327
อาหารเสริมท่ีจัดใหทารก ควรเปนอาหารเสริมท่ีหาไดในทองถ่ินนั้นๆ โดยคํานึงถึงความ
สะอาด ปลอดภัย และมีคุณคาทางสารอาหาร การใหอาหารเสริมแกทารกตองพิจารณาความจุของ
กระเพาะอาหารของทารก ควรเริ่มใหอาหารเสริมในปริมาณนอยๆ โดยเร่ิมจาก 2-3 ชอนชา และ
คอยๆ เพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและชนิดตางๆ สําหรับทารกท่ีมีประวัติภูมิแพในครอบครัวหรือไวตอการแพ
อาหาร ควรชะลอการใหอาหารเสริมแกทารกไปจนครบอายุ 6 เดือน ไมควรใหนมวัวแกทารกกอน
อายุ 1 ป ชะลอการใหไข จนถึงอายุ 2 ป หรือชะลอการใหถั่วลิสง ถั่วเปลือกแข็ง และเนื้อปลาจนถึง
อายุ 3 ป ถาเด็กแพนมวัวทางเลือกที่ดีที่สุด คือใหเด็กกินนมแมอยางเดียวจนถึง 6 เดือน และแนะนํา
แมใหงดนมววั เพราะโปรตีนในนมววั สามารถผานทางนํ้านมแมไ ปสูทารกได
การใหอาหารเสริมแกเด็กทารกตองอาศัยหลักการทางดานจิตสังคม เพ่ือใหเด็กยอมรับ
อาหารเสริม ซึง่ มารดาควรปฏบิ ัตดิ งั ตอไปน้ี
1. ปอนอาหารทารกดวยตนเอง และคอยชวยเหลือเด็กท่ีโตแลวใหทานอาหารเอง ควรไว
ตอ การรบั รูสัญญาณที่แสดงถึงความหิวและความอ่ิมของทารก
2. ปอนอาหารอยางชาๆ ดวยความอดทน และคอยกระตุนใหเด็กทานอาหาร แตไมควร
บงั คบั เด็กจนมากเกินไป
3. ถาทารกปฏิเสธการใหอาหารบางอยาง ใหทดลองเปลี่ยนวิธีการปรุงอาหาร โดยนํา
อาหารหลายชนิดมาผสมกัน เพื่อใหไดอาหารที่เด็กตองการ และควรมีวิธีการกระตุนใหเด็กยอมรับ
การปอนอาหารตลอดเวลา
4. ขณะทานอาหาร ควรลดสิ่งลอใจที่ทําใหเด็กหันไปสนใจมากกวาอาหารที่กําลังจะ
รบั ประทาน
5. ควรระลึกเสมอวา การใหอาหารเด็ก เปนวิธีการหนึ่งในการกระตุนการเรียนรู การให
ความรัก การพูดคยุ และการเชอื่ มความสัมพนั ธจ งึ ควรสบตากับเด็กตลอดเวลาทป่ี อนอาหาร
โภชนาการสาํ หรับเด็กวัยกอนเรียน
เด็กวัยกอนเรียนหมายถึง เด็กท่ีมีอายุ 1–5 ป เด็กวัยน้ีมีการเจริญเติบโตยางรวดเร็วท้ัง
ทางดานรางกายและสมอง ดังน้ันจึงมีความตองการสารอาหารตางๆ ในปริมาณมาก โดยเฉพาะ
โปรตีนและพลังงาน ปญหาโภชนาการที่สําคัญของเด็กวัยน้ีเกิดข้ึนเน่ืองจากเด็กยังมีอายุนอยไม
สามารถชวยเหลือตัวเองในดานอาหารได ดังนั้นหากขาดการดูแลเอาใจใสจากพอแมหรือผูปกครอง
จะสง ผลใหเดก็ มีปญ หาการขาดสารอาหารได
328
ปริมาณพลงั งานและสารอาหารที่เด็กวยั กอ นเรียนควรไดรบั
ความตองการสารอาหารเด็กวัยกอนเรียนจําเปนตองไดรับสารอาหารตางๆ ใหเพียงพอกับ
ความเจรญิ เตบิ โตของรางกายดงั ตอไปน้ี
1. ความตองการพลงั งาน
เนื่องจากอัตราการเจริญเติบโตของเด็กวัยกอนเรียนมีอัตราที่คอนขางสูง จึงจําเปนตอง
ไดรับอาหารที่มีพลังงานเพียงพอ เพ่ือใชในการเจริญเติบโตและกิจกรรมการเลนตางๆ เด็กท่ีมีอายุ
1-3 ป ควรไดรับพลังงานประมาณ 1,000 กิโลแคลอรีตอวัน และอายุ 4-5 ป ควรไดรับพลังงาน
ประมาณ 1,250 กิโลแคลอรตี อ วัน (ตารางที่ 10.7)
ตารางที่ 10.7 พลังงานทคี่ วรไดรับจากอาหารทีบ่ รโิ ภคตอวันสําหรับเดก็ และวัยรนุ
อายุ นาํ้ หนกั พลงั งานทต่ี องการขณะ พลังงานท่ีตองการ
(กิโลแคลอรตี อ วัน)
(ป) (กิโลกรมั ) พกั ผอน (REE)
1000
(กโิ ลแคลอรตี อวัน) 1250
1400
เด็ก 1 – 3 13.0 738
4 – 5 17.6 894
6 - 8 22.7 1010
ท่มี า (กองโภชนาการ,กรมอนามัย, กระทรวงสาธารณสขุ , 2546, หนา 61)
ปญหาท่ีพบบอยในเด็กวัยน้ีคือ ไดรับอาหารท่ีใหพลังงานไมเพียงพอ ทั้งนี้เน่ืองจากเด็กกิน
แตขาวเปนสวนใหญ รับประทานอาหารที่มีความหลากหลายนอย เชน เนื้อสัตว ไข และนม ทําให
พลังงานและสารอาหารท่ีไดรับไมเพียงพอ ดังน้ันจึงควรเพิ่มไขมันในอาหารและใหเด็กรับประทาน
อาหารทมี่ คี วามหลากหลายเพิม่ มากข้ึนโดยเฉพาะสารอาหารดา นโปรตนี ผักและผลไม เปน ตน
2. ความตอ งการโปรตีน
เด็กวัยกอนเรียนจําเปนตองไดรับอาหารที่มีโปรตีนมากเพ่ือใชในการเจริญเติบโต และ
ชวยใหรางกายแข็งแรงมีภูมิตานทานตอโรคตางๆ เด็กอายุ 1 – 3 ป ควรไดรับโปรตีนประมาณวันละ
18 กรัมตอวัน อายุ 4 – 5 ป ควรไดรับโปรตีนวันละ 22 กรัมตอวัน โปรตีนควรเปนโปรตีนท่ีไดจาก
เนือ้ สัตวตา งๆ ไข นํ้านม ถว่ั เมล็ดแหงตา งๆ เปนตน
329
3. ความตองการวติ ามินและเกลือแร
เด็กวัยกอนเรียนจําเปนตองไดรับวิตามินและเกลือแรตาง ๆ เพื่อความเจริญเติบโต
ดงั ตอไปนี้
3.1 วิตามินเอ การขาดวิตามินเอเปนสาเหตุหน่ึงที่ทําใหเด็กตาบอด มักพบในวัยทารก
และวัยกอนเรียน อายุตั้งแต 2 เดือน ถึง 5 ป สาเหตุเน่ืองจากแมไดรับวิตามินเอนอยในขณะต้ังครรภ
ทาํ ใหทารกมีวิตามินเอสะสมอยนู อย เมอ่ื ทารกไดร บั การเลีย้ งดดู ว ยนมขนหวานทีม่ ีไขมนั จากพืช และ
ไดรับอาหารที่มีวิตามินเอ ไขมันและโปรตีนนอย จึงทําใหทารกและเด็กวัยกอนเรียนมีวิตามินเอใน
รางกายนอ ย เมือ่ เด็กมกี ารเจ็บปว ย ติดเชือ้ เชน หัด ไข หรอื ทองรว ง จะทําใหเ กดิ การขาดวิตามินเอ มี
อาการทางตา และทาํ ใหต าบอดได เดก็ วยั กอ นเรียนจึงควรกนิ อาหารท่ีมวี ติ ามินเอใหม ากขึ้น ซง่ึ ไดแ ก
นํ้านม ไขเปด ไขไก ตับสัตวตางๆ ผักสีเขียวและสีเหลือง ปริมาณวิตามินเออางอิงท่ีเด็กควรไดรับ คือ
เดก็ ท่ีมอี ายุ 1-5 ป ควรไดร ับวติ ามินเอ 400-450 ไมโครกรมั ตอวัน (ตารางที่ 2.8)
3.2 ธาตุเหลก็ ภาวะโลหิตจาง เปน ปญหาโภชนาการทสี่ ําคญั ของประเทศ จากการสํารวจ
ความชุกภาวะโลหิตจางในประเทศไทย โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ป พ.ศ. 2539 พบ
โลหติ จางรอยละ 15 ในเด็กวัยกอนเรียน (สุภาพรรณ ตันตราชีวธร,2548,หนา 22) ทําใหเด็กมีอาการ
ออนเพลยี ตวั ซีด ความตานทานต่ํา เปน โรคตดิ เชือ้ ตางๆ ไดงา ย เชน ไขห วดั หัด รวมท้ังยังเกดิ ผลเสยี
ตอการเรียนรูและพัฒนาการในเด็ก และลดความสามารถในการทํางานเม่ือเปนผูใหญเด็กวัยกอน
เรียนควรไดรับอาหารที่มีเหล็กใหเพียงพอ ไดแก ไขเปด ไขไก เน้ือสัตวตางๆ ถ่ัวเมล็ดแหง ตับ เครื่อง
ในสัตว และผกั ใบเขยี ว ปรมิ าณธาตเุ หล็กอา งองิ ที่ควรไดรับในเดก็ ทม่ี ีอายุ 1-3 ป คือ 5.8 มลิ ลกิ รมั ตอ
วัน และเด็กทม่ี ีอายุ 4-5 ป คอื 6.3 มิลลิกรมั ตอ วัน (ตารางที่ 2.9)
3.3 แคลเซียม แคลเซียม เปนแรธาตุที่มีมากที่สุดในรางกาย มีบทบาทสําคัญตอกระดูก
และการทํางานของระบบตางๆ ในรางกาย เชน ระบบประสาท กลามเนื้อ หัวใจและหลอดเลือด ชวย
ในการแข็งตัวของเลือด เปนตน พบวาปริมาณมวลกระดูกมีการเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ ในชวง
ตั้งแตแรกเกิดจนถึงวัยหนุมสาว อัตราการสรางกระดูกจะมีมากกวาการสลายกระดูกเปนผลทําให
มวลกระดูกเพิ่มมากขึ้น โดยจะเพิ่มอยางรวดเร็วในวัยทารก เร่ิมชาลงในวัยเด็ก และเพ่ิมขึ้นอีกคร้ัง
