เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
คำชแี้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✔ ลงใน
ช่อง ที่ตรงกับระดบั คะแนน
ลำดับ ชอื่ -สกลุ การ การ การ ความมี การ รวม
ท่ี ของผ้รู ับการ
แสดง ยอมรับ ทำงาน นำ้ ใจ มี สว่ น 15
ประเมนิ ความ ฟังคนอน่ื ตามท่ี รว่ มในการ คะแนน
คดิ เหน็ ได้รับ ปรับปรงุ
มอบหมาย ผลงาน
กลุ่ม
3213213 2 1 3213 2 1
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแก้ว)
............../.................../................
เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✔ ลงใน
ช่องทีต่ รงกับระดับคะแนน
ผลการประเมนิ รวมคะแนน ร้อยละ ระดับคุณภาพ
ที่ ชื่อ – สกุล ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งม่นั ใน มวี นิ ยั (30)
การทำงาน
(10) (10) (10)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงช่ือ....................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสุทธกิ า แสงแก้ว)
................ /................ /................
เกณฑ์การให้คะแนน 8-10 คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 6-7 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครงั้ ให้ 4-5 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ ให้ 1-3 คะแนน
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้
เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน (ร้อยละ) ระดับคุณภาพ
91 - 108 ดมี าก
73 - 90 ดี
54 - 72 พอใช้
ตำ่ กว่า 54 ปรับปรุง
แบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
คำชแ้ี จง : ให้ ผูส้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✔ ลงใน
ช่องทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน
ลำดบั รายการประเมิน ระดับคะแนน
ท่ี 321
1 ⬜⬜⬜
2 ⬜⬜⬜
3 ⬜⬜⬜
4 ⬜⬜⬜
รวม
ลงชือ่ ................................................... ผู้ประเมิน
(นางสาวสทุ ธกิ า แสงแกว้ )
................ /................ /...............
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
รายการ 3 (ด)ี ระดบั คะแนน 1 (ปรับปรงุ )
2 (ปานกลาง)
การสงั เกต - สงั เกตสิ่งที่ต้องการให้ - สังเกตสงิ่ ท่ีต้องการให้ - สงั เกตส่ิงที่ไมต่ รงกบั
สังเกตได้ถูกตอ้ ง สังเกตไดถ้ ูกต้อง จุดประสงค์
- บนั ทกึ ได้ถูกต้อง - บันทึกไว้ถกู ตอ้ งเป็น
ส่วนใหญ่
รายการ 3 (ดี) ระดับคะแนน 1 (ปรับปรงุ )
2 (ปานกลาง)
การทดลอง - กระบวนการทดลอง - บันทึกขอ้ มูลไม่
ถกู ต้อง กระบวนการทดลอง ถูกต้อง มกี ารใส่ความคิดเห็น
ถกู ต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ลงไปดว้ ย
- บนั ทึกผลการทดลอง บันทกึ ผลการทดลอง
ถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ - กระบวนการทดลองถูกตอ้ ง
ท้ังหมด สรุปผลการทดลอง บางส่วน
ถูกตอ้ งแตไ่ มส่ มบรู ณ์
- สรปุ ผลการทดลอง - บันทึกผลการทดลองถูกต้อง
ถูกตอ้ ง บางสว่ น
- สรุปผลการทดลองไมถ่ ูกต้อง
การลง ลงความเหน็ และสรปุ ลงความเหน็ และสรปุ ลงความเหน็ และสรปุ ขอ้ มูล
ความเห็น ข้อมูลโดยใช้ ขอ้ มลู โดยใช้ อย่างไมม่ หี ลกั การและเหตุผล
และสรุป ข้อมลู จากการทดลอง ข้อมูลจากการทดลอง และไมใ่ ช้ขอ้ มลู จากการ
ข้อมลู อยา่ งมี อยา่ งมี ทดลองประกอบ
หลกั การและเหตุผล หลกั การและเหตุผลแต่
การวัด ไม่สมบรู ณ์ ใช้เคร่ืองมอื ไม่
ใชเ้ ครื่องมอื วดั ถกู ต้อง ค่าทอ่ี ่านได้สว่ นใหญ่
การจัด ถกู ตอ้ งและอา่ นคา่ ได้ ใช้เครอื่ งมอื วัด ไมถ่ กู ต้อง
จำแนก ถกู ต้องทง้ั หมด ถูกต้องและอ่านค่าได้
ถูกต้องเป็น จัดจำแนกตามเกณฑ์ทก่ี ำหนด
จดั จำแนกตามเกณฑ์ที่ บางส่วน ถกู ตอ้ งเปน็ บางสว่ น
กำหนดได้อยา่ งถกู ต้อง
จัดจำแนกตามเกณฑท์ ่ี
กำหนดไดถ้ ูกต้องเปน็
ส่วนใหญ่
รายการ ระดับคะแนน
3 (ดี) 2 (ปานกลาง) 1 (ปรบั ปรงุ )
การ ตัง้ สมมติฐาน ตั้งสมมตฐิ าน ต้งั สมมติฐาน
ต้งั สมมตฐิ าน ไดค้ รอบคลมุ
ไดถ้ กู ตอ้ ง เกนิ รอ้ ยละ 50 ไม่ครอบคลุม
ถกู ต้องทง้ั หมด ถกู ตอ้ งไมถ่ ึงร้อยละ 50
การกำหนด กำหนดตวั แปร กำหนดตวั แปร กำหนดตวั แปร
ตวั แปร ได้ครอบคลมุ ได้ครอบคลุมถูกตอ้ ง ได้ไมค่ รอบคลุม
ถูกตอ้ งทง้ั หมด เกินรอ้ ยละ 50 ถกู ต้องไมถ่ ึงรอ้ ยละ 50
การจดั จัดกระทำขอ้ มูล จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู
กระทำขอ้ มลู ไดถ้ กู ต้องชัดเจน
ไดถ้ กู ตอ้ งชัดเจน ไดถ้ กู ต้องชัดเจน
อ่านง่ายรอ้ ยละ 80 อา่ นง่าย รอ้ ยละ 50 อ่านง่าย ไมถ่ ึงร้อยละ 50
ข้ึนไป ขน้ึ ไป
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
คะแนน ระดบั คุณภาพ
1 ดี
2 พอใช้
3 ปรบั ปรงุ
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 32
กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาชีววิทยา ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี บทที่ 7 วิวฒั นาการ เวลา 18 ชั่วโมง
เร่ือง หลักฐานและข้อมูลทีใ่ ช้ในการศกึ ษาวิวฒั นาการของสิ่งมีชีวติ เวลา 3 ชั่วโมง
ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564 ครผู ู้สอน นางสาวสทุ ธกิ า แสงแก้ว
สาระชีววทิ ยา
ข้อที่ 2 เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ และหน้าที่ของสาร
พันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูลและแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ
ส่งิ มีชวี ติ ภาวะสมดลุ ของฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ์ก การเกดิ สปีชสี ใ์ หม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนดิ ของสิ่งมีชีวิต
ความหลากหลาย ของส่งิ มชี ีวติ และอนุกรมวธิ าน รวมทง้ั นำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์
ผลการเรียนรู้
12. สืบคน้ ข้อมลู และอธิบายเก่ยี วกับหลักฐานทีส่ นบั สนุนและข้อมลู ที่ใช้อธบิ ายการเกดิ ววิ ัฒนาการของ
ส่ิงมีชวี ติ
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ด้านความรู้ (Knowledge; K) 1. อธิบายหลักฐานตา่ ง ๆ ทีส่ นบั สนุนการเกดิ วิวฒั นาการของสงิ่ มีชวี ติ ได้
2. อธบิ ายการเกดิ วิวัฒนาการของมนุษย์ได้
ดา้ นกระบวนการ (Process; P) 1. เขยี นลำดบั ขนั้ การเกิดวิวัฒนาการของมนุษย์ได้
2. นำเสนอผลงานและจัดทำป้ายนเิ ทศอย่างไดถ้ ูกตอ้ ง
ด้านคุณลกั ษณะ (Attribute; A) มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการทำงาน
ดา้ นทกั ษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ (Sc.P.) มีทักษะการสงั เกต / การลงความเห็นจากข้อมูล / การจัดกระทำและส่ือ
ความหมายของข้อมลู
สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
หลักฐานทบี่ ง่ บอกถงึ ววิ ัฒนาการของส่ิงมีชวี ติ ได้แก่
1. หลักฐานจากซากดึกดำบรรพ์ของสิ่งมีชีวิต เป็นการศึกษาหลักฐานที่แสดงลำดับการเกิด
วิวัฒนาการ และบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของส่ิงมีชีวิตจากอดีตถึงปัจจุบัน โดยคาดคะเนจากอายุ
ของซากดึกดำ-บรรพจ์ ากอายชุ ั้นหินตะกอน
2. หลกั ฐานกายวภิ าคเปรียบเทียบ เปน็ การศกึ ษาวิวฒั นาการจากโครงสร้างภายในของส่ิงมีชวี ิต แบ่ง
ออกเปน็ 2 ชนดิ ไดแ้ ก่ โครงสรา้ งท่มี ีตน้ กำเนิดเดยี วกัน (homologous structure) ที่มตี ้นกำเนิด
เดียวกันแต่ทำหน้าที่ต่างกัน และโครงสร้างที่มีต้นกำเนิดต่างกัน (analogous structure) ที่มีต้น
กำเนิดตา่ งกนั แตท่ ำหนา้ ทีเ่ หมอื นกนั
3. หลักฐานจากวิทยาเอ็มบริโอเปรียบเทียบ เป็นการศึกษาวิวัฒนาการจากแผนการเจริญเติบโตท่ี
คลา้ ยคลึงกันของส่งิ มชี ีวติ ตัง้ แต่ระยะไซโกตจนเจริญเปน็ เอม็ บรโิ อ
4. หลักฐานด้านชวี วิทยาระดับโมเลกลุ เป็นการศึกษาวิวัฒนาการจากการเปรียบเทียบลำดับเบสบน
สาย DNA ซึ่งสิ่งมีชีวิตทีม่ ีความใกล้ชิดทางวิวฒั นาการจะมีความเหมือนกันของลำดับเบสบนสาย
DNA มากกวา่ สิ่งมชี ีวิตกลุ่มอนื่
5. หลักฐานทางชีวภูมิศาสตร์ เป็นการศึกษาวิวัฒนาการจากการแพร่กระจายของสิ่งมีชีวิตใน
ภูมิศาสตรต์ า่ ง ๆ ของโลก
6. หลักฐานสนับสนุนการเกิดวิวัฒนาการของมนุษย์ ซึ่งจากการศึกษาซากดึกดำบรรพ์ของกะโหลก
ศีรษะ และโครงกระดูก รวมทั้งการเปรียบเทียบลำดับเบสบนสาย DNA ระหว่างมนุษย์กับลิง
ชิมแปนซี จึงเชื่อว่ามนุษย์แยกสายวิวัฒนาการมาจากไพรเมตกลุ่มไม่มีหาง (ape) โดยมีลำดับ
ววิ ฒั นาการเริ่ม
- ออสตราโลพิเทคัส (Australopithecus) ซึ่งเป็นบรรพบุรุษที่คล้ายคลึงกับมนุษย์มากที่สุด มี
ความจุสมอง 400-500 ลบ. ซม. มีการเดิน 2 ขา สามารถเคลื่อนที่ได้ทั้งพื้นดินและบนต้นไม้
สามารถกนิ อาหารได้หลายรูปแบบ
- โฮโม (Homo) เริ่มจาก H. habilis มีการเดิน 2 ขา มลี ำตัวตรง มคี วามจุสมอง 600-750 ลบ. ซม.
