The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิทยาศาสตร์กายภาพ1-ม.5

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ธัญญาดล อุปชิตกุล, 2020-05-19 12:39:59

วิทยาศาสตร์กายภาพ1-ม.5

วิทยาศาสตร์กายภาพ1-ม.5

329

มาแตกต่างกันจงึ นามาใชป้ ระโยชนไ์ ดต้ ่างกนั การนาสารกมั มันตรงั สแี ต่ละชนิดมาใชต้ อ้ งมีการจัดการอยา่ งเหมาะสม
และต้องคานงึ ถึงผลกระทบตอ่ สิง่ มชี ีวิตและสิง่ แวดล้อม
5. สาระการเรยี นรู้

5.1 ความรู้
แบตเตอรีเ่ ปน็ อปุ กรณ์ทใี่ ห้พลังงานไฟฟูาสาหรบั อุปกรณ์ ตา่ ง ๆ เช่น ไฟฉาย นาฬกิ า

โทรศพั ทม์ อื ถอื แล็ปทอ๊ ป คอมพิวเตอร์ รวมท้ังยานพาหนะ เชน่ รถยนต์ แบตเตอร่ี จัดเปน็ เซลล์ ไฟฟาู
ประเภท หนง่ึ เน่ืองจาก มีปฏกิ ริ ยิ าเคมีท่เี กี่ยวข้องกับการถ่ายโอนอเิ ล็กตรอนระหวา่ งสารเคมที อี่ ยตู่ า่ ง
ขั้วไฟฟาู กนั เกดิ ข้ึน แบต เตอร่ีท่ใี ช้กันในปัจจบุ นั เช่น ถ่านไฟฉาย ถ่านแอลคาไลน์ แบตเตอร่ตี ะก่วั
แบตเตอรลี่ เิ ธียมไอออน

รูป 4.8 ตัวอยา่ งแบตเตอรี่ที่พบในชวี ิตประจาวนั
ปฏิกิริยาเคมีทมี่ กี ารถ่ายโอนอเิ ล็กตรอนระหว่างสารเคมี เรียกว่ า ปฏิกริ ิยา รดี อกซ์ ( redox
reaction) ตัวอยา่ งปฏกิ ริ ิยา รดี อกซ์ที่เกดิ ขนึ้ ใน แบตเตอรี่ เช่น ในถา่ นไฟฉาย ข้ัวโลหะสงั กะสีซงึ่ เป็นข้วั ลบ
ใหอ้ เิ ล็กตอนออกมา อเิ ล็กตรอนจะเคลอื่ นท่ไี ปยังข้วั บวกซงึ่ เป็นคาร์บอนทีเ่ คลอื บด้วยสารประกอบออกไซด์
ของแมงกานสี ทาให้เกิดกระแสไฟฟาู ข้ึนซงึ่ มที ศิ ทางการเคล่อื นทตี่ รงขา้ มกับการเคลอื่ นทีข่ องอเิ ลก็ ตรอน
ในถา่ นไฟฉายมีอิเลก็ ตรอนช่วยในการนาไฟฟาู ระหวา่ งขว้ั และทาใหก้ ระแสไฟฟาู ครบวงจร

รูป 4.9 ทิศทางการเคลื่อนที่ของอเิ ลก็ ตรอนท่ที าให้เกิดกระแสไฟฟาู

ถา่ นไฟฉายเปน็ แบตเตอรี่ทไ่ี ม่สามารถนามาประจเุ พอื่ ใช้ใหม่อกี แตกตา่ งจากแบตเตอรี่

โทรศัพทม์ อื ถอื หรอื แบตเตอรีร่ ถยนตซ์ ่ึงเปน็ แบตเตอรีท่ ี่ สามารถนามา ประจุใหม่ โดยปฏิกิริยาที่เกิดขึน้ ใน

กระบวนการประจุเป็นปฏิกริ ยิ าที่เกดิ ในทิศทางตรงกันการขา้ มกบั ปฏิกริ ยิ าการให้กระแสไฟฟูา

สารเคมที เี่ ปน็ องค์ประกอบในแบตเตอรีส่ ่วนใหญ่เป็นสารเคมีอนั ตราย จึงไม่ควรท้ิงรวมกบั ขยะ

ทัว่ ไป แตต่ อ้ งทิ้งในทีท่ ่จี ดั เตรยี มไวใ้ ห้

330

นอกจากใน แบตเตอรี่แลว้ ยังมปี ฏิกริ ิยารีดอก ซ์ท่พี บเหน็ ในชวี ติ ประจาวันมากมาย เช่น ปฏกิ ริ ยิ า
การเผาไหม้ ปฏกิ ริ ยิ าการเกดิ สนมิ ของโลหะ ปฏิกริ ิยาในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ปฏกิ ิริยาเคมีใน
กระบวนการหายใจ
5.2 กระบวนการ

1) ความสามารถในการสื่อสาร (อา่ น ฟงั พดู เขยี น)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วเิ คราะห์ จดั กลุ่ม สรปุ )
3) ความสามารถในการแก้ปัญหา (แสวงหาความรู้)
4) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ (ความรบั ผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ (ใชก้ ารสบื ค้นผ่านคอมพิวเตอร์)
5.3 คณุ ลักษณะและคา่ นิยม
ใฝุเรยี นรแู้ ละเป็นผู้มคี วามมงุ่ มน่ั ในการทางาน
6. บูรณาการ
-

7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นท่ี 1 ขนั้ สร้างความสนใจ
1.1 ครูทบทวนบทเรียนทผ่ี า่ นมาเก่ียวกบั เชือ้ เพลงิ ทางเลือก
1.2 ครูนาภาพมาให้นกั เรยี นศึกษา พร้อมต้ังคาถามเพอื่ เขา้ ส่บู ทเรยี น ดังนี้

1) จงบอกช่อื อปุ กรณท์ ง้ั 4 ภาพ ใหถ้ ูกต้อง
2) จงยกตัวอยา่ งแบตเตอรที่ ่นี กั เรียนรจู้ ัก

ขัน้ ท่ี 2 ขน้ั สารวจและค้นหา
2.1 ครใู หน้ ักเรียนศึกษาเนอื้ หาและทาความเข้าใจ เร่ือง แบตเตอร่ี ตามรายละเอยี ดในหนังสือ

เรยี น หนา้ 114 -116
2.2 เมื่อนักเรยี นศึกษาเนื้อหาและทาความเข้าใจ เรื่อง แบตเตอรี่ เสร็จเรยี บร้อย ให้นกั เรยี นทา

แบบฝกึ หัด 4.3 ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 117 ลงในสมดุ ของตนเอง
2.3 นกั เรยี นทาแบบฝกึ หัด เรือ่ ง ทิศทางการเคลอื่ นท่ีของอิเลก็ ตรอนท่ที าให้เกดิ กระแสไฟฟูา

ข้ันที่ 3 ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรุป
3.1 ครูสุม่ นกั เรยี น 2 คน ดงั นี้
- คนที่ 1 ออกมาเฉลยแบบฝกึ หัด 4.3 หนา้ ชน้ั เรยี น
- คนท่ี 2 ออกมาเฉลยแบบฝึกหัด เร่อื ง ทศิ ทางการเคล่ือนท่ขี องอิเล็กตรอนทีท่ าใหเ้ กิด

กระแสไฟฟาู หนา้ ช้นั เรยี น

331

3.2 ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรุปเน้อื หา เรื่อง แบตเตอร่ี ดังน้ี
- แบตเตอร่เี ปน็ อปุ กรณท์ ใี่ ห้พลังงานไฟฟาู สาหรับอุปกรณต์ ่าง ๆ เช่น ไฟฉาย นาฬิกา

โทรศัพท์มอื ถอื แล็ปท๊อปคอมพิวเตอร์
- ปฏกิ ริ ยิ าเคมที มี่ กี ารถ่ายโอนอิเลก็ ตรอนระหว่างสารเคมี เรยี กว่า ปฏิกิรยิ ารดี อกซ์

(redox reaction)
- ปฏิกริ ิยารดี อกซ์ทีเ่ กิดขน้ึ ในแบตเตอร่ี เช่น ในถ่านไฟฉายขัว้ โลหะสงั กะสีซึ่งเป็นขว้ั ลบ

ใหอ้ เิ ลก็ ตอนออกมา อเิ ล็กตรอนจะเคล่อื นท่ไี ปยงั ข้วั บวกซึ่งเปน็ คารบ์ อนทเ่ี คลือบด้วยสารประกอบออกไซด์
ของแมงกานสี ทาให้เกดิ กระแสไฟฟูาขนึ้ ซึ่งมีทิศทางการเคล่ือนทีต่ รงข้ามกบั การเคลื่อนที่ของอเิ ลก็ ตรอน
ในถา่ นไฟฉายมอี เิ ล็กตรอนช่วยในการนาไฟฟูาระหวา่ งขว้ั และทาให้กระแสไฟฟาู ครบวงจร

- ถ่านไฟฉายเป็นแบตเตอร่ที ี่ไมส่ ามารถนามาประจุเพอ่ื ใช้ใหม่อีก แตกต่างจากแบตเตอร่ี
โทรศพั ทม์ อื ถอื หรอื แบตเตอรี่รถยนต์ซ่ึงเป็นแบตเตอรีท่ ่ีสามารถนามาประจุใหม่ โดยปฏกิ ิริยาท่ีเกดิ ข้นึ ใน
กระบวนการประจเุ ป็นปฏิกริ ิยาทีเ่ กิดในทิศทางตรงกนั การข้ามกบั ปฏกิ ริ ยิ าการใหก้ ระแสไฟฟาู

- สารเคมีทีเ่ ป็นองคป์ ระกอบในแบตเตอรี่ส่วนใหญ่เป็นสารเคมอี ันตราย จึงไมค่ วรทิ้งรวม
กับขยะทว่ั ไป แตต่ อ้ งท้งิ ในท่ีทจ่ี ัดเตรียมไวใ้ ห้

ขนั้ ท่ี 4 ข้ันขยายความรู้
4.1 ครูใหค้ วามรู้เพ่ิมเติมเก่ยี วกับผลิตภณั ฑ์ทเ่ี กิดข้นึ จากปฏิกิริยาในถา่ นไฟฉาย และโครงการ

“แกล้งดิน” ตามรายละเอียดในหนังสอื เรยี น หน้า 116-117

ขน้ั ท่ี 5 ขัน้ ประเมนิ ผล
5.1 ครตู รวจแบบฝึกหัด เรือ่ ง ทศิ ทางการเคลือ่ นท่ขี องอเิ ลก็ ตรอนทที่ าให้เกิดกระแสไฟฟาู
5.2 ครตู รวจสมดุ ของนักเรียนในการทาแบบฝกึ หดั 4.3

ประยุกตแ์ ละตอบแทนสงั คม
ครูใหน้ กั เรยี นแต่ละคนนาความรู้ที่เรยี นไปคน้ ควา้ เพม่ิ เตมิ ทหี่ ้องสมุด หรอื เว็บไซต์ แล้วนาเสนอใน