ในชวงวัยรุน ดังนั้นการบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมมากอยางพอเพียงและตอเน่ืองเปนปจจัยสําคัญ
อยางหนงึ่ ทีช่ วยเพ่มิ มวลกระดกู และลดความเสี่ยงตอการเกดิ โรคกระดูกพรนุ
คณะกรรมการจัดทําขอกําหนดสารอาหารท่ีควรไดรับประจําวันสําหรับคนไทย พ.ศ. 2546
ในเดก็ ท่ีมีอายุทีม่ อี ายุ 1-3 ป ควรไดรบั แคลเซียมในปรมิ าณ 500 มิลลิกรัมตอวัน และเด็กอายุ 4-6 ป
ควรไดร ับแคลเซยี มในปริมาณ 800 มลิ ลิกรมั ตอ วัน (ตารางที่ 10.5)
330
4. ความตองการน้าํ
เด็กที่มีอายุ 1-3 ป มีความตองการน้ํา 1,000-1,500 มิลลิลิตรตอวัน เด็กอายุมากกวา
3-5 ป มีความตองการน้ํา 1,300-1,950 มิลลิลิตรตอวัน นํ้าที่เด็กไดรับมีท้ังน้ําที่เปนสวนประกอบใน
อาหาร หรอื อยใู นรปู ของเครื่องดืม่ ไดแก น้ํานม นาํ้ ผลไม เดก็ วยั นีค้ วรงดน้าํ อัดลม นาํ้ ชา กาแฟ
เด็กวัยกอนเรียนควรไดรับอาหารใหครบท้ัง 5 หมู ในตารางที่ 10.8 แสดงปริมาณอาหาร
สําหรับเด็กวยั กอนเรียนควรไดรับ
ตารางที่ 10.8 ปรมิ าณอาหารสําหรับเด็กวยั กอ นเรียน
ชนิดของอาหาร ปริมาณตอ วนั ประโยชนท ีไ่ ดร ับ
นม 2-3 แกว เปนแหลงของโปรตีน และแคลเซียม ชวยในการ
เจรญิ เติบโตของรางาย
ไข 1ฟอง หรือ เปน แหลงโปรตีนทดี่ ี
สปั ดาหล ะ 4 ฟอง
เน้ือสัตว เปนแหลงสําคัญของโปรตีน วิตามิน
เนอื้ สตั วแ ละถว่ั 3-4 ชอ นโตะ และเกลือแร นอกจากนี้ยังสามารถเลือกบริโภค
เมล็ดแหง ถวั่ เมลด็ แหง เตาหู และผลิตภัณฑได รวมท้ังยัง
ควรไดรบั อาหารทะเลเพ่อื ใหไ ดไ อโอดนี
พชื ผักตา งๆ 4-6 ชอ นโตะ เปนแหลงของวิตามินที่สําคัญ รวมท้ังใหใย
อาหารเพื่อชวยใหระบบการขับถายเปนไปอยาง
ผลไมตา งๆ 3 สว น ปกติ
เปนแหลงของวิตามิน และเกลือแรท่ีสําคัญ
ขา ว แปง 2-3 ถวยตวง นอกจากนยี้ ังใหใยอาหาร
เปนแหลง คารโ บไฮเดรต ใหพ ลังงานแกร า งกาย
ควรใหเด็กไดรับประทานขาวกลองสลับกับขาว
ขัดขาว และควรบรโิ ภคผลติ ภณั ฑจากขา วบาง
ทมี่ า (ดดั แปลงจาดธงโภชนาการ)
331
โภชนาการสาํ หรับเดก็ วัยเรียน
เด็กวัยเรียน หมายถึง เด็กท่ีมีอายุระหวาง 6 – 10 ป เด็กวัยน้ีมีอัตราการเจริญเติบโตชากวา
วัยทารกและวัยกอนเรียน แตมีอัตราการเจริญเติบโตอยางสม่ําเสมอ แตเนื่องจากเด็กวัยนี้มีกิจกรรม
เพิม่ มากขน้ึ จึงควรไดรับสารอาหารตา งๆ ท่เี พยี งพอกับความตอ งการของรา งกาย
ปรมิ าณพลังงานและสารอาหารทเ่ี ด็กวัยเรยี นควรไดรับจากอาหาร
ความตองการสารอาหารเด็กวัยเรียนจําเปนตองไดรับสารอาหารตางๆ ใหเพียงพอกับความ
เจรญิ เตบิ โตของรา งกายดงั ตอ ไปน้ี
1. ความตองการพลงั งาน
ความตองการพลังงานของเด็กขึ้นกับอัตราการเจริญเติบและกิจกรรมตางๆ ที่ทําเด็กวัย
เรียนมีกิจกรรมมากขึ้น และยังอยูในวัยที่เจริญเติบโต จึงตองไดรับพลังงานที่เพียงพอ อาหารท่ีให
พลังงานมาก ไดแก ขา ว แปง นาํ้ ตาล เผือก มนั ไขมนั จากพชื และสตั ว
2. ความตอ งการโปรตีน
เด็กวัยเรียนยังคงอยูในระยะท่ีรางกายกําลังเจริญเติบโต ถึงแมอัตราการเจริญเติบโตจะ
ชากวาวัยกอนเรียนก็ตาม เด็กวัยเรียนจําเปนตองไดรับอาหารท่ีใหโปรตีนเพียงพอ เพื่อเสริมสราง
กลา มเน้ือ เน้ือเยือ่ ฮอรโมน เลือด และอน่ื ๆ เพื่อเตรียมเขา สวู ัยรนุ เด็กวัยน้ีควรไดรับโปรตีนวันละ 1.2
กรัมตอนํ้าหนัก 1 กิโลกรัมของรางกาย (ตารางที่ 2.5) โปรตีนท่ีไดรับควรเปนโปรตีนที่มีคุณภาพดี
ประมาณ 1 ใน 3 ควรเปน โปรตนี ทีไ่ ดจากเนอ้ื สตั ว ไข น้าํ นม และควรไดรับถ่วั เมล็ดแหงมากขน้ึ
3. ความตองการวติ ามนิ
เด็กวัยเรียนจําเปนตองไดรับวิตามินตางๆ ใหเพียงพอกับความตองการของรางกาย
วติ ามนิ ทคี่ วรไดร ับแบง ออกเปน 2 กลุม คอื วิตามินท่ลี ะลายในนํ้า ไดแก วติ ามินบีรวม (วติ ามนิ บหี นง่ึ
วิตามินบีสอง ไนอะซิน กรดแพนโทเธนิก ไบโอติน โฟเลท วิตามินบีหก และวิตามินบีสิบสอง) และ
วิตามินซี และวิตามินท่ีละลายในไขมันไดแก วิตามินเอ ดี อี และเค แมวาวิตามินแตละชนิดจะมี
หนาที่เฉพาะอยางท่ีแตกตางกัน แตทุกชนิดมีสวนรวมในการเสริมสรางการเจริญเติบโต และรักษา
รางกายใหมีสุขภาพดี ชวยในกระบวนการเมตาบอลิซึมและการทํางานของโปรตีน ไขมัน
คารโบไฮเดรต และแรธาตุตางๆ ใหเปนปกติ ชวยใหเนื้อเยื่อแข็งแรง มีความตานทานโรค การบริโภค
อาหารใหครบทั้ง 5 หมูและมีปริมาณอาหารและสารอาหารท่ีพอเพียงกับความตองการของเด็ก จะ
ชวยใหเ ดก็ มีการเจรญิ เติบโตท่ีดี
332
4. ความตองการเกลือแร
เด็กวัยเรียนจําเปนตองไดรับเกลือแรในปริมาณที่เพียงพอกับความตองการของรางกาย
ท้ังนี้เพื่อความเจริญเติบโตและปองกันการขาดสารอาหารตางๆ ซ่ึงวิตามินท่ีเด็กวัยเรียนไดจากการ
บริโภคอาหารครบทัง้ 5 หมู ในปรมิ าณท่ีเพยี งพอ
4.1 แคลเซยี ม และฟอสฟอรสั เปนแรธ าตุทีเ่ ปน สวนประกอบของกระดูกและฟน การขาด
แคลเซียมในเด็กจะทําใหรางกายเจริญเติบโตไมเต็มที่ แหลงแคลเซียมท่ีสําคัญมาจากนมและ
ผลิตภัณฑ ปลาเลก็ ปลานอยทก่ี นิ ไดท ้งั กระดูก เตา หูและผลิตภณั ฑเ ปนตน
4.2 ไอโอดีน โรคคอพอกเปนปญหาทางสาธารณสุขท่ีสําคัญ เกิดข้ึนมากกับเด็กในเขต
จังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางบางจังหวัด การขาดไอโอดีนสงผลใหเกิด
โรคคอพอก สงผลใหการเจริญเติบโตและการเรียนรูชา เปนผลตอการเจริญเติบโตเปนผูใหญที่มี
คุณภาพชวี ิตทีด่ ีในอนาคต ดังนั้นเด็กวยั เรียนควรไดรับอาหารทะเลอยา งนอยอาทิตยละ 1 คร้ัง และผู
จดั เตรยี มอาหารใหเ ดก็ ตอ งใชเ กลือไอโอดนี ในการปรงุ อาหารเพ่ือปอ งกนั การเกิดโรคคอพอก
4.3 เหล็ก การขาดเหล็กทําใหเปนโรคโลหิตจาง ภาวะโลหิตจางในเด็กวัยเรียนนับเปน
ปญ หาสาธารณสุขท่สี าํ คัญของประเทศโดยเฉพาะเด็กที่อยูในประเทศท่ีกําลังพัฒนา ภาวะโลหิตจาง
มีผลตอการพัฒนาการของรางกาย ทําใหเด็กมีการเจริญเติบโตชา มีพัฒนาการทางการเรียนรูและ
ความสามารถทางสติปญญาต่ํา แนวทางการแกไขอาจจะจัดอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงใหเด็กกิน ไดแก
เน้ือสัตว เคร่ืองในสัตว รวมท้ังมีการจัดผักสดและผลไมสด เพ่ือใหมีวิตามินซีชวยในการดูดซึมธาตุ
เหลก็
4.4 สังกะสี เปนแรธาตุที่จําเปนตอการเจริญเติบโตของรางกาย การขาดสังกะสีมีผลให
การเจรญิ เติบโตหยุดชะงกั ความอยากอาหารลดลง การรบั รสอาหารนอยลง และเม่อื เปน แผลจะหาย
ชา อาหารทมี่ สี ังกะสไี ดแก อาหารประเภทเน้ือสัตวแ ละอาหารทะเล
5. ความตองการนา้ํ
เปนสารอาหารที่จําเปนตอการทํางานตางๆ ในรางกาย เด็กจึงควรไดรับนํ้าใหเพียงพอ
ดมื่ ทุกครั้งทห่ี วิ นา้ํ ท่ีด่มื ควรเปนนาํ้ สะอาด หรือเครื่องด่ืมตางๆ เชน นํ้าหวาน น้ําผลไม น้ํานม เปนตน
