แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 27
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาชวี วิทยา ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 4
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม เวลา 15 ช่ัวโมง
เร่อื ง ลักษณะพนั ธุกรรมทีเ่ ปน็ ส่วนขยายของพนั ธศุ าสตร์เมนเดล (1) เวลา 3 ชั่วโมง
ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 ครูผสู้ อน นางสาวสุทธกิ า แสงแกว้
สาระชีววทิ ยา
ข้อที่ 2 เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ และหน้าที่ของสาร
พันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูลและแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ
สง่ิ มีชวี ติ ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ์ก การเกดิ สปีชสี ใ์ หม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนดิ ของสิ่งมีชีวิต
ความหลากหลาย ของสงิ่ มีชวี ติ และอนุกรมวิธาน รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ผลการเรียนรู้
3. สืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ อธิบาย และสรุปเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วน
ขยายของพันธศุ าสตรเ์ มนเดล
4. สืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ และเปรียบเทียบลักษณะทางพันธุกรรมที่มีการแปรผันไม่ต่อเนื่องและ
ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมท่มี ีการแปรผันตอ่ เน่อื ง
5. อธบิ ายการถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม และยกตวั อย่างลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมท่ถี ูกควบคมุ ดว้ ยยีนบน
ออโตโซมและยีนบนโครโมโซมเพศ
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (Knowledge; K) 1. อธบิ ายการถา่ ยทอดลักษณะพนั ธุกรรมทเ่ี ป็นสว่ นขยายของพันธุศาสตร์
เมนเดลได้
ด้านกระบวนการ (Process; P) 2. ยกตัวอย่างลกั ษณะพนั ธุกรรมท่ีเปน็ สว่ นขยายของพันธุศาสตร์เมนเดล
ด้านคุณลกั ษณะ (Attribute; A) ได้
เขยี นการถา่ ยทอดลกั ษณะพันธกุ รรมลักษณะตา่ ง ๆ เปน็ ส่วนขยายของ
พันธุศาสตร์เมนเดลได้
มีวินัย ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมัน่ ในการทำงาน
ดา้ นทักษะกระบวนการทาง มที กั ษะการสงั เกต / การลงความเหน็ จากข้อมูล / การจดั กระทำและสื่อ
วทิ ยาศาสตร์ (Sc.P.) ความหมายของขอ้ มูล
สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
การถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรมของเมนเดลเป็นการถ่ายทอดลักษณะที่ควบคุมด้วยยนี เพียงยีนเดียว
หรอื สองแอลลลี เท่าน้ัน ซง่ึ แอลลีลเด่นจะขม่ แอลลีลดอ้ ยอยา่ งสมบรู ณ์ แตก่ ารถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม
บางลักษณะไมไ่ ด้ถูกควบคมุ การแสดงออกตามกฎของเมนเดล ดงั นี้
- การข่มไมส่ มบูรณ์ (incomplete dominant) เป็นลักษณะทางพันธุกรรมท่ีถูกควบคมุ ด้วยยีนเดยี ว
แต่แอลลีลไม่ได้มีลักษณะเด่นหรือดอ้ ยอย่างสมบูรณ์ เช่น สีดอกของตน้ ลนิ้ มังกร ลกั ษณะของเส้นผม
- ความเด่นร่วม (codominant) เปน็ ลักษณะทางพนั ธุกรรมที่ถูกควบคุมด้วยยีนเดียว แต่แอลลีลสองแอล
ลีล ไมข่ ่มซ่งึ กนั แหละกนั แตแ่ สดงลกั ษณะเดน่ ออกมาเทา่ กัน เช่น หมู่เลอื ด AB ในระบบ ABO
- มัลติเพิลแอลลีล (multiple allele) เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกควบคุมด้วยแอลลีลมากกว่า 2
แอลลีล เชน่ หมู่เลอื ดระบบ ABO ประกอบดว้ ยแอลลีล IA IB และ i
- พอลยิ นี (polygene) เปน็ ลักษณะทางพันธกุ รรมท่ถี ูกควบคุมดว้ ยยนี หลายยนี และมีส่ิงแวดล้อมมา
เกี่ยวข้อง เชน่ สีผิว สตี า
- ยีนบนโครโมโซมเพศ เป็นลักษณะทางพันธกุ รรมทถี่ ูกควบคมุ ดว้ ยยนี บนโครโมโซมเพศ เช่น โรคฮโี ม-
ฟเิ ลีย โรคตาบอดสี
- ยีนบนโครโมโซมเดียวกัน เป็นลักษณะทางพนั ธุกรรมท่ีถูกวบคมุ ด้วยยนี บนโครโมโซมเดียวกนั และ
ยีนจะถกู ถา่ ยทอดไปพร้อมกัน เช่น ยีนควบคมุ ลักษณะสีตัวและลกั ษณะปกี ของแมลงหวี่
- ลักษณะภายใต้อิทธิพลเพศ เป็นลักษณะพันธุกรรมที่อยู่บนโครโมโซมร่างกาย แต่มีการแสดงออก
แตกตา่ งกนั ในแต่ละเพศ เช่น ลักษณะศรี ษะล้าน
- ลกั ษณะท่ีจำกัดในเพศ เปน็ ลักษณะพนั ธกุ รรมท่ีอยบู่ นโครโมโซมร่างกาย แต่แสดงออกในเพศใดเพศ
หนึง่ เท่านั้น เชน่ การสร้างนำ้ นมในเพศหญงิ การเกิดหนวดเคราในเพศชาย
สาระการเรยี นรู้
- การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมบางลักษณะใหอ้ ัตราส่วนที่แตกต่างจากผลการศึกษาของเมนเดล เรียก
ลกั ษณะเหลา่ นีว้ ่า ลักษณะทางพนั ธกุ รรมทีเ่ ป็นส่วนขยายของพันธุศาสตร์เมนเดล เช่น การข่มไมส่ มบูรณ์ การ
ข่มร่วมกัน มลั ติเพิลแอลลลี ยีนบนโครโมโซมเพศ และพอลิยนี
- ลักษณะพันธุกรรมบางลักษณะมีความแตกต่างกันชัดเจน เช่น การมีติ่งหูหรือไม่มีติ่งหู ซึ่งเป็นลักษณะทาง
พันธุกรรมทีม่ กี ารแปรผันไมต่ อ่ เนือ่ ง
- ลักษณะทางพันธกุ รรมบางลักษณะมีความแตกต่างกนั เลก็ น้อยและลดหล่นั กันไป เชน่ ความสูงและสีผิวของ
มนุษยถ์ ูกควบคุมโดยยีนหลายคู่ซ่ึงเป็นลักษณะทางพนั ธุกรรมทีม่ ีการแปรผนั ตอ่ เน่อื ง และสิ่งแวดล้อมอาจมีผล
ตอ่ การแสดงลักษณะนั้น
- โครโมโซมภายในเซลล์ร่างกายแบ่งเป็นออโตโซมและโครโมโซมเพศ ลักษณะทางพันธุกรรมส่วนใหญ่ถูก
ควบคุมดว้ ยยนี บนออโตโซม บางลักษณะถูกควบคุมด้วยยีนบนโครโมโซมเพศซงึ่ ส่วนมากเป็นยนี บนโครโมโซม
X
- เม่อื มีการสร้างเซลลส์ ืบพันธุ์ ยนี บนโครโมโซมเดยี วกันทอี่ ย่ใู กลก้ ันมักจะถูกถ่ายทอดไปด้วยกัน แต่การเกิดค
รอสซิงโอเวอร์ในการแบง่ เซลล์แบบไมโอซสิ อาจทำให้ยีนบนโครโมโซมเดยี วกนั แยกจากกันได้ สง่ ผลให้รูปแบบ
ของเซลลส์ บื พนั ธุ์ทไี่ ด้แตกตา่ งไปจากกรณีท่ไี มเ่ กิดครอสซิงโอเวอร์
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มีวนิ ัย
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 3. มุ่งมัน่ ในการทำงาน
กระบวนการจดั กิจกรรมการเรียนรโู้ ดยใช้รูปแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ขนั้ นำ
ขนั้ ที่ 1 ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement)
1. ครูใช้คำถาม Prior Knowledge เพื่อทบทวนความรู้ของนักเรียนว่า การถ่ายทอดลักษณะทาง
พนั ธกุ รรมของเมนเดล มลี ักษณะอยา่ งไร
(แนวตอบ ตามหลกั พันธุศาสตรข์ องเมนเดล การผสมพันธุเ์ พยี งลกั ษณะเดยี วระหวา่ งลักษณะเด่นกับ
ลักษณะด้อยท่ีเป็นพันธุแ์ ท้ทั้งคู่ รุ่น F1 จะแสดงฟีโนไทป์ท่ีเปน็ ลักษณะเด่นออกมา แต่จีโนไทป์เปน็
แบบพันธุ์ทาง และเมื่อให้รุ่น F1 ผสมกันเองจะได้รุ่น F2 ที่แสดงฟีโนไทป์ที่เป็นลักษณะเด่นต่อ
ลักษณะด้อยที่อัตราส่วน 3 : 1 แต่มีจีโนไทป์เป็นอัตราสว่ น 1 : 2 : 1 สำหรับการผสมสองลักษณะ
ระหว่างลักษณะเด่นกับลักษณะด้อยที่เป็นพันธุ์แท้ทั้งคู่ รุ่น F1 จะแสดงฟีโนไทป์ที่เป็นลักษณะเดน่
ออกมา แตจ่ โี นไทป์เป็นแบบพันธ์ุทาง และเมอ่ื ใหร้ ุน่ F1 ผสมกันเองจะได้รุ่น F2 จะแสดงฟีโนไทป์ 4
แบบ แต่จโี นไทปจ์ ะมอี ตั ราส่วนท่ี 9 : 3 : 3 : 1)
2. ครูถามนักเรียนว่า การผสมพันธุ์ดอกบานเย็นสีแดงกับดอกบานเยน็ สีขาวตามหลักพนั ธุศาสตร์ของ
เมนเดล จะได้ดอกบานเย็นรนุ่ F1 ท่ีได้จะมลี ักษณะอย่างไร
(แนวตอบ หากการผสมพันธุ์ดอกบานเย็นเป็นไปตามหลักพันธุศาสตร์ของเมนเดล รุ่น F1 ควรมี
ลักษณะดอกสแี ดงหรอื ดอกสีขาวท้ังหมด)
3. ครูอธิบายการทดลองผสมตน้ บานเย็นดอกสีแดงกับดอกสีขาวของคาร์ล คอรเ์ รนส์ใหน้ กั เรียนทราบ
และอธิบายว่ามีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมบางลักษณะที่ไม่ได้เป็นตามหลักพันธุศาสตร์
ของเมนเดล
ข้นั สอน
ข้นั ท่ี 2 ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration)
1. ครใู ห้นกั เรียนศึกษาแผนภาพการผสมพันธ์ดุ อกล้นิ มงั กรสีแดงกบั สีขาว
2. ครูถามนกั เรยี นว่า ถา้ การผสมพันธดุ์ อกล้นิ มงั กรสีแดงกับสีขาวเป็นไปตามหลักพันธุศาสตร์ของเมน
เดล จะได้รุ้น F1 และ F2 อย่างไร
(แนวตอบ การผสมพันธุ์ดอกลิ้นมังกรที่เป็นไปตามหลักพันธุศาสตร์ของเมนเดล จะได้รุ่น F1 มี
ลักษณะดอกสแี ดงหรือดอกสีขาวทั้งหมด ส่วนรนุ่ F2 จะมสี ดี อกทีเ่ ปน็ ลักษณะเด่นต่อลักษณะด้อยท่ี
อตั ราสว่ นเทา่ กับ 3 : 1)
3. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า ดอกลิ้นมังกรมีการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมที่เป็นสว่ นขยายของ
พันธุศาสตร์เมนเดล ซึ่งลักษณะเด่นไม่ได้ข่มลักษณะด้อยอย่างสมบูรณ์ แต่ละแสดงลักษณะที่อยู่
