ แลว้ นาเสนอใน

ชน้ั เรียน

239

8. ส่อื การเรยี นรู้/แหลง่ เรยี นรู้

8.1 หนังสอื เรยี นรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ (วิทยาศาสตร์กายภาพ) ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 5 เลม่ 1

(ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560)

8.2 ใบงาน เร่อื ง พอลิเมอร์สังเคราะห์

8.3 ชดุ ขอ้ มลู เร่ือง พอลเิ มอร์สังเคราะห์

8.4 อินเทอร์เน็ต

9. การวัดและประเมนิ ผล

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีการวดั เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมิน

ดา้ นความรู้ (K)

1) นกั เรียนวิเคราะห์และอธบิ าย 1) ตรวจใบงาน เรื่อง 1) แบบประเมินการ 1) นกั เรยี นตอบ

ความสัมพันธร์ ะหวา่ งโครงสรา้ งกับสมบตั ิ พอลเิ มอรส์ ังเคราะห์ ทากจิ กรรม คาถามได้ระดบั ดี

เทอร์มอพลาสตกิ และเทอรม์ อเซตของพอลิ 2) ใบงาน เรอ่ื ง ผา่ นเกณฑ์

เมอร์ และการนาพอลิเมอรไ์ ปใชป้ ระโยชน์ได้ พอลเิ มอรส์ ังเคราะห์

ดา้ นกระบวนการ (P)

1) นกั เรียนสามารถจดั กระทาและสื่อ 1) ตรวจกระดาษปรฟู๊ 1) แบบประเมนิ การ 1) นักเรยี นสามารถ

ความหมายของขอ้ มลู ท่ศี ึกษาค้นคว้าได้ (น้าตาล)ของแตล่ ะกลุ่ม ทากจิ กรรม สรปุ เนอ้ื หาที่ศึกษา

ทไ่ี ดจ้ ากการศึกษา และทาความเข้าใจได้

คน้ คว้า ระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์

ด้านคณุ ลักษณะ (A)

1) ใฝเุ รียนรู้ และเป็นผ้มู คี วามม่งุ มนั่ ในการ 1) ตรวจใบงาน เรื่อง 1) แบบประเมินการ 1) นักเรยี นทาภาระ

ทางาน พอลิเมอร์สังเคราะห์ ทากจิ กรรม งานท่ีได้รับมอบหมาย

2) ใบงาน เรือ่ ง พอลิ ได้ระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์

เมอรส์ งั เคราะห์

240

10. เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงานนักเรียน
เกณฑ์การประเมนิ แบบ Rubrics ของการทากิจกรรม เรือ่ ง พอลิเมอรส์ งั เคราะห์

ประเดน็ การ คา่ นา้ หนกั แนวทางการให้คะแนน
ประเมนิ คะแนน
ด้านความรู้ ตอบคาถามได้ถกู ตอ้ งครบถว้ น จานวน 4-5 ข้อ
(K) 3 ตอบคาถามได้ถูกต้องครบถว้ น จานวน 2-3 ขอ้
2 ตอบคาถามไดถ้ ูกต้องครบถว้ น จานวน 1 ขอ้ หรอื ทาไม่ถกู ต้อง
ด้าน 1 สรปุ เน้อื หาท่ศี ึกษาและทาความเขา้ ใจได้ถูกต้องครบถ้วน
กระบวนการ 3 สรปุ เนื้อหาที่ศึกษาและทาความเข้าใจไดค้ อ่ นขา้ งถกู ตอ้ งครบถว้ น
2 สรปุ เนอ้ื หาท่ศี กึ ษาและทาความเขา้ ใจได้ แต่ไม่ครบถ้วน
(P) 1 ทาภาระงานท่ไี ด้รบั มอบหมายเสร็จภายในเวลาทก่ี าหนด และเรยี บรอ้ ยถูกตอ้ งครบถ้วน
ด้าน 3 ทาภาระงานที่ได้รบั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาท่ีกาหนด แต่งานยงั ผดิ พลาดบางสว่ น
คณุ ลักษณะ 2 ทาภาระงานทีไ่ ด้รบั มอบหมายเสร็จ แต่ลา่ ชา้ และเกิดข้อผดิ พลาดบางสว่ น
(A) 1

ระดับคะแนน 3 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 2 หมายถงึ ระดับดี
คะแนน 1 หมายถงึ ระดับพอใช้

คะแนน

241

การประเมินการทากจิ กรรม เร่อื ง พอลิเมอรส์ ังเคราะห์

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

ท่ี ชื่อ - นามสกุล ด้านความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดบั
(K) กระบวนการ คณุ ลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 - 36

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

26

27

28

242

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ท่ี ชื่อ - นามสกุล ดา้ นความรู้ ดา้ น ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 - 36

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

ระดบั คุณภาพ 5-6 หมายถึง ระดบั ดีมาก
คะแนน 4 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 3 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
2 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรุง
คะแนน
คะแนน

243

บันทกึ หลังการสอน

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 เร่ือง อาหาร พ.ศ. ใ
แผนการสอนท่ี 19 เรอ่ื ง พอลเิ มอร์สงั เคราะห์ .

ใ เดอื น ใ

วนั ที่

ผลการจดั การเรียนรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ปัญหา / อุปสรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ปัญหา

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ลงชอ่ื ............................................ครผู ู้สอน ลงช่อื .............................................หวั หน้ากล่มุ สาระ
(นางสาวนิลนกิ า แกว้ ปัญญา) (นางนพรัตน์ ครุฑเกิด)

ชอ่ื ช้นั เลขที่ 244


ใบงาน เรื่อง พอลิเมอร์สงั เคราะห์

คาส่ัง ให้นกั เรียนศกึ ษาเนื้อหาเกยี่ วกบั สูตรโครงสร้างของพอลิเมอร์สงั เคราะหใ์ นหนังสอื เรียน แล้วเตมิ คาตอบลงใน
ชอ่ งวา่ งใหถ้ กู ตอ้ งสมบรู ณ์

ข้อที่ พอลเิ มอร์ โครงสรา้ งมอนอเมอร์/โครงสรา้ งพอลเิ มอร์ สมบตั ิและการใช้ประโยชน์
1 พอลเิ อทลิ นี
- จดุ หลอมเหลวตา่ กวา่ พอลเิ มอร์

ชนดิ อื่น (115–135 °C)

- ไมเ่ หมาะสาหรับบรรจุอาห ารรอ้ น

- นา้ หนักเบา โคง้ งอได้ ราคาถูก

- ผลิตเป็นถงุ พลาส ติกใส่ฃองเย็น กลอ่ ง

พลาสตกิ ถงุ พลาสตกิ หหู ิ้ว ขวด พลาสตกิ ข่นุ

ฝาขว ด

- จดุ หลอมเหลวสงู กวา่ และทนความ ร้อนได้

2 พอลโิ พรพิลีน ดีกว่า HD PE

- บรรจภุ ณั ฑ์สาหรบั อาหารรอ้ น และ

สามารถนาเข้า ได้

3 พอลสิ ไตรีน - มนี ้าหนกั แข็ง และเปราะ
- ผลติ กลอ่ ง โฟมบรรจุอาหาร ชอ้ นสอ้ ม
พลาสตกิ
พลาสติก กลอ่ งพลาสติกใส
กล่องพลาสตกิ ใส

ขอ้ ที่ พอลิเมอร์ โครงสร้างมอนอเมอร์/โครงสรา้ งพอลเิ มอร์ 245

สมบัตแิ ละการใชป้ ระโยชน์

พอลิเอทลิ นี - มคี วามแขง็ และเหนียว
4 เทเรฟทาเลต
- ผลติ กล่อง โฟมบรรจุอาหาร ชอ้ นสอ้ ม

พลาสตกิ กล่องพลาสติกใส

พลาสตกิ กลอ่ งพลาสติกใส

พอลเิ มลามนี - มคี วามแข็ง ทนความร้อน
5 ฟอร์มาลดไี ฮด์
- ผลิตกล่อง โฟมบรรจุอาหาร ช้อนส้อม

พลาสตกิ กล่องพลาสตกิ ใส

246

เฉลยใบงาน เรอื่ ง พอลเิ มอรส์ ังเคราะห์

คาส่งั ให้นักเรียนศึกษาเนือ้ หาเก่ยี วกับสตู รโครงสรา้ งของพอลิเมอร์สังเคราะหใ์ นหนงั สือเรียน แล้วเติมคาตอบลงใน
ช่องวา่ งใหถ้ กู ตอ้ งสมบูรณ์

ขอ้ ที่ พอลิเมอร์ โครงสร้างมอนอเมอร์/โครงสรา้ งพอลิเมอร์ สมบตั ิและการใชป้ ระโยชน์
1 พอลเิ อทลิ นี - จดุ หลอมเหลวต่ากว่าพอลเิ มอร์
ชนิดอนื่ (115–135 °C)
- ไมเ่ หมาะสาหรับบรรจุอาหารร้อน
- น้าหนกั เบา โคง้ งอได้ ราคาถกู
- ผลิตเป็นถุงพลาสติกใส่ฃองเย็น
กล่องพลาสตกิ ถุงพลาสติกหูหว้ิ
ขวด พลาสตกิ ขุ่น ฝาขวด

2 พอลโิ พรพลิ ีน - จุดหลอมเหลวสงู กว่า และทนความ
ร้อนได้ดกี ว่า HDPE
- บรรจภุ ัณฑ์สาหรบั อาหารร้อน และ
สามารถนาเขา้ ไมโครเวฟได้

3 พอลสิ ไตรนี - มีนา้ หนักเบา แข็งและเปราะ
- ผลติ กลอ่ งโฟมบรรจุอาหาร ชอ้ นส้อม
พลาสติก กลอ่ งพลาสตกิ ใส

ขอ้ ท่ี พอลเิ มอร์ โครงสร้างมอนอเมอร์/โครงสรา้ งพอลเิ มอร์ 247

สมบตั ิและการใชป้ ระโยชน์

พอลเิ อทิลนี - มีความแข็งและเหนียว
4 เทเรฟทาเลต - ผลิตขวดนา้ ด่มื ถุงขนมขบเคย้ี ว ภาชนะ
สาหรบั ไมโครเวฟ

พอลิเมลามีน - มคี วามแข็ง ทนความร้อน
5 ฟอร์มาลดีไฮด์ - ผลิตจาน ชาม และภาชนะท่ีไม่แตกหักง่าย

248

1. พอลิเอทลิ นี (polyethylene, PE)