สําหรบั เดก็ ที่มอี ายุ มากกวา 5-8 ป มคี วามตองการนํา้ 1,400-2,100 มิลลลิ ิตรตอ วนั
เด็กวัยเรียนเปนวัยท่ีมีกิจกรรมคอนขางมาก ดังนั้นเด็กวัยเรียนควรไดรับอาหารในปริมาณที่
เพียงพอแกความตองการของรางกาย รวมทั้งสงเสริมการเจริญเติบโต ปริมาณอาหารที่เด็กวัยเรียน
ควรไดรบั แสดงในตารางที่ 10.9
333
ตารางที่ 10.9 ปริมาณอาหารสําหรบั เด็กวัยเรยี นอายุ 6-13 ป พลังงาน 1,600 กโิ ลแคลอรีตอวนั
กลุมอาหารทค่ี วรกิน ปรมิ าณ เดก็ วัยเรียน
ใหครบใน 1 วัน 2 แกว
น้ํานม หมายเหตุ
6 ชอ นโตะ
เน้อื สัตว 4 ทพั พี หรอื โยเกริ ต 200 กรมั เพ่ือใหไดร ับแคลเซยี ม
อาหารอ่นื ที่เปน แหลงแคลเซียมที่ดีทดแทนนม 1 แกว
ผกั ปลาตัวเล็กตัวนอยทอดกรอบ 2 ชอนกินขาว ปลา
ซารดีนกระปอง 1 กระปอง (65 กรัม) เตาหูแข็ง 1
แผน
ควรกินอาหารกลุมเนื้อสัตว ไดแก ปลา ไก หมู ไข
และถั่วเมล็ดแหงและผลิตภัณฑวันละ 6 ชอนกินขาว
หรอื มื้อละ 2 ชอ นกินขาว
ควรเปนอาหารทะเลและเครื่องในสัตวบาง สัปดาห
ละ 1- 2 ครงั้
ควรกินผักใบสีเขียวเขม เพ่ือใหไดใยอาหารและ
แคลเซยี ม
ควรเลือกกินผลไมท่ีหลากหลาย เพื่อใหไดวิตามิน
ผลไมสด 3 สวน และใยอาหาร
ขา วสกุ สวน เทากับ เงาะ 4 ผล หรือ กลวยน้ําวา 1 ผล หรือ
มะละกอ 6 ชน้ิ เปนตน
หรือกวยเต๋ียว 1 ทัพพี = ขนมปง 1 แผน = ขนมจีน 1
8 ทัพพี จบั = ขาวเหนียว ½ ทพั พี เปนตน
ไขมัน น้ําตาล และ ใชเลก็ นอยเทา ทจี่ าํ เปน
เกลือ
ท่มี า (ดดั แปลงจาก ธงโภชนาการ)
334
โภชนาการสาํ หรบั วัยรุน
วัยรุนเปนระยะที่รางกายเติบโตอยางรวดเร็ว และกําลังเปลี่ยนจากเด็กเปนผูใหญ อาหารจึง
มีความสําคัญตอรางกายมาก ถาในระยะน้ีวัยรุนไดรับอาหารเพียงพอ มีภาวะโภชนาการท่ีดี จะชวย
ใหรางกายเจริญเติบโตเต็มท่ี เปนผูใหญท่ีมีสุขภาพสมบูรณ โดยเฉพาะเด็กหญิง อาหารในระยะน้ีมี
ความสําคัญมาก เพราะเปนระยะท่ีเขาสูวัยเจริญพันธุ หรือการเตรียมตัวเปนมารดาในอนาคต ถาใน
ระยะนเี้ ดก็ ไดร บั สารอาหารท่ดี ีถูกหลกั โภชนาการ เมือ่ เตบิ โตเปนผูใหญและตั้งครรภ จะคลอดทารกท่ี
มีสุขภาพแข็งแรง ดังนั้นอาหารจึงมีความสําคัญตอวัยรุนมาก เพราะนอกจากจะชวยใหเตอบโต
แข็งแรงแลว ยังเปนรากฐานตอสุขภาพของการเปนผูใหญที่แข็งแรงในอนาคตดวย วัยรุนจึงควร
ปฏบิ ตั ดิ ังตอไปน้ี
ปริมาณพลังงานและสารอาหารท่ีวัยรนุ ควรไดร บั
วัยรนุ จําเปน ตองไดรับสารอาหารตางๆ ใหเพียงพอกบั ความเจริญเติบโตของรางกายปริมาณ
พลงั งานและสารอาหารทว่ี ยั รนุ ควรไดรับมีดังตอ ไปนี้
1. ความตองการพลังงาน
วัยรนุ เปน ระยะท่ีรา งกายเจริญเติบโตอยา งรวดเร็วมากและยังมีกิจกรรมตางๆ เพ่ิมขึ้นท้ัง
ในดานการเรียน การสังคม การกีฬา จึงจําเปนตองไดรับพลังงานใหเพียงพอ เด็กวัยรุนควรไดรับ
พลงั งานประมาณวนั ละ 1,700 - 2,300 กโิ ลแคลอรี ท้ังนข้ี ึน้ อยกู ับแรงงานและกิจกรรมท่ที ํา ถามีการ
ออกกําลัง หรือใชแรงงานมาก ก็จําเปนตองไดรับพลังงานเพิ่มขึ้น อาหารท่ีใหพลังงานควรมาจาก
คารโบไฮเดรตและไขมัน คารโบไฮเดรตที่ไดรับควรเปนจําพวกขาว หรือแปงตางๆ เปนสวนใหญ
ไขมันท่ีไดรับควรมาจากพืชหรือสัตว ไขมันนอกจากจะใหพลังงานแลว ยังชวยในการดูดซึมวิตามินท่ี
ละลายในไขมนั อกี ดว ย ปรมิ าณพลงั งานท่คี วรไดรบั จากอาหารสําหรบั วยั รุน (ตาราง 10.10)
2. ความตองการโปรตีน
วัยรุนเปนระยะที่รางกายเจริญเติบโตรวดเร็วมาก จึงจําเปนตองไดรับโปรตีนใหเพียงพอ
เพ่ือเสรมิ สรางเซลลและเน้ือเยอื่ ตา งๆ ไดแก กลามเน้ือ กระดูก เลือด และสารท่ีควบคุมการทํางานใน
รางกาย เชน ฮอรโ มน วัยรนุ จงึ ควรไดร ับโปรตนี อยางนอ ยวนั ละ 1 กรัม ตอ น้ําหนักตัว 1 กิโลกรัม และ
เนอ่ื งจากวยั รุน ยังอยใู นวยั เจริญเติบโต โปรตีนที่ไดรับจึงควรเปนโปรตีนที่มีคุณภาพดี ประมาณ 2 ใน
3 ของปริมาณโปรตีนที่ไดรับควรมาจากเน้ือสัตวตางๆ ไข น้ํานม นอกจากน้ีก็ควรไดจากถั่วเมล็ดแหง
ดวย
335
ตารางที่ 10.10 พลังงานทีค่ วรไดร ับจากอาหารท่บี ริโภคตอวันสําหรับวยั รนุ
อายุ นาํ้ หนกั พลงั งานทีต่ องการขณะ พลงั งานท่ีตอ งการ
(ป) (กิโลกรมั ) พกั ผอ น (REE) (กโิ ลแคลอรีตอวัน)
(กิโลแคลอรีตอ วัน)
วยั รุน
ชาย 9 – 12 32.6 1222 1700
2100
13 – 15 48.6 1502 2300
1600
16 – 18 56.8 1645 1800
หญิง 9 – 12 34.0 1161 1850
13 – 15 45.9 1306
16 – 18 48.5 1338
ทม่ี า (กองโภชนาการ, กรมอนามยั , กระทรวงสาธารณสขุ , 2546, หนา 61)
3. ความตองการวติ ามิน
เด็กวัยรุนควรไดรับวิตามินตางๆ ใหเพียงพอ เพ่ือการเจริญเติบโตและปองกันการขาด
โรควิตามนิ วิตามินที่พบวา มปี ญ หาการขาดมากไดแก
3.1 วิตามินเอ วิตามินเอจําเปนในการเจริญเติบโตและเพ่ือดํารงสุขภาพของเยื่อยุตาง ๆ
เชน เยื่อบุนัยนตาและผิวหนัง การขาดวิตามินเอเปนปญหาโภชนาการที่สําคัญของประเทศและพบ
มากในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ในเด็กวยั รุน มคี วามตองการวิตามินเอ 9.3 ไมโครกรัมตอนํ้าหนักตัว
1 กิโลกรัม ในชวงอายุ 9 – 12, 13 – 15 และ 16 – 18 ป ชวงนี้เด็กชายมีนํ้าหนักมาตรฐาน 33, 49
และ 57 กิโลกรัมตามลําดับ สวนเด็กหญิงมีนํ้าหนัก 34, 46 และ 48 กิโลกรัมตามลําดับ เมื่อคิด
ความตองการวิตามินเอทํานองเดียวกับเด็กเล็กจะไดความตองการวิตามินเอในเด็กชาย 9 – 12, 13 –
15 และ 16 – 18 ป เปน 600 , 600 และ 700 ไมโครกรัมตอวันตามลําดับ สวนเด็กหญิงเปน 600
ไมโครกรัมตอวันทุกชวงอายุน้ี อาหารที่มีวิตามินเอสูงน้ันเปนอาหารท่ีไดจากสัตว ตับของสัตวตาง มี
วิตามินเอสูงมาก เชน ตับหมู ตับไก เปนตน รองลงมาคือ ไข โดยเฉพาะไขแดงมีวิตามินเอสูงเชนกัน
นํา้ นมกเ็ ปน แหลง ทดี่ ีของวิตามนิ เอ จะเห็นวากลมุ ประชากรทีบ่ รโิ ภคเนื้อสัตว ไข และดื่มนมเปนประจํา
จะไมม ีปญหาการขาดวิตามินเอ แหลงของวิตามินเอจากพืชทด่ี ีคือพืชผักที่มีสีเขียวเขม และผลไมที่มีสี
เหลอื งสม เชน ผักตําลงึ ผกั กวางตุง และฟกทอง มะมวงสุก มะละกอสกุ มะเขือเทศ เปน ตน
336
3.2 วิตามินบีสอง วิตามินบีสอง เปนวิตามินท่ีทําหนาท่ีเปนเอนไซมชวยในการเผาผลาญ
อาหารในรางกายโดยเฉพาะโปรตีน การขาดจะทําใหเกิดแผลท่ีมุมปากทั้งสองขางเรียกวา
โรคปากนกกระจอก พบในเด็กวัยเรียนและวัยรุน เพ่ือปองกันการขาดวัยรุนชายและหญิงอายุ 9 – 12
ป ควรไดรับวิตามินบีสอง เทากับ 0.9 วัยรุนชายอายุ 13 – 15 ป เทากับ 1.3 และวัยรุนหญิงอายุ 13-
18 ป เทากับ 1.0 มิลลิกรมั ตอ วนั แหลงอาหารวิตามินบีสอง จะไดจากการกินเครื่องในสัตว ถั่วเมล็ด
แหง น้าํ นมวัว นมถั่วเหลอื ง ไข และผกั ใบสเี ขยี วตา งๆ