ก่ึงกลางออกมา เรยี กการถ่ายทอดลักษณะนี้ว่า การขม่ ไมส่ มบูรณ์ ซงึ่ ดอกล้นิ มงั กรมีแอลลีลควบคุม
2 แอลลีล คือ R และ R’ และจะแสดงมีจีโนไทปแ์ สดงลักษณะต่าง ๆ ดังนี้
จีโนไทป์ RR จะแสดงดอกลิ้นมงั กรสแี ดง
จีโนไทป์ RR’ จะแสดงดอกลน้ิ มังกรสชี มพู
จีโนไทป์ R’R’ จะแสดงดอกลนิ้ มังกรสีขาว
4. ครอู ธบิ ายใหน้ ักเรยี นฟังว่า นอกจากดอกลนิ้ มังกรแล้ว ลกั ษณะเสน้ ผมกม็ ีการถ่ายทอดลักษณะแบบ
การข่มไม่สมบูรณ์เชน่ กนั
5. ครูอธิบายให้นกั เรียนฟังว่า นอกจากแอลลีล 2 แอลลีลจะไม่สามารถขม่ กันอย่างสมบูรณ์แล้ว ยังมีการ
ข่มกันอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งแอลลีล 2 แอลลีลจะไม่ข่มซึ่งกันและกัน แต่จะแสดงลักษณะเด่นออกมา
เท่ากัน
6. ครูให้นักเรียนศึกษาแผนภาพโอกาสการมีลูกของพ่อและแม่ทีม่ ีเลือดหมู่ A และ B แบบเฮเทอโรไซกัส
(IAi และ IBi)
7. ครอู ธิบายใหน้ ักเรียนฟังว่า จากแผนภาพจะเห็นว่าครอบครัวนี้มโี อกาสมีลูกได้ทง้ั หมู่ A B AB และ O
ซงึ่ ผทู้ ม่ี เี ลอื ดหมู่ AB เกิดจากแอลลลี 2 ชนิด คอื IA กบั IB ซึ่งจะแสดงลักษณะเดน่ ออกมาเท่ากัน เรียก
การถ่ายทอดลักษณะนวี้ ่า การเดน่ ร่วม (codominance)
8. ครูถามนักเรียนวา่ ยนี ทค่ี วบคมุ ลักษณะพนั ธุกรรมจะประกอบดว้ ยแอลลลี กแี่ อลลีล
(แนวตอบ ยีนทีค่ วบคมุ ลักษณะพนั ธุกรรมทผี่ า่ นมาจะประกอบดว้ ยแอลลลี 2 แอลลีลตอ่ การควบคุม
1 ลกั ษณะ)
9. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า จากแผนภาพการข่มร่วมกันของหมู่เลอื ด AB จะสังเกตเหน็ ว่ามีแอลลีลอีก
ชนดิ หน่งึ ทกี่ ำหนดลกั ษณะของเลือดหมู่ O น้นั กค็ อื แอลลลี i ดงั นัน้ หมเู่ ลือดระบบ ABO จึงมีแอลลีล
ควบคมุ 3 แอลลีล คือ แอลลลี IA ควบคมุ การสรา้ งแอนติเจน A แอลลีล IB ควบคุมการสรา้ งแอนติเจน
B และแอลลีล i ไมม่ กี ารสรา้ งแอนติเจน A และ B ซงึ่ เรยี กการควบคมุ ลักษณะพันธุกรรมด้วยแอลลีล
มาก กวา่ 2 แอลลลี นวี้ า่ มัลตเิ พิลแอลลลี (multiple allele)
10. ครใู ห้นักเรยี นศกึ ษาการเขา้ ค่กู ันของแอลลลี ในหมูเ่ ลือดระบบ ABO จากตารางที่ 4.3 และอธิบายให้
นักเรียนฟังวา่ แอลลลี IA และ IB เปน็ แอลลีลเดน่ ซ่งึ จะขม่ แอลลลี i ทเ่ี ปน็ แอลลีลด้อย และแอลลีล i
จะแสดงลักษณะออกมากต็ อ่ เม่ือเข้าคู่กับแอลลลี i ด้วยกนั เท่านั้นครูอธบิ ายให้นกั เรียนฟงั ว่า การ
ถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมท่ผี ่านมาจะมยี ีนควบคมุ เพียง 1 คู่เท่าน้นั ซงึ่ ลักษณะต่าง ๆ จะ
แตกตา่ งกันอยา่ งชดั เจน เรยี กการถ่ายทอดลักษณะเหล่านีว้ ่า ลักษณะทางพันธุกรรมท่ีมคี วามแปรผนั
ต่อเนื่องหรือลกั ษณะเชงิ คณุ ภาพ
11. ครูใหน้ ักเรียนศึกษาแผนภาพการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมของสผี วิ ซงึ่ มยี ีนควบคุม 3 คู่ ท่มี ี
แอลลลี A B C ควบคมุ การสร้างเมลานนิ ทำให้ผิวสเี ข้ม และแอลลลี a b c ไมม่ กี ารสร้างเมลานินทำให้
มีสีผวิ ขาวมาก
12. ครถู ามนกั เรยี นวา่ จากแผนภาพการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของสีผิวของครอบครัวนี้ ร่นุ F1
และ F2 มสี ผี วิ แตกต่างกนั ก่แี บบ
(แนวตอบ รุ่น F1 มีสีผิวเพียงแบบเดียว แต่รุ่น F2 มีสีผิวที่แตกต่างกันถึง 7 แบบ ตามจำนวนการ
ไดร้ บั ยนี ที่ควบคมุ การสรา้ งเมลานนิ )
13. ครอู ธบิ ายให้นกั เรียนฟังวา่ ลกั ษณะสีผิวของครอบครัวนใี้ นร่นุ F2 ตา่ งกันถงึ 7 แบบ ซึง่ สีผิวจะ
แตกต่างกนั เลก็ น้อยและลดหลั่นกนั ไปตามการได้รบั แอลลลี ท่ีควบคุมการสรา้ งเมลานิน ถา้ ได้รบั แอล
ลลี ที่ควบคุมการสร้างเมลานินมากกจ็ ะมีผวิ สีเขม้ แตห่ ากไดร้ บั นอ้ ยก็จะมีผวิ สขี าว ซึง่ เรียกลกั ษณะ
ทางพันธุกรรมแบบนวี้ า่ การแปรผนั แบบตอ่ เนอ่ื ง หรือลักษณะเชงิ ปริมาณ นอกจากน้ัน ยงั พบ
ลักษณะอืน่ ๆ ทมี่ ีการถา่ ยทอดแบบพอลยิ ีน เช่น ลักษณะสตี า ความสงู น้ำหนกั เป็นตน้
ขน้ั ท่ี 3 ขน้ั อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation)
1. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายเกย่ี วกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมแบบข่มไม่สมบรู ณ์
2. ครใู หน้ ักเรยี นทำใบงานที่ 5.4 เรอ่ื ง การถ่ายทอดลกั ษณะของเสน้ ผม
3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมแบบความเด่นร่วม
และแบบมลั ติเพิลแอลลลี
4. ครูให้นักเรียนทำใบงานท่ี 5.5 เรอื่ ง การถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรมแบบมลั ตเิ พลิ แอลลลี
5. ครูและนักเรียนร่วมกนั อภปิ รายเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะสีผิวของรุ่น F1 และ F2 จากพ่อและ
แมท่ ม่ี สี ีผิวแตกต่างกัน
6. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายเกย่ี วกบั การถา่ ยทอดลักษณะทางพันธกุ รรมแบบพอลิยีน
ขน้ั สรุป
ข้นั ท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
1. ครูสุ่มเลือกนักเรียนออกมาเฉลยคำถามในกิจกรรม ลักษณะพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของพันธุ
ศาสตร์เมนเดล โดยการแสดงวิธีทำหน้าชั้นเรียนคนละ 1 ข้อ และให้นักเรียนในชั้นเรียนร่วมกัน
วิเคราะหว์ ่าเฉลยถกู หรือผิด หากเฉลยผดิ ให้นกั เรียนรว่ มกนั แสดงวิธที ำทถ่ี กู ต้อง
2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากกิจกรรม เรื่องลักษณะพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของพนั ธุ
ศาสตรเ์ มนเดล
ขั้นที่ 5 ข้ันประเมนิ (Evaluation)
1. ครูตรวจสอบผลจากใบงานที่ 5.4 เรือ่ ง การถ่ายทอดลักษณะของเส้นผม
2. ครตู รวจสอบผลจากใบงานท่ี 5.5 เรอื่ ง ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมแบบมลั ติเพลิ แอลลลี
การวัดและประเมนิ ผล
รายการวัด วธิ ีการ เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมิน
1. ประเมินระหวา่ งการจัด
กิจกรรมการเรียนรู้ - ตรวจใบงานท่ี 5.4 - แบบประเมินใบงานที่ - ผา่ นเกณฑ์รอ้ ยละ 70
5.4 - ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70
1) การศกึ ษา - ตรวจใบงานท่ี 5.5 - แบบประเมินใบงานที่
5.5 - ผา่ นเกณฑ์ระดับดี
พนั ธุกรรมของเมนเดล - แบบประเมินการ - ผ่านเกณฑ์ระดับดี
ปฏบิ ัติการ
2) การปฏบิ ัตกิ าร - ประเมินการ - แบบประเมนิ การ
ปฏิบัตกิ าร นำเสนอผลงาน
3) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ
ผลงาน
4) พฤติกรรม - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ผ่านเกณฑ์ระดับดี
การทำงานกล่มุ การทำงานกลุ่ม
- สงั เกตความมีวินัย การทำงานกลุ่ม
5) คุณลักษณะ ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ ม่ัน
อนั พึงประสงค์ ในการทำงาน - แบบประเมนิ - ผ่านเกณฑ์ระดับดี
- ประเมินทักษะ
6) ด้านทกั ษะ กระบวนการทาง คุณลกั ษณะ
กระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์
วทิ ยาศาสตร์ อันพึงประสงค์
(Sc.P: Science
Process Skills) - แบบประเมินทักษะ - ผ่านเกณฑ์ระดบั 2
กระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์
ส่อื /แหลง่ การเรียนรู้
ส่อื การเรียนรู้
1) หนงั สอื เรียนชวี วทิ ยา ม.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 การถ่ายทอดทางพันธกุ รรม
2) แบบฝึกหัดชวี วิทยา ม.4 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 5 การถ่ายทอดทางพนั ธกุ รรม
3) ใบงานท่ี 5.4 เร่อื ง การถา่ ยทอดลกั ษณะของเส้นผม
4) ใบงานท่ี 5.5 เร่อื ง ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมแบบมัลติเพิลแอลลีล
5) PowerPoint เร่ือง การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) ห้องสมดุ
3) สอ่ื ออนไลน์
ใบงานที่ 5.4
เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะของเสน้ ผม
คำชีแ้ จง : ทำนายโอกาสลักษณะเส้นผมของลูกจากลกั ษณะเสน้ ผมของพ่อและแมท่ แี่ ตกต่างกนั
1. พอ่ ผมตรงกบั แม่ผมหยกิ
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
2. พ่อผมหยักศกกบั แม่ผมหยกิ
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
3. พอ่ ผมหยักศกกบั แม่ผมหยักศก
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
ใบงานที่ 4.4 เฉลย
เรือ่ ง การถ่ายทอดลกั ษณะของเสน้ ผม
คำช้แี จง : ทำนายโอกาสลกั ษณะเสน้ ผมของลกู จากลักษณะเส้นผมของพ่อและแม่ทแ่ี ตกต่างกนั
1. พอ่ ผมตรงกับแมผ่ มหยกิ
....ก..ำ..ห...น..ด...ใ.ห...้ .C...1...ค..ว..บ...ค..มุ ...ผ..ม..ห...ย..กิ....แ..ล...ะ...C...2...ค..ว..บ...ค..ุม...ผ..ม..ต...ร..ง...................................................................................