ชน้ั เรยี น

8. ส่ือการเรียนรู้/แหล่งเรยี นรู้
8.1 หนงั สือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ (วทิ ยาศาสตร์กายภาพ) ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 5 เลม่ 1

(ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 แบบฝกึ หดั เร่อื ง ทิศทางการเคลอ่ื นที่ของอเิ ล็กตรอนท่ีทาให้เกิดกระแสไฟฟาู
8.3 อินเทอร์เน็ต
8.4 หอ้ งสมุด

9. การวดั และประเมนิ ผล 332

จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ กี ารวดั เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมนิ
1) นักเรยี นตอบ
ดา้ นความรู้ (K) 1) แบบประเมนิ การ คาถามไดร้ ะดบั ดี
ทากิจกรรม ผา่ นเกณฑ์
1) นกั เรียนอธบิ ายความหมายของปฏกิ ริ ยิ า 1) ตรวจสมุดนกั เรยี น 2) แบบฝึกหดั 4.3
1) นักเรยี นสามารถ
รีดอกซ์ได้ ในการทาแบบฝกึ หัด 1) แบบประเมนิ การ เขียนแผนภาพได้
ทากิจกรรม ระดับดี ผา่ นเกณฑ์
2) นักเรยี นยกตวั อยา่ งปฏิกิรยิ ารดี อกซ์ที่พบ 4.3 2) แบบฝกึ หัด เร่ือง
ทศิ ทางการเคล่อื นท่ี 1) นักเรยี นทาภาระ
ในชีวิตประจาวันได้ ของอิเล็กตรอนทท่ี า งานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
ให้เกดิ กระแสไฟฟูา ได้ระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์
ด้านกระบวนการ (P)
1) แบบประเมนิ การ
1) นักเรียนสามารถเขียนแผนภาพทิศ 1) ตรวจแบบฝกึ หัด ทากิจกรรม
2) แบบฝกึ หัด 4.3
ทางการเคลอ่ื นทีข่ องอเิ ลก็ ตรอนท่ีทาให้เกิด เร่อื ง ทศิ ทางการ 3) แบบฝกึ หัด เร่อื ง
ทิศทางการเคลอ่ื นท่ี
กระแสไฟฟูาได้ เคลือ่ นทีข่ อง ของอเิ ล็กตรอนที่ทา
ใหเ้ กดิ กระแสไฟฟาู
อเิ ล็กตรอนที่ทาให้เกิด

กระแสไฟฟูา

ด้านคณุ ลกั ษณะ (A) 1) ตรวจสมุดนกั เรียน
1) ใฝเุ รยี นรแู้ ละเปน็ ผ้มู คี วามมงุ่ ม่นั ในการ ในการทาแบบฝึกหัด
ทางาน 4.3
2) ตรวจแบบฝกึ หัด
เร่อื ง ทศิ ทางการ
เคล่ือนทีข่ อง
อเิ ล็กตรอนท่ที าใหเ้ กิด
กระแสไฟฟาู

333

10. เกณฑก์ ารประเมินผลงานนกั เรียน

เกณฑก์ ารประเมนิ แบบ Rubrics ของการทากจิ กรรม เรื่อง ปฏิกิริยารดี อกซ์

ประเดน็ การ ค่านา้ หนกั แนวทางการให้คะแนน
ประเมนิ คะแนน

ด้านความรู้ 3 ตอบคาถามไดถ้ ูกต้องครบถว้ น จานวน 5 ขอ้
(K) 2 ตอบคาถามไดถ้ ูกต้องครบถ้วน จานวน 3-4 ขอ้
1 ตอบคาถามไดถ้ ูกต้องครบถว้ น จานวน 1-2 ข้อ หรือไม่มขี ้อถูกต้อง

3 เขียนแผนภาพทศิ ทางการเคล่อื นทข่ี องอิเลก็ ตรอนที่ทาใหเ้ กิดกระแสไฟฟาู

ด้าน 2 พร้อมระบสุ ว่ นประกอบตา่ งๆ ได้ถกู ตอ้ งครบถ้วน
กระบวนการ 1 เขยี นแผนภาพทิศทางการเคลื่อนทขี่ องอิเลก็ ตรอนที่ทาให้เกิดกระแสไฟฟูา
พร้อมระบุส่วนประกอบตา่ งๆ ได้ แต่ยงั ไม่ถกู ต้องครบถ้วน
(P) เขียนแผนภาพทศิ ทางการเคลือ่ นทข่ี องอิเลก็ ตรอนทที่ าให้เกิดกระแสไฟฟูา

พร้อมระบสุ ่วนประกอบต่างๆ แตไ่ มถ่ กู ตอ้ ง

ด้าน 3 ทาภาระงานทีไ่ ด้รบั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาท่กี าหนด และเรียบรอ้ ยถูกต้องครบถว้ น

คุณลกั ษณะ 2 ทาภาระงานที่ไดร้ ับมอบหมายเสร็จภายในเวลาทีก่ าหนด แตง่ านยังผิดพลาดบางสว่ น

(A) 1 ทาภาระงานทไ่ี ด้รับมอบหมายเสร็จ แตล่ ่าชา้ และเกดิ ข้อผิดพลาดบางส่วน

ระดบั คะแนน 3 หมายถึง ระดบั ดมี าก
คะแนน 2 หมายถึง ระดับดี
คะแนน 1 หมายถงึ ระดบั พอใช้

คะแนน

334

การประเมนิ การทากิจกรรม เร่อื ง ปฏิกริ ยิ ารีดอกซ์

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

ท่ี ชื่อ - นามสกุล ด้านความรู้ ด้าน ด้าน รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คณุ ภาพ

(P) (A)

3 3 39

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

26

27

28

335

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ท่ี ช่ือ - นามสกลุ ด้านความรู้ ดา้ น ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 3 39

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

ระดับคณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
3-4 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรุง
คะแนน
คะแนน

336

บนั ทกึ หลงั การสอน

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เรือ่ ง พลงั งาน พ.ศ. ใ
แผนการสอนท่ี 26 เรอ่ื ง ปฏกิ ริ ยิ ารีดอกซ์ .

ใ เดือน ใ

วนั ที่

ผลการจดั การเรียนรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ปญั หา / อุปสรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกป้ ัญหา

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ลงชื่อ............................................ครูผสู้ อน ลงช่ือ.............................................หวั หนา้ กลุม่ สาระ
(นางสาวนิลนกิ า แกว้ ปัญญา) (นางนพรตั น์ ครฑุ เกดิ )

337

ชือ่ ชนั้ เลขท่ี ‘

แบบฝกึ หัด เรอื่ ง ทิศทางการเคลอ่ื นทีข่ องอิเล็กตรอนทที่ าใหเ้ กดิ กระแสไฟฟ้า

คาสง่ั จงเขยี นแผนภาพทศิ ทางการเคล่ือนท่ีของอิเล็กตรอนทท่ี าใหเ้ กดิ กระแสไฟฟูา พรอ้ มระบสุ ว่ นประกอบตา่ งๆ
ใหถ้ ูกต้องครบถว้ น

338

ชื่อ ชน้ั เลขท่ี ‘

เฉลยแบบฝึกหัด เรื่อง ทศิ ทางการเคลอ่ื นท่ขี องอเิ ลก็ ตรอนทที่ าใหเ้ กิดกระแสไฟฟ้า

คาสง่ั จงเขียนแผนภาพทศิ ทางการเคลื่อนท่ีของอเิ ล็กตรอนทที่ าใหเ้ กิดกระแสไฟฟาู พรอ้ มระบสุ ่วนประกอบตา่ งๆ
ใหถ้ กู ต้องครบถว้ น

339

เรอื่ ง สารกัมมนั ตรังสี แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 27 เวลา 1 ชวั่ โมง
รายวชิ า ว31104 รวม 13 ชว่ั โมง
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 4 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 1
กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ พลังงาน ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรียนท่ี 1

1. มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.1 เข้าใจสมบัตขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสัมพนั ธร์ ะหว่างสมบตั ขิ องสสารกบั โครงสร้าง

และแรงยดึ เหนย่ี วระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาตขิ องการเปล่ยี นแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย
และการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี

2. ตวั ช้ีวดั
ว 2.1 ม.5/24 อธบิ ายสมบตั ิของสารกัมมนั ตรังสี และคานวณคร่ึงชวี ติ และปริมาณของสารกมั มันตรังสี

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) นักเรยี นอธบิ ายสมบัติของสารกัมมนั ตรงั สีได้
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) นกั เรียนเขียนแผนภาพอย่างง่ายของการผลติ ไฟฟูาในโรงไฟฟูานิวเคลยี ร์ได้
3.3 ด้านคุณลกั ษณะ (A)
1) ใฝุเรียนร้แู ละเปน็ ผมู้ คี วามมงุ่ มัน่ ในการทางาน

4. สาระสาคัญ
พลงั งานท่ีนามาใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจาวนั ไดม้ าจากปฏิกิริยาเคมี และปฏิกริ ยิ านิวเคลียร์ โดยปฏิกริ ยิ า
เคมที ี่ใหพ้ ลังงานอาจได้มาจากปฏกิ ริ ิยาการเผาไหม้ ปฏิกริ ิยาเคมีไฟฟูา ซง่ึ ปฏกิ ิริยาทเี่ กดิ ขน้ึ เขยี นแสดงได้ด้วย
สมการเคมี โดยแสดงชนดิ และจานวนของสาร ตงั้ ตน้ ท่ที า ปฏกิ ิริยากัน และผลติ ภัณฑ์ ท่ีเกิดขนึ้ รวมท้ังภาวะในการ
เกดิ ปฏิกิริยา การพิจารณา วา่ ปฏิกิรยิ าเคมเี กดิ เร็วหรอื ชา้ พิจารณาได้จาก อัตราการเกิดปฏิกริ ิยาเค มี ซงึ่ ข้ึนอย่กู ับ
หลายปัจจัย เช่น ความเขม้ ขน้ อุณหภูมิ พื้นท่ผี วิ ของสารตงั้ ต้น ตัวเร่งปฏกิ ริ ยิ า ความ รเู้ กี่ยวกบั ปจั จัยทมี่ ีผลต่ออัตรา
การเกิดปฏิกริ ิยาเคมี สามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจาวนั และในอุตสาหกรรม ปฏกิ ิริยารดี อกซ์เป็นปฏกิ ริ ิยา
เคมที ่เี กดิ จากการถา่ ยโอนอิเลก็ ตรอน ของสาร โดยปฏิกิรยิ ารดี อกซม์ ที ง้ั ทใี่ หก้ ระแสไฟฟาู และไมใ่ ห้กระแสไฟฟาู
สาหรับปฏกิ ิริยานวิ เคลยี ร์ จะใชส้ ารกัมมนั ตรังสเี ปน็ แหล่งของพลังงาน เนอื่ งจากสารกัมมนั ตรงั สีมนี วิ เคลียสไม่
เสถยี ร เกิดการสลายและแผร่ งั สีอย่างต่อเน่ือง สารกมั มนั ตรังสีแตล่ ะชนิดมคี ่าครึ่งชีวติ แตกต่างกนั และรังสที แี่ ผอ่ อก