เริ่มมีการใช้สมองและมือประดิษฐ์สิ่งของเครื่องใช้จากหิน ตามด้วย H. erectus มีร่างกายสูง มี
ความจุสมอง 1,100 ลบ. ซม. มีการใช้ไฟและประดิษฐ์เครื่องมือจากหิน ตามด้วย H. sapiens มี
ความจุสมอง 1,400 ลบ. ซม. มีกระดูกคิ้วยื่นออกมา จมูกกว้าง คางสั้น มีการอยู่ร่วมกันเป็นหมู่
รจู้ ักใชไ้ ฟและเครื่องหนังสัตว์นุ่งห่ม และสดุ ท้าย คอื มนษุ ย์โครมายอง มีมคี วามจุสมอง 1,400 ลบ.
ซม. มคี วามสามารถในการล่าสัตว์ ประดิษฐ์เครื่องมือจากหิน วาดภาพโดยใชส้ ี และมกี ารอยู่ร่วมกัน
เปน็ ชมุ ชน
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
- หลักฐานที่ทำให้เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตมีวิวัฒนาการ เช่น ซากดึกดำบรรพ์ กายวิภาคเปรียบเทียบวิทยาเอ็มบริโอ
การแพร่กระจายของส่ิงมชี วี ติ ทางภมู ศิ าสตร์ การศกึ ษาทางชีวภูมศิ าสตร์ และดา้ นชีววทิ ยาระดบั โมเลกลุ
- มนุษยม์ ีการสืบสายววิ ฒั นาการมาเป็นเวลานาน โดยมีหลักฐานทสี่ นับสนนุ จากซากดึกดำบรรพ์ของบรรพ-
บุรษุ มนษุ ย์ที่คน้ พบ และจากการเปรยี บเทยี บลำดับเบสบน DNA ระหวา่ งมนุษย์กับไพรเมตอ่นื ๆ
สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียนและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มีวนิ ัย
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยใช้รปู แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ข้ันนำ
1. ครูนำภาพสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะเหมือนและแตกต่างกันมาให้นักเรียนดู และถามคำถาม Big
Question กับนักเรียนว่า เพราะเหตุใด สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ บนโลกจึงมีลักษณะที่เหมือนและแตกต่าง
กนั ออกไป
(แนวตอบ เนื่องจากสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดจะมีการปรับตัวด้านต่าง ๆ ให้เหมาะสมต่อการดำรงชีวติ ใน
สภาพแวดล้อมที่แตกต่าง ๆ ทำให้สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมีลักษณะแตกต่างกันออกไป หรือกล่าวได้ว่า
ส่งิ มีชีวติ มวี ิวฒั นาการเกดิ ข้ึน ทำใหส้ ิง่ มีชวี ิตแตล่ ะชนิดลักษณะที่เหมอื นและแตกตา่ งกัน)
2. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า ลักษณะที่ลักษณะเหมือนและแตกต่างของสิ่งมีชีวิตเป็นผลมาจาก
วิวัฒนาการ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตอย่างละเล็กละน้อยจนทำให้สิ่งมีชีวิตมีลักษณะที่
เปลย่ี นแปลงไปจากบรรพบุรษุ ส่งิ แวดล้อม และอตุ สาหกรรม
ขั้นสอน
ขน้ั ท่ี 2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration)
1. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานาน ซึ่งยากต่อการ
ตรวจสอบ นกั วิทยาศาสตรจ์ งึ รวบรวมข้อมูลและหลักฐานต่าง ๆ ท่ีสนับสนุนการเกดิ วิวฒั นาการของ
สง่ิ มีชีวติ
2. ครูถามคำถาม Prior Knowledge เพื่อทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนว่า หลักฐานใดบ่งบอกว่าใน
อดตี เคยมีส่งิ มีชวี ิตท่ีไม่พบในปัจจุบันเคยอาศยั อยู่
(แนวตอบ ซากดึกดำบรรพ์เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าเคยมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในอดีต แต่มี
การสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต ทำให้ไม่พบในปัจจุบัน แต่จะพบซากของสิ่งมีชีวิตหลงเหลืออยู่ เช่น การ
อย่ใู นน้ำแขง็ การอย่ใู นยางไม้ รวมทง้ั ซากบางสว่ นทค่ี งทน เช่น ฟนั กระดูก เปลือก เป็นต้น)
3. ครใู ห้นักเรยี นศกึ ษา หลกั ฐานจากซากดึกดำบรรพ์ของส่ิงมชี ีวติ ซง่ึ เป็นหลกั ฐานที่แสดงลำดับการเกิด
ววิ ัฒนาการ และบ่งชถี้ ึงการเปลยี่ นแปลงของส่ิงมีชีวิตจากอดตี ถงึ ปัจจุบนั โดยคาดคะเนจากอายุของ
ซากดึกดำบรรพ์จากอายุชนั้ หินตะกอน
4. ครใู ห้นักเรียนศึกษา วิวัฒนาการของม้าจากอดีตจนถงึ ปจั จบุ นั ในตารางท่ี 7.1
5. ครถู ามนกั เรยี นว่า จากซากดกึ ดำบรรพ์ของม้า นักเรียนคดิ ว่า ม้ามวี วิ ัฒนาการอย่างไร
(แนวตอบ จากซากดึกดำบรรพ์ของม้า จะมีวิวัฒนาการของขาที่ยาวขึ้น ซึ่งทำให้ม้ามีความสูง
เพมิ่ ขึน้ )
6. ครูให้นักเรียนแบง่ กลุ่ม ออกเป็น 4 กลุ่ม ทำกิจกรรม ซากดึกดำบรรพ์ของสิ่งมีชีวิต โดยให้นักเรียน
จบั ฉลากเลอื กซากดกึ ดำบรรพ์ ดงั น้ี
กลมุ่ ที่ 1 ชา้ งแมมมอธ ประเทศไซบีเรีย
กลมุ่ ท่ี 2 โครงกระดูกมนษุ ย์ทวารวดี จงั หวดั สุพรรณบุรี
กลุ่มท่ี 3 ซากดึกดำบรรพ์ปลาโบราณภูนำ้ จนั้ จังหวดั กาฬสินธุ์
กลุม่ ที่ 4 ซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ จังหวดั ขอนแก่น
ให้นักเรียนคน้ ควา้ ขอ้ มลู พรอ้ มจัดทำรายงาน ปา้ ยนิเทศ เพ่อื นำเสนอหนา้ ชน้ั เรยี นในชัว่ โมงถัดไป
7. ครูใหน้ กั เรียนศึกษา หลกั ฐานจากกายวิภาคเปรยี บทียบ เช่น การศึกษาโครงสร้างรยางค์คู่หน้าของ
สัตว์ มกี ระดกู สันหลัง ทั้งแขนมนุษย์ ขาแมว ครบี หน้าของวาฬ ปกี ค้างคาว
8. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังวา่ การปรับเปลีย่ นรูปรา่ งให้เหมาะสมต่อการดำรงชวี ิตของสัตวแ์ ต่ละชนิด
ในระยะปลาย เปน็ ผลจากการเกดิ ววิ ัฒนาการของสง่ิ มีชีวติ
9. ครูใหน้ กั เรยี นศกึ ษา หลกั ฐานดา้ นชวี วิทยาระดับโมเลกุล ซึง่ เปน็ หลักฐานท่รี ะบถุ งึ ความสัมพันธ์ของ
สิง่ มชี ีวติ โดยใช้การเปรียบเทยี บลำดบั เบสบนสายดีเอน็ เอของส่งิ มีชีวิต และให้นักเรยี นศึกษาตาราง
ท่ี 7.2 ซง่ึ เป็นการเปรยี บเทยี บตำแหน่งกรดอะมิโนในเฮโมโกลบินของส่ิงมีชวี ิตตา่ ง ๆ
10. ครูให้นกั เรยี นศึกษา ววิ ัฒนาการของมนุษย์ ซึ่งศึกษาจากหลักฐานสนบั สนนุ การเกิดวิวัฒนาการต่าง
ๆ โดยมีหลกั ฐานสนบั สนนุ วา่ มนุษยแ์ ยกสายวิวฒั นาการมาจากไพรเมตกล่มุ ลงิ ไมม่ หี าง
ขน้ั ท่ี 3 ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุม่ ออกมานำเสนอปา้ ยนิเทศ จากกิจกรรม ซากดึกดำบรรพ์ของส่ิงมีชวี ติ กลุ่ม
ละ 10 นาที และให้นักเรียนกลุม่ อ่นื ๆ ถามคำถามกลมุ่ ทน่ี ำเสนอ อยา่ งนอ้ ย 1 คำถาม/กลมุ่
2. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั หลกั ฐานจากกายวภิ าคเปรยี บทยี บ
3. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายเกี่ยวกบั หลักฐานจากวทิ ยาเอม็ บรโิ อเปรียบเทยี บ
4. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายเก่ียวกบั หลักฐานดา้ นชวี วิทยาระดบั โมเลกลุ
5. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกยี่ วกับหลักฐานทางชวี ภูมิศาสตร์
6. ครูใหน้ ักเรียนทำใบงานท่ี 7.1 เรอื่ ง ความใกลช้ ดิ ทางววิ ฒั นาการของสิ่งมีชวี ิต
7. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายเก่ยี วกับววิ ฒั นาการของมนุษย์
