หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 ระบบต่อมไรท้ ่อ
- อวัยวะสืบพันธุ์ แบ่งออกเป็นอัณฑะมีกลุ่มเซลล์สร้างเทสโทสเทอโรน ทาหน้าทส่ี ร้างเซลล์สืบพันธุ์
เพศชายและควบคุมลักษณะข้ันท่ีสองของเพศชาย และรังไข่มีกลุ่มเซลล์ท่ีสร้างอีสโทรเจนและ
โพรเจสเทอโรน ทาหน้าท่ีควบคุมการเปลี่ยนแปลงชองเซลล์ไข่ในแต่ละรอบเดือนและควบคุม
ลกั ษณะข้ันทีส่ องของเพศหญิง
- รก สร้างฮิวแมนคอริโอนิกโกนาโดโทรฟินทาหน้าท่ีกระตุ้นคอร์ปัสลูเทียมให้เจริญต่อและสร้างโพ
รเจสเทอโรน
- ไทมัส สร้างไทโมซินทาหนา้ ท่ีกระต้นุ ตอ่ มไทมสั ให้สร้างเซลล์เมด็ เลือดขาวลิมโฟไซต์ชนิดเซลลท์ ี
- กระเพาะอาหาร สร้างแกสตรินทาหน้าที่กระตุ้นการหลั่งกรดไฮโดรคลอริกและเอนไซม์ในระบบ
ยอ่ ยอาหาร
- ลาไสเ้ ล็ก สรา้ งซีครีทินทาหน้าที่กระตุ้นการหล่งั โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตของตับอ่อน และคอ
ลีซสิ โตไคนนิ ทาหนา้ ทก่ี ระตนุ้ การบบี ตัวของถุงนา้ ดแี ละการหลงั่ เอนไซมข์ องตบั อ่อน
การหลั่งฮอร์โมนถูกควบคุมโดยวิธีการควบคุมแบบป้อนกลับ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ การ
ควบคุมแบบป้อนกลับยับย้ังเป็นการควบคุมการหล่ังฮอร์โมนโดยมีผลยับยั้งการทางานของต่อมไร้ท่อ เช่น
การหลงั่ พาราไทรอยด์ฮอรืโมน และการควบคุมแบบป้อนกลับกระตุ้น (positive feedback control) เป็น
การควบคมุ การหลง่ั ฮอรโ์ มนโดยมีผลกระตนุ้ การทางานของต่อมไรท้ ่อ เช่น การหลั่งออกซโิ ทซิน
ฟีโรโมนเป็นสารเคมีที่สรา้ งจากต่อมมีท่อของสัตวเ์ พ่อื ใช้ติดต่อสื่อสารกัน ซง่ึ ฟีโรโมนที่หล่ังออกมาจะมี
ผลต่อการเปล่ียนแปลงของพฤตกิ รรมและสรีระของสัตวต์ ัวอน่ื ทีเ่ ปน็ ชนิดเดียวกนั
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียนและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มวี ินยั
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
1) ทกั ษะการสังเกต 3. มุง่ มน่ั ในการทางาน
2) ทกั ษะการสารวจคน้ หา
3) ทักษะการจาแนกประเภท
4) ทกั ษะการเปรียบเทียบ
5) ทกั ษะการลงความเหน็ จากขอ้ มูล
6) ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
152
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 ระบบตอ่ มไรท้ อ่
5. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- แผนภาพเปรียบเทยี บการควบคมุ การทางานของรา่ งกายโดยระบบต่อมไรท้ ่อและระบบประสาท
- แผนผงั เรื่อง การควบคมุ การทางานของต่อมไรท้ ่อ
- แผนผัง เร่ือง แผนผังการรักษาดลุ ยภาพของร่างกายดว้ ยฮอร์โมน
- ผังมโนทัศน์ เรอื่ ง ฮอร์โมนและหน้าท่ขี องฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและอวัยวะท่สี าคญั
6. การวดั และการประเมินผล
รายการวดั วิธวี ดั เครอื่ งมือ เกณฑ์การประเมิน
- ระดับคุณภาพดี
6.1 การประเมนิ ช้นิ งาน/ - แผนภาพเปรยี บเทียบ - แบบประเมิน
ผ่านเกณฑ์
ภาระงานรวบยอด การควบคุมการทางาน แผนภาพ
- ระดบั คุณภาพดี
ของรา่ งกายโดยระบบ ผา่ นเกณฑ์
ตอ่ มไร้ท่อและระบบ - ระดับคุณภาพดี
ผ่านเกณฑ์
ประสาท
- ระดับคุณภาพดี
- แผนผงั เรื่อง การควบคุม - แบบประเมนิ แผนผัง ผ่านเกณฑ์
การทางานของต่อมไร้ท่อ - ประเมนิ ตาม
สภาพจรงิ
- แผนผัง เรื่อง แผนผัง
- ร้อยละ 60
การรกั ษาดลุ ยภาพของ - แบบประเมนิ แผนผัง ผ่านเกณฑ์
ร่างกายดว้ ยฮอรโ์ มน - ร้อยละ 60
ผา่ นเกณฑ์
- ผังมโนทัศน์ เร่อื ง
ฮอรโ์ มนและหน้าที่ของ - แบบประเมนิ
ฮอร์โมนจากต่อมไร้ทอ่ ผังมโนทัศน์
และอวัยวะทสี่ าคญั
6.2 การประเมนิ ก่อนเรยี น
- แบบทดสอบก่อน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ
เรียน หน่วยการ ก่อนเรยี น กอ่ นเรยี น
เรียนรู้ที่ 3
6.3 การประเมินระหวา่ ง
การจัดกิจกรรม
1) ต่อมไรท้ ่อ - ตรวจ Topic Questions - Topic Questions
- ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หัด
153