340

มาแตกตา่ งกนั จึงนามาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ตา่ งกนั การนาสารกมั มนั ตรงั สแี ต่ละชนิดมาใชต้ อ้ งมกี ารจัดการอยา่ งเหมาะสม
และตอ้ งคานงึ ถงึ ผลกระทบต่อส่ิงมชี ีวติ และสง่ิ แวดล้อม
5. สาระการเรียนรู้

5.1 ความรู้
สารกัมมนั ตรงั สี ( radioactive substance) มนี ิวเคลยี สไม่เสถียร จงึ เกดิ การสลายและแผ่รังสี

ซงึ่ เรียกปรากฏการณ์น้วี ่า กมั มนั ตรงั สี ( radioactivity) สารกัมมนั ตรงั สีใชเ้ ป็นแหลง่ พลังงานสาหรับโรงไฟฟูานงิ
เคลยี ร์ในหลายประเทศ เช่น ญป่ี นุ สหรฐั อเมรกิ า จีน โดยการผลิตไฟฟูาอาศัยปฏิกริ ิยานวิ เคลียรข์ องสารกมั มนั ตรังสี
ในเครือ่ งปฏกิ รณท์ าให้เกิดพลงั งานความรอ้ นทีน่ าไปใชผ้ ลิตไอนา้ เพือ่ หมนุ กงั หันที่ต่อกับเคร่อื งกาเนดิ ไฟฟูา ดงั รปู
4.11

รูป 4.11 แผนภาพอยา่ งงา่ ยของการผลิตไฟฟูาในโรงไฟฟูานิวเคลยี ร์
ปฏิกริ ยิ านวิ เคลยี รข์ องสารกัมมนั ตรงั สีเปน็ การเปล่ียนแปลงภายในนวิ เคลียสของอะตอมท่ีนาไปสู่
การเปลี่ยนแปลงชนิดของธาตหุ รอื ไอโซโทป และปลดปล่อยพลังงานออกมา แตกต่างจากการเกดิ ปฏกิ ริ ิยา
เคมที เ่ี ปน็ การเปลย่ี นแปลงของอิเลก็ ตรอนโดยนิวเคลยี สไมม่ กี ารเปล่ยี นแปลงจึงไม่เกดิ การเปล่ยี นชนิดของ
ธาตุ ดงั น้นั ปฏกิ ริ ิยานิวเคลียรจ์ งึ ไมจ่ ัดเปน็ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี ตัวอย่างเช่น ปฏกิ ริ ยิ านิวเคลยี รข์ องยูเรเนยี ม-235
ซึง่ เกดิ จากการยิงอนภุ าคนิวตรอนไปท่นี วิ เคลียสของยเู รเนียม ทาใหน้ วิ เคลียสแตกออกเป็นครปิ ทอน-90
แบเรียม-144 และอนุภาคนิวตรอน รวมทง้ั มีพลงั งานเกดิ ขน้ึ ดงั รปู 4.12

รปู 4.12 ปฏกิ ิริยานิวเคลียร์ของยเู รเนยี ม-235 ท่ใี ช้เปน็ แหลง่ พลงั งานในโรงไฟฟูานิวเคลยี ร์
ระยะเวลาทส่ี ารกัมมันตรงั สีสลายจนเหลือปริมาณครึ่งหน่ึง เรยี กวา่ ครงึ่ ชวี ิต (half-life) เขียน
แทนดว้ ยสัญลักษณ์ t½ สารกมั มันตรังสีแต่ละชนดิ มีครึ่งชีวิตไม่เท่ากัน ตวั อยา่ งการสลายตัวของสาร
กมั มนั ตรงั สี เช่น โมลิบดมี ัน-99 (Mo-99) มีคร่งึ ชีวติ 3 วนั ถา้ มีโมลิบดมี ัน-99 อยู่ 10 กรมั เม่ือเวลาผ่านไป
3 วนั จะเหลอื โมลบิ ดีนมั -99 อยู่ 5 กรัม และเมื่อเวลาผ่านไปอีก 3 วนั จะเหลือโมลิบดมี ัน-99 อยู่ 2.5 กรัม
ดังรูป 4.13

รปู 4.13 การสลายของโมลบิ ดมี นั -99

341

5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสือ่ สาร (อ่าน ฟัง พดู เขียน)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วิเคราะห์ จดั กลุ่ม สรปุ )
3) ความสามารถในการแก้ปญั หา (แสวงหาความรู้)
4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ (ความรับผดิ ชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ (ใช้การสบื คน้ ผ่านคอมพิวเตอร์)

5.3 คุณลักษณะและค่านยิ ม
ใฝุเรียนรู้และเป็นผูม้ คี วามมงุ่ มั่นในการทางาน

6. บรู ณาการ
-

7. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขนั้ ที่ 1 ขน้ั สร้างความสนใจ
1.1 ครูนาเขา้ สู่บทเรียนโดยใหน้ ักเรียนพจิ ารณารูป 4.2 กับ 4.11 พร้อมตงั้ คาถาม ดังนี้

รปู 4.2 รูป 4.11
คาถาม การผลิตกระแสไฟฟูาในโรงไฟฟาู นิวเคลียรแ์ ตกตา่ งจากโรงไฟฟูาทใ่ี ชถ้ ่านหินหรอื แกส๊

ธรรมชาตอิ ยา่ งไร (แนวคาตอบว่า แตกตา่ งกนั ที่แหลง่ กาเนิดความรอ้ นที่ใชถ้ า่ นหินหรือแก๊สธรรมชาติ
คาถาม ภายในเคร่ืองปฏิกรณใ์ ชส้ ารใดเป็นแหลง่ พลังงาน (แนวคาตอบว่า ใชส้ ารกัมมันตรังสีเป็น

แหลง่ พลังงาน)

ข้นั ท่ี 2 ขน้ั สารวจและคน้ หา
2.1 ครูใหน้ ักเรยี นศกึ ษาเนอื้ หาและทาความเขา้ ใจ เรื่อง สารกัมมนั ตรังสี ตามรายละเอียดใน

หนงั สือเรียน หนา้ 118
2.2 ครใู หน้ ักเรยี นทาแบบฝึกหัด 4.4 ข้อที่ 1 ในหนังสอื เรียน หน้า 120 ลงในสมดุ ของตนเอง
2.3 ครูใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกหัด เรื่อง แผนภาพอย่างงา่ ยของการผลิตไฟฟูาในโรงไฟฟูานิวเคลยี ร์

ขน้ั ที่ 3 ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ
3.1 ครูสุ่มนักเรยี น 5 คน ดังนี้
- คนที่ 1-4 เฉลยแบบฝกึ หัด 4.4 ขอ้ ท่ี 1-4 ตามลาดบั

342

- คนท่ี 5 ออกมาอธิบาย แผนภาพอย่างง่ายของการผลติ ไฟฟูาในโรงไฟฟูานิวเคลยี ร์
หนา้ ช้ันเรยี น

3.2 ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ เน้ือหา เรอ่ื ง สารกัมมนั ตรังสี ดังน้ี
- สารกมั มนั ตรังสี (radioactive substance) มนี วิ เคลียสไมเ่ สถยี ร จึงเกิดการสลายและ

แผ่รงั สี ซึ่งเรียกปรากฏการณ์นวี้ า่ กมั มนั ตรังสี (radioactivity)
- สารกมั มันตรงั สใี ช้เป็นแหลง่ พลังงานสาหรบั โรงไฟฟาู นิงเคลียรใ์ นหลายประเทศ เชน่

ญ่ปี ุน สหรฐั อเมริกา จีน
- โดยการผลติ ไฟฟาู อาศยั ปฏกิ ริ ยิ านิวเคลียรข์ องสารกัมมันตรงั สใี นเครอื่ งปฏิกรณท์ าให้

เกดิ พลงั งานความร้อนทีน่ าไปใช้ผลติ ไอน้าเพื่อหมนุ กังหนั ที่ต่อกบั เคร่อื งกาเนดิ ไฟฟูา

ขน้ั ที่ 4 ขนั้ ขยายความรู้
4.1 ครใู ห้ความรู้เพม่ิ เตมิ เก่ยี วกับแบบฝึกหัดทา้ ยบทที่ 4 ขอ้ ที่ 9 ตามรายละเอียดในหนังสอื เรยี น

หน้า 128
4.2 ครูยกตัวอย่างภาพข่าว หรือเหตกุ ารณ์ ทีเ่ กิดอันตรายจากสารกัมมันตรงั สี

ขั้นท่ี 5 ข้ันประเมนิ ผล
5.1 ครูตรวจแบบฝึกหดั เร่ือง แผนภาพอยา่ งงา่ ยของการผลิตไฟฟูาในโรงไฟฟูานิวเคลยี ร์
5.2 ครูตรวจสมดุ ของนกั เรยี นในการทาแบบฝกึ หดั 4.4 ขอ้ ที่ 1 จานวน 4 ข้อย่อย

ประยกุ ต์และตอบแทนสังคม
ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนนาความรูท้ เ่ี รยี นไปค้นควา้ เพ่ิมเติมทีห่ อ้ งสมุด หรือเวบ็ ไซต์ แล้วนาเสนอใน

ชนั้ เรียน

8. สอ่ื การเรยี นรู้/แหลง่ เรยี นรู้
8.1 หนังสือเรียนรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ (วทิ ยาศาสตร์กายภาพ) ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 เล่ม 1

(ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2560)
8.2 แบบฝึกหัด เรอ่ื ง แผนภาพอยา่ งง่ายของการผลิตไฟฟาู ในโรงไฟฟูานวิ เคลยี ร์
8.3 อนิ เทอรเ์ น็ต
8.4 หอ้ งสมดุ

