The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

60100147124 ชีววิทยา สุทธิกา แสงแก้ว

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by baysaengkaew, 2022-03-08 21:46:23

60100147124 ชีววิทยา สุทธิกา แสงแก้ว

60100147124 ชีววิทยา สุทธิกา แสงแก้ว

รายการ 3 (ดี) ระดับคะแนน 1 (ปรับปรงุ )
2 (ปานกลาง)
การทดลอง - กระบวนการทดลอง - บันทึกขอ้ มูลไม่
ถกู ต้อง กระบวนการทดลอง ถูกต้อง มกี ารใส่ความคิดเห็น
ถกู ต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ลงไปดว้ ย
- บนั ทึกผลการทดลอง บันทกึ ผลการทดลอง
ถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ - กระบวนการทดลองถูกตอ้ ง
ท้ังหมด สรุปผลการทดลอง บางส่วน
ถูกตอ้ งแตไ่ มส่ มบรู ณ์
- สรปุ ผลการทดลอง - บันทึกผลการทดลองถูกต้อง
ถูกตอ้ ง บางสว่ น

- สรุปผลการทดลองไมถ่ ูกต้อง

การลง ลงความเหน็ และสรปุ ลงความเหน็ และสรปุ ลงความเหน็ และสรปุ ขอ้ มูล
ความเห็น ข้อมูลโดยใช้ ขอ้ มลู โดยใช้ อย่างไมม่ หี ลกั การและเหตุผล
และสรุป ข้อมลู จากการทดลอง ข้อมูลจากการทดลอง และไมใ่ ช้ขอ้ มลู จากการ
ข้อมลู อยา่ งมี อยา่ งมี ทดลองประกอบ
หลกั การและเหตุผล หลกั การและเหตุผลแต่
การวัด ไม่สมบรู ณ์ ใช้เคร่ืองมอื ไม่
ใชเ้ ครื่องมอื วดั ถกู ต้อง ค่าทอ่ี ่านได้สว่ นใหญ่
การจัด ถกู ตอ้ งและอา่ นคา่ ได้ ใช้เครอื่ งมอื วัด ไมถ่ กู ต้อง
จำแนก ถกู ต้องทง้ั หมด ถูกต้องและอ่านค่าได้
ถูกต้องเป็น จัดจำแนกตามเกณฑ์ทก่ี ำหนด
จดั จำแนกตามเกณฑ์ที่ บางส่วน ถกู ตอ้ งเปน็ บางสว่ น
กำหนดได้อยา่ งถกู ต้อง
จัดจำแนกตามเกณฑท์ ่ี
กำหนดไดถ้ ูกต้องเปน็
ส่วนใหญ่

รายการ ระดับคะแนน

3 (ดี) 2 (ปานกลาง) 1 (ปรบั ปรงุ )

การ ตัง้ สมมติฐาน ตั้งสมมตฐิ าน ต้งั สมมติฐาน
ต้งั สมมตฐิ าน ไดค้ รอบคลมุ
ไดถ้ กู ตอ้ ง เกนิ รอ้ ยละ 50 ไม่ครอบคลุม

ถกู ต้องทง้ั หมด ถกู ตอ้ งไมถ่ ึงร้อยละ 50

การกำหนด กำหนดตวั แปร กำหนดตวั แปร กำหนดตวั แปร

ตวั แปร ได้ครอบคลมุ ได้ครอบคลุมถูกตอ้ ง ได้ไมค่ รอบคลุม

ถูกตอ้ งทง้ั หมด เกินรอ้ ยละ 50 ถกู ต้องไมถ่ ึงรอ้ ยละ 50

การจดั จัดกระทำขอ้ มูล จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู
กระทำขอ้ มลู ไดถ้ กู ต้องชัดเจน
ไดถ้ กู ตอ้ งชัดเจน ไดถ้ กู ต้องชัดเจน

อ่านง่ายรอ้ ยละ 80 อา่ นง่าย รอ้ ยละ 50 อ่านง่าย ไมถ่ ึงร้อยละ 50

ข้ึนไป ขน้ึ ไป

เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
คะแนน ระดบั คุณภาพ

1 ดี
2 พอใช้
3 ปรบั ปรงุ

แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 34

กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาชีววทิ ยา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4

หน่วยการเรียนรู้ท่ี บทท่ี 7 วิวัฒนาการ เวลา 18 ช่ัวโมง

เรือ่ ง พนั ธศุ าสตรป์ ระชากร เวลา 3 ช่ัวโมง

ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 ครูผู้สอน นางสาวสทุ ธิกา แสงแกว้

สาระชีววทิ ยา

ข้อที่ 2 เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ และหน้าที่ของสาร
พันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูลและแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ
สิง่ มีชวี ติ ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปชี ีส์ใหม่ ความหลากหลายทางชวี ภาพ กำเนดิ ของส่ิงมีชีวิต
ความหลากหลาย ของสงิ่ มีชีวติ และอนกุ รมวิธาน รวมทั้งนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

ผลการเรยี นรู้

14. ระบุสาระสำคัญและอธิบายเงื่อนไขของภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ปัจจัยที่ทำให้เกิดการ
เปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีลในประชากร พร้อมทั้งคำนวณหาความถี่ของแอลลีลและจีโนไทป์
ของประชากรโดยใช้หลักของฮาร์ดี-ไวน์เบริ ์ก

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

ด้านความรู้ (Knowledge; K) 1. อธิบายทฤษฎขี องฮารด์ ี-ไวนเ์ บริ ์ก และภาวะดลุ ของฮาร์ดี-ไวน์เบริ ก์ ได้
2. คำนวณความถี่ของแอลลีล และความถ่ีของจโี นไทป์ในกลุ่มประชากรที่
ด้านกระบวนการ (Process; P) อยูภ่ ายใตภ้ าวะดุลของฮาร์ดี- ไวนเ์ บิร์กได้
ดา้ นคุณลกั ษณะ (Attribute; A) ทำตามขั้นตอนการหาความถีข่ องแอลลลี และความถี่ของจีโนไทป์ในกลมุ่
ด้านทกั ษะกระบวนการทาง ประชากรท่ีอยภู่ ายใตภ้ าวะดลุ ของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์กได้
วทิ ยาศาสตร์ (Sc.P.) มวี ินยั ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งม่นั ในการทำงาน

มีทักษะการสังเกต / การลงความเหน็ จากข้อมูล / การจดั กระทำและสอื่
ความหมายของขอ้ มูล

สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

พนั ธศุ าสตร์ประชากร เป็นการศึกษาการเปลีย่ นแปลงความถ่ขี องยีนหรือความถี่ของแอลลีลทเ่ี ป็นองค์ประกอบ

ทางพนั ธุกรรมของประชากร ซ่ึงมีผลตอ่ การเกดิ วิวฒั นาการของสิ่งมชี วี ติ

การหาความถี่ของแอลลีลในประชากร เปน็ การหาปรมิ าณของแอลลลี ชนดิ ต่าง ๆ เม่อื คิดเป็นสดั ส่วน

ของจำนวนแอลลีลทงั้ หมดของยนี ตำแหน่งเดียวกนั ในประชากร มีสตู ร ดังนี้

ความถี่ของแอลลลี = จำนวนแอลลีลท่ปี รากฏในจีโนไทป์ในประชากร
จำนวนแอลลลี ท้งั หมดในประชากร

กฎของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก กล่าวว่า เมื่อประชากรอยู่ในภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ความถี่ของ
แอลลีลหรือความถี่ของจีโนไทป์ในยีนพูลจะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งผลรวมของแอลลีลของยีนหนึ่ง ๆ ใน
ประชากรจะเท่ากบั 1 เสมอ (p + q = 1) และประชากรต้องอยู่ภายใต้เงือ่ นไขต่าง ๆ ได้แก่ ประชากรมีขนาด
ใหญ่ ไม่มีการถ่ายเทยีนระหว่างกลุ่มประชากร ไม่มีการเกิดมิวเทชัน สมาชิกทุกตัวมีโอกาสผสมพันธุ์ได้เท่ากัน
และไม่เกิดการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ซึ่งจากกฎของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก สามารถใช้คาดคะเนความถี่ของแอลลีล
เก่ียวกับโรคทางพันธุกรรมในยีนพูลของประชากร เช่น โรคโลหติ จางชนดิ ซิกเคลิ เซลล์ โรคผิวเผือก

ปจั จยั ท่ที ำใหเ้ กิดการเปลยี่ นแปลงความถ่ีของแอลลลี ซง่ึ มผี ลทำใหส้ งิ่ มชี วี ิตเกิดววิ ฒั นาการ มดี ังนี้
- การเปลี่ยนแปลงความถี่แบบไม่เจาะจง มีลักษณะแบบสุ่มและไม่มีทิศทางที่แน่นอน แบ่งออก 2

ประเภท คือ ผลกระทบจากผู้ก่อตั้ง (founder effect) เป็นการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลลี
ที่เกิดกับกลุ่มประชากรที่มีขนาดเล็ก ที่เป็นผลจากการอพยพ การแยกตัวของกลุ่มประชากรที่มี
ขนาดใหญ่ไปอยู่ในแหล่งที่อยู่ใหม่ที่อุดมสมบูรณ์และประสบความสำเร็จในการเพิ่มจำนวน
ประชากร และปรากฏการณ์คอขวด (bottleneck effect) เปน็ การเปล่ยี นแปลงความถ่ีของแอล
ลลี ทเี่ กิดกบั กลมุ่ ประชากรทีม่ ีขนาดใหญ่และมีความหลากหลายทางพนั ธุกรรม แต่มีเหตุการณ์ทำ
ให้เกดิ การลดจำนวนประชากรอยา่ งรวดเรว็ เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาตติ า่ ง ๆ ซ่งึ ประชากรท่ีรอด
ชีวิตจะสามารถเพิ่มจำนวนขึ้นมาใหม่ แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงของความถี่แอลลีลที่อาจมีบาง
แอลลีลหายไป และบางแอลลลี เพ่ิมข้ึนมา
- การถ่ายเทเคล่ือนย้ายยีน ที่เกิดจากการอพยพเข้าหรืออพยพออกของสมาชิกในประชากร ทำให้
ความถี่ของแอลลีลในประชากรสองกลุ่มมีความแตกต่างกันน้อยลง จนเปรียบเสมือนประชากร
เดียวกนั
- การเลอื กคู่ผสมพนั ธ์ุ ทำใหส้ มาชกิ บางสว่ นไม่มีโอกาสผสมพันธ์ุ ส่งผลตอ่ ความถี่แอลลีลในยีนพูล
ของประชากรรนุ่ ต่อไป
- มิวเทชัน ทำให้มีการสร้างแอลลีลใหม่ในยีนพูลของประชากร ซึ่งหากการเกิดมิวเทชันเป็น
ลักษณะที่ดีและเหมาะสมต่อสภาพแวดล้อม แอลลีลใหม่จะถูกสะสมไว้ในยีนพูลทำให้เกิดความ
หลากหลายทางพันธุกรรมของประชากร แต่หากเกดิ มวิ เทชนั เป็นลักษณะที่ไม่ดีและไม่เหมาะสม
ตอ่ สภาพแวดล้อม ลักษณะนนั้ จะถกู คดั ท้งิ ออกไป

