รายการ 3 (ดี) ระดับคะแนน 1 (ปรับปรงุ )
2 (ปานกลาง)
การทดลอง - กระบวนการทดลอง - บันทึกขอ้ มูลไม่
ถกู ต้อง กระบวนการทดลอง ถูกต้อง มกี ารใส่ความคิดเห็น
ถกู ต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ลงไปดว้ ย
- บนั ทึกผลการทดลอง บันทกึ ผลการทดลอง
ถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ - กระบวนการทดลองถูกตอ้ ง
ท้ังหมด สรุปผลการทดลอง บางส่วน
ถูกตอ้ งแตไ่ มส่ มบรู ณ์
- สรปุ ผลการทดลอง - บันทึกผลการทดลองถูกต้อง
ถูกตอ้ ง บางสว่ น
- สรุปผลการทดลองไมถ่ ูกต้อง
การลง ลงความเหน็ และสรปุ ลงความเหน็ และสรปุ ลงความเหน็ และสรปุ ขอ้ มูล
ความเห็น ข้อมูลโดยใช้ ขอ้ มลู โดยใช้ อย่างไมม่ หี ลกั การและเหตุผล
และสรุป ข้อมลู จากการทดลอง ข้อมูลจากการทดลอง และไมใ่ ช้ขอ้ มลู จากการ
ข้อมลู อยา่ งมี อยา่ งมี ทดลองประกอบ
หลกั การและเหตุผล หลกั การและเหตุผลแต่
การวัด ไม่สมบรู ณ์ ใช้เคร่ืองมอื ไม่
ใชเ้ ครื่องมอื วดั ถกู ต้อง ค่าทอ่ี ่านได้สว่ นใหญ่
การจัด ถกู ตอ้ งและอา่ นคา่ ได้ ใช้เครอื่ งมอื วัด ไมถ่ กู ต้อง
จำแนก ถกู ต้องทง้ั หมด ถูกต้องและอ่านค่าได้
ถูกต้องเป็น จัดจำแนกตามเกณฑ์ทก่ี ำหนด
จดั จำแนกตามเกณฑ์ที่ บางส่วน ถกู ตอ้ งเปน็ บางสว่ น
กำหนดได้อยา่ งถกู ต้อง
จัดจำแนกตามเกณฑท์ ่ี
กำหนดไดถ้ ูกต้องเปน็
ส่วนใหญ่
รายการ ระดับคะแนน
3 (ดี) 2 (ปานกลาง) 1 (ปรบั ปรงุ )
การ ตัง้ สมมติฐาน ตั้งสมมตฐิ าน ต้งั สมมติฐาน
ต้งั สมมตฐิ าน ไดค้ รอบคลมุ
ไดถ้ กู ตอ้ ง เกนิ รอ้ ยละ 50 ไม่ครอบคลุม
ถกู ต้องทง้ั หมด ถกู ตอ้ งไมถ่ ึงร้อยละ 50
การกำหนด กำหนดตวั แปร กำหนดตวั แปร กำหนดตวั แปร
ตวั แปร ได้ครอบคลมุ ได้ครอบคลุมถูกตอ้ ง ได้ไมค่ รอบคลุม
ถูกตอ้ งทง้ั หมด เกินรอ้ ยละ 50 ถกู ต้องไมถ่ ึงรอ้ ยละ 50
การจดั จัดกระทำขอ้ มูล จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู
กระทำขอ้ มลู ไดถ้ กู ต้องชัดเจน
ไดถ้ กู ตอ้ งชัดเจน ไดถ้ กู ต้องชัดเจน
อ่านง่ายรอ้ ยละ 80 อา่ นง่าย รอ้ ยละ 50 อ่านง่าย ไมถ่ ึงร้อยละ 50
ข้ึนไป ขน้ึ ไป
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
คะแนน ระดบั คุณภาพ
1 ดี
2 พอใช้
3 ปรบั ปรงุ
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 20
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาชีววทิ ยา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 โครโมโซม และสารพนั ธกุ รรมโครโมโซม เวลา 15 ชว่ั โมง
เรื่อง โครโมโซม เวลา 3 ช่วั โมง
ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 ครผู สู้ อน นางสาวสทุ ธิกา แสงแกว้
สาระชีววิทยา
ข้อที่ 2 เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ และหน้าที่ของสาร
พันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูลและแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ
ส่งิ มีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวนเ์ บิร์ก การเกิดสปีชีสใ์ หม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนดิ ของสิ่งมีชีวิต
ความหลากหลาย ของสิ่งมชี วี ิต และอนุกรมวธิ าน รวมทัง้ นำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน
ผลการเรียนรู้
5. สืบค้นข้อมูล อธิบายสมบัติและหน้าที่ของสารพันธุกรรม โครงสร้างและองค์ประกอบทางเคมีของ
DNA และสรปุ การจำลอง DNA
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (Knowledge; K) อธิบายรปู ร่าง ลักษณะ และสว่ นประกอบของโครโมโซมได้
ดา้ นกระบวนการ (Process; P)
เขียน/วาดภาพรูปร่าง ลักษณะ และส่วนประกอบของ
ดา้ นคุณลักษณะ (Attribute; A) โครโมโซมได้
ดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ มีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
(Sc.P.)
มีทกั ษะการสงั เกต / การลงความเหน็ จากขอ้ มลู / การจดั
กระทำและสอ่ื ความหมายของขอ้ มูล
สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
โครโมโซม (chromosome) มีลักษณะเป็นเส้นยาวขดพนั กันเปน็ เกลียวอยูใ่ นนิวเคลยี ส เรียกว่า โคร
มาทิน (chromatin) ซึ่งในช่วงของการแบ่งเซลล์ โครโมโซมจะหดตัวสั้นและหนาที่ประกอบด้วยโครมาทิด 2
อนั ยึดกันตรงตำแหนง่ เซนโทรเมยี ร์ (centromere) แบ่งออกเปน็ 4 ชนิด ไดแ้ ก่
- เมทาเซนทรกิ (metacentric) เปน็ โครโมโซมทม่ี ีตำแหน่งเซนโทรเมียร์อยูต่ รงกลาง
- ซบั เมทาเซนทริก (submetacentric) เป็นโครโมโซมทม่ี ตี ำแหน่งเซนโทรเมียรอ์ ยู่หา่ งจากจดุ ก่ึงกลาง
เล็กน้อย
- อะโครเซนทริก (acrocentric) เป็นโครโมโซมท่ีมตี ำแหน่งเซนโทรเมียร์อยใู่ กล้กับปลายโครมาทดิ
- ทโี ลเซนทรกิ (telocentric) เป็นโครโมโซมท่มี ตี ำแหน่งเซนโทรเมยี รอ์ ยูท่ ี่ปลายโครมาทดิ
- โครโมโซมจะบรรจุโมเลกุลเกลี่ยวคู่ของ DNA รวมอยู่กบั โปรตีนฮสี โตน ซึ่งมีการสรา้ งสมดุลของสาย
DNA พันรอบกลุม่ โปรตีนฮสี โตนเป็นโครงสร้างของนิวคลีโอโซม (nucleosome)
สาระการเรยี นรู้
- DNA เป็นพอลิเมอร์ของนิวคลีโอไทด์ แต่ละนิวคลี- โอไทด์ประกอบด้วยน้ำตาล ดีออกซีไรโบส หมู่
ฟอสเฟต และไนโตรจนี ัสเบส คือ A T C และ G
- โมเลกุลของ DNA เปน็ พอลินิวคลีโอไทด์ 2 สาย เรียงสลับทิศและบิดเปน็ เกลยี วเวยี นขวา โดยการเขา้ คกู่ ัน
ของสาย DNA เกดิ จากการจับคู่ของเบสคสู่ ม คือ A คกู่ บั T และ C ค่กู บั G
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี นและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มวี ินัย
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 3. ม่งุ มน่ั ในการทำงาน
กระบวนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยใช้รปู แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ขัน้ นำ
ขั้นท่ี 1 ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement)
1. ครูถามคำถาม Prior Knowledge เพื่อทบทวนความรู้เดิมว่า โครโมโซมของสิ่งมีชีวิตมีกี่ประเภท
อะไรบา้ ง
(แนวตอบ โครโมโซมของสิ่งมีชีวิต แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ โครโมโซมร่างกาย และโครโมโซม
เพศ)
2. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า DNA ที่เป็นสารพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตเป็นองค์ประกอบหลักของ
โครโมโซมทอี่ ยู่ในนิวเคลียสของเซลล์
ข้นั สอน
ขนั้ ที่ 2 ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration)
1. ครใู หน้ ักเรียนศึกษารูปรา่ ง ลักษณะ และจำนวนโครโมโซม ซง่ึ ประกอบดว้ ยโครมาทิด 2 อัน ยดึ กันท่ี
ตำแหน่งเซนโทรเมยี ร์
2. ครถู ามนักเรยี นวา่ ในระหว่างการแบง่ เซลล์ โครโมโซมจะมีลกั ษณะเหมือนหรอื ตา่ งกนั ในช่วงท่ีเซลล์
ไมม่ ีการแบ่งเซลล์ อย่างไร
(แนวตอบ แตกต่างกัน เพราะในระหว่างการแบ่งเซลล์ โครโมโซมจะหดสั้น ประกอบด้วยโครมาทดิ
2 อัน ยดึ กนั ที่ตำแหนง่ เซนโทรเมยี ร์ แต่ในช่วงที่เซลล์ไม่มกี ารแบ่งเซลล์ โครโมโซมคลายตัวเป็นเส้น
ใย โครมาทนิ ทีข่ ดพนั กันอยภู่ ายในนิวเคลยี ส)
3. ครูให้นักเรียนศกึ ษา ประเภทของโครโมโซมตามตำแหน่งของเซนโทรเมียร์ ที่แบ่งออกเป็น 4 แบบ
ได้แก่ เมทาเซนทรกิ ซบั เมทาเซนทริก อะโครเซนทรกิ และทีโลเซนทรกิ
4. ครูอธบิ ายใหน้ กั เรียนฟังว่า สิง่ มีชีวิตชนดิ หน่ึงอาจมีจำนวนโครโมโซมเทา่ กันหรือไมเ่ ท่ากันก็ได้ขึ้นอยู่
กบั ชนดิ ของสิ่งมีชีวิตนัน้ ๆ และให้นกั เรยี นศึกษาตารางท่ี 5.1 จำนวนโครโมโซมในเซลลร์ ่างกายของ
สิ่งมีชีวติ ต่าง ๆ
5. ครูถามคำถามนักเรียนว่า โครโมโซมมีความสัมพันธ์กบั ความซบั ซ้อนของสง่ิ มีชีวติ หรือไม่
(แนวตอบ จำนวนโครโมโซมไมน่ ่าจะมคี วามสัมพันธ์กับระดับความซับซ้อนของสิ่งมีชีวิต เช่น ไก่มี
จำนวนโครโมโซมมากกวา่ คน แตร่ ะบบอวัยวะของคนมคี วามซับซ้อนมากกว่าไก่ หรอื แมลงวนั แมลง
หวี่ ยุงกน้ ปลอ่ ง และผ้งึ เปน็ แมลงเหมอื นกันทีม่ คี วามซบั ซ้อนของโครงสรา้ งใกล้เคยี งกนั แตม่ ีจำนวน
โครโมโซมทแ่ี ตกตา่ งกัน)
6. ครูถามคำถามท้าทายการคิดขั้นสูง (H.O.T.S) กับนักเรียนว่า สิ่งมีชีวิตต่างชนิด แต่มีโครโมโซม
เทา่ กนั สามารถสบื พันธุแ์ ละใหก้ ำเนดิ ลูกไดห้ รอื ไม่ เพราะเหตุใด
(แนวตอบ สิง่ มีชวี ติ ต่างชนิดกันท่มี ีจำนวนโครโมโซมเท่ากันจะไม่สามารถสืบพันธแ์ุ ละใหก้ ำเนิดลูกได้
เนื่องจากแต่ละโครโมโซมมีรูปร่างและขนาดที่แตกต่างกัน จึงทำให้ไม่เกิดการเข้าคู่กันของฮ
อมอโลกสั โครโมโซม)