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ระบบต่อมไรท้ ่อ
รายการวดั วิธีวัด เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
2) ฮอร์โมนจาก - ตรวจใบงานที่ 3.1 - ใบงานท่ี 3.1 - รอ้ ยละ 60
ต่อมไรท้ อ่ และ - ตรวจใบงานที่ 3.2 - ใบงานที่ 3.2 ผา่ นเกณฑ์
อวยั วะท่สี าคญั - ร้อยละ 60
- ตรวจ Topic Questions - Topic Questions
3) การรักษาดุลย- ผา่ นเกณฑ์
ภาพของร่างกาย - ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝกึ หัด - ร้อยละ 60
ด้วยฮอรโ์ มน
- ตรวจใบงานท่ี 3.3 - ใบงานท่ี 3.3 ผ่านเกณฑ์
4) ฟีโรโมน - รอ้ ยละ 60
- ตรวจ Topic Questions - Topic Questions
5) การนาเสนอ ผ่านเกณฑ์
ผลงาน - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หัด - ร้อยละ 60
5) พฤติกรรม - ตรวจ Topic Questions - Topic Questions ผา่ นเกณฑ์
การทางาน - ร้อยละ 60
รายบคุ คล - ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝึกหัด
ผ่านเกณฑ์
6) พฤติกรรม - ประเมินการนาเสนอ - ผลงานที่นาเสนอ - รอ้ ยละ 60
การทางานกล่มุ ผลงาน
- แบบสังเกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์
7) คณุ ลกั ษณะ - สงั เกตพฤตกิ รรม การทางานรายบุคคล - ร้อยละ 60
อนั พึงประสงค์ การทางานรายบุคคล
- แบบสังเกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์
6.4 ประเมนิ หลงั เรียน - สังเกตพฤตกิ รรม การทางานกลุม่ - ร้อยละ 60
- Unit Questions การทางานกลุ่ม
หน่วยการเรยี นรู้ - แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์
ที่ 3 - สังเกตความมวี นิ ัย คณุ ลกั ษณะ - ระดับคุณภาพดี
ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ ม่นั อันพงึ ประสงค์
ในการทางาน ผา่ นเกณฑ์
- Unit Questions - ระดบั คุณภาพดี
- ตรวจ Unit Questions หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 3
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 ผ่านเกณฑ์
- ระดบั คุณภาพดี
ผ่านเกณฑ์
- ระดบั คุณภาพดี
ผา่ นเกณฑ์
- ร้อยละ 60
ผา่ นเกณฑ์
154
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 ระบบต่อมไรท้ อ่
รายการวัด วิธวี ัด เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
- Test for U - ตรวจ Test for U
- Test for U - ร้อยละ 60
หน่วยการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 3
ท่ี 3 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 ผา่ นเกณฑ์
- แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ
หลงั เรียน หนว่ ย หลงั เรยี น - แบบทดสอบหลงั เรียน - รอ้ ยละ 60
การเรยี นร้ทู ี่ 3 ผา่ นเกณฑ์
7. กิจกรรมการเรยี นรู้ เวลา 1 ชว่ั โมง
แผนฯ ที่ 1 : ตอ่ มไรท้ ่อ เวลา 11 ชั่วโมง
วิธกี ารสอนแบบการบรรยาย (Lecture Method)
เวลา 1 ชวั่ โมง
แผนฯ ที่ 2 : ฮอร์โมนจากต่อมไรท้ ่อและอวัยวะท่ีสาคัญ
วิธีการสอนแบบเน้นมโนทัศน์ (Concept-Based Instruction) เวลา 1 ชัว่ โมง
(รวมเวลา 14 ช่ัวโมง)
แผนฯ ที่ 3 : การรักษาดุลยภาพของร่างกายดว้ ยฮอร์โมน
วิธีการสอนแบบการบรรยาย (Lecture Method)
แผนฯ ที่ 4 : ฟีโรโมน
วธิ กี ารสอนแบบการบรรยาย (Lecture Method)
155
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 ระบบต่อมไรท้ ่อ
8. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้
8.1 ส่ือการเรียนรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้
ท่ี 3 ระบบต่อมไรท้ ่อ
2) แบบฝึกหัดรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3
ระบบต่อมไรท้ ่อ
3) แบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 ระบบต่อมไรท้ ่อ
4) แบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 3 ระบบต่อมไรท้ ่อ
5) ใบงานท่ี 3.1 เรื่อง ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไร้ท่อและอวยั วะทีส่ าคญั
6) ใบงานที่ 3.2 เรื่อง โรคหรือกลุม่ อาการที่เกดิ จากความผดิ ปกติของฮอรโ์ มน