สังเคราะหจ์ ากเอทลิ ีน พอลเิ อทิลีนมีจดุ หลอมเหลวประมาณ 115 - 135 องศาเซลเซยี ส ซงึ่ ต่ากวา่
พอลเิ มอรส์ งั เคราะห์ชนดิ อนื่ ภาชนะท่ีผลติ จากพอลิเอทลิ ีนจึงไม่เหมาะสาหรับบรรจอุ าหารร้อน

พอลิเอทลิ นี ท่ี นยิ มใช้มี 2 ชนิด ไดแ้ ก่ พอลเิ อทิลีน ความหนาแนน่ ตา่ ( low-density
polyethylene, LDPE) ใช้ผลติ เป็นถุงพลาสติกใส่ของเย็น กล่องพลาสตกิ และพอลิเอทลิ ีน ความ
หนาแนน่ สูง (high-density polyethylene, HDPE) ใชผ้ ลิตเปน็ ถงุ พลาสตกิ หูหวิ้ ขวดพลาสตกิ ขุ่น
ฝาขวด เนอื่ งจาก มีของแข็ง เหนียว และทนความร้อนได้ดมี ากกวา่ LDPE พลาสตกิ ท่ที าจากพอลเิ อทิลีน
มีนา้ หนักเบา โคง้ งอได้ ราคาถกู จึงเป็นพลาสติกท่ีมีการนามาใชง้ านมาก

รปู 3.21 พลาสติกทีท่ าจากพอลิเอทลิ ีนและสตู รโครงสร้างของพอลิเอทลิ นี และเอทลิ ีน

2. พอลิโพรพิลนี (polypropylene, PP)

สังเคราะห์ได้จากโพรพิลีน พอลิโพรพิลีน มีสมบัตคิ ล้ายกบั HDPE แต่มีจดุ หลอมเหลวสงู กวา่
จงึ ทนความรอ้ นไดด้ ีกว่า HDPE ภาชนะที่ผลติ จากพอลิโพรพิลีนจงึ สามารถใชบ้ รรจุอาหารรอ้ นได้ และนยิ ม
นามาผลิตเปน็ ภาชนะทใ่ี ช้กบั ไมโครเวฟ

รูป 3.22 พลาสติกทท่ี าจากพอลิโพรพลิ นี และสูตรโครงสร้างของพอลิโพรพิลีนและโพรพิลัน

249

3. พอลสิ ไตรนี (polystyrene, PS)

สังเคราะห์ไดจ้ ากสไตรีน พอลิสไตรนี มีนา้ หนกั เบา แข็ง และเปราะ นิยมนามาผลิตเปน็ กลอ่ งโฟม
บรรจุอาหาร ช้อนส้อมพลาสติก กลอ่ งพลาสตกิ ใส

รปู 3.23 พลาสติกทีท่ าจากพอลิสไตรนี และสูตรโครงสร้างของพอลิสไตรีนและสไตรนี

4. พอลิเอทลิ ีนเทเรฟทาเลต (poly(ethylene terephthalate), PET หรอื PETE)
สังเคราะหไ์ ด้จากเอทลิ ีนไกลคอลและไดเมทลิ เทเรฟทาเลต พอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลตมีความแข็ง
และเหนียว นิยมนามาผลติ เปน็ ขวดนา้ ถงุ ขนมขบเคย้ี ว ภาชนะสาหรบั ไมโครเวฟ

รปู 3.24 พลาสตกิ ท่ีทา PET โครงสร้างและมอนอเมอร์ทใี่ ชส้ งั เคราะห์

250

5. พอลเิ มลามีนฟอรม์ าลดไี ฮด์ (poly(melamine formaldehyde))

สังเคราะหไ์ ด้จากเมลามนี และฟาร์มาลดีไฮด์ พอลเิ มลามนี ฟอร์มาลดีไฮดม์ ีความแขง็ ทนความ
ร้อน จึงใช้ผลิตเปน็ จาน ชาม และภาชนะที่ไม่แตกหกั ง่าน

รูป 3.25 พลาสติกทที่ าจากเมลามีนฟอร์มาลดีไฮด์ และสูตรโครงสรา้ งของมอนอเมอร์
ท่ใี ช้สงั เคราะห์

251

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 20

เรอ่ื ง ฉลากผลิตภัณฑ์พลาสติกกบั การใช้งาน

รายวชิ า ว31104 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 1 เวลา 1 ชวั่ โมง
รวม 13 ช่ัวโมง
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 3 ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ อาหาร
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 1
กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์

1. มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 2.1 เข้าใจสมบตั ิของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พนั ธ์ระหว่างสมบัตขิ องสสารกับโครงสรา้ ง

และแรงยึดเหนย่ี วระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลย่ี นแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย
และการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี

2. ตวั ช้ีวัด
ว 2.1 ม.5/18 วิเคราะห์และอธิบายความสมั พนั ธร์ ะหว่างโครงสรา้ งกับสมบัติเทอร์มอพลาสติกและเทอรม์ อ

เซตของพอลิเมอร์ และการนาพอลเิ มอรไ์ ปใชป้ ระโยชน์

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) นักเรยี นวเิ คราะห์และอธิบายความสมั พันธ์ระหวา่ งโครงสรา้ งกบั สมบตั ิเทอรม์ อพลาสตกิ และเทอร์
มอเซตของพอลิเมอร์ และการนาพอลิเมอรไ์ ปใชป้ ระโยชน์ได้
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) นักเรียนสามารถทากจิ กรรม 3.3 ฉลากผลิตภัณฑ์พลาสติกกับการใชง้ านได้
3.3 ด้านคุณลักษณะ (A)
1) ใฝเุ รียนรแู้ ละเป็นผมู้ คี วามม่งุ ม่นั ในการทางาน

4. สาระสาคญั
อาหารเปน็ ปัจจยั สาคญั สาหรบั การดารงชวี ิตของมนุษย์ โดยไขมัน คารโ์ บไฮเดรต โปรตีน และวิตามินเปน็
สารประกอบอนิ ทรีย์ สว่ นเกลอื แร่เปน็ ไอออนหรือสารประกอบไอออนิก สารประกอบ อนิ ทรยี ์เปน็ สารประกอบของ
ธาตคุ าร์บอนซ่ึงอาจมธี าตอุ ื่นเป็นองคป์ ระกอบร่วมดว้ ย เชน่ ไฮโดรเจน ออกซิเจน ไนโตรเจน ซลั เฟอร์ ไขมัน มีทั้ง
ชนดิ อิ่มตวั และไม่อ่มิ ตัวซ่งึ พจิ ารณาได้จากชนดิ พนั ธะระหว่างคารบ์ อนอะตอมในกรดไขมนั ซึง่ ใช้เกณฑเ์ ดยี วกับ
สารประกอบไฮโดรเจนคาร์บอน คารโ์ บไฮเดรต ท่เี ป็นมอนอเมอร์และพอลเิ มอรม์ ีสมบัติแตกต่างกนั โปรตีน เปน็
พอลเิ มอรท์ ม่ี ีมอนอเมอรเ์ ปน็ กรด แอมิโนซงึ่ มีหมู่คารบ์ อก ซลิ และหมู่อะมิโน จึงแสดงสมบตั ิความเป็นกรด -เบสได้
วิตามนิ แต่ละชนิดมีสภาพขั้วแตกตา่ งกัน ทาให้บางชนดิ ละลายไดใ้ นน้ามนั บางชนดิ ละลายได้ในนา้ มนั ซึง่ เป็นไปตาม
หลกั การ like dissolves like สว่ นเกลอื แร่แต่ละชนดิ มปี ระโยชน์ทแ่ี ตกตา่ งกนั บรรจุภัณฑ์ สาหรับอาหารสว่ นใหญ่

252

ทามาจากพลาสติกซง่ึ เปน็ พอลิเมอรส์ ังเคราะห์ มที ัง้ ชนดิ พอลิเมอร์เทอรม์ อพลาสติกและพอลเิ มอร์ เทอรม์ อเซต ซึง่ ใช้
งานได้แตกต่างกนั พลาสตกิ ยอ่ ยสลายไดย้ ากและมกี ารใช้ในปรมิ าณมาก จึงก่อให้เกดิ ปญั หาขยะ การลดการใช้ การ
ใช้ซา้ และการนากลับมาใชใ้ หม่ เปน็ การชว่ ยปญั หาไดท้ างหนึ่ง

5. สาระการเรยี นรู้
5.1 ความรู้
ผลิตภณั ฑต์ า่ งๆ ที่ทาจากพอลเิ มอร์ โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์สาหรับอาหาร สว่ นใหญ่จะมีฉลากหรอื
ขอ้ มลู ท่ีระบุบนผลิตภัณฑ์ที่เกีย่ วขอ้ งกบั อณุ หภูมิ เชน่ หา้ มบรรจุอาหารหรอื เครอ่ื งดมื่ ร้อน ห้ามใชก้ ับเตา
ไมโครเวฟ ใชใ้ นช่วงอุณหภมู ิตัง้ แต่ -40 องศาเซลเซียส ถึง 120 องศาเซลเซยี ส ดังน้ันการใชง้ านและการ
ดูแลรักษา จาเปน็ ต้องคานึงถงึ สมบตั ิทางอุณหภมู ิ (thermal properties) ของพอลิเมอร์แต่ละชนดิ
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสือ่ สาร (อ่าน ฟงั พดู เขียน)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วิเคราะห์ จัดกลุ่ม สรปุ )
3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา (แสวงหาความรู้)
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ (ความรับผดิ ชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสืบค้นผา่ นคอมพวิ เตอร์)
5.3 คุณลักษณะและค่านิยม
ใฝเุ รยี นรแู้ ละเป็นผูม้ ีความมุง่ ม่ันในการทางาน

6. บูรณาการ
-

7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ ที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ
1.1 ครทู บทวนบทเรียน โดยเขียนยกตวั อย่างสูตรโครงสรา้ งมอนอเมอร์/โครงสร้างพอลเิ มอร์ และ
สมบัตแิ ละการนาไปใช้ประโยชนข์ องพอลเิ มอร์
1.2 ครตู ้ังคาถามเพ่ือนาเขา้ สู่การทากิจกรรม
- นักเรยี นเคยซอื้ ข้าวกล่องของ 7-11 หรอื ไม่
- นักเรียนเคยสงั เกตข้อมลู ฉลากผลิตภณั ฑ์ทอี่ ยบู่ นกล่องข้าวหรือไม่
- นกั เรยี นคดิ ว่าบนกลอ่ งบรรจุขา้ วของ 7-11 ระบุวิธีการใช้ หรือขอ้ มูลอะไรบ้าง