ขน้ั ที่ 3 ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation)
1. ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายเก่ียวกับรปู ร่าง ลกั ษณะ และจำนวนโครโมโซม
2. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายเกี่ยวกบั สว่ นประกอบของโครโมโซม
3. ครใู ห้นักเรียนทำแบบฝึกหดั ในแบบฝึกหัดชีววทิ ยา ม.4 เลม่ 2
ขน้ั สรปุ
ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
1. ครูให้นักเรียนทำผังสรุป เรื่อง โครโมโซมของสิ่งมีชีวิต โดยคัดเลือกสิ่งมีชีวิตที่สนใจ ระบุจำนวน
โครโมโซม และประเภทของโครโมโซมแต่ละแทง่ ตามตำแหนง่ ของเซนโทรเมียร์ โดยสบื ค้นข้อมูลจาก
วารสารทางวชิ าการ หรอื สือ่ ออนไลน์
ขน้ั ที่ 5 ขน้ั ประเมิน (Evaluation)
1. ครตู รวจสอบผลจากผงั สรุป เร่อื ง โครโมโซมของส่งิ มีชีวติ
2. ครูตรวจสอบผลจากใบงานที่ 4.2
3. ครูตรวจสอบผลจากการตอบคำถามในแบบฝึกหัดชวี วทิ ยา ม.4 เล่ม 2
การวัดและประเมนิ ผล
รายการวัด วธิ ีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมิน
1. ประเมินระหวา่ งการจัด - แบบประเมินใบงานท่ี - ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ 70
กิจกรรมการเรยี นรู้ - ใบงานท่ี 4.2
1) สารพันธกุ รรม - ผังสรปุ โครโมโซม 4.2 - ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70
- แบบประเมินผลงาน
2) การปฏบิ ัตกิ าร - ประเมนิ การ - แบบประเมินการ - ผา่ นเกณฑร์ ะดับดี
ปฏิบัตกิ าร ปฏิบัตกิ าร
3) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมนิ การ - ผ่านเกณฑร์ ะดับดี
ผลงาน นำเสนอผลงาน
4) พฤตกิ รรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ผา่ นเกณฑร์ ะดับดี
การทำงานกลุ่ม การทำงานกล่มุ การทำงานกลุ่ม
5) คุณลักษณะ - สังเกตความมวี ินัย - แบบประเมนิ - ผา่ นเกณฑร์ ะดับดี
อันพึงประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ มนั่ คุณลกั ษณะ
ในการทำงาน อนั พึงประสงค์
6) ด้านทักษะ - ประเมินทักษะ - แบบประเมนิ ทกั ษะ - ผ่านเกณฑร์ ะดบั 2
กระบวนการทาง กระบวนการทาง กระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์
(Sc.P: Science
Process Skills)
ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้
สอ่ื การเรียนรู้
1) หนงั สือเรียนชวี วทิ ยา ม.4 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 5 ยีนและโครโมโซม
2) แบบฝึกหัดชวี วทิ ยา ม.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 ยนี และโครโมโซม
3) PowerPoint เรื่อง ยีนและโครโมโซม
4) ใบงานที่ 4.2
แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งเรยี น
2) ห้องสมุด
3) สือ่ ออนไลน์
ใบงานที่ 4.2
เร่อื ง โครโมโซม
คำช้ีแจง : จงตอบคำถามต่อไปนใี้ ห้ถกู ต้อง
1. โครโมโซมของสิ่งมีชีวติ มีก่ีประเภท อะไรบ้าง ?
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
2. ประเภทของโครโมโซมตามตำแหน่งของเซนโทรเมยี ร์ ทแี่ บ่งออกเป็นก่ีแบบ ได้แกอ่ ะไรบ้าง ?
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
3. สิง่ มชี วี ิตชนดิ หนง่ึ อาจมจี ำนวนโครโมโซมเทา่ กันหรอื ไม่ ?
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
4. โครโมโซมมีความสัมพนั ธ์กับความซับซอ้ นของสิ่งมชี ีวติ หรอื ไม่ ?
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ชื่อ-นามสกลุ .....................................................................................................ช้นั .......................เลขท่.ี .............
เฉลย
ใบงานท่ี 4.2
เร่อื ง โครโมโซม
คำชแ้ี จง : จงตอบคำถามตอ่ ไปนใี้ ห้ถกู ตอ้ ง
1. โครโมโซมของสิง่ มีชวี ิตมีกี่ประเภท อะไรบ้าง ?
................................................................โครโมโซมของสง่ิ มีชีวิต แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คือ โครโมโซม
ร่างกาย และโครโมโซมเพศ...............................................................................................................
2. ประเภทของโครโมโซมตามตำแหน่งของเซนโทรเมยี ร์ ท่ีแบ่งออกเป็นก่ีแบบ ไดแ้ กอ่ ะไรบ้าง ?
...............................................................แบ่งออกเปน็ 4 แบบ ไดแ้ ก่...................................................................
- เมทาเซนทรกิ
- ซับเมทาเซนทรกิ
- อะโครเซนทรกิ
- และทีโลเซนทริก
3. สง่ิ มชี ีวิตชนดิ หนึ่งอาจมีจำนวนโครโมโซมเท่ากันหรือไม่ ?
...............................................................สิ่งมชี ีวติ ชนิดหน่งึ อาจมีจำนวนโครโมโซมเท่ากันหรอื ไมเ่ ทา่ กนั กไ็ ด้
ขนึ้ อยกู่ ับชนิดของสงิ่ มชี ีวิตน้ัน ๆ...........................................................................................................................
4. โครโมโซมมีความสัมพันธ์กับความซับซอ้ นของสงิ่ มชี วี ิตหรือไม่ ?
......................................................................จำนวนโครโมโซมไมน่ า่ จะมีความสัมพันธ์กับระดับความซบั ซอ้ น
ของสิง่ มชี ีวิต เชน่ ไกม่ จี ำนวนโครโมโซมมากกวา่ คน แตร่ ะบบอวัยวะของคนมคี วามซบั ซ้อนมากกวา่ ไก่ หรอื
แมลงวัน แมลงหวี่ ยุงก้นปล่อง และผงึ้ เปน็ แมลงเหมือนกนั ทมี่ ีความซับซ้อนของโครงสรา้ งใกลเ้ คยี งกัน แตม่ ี
จำนวนโครโมโซมทแี่ ตกตา่ งกัน............................................................
ช่ือ-นามสกลุ .....................................................................................................ชั้น.......................เลขท่ี..............
แบบประเมนิ การปฏิบตั ิกจิ กรรม
คำชแี้ จง : ใหผ้ สู้ อนประเมินการปฏิบัตกิ ิจกรรมของนักเรยี นตามรายการทีก่ ำหนด แล้วขีด ✔ ลงใน
ชอ่ งทีต่ รงกับระดบั คะแนน
ลำดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน
4321
1 การปฏิบัตกิ ารทำกิจกรรม
2 ความคลอ่ งแคล่วในขณะปฏิบัติกจิ กรรม
3 การบนั ทกึ สรปุ และนำเสนอผลการทำกจิ กรรม
รวม
ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแก้ว)
................ /................ /................
เกณฑก์ ารประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรม
ระดับคะแนน
ประเด็นทีป่ ระเมิน
4 32 1
1. การปฏิบัตกิ ิจกรรม ทำกจิ กรรมตาม ทำกิจกรรมตาม ต้องให้ความ ตอ้ งให้ความ
ขนั้ ตอน และใช้ ข้ันตอน และใช้ ช่วยเหลอื บ้างใน ช่วยเหลอื อยา่ งมาก
อปุ กรณ์ไดอ้ ยา่ ง อุปกรณ์ไดอ้ ย่าง การทำกจิ กรรม ในการทำกจิ กรรม
ถกู ตอ้ ง และการใชอ้ ุปกรณ์
ถกู ตอ้ ง แตอ่ าจตอ้ ง และการใช้
ได้รับคำแนะนำบา้ ง อุปกรณ์
2. ความคลอ่ งแคล่ว มคี วามคลอ่ งแคล่ว มีความคลอ่ งแคล่ว ขาดความ ทำกิจกรรมเสร็จไม่
ในขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม ในขณะทำกิจกรรม ทนั เวลา และทำ
ในขณะทำกจิ กรรม คลอ่ งแคล่ว อปุ กรณเ์ สียหาย
โดยไม่ตอ้ งได้รับคำ
ชแ้ี นะ และทำ แตต่ อ้ งได้รับ ในขณะทำ
กิจกรรมเสร็จ
ทันเวลา คำแนะนำบา้ ง และ กิจกรรมจึงทำ
ทำกิจกรรมเสร็จ กิจกรรมเสรจ็ ไม่
ทันเวลา ทนั เวลา
3. การบนั ทึก สรปุ และ บันทึกและสรุปผล บนั ทกึ และสรปุ ผล ตอ้ งใหค้ ำแนะนำ ต้องให้ความ
การทำกจิ กรรมได้
นำเสนอผลการปฏบิ ัติ การทำกิจกรรมได้ ถกู ตอ้ ง แตก่ าร ในการบันทกึ ชว่ ยเหลืออย่างมาก
นำเสนอผลการทำ
กิจกรรม ถูกตอ้ ง รดั กมุ กิจกรรมยงั ไม่เปน็ สรปุ และ ในการบันทกึ สรปุ
ขัน้ ตอน
นำเสนอผลการทำ นำเสนอผลการ และนำเสนอผลการ
กจิ กรรมเป็น ทำกิจกรรม ทำกิจกรรม
ขัน้ ตอนชัดเจน
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
10-12 ดมี าก
7-9 ดี
4-6 พอใช้
0-3 ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
คำช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✔ลงในชอ่ งท่ี
ตรงกับระดบั คะแนน
ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
321
1 ความถกู ตอ้ งของเนื้อหา ⬜ ⬜ ⬜
2 ความคิดสร้างสรรค์ ⬜ ⬜ ⬜
3 วิธกี ารนำเสนอผลงาน ⬜ ⬜ ⬜
4 การนำไปใช้ประโยชน์ ⬜ ⬜ ⬜
5 การตรงต่อเวลา ⬜⬜⬜
รวม
ลงชอ่ื ................................................... ผปู้ ระเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแกว้ )
................ /................ /...............