7) ใบงานท่ี 3.3 เรื่อง การควบคุมการหล่งั ฮอร์โมน
8) PowerPoint เรื่อง ระบบต่อมไร้ท่อ
9) QR Code เรอ่ื ง ฮอรโ์ มนจากอณั ฑะ และฮอรโ์ มนจากรังไข่
10) บตั รภาพการศึกษาเกยี่ วกบั ฟีโรโมนเพศในผีเสือ้ ไหม
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งเรยี น
2) ห้องสมดุ
3) สื่ออิเลก็ ทรอนิกส์
156
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ
แบบทดสอบกอ่ นเรียน
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3
คาชแี้ จง : ใหน้ กั เรยี นเลือกคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
1. ข้อใดเป็นความแตกต่างของต่อมมีท่อและท่อไร้ท่อ 4. การให้นมบุตรของมารดาอาศัยการทางานของ
1. การลาเลียงสาร ฮอรโ์ มนคูใ่ ด
2. อวยั วะเป้าหมาย 1. อินซลู ิน กลูคากอน
3. ประเภทของสารทีส่ ร้าง 2. ไทรอกซิน แคลซโิ ทนนิ
4. การออกฤทธิท์ ่อี วยั วะเป้าหมาย 3. โพรแลกทนิ ออกซโิ ทซนิ
5. ความจาเพาะต่ออวยั วะเป้าหมาย 4. โพรเจสเทอโรน อีสโทรเจน
2. ฮอร์โมนในข้อใดสร้างจากต่อมใต้สมองส่วนหน้า 5. ไทรอยสติมิวเลติงฮอร์โมน พาราไทรอยด์
ทง้ั หมด ฮอรโ์ มน
1. FSH HCG TSH 5. การสร้างฮอร์โมนของต่อมหมวกไตส่วนนอกถูก
2. GH ADH TSH ควบคมุ จากฮอรโ์ มนชนิดใด และสรา้ งจากทใ่ี ด
3. LH GH FSH 1. เมลาโทนนิ จากตอ่ มไพเนยี ล
4. LH ADH HCG 2. อะดรนี าลินจากตอ่ มหมวกไตสว่ นใน
5. ADH TSH ATCH 3. พาราไทรอยด์ฮอร์โมนจากต่อมพาราไทรอยด
3. ข้อใดจับคู่โรคหรือภาวะกับสาเหตุการเกิดได้ 4. อะดรีโนคอร์ติโคโทรฟินจากตอ่ มใต้สมองส่วน
ถกู ต้อง หน้า
1. เครทนิ ิซมึ – ขาดไทรอกซินในวัยเดก็ 5. ฟอลลิเคิลสติมิวเรติงฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง
2. โรคเบาหวาน – ตับอ่อนหล่ังอินซูลินมาก ส่วนหน้า
เกินไป 6. เมื่อระดับแคลเซียมในเลือดลดลง ข้อใดกล่าว
3. อาการคูชชิง – ต่อมหมวกไตหล่ังกลูโคคอร์ติ ถกู ต้อง
คอยด์นอ้ ยเกนิ ไป 1. ยับยง้ั การหลั่งอินซูลินจากตบั อ่อน
4. โรคคอพอก – ต่อมไทรอยด์หล่ังไทรอยด์สติ 2. กระตนุ้ การหลัง่ แคลซโิ ทนินจากต่อมไทรอยด์
มวิ เรติงฮอร์โมนนอ้ ยเกนิ ไป 3. กระตุ้นการหล่งั พาราไทรอยดฮ์ อรโ์ มนจากตอ่ ม
5. โรคอะโครเมกาลี - ต่อมใต้สมองส่วนหน้า พาราไทรอยด์
สร้างโกรทฮอรโ์ มนมากในวัยเดก็ 4. ยบั ยั้งการหล่ังอะดรีโนคอร์ติโคโทรฟนิ จากตอ่ ม
ใตส้ มองส่วนหน้า
5. กระตุ้นการหล่ังไทรอยด์สติมิวเลติงฮอร์โมน
จากตอ่ มใตส้ มองสว่ นหนา้
157
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ อ่
แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 3
คาชี้แจง : ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
7. ข้อใดไม่ใช่บทบาทของฮอร์โมนท่ีสร้างจากต่อม 9. การหล่ังฮอร์โมนชนิดใดถูกควบคุมโดยการ
หมวกไตสว่ นนอก ควบคมุ ปอ้ นกลับยบั ยั้ง
1. เพมิ่ ระดบั นา้ ตาลกลโู คสในเลอื ด 1. ไทรอกซนิ
2. ควบคมุ เมแทบอลิซมึ ของร่างกาย 2. ออกซโิ ทซนิ
3. ควบคุมสมดุลนา้ และแร่ธาตใุ นร่างกาย 3. เทสโทสเทอโรน
4. ควบคุมการเปล่ียนแปลงของร่างกายท่เี ปน็ ผล 4. พาราไทรอยด์ฮฮร์โมน
จากฮอร์โมนเพศ 5. อะดรีโนคอรต์ โิ นโทรฟิน
5. เปล่ียนกรดอะมิโนเป็นคาร์โบไฮเดรตและเก็บ 10. ข้อใดกล่าวถึงฟโี รโมนได้ถกู ตอ้ ง
สะสมในรปู ไกลโครเจน 1. พบในแมลงเทา่ นนั้
8. ฮอร์โมนชนิดใดทาหน้าที่เกี่ยวข้องกับระบบ 2. สามารถออกฤทธ์ิต่อตนเองได้
ภูมิคุ้มกนั และระบบยอ่ ยอาหาร ตามลาดบั 3. มีผลต่อการเปลีย่ นแปลงทางพฤติกรรม
1. ไทโมซินและอินซลู ิน 4. ฮอรโ์ มนของมนุษย์ทสี่ ร้างจากต่อมมีทอ่
2. ไทโมซินและซีครีทิน 5. สามารถส่งผ่านจากส่ิงมีชีวิตชนิดหนึ่งไปยังอีก
3. คอร์ติซอลและแกสตริน ชนิดหน่ึงได้
4. ซีครีทินและคอลซี สี โตไคนิน
5. โกรทฮอร์โมนและคอลซี ีสโตไคนิน
เฉลย
1. 1 2. 3 3. 1 4. 3 5. 4 6. 3 7. 1 8. 2 9. 4 10. 3
158
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ อ่