343

9. การวัดและประเมินผล วธิ กี ารวดั เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1) ตรวจสมุดนักเรยี น 1) แบบประเมินการ 1) นกั เรยี นทา
ด้านความรู้ (K) ในการทาแบบฝึกหดั ทากิจกรรม แบบฝึกหัด
1) นักเรยี นอธิบายสมบตั ิของสาร 4.4 ข้อที่ 1 2) แบบฝึกหัด 4.4 ได้ระดบั ดี ผ่านเกณฑ์
กัมมันตรงั สีได้ ข้อที่ 1
1) ตรวจแบบฝึกหัด 1) นกั เรียนสามารถ
ด้านกระบวนการ (P) เรือ่ ง แผนภาพอยา่ ง 1) แบบประเมนิ การ เขียนแผนภาพอยา่ ง
1) นักเรยี นเขียนแผนภาพอย่างง่ายของการ ง่ายของการผลิตไฟฟาู ทากจิ กรรม งา่ ยได้ระดับดี
ผลิตไฟฟาู ในโรงไฟฟาู นิวเคลียรไ์ ด้ ในโรงไฟฟูานวิ เคลียร์ 2) แบบฝกึ หัด เร่อื ง ผา่ นเกณฑ์
แผนภาพอยา่ งงา่ ย
ด้านคุณลักษณะ (A) 1) ตรวจสมุดนกั เรยี น ของการผลติ ไฟฟูาใน 1) นักเรียนทาภาระ
1) ใฝเุ รยี นร้แู ละเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการ ในการทาแบบฝกึ หัด โรงไฟฟูานวิ เคลียร์ งานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย
ทางาน 4.4 ข้อที่ 1 ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์
2) ตรวจแบบฝึกหดั 1) แบบประเมนิ การ
เรอ่ื ง แผนภาพอยา่ ง ทากจิ กรรม
งา่ ยของการผลติ ไฟฟาู 2) แบบฝึกหดั 4.4
ในโรงไฟฟูานวิ เคลียร์ ขอ้ ท่ี 1
3) แบบฝึกหดั เรอ่ื ง
แผนภาพอย่างง่าย
ของการผลิตไฟฟูาใน
โรงไฟฟูานิวเคลียร์

344

10. เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงานนกั เรยี น

เกณฑ์การประเมนิ แบบ Rubrics ของการทากิจกรรม เรื่อง สารกมั มนั ตรังสี

ประเด็นการ ค่านา้ หนัก แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมนิ คะแนน

ด้านความรู้ 3 ทาแบบฝกึ หดั ได้ถูกต้อง จานวน 4 ขอ้
(K) 2 ทาแบบฝึกหัดไดถ้ กู ต้อง จานวน 2-3 ขอ้
1 ทาแบบฝึกหดั ไดถ้ กู ต้อง จานวน 1 ขอ้ หรือทาแบบฝึกหัดไม่ถกู ต้อง

3 เขยี นแผนภาพอย่างงา่ ยของการผลติ ไฟฟาู ในโรงไฟฟูานวิ เคลยี ร์ พร้อมระบุ

ดา้ น 2 ส่วนประกอบต่างๆ ไดถ้ กู ตอ้ งครบถว้ น
กระบวนการ 1 เขยี นแผนภาพอยา่ งงา่ ยของการผลิตไฟฟูาในโรงไฟฟาู นวิ เคลยี ร์ พร้อมระบุ
ส่วนประกอบต่างๆ ได้ แตย่ ังไม่ถกู ต้องครบถว้ น
(P) เขยี นแผนภาพอย่างง่ายของการผลิตไฟฟูาในโรงไฟฟูานิวเคลยี ร์ พร้อมระบุ

ส่วนประกอบตา่ งๆ แตไ่ มถ่ ูกตอ้ ง

ด้าน 3 ทาภาระงานทไี่ ดร้ ับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาทก่ี าหนด และเรยี บรอ้ ยถูกต้องครบถว้ น

คุณลกั ษณะ 2 ทาภาระงานที่ไดร้ บั มอบหมายเสร็จภายในเวลาทีก่ าหนด แต่งานยังผิดพลาดบางสว่ น

(A) 1 ทาภาระงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมายเสร็จ แต่ลา่ ชา้ และเกดิ ขอ้ ผดิ พลาดบางส่วน

ระดับคะแนน 3 หมายถึง ระดบั ดีมาก
คะแนน 2 หมายถงึ ระดับดี
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั พอใช้

คะแนน

345

การประเมินการทากิจกรรม เร่ือง สารกมั มนั ตรังสี

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

ท่ี ช่อื - นามสกลุ ดา้ นความรู้ ดา้ น ด้าน รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลักษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 3 39

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

26

27

28

346

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ท่ี ช่ือ - นามสกลุ ด้านความรู้ ดา้ น ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 3 39

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

ระดับคณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
3-4 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรุง
คะแนน
คะแนน

347

บนั ทกึ หลงั การสอน

หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 4 เรอื่ ง พลงั งาน พ.ศ. ใ
แผนการสอนท่ี 27 เร่ือง สารกัมมันตรังสี .

ใ เดือน ใ

วนั ท่ี

ผลการจัดการเรยี นรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ปญั หา / อุปสรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ญั หา

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ลงชอื่ ............................................ครูผสู้ อน ลงชื่อ.............................................หัวหนา้ กลุม่ สาระ
(นางสาวนิลนกิ า แก้วปญั ญา) (นางนพรตั น์ ครุฑเกดิ )

348

ชือ่ ช้ัน เลขที่ ‘

เฉลยแบบฝึกหัด เรื่อง แผนภาพอยา่ งง่ายของการผลติ ไฟฟา้ ในโรงไฟฟา้ นิวเคลียร์

คาสง่ั จงเขยี นแผนภาพอย่างง่ายของการผลิตไฟฟูาในโรงไฟฟูานิวเคลยี ร์ให้สมบรู ณ์ พรอ้ มระบุสว่ นประกอบตา่ งๆ
ใหถ้ กู ต้องครบถ้วน

349

ชือ่ ชน้ั เลขท่ี ‘

เฉลยแบบฝึกหดั เรื่อง แผนภาพอย่างง่ายของการผลิตไฟฟา้ ในโรงไฟฟ้านวิ เคลียร์

คาสัง่ จงเขียนแผนภาพอย่างง่ายของการผลติ ไฟฟูาในโรงไฟฟาู นวิ เคลยี ร์ พร้อมระบสุ ว่ นประกอบต่างๆ พร้อมระบุ
สว่ นประกอบต่างๆ ใหถ้ ูกต้องครบถ้วน

350

เร่ือง คร่งึ ชวี ิต แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 28 เวลา 2 ชั่วโมง
รายวชิ า ว31104 รวม 13 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 1
กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ พลังงาน ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1

1. มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 2.1 เข้าใจสมบตั ิของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พันธ์ระหวา่ งสมบัติของสสารกับโครงสร้าง

และแรงยดึ เหนีย่ วระหวา่ งอนภุ าค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย
และการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี

2. ตวั ชว้ี ัด
ว 2.1 ม.5/24 อธบิ ายสมบัติของสารกมั มันตรงั สี และคานวณครงึ่ ชีวติ และปรมิ าณของสารกัมมนั ตรังสี

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) นกั เรยี นอธบิ ายความหมายเกี่ยวกบั ครงึ่ ชีวติ ของสารกมั มันตรงั สไี ด้
3.2 ดา้ นกระบวนการ (P)
1) นกั เรียนคานวณเก่ียวกบั คร่งึ ชวี ิตของสารกมั มันตรังสีทกี่ าหนดให้ได้
3.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ (A)
1) ใฝเุ รียนรูแ้ ละเปน็ ผมู้ คี วามมงุ่ มั่นในการทางาน

4. สาระสาคญั
พลังงานทน่ี ามาใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั ไดม้ าจากปฏกิ ิริยาเคมี และปฏิกริ ิยานวิ เคลียร์ โดยปฏกิ ริ ยิ า
เคมีที่ให้พลังงานอาจไดม้ าจากปฏกิ ริ ยิ าการเผาไหม้ ปฏิกิริยาเคมไี ฟฟูา ซ่ึงปฏกิ ิริยาทเ่ี กดิ ขึ้น เขียนแสดงไดด้ ้วย
สมการเคมี โดยแสดงชนดิ และจานวนของสาร ตงั้ ต้นท่ีทา ปฏิกริ ยิ ากัน และผลิตภณั ฑ์ ทเ่ี กดิ ข้นึ รวมท้ังภาวะในการ
เกดิ ปฏกิ ิริยา การพจิ ารณา ว่าปฏิกิริยาเคมเี กดิ เรว็ หรอื ชา้ พิจารณาได้จาก อัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเค มี ซึง่ ข้นึ อยกู่ บั
หลายปัจจยั เช่น ความเขม้ ขน้ อณุ หภูมิ พ้นื ที่ผิวของสารตั้งตน้ ตัวเร่งปฏกิ ิรยิ า ความ รเู้ ก่ียวกบั ปัจจัยทีม่ ีผลตอ่ อัตรา
การเกิดปฏกิ ิริยาเคมี สามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจาวนั และในอตุ สาหกรรม ปฏิกริ ยิ ารดี อกซเ์ ป็นปฏิกริ ยิ า
เคมที เี่ กิดจากการถา่ ยโอนอเิ ลก็ ตรอน ของสาร โดยปฏิกริ ยิ ารดี อกซม์ ที ัง้ ที่ให้กระแสไฟฟาู และไม่ใหก้ ระแสไฟฟาู
สาหรับปฏิกิรยิ านวิ เคลียร์ จะใช้สารกมั มันตรังสีเปน็ แหล่งของพลังงาน เน่ืองจากสารกมั มันตรงั สมี นี วิ เคลียสไม่
เสถยี ร เกดิ การสลายและแผ่รงั สีอยา่ งตอ่ เน่ือง สารกมั มนั ตรังสแี ตล่ ะชนิดมีค่าครงึ่ ชีวติ แตกตา่ งกัน และรงั สีทแี่ ผอ่ อก
มาแตกต่างกันจึงนามาใชป้ ระโยชน์ไดต้ ่างกัน การนาสารกมั มันตรังสแี ต่ละชนิดมาใช้ตอ้ งมีการจัดการอยา่ งเหมาะสม
และต้องคานงึ ถึงผลกระทบตอ่ สิง่ มชี ีวติ และสิ่งแวดล้อม

351

5. สาระการเรยี นรู้
5.1 ความรู้
สารกัมมันตรังสี ( radioactive substance) มนี ิวเคลยี สไมเ่ สถียร จงึ เกดิ การสลายและแผ่รงั สี

ซง่ึ เรียกปรากฏการณ์น้ีว่า กมั มันตรังสี ( radioactivity) สารกมั มนั ตรงั สีใชเ้ ปน็ แหลง่ พลังงานสาหรับโรงไฟฟาู นิง
เคลียร์ในหลายประเทศ เช่น ญ่ปี นุ สหรัฐอเมรกิ า จีน โดยการผลติ ไฟฟูาอาศยั ปฏิกริ ยิ านวิ เคลียร์ของสารกัมมนั ตรังสี
ในเคร่ืองปฏิกรณท์ าให้เกดิ พลงั งานความรอ้ นทน่ี าไปใช้ผลติ ไอน้าเพ่อื หมุนกงั หันทตี่ ่อกบั เคร่อื งกาเนดิ ไฟฟูา ดงั รปู
4.11