- การคัดเลือกโดยธรรมชาติ เป็นกลไกพื้นฐานของการเกิดวิวัฒนาการร่วมกับกลไกอื่น ๆ โดยการ
คัดเลือกโดยธรรมชาติจะทำให้ประชากรที่มีลักษณะเหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมสามารถดำรงชีวิต
และแพร่พันธุ์ประชากรในรุ่นต่อไป ซึ่งสิ่งมีชีวิตจะอาศัยการปรับเปลี่ยนลักษณะทางสรีระ
พฤติกรรม และรูปแบบการดำรงชีวิตที่กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม แต่สำหรับประชากรที่ไม่
เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมนั้นจะถูกคัดทิ้งและลดจำนวนลงไป ซึ่งมีผลทำให้แอลลีลบางแอลลีลใน
ประชากรมจี ำนวนมากขึ้น บางแอลลีลมจี ำนวนลดลง

สาระการเรียนรู้แกนกลาง
- เมื่อประชากรอยู่ในภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก โดยกลุ่มประชากรมีขนาดใหญ่ ไม่มีการถ่ายเทยีน

ระหว่างกลุ่มประชากร ไม่เกิดมิวเทชัน สมาชิกทุกตัวมีโอกาสผสมพันธุ์ได้เท่ากัน และไม่เกิดการคัดเลือกโดย
ธรรมชาติ จะทำให้ความถี่ของแอลลีลของลักษณะนั้นไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะผ่านไปกี่รุ่นก็ตาม เป็นผลให้
ลกั ษณะน้ันไม่เกิดววิ ัฒนาการ

- การเปลย่ี นแปลงความถี่ของยนี หรือแอลลีลในประชากร เกิดจากปัจจัยหลายประการนำไปสู่การเกดิ
ววิ ฒั นาการ

สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มีวนิ ยั
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ 3. มุง่ มน่ั ในการทำงาน

กระบวนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้โดยใช้รูปแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)

ขัน้ นำ

1. ครถู ามคำถาม Prior Knowledge เพื่อทบทวนความรูเ้ ดิมของนักเรียนว่า แนวคดิ ของชาลส์ ดาร์วนิ
สนับสนนุ การเกดิ วิวัฒนาการของสิง่ มีชีวติ อย่างไร
(แนวตอบ แนวคดิ การคัดเลือกโดยธรรมชาติของชาลส์ ดารว์ นิ กลา่ วว่า สิง่ มชี วี ิตทถี่ ูกคัดเลอื กให้อยู่
ในสิ่งแวดล้อมจะอาศัยการปรับเปลี่ยนสรีระ พฤติกรรม และรูปแบบการดำรงชีวิต ซึ่งการ
ปรับเปลีย่ นของสงิ่ มีชีวิตเหล่าน้ีมีผลทำใหส้ ่ิงมชี ีวิตเกิดววิ ัฒนาการ)

2. ครูอธิบายใหน้ ักเรียนฟังวา่ จากแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของชาลส์ ดาร์วิน และแนวคิดเกี่ยวกับ
การถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมของเมนเดล จงึ ถกู นำมาใชอ้ ธิบายเรือ่ งพันธุศาสตรป์ ระชากร

ขั้นสอน

ข้นั ท่ี 2 ขนั้ สำรวจและค้นหา (Exploration)

1. ครูอธบิ ายให้นักเรยี นฟงั ว่า พันธศุ าสตร์ประชากรเป็นการศึกษาเกี่ยวกบั การเปลีย่ นแปลงความถี่ของ

ยีนและแอลลีล และการเปลี่ยนแปลงความถี่ของจีโนไทป์ในยีนพูลของประชากร รวมทั้งปัจจัยที่ทำ

ใหเ้ กดิ การเปล่ียนแปลงความถี่ของแอลลีล ซงึ่ ทำใหส้ ิ่งมีชีวิตเกิดวิวัฒนาการ

2. ครถู ามนกั เรียนว่า ประชากรคอื อะไร

(แนวตอบ ประชากร หมายถึง กลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่รวมกันในบริเวณเดียวกันและช่วงเวลา

เดียวกัน ซึ่งสมาชิกในประชากรของส่งิ มชี ีวติ ต้องสามารถสบื พนั ธุก์ นั ได)้

3. ครถู ามนักเรียนว่า ยนี พูลหมายถึงอะไร

(แนวตอบ ยนี พูล หมายถึงยีนทั้งหมดทมี่ ีอยู่ในประชากรในช่วงเวลาหนึ่ง ซงึ่ ประกอบด้วยแอลลีลทุก

แอลลีลของสมาชิกทุกตวั ในประชากร)

4. ครูใหน้ ักเรียนศึกษา การหาความถ่ีของแอลลลี ในกลมุ่ ประชากร ซ่ึงมสี ูตรคำนวณ ดงั น้ี

ความถี่ของแอลลีล = จำนวนแอลลีลทีป่ รากฏในจีโนไทปใ์ นประชากร
จำนวนแอลลีลท้ังหมดในประชากร

และให้นกั เรียนศกึ ษาการหาความถข่ี องแอลลีลของหมเู่ ลือดในประชากรลิง
5. ครูยกตัวอย่างการหาความถี่ของแอลลีลในประชากรที่นอกเหนือจากในหนังสือเรียน เช่น ใน

ประชากรแห่งหนึ่งมีแอลลีลควบคุมดอกไม้สีแดง (RR) แอลลีลควบคุมดอกไม้สีชมพู (Rr) และแอล
ลีลควบคุมดอกไม้สีขาว (rr) โดยมีดอกไม้สีแดง 600 ต้น ดอกไม้สีชมพู 360 ต้น และดอกไม้สีขาว
40 ต้น จงหาความถ่ีของของแอลลีล R และ r ในประชากรดอกไม้กลุ่มนี้
(แนวตอบ ความถ่ีของแอลลีล R เทา่ กับ 0.69 และความถี่ของแอลลลี r เท่ากบั 0.31)
6. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า ความถี่ของแอลลีลในประชากรสามารถมีค่าคงที่ในทุก ๆ รุ่นได้ ก็ต่อเมื่อ
ประชากรนัน้ อยูใ่ นกฎของฮารด์ ี-ไวนเ์ บริ ์ก
7. ครูให้นักเรียนศึกษา กฎของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ที่มีใจความสำคัญว่า ความถี่ของแอลลีลและความถี่ของ
จีโนไทป์ในยีนพูลของประชากรจะมีค่าคงที่ในทุก ๆ รุ่น ถ้าไม่มีปัจจัยบางประการมาเกี่ยวข้อง และ
ให้นกั เรยี นศึกษาความถ่ขี องแอลลีลของหมู่เลือดในประชากรลงิ ของรนุ่ ลกู
8. ครูอธบิ ายให้นกั เรียนฟงั ว่า จากการศกึ ษาของแอลลลี ของหมู่เลือดในประชากรลิง จะเห็นวา่ ความถี่ของ
แอลลีลในรุ่นลูกจะเท่ากับความถี่ของแอลลีลในรุ่นพ่อแม่ แสดงว่า ยีนพูลของประชากรนี้อยู่ในภาวะ
สมดุลของฮารด์ ี-ไวนเ์ บริ ก์ ซ่ึงจะมีค่าเท่ากับ 1 เสมอ

9. ครอู ธิบายให้นักเรียนฟงั ว่า ประชากรที่อยู่ในภาวะภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวนเ์ บิร์กได้ จะต้องอยู่ภายใต้
เงื่อนไขต่าง ๆ เช่น ประชากรมีขนาดใหญ่ การกลาย การคัดเลือกโดยธรรมชาติ การเลือกคู่ผสมพันธ์ุ
การเปลี่ยนแปลงความถย่ี ันอยา่ งไม่เจาะจง และการถ่ายเทเคล่อื นย้ายยนี

ขัน้ ที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation)
1. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภปิ รายเกย่ี วกับการหาความถ่ีของแอลลลี ในประชากร
2. ครูให้นักเรยี นทำใบงานที่ 7.4 เรอ่ื ง การหาความถ่ขี องแอลลลี ในประชากร
3. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายเกยี่ วกับภาวะสมดลุ ของฮาร์ดี-ไวน์เบริ ์ก

ขัน้ สรปุ

ขน้ั ที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration)
1. ครใู ห้ทำผังสรุป เรอ่ื ง กฎของฮารด์ ี-ไวนเ์ บริ ์ก

ขนั้ ท่ี 5 ขัน้ ประเมิน (Evaluation)
1. ครูตรวจสอบผลจากการทำกิจกรรม เร่อื ง การใช้กฎของฮารด์ ี-ไวนเ์ บิรก์
2. ครตู รวจสอบผลจากใบงานท่ี 7.4 เร่อื ง การหาความถี่ของแอลลลี ในประชากร
3. ครูตรวจสอบผลจากการทำผังสรปุ เร่อื ง กฎของฮารด์ ี-ไวน์เบริ ์ก

การวดั และประเมินผล

รายการวดั วธิ ีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมนิ

1. ประเมนิ ระหว่างการจดั

กิจกรรมการเรยี นรู้ - ตรวจใบงานท่ี 7.4 - แบบประเมินใบงานท่ี - ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ 70
7.4 - ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ 70
1) พันธศุ าสตร์ - ประเมินผลงาน - แบบประเมนิ ผลงาน
- แบบประเมินการ - ผ่านเกณฑร์ ะดบั ดี
ประชากร ปฏบิ ัติการ
- แบบประเมินการ - ผา่ นเกณฑร์ ะดบั ดี
2) การปฏิบัติการ - ประเมินการ นำเสนอผลงาน

ปฏบิ ัติการ

3) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ

ผลงาน

4) พฤตกิ รรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ผ่านเกณฑร์ ะดบั ดี
การทำงานกล่มุ การทำงานกลุ่ม
- สงั เกตความมวี นิ ัย การทำงานกลุ่ม
5) คณุ ลักษณะ ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ มน่ั
อนั พึงประสงค์ ในการทำงาน - แบบประเมนิ - ผา่ นเกณฑร์ ะดบั ดี
- ประเมินทกั ษะ
6) ด้านทักษะ กระบวนการทาง คุณลกั ษณะ
กระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์ อันพงึ ประสงค์
(Sc.P: Science
Process Skills) - แบบประเมนิ ทักษะ - ผ่านเกณฑร์ ะดบั 2

กระบวนการทาง

วิทยาศาสตร์

ส่อื /แหล่งการเรียนรู้
ส่ือการเรียนรู้
1) หนงั สอื เรยี นชวี วิทยา ม.4 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 วิวัฒนาการ
2) ใบงานท่ี 7.4 เรื่อง การหาความถี่ของแอลลีลในประชากร
3) PowerPoint เร่ือง ววิ ัฒนาการ
แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องเรยี น
2) ห้องสมุด
3) สอื่ ออนไลน์

ใบงานท่ี 7.4
เรือ่ ง การหาความถขี่ องแอลลลี ในประชากร

คำชแี้ จง : คำนวณหาความถ่ีของแอลลีลในประชากรตอ่ ไปนี้

1. ในประชากรดอกไม้ชนิดหนึ่ง 2,000 ต้น ประกอบด้วยดอกไม้สีแดง (RR) 1,340 ต้น ดอกไม้สีชมพู (Rr)
420 ต้น และดอกไมส้ ีขาว (rr) 240 ตน้ จงคำนวณหาความถข่ี องแอลลลี R และ r ในประชากรดอกไม้
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................