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
คำชแี้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✔ ลงใน
ช่อง ที่ตรงกับระดบั คะแนน
ลำดับ ชอื่ -สกลุ การ การ การ ความมี การ รวม
ท่ี ของผ้รู ับการ
แสดง ยอมรับ ทำงาน นำ้ ใจ มี สว่ น 15
ประเมนิ ความ ฟังคนอน่ื ตามท่ี รว่ มในการ คะแนน
คดิ เหน็ ได้รับ ปรับปรงุ
มอบหมาย ผลงาน
กลุ่ม
3213213 2 1 3213 2 1
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแก้ว)
............../.................../................
เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✔ ลงใน
ช่องทีต่ รงกับระดับคะแนน
ผลการประเมนิ รวมคะแนน ร้อยละ ระดับคุณภาพ
ที่ ชื่อ – สกุล ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งม่นั ใน มวี นิ ยั (30)
การทำงาน
(10) (10) (10)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงช่ือ....................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสุทธกิ า แสงแก้ว)
................ /................ /................
เกณฑ์การให้คะแนน 8-10 คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 6-7 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครงั้ ให้ 4-5 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ ให้ 1-3 คะแนน
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้
เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน (ร้อยละ) ระดับคุณภาพ
91 - 108 ดมี าก
73 - 90 ดี
54 - 72 พอใช้
ตำ่ กว่า 54 ปรับปรุง
แบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
คำชแ้ี จง : ให้ ผูส้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✔ ลงใน
ช่องทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน
ลำดบั รายการประเมิน ระดับคะแนน
ท่ี 321
1 ⬜⬜⬜
2 ⬜⬜⬜
3 ⬜⬜⬜
4 ⬜⬜⬜
รวม
ลงชือ่ ................................................... ผู้ประเมิน
(นางสาวสทุ ธกิ า แสงแกว้ )
................ /................ /...............
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
รายการ 3 (ด)ี ระดบั คะแนน 1 (ปรับปรงุ )
2 (ปานกลาง)
การสงั เกต - สงั เกตสิ่งที่ต้องการให้ - สังเกตสงิ่ ท่ีต้องการให้ - สงั เกตส่ิงที่ไมต่ รงกบั
สังเกตได้ถูกตอ้ ง สังเกตไดถ้ ูกต้อง จุดประสงค์
- บนั ทกึ ได้ถูกต้อง - บันทึกไว้ถกู ตอ้ งเป็น
ส่วนใหญ่
รายการ 3 (ดี) ระดับคะแนน 1 (ปรับปรงุ )
2 (ปานกลาง)
การทดลอง - กระบวนการทดลอง - บันทึกขอ้ มูลไม่
ถกู ต้อง กระบวนการทดลอง ถูกต้อง มกี ารใส่ความคิดเห็น
ถกู ต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ลงไปดว้ ย
- บนั ทึกผลการทดลอง บันทกึ ผลการทดลอง
ถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ - กระบวนการทดลองถูกตอ้ ง
ท้ังหมด สรุปผลการทดลอง บางส่วน
ถูกตอ้ งแตไ่ มส่ มบรู ณ์
- สรปุ ผลการทดลอง - บันทึกผลการทดลองถูกต้อง
ถูกตอ้ ง บางสว่ น
- สรุปผลการทดลองไมถ่ ูกต้อง
การลง ลงความเหน็ และสรปุ ลงความเหน็ และสรปุ ลงความเหน็ และสรปุ ขอ้ มูล
ความเห็น ข้อมูลโดยใช้ ขอ้ มลู โดยใช้ อย่างไมม่ หี ลกั การและเหตุผล
และสรุป ข้อมลู จากการทดลอง ข้อมูลจากการทดลอง และไมใ่ ช้ขอ้ มลู จากการ
ข้อมลู อยา่ งมี อยา่ งมี ทดลองประกอบ
หลกั การและเหตุผล หลกั การและเหตุผลแต่
การวัด ไม่สมบรู ณ์ ใช้เคร่ืองมอื ไม่
ใชเ้ ครื่องมอื วดั ถกู ต้อง ค่าทอ่ี ่านได้สว่ นใหญ่
การจัด ถกู ตอ้ งและอา่ นคา่ ได้ ใช้เครอื่ งมอื วัด ไมถ่ กู ต้อง
จำแนก ถกู ต้องทง้ั หมด ถูกต้องและอ่านค่าได้
ถูกต้องเป็น จัดจำแนกตามเกณฑ์ทก่ี ำหนด
จดั จำแนกตามเกณฑ์ที่ บางส่วน ถกู ตอ้ งเปน็ บางสว่ น
กำหนดได้อยา่ งถกู ต้อง
จัดจำแนกตามเกณฑท์ ่ี
กำหนดไดถ้ ูกต้องเปน็
ส่วนใหญ่
รายการ ระดับคะแนน
3 (ดี) 2 (ปานกลาง) 1 (ปรบั ปรงุ )
การ ตัง้ สมมติฐาน ตั้งสมมตฐิ าน ต้งั สมมติฐาน
ต้งั สมมตฐิ าน ไดค้ รอบคลมุ
ไดถ้ กู ตอ้ ง เกนิ รอ้ ยละ 50 ไม่ครอบคลุม
ถกู ต้องทง้ั หมด ถกู ตอ้ งไมถ่ ึงร้อยละ 50
การกำหนด กำหนดตวั แปร กำหนดตวั แปร กำหนดตวั แปร
ตวั แปร ได้ครอบคลมุ ได้ครอบคลุมถูกตอ้ ง ได้ไมค่ รอบคลุม
ถูกตอ้ งทง้ั หมด เกินรอ้ ยละ 50 ถกู ต้องไมถ่ ึงรอ้ ยละ 50
การจดั จัดกระทำขอ้ มูล จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู
กระทำขอ้ มลู ไดถ้ กู ต้องชัดเจน
ไดถ้ กู ตอ้ งชัดเจน ไดถ้ กู ต้องชัดเจน
อ่านง่ายรอ้ ยละ 80 อา่ นง่าย รอ้ ยละ 50 อ่านง่าย ไมถ่ ึงร้อยละ 50
ข้ึนไป ขน้ึ ไป
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
คะแนน ระดบั คุณภาพ
1 ดี
2 พอใช้
3 ปรบั ปรงุ
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 21
กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าชีววทิ ยา ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 4
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 โครโมโซม และสารพนั ธกุ รรมโครโมโซม เวลา 15 ชวั่ โมง
เรอ่ื ง การควบคุมลักษณะทางพันธกุ รรมของ DNA (1) เวลา 3 ชั่วโมง
ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 ครผู สู้ อน นางสาวสทุ ธกิ า แสงแกว้
สาระชวี วิทยา
ข้อที่ 2 เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ และหน้าที่ของสาร
พันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูลและแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ
สง่ิ มีชวี ิต ภาวะสมดลุ ของฮาร์ดี-ไวนเ์ บิร์ก การเกดิ สปชี สี ใ์ หม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนิดของส่ิงมีชีวิต
ความหลากหลาย ของส่ิงมชี ีวิต และอนุกรมวิธาน รวมทง้ั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน
ผลการเรียนรู้
7. อธิบายและระบขุ ้ันตอนในกระบวนการสงั เคราะหโ์ ปรตีนและหน้าที่ของ DNA และ RNA แตล่ ะชนิด
ในกระบวนการสังเคราะห์ โปรตนี
8. สรุปความสัมพันธ์ระหว่างสารพันธุกรรม แอลลีล โปรตีน ลักษณะทางพันธุกรรม และเชื่อมโยงกบั
ความรเู้ รือ่ งพนั ธศุ าสตร์เมนเดล
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ด้านความรู้ (Knowledge; K) 1. อธิบายสมบัติของสารพนั ธกุ รรม
2. อธิบายเกยี่ วกับการสงั เคราะหด์ ีเอ็นเอ
ด้านกระบวนการ (Process; P) เขียนลำดับกรดอะมโิ นท่เี ป็นส่วนประกอบของพอลเิ พปไทดท์ ี่
ได้จากการแปลรหัสได้
ด้านคุณลักษณะ (Attribute; A) มวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ มงุ่ มั่นในการทำงาน
ด้านทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
(Sc.P.) มีทกั ษะการสังเกต / การลงความเห็นจากข้อมูล / การจัด
กระทำและส่อื ความหมายของข้อมูล
สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
การสังเคราะห์ DNA เป็นการจำลองตัวเองของ DNA ที่เริ่มจากการทำลายพันธะไฮโดรเจน ทำให้
เกิดการคลายเกลียวและแยกออกจากกัน ซึ่งแต่ละสายจะทำหน้าที่เป็นสายแม่แบบ (DNA template) โดย
แบ่งเป็นสายนำ (leading strand) ที่มีการสังเคราะห์จากปลาย 5’ ไปยังปลาย 3’ และสายตาม (lagging
strand) ทม่ี ีการสงั เคราะห์ DNA สายสั้น ๆ จากปลาย 3’ ไปยังปลาย 5’ ทีเ่ รียกว่า ชนิ้ สว่ นโอคาซากิ (Okazaki
fragment) แลว้ จึงตอ่ เช่ือมกนั ดว้ ยเอนไซมด์ ีเอ็นเอไลเกส
การควบคุมลักษณะทางพนั ธกุ รรมของดเี อน็ เอ เนื่องจากลำดบั นิวคลโี อไทด์บางชว่ งบนสาย DNA จะ
ทำหน้าที่เป็นยีน ซึ่งจะกำหนดชนิดกรดอะมโิ นที่ใช้สังเคราะหโ์ ปรตีน และหากยีนมีความผิดปกติจะส่งผลต่อ
การสังเคราะห์โปรตีนทำให้เกิดความผิดปกติที่แสดงออกมาทางลักษณะฟีโนไทป์ เช่น สภาวะผิวเผือก โรค
โลหิตจางแบบเมด็ เลือดแดงรปู เคยี ว
การสังเคราะห์โปรตีนจากดีเอน็ เอ จะมี RNA ชนิดตา่ ง ๆ เขา้ มาเก่ยี วข้อง ประกอบด้วยอาร์เอ็นเอนำ