3.3 วิตามินซี หนาท่ีสําคัญของวิตามินซีคือเปนวิตามินท่ีจําเปนในการสรางคอลลาเจน
ซ่งึ เปน สวนประกอบของเน้ือเยื่อตางๆ การขาดวิตามินทําใหแผลหายยาก และเกิดโรคเลือดออกตาม
ไรฟน วัยรุนควรไดวิตามินซีปริมาณวิตามินซีท่ีวัยรุนควรไดรับ 45 – 90 มิลลิกรัมตอวัน ซึ่งจะไดจาก
การกนิ ผกั สด ผลไมสดทกุ วัน เชน สม ฝร่ัง มะละกอสกุ สับปะรด
4. ความตอ งการเกลือแร
วัยรุนจะตองการเกลือแรตางๆ เพิ่มขึ้น เพ่ือใชในการเสริมสรางรางกาย เกลือแรที่
รา งกายตอ งการ และมักมปี ญ หาการขาดในวยั รุน ไดม าก คือ
4.1 แคลเซียม เปนเกลือแรท่ีจําเปนในการเสริมสรางเซลลกระดูกเพื่อการเจริญเติบโต
และทําความแข็งแรงใหแกกระดูกและฟน นอกจากนี้แคลเซียมยังชวยในการทํางานของระบบ
ประสาทตางๆ ดังน้ันวัยรุนจึงจําเปนตองไดรับแคลเซียมใหเพียงพอ ซึ่งจะไดจากการกินอาหาร
จําพวกน้ํานมและผลิตภัณฑนม สัตวเล็กที่สามารถกินไดทั้งกระดูก เชน ปลาเล็กปลานอย ปลา
ซารดีนกระปอง ปลาปน กุงแหง ปลาซิว ปลาเกล็ดขาว ปลาทอดกรอบ นอกจากนี้ยังมีมากในผักใบ
เขียวตา งๆ เชน ผักคะนา ผักกวางตงุ ใบยอ ใบกระเพราะ เปนตน
4.2 เหล็ก วัยรุนจําเปนตองไดรับธาตุเหล็ก (ตารางท่ี 10.11)ใหเพียงพอกับการ
เจริญเติบโตของรางกาย ระยะวัยรุนน้ีเปนอีกชวงหนึ่งที่มีการเจริญเติบโตดวยอัตราเรง ในระยะนี้
ความตองการธาตุเหล็กของวัยรุนชายอาจจะสูงกวาความตองการธาตุเหล็กเพ่ือทดแทนสวนท่ี
สูญเสียในแตละวันเน่ืองจากมีความตองการธาตุเหล็กใหเพียงพอกับการเจริญเติบโตดวย เมื่อพน
ระยะนี้ความตองการธาตุเหล็กของเด็กชายจะเทากับระดับความตองการเพื่อทดแทนสวนท่ีสูญเสีย
ประจําในแตละวนั สวนวยั รุนหญิงจะเรมิ่ มปี ระจําเดือน ดงั น้นั เม่ือใกลพน ชว งท่ีเจรญิ เตบิ โตดว ยอตั รา
เรง ก็จะเร่ิมมีประจําเดือน (menarche) จึงตองการธาตุเหล็กเพ่ือทดแทนสวนท่ีสูญเสียจากรางกาย
ประจําวันรวมกับการเสียเลือดทางประจําเดือนเปนความตองการธาตุเหล็กในแตละวัน ดวยเหตุผล
ดงั กลาววยั รุนหญงิ จึงมีความตองการเหลก็ สูงกวาผูหญิงทเ่ี ปนผูใหญแ ละมปี ระจําเดือนไดถ ึงรอ ยละ 30
4.3 ไอโอดีน เมื่อเขาสูวัยรุนตอมธไธรอยดจะทํางานเพ่ิมข้ึน ทําใหความตองการไอโอดีน
เพ่ิมขึ้นดวย วัยรุนจําเปนตองไดรับอาหารท่ีมีไอโอดีนใหเพียงพอ มิฉะน้ันอาจขาดไอโอดีนและเกิดโรค
337
คอพอกขน้ึ ได โรคคอพอกเปนปญ หาโภชนาการท่ีสําคัญอันหน่ึงของประเทศ และพบมากในวัยรุนแถบ
ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งอยูหางไกลจากทะเล ดังน้ันเพ่ือเปนการปองกันการขาด
ไอโอดีน เด็กวัยรุนควรใชเกลือที่เติมไอโอดีนในการประกอบอาหารเปนประจํา ซ่ึงเกลือชนิดน้ีมีขาย
ทั่วไปตามรานท่ัวๆ ไป และถาสามารถหาอาหารทะเลกินได ก็ควรกินอยางนอยสัปดาหละ 1 – 2 คร้ัง
ปริมาณของไอโอดีนท่ีควรไดรับประจําวันสําหรับวัยรุนชายอายุ 9 – 12 ป เทากับ 120 ไมโครกรัมตอ
วนั วัยรุนชาย หญิง อายุ 13 – 18 ป เทา กบั 150 ไมโครกรัมตอ วัน
5. ความตอ งการนาํ้
น้ํา เปน สารอาหารท่ีมคี วามสําคัญมาก เปนสวนประกอบของเซลลตา งๆ ในรางกายและ
ชวยควบคุมการทํางานในรางกาย ดังน้ันจึงควรไดรับนํ้าใหเพียงพอ โดยเฉพาะเม่ือมีการออกกําลัง
กายและเสียเหง่ือมาก ความตองการน้ําในวัยรุนเพ่ิมขึ้นตามความตองการของพลังงานท่ีเพิ่มข้ึน
วยั รนุ ผูชายมีความตองการนํ้ามากกวา วัยรุนหญิง วยั รุนชายอายุ 9-12 ป มีความตองการนํ้า 1,700 -
2,550 มิลลิลิตรตอวัน วัยรุนชายอายุมากกวา 12-15 ป มีความตองการน้ํา 2,050 -2,550 มิลลิลิตร
ตอวัน วัยรุนผูชายอายุมากกวา 15-18 ป มีความตองการน้ํา 2,250-3,375 มิลลิลิตรตอวัน วัยรุน
หญิงอายุ 9-12 ป มีความตองการน้ํา 1,600 -2,400 มิลลิลิตรตอวัน วัยรุนหญิงอายุมากกวา 12-15
ป มีความตองการน้ํา 1,800-2,550 มิลลิลิตรตอวัน วัยรุนผูหญิงอายุมากกวา 15-18 ป มีความ
ตอ งการน้ํา 1,850- 2,775 มิลลิลติ รตอวัน
338
ตารางท่ี 10.11 ความตองการธาตเุ หลก็ (absorbed iron requirement) ในกลมุ อายุตางๆ
คามธั ยฐานของความตองการธาตเุ หล็ก (มลิ ลกิ รมั ตอ วัน) คา ความตองการธาตเุ หลก็ ที่
ครอบคลุมประชากรรอ ยละ
กลมุ อายุ นา้ํ หนักเฉลย่ี การเติบโต การสญู เสยี การสูญเสีย รวม
(ป) (กิโลกรัม) ประจาํ วนั ทางประจาํ เดือน 97.5
(มิลลิกรัมตอ วัน )
เด็ก 9.0
0.5 – 1 13.3 0.55 0.17 - 0.72 0.93
1–3 19.2 0.27 0.19 - 0.46 0.58
4–6 28.1 0.23 0.27 - 0.50 0.63
7 - 10 0.32 0.39 - 0.71 0.89
45.0
ผชู าย 64.4 0.55 0.62 - 1.17 1.46
11 – 14 75.0 0.60 0.90 - 1.50 1.88
15 – 17 - 1.05 1.37
18 + 46.1 - 1.05
46.1
ผหู ญิง 0.55 0.65 - 1.20 1.40
11- 14 56.4 0.55 0.65 0.48 1.68 3.27
11 – 14 62.0
(เริม่ มปี ระจําเดอื น) 62.0 0.35 0.79 0.48 1.62 3.10
15-17 - 0.87 0.48 1.46 2.94
18+ - 0.87 1.13
- 0.87
ผู ห ญิ ง วั ย ห ม ด
ประจาํ เดอื น
หญิงใหนมบตุ ร 62.0 - 1.15 - 1.15 1.50
ทีม่ า (กองโภชนาการ, กรมอนามยั , กระทรวงสาธารณสขุ ,,2546, หนา 253)
เนื่องจากวัยรุนมีการเปลี่ยนแปลงของรางกายอยางรวดเร็ว การจัดอาหารสําหรับวัยรุน
นอกจากจะครบทั้ง 5 หมูแลว ปริมาณพลังงานที่ไดรับจากอาหารตองเพียงพอแกความตองการของ
รา งกาย ปริมาณอาหารท่ีวัยรนุ ควรไดรบั แสดงในตารางที่ 10.12
339
ตาราง 10.12 ปริมาณอาหารที่วัยรุนหญิง-ชาย (อายุ 14-25 ป) ควรไดรับใน 1 วัน ปริมาณพลังงาน
2,000 กิโลแคลอรตี อ วัน
กลุม อาหารทีค่ วรกิน ปรมิ าณ วยั รนุ ชาย หญงิ
ใหค รบใน 1 วนั
หมายเหตุ
นํา้ นม 1 แกว
หรือโยเกิรต 200 กรมั เพ่อื ใหไดรบั แคลเซียม
เน้อื สัตว 9 ชอ นโตะ อาหารอ่ืนที่เปน แหลง แคลเซียมท่ีดีทดแทนนม 1 แกว
ปลาตัวเล็กตัวนอยทอดกรอบ 2 ชอนกินขาว ปลา
ผกั 5 ทพั พี ซารดีนกระปอง 1 กระปอง (65 กรัม) เตาหูแข็ง 1
แผน
ผลไมส ด 5 สวน ควรกินอาหารกลุมเนื้อสัตว ไดแก ปลา ไก หมู ไข
และถ่ัวเมล็ดแหงและผลิตภัณฑวันละ 9 ชอนกินขาว
ขา วสุก 10 ทพั พี หรอื มอ้ื ละ 3 ชอ นกนิ ขาว
ควรเปนอาหารทะเลและเครื่องในสัตวบาง สัปดาห
ไขมนั นํ้าตาล และ ละ 1 ครั้ง
เกลอื ควรกินผักใบสีเขียวเขม เพ่ือใหไดใยอาหารและ
แคลเซยี ม
ทีม่ า (ดัดแปลงจาก ธงโภชนาการ)
ควรเลือกกินผลไมที่หลากหลาย เพ่ือใหไดวิตามิน
และใยอาหาร
สวน เทากับ เงาะ 4 ผล หรือ กลวยนํ้าวา 1 ผล หรือ
มะละกอ 6 ชน้ิ เปน ตน
หรือกวยเตี๋ยว 1 ทัพพี = ขนมปง 1 แผน = ขนมจีน 1
จับ = ขาวเหนียว ½ ทพั พี เปนตน
ใชเ ลก็ นอ ยเทา ทจี่ าํ เปน
340
โภชนาการสาํ หรบั ผูส งู อายุ
ผูสูงอายุ หมายถึง บุคคลท้ังเพศชายและหญิงที่มีอายุต้ังแต 60 ข้ึนไป ปจจุบันมีจํานวน