รูป 4.11 แผนภาพอยา่ งง่ายของการผลิตไฟฟูาในโรงไฟฟูานิวเคลยี ร์
ปฏกิ ริ ิยานิวเคลียรข์ องสารกมั มันตรังสีเปน็ การเปลยี่ นแปลงภายในนิวเคลยี สของอะตอมทีน่ าไปสู่
การเปลี่ยนแปลงชนดิ ของธาตุหรอื ไอโซโทป และปลดปลอ่ ยพลังงานออกมา แตกตา่ งจากการเกิดปฏกิ ิรยิ า
เคมที ่เี ป็นการเปล่ยี นแปลงของอิเลก็ ตรอนโดยนวิ เคลียสไม่มกี ารเปล่ียนแปลงจงึ ไม่เกดิ การเปล่ียนชนิดของ
ธาตุ ดงั นั้นปฏกิ ริ ิยานวิ เคลียร์จึงไม่จัดเป็นปฏิกริ ยิ าเคมี ตวั อย่างเช่น ปฏกิ ริ ยิ านิวเคลียรข์ องยเู รเนียม-235
ซง่ึ เกดิ จากการยงิ อนภุ าคนวิ ตรอนไปท่นี วิ เคลยี สของยเู รเนยี ม ทาให้นวิ เคลยี สแตกออกเป็นคริปทอน-90
แบเรียม-144 และอนภุ าคนิวตรอน รวมทัง้ มพี ลังงานเกิดขึ้น ดังรูป 4.12

รูป 4.12 ปฏกิ ิริยานิวเคลยี รข์ องยเู รเนยี ม-235 ทใ่ี ชเ้ ป็นแหล่งพลังงานในโรงไฟฟาู นิวเคลยี ร์
ระยะเวลาทส่ี ารกมั มนั ตรังสีสลายจนเหลอื ปรมิ าณครึ่งหนึ่ง เรยี กวา่ ครง่ึ ชีวติ (half-life) เขียน
แทนด้วยสญั ลกั ษณ์ t½ สารกมั มนั ตรงั สแี ตล่ ะชนิดมคี รึง่ ชีวติ ไม่เทา่ กนั ตัวอย่างการสลายตัวของสาร
กมั มนั ตรังสี เชน่ โมลิบดีมนั -99 (Mo-99) มคี รงึ่ ชีวิต 3 วัน ถ้ามีโมลบิ ดีมัน-99 อยู่ 10 กรมั เม่ือเวลาผา่ นไป
3 วัน จะเหลือโมลิบดนี มั -99 อยู่ 5 กรัม และเม่ือเวลาผา่ นไปอีก 3 วัน จะเหลือโมลิบดีมนั -99 อยู่ 2.5 กรมั
ดังรูป 4.13

รูป 4.13 การสลายของโมลบิ ดมี ัน-99
5.2 กระบวนการ

1) ความสามารถในการสือ่ สาร (อา่ น ฟัง พูด เขยี น)

352

2) ความสามารถในการคิด (สังเกต วเิ คราะห์ จดั กลุ่ม สรปุ )
3) ความสามารถในการแก้ปญั หา (แสวงหาความรู้)
4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต (ความรบั ผดิ ชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสืบค้นผ่านคอมพิวเตอร์)
5.3 คณุ ลักษณะและค่านิยม
ใฝุเรยี นรู้และเป็นผมู้ คี วามม่งุ มัน่ ในการทางาน
6. บรู ณาการ
-

7. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ ที่ 1 ขนั้ สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูยกตวั อยา่ งภาพขา่ ว หรือเหตกุ ารณ์ ทเ่ี กดิ อนั ตรายจากสารกัมมนั ตรงั สี เช่น Co-60
1.2 ครทู บทวนบทเรยี น โดยใช้คาถาม
- เพราะเหตุใด สารกัมมนั ตรังสีจงึ ทาใหเ้ กิดอนั ตรายตอ่ ร่างกายไดเ้ พยี งแคส่ มั ผสั หรืออยู่
ใกล้ ๆ (ควรสรปุ ได้ว่า สารกัมมันตรังสีสามารถแผร่ ังสไี ด้ แลว้ อธบิ ายว่าสารกัมมันตรังสมี ีนิวเคลียสไม่เสถยี ร
จึงเกิดการสลายและแผร่ ังสี ซงึ่ เรียกปรากฏการณ์นีว้ า่ กมั มนั ตภาพรังสี)
1.3 ครูนารปู 4.13 ให้นกั เรยี นสังเกตและพิจารณา โดยใช้คาถามเพ่ือนาเข้าส่บู ทเรยี น

- จากภาพนกั เรยี นสงั เกตเหน็ อะไรบา้ ง
- ธาตโุ มลิบดีนัม-99 สามารถเขยี นสญั ลักษณธ์ าตุไดอ้ ยา่ งไร

- จากมวลโมลบิ ดนี มั -99 เร่ิมตน้ ท่ี 10 กรัม เมื่อเวลาผ่านไป 3 วนั มวลโมลิบดนี ัม-99
เหลอื เทา่ ใด

ขั้นที่ 2 ข้ันสารวจและคน้ หา
2.1 ครูใหน้ ักเรียนศกึ ษาเนื้อหาและทาความเข้าใจ เรอ่ื ง ครึ่งชีวติ ตามรายละเอยี ดในหนังสือเรียน

หนา้ 119
2.2 ครูให้นกั เรยี นทาแบบฝกึ หดั ทา้ ยบทที่ 4 ข้อท่ี 10-11 ในหนังสอื เรยี น หนา้ 128 ลงในสมุดของ

ตนเอง
2.3 ครูให้นักเรียนตอบคาถาม จานวน 3 ขอ้ ลงในสมุด เพ่ือตรวจสอบความเข้าใจ

353

ข้ันท่ี 3 ข้นั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป
3.1 ครูสุ่มนกั เรยี น 2 คน ออกมาเฉลยและอธิบายแบบฝึกหัดทา้ ยบทท่ี 4 ข้อท่ี 10-11

หน้าชน้ั เรยี น
3.2 ครูใช้คาถาม เพือ่ นาไปสกู่ ารลงข้อสรุป เรื่อง ครึง่ ชวี ิต ดังนี้
1) จงอธบิ ายความหมายของคาว่า “คร่ึงชวี ิต” (แนวการตอบ ระยะเวลาทส่ี ารกมั มันตรังสี

สลายจนเหลอื ปริมาณครึ่งหน่งึ )
2) “ครงึ่ ชวี ติ ” คาศพั ท์ภาษาองั กฤษ คอื (แนวการตอบ half-life)
3) “ครงึ่ ชีวติ ” เขียนแทนด้วยสญั ลักษณ์ใด (แนวการตอบ t½)

3.3 ครูและนักเรียนร่วมกนั สรปุ เน้ือหา เร่อื ง ครงึ่ ชีวิต ดังนี้
- ระยะเวลาท่สี ารกมั มนั ตรังสีสลายจนเหลือปริมาณคร่งึ หนง่ึ เรยี กวา่ คร่ึงชีวติ (half-

life) เขยี นแทนดว้ ยสัญลักษณ์ t½ สารกมั มันตรังสแี ต่ละชนิดมีครงึ่ ชีวติ ไม่เท่ากัน

ข้นั ที่ 4 ขนั้ ขยายความรู้
4.1 ครูใหค้ วามรู้เพ่มิ เติมเก่ยี วกับการคานวณหาคา่ ครง่ึ ชีวติ (แบบฝึกหัด 4.4 ขอ้ ท่ี 2) ในหนังสือเรยี น

หนา้ 120

ขนั้ ที่ 5 ขน้ั ประเมนิ ผล
5.1 ครตู รวจสมุดนกั เรียนในการตอบคาถามตรวจสอบความเขา้ ใจ
5.2 ครูตรวจสมดุ ของนกั เรียนในการทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบทท่ี 4 ข้อท่ี 10-11

ประยกุ ต์และตอบแทนสงั คม
ครูให้นกั เรียนแต่ละคนนาความรทู้ ี่เรยี นไปค้นควา้ เพิม่ เติมท่ีหอ้ งสมดุ หรอื เว็บไซต์ แลว้ นาเสนอใน

ชั้นเรยี น

8. สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรยี นรู้
8.1 หนงั สือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ (วิทยาศาสตรก์ ายภาพ) ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 เลม่ 1

(ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2560)

9. การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1) ตรวจสมดุ นักเรยี น 1) แบบประเมนิ การ 1) นกั เรยี นตอบ
ด้านความรู้ (K) ในการตอบคาถาม ทากจิ กรรม คาถามได้ระดบั ดี
1) นักเรียนอธบิ ายสมบัติของสาร ตรวจสอบความเข้าใจ 2) คาถามตรวจสอบ ผา่ นเกณฑ์
กมั มนั ตรงั สี ความเข้าใจ จานวน
3 ข้อ

ดา้ นกระบวนการ (P) 1) ตรวจสมุดนักเรียน 1) แบบประเมนิ การ 354
1) นักเรยี นเขยี นแผนภาพอยา่ งง่ายของการ ในการทาแบบฝึกหดั ทากจิ กรรม
ผลติ ไฟฟูาในโรงไฟฟูานวิ เคลยี ร์ได้ ท้ายบทที่ 4 ข้อท่ี 10- 2) แบบฝกึ หัดท้าย 1) นักเรียนทา
11 บทที่ 4 ขอ้ ท่ี 10-11 แบบฝกึ หดั ได้ระดับ
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A) ดี ผา่ นเกณฑ์
1) ใฝุเรยี นรแู้ ละเป็นผมู้ คี วามม่งุ มนั่ ในการ 1) ตรวจสมดุ นักเรียน 1) แบบประเมนิ การ
ทางาน ในการตอบคาถาม ทากิจกรรม 1) นักเรยี นทาภาระ
ตรวจสอบความเข้าใจ 2) คาถามตรวจสอบ งานที่ได้รับมอบหมาย
2) ตรวจสมดุ นกั เรยี น ความเข้าใจ ได้ระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์
ในการทาแบบฝึกหดั 3) แบบฝึกหัดทา้ ย
ทา้ ยบทท่ี 4 ขอ้ ท่ี 10- บทท่ี 4 ขอ้ ที่ 10-11
11

10. เกณฑ์การประเมินผลงานนกั เรยี น

เกณฑก์ ารประเมินแบบ Rubrics ของการทากจิ กรรม เรือ่ ง ครึ่งชวี ติ

ประเด็นการ คา่ นา้ หนัก แนวทางการให้คะแนน
ประเมนิ คะแนน

ดา้ นความรู้ 3 ตอบคาถามได้ถกู ตอ้ งครบถว้ น จานวน 3 ข้อ
(K) 2 ตอบคาถามได้ถกู ตอ้ งครบถ้วน จานวน 2 ข้อ
1 ตอบคาถามได้ถกู ต้องครบถ้วน จานวน 1 ข้อ

ด้าน 3 ทาแบบฝึกหัดไดถ้ ูกตอ้ ง จานวน 2 ข้อ

กระบวนการ 2 ทาแบบฝกึ หัดไดถ้ ูกตอ้ ง จานวน 1 ขอ้

(P) 1 ทาแบบฝึกหดั ไมถ่ กู ต้อง

ด้าน 3 ทาภาระงานท่ไี ด้รบั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาทีก่ าหนด และเรียบร้อยถกู ตอ้ งครบถ้วน