รหสั (messenger RNA ; mRNA) ทำหนา้ ทเ่ี ปน็ ตัวกลางนำรหัสพันธุกรรมจาก DNA มาสงั เคราะหโ์ ปรตนี อาร์
เอ็นเอนำรหัส (transfer RNA ; tRNA) ทำหน้าที่นำแอนติโคดอนของนิวคลีโอไทด์สามตัวที่มีกรดอะมิโน
จำเพาะมาเชื่อมต่อกับโคดอนของ mRNA และอาร์เอ็นเอไรโบโซม (ribosomal RNA ; rRNA) ทำหน้าที่ช่วย
การจับของแอนตโิ คดอนของ tRNA กับโคดอนของ mRNA ซ่ึงการสงั เคราะหโ์ ปรตนี จากดีเอน็ เอประกอบด้วย
2 กระบวนการ
สาระการเรียนรู้
- ยีน คือ สาย DNA บางช่วงท่ีควบคมุ ลกั ษณะทางพันธุกรรมได้ โดยยนี กำหนดลำดับกรดอะมโิ นของโปรตีน
ซ่ึงทำหน้าทีเ่ ป็นโครงสรา้ ง เอนไซม์ และอืน่ ๆ มีผลทำให้เซลลแ์ ละส่ิงมชี วี ิตปรากฏลักษณะต่าง ๆ ได้
- DNA จำลองตวั เองได้โดยใชส้ ายหน่งึ เปน็ แมแ่ บบและสรา้ งอกี สายข้นึ มาใหม่ ซึง่ จะมโี ครงสร้างและลำดับนิ
วคลโี อไทด์เหมือนเดมิ
- DNA ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตได้ โดยการสร้าง RNA 3 ประเภท คือ mRNA tRNA
และ rRNA ซึง่ รว่ มกันทำหนา้ ท่ใี นกระบวนการสังเคราะห์โปรตนี
- RNA เป็นพอลเิ มอรข์ องนิวคลโี อไทด์สายเดย่ี ว แตล่ ะนวิ คลีโอไทดป์ ระกอบด้วยนำ้ ตาลไรโบส หมูฟ่ อสเฟต
และไนโตรจนี สั เบส คือ A U C และ G ของสาย DNA เกดิ จากการจับคู่ของเบสคสู่ ม คือ A คู่กบั T และ C คู่
กบั G
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี นและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี ินัย
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต 3. มุ่งมั่นในการทำงาน
กระบวนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้โดยใชร้ ูปแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ขัน้ นำ
ข้ันที่ 1 ขัน้ สรา้ งความสนใจ (Engagement)
1. ครูถามคำถาม Prior Knowledge เพื่อทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนว่า DNA มีความสำคัญต่อ
สง่ิ มชี วี ิตอย่างไร
(แนวตอบ DNA เป็นสารพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมลักษณะต่าง ๆ และทำให้เกิด
การถา่ ยทอดลกั ษณะจากรุ่นพอ่ แม่ไปสูร่ นุ่ ลกู )
2. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า DNA เป็นสารพันธุกรรมที่ทำเกิดการถ่ายทอดลักษณะต่าง ๆ ของ
สิ่งมีชีวิตจากพ่อแม่ไปสู่ลูกหลาน เนื่องจาก DNA สามารถจำลองตัวเอง และใช้ตัวเองเป็นแม่แบบ
ของรหัสพันธุกรรมในการสงั เคราะห์โปรตีน และ DNA ยังสามารถเกิดการแปรผันที่ทำให้เกิดความ
ผิดปกติได้
ข้นั สอน
ขน้ั ที่ 2 ข้ันสำรวจและคน้ หา (Exploration)
1. ครูให้นักเรียนศึกษา สมบัติของสารพันธุกรรมของ DNA ซึ่งประกอบด้วยสามารถเพิ่มจำนวนได้
สามารถควบคุมการทำงานของเซลล์ได้ และสามารถเกดิ การเปลย่ี นแปลงลักษณะทางพนั ธกุ รรมได้
2. ครูถามนกั เรียนวา่ เพราะเหตุใด DNA จึงมีคณุ สมบตั เิ ปน็ สารพนั ธกุ รรมของส่ิงมชี ีวติ
(แนวตอบ เน่ืองจาก DNA สามารถเพม่ิ จำนวนได้ มียีนที่สามารถควบคุมการทำงานตา่ ง ๆ ของเซลล์
และสามารถเกดิ การแปรผนั ของยีน ซึง่ ทำใหม้ ลี ัษณะแตกตา่ งจากลกั ษณะเดิมได้ ซง่ึ คณุ สมบตั ติ ่าง ๆ
เหลา่ น้แี สดงให้เห็นว่า DNA เป็นสารพันธกุ รรมของสิง่ มีชีวิต)
3. นักเรียนแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ศึกษา เรื่อง การสังเคราะห์ DNA โดยสรุปเนื้อหาที่สำคัญลงใน
กระดาษฟลปิ ชารต์ ทคี่ รูเตรยี มไวใ้ ห้
- สมบัตขิ องสารพนั ธกุ รรมของ DNA
- ความแตกตา่ งของโครงสรา้ งระหว่าง RNA กบั DNA
- โรคท่เี กดิ จากความผิดปกตขิ องยนี
- การจำลองแบบกึง่ อนรุ ักษ์
- การสงั เคราะห์ DNA
ขนั้ ที่ 3 ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
1. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ นำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน
2. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรปุ เนือ้ หา เรือ่ ง สมบัตขิ องสารพนั ธุกรรมของ DNA , ความแตกต่างของโครงสร้าง
ระหว่าง RNA กับ DNA , โรคที่เกิดจากความผิดปกติของยีน , การจำลองแบบกึ่งอนุรักษ์ และการสังเคราะห์
DNA
ขน้ั สรุป
ขน้ั ท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
1. ครูถามนกั เรยี นว่า DNA ท่ถี ูกสงั เคราะหข์ นึ้ มีบทบาทสำคญั ตอ่ เซลล์ส่ิงมชี ีวิตอย่างไร
(แนวตอบ DNA ที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นจะมขี ้อมูลทางพนั ธุกรรมบรรจุอยู่ ซึ่งเป็นลำดับเบสของนิวคลีโอ
ไทด์บนสายดเี อ็นเอทที่ ำหนา้ ที่เป็นยีน โดยยีนจะควบคุมการสังเคราะหโ์ ปรตนี ตา่ ง ๆ ในเซลลส์ ิ่งมีชีวิต
โปรตีนที่ถูกสังคราะห์ขึ้นจะมีบทบาทและหน้าที่ที่หลากหลาย เช่น เป็นองค์ประกอบของเซลล์ เร่ง
ปฏิกิริยาต่าง ๆ ภายในเซลล์ เปน็ ต้น ซ่งึ มผี ลทำใหร้ ่างกายของสงิ่ มชี ีวติ อยใู่ นสภาวะปกต)ิ
2. ครูถามนกั เรียนวา่ หากการสงั เคราะห์ DNA เกดิ ความผิดปกติจะมีผลตอ่ สงิ่ มชี วี ิตอยา่ งไร
(แนวตอบ หากการสังเคราะห์ DNA เกิดความผิดปกติ จะทำให้ข้อมูลพันธุกรรมที่ถูกใช้ในการ
สังเคราะหโ์ ปรตนี ผดิ ปกติดว้ ย ซง่ึ มีผลทำให้เกดิ ความผิดปกตขิ องส่งิ มีชีวิต)
ขั้นที่ 5 ขน้ั ประเมิน (Evaluation)
1. ครูตรวจสอบผลจากผงั สรปุ ของแต่ละกลุม่ ที่ได้รับมอบหมาย
2. ครตู รวจสอบผลจากกิจกรรม DNA กับการสังเคราะหโ์ ปรตนี
3. ครูตรวจสอบผลจากใบงานที่ 5.3 เรอื่ ง การสงั เคราะห์ DNA
4. ครูให้นกั เรียนทำแบบฝกึ หัดในหนังสือชีววทิ ยา ม.4 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 5 ยีนและโครโมโซม
การวดั และประเมนิ ผล
รายการวัด วิธีการ เครื่องมอื เกณฑ์การประเมนิ
1. ประเมินระหว่างการจดั - ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 70
กิจกรรมการเรยี นรู้ - ใบงานท่ี 4.3
1) การควบคมุ - ผังสรุปแต่ละกลุ่ม - แบบประเมินใบงานที่ - ผา่ นเกณฑ์รอ้ ยละ 70
ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม 4.3
ของ DNA (1) - แบบประเมนิ ผลงาน
2) การปฏบิ ัตกิ าร - ประเมินการ - แบบประเมินการ - ผ่านเกณฑ์ระดับดี
ปฏบิ ัตกิ าร ปฏิบัติการ
3) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการ - ผ่านเกณฑ์ระดับดี
ผลงาน นำเสนอผลงาน
4) พฤตกิ รรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ผา่ นเกณฑ์ระดับดี
การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุม่ การทำงานกลมุ่
5) คุณลักษณะ - สังเกตความมีวนิ ยั - แบบประเมิน - ผ่านเกณฑ์ระดบั ดี
อนั พงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ มัน่ คณุ ลกั ษณะ
ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์
6) ดา้ นทักษะ - ประเมนิ ทกั ษะ - แบบประเมินทกั ษะ - ผ่านเกณฑร์ ะดับ 2
กระบวนการทาง กระบวนการทาง กระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์
(Sc.P: Science
Process Skills)
ส่อื /แหล่งการเรียนรู้
สอ่ื การเรียนรู้
1) หนงั สอื เรยี นชีววิทยา ม.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 ยีนและโครโมโซม
2) แบบฝึกหัดชวี วทิ ยา ม.4 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 ยีนและโครโมโซม
3) ใบงานที่ 4.3 เรื่อง การสงั เคราะห์ DNA
4) PowerPoint เรอื่ ง ยนี และโครโมโซม
แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งเรยี น
2) ห้องสมุด
3) สอ่ื ออนไลน์
ใบงานที่ 5.3
เร่ือง การสังเคราะห์ DNA
คำชแ้ี จง : ตอบคำถามเกย่ี วกับการสังเคราะห์ DNA ตอ่ ไปนี้
1. การสังเคราะห์ DNA สายใหม่ 2 สาย จาก DNA แม่แบบเดียวกนั มีลกั ษณะแตกต่างกันอย่างไร
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
DNA พอลเิ มอเรส 2. จากภาพที่กำหนดให้ นักเรียนคิดว่า DNA สายใดเป็น
สายนำ และสายใดเปน็ สายตาม เพราะเหตใุ ด
..........................................................................................