2. จากการสำรวจประชากรกลมุ่ หนึ่งจำนวน 3428 คน พบว่ามีหมเู่ ลอื ด ประกอบดว้ ยหมูเ่ ลือด M 1,452 คน
หม่เู ลือด MN 728 คน และหมเู่ ลือด N 1,248 คน จงคำนวณหาความถี่ของแอลลีล M และ N
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................

ใบงานที่ 7.4 เฉลย
เร่อื ง การหาความถ่ีของแอลลีลในประชากร

คำชแ้ี จง : คำนวณหาความถ่ีของแอลลีลในประชากรต่อไปน้ี

1. ในประชากรดอกไม้ชนิดหนึ่ง 2,000 ต้น ประกอบด้วยดอกไม้สีแดง (RR) 1,340 ต้น ดอกไม้สีชมพู (Rr)
420 ตน้ และดอกไมส้ ขี าว (rr) 240 ตน้ จงคำนวณหาความถีข่ องแอลลลี R และ r ในประชากรดอกไม้
...ว..ธิ..ที...ำ.......ค...ว..า..ม..ถ..ีข่...อ..ง..แ..อ...ล..ล..ีล....R...........=..............(.2....x...1..,.3..4...0..)....+....4..2..0....................................................................
.................................................................................(.2....x...2..,.0..0...0..)........................................................................
...........................................................=..............0....7..7...5..........................................................................................
.................ค...ว..า..ม..ถ..่ีข...อ..ง..แ..อ...ล..ล..ีล....r...........=..............(.2....x...2..4..0..)....+....4..2...0.......................................................................
.................................................................................(.2....x...2..,.0..0...0..)........................................................................
...........................................................=..............0....2..2...5..........................................................................................
...ด...งั ..น..นั้.......ใ..น..ป...ร..ะ..ช..า..ก...ร..ด..อ...ก..ไ.ม...แ้..ห...่ง..น..ีม้...ีค..ว..า..ม...ถ..่ขี..อ...ง..แ..อ..ล...ล..ีล....R...เ..ท..่า..ก...ับ....0....7..7..5....แ..ล...ะ..ม..คี...ว..า..ม..ถ..ี่ข...อ..ง..แ..อ...ล..ล..ลี....r.............
.................เ.ท...่า..ก..บั....0.....2..2..5......................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................

2. จากการสำรวจประชากรกลมุ่ หนึ่งจำนวน 3428 คน พบวา่ มหี มูเ่ ลอื ด ประกอบดว้ ยหมเู่ ลือด M 1,452 คน
หมเู่ ลือด MN 728 คน และหมูเ่ ลือด N 1,248 คน จงคำนวณหาความถ่ขี องแอลลลี M และ N
....ว..ิธ..ีท..ำ.......ค...ว..า..ม..ถ...่ีข..อ..ง..แ..อ...ล..ล...ลี ...M...........=..............(.2....x...1..,.4...5..2..)....+....7..2..8....................................................................
.................................................................................(.2....x...3..,.4..2...8..)........................................................................
...........................................................=..............0....5..3.............................................................................................
.................ค...ว..า..ม..ถ...่ขี ..อ..ง..แ..อ...ล..ล...ีล...N...........=..............(.2....x...1..,.2...4..8..)....+....7..2..8....................................................................
.................................................................................(.2....x...3..,.4...2..8..)........................................................................
...........................................................=..............0....4..7.............................................................................................
....ด..งั ..น..้ัน.......ใ..น..ป...ร..ะ..ช...า..ก..ร..ด..อ...ก..ไ..ม..้แ..ห...่ง..น..ีม้...ีค..ว..า..ม...ถ..่ีข...อ..ง..แ..อ..ล...ล..ีล....M.....เ.ท...่า..ก..บั ....0....5..3....แ..ล...ะ..ม..ีค...ว..า..ม..ถ..ี่ข...อ..ง..แ..อ...ล..ล..ลี....n..............
.................เ..ท..า่..ก...บั ....0....4..7........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................





แบบประเมนิ การปฏิบตั ิกจิ กรรม

คำชแี้ จง : ใหผ้ สู้ อนประเมินการปฏิบัตกิ ิจกรรมของนักเรยี นตามรายการทีก่ ำหนด แล้วขีด ✔ ลงใน
ชอ่ งทีต่ รงกับระดบั คะแนน

ลำดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน
4321

1 การปฏิบัตกิ ารทำกิจกรรม

2 ความคลอ่ งแคล่วในขณะปฏิบัติกจิ กรรม

3 การบนั ทกึ สรปุ และนำเสนอผลการทำกจิ กรรม

รวม

ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแก้ว)

................ /................ /................

เกณฑก์ ารประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรม

ระดับคะแนน

ประเด็นทีป่ ระเมิน

4 32 1

1. การปฏิบัตกิ ิจกรรม ทำกจิ กรรมตาม ทำกิจกรรมตาม ต้องให้ความ ตอ้ งให้ความ
ขนั้ ตอน และใช้ ข้ันตอน และใช้ ช่วยเหลอื บ้างใน ช่วยเหลอื อยา่ งมาก
อปุ กรณ์ไดอ้ ยา่ ง อุปกรณ์ไดอ้ ย่าง การทำกจิ กรรม ในการทำกจิ กรรม
ถกู ตอ้ ง และการใชอ้ ุปกรณ์

ถกู ตอ้ ง แตอ่ าจตอ้ ง และการใช้
ได้รับคำแนะนำบา้ ง อุปกรณ์

2. ความคลอ่ งแคล่ว มคี วามคลอ่ งแคล่ว มีความคลอ่ งแคล่ว ขาดความ ทำกิจกรรมเสร็จไม่
ในขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม ในขณะทำกิจกรรม ทนั เวลา และทำ
ในขณะทำกจิ กรรม คลอ่ งแคล่ว อปุ กรณเ์ สียหาย
โดยไม่ตอ้ งได้รับคำ
ชแ้ี นะ และทำ แตต่ อ้ งได้รับ ในขณะทำ
กิจกรรมเสร็จ
ทันเวลา คำแนะนำบา้ ง และ กิจกรรมจึงทำ

ทำกิจกรรมเสร็จ กิจกรรมเสรจ็ ไม่

ทันเวลา ทนั เวลา

3. การบนั ทึก สรปุ และ บันทึกและสรุปผล บนั ทกึ และสรปุ ผล ตอ้ งใหค้ ำแนะนำ ต้องให้ความ
การทำกจิ กรรมได้
นำเสนอผลการปฏบิ ัติ การทำกิจกรรมได้ ถกู ตอ้ ง แตก่ าร ในการบันทกึ ชว่ ยเหลืออย่างมาก
นำเสนอผลการทำ
กิจกรรม ถูกตอ้ ง รดั กมุ กิจกรรมยงั ไม่เปน็ สรปุ และ ในการบันทกึ สรปุ
ขัน้ ตอน
นำเสนอผลการทำ นำเสนอผลการ และนำเสนอผลการ

กจิ กรรมเป็น ทำกิจกรรม ทำกิจกรรม

ขัน้ ตอนชัดเจน

เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
10-12 ดมี าก
7-9 ดี
4-6 พอใช้
0-3 ปรบั ปรุง

แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
คำช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✔ลงในชอ่ งท่ี

ตรงกับระดบั คะแนน

ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
321

1 ความถกู ตอ้ งของเนื้อหา ⬜ ⬜ ⬜

2 ความคิดสร้างสรรค์ ⬜ ⬜ ⬜

3 วิธกี ารนำเสนอผลงาน ⬜ ⬜ ⬜

4 การนำไปใช้ประโยชน์ ⬜ ⬜ ⬜

5 การตรงต่อเวลา ⬜⬜⬜

รวม

ลงชอ่ื ................................................... ผปู้ ระเมนิ

(นางสาวสทุ ธิกา แสงแกว้ )

................ /................ /...............

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน

ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน

ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ

แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่

คำชแี้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✔ ลงใน
ช่อง ที่ตรงกับระดบั คะแนน

ลำดับ ชอื่ -สกลุ การ การ การ ความมี การ รวม
ท่ี ของผ้รู ับการ
แสดง ยอมรับ ทำงาน นำ้ ใจ มี สว่ น 15
ประเมนิ ความ ฟังคนอน่ื ตามท่ี รว่ มในการ คะแนน
คดิ เหน็ ได้รับ ปรับปรงุ

มอบหมาย ผลงาน

กลุ่ม

3213213 2 1 3213 2 1

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10

ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแก้ว)
............../.................../................

เกณฑ์การให้คะแนน

ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน

ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน

ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✔ ลงใน
ช่องทีต่ รงกับระดับคะแนน

ผลการประเมนิ รวมคะแนน ร้อยละ ระดับคุณภาพ
ที่ ชื่อ – สกุล ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งม่นั ใน มวี นิ ยั (30)

การทำงาน
(10) (10) (10)

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

ลงช่ือ....................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสุทธกิ า แสงแก้ว)

................ /................ /................

เกณฑ์การให้คะแนน 8-10 คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 6-7 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครงั้ ให้ 4-5 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ ให้ 1-3 คะแนน
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน (ร้อยละ) ระดับคุณภาพ

91 - 108 ดมี าก

73 - 90 ดี

54 - 72 พอใช้

ตำ่ กว่า 54 ปรับปรุง

แบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

คำชแ้ี จง : ให้ ผูส้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✔ ลงใน
ช่องทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน

ลำดบั รายการประเมิน ระดับคะแนน
ท่ี 321

1 ⬜⬜⬜
2 ⬜⬜⬜
3 ⬜⬜⬜
4 ⬜⬜⬜
รวม

ลงชือ่ ................................................... ผู้ประเมิน
(นางสาวสทุ ธกิ า แสงแกว้ )

................ /................ /...............