ผูสูงอายุเพ่ิมมากข้ึนทุกป ในประเทศไทยพบวาในป พ.ศ. 2513 มีจํานวนผูสูงอายุรอยละ 4.5 ของ
ประชากรท้ังหมด 30 ปตอมาคือในป พ.ศ. 2543 มีผูสูงอายุเพิ่มข้ึนเปนรอยละ 7.5 และมีแนวโนมวา
ผูสูงอายุจะเพิ่มขึ้นเปนรอยละ 15.28 ในป พ.ศ. 2563 (สถาบันเวชศาสตรผูสูงอายุ,มปป,หนา1)
ทั้งนี้เนื่องมาจากการพัฒนาการดานสาธารณสุขและทางการแพทย จึงทําใหมีอัตราการตายของ
ประชากรลดลง ผูสูงอายุจึงมีชีวิตที่ยืนยาวข้ึน แตพบวามีผูสูงอายุจํานวนไมนอยที่มีปญหาคุณภาพ
ชีวิตเนื่องจากการเปนโรคเร้ือรังตางๆ ปญหาการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งนําไปสูความถดถอยของรางกาย
เกิดภาวะพ่ึงพา ผูสูงอายุไมสามารถชวยเหลือตัวเองได สิ่งท่ีเกิดขึ้นสงผลใหผูสูงอายุดํารงชีวิตอยาง
ไมมีความสุข และในขณะเดียวกันผูสูงอายุมักจะมีปญหาทางดานโภชนาการดวย ดังนั้นการดูแล
ผูสูงอายุใหมีภาวะโภชนาการท่ีดี จึงเปนสิ่งจําเปนอยางย่ิงเพื่อใหผูสูงอายุเหลาน้ันมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ขน้ึ และสามารถชว ยเหลอื ตนเองไดมากทีส่ ดุ
ปริมาณพลงั งานและสารอาหารท่ผี สู งู อายุควรไดร ับ
ผูสูงอายุจําเปนตองไดรับสารอาหารใหเพียงพอกับความตองการของรางกาย เพ่ือซอมแซม
เซลลทีส่ กึ หรอ สารอาหารท่ผี สู งู อายคุ วรไดร ับ ไดแก
1. ความตอ งการพลังงาน
ผูสูงอายุจะตองการพลังงานนอยลง เน่ืองจากอวัยวะตางๆ ในรางกาย เชน หัวใจ ปอด
ตับ ทํางานนอยลง FAO/WHO จึงเสนอแนะใหลดพลังงานในอาหารลงรอยละ 5 ทุก 10 ปท่ีเพิ่มข้ึน
จนถึงอายุ 59 ป และใหลดลงรอยละ 10 เม่ืออายุ 60 – 69 ป เมื่ออายุ 70 ปขึ้นไปใหลดพลังงานรอย
ละ 20 ดงั น้ันกองโภชนาการ กรมอนามยั ของไทยจึงแนะนําใหลดพลังงานลง 100 กิโลแคลอรี ทุก 10
ปท ีอ่ ายุเพิม่ ข้นึ ดงั น้ี
อายุ 50 – 59 ป ตอ งการพลงั งาน 1550 กโิ ลแคลอรี
อายุ 60 – 69 ป ตองการพลังงาน 1450 กิโลแคลอรี
อายุ 70 ปขน้ึ ไป ตองการพลงั งาน 1250 กิโลแคลอรี
พลังงานท่ีผูสูงอายุไดรับไมควรต่ํากวา 1200 กิโลแคลอรี เพราะจะทําใหไดรับสารอาหาร
ไมเพยี งพอกบั ความตอ งการของรา งกาย สาํ หรับผูสูงอายุท่ีมีน้ําหนักมาก และจําเปนตองลดนํ้าหนักลง
ถา ไดรบั พลงั งานนอยกวา 1200 กิโลแคลอรี กค็ วรไดร บั วิตามนิ และเกลอื แรใ นรูปของยาเสรมิ ใหดวย
2. ความตอ งการโปรตีน
ผูสูงอายุจําเปนตองไดรับโปรตีนใหเพียงพอเพื่อใชในการซอมแซมเซลลที่สึกหรอ
ผูสูงอายุไดรับโปรตีนประมาณวันละ 1 กรัม ตอน้ําหนักตัว 1 กิโลกรัม ซึ่งจะไดจากอาหาร จําพวก
341
นํ้านม ไข เนื้อสัตว ถั่วเมล็ดแหงตางๆ แตผูสูงอายุควรหลีกเล่ียงการกินอาหารโปรตีนมากเกินไป
เพราะรางกายจะเกบ็ สะสมไวใ นรปู ของไขมัน ทาํ ใหอวนได และยังทาํ ใหไตตอ งทาํ งานหนักขึ้น ในการ
ขับสารยูเรียซ่ึงเปนสารท่ีเกิดจากการเผาผลาญโปรตีนออกทางปสสาวะมากขึ้น อาจมีผลใหไตของ
ผสู งู อายุซึ่งทาํ งานไดนอยอยูแ ลวเสื่อมลงเรว็ กวา ท่ีควร แตถ าไดรับโปรตีนนอยเกินไป จะทาํ ใหเ กดิ โรค
ขาดโปรตนี และย่ิงไดรับอาหารที่ใหพลังงานไมเพียงพอดวย รางกายก็จะสลายโปรตีนออกมาใชเปน
พลังงาน ทําใหรางกายทรุดโทรม และติดโรคตางๆ ไดงาย ดังน้ันผูสูงอายุจึงจําเปนตองไดรับอาหาร
จําพวกเนือ้ สตั ว ไข น้ํานม ถั่วเมลด็ แหงไดเ พียงพอทกุ วนั
3. ความตองการไขมนั
ผูสูงอายุควรกินอาหารที่มีไขมันแตพอควร ไมควรเกินรอยละ 25 – 30 ของปริมาณ
พลังงานท่ีไดรับ การไดรับอาหารที่มีไขมันมากเกินไปจะทําใหน้ําหนักเพ่ิมและเกิดโรคตางๆ ตามมา
ไดงายข้ึน เชน โรคปวดขอ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด และผูสูงอายุควร
เลอื กใชน ้าํ มนั พชื ทม่ี กี รดไลโนเลอคิ มาก แทนไขมนั จากสัตว ทั้งนี้เพอ่ื ปอ งกันไมใ หไขมันเลอื ดสงู
4. ความตองการวิตามิน
ความตองการวิตามินในผูสูงอายุจะเทาเดิมหรือลดลงเล็กนอย แตผูสูงอายุควรไดรับ
อาหารท่ีมีวิตามินใหเพียงพอ โดยเฉพาะวิตามินบีหน่ึง บีสอง บีสิบสอง กรดโฟลิคและวิตามินซี
ผูสูงอายุมักมีปญหาไดรับวิตามินซีไมเพียงพอ เน่ืองจากฟนไมดี ทําใหเคี้ยวผักสด ผลไมสดไมได
ผสู งู อายุจะตองการวติ ามินซีวนั ละ 30 มลิ ลิกรมั ซ่ึงจะไดอ ยา งพอเพยี งจากการดม่ื น้าํ สมวนั ละ 1 แกว
5. ความตองการเกลือแร
5.1 แคลเซียม ผูสูงอายุมักมีปญหาเก่ียวกับโรคกระดูกพรุน เนื่องจากเซลลของกระดูกมี
การสลายมากกวาการสราง ผูสูงอายุจึงตองกินอาหารท่ีใหโปรตีนใหเพียงพอ นอกจากนี้แคลเซียม
จากอาหารที่กินยังดูดซึมไดไมดีอีกดวย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของเอนไซม ประกอบกับไดรับ
อาหารท่ีชวยในการดูดซึมไมเพียงพอ ซึ่งไดแกโปรตีนและวิตามินซีทําใหไดรับแคลเซียม ไมเพียงพอ
และเปนสาเหตุใหเกิดโรคกระดูกพรุน การไดรับอาหารท่ีมีแคลเซียมอยางเพียงพอจะชวยเพิ่มความ
แนนของกระดูก และปองกันโรคกระดูกพรุนได ผูสูงอายุควรไดรับแคลเซียมอยางนอยวันละ 1000
มิลลิกรัม (ตารางท่ี 2.7) ซึ่งจะไดจากนมและผลิตภัณฑจากนม (นมเปรี้ยว โยเกิรต) ปลาเล็กปลา
นอ ย กุงแหง และผกั ใบเขยี ว (คะนา กวางตงุ ชะพลู บรอ็ คโคลี และถว่ั เมล็ดแหง ) เพม่ิ ขน้ึ
5.2 เหล็ก ความตองการเหล็กในผูสูงอายุไมเปล่ียนแปลง แตในหญิงจะลดลงเล็กนอย
เน่ืองจากไมมีการสูญเสียทางประจําเดือน ผูสูงอายุควรไดรับเหล็กประมาณวันละ 6 มิลลิกรัม การ
ขาดธาตุเหล็กในผูสูงอายุ มักเกิดจากการไดรับอาหารท่ีมีเหล็กไมเพียงพอ รวมกับการที่รางกายดูด
ซึมเหล็กไดนอยลง ดังน้ันผูสูงอายุจึงควรกินอาหารท่ีมีธาตุเหล็กสูง ไดแก ตับ เน้ือสัตว เครื่องในสัตว
342
ไขแดง และผักใบเขียวใหเพียงพอ และเพ่ือใหการดูดซึมธาตุเหล็กดีขึ้นผูสูงอายุควรกินผลไมท่ีมี
วิตามินซีสูง ปริมาณธาตุเหล็กอางอิงท่ีผูสูงอายุชาย ควรไดรับคือวันละ 10.4 มิลลิกรัมตอวัน และ
ผสู งู อายหุ ญิงวันละ 9.4 มลิ ลกิ รัมตอวัน (ตารางท่ี 2.9)
6. ความตองการน้ํา
ผูสูงอายุควรด่ืมนํ้าใหพอเพียงทุกวันอยางนอยวันละ 1.5 ลิตร และในวันท่ีมีอากาศรอน
จัด ควรไดรับนํ้าเพ่ิมขึ้นเพื่อชดเชยน้ําท่ีสูญเสียทางผิวหนัง และเพื่อชวยใหไตขับถายของเสียไดดีข้ึน
นา้ํ ทไ่ี ดร บั จะเปน นา้ํ สะอาดหรอื เคร่อื งดืม่ จาํ พวกนา้ํ ผลไมห รือน้าํ นมกไ็ ด
แมวาผูสูงอายุจะมีกิจกรรมตางๆ ลดลงก็ตาม แตปริมาณพลังงานและสารอาหารท่ีผูสูงอายุ
ไดรับนั้นก็ยังคงตองเพียงพอแกความตองการของรางกาย ปริมาณอาหารท่ีผูสูงอายุควรไดรับใน 1
วัน แสดงในตารางท่ี 10.13
ตารางท่ี 10.13 ปริมาณอาหารท่ีผูสูงอายุ (60 ปขึ้นไป) ควรไดรับใน 1 วัน พลังงาน 1,600 กิโล
แคลอรีตอ วัน
กลุมอาหารท่คี วรกิน ปริมาณ วัยผสู งู อายุ