....ว..ธิ..ที...ำ.......P............................พ..่อ...ผ..ม..ต...ร..ง...........................x............................แ..ม...ผ่ ..ม..ห...ย..ิก.........................................
..................จ..โี ..น..ไ..ท..ป...์ ............................C...2.C...2.....................x............................C..1..C..1.................................................
..................เ.ซ..ล...ล..์ส..ืบ...พ...นั ..ธ..์ุ.....................C...2.........................x............................C..1.....................................................
..................F..1...................................................................C...1.C...2...(.ผ..ม...ห..ย...กั ..ศ..ก...).......................................................
....ด..งั..น...ั้น.......ล..ูก...ท..ุก...ค..น...ม..ีผ..ม...ห..ย...ัก..ศ...ก........................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
2. พอ่ ผมหยกั ศกกบั แม่ผมหยกิ
....ก...ำ..ห..น...ด..ใ..ห..้..C..1...ค..ว..บ...ค..มุ...ผ..ม...ห..ย...ิก...แ...ล..ะ....C..2...ค..ว..บ...ค..มุ...ผ..ม...ต..ร..ง...................................................................................
....ว..ธิ..ที...ำ.......P............................พ...่อ..ผ..ม...ห..ย...กั ..ศ..ก......................x............................แ..ม...่ผ..ม...ห..ย...ิก........................................
..................จ..โี..น..ไ..ท...ป..์.............................C..1..C..2.....................x............................C...1.C...1................................................
..................เ.ซ...ล..ล..ส์...ืบ..พ...นั...ธ..ุ์ .....................½....C...1.,...½....C...2.........x............................C...1....................................................
..................F..1......................................................½....C...1.C...1................½.....C..1..C..2..........................................................
....ด...งั .น...นั้.......ล..ูก...ม..หี...ย..กิ....แ..ล...ะ..ผ..ม...ห..ย...กั ..ศ..ก....ร..้อ..ย...ล..ะ....5..0................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
3. พอ่ ผมหยกั ศกกบั แม่ผมหยักศก
....ก...ำ..ห..น...ด..ใ..ห..้..C..1...ค..ว..บ...ค..ุม...ผ..ม...ห..ย...ิก...แ...ล..ะ....C..2...ค..ว..บ...ค..มุ...ผ..ม...ต..ร..ง...................................................................................
....ว..ธิ..ที...ำ.......P............................พ...่อ..ผ..ม...ห..ย...ัก..ศ..ก......................x..............พ...่อ..ผ...ม..ห...ย..กั ..ศ...ก.................................................
..................จ..โี..น..ไ..ท...ป..์.............................C..1..C..2.....................x..............C...1.C...2..............................................................
..................เ.ซ...ล..ล..ส์...ืบ..พ...ัน...ธ..์ุ .....................½....C...1.,...½....C...2.........x..............½.....C..1..,..½.....C..2...................................................
..................F..1........................................¼......C..1..C..1...............½.....C..1..C..2.................¼.....C..2..C..2............................................
....ด...งั .น...น้ั.......ล..กู...ม..หี...ย..กิ....ผ..ม...ห..ย...ัก..ศ..ก....แ..ล...ะ..ผ..ม...ต..ร..ง...ร..้อ...ย..ล..ะ....2..5....5..0...แ...ล..ะ....2..5...ต...า..ม..ล...ำ.ด...ับ...............................................
..........................................................................................................................................................................
ใบงานท่ี 4.5
เร่อื ง ถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรมแบบมลั ตเิ พลิ แอลลีล
คำชี้แจง : ทำนายโอกาสหมเู่ ลอื ดของลูกจากหมู่เลอื ดของพอ่ และแม่
1. พอ่ มีเลือดหมู่ A แบบฮอมอไซกัส กับแมม่ ีเลือดหมู่ B แบบเฮเทอโรไซกสั
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
2. พ่อมีเลือดหมู่ B แบบฮอมอไซกสั กับแม่มีเลอื ดหมู่ O
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
3. พอ่ มเี ลือดหมู่ B แบบเฮเทอโรไซกสั กับแม่มีเลือดหมู่ AB
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
ใบงานท่ี 4.5 เฉลย
เร่อื ง ถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมแบบมัลติเพลิ แอลลีล
คำช้แี จง : ทำนายโอกาสหมเู่ ลือดของลกู จากหมู่เลือดของพอ่ และแม่
1. พ่อมเี ลอื ดหมู่ A แบบฮอมอไซกสั กบั แม่มเี ลอื ดหมู่ B แบบเฮเทอโรไซกัส
..ว..ิธ..ที...ำ.......P............................ห..ม...เู่ .ล..อื...ด...A....(.ฮ...อ..ม...อ..ไ..ซ..ก..ัส...)...x..............ห...ม..ู่เ.ล...ือ..ด....B....(.เ.ฮ..อ...เ.ท..อ...โ.ร..ไ..ซ..ก...ัส..)...........................
................จ..โี..น..ไ..ท..ป...์.............................I.A.I.A........................x..............I.B..i....................................................................
................เ.ซ...ล..ล..ส์...ืบ..พ...ัน...ธ..์ุ .....................I.A..........................x..............½.....I.B.,...½....i.........................................................
................F..1........................................½....I.A..I.B...................½.....I.A.i..............................................................................
................ฟ...โี .น...ไ.ท...ป...์ ......................ห..ม...่เู .ล..อื...ด...A...B.........ห...ม..ูเ่.ล...อื ..ด....A.............................................................................
..ด...งั .น...ั้น.......ล..กู...ท..่ีเ..ก..ิด..ม...า..ม..โี..อ..ก...า.ส...ม..ีห...ม..เู่..ล..ือ..ด....A....แ..ล..ะ....A..B....ร..้อ...ย..ล..ะ....5..0....เ.ท..่า..ก...ัน.............................................................
..........................................................................................................................................................................
2. พอ่ มเี ลอื ดหมู่ B แบบฮอมอไซกสั กับแม่มีเลือดหมู่ O
...ว..ิธ..ีท...ำ.......P............................ห...ม..่เู .ล...ือ..ด....B...(.ฮ...อ..ม...อ..ไ..ซ..ก..สั...)...x..............ห...ม..่เู..ล..ือ..ด....O.......................................................
.................จ..ีโ..น...ไ.ท...ป..์.............................I.B.I.B........................x..............i.i.....................................................................
.................เ.ซ...ล..ล..์ส...ืบ..พ...ัน...ธ..์ุ .....................I.B..........................x................i....................................................................
.................F..1............................................................I.B..i........................................................................................
.................ฟ...โี.น...ไ..ท..ป...์ ..........................................ห..ม...เู่ .ล..อื...ด...B...................................................................................
...ด...ัง..น..้ัน.......ล...ูก..ท...เ่ี .ก..ดิ...ม..า..ท...กุ ..ค..น...ม..ีห...ม...เู่ .ล..อื..ด....B............................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
3. พอ่ มเี ลอื ดหมู่ B แบบเฮเทอโรไซกัส กับแม่มีเลือดหมู่ AB
ว..ิธ..ที ...ำ.......P...................ห...ม..ู่เ.ล...ือ..ด....B...(..เ.ฮ..เ.ท...อ..โ..ร..ไ.ซ...ก..สั ..).........x..............ห...ม..่เู .ล...ือ..ด....A..B........................................................
..............จ..โี ..น..ไ..ท..ป...์ ............................I.B..i.........................x..............I.A.I.B......................................................................
..............เ.ซ..ล...ล..ส์..ืบ...พ...นั ..ธ..์ุ.....................½.....I.B.,...½....i..............x..............½.....IA..,..½.....I.B..........................................................
..............F..1..........................¼....I.A..I.B...................¼.....I.B.I.B....................¼.....IA..i.....................¼....I.B..i......................................
..............ฟ...โี .น...ไ.ท...ป..์.........ห..ม...ู่เ.ล..อื...ด...A...B.........ห...ม..ู่เ.ล...ือ..ด....B..............ห...ม..ู่เ.ล...ือ..ด....A............ห..ม...ูเ่ .ล..อื...ด...B......................................
ด..ัง..น...นั้ .......ล..ูก...ท..ี่เ.ก...ดิ ..ม...า..ม..โี.อ...ก..า..ส...ม..หี...ม..ู่เ.ล...ือ..ด....A....B...แ...ล..ะ...A...B....ร..้อ..ย..ล...ะ...2..5....5..0....แ..ล..ะ....2..5....ต..า..ม..ล...ำ..ด..ับ...................................
..........................................................................................................................................................................
แบบประเมนิ การปฏิบตั ิกจิ กรรม
คำชแี้ จง : ใหผ้ สู้ อนประเมินการปฏิบัตกิ ิจกรรมของนักเรยี นตามรายการทีก่ ำหนด แล้วขีด ✔ ลงใน
ชอ่ งทีต่ รงกับระดบั คะแนน
ลำดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน
4321
1 การปฏิบัตกิ ารทำกิจกรรม
2 ความคลอ่ งแคล่วในขณะปฏิบัติกจิ กรรม
3 การบนั ทกึ สรปุ และนำเสนอผลการทำกจิ กรรม
รวม
ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแก้ว)
................ /................ /................
เกณฑก์ ารประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรม
ระดับคะแนน
ประเด็นทีป่ ระเมิน
4 32 1
1. การปฏิบัตกิ ิจกรรม ทำกจิ กรรมตาม ทำกิจกรรมตาม ต้องให้ความ ตอ้ งให้ความ
ขนั้ ตอน และใช้ ข้ันตอน และใช้ ช่วยเหลอื บ้างใน ช่วยเหลอื อยา่ งมาก
อปุ กรณ์ไดอ้ ยา่ ง อุปกรณ์ไดอ้ ย่าง การทำกจิ กรรม ในการทำกจิ กรรม
ถกู ตอ้ ง และการใชอ้ ุปกรณ์
ถกู ตอ้ ง แตอ่ าจตอ้ ง และการใช้
ได้รับคำแนะนำบา้ ง อุปกรณ์
2. ความคลอ่ งแคล่ว มคี วามคลอ่ งแคล่ว มีความคลอ่ งแคล่ว ขาดความ ทำกิจกรรมเสร็จไม่
ในขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม ในขณะทำกิจกรรม ทนั เวลา และทำ
ในขณะทำกจิ กรรม คลอ่ งแคล่ว อปุ กรณเ์ สียหาย
โดยไม่ตอ้ งได้รับคำ
ชแ้ี นะ และทำ แตต่ อ้ งได้รับ ในขณะทำ
กิจกรรมเสร็จ
ทันเวลา คำแนะนำบา้ ง และ กิจกรรมจึงทำ
ทำกิจกรรมเสร็จ กิจกรรมเสรจ็ ไม่
ทันเวลา ทนั เวลา
3. การบนั ทึก สรปุ และ บันทึกและสรุปผล บนั ทกึ และสรปุ ผล ตอ้ งใหค้ ำแนะนำ ต้องให้ความ
การทำกจิ กรรมได้
นำเสนอผลการปฏบิ ัติ การทำกิจกรรมได้ ถกู ตอ้ ง แตก่ าร ในการบันทกึ ชว่ ยเหลืออย่างมาก
นำเสนอผลการทำ
กิจกรรม ถูกตอ้ ง รดั กมุ กิจกรรมยงั ไม่เปน็ สรปุ และ ในการบันทกึ สรปุ
ขัน้ ตอน
นำเสนอผลการทำ นำเสนอผลการ และนำเสนอผลการ
กจิ กรรมเป็น ทำกิจกรรม ทำกิจกรรม
ขัน้ ตอนชัดเจน
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
10-12 ดมี าก
7-9 ดี
4-6 พอใช้
0-3 ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
คำช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✔ลงในชอ่ งท่ี
ตรงกับระดบั คะแนน
ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
321
1 ความถกู ตอ้ งของเนื้อหา ⬜ ⬜ ⬜
2 ความคิดสร้างสรรค์ ⬜ ⬜ ⬜
3 วิธกี ารนำเสนอผลงาน ⬜ ⬜ ⬜
4 การนำไปใช้ประโยชน์ ⬜ ⬜ ⬜
5 การตรงต่อเวลา ⬜⬜⬜
รวม
ลงชอ่ื ................................................... ผปู้ ระเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแกว้ )
................ /................ /...............