8. ครใู หน้ ักเรยี นทำใบงานท่ี 7.2 เรอื่ ง วิวัฒนาการของมนษุ ย์
ข้นั สรุป
ขั้นที่ 4 ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration)
1. ครูให้นกั เรียนศึกษาเพ่มิ เตมิ จากภาพยนตส์ ารคดีสั้น (Twig) เร่ือง ชมิ แปนซ:ี ญาตผิ ้ใู กลช้ ิดของ
มนษุ ย์ https://www.twig-aksorn.com/film/chimps-our-closest-relatives-8003/
2. ครใู หน้ ักเรียนทำรายงาน เรื่อง วิวัฒนาการของมนุษย์ โดยการสืบค้นหลักฐานดา้ นต่าง ๆ ทีส่ ามารถ
อธิบายถึงการเกิดวิวัฒนาการของมนษุ ย์ได้
ขั้นที่ 5 ข้ันประเมนิ (Evaluation)
1. ครูตรวจสอบผลจากรายงานและป้ายนิเทศจากกิจกรรม ซากดึกดำบรรพ์ของส่ิงมีชวี ติ
2. ครตู รวจสอบผลจากใบงานท่ี 7.1 เร่อื ง ความใกล้ชดิ ทางววิ ัฒนาการของสง่ิ มชี ีวิต
3. ครูตรวจสอบผลจากใบงานที่ 7.2 เรอ่ื ง ววิ ฒั นาการของมนษุ ย์
การวดั และประเมินผล
รายการวัด วธิ ีการ เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมิน
1. ประเมนิ ระหวา่ งการจดั - แบบประเมนิ ใบงานที่ - ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 70
กจิ กรรมการเรียนรู้ - ตรวจใบงานท่ี 7.1 7.1 - ผา่ นเกณฑร์ อ้ ยละ 70
1) หลักฐานและ - ตรวจใบงานท่ี 7.2 - แบบประเมินใบงานที่ - ผา่ นเกณฑร์ อ้ ยละ 70
7.2
ขอ้ มลู ท่ีใชใ้ นการศกึ ษา - ประเมินผลงาน - แบบประเมินผลงาน
ววิ ัฒนาการของส่งิ มีชวี ติ
2) การปฏบิ ัติการ - ประเมนิ การ - แบบประเมินการ - ผา่ นเกณฑร์ ะดับดี
ปฏิบัติการ ปฏิบตั ิการ
3) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการ - ผ่านเกณฑ์ระดบั ดี
ผลงาน นำเสนอผลงาน
4) พฤติกรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ผ่านเกณฑร์ ะดับดี
การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม
5) คณุ ลกั ษณะ - สังเกตความมวี นิ ยั - แบบประเมิน - ผา่ นเกณฑร์ ะดับดี
อันพงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งม่นั คุณลกั ษณะ
ในการทำงาน อันพึงประสงค์
6) ด้านทักษะ - ประเมินทักษะ - แบบประเมินทักษะ - ผา่ นเกณฑร์ ะดบั 2
กระบวนการทาง กระบวนการทาง กระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์
(Sc.P: Science
Process Skills)
สอื่ /แหลง่ การเรียนรู้
ส่ือการเรยี นรู้
1) หนงั สือเรียนชีววทิ ยา ม.4 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 7 ววิ ฒั นาการ
2) ใบงานที่ 7.1 เรือ่ ง ความใกลช้ ิดทางววิ ฒั นาการของสง่ิ มีชีวติ
3) ใบงานที่ 7.2 เรื่อง วิวัฒนาการของมนษุ ย์
4) PowerPoint เรื่อง วิวัฒนาการ
แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งเรียน
2) หอ้ งสมดุ
3) ส่ือออนไลน์
ใบงานท่ี 7.1
เรื่อง ความใกล้ชิดทางววิ ฒั นาการของส่งิ มชี ีวติ
คำชแี้ จง : อธิบายความสัมพันธข์ องสิง่ มชี วี ิตตอ่ ไปน้จี ากการใช้หลกั ฐานด้านตา่ ง ๆ ตอ่ ไปน้ี
1. จากโครงทกี่ ำหนดใหต้ ่อไปน้ี
แขนคน ปีกแมลงปอ ครีบหนา้ ของวาฬ ปีกค้างคาว ขาแมว
ปีกผีเส้อื ครีบหลังปลา ปีกนกเพนกวิน ขากบ ครีบของฉลาม
จงระบุวา่ โครงสรา้ งในข้อใดจดั ว่ามีววิ ฒั นาการมาจากบรรพบุรุษเดียวกนั
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
2. จากข้อมูลการศกึ ษากรดอะมิโนในไซโทโครมซีของสิ่งมีชวี ิตต่าง ๆ เปรยี บเทียบกับของมนษุ ย์
จงเรยี งลำดับความใกลช้ ดิ ทางสายววิ ัฒนาการของส่งิ มชี ีวติ ต่าง ๆ กับมนุษย์
สง่ิ มีชีวิต จำนวนกรดอะมโิ นทแี่ ตกตา่ งจากมนษุ ย์
หมู 11
สงิ โตทะเล 19
วาฬ 23
จงิ โจ้ 22
ทากทะเล 123
ชา้ ง 23
ชมิ แปนซี 1
โลมา 20
......................................ต..วั..น..า..ก............................................................................... ...1..5.................................................
...................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ......................................................
............................................................................................................................. ......................................................
ใบงานท่ี 7.1 เฉลย
เร่ือง ความใกลช้ ดิ ทางวิวฒั นาการของส่งิ มีชีวิต
คำชแี้ จง : อธบิ ายความสัมพันธ์ของสงิ่ มีชวี ติ ตอ่ ไปนจี้ ากการใช้หลักฐานด้านต่าง ๆ ตอ่ ไปน้ี
1. จากโครงท่กี ำหนดใหต้ อ่ ไปน้ี
แขนคน ปกี แมลงปอ ครบี หนา้ ของวาฬ ปกี ค้างคาว ขาแมว
ปีกผีเสอ้ื ครีบหลงั ปลา ปกี นกเพนกวิน ขากบ ครบี ของฉลาม
จงระบุว่า โครงสร้างในขอ้ ใดจดั ว่ามวี วิ ัฒนาการมาจากบรรพบรุ ษุ เดียวกนั เพราะเหตใุ ด
................จ..า..ก...ข..้อ...ม..ูล...ท..ี่ก...ำ..ห...น..ด...ใ.ห...้..โ.ค...ร..ง..ส..ร...้า..ง..ท..ี่ม...ีว..ิว...ัฒ...น...า..ก..า..ร..ม...า..จ..า..ก...บ...ร..ร..พ...บ..ุร..ุ.ษ..เ..ด..ีย...ว..ก..ัน...จ..ะ..ม...ีโ..ค..ร..ง..ส..ร...้า..ง..ภ..า..ย..ใ..ท..ี่...
..ค..ล...้า..ย..ค...ล..ึง..ก..ัน....ถ...ึง..แ..ม..้จ...ะ..ม...ีห..น...้า..ท...่ีท..ี่.แ..ต..ก...ต..่า..ง..ก..ั.น..ก...็ต..า..ม....เ.ร...ีย..ก..ว..่า....โ.ค...ร..ง..ส..ร..้า..ง..ท...ี่ม..ีต...้น..ก...ำ..เ.น...ิด..เ.ด...ีย..ว..ก...ัน....(.h...o..m....o..l.o...g..o..u...s...
..s..t.r.u...c..t.u...r.e..)...ป...ร..ะ..ก...อ..บ...ด..้ว...ย..แ..ข...น...ค..น....ค...ร..ีบ...ห...น..้า..ข...อ..ง..ว..า..ฬ.....ป...ีก..ค...้า..ง..ค..า..ว....ข...า..แ..ม...ว...ป...ีก..น...ก..เ..พ...น..ก...ว..ิน....แ..ล...ะ..ข..า..ก...บ....ส...่ว..น.....
..โ.ค...ร..ง..ส..ร..า้..ง..ท..่ีเ..ห..ล...ือ...แ...ม..้จ..ะ...ม..ีโ.ค...ร..ง..ส..ร..้า..ง..บ...า.ง..ช...น..ดิ...จ..ะ..ท...ำ..ห..น...า้..ท...ีเ่ .ห...ม..อื..น...ก..นั....แ...ต..่ม...ีโ.ค...ร..ง.ส...ร..า้ ..ง.ภ...า..ย..ใ..น..ท...่ีแ..ต...ก.ต...า่ .ง..ก...นั ...............
2. จากข้อมูลการศึกษากรดอะมิโนในไซโทโครมซีของส่ิงมีชีวิตตา่ ง ๆ เปรียบเทยี บกบั ของมนุษย์
จงเรียงลำดบั ความใกลช้ ิดทางสายวิวฒั นาการของสิ่งมชี ีวิตตา่ ง ๆ กับมนุษย์
สง่ิ มชี ีวิต จำนวนกรดอะมโิ นทแ่ี ตกตา่ งจากมนุษย์
หมู 11
สงิ โตทะเล 19
วาฬ 23
จิงโจ้ 22
ทากทะเล 123
ช้าง 23
ชมิ แปนซี 1
โลมา 20
.................จ..า..ก...ข..้อ..ม...ูล..ใ..น..ต.ต..า.วั .รน..า.า.งก...ส..ิ่ง..ม...ีช..ีว..ติ...ท..่มี...คี ..ว..า..ม...ส..ัม...พ..ัน...ธ..์ท...า..ง..ว..วิ ..ฒั ...น...า..ก..า..ร..ใ..ก..ล..ช้...ิด..ก..ับ.1..ม5..น...ุษ...ย..์ม..า..ก...ท...่ีส..ุด....ค..ื.อ...ช...ิแ..ป...น...ซ..ี....