ใหครบใน 1 วัน 2 แกว
หมายเหตุ
นํ้านม 6 ชอ นโตะ
4 ทัพพี หรอื โยเกริ ต 200 กรัม เพ่ือใหไดร ับแคลเซียม
เนอื้ สัตว อาหารอ่ืนที่เปนแหลงแคลเซียมท่ีดีทดแทนนม 1 แกว
ปลาตัวเลก็ ตัวนอยทอดกรอบ 2 ชอนกินขาว ปลาซารดีน
ผกั กระปอง 1 กระปอ ง (65 กรัม) เตา หูแข็ง 1 แผน
ควรกินอาหารกลุมเน้ือสัตว ไดแก ปลา ไก หมู ไข และ
ถ่วั เมล็ดแหงและผลติ ภณั ฑวันละ 6 ชอนกนิ ขา ว หรอื มอื้
ละ 2 ชอนกนิ ขาว
ควรเปน อาหารทะเลและเครื่องในสัตวบ าง สัปดาหละ 1-
2 คร้งั
ควรกินผักใบสีเขียวเขม เพ่ือใหไดใยอาหารและ
แคลเซยี ม
343
ตารางที่ 10.13 ปริมาณอาหารท่ีผูสูงอายุ (60 ปขึ้นไป) ควรไดรับใน 1 วัน พลังงาน 1,600 กิโล
แคลอรตี อ วัน (ตอ)
กลมุ อาหารทีค่ วรกิน วัยผสู งู อายุ
ใหครบใน 1 วนั ปรมิ าณ หมายเหตุ
ผลไมสด 3 สว น ควรเลือกกินผลไมท่ีหลากหลาย เพ่ือใหไดวิตามิน และ
ใยอาหาร
ขาวสุก 8 ทพั พี สวน เทากับ เงาะ 4 ผล หรือ กลวยน้ําวา 1 ผล หรือ
มะละกอ 6 ชนิ้ เปนตน
ไขมัน นํ้าตาล และ หรอื กวยเต๋ยี ว 1 ทพั พี = ขนมปง 1 แผน = ขนมจีน 1 จับ
เกลือ = ขาวเหนียว ½ ทัพพี เปน ตน
ทมี่ า (ดัดแปลงจาก ธงโภชนาการ)
ใชเลก็ นอ ยเทา ที่จาํ เปน
สรุป
ในบุคคลแตวัยมีความตองการพลังงานและสารอาหารท่ีแตกตางกัน ทั้งนี้เพ่ือไมใหเกิด
ปญหาการขาดสารอาหารและพลังงานสําหรับบุคคลวัยแต คณะกรรมการจัดทําขอกําหนด
สารอาหารท่ีควรไดรับสําหรับคนไทย ไดแนะนําปริมาณสารอาหารอางอิงที่ควรไดรับประจําวัน
สําหรับคนไทย พ.ศ. 2546 เพื่อใชเปนแนวทางในการศึกษาในการศึกษาหารายละเอียดในเร่ืองของ
ขอมูลท่ัวไปของสารอาหารแตละชนิด บทบาทหนาท่ี ภาวะผิดปกติหรือภาวะของโรค แหลงของ
อาหาร (สารอาหาร) ปริมาณท่ีแนะนําใหบริโภค ซึ่งจะเห็นไดวาในคนแตวัยมีความตองการพลังงาน
และสารอาหารท่ีแตกตางกันทั้งนี้ขึ้นอยูกับอายุ เพศ กิจกรรมที่ทํา และภาวะพิเศษของรางกาย เชน
การตั้งครรภ การใหนมบุตร การไดรับพลังงานและสารอาหารที่ไมเพียงพอแกความตองการของ
รางกายในบุคคลแตวัยสงผลใหเกิดปญหาภาวะโภชนาการเกิดขึ้น โดยเฉพาะอยางยิ่งในหญิง
ตั้งครรภ ทารก ซึ่งเปนชวงที่มีความสําคัญมากเพราะการขาดสารอาหารของแมและของทารกมีผล
ตอการพัฒนาการทางรางกาย จิตใจ และการเรียนรูของเด็ก และการเติบโตเปนผูใหญที่มีคุณภาพ
344
ชีวิตที่ดีตอไปในอนาคต ดังน้ันจึงตองมีการใหความรูทางดานอาหารและโภชนาการอยางเพียงพอ
เพือ่ ใหท ุกคนสามารถปฏิบตั ิตัวในดา นการกนิ อาหารทีถ่ ูกตอง
บรรณานกุ รม
กฤตยา รามโกมุท. (2550). สรีรวทิ ยา. กรงุ เทพมหานคร : ชมรมเด็ก.
กวี จตุ ิกลุ .(2548). คารโ บไฮเดรต. ในคณะกรรมการปรับปรุงรายวิชาโภชนาการกบั ชีวติ มนุษย
มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช (บก.).เอกสารประกอบการสอนชดุ วิชาโภชนาการกบั ชวี ติ
มนุษย หนวยท่ี 1 – 7. นนทบุรี : มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช.
กุสมุ า ชูศลิ ป. (2548). ไขมันในนํ้านมแม. ใน : สา หร่ี จติ ตนิ นั ทน วรี ะพงษ ฉัตรานนท ศริ าภรณ
สวสั ดิการ. (บก.). เล้ียงลกู ดวยน้าํ นมแมค วามรู_ _ _ สูก ารปฏิบัติ. กรงุ เทพฯ : กรุงเทพเวชสาร.
ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร และ อุรุวรรณ วลัยพัชรา. (2532). โภชนากร การออกกําลังกาย และการ
เติบโตในเด็ก. กาวไปกับโภชนาการเพ่ือสุขภาพ. สถาบันวิจัยโภชนาการ และคณะแพทย
ศาสตรโ รงพยาบาลรามาธิบดี มหาวทิ ยาลัยมหิดล กรุงเทพมหานคร.
คณิณญา พรนริศ. (2536). โภชนศาสตรพ้นื ฐาน. มหาวทิ ยาลัยราชภัฏเลย.
จนิ ตนา เวชสวัสด.ิ์ (2548). กายวิภาคศาสตร. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาสน.
จุฬาภรณ รุงพิสุทธิพงษ. (2532). ผลกระทบโรคอวนตอสุขภาพ. กาวไปกับโภชนาการเพ่ือสุขภาพ.
การประชุมวิชาการโภชนาการ วันที่ 13-15 ธันวาคม 2532. สถาบันวิจัยโภชนาการ และคณะ
แพทยศาสตร โรงพยาบาลรามาธิบดี
ชวลิต รัตนกุล.(2548). นํ้าและเครื่องด่ืม. ในคณะกรรมการปรับปรุงรายวิชาอาหารและโภชนาการ
มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช (บก.).เอกสารประกอบการสอนชุดวิชาอาหารและโภชนาการ
หนวยท่ี 8 – 15. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช.
ชัยวัฒน ตอสกุลแกว. (2542). สรีระวิทยาทางเดินอาหาร. พิมพคร้ังที่ 2. กรุงเทพมหานคร : คณะ
วทิ ยาศาสตร มหาวทิ ยาลยั มหิดล.
ธรี ะยุทธ กล่นิ สุคนธ. (2529). การเปลีย่ นแปลงของอาหารในเชงิ สรีรวิทยา. ในเอกสารประกอบการ
สอนชุดวิชาอกสารการสอนชุดวิชาโภชนศาสตรสาธารณสุข หนวยที่ 6. กรุงเทพมหานคร:
สาขาวชิ าวทิ ยาศาสตรสขุ ภาพ. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช.
ธาดา สืบหลินวงศ และ นวลทิพย กมลวารินทร. (2542). คารโบไฮเดรต. ชีวเคมีทางการแพทย.
กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณม หาวิทยาลัย.
346
นยั นา บญุ ทวยี ุวฒั น. (2546). ชวี เคมที างโภชนาการ. กรงุ เทพฯ : ซกิ มา ดีไซดก ราฟฟก.
นิตยา ต้ังชูรัตน.(2548). ไขมัน. ในคณะกรรมการปรับปรุงรายวิชาโภชนาการกับชีวิตมนุษย
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (บก.).เอกสารประกอบการสอนชุดวิชาโภชนาการกับชีวิต
มนุษยห นว ยท่ี 1 – 7. นนทบรุ ี : มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช.
(2548). การกิน การยอย การดดู ซมึ และการขับถา ย. ในคณะกรรมการปรับปรุง
รายวิชาโภชนาการกับชีวิตมนุษยมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (บก.).เอกสารประกอบการ
สอนชดุ วิชโภชนาการกบั ชวี ิตมนษุ ยห นวยท่ี 8 – 15. นนทบรุ ี : มหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช.
นิธิยา รัตนปนนท. (2545). เคมีอาหาร. กรุงเทพมหานคร : โอ.เอส.พร้นิ ตงิ้ เฮาส.
นิธิยา รัตนปนนท และ วิบูลย รัตนปนนท. (2543). คําศัพททางโภชนศาสตร. เชียงใหม : ภาควิชา
วทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยกี ารอาหาร มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม.
ปราณีต ผองแผว. (2539). โภชนศาสตรชุมชน ในสังคมที่มีการเปล่ียนแปลงภาวะเศรษฐกิจ
อยางรวดเรว็ . กรุงเทพมหานคร : ลิฟวิ่ง ทรานส มีเดีย.
ประยงค จินดาวงศ. (2548). โภชนาการและสุขภาพ. ในคณะกรรมการปรับปรุงรายวิชาโภชนาการ
กับชีวิตมนุษย มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (บก.).เอกสารประกอบการสอนชุดวิชา
โภชนาการกับชวี ิตมนษุ ยห นว ยท่ี 1 – 7. นนทบุรี : มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช.