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
คำชแี้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✔ ลงใน
ช่อง ที่ตรงกับระดบั คะแนน
ลำดับ ชอื่ -สกลุ การ การ การ ความมี การ รวม
ท่ี ของผ้รู ับการ
แสดง ยอมรับ ทำงาน นำ้ ใจ มี สว่ น 15
ประเมนิ ความ ฟังคนอน่ื ตามท่ี รว่ มในการ คะแนน
คดิ เหน็ ได้รับ ปรับปรงุ
มอบหมาย ผลงาน
กลุ่ม
3213213 2 1 3213 2 1
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแก้ว)
............../.................../................
เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✔ ลงใน
ช่องทีต่ รงกับระดับคะแนน
ผลการประเมนิ รวมคะแนน ร้อยละ ระดับคุณภาพ
ที่ ชื่อ – สกุล ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งม่นั ใน มวี นิ ยั (30)
การทำงาน
(10) (10) (10)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงช่ือ....................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสุทธกิ า แสงแก้ว)
................ /................ /................
เกณฑ์การให้คะแนน 8-10 คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 6-7 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครงั้ ให้ 4-5 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ ให้ 1-3 คะแนน
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้
เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน (ร้อยละ) ระดับคุณภาพ
91 - 108 ดมี าก
73 - 90 ดี
54 - 72 พอใช้
ตำ่ กว่า 54 ปรับปรุง
แบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
คำชแ้ี จง : ให้ ผูส้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✔ ลงใน
ช่องทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน
ลำดบั รายการประเมิน ระดับคะแนน
ท่ี 321
1 ⬜⬜⬜
2 ⬜⬜⬜
3 ⬜⬜⬜
4 ⬜⬜⬜
รวม
ลงชือ่ ................................................... ผู้ประเมิน
(นางสาวสทุ ธกิ า แสงแกว้ )
................ /................ /...............
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
รายการ 3 (ด)ี ระดบั คะแนน 1 (ปรับปรงุ )
2 (ปานกลาง)
การสงั เกต - สงั เกตสิ่งที่ต้องการให้ - สังเกตสงิ่ ท่ีต้องการให้ - สงั เกตส่ิงที่ไมต่ รงกบั
สังเกตได้ถูกตอ้ ง สังเกตไดถ้ ูกต้อง จุดประสงค์
- บนั ทกึ ได้ถูกต้อง - บันทึกไว้ถกู ตอ้ งเป็น
ส่วนใหญ่
รายการ 3 (ดี) ระดับคะแนน 1 (ปรับปรงุ )
2 (ปานกลาง)
การทดลอง - กระบวนการทดลอง - บันทึกขอ้ มูลไม่
ถกู ต้อง กระบวนการทดลอง ถูกต้อง มกี ารใส่ความคิดเห็น
ถกู ต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ลงไปดว้ ย
- บนั ทึกผลการทดลอง บันทกึ ผลการทดลอง
ถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ - กระบวนการทดลองถูกตอ้ ง
ท้ังหมด สรุปผลการทดลอง บางส่วน
ถูกตอ้ งแตไ่ มส่ มบรู ณ์
- สรปุ ผลการทดลอง - บันทึกผลการทดลองถูกต้อง
ถูกตอ้ ง บางสว่ น
- สรุปผลการทดลองไมถ่ ูกต้อง
การลง ลงความเหน็ และสรปุ ลงความเหน็ และสรปุ ลงความเหน็ และสรปุ ขอ้ มูล
ความเห็น ข้อมูลโดยใช้ ขอ้ มลู โดยใช้ อย่างไมม่ หี ลกั การและเหตุผล
และสรุป ข้อมลู จากการทดลอง ข้อมูลจากการทดลอง และไมใ่ ช้ขอ้ มลู จากการ
ข้อมลู อยา่ งมี อยา่ งมี ทดลองประกอบ
หลกั การและเหตุผล หลกั การและเหตุผลแต่
การวัด ไม่สมบรู ณ์ ใช้เคร่ืองมอื ไม่
ใชเ้ ครื่องมอื วดั ถกู ต้อง ค่าทอ่ี ่านได้สว่ นใหญ่
การจัด ถกู ตอ้ งและอา่ นคา่ ได้ ใช้เครอื่ งมอื วัด ไมถ่ กู ต้อง
จำแนก ถกู ต้องทง้ั หมด ถูกต้องและอ่านค่าได้
ถูกต้องเป็น จัดจำแนกตามเกณฑ์ทก่ี ำหนด
จดั จำแนกตามเกณฑ์ที่ บางส่วน ถกู ตอ้ งเปน็ บางสว่ น
กำหนดได้อยา่ งถกู ต้อง
จัดจำแนกตามเกณฑท์ ่ี
กำหนดไดถ้ ูกต้องเปน็
ส่วนใหญ่
รายการ ระดับคะแนน
3 (ดี) 2 (ปานกลาง) 1 (ปรบั ปรงุ )
การ ตัง้ สมมติฐาน ตั้งสมมตฐิ าน ต้งั สมมติฐาน
ต้งั สมมตฐิ าน ไดค้ รอบคลมุ
ไดถ้ กู ตอ้ ง เกนิ รอ้ ยละ 50 ไม่ครอบคลุม
ถกู ต้องทง้ั หมด ถกู ตอ้ งไมถ่ ึงร้อยละ 50
การกำหนด กำหนดตวั แปร กำหนดตวั แปร กำหนดตวั แปร
ตวั แปร ได้ครอบคลมุ ได้ครอบคลุมถูกตอ้ ง ได้ไมค่ รอบคลุม
ถูกตอ้ งทง้ั หมด เกินรอ้ ยละ 50 ถกู ต้องไมถ่ ึงรอ้ ยละ 50
การจดั จัดกระทำขอ้ มูล จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู
กระทำขอ้ มลู ไดถ้ กู ต้องชัดเจน
ไดถ้ กู ตอ้ งชัดเจน ไดถ้ กู ต้องชัดเจน
อ่านง่ายรอ้ ยละ 80 อา่ นง่าย รอ้ ยละ 50 อ่านง่าย ไมถ่ ึงร้อยละ 50
ข้ึนไป ขน้ึ ไป
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
คะแนน ระดบั คุณภาพ
1 ดี
2 พอใช้
3 ปรบั ปรงุ
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 28
กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาชีววิทยา ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 4
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 5 การถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม เวลา 15 ชั่วโมง
เรือ่ ง ลกั ษณะพนั ธกุ รรมท่เี ปน็ ส่วนขยายของพันธศุ าสตรเ์ มนเดล (2) เวลา 3 ช่ัวโมง
ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 ครผู ู้สอน นางสาวสุทธิกา แสงแก้ว
สาระชวี วิทยา
ข้อที่ 2 เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ และหน้าที่ของสาร
พันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูลและแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ
สงิ่ มีชวี ติ ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปชี สี ์ใหม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนดิ ของส่ิงมีชีวิต
ความหลากหลาย ของส่งิ มชี ีวติ และอนกุ รมวธิ าน รวมทง้ั นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
ผลการเรยี นรู้
3. สืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ อธิบาย และสรุปเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วน
ขยายของพนั ธุศาสตรเ์ มนเดล
4. สืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ และเปรียบเทียบลักษณะทางพันธุกรรมที่มีการแปรผันไม่ต่อเนื่องและ
ลกั ษณะทางพันธกุ รรมท่ีมกี ารแปรผนั ต่อเน่ือง
5. อธบิ ายการถา่ ยทอดยนี บนโครโมโซม และยกตวั อย่างลกั ษณะทางพันธุกรรมที่ถูกควบคุมด้วยยีนบน
ออโตโซมและยีนบนโครโมโซมเพศ
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
ด้านความรู้ (Knowledge; K) 1. เปรียบเทียบลักษณะทางพันธุกรรมที่มีการแปรผันไม่ต่อเนื่องและ
ดา้ นกระบวนการ (Process; P) ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมทมี่ ีการแปรผนั ตอ่ เน่ือง
2. ประยุกต์ใช้ความรู้จากการการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรมที่เป็นส่วน
ขยายของพันธุศาสตร์เมนเดลมาหาโอกาสการเกิดลักษณะทางพันธุกรรม
ตา่ ง ๆ ได้
เขียนพันธุประวัติแสดงการถา่ ยทอดลักษณะพนั ธุกรรมภายในครอบครวั
ได้
ด้านคุณลกั ษณะ (Attribute; A) มีวินยั ใฝ่เรยี นรู้ มงุ่ ม่ันในการทำงาน
ดา้ นทกั ษะกระบวนการทาง มีทกั ษะการสงั เกต / การลงความเห็นจากข้อมูล / การจัดกระทำและส่อื
วิทยาศาสตร์ (Sc.P.) ความหมายของขอ้ มูล
สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
การถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรมของเมนเดลเป็นการถ่ายทอดลักษณะที่ควบคุมด้วยยีนเพียงยีนเดียวหรือสอง
แอลลีลเท่านั้น ซึ่งแอลลีลเด่นจะข่มแอลลีลด้อยอย่างสมบูรณ์ แต่การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมบาง
ลักษณะไมไ่ ดถ้ กู ควบคุมการแสดงออกตามกฎของเมนเดล ดงั นี้
- การข่มไม่สมบูรณ์ (incomplete dominant) เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกควบคุมด้วยยีนเดียว
แตแ่ อลลีลไม่ไดม้ ลี ักษณะเด่นหรอื ด้อยอยา่ งสมบูรณ์ เช่น สีดอกของตน้ ล้ินมังกร ลกั ษณะของเส้นผม
- ความเด่นร่วม (codominant) เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกควบคุมด้วยยีนเดียว แต่แอลลีลสองแอล
ลลี ไมข่ ม่ ซึง่ กันแหละกัน แต่แสดงลักษณะเด่นออกมาเทา่ กนั เช่น หมูเ่ ลอื ด AB ในระบบ ABO
- มัลติเพิลแอลลีล (multiple allele) เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกควบคุมด้วยแอลลีลมากกว่า 2
แอลลลี เชน่ หมูเ่ ลอื ดระบบ ABO ประกอบด้วยแอลลลี IA IB และ i
- พอลิยีน (polygene) เป็นลักษณะทางพันธุกรรมทีถ่ ูกควบคุมด้วยยีนหลายยนี และมีสิ่งแวดล้อมมา
เกย่ี วขอ้ ง เชน่ สผี วิ สีตา
- ยนี บนโครโมโซมเพศ เปน็ ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมท่ีถูกควบคมุ ด้วยยนี บนโครโมโซมเพศ เชน่ โรคฮโี ม-
ฟเิ ลยี โรคตาบอดสี
- ยีนบนโครโมโซมเดียวกัน เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกวบคุมด้วยยีนบนโครโมโซมเดียวกัน และ
ยีนจะถกู ถา่ ยทอดไปพร้อมกนั เช่น ยนี ควบคุมลกั ษณะสตี ัวและลกั ษณะปกี ของแมลงหวี่
- ลักษณะภายใต้อิทธิพลเพศ เป็นลักษณะพันธุกรรมที่อยู่บนโครโมโซมร่างกาย แต่มีการแสดงออก
แตกต่างกนั ในแตล่ ะเพศ เช่น ลกั ษณะศีรษะลา้ น
- ลักษณะท่ีจำกัดในเพศ เปน็ ลกั ษณะพันธุกรรมท่ีอยบู่ นโครโมโซมร่างกาย แต่แสดงออกในเพศใดเพศ