ข้ันที่ 2 ขนั้ สารวจและค้นหา
2.1 ครูจดั กลุม่ นักเรียน โดยแบง่ ออกเป็นกล่มุ ๆ ละ 4-5 คน โดยคละเพศ คละความสามารถ
2.2 นักเรียนแต่ละกล่มุ ศึกษาใบกจิ กรรม 3.3 ฉลากผลิตภัณฑ์พลาสติกกบั การใช้งาน ซ่ึงในคาบท่ี

ผา่ นมาครแู จ้งให้นักเรยี นเตรียมผลติ ภัณฑพ์ ลาสติกหรอื รูปผลิตภัณฑ์ท่ีมีข้อบ่งใช้ ขอ้ ควรระมดั ระวังและการ
ดแู ลรักษาทีเ่ กย่ี วขอ้ งกบั อุณหภูมิ ความรอ้ น ไมโครเวฟ เคร่อื งลา้ งจาน คนละ 1 อย่าง (สามารถสืบคน้
ขอ้ มูลทางอินเทอรเ์ นต็ )

253

ขัน้ ที่ 3 ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรุป
3.1 ครูสุ่มนักเรียน 4 คน ออกมานาเสนอผลการทากิจกรรมของกลมุ่ ตวั เองหน้าชัน้ เรยี น
3.2 นักเรียนและครรู ่วมกนั สรุปผลการสืบค้นข้อมลู ฉลากผลติ ภณั ฑ์พลาสตกิ กับการใช้งาน

ข้นั ท่ี 4 ข้ันขยายความรู้
4.1 ครใู ห้ความรู้เพิ่มเตมิ ดังนี้
- ถุงพลาสติกทามาจากพอลเิ มอร์เทอร์มอพลาสติกซงึ่ หลอมเหลวเมือ่ ไดร้ บั ความรอ้ นและ

สามารถนามาขึน้ รปู ใหมไ่ ด้ สว่ นปล๊กั ไฟทามาจากพอลิเมอรเ์ ทอร์มอเซต ซ่ึงไม่หลอมเหลวเม่อื ได้รับความร้อน
และไม่สามารถนามาขนึ้ รปู ใหม่ได้

- ผลิตภณั ฑพ์ ลาสติกส่วนใหญ่ใชค้ รั้งเดียวแล้วทิ้ง จึงกอ่ ใหเ้ กดิ ขยะ พลาสตกิ จานวนมากซึ่ง
สง่ ผลกระทบตอ่ ดนิ และนา้ เน่ืองจากพลาสติกเป็นพอลเิ มอร์สังเคราะห์ซง่ึ ย่อยสลายได้ยากในธรรมชาติ และ
หากกาจัดโดยวิธีการเผาจะก่อให้เกดิ มลพิษทางอากาศ

ขน้ั ที่ 5 ขั้นประเมนิ ผล
5.1 นกั เรียนสง่ ใบกจิ กรรม 3.3 ฉลากผลิตภัณฑพ์ ลาสตกิ กบั การใช้งาน

ประยุกตแ์ ละตอบแทนสังคม
ครูให้นกั เรยี นแต่ละคนนาความรู้ท่ีเรยี นไปคน้ คว้าเพิ่มเตมิ ท่หี ้องสมดุ หรอื เว็บไซต์ แลว้ นาเสนอใน

ชั้นเรยี น

8. สื่อการเรยี นรู้/แหลง่ เรียนรู้
8.1 หนังสอื เรียนรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ (วิทยาศาสตร์กายภาพ) ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 เลม่ 1

(ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2560)
8.2 อนิ เทอรเ์ น็ต
8.3 หอ้ งสมดุ
8.4 ใบกิจกรรม 3.3 ฉลากผลติ ภณั ฑพ์ ลาสตกิ กับการใชง้ าน
8.5 ผลิตภัณฑ์พลาสติกหรือรูปผลติ ภณั ฑท์ ี่มขี ้อบง่ ใช้ ข้อควรระมัดระวัง และการดแู ลรกั ษาทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับ
อุณหภูมิ ความร้อน ไมโครเวฟ เครื่องลา้ งจาน

9. การวัดและประเมินผล วธิ กี ารวดั เครือ่ งมอื 254
จุดประสงค์การเรยี นรู้
1) ตรวจใบกจิ กรรม 1) แบบประเมนิ การ เกณฑก์ ารประเมนิ
ดา้ นความรู้ (K) 3.3 ฉลากผลิตภัณฑ์ ทากจิ กรรม
1) นกั เรียนสืบค้นขอ้ มูลและเปรียบเทยี บ พลาสติกกบั การใชง้ าน 2) ใบกจิ กรรม 3.3 1) นักเรียนสามารถ
สมบัตทิ างกายภาพระหวา่ งพอลิเมอร์และ สรุปผลการสบื ค้น
มอนอเมอรข์ องพอลเิ มอร์ชนดิ นน้ั ได้ ฉลากผลติ ภณั ฑ์ ข้อมูลไดร้ ะดับดี ผ่าน
พลาสติกกบั การใช้ เกณฑ์
ดา้ นกระบวนการ (P) งาน
1) นักเรียนสามารถทากิจกรรม 3.2 เรอ่ื ง 1) นักเรียนสามารถ
สืบค้นข้อมูลสมบัติทางกายภาพของมอนอ 1) ตรวจใบกิจกรรม 1) แบบประเมนิ การ บันทึกผลการสืบค้น
เมอร์และพอลิเมอร์ได้ 3.3 ฉลากผลติ ภัณฑ์ ทากจิ กรรม ขอ้ มูลได้ระดบั ดี ผา่ น
พลาสติกกับการใช้งาน 2) ใบกิจกรรม 3.3 เกณฑ์
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A)
1) ใฝุเรียนรแู้ ละเป็นผ้มู ีความม่งุ มน่ั ในการ ฉลากผลิตภณั ฑ์ 1) นกั เรยี นทาภาระ
ทางาน พลาสติกกับการใช้ งานท่ไี ด้รบั มอบหมาย
งาน ได้ระดับดี ผา่ นเกณฑ์

1) ตรวจใบกจิ กรรม 1) แบบประเมินการ
3.3 ฉลากผลติ ภัณฑ์ ทากิจกรรม
พลาสตกิ กับการใชง้ าน 2) ใบกจิ กรรม 3.3

ฉลากผลติ ภณั ฑ์
พลาสติกกับการใช้
งาน

255

10. เกณฑ์การประเมินผลงานนกั เรียน

เกณฑก์ ารประเมนิ แบบ Rubrics ของการทากจิ กรรม เรอ่ื ง ฉลากผลิตภณั ฑพ์ ลาสติกกับการใช้งาน

ประเดน็ การ ค่าน้าหนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมนิ คะแนน

ด้านความรู้ 3 สรปุ ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู จากผลติ ภณั ฑ์ได้ถกู ต้องครบถว้ น
(K) 2 สรุปผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลจากผลิตภณั ฑ์ไดถ้ กู ตอ้ งบางสว่ น
1 สรุปผลการวเิ คราะห์ข้อมูลจากผลิตภณั ฑ์ แต่ไมถ่ ูกต้อง

ดา้ น 3 บันทึกขอ้ มูลการสบื ค้นผลติ ภณั ฑ์ไดถ้ กู ตอ้ งครบถว้ น

กระบวนการ 2 บันทึกข้อมลู การสบื คน้ ผลิตภณั ฑ์ได้ถกู ต้องบางสว่ น

(P) 1 บนั ทกึ ขอ้ มลู การสืบคน้ ผลติ ภัณฑ์ แต่ไมถ่ กู ตอ้ ง

ดา้ น 3 ทาภาระงานที่ไดร้ ับมอบหมายเสร็จภายในเวลาทกี่ าหนด และเรยี บรอ้ ยถูกต้องครบถว้ น

คณุ ลกั ษณะ 2 ทาภาระงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายเสร็จภายในเวลาทกี่ าหนด แต่งานยังผดิ พลาดบางสว่ น

(A) 1 ทาภาระงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายเสร็จ แตล่ า่ ช้า และเกิดขอ้ ผดิ พลาดบางส่วน

ระดบั คะแนน 3 หมายถงึ ระดับดมี าก
คะแนน 2 หมายถงึ ระดบั ดี
คะแนน 1 หมายถงึ ระดับพอใช้

คะแนน

256

การประเมินการทากจิ กรรม เร่ือง ฉลากผลติ ภณั ฑ์พลาสติกกับการใชง้ าน

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

ท่ี ชื่อ - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ดา้ น ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คณุ ลกั ษณะ คะแนน คณุ ภาพ

(P) (A)

3 3 39

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

26

27

28

257

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ท่ี ช่ือ - นามสกลุ ด้านความรู้ ดา้ น ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 3 39

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

ระดับคณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
3-4 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรุง
คะแนน
คะแนน

258

บันทกึ หลังการสอน

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 เรื่อง อาหาร ใ
แผนการสอนท่ี 20 เร่อื ง ฉลากผลิตภัณฑ์พลาสติกกับการใช้งาน .

ใ เดอื น พ.ศ. ใ

วนั ท่ี

ผลการจัดการเรยี นรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ปญั หา / อปุ สรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ปญั หา

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ลงช่อื ............................................ครผู สู้ อน ลงชอ่ื .............................................หวั หนา้ กลุม่ สาระ
(นางสาวนลิ นิกา แก้วปัญญา) (นางนพรตั น์ ครุฑเกดิ )

259

ใบกจิ กรรม 3.3 ฉลากผลิตภัณฑพ์ ลาสตกิ กบั การใช้งาน

1. รายชอื่ สมาชกิ ท่ี …………………………………………………….. ชน้ั …………………………………
ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................
ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขที่...................
ชอื่ ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................
ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................
ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขที.่ ..................