แบบทดสอบหลังเรยี น
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3
คาชีแ้ จง : ให้นักเรียนเลือกคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
1. ขอ้ ใดเปน็ ลกั ษณะสาคญั ของต่อมไร้ท่อ 5. ลทู ิไนซงิ ฮอรโ์ มนของเพศหญิงจะเพิ่มทสี่ ุดในช่วงใด
1. มหี ลอดเลือดมาหล่อเลย้ี ง 1. ช่วงระยะตกไข่
2. อยูต่ ิดกับอวยั วะเปา้ หมาย 2. ชว่ งระยะหลังตกไข่
3. มีทอ่ ลาเลียงทม่ี คี วามจาเพาะ 3. ช่วงระยะก่อนตกไข่
4. พบเฉพาะในสัตวม์ กี ระดูกสนั หลงั 4. ช่วงทม่ี ีการเจรญิ ฟอลลิเคลิ
5. สร้างสารเคมีเฉพาะกลุม่ สเตอรอยด์ 5. ชว่ งทคี่ อรป์ สั ลเู ทยี มสลายตัว
2. ฮอร์โมนชนิดใดสรา้ งจากเซลล์ประสาทของสมอง 6. ฮอร์โมนคใู่ ดออกฤทธค์ิ ล้ายคลึงกัน
ส่วนไฮโพทาลามสั 1. อนิ ซูลนิ และกลคู ากอน
1. ไทรอกซิน แคลซโิ ทนนิ 2. โพรแลกตนิ และแคลซโิ ทนนิ
2. อะดรีนาลนี เอนดอร์ฟนิ 3. อีสโทรเจนและโพรเจสเทอโรน
3. วาโซเพรสซิน ออกซโิ ทซิน 4. อะดรีนาลนิ และนอร์อะดรนี าลนิ
4. โพรแลกติน ออกซโิ ทซิน 5. แคลซิโทนินและพาราไทรอยด์ฮอรโ์ มน
5. โกรทฮอรโ์ มน โกนาโดโทรฟนิ 7. ฮวิ แมนคอริโอนกิ โกนาโดโทรฟินถูกหลั่งเม่ือใด
3. หากร่างกายขาดธาตุไอโอดนี จะทาใหเ้ กิดโรคหรือ 1. คอร์ปัสลูเทียมสลายตวั
อาการใด 2. เย่อื บผุ นังมดลูกสลายตัว
1. โรคคอพอก 2. โรคไซมอนส์ 3. เซลลไ์ ข่ปฏิสนธิกบั สเปริ ม์
3. อาการมิกซีดมี า 4. โรคไซมอนส์ 4. เอม็ บรโิ อฝั่งตัวทผี่ นงั มดลกู
5. โรคคอพอกเป็นพิษ 5. หลังจากเซลลไ์ ขต่ กเข้าสทู่ ่อนาไข่
4. ฮอร์โมนในข้อใดทาหน้าที่ควบคุมระดับน้าตาลใน 8. ข้อใดกล่าวถึงฮอรโ์ มนจากอวัยวะสืบพนั ธ์ุไดถ้ ูกต้อง
เลอื ด 1. หลัง่ ออกมาในวยั เจริญพันธุเ์ ท่านั้น
1. อินซลู ิน กลคู ากอน 2. ประกอบด้วยฮอร์โมน 2 ชนิด ได้แก่ FSH และ
2. โพรแลกทิน ออกซโิ ทซิน LH
3. อะดนี าลีน นอรอ์ ะดนี าลีน 3. มีผลต่อการเปล่ียนแปลงของอวัยวะในระบบ
4. แคลซิโทนิน พาราไทรอยดฮ์ อรโ์ มน สบื พนั ธุ์เท่านน้ั
5. ฟอลลิเคิลสติมิวเลติงฮอร์โมน ลูทิไนซิง 4. ในเพศหญิงฮอร์โมนเพศจะหล่ังออกมาใน
ฮอร์โมน ปรมิ าณที่สม่าเสมอ
5. การหล่ังฮอร์โมนเพศถูกควบคุมโดยฮอร์โมน
จากตอ่ มใต้สมองสว่ นหน้า
159
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 3 ระบบตอ่ มไรท้ อ่
แบบทดสอบหลังเรยี น
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3
คาช้ีแจง : ให้นกั เรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
9. การหลั่งฮอร์โมนชนิดใดถูกควบคุมโดยการควบคุม 10. ข้อใดเป็นความแตกต่างระหว่างฮอร์โมนกับ
ป้อนกลบั กระต้นุ ฟโี รโมน
1. อินซูลิน 2. ออกซิโทซิน 1. ฮอร์โมนพบในมนษุ ย์ แต่ฟโี รโมนพบในสตั ว์
3. แคลซโิ ทนนิ 4. โกรทฮอร์โมน 2. ฮอร์โมนผลิตจากต่อมไร้ท่อ แต่ฟีโรโมนผลิต
5. โกนาโดโทรปิน จากตอ่ มมีทอ่
3. ฮอร์โมนเป็นสารกลุ่มลิพิด แต่ฟีโรโมนเป็น
สารกล่มุ สเตอรอยด์
4. ฮอร์โมนส่งผลต่อตัวสิ่งมีชีวิตเอง แต่ฟีโรโมน
ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตอื่นทต่ี า่ งสปชี ีส์
5. ฮอร์โมนหล่ังและลาเลียงผ่านระบบหมุนเวียน
เลือด แต่ฟีโรโมนหล่ังและลาเลียงผ่านระบบ
ประสาท
เฉลย
1. 1 2. 3 3. 1 4. 1 5. 4 6. 3 7. 4 8. 5 9. 2 10. 2
160
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 ระบบต่อมไรท้ ่อ
แบบประเมนิ ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แผนฯ ท่ี 1-3
แบบประเมินผังมโนทัศน์/แผนผัง/แผนภาพ
คาชีแ้ จง : ให้ผู้สอนประเมินชิ้นงาน/ภาระงานของนักเรียนตามรายการที่กาหนด แล้วขีด ลงในช่องท่ีตรง
กับระดบั คะแนน
ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
4321
1 ความสอดคล้องกบั จุดประสงค์
2 ความถูกตอ้ งของเน้อื หา
3 ความคดิ สรา้ งสรรค์
4 ความตรงต่อเวลา
รวม
ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมนิ
............../................../................