...ร..อ...ง..ล..ง..ม...า..ก....ค..ือ....ห...ม...ู .ต...ัว..น...า..ก....ส..ิ.ง..โ.ต...ท...ะ..เ.ล....โ..ล..ม...า...จ..ิง..โ..จ..้..ว..า..ฬ...แ...ล..ะ..ช...้า..ง....(.ม..ี.ค..ว..า..ม...ใ..ก..ล...้ช..ิด...เ.ท...่า..ก...ัน...)..แ...ล..ะ...ท..า...ก..ท...ะ..เ..ล......
...ต..า..ม...ล..ำ..ด...ับ....เ.น..่อื...ง..จ..า..ก..ส...ิง่ .ม...ชี..วี..ติ...ท..ี่ม...ีต..ำ..แ...ห..น...่ง..ก..ร..ด..อ...ะ..ม...โิ .น...ใ.น...ไ.ซ...โ.ท...โ.ค...ร..ม..ซ...แี ..ต..ก...ต..่า..ง..จ..า..ก..ม...น..ษุ...ย..์น...อ้ ..ย....แ..ส...ด..ง..ว..่า...ส...ิง่ ..ม..ชี..ีว..ิต.......
...น...น้ั ..ม...คี ..ว..า..ม...ใ.ก...ล..ช้ ..ดิ...ท..า..ง..ว..ิว..ัฒ....น..า..ก...า.ร..ใ..ก..ล...้ช..ิด..ก...บั ...ม..น...ษุ ..ย...์ม..า..ก..ท...ส่ี..ดุ......................................................................................
ใบงานท่ี 7.2
เรือ่ ง วิวฒั นาการของมนษุ ย์
คำชีแ้ จง : เรยี งลำดับการเกิดวิวัฒนาการของมนษุ ย์จากข้อมลู ทกี่ ำหนดให้ พร้อมอธิบายลักษณะสำคัญของ
มนุษยต์ า่ ง ๆ
H. erectus H. sapiens neanderthalensis H. habilis
Cro-Magnon man A. afarensis
ลำดับที่ 1 ........................................................................................... ..............................................................
ลักษณะสำคญั .................................................................................................................. ..................................
.............................................................................................................................................................. .............
...........................................................................................................................................................................
ลำดับท่ี 2 .........................................................................................................................................................
ลกั ษณะสำคัญ....................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................... ....................
ลำดบั ท่ี 3 .........................................................................................................................................................
ลกั ษณะสำคัญ....................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................... ....................
ลำดบั ท่ี 4 .........................................................................................................................................................
ลกั ษณะสำคญั ....................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................... ....................
ลำดับที่ 5 ........................................................................................... ..............................................................
ลักษณะสำคญั .................................................................................................................. ..................................
.............................................................................................................................................................. .............
...........................................................................................................................................................................
ใบงานที่ 7.2 เฉลย
เรือ่ ง วิวฒั นาการของมนุษย์
คำชี้แจง : เรียงลำดบั การเกิดววิ ัฒนาการของมนุษย์จากข้อมูลท่ีกำหนดให้ พร้อมอธิบายลกั ษณะสำคัญของ
มนษุ ยต์ า่ ง ๆ
H. erectus H. sapiens neanderthalensis H. habilis
Cro-Magnon man A. afarensis
ลำดับที่ 1 ...A......a..f..a..r.e...n..s..i.s..................................................................................................................................
ลักษณะสำคญั .ส...ม..อ..ง..ม...ีค..ว..า..ม..จ...ุ .4..0...0..-.5..0...0...ล...บ......ซ..ม......ม..กี...า..ร..เ.ด..นิ....2....ข..า...ม...แี..ข...น..ย..า..ว...ก..ว..า่..ม..น...ุษ...ย..์ป..ัจ..จ..ุบ...ัน....ซ..ึ่ง..เ.ห...ม..า..ะ..ส..ม.....
.ก..ับ...ส..ภ...า..พ...แ..ว...ด..ล...้อ..ม...ท...ี่อ..า..ศ...ัย..ใ..น...ป..่.า..โ.ป...ร..่ง..แ...ล..ะ..บ...น...ต..้น...ไ..ม..้..ม...ีค..ว..า..ม...ส..ูง....1...-.1.....5...เ..ม..ต...ร...ม...ีฟ...ัน...ท..ี่.ป..ร..ั.บ..เ..ป..ล...ี่ย..น...ม...า..ใ.ห...้ก...ิน....
.อ..า..ห...า..ร..ห..ล...า.ย...แ..บ...บ....แ..ต...่ส..่ว..น...ใ.ห...ญ...่เ.ป...น็ ..ผ...ล..ไ..ม..้.เ..ม..ล..็ด...พ...ชื ...แ...ล..ะ..พ...ืช..ห...วั..ต..่า..ง....ๆ...ร..ู้จ...ัก..ก..า..ร..ส...ร..้า..ง.เ..ค..ร..อ่ื..ง..ม...ือ..แ..บ...บ..ง..า่..ย....ๆ............
ลำดับท่ี 2 ....H......h...a..b...i.l.i.s.............................................................................................. .......................................
ลักษณะสำคัญ...ส..ม..อ...ง.ม...ีค..ว..า..ม...จ..ุ..6..0..0..-..7..5..0....ล..บ......ซ..ม......ม...นี ..้ำ..ห...น...กั ..ป...ร..ะ..ม..า..ณ.....4..0...-.5..0....ก..ิโ..ล..ก..ร..มั....ล...ำ..ต..ัว..ต..้ัง..ต...ร..ง.แ...ล..ะ..เ..ด..ิน....
.2...ข...า...ม..กี...ร..ะ..ด..กู...น..้ิว..ม...ือ..ค...ล..้า..ย..ม...น...ุษ..ย...์ป..ัจ...จ..ุบ...ัน..แ..ต...่ข..น...า..ด..ใ..ห..ญ....่ก..ว..า่....แ..ส..ด...ง..ว..า่ ..ม..ีท...กั ..ษ...ะ..ก...า.ร..ใ..ช..้ม...ือ..ห...ย..ิบ...จ..ับ...ส..่ิง..ข..อ...ง...ม..ีก...า..ร....
.ใ.ช...ส้ ..ม..อ...ง..แ..ล..ะ..ม...ือ..ป...ร..ะ..ด..ิษ...ฐ..์ส...งิ่ .ข...อ..ง..เ.ค...ร..ื่อ..ง..ใ.ช...้จ..า..ก..ห...นิ ..................................................................................................
ลำดับที่ 3 ....H......e..r..e..c..t..u..s....................................................................................................................................
ลกั ษณะสำคญั ..ส...ม..อ...ง..ม..ีค...ว..า..ม..จ...ุ .1...,.1..0..0....ล..บ......ซ...ม......เ.พ...ศ...ช..า..ย...จ..ะ..ม...ีล..ำ..ต...ัว..ใ..ห..ญ...่ก...ว..่า..เ.พ...ศ...ห..ญ....ิง...1....2....เ.ท...่า...ม...ีก..า..ร...ใ.ช...้ไ.ฟ.....
.แ..ล..ะ...ป..ร..ะ...ด..ิษ...ฐ..์เ..ค..ร..ื่อ...ง..ม..ือ...จ..า..ก...ห...ิน..ไ..ด..้.ด..ี ..ม..ีพ...ัฒ....น..า..ก...า..ร..ท...า..ง..ด..้า..น...ว..ัฒ....น..ธ..ร..ร...ม....ส..ัง..ค...ม....แ..ล..ะ...ก..า..ร..ใ..ช..้ภ...า..ษ...า...พ...บ...ใ.น...แ..ถ...บ.....
.เ.อ..เ.ช...ยี ..แ..ล...ะ..ห...ม..ู่เ.ก...า.ะ...อ..ิน...เ.ด..ีย....ท...ร่ี ..ู้จ..ัก..ก...นั ..ด...ี .ค...ือ...ม...น...ษุ ..ย...์ช..ว..า...แ...ล..ะ..ม...น..ษุ...ย..์ป...ัก..ก...ง่ิ .......................................... ....................
ลำดบั ท่ี 4 .....H......s.a...p..i.e...n..s...n..e...a..n...d..e..r..t.h...a..l.e...n..s..i.s.................................................................................................
ลกั ษณะสำคญั ...ส..ม...อ..ง..ม..ีค...ว..า..ม..จ...ุ ..1..,.4..0..0....ล..บ......ซ...ม......ก..ะ...โ.ห...ล..ก...ศ..ีร..ษ...ะ..ม...ีก..ร..ะ..ด...ูก..ค..ิ้ว...ย..ื่น...อ..อ...ก..ม...า...จ..ม...ูก..ก...ว..้า..ง...ค..า..ง..ส...ั้น....ม..ี..
.ก..า..ร...อ..ย..ู่.ร..ว..ม..ก...ัน...เ.ป...็น..ช...ุม..ช...น....ล...่า..ส..ัต...ว..์ร..่ว...ม..ก...ัน....ร..ู้จ..ั.ก..ก..า..ร...ใ.ช...้ไ.ฟ.....แ..ล...ะ..ใ.ช...้ห...น..ัง..ส...ัต..ว..์.น..ุ่ง..ห...่ม....ม...ีว..ัฒ...น...ธ..ร..ร..ม...ก..า..ร..ฝ...ัง..ศ..พ...ท...่ี ..
.ต..ก...แ..ต..่ง..ด...้ว..ย..ด..อ...ก..ไ..ม..้..แ..ล..ะ...จ..ะ..ฝ..่ัง..ศ...พ..พ...ร..้อ..ม...เ.ค...ร..่ือ..ง..ม..ือ...เ.ค..ร..่ือ...ง..ใ.ช..้............................................................. ....................
ลำดบั ท่ี 5 ....C...r.o...-.M....a..g..n..o..n....m....a..n.......................................................................................................................