หนงึ่ เท่านั้น เชน่ การสร้างนำ้ นมในเพศหญงิ การเกิดหนวดเคราในเพศชาย
สาระการเรยี นรู้
- การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมบางลักษณะให้อัตราส่วนที่แตกต่างจากผลการศึกษาของเมนเดล เรียก
ลักษณะเหล่านี้ว่า ลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของพันธุศาสตร์เมนเดล เช่น การข่มไม่สมบูรณ์ การ
ขม่ ร่วมกนั มัลติเพลิ แอลลลี ยนี บนโครโมโซมเพศ และพอลยิ นี
- ลักษณะพันธุกรรมบางลักษณะมีความแตกต่างกันชัดเจน เช่น การมีติ่งหูหรือไม่มีติ่งหู ซึ่งเป็นลักษณะทาง
พนั ธกุ รรมท่มี กี ารแปรผนั ไมต่ อ่ เนอ่ื ง
- ลักษณะทางพันธุกรรมบางลักษณะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยและลดหลั่นกันไป เช่น ความสูงและสีผิวของ
มนษุ ย์ถกู ควบคุมโดยยีนหลายคู่ซ่ึงเปน็ ลักษณะทางพนั ธุกรรมท่ีมีการแปรผันต่อเน่ือง และส่ิงแวดล้อมอาจมีผล
ต่อการแสดงลักษณะนั้น
- โครโมโซมภายในเซลล์ร่างกายแบ่งเป็นออโตโซมและโครโมโซมเพศ ลักษณะทางพันธุกรรมส่วนใหญ่ถูก
ควบคุมด้วยยีนบนออโตโซม บางลักษณะถูกควบคุมด้วยยีนบนโครโมโซมเพศซึ่งส่วนมากเป็นยีนบนโครโมโซม
X
- เมื่อมีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ ยีนบนโครโมโซมเดียวกันทีอ่ ยู่ใกล้กันมักจะถูกถ่ายทอดไปด้วยกัน แต่การเกิดค
รอสซิงโอเวอร์ในการแบ่งเซลล์แบบไมโอซสิ อาจทำให้ยนี บนโครโมโซมเดียวกันแยกจากกันได้ ส่งผลให้รูปแบบ
ของเซลลส์ บื พนั ธ์ทุ ่ไี ด้แตกตา่ งไปจากกรณีที่ไมเ่ กดิ ครอสซงิ โอเวอร์
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี นและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มีวินัย
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้
3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต 3. ม่งุ มน่ั ในการทำงาน
กระบวนการจดั กิจกรรมการเรยี นรโู้ ดยใช้รูปแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ขัน้ นำ
ขนั้ ท่ี 1 ข้ันสรา้ งความสนใจ (Engagement)
1. ครูถามนักเรียนว่า การแสดงออกของโรคตาบอดสีของมนุษย์ในเพศชายและเพศหญิงแตกต่างกัน
อยา่ งไร
(แนวตอบ โรคตาบอดสีของมนุษย์เป็นแอลลีลด้อยที่อยู่บนโครโมโซม X ดังนั้น เพศชาย เมื่อได้รับ
แอลลีล ด้อยของโรคตาบอดสีจะแสดงอาการของโรคตาบอดสีทันที เนื่องจากมีโครโมโซม X เพียง
โครโมโซมเดียว แต่สำหรับเพศหญิงต้องได้รับแอลลีลด้อยทั้ง 2 แอลลีล จึงจะแสดงอาการของโรค
ออกมา)
2. ครถู ามนักเรยี นว่า ยนี ที่พบบนโครโมโซม Y จะสามารถพบในเพศหญงิ ได้หรอื ไม่
(แนวตอบ ยนี ทีอ่ ย่บู นโครโมโซม Y จะมีการแสดงออกเฉพาะในเพศชายเทา่ นั้น เนื่องจากเพศหญิงไม่
มโี ครโมโซม Y)
ข้ันสอน
ข้นั ที่ 2 ข้ันสำรวจและค้นหา (Exploration)
1. ครูทบทวนความร้เู ดมิ จากชัว่ โมงท่แี ล้วใหน้ กั เรียนทราบพอสงั เขป
2. ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรียนฟงั ว่า ลักษณะทางพันธุกรรมท่ีผา่ นมาจะถา่ ยทอดผา่ นโครโมโซมร่างกาย ซ่ึงพบ
ทั้งแอลลีลเด่นและแอลลีลดอ้ ย แต่ลักษณะทางพันธุกรรมบางลกั ษณะมีการถ่ายทอดผ่านโครโมโซม
เพศ ซงึ่ ค้นพบคร้ังแรกโดยโทมสั ฮนั ต์ มอร์แกน
3. ครใู หน้ กั เรียนศกึ ษาแผนภาพการถา่ ยทอดลกั ษณะสตี าของแมลงหว่ี
4. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า ยีนที่ควบคุมลักษณะสีตาของแมลงหวี่อยู่บนโครโมโซมเพศ X โดย
แอลลีลควบคุมตาสีแดงจะข่มแอลลีลควบคุมตาสีขาว ซ่ึงเพศผู้มโี ครโมโซมเพศเป็น XY ถ้าได้รับแอล
ลีลตาสีขาวมาจะแสดงออกทันที แตเ่ พศเมยี มโี ครโมโซมเพศเปน็ XX จะต้องได้รบั แอลลีลตาสีขาวทั้ง
2 แอลลีล จึงจะแสดงลักษณะตาสีขาวออกมา โดยเรียกยีนที่ถ่ายทอดลกั ษณะผ่านโครโมโซมเพศ X
นวี้ ่า ยนี ทเี่ กยี่ วเนอื่ งกับ X (X-linked gene)
5. ครูยกตัวอย่างยีนที่เกี่ยวเนื่องกับ X ที่พบในมนุษย์ เช่น ยีนควบคุมโรคตาบอดสี และให้นักเรียน
ศึกษาแผนพังเพดดีกรีของครอบครัวหน่ึงที่พ่อตาบอดสี และแม่สายตาปกติแต่เป็นพาหะของโรคตา
บอดสี จึงมโี อกาสทจี่ ะมลี กู สาวและลกู ชายเปน็ ตาบอดสีท่แี ตกตา่ งกัน
6. ครูสรุปหลักการการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมผ่านยีนบนโครโมโซมพศ และการเขียนพันธุ
ประวตั ิใหน้ ักเรยี นทราบ
7. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรม การแก้โจทย์ปัญหาเรื่องลักษณะทางพันธุกรรมที่ควบคุมโดยยีนบน
โครโมโซมเพศ ในชนั้ เรยี น โดยบันทกึ ลงสมดุ บนั ทกึ ของนักเรียน ม.4 เลม่ 2
8. ครูยกตัวอย่างการผสมพันธุ์ระหว่างแมลงหวี่ตัวสีน้ำตาลปีกตรงที่เป็นเฮอเทอโรไซกัส (BbCc) กับ
แมลงหว่ตี ัวสีดำปกี โคง้ ทีเ่ ปน็ ฮอมอไซกัส (bbcc) แล้วให้นกั เรยี นทำนายการสร้างเซลล์สบื พนั ธุ์ และ
โอกาสของลูกรุ่น F1 ว่าเป็นอย่างไร ที่อัตราส่วนเท่าใด ถ้าการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมนี้
เป็นไปตามหลกั พันธุศาสตรข์ องเมนเดล
(แนวตอบ ตัวสีน้ำตาลปกี ตรงทเี่ ป็นเฮเทอโรไซกัสจะสร้างเซลลส์ ืบพนั ธ์ุได้ 4 ชนิด คือ BC Bc bC bc
และแมลงหวตี่ ัวสีดำปีกโคง้ ทีเ่ ป็นฮอมอไซกสั จะสร้างเซลลส์ บื พนั ธ์ุได้เพยี งชนิดเดียว คือ bc ทำให้รุ่น
F1 จะมีลักษณะที่แสดงออกมา 4 ลักษณะ คือ ตัวสีน้ำตาลปีกตรง (BbCc) ตัวสีน้ำตาลปีกโค้ง
(Bbcc) ตัวสดี ำปีกตรง (bbCc) และตัวสดี ำปกี โค้ง (bbcc) ในอตั ราส่วน 1 : 1 : 1 : 1)
9. ครอู ธิบายใหน้ กั เรียนฟังวา่ การผสมพนั ธ์ุของแมลงหว่ีขา้ งต้นไมเ่ ปน็ ไปตามตามหลักพนั ธุศาสตร์ของ
เมนเดล เนื่องจากรุ่นลูก F1 ที่เกิดขึ้นมีฟีโนไทป์เพียง 2 ลักษณะเท่านั้น คือ ตัวสีน้ำตาลปีกตรง
(BbCc) และตัวสีดำปีกโค้ง (bbcc) ในอัตราส่วน 1:1 เนื่องจากตัวสีน้ำตาลปีกตรงที่เป็นเฮเทอโร
ไซกัสสามารถสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพียง 2 แบบเท่านั้น คือ BC และ bc จึงทำให้รุ่นลูกที่เกิดมามี
ลักษณะฟีโนไทป์เพียง 2 ลักษณะเท่านั้น โดยแอลลีล B กับ C และแอลลีล b กับ c ที่อยู่บน
โครโมโซมเดียวกนั จะถูกถา่ ยทอดไปดว้ ยกันเมื่อมีการสร้างเซลลส์ ืบพันธุ์ เรยี กยนี เหลา่ นว้ี ่า เป็นลิงก์
ยนี กนั แตย่ นี ทีเ่ ปน็ ลิงค์ยนี กันอาจไม่ถูกถ่ายทอดไปด้วยกนั หากระหวา่ งการแบง่ เซลล์สืบพันธ์ุเกิดค
รอสซิงโอเวอร์ (crossing over) ซึ่งทำให้ยีนที่เคยถูกถ่ายทอดไปด้วยกันอาจแยกออกจากกันไปยัง
เซลล์สบื พนั ธ์ุที่ตา่ งกนั
10. ครใู ห้นกั เรยี นศึกษาแผนภาพการผสมพันธรุ์ ะหว่างแมลงหว่ีตัวสนี ้ำตาลปีกตรงท่ีเป็นเฮอเทอโรไซกัส
(BbCc) กับแมลงหวี่ตัวสีดำปีกโค้งที่เป็นฮอมอไซกัส (bbcc) ซึ่งจะได้รุ่น F1 มีฟีโนไทป์ 4 ลักษณะ
แล้วตั้งคำถามถามนักเรียนว่า ทำไมรุ่นลูก F1 จึงมีลักษณะฟีโนไทป์ถึง 4 ลักษณะ ทั้งที่แอลลีล B
กับ C และแอลลลี b กับ c เป็นลิงคเ์ กจกัน
(แนวตอบ ในระหว่างการสร้างเซลล์สืบพันธุ์จะเกิดปรากฏการณ์ครอสซิงโอเวอร์ ทำให้ยีนที่ถูก
ถา่ ยทอดไปดว้ ยกนั แยกออกจากกัน เช่น แอลลลี B กับ C และ b กบั c ท่ีจะถา่ ยทอดไปดว้ ยกัน ถูก
แยกออกจากกัน ทำให้เซลลส์ บื พันธ์ุเปลย่ี นแปลงไปจากปกติ)
11. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า ในระหว่างการสร้างเซลล์สืบพันธุ์อาจเกิดปรากฏการณ์ครอสซิงโอเวอร์
ทำให้เซลล์สืบพันธุ์บางเซลล์เปลี่ยนแปลงไป เช่น จากเซลล์สืบพันธุ์ปกติ BC และ bc เปลี่ยนเป็น
Bc และ bC จึงทำใหร้ ุ่น F1 มีฟโี นไทปแ์ ตกตา่ งจากปกติ
12. ครูอธบิ ายใหน้ กั เรยี นฟังวา่ การถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรมบางลักษณะมยี ีนอยู่บนโครโมโซม
ร่างกาย แตม่ ฮี อร์โมนเพศมาเป็นตวั ควบคุม จงึ แสดงออกในแตล่ ะเพศแตกต่างกัน เรียกลักษณะ
เหล่านีว้ า่ ลักษณะภายใต้อิทธิพลเพศ
ขั้นท่ี 3 ขัน้ อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation)
1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากกิจกรรม เรื่องลักษณะพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของพันธุ
ศาสตร์เมนเดล
2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่ควบคุมโดยยีนบน
โครโมโซมเพศ
3. ครูใหน้ ักเรยี นทำใบงานท่ี 5.6 เรอ่ื ง ถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธุกรรมท่ีควบคุมโดยยนี บนโครโมโซม
เพศ
4. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมผ่านยีนบนโครโมโซม
เดยี วกัน
5. ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภปิ รายเกย่ี วกับผลของการเกดิ คลอสซิงโอเวอรต์ ่อการถา่ ยทอดลักษณะทาง
พนั ธุกรรมผ่านยนี บนโครโมโซมเดยี วกัน
6. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรมแบบลักษณะภายใต้
อทิ ธิพลเพศ
7. ครูและนักเรยี นรว่ มกันอภิปรายเกีย่ วกบั การถา่ ยทอดลักษณะทางพันธกุ รรมแบบลกั ษณะจำกดั ใน
เพศ
ขั้นสรปุ
ข้ันที่ 4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration)
1. ครูให้นักเรียนทำแผนผงั มโนทศั น์เร่ือง เรื่อง ลักษณะพันธุกรรมที่เป็นสว่ นขยายของพันธุศาสตร์เมน
เดล ซึ่งมีเนื้อหาประกอบด้วยหลักการการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม พร้อมยกตัวอย่างลักษณะ
พันธกุ รรมท่ีมกี ารถ่ายทอดรปู แบบต่าง ๆ
2. ครูให้นักเรยี นทำ Self Check เพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเอง
ขัน้ ที่ 5 ขนั้ ประเมิน (Evaluation)
1. ครูตรวจสอบผลจากผังมโนทัศน์ เรอ่ื ง ลักษณะพนั ธกุ รรมท่ีเป็นส่วนขยายของพันธุศาสตรเ์ มนเดล
2. ครูตรวจสอบผลจากใบงานที่ 5.6 เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่ควบคุมโดยยีนบน
โครโมโซมเพศ
การวดั และประเมินผล
รายการวัด วิธกี าร เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมิน
1. ประเมนิ ระหว่างการจดั
กิจกรรมการเรยี นรู้ - ผงั มโนทศั นเ์ รอ่ื ง เรื่อง - แบบประเมินผลงาน - ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ 70
1) การศึกษา ลักษณะพนั ธุกรรมที่ - แบบประเมินใบงานที่ - ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 70
พันธุกรรมของเมนเดล เปน็ ส่วนขยายของพันธุ 5.6
ศาสตร์เมนเดล
- ตรวจใบงานที่ 5.6
2) การปฏิบัตกิ าร - ประเมนิ การ - แบบประเมินการ - ผ่านเกณฑร์ ะดับดี
ปฏิบตั ิการ ปฏบิ ัติการ
3) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการ - ผา่ นเกณฑ์ระดับดี
ผลงาน นำเสนอผลงาน
4) พฤติกรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ผ่านเกณฑ์ระดบั ดี
การทำงานกลุม่ การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม
5) คณุ ลกั ษณะ - สังเกตความมีวินัย - แบบประเมิน - ผ่านเกณฑร์ ะดับดี
อนั พงึ ประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมนั่ คุณลักษณะ - ผา่ นเกณฑร์ ะดบั 2
ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์
6) ดา้ นทกั ษะ - ประเมนิ ทกั ษะ - แบบประเมินทักษะ
กระบวนการทาง กระบวนการทาง กระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์
(Sc.P: Science
Process Skills)
สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้
สื่อการเรียนรู้
1) หนงั สอื เรยี นชีววิทยา ม.4 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 5 การถ่ายทอดทางพนั ธุกรรม
2) แบบฝึกหัดชีววิทยา ม.4 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5 การถา่ ยทอดทางพนั ธกุ รรม
3) ใบงานที่ 5.6 เรอ่ื ง ถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธุกรรมที่ควบคุมโดยยีนบนโครโมโซมเพศ
4) PowerPoint เรอ่ื ง การถ่ายทอดทางพันธกุ รรม
แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องเรยี น
2) ห้องสมดุ
3) ส่อื ออนไลน์
ใบงานที่ 5.6
เร่ือง การถา่ ยทอดลักษณะทางพันธกุ รรมท่ีควบคมุ โดยยนี บนโครโมโซมเพศ
คำช้แี จง : ทำนายโอกาสเกดิ โรคทางพันกุ รรมของรุ่นลูกตอ่ ไปนี้
1. พอ่ เป็นโรคฮโี มฟเิ ลยี แม่ปกติแต่เปน็ พาหะของโรคฮีโมฟิเลยี
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
................................................................................................................................... .......................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
2. พ่อมีภาวะพรอ่ งเอนไซม์ G-6-PD แม่ปกติ
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
................................................................................................................................... .......................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
ใบงานที่ 5.6 เฉลย
เรอ่ื ง การถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมที่ควบคุมโดยยีนบนโครโมโซมเพศ
คำชแี้ จง : ทำนายโอกาสเกดิ โรคทางพนั ุกรรมของรุน่ ลูกต่อไปน้ี
1. พ่อเปน็ โรคฮีโมฟิเลยี แมป่ กติแตเ่ ปน็ พาหะของโรคฮีโมฟิเลยี
...ก..ำ..ห...น..ด...ใ.ห...้ ...........H..............แ...ท..น...แ..อ..ล...ล..ลี..ป...ก..ต...ิ ...................................................................................................
..............................h..............แ...ท..น...แ..อ..ล...ล..ลี..ข...อ..ง..โ.ร..ค...ฮ..โี..ม..ฟ...เิ .ล..ยี..................................................................................
...ว..ิธ..ีท..ำ........P...........................พ...อ่ ..เ.ป...น็ ...โ.ร..ค...ฮ..ีโ.ม...ฟ..ิ.เ.ล..ีย............x..............แ..ม..ป่...ก..ต...ิแ..ต..่เ..ป..น็...พ...า.ห...ะ........................................
.................จ..ีโ.น...ไ.ท...ป...์ ............................X...h.Y........................x...........................X...H..X..h..................................................
.................เ.ซ..ล..ล...์ส..บื...พ...ัน..ธ..ุ์.....................½.....X..h...,..½.....Y...........x...........................½.....X...H...,..½.....X..h.....................................
.................F..1.........................¼...X...H..X..h..................¼....X...h..X..h.................¼....X...H..Y..................¼.....X..h..Y..................................
.................ฟ..ีโ..น..ไ..ท..ป...์.......ล..ูก...ส..า..ว..ป...ก..ต...ิ .............ล..กู..ส...า..ว..เ.ป...็น..โ..ร..ค.......ล...กู ..ช..า..ย...ป..ก...ต..ิ.......ล..ูก..ช...า..ย..เ.ป...น็ ..โ..ร..ค..........................
.....................................แ..ต...่เ.ป...น็ ..พ...า..ห...ะ.................ฮ..ีโ.ม...ฟ...ิเ.ล..ีย..........................................ฮ...ีโ.ม...ฟ..ิเ..ล..ยี ..............................
...ด..ัง..น..้นั........ล..กู ..ส...า..ว..ม..โี.อ...ก..า..ส..เ..ป..น็...โ.ร..ค...ฮ..โี..ม..ฟ...เิ .ล..ีย....ร..อ้..ย...ล..ะ....5..0...แ...ล..ะ..ม...ีโ.อ..ก...า..ส..เ.ป...น็...พ..า..ห...ะ..ข..อ...ง.โ..ร..ค....ร..อ้ ..ย..ล...ะ...5..0...................
.................ล..ูก..ช...า..ย..ม..โี..อ..ก...า..ส..เ.ป...็น..โ..ร..ค..ฮ...โี .ม...ฟ..เิ..ล..ีย....ร..้อ..ย..ล...ะ...5..0....แ..ล...ะ..ม..ีโ..อ..ก..า..ส...ป..ก...ต..ิ..ร..อ้ ..ย..ล...ะ...5..0.......................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
2. พอ่ มภี าวะพร่องเอนไซม์ G-6-PD แมป่ กติ
......ก..ำ..ห...น..ด...ใ.ห...้ ............G.............แ...ท..น...แ..อ...ล..ล..ีล...ป..ก...ต..ิ................................................................................................
..................................g.............แ...ท..น...แ..อ...ล..ล..ลี...ข..อ..ง..ภ...า..ว..ะ..พ...ร..้อ..ง..เ.อ..น...ไ..ซ..ม..์..G..-..6..-.P...D.......................................................
......ว..ธิ..ีท...ำ.......P...........................พ...่อ..ม...ภี...า.ว...ะ..พ..ร..่.อ..ง..เ.อ..น...ไ.ซ...ม..์....x............................แ..ม..่ป...ก..ต...ิ .........................................
....................จ..โี.น...ไ.ท...ป...์ ............................X...g.Y........................x............................X..G..X..G...............................................
....................เ.ซ..ล...ล..ส์ ..ืบ...พ...ัน..ธ..ุ์.....................½.....X..g...,..½.....Y...........x............................X..G...................................................
....................F..1.......................................½.....X..G..X...g..............................½....X...G..Y..........................................................
....................ฟ..โี..น..ไ..ท...ป..์............................ล...ูก..ส..า..ว..เ..ป..น็...โ.ร..ค.....................ล..ูก..ช...า..ย..ป...ก..ต..ิ.................................................
...............................................................แ..ต..เ่..ป..็น...พ..า..ห...ะ.........................................................................................
......ด..ัง..น...ั้น.......ล..ูก..ส...า..ว..ท..กุ...ค..น...ป..ก...ต..ิ .แ...ต..่เ.ป...็น...พ..า..ห...ะ..ข...อ..ง..ภ..า..ว..ะ..พ...ร..่อ...ง.เ..อ..น...ไ.ซ..ม...์ .G...-.6...-.P..D....................................................
....................ล..ูก..ช...า..ย..ท...ุก..ค...น..ป...ก..ต...ิ .................................................................................. .......................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
แบบประเมนิ การปฏิบตั ิกจิ กรรม
คำชแี้ จง : ใหผ้ สู้ อนประเมินการปฏิบัตกิ ิจกรรมของนักเรยี นตามรายการทีก่ ำหนด แล้วขีด ✔ ลงใน
ชอ่ งทีต่ รงกับระดบั คะแนน
ลำดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน
4321
1 การปฏิบัตกิ ารทำกิจกรรม
2 ความคลอ่ งแคล่วในขณะปฏิบัติกจิ กรรม
3 การบนั ทกึ สรปุ และนำเสนอผลการทำกจิ กรรม
รวม
ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแก้ว)
................ /................ /................