เกณฑก์ ารประเมนิ ผังมโนทศั น/์ แผนผัง/แผนภาพ
ประเดน็ ทีป่ ระเมนิ 4 ระดับคะแนน 1
32
1. ความ ผลงานสอดคลอ้ งกบั ผลงานสอดคล้องกบั ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานไมส่ อดคล้องกับ
สอดคล้องกับ จุดประสงค์ทกุ ประเด็น จดุ ประสงค์เปน็ จุดประสงคบ์ างประเดน็ จดุ ประสงค์
จดุ ประสงค์ ส่วนใหญ่
2. ความถูกต้อง เน้ือหาสาระของผลงาน เนื้อหาสาระของผลงาน เน้อื หาสาระของผลงาน เนอ้ื หาสาระของผลงาน
ของเนือ้ หา ถกู ต้องครบถว้ น ถกู ต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ถกู ต้องบางประเดน็ ไม่ถกู ต้องเป็นสว่ นใหญ่
3. ความคิด ผลงานแสดงถงึ ความคดิ ผลงานแสดงถงึ ความคิด ผลงานมีความนา่ สนใจ ผลงานไม่มคี วาม
สรา้ งสรรค์ สร้างสรรค์ แปลกใหม่ สรา้ งสรรค์ แปลกใหม่ แต่ยงั ไมม่ แี นวคิดแปลก น่าสนใจ และไมแ่ สดง
และเป็นระบบ แต่ยังไมเ่ ปน็ ระบบ ใหม่ ถงึ แนวคดิ แปลกใหม่
4. ความตรงตอ่
เวลา สง่ ชิ้นงานภายในเวลาท่ี ส่งชิ้นงานช้ากวา่ เวลาที่ สง่ ช้นิ งานช้ากวา่ เวลาที่ สง่ ชิน้ งานช้ากว่าเวลาที่
กาหนด กาหนด 1 วัน กาหนด 2 วนั กาหนด 3 วันข้นึ ไป
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
14-16 ดีมาก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง
161
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ
แบบประเมนิ ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) แผนฯ ที่ 2
แบบประเมินรายงาน
คาชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินชิ้นงาน/ภาระงานของนักเรียนตามรายการท่ีกาหนด แล้วขีด ลงในช่องที่ตรง
กับระดบั คะแนน
ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
4321
1 ความถูกต้องของเนือ้ หา
2 ความสมบูรณข์ องรูปเล่ม รวม
3 ความตรงต่อเวลา
ลงช่อื ................................................... ผปู้ ระเมิน
............/................../..................
เกณฑ์การประเมนิ รายงาน
ประเดน็ ทีป่ ระเมนิ 4 ระดับคะแนน 1
32
1. ความถูกตอ้ ง เน้ือหาสาระของ เนื้อหาสาระของ เน้อื หาสาระของ เนื้อหาสาระของ
ของเนอ้ื หา รายงานถกู ต้องครบถ้วน รายงานถกู ต้องเปน็ รายงานถูกตอ้ งบาง รายงานไมถ่ ูกตอ้ งเป็น
สว่ นใหญ่ ประเด็น สว่ นใหญ่
2. ความสมบูรณ์ มีองคป์ ระกอบครบถ้วน มอี งค์ประกอบครบถว้ น มอี งค์ประกอบครบถ้วน องคป์ ระกอบ
ของรูปเล่ม สมบูรณ์ มีความเปน็ สมบรู ณ์ มีความเป็น สมบูรณ์ แต่ยงั ไมเ่ ปน็ ไมค่ รบถว้ น ไมเ่ ปน็
ระเบยี บ และรปู เล่ม ระเบียบ แตร่ ูปเล่ม ระเบยี บ และรปู เลม่ ระเบยี บ และรูปเลม่
สวยงาม ไม่สวยงาม ไมส่ วยงาม ไม่สวยงาม
3. ความตรงต่อ สง่ ชนิ้ งานภายในเวลาท่ี สง่ ชน้ิ งานช้ากวา่ เวลาที่ ส่งชนิ้ งานช้ากว่าเวลาท่ี สง่ ชิน้ งานช้ากวา่ เวลาท่ี
เวลา กาหนด กาหนด 1 วัน กาหนด 2 วนั กาหนด 3 วันข้ึนไป
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
11-12 ดมี าก
9-10 ดี
6-8 พอใช้
ตา่ กวา่ 6 ปรับปรงุ
162
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 ระบบต่อมไรท้ อ่
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
คาชแี้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องท่ี
ตรงกบั ระดบั คะแนน
ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 1
32
1 เน้อื หาละเอยี ดชัดเจน
2 ความถูกต้องของเน้ือหา
3 ภาษาที่ใช้เขา้ ใจงา่ ย
4 ประโยชน์ทีไ่ ด้จากการนาเสนอ
5 วิธกี ารนาเสนอผลงาน
รวม
ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมิน
............/................./................
เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางสว่ น
เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14-15 ดีมาก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ
163
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 ระบบต่อมไรท้ อ่
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล
คาช้ีแจง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งที่
ตรงกบั ระดบั คะแนน
ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1
32
1 การแสดงความคิดเหน็
2 การยอมรบั ฟงั ความคิดเห็นของผู้อืน่
3 การทางานตามหนา้ ที่ทีไ่ ด้รับมอบหมาย
4 ความมนี ้าใจ
5 การตรงต่อเวลา
รวม
ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมิน
............../.................../................
เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ให้ 1 คะแนน
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง
เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
14-15 ดีมาก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง
164
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 ระบบต่อมไรท้ ่อ
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ
คาช้ีแจง : ใหผ้ ้สู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่องที่
ตรงกับระดับคะแนน
การมี
ลาดบั ที่ ชอ่ื –สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมี ส่วนรว่ มใน รวม
ของนกั เรียน ความ ฟงั คนอื่น ตามทไ่ี ดร้ บั นา้ ใจ การ 15
คิดเหน็ มอบหมาย คะแนน
ปรบั ปรงุ
ผลงานกลมุ่
321321321321321
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชือ่ ...................................................ผ้ปู ระเมิน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ............../.................../...............
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
14-15 ดมี าก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง
165
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ
แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
คาชีแ้ จง : ให้ผูส้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี
ตรงกับระดบั คะแนน
คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
อนั พึงประสงคด์ า้ น 321
1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้
กษัตริย์ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมท่สี ร้างความสามคั คี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์
2. ซือ่ สตั ย์ สุจริต ต่อโรงเรยี น
3. มีวนิ ัย รับผดิ ชอบ 1.3 เข้ารว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทต่ี นนับถือ ปฏบิ ตั ิตามหลักศาสนา
4. ใฝ่เรยี นรู้ 1.4 เข้าร่วมกจิ กรรมทเ่ี กย่ี วกับสถาบันพระมหากษัตรยิ ต์ ามท่โี รงเรยี นจดั ข้ึน
2.1 ให้ขอ้ มลู ทีถ่ ูกต้อง และเป็นจรงิ
5. อย่อู ยา่ งพอเพียง 2.2 ปฏบิ ัตใิ นส่ิงทถี่ กู ต้อง
3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครวั
6. มุง่ ม่ันในการทางาน
7. รักความเปน็ ไทย มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัตกิ จิ กรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจาวัน
8. มีจติ สาธารณะ 4.1 รู้จักใชเ้ วลาว่างให้เป็นประโยชน์ และนาไปปฏิบตั ิได้
4.2 รูจ้ กั จัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม
4.3 เชอื่ ฟังคาส่งั สอนของบิดา - มารดา โดยไม่โตแ้ ย้ง
4.4 ตงั้ ใจเรยี น
5.1 ใชท้ รัพยส์ ินและสิง่ ของของโรงเรยี นอยา่ งประหยดั
5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรยี นอย่างประหยดั และร้คู ณุ ค่า
5.3 ใช้จา่ ยอย่างประหยัดและมกี ารเก็บออมเงิน
6.1 มีความต้ังใจและพยายามในการทางานท่ไี ด้รับมอบหมาย
6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรคเพอ่ื ใหง้ านสาเร็จ
7.1 มจี ติ สานึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย
7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย
8.1 รูจ้ กั ชว่ ยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครูทางาน
8.2 รู้จักการดูแลรักษาทรัพยส์ มบัติและส่งิ แวดลอ้ มของห้องเรยี นและ
โรงเรียน
ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมิน
............../.................../...............
เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ
พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติชดั เจนและสมา่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัตชิ ดั เจนและบ่อยคร้งั ให้ 2 คะแนน 51-60 ดมี าก
พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิบางครง้ั ให้ 1 คะแนน 41-50 ดี
30-40 พอใช้
ต่ากวา่ 30 ปรบั ปรงุ
166
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 1 ตอ่ มไรท้ อ่
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1
ต่อมไร้ทอ่
เวลา 1 ชัว่ โมง
1. ผลการเรยี นรู้
13. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเขียนแผนผังสรุปหน้าท่ีของฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและเนื้อเย่ือที่สร้าง
ฮอรโ์ มน
2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปผลการทดลองของของนักวิทยาศาสตร์เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงทาง
สรรี วิทยาของลูกไก่ (K)
2. อธิบายและเปรียบเทียบการทางานของตอ่ มมที ่อและต่อมไร้ท่อ (K)
3. เปรียบเทียบความแตกต่างของการควบคุมการทางานของร่างกายโดยระบบต่อมไร้ท่อและระบบ
ประสาท (K)
4. เขยี นแผนภาพเปรียบเทียบการควบคุมการทางานของร่างกายโดยระบบต่อมไร้ทอ่ และระบบประสาท (P)
5. สนใจใฝร่ ู้ในการศึกษาและมงุ่ ม่นั ในการทางาน (A)
3. สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่นิ
- ฮอร์โมนเป็นสารท่ีควบคุมสมดุลต่าง ๆ ของ พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
ร่างกายโดยผลิตจากต่อมไร้ท่อหรือเนื้อเย่ือ
โดยต่อมไร้ท่อน้ีจะกระจายอยู่ตามตาแหน่ง
ตา่ ง ๆ ทัว่ รา่ งกาย
- ต่อมไร้ท่อที่สร้างหรือหล่ังฮอร์โมน ไม่มีท่อใน
การลาเลียงฮอร์โมนออกจากต่อมจึงถูกลาเลียง
โด ยระบ บ ห มุ น เวียน เลื อ ด ไป ยังอ วัยว ะ
เปา้ หมายที่จาเพาะเจาะจง
4. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
ระบบต่อมไร้ท่อ (endocrine system) เป็นระบบต่อมไม่มีท่อ ทาหน้าท่ีสร้างฮอร์โมนแล้วหลั่งออกสู่
ของเหลวภายในร่างกาย เพื่อลาเลียงไปควบคุมเน้ือเยื่อของอวัยวะต่าง ๆ และต่อมไร้ท่ออ่ืน ๆ ทาให้มีการ
ทางานอยา่ งสมดุล
167
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 1 ตอ่ มไรท้ อ่
5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียนและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มีวนิ ัย
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
1) ทกั ษะการสังเกต 3. มุ่งม่นั ในการทางาน
2) ทักษะการเปรยี บเทยี บ
3) ทกั ษะการลงความเหน็ จากข้อมลู
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. กิจกรรมการเรียนรู้
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : การบรรยาย (Lecture Method)
ช่ัวโมงท่ี 1
ขนั้ นา
การเตรียมการบรรยาย
1. แจ้งผลการเรยี นรูข้ องหน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ อ่ ใหน้ กั เรยี นทราบ
2. นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 ระบบต่อมไร้ท่อ
3. นักเรียนทา Check for Understanding เพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเองกอ่ นเรยี น
4. ทบทวนความรู้ เร่ือง ต่อมภายในร่างกาย ให้นักเรียนฟังว่า ต่อมเป็นกลุ่มเซลล์หรือกลุ่มของเน้ือเย่ือท่ี
เปล่ียนแปลงรูปร่างเพื่อผลิตสารเคมีให้กับร่างกายเพ่ือใช้ในการดารงชีวิต แบ่งออกเป็นต่อมมีท่อ
(exocrine gland) เป็นต่อมท่ีสร้างสารออกมา แล้วมีท่อลาเลียงออกสู่ภายนอกได้ เช่น ต่อมเหง่ือ ต่อม
ไขมัน ต่อมน้าตา สว่ นต่อมไรท้ ่อ (endocrine gland) เปน็ ต่อมท่ีสร้างสารออกมา แต่ไม่มีทอ่ ลาเลยี งออก
สู่ภายนอก จึงลาเลยี งผ่านระบบหมนุ เวยี นเลือด เรียกสารเหลา่ น้นั วา่ ฮอรโ์ มน
5. ถามคาถาม Big Question เพื่อให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ว่า “ฮอร์โมนมีผลต่อการรักษาดุลยภาพของ
รา่ งกายอย่างไร และหากการสร้างหรอื การทางานของฮอร์โมนผดิ ปกติจะส่งผลตอ่ ร่างกายอย่างไร”
(แนวตอบ: ฮอร์โมนมีบทบาทควบคมุ การเปลย่ี นแปลงทางสรรี วิทยาและการทางานของระบบต่าง ๆ ของ
ร่างกายให้อยู่ในภาวะปกติ ซึ่งหากร่างกายสร้างฮอร์โมนผิดปกติหรือการทางานของฮอร์โมน
ผดิ ปกติจะทาให้ไม่สามารถรักษาดุลยภาพของร่างกายได้ และเป็นผลทาให้เกิดโรคหรือภาวะ