คาส่ัง พจิ ารณาข้อบง่ ชี้ที่ระบวุ ิธใี ช้และการดแู ลรกั ษาที่ปรากฏบนผลิตภัณฑ์ของกลมุ่ ตนเอง อยา่ งนอ้ ย 2 อยา่ ง
แลว้ วเิ คราะห์วา่ สมบตั ดิ า้ นใดของพอลิเมอรม์ คี วามสาคัญตอ่ การใชง้ านของผลิตภัณฑ์

ชอ่ื ผลติ ภณั ฑ์ 1. ขา้ วผัดเผ็ดหนอ่ ไมไ้ ก่ อล
2. ขา้ วกระเพราหมู อ

ภาพผลติ ภัณฑ์

ผลติ ภัณฑท์ ่ี 1 ผลิตภัณฑ์ที่ 2

ผลิตภัณฑ์ท่ี 1 260

 จงเขียนวธิ ีการใชท้ ร่ี ะบไุ ว้บนฉลากผลิตภัณฑ์ ฃฃ
ฃฃ
1. ตดั ถงุ พลาสติกออก ฃฃ
2. เปิดฝาเล็กน้อยก่อนอุ่น ฃฃ
3. ไมโครเวฟในรา้ น 7-ELEVEN กด 7 ฃฃ
4. ไมโครเวฟทว่ั ไป (800 วัตต์) อุ่น 3-4 นาที ฃฃ
1. ตดั ถงุ พลาสติกออก
2. เปดิ ฝาเล็กนอ้ ยกอ่ นอนุ่ ฃฃ
 จงเขียนหมายเหตุหรอื ขอ้ ควรระวงั ทร่ี ะบุไวบ้ นฉลากผลติ ภณั ฑ์ ฃฃ
ฃฃ
1. ระวงั ร้อนในขณะจบั สินคา้ หลงั อุ่น ฃฃ
2. บรรจภุ ณั ฑ์นส้ี ามารถเขา้ ไมโครเวฟได้และไม่ควรนากลับมาใชซ้ า้ /Microwaveabl ฃฃ
3. โปรดแช่แข็ง อุณหภมู ิ –18 ถงึ -24 องศาสเซลเซียส ฃฃ
4. กรุณาอย่านาไปแช่แขง็ อกี ครัง้ เมื่อสนิ ค้าละลาย
1. ตดั ถงุ พลาสติกออก ฃฃ
2. เปิดฝาเล็กนอ้ ยกอ่ นอนุ่ ฃฃ
 จงเขียนวธิ ีเกบ็ รักษาทีร่ ะบไุ ว้บนฉลากผลิตภณั ฑ์ ฃฃ
ฃฃ
1. ระวงั รอ้ นในขณะจบั สินคา้ หลังอุน่
2. บรรจภุ ัณฑน์ ้ีสามารถเข้าไมโครเวฟไดแ้ ละไม่ควรนากลบั มาใช้ซา้ /Microwaveabl
3. โปรดแชแ่ ข็ง อุณหภูมิ –18 ถงึ -24 องศาสเซลเซยี ส
4. กรณุ าอยา่ นาไปแชแ่ ข็งอีกครัง้ เมือ่ สนิ คา้ ละลาย

261

ผลิตภัณฑ์ท่ี 2

 จงเขยี นวิธกี ารใชท้ ี่ระบุไวบ้ นฉลากผลติ ภัณฑ์ ฃฃ
1. ตัดถุงพลาสติกออก

2. เปิดฝาเลก็ น้อยก่อนอุ่น ฃฃ
3. ไมโครเวฟในรา้ น 7-ELEVEN กด 7 ฃฃ
4. ไมโครเวฟท่ัวไป (800 วตั ต์) อุ่น 3-4 นาที ฃฃ

1. ตดั ถุงพลาสตกิ ออก ฃฃ
2. เปิดฝาเล็กน้อยก่อนอนุ่ ฃฃ

 จงเขียนหมายเหตุหรือขอ้ ควรระวังท่ีระบุไวบ้ นฉลากผลติ ภณั ฑ์ ฃฃ
1. ระวังร้อนในขณะจับสินคา้ หลงั อ่นุ ฃฃ
2. บรรจภุ ัณฑน์ ส้ี ามารถเขา้ ไมโครเวฟไดแ้ ละไมค่ วรนากลับมาใชซ้ ้า/Microwaveabl

3. โปรดแชแ่ ข็ง อุณหภูมิ –18 ถงึ -24 องศาสเซลเซียส ฃฃ
4. กรุณาอยา่ นาไปแชแ่ ขง็ อีกคร้งั เม่ือสนิ ค้าละลาย ฃฃ
1. ตัดถงุ พลาสตกิ ออก ฃฃ

2. เปิดฝาเลก็ น้อยก่อนอุ่น ฃฃ

 จงเขียนวธิ เี ก็บรกั ษาทร่ี ะบุไว้บนฉลากผลติ ภณั ฑ์ ฃฃ
1. ระวังร้อนในขณะจบั สนิ คา้ หลังอนุ่ ฃฃ
2. บรรจภุ ณั ฑ์นี้สามารถเข้าไมโครเวฟได้และไมค่ วรนากลบั มาใชซ้ ้า/Microwaveabl ฃฃ
3. โปรดแชแ่ ขง็ อณุ หภูมิ –18 ถงึ -24 องศาสเซลเซียส ฃฃ
4. กรณุ าอยา่ นาไปแช่แข็งอีกคร้ัง เม่ือสนิ ค้าละลาย

ผลการวเิ คราะห์ข้อมูลจากผลติ ภณั ฑ์ที่ 1 และ 2

เมื่อพจิ ารณาขอ้ บง่ ช้ีท่ีระบวุ ธิ ีใช้และการดแู ลรกั ษาท่ปี รากฏบนผลิตภัณฑ์ พบว่า ส่วนใหญ่ มสี ญั ลักษณห์ รือ

ขอ้ มลู ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั อุณหภมู ิ แสดงว่า อุณหภูมิมผี ลต่อการใชง้ านของ ผลติ ภัณฑ์พอลิเมอร์แตล่ ะชนิด g

เมอ่ื พิจารณาขอ้ บ่งชที้ ี่ระบุวิธใี ชแ้ ละการดูแลรักษาทป่ี รากฏบนผลติ ภัณ ฑ์ พบว่า สว่ นใหญ่ มีสัญลกั ษณห์ รอื ขอ้ มูลที่

สรุปผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู จากผลิตภัณฑท์ ่ี 1 และ 2

สมบตั ดิ ้านอุณหภูมิของพอลเิ มอรม์ คี วามสาาคญั ต่อการใช้งานของผลิตภณั ฑ์ g

สมบตั ดิ า้ นอณุ หภูมขิ องพอลเิ มอรม์ คี ว ามสาาคญั ต่อการใช้งานของผลิตภัณฑ์

262

เฉลยใบกจิ กรรม 3.3 ฉลากผลติ ภณั ฑ์พลาสตกิ กับการใช้งาน

1. รายชอ่ื สมาชิกที่ …………………………………………………….. ชน้ั …………………………………
ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขท่ี...................
ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขท.ี่ ..................
ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขที่...................
ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขท่ี...................
ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................

คาสั่ง พจิ ารณาขอ้ บ่งชท้ี ่รี ะบุวธิ ีใชแ้ ละการดูแลรักษาที่ปรากฏบนผลิตภัณฑ์ของกลุ่มตนเอง อยา่ งนอ้ ย 2 อยา่ ง
แล้ววิเคราะห์วา่ สมบตั ดิ า้ นใดของพอลิเมอรม์ ีความสาคญั ตอ่ การใช้งานของผลิตภัณฑ์

ช่ือผลติ ภัณฑ์ 1. ข้าวผัดเผ็ดหนอ่ ไม้ไก่ อล
2. ข้าวกระเพราหมู อ

ภาพผลติ ภัณฑ์

ผลติ ภณั ฑท์ ่ี 1 ผลติ ภัณฑท์ ี่ 2

ผลิตภัณฑ์ที่ 1 263

 จงเขยี นวธิ ีการใชท้ ร่ี ะบไุ ว้บนฉลากผลิตภัณฑ์ ฃฃ
ฃฃ
1. ตดั ถงุ พลาสติกออก ฃฃ
2. เปิดฝาเล็กน้อยก่อนอุ่น ฃฃ
3. ไมโครเวฟในรา้ น 7-ELEVEN กด 7 ฃฃ
4. ไมโครเวฟทว่ั ไป (800 วัตต์) อุ่น 3-4 นาที ฃฃ
1. ตดั ถงุ พลาสติกออก
2. เปดิ ฝาเล็กนอ้ ยกอ่ นอนุ่ ฃฃ
 จงเขียนหมายเหตุหรอื ขอ้ ควรระวงั ทร่ี ะบุไวบ้ นฉลากผลติ ภณั ฑ์ ฃฃ
ฃฃ
1. ระวงั ร้อนในขณะจบั สินคา้ หลงั อุ่น ฃฃ
2. บรรจภุ ณั ฑ์นส้ี ามารถเขา้ ไมโครเวฟได้และไม่ควรนากลับมาใชซ้ า้ /Microwaveabl ฃฃ
3. โปรดแช่แข็ง อุณหภมู ิ –18 ถงึ -24 องศาสเซลเซียส ฃฃ
4. กรุณาอย่านาไปแช่แขง็ อกี ครัง้ เมื่อสนิ ค้าละลาย
1. ตดั ถงุ พลาสติกออก ฃฃ
2. เปิดฝาเล็กนอ้ ยกอ่ นอนุ่ ฃฃ
 จงเขียนวธิ ีเกบ็ รักษาทีร่ ะบไุ ว้บนฉลากผลิตภณั ฑ์ ฃฃ
ฃฃ
1. ระวงั รอ้ นในขณะจบั สินคา้ หลังอุน่
2. บรรจภุ ัณฑน์ ้ีสามารถเข้าไมโครเวฟไดแ้ ละไม่ควรนากลบั มาใช้ซา้ /Microwaveabl
3. โปรดแชแ่ ข็ง อุณหภูมิ –18 ถงึ -24 องศาสเซลเซยี ส
4. กรณุ าอยา่ นาไปแชแ่ ข็งอีกครัง้ เมือ่ สนิ คา้ ละลาย

264

ผลิตภัณฑ์ที่ 2

 จงเขยี นวธิ กี ารใช้ทรี่ ะบุไวบ้ นฉลากผลติ ภณั ฑ์

1. ตดั ถุงพลาสติกออก ฃฃ
2. เปิดฝาเลก็ น้อยก่อนอุน่ ฃฃ
3. ไมโครเวฟในร้าน 7-ELEVEN กด 7 ฃฃ
4. ไมโครเวฟทว่ั ไป (800 วตั ต์) อนุ่ 3-4 นาที ฃฃ
1. ตดั ถุงพลาสตกิ ออก ฃฃ
2. เปิดฝาเล็กน้อยก่อนอุ่น ฃฃ
 จงเขยี นหมายเหตหุ รือข้อควรระวงั ท่ีระบไุ ว้บนฉลากผลติ ภณั ฑ์