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

รายการ 3 (ด)ี ระดบั คะแนน 1 (ปรับปรงุ )
2 (ปานกลาง)

การสงั เกต - สงั เกตสิ่งที่ต้องการให้ - สังเกตสงิ่ ท่ีต้องการให้ - สงั เกตส่ิงที่ไมต่ รงกบั

สังเกตได้ถูกตอ้ ง สังเกตไดถ้ ูกต้อง จุดประสงค์

- บนั ทกึ ได้ถูกต้อง - บันทึกไว้ถกู ตอ้ งเป็น
ส่วนใหญ่

รายการ 3 (ดี) ระดับคะแนน 1 (ปรับปรงุ )
2 (ปานกลาง)
การทดลอง - กระบวนการทดลอง - บันทึกขอ้ มูลไม่
ถกู ต้อง กระบวนการทดลอง ถูกต้อง มกี ารใส่ความคิดเห็น
ถกู ต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ลงไปดว้ ย
- บนั ทึกผลการทดลอง บันทกึ ผลการทดลอง
ถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ - กระบวนการทดลองถูกตอ้ ง
ท้ังหมด สรุปผลการทดลอง บางส่วน
ถูกตอ้ งแตไ่ มส่ มบรู ณ์
- สรปุ ผลการทดลอง - บันทึกผลการทดลองถูกต้อง
ถูกตอ้ ง บางสว่ น

- สรุปผลการทดลองไมถ่ ูกต้อง

การลง ลงความเหน็ และสรปุ ลงความเหน็ และสรปุ ลงความเหน็ และสรปุ ขอ้ มูล
ความเห็น ข้อมูลโดยใช้ ขอ้ มลู โดยใช้ อย่างไมม่ หี ลกั การและเหตุผล
และสรุป ข้อมลู จากการทดลอง ข้อมูลจากการทดลอง และไมใ่ ช้ขอ้ มลู จากการ
ข้อมลู อยา่ งมี อยา่ งมี ทดลองประกอบ
หลกั การและเหตุผล หลกั การและเหตุผลแต่
การวัด ไม่สมบรู ณ์ ใช้เคร่ืองมอื ไม่
ใชเ้ ครื่องมอื วดั ถกู ต้อง ค่าทอ่ี ่านได้สว่ นใหญ่
การจัด ถกู ตอ้ งและอา่ นคา่ ได้ ใช้เครอื่ งมอื วัด ไมถ่ กู ต้อง
จำแนก ถกู ต้องทง้ั หมด ถูกต้องและอ่านค่าได้
ถูกต้องเป็น จัดจำแนกตามเกณฑ์ทก่ี ำหนด
จดั จำแนกตามเกณฑ์ที่ บางส่วน ถกู ตอ้ งเปน็ บางสว่ น
กำหนดได้อยา่ งถกู ต้อง
จัดจำแนกตามเกณฑท์ ่ี
กำหนดไดถ้ ูกต้องเปน็
ส่วนใหญ่

รายการ ระดับคะแนน

3 (ดี) 2 (ปานกลาง) 1 (ปรบั ปรงุ )

การ ตัง้ สมมติฐาน ตั้งสมมตฐิ าน ต้งั สมมติฐาน
ต้งั สมมตฐิ าน ไดค้ รอบคลมุ
ไดถ้ กู ตอ้ ง เกนิ รอ้ ยละ 50 ไม่ครอบคลุม

ถกู ต้องทง้ั หมด ถกู ตอ้ งไมถ่ ึงร้อยละ 50

การกำหนด กำหนดตวั แปร กำหนดตวั แปร กำหนดตวั แปร

ตวั แปร ได้ครอบคลมุ ได้ครอบคลุมถูกตอ้ ง ได้ไมค่ รอบคลุม

ถูกตอ้ งทง้ั หมด เกินรอ้ ยละ 50 ถกู ต้องไมถ่ ึงรอ้ ยละ 50

การจดั จัดกระทำขอ้ มูล จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู
กระทำขอ้ มลู ไดถ้ กู ต้องชัดเจน
ไดถ้ กู ตอ้ งชัดเจน ไดถ้ กู ต้องชัดเจน

อ่านง่ายรอ้ ยละ 80 อา่ นง่าย รอ้ ยละ 50 อ่านง่าย ไมถ่ ึงร้อยละ 50

ข้ึนไป ขน้ึ ไป

เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
คะแนน ระดบั คุณภาพ

1 ดี
2 พอใช้
3 ปรบั ปรงุ

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 35

กล่มุ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาชีววิทยา ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ บทที่ 7 วิวัฒนาการ เวลา 18 ช่วั โมง

เรื่อง ปจั จัยท่ีทำให้เกดิ การเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีล เวลา 3 ชั่วโมง

ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 ครผู ู้สอน นางสาวสทุ ธกิ า แสงแก้ว

สาระชีววิทยา

ข้อที่ 2 เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ และหน้าที่ของสาร
พันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูลและแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ
สิ่งมชี ีวติ ภาวะสมดลุ ของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนิดของสิ่งมีชีวิต
ความหลากหลาย ของสิ่งมชี ีวติ และอนกุ รมวธิ าน รวมทัง้ นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์

ผลการเรยี นรู้

14. ระบุสาระสำคัญและอธิบายเงื่อนไขของภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ปัจจัยที่ทำให้เกิดการ
เปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีลในประชากร พร้อมทั้งคำนวณหาความถี่ของแอลลีลและจีโนไทป์
ของประชากรโดยใชห้ ลักของฮาร์ดี-ไวนเ์ บิรก์

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

ด้านความรู้ (Knowledge; K) 1. ประยกุ ตใ์ ช้ความร้จู ากภาวะสมดลุ ของฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ์กในการหาความถี่
ของแอลลลี ของโรคทางพนั ธุกรรมได้
ดา้ นกระบวนการ (Process; P) 2. อธิบายปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีลใน
ประชากรในประชากรได้
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (Attribute; A) สืบคน้ ข้อมลู และนำเสนอเกีย่ วกับปัจจัยทีท่ ำใหเ้ กิดการเปล่ยี นแปลง
ด้านทักษะกระบวนการทาง ความถ่ขี องแอลลีลและความถ่ขี องจีโนไทปใ์ นประชากรท่ีสง่ ผลต่อ
วทิ ยาศาสตร์ (Sc.P.) ววิ ัฒนาการของสิ่งมีชีวิตได้
มวี นิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มนั่ ในการทำงาน

มีทักษะการสงั เกต / การลงความเห็นจากข้อมลู / การจดั กระทำและสอื่
ความหมายของข้อมลู

สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

กฎของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก กล่าวว่า เมื่อประชากรอยู่ในภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ความถี่ของ
แอลลีลหรือความถี่ของจีโนไทป์ในยีนพูลจะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งผลรวมของแอลลีลของยีนหนึ่ง ๆ ใน
ประชากรจะเท่ากบั 1 เสมอ (p + q = 1) และประชากรต้องอยู่ภายใต้เงือ่ นไขตา่ ง ๆ ได้แก่ ประชากรมีขนาด
ใหญ่ ไม่มีการถ่ายเทยีนระหว่างกลุ่มประชากร ไม่มีการเกิดมิวเทชัน สมาชิกทุกตัวมีโอกาสผสมพันธุ์ได้เท่ากนั
และไม่เกิดการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ซึ่งจากกฎของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก สามารถใช้คาดคะเนความถี่ของแอลลีล
เกีย่ วกบั โรคทางพันธุกรรมในยนี พลู ของประชากร เชน่ โรคโลหิตจางชนิดซกิ เคิลเซลล์ โรคผิวเผอื ก

ปจั จยั ทท่ี ำให้เกดิ การเปลยี่ นแปลงความถี่ของแอลลีล ซงึ่ มีผลทำใหส้ ิง่ มชี วี ติ เกดิ วิวฒั นาการ มดี งั นี้
- การเปลี่ยนแปลงความถี่แบบไม่เจาะจง มีลักษณะแบบสุ่มและไม่มีทิศทางที่แน่นอน แบ่งออก 2

ประเภท คือ ผลกระทบจากผู้ก่อตั้ง (founder effect) เป็นการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลลี
ที่เกิดกับกลุ่มประชากรที่มีขนาดเล็ก ที่เป็นผลจากการอพยพ การแยกตัวของกลุ่มประชากรที่มี
ขนาดใหญ่ไปอยู่ในแหล่งที่อยู่ใหม่ที่อุดมสมบูรณ์และประสบความสำเร็จในการเพิ่มจำนวน
ประชากร และปรากฏการณ์คอขวด (bottleneck effect) เป็นการเปล่ยี นแปลงความถ่ีของแอล
ลีลทเี่ กดิ กบั กลมุ่ ประชากรที่มีขนาดใหญ่และมีความหลากหลายทางพันธุกรรม แตม่ เี หตุการณ์ทำ
ให้เกิดการลดจำนวนประชากรอย่างรวดเรว็ เช่น ภยั พิบัตทิ างธรรมชาติต่าง ๆ ซงึ่ ประชากรท่รี อด
ชีวิตจะสามารถเพิ่มจำนวนขึ้นมาใหม่ แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงของความถี่แอลลีลที่อาจมีบาง
แอลลลี หายไป และบางแอลลลี เพ่มิ ขึ้นมา
- การถ่ายเทเคล่ือนย้ายยีน ที่เกิดจากการอพยพเข้าหรอื อพยพออกของสมาชิกในประชากร ทำให้
ความถี่ของแอลลีลในประชากรสองกลุ่มมีความแตกต่างกันน้อยลง จนเปรียบเสมือนประชากร
เดยี วกนั
- การเลอื กคผู่ สมพันธุ์ ทำใหส้ มาชิกบางส่วนไม่มีโอกาสผสมพันธ์ุ สง่ ผลต่อความถ่ีแอลลีลในยีนพูล
ของประชากรรนุ่ ตอ่ ไป
- มิวเทชัน ทำให้มีการสร้างแอลลีลใหม่ในยีนพูลของประชากร ซึ่งหากการเกิดมิวเทชันเป็น
ลักษณะที่ดีและเหมาะสมต่อสภาพแวดล้อม แอลลีลใหม่จะถูกสะสมไว้ในยีนพูลทำให้เกิดความ
หลากหลายทางพันธุกรรมของประชากร แต่หากเกดิ มิวเทชันเป็นลักษณะท่ีไม่ดีและไม่เหมาะสม
ตอ่ สภาพแวดล้อม ลกั ษณะนั้นจะถกู คัดทิ้งออกไป
- การคัดเลือกโดยธรรมชาติ เป็นกลไกพื้นฐานของการเกิดวิวฒั นาการร่วมกับกลไกอื่น ๆ โดยการ
คัดเลือกโดยธรรมชาติจะทำให้ประชากรที่มีลักษณะเหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมสามารถดำรงชีวิต
และแพร่พันธุ์ประชากรในรุ่นต่อไป ซึ่งสิ่งมีชีวิตจะอาศัยการปรับเปลี่ยนลักษณะทางสรีระ
พฤติกรรม และรูปแบบการดำรงชีวิตที่กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม แต่สำหรับประชากรที่ไม่
เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมนั้นจะถูกคัดทิ้งและลดจำนวนลงไป ซึ่งมีผลทำให้แอลลีลบางแอลลีลใน
ประชากรมจี ำนวนมากข้ึน บางแอลลลี มีจำนวนลดลง

สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
- เมื่อประชากรอยู่ในภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก โดยกลุ่มประชากรมีขนาดใหญ่ ไม่มีการถ่ายเทยีน

ระหว่างกลุ่มประชากร ไม่เกิดมิวเทชัน สมาชิกทุกตัวมีโอกาสผสมพันธุ์ได้เท่ากัน และไม่เกิดการคัดเลือกโดย
ธรรมชาติ จะทำให้ความถี่ของแอลลีลของลักษณะนั้นไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะผ่านไปกี่รุ่นก็ตาม เป็นผลให้
ลักษณะน้ันไมเ่ กิดวิวฒั นาการ

- การเปลี่ยนแปลงความถ่ีของยนี หรือแอลลีลในประชากร เกดิ จากปจั จัยหลายประการนำไปส่กู ารเกดิ
วิวัฒนาการ

สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี นและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มวี นิ ัย
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต 3. มุ่งม่นั ในการทำงาน

กระบวนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)

ขั้นน.ำ..

ขั้นที่ 1 ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement)

1. ครูถามคำถาม เพื่อทบทวนความรู้ของนักเรียนว่า เพราะเหตุใดจึงเชื่อว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดการ
เปล่ยี นแปลงความถีข่ องแอลลลี บา้ ง ?
( แนวคำตอบ การเปลยี่ นแปลงความถ่ีแบบไม่เจาะจง,การถ่ายเทเคล่ือนยา้ ยยนี ,การเลือกคผู่ สม
พันธุ์,การเลือกคู่ผสมพันธ์ุ,การคดั เลือกโดยธรรมชาติ เป็นตน้ )

ข้ันสอน

ขนั้ ที่ 2 ข้ันสำรวจและคน้ หา (Exploration)

1. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า กฎของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์กสามารถนำมาประยุกต์ใช้คาดคะเนความถี่ของ
แอลลลี ทเี่ กย่ี วข้องกับโรคทางพนั ธุกรรมได้

2. ครูให้นักเรียนศึกษา การหาความถี่ของแอลลีลที่ทำให้เกิดโรคผิวเผือก และแอลลีลของคนที่เป็น
พาหะ จากการใช้กฎของฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ์ก

3. ครูให้นกั เรยี นทำกิจกรรม การใช้กฎของฮารด์ ี-ไวน์เบิร์ก ในชนั้ เรยี น โดยบันทกึ ลงในสมุดบันทึกของ
นกั เรียน

4. ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรยี นฟังวา่ ในธรรมชาตใิ ม่สามารถควบคุมเง่ือนไขต่าง ๆ ท่ีทำให้ประชากรส่ิงมีชีวิตอยู่
ในภาวะของฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ์กได้ เน่อื งจากมปี ัจจยั บางประการเข้ามาเกย่ี วข้อง

5. ครูใหน้ ักเรยี นศกึ ษา การเปลยี่ นแปลงความถ่ียีนอยา่ งไมเ่ จาะจง ซงึ่ แบ่งออกเป็น 2 สถาณการณ์ ได้แก่
ผลกระทบจากผ้กู อ่ ตัง้ และปรากฏการณ์คอขวด

6. ครูถามนักเรียนว่า การเปลี่ยนแปลงความถี่ยีนอย่างไม่เจาะจงทั้ง 2 สถาณการณ์ มีลักษณะแตกต่าง
กนั อย่างไร
(แนวตอบ ผลกระทบจากผู้ก่อตั้ง เกิดจากประชากรมีการเคลื่อนย้ายยีน และจะเกิดกับกลุ่ม
ประชากรขนาดเล็ก ส่วนปรากฏการณ์คอขวด ซึ่งเกิดจากการภาวะวิกฤติของประชากรที่มีความ
เสี่ยงตอ่ การ สูญพันธ์ุ และจะเกดิ กบั กล่มุ ประชากรขนาดใหญ่)

7. ครูถามนกั เรียนว่า การเปลี่ยนแปลงความถ่ียีนอย่างไม่เจาะจงมผี ลต่อการเปลี่ยนแปลงความถ่ีแอลลีล
อยา่ งไร
(แนวตอบ การเปลี่ยนแปลงความถี่ยีนอย่างไม่เจาะจง มีผลทำให้ยีนพูลในประชากรเปลี่ยนแปลง
โดยบางแอลลีลจะเพิ่มขึ้น บางแอลลีลจะลดลง และบางแอลลีลอาจหายไปจากกลุ่มประชากร ซึ่งมี
ผลทำใหค้ วามหลากหลายทางพนั ธุกรรมลดน้อยลง)

8. ครูให้นักเรียนศึกษา การถ่ายเทเคลื่อนย้ายยีน เป็นการเคลื่อนย้ายแอลลีลจากประชากรหนึ่งไปยังอกี
ประชากรหนึ่งของสปีชีส์เดียวกัน ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีล จากตัวอย่าง การ
เปล่ยี นแปลงความถี่ของแอลลีลในประชากรดอกไมบ้ ริเวณรมิ ฝั่งแม่น้ำ

9. ครถู ามนักเรียนว่า การถา่ ยเทเคล่อื นย้ายยีนมีผลต่อการเปล่ยี นแปลงความถ่ีแอลลลี อยา่ งไร
(แนวตอบ การถ่ายเทเคลื่อนย้ายยีน ทำให้แอลลีลของกลุ่มประชากร 2 กลุ่ม มีบางแอลลีลเพิ่มข้ึน
และบางแอลลีลลดลง ซ่ึงทำให้ประชากร 2 กลุ่มมความถี่ของแอลลีลใกล้เคียงกันจนเหมือนเป็น
ประชากรกลมุ่ เดยี วกัน)

10. ครใู ห้นกั เรียนศึกษา การเลอื กคู่ผสมพันธุ์ ซง่ึ ปกติในธรรมชาติทัว่ ไปสมาชิกในประชากรมักมีการเลือก
คู่ผสมพันธุ์ ทำให้สมาชิกบางส่วนไม่มโี อกาสผสมพันธ์ุ ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลลี
ในยนี พลู ของประชากร

11. ครูให้นักเรียนศึกษา การกลาย ซึ่งมีผลทำให้เกิดลักษณะใหม่ในกลุ่มประชากร และหากลักษณะน้ัน
เป็นลกั ษณะที่ดีและเหมาะสมตอ่ สภาพแวดล้อม จะเปน็ การเพมิ่ แอลลีลใหมใ่ นประชากร

12. ครูถามนักเรียนวา่ การกลายมีผลตอ่ การเปลย่ี นแปลงความถข่ี องแอลลีล
(แนวตอบ การกลายที่ทำให้เกิดลักษณะที่ดี แอลลีลใหม่จะถูกสะสมไว้ในยีนพูลของประชากรทำให้
ความหลากหลายทางพันธุกรรมของประชากร แต่หากการกลายที่ทำให้เกิดลักษณะที่ไม่ดี แอลลีล
ใหม่จะถกู คดั ทิง้ ออกจากยีนพลู ของประชากร)

ข้ันท่ี 3 ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation)

1. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายเกีย่ วกับปจั จยั ท่มี ีผลตอ่ การเปลยี่ นแปลงความถขี่ องแอลลีล
2. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายเกยี่ วกบั ภาวะสมดุลของฮารด์ ี-ไวน์เบริ ์ก

ขน้ั สรปุ

ขน้ั ท่ี 4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration)

1. ครใู ห้นกั เรยี นทำผงั มโนทศั น์ เร่ือง ปัจจัยทีม่ ีผลตอ่ การเปลยี่ นแปลงความถขี่ องแอลลีลในประชากร
2. ครใู หน้ กั เรยี นทำใบงานท่ี 7.5 เร่อื ง กฎของฮาร์ดี-ไวน์เบิรก์

ขั้นที่ 5 ขน้ั ประเมนิ (Evaluation)

1. ครตู รวจสอบผลจากการทำกจิ กรรม เรื่อง การใช้กฎของฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ์ก
2. ครูตรวจสอบผลจากใบงานท่ี 7.5 เรอ่ื ง กฎของฮารด์ ี-ไวน์เบิรก์
3. ครตู รวจสอบผลจากการทำผังสรปุ เรื่อง กฎของฮารด์ ี-ไวนเ์ บริ ์ก

การวดั และประเมินผล

รายการวัด วธิ ีการ เครอื่ งมือ เกณฑ์การประเมิน

1. ประเมินระหว่างการจัด

กิจกรรมการเรียนรู้ - ตรวจใบงานที่ 7.5 - แบบประเมนิ ใบงานท่ี - ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ 70

1) พันธศุ าสตร์ - ประเมินผลงาน 7.5 - ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 70

ประชากร - แบบประเมนิ ผลงาน

2) การปฏบิ ตั กิ าร - ประเมินการ - แบบประเมนิ การ - ผ่านเกณฑร์ ะดบั ดี

ปฏบิ ตั กิ าร ปฏิบัตกิ าร

3) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการ - ผา่ นเกณฑ์ระดับดี

ผลงาน นำเสนอผลงาน

4) พฤติกรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ผ่านเกณฑ์ระดับดี

การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม

5) คณุ ลกั ษณะ - สงั เกตความมีวนิ ัย - แบบประเมิน - ผ่านเกณฑ์ระดับดี

อันพึงประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมัน่ คุณลักษณะ

ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์

6) ดา้ นทักษะ - ประเมินทกั ษะ - แบบประเมนิ ทักษะ - ผา่ นเกณฑ์ระดบั 2
กระบวนการทาง กระบวนการทาง กระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์
(Sc.P: Science
Process Skills)

ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้
สอ่ื การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรยี นชวี วทิ ยา ม.4 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 7 ววิ ฒั นาการ
2) ใบงานที่ 7.5 เร่อื ง กฎของฮารด์ ี-ไวน์เบิร์ก
3) PowerPoint เรอื่ ง วิวัฒนาการ
แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องเรียน
2) ห้องสมุด
3) ส่อื ออนไลน์

ใบงานที่ 7.5
เรอ่ื ง กฎของฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ์ก

คำช้ีแจง : ใชก้ ฏของฮารด์ ี-ไวนเ์ บิร์กตอบคำถามต่อไปนี้

1. ผีเสื้อกลางคืนสายพันธุ์หนึ่ง มีแอลลีล A ควบคุมลักษณะตัวสีดำ และแอลลีล a ควบคุมลักษณะตัวสีเทา
ในการสำรวจผีเสื้อกลางคืนสายพันธุ์นี้ พบประชากรผีเสือ้ สดี ำ 960 ตวั และประชากรผีเสอื้ สีเทา 40 ตัว หาก
ประชากรนี้อยูใ่ นภาวะสมดลุ ฮาร์ดี-ไวน์เบริ ์ก จำนวนผีเสื้อกลางคืนสีดำทีเ่ ปน็ เฮเทอโรไซกสั มจี ำนวนก่ตี วั
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................