ประเสริฐ สุทธิประสิทธิ์. (2538). ลิพิด. ในเอกสารการสอนชุดวิชาเคมีและจุลชีววิทยาของอาหาร
หนวยท่ี 1-5. นนทบรุ ี : มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช.
ปรีชา สวุ รรณพินจิ และ นงลักษณ สุวรรณพนิ ิจ. (2546). ชีววทิ ยา 1. พมิ พครัง้ ท่ี 5. กรุงเทพมหานคร
: จุฬาลงกรณมหาวิทยาลยั .
ปยา บุรณศิริ. (2525). การยอยและการดดู ซึมอาหาร. กรุงเทพมหานคร : จฬุ าลงกรณมหาวทิ ยาลยั .
พภิ พ จริ ภญิ โญ.(2538). โภชนศาสตรคลินิกในเด็ก. กรงุ เทพฯ : ชวนชมการพมิ พ.
พันธพา จันทวัฒน. (2549). เน้ือสัตว. ในคณะกรรมการปรับปรุงรายวิชาอาหารและโภชนาการ.
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (บก.).เอกสารประกอบการสอนชุดวิชาอาหารและโภชนาการ
หนว ยท่ี 1-7. นนทบรุ ี : มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช.
มลศริ ิ วีโรทัย, และ นติ ยา ต้ังชูรตั น. (2548). เกลือแร. ในคณะกรรมการปรับปรงุ รายวิชาโภชนาการกับ
ชีวิตมนุษยมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (บก.).เอกสารประกอบการสอนชุดวิชาโภชนาการ
กบั ชวี ติ มนษุ ยห นว ยที่ 1 – 7. นนทบุรี : มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
347
ยุวดี กาญจนัษฐต.ิ (2548). โปรตนี ในคณะกรรมการปรบั ปรุงรายวชิ าโภชนาการกบั ชีวิตมนษุ ย
มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช (บก.).เอกสารประกอบการสอนชุดวชิ าโภชนาการกับชวี ติ
มนุษยห นว ยท่ี 1 – 7. นนทบุรี : มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช.
รัตนา พากเพียรกิจวัฒนา. (2532). ความตองการของสารอาหารในผูสูงอายุ. ใน สาคร ธนมิตต
(บก.) กาวไปกับโภชนาการเพื่อสุขภาพ. กรงุ เทพมหานคร : โรงพยาบาลรามาธบิ ดี.
ราชบัณฑิตยสถาน. (2542). พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. กรงุ เทพมหานคร :
นามมบี คุ ส.
รําแพน พรเทพเกษมสันต. (2549). กายวิภาคศาสตรและสรีรวิทยาของมนุษย. พิมพคร้ังท่ี 5
กรงุ เทพมหานคร : โสภณการพมิ พ.
รุงนภา พงศสวัสดิ์มานิต (2538). คารโบไฮเดรต. ในเอกสารการสอนชุดวิชาเคมีและจุลชีววิทยาของ
อาหาร หนวยที่ 1-5. นนทบุรี : มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช.
เรืองวิทย ตันติแพทางกูล. (2547). คารโบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน. ใน อุมาพร สุทัศนวรวุฒิ
(บก.). โภชนาการกาวหนา . กรุงเทพ : บยี อนดเ อ็นเทอรไพรช.
ลดั ดา เหมาะสวุ รรณ. (2548). ภาวะโภชนาการและเชาวนปญ ญาของเดก็ ไทย. ใน อุมาพร สุทัศน
วรวฒุ ิ (บก.). ทันยคุ กับโภชนาการเด็ก. (หนา 14). กรงุ เทพมหานคร : บยี อนด เอน็ เทอรไพรซ.
วรนนั ท ศุภพิพฒั น. (2538) อาหาร โภชนาการและสารพิษ. กรุงเทพมหานคร : คณะแพทยศาสตร
โรงพยาบาลรามาธบิ ดี มหาวิทยาลัยมหดิ ล.
วรรณวบิ ลู ย กาญจนกญุ ชร. (2549). ไข. ในคณะกรรมการปรบั ปรุรายวิชาอาหารและโภชนาการ
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (บก.).เอกสารการสอนชุดวิชาอาหารและโภชนาการ หนวยที่
8-15. นนทบุรี : มหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช.
วลัย อินทรัมพรรย. (2548). อาหารสาํ หรบั บุคคลในภาวะเปล่ียนแปลง. ในคณะกรรมการปรับปรงุ
รายวิชาโภชนาการกับชีวิตมนุษย มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (บก.).เอกสารประกอบการ
สอนชุดวิชาโภชนาการกับชีวติ หนว ยท่ี 8–15. นนทบุรี : มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช.
วิชยั ตนั ไพจิตร. (2530). โภชนาการเพ่ือสุขภาพ. กรงุ เทพฯ : อักษรสมยั การพมิ พ.
วิชัย ตันไพจิตร. (2530). อาหารกบั ภาวะหลอดเลอื ดแดงแขง็ . ในคณะกรรมการปรับปรุง
รายวิชาอาหารบําบัดโรค มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (บก.).เอกสารประกอบการสอนชุด
วชิ าอาหารบาํ บัดโรค หนวยท่ี 8–15. นนทบุรี : มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช.
348
วลิ เลียมส การเรธ. (2544).ชวี วิทยา. (แปลจาก Biology for you โดย อุษณีย ยศยิง่ ยวด).
กรงุ เทพมหานคร : นามมบี ุคส.
วีนัส ลีฬกุล, สุภาณี พุธเดชาคุม, และถนอมขวัญ ทวีบูรณ. (2545). โภชนศาสตรทางการพยาบาล.
กรงุ เทพมหานคร : บุญศริ กิ ารพมิ พ.
สรรเสริญ ทรัพโตษก. (2531). โภชนาการเชงิ ชีวเคมี. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณมหาวทิ ยาลยั .
สาธารณสุข, กรมอนามัย, กองโภชนาการ. (2533). ตารางแสดงชนิดและปริมาณกรดอะมิโนในอาหาร
ไทย. กรุงเทพมหานคร : ม.ป.ท.
(2546).โภชนบัญญัติ 9 ประการ และ ธงโภชนาการ. ใน
เอกสารแผน พบั สืบสานปณิธานอาหารปลอดภัยถวายแดแ มของแผน ดนิ
(2535). ตารางแสดงคุณคาทางโภชนาการของอาหาร
ไทย. กรงุ เทพมหานคร : องคการสลเคราะหท หารผานศึก.
( 2543).คู มื อ ธ ง โ ภ ช น า ก า ร กิ น พ อ ดี สุ ขี ท่ั ว ไ ท ย .
กรงุ เทพมหานคร : องคการสงเคราะหทหารผา นศึก
.(2546) ปริมาณสารอาหารอางอิงท่ีควรไดรับประจําวัน
สําหรับคนไทย พ.ศ. 2546 (Dietary Reference Intake for Thais 2003). กรุงเทพมหานคร
: องคก ารรบั สงสินคาและพสั ดุภัณฑ.
.(2547). คอเลสเตอรอลและกรดไขมันในอาหารไทย.
กรงุ เทพมหานคร : ชมุ นมุ สหกรณก ารเกษตรแหง ประเทศไทย.
. (2542). ขอ ปฏบิ ตั ิการกินอาหารเพ่อื สขุ ภาพของคนไทย.
กรุงเทพมหานคร : องคก ารสงเคราะหทหารผานศึก.
สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแหง ชาติ. สรางเด็กไทย ใหเ ดก็ ศักยภาพ
ดวยอาหารและโภชนาการ. หนังสือเฉลิมพระเกียรตสิ มเด็จพระนางเจาสิริกิต พระบรม ราชินี
นาถ เน่ืองในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 12 สิงหาคม 2547.
กรงุ เทพมหานคร : เพชรรุง การพิมพ.
สิรนิ ทร พบิ ูลนยิ ม. (2547). อาหารและโภชนาการกับการพฒั นารางกายและสมอง. ในตํารับ
อาหารสําหรับเด็กวัยเรียน 5 ภูมิภาค. (หนา 1) กรุงเทพมหานคร : องคการรับสงสินคาและ
พัสดุภัณฑ.
349
สิริพันธุ จลุ กรงั คะ(2545).โภชนศาสตรเบอื้ งตน . พิมพคร้ังท่ี 3. กรงุ เทพมหานคร : มหาวทิ ยาลยั
เกษตรศาสตร.
สนุ ยี สหัสโพธิ์ (2543). ชีวเคมที างโภชนาการ. กรงุ เทพฯ : ไทยวฒั นาพานิช.
เสาวนีย จกั รพทิ กั ษ. (2532). หลกั โภชนาการปจ จุบนั .. กรุงเทพมหานคร : ไทยวฒั นาพานิช.
สรุ ตั น โคมนิ ทร. (2534). อาหารสําหรบั ควบคมุ น้ําหนกั . ใน อาหารและโภชนาการเพ่อื สุขภาพ.
พมิ พครงั้ ที่ 1 กรงุ เทพมหานคร : ท.ี พี.พริ้น.
. (2540). โรคอว น (Obesity). เอกสารประกอบการฝกอบรมนกั กําหนดอาหารประจาํ ป
2540. วนั ท่ี 1-4 เมษายน 2540 . คณะแพทยศาสตร โรงพยาบาลรามาธบิ ด.ี
สุภาพรรณ ตันตราชวี ธร. ธาตุเหล็กกบั การพัฒนาสมอง. ในอมุ าพร สทุ ัศนว รวฒุ ิ นลนิ ี จงวิรยิ ะพันธุ
สุภาพรรณ ตีนตราชีวธร. (บก.). ทันยุคกับโภชนาการในเด็ก. กรุงเทพฯ : บียอนด เอ็นเทอร
ไพรซ
อบเชย วงศทอง. (254...). โภชนศาสตรครอบครัว. กรุงเทพมหานคร : มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร.
อมรรตั น เจริญชยั .(2548). วติ ามิน.ใน เอกสารประกอบการสอนชุดวชิ าโภชนาการกบั ชวี ิต มนุษย
หนว ยท่ี 1 – 7. นนทบรุ ี : มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช
อรวินท เลาหรัชนันท. (2539). โปรตีน. ใน เอกสารการสอนชุดวิชาเคมีและจุลชีววิทยาทางอาหาร
หนว ยท่ี 1-5. นนทบุรี : มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช.
(2549). นมและผลิตภัณฑ. ในคณะกรรมการปรับปรุงรายวิชาอาหารบําบัดโรค
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (บก.).เอกสารประกอบการสอนชุดวิชาโภชนาการกับชีวิต หนวยที่ 8–
15. นนทบรุ ี : มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช.