1. ระวังร้อนในขณะจับสินคา้ หลงั อุ่น ฃฃ
2. บรรจุภณั ฑ์นีส้ ามารถเข้าไมโครเวฟไดแ้ ละไม่ควรนากลบั มาใช้ซา้ /Microwaveabl ฃฃ
3. โปรดแชแ่ ขง็ อุณหภูมิ –18 ถงึ -24 องศาสเซลเซยี ส ฃฃ
4. กรุณาอยา่ นาไปแช่แขง็ อกี ครั้ง เมื่อสินคา้ ละลาย ฃฃ
2. เปิดฝาเล็กนอ้ ยกอ่ นอนุ่ ฃฃ
 จงเขียนวิธีเกบ็ รักษาทีร่ ะบุไวบ้ นฉลากผลิตภัณฑ์

1. ระวังร้อนในขณะจับสนิ คา้ หลังอ่นุ ฃฃ
2. บรรจุภัณฑ์นส้ี ามารถเข้าไมโครเวฟไดแ้ ละไมค่ วรนากลับมาใช้ซ้า/Microwaveabl ฃฃ
3. โปรดแช่แขง็ อณุ หภูมิ –18 ถึง -24 องศาสเซลเซียส ฃฃ
4. กรณุ าอย่านาไปแช่แข็งอีกครัง้ เมื่อสินค้าละลาย ฃฃ

ผลการวิเคราะห์ข้อมลู จากผลิตภัณฑ์ที่ 1 และ 2

เมอื่ พิจารณาขอ้ บ่งชีท้ ่ีระบวุ ธิ ีใชแ้ ละการดแู ลรกั ษาท่ปี รากฏบนผลิตภัณฑ์ พบว่า สว่ นใหญ่ มสี ัญลกั ษณ์หรือ

ขอ้ มลู ท่ีเกีย่ วข้องกบั อณุ หภูมิ แสดงว่า อณุ หภมู ิมผี ลต่อการใชง้ านของ ผลิตภณั ฑพ์ อลิเมอร์แต่ละชนดิ g

เม่อื พจิ ารณาข้อบง่ ช้ีท่ีระบวุ ธิ ใี ชแ้ ละการดแู ลรกั ษาท่ปี รากฏบนผลิตภณั ฑ์ พบว่า สว่ นใหญ่ มีสญั ลักษณ์หรอื ขอ้ มลู ท่ี

สรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากผลิตภัณฑท์ ี่ 1 และ 2 g
g
สมบตั ดิ า้ นอณุ หภมู ขิ องพอลิเมอร์มีความสาาคญั ต่อการใช้งานของผลติ ภณั ฑ์
สมบตั ดิ ้านอณุ หภมู ิของพอลิเมอรม์ คี วามสาาคญั ตอ่ การใชง้ านของผลิตภณั ฑ์

265

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 21

เรอ่ื ง การเปลยี่ นแปลงของพอลิเมอรเ์ มือ่ ไดร้ ับความร้อน

รายวชิ า ว31104 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 1 เวลา 1 ชว่ั โมง
รวม 13 ช่ัวโมง
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 ช่ือหน่วยการเรียนรู้ อาหาร
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์

1. มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.1 เขา้ ใจสมบัตขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธร์ ะหวา่ งสมบตั ขิ องสสารกบั โครงสร้าง

และแรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ งอนภุ าค หลักและธรรมชาติของการเปลย่ี นแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย
และการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี

2. ตัวชี้วดั
ว 2.1 ม.5/18 วเิ คราะห์และอธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหว่างโครงสรา้ งกับสมบัติเทอร์มอพลาสติกและเทอรม์ อ

เซตของพอลิเมอร์ และการนาพอลิเมอรไ์ ปใชป้ ระโยชน์
ว 2.1 ม.5/19 สบื ค้นข้อมลู และนาเสนอผลกระทบของการใช้ผลิตภัณฑพ์ อลิเมอรท์ ีม่ ีตอ่ สิ่งมชี ีวิตและ

สิง่ แวดล้อม พรอ้ มแนวทางปูองกนั แกไ้ ข

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) นกั เรียนอธบิ ายความสัมพันธ์ระหว่างสมบัตเิ ทอร์มอพลาสตกิ และเทอร์มอเซตของพอลเิ มอร์ พร้อม
แนวทางปูองกันหรอื แก้ไขได้
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) นกั เรียนสามารถทากจิ กรรม 3.4 ปญั หาและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกดิ จากขยะพลาสติกได้
2) นักเรยี นสืบคน้ ข้อมลู และนาเสนอผลกระทบของการใช้ผลติ ภัณฑพ์ อลิเมอร์ทม่ี ีตอ่ สิง่ มีชวี ิตและ
สงิ่ แวดลอ้ ม พร้อมแนวทางปูองกันหรือแกไ้ ขได้
3.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A)
1) ใฝุเรียนรแู้ ละเปน็ ผู้มีความมงุ่ มัน่ ในการทางาน

4. สาระสาคัญ
อาหารเปน็ ปัจจัยสาคญั สาหรับการดารงชวี ติ ของมนษุ ย์ โดยไขมัน คารโ์ บไฮเดรต โปรตีน และวติ ามินเปน็
สารประกอบอินทรีย์ สว่ นเกลือแร่เปน็ ไอออนหรอื สารประกอบไอออนกิ สารประกอบ อนิ ทรียเ์ ปน็ สารประกอบของ
ธาตุคารบ์ อนซ่งึ อาจมีธาตอุ ื่นเป็นองค์ประกอบร่วมด้วย เช่น ไฮโดรเจน ออกซเิ จน ไนโตรเจน ซลั เฟอร์ ไขมัน มที ้ัง

266

ชนิดอิ่มตัวและไมอ่ มิ่ ตัวซงึ่ พิจารณาได้จากชนิดพนั ธะระหวา่ งคาร์บอนอะตอมในกรดไขมัน ซง่ึ ใช้เกณฑ์เดยี วกับ
สารประกอบไฮโดรเจนคารบ์ อน คารโ์ บไฮเดรต ที่เป็นมอนอเมอร์และพอลิเมอรม์ ีสมบตั แิ ตกต่างกนั โปรตนี เปน็
พอลิเมอรท์ มี่ มี อนอเมอร์เปน็ กรด แอมิโนซึ่งมีหมูค่ ารบ์ อก ซลิ และหมูอ่ ะมิโน จึงแสดงสมบตั ิความเป็นกรด -เบสได้
วิตามินแตล่ ะชนิดมีสภาพข้ัวแตกต่างกัน ทาให้บางชนดิ ละลายได้ในน้ามนั บางชนิดละลายได้ในนา้ มนั ซ่ึงเป็นไปตาม
หลกั การ like dissolves like สว่ นเกลอื แร่แต่ละชนิดมีประโยชนท์ แี่ ตกตา่ งกัน บรรจภุ ณั ฑ์ สาหรบั อาหารสว่ นใหญ่
ทามาจากพลาสติกซง่ึ เปน็ พอลเิ มอรส์ ังเคราะห์ มีท้ังชนดิ พอลเิ มอร์เทอรม์ อพลาสติกและพอลเิ มอร์ เทอรม์ อเซต ซงึ่ ใช้
งานได้แตกตา่ งกัน พลาสตกิ ยอ่ ยสลายได้ยากและมกี ารใช้ในปรมิ าณมาก จงึ ก่อใหเ้ กิดปัญหาขยะ การลดการใช้ การ
ใชซ้ ้า และการนากลบั มาใชใ้ หม่ เปน็ การช่วยปัญหาได้ทางหนง่ึ

5. สาระการเรยี นรู้
5.1 ความรู้
การเปลีย่ นแปลงของพอลิเมอรเ์ มื่อได้รับความร้อน
พอลิเมอรแ์ ตล่ ะชนิดเม่อื ไดร้ ับความร้อนจะเกดิ การเปลีย่ นแปลงแตกตา่ งกนั โดยพอลิเมอร์ที่
หลอมเหลวเมือ่ เพมิ่ อณุ หภมู ิ และแข็งตวั เม่ือลดอณุ หภมู ิ เรียกว่า พอลิเมอรเ์ ทอรม์ อพลาสติก
(thermoplastic polymer) ส่วนพอลิเมอรท์ ี่ไม่หลอมเหลวเม่อื ไดร้ บั ความรอ้ น แต่จะเกิดการสลายตัว
หรือไหมเ้ ม่ือไดร้ ับความร้อนสูง เรยี กว่า พอลิเมอร์เทอรม์ อเซต (thermoset polymer) โดยผลติ ภณั ฑ์ท่ี
ทาจากพอลิเมอร์ มอพลาสตกิ สามารถนามา หลอมแลว้ ข้ึนรปู ใหมไ่ ด้อีก แต่ผลิตภัณฑ์ ที่ทาจากพอลเิ มอร์
เทอร์มอเซตไมส่ ามารถนามาหลอมเพอื่ ลกู ใหม่ไดอ้ ีก
พอลเิ มอร์เทอร์มอพลาสตกิ มีโครงสร้างแบบเสน้ แบบกงิ่ เชน่ พอลเิ อทลิ ีน พอลโิ พรพลิ ีน พอลเิ อ
ทลิ นี เทเรฟทาเลต พอลสิ ไตรนี พอลไิ วนิลคลอไรด์ สว่ นพอลิเมอร์เทอร์มอเซต มโี ครงสรา้ งแบบร่าง แห เชน่
พอลิเมลามีนฟอรม์ าลดไี ฮด์ พอลิฟนี อลฟอรม์ าลดีไฮด์