2. ประชากรหนึ่งมีความถี่ของแอลลีล R และ r ในปริมาณร้อยละ 65 และ 35 ตามลำดับ ถ้าประชากรนี้อยู่
ในภาวะสมดลุ ฮาร์ด-ี ไวน์เบริ ์ก รุ่นลกู จะประกอบด้วยจโี นไทปใ์ ดบา้ ง และในอัตราสว่ นเทา่ ใด
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................

ใบงานท่ี 7.5 เฉลย
เรอ่ื ง กฎของฮารด์ ี-ไวนเ์ บริ ์ก

คำช้ีแจง : ใชก้ ฏของฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ์กตอบคำถามต่อไปน้ี

1. ผีเสื้อกลางคืนสายพันธุ์หนึ่ง มีแอลลีล A ควบคุมลักษณะตัวสีดำ และแอลลีล a ควบคุมลักษณะตัวสีเทา

ในการสำรวจผเี สื้อกลางคืนสายพนั ธุน์ ี้ พบประชากรผเี สอ้ื สีดำ 960 ตัว และประชากรผีเส้อื สีเทา 40 ตัว หาก

ประชากรนอี้ ยู่ในภาวะสมดลุ ฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ์ก จำนวนผเี สอื้ กลางคืนสดี ำท่ีเป็นเฮเทอโรไซกสั มจี ำนวนก่ีตัว
.....ว..ิธ..ีท...ำ.......ผ..ีเ..ส..้ือ..ก...ล..า..ง..ค..ืน...ล..ัก...ษ..ณ....ะ..ส..ีเ.ท...า...ม...ีจ..ีโ..น..ไ..ท..ป...์แ..บ...บ....a..a............=..............4...0....................=.....0...0..4......................
....................................................................................................................1...,.0..0..0...............................................
........................................................................................a..............=..............0....2...................................................
........................................................................................A..............=..............1....–...0....2.............=....0...8........................
...................จ..า..ก......................................(.p....+....q..).2.............................=..............p...2..+....2..p...q...+....q...2...............................
...................ผ..ีเ..ส..อื้..ก...ล..า..ง..ค..ืน...ส..ดี...ำ..ท..ีเ่.ป...็น...เ.ฮ..อ...เ.ท...อ..โ.ร..ไ..ซ..ก...ัส...ค...อื ...2...p..q.........=..............2....x...0...8....x...0...2...................................
......................................................................................................=..............0....3..2.................................................
...................ถ..า้..ผ...เี .ส..้อื...ส..า..ย..พ...ัน..ธ...ุ์น..ม้ี...จี ..ำ..น..ว...น..ท...ั้ง..ห..ม...ด...1...,.0..0..0....ต..วั.............=..............0....3..2...x...1...,.0..0..0...................................
......................................................................................................=..............3...2..0...ต...วั ............................................
.....ด..งั..น...น้ั ........ผ...เี .ส..้ือ...ก..ล..า..ง..ค...ืน..ส..ดี...ำ..ท..่เี..ป..็น...เ.ฮ...อ..เ.ท...อ..โ..ร..ไ.ซ...ก..สั..ม...จี ..ำ..น...ว..น....3..2..0....ต..วั...............................................................

...........................................................................................................................................................................

2. ประชากรหนึ่งมีความถี่ของแอลลีล R และ r ในปริมาณร้อยละ 60 และ 30 ตามลำดับ ถ้าประชากรนี้อยู่
ในภาวะสมดลุ ฮาร์ด-ี ไวน์เบิรก์ รนุ่ ลกู จะประกอบดว้ ยจีโนไทป์ใดบา้ ง และในอัตราสว่ นเท่าใด
...ว..ิธ..ีท..ำ.......ป...ร..ะ..ช...า..ก..ร..ม..ีค...ว..า..ม..ถ...ี่แ..อ..ล...ล..ลี ....R...(..p..)..................................=..............6..0../..1..0..0...............................................
....................................................................................................=..............0....6..0....................................................
................ป...ร..ะ..ช...า..ก..ร..ม..ีค...ว..า..ม..ถ...่ีแ..อ..ล...ล..ลี ....r..(..q..)...................................=..............4..0../..1..0..0............................................ ...
....................................................................................................=..............0....4..0....................................................
................จ...า..ก.....................................(.p....+....q..)..2.............................=..............p..2...+....2..p..q....+....q..2..................................
....................................................................................................=..............(.0....6..0...).2..+....2..(.0.....6..0...x....0....4..0..)...+....(.0....4..0...).2.
....................................................................................................=..............0....3..6....+....0....4..8....+...0.....1..6..........................
....................................................................................................=..............1.........................................................
...ด..ัง..น..้ัน.......ร..ุ่น...ล..ูก...จ..ะ..ม...จี ..ีโ.น...ไ.ท...ป...์ .3....แ..บ...บ....ไ.ด..้.แ..ก..่..R..R....R..r...r.r...แ..ล..ะ...ใ.น...อ..ัต..ร..า..ส...ว่ ..น....3..6....:..4..8....:..1..6........................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................





แบบประเมนิ การปฏิบตั ิกจิ กรรม

คำชแี้ จง : ใหผ้ สู้ อนประเมินการปฏิบัตกิ ิจกรรมของนักเรยี นตามรายการทีก่ ำหนด แล้วขีด ✔ ลงใน
ชอ่ งทีต่ รงกับระดบั คะแนน

ลำดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน
4321

1 การปฏิบัตกิ ารทำกิจกรรม

2 ความคลอ่ งแคล่วในขณะปฏิบัติกจิ กรรม

3 การบนั ทกึ สรปุ และนำเสนอผลการทำกจิ กรรม

รวม

ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแก้ว)

................ /................ /................

เกณฑก์ ารประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรม

ระดับคะแนน

ประเด็นทีป่ ระเมิน

4 32 1

1. การปฏิบัตกิ ิจกรรม ทำกจิ กรรมตาม ทำกิจกรรมตาม ต้องให้ความ ตอ้ งให้ความ
ขนั้ ตอน และใช้ ข้ันตอน และใช้ ช่วยเหลอื บ้างใน ช่วยเหลอื อยา่ งมาก
อปุ กรณ์ไดอ้ ยา่ ง อุปกรณ์ไดอ้ ย่าง การทำกจิ กรรม ในการทำกจิ กรรม
ถกู ตอ้ ง และการใชอ้ ุปกรณ์

ถกู ตอ้ ง แตอ่ าจตอ้ ง และการใช้
ได้รับคำแนะนำบา้ ง อุปกรณ์

2. ความคลอ่ งแคล่ว มคี วามคลอ่ งแคล่ว มีความคลอ่ งแคล่ว ขาดความ ทำกิจกรรมเสร็จไม่
ในขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม ในขณะทำกิจกรรม ทนั เวลา และทำ
ในขณะทำกจิ กรรม คลอ่ งแคล่ว อปุ กรณเ์ สียหาย
โดยไม่ตอ้ งได้รับคำ
ชแ้ี นะ และทำ แตต่ อ้ งได้รับ ในขณะทำ
กิจกรรมเสร็จ
ทันเวลา คำแนะนำบา้ ง และ กิจกรรมจึงทำ

ทำกิจกรรมเสร็จ กิจกรรมเสรจ็ ไม่

ทันเวลา ทนั เวลา

3. การบนั ทึก สรปุ และ บันทึกและสรุปผล บนั ทกึ และสรปุ ผล ตอ้ งใหค้ ำแนะนำ ต้องให้ความ
การทำกจิ กรรมได้
นำเสนอผลการปฏบิ ัติ การทำกิจกรรมได้ ถกู ตอ้ ง แตก่ าร ในการบันทกึ ชว่ ยเหลืออย่างมาก
นำเสนอผลการทำ
กิจกรรม ถูกตอ้ ง รดั กมุ กิจกรรมยงั ไม่เปน็ สรปุ และ ในการบันทกึ สรปุ
ขัน้ ตอน
นำเสนอผลการทำ นำเสนอผลการ และนำเสนอผลการ

กจิ กรรมเป็น ทำกิจกรรม ทำกิจกรรม

ขัน้ ตอนชัดเจน

เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
10-12 ดมี าก
7-9 ดี
4-6 พอใช้
0-3 ปรบั ปรุง

แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
คำช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✔ลงในชอ่ งท่ี

ตรงกับระดบั คะแนน

ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
321

1 ความถกู ตอ้ งของเนื้อหา ⬜ ⬜ ⬜

2 ความคิดสร้างสรรค์ ⬜ ⬜ ⬜

3 วิธกี ารนำเสนอผลงาน ⬜ ⬜ ⬜

4 การนำไปใช้ประโยชน์ ⬜ ⬜ ⬜

5 การตรงต่อเวลา ⬜⬜⬜

รวม

ลงชอ่ื ................................................... ผปู้ ระเมนิ

(นางสาวสทุ ธิกา แสงแกว้ )

................ /................ /...............

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน

ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน

ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ

แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่

คำชแี้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✔ ลงใน
ช่อง ที่ตรงกับระดบั คะแนน

ลำดับ ชอื่ -สกลุ การ การ การ ความมี การ รวม
ท่ี ของผ้รู ับการ
แสดง ยอมรับ ทำงาน นำ้ ใจ มี สว่ น 15
ประเมนิ ความ ฟังคนอน่ื ตามท่ี รว่ มในการ คะแนน
คดิ เหน็ ได้รับ ปรับปรงุ

มอบหมาย ผลงาน

กลุ่ม

3213213 2 1 3213 2 1

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10

ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแก้ว)
............../.................../................