ลักษณะสำคญั ...เ.ป..็น...ซ..ั.บ..ส...ป..ีช...ีส..์เ..ด..ีย..ว...ก..ับ...ม..น...ุษ...ย..์ป...ัจ..จ...ุบ..ัน.....ค..ือ....H......s..a..p...i.e..n...s...s.a...p..i.e...n..s...ส...ม..อ..ง..ม..ีค..ว..า..ม...จ..ุ..1..,.4..0..0....ล..บ.......
.ซ..ม......ม...ีค..ว..า..ม...ส..า..ม...า..ร..ถ..ใ..น..ก...า..ร..ล..่า..ส...ัต..ว..์..ม...ีค..ว..า..ม...ส..า..ม..า...ร..ถ..ใ.น...ก...า..ร..ว..า..ด..ภ...า..พ....แ...ล..ะ..ก...า..ร..แ..ก..ะ...ส..ล..ั.ก..ก..ร..ะ...ด..ูก...แ..ล..ะ...เ.ข..า..ก...ว..า..ง....
.ม..กี...า.ร..อ...ย..ูร่..ว..ม...ก..นั...เ.ป...น็ ..ช..ุม...ช..น...ท...มี่ ..ีก..ฎ...เ.ก...ณ...ฑ...์ .............................................................................................................
แบบประเมนิ การปฏิบตั ิกจิ กรรม
คำชแี้ จง : ใหผ้ สู้ อนประเมินการปฏิบัตกิ ิจกรรมของนักเรยี นตามรายการทีก่ ำหนด แล้วขีด ✔ ลงใน
ชอ่ งทีต่ รงกับระดบั คะแนน
ลำดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน
4321
1 การปฏิบัตกิ ารทำกิจกรรม
2 ความคลอ่ งแคล่วในขณะปฏิบัติกจิ กรรม
3 การบนั ทกึ สรปุ และนำเสนอผลการทำกจิ กรรม
รวม
ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแก้ว)
................ /................ /................
เกณฑก์ ารประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรม
ระดับคะแนน
ประเด็นทีป่ ระเมิน
4 32 1
1. การปฏิบัตกิ ิจกรรม ทำกจิ กรรมตาม ทำกิจกรรมตาม ต้องให้ความ ตอ้ งให้ความ
ขนั้ ตอน และใช้ ข้ันตอน และใช้ ช่วยเหลอื บ้างใน ช่วยเหลอื อยา่ งมาก
อปุ กรณ์ไดอ้ ยา่ ง อุปกรณ์ไดอ้ ย่าง การทำกจิ กรรม ในการทำกจิ กรรม
ถกู ตอ้ ง และการใชอ้ ุปกรณ์
ถกู ตอ้ ง แตอ่ าจตอ้ ง และการใช้
ได้รับคำแนะนำบา้ ง อุปกรณ์
2. ความคลอ่ งแคล่ว มคี วามคลอ่ งแคล่ว มีความคลอ่ งแคล่ว ขาดความ ทำกิจกรรมเสร็จไม่
ในขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม ในขณะทำกิจกรรม ทนั เวลา และทำ
ในขณะทำกจิ กรรม คลอ่ งแคล่ว อปุ กรณเ์ สียหาย
โดยไม่ตอ้ งได้รับคำ
ชแ้ี นะ และทำ แตต่ อ้ งได้รับ ในขณะทำ
กิจกรรมเสร็จ
ทันเวลา คำแนะนำบา้ ง และ กิจกรรมจึงทำ
ทำกิจกรรมเสร็จ กิจกรรมเสรจ็ ไม่
ทันเวลา ทนั เวลา
3. การบนั ทึก สรปุ และ บันทึกและสรุปผล บนั ทกึ และสรปุ ผล ตอ้ งใหค้ ำแนะนำ ต้องให้ความ
การทำกจิ กรรมได้
นำเสนอผลการปฏบิ ัติ การทำกิจกรรมได้ ถกู ตอ้ ง แตก่ าร ในการบันทกึ ชว่ ยเหลืออย่างมาก
นำเสนอผลการทำ
กิจกรรม ถูกตอ้ ง รดั กมุ กิจกรรมยงั ไม่เปน็ สรปุ และ ในการบันทกึ สรปุ
ขัน้ ตอน
นำเสนอผลการทำ นำเสนอผลการ และนำเสนอผลการ
กจิ กรรมเป็น ทำกิจกรรม ทำกิจกรรม
ขัน้ ตอนชัดเจน
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
10-12 ดมี าก
7-9 ดี
4-6 พอใช้
0-3 ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
คำช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✔ลงในชอ่ งท่ี
ตรงกับระดบั คะแนน
ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
321
1 ความถกู ตอ้ งของเนื้อหา ⬜ ⬜ ⬜
2 ความคิดสร้างสรรค์ ⬜ ⬜ ⬜
3 วิธกี ารนำเสนอผลงาน ⬜ ⬜ ⬜
4 การนำไปใช้ประโยชน์ ⬜ ⬜ ⬜
5 การตรงต่อเวลา ⬜⬜⬜
รวม
ลงชอ่ื ................................................... ผปู้ ระเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแกว้ )
................ /................ /...............
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
คำชแี้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✔ ลงใน
ช่อง ที่ตรงกับระดบั คะแนน
ลำดับ ชอื่ -สกลุ การ การ การ ความมี การ รวม
ท่ี ของผ้รู ับการ
แสดง ยอมรับ ทำงาน นำ้ ใจ มี สว่ น 15
ประเมนิ ความ ฟังคนอน่ื ตามท่ี รว่ มในการ คะแนน
คดิ เหน็ ได้รับ ปรับปรงุ
มอบหมาย ผลงาน
กลุ่ม
3213213 2 1 3213 2 1
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแก้ว)
............../.................../................
เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✔ ลงใน
ช่องทีต่ รงกับระดับคะแนน
ผลการประเมนิ รวมคะแนน ร้อยละ ระดับคุณภาพ
ที่ ชื่อ – สกุล ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งม่นั ใน มวี นิ ยั (30)
การทำงาน
(10) (10) (10)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงช่ือ....................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสุทธกิ า แสงแก้ว)
................ /................ /................
เกณฑ์การให้คะแนน 8-10 คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 6-7 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครงั้ ให้ 4-5 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ ให้ 1-3 คะแนน
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้
เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน (ร้อยละ) ระดับคุณภาพ
91 - 108 ดมี าก
73 - 90 ดี
54 - 72 พอใช้
ตำ่ กว่า 54 ปรับปรุง
แบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
คำชแ้ี จง : ให้ ผูส้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✔ ลงใน
ช่องทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน
ลำดบั รายการประเมิน ระดับคะแนน
ท่ี 321
1 ⬜⬜⬜
2 ⬜⬜⬜
3 ⬜⬜⬜
4 ⬜⬜⬜
รวม
ลงชือ่ ................................................... ผู้ประเมิน
(นางสาวสทุ ธกิ า แสงแกว้ )
................ /................ /...............
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
รายการ 3 (ด)ี ระดบั คะแนน 1 (ปรับปรงุ )
2 (ปานกลาง)
การสงั เกต - สงั เกตสิ่งที่ต้องการให้ - สังเกตสงิ่ ท่ีต้องการให้ - สงั เกตส่ิงที่ไมต่ รงกบั
สังเกตได้ถูกตอ้ ง สังเกตไดถ้ ูกต้อง จุดประสงค์
- บนั ทกึ ได้ถูกต้อง - บันทึกไว้ถกู ตอ้ งเป็น
ส่วนใหญ่
รายการ 3 (ดี) ระดับคะแนน 1 (ปรับปรงุ )
2 (ปานกลาง)
การทดลอง - กระบวนการทดลอง - บันทึกขอ้ มูลไม่
ถกู ต้อง กระบวนการทดลอง ถูกต้อง มกี ารใส่ความคิดเห็น
ถกู ต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ลงไปดว้ ย
- บนั ทึกผลการทดลอง บันทกึ ผลการทดลอง
ถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ - กระบวนการทดลองถูกตอ้ ง
ท้ังหมด สรุปผลการทดลอง บางส่วน
ถูกตอ้ งแตไ่ มส่ มบรู ณ์
- สรปุ ผลการทดลอง - บันทึกผลการทดลองถูกต้อง
ถูกตอ้ ง บางสว่ น
- สรุปผลการทดลองไมถ่ ูกต้อง
การลง ลงความเหน็ และสรปุ ลงความเหน็ และสรปุ ลงความเหน็ และสรปุ ขอ้ มูล
ความเห็น ข้อมูลโดยใช้ ขอ้ มลู โดยใช้ อย่างไมม่ หี ลกั การและเหตุผล
และสรุป ข้อมลู จากการทดลอง ข้อมูลจากการทดลอง และไมใ่ ช้ขอ้ มลู จากการ
ข้อมลู อยา่ งมี อยา่ งมี ทดลองประกอบ
หลกั การและเหตุผล หลกั การและเหตุผลแต่
การวัด ไม่สมบรู ณ์ ใช้เคร่ืองมอื ไม่
ใชเ้ ครื่องมอื วดั ถกู ต้อง ค่าทอ่ี ่านได้สว่ นใหญ่
การจัด ถกู ตอ้ งและอา่ นคา่ ได้ ใช้เครอื่ งมอื วัด ไมถ่ กู ต้อง
จำแนก ถกู ต้องทง้ั หมด ถูกต้องและอ่านค่าได้
ถูกต้องเป็น จัดจำแนกตามเกณฑ์ทก่ี ำหนด
จดั จำแนกตามเกณฑ์ที่ บางส่วน ถกู ตอ้ งเปน็ บางสว่ น
กำหนดได้อยา่ งถกู ต้อง
จัดจำแนกตามเกณฑท์ ่ี
กำหนดไดถ้ ูกต้องเปน็
ส่วนใหญ่
รายการ ระดับคะแนน
3 (ดี) 2 (ปานกลาง) 1 (ปรบั ปรงุ )
การ ตัง้ สมมติฐาน ตั้งสมมตฐิ าน ต้งั สมมติฐาน
ต้งั สมมตฐิ าน ไดค้ รอบคลมุ
ไดถ้ กู ตอ้ ง เกนิ รอ้ ยละ 50 ไม่ครอบคลุม
ถกู ต้องทง้ั หมด ถกู ตอ้ งไมถ่ ึงร้อยละ 50