คุณลกั ษณะ 2 ทาภาระงานที่ได้รบั มอบหมายเสร็จภายในเวลาทกี่ าหนด แตง่ านยงั ผดิ พลาดบางส่วน

(A) 1 ทาภาระงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายเสรจ็ แตล่ ่าชา้ และเกดิ ข้อผิดพลาดบางสว่ น

ระดับคะแนน 3 หมายถึง ระดบั ดีมาก
คะแนน 2 หมายถงึ ระดับดี
คะแนน 1 หมายถงึ ระดบั พอใช้

คะแนน

355

การประเมนิ การทากิจกรรม เร่อื ง ครง่ึ ชวี ิต

จุดประสงค์การเรียนรู้

ท่ี ช่ือ - นามสกลุ ด้านความรู้ ดา้ น ดา้ น รวม ระดบั
(K) กระบวนการ คุณลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 3 39

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

26

27

28

356

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ท่ี ช่ือ - นามสกลุ ด้านความรู้ ดา้ น ดา้ น รวม ระดับ
(K) กระบวนการ คุณลกั ษณะ คะแนน คุณภาพ

(P) (A)

3 3 39

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

ระดับคณุ ภาพ 9 หมายถึง ระดับดีมาก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดบั ปานกลาง
3-4 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรุง
คะแนน
คะแนน

357

บนั ทกึ หลังการสอน

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง พลังงาน พ.ศ. ใ
แผนการสอนท่ี 28 เรื่อง คร่งึ ชีวติ .

ใ เดอื น ใ

วนั ท่ี

ผลการจัดการเรยี นรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ปัญหา / อุปสรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ญั หา

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ลงชอื่ ............................................ครผู ูส้ อน ลงชื่อ.............................................หวั หนา้ กลุ่มสาระ
(นางสาวนิลนกิ า แกว้ ปญั ญา) (นางนพรตั น์ ครฑุ เกิด)

358

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 29

เรือ่ ง ประโยชน์และโทษของสารกมั มนั ตรงั สี

รายวิชา ว31104 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 1 เวลา 4 ชัว่ โมง
รวม 13 ชว่ั โมง
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ พลงั งาน
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 1
กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์

1. มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 2.1 เข้าใจสมบตั ขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสมบัติของสสารกบั โครงสร้าง

และแรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งอนภุ าค หลกั และธรรมชาตขิ องการเปล่ยี นแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย
และการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี

2. ตวั ช้วี ดั
ว 2.1 ม.5/25 สบื ค้นขอ้ มลู และนาเสนอตัวอย่างประโยชนข์ องสารกมั มนั ตรงั สแี ละการปูองกนั อนั ตรายที่

เกิดจากกัมมันตภาพรงั สี

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) นักเรยี นสบื ค้นขอ้ มูลตัวอย่างประโยชนข์ องสารกมั มนั ตรังสแี ละการปูองกันอนั ตรายท่ีเกิดจากสาร
กมั มันตรังสไี ด้
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) นักเรยี นนาเสนอขอ้ มูลตวั อย่างประโยชน์ของสารกมั มนั ตรงั สแี ละการปูองกันอนั ตรายทเี่ กิดจากสาร
กมั มนั ตรงั สไี ด้
3.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ (A)
1) ใฝุเรียนรู้และเป็นผู้มคี วามมงุ่ มนั่ ในการทางาน

4. สาระสาคญั
พลงั งานท่นี ามาใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั ได้มาจากปฏกิ ริ ิยาเคมี และปฏิกิริยานิวเคลียร์ โดยปฏิกริ ิยา
เคมีทใ่ี ห้พลงั งานอาจไดม้ าจากปฏิกริ ิยาการเผาไหม้ ปฏกิ ริ ยิ าเคมไี ฟฟูา ซงึ่ ปฏกิ ริ ิยาที่เกดิ ข้ึน เขยี นแสดงไดด้ ว้ ย
สมการเคมี โดยแสดงชนดิ และจานวนของสาร ต้งั ต้นทที่ า ปฏิกริ ยิ ากนั และผลิตภณั ฑ์ ทีเ่ กิดขึน้ รวมท้ังภาวะในการ
เกิดปฏกิ ริ ิยา การพจิ ารณา ว่าปฏิกริ ยิ าเคมีเกิดเรว็ หรอื ช้าพจิ ารณาไดจ้ าก อตั ราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเค มี ซึ่งขน้ึ อย่กู ับ
หลายปัจจยั เชน่ ความเข้มข้น อุณหภูมิ พ้นื ทผ่ี วิ ของสารตั้งต้น ตัวเร่งปฏกิ ิรยิ า ความ รเู้ กี่ยวกับปจั จัยทม่ี ีผลต่ออตั รา
การเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี สามารถนาไปใช้ประโยชน์ในชวี ิตประจาวนั และในอุตสาหกรรม ปฏกิ ิริยารดี อกซ์เป็นปฏกิ ิรยิ า
เคมที ่เี กดิ จากการถ่ายโอนอเิ ลก็ ตรอน ของสาร โดยปฏิกริ ิยารดี อกซ์มีทง้ั ท่ใี หก้ ระแสไฟฟูาและไม่ให้กระแสไฟฟูา

359

สาหรบั ปฏกิ ริ ยิ านวิ เคลียร์ จะใช้สารกัมมันตรงั สีเปน็ แหล่งของพลงั งาน เนือ่ งจากสารกมั มันตรังสมี นี วิ เคลยี สไม่
เสถียร เกิดการสลายและแผร่ ังสอี ย่างต่อเนอ่ื ง สารกมั มันตรงั สีแตล่ ะชนดิ มีค่าครงึ่ ชวี ิตแตกต่างกัน และรงั สีท่ีแผ่ออก
มาแตกตา่ งกันจงึ นามาใช้ประโยชนไ์ ด้ต่างกัน การนาสารกัมมนั ตรงั สีแต่ละชนดิ มาใชต้ ้องมกี ารจดั การอย่างเหมาะสม
และตอ้ งคานงึ ถึงผลกระทบตอ่ สง่ิ มชี วี ิตและสงิ่ แวดลอ้ ม

5. สาระการเรียนรู้
5.1 ความรู้
สารกัมมันตรงั สใี ช้เปน็ แหล่งพลงั งานในการผลติ ไฟฟาู ในโรงไฟฟูานิวเคลียร์แลว้ ยงั แผร่ ังสี เ ชน่
ตา่ งๆ เช่น แอลฟา บตี า แกมมา ซ่งึ สามารถนามาใช้ประโยชน์ในดา้ นต่าง ๆ ได้ ดังตัวอย่างตอ่ ไปนี้
ดา้ นการแพทย์
สารกมั มนั ตรงั สีบางชนดิ สามารถนามาใช้ในการวินจิ ฉยั โรคหรือรักษาโรคได้ เช่น โคบอลต-์ 60 (Co-
60) ใช้ในการรกั ษาโรคมะเรง็ ไอโอดีน-131 (I-131) ใชใ้ นการตดิ ตามการทางานและรักษาความผดิ ปกตขิ อง
ต่อมไทรอยด์
ด้านการเกษตร
สารกมั มนั ตรังสที ีน่ ามาประยกุ ต์ในการเกษตร เชน่ Co-60 ใชใ้ นการฉายรงั สแี กมมาไปยงั เม็ดพันธุ์
พืชเพอื่ ใหเ้ กิดการกลายพันธุแ์ ละนามาคัดเลือกเมล็ดพนั ธท์ุ ีม่ ีสมบตั ติ ามต้องการ รวมท้ังใช้ฆา่ เชื้อแบคทเี รีย
เพ่ือถนอมอาหาร
ด้านอุตสาหกรรม
สารกมั มันตรงั สที ่ีมกี ารนามาใช้งานในด้านอุตสาหกรรม เช่น โซเดยี ม-24 (Na-24) ใชต้ รวจหารอย
ตาหนหิ รือรอยรั่วของทอ่ ขนส่งของเหลว โคบอลต์-60 (Co-60) ใชใ้ นการเปลยี่ นสีอญั มณี
ด้านธรณวี ทิ ยา
นอกจากการใช้ประโยชน์จากรงั สแี ล้ว ในทางธรณีวิทยาสามารถใช้ครง่ึ ชีวิตของ สารกมั มนั ตรังสีใน
การคานวณหาอายุวตั ถโุ บราณหรือซากดกึ ดาบรรพ์ได้ อีกดว้ ย เชน่ ใช้คารบ์ อน (C-14) ในการหาอายขุ อง
ซากสิ่งมีชวี ติ โบราณ
สารกัมมันตรงั สถี ึงแม้จะมปี ระโยชน์มาก แต่การนามาใช้ประโยชนอ์ าจมีการ แผ่รงั สที ่มี ีพลงั งานสูง
มาก จงึ จาเปน็ ตอ้ งมกี ารปูองกันและควบคุมการใช้อยา่ งเขม้ งวด และผ้ทู ปี่ ฏิบตั งิ านเกี่ยวกบั รังสตี ้องส วม
อุปกรณ์ปูองกันต่าง ๆ ไม่ใหไ้ ด้รับรังสใี นปรมิ าณทเี่ ปน็ อันตราย นอกจากนต้ี อ้ งแสดงสัญลักษณร์ ังสอี ย่าง
ชัดเจนบนภาชนะ เครื่องมอื และบริเวณท่ีเกยี่ วขอ้ ง

รูป 4.17 อุปกรณ์ปอู งกนั และสัญลักษณ์รงั สี

360

กากกมั มันตรังสที ไ่ี ด้จากการใชส้ ารกมั มนั ตรังสใี นโรงงานไฟฟูานิวเคลยี ร์ โรงพยาบาล หรือ
หนว่ ยงานตา่ ง ๆ ท่เี ก่ยี วข้อง ตอ้ งมีกระบวนการจดั การอย่างถกู วธิ ี โดยเก็บกากกมั มันตรงั สีไวใ้ นภาชนะท่ี
เหมาะสม และอยใู่ นสถานทที่ มี่ ีการควบคุมและหา่ งไกลจากชมุ ชน โดยฝงั ไว้ใตด้ ินหรอื ใตท้ ะเลลึก

รูป 4.18 ตัวอย่างการฝงั กัมมันตรังสีไว้ใต้ดนิ

5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสอื่ สาร (อ่าน ฟัง พูด เขยี น)
2) ความสามารถในการคิด (สังเกต วิเคราะห์ จัดกลุ่ม สรปุ )
3) ความสามารถในการแก้ปญั หา (แสวงหาความรู้)
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ (ความรบั ผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใชก้ ารสบื ค้นผา่ นคอมพวิ เตอร์ มีทักษะ