เกณฑ์การให้คะแนน

ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน

ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน

ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✔ ลงใน
ช่องทีต่ รงกับระดับคะแนน

ผลการประเมนิ รวมคะแนน ร้อยละ ระดับคุณภาพ
ที่ ชื่อ – สกุล ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งม่นั ใน มวี นิ ยั (30)

การทำงาน
(10) (10) (10)

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

ลงช่ือ....................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสุทธกิ า แสงแก้ว)

................ /................ /................

เกณฑ์การให้คะแนน 8-10 คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 6-7 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครงั้ ให้ 4-5 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ ให้ 1-3 คะแนน
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน (ร้อยละ) ระดับคุณภาพ

91 - 108 ดมี าก

73 - 90 ดี

54 - 72 พอใช้

ตำ่ กว่า 54 ปรับปรุง

แบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

คำชแ้ี จง : ให้ ผูส้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✔ ลงใน
ช่องทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน

ลำดบั รายการประเมิน ระดับคะแนน
ท่ี 321

1 ⬜⬜⬜
2 ⬜⬜⬜
3 ⬜⬜⬜
4 ⬜⬜⬜
รวม

ลงชือ่ ................................................... ผู้ประเมิน
(นางสาวสทุ ธกิ า แสงแกว้ )

................ /................ /...............

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

รายการ 3 (ด)ี ระดบั คะแนน 1 (ปรับปรงุ )
2 (ปานกลาง)

การสงั เกต - สงั เกตสิ่งที่ต้องการให้ - สังเกตสงิ่ ท่ีต้องการให้ - สงั เกตส่ิงที่ไมต่ รงกบั

สังเกตได้ถูกตอ้ ง สังเกตไดถ้ ูกต้อง จุดประสงค์

- บนั ทกึ ได้ถูกต้อง - บันทึกไว้ถกู ตอ้ งเป็น
ส่วนใหญ่

รายการ 3 (ดี) ระดับคะแนน 1 (ปรับปรงุ )
2 (ปานกลาง)
การทดลอง - กระบวนการทดลอง - บันทึกขอ้ มูลไม่
ถกู ต้อง กระบวนการทดลอง ถูกต้อง มกี ารใส่ความคิดเห็น
ถกู ต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ลงไปดว้ ย
- บนั ทึกผลการทดลอง บันทกึ ผลการทดลอง
ถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ - กระบวนการทดลองถูกตอ้ ง
ท้ังหมด สรุปผลการทดลอง บางส่วน
ถูกตอ้ งแตไ่ มส่ มบรู ณ์
- สรปุ ผลการทดลอง - บันทึกผลการทดลองถูกต้อง
ถูกตอ้ ง บางสว่ น

- สรุปผลการทดลองไมถ่ ูกต้อง

การลง ลงความเหน็ และสรปุ ลงความเหน็ และสรปุ ลงความเหน็ และสรปุ ขอ้ มูล
ความเห็น ข้อมูลโดยใช้ ขอ้ มลู โดยใช้ อย่างไมม่ หี ลกั การและเหตุผล
และสรุป ข้อมลู จากการทดลอง ข้อมูลจากการทดลอง และไมใ่ ช้ขอ้ มลู จากการ
ข้อมลู อยา่ งมี อยา่ งมี ทดลองประกอบ
หลกั การและเหตุผล หลกั การและเหตุผลแต่
การวัด ไม่สมบรู ณ์ ใช้เคร่ืองมอื ไม่
ใชเ้ ครื่องมอื วดั ถกู ต้อง ค่าทอ่ี ่านได้สว่ นใหญ่
การจัด ถกู ตอ้ งและอา่ นคา่ ได้ ใช้เครอื่ งมอื วัด ไมถ่ กู ต้อง
จำแนก ถกู ต้องทง้ั หมด ถูกต้องและอ่านค่าได้
ถูกต้องเป็น จัดจำแนกตามเกณฑ์ทก่ี ำหนด
จดั จำแนกตามเกณฑ์ที่ บางส่วน ถกู ตอ้ งเปน็ บางสว่ น
กำหนดได้อยา่ งถกู ต้อง
จัดจำแนกตามเกณฑท์ ่ี
กำหนดไดถ้ ูกต้องเปน็
ส่วนใหญ่

รายการ ระดับคะแนน

3 (ดี) 2 (ปานกลาง) 1 (ปรบั ปรงุ )

การ ตัง้ สมมติฐาน ตั้งสมมตฐิ าน ต้งั สมมติฐาน
ต้งั สมมตฐิ าน ไดค้ รอบคลมุ
ไดถ้ กู ตอ้ ง เกนิ รอ้ ยละ 50 ไม่ครอบคลุม

ถกู ต้องทง้ั หมด ถกู ตอ้ งไมถ่ ึงร้อยละ 50

การกำหนด กำหนดตวั แปร กำหนดตวั แปร กำหนดตวั แปร

ตวั แปร ได้ครอบคลมุ ได้ครอบคลุมถูกตอ้ ง ได้ไมค่ รอบคลุม

ถูกตอ้ งทง้ั หมด เกินรอ้ ยละ 50 ถกู ต้องไมถ่ ึงรอ้ ยละ 50

การจดั จัดกระทำขอ้ มูล จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู
กระทำขอ้ มลู ไดถ้ กู ต้องชัดเจน
ไดถ้ กู ตอ้ งชัดเจน ไดถ้ กู ต้องชัดเจน

อ่านง่ายรอ้ ยละ 80 อา่ นง่าย รอ้ ยละ 50 อ่านง่าย ไมถ่ ึงร้อยละ 50

ข้ึนไป ขน้ึ ไป

เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
คะแนน ระดบั คุณภาพ

1 ดี
2 พอใช้
3 ปรบั ปรงุ

แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 36

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาชีววิทยา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี บทท่ี 7 วิวัฒนาการ เวลา 18 ชั่วโมง

เรือ่ ง กำเนดิ สปีชสี ์ เวลา 3 ช่ัวโมง

ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 ครูผู้สอน นางสาวสทุ ธกิ า แสงแกว้

สาระชีววิทยา

ข้อที่ 2 เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ และหน้าที่ของสาร
พันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูลและแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ
สิ่งมชี วี ติ ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบริ ์ก การเกดิ สปีชสี ์ใหม่ ความหลากหลายทางชวี ภาพ กำเนิดของส่ิงมีชีวิต
ความหลากหลาย ของสง่ิ มีชวี ิต และอนกุ รมวิธาน รวมท้งั นำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์

ผลการเรยี นรู้

15. สบื ค้นขอ้ มูล อภปิ ราย และอธบิ ายกระบวนการเกิดสปีชีส์ใหมข่ องสงิ่ มชี ีวิต

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

ด้านความรู้ (Knowledge; K) 1. อธิบายความหมายของสปีชสี ์ได้
2. อธิบายหลกั การเกิดสปีชีส์ใหม่ของสง่ิ มีชีวติ ได้
ดา้ นกระบวนการ (Process; P) 3. ยกตวั อยา่ งส่ิงมีชีวิตที่เกิดสปชี ีสใ์ หมไ่ ด้
ด้านคุณลักษณะ (Attribute; A) นำเสนอผลงานและจัดทำปา้ ยนเิ ทศอย่างได้ถกู ต้อง
ด้านทกั ษะกระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์ (Sc.P.) มีวินัย ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมน่ั ในการทำงาน

มที ักษะการสงั เกต / การลงความเหน็ จากข้อมลู / การจัดกระทำและส่อื
ความหมายของขอ้ มูล

สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

สปชี ีสข์ องส่งิ มีชีวติ มคี วามหมายแตกตา่ งกัน แบง่ ออกเปน็
- สปีชีส์ด้านสัณฐานวิทยา (morphological species concept) หมายถึง สิ่งมีชีวิตที่มีโครงสร้าง

ภายนอกเหมือนกนั หรือมีการทำงานของโครงสรา้ งภายนอกคล้ายกนั
- สปชี สี ์ทางด้านชวี วทิ ยา (biological species concept) หมายถงึ สง่ิ มีชวี ติ ท่ีสามารถผสมพันธ์ุกัน

ไดใ้ นธรรมชาติและใหก้ ำเนดิ ลูกที่ไมเ่ ป็นหมนั
การเกิดสปีชีส์ใหม่จะเกิดขึ้นเมื่อไม่มีการถ่ายเทเคลื่อนย้ายยีนระหว่างประชากร ทำให้ประชากรทั้ง

สอง มโี ครงสร้างทางพนั ธุกรรมท่ีแตกต่างกนั และเกดิ เป็นสปีชีสใ์ หม่ ซ่งึ มี 2 แนวทาง
1. การเกิดสปีชีส์ใหม่จากการแบ่งแยกทางภูมิศาสตร์ (allopatric speciation) เป็นการเกิดสปีชีส์
ใหม่โดยมีสิง่ กีดขวางทางธรรมชาติ ทำให้ประชากรดั้งเดิมถูกแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มย่อยและไม่มี
การถา่ ยเทเคล่ือนย้ายยีนระหวา่ งกัน จากน้นั แต่ละกลมุ่ ย่อยจะพัฒนาเปลยี่ นแปลงความแตกต่าง
ทางพันธุกรรมตามการคัดเลอื กโดยธรรมชาตจิ นเกิดสปชี ีสใ์ หม่
2. การเกิดสปีชีส์ใหม่ในเขตภูมิศาสตร์เดียวกัน (sympatric speciation) เป็นการเกิดสปีชีส์ใหม่
จากการแบ่งแยกประชากรดั้งเดิมออกเป็นกลุ่มย่อยในเชิงการสืบพันธุ์ เชิงพฤติกรรม หรือเชิง
นิเวศวิทยา ซึ่งประชากรกลุ่มย่อยอาจยังคงอยู่ในขอบเขตเดียวกัน แต่ประชากรดังเดิมและ
ประชากรกลุ่มยอ่ ย ไมส่ ามารถผสมพันธก์ ันได้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง

- สปชี ีส์ใหมจ่ ะเกิดขึน้ ได้เม่ือไมม่ กี ารถา่ ยเทเคลื่อนย้ายยนี ระหวา่ งประชากรหน่ึงกบั อีกประชากรหนึง่
ในรนุ่ บรรพบุรุษ ทำให้ประชากรทง้ั สองมโี ครงสร้างทางพนั ธุกรรมทแ่ี ตกต่างกนั และวิวฒั นาการเกดิ เป็นสปชี ีส์
ใหม่