การกำหนด กำหนดตวั แปร กำหนดตวั แปร กำหนดตวั แปร
ตวั แปร ได้ครอบคลมุ ได้ครอบคลุมถูกตอ้ ง ได้ไมค่ รอบคลุม
ถูกตอ้ งทง้ั หมด เกินรอ้ ยละ 50 ถกู ต้องไมถ่ ึงรอ้ ยละ 50
การจดั จัดกระทำขอ้ มูล จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู
กระทำขอ้ มลู ไดถ้ กู ต้องชัดเจน
ไดถ้ กู ตอ้ งชัดเจน ไดถ้ กู ต้องชัดเจน
อ่านง่ายรอ้ ยละ 80 อา่ นง่าย รอ้ ยละ 50 อ่านง่าย ไมถ่ ึงร้อยละ 50
ข้ึนไป ขน้ึ ไป
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
คะแนน ระดบั คุณภาพ
1 ดี
2 พอใช้
3 ปรบั ปรงุ
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 33
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาชีววิทยา ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี บทที่ 7 วิวัฒนาการ เวลา 18 ชั่วโมง
เรอ่ื ง แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิง่ มชี ีวิต เวลา 3 ชั่วโมง
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564 ครผู ู้สอน นางสาวสุทธกิ า แสงแก้ว
สาระชีววทิ ยา
ข้อที่ 2 เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ และหน้าที่ของสาร
พันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูลและแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ
สง่ิ มีชีวติ ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวนเ์ บิร์ก การเกดิ สปีชสี ์ใหม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนดิ ของสิ่งมีชีวิต
ความหลากหลาย ของสง่ิ มีชวี ติ และอนกุ รมวิธาน รวมท้ังนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ผลการเรยี นรู้
13. อธบิ ายและเปรยี บเทียบแนวคดิ เก่ียวกับววิ ัฒนาการของสง่ิ มชี วี ติ ของฌอง ลามาร์ก และทฤษฎี
เกย่ี วกับวิวฒั นาการของสิ่งมีชีวติ ของชาลส์ ดารว์ นิ
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ด้านความรู้ (Knowledge; K) 1. อธิบายแนวคดิ เก่ียวกบั ววิ ัฒนาการของลามาร์กได้
2. อธบิ ายแนวคดิ เก่ียวกบั วิวัฒนาการของดารว์ นิ ได้
ดา้ นกระบวนการ (Process; P) 3. เปรยี บเทยี บแนวคดิ เกีย่ วกับวิวัฒนาการของลามารก์ และดารว์ ินได้
ดา้ นคณุ ลักษณะ (Attribute; A) ตรวจสอบแนวคดิ เกย่ี วกบั ววิ ัฒนาการของลามาร์ก และดาร์วนิ ได้
ด้านทกั ษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ (Sc.P.) มวี ินัย ใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
มีทักษะการสงั เกต / การลงความเหน็ จากข้อมลู / การจัดกระทำและสือ่
ความหมายของข้อมลู
สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของลามาร์ก มีใจความสำคัญว่า สิ่งมีชีวิตมีการเปล่ียนแปลงโครงสร้างให้
เขา้ กบั สภาพแวดล้อมขณะเกดิ วิวฒั นาการ โดยเสนอแนวคิด 2 แนวคดิ
- กฎการใช้และไม่ใช้ (Law of use and disuse) ซึง่ อวยั วะส่วนใดทม่ี ีการใชม้ ากในการดำรงชีวิตจะมี
ขนาดใหญ่และแข็งแรง แต่อวัยวะสว่ นใดทไ่ี ม่มกี ารใช้จะอ่อนแอและเส่อื มลง
- กฎแห่งการถา่ ยทอดลักษณะท่ีเกิดขึน้ ใหม่ (Law of inheritance of acquired characteristic) ซึ่ง
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นภายในชั่วรุ่นนั้น และสามารถถ่ายทอดไปยังรุ่น
ลูกหลานได้
แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของดาร์วิน ผู้ได้รับยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งการศึกษาวิวัฒนาการของ
สิง่ มชี วี ติ โดยเสนอเปน็ ทฤษฎกี ารคดั เลอื กโดยธรรมชาติ (theory of natural selection) โดยมใี จความสำคญั
- การคัดเลือกโดยธรรมชาติทำให้สิ่งมีชีวิตแต่ละตัวมีความสามารถในการอยู่รอด และให้กำเนิด
ลูกหลานได้แตกต่างกนั
- การคัดเลือกโดยธรรมชาตเิ กดิ ขนึ้ จากปฏิสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสิ่งแวดล้อมทป่ี ระชากรอาศยั อยู่กับลักษณะ
ความแปรผันทางพนั ธกุ รรมของสมาชกิ ในประชากร
- ผลจากการคัดเลือกโดยธรรมชาติทำให้ประชากรมีการปรับตัวให้เหมาะสมเพื่อสามารถดำรงชวี ิตใน
สภาพแวดล้อมนน้ั ได้
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
- ฌอง ลามาร์ก ได้เสนอแนวคิดเพื่ออธิบายเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตว่า สิ่งมีชีวิตมีการ
เปลี่ยนแปลงโครงสร้างให้เข้ากับสภาพแวดล้อม โดยอาศัยกฎการใช้และไม่ใช้ และกฎแห่งการถ่ายทอด
ลักษณะที่เกิดขึ้นมาใหม่
- ชาลส์ ดารว์ นิ เสนอทฤษฎีเก่ียวกับวิวฒั นาการของสิ่งมีชีวติ ว่าเกิดจากการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
โดยส่งิ มีชีวติ มีแนวโนม้ ทจี่ ะให้กำเนิดลกู ท่ีมลี กั ษณะแตกต่างกนั จำนวนมาก แต่มีเพียงจำนวนหนึง่ ท่ีเหมาะสม
กบั สภาพแวดลอ้ ม สามารถมีชวี ติ รอด และถา่ ยทอดลักษณะทีเ่ หมาะสมไปยังรุ่นต่อไปได้
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี ินยั
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน
กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้โดยใช้รปู แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ขั้นนำ
1. ครถู ามคำถาม Prior Knowledge เพือ่ ทบทวนความรู้ของนักเรียนว่า เพราะเหตใุ ดจงึ เชอื่ วา่ สิง่ มีชีวิต
มีวิวัฒนาการเกิดขึ้น
(แนวตอบ เนื่องจากมีการพบหลักฐานหลายอย่างที่สนับสนุนการเกิดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต เช่น
หลักฐานจากซากดึกดำบรรพ์ ซึ่งพบว่ามีลักษณะที่แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตในปัจจุบัน หรือหลักฐาน
ด้านชีววทิ ยาระดบั โมเลกุล ซึ่งพบว่าสิ่งมีชีวิตบางชนดิ มีลำดับเบสบนสายดเี อน็ เอที่แตกต่างกันเพยี ง
เล็กน้อย แต่บางชนิดก็มีความแตกต่างกันอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดของสิ่งมีชีวิตกลุ่ม
ตา่ ง ๆ)
2. ครอู ธิบายใหน้ กั เรียนฟังวา่ นักวิทยาศาสตรห์ ลายท่านพยายามเสนอแนวคิดเพื่ออธิบายว่าสิ่งมีชีวิตมี
วัฒนาการเกิดขึ้นจริง ซึ่งมีนักวิทยาศาสตร์ 2 ท่าน ที่เสนอแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการที่สำคัญ คือ
ฌอง ลามารก์ และชาลส์ ดาร์วิน
ข้ันสอน
ขั้นที่ 2 ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration)
1. ครูให้นักเรียนศึกษา แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของลามาร์ก ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรก ๆ ที่
นำเสนอแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒั นาการของสิง่ มีชวี ิต โดยเสนอแนวคิด 2 ประเด็น ได้แก่ กฎการใช้และ
ไมใ่ ช้ ซึ่งอวยั วะส่วนใดท่ีมีการใช้มากในการดำรงชวี ิตจะมขี นาดใหญแ่ ละแขง็ แรง แตอ่ วัยวะส่วนใดท่ี
ไม่มีการใช้จะอ่อนแอและเสื่อมลง และกฎแห่งการถ่ายทอดลักษณะที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งการ
เปลีย่ นแปลงโครงสร้างของสิง่ มีชีวติ ทเ่ี กดิ ขึน้ ภายในช่วั รุน่ น้ัน และสามารถถ่ายทอดไปยังรุ่นลูกหลาน
ได้
2. ครูให้นักเรียนศึกษา ลักษณะคอและขายาวของยีราฟจากทฤษฎีวิวัฒนาการของลามาร์ก และถาม
นักเรยี นวา่ ลกั ษณะคอและขายาวของยีราฟเกิดข้ึนได้อย่างไร
(แนวตอบ ลามาร์ก อธิบายว่า ในอดีตยีราฟมีคอและขาสั้น ซึ่งจะกินใบอ่อนบริเวณด้านล่างของ
ต้นไม้ เป็นอาหาร แต่เมื่อใบอ่อนบริเวณด้านล่างหมด จึงต้องยืดคอและเขย่งขาเพื่อกินใบอ่อนที่อยู่
ด้านบน จึงทำใหย้ รี าฟมีคอและขายาว และสามารถถา่ ยทอดลักษณะเหลา่ นีไ้ ปยังรุ่นลกู หลานได้)
3. ครอู ธิบายให้นักเรียนฟงั ว่า ลามาร์ก อธิบายลกั ษณคอยาวของยีราฟวา่ บรรพบรุ ษุ ของยีราฟมีคอส้ัน
กว่าซึ่งกินใบอ่อนบนยอดไม้เป็นอาหาร เมื่อใบอ่อนบริเวณด้านล่างถูกกินหมดจึงต้องยืดคอเพื่อกิน