อารี วลั ยะเสวี. (2546). อาหารและโภชนาการสรางคน ประชาชนสรางชาต.ิ ในการประชมุ วชิ าการ
โภชนาการ’46 เรื่องอาหารและโภชนาการสรางคน. วันที่ 16-18 ธันวาคม 2546 ณ โรงแรมมิรา
เคล แกรนด คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ : สถาบันวิจัยโภชนาการและคณะพยาบาลศาสตร
โรงพยาบาลรามาธบิ ดี มหาวิทยาลัยมหิดล.
อัจฉรา ดลวทิ ยาคุณ. (2550). พนื้ ฐานโภชนาการ. กรงุ เทพมหานคร : โอเดียนสโตร.
อุมาพร สุทัศนวรวุฒิ และ พิภพ จิรภิญโญ. (2547). โภชนาการกาวหนา. กรุงเทพ : บียอนดเอ็นเทอร
ไพรช.
Aurand &Woods. (1973). Food Chemistry.AV/Publishing Co Westport Conn
350
Barker D.J.P. (1995). Fetal Origin of Coronary Heart Disease. British Medical Journal 311.
Brown, Judith E. (1999). Nutrition Now.U.S.A., Publishing Inc.
Frederich H. Martini. Edwin F. Bartholomew. (1997). Essentials of anatomy and physiology.
U.S.A., Prentice-Hall , Inc.
Funk C. (1912). The etiology of the deficiency diseases. J State Med.
Hopkins FG” (1912). Feeding experiments illustrating the importance of accessory factors in
norma ; dietaries.J.Physiol.
Gopalan C,et al.(1973). Effect of calorie supplementation on growth of malnourished
children. Am J Ciin Nutr.
Grosvenor Mary B. (2002).Nutrition From Science to life. Harcourt Inc.
Guggenheim KY. (1990). Basicissues of the history of nutrition. Jerusalem : Akademia
University Press.
Robinson, C.H. (1978). Fundamentals of Normal Nutrition. 3rd ed. New York : Macmillan
Publishing.
Santos Ocampo PD. Oteyza E and Quinto M. (1979). Malnutrition and brain development : II
The Philippines study. In :Valyasevi A and Mekanandha V. eds. Proceddings of the
Third Asian Congress of Pediatries Bangkok Medical Pub.
United Nations Children’s Fund. (2004). Complementary foods and feeding. Available from
URL. http//www.unicef/org/programme/breastfeeding/food/htm.
Williams, S.R. (1985). Nutrition and Diet Therapy. 5thed. St. Louis : Times Mirror / Mosby
Collage Publishing.
World Health Organization. (2004).CAH-Complementary feeding. Available from URL.
http//www.who.int/child-adolescent-health/Nutrition/complementary.html.
ภาคผนวก
ตารางท่ี 1 สูตรโครงสรางของกรดไขมนั จํานวนพนั ธะคูและแหลงอาหาร
ช่อื สามัญ ชื่อวทิ ยาศาสตร สูตรโมเลกุล แหลงท่พี บในอาหาร
I. Saturated Fatty Acids
A. Straight-Chain Series
กรดบวิ ทีริก กรดบิวตาโนอกิ CH3(CH2)2COOH เนย ไขมันนม
(Butyric acid) (Butanoic acid)
กรดคาโพรอิก กรดเฮกซาโนอกิ CH3(CH2)4COOH เนย ไขมันนม น้ํามันปาลม
(Caproic acid) (Hexanoic acid) นาํ้ มนั มะพราว
กรดคาไพรลิก กรดออกตาโนอกิ CH3(CH2)6COOH นํ้ามันมะพราว นํ้ามันปาลม เนย
(Caprylic acid) (Octanoic acid) ไขมนั นม
กรดคาปรกิ กรดเดคาโนอิก CH3(CH2)8COOH น้ํามันมะพราว น้ํามันปาลม เนย
ไขมนั นม
(Capric acid) (Decanoic acid)
กรดลอรกิ กรดโดเดคาโนอิก CH3(CH2)10COOH น้ํามันมะพราว นํ้ามันปาลม เนย
Lauric acid (Dodecanoic acid) ไขมันนม
กรดไมรสิ ติก กรดเตตระเดคาโนอิก CH3(CH2)12COOH นํ้ามันมะพราว นํ้ามันปาลม
(Myristic acid) (tetradecanoic acid) นํา้ มนั พชื และไขมันสัตว
กรดปาลม ิติก กรดเฮกซะเดคาโนอกิ CH3(CH2)14COOH น้ํามันพืช และไขมันสัตว
(Palmitic acid) (Hexadecanoic acid)
กรดสเตียริก กรดออกตะเดคาโนอกิ CH3(CH2)16COOH ไขมันสัตว พบนอยในน้าํ มนั พืช
(Stearic acid) (Octadecanoic acid)
กรดอะราชิดิก กรดอีโคซาโนอิก CH3(CH2)18COOH น้าํ มันถั่วลิสง
(Arachidic acid) (Eicosanoic acid)
ตารางที่ 1 (ตอ) สตู รโครงสรางของกรดไขมัน จาํ นวนพนั ธะคูแ ละแหลง อาหาร
ชือ่ สามญั ช่ือวทิ ยาศาสตร สตู รโมเลกลุ แหลง ท่พี บในอาหาร
A. Straight-Chain Series
กรดบฮี ีนิก กรดโดโคซาโนอิก CH3(CH2)20COOH น้ํามันมัสตารด นํ้ามันถั่วลิสง
นาํ้ มนั เรพสีด
(Behenic acid) (Docosanoic acid)
กรดลิกโนซีริก กรดเตตระโคซาโนอกิ CH3(CH2)22COOH มีเลก็ นอ ยในนํา้ มนั ถ่ัวลิสง
(Lignoceric (Tetracosanoic acid)
acid)
กรดซโี รติก กรดเฮกซะโคซาโนอกิ CH3(CH2)24COOH ไขมนั ท่ีขนสัตว
(Cerotic acid) (Hexacosanoic acid)
กรดไอโซวาลรี ิก 3 methylbutanoic (CH3)2CHCH2CO นาํ้ มันโลมา
(Isovaleric acid) OH
11-methyldodecanoic (CH3)2CH(CH2)9C ไขมนั นม เนย
OOH
1,3-ethyltetradecanoic (CH3)2CH(CH2)11C ไขมนั นม เนย
OOH
II.Unsaturated Fatty Acids
A.Monoethenoic Acids
กรดคาโพรเลอิก 9-decenoic C9H17COOH ไขมนั นม
(caproleic acid)
กรดลอโรเลอกิ 9-dodecenoic C11H21COOH ไขมันนม
(Lauroleic acid)
กรดไมริสโตเลอกิ 9-tetradecenoic C13H25COOH ไขมนั สัตวและไขมนั นม
(Myristtoleic acid)
กรดไฟซีตีรกิ 5-tetradecenoic C11H21COOH นํ้ามันปลาซารดีน และนํ้ามัน
โลมา
(Physeteric acid)
กรดปาลมมิโตเลอกิ 9-hexadecenoic C13H25COOH นํ้ามันสัตวทะเล
(Palmitoleic acid)
กรดโอเลอิก Cis-9-Octadecenoic C15H29COOH น้ํามนั พืชและไขมนั สตั ว
(Oleic acid)
ตารางท่ี 1 (ตอ) สูตรโครงสรางของกรดไขมัน จาํ นวนพนั ธะคแู ละแหลงอาหาร
ช่ือสามญั ชื่อวิทยาศาสตร สูตรโมเลกุล แหลง ท่ีพบในอาหาร
กรดอีลาอิดกิ trans-9- C17H33COOH ไขมนั สัตว
(Elaidic acid) Octadecenoic
กรดกาโดเลอกิ 9-Eicosenoic C17H33COOH นํ้ามันปลาและน้ํามันสัตว
(Gadoleic acid) ทะเล
กรดซโี ตเลอกิ 11-Docosenoic C19H37COOH น้ํามนั สัตวท ะเล
(Cetoleic acid)
กรดอีรูซิก 13- Docosenoic C21H41COOH นํ้ า มั น เ ร พ สี ด แ ล ะ นํ้ า มั น
(Erucic acid) มัสตารด
กรดซีลาโคเลอกิ 15-Tetracosenoic C23H45COOH น้ํามันตับปลาและนํ้ามันสัตว
(Selacholeic acid) ทะเล
B. Diethenoid Acids
กรดลิโนเลอิก 9,12- C17H31COOH น้ํามันถั่วลิสง ลินสีด และ
(Linoleic acid) Octadecadienoic เมล็ดฝา ย
C. Trithenoid Acids
กรดลิโนเลอกิ 9,12,15- C17H29COOH ลินสดี
(Linoleic acid)
Octadecadienoic
กรดอีลีโอสเตยี รกิ 9,13,15- C17H29COOH น้ํามนั ถ่วั ลสิ ง
(Eleostearic acid) Octadecadienoic
D. Tetraethnoid Acids
กรดโมรอกตกิ 4,8,12,15- C17H29COOH น้ํามันปลา
(Moroctic acid)
Octadecatetraenoic
กรดอะราคิโดนิก 5,8,11,14- C19H31COOH น้ํามนั ถวั่ เหลือง
(Arachidonic acid) Eicosatetraenoic
E.Polyethenoid Acids
กรดคลพู าโนโดนิก 5,8,11,14- C19H31COOH น้าํ มันปลา
(Clupanodonic Eicosatetraenoic
acid) (EPA)
ตารางท่ี 1 (ตอ ) สตู รโครงสรางของกรดไขมัน จํานวนพนั ธะคแู ละแหลง อาหาร
ชือ่ สามัญ ชอ่ื วทิ ยาศาสตร สูตรโมเลกุล แหลง ทพี่ บในอาหาร
B. Diethenoid Acids
กรดลิโนเลอกิ 9,12-Octadecadienoic C17H31COOH นํ้ามันถั่วลิสง ลินสีด
(Linoleic acid) และเมล็ดฝา ย
กรดนซิ นิ ิก 4,7,10,13,16,19- C21H33COOH นา้ํ มันปลา
(Nisinic acid) Docosahexaenoic(DH
A)
III.Unsaturated Monohydroxy Fatty Acids
กรดลิซโิ นเลอกิ 12-Hydroxy-cis-9- HO-C17H32COOH นํา้ มันถว่ั ลสิ งและ
(Ricinoleic acid) Octadecenoic นาํ้ มันละหงุ
IV. Cyclic Fatty Acids
กรดแลกโตบาซิลลกิ ω-(2-n-Octylcyclo- จลุ ินทรีย
(Lactobacillic propyl)-octanoic acid
acid)
กรดสเตอซูลิก ω-(2-n-Octylcyclo- น้าํ มันเมล็ดพืชบางชนดิ
(Sterculic acid) prop-1-enyl)-octanoic
acid
กรดมอลวาลกิ ω-(2-n-Octylcyclo- น้าํ มันเมล็ดพชื บางชนดิ
(Malvalic acid) pro-1-enyl)-heptanoic
acid
ทม่ี า : (นิธยา รตั นาปนนท, 2547, หนา 87)