..........................................................................................
..........................................................................................
..........................................................................................
..........................................................................................
..........................................................................................
3. ดีเอ็นเอแมแ่ บบสายหนง่ึ มีลำดบั เบส ดังนี้
5’ ACGGTGTTCAAATGCCAAAGTTTACCTGGTACCACTTT 3’
3.1 ลำดับเบสของ DNA ที่มีการเข้าคูก่ บั ดเี อน็ เอแมแ่ บบสายน้ี มลี ำดับเบสอยา่ งไร
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
3.2 ลำดับเบสของ DNA ทมี่ ีการเข้าคูก่ ับดีเอ็นเอแมแ่ บบอกี สายหนึ่งที่เปน็ โมเลกุลเดียวกนั มลี ำดับเบสอย่างไร
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ใบงานท่ี 5.3 เฉลย
เรอ่ื ง การสังเคราะห์ DNA
คำชีแ้ จง : ตอบคำถามเก่ยี วกบั การสังเคราะห์ DNA ต่อไปน้ี
1. การสังเคราะห์ DNA สายใหม่ 2 สาย จาก DNA โมเลกุลเดยี วกัน มีลกั ษณะแตกต่างกันอย่างไร
...............ก..า..ร..ส...งั .เ..ค..ร..า..ะ..ห...์..D..N...A....ส..า..ย..ใ..ห..ม...่ .2....ส..า..ย....จ..า..ก....D...N..A....โ..ม..เ.ล...ก..ุล..เ..ด..ีย..ว..ก...นั ....จ..ะ...ม..ลี..ัก...ษ..ณ....ะ..ต..่า..ง..ก...นั ....แ..บ...ง่ ..อ..อ..ก...เ.ป...็น....
.ส..า..ย...น..ำ..ท...่ีม..ีก...า..ร..ส..ัง..เ.ค...ร..า..ะ..ห...์ .D...N...A....อ..ย..่า..ง..ต..่อ...เ.น...ื่อ..ง..จ..า..ก...ป..ล...า..ย....5..’...ไ.ป...ย..ัง..ป...ล..า..ย....3..’...ส..่ว..น...อ...กี ..ส..า..ย...เ.ป..น็.....ส..า..ย...ต..า..ม...ท..ี่ม...ีก..า..ร....
.ส..ั.ง.เ..ค..ร..า..ะ...ห..์..D...N..A....อ..ย...่า..ง..ไ.ม...่ต...่อ..เ.น...ื่อ...ง...เ.น...ื่อ..ง..จ...า..ก..ท...ิศ..ท...า..ง..ก..า..ร..ค...ล..า..ย...เ.ก..ล...ีย..ว..ส...ว..น...ท..า..ง..ก...ับ....D...N...A...แ...ม..่แ...บ..บ....ท...ำ..ใ..ห..้.ม..ีก...า..ร...
.ส..งั..เ..ค..ร..า..ะ..ห...เ์ .ป...น็ ..ช..้ืน...ส..่ว..น...โ..อ..ค..า..ซ...า..ก..ิ.ท...่เี.ป...น็ ....D...N..A....ส..า..ย...ส..น้ั....ๆ....แ..ล..ะ...จ..ะ..เ.ช...่อื ..ม...ต..อ่..ก...ัน..ด...ว้ ..ย..เ.อ...น..ไ..ซ..ม...ด์..เี..อ..น็...เ.อ..ไ..ล..เ.ก...ส................
..............................................................................................................................................................................
DNA พอลิเมอเรส 2. จากภาพที่กำหนดให้ นักเรียนคิดว่า DNA สายใดเป็น
สายนำ และสายใดเป็นสายตาม เพราะเหตุใด
................D...N..A....ส...า..ย..บ...น.....เ.ป...็น...ส..า...ย..น...ำ...เ..น...ื่อ...ง..จ..า..ก...ม...ีก..า..ร......
..ส...ัง..เ.ค..ร..า..ะ...ห..์อ...ย..่า..ง..ต..อ่...เ.น...ื่อ..ง..จ..า..ก...ป..ล...า..ย...5...’...ไ.ป...ย..ัง..ป...ล..า..ย....3..’.....
..ส...่ ว...น.....D..N...A....ส...า..ย...ล...่ า..ง....เ..ป...็ .น...ต...า..ม....เ..น...ื .่ อ...ง..จ...า..ก...ม...ี .ก..า...ร.....
..ส..งั..เ..ค..ร..า..ะ..ห...เ์ .ป...น็ ..ช...้ิน..ส...ว่ ..น....D...N..A....ส...า.ย...ส..้ัน....ๆ....จ..า..ก...ป..ล..า..ย.....5..’.....
..ไ..ป..ย...ัง.ป...ล..า..ย....3..’...................................................................
..........................................................................................
3. ดเี อน็ เอแมแ่ บบสายหนง่ึ มลี ำดับเบส ดงั นี้
5’ ACGGTGTTCAAATGCCAAAGTTTACCTGGTACCACTTT 3’
3.1 ลำดับเบสของ DNA ทม่ี กี ารเข้าคกู่ ับดีเอน็ เอแม่แบบสายน้ี มีลำดบั เบสอยา่ งไร
.............3..’...T..G...C...C..A...C..A...A..G...T..T..T...A..C...G..G...T..T..T...C..A...A..A...T..G...G..A...C..C...A..T..G...G...T..G...A..A...A...5...’..........................................................
..............................................................................................................................................................................
3.2 ลำดับเบสของ DNA ที่มกี ารเขา้ คูก่ บั ดีเอ็นเอแม่แบบอีกสายหน่ึงทีเ่ ปน็ โมเลกุลเดยี วกนั มลี ำดบั เบสอย่างไร
...............5..’...A..C...G..G...T..G...T..T..C...A..A...A..T...G..C...C..A...A..A...G..T...T..T..A...C..C...T..G...G..T...A..C...C..A...C..T..T...T...3...’.........................................................
..............................................................................................................................................................................
แบบประเมนิ การปฏิบตั ิกจิ กรรม
คำชแี้ จง : ใหผ้ สู้ อนประเมินการปฏิบัตกิ ิจกรรมของนักเรยี นตามรายการทีก่ ำหนด แล้วขีด ✔ ลงใน
ชอ่ งทีต่ รงกับระดบั คะแนน
ลำดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน
4321
1 การปฏิบัตกิ ารทำกิจกรรม
2 ความคลอ่ งแคล่วในขณะปฏิบัติกจิ กรรม
3 การบนั ทกึ สรปุ และนำเสนอผลการทำกจิ กรรม
รวม
ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแก้ว)
................ /................ /................
เกณฑก์ ารประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรม
ระดับคะแนน
ประเด็นทีป่ ระเมิน
4 32 1
1. การปฏิบัตกิ ิจกรรม ทำกจิ กรรมตาม ทำกิจกรรมตาม ต้องให้ความ ตอ้ งให้ความ
ขนั้ ตอน และใช้ ข้ันตอน และใช้ ช่วยเหลอื บ้างใน ช่วยเหลอื อยา่ งมาก
อปุ กรณ์ไดอ้ ยา่ ง อุปกรณ์ไดอ้ ย่าง การทำกจิ กรรม ในการทำกจิ กรรม
ถกู ตอ้ ง และการใชอ้ ุปกรณ์
ถกู ตอ้ ง แตอ่ าจตอ้ ง และการใช้
ได้รับคำแนะนำบา้ ง อุปกรณ์
2. ความคลอ่ งแคล่ว มคี วามคลอ่ งแคล่ว มีความคลอ่ งแคล่ว ขาดความ ทำกิจกรรมเสร็จไม่
ในขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม ในขณะทำกิจกรรม ทนั เวลา และทำ
ในขณะทำกจิ กรรม คลอ่ งแคล่ว อปุ กรณเ์ สียหาย
โดยไม่ตอ้ งได้รับคำ
ชแ้ี นะ และทำ แตต่ อ้ งได้รับ ในขณะทำ
กิจกรรมเสร็จ
ทันเวลา คำแนะนำบา้ ง และ กิจกรรมจึงทำ
ทำกิจกรรมเสร็จ กิจกรรมเสรจ็ ไม่
ทันเวลา ทนั เวลา
3. การบนั ทึก สรปุ และ บันทึกและสรุปผล บนั ทกึ และสรปุ ผล ตอ้ งใหค้ ำแนะนำ ต้องให้ความ
การทำกจิ กรรมได้
นำเสนอผลการปฏบิ ัติ การทำกิจกรรมได้ ถกู ตอ้ ง แตก่ าร ในการบันทกึ ชว่ ยเหลืออย่างมาก
นำเสนอผลการทำ
กิจกรรม ถูกตอ้ ง รดั กมุ กิจกรรมยงั ไม่เปน็ สรปุ และ ในการบันทกึ สรปุ
ขัน้ ตอน
นำเสนอผลการทำ นำเสนอผลการ และนำเสนอผลการ
กจิ กรรมเป็น ทำกิจกรรม ทำกิจกรรม
ขัน้ ตอนชัดเจน
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
10-12 ดมี าก
7-9 ดี
4-6 พอใช้
0-3 ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
คำช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✔ลงในชอ่ งท่ี
ตรงกับระดบั คะแนน
ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
321
1 ความถกู ตอ้ งของเนื้อหา ⬜ ⬜ ⬜
2 ความคิดสร้างสรรค์ ⬜ ⬜ ⬜
3 วิธกี ารนำเสนอผลงาน ⬜ ⬜ ⬜
4 การนำไปใช้ประโยชน์ ⬜ ⬜ ⬜
5 การตรงต่อเวลา ⬜⬜⬜
รวม
ลงชอ่ื ................................................... ผปู้ ระเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแกว้ )
................ /................ /...............
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
คำชแี้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✔ ลงใน
ช่อง ที่ตรงกับระดบั คะแนน
ลำดับ ชอื่ -สกลุ การ การ การ ความมี การ รวม
ท่ี ของผ้รู ับการ
แสดง ยอมรับ ทำงาน นำ้ ใจ มี สว่ น 15
ประเมนิ ความ ฟังคนอน่ื ตามท่ี รว่ มในการ คะแนน
คดิ เหน็ ได้รับ ปรับปรงุ
มอบหมาย ผลงาน
กลุ่ม
3213213 2 1 3213 2 1
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแก้ว)
............../.................../................
เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✔ ลงใน
ช่องทีต่ รงกับระดับคะแนน
ผลการประเมนิ รวมคะแนน ร้อยละ ระดับคุณภาพ
ที่ ชื่อ – สกุล ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งม่นั ใน มวี นิ ยั (30)
การทำงาน
(10) (10) (10)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงช่ือ....................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสุทธกิ า แสงแก้ว)
................ /................ /................
เกณฑ์การให้คะแนน 8-10 คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 6-7 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครงั้ ให้ 4-5 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ ให้ 1-3 คะแนน
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้
เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน (ร้อยละ) ระดับคุณภาพ
91 - 108 ดมี าก
73 - 90 ดี
54 - 72 พอใช้
ตำ่ กว่า 54 ปรับปรุง
แบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
คำชแ้ี จง : ให้ ผูส้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✔ ลงใน
ช่องทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน
ลำดบั รายการประเมิน ระดับคะแนน
ท่ี 321
1 ⬜⬜⬜
2 ⬜⬜⬜
3 ⬜⬜⬜
4 ⬜⬜⬜
รวม
ลงชือ่ ................................................... ผู้ประเมิน
(นางสาวสทุ ธกิ า แสงแกว้ )
................ /................ /...............
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
รายการ 3 (ด)ี ระดบั คะแนน 1 (ปรับปรงุ )
2 (ปานกลาง)
การสงั เกต - สงั เกตสิ่งที่ต้องการให้ - สังเกตสงิ่ ท่ีต้องการให้ - สงั เกตส่ิงที่ไมต่ รงกบั
สังเกตได้ถูกตอ้ ง สังเกตไดถ้ ูกต้อง จุดประสงค์
- บนั ทกึ ได้ถูกต้อง - บันทึกไว้ถกู ตอ้ งเป็น
ส่วนใหญ่
รายการ 3 (ดี) ระดับคะแนน 1 (ปรับปรงุ )
2 (ปานกลาง)
การทดลอง - กระบวนการทดลอง - บันทึกขอ้ มูลไม่
ถกู ต้อง กระบวนการทดลอง ถูกต้อง มกี ารใส่ความคิดเห็น
ถกู ต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ลงไปดว้ ย
- บนั ทึกผลการทดลอง บันทกึ ผลการทดลอง
ถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ - กระบวนการทดลองถูกตอ้ ง
ท้ังหมด สรุปผลการทดลอง บางส่วน
ถูกตอ้ งแตไ่ มส่ มบรู ณ์
- สรปุ ผลการทดลอง - บันทึกผลการทดลองถูกต้อง
ถูกตอ้ ง บางสว่ น
- สรุปผลการทดลองไมถ่ ูกต้อง
การลง ลงความเหน็ และสรปุ ลงความเหน็ และสรปุ ลงความเหน็ และสรปุ ขอ้ มูล
ความเห็น ข้อมูลโดยใช้ ขอ้ มลู โดยใช้ อย่างไมม่ หี ลกั การและเหตุผล
และสรุป ข้อมลู จากการทดลอง ข้อมูลจากการทดลอง และไมใ่ ช้ขอ้ มลู จากการ
ข้อมลู อยา่ งมี อยา่ งมี ทดลองประกอบ
หลกั การและเหตุผล หลกั การและเหตุผลแต่
การวัด ไม่สมบรู ณ์ ใช้เคร่ืองมอื ไม่
ใชเ้ ครื่องมอื วดั ถกู ต้อง ค่าทอ่ี ่านได้สว่ นใหญ่
การจัด ถกู ตอ้ งและอา่ นคา่ ได้ ใช้เครอื่ งมอื วัด ไมถ่ กู ต้อง
จำแนก ถกู ต้องทง้ั หมด ถูกต้องและอ่านค่าได้
ถูกต้องเป็น จัดจำแนกตามเกณฑ์ทก่ี ำหนด
จดั จำแนกตามเกณฑ์ที่ บางส่วน ถกู ตอ้ งเปน็ บางสว่ น
กำหนดได้อยา่ งถกู ต้อง
จัดจำแนกตามเกณฑท์ ่ี
กำหนดไดถ้ ูกต้องเปน็
ส่วนใหญ่
รายการ ระดับคะแนน
3 (ดี) 2 (ปานกลาง) 1 (ปรบั ปรงุ )
การ ตัง้ สมมติฐาน ตั้งสมมตฐิ าน ต้งั สมมติฐาน
ต้งั สมมตฐิ าน ไดค้ รอบคลมุ
ไดถ้ กู ตอ้ ง เกนิ รอ้ ยละ 50 ไม่ครอบคลุม
ถกู ต้องทง้ั หมด ถกู ตอ้ งไมถ่ ึงร้อยละ 50
การกำหนด กำหนดตวั แปร กำหนดตวั แปร กำหนดตวั แปร
ตวั แปร ได้ครอบคลมุ ได้ครอบคลุมถูกตอ้ ง ได้ไมค่ รอบคลุม
ถูกตอ้ งทง้ั หมด เกินรอ้ ยละ 50 ถกู ต้องไมถ่ ึงรอ้ ยละ 50
การจดั จัดกระทำขอ้ มูล จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู
กระทำขอ้ มลู ไดถ้ กู ต้องชัดเจน
ไดถ้ กู ตอ้ งชัดเจน ไดถ้ กู ต้องชัดเจน
อ่านง่ายรอ้ ยละ 80 อา่ นง่าย รอ้ ยละ 50 อ่านง่าย ไมถ่ ึงร้อยละ 50
ข้ึนไป ขน้ึ ไป
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
คะแนน ระดบั คุณภาพ
1 ดี
2 พอใช้
3 ปรบั ปรงุ
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 22
กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาชีววิทยา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 โครโมโซม และสารพันธกุ รรมโครโมโซม เวลา 15 ชั่วโมง
เรือ่ ง การควบคุมลักษณะทางพันธกุ รรมของ DNA (2) เวลา 3 ชั่วโมง
ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564 ครผู ูส้ อน นางสาวสุทธกิ า แสงแกว้
สาระชีววทิ ยา
ข้อที่ 2 เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ และหน้าที่ของสาร
พันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูลและแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ
สง่ิ มชี ีวติ ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวนเ์ บิร์ก การเกดิ สปีชีส์ใหม่ ความหลากหลายทางชวี ภาพ กำเนิดของสิ่งมีชีวิต
ความหลากหลาย ของสง่ิ มีชีวติ และอนกุ รมวธิ าน รวมทัง้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน
ผลการเรียนรู้
7. อธบิ ายและระบุขั้นตอนในกระบวนการสังเคราะห์โปรตนี และหน้าท่ขี อง DNA และ RNA แต่ละชนิด
ในกระบวนการสังเคราะห์ โปรตนี
8. สรุปความสัมพันธ์ระหว่างสารพันธุกรรม แอลลีล โปรตีน ลักษณะทางพันธุกรรม และเชื่อมโยงกบั
ความรเู้ ร่ืองพนั ธุศาสตร์เมนเดล
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ด้านความรู้ (Knowledge; K) 1.อธบิ ายการสงั เคราะห์ mRNA จาก DNA แม่แบบได้ (K)
2.อธบิ ายกระบวนการสังเคราะหส์ ายพอลเิ พปไทด์ได้ (K)
ดา้ นกระบวนการ (Process; P) 3. สาธติ การถอดรหัสและแปลรหสั ได้ (K)
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (Attribute; A) เขียนลำดับกรดอะมิโนทีเ่ ปน็ สว่ นประกอบของพอลเิ พปไทดท์ ี่
ดา้ นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ไดจ้ ากการแปลรหัสได้
(Sc.P.) มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ มงุ่ ม่ันในการทำงาน
มที กั ษะการสงั เกต / การลงความเหน็ จากขอ้ มลู / การจัด
กระทำและส่อื ความหมายของขอ้ มลู
สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การสังเคราะห์ DNA เป็นการจำลองตัวเองของ DNA ที่เริ่มจากการทำลายพันธะไฮโดรเจน ทำให้
เกิดการคลายเกลียวและแยกออกจากกัน ซึ่งแต่ละสายจะทำหน้าที่เป็นสายแม่แบบ (DNA template) โดย
แบ่งเป็นสายนำ (leading strand) ที่มีการสังเคราะห์จากปลาย 5’ ไปยังปลาย 3’ และสายตาม (lagging
strand) ท่ีมีการสังเคราะห์ DNA สายสนั้ ๆ จากปลาย 3’ ไปยงั ปลาย 5’ ท่เี รยี กว่า ชิน้ ส่วนโอคาซากิ (Okazaki
fragment) แลว้ จงึ ตอ่ เชอ่ื มกันด้วยเอนไซมด์ ีเอน็ เอไลเกส