ใบไม้จากต้นไม้ที่สูงขึ้น และเนื่องจากการยืดคออย่างเดียวนั้นยังไม่เพียงพอจะต้องเขย่งขาด้วย เมื่อ
เวลาผ่านไปจึงทำให้ยีราฟมีคอและขายาวขึ้น และสามารถสืบพันธุ์ให้กำเนิดยีราฟรุ่นลูกที่มีคอและ
ขายาว
4. ครูให้นักเรียนศึกษา แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของดาร์วิน ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการยก
ย่องว่าเป็นบิดาของการศึกษาววิ ัฒนาการของสิ่งมีชีวิต โดยการศึกษาความหลากหลายของส่งิ มีชีวติ
บนหมเู่ กาะกาลาปากอส เชน่ นกฟินซ์
5. ครูถามนกั เรียนว่า เพราะเหตุใด นกฟนิ ซ์บนหมู่เกาะกาลาปากอสจงึ มีจะงอยปากทแี่ ตกตา่ งกนั
(แนวตอบ แต่เดิมนกจาบกลุ่มแรกทีเ่ ขา้ มาอาศัยในบริเวณน้ีอาจไม่ได้มลี ักษณะที่หลากหลาย แต่เม่ือ
ประชากรนกจาบเพิม่ มากขึ้น ทำให้อาหารขาดแคลน และประชากรนกจาบส่วนน้อยที่มีจะงอยปาก
แตกต่างไปที่สามารถกินอาหารอืน่ แทนได้ จึงสามารถสืบพันธุ์เพิ่มจำนวนประชากรได้มากขึ้น ส่งผล
ต่อประชากรของนกจาบให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจากกระบวนการนี้ทำให้นก
จาบ มีจะงอยปากหลายแบบดังท่ีเห็นในปจั จบุ นั )
6. ครูถามนักเรียนว่า แนวคิดการคัดเลือกโดยธรรมชาติสามารถนำมาอธิบายลักษณะคอยาวของยีราฟได้
อยา่ งไร
(แนวตอบ บรรพบุรุษของยีราฟมที ั้งพวกคอสั้นและคอยาว พวกยีราฟที่คอยาวสามารถกินยอดไมไ้ ด้
ทั้งยอดไม้พุ่มเตี้ยและยอดไม้บนต้นไม้สูง ในขณะที่พวกที่มีคอสั้นจะสามารถกินได้เฉพาะยอดไม้พุ่ม
เตี้ยเท่านั้น ดังนั้น ยีราฟที่มีคอยาวจะสามารถดำรงชีวิตและมีลูกได้มากกว่าพวกคอสั้น ทำให้ยีราฟ
คอยาวเพม่ิ จำนวนได้มากขน้ึ ในรุ่นต่อ ๆ มา จนในปัจจุบนั มเี ฉพาะยรี าฟคอยาวเทา่ น้ัน)
7. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า ดาร์วินได้ร่วมกันเสนอผลงานร่วมกับอัลเฟรด รัสเซล วอลเลซ ที่มีแนวคิด
เดียวกับของดาร์วิน โดยมีสาระสำคัญว่า สิ่งมีชีวิตมีวิวัฒนาการเกิดขึ้น โดยมีกลไกการคัดเลือกโดย
ธรรมชาติทีก่ อ่ ใหเ้ กดิ ววิ ฒั นาการ
8. ครูให้นักเรียนศึกษา ขอ้ สรุปของเมียร์จากการวเิ คราะห์ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
9. ครถู ามนักเรียนว่า จากข้อสรปุ ของเมยี ร์ นักเรียนสามารถอธิบายแนวคิดการคดั เลือกโดยธรรมชาติของ
ดาร์วนิ ไดอ้ ยา่ งไร
(แนวตอบ
- การคัดเลือกโดยธรรมชาติทำให้สิ่งมีชีวิตแต่ละตัวมีความสามารถในการอยู่รอดและ
ถ่ายทอดลกั ษณะดงั กลา่ วไปยงั ลกู หลานได้แตกต่างกัน
- การคัดเลือกโดยธรรมชาติเกิดขึ้นจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมที่สิ่งมีชีวิตอาศัยกับ
ลกั ษณะความแปรผันทางพนั ธุกรรมของสมาชิกในแต่ละสปชี สี ์
- ผลการจากคัดเลือกโดยธรรมชาติทำให้สิ่งมีชีวิตมีการปรับตัวเชิงวิวัฒนาการให้สามารถ
ดำรงชีวิตอยู่ได้ในสิ่งแวดล้อมนั้น ๆ ทำให้เกิดความแตกต่างไปจากสปีชีส์เดิมมากขึ้นจนใน
ทส่ี ดุ เกิดสง่ิ มีชวี ิตสปชี ีส์ใหม่)
10. ครูถามคำถามท้าทายการคิดขั้นสูง (H.O.T.S) ว่า แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของลามาร์กกับแนวคิด
เก่ยี วกับวิวฒั นาการของดาร์วนิ แตกต่างกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของลามาร์กและดาร์วินเหมือนกัน คือ สภาพแวดล้อมเป็น
แรงผลักดันทำใหส้ ่ิงมชี วี ิตเกิดวิวฒั นาการ โดยปรบั ตัวให้มีลักษณะที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมเพ่ือการ
อย่รู อด แตแ่ นวคิดเกยี่ วกับวิวฒั นาการของลามาร์กนั้น การเปลย่ี นแปลงท่ีเกิดขึ้นกับสิ่งมีชวี ิตเป็นผลจาก
การใช้หรือไม่ใช้อวัยวะหรือโครงสร้างนั้นที่สามารถถ่ายทอดไปยังรุ่นต่อไปได้ ส่วนแนวคิดของดาร์วิน
ลักษณะของสิ่งมีชีวิตท่ีถ่ายทอดไปยังร่นุ ต่อไปเป็นลักษณะท่ีเหมาะสมกบั สภาพแวดล้อมทส่ี ่ิงมชี ีวิตอาศัย
อย)ู่
ข้ันที่ 3 ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
1. ครูและนักเรยี นร่วมกันอภิปรายเก่ยี วกบั แนวคดิ เกยี่ วกบั ววิ ัฒนาการของลามารก์
2. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายเก่ียวกบั แนวคดิ เกี่ยวกับววิ ัฒนาการของดารว์ นิ
3. ครูให้นักเรียนศึกษาเพม่ิ เติมจากภาพยนต์สารคดีสนั้ (Twig) เรื่อง ความยุง่ ยากใจของดาร์วนิ
https://www.twig-aksorn.com/film/darwins-dilemma-8016/
4. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของลา
มาร์กและของดารว์ ิน
5. ครใู หน้ ักเรียนทำใบงานท่ี 7.3 เรือ่ ง แนวคิดเกยี่ วกับววิ ัฒนาการของส่งิ มีชีวติ
ขั้นสรุป
ข้ันที่ 4 ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration)
1. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการจากการคัดเลือกโดยธรรมชาตติ ามแนวคดิ
ของดาร์วิน โดยยกตวั อย่างสงิ่ มชี วี ิตมา 1 ชนิด และทำผงั สรปุ สง่ ครูผ้สู อน
ข้นั ท่ี 5 ข้นั ประเมนิ (Evaluation)
1. ครูตรวจสอบผลจากผงั สรุป เรือ่ ง สง่ิ มีชีวติ ที่มวี ิวัฒนาการจากการคดั เลอื กโดยธรรมชาตติ ามแนวคิด
ของดาร์วิน
2. ครูตรวจสอบผลจากใบงานท่ี 7.3 เร่ือง แนวคดิ เก่ียวกบั ววิ ฒั นาการของสิง่ มีชีวติ
การวดั และประเมนิ ผล
รายการวัด วธิ ีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมิน
1. ประเมนิ ระหว่างการจัด - แบบประเมนิ ใบงานท่ี - ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70
กิจกรรมการเรียนรู้ - ตรวจใบงานท่ี 7.3 7.3 - ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ 70
1) แนวคดิ เกีย่ วกบั - ประเมนิ ผลงาน - แบบประเมนิ ผลงาน
ววิ ัฒนาการของสิง่ มีชวี ติ
2) การปฏิบตั กิ าร - ประเมนิ การ - แบบประเมินการ - ผ่านเกณฑร์ ะดับดี
ปฏบิ ัตกิ าร ปฏบิ ัติการ
3) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมนิ การ - ผ่านเกณฑ์ระดบั ดี
นำเสนอผลงาน - ผา่ นเกณฑ์ระดับดี
ผลงาน - แบบสังเกตพฤติกรรม - ผ่านเกณฑร์ ะดบั ดี
การทำงานกลุ่ม
4) พฤตกิ รรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ - ผ่านเกณฑ์ระดับ 2
คุณลกั ษณะ
การทำงานกลมุ่ การทำงานกลุ่ม อันพึงประสงค์
- แบบประเมินทักษะ
5) คณุ ลักษณะ - สงั เกตความมีวินยั กระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์
อนั พงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมัน่
ในการทำงาน
6) ด้านทักษะ - ประเมินทักษะ
กระบวนการทาง กระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์
(Sc.P: Science
Process Skills)
สอื่ /แหล่งการเรียนรู้
สือ่ การเรียนรู้
1) หนังสือเรียนชีววทิ ยา ม.4 เลม่ 2 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 7 วิวฒั นาการ
2) ใบงานที่ 4.3 เรื่อง แนวคิดเกีย่ วกบั ววิ ฒั นาการของส่งิ มีชวี ิต
3) PowerPoint เร่อื ง ววิ ัฒนาการ
แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งเรียน
2) หอ้ งสมุด
3) สือ่ ออนไลน์
ใบงานท่ี 7.3
เร่ือง แนวคดิ เกีย่ วกับวิวฒั นาการของส่งิ มีชวี ิต
คำชแี้ จง : ระบุชอ่ื นักวทิ ยาศาสตร์ท่ีเสนอแนวคดิ เกย่ี วกับวิวัฒนาการของส่ิงมีชวี ิตตอ่ ไปนี้ใหถ้ ูกต้อง
ขอ้ แนวคิดเก่ยี วกับววิ ัฒนาการ นักวทิ ยาศาสตรผ์ ูเ้ สนอแนวคดิ
1 การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสิ่งมีชีวิตท่ี
เกดิ ขนึ้ จากการใช้และไม่ใช้ จะยังคงอยู่ภายใน ................................................................................
ชั่วรุ่นนั้น และสามารถถ่ายทอดไปยังรุ่น
ลกู หลานตอ่ ไปได้
2 สิ่งมีชีวิตแต่ละตัวจะมีความสามารถในการอยู่
รอดและถ่ายทอดลักษณะต่าง ๆ เหล่านั้นไป ................................................................................