รูป 3.26 โครงสร้างของพอลิเมอร์ แบบเส้น แบบกง่ิ และแบบร่างแห

ปญั หาและแนวทางการแกไ้ ขปญั หาท่ีเกดิ จากการใชพ้ ลาสตกิ
พลาสติกมกี ารนาการใช้ประโยชนอ์ ย่างแพรห่ ลายดงั ท่ีไดก้ ลา่ วมาแล้ว แต่พลาสตกิ ย่อยสลายใน
ธรรมชาตไิ ดย้ าก ซึง่ ผลติ ภณั ฑ์พลาสติกหลายชนิดที่ใช้บรรจอุ าหาร เช่น ถงุ รอ้ น ถุงเย็น ฟิล์มหมุ้ อาหาร เปน็
ผลิตภณั ฑท์ ่ี ใชค้ ร้ังเดยี วแลว้ ท้ิง และกอ่ ใหเ้ กดิ ขยะพลาสติกจานวนมากทส่ี ง่ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมใน
หลายดา้ น เนือ่ งจากขยะพลาสติกจะตกค้างอยู่ในดินและน้า และการกาจดั ดว้ ยวธิ กี ารเผาก่อใหเ้ กดิ มลพษิ
ทางอากาศ จงึ มีการรณรงคใ์ หล้ ดปรมิ าณขยะพลาสติกด้วยวิธีตอ่ ไปน้ี
- การลดปรมิ าณการใช้ (reduce) เปน็ การใช้ผลติ ภณั ฑพ์ ลาสตกิ เทา่ ท่ีจาเป็น หรือใช้วสั ดุอน่ื แทน
เชน่ การใช้ถงุ ผ้าแทนถงุ พลาสติก วธิ นี เ้ี ปน็ การแกป้ ญั หาทต่ี น้ เหตุ

267

- การใช้ซ้า (reuse) เปน็ การนาผลติ ภณั ฑพ์ ลาสตกิ ทใี่ ช้แล้วใช้ซ้าหรือดดั แปลงเพอ่ื ให้เหมาะสมตอ่
การใชง้ านในรูปแบบอืน่ ๆ เช่น ขวดนา้ ดืม่ พลาสตกิ มาใช้ซา้ นาถุงพลาสติกทีใ่ ชแ้ ลว้ มาทาเปน็ ถงุ ขยะ

การนากลับมาใชใ้ หม่ หรอื รีไซเคลิ (Recycle) เปน็ การนาผลิตภณั ฑท์ ท่ี าจากเทอรม์ อพลาสตกิ
มาผา่ นกระบวนการ หลอมเหลวเพ่อื ข้นึ รปู ใหม่ และผลติ ภณั ฑท์ ี่ได้จากกระบวนการรีไซเคลิ จะไม่นามาใช้
เป็นบรรจภุ ณั ฑส์ าหรับอาหาร และกฎหมายไดก้ าหนดให้ผผู้ ลิตตอ้ งแสดงรหัสชนิดพลาสตกิ ผลติ ภณั ฑ์
เพ่อื ใหง้ า่ ยตอ่ การคัดแยกสาหรบั กระบวนการรไี ซเคิล ดงั ตาราง 3.2

ตาราง 3.2 รหัสชนิดพลาสติกท่ีนามารไี ซเคิล และตัวอย่างผลติ ภัณฑ์ท่ไี ด้จากกระบวนการรไี ซเคลิ

5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสอื่ สาร (อา่ น ฟงั พดู เขยี น)
2) ความสามารถในการคิด (สังเกต วิเคราะห์ จดั กลุ่ม สรปุ )
3) ความสามารถในการแก้ปญั หา (แสวงหาความรู้)
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต (ความรับผดิ ชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใชก้ ารสบื คน้ ผ่านคอมพวิ เตอร์)

5.3 คุณลกั ษณะและค่านยิ ม
ใฝุเรยี นรแู้ ละเป็นผูม้ คี วามมุ่งม่นั ในการทางาน

6. บรู ณาการ
-

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขนั้ ที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ
1.1 ครทู บทวนบทเรยี น เรอื่ ง พอลิเมอรส์ ังเคราะห์
1.2 ครูตัง้ คาถามเพื่อนาเข้าสู่การทากจิ กรรม

268

- ถงุ พลาสตกิ และปล๊กั ไฟเมื่อไดร้ บั ความรอ้ นสูงหรอื อยูใ่ กล้เปลวไฟ จะเกดิ การ
เปลี่ยนแปลงแตกต่างกนั หรือไม่ อย่างไร (แนวการตอบ ถงุ พลาสตกิ และปล๊กั ไฟเม่อื ได้รับความร้อนสูงหรอื
อยู่ใกลเ้ ปลวไฟ จะเกดิ การเปลีย่ นแปลงแตกตา่ งกันโดยถงุ พลาสติกจะหลอมเหลว แตป่ ลัก๊ ไฟไมห่ ลอมเหลว)

ข้นั ท่ี 2 ขน้ั สารวจและคน้ หา
2.1 ครูให้นกั เรยี นทกุ คนสบื คน้ ขอ้ มลู ในหนังสอื เรียน ดังนี้
- การเปล่ียนแปลงของพอลิเมอรเ์ มือ่ ได้รับความรอ้ น
- ปญั หาและแนวทางการแกไ้ ขทเ่ี กดิ จากการใช้พลาสตกิ
2.2 ครใู หน้ ักเรยี นทากจิ กรรม 3.4 ปัญหาและแนวทางการแกไ้ ขปัญหาทเี่ กิดจากขยะพลาสตกิ

ขนั้ ที่ 3 ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรุป
3.1 ครสู ่มุ นักเรยี น 3 คน ออกมานาเสนอผลการทากิจกรรมของตวั เองหน้าช้ันเรียน
3.2 นักเรียนและครูรว่ มกนั สรุปผลการสบื คน้ ขอ้ มูลในหัวข้อ ดังนี้
การเปลี่ยนแปลงของพอลิเมอรเ์ มือ่ ได้รบั ความรอ้ น
พอลิเมอร์แต่ละชนิดเมือ่ ได้รับความรอ้ นจะเกดิ การเปลีย่ นแปลงแตกตา่ งกัน โดยพอลเิ มอร์
ทีห่ ลอมเหลวเม่ือเพมิ่ อุณหภูมิ และแขง็ ตัวเม่อื ลดอณุ หภูมิ เรียกว่า พอลเิ มอรเ์ ทอรม์ อพลาสตกิ
(thermoplastic polymer) ส่วนพอลิเมอร์ทไ่ี ม่หลอมเหลวเมื่อได้รบั ความร้อน แต่จะเกิดการ
สลายตวั หรอื ไหมเ้ มือ่ ไดร้ ับความร้อนสงู เรยี กวา่ พอลเิ มอร์เทอร์มอเซต (thermoset polymer)
โดย ผลิตภัณฑท์ ท่ี าจากพอลเิ มอร์ มอพลาสตกิ สามารถนามา หลอมแลว้ ขึ้นรูปใหมไ่ ด้อกี แต่
ผลติ ภัณฑ์ทที่ าจากพอลิเมอรเ์ ทอร์มอเซตไม่สามารถนามาหลอมเพื่อลกู ใหมไ่ ดอ้ ีก
พอลเิ มอรเ์ ทอร์มอพลาสติกมโี ครงสร้างแบบเสน้ แบบก่ิง เช่น พอลเิ อทิลีน พอลโิ พรพลิ ีน
พอลเิ อทิลนี เทเรฟทาเลต พอลสิ ไตรนี พอลิไวนลิ คลอไรด์ ส่วนพอลิเมอรเ์ ทอรม์ อเซต มีโครงสรา้ ง
แบบร่างแห เช่นพอลิเมลามีนฟอร์มาลดีไฮด์ พอลฟิ นี อลฟอร์มาลดไี ฮด์

รปู 3.26 โครงสร้างของพอลิเมอร์ แบบเส้น แบบกงิ่ และแบบร่างแห

ปญั หาและแนวทางการแก้ไขปัญหาท่ีเกดิ จากการใช้พลาสตกิ
พลาสติกมกี ารนาการใช้ประโยชน์อยา่ งแพร่หลายดงั ทไ่ี ด้กล่าวมาแล้ว แตพ่ ลาสตกิ ยอ่ ย
สลายในธรรมชาติไดย้ าก ซง่ึ ผลติ ภัณฑ์พลาสติก หลายชนดิ ทใ่ี ชบ้ รรจอุ าหาร เช่น ถุงร้อน ถุงเยน็
ฟลิ ์มห้มุ อาหาร เป็นผลติ ภัณฑท์ ใี่ ช้ครง้ั เดียวแลว้ ท้ิง และก่อให้เกดิ ขยะพลาสตกิ จานวนมากทส่ี ง่ ผล
กระทบต่อสิง่ แวดลอ้ มในหลายด้าน เนือ่ งจากขยะพลาสติกจะตกคา้ งอยูใ่ นดินและนา้ และการ
กาจัดด้วยวธิ ีการเผาก่อให้เกดิ มลพษิ ทางอากาศ จงึ มกี ารรณรงคใ์ ห้ลดปริมาณขยะพลาสติก
- การลดปรมิ าณการใช้ (reduce) เปน็ การใชผ้ ลิตภณั ฑ์พลาสตกิ เทา่ ทีจ่ าเป็น หรือใช้
วสั ดุอื่นแทนเชน่ การใช้ถุงผ้าแทนถงุ พลาสติก วธิ นี ี้เป็นการแก้ปญั หาทีต่ น้ เหตุ

269

- การใชซ้ ้า (reuse) เป็นการนาผลติ ภณั ฑพ์ ลาสติกทีใ่ ชแ้ ลว้ ใช้ซ้าหรอื ดดั แปลงเพื่อให้
เหมาะสมตอ่ การใช้งานในรูปแบบอนื่ ๆ เช่น ขวดน้าดืม่ พลาสตกิ มาใช้ซา้ นาถงุ พลาสตกิ ทใี่ ช้แล้ว
มาทาเปน็ ถุงขยะ

- การนากลบั มาใชใ้ หม่ หรอื รีไซเคิล (Recycle) เป็นการนาผลติ ภัณฑ์ทีท่ าจากเทอร์
มอพลาสติกมาผ่านกระบวนการหลอมเหลวเพ่อื ขึน้ รปู ใหม่ และผลติ ภัณฑท์ ไี่ ดจ้ ากกระบวนการรี
ไซเคิลจะไมน่ ามาใช้เป็นบรรจุภณั ฑ์สาหรบั อาหาร และกฎหมายไดก้ าหนดใหผ้ ผู้ ลิตตอ้ งแสดงรหัส
ชนิดพลาสตกิ ผลิตภัณฑ์ เพอื่ ให้งา่ ยต่อการคัดแยกสาหรับกระบวนการรไี ซเคิล

ข้ันท่ี 4 ขนั้ ขยายความรู้
4.1 ครูให้ความรู้เพิม่ เติมเกี่ยวกับการนาวัสดุพอลิเมอรท์ ี่ย่อยสลายไดใ่ นธรรมชาตมิ าทาเปน็ บรรจุ