เกณฑก์ ารประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรม
ระดับคะแนน
ประเด็นทีป่ ระเมิน
4 32 1
1. การปฏิบัตกิ ิจกรรม ทำกจิ กรรมตาม ทำกิจกรรมตาม ต้องให้ความ ตอ้ งให้ความ
ขนั้ ตอน และใช้ ข้ันตอน และใช้ ช่วยเหลอื บ้างใน ช่วยเหลอื อยา่ งมาก
อปุ กรณ์ไดอ้ ยา่ ง อุปกรณ์ไดอ้ ย่าง การทำกจิ กรรม ในการทำกจิ กรรม
ถกู ตอ้ ง และการใชอ้ ุปกรณ์
ถกู ตอ้ ง แตอ่ าจตอ้ ง และการใช้
ได้รับคำแนะนำบา้ ง อุปกรณ์
2. ความคลอ่ งแคล่ว มคี วามคลอ่ งแคล่ว มีความคลอ่ งแคล่ว ขาดความ ทำกิจกรรมเสร็จไม่
ในขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม ในขณะทำกิจกรรม ทนั เวลา และทำ
ในขณะทำกจิ กรรม คลอ่ งแคล่ว อปุ กรณเ์ สียหาย
โดยไม่ตอ้ งได้รับคำ
ชแ้ี นะ และทำ แตต่ อ้ งได้รับ ในขณะทำ
กิจกรรมเสร็จ
ทันเวลา คำแนะนำบา้ ง และ กิจกรรมจึงทำ
ทำกิจกรรมเสร็จ กิจกรรมเสรจ็ ไม่
ทันเวลา ทนั เวลา
3. การบนั ทึก สรปุ และ บันทึกและสรุปผล บนั ทกึ และสรปุ ผล ตอ้ งใหค้ ำแนะนำ ต้องให้ความ
การทำกจิ กรรมได้
นำเสนอผลการปฏบิ ัติ การทำกิจกรรมได้ ถกู ตอ้ ง แตก่ าร ในการบันทกึ ชว่ ยเหลืออย่างมาก
นำเสนอผลการทำ
กิจกรรม ถูกตอ้ ง รดั กมุ กิจกรรมยงั ไม่เปน็ สรปุ และ ในการบันทกึ สรปุ
ขัน้ ตอน
นำเสนอผลการทำ นำเสนอผลการ และนำเสนอผลการ
กจิ กรรมเป็น ทำกิจกรรม ทำกิจกรรม
ขัน้ ตอนชัดเจน
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
10-12 ดมี าก
7-9 ดี
4-6 พอใช้
0-3 ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
คำช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✔ลงในชอ่ งท่ี
ตรงกับระดบั คะแนน
ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
321
1 ความถกู ตอ้ งของเนื้อหา ⬜ ⬜ ⬜
2 ความคิดสร้างสรรค์ ⬜ ⬜ ⬜
3 วิธกี ารนำเสนอผลงาน ⬜ ⬜ ⬜
4 การนำไปใช้ประโยชน์ ⬜ ⬜ ⬜
5 การตรงต่อเวลา ⬜⬜⬜
รวม
ลงชอ่ื ................................................... ผปู้ ระเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแกว้ )
................ /................ /...............
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
คำชแี้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✔ ลงใน
ช่อง ที่ตรงกับระดบั คะแนน
ลำดับ ชอื่ -สกลุ การ การ การ ความมี การ รวม
ท่ี ของผ้รู ับการ
แสดง ยอมรับ ทำงาน นำ้ ใจ มี สว่ น 15
ประเมนิ ความ ฟังคนอน่ื ตามท่ี รว่ มในการ คะแนน
คดิ เหน็ ได้รับ ปรับปรงุ
มอบหมาย ผลงาน
กลุ่ม
3213213 2 1 3213 2 1
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสทุ ธิกา แสงแก้ว)
............../.................../................
เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✔ ลงใน
ช่องทีต่ รงกับระดับคะแนน
ผลการประเมนิ รวมคะแนน ร้อยละ ระดับคุณภาพ
ที่ ชื่อ – สกุล ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งม่นั ใน มวี นิ ยั (30)
การทำงาน
(10) (10) (10)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงช่ือ....................................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวสุทธกิ า แสงแก้ว)
................ /................ /................
เกณฑ์การให้คะแนน 8-10 คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 6-7 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครงั้ ให้ 4-5 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ ให้ 1-3 คะแนน
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้
เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน (ร้อยละ) ระดับคุณภาพ
91 - 108 ดมี าก
73 - 90 ดี
54 - 72 พอใช้
ตำ่ กว่า 54 ปรับปรุง
แบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
คำชแ้ี จง : ให้ ผูส้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✔ ลงใน
ช่องทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน
ลำดบั รายการประเมิน ระดับคะแนน
ท่ี 321
1 ⬜⬜⬜
2 ⬜⬜⬜
3 ⬜⬜⬜
4 ⬜⬜⬜
รวม
ลงชือ่ ................................................... ผู้ประเมิน
(นางสาวสทุ ธกิ า แสงแกว้ )
................ /................ /...............
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
รายการ 3 (ด)ี ระดบั คะแนน 1 (ปรับปรงุ )
2 (ปานกลาง)
การสงั เกต - สงั เกตสิ่งที่ต้องการให้ - สังเกตสงิ่ ท่ีต้องการให้ - สงั เกตส่ิงที่ไมต่ รงกบั
สังเกตได้ถูกตอ้ ง สังเกตไดถ้ ูกต้อง จุดประสงค์
- บนั ทกึ ได้ถูกต้อง - บันทึกไว้ถกู ตอ้ งเป็น
ส่วนใหญ่
รายการ 3 (ดี) ระดับคะแนน 1 (ปรับปรงุ )
2 (ปานกลาง)
การทดลอง - กระบวนการทดลอง - บันทึกขอ้ มูลไม่
ถกู ต้อง กระบวนการทดลอง ถูกต้อง มกี ารใส่ความคิดเห็น
ถกู ต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ลงไปดว้ ย
- บนั ทึกผลการทดลอง บันทกึ ผลการทดลอง
ถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ - กระบวนการทดลองถูกตอ้ ง
ท้ังหมด สรุปผลการทดลอง บางส่วน
ถูกตอ้ งแตไ่ มส่ มบรู ณ์
- สรปุ ผลการทดลอง - บันทึกผลการทดลองถูกต้อง
ถูกตอ้ ง บางสว่ น
- สรุปผลการทดลองไมถ่ ูกต้อง
การลง ลงความเหน็ และสรปุ ลงความเหน็ และสรปุ ลงความเหน็ และสรปุ ขอ้ มูล
ความเห็น ข้อมูลโดยใช้ ขอ้ มลู โดยใช้ อย่างไมม่ หี ลกั การและเหตุผล
และสรุป ข้อมลู จากการทดลอง ข้อมูลจากการทดลอง และไมใ่ ช้ขอ้ มลู จากการ
ข้อมลู อยา่ งมี อยา่ งมี ทดลองประกอบ
หลกั การและเหตุผล หลกั การและเหตุผลแต่
การวัด ไม่สมบรู ณ์ ใช้เคร่ืองมอื ไม่
ใชเ้ ครื่องมอื วดั ถกู ต้อง ค่าทอ่ี ่านได้สว่ นใหญ่
การจัด ถกู ตอ้ งและอา่ นคา่ ได้ ใช้เครอื่ งมอื วัด ไมถ่ กู ต้อง
จำแนก ถกู ต้องทง้ั หมด ถูกต้องและอ่านค่าได้
ถูกต้องเป็น จัดจำแนกตามเกณฑ์ทก่ี ำหนด
จดั จำแนกตามเกณฑ์ที่ บางส่วน ถกู ตอ้ งเปน็ บางสว่ น
กำหนดได้อยา่ งถกู ต้อง
จัดจำแนกตามเกณฑท์ ่ี
กำหนดไดถ้ ูกต้องเปน็
ส่วนใหญ่
รายการ ระดับคะแนน
3 (ดี) 2 (ปานกลาง) 1 (ปรบั ปรงุ )
การ ตัง้ สมมติฐาน ตั้งสมมตฐิ าน ต้งั สมมติฐาน
ต้งั สมมตฐิ าน ไดค้ รอบคลมุ
ไดถ้ กู ตอ้ ง เกนิ รอ้ ยละ 50 ไม่ครอบคลุม
ถกู ต้องทง้ั หมด ถกู ตอ้ งไมถ่ ึงร้อยละ 50
การกำหนด กำหนดตวั แปร กำหนดตวั แปร กำหนดตวั แปร
ตวั แปร ได้ครอบคลมุ ได้ครอบคลุมถูกตอ้ ง ได้ไมค่ รอบคลุม
ถูกตอ้ งทง้ั หมด เกินรอ้ ยละ 50 ถกู ต้องไมถ่ ึงรอ้ ยละ 50
การจดั จัดกระทำขอ้ มูล จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู
กระทำขอ้ มลู ไดถ้ กู ต้องชัดเจน
ไดถ้ กู ตอ้ งชัดเจน ไดถ้ กู ต้องชัดเจน
อ่านง่ายรอ้ ยละ 80 อา่ นง่าย รอ้ ยละ 50 อ่านง่าย ไมถ่ ึงร้อยละ 50
ข้ึนไป ขน้ึ ไป
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
คะแนน ระดบั คุณภาพ
1 ดี
2 พอใช้
3 ปรบั ปรงุ
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 29
กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าชวี วทิ ยา ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี บทท่ี 6 เทคโนโลยที างดีเอน็ เอ เวลา 9 ชัว่ โมง
เร่ือง พนั ธวุ ิศวกรรมและการโคลนยนี (1) เวลา 3 ชัว่ โมง
ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ครูผ้สู อน นางสาวสทุ ธิกา แสงแกว้
สาระชวี วทิ ยา
ข้อที่ 2 เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ และหน้าที่ของสาร
พันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูลและแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ
สงิ่ มีชีวติ ภาวะสมดลุ ของฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ก์ การเกดิ สปีชีสใ์ หม่ ความหลากหลายทางชวี ภาพ กำเนิดของสิ่งมีชีวิต
ความหลากหลาย ของสง่ิ มีชีวติ และอนุกรมวธิ าน รวมท้งั นำความร้ไู ปใช้ประโยชน์
ผลการเรยี นรู้
10. อธิบายหลกั การสรา้ งสิ่งมชี ีวิตดดั แปรพันธุกรรมโดยใชด้ เี อน็ เอรคี อมบิแนนท์
จุดประสงค์การเรยี นรู้
ด้านความรู้ (Knowledge; K) 1. อธบิ ายหลกั การสรา้ งดีเอ็นเอรคี อมบิแนนทไ์ ด้
2. อธิบายหลักการโคลนยีนหรอื โคลนดเี อ็นเอได้
ดา้ นกระบวนการ (Process; P) 1. เขยี นขน้ั ตอนการสร้างดีเอ็นเอรคี อมบแิ นนทไ์ ด้