การควบคมุ ลักษณะทางพนั ธุกรรมของดีเอ็นเอ เน่อื งจากลำดบั นวิ คลีโอไทดบ์ างช่วงบนสาย DNA จะ
ทำหน้าที่เป็นยีน ซึ่งจะกำหนดชนิดกรดอะมิโนที่ใชส้ ังเคราะห์โปรตีน และหากยีนมีความผิดปกติจะส่งผลตอ่
การสังเคราะห์โปรตีนทำให้เกิดความผิดปกติที่แสดงออกมาทางลักษณะฟีโนไทป์ เช่น สภาวะผิวเผือก โรค
โลหติ จางแบบเมด็ เลอื ดแดงรปู เคียว
การสงั เคราะหโ์ ปรตนี จากดเี อน็ เอ จะมี RNA ชนิดต่าง ๆ เข้ามาเก่ยี วข้อง ประกอบด้วยอาร์เอ็นเอนำ
รหสั (messenger RNA ; mRNA) ทำหนา้ ที่เป็นตัวกลางนำรหัสพันธกุ รรมจาก DNA มาสังเคราะห์โปรตนี อาร์
เอ็นเอนำรหัส (transfer RNA ; tRNA) ทำหน้าที่นำแอนติโคดอนของนิวคลีโอไทด์สามตัวที่มีกรดอะมิโน
จำเพาะมาเชื่อมต่อกับโคดอนของ mRNA และอาร์เอ็นเอไรโบโซม (ribosomal RNA ; rRNA) ทำหน้าที่ช่วย
การจบั ของแอนติโคดอนของ tRNA กับโคดอนของ mRNA ซึ่งการสังเคราะห์โปรตีนจากดีเอน็ เอประกอบด้วย
2 กระบวนการ
- การถอดรหัส (transcription) เป็นการสังเคราะห์ mRNA จาก DNA แม่แบบ แบ่งออกเป็น 3
ขั้นตอน ประกอบด้วยขั้นเริ่มต้นที่เริ่มจากการจับกันของ RNA พอลิเมอเรสกับสาย DNA ทำให้มีการคลาย
เกลียวของ DNA ขั้นการต่อสายยาวที่มีการเข้าคู่สมกับนิวคลโี อไทด์ (เบส C เข้าคู่กับเบส G และเบส A เข้าคู่
กับเบส T) ซึ่งมีการสร้างสลับทิศกับสาย DNA แม่แบบ และขั้นสิ้นสุด ซึ่ง RNA พอลิเมอเรสจะหลุดออกจาก
DNA และปลอ่ ย mRNA ออกมา จากนนั้ DNA 2 สายจะจบั คู่และบิดเปน็ เกลยี วเหมอื นเดิม
- การแปลรหัส (translation) เป็นการสังเคราะห์สายพอลิเพปไทด์จาก mRNA แบ่งออกเป็น 3
ขั้นตอน ประกอบดว้ ยกระบวนการเรม่ิ ต้นท่ีมกี ารนำแอนติโคดอนของกรดกรดอะมิโนเมไทโอนนี ซงึ่ เป็นกรดอะ
มิโนตัวแรกมาเริม่ ตน้ การสงั เคราะหโ์ ปรตนี โดยนำมาเชือ่ มต่อกบั โคดอนของ mRNA กระบวนการต่อสายยาวท่ี
มีการนำแอนตโิ คดอนของกรดอะมโิ นลำดบั ถดั ไปมาต่อเช่อื มกับกรดอะมิโนเมไทโอนีน และตอ่ กนั เป็นสายยาว
ซึ่งจะมีการสร้างพันธะเพปไทด์ระหว่างกรดอะมิโนที่อยู่ติดกัน และกระบวนการสิ้นสุด ซึ่งจะสิ้นสุดการแปล
รหัสเนอ่ื งจากมีการตอ่ สายยาวของกรดอะมิโนจนถึงโคดอนทเี่ ป็นรหัสหยดุ
สาระการเรยี นรู้
- ยีน คอื สาย DNA บางชว่ งทีค่ วบคุมลกั ษณะทางพันธกุ รรมได้ โดยยนี กำหนดลำดับกรดอะมโิ นของโปรตีน
ซึง่ ทำหนา้ ทีเ่ ป็นโครงสร้าง เอนไซม์ และอื่น ๆ มผี ลทำใหเ้ ซลลแ์ ละส่งิ มชี วี ิตปรากฏลกั ษณะต่าง ๆ ได้
- DNA จำลองตัวเองไดโ้ ดยใชส้ ายหน่ึงเป็นแมแ่ บบและสร้างอีกสายขึน้ มาใหม่ ซ่ึงจะมโี ครงสรา้ งและลำดบั นิ
วคลโี อไทด์เหมอื นเดมิ
- DNA ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตได้ โดยการสร้าง RNA 3 ประเภท คือ mRNA tRNA
และ rRNA ซงึ่ ร่วมกนั ทำหน้าทีใ่ นกระบวนการสงั เคราะหโ์ ปรตีน
- RNA เป็นพอลิเมอร์ของนิวคลโี อไทด์สายเด่ยี ว แตล่ ะนิวคลโี อไทดป์ ระกอบดว้ ยน้ำตาลไรโบส หมู่ฟอสเฟต
และไนโตรจีนัสเบส คอื A U C และ G ของสาย DNA เกดิ จากการจบั คู่ของเบสคูส่ ม คอื A คกู่ ับ T และ C คู่
กับ G
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียนและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี นิ ยั
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 3. มุง่ ม่ันในการทำงาน
กระบวนการจัดกิจกรรมการเรยี นรูโ้ ดยใช้รปู แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ข้นั นำ
ข้นั ท่ี 1 ขนั้ สรา้ งความสนใจ (Engagement)
1. ครูถามนักเรยี นฟังวา่ การสังเคราะห์โปรตีนประกอบดว้ ยกข่ี น้ั ตอน
(แนวคำตอบ 2 ขั้นตอน คือ การถอดรหัส จาก DNA เป็น mRNA และการแปลรหัสจาก mRNA
เปน็ โปรตนี และให้นักเรยี นศกึ ษาการสังเคราะห์โปรตีนของแบคทีเรียกบั ของส่ิงมีชีวิตกลุ่มยคู ารโิ อต)
2. ครูถามนกั เรยี นวา่ ในแบคทเี รียที่ไม่มเี ยื่อหมุ้ นิวเคลยี ส การสงั เคราะหโ์ ปรตนี จะแตกต่างสิ่งมีชีวิตท่ีมี
เย่ือห้มุ นวิ เคลยี สหรือไม่ อย่างไร
(แนวตอบ การสงั เคราะห์โปรตีนของแบคทีเรียจะแตกตา่ งจากสง่ิ มีชวี ิตท่มี ีเยื่อห้มุ นวิ เคลียส เนื่องจาก
DNA ไม่ถูกแยกออกจากไรโบโซมและองค์ประกอบอื่น ๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกับการสังเคราะหโ์ ปรตนี ทำให้
สามารถเริ่มต้นการแปลรหัสได้โดยที่ยังมีการถอดรหัสอยู่ แต่สิ่งมีชีวิตที่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียสจะมีการ
แปลรหสั หลงั การถอดรหสั เสร็จสิ้นแล้ว)
3. ครูให้นักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่าการสังเคราะห์ mRNA จะเหมือนการสังเคราะห์ DNA
หรือไมอ่ ย่างไร
ข้นั สอน
ข้ันที่ 2 ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration)
1. ครใู ห้นกั เรียนศกึ ษา การสังเคราะห์ mRNA จาก DNA แม่แบบ
2. ครูใหน้ ักเรยี นแบ่งกลุม่ ออกเปน็ 3 กลุม่ ใหน้ ักเรยี นจับฉลากเลอื กขน้ั ตอนในการสงั เคราะห์ mRNA
ประกอบดว้ ย
กลมุ่ ท่ี 1 ข้นั เร่ิมตน้
กลุ่มที่ 2 ขั้นการตอ่ สายยาว
กลุม่ ที่ 3 ขั้นสิ้นสุด
3. ให้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันวิเคราะห์ขนั้ ตอนการสงั เคราะห์ mRNA ท่จี ับฉลากได้ และออกมาวาด
ภาพเพ่อื นำเสนอหน้าชนั้ เรยี น
4. ครใู หน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอขัน้ ตอนการสงั เคราะห์ mRNA ท่ีจบั ฉลากได้
5. ครถู ามนกั เรยี นวา่ การถอดรหสั ของ DNA ทำให้ได้ mRNA แลว้ mRNA เก่ยี วข้องกบั การสังเคราะห์
โปรตนี อยา่ งไร
(แนวตอบ mRNA จะถูกใช้เป็นตัวกลางนำรหัสพันธุกรรมที่ได้จากการถอดรหัสจาก DNA มา
สงั เคราะห์โปรตีนในไซโทพลาซมึ )
6. ครอู ธบิ ายให้นกั เรียนฟงั วา่ ข้อมูลของ DNA จะถูกถา่ ยทอดใหก้ บั mRNA ซ่งึ การเรียงลำดบั ของ
นิวคลีโอไทดจ์ ะเปน็ ตัวกำหนดชนดิ ของกรดอะมโิ นทีเ่ ป็นหนว่ ยยอ่ ยของโปรตนี
7. ครูให้นักเรียนครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ออกเป็น 3 กลุ่ม ให้นักเรียนจับฉลากเลือกขั้นตอนการ
สงั เคราะหส์ ายพอลิเพปไทด์ ประกอบดว้ ย
กลมุ่ ที่ 1 กระบวนการเริ่มตน้
กลมุ่ ท่ี 2 กระบวนการตอ่ สาย
กลมุ่ ที่ 3 กระบวนการสิน้ สดุ
8. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์ขั้นตอนการสังเคราะห์สายพอลิเพป ที่จับฉลากได้ และ
ออกมาวาดภาพเพอ่ื นำเสนอหน้าชน้ั เรียน
ข้นั ที่ 3 ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
1. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายเก่ยี วกับการสังเคราะห์ mRNA จาก DNA
2. ครูใหน้ กั เรียนทำใบงานท่ี 5.4 เร่ือง การสงั เคราะห์ mRNA จาก DNA
3. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภปิ รายเกีย่ วกบั การสังเคราะหพ์ อลเิ พปไทด์
4. ครใู ห้นกั เรยี นทำใบงานท่ี 5.5 เร่อื ง การสงั เคราะห์พอลเิ พปไทด์
5. ครูให้นักเรียนศึกษาเพิม่ เติมจากภาพยนตส์ ารคดีสั้น (Twig) เรื่อง ดีเอ็นเอ สร้างโปรตีนได้อยา่ งไร?