ต่าง ๆ ตามมา เช่น หากตับอ่อนหลั่งอินซูลินผิดปกติจะทาให้ระดับนาตาลในเลือดสูงและ
ทาให้เกดิ โรคเบาหวาน (นักเรียนอาจยังไม่สามารถตอบคาถามได้))
168
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 1 ตอ่ มไรท้ อ่
6. ถามคาถาม Key Question กบั นกั เรียนว่า ต่อมไร้ท่อควบคมุ ดลุ ยภาพของร่างกายได้อย่างไร
(แนวตอบ: ต่อมไร้ท่อทาหน้าที่สร้างฮอร์โมน แล้วหล่ังออกสู่ระบบหมุนเวียนเลือดเพ่ือลาเลียงไปยังอวัยวะ
เป้าหมาย ฮอร์โมนมีบทบาทควบคุมการเปล่ียนแปลงทางสรีรวิทยาและการทางานของระบบ
ต่าง ๆ ของรา่ งกายให้อยู่ในภาวะปกติ (นักเรียนอาจยงั ไมส่ ามารถตอบคาถามได้))
ขนั้ สอน
การบรรยาย
1. นักเรียนจับคู่กับเพ่ือนที่นั่งข้างกัน วิเคราะห์การทดลองของอาร์โนล เอ เบอร์โทลด์ เพ่ือศึกษาการ
เปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของลูกไกเ่ พศผูท้ ี่เจรญิ เป็นไก่เพศผู้ตัวเต็มวัย จากหนังสือเรยี นรายวิชาเพ่ิมเติม
วทิ ยศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชวี วทิ ยา ม.6 เลม่ 1 หนา้ 95-96
2. สมุ่ เลือกนักเรยี น 3 คู่ ออกมาสรปุ ผลการทดลองของอาร์โนล เอ เบอรโ์ ทลด์
3. ถามคาถามเพ่ือตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี น เช่น
- จากการทดลองในกลุ่มท่ี 2 นักเรียนสรุปผลการทดลองได้อยา่ งไร
(แนวตอบ: อัณฑะของไก่ทาหน้าท่ีควบคุมการเจริญของลักษณะเพศผู้ของไก่ เช่น หงอน เหนียง ขน
คอและขนหาง)
- นักเรยี นทราบได้อยา่ งไรว่า อณั ฑะทาหน้าท่ีควบคมุ การแสดงลกั ษณะของไกเ่ พศผู้
(แนวตอบ: เน่ืองจากไก่ที่ไม่ถูกตัดอัณฑะออก เมื่อโตเต็มวัยจะมีหงอนและเหนียงคอ ขนคอและขน
หางยาว และมีนิสัยชอบการต่อสู้ ส่วนไก่ที่ถูกตัดอัณฑะออกจะมีหงอนและเหนียงคอสัน
ขนหางสัน และไม่ชอบการตอ่ สู้ ซึ่งมลี ักษณะคล้ายกับไก่เพศเมยี )
- จากการทดลองทงั้ 3 กลมุ่ นักเรียนสรปุ ผลการทดลองได้อย่างไร
(แนวตอบ: อัณฑะของไก่เพศผู้สามารถผลิตสารแล้วลาเลียงไปตามระบบหมุนเวียนเลือดเพ่ือควบคุม
การเจรญิ ของลกั ษณะเพศผู้ของไกต่ ัวเต้มวยั )
4. นักเรีนยและครูร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า สารที่อัณฑะของไก่ผลิตขึ้นและลาเลียงไปตามระบบ
หมุนเวยี นเลอื ดเพ่ือควบคุมการเจริญของลกั ษณะเพศผูข้ องไกต่ ัวเต็มวยั เรยี กวา่ ฮอร์โมน
5. อธิบายใหน้ ักเรียนฟงั วา่ ฮอร์โมนแบง่ ตามชนดิ ของสารเคมไี ด้ 3 กลุ่ม ดังน้ี
- เพปไทด์ฮอร์โมน เป็นฮอร์โมนท่ีมีขนาดใหญ่ เกิดจากกรดอะมิโนหลายชนิดมาต่อกันเป็นสาย
เพปไทด์ เป็นฮอร์โมนท่ีละลายน้าได้ดี แต่ไม่ละลายในไขมัน จึงออกฤทธิ์ท่ีเยื่อหุ้มเซลล์โดยจับกับ
ตวั รับสัญญาณที่เยื่อหุ้มเซลล์ เม่ือสร้างขึ้นจะถูกเก็บไว้ในลักษณะของแกรนูล เช่น อนิ ซูลิน กลูคา-
กอน ออกซิโทซิน ACTH TSH LH
- สเตอรอยด์ฮอร์โมน ถูกสังเคราะห์ข้ึนจากคอเลสเทอรอล เป็นฮอร์โมนที่ละลายในไขมัน
จึงสามารถแพร่ผา่ นเยือ่ หุ้มเซลลแ์ ละออกฤทธิภ์ ายในเซลล์ เช่น อีสโทรเจน เทสโทสเทอโรน
- เอมีนฮอร์โมน เป็นฮอร์โมนขนาดเล็ก ละลายในน้า จึงออกฤทธ์ิท่ีเยื่อหุ้มเซลล์ เมื่อสร้างขึ้นจะถูก
เก็บไวใ้ นรูปของคอลลอยดห์ รอื แกรนลู เช่น ไทรอกซิน แคลวโิ ทนิน เมลาโทนิน เอพิเนฟรนิ
169
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 ระบบตอ่ มไรท้ อ่
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 1 ตอ่ มไรท้ อ่
5. ให้นักเรียนจับคกู่ ับเพื่อนที่นง่ั ข้างกันเปรยี บเทียบโครงสรา้ งของตอ่ มไร้ท่อและต่อมมีท่อ จากหนังสือเรียน
รายวิชาเพิ่มเติมวิทยศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 97 แล้วนักเรียนและครูร่วมกัน
อภิปรายเพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่า ต่อมมีท่อจะมีท่อลาเลียงที่จาเพาะ ซ่ึงแตกต่างจากต่อมไร้ท่อท่ีไม่มีท่อ
ลาเลียงจึงลาเลียงสารผ่านระบบหมุนเวียนเลือดเพื่อไปออกฤทธ์ิยังอวัยวะเป้าหมาย จึงพบหลอดเลือด
จานวนมากที่ตอ่ มไร้ท่อ
6. ให้นักเรียนจับคกู่ บั เพ่อื นที่นงั่ ข้างกันเปรียบเทยี บการลาเลียงฮอรโ์ มนจากต่อมไรท้ ่อ ฮอร์โมนประสาทจาก
เซลล์ประสาท และสารสื่อประสาทจากเซลล์ประสาท จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยศาสตร์และ
เทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 98 แล้วนักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่า
นอกจากฮอร