กระบวนการทางเทคโนโลย)ี
5.3 คณุ ลกั ษณะและคา่ นิยม

ใฝเุ รียนรแู้ ละเปน็ ผู้มีความม่งุ มนั่ ในการทางาน
6. บูรณาการ

6.1 บูรณาการ PLC นักเรยี นแต่ละกลมุ่ แลกเปลย่ี นเรียนรูเ้ ลา่ สู่กันฟงั ถงึ ความรู้ทไ่ี ด้จากการทากิจกรรม และ
ปญั หาท่ีเกิดขึน้ ระหว่างการทากจิ กรรม

6.2 บูรณาการเก่ียวกับการใช้เทคโนโลยี ในการจดั ทาส่อื ในรปู แบบ Power point

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขั้นที่ 1 ขัน้ สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูใหน้ กั เรียนสงั เกตภาพเกย่ี วกบั สญั ลกั ษณร์ งั สี แลว้ ต้งั คาถามให้นักเรยี นตอบ ดงั นี้

คาถาม
- นกั เรยี นเคยเห็นสัญลักษณ์น้ที ไี่ หนบ้าง
- นักเรยี นคิดวา่ สญั ลกั ษณ์แบบน้หี มายถึงอะไร

1.2 ครใู ช้คาถาม เพือ่ นาเข้าสบู ทเรยี น ดงั นี้
- นักเรียนทราบถงึ ประโยชนข์ องสารกัมมนั ตรังสีหรอื ไม่
- นักเรยี นทราบถงึ โทษของสารกัมมนั ตรงั สหี รอื ไม่

361

ขนั้ ที่ 2 ข้นั สารวจและคน้ หา
2.1 ครูแบง่ กลุ่มนกั เรียน จานวน 5 กล่มุ โดยคละความสามารถและเพศ
2.2 ครูชีแ้ จง้ กิจกรรมใหน้ ักเรียนทราบ ดงั น้ี
- ให้นักเรียนแตล่ ะกลุม่ แบง่ หน้าท่รี ับผิดชอบ
- ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลเก่ียวกบั ประโยชน์และโทษของสารกัมมันตรังสีใน

อินเทอรเ์ น็ต ห้องสมดุ โดยออกแบบการนาเสนอเนอ้ื หา ในรปู แบบ Power point ไม่เกิน 10 สไสด์
ซงึ่ ประกอบดว้ ย ชอ่ื เรื่อง ช่อื ผู้จดั ทา ช่ือครผู ู้สอน ประโยชนแ์ ละโทษของสารกัมมันตรงั สี พรอ้ มรูป
ภาพประกอบ ใชเ้ วลาในการสืบค้นและออกแบบการนาเสนอเนื้อหา ในรปู แบบ Power point จานวน 3
ช่วั โมง

- ครูแจง้ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

ขัน้ ท่ี 3 ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรุป
3.1 นักเรยี นแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลการสบื ค้นของกลมุ่ ตนเอง (โดยทาการสมุ่ ) ใชเ้ วลาในนาเสนอ

เนือ้ หา กลุ่มละ 10 นาที
3.2 ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปเนื้อหา เรือ่ ง ประโยชนแ์ ละโทษของสารกัมมันตรงั สี ดังน้ี
1) ประโยชน์ของสารกมั มนั ตรังสี
1. ด้านธรณีวิทยา มีการใช้ C-14 คานวณหาอายขุ องวัตถุโบราณ หรอื อายขุ องซากดกึ ดา

บรรพ์
2. ด้านการแพทย์ ใช้รักษาโรคมะเร็ง ในการรักษาโรคมะเร็งบางชนดิ กระทาได้โดยการ

ฉายรงั สแี กมมาทไี่ ดจ้ ากโคบอลต์-60 เขา้ ไปทาลายเซลล์มะเร็ง ผ้ปู วุ ยทเ่ี ปน็ มะเร็งในระยะแรกสามารถรักษา
ใหห้ ายขาดได้ แลว้ ยังใช้โซเดียม-24 ท่ีอยใู่ นรูปของ NaCl ฉีดเขา้ ไปในเสน้ เลอื ด เพื่อตรวจการไหลเวียนของ
โลหิต โดย โซเดียม-24 จะสลายให้รงั สีบีตาซ่งึ สามารถตรวจวดั ได้ และสามารถบอกไดว้ า่ มีการตีบตนั ของ
เส้นเลอื ดหรือไม่

3. ดา้ นเกษตรกรรม มีการใชธ้ าตุกัมมันตรงั สีตดิ ตามระยะเวลาการหมุนเวยี นแร่ธาตใุ นพชื
โดยเริ่มต้นจากการดดู ซมึ ท่ีรากจนกระทั่งถงึ การคายออกท่ีใบ หรือใชศ้ ึกษาความตอ้ งการแรธ่ าตุของพืช

4. ด้านอุตสาหกรรม ในอุตสาหกรรมการผลิตแผ่นโลหะ จะใช้ประโยชน์จาก
กมั มนั ตภาพรังสีในการควบคมุ การรดี แผน่ โลหะ เพอื่ ใหไ้ ดค้ วามหนาสม่าเสมอตลอดแผ่น โดยใช้รงั สีบตี ายิง
ผา่ นแนวตัง้ ฉากกับแผ่นโลหะทรี่ ีดแล้ว แล้ววัดปริมาณรงั สีทท่ี ะลผุ า่ นแผน่ โลหะออกมาด้วยเครอ่ื งวัดรงั สี ถา้
ความหนาของแผ่นโลหะท่รี ีดแล้วผดิ ไปจากความหนาที่ตงั้ ไว้ เครอ่ื งวัดรงั สจี ะสง่ สญั ญาณไปควบคมุ ความ
หนา โดยสง่ั ให้มอเตอร์กดหรือผ่อนลูกกล้งิ เพอ่ื ให้ไดค้ วามหนาตามตอ้ งการ

2) โทษของสารกัมมันตรงั สี
เนอ่ื งจากรังสสี ามารถทาให้ตวั กลางที่มันเคล่ือนทีผ่ ่าน เกดิ การแตกตัวเป็นไอออนได้ รงั สี

จึงมีอันตรายต่อมนษุ ย์ ผลของรงั สีต่อมนษุ ย์สามารถแยกไดเ้ ปน็ 2 ประเภทคือ ผลทางพนั ธุกรรมและความ
ปุวยไข้จากรงั สี ผลทางพันธกุ รรมจากรงั สี จะมีผลทาให้การสร้างเซลล์ใหมใ่ นร่างกายมนุษย์เกิดการกลาย

362

พันธุ์ โดยเฉพาะเซลลส์ บื พนั ธ์ุ สว่ นผลท่ที าให้เกดิ ความปุวยไข้จากรงั สี เน่ืองจากเมือ่ อวยั วะสว่ นใดส่วนหนึ่ง
ของรา่ งกายไดร้ บั รงั สี โมเลกุลของธาตุตา่ งๆ ที่ประกอบเปน็ เซลล์จะแตกตวั ทาให้เกดิ อากาปุวยไข้ได้

หลกั ในการปูองกันอันตรายจากรังสี มดี งั นี้
- ใช้เวลาเขา้ ใกล้บรเิ วณทม่ี กี มั มันตภาพรงั สใี ห้น้อยท่สี ุด
- พยายามอย่ใู หห้ ่างจากกัมมนั ตภาพรังสีใหม้ ากทีส่ ุดเท่าทจ่ี ะทาได้
- ใชต้ ะก่วั คอนกรีต นา้ หรอื พาราฟนิ เป็นเครอื่ งกาบงั บริเวณท่มี กี ารแผ่รังสี

ขนั้ ท่ี 4 ข้ันขยายความรู้
4.1 ครใู หค้ วามรู้เพิ่มเตมิ ดงั น้ี
1) กมั มันตรงั สที ธ่ี าตกุ ัมมนั ตรังสีแผ่ออกมามอี ยู่ 3 ชนดิ ซ่งึ เกดิ จากสาเหตทุ ่แี ตกต่างกัน

ออกไป ดงั น้ี

1.รงั สแี อลฟา ( ) สัญลักษณ์ หรอื เปน็ นิวเคลียสของ

ธาตฮุ เี ลยี มซึง่ มปี ระจุ +2 เนื่องจากมปี ระจไุ ฟฟูาบวกจึงเบนเข้าหาขั้วลบ เปน็ รังสีทีม่ ีพลังงานสูงสดุ แตม่ ี

อานาจทะลุทะลวงต่าทีส่ ดุ โดยสามารถเดินทางผา่ นอากาศได้เพยี ง 3 – 5 ซม. หรือ กระดาษเพียง 1 – 2

แผ่นกส็ ามารถกัน้ ได้

2) รงั สเี บตา ( ) สญั ลกั ษณ์ หรือ เปน็ ลาของอนภุ าคท่ีมี

สมบัติเหมอื นกบั อเิ ล็กตรอน (รวมถงึ โพรสิตรอน หรือ แต่สว่ นใหญ่ท่ีพบบนโลกจะมสี มบตั เิ หมือน
อิเล็กตรอน) มีประจุ -1 เนือ่ งจากมีประจไุ ฟฟูาลบจึงเบนเข้าหาขว้ั บวก อานาจทะลุทะลวงมากกวา่ รังสี
แอลฟา ในขณะท่ีมีพลังงานตา่ กวา่ รังสีเบตามคี วามเรว็ ใกล้เคียงแสง สามารถทะลผุ ่านโลหะแผน่ บาง ๆ ได้

3) รังสีแกมมา ( ) สัญลักษณ์ หรือ เปน็ คล่ืนแม่เหล็กไฟฟาู ท่ี

ความยาวคล่ืนส้นั มาก ไมม่ ีมวล ไมม่ ปี ระจุ จงึ ไมเ่ บ่ยี งเบนใน สนามไฟฟูา มีอานาจทะลทุ ะลวงสูงสุด แตม่ ี

พลังงานตา่ ทสี่ ดุ สามารถทะลผุ า่ น แผ่นไม้ โลหะ หรอื แม้แต่เนื้อเย่อื ได้ แตจ่ ะถกู กัน้ ไวไ้ ดด้ ้วยคอนกรตี หนา

หรือแผน่ ตะกวั่ หนา

ข้ันท่ี 5 ข้นั ประเมินผล
5.1 ประเมนิ จากการออกแบบการนาเสนอเนอ้ื หา ในรปู แบบ Power point และการนาเสนอผล

การสืบคน้

363

ประยกุ ตแ์ ละตอบแทนสงั คม
ครูใหน้ กั เรยี นแต่ละคนนาความรูท้ ่เี รียนไปค้นคว้าเพิ่มเติมที่ห้องสมดุ หรือเวบ็ ไซต์ แล้วนาเสนอใน

ช้ันเรยี น

8. สื่อการเรยี นรู้/แหล่งเรียนรู้
8.1 หนงั สอื เรยี นรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ (วิทยาศาสตร์กายภาพ) ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 เล่ม 1

(ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560)
8.2 คอมพวิ เตอร์

8.3 อนิ เทอรเ์ น็ต
8.4 เว็บไซต์
http://radioactive601.blogspot.com/2010/12/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%
E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%82%E0%B8%AD%E
0%B8%87%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0
%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%AA.html

9. การวัดและประเมินผล วธิ ีการวัด เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารประเมิน
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) สังเกตจากการ 1) แบบประเมนิ การ 1) ระดับดผี ่านเกณฑ์
นาเสนอผลการสบื ค้น นาเสนอผลงาน
ด้านความรู้ (K) 1) ระดบั ดผี ่านเกณฑ์
1) นักเรยี นสบื ค้นข้อมูลตัวอย่างประโยชน์ 1) สังเกตจากการ 1) แบบประเมนิ การ
ของสารกัมมนั ตรังสแี ละการปอู งกัน นาเสนอผลการสืบค้น นาเสนอผลงาน 1) นักเรียนทาภาระ
อนั ตรายทเ่ี กิดจากสารกมั มนั ตรังสไี ด้ งานที่ไดร้ ับมอบหมาย
ด้านกระบวนการ (P) 1) สังเกตจากการ 1) แบบประเมนิ การ ได้ระดับดี ผ่านเกณฑ์
1) นกั เรียนนาเสนอข้อมูลตัวอย่าง นาเสนอผลการสบื ค้น นาเสนอผลงาน
ประโยชนข์ องสารกัมมนั ตรงั สีและการ
ปอู งกนั อันตรายท่เี กิดจากสาร
ดา้ นคุณลักษณะ (A)
1) ใฝเุ รยี นรูแ้ ละเป็นผูม้ คี วามมุ่งม่ันในการ
ทางาน

‘’’’’’’’’

364

10. เกณฑก์ ารประเมินผลงานนกั เรยี น

เกณฑ์การประเมนิ แบบ Rubrics ของการทากิจกรรม เรือ่ ง ประโยชนแ์ ละโทษของสารกัมมันตรังสี

เกณฑ์ คุณภาพ

ยอดเยย่ี ม(4) ดี(3) พอใช้(2) ควรปรับปรุง(1)

1. เนอ้ื หา (40)

1.1 อธิบายเนอื้ หาได้ เนอ้ื หาถกู ต้อง เน้ือหาผิด 1 จดุ (8) เน้อื หาผดิ 2 จดุ (6) เนื้อหาผดิ ต้งั แต่ 3

ถกู ต้อง (10) สมบูรณ์(10) จุดขึน้ ไป (4)

1.2 ความสมบูรณข์ อง เนือ้ หาสมบูรณ์ เนือ้ หาไม่สมบูรณ์ เน้อื หาไมส่ มบรู ณ์ เน้อื หาไม่สมบูรณ์

เน้ือหา (15) ครบถว้ นในทุกด้าน ขาดหายไป 1 ดา้ น ขาดหายไป 2 ดา้ น ขาดหายไป ตัง้ แต่ 3

(15) (13) (10) ดา้ นขึ้นไป (8)

1.3 ใช้กระบวนการ ใชก้ ระบวนการ ใชก้ ระบวนการ ใชก้ ระบวนการ ใช้กระบวนการ

วิเคราะหแ์ กป้ ัญหาท่ี วิเคราะห์แก้ปญั หาท่ี วเิ คราะหแ์ กป้ ัญหาท่ี วเิ คราะหแ์ กป้ ัญหาท่ี วิเคราะห์แก้ปญั หาที่

เหมาะสม (10) เหมาะสมทกุ เหมาะสมเกอื บทกุ เหมาะสมคร่งึ หนึ่ง เหมาะสมในบาง

กระบวนการทางาน กระบวนการทางาน ของกระบวนการ กระบวนการทางาน

(10) (8) ทางาน (6) (10)

1.4 ใชแ้ หล่งข้อมูลที่ ใช้แหลง่ ขอ้ มูลที่ ใชแ้ หลง่ ข้อมูลที่ ใชแ้ หลง่ ข้อมลู ที่ ใชแ้ หล่งขอ้ มูลที่

หลากหลายและน่าเชอ่ื ถือ หลากหลายและ หลากหลายและ หลากหลายและ หลากหลายและ

(5) น่าเชื่อถอื มากกว่า นา่ เชื่อถอื จานวน 3 น่าเชอื่ ถอื จานวน 2 น่าเช่อื ถือ เพยี ง

4 แหลง่ (5) แหลง่ (4) แหลง่ (3) แหล่งเดยี วแหลง่ (2)

2. การสรา้ งช้นิ งาน (15)

2.1 จานวนสไลด์ (5) จานวนสไลด์ 10 จานวนสไลด์ 7-9 จานวนสไลด์ 3-6 จานวนสไลด์ 1-2

สไลด์ (5) สไลด์ (4) สไลด์ (3) สไลด์ (2)

2.2 การเปลีย่ นแปลงแบบ มกี ารเปลยี่ นแปลง มกี ารเปลีย่ นแปลง มีการเปลย่ี นแปลง มกี ารเปลี่ยนแปลง

การนาเสนอ (5) แบบการนาเสนอท่ี แบบการนาเสนอท่ี แบบการนาเสนอท่ี แบบการนาเสนอ (2)

เหมาะสมมาก (5) เหมาะสม (4) เหมาะสมนอ้ ย (3)

2.3 ใชก้ ารแสดง ใชก้ ารแสดง ใชก้ ารแสดง ใช้การแสดง ใชก้ ารแสดง

ภาพเคลือ่ นไหว (5) ภาพเคลือ่ นไหว ภาพเคลื่อนไหว ภาพเคลื่อนไหว ภาพเคล่ือนไหว (2)

เหมาะสมมาก (5) เหมาะสม (4) เหมาะสมนอ้ ย (3)

3. องค์ประกอบของช้นิ งาน (30)

3.1 ตวั สะกดและ ใช้ตวั ตวั สะกดและ ใช้ตัวตวั สะกดและ ใชต้ วั ตัวสะกดและ ใช้ตวั ตัวสะกดและ

ไวยากรณ์ (5) ไวยากรณ์ถูกตอ้ งทกุ ไวยากรณ์ผดิ พลาด ไวยากรณ์ผดิ พลาด ไวยากรณ์ผิดพลาด

จดุ (5) 1 จดุ (4) 2 จดุ (3) ต้ังแต่ 3 จุด ขึ้นไป

(2)

3.2 การนาเสนอมคี วาม การนาเสนอมีความ การนาเสนอมคี วาม การนาเสนอมีความ การนาเสนอมคี วาม

ตอ่ เนือ่ ง (5) ตอ่ เนื่องเหมาะสมใน ตอ่ เนอื่ งเหมาะสมใน ตอ่ เนอื่ งเหมาะสมใน ต่อเนอ่ื งเหมาะสมใน

365

ระดบั มากทีส่ ุด (5) ระดับมาก (4) ระดบั ปานกลาง (3) ระดบั น้อย (2)

3.3 การนาเสนอน่าสนใจ การนาเสนอนา่ สนใจ การนาเสนอนา่ สนใจ การนาเสนอนา่ สนใจ การนาเสนอน่าสนใจ

(10) ในระดบั มากท่ีสดุ ในระดบั มาก (8) ในระดับปานกลาง ในระดับนอ้ ย (4)

(10) (6)

3.4 มีการจดั วางรปู แบบที่ มกี ารจดั วางรูปแบบ มกี ารจดั วางรูปแบบ มีการจดั วางรูปแบบ มกี ารจัดวางรปู แบบ

เหมาะสม (10) ที่เหมาะสม ในระดบั ท่ีเหมาะสม ในระดบั ที่เหมาะสม ในระดับ ทเี่ หมาะสม ในระดบั

มากท่สี ดุ (10) มาก (8) ปานกลาง (6) นอ้ ย (4)

4. คณุ ลกั ษณะของสมาชกิ ในกล่มุ (15)

4.1 ความร่วมมือในกลุม่ แสดงออกถงึ ความ แสดงออกถงึ ความ แสดงออกถึงความ แสดงออกถงึ ความ

(5) สามัคคีกนั ในกล่มุ สามคั คีกันในกลุ่ม สามคั คีกนั ในกลมุ่ ใน สามคั คีกนั ในกลุ่ม

เป็นอย่างมาก (5) (4) บางครั้ง (3) น้อย (2)

4.2 ความตรงต่อเวลาใน สง่ งานภายในเวลาที่ สง่ งานล่าช้า 1 วัน ส่งงานล่าช้า 2 วัน สง่ งานลา่ ชา้ ตงั้ แต่ 3

การสง่ งาน (10) กาหนด (10) (8) (6) วนั ขึ้นไป (4)

366

แบบประเมนิ งานนาเสนอ

วชิ า..............................................กล่มุ ที่.............................วันที่................................................

ผู้ประเมิน  ครผู สู้ อน  นกั เรียน อ่นื ๆ ....................................................

รายการประเมิน คะแนนเตม็ คะแนนประเมิน
1. เน้ือหา
1.1 อธิบายเนอ้ื หาไดถ้ กู ต้อง 10
1.2 ความสมบูรณ์ของเน้ือหา 15
1.3 ใช้กระบวนการวิเคราะห์แกป้ ัญหาที่เหมาะสม 10
1.4 ใชแ้ หลง่ ขอ้ มลู ทีห่ ลากหลายและนา่ เชอื่ ถอื 5
40
รวม
2. การสรา้ งชน้ิ งาน 5
2.1 จานวนสไลด์ 5
2.2 การเปลี่ยนแปลงแบบการนาเสนอ 5
2.3 ใช้การแสดงภาพเคล่ือนไหว 15

รวม 5
3. องค์ประกอบของชิ้นงาน 5
3.1 ตัวสะกดและไวยากรณ์ 10
3.2 การนาเสนอมคี วามตอ่ เนอ่ื ง 10
3.3 การนาเสนอน่าสนใจ 30
3.4 มกี ารจดั วางรปู แบบทีเ่ หมาะสม
5
รวม 10
4. คุณลักษณะของสมาชิกในกล่มุ 15
4.1 ความร่วมมือในกลมุ่ 100
4.2 ความตรงตอ่ เวลาในการสง่ งาน

รวม
คะแนนรวมทง้ั หมด

367

บนั ทึกหลงั การสอน

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 เรอื่ ง พลงั งาน ใ
แผนการสอนท่ี 29 เรื่อง ประโยชนแ์ ละโทษของสารกมั มันตรงั สี .

ใ เดือน พ.ศ. ใ

วันที่

ผลการจัดการเรยี นรู้

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ปัญหา / อุปสรรค

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ปญั หา

……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

ลงชอื่ ............................................ครูผ้สู อน ลงชือ่ .............................................หวั หน้ากล่มุ สาระ
(นางสาวนิลนิกา แกว้ ปญั ญา) (นางนพรัตน์ ครุฑเกิด)


Click to View FlipBook Version