https://www.twig-aksorn.com/film/how-does-dna-make-protein-7932/
ขน้ั สรปุ
ข้ันที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration)
1. ครูถามนักเรียนว่า เซลล์ 1 เซลล์ จำเป็นต้องผลิตโปรตีนจำนวนมาก เซลล์จะสังเคราะห์โปรตีน
อย่างไรให้เพียงพอต่อความต้องการ
(แนวตอบ mRNA ที่ได้จากการถอดรหัส 1 สาย จะถูกนำมาสร้างสายพอลเิ พปไทดก์ ลายสายพรอ้ ม
ๆ กัน ซึ่งเมื่อไรโบโซมตัวแรกผ่านโคดอนเริ่มต้น ไรโบโซมตัวที่ 2 จะเข้ามาจับกับ mRNA ทันที
เพือ่ ให้มีการแปลรหัสอยา่ งตอ่ เนอื่ งและหลายสายพรอ้ มกนั )
2. ครูให้นกั เรยี นทำผงั สรปุ เร่อื ง การสังเคราะห์โปรตีนจากดีเอน็ เอ ซงึ่ ประกอบด้วยการถอดรหสั
(การสงั เคราะห์ mRNA จาก DNA แม่แบบ) การแปลรหัส (การสังเคราะห์สายพอลเิ พปไทด์จาก
mRNA)
ขนั้ ท่ี 5 ขัน้ ประเมนิ (Evaluation)
1. ครูตรวจสอบผลจากผังสรปุ เร่อื ง การสังเคราะห์โปรตนี จากดเี อ็นเอ
2. ครูตรวจสอบผลจากใบงานที่ 4.4 เร่ือง การสงั เคราะห์ mRNA จาก DNA
3. ครตู รวจสอบผลจากใบงานที่ 4.5 เรอ่ื ง การสังเคราะหพ์ อลิเพปไทด์
การวัดและประเมนิ ผล
รายการวดั วิธกี าร เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมิน
1. ประเมินระหวา่ งการจดั - ใบงานท่ี 4.4 - แบบประเมนิ ใบงานที่ - ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 70
กิจกรรมการเรยี นรู้ - ใบงานที่ 4.5 4.4 - ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 70
1) การควบคุม - ผังสรปุ เรอ่ื ง การ - แบบประเมนิ ใบงานท่ี - ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 70
สังเคราะห์โปรตนี จากดี 4.5
ลักษณะทางพันธกุ รรม เอ็นเอ - แบบประเมนิ ผลงาน - ผา่ นเกณฑ์ระดับดี
ของ DNA (2) - ประเมนิ การ - แบบประเมนิ การ
ปฏิบัติการ ปฏิบัติการ
2) การปฏิบัตกิ าร
3) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการ - ผา่ นเกณฑร์ ะดบั ดี
ผลงาน นำเสนอผลงาน
4) พฤติกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ผา่ นเกณฑ์ระดบั ดี
การทำงานกลุ่ม การทำงานกลมุ่ การทำงานกล่มุ
5) คุณลกั ษณะ - สงั เกตความมีวนิ ัย - แบบประเมนิ - ผา่ นเกณฑร์ ะดบั ดี
อนั พึงประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งม่ัน คณุ ลักษณะ
ในการทำงาน อันพึงประสงค์
6) ด้านทกั ษะ - ประเมนิ ทักษะ - แบบประเมนิ ทักษะ - ผ่านเกณฑร์ ะดับ 2
กระบวนการทาง กระบวนการทาง กระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์
(Sc.P: Science
Process Skills)
สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้
สอ่ื การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรยี นชวี วิทยา ม.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 5 ยนี และโครโมโซม
2) ใบงานที่ 4.4 เรอ่ื ง การสังเคราะห์ mRNA จาก DNA
3) ใบงานท่ี 4.5 เรื่อง การสงั เคราะหพ์ อลิเพปไทด์
4) PowerPoint เร่ือง ยีนและโครโมโซม
แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องเรยี น
2) หอ้ งสมุด
3) สอื่ ออนไลน์
ใบงานที่ 5.4
เรอื่ ง การสงั เคราะห์ mRNA จาก DNA
คำชี้แจง : ตอบคำถามเกย่ี วกับการสงั เคราะห์ mRNA จาก DNA ต่อไปน้ี
1. การสงั เคราะห์ mRNA จาก DNA แม่แบบ มกี ระบวนการอย่างไร
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
2. การสังเคราะห์ mRNA แตกตา่ งจากการสังเคราะห์ DNA อยา่ งไร
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
3. จงหาลำดบั เบสของ mRNA จาก DNA แม่แบบ ทกี่ ำหนดให้
3.1 5’ ACGGTGTTCAAATGCCAAAGTTTACCTGGTACCACTTT 3’
..............................................................................................................................................................................
3.2 5’ CGAGGCTAGGTTCACAATTGATCCCTTAGTGACCTAAG 3’
..............................................................................................................................................................................
4. จงหาลำดับเบสของ DNA แมแ่ บบ จาก mRNA ทก่ี ำหนดให้
4.1 5’ GCCGUAUUGCCAAUUGGCAGGCCUUAACCGCAUUGC 3’
..............................................................................................................................................................................
4.2 5’ UGCUUGCACGUUGGCCACAUUGCUUAAAGGCCAACC 3’
..............................................................................................................................................................................
ใบงานท่ี 5.4 เฉลย
เรื่อง การสังเคราะห์ mRNA จาก DNA
คำชแี้ จง : ตอบคำถามเกี่ยวกับการสังเคราะห์ mRNA จาก DNA ตอ่ ไปน้ี
1. การสังเคราะห์ mRNA จาก DNA แมแ่ บบ มกี ระบวนการอย่างไร
..............ก...า..ร..ส..ัง..เ..ค..ร..า..ะ..ห...์ .m....R..N...A....จ..า..ก....D..N...A....แ..บ...่ง..อ..อ...ก..เ..ป..น็....3....ข..ั้น....ไ..ด..้แ...ก..่ .ข...ั้น...เ.ร..ิ่ม...ต..้น....โ.ด...ย....R..N...A...พ...อ...ล..ิเ.ม...อ..เ..ร..ส..จ..ับ.......
.ก..ับ...จ..ุด...เ.ร..ิ่ม...ต..้น...ข..อ..ง..ส...า..ย...D...N...A...ท...ำ..ใ.ห...้..D..N...A....ค..ล...า..ย..เ.ก...ล..ีย...ว..อ..อ...ก...แ..ล...ะ....D..N...A....ส..า..ย..ห...น...ึ่ง..จ..ะ..ถ...ูก..ใ..ช..้เ.ป...็น...แ..ม...่แ..บ...บ...ข...ั้น...ก..า..ร......
.ต..่อ..ส...า..ย..ย...า..ว...โ..ด..ย....R..N...A....พ...อ..ล..ิ.เ.ม..อ...เ.ร..ส...จ..ะ..เ..ค..ล..ื่อ...น...ท..ี่ไ..ป...ต..า..ม...ส..า..ย....D...N..A....แ...ม..่แ...บ..บ....แ...ล..ะ..เ..ต..ิม...น..ิ.ว..ค..ล...ีโ.อ...ไ.ท...ด..์ท...ี่ป...ล..า..ย....3..’......
.ข..อ..ง..โ..ม..เ..ล..ก..ุ.ล...โ..ด..บ...เ.บ...ส....C...เ..ข..้า..ค...ู่ก..ับ...เ.บ...ส....G....เ.บ...ส...A....เ.ข...้า..ค..ู่ก...ับ...เ.บ...ส...T....เ.บ...ส....G....เ.ข..้า..ค...ู่ก..ับ...เ.บ...ส....C....แ..ล..ะ...เ.บ...ส...U.....เ.ข..้า..ค...ู่ก..ับ.......
เ..บ..ส....A....แ..ล...ะ..ข..นั้...ส..ิน้...ส..ุด....เ.ม...อื่ ...R...N..A....พ...อ..ล...ิเ.ม..อ...เ.ร..ส..ด...ำ..เ.น..นิ...ไ..ป..ถ..ึง..ส...ว่ ..น..ป...ล..า..ย..ข...อ..ง....D..N...A....เ.อ..น...ไ..ซ..ม..์..R..N...A....พ..อ...ล..เิ.ม...อ..เ.ร..ส...จ..ะ......
ห...ล..ุด...อ..อ...ก..จ..า..ก....D...N..A....แ..ล...ะ..ป...ล..่อ..ย....m....R..N...A....อ..อ..ก...ม..า...จ...า..ก..น...้นั ...D...N...A....จ..ะ..บ...ิด..เ.ป...น็...เ.ก..ล..ีย...ว..เ.ช..น่...เ.ด...มิ ........................................
2. การสงั เคราะห์ mRNA แตกตา่ งจากการสงั เคราะห์ DNA อย่างไร
...............แ...ต..ก...ต..่.า..ง..ก..ัน.....เ.น...ื่อ...ง..จ..า..ก...ก..า..ร..ส...ัง..เ.ค...ร..า..ะ..ห...์..D...N...A...จ...ะ..ใ..ช..้พ...อ...ล..ิน...ิว...ค..ล...ีโ.อ...ไ..ท..ด...์เ.ป...็น...แ...ม..่แ...บ..บ...ท...ั้ง....2....ส...า..ย....ใ.ช...้ ...
..เ.อ..น...ไ.ซ...ม..์D...N...A...พ...อ...ล..ิเ.ม...อ..เ.ร..ส...ใ.น...ก..า..ร..ส..งั..เ..ค..ร..า..ะ..ห...์ ..ใ.ช..้น...วิ..ค..ล...ีโ.อ...ไ.ท...ด..์ท...ี่ม..ไี..น..โ..ต..ร..จ...ีน..ัส...เ.บ...ส..เ.ป...็น....A....T....C....G....แ..ล..ะ...ผ..ล...ท..่ีไ..ด..้จ...ะ.....
..ไ.ด...้ .D...N..A....ส...า..ย..ใ.ห...ม...่ .2....ส..า..ย....แ..ต...่ก..า..ร..ส...ัง..เ.ค...ร..า..ะ..ห...์ .m....R..N...A....จ..ะ..ใ..ช..้พ...อ...ล..ิน...ิว..ค..ล...ีโ.อ...ไ.ท...ด...์เ.ป...็น..แ...ม..่แ...บ..บ...เ.พ...ีย...ง..ส..า..ย..เ..ด..ีย...ว...ใ.ช...้ ...
..อ..า..ร..์เ.อ...็น...เ.อ..พ...อ...ล..ิเ.ม...อ..เ..ร..ส..ใ.น...ก..า..ร..ส...ัง..เ.ค..ร..า..ะ...ห..์..ใ.ช..้.น..ิว..ค...ล..ีโ..อ..ไ..ท..ด...์ท...่ีม..ีไ..น..โ..ต..ร..จ...นี ..ัส...เ.บ...ส..เ.ป...็น....A....U....C....G....แ..ล...ะ..ผ..ล...ท..ี่.ไ.ด..้.จ..ะ..ไ..ด..้...
..m...R...N..A....เ.พ...ยี..ง..ส...า..ย..เ.ด..ยี...ว...........................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
3. จงหาลำดับเบสของ mRNA จาก DNA แมแ่ บบ ทีก่ ำหนดให้
3.1 5’ ACGGTGTTCAAATGCCAAAGTTTACCTGGTACCACTTT 3’
........3..’...U...G..C...C..A...C..A...A..G...U...U...U..A...C..G...G...U...U..U...C...A..A...A..T..G...G...A..C...C..A...U...G..G...U...G..A...A..A....5..’...........................................................
3.2 5’ CGAGGCTAGGTTCACAATTGATCCCTTAGTGACCTAAG 3’
.......3...’...G..C...U...C..C...G..A...U...C..C...A..A...G..U...G...U..U...A...A..C...U...A..G...G..G...A..A...U...C..A...C..U...G...G..A...U...U..C....5...’..........................................................
4. จงหาลำดับเบสของ DNA แมแ่ บบ จาก mRNA ทก่ี ำหนดให้
4.1 5’ GCCGUAUUGCCAAUUGGCAGGCใCบUงUาAนAทC่ี C5G.5CAUUGC 3’
.......3..’...C..G...G...C..A...T..A..A...C..G...G...T..T..A...A..C..เ.Cร..G่ือ...Tง..C..ก.C..าG..ร.G.ส..A.ัง.A.เ.T.ค..Tร..G.า..Gะ..Cห...G์พ..T..อ.A.ล.A..ิเ.C.พ.G..ป..5.ไ.’.ท...ด...์ ..............................................................
4.2 5’ UGCUUGCACGUUGGCCACAUUGCUUAAAGGCCAACU 3’
.......3..’...A..C...G...A..A..C...G...T..G...C..A...A..C...C..G...G..T...G..T...A..A..C...G...A..A...T..T..T..C...C...G..G...T..T..G...A....5..’...................................................................