ยงั สิ่งมีชีวิตรุน่ ลกู หลานได้แตกตา่ งกัน
3 การอยู่รอดของสมาชิกในสิ่งแวดล้อมเป็นผล
มาจากลักษณะทางพันธุกรรมที่แตกต่างกัน ................................................................................
สิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะเหมาะสมกับสิ่งแวดล้อม
จะมีโอกาสอยู่รอดและให้กำเนิดลูกหลานได้
มากกว่าสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะไม่เหมาะสมกับ
ส่ิงแวดลอ้ ม
4 อวัยวะส่วนใดของสิ่งมีชีวิตที่มีการใช้งานมาก
ในการดำรงชีวิตจะมีขนาดใหญ่และแข็งแรง ................................................................................
ขึ้น ส่วนอวัยวะใดของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ค่อยได้ใช้
งานจะออ่ นแอลง และเสอ่ื มลงไปในท่ีสดุ
5 สิ่งมีชีวิตจะมีการปรับตัวเชิงวิวัฒนาการให้
สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ทำ ................................................................................
ให้เกิดความแตกต่างไปจากสปีชีส์เดิมมากขึ้น
จนเกิดเป็นสปีชีส์ใหมใ่ นทส่ี ุด
ใบงานที่ 7.3 เฉลย
เรื่อง แนวคิดเกย่ี วกบั วิวฒั นาการของสิ่งมีชีวติ
คำชี้แจง : ระบชุ ื่อนักวทิ ยาศาสตร์ทเ่ี สนอแนวคิดเกย่ี วกับวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวติ ตอ่ ไปนใี้ ห้ถูกต้อง
ข้อ แนวคดิ เก่ยี วกบั ววิ ัฒนาการ นกั วทิ ยาศาสตรผ์ ้เู สนอแนวคดิ
1 การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสิ่งมีชีวิตที่เกิด
จากการใช้และไม่ใช้ ซึ่งจะยังคงอยู่ภายในช่ัว .............................ฌ...อ...ง...ล..า..ม...า..ร..์ก...............................
รุ่นนั้น และสามารถถ่ายทอดไปยงั รุ่นลูกหลาน
ตอ่ ไปได้
2 สิ่งมีชีวิตแต่ละตัวจะมีความสามารถในการอยู่
รอดและถ่ายทอดลักษณะต่าง ๆ เหล่านั้นไป .............................ช...า..ล..ส..์..ด..า..ร..ว์..นิ................................
ยังส่งิ มชี ีวิตรนุ่ ลกู หลานได้แตกต่างกัน
3 การอยู่รอดของสมาชิกในสิ่งแวดล้อมเป็นผล
มาจากลักษณะทางพันธุกรรมที่แตกต่างกัน .............................ช...า..ล..ส..์..ด..า..ร..์ว..นิ................................
สิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะเหมาะสมกับสิ่งแวดล้อม
จะมีโอกาสอยู่รอดและให้กำเนิดลูกหลานได้
มากกว่าสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะไม่เหมาะสมกับ
สิง่ แวดล้อม
4 อวัยวะส่วนใดของสิ่งมีชีวิตที่มีการใช้งานมาก
ในการดำรงชีวิตจะมีขนาดใหญ่และแข็งแรง .............................ฌ...อ...ง...ล..า..ม...า..ร..์ก...............................
ขึ้น ส่วนอวัยวะใดของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ค่อยได้ใช้
งานจะอ่อนแอลง และเส่ือมลงไปในทสี่ ุด
5 สิ่งมีชีวิตจะมีการปรับตัวเชิงวิวัฒนาการให้
สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ทำ .............................ช...า..ล..ส..์..ด..า..ร..ว์..ิน................................
ให้เกิดความแตกต่างไปจากสปีชีส์เดิมมากขึ้น
จนเกดิ เป็นสปีชีสใ์ หม่ในทีส่ ุด
แบบประเมนิ การปฏิบตั ิกจิ กรรม
คำชแี้ จง : ใหผ้ สู้ อนประเมินการปฏิบัตกิ ิจกรรมของนักเรยี นตามรายการทีก่ ำหนด แล้วขีด ✔ ลงใน
ชอ่ งทีต่ รงกับระดบั คะแนน
ลำดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน
4321
1 การปฏิบัตกิ ารทำกิจกรรม
2 ความคลอ่ งแคล่วในขณะปฏิบัติกจิ กรรม
3 การบนั ทกึ สรปุ และนำเสนอผลการทำกจิ กรรม
รวม
ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแก้ว)
................ /................ /................
เกณฑก์ ารประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรม
ระดับคะแนน
ประเด็นทีป่ ระเมิน
4 32 1
1. การปฏิบัตกิ ิจกรรม ทำกจิ กรรมตาม ทำกิจกรรมตาม ต้องให้ความ ตอ้ งให้ความ
ขนั้ ตอน และใช้ ข้ันตอน และใช้ ช่วยเหลอื บ้างใน ช่วยเหลอื อยา่ งมาก
อปุ กรณ์ไดอ้ ยา่ ง อุปกรณ์ไดอ้ ย่าง การทำกจิ กรรม ในการทำกจิ กรรม
ถกู ตอ้ ง และการใชอ้ ุปกรณ์
ถกู ตอ้ ง แตอ่ าจตอ้ ง และการใช้
ได้รับคำแนะนำบา้ ง อุปกรณ์
2. ความคลอ่ งแคล่ว มคี วามคลอ่ งแคล่ว มีความคลอ่ งแคล่ว ขาดความ ทำกิจกรรมเสร็จไม่
ในขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม ในขณะทำกิจกรรม ทนั เวลา และทำ
ในขณะทำกจิ กรรม คลอ่ งแคล่ว อปุ กรณเ์ สียหาย
โดยไม่ตอ้ งได้รับคำ
ชแ้ี นะ และทำ แตต่ อ้ งได้รับ ในขณะทำ
กิจกรรมเสร็จ
ทันเวลา คำแนะนำบา้ ง และ กิจกรรมจึงทำ
ทำกิจกรรมเสร็จ กิจกรรมเสรจ็ ไม่
ทันเวลา ทนั เวลา
3. การบนั ทึก สรปุ และ บันทึกและสรุปผล บนั ทกึ และสรปุ ผล ตอ้ งใหค้ ำแนะนำ ต้องให้ความ
การทำกจิ กรรมได้
นำเสนอผลการปฏบิ ัติ การทำกิจกรรมได้ ถกู ตอ้ ง แตก่ าร ในการบันทกึ ชว่ ยเหลืออย่างมาก
นำเสนอผลการทำ
กิจกรรม ถูกตอ้ ง รดั กมุ กิจกรรมยงั ไม่เปน็ สรปุ และ ในการบันทกึ สรปุ
ขัน้ ตอน
นำเสนอผลการทำ นำเสนอผลการ และนำเสนอผลการ
กจิ กรรมเป็น ทำกิจกรรม ทำกิจกรรม
ขัน้ ตอนชัดเจน
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
10-12 ดมี าก
7-9 ดี
4-6 พอใช้
0-3 ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
คำช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✔ลงในชอ่ งท่ี
ตรงกับระดบั คะแนน
ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
321
1 ความถกู ตอ้ งของเนื้อหา ⬜ ⬜ ⬜
2 ความคิดสร้างสรรค์ ⬜ ⬜ ⬜
3 วิธกี ารนำเสนอผลงาน ⬜ ⬜ ⬜
4 การนำไปใช้ประโยชน์ ⬜ ⬜ ⬜
5 การตรงต่อเวลา ⬜⬜⬜
รวม
ลงชอ่ื ................................................... ผปู้ ระเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแกว้ )
................ /................ /...............
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
คำชแี้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✔ ลงใน
ช่อง ที่ตรงกับระดบั คะแนน
ลำดับ ชอื่ -สกลุ การ การ การ ความมี การ รวม
ท่ี ของผ้รู ับการ
แสดง ยอมรับ ทำงาน นำ้ ใจ มี สว่ น 15
ประเมนิ ความ ฟังคนอน่ื ตามท่ี รว่ มในการ คะแนน
คดิ เหน็ ได้รับ ปรับปรงุ
มอบหมาย ผลงาน
กลุ่ม
3213213 2 1 3213 2 1
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแก้ว)
............../.................../................
เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✔ ลงใน
ช่องทีต่ รงกับระดับคะแนน
ผลการประเมนิ รวมคะแนน ร้อยละ ระดับคุณภาพ
ที่ ชื่อ – สกุล ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งม่นั ใน มวี นิ ยั (30)
การทำงาน
(10) (10) (10)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงช่ือ....................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสุทธกิ า แสงแก้ว)
................ /................ /................
เกณฑ์การให้คะแนน 8-10 คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 6-7 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครงั้ ให้ 4-5 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ ให้ 1-3 คะแนน
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้
เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน (ร้อยละ) ระดับคุณภาพ
91 - 108 ดมี าก
73 - 90 ดี
54 - 72 พอใช้
ตำ่ กว่า 54 ปรับปรุง
แบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
คำชแ้ี จง : ให้ ผูส้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✔ ลงใน
ช่องทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน
ลำดบั รายการประเมิน ระดับคะแนน
ท่ี 321
1 ⬜⬜⬜
2 ⬜⬜⬜
3 ⬜⬜⬜
4 ⬜⬜⬜
รวม
ลงชือ่ ................................................... ผู้ประเมิน
(นางสาวสทุ ธกิ า แสงแกว้ )
................ /................ /...............
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
รายการ 3 (ด)ี ระดบั คะแนน 1 (ปรับปรงุ )
2 (ปานกลาง)
การสงั เกต - สงั เกตสิ่งที่ต้องการให้ - สังเกตสงิ่ ท่ีต้องการให้ - สงั เกตส่ิงที่ไมต่ รงกบั
สังเกตได้ถูกตอ้ ง สังเกตไดถ้ ูกต้อง จุดประสงค์
- บนั ทกึ ได้ถูกต้อง - บันทึกไว้ถกู ตอ้ งเป็น
ส่วนใหญ่