- ปจั จัยท่ที ำใหเ้ กดิ สปีชสี ใ์ หม่อาจเกดิ ได้ 2 แนวทาง คือ การเกดิ สปชี ีส์ใหม่จากการแบง่ แยกทาง

ภมู ิศาสตร์ และการเกดิ สปชี สี ์ใหมใ่ นเขตภมู ิศาสตรเ์ ดยี วกัน

สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวินยั
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 3. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน

กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใช้รปู แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)

ขั้นนำ

1. ครูนำภาพนก 2 ชนิด ได้แก่ Sternella neglecta และ Sternella magna มาให้นักเรียนดู และ
ถามนกั เรียนวา่ นกทงั้ 2 ภาพน้ี เป็นสายพันธเุ์ ดยี วกันหรอื ไม่
(แนวตอบ นกท้ัง 2 ภาพ เป็นนกต่างสายพันธ์ุกัน แต่มลี กั ษณะรูปรา่ งทค่ี ล้ายคลึงกนั )

2. ครอู ธบิ ายให้นักเรยี นวา่ นกท้งั 2 ภาพทใ่ี หน้ ักเรียนดูมีสายพันธ์ุ หรือสปชี สี ์ทตี่ ่างกัน
3. ครูถามคำถาม Prior Knowledge เพื่อทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนว่า คำว่า “สปีชีส์”

หมายความว่าอยา่ งไร
(แนวตอบ สปีชีส์ หมายถึง กลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่มีโครงสร้าง หน้าที่เหมือนกัน และสามารถผสมพันธ์ุ
กันไดโ้ ดยท่ีลูกท่ีไมเ่ ปน็ หมัน)

ข้ันสอน

ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration)

1. ครูให้นักเรียนศึกษา ความหมายของสปชี สี ์ ซึ่งแบ่งออกเป็นสปีชีส์ทางดา้ นสัณฐานวทิ ยา และสปีชีส์
ทางด้านชีววทิ ยา

2. ครูถามนักเรียนวา่ สปชี ีส์ทางด้านสัณฐานวิทยาและและสปชี สี ท์ างดา้ นชวี วทิ ยา แตกตา่ งกนั อย่างไร
(แนวตอบ สปีชีส์ทางด้านสัณฐานวิทยา หมายถึง สิ่งมีชีวิตที่มีโครงสร้างภายนอก หรือการทำงาน
ของโครงสร้างภายนอกที่คล้ายคลึงกัน แต่สิ่งมีชีวิตไม่สามารถผสมพันธุ์กันได้ แต่สปีชีส์ทางด้าน
ชีววิทยา หมายถึง สิ่งมีชีวิตที่สามารถผสมพันธุ์กัน และให้กำเนิดลูกที่ไม่เป็นหมนั ซึ่งนักชีววิทยาใช้
สมบัติของ สปชี สี ์ทางด้านชีววทิ ยาในการจำแนกสปีชสี ข์ องสิ่งมีชีวติ )

3. ครูอธิบายให้นกั เรียนฟังว่า การเกิดสปีชสี ใ์ หม่ของส่ิงมีชีวิต จะเกิดขึ้นเมื่อไม่มกี ารถ่ายเทเคล่ือนย้าย
ยีนระหว่างประชากร ทำให้ประชากรทั้งสองกลุ่มมีโครงสร้างที่แตกต่างกัน และเกิดเป็นสปีชีส์ใหม่
แบ่งออกเป็น 2 แนวทาง ได้แก่ การเกิดสปีชีส์ใหม่จากการแบ่งแยกทางภูมิศาสตร์ และการเกิดสปี
ชสี ์ใหม่ในเขตภูมิศาสตร์เดียวกัน

4. ครูให้นักเรยี นศึกษา การเกิดสปีชีส์ใหมจ่ ากการแบ่งแยกทางภูมิศาสตร์ ทีเกิดจากมีสิ่งกดี ขวางทำให้
ประชากรด้ังเดิมถกู แบง่ แยกออกเปน็ กลุ่มย่อย และทำใหไ้ มม่ กี ารถา่ ยเทเคลื่อนยา้ ยยนี ระหว่างกนั อีก

5. ครูถามนักเรียนว่า หากประชากรสปีชีส์ใหม่ที่เกิดจากการแบ่งแยกทางภูมิศาสตร์กลับมาเจอกับ
ประชากรด้ังเดมิ จะสามารถผสมพันธกุ์ นั ได้หรือไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ ไม่สามารถผสมพันธุก์ นั ได้ เพราะยนี พลู ของประชากรทง้ั สองกลมุ่ แตกต่างกนั )

6. ครูให้นักเรียนศึกษา การเกิดสปีชีส์ใหม่ในเขตภูมิศาสตร์เดียวกัน ที่เกิดจากการแบ่งแยกประชากร
ดั้งเดิมออกเป็นกลุ่มย่อยในเชิงการสืบพันธุ์ พฤติกรรม หรือนิเวศวิทยา ซึ่งประชากรยังอาศัยอยู่ใน
บริเวณเดียวกนั แตไ่ มส่ ามารถผสมพันธกุ์ ับสายพนั ธ์ดังเดิมได้

7. ครูถามนักเรียนว่า กลไกใดที่ทำให้ประชากรในเขตภูมิศาสตร์เดียวกันไม่สามารถถ่ายเทเคลื่อนย้าย
ยีนระหวา่ งกันได้
(แนวตอบ การเปลี่ยนแปลงจำนวนโครโมโซมของประชากร ทำให้ประชากรมีจำนวนโครโมโซม
เปล่ยี นแปลงไปจนไมส่ ามารถผสมพนั ธุก์ ับประชากรดั้งเดมิ ได้)

8. ครูอธบิ ายใหน้ ักเรยี นฟังว่า การกระทำของมนุษย์ก็มีผลทำให้ส่งิ มชี วี ิตเกิดววิ ัฒนาการเป็นสปีชีสืใหม่
ไดเ้ ชน่ กนั เช่น แมลงทดี่ อ้ื สารฆ่าแมลง เช้ือโรคทีด่ ้อื ต่อยาปฏิชีวนะ

9. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน ทำกิจกรรม การปรับปรุงพันธุ์พืชแบบพอลิพลอยดี สรุปลง
กระดาษฟลิปชาร์ตทค่ี รจู ดั เตรียมไวใ้ ห้

10. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอกิจกรรม การปรับปรุงพันธุ์พืชแบบพอลิพลอยดี หน้าชั้น
เรยี นกลุ่มละ 5 นาที

ขนั้ ท่ี 3 ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)

1. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายเกี่ยวกบั การเกดิ สปีชีส์ของส่ิงมชี ีวติ
2. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายเกย่ี วกับการเกดิ วิวฒั นาการของส่งิ มชี ีวติ จากการกระทำของมนษุ ย์
3. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายกิจกรรมการปรบั ปรงุ พนั ธพุ์ ืชแบบพอลิพลอยดี

ข้ันสรปุ

ขน้ั ท่ี 4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration)

1. ครใู ห้นกั เรียนทำผังสรุป เรื่อง การเกิดสปชี สี ์ใหม่ของสง่ิ มชี วี ิต โดยยกตวั อยา่ งการเกิดสปีชีส์ใหม่ของ
สิ่งมีชีวิตมา 1 ชนิด พร้อมระบุกลไกของการเกิดสปีชีส์ใหม่ของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้น โดยสืบค้นข้อมูล
จากวารสารทางวชิ าการ หรือสื่อออนไลน์

2. ครูใหน้ ักเรยี นทำ Self Check เพ่อื ตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเอง
3. ครใู หน้ กั เรียนทำ Unit Question ท้ายหนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 7 ในหนงั สือเรยี นชวี วทิ ยา ม.4 เล่ม 2
4. ครูให้นักเรยี นทำแบบทดสอบท้ายหน่วยการเรียนรูท้ ี่ 7 ในแบบฝึกหัดชวี วทิ ยา ม.4 เล่ม 2

ครูให้นักเรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน

ขั้นท่ี 5 ข้นั ประเมนิ (Evaluation)

1. ครตู รวจสอบผลจากผงั สรุป เรอื่ ง การเกิดสปีชสี ์ใหมข่ องสิง่ มชี ีวิต
2. ครตู รวจสอบผลจากรายงานและการนำเสนอกิจกรรม การปรบั ปรุงพันธ์พุ ืชแบบพอลพิ ลอยดี

3. ครูตรวจสอบผลจากการตอบคำถาม Unit Question ท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 7 ในหนังสือเรียน
ชวี วิทยา ม.4 เล่ม 2

4. ครูตรวจสอบผลจากการทำแบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรียนรทู้ ี่ 7 ในแบบฝึกหดั ชวี วทิ ยา ม.4 เลม่ 2
5. ครูตรวจสอบผลจากการตอบคำถามในแบบฝึกหัดชวี วิทยา ม.4 เล่ม 2

การวัดและประเมินผล

รายการวดั วิธกี าร เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ

1. ประเมนิ ระหวา่ งการจัด

กจิ กรรมการเรียนรู้ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบประเมินใบงานท่ี - ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ 70
7.5 - ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70
1) กำเนดิ สปีชีส์ ท้ายหน่วยการเรยี นรู้ - แบบประเมนิ ผลงาน

- ประเมินผลงานผงั

สรุป เร่ือง การเกดิ สปี

ชีส์ใหม่ของสงิ่ มีชวี ติ

2) การปฏิบตั กิ าร - ประเมินการ - แบบประเมนิ การ - ผา่ นเกณฑร์ ะดบั ดี

ปฏบิ ัตกิ าร ปฏบิ ตั ิการ

3) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการ - ผ่านเกณฑ์ระดับดี

ผลงาน นำเสนอผลงาน

4) พฤตกิ รรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ผ่านเกณฑร์ ะดบั ดี

การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม

5) คณุ ลกั ษณะ - สังเกตความมีวินยั - แบบประเมิน - ผ่านเกณฑ์ระดบั ดี

อันพงึ ประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ มัน่ คณุ ลักษณะ

ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์

6) ด้านทกั ษะ - ประเมินทกั ษะ - แบบประเมนิ ทักษะ - ผา่ นเกณฑ์ระดับ 2

กระบวนการทาง กระบวนการทาง กระบวนการทาง

วิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์

(Sc.P: Science

Process Skills)

สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้
สอื่ การเรียนรู้
1) หนังสือเรยี นชวี วทิ ยา ม.4 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 7 ววิ ฒั นาการ

2) ใบงานที่ 7.5 เร่อื ง กฎของฮารด์ ี-ไวนเ์ บริ ก์
3) PowerPoint เรือ่ ง ววิ ฒั นาการ
แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องเรยี น
2) ห้องสมุด
3) สอื่ ออนไลน์


Click to View FlipBook Version