2. เขยี นขั้นตอนการโคลนยีนหรอื โคลนดเี อ็นเอได้
ด้านคุณลักษณะ (Attribute; A) มวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งมน่ั ในการทำงาน
ดา้ นทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ (Sc.P.) มีทักษะการสังเกต / การลงความเห็นจากข้อมูล / การจดั กระทำและสือ่
ความหมายของขอ้ มลู
สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ เป็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างดีเอ็นเอสายผสม หรือ DNA รีคอมบิแนนท์
(recombinant DNA) ซึ่งสามารถใช้ดัดแปลง ตัดต่อ เคลื่อนย้าย หรือสร้าง DNA สายใหม่ เพื่อนำไปดัดแปร
พันธกุ รรมของสง่ิ มชี ีวิต
การสร้าง DNA รีคอมบิแนนท์ เป็นการตดั ต่อ DNA จากสงิ่ มชี ีวิตชนดิ หนง่ึ แล้วนำไปเช่ือมต่อกบั DNA
ของสิ่งมีชีวิตอีกชนิด โดยอาศัยคุณสมบัติของเอนไซม์ 2 ชนิด ได้แก่ เอนไซม์ตัดจำเพาะ (restriction
enzyme) ที่มีคุณสมบัติในการตัดโมเลกุลของ DNA ที่มีตำแหน่งจำเพาะ และเอนไซม์ DNA ไลเกส (DNA
ligase enzyme) ที่ช่วยในการเชื่อมต่อสาย DNA ที่ถูกตัด ทำให้ DNA 2 สายเชื่อมต่อกัน กลายเป็น DNA รี
คอมบแิ นนท์ท่ีสมบูรณ์
การโคลนดีเอ็นเอ (DNA cloning) เป็นการเพิ่มจำนวน DNA ซึ่งหาก DNA บริเวณนั้นเป็นยีนจะ
เรยี กว่า การโคลนยนี (gene cloning) แบง่ ออกเป็น 2 วิธี
- การโคลนยีนโดยอาศยั พลาสมิดของแบคทีเรีย เป็นการเพ่ิมจำนวนปริมาณ DNA โดยการตัดชิ้นส่วน
DNA แล้วนำไปเชื่อมต่อกับเวกเตอร์ เช่น พลาสมิด (plasmid) ของแบคทีเรีย และนำแบคทีเรียไปเลี้ยงเพ่ิม
จำนวนเพ่อื ให้มีปริมาณชิน้ ส่วน DNA ทเ่ี พ่มิ ขึน้
- การโคลนยีนในหลอดทดลองโดยเทคนิคพอลิเมอเรสเชนรีแอกชัน (PCR) ซึ่งต้องอาศัยองค์ DNA
แมแ่ บบ ไพรเมอร์ นวิ คลีโอไทด์ (เบส A C G T) และเอนไซม์ DNA พอลเิ มอเรส
การโคลนยีนโดยเทคนิค PCR จะมีความรวดเร็วและจำเพาะสูง แต่การโคลนยีนอาศัยพลาสมิดของ
แบคทีเรียจะถกู ใชเ้ มอ่ื ตอ้ งการโคลนยนี ในปรมิ าณมาก
การสร้างสิ่งมีชีวิตดัดแปรพนั ธกุ รรม เป็นการสร้างสิ่งมีชีวติ ที่องค์ประกอบทางพันธกุ รรมถูกดัดแปลง
โดยใชเ้ ทคโนโลยีทางดีเอน็ เอ แบ่งออกเป็น
- การสร้างพืชดดั แปรพนั ธุกรรม เป็นการตัดต่อยีนทีแ่ สดงลักษณะท่ีตอ้ งการให้กับพืช เช่น ต้านทาน
โรค ทนแล้ง โดยใช้พลาสมิด Ti ทสี่ ามารถแทรกยีนหรือชิ้นสว่ นดเี อ็นเอท่ตี อ้ งการเข้าสโู่ ครโมโซมของพชื
- การสรา้ งสตั ว์ดัดแปรพนั ธุกรรม เปน็ การตัดต่อยนี ท่ีแสดงลักษณะที่ต้องการให้กับสัตว์ เช่น มีไขมัน
ต่ำ ผลิตน้ำนมมากขึ้น โดยอาศัยการฉีดยีนที่ต้องการเขา้ สู่นิวเคลียสของเซลล์ไข่เพือ่ ให้ยีนดังกล่าวแทรกเข้าสู่
จโี นมของนวิ เคลียส จากนั้นจงึ ทำการปฏิสนธใิ นหลอดทดลอง (in vitro fertilization) แล้วจงึ ถ่ายฝากเข้าสู่ตัว
แมเ่ พอื่ ใหเ้ จรญิ เปน็ ลูกตวั ใหมท่ ม่ี ยี นี ที่ตอ้ งการ
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
การใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ในการสร้างดีเอ็นเอ รีคอมบิแนนท์ สามารถนำไปใช้ในการสร้าง
ส่งิ มีชีวิต ดดั แปรพันธุกรรม โดยนำยีนทต่ี ้องการมาตัดต่อใส่ในส่ิงมีชวี ิตทำให้ส่ิงมีชีวิตน้ันมีสมบัติตามต้องการ
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี นและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มีวนิ ัย
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้
3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ 3. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน
กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใชร้ ูปแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ขั้นนำ
1. ครูถามคำถาม Big Question เพื่อกระตุ้นความสนใจของนักเรียนว่า ความรู้ทางด้าน DNA มี
ประโยชน์ต่อชีวติ ประจำวันของมนุษยอ์ ยา่ งไร
(แนวตอบ ความรู้ทางด้าน DNA ทำให้ทราบถึงการควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย
สิง่ มชี วี ิต ซ่ึงเป็นผลจากการควบคุมของยีน ดงั นน้ั จึงสามารถนำนำความรู้เหลา่ นม้ี าใช้ในด้านต่าง ๆ
เช่น ทางการแพทย์ในการรกั ษาโรคหรืออาการที่เกิดจากความผดิ ปกติของยีน ด้านการเกษตรในการ
ปรบั ปรงุ สายพนั ธุส์ งิ่ มีชีวติ ให้มคี ณุ สมบัติท่ดี ีและมลี ักษณะทต่ี ้องการได้)
ข้นั สอน
ขัน้ ที่ 2 ข้ันสำรวจและค้นหา (Exploration)
1. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า ความรู้ทางด้านดีเอ็นเอถูกนำมาดัดแปรพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตให้มี
ลักษณะตามทตี่ ้องการ โดยอาศัยเทคโนโลยีทางดีเอน็ เอ ซึ่งเรยี กสง่ิ มีชวี ติ เหล่านว้ี ่า ส่ิงมีชีวิตดัดแปร
พันธุกรรม
2. ครถู ามคำถาม Prior Knowledge เพอ่ื ทบทวนความรเู้ ดิมของนกั เรยี นวา่ สิ่งมชี ีวิตดัดแปรพนั ธุกรรม
(GMOs) หมายถึงอะไร
(แนวตอบ ส่ิงมชี วี ติ ดดั แปรพนั ธุกรรม หมายถึง สิ่งมชี วี ิตทถ่ี กู ตดั แต่งพนั ธุกรรม โดยนำยีนจากส่ิงมีชีวิตท่ี
สนใจมาแทรกเข้าสู่ยีนของสิ่งมีชีวิตอีกชนิด ทำให้สิ่งมีชีวิตที่ถูกแทรกยีนเข้าไปมีคุณสมบัติของยีนที่
สนใจ)
3. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอเป็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างดีเอ็นเอรีคอม
บิแนนท์ ซึ่งในกระบวนการสร้างดีเอ็นเอรีคอมบิแนนท์อาศัยคุณสมบัติของเอนไซม์ 2 ชนิด ได้แก่
เอนไซม์ตัดจำเพาะ และเอนไซม์ดเี อน็ เอไลเกส
4. ครใู ห้นกั เรยี นศึกษา เอนไซม์ตัดจำเพาะท่ีสามารถตัดสายดีเอ็นเอไดอ้ ย่างจำเพาะ ซ่ึงพบในส่ิงมีชีวิต
กลุ่มแบคทเี รีย และมีความสามารถในการตดั สาย DNA ไดอ้ ยา่ งจำเพาะทแ่ี ตกต่างกนั
5. ครถู ามนักเรยี นว่า เอนไซมต์ ดั จำเพาะมีความจำเพาะในการตัดสายดีเอน็ เออย่างไร และเอนไซม์แต่
ละชนิดมีความเหมือนหรอื แตกตา่ งกนั อย่างไร
(แนวตอบ เอนไซม์ตัดจำเพาะจะมีบริเวณตัดจำเพาะในตำแหน่งต่าง ๆ ซึ่งเอนไซม์แต่ละชนิดจะ
จดจำตำแหน่งตัดจำเพาะในสายดีเอ็นเอท่ีมีตำแหนง่ ตัดจำเพาะทแี่ ตกตา่ งกัน ซง่ึ อาจตัดสายดีเอ็นเอ
ได้เปน็ ปลายทหู่ รือปลายเหนย่ี วขึ้นอยู่กบั ชนิดของเอนไซม์ตดั จำเพาะ)
6. ครูอธิบายใหน้ ักเรียนฟงั ว่า เอนไซม์ตัดจำเพาะจะตัดสาย DNA อยา่ งจำเพาะ ซึ่งเอนไซม์แต่ละชนิด
จะมีตำแหนง่ ตัดจำเพาะท่แี ตกต่างกนั เอนไซม์บางชนดิ ตัดสาย DNA เปน็ ปลายเหนยี ว ที่จะมีนิวคลี
โอไทดส์ ายเดี่ยวย่นื ออกมา เอนไซม์บางชนิดตดั สาย DNA เปน็ ปลายทู่ ทีจ่ ะไมท่ ำใหเ้ กิดนิวคลีโอไทด์
สายเดี่ยว
7. ครูให้นกั เรยี นศึกษา เอนไซมด์ เี อน็ เอไลเกส ท่ีทำหน้าท่เี ช่อื มสายดีเอน็ เอที่ถกู ตดั เข้าด้วยกัน
8. ครูให้นักเรียนศึกษา ขนั้ ตอนการสรา้ งดีเอ็นเอรีคอมบิแนนท์
9. ครูถามนักเรียนว่า เอนไซม์ตัดจำเพาะและเอนไซม์ดีเอ็นเอไลเกสถูกใช้ในการสร้างดีเอ็นเอรีคอม
บิแนนท์ อยา่ งไร
(แนวตอบ การสรา้ งดเี อน็ เอรีคอมบิแนนทจ์ ะใช้เอนไซมต์ ัดจำเพาะตดั สายดเี อ็นเอของสง่ิ มชี ีวิต ทำให้
ได้สายดีเอ็นเอที่มีปลายแบบต่าง ๆ แล้วนำโมเลกุลดีเอ็นเอที่สนใจจากสิ่งมีชีวิตอื่นที่ถูกตัดด้วย
เอนไซม์ตดั จำเพาะชนิดเดียวกนั และมีปลายทเ่ี หมือนกัน มาเชอื่ มกบั สายดีเอน็ เอท่ีถูกตดั ดว้ ยเอนไซม์
ตัดจำเพาะโดยอาศยั เอนไซม์ดีเอ็นเอไลเกส)
10. ครูใหน้ กั เรียนแบง่ กลมุ่ กลุม่ ละ 4-5 คน ทำกิจกรรม การสร้าง DNA รีคอมบิแนนท์ เพ่อื จำลอง
ข้นั ตอนการสร้าง DNA รคี อมบิแนนท์ ที่ใชค้ ุณสมบตั ขิ องเอนไซมต์ ัดจำเพาะ และเอนไซม์ดเี อ็นเอไล
เกส
11. ครทู บทวนความรเู้ ดมิ จากช่วั โมงทีแ่ ลว้ ให้นักเรยี นทราบพอสังเขป
12. ครอู ธิบายให้นักเรยี นฟังวา่ DNA รีคอมบแิ นนท์ ทีส่ ร้างขนึ้ จะถกู เพ่มิ จำนวนเพ่ือใหเ้ พียงพอตอ่ การ
นำไปประยุกตใ์ ชป้ ระโยชน์ เรยี กการเพม่ิ จำนวนนีว้ า่ การโคลน DNA และหากสาย DNA ดงั กลา่ ว
เปน็ ยีนจะเรยี กว่า การโคลนยีน
13. ครูให้นกั เรียนศกึ ษา การโคลนยีนโดยอาศัยพลาสมดิ ของแบคทีเรยี
14. ครูถามนักเรียนวา่ เพราะเหตใุ ดจึงเลือกพลาสมดิ ของแบคทีเรียเปน็ พาหะในการโคลนยนี
(แนวตอบ พลาสมิดของแบคทีเรีย เป็น DNA สายคู่ที่อยู่นอกโครโมโซมของแบคทีเรีย ซึ่งพลาสมิ
ดของแบคทีเรียเป็นที่นิยมใช้ เนื่องจากมีจุดเริ่มต้นของการจำลอง DNA มียีนต้านยาปฏิชีวนะ มี
ตำแหน่งของเอนไซมต์ ัดจำเพาะหลายชนิดซ่งึ เหมาะสมกับการโคลนยนี )