ภณั ฑ์สาหรบั อาหาร
4.2 ครใู หค้ วามรู้เพ่ิมเติมเกยี่ วกบั ตาราง 3.2 ในหนังสอื เรียน

ขนั้ ท่ี 5 ขน้ั ประเมินผล
5.1 นกั เรยี นทาแบบฝึกหดั เร่อื ง การเปล่ยี นแปลงของพอลเิ มอร์เมือ่ ได้รบั ความรอ้ น และแนวทาง

การแก้ไขปญั หาทีเ่ กดิ จากขยะพลาสตกิ
5.2 นักเรยี นสง่ ใบกจิ กรรม 3.4 ปัญหาและแนวทางการแก้ไขปญั หาท่ีเกิดจากขยะพลาสตกิ

ประยกุ ต์และตอบแทนสงั คม
ครใู ห้นกั เรียนแต่ละคนนาความรู้ท่เี รียนไปค้นคว้าเพิ่มเตมิ ทห่ี ้องสมุด หรือเวบ็ ไซต์ แล้วนาเสนอใน

ชั้นเรยี น

8. สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรยี นรู้
8.1 หนงั สือเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ (วทิ ยาศาสตร์กายภาพ) ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 เลม่ 1

(ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 อนิ เทอรเ์ นต็
8.3 หอ้ งสมุด
8.4 ใบกจิ กรรม 3.4 ปญั หาและแนวทางการแก้ไขปญั หาทเ่ี กดิ จากขยะพลาสตกิ
8.5 แบบฝึกหัด เรือ่ ง การเปล่ียนแปลงของพอลิเมอร์เมื่อไดร้ บั ความร้อน และแนวทางการแกไ้ ขปญั หาท่ีเกิด
จากขยะพลาสตกิ

9. การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี ารวัด เคร่อื งมือ 270
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1) ตรวจแบบฝึกหัด 1) แบบประเมนิ การ เกณฑก์ ารประเมนิ
ด้านความรู้ (K) 1) นกั เรียนตอบ
1) นกั เรยี นอธบิ ายความสัมพันธร์ ะหว่าง เรอ่ื ง การเปลยี่ นแปลง ทากิจกรรม คาถามไดร้ ะดบั ดี
สมบตั เิ ทอรม์ อพลาสติกและเทอร์มอเซต ผ่านเกณฑ์
ของพอลเิ มอร์ พรอ้ มแนวทางปอู งกนั หรือ ของพอลิเมอรเ์ มือ่ ได้รบั 2) แบบฝกึ หดั เรื่อง
แก้ไขได้ 1) นักเรียนบนั ทกึ ผล
ความรอ้ น และ การเปล่ียนแปลงของ การสืบค้นข้อมลู ได้
ดา้ นกระบวนการ (P) ระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์
1) นักเรียนสามารถทากจิ กรรม 3.4 ปัญหา แนวทางการแก้ไข พอลิเมอรเ์ มอ่ื ได้รับ
และแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกดิ จากขยะ 1) นกั เรียนทาภาระ
พลาสตกิ ได้ ปัญหาทเ่ี กิดจากขยะ ความร้อน และ งานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
2) นกั เรียนสืบค้นขอ้ มลู และนาเสนอ ได้ระดบั ดี ผ่านเกณฑ์
ผลกระทบของการใชผ้ ลิตภัณฑพ์ อลเิ มอร์ที่ พลาสติก แนวทางการแกไ้ ข
มตี อ่ สง่ิ มีชีวิตและสิ่งแวดลอ้ ม พรอ้ ม
แนวทางปอู งกนั หรือแก้ไขได้ ปัญหาท่เี กดิ จากขยะ
ดา้ นคณุ ลักษณะ (A)
1) ใฝเุ รียนร้แู ละเปน็ ผมู้ คี วามม่งุ ม่นั ในการ พลาสติก
ทางาน
1) ตรวจใบกจิ กรรม 1) แบบประเมินการ
3.4 ปญั หาและแนว ทากจิ กรรม
ทางการแก้ไขปัญหาที่ 2) ใบกจิ กรรม 3.4
เกิดจากขยะพลาสตกิ ปญั หาและแนว
ทางการแก้ไขปญั หา
ที่เกดิ จากขยะ
พลาสติก

1) ตรวจแบบฝึกหดั 1) แบบประเมินการ

เรื่อง การเปลย่ี นแปลง ทากิจกรรม

ของพอลเิ มอรเ์ มอ่ื ไดร้ บั 2) แบบฝึกหัด เร่ือง

ความร้อน และ การเปลย่ี นแปลงของ

แนวทางการแก้ไข พอลเิ มอรเ์ มือ่ ได้รบั

ปัญหาทเ่ี กดิ จากขยะ ความร้อน และ

พลาสตกิ แนวทางการแกไ้ ข

2) ตรวจใบกิจกรรม ปัญหาท่เี กิดจากขยะ

3.4 ปญั หาและแนว พลาสติก

ทางการแกไ้ ขปญั หาที่ 3) ใบกิจกรรม 3.4

เกดิ จากขยะพลาสติก ปัญหาและแนว

ทางการแกไ้ ขปัญหา

ทเ่ี กิดจากขยะ

พลาสติก

271

10. เกณฑ์การประเมินผลงานนกั เรียน

เกณฑ์การประเมนิ แบบ Rubrics ของการทากจิ กรรม เรอื่ ง การเปลย่ี นแปลงของพอลเิ มอรเ์ มอื่ ไดร้ บั ความรอ้ น

ประเด็นการ ค่าน้าหนัก แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมิน คะแนน

ดา้ นความรู้ 3 ตอบคาถามไดถ้ ูกตอ้ งครบถว้ น จานวน 8-10 ข้อ
(K) 2 ตอบคาถามไดถ้ ูกตอ้ งครบถว้ น จานวน 4-7 ขอ้
1 ตอบคาถามได้ถูกตอ้ งครบถ้วน จานวน 1-3 ขอ้ หรอื ทาไมถ่ กู ตอ้ ง

ด้าน 3 บนั ทึกผลการสืบคน้ ข้อมลู ไดถ้ กู ตอ้ งครบถ้วน

กระบวนการ 2 บนั ทกึ ผลการสืบคน้ ข้อมูลได้ถูกต้องบางสว่ น

(P) 1 บันทกึ ผลการสืบค้นข้อมูล แตไ่ มถ่ กู ต้อง

ด้าน 3 ทาภาระงานที่ไดร้ ับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาท่ีกาหนด และเรียบรอ้ ยถูกต้องครบถว้ น

คุณลักษณะ 2 ทาภาระงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาทก่ี าหนด แต่งานยังผดิ พลาดบางสว่ น

(A) 1 ทาภาระงานท่ไี ดร้ ับมอบหมายเสร็จ แต่ลา่ ช้า และเกดิ ขอ้ ผดิ พลาดบางส่วน

ระดบั คะแนน 3 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 2 หมายถึง ระดับดี
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั พอใช้

คะแนน

272

การประเมินการทากจิ กรรม เรื่อง การเปล่ยี นแปลงของพอลิเมอรเ์ ม่ือไดร้ ับความร้อน

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ท่ี ช่อื - นามสกลุ ด้านความรู้ ด้าน ดา้ น รวม ระดบั
(K) กระบวนการ คณุ ลกั ษณะ คะแนน คณุ ภาพ

(P) (A)

3 3 39

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

26

27

28

273

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ท่ี ช่ือ - นามสกลุ ด้านความรู้ ดา้ น ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 3 39

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

ระดับคณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
3-4 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรุง
คะแนน
คะแนน

274

บันทกึ หลงั การสอน

หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 เร่อื ง อาหาร ใ
แผนการสอนท่ี
21 เรื่อง การเปลีย่ นแปลงของพอลเิ มอร์เม่ือไดร้ บั ความร้อน .

เดือน พ.ศ. ใ
วนั ท่ี

ผลการจัดการเรียนรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ปญั หา / อปุ สรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ัญหา

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ลงชื่อ............................................ครผู สู้ อน ลงช่อื .............................................หัวหนา้ กลุ่มสาระ
(นางสาวนิลนิกา แก้วปัญญา) (นางนพรตั น์ ครุฑเกดิ )

ชื่อ ชั้น เลขท่ี 275


แบบฝึกหัด
เรื่อง การเปลย่ี นแปลงของพอลเิ มอร์เมอื่ ได้รบั ความรอ้ น และแนวทางการแกไ้ ขปัญหาที่เกดิ จากขยะพลาสตกิ

คาสั่ง ให้นักเรยี นศึกษาเน้ือหาเกี่ยวกับการเปล่ยี นแปลงของพอลเิ มอร์เม่ือไดร้ ับความรอ้ น และแนวทางการแก้ไข
ปญั หาท่เี กดิ จากขยะพลาสติกในหนงั สอื เรยี น แล้วเตมิ คาตอบลงในช่องวา่ งให้ถูกต้องสมบรู ณ์

1. พอลเิ มอร์ที่หลอมเหลวเมอ่ื เพ่ิมอณุ หภูมิ และแขง็ ตัวเมือ่ ลดอุณหภมู ิ เรียกวา่ แ
ตอบ พอลเิ มอร์เทอร์มอพลาสตกิ (thermoplastic polymer)

2. พอลเิ มอร์ทไ่ี มห่ ลอมเหลวเม่ือไดร้ บั ความร้อน แต่จะเกดิ การสลายตัวหรือไหมเ้ มือ่ ไดร้ บั ความรอ้ นสูง เรยี กว่า

ตอบ พอลิเมอรเ์ ทอร์มอเซต(thermoset polymer) ด

3. พอลิเมอร์เทอร์มอพลาสตกิ มโี ครงสร้างแบบใดบา้ ง พรอ้ มยกตัวอยา่ ง
ตอบ แบบเสน้ แบบกิง่ เช่น พอลเิ อทลิ ีน พอลิโพรพลิ นี พอลเิ อทิลีนเทเรฟทาเลต พอลสิ ไตรีน พอลิไวนลิ คลอ
ไรด์ อ

4. สว่ นพอลิเมอร์เทอรม์ อเซตมีโครงสรา้ งแบบใดบ้าง พร้อมยกตัวอย่าง อ
ตอบ แบบรา่ งแห เชน่ พอลเิ มลามนี ฟอรม์ าลดไี ฮด์ พอลิฟีนอลฟอรม์ าลดไี ฮด์

5. จงอธิบายความหมายของการลดปรมิ าณการใช้ (reduce)
ตอบ เปน็ การใช้ผลิตภัณฑพ์ ลาสตกิ เทา่ ทีจ่ าเปน็ หรือใช้วัสดุอนื่ แทนเช่น การใชถ้ ุงผา้ แทนถงุ พลาสติก วิธีน้เี ป็น

การแก้ปัญหาท่ตี น้ เหตุ อ

6. จงอธบิ ายความหมายของการใช้ซ้า (reuse)
ตอบ เป็นการนาผลติ ภณั ฑ์พลาสตกิ ทใ่ี ช้แล้วใชซ้ า้ หรอื ดดั แปลงเพอื่ ให้เหมาะสมต่อการใช้งานในรปู แบบอื่น ๆ

เช่น ขวดน้าด่ืมพลาสตกิ มาใชซ้ ้า นาถงุ พลาสตกิ ทีใ่ ชแ้ ลว้ มาทาเปน็ ถุงขยะ อ

7. จงอธิบายความหมายของการนากลบั มาใช้ใหม่ หรอื รีไซเคิล (Recycle)
ตอบ เปน็ การนาผลิตภัณฑ์ท่ีทาจากเทอร์มอพลาสติกมาผา่ นกระบวนการหลอมเหลวเพือ่ ขนึ้ รปู ใหม่ และ

ผลติ ภัณฑ์ทไี่ ด้จากกระบวนการรีไซเคิลจะไม่นามาใชเ้ ป็นบรรจุภัณฑส์ าหรบั อาหาร และกฎหมายได้กาหนดให้

ผูผ้ ลิตตอ้ งแสดงรหัสชนิดพลาสตกิ ผลิตภณั ฑ์ เพื่อใหง้ า่ ยต่อการคัดแยกสาหรับกระบวนการรไี ซเคลิ ม

ผู้ผลิตต้องแส ดงรหัสชนิดพลาสติกผลิตภัณฑ์ เพื่อใหง้ า่ ยต่อการคัดแยกสาหรบั กระบวนการรไี ซเคิล

8. รหัส คือ ชนดิ ของพลาสติกที่นามารีไซเคลิ ใด 276
ตอบ พอลิเอทลิ นี เทเรฟทาเลต (polyethylene terephthalate, PET หรือ PETE)

9. รหสั ผลิตภัณฑ์ทีไ่ ดจ้ ากกระบวนการรีไซเคิล คือ อ
ตอบ เฟอร์นเิ จอร์ ภาชนะบรรจุภัณฑ์ อ

10. รหัส คอื ชนดิ ของพลาสตกิ ท่นี ามารไี ซเคิลใด

ตอบ พอลสิ ไตรีน (polystyrene, PS)

277

ชอ่ื ชน้ั เลขที่ ‘

ใบกิจกรรม 3.4 ปญั หาและแนวทางการแกไ้ ขปัญหาท่ีเกิดจากขยะพลาสติก

คาสงั่ สบื ค้นขอ้ มลู หรอื สารวจปัญหาจากการใชพ้ ลาสติกท่เี กดิ ขึ้นในชุมชน หรือสังคม อภปิ รายแนวทางการแก้ไข
ปัญหาทเ่ี หมาะสม และระบวุ ่าแนวทางการแก้ปญั หาน้นั สดคลอ้ งกบั การลดการใช้ การใช้ซา้ และการนา
กลบั มาใชใ้ หม่หรอื ไม่ อยา่ งไร แลว้ นาเสนอหนา้ ชั้นเรยี น

 ผลการสบื ค้นหรอื สารวจขอ้ มลู

ปัญหาจากการกาจัดขยะพลาสติกโดยการเผาทาให้เกิดมลพษิ ทางอากาศในแหล่งชุมชน ซงึ่ แนวทางการ

แกป้ ญั หาทาไดโ้ ดยลดปริมาณการใชเ้ พอ่ื ใหม้ ขี ยะพลาสติกท่ีต้องกาจัดโดยการเผาน้อยลง รวม ทั้งคัดแยกขยะ

ที่ทาจากพอลิเมอร์เทอรม์ อพลาสตกิ เพื่อส่งใหโ้ รงงาน สาหรับแปรรปู เปน็ ผลติ ภัณฑอ์ ่นื ๆ เช่น ถุงขยะ ตอ่ ไป

ซง่ึ แนวทางดงั กล่าวสอดคล้องกบั วธิ ลี ดการใช้ และการนากลบั มาใชใ้ หม่ ด

ปัญหาจากการกาจัดขยะพลาสตกิ โดยการเผาทาให้เกิดมลพิษทางอากาศในแหล่งชมุ ชน ซึ่งแนวทางการ

แกป้ ญั หาทาได้โดยลดปรมิ าณการใช้เพือ่ ให้มขี ยะพลาสตกิ ทตี่ อ้ งกาจัดโดยการเผานอ้ ยลง รวม ทง้ั คดั แยกขยะ

ที่ทาจากพอลเิ มอรเ์ ทอร์มอพลาสตกิ เพอ่ื สง่ ใหโ้ รงงาน สาหรบั แปรรูปเป็นผลติ ภณั ฑอ์ น่ื ๆ เชน่ ถงุ ขยะ ต่อไป

ซงึ่ แนวทางดังกลา่ วสอดคล้องกบั วธิ ลี ดการใช้ และการนากลบั มา ใช้ใหม่

ซงึ่ แนวทางดงั กล่าวสอดคลอ้ งกบั วธิ ีลดการใช้ และการนากลบั มาใชใ้ หม่ ด

ปัญหาจากการกาจดั ขยะพลาสตกิ โดยการเผาทาให้เกดิ มลพิษทางอากาศในแหลง่ ชุมชน ซึ่งแนวทางการ

แกป้ ญั หาทาได้โดยลดปรมิ าณการใช้เพื่อให้มขี ยะพลาสตกิ ที่ต้องกาจัดโดยการเผาน้อยลง รวม ทั้งคัดแยกขยะ

ท่ที าจากพอลิเมอร์เทอรม์ อพลาสตกิ เพือ่ ส่งใหโ้ รงงาน สาหรับแปรรูปเปน็ ผลิตภณั ฑอ์ นื่ ๆ เชน่ ถงุ ขยะ ต่อไป

ซง่ึ แนวทางดังกลา่ วสอดคล้องกับวธิ ีลดการใช้ และการนากลบั มา ใช้ใหม่

ช่ือ ช้นั เลขท่ี 278


เฉลยแบบฝกึ หดั
เร่อื ง การเปลย่ี นแปลงของพอลิเมอร์เมื่อไดร้ บั ความรอ้ น และแนวทางการแกไ้ ขปัญหาทีเ่ กิดจากขยะพลาสตกิ

คาสง่ั ให้นักเรยี นศกึ ษาเนอ้ื หาเก่ยี วกบั การเปล่ยี นแปลงของพอลิเมอรเ์ มอื่ ไดร้ บั ความร้อน และแนวทางการแก้ไข
ปญั หาท่ีเกิดจากขยะพลาสติกในหนงั สอื เรยี น แลว้ เตมิ คาตอบลงในช่องวา่ งให้ถูกตอ้ งสมบูรณ์

1. พอลเิ มอร์ท่ีหลอมเหลวเมื่อเพม่ิ อณุ หภมู ิ และแข็งตวั เมื่อลดอณุ หภมู ิ เรียกวา่ แ
ตอบ พอลิเมอร์เทอรม์ อพลาสติก (thermoplastic polymer)

2. พอลเิ มอรท์ ีไ่ มห่ ลอมเหลวเม่ือได้รับความรอ้ น แต่จะเกดิ การสลายตวั หรอื ไหมเ้ มือ่ ไดร้ บั ความรอ้ นสูง เรยี กว่า

ตอบ พอลิเมอร์เทอร์มอเซต(thermoset polymer) ด

3. พอลเิ มอร์เทอร์มอพลาสติกมีโครงสรา้ งแบบใดบ้าง พรอ้ มยกตวั อย่าง
ตอบ แบบเส้น แบบก่งิ เช่น พอลิเอทลิ ีน พอลโิ พรพิลนี พอลิเอทิลนี เทเรฟทาเลต พอลิสไตรนี พอลิไวนิลคลอ
ไรด์ อ

4. ส่วนพอลเิ มอรเ์ ทอร์มอเซตมีโครงสร้างแบบใดบา้ ง พร้อมยกตัวอยา่ ง อ
ตอบ แบบรา่ งแห เชน่ พอลเิ มลามีนฟอร์มาลดไี ฮด์ พอลิฟนี อลฟอร์มาลดไี ฮด์

5. จงอธบิ ายความหมายของการลดปรมิ าณการใช้ (reduce)
ตอบ เป็นการใชผ้ ลติ ภณั ฑพ์ ลาสติกเท่าท่จี าเปน็ หรือใชว้ สั ดุอ่ืนแทนเช่น การใชถ้ งุ ผ้าแทนถงุ พลาสตกิ วธิ นี ีเ้ ปน็

การแกป้ ัญหาทีต่ ้นเหตุ อ

6. จงอธิบายความหมายของการใช้ซ้า (reuse)
ตอบ เปน็ การนาผลติ ภัณฑ์พลาสตกิ ที่ใชแ้ ล้วใช้ซ้าหรือดัดแปลงเพื่อให้เหมาะสมต่อการใช้งานในรูปแบบอื่น ๆ

เช่น ขวดนา้ ดม่ื พลาสติกมาใช้ซ้า นาถงุ พลาสตกิ ท่ีใช้แล้วมาทาเป็นถงุ ขยะ อ

7. จงอธิบายความหมายของการนากลับมาใชใ้ หม่ หรอื รีไซเคิล (Recycle)
ตอบ เป็นการนาผลิตภัณฑท์ ีท่ าจากเทอรม์ อพลาสตกิ มาผา่ นกระบวนการหลอมเหลวเพือ่ ขน้ึ รูปใหม่ และ

ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการรีไซเคลิ จะไม่นามาใช้เปน็ บรรจภุ ัณฑส์ าหรบั อาหาร และกฎหมายได้กาหนดให้

ผผู้ ลติ ต้องแสดงรหสั ชนิดพลาสตกิ ผลติ ภัณฑ์ เพื่อให้งา่ ยต่อการคัดแยกสาหรบั กระบวนการรีไซเคิล ม

ผผู้ ลิตตอ้ งแส ดงรหัสชนิดพลาสติกผลิตภณั ฑ์ เพอ่ื ให้งา่ ยต่อการคัดแยกสาหรบั กระบวนการรไี ซเคลิ


Click to View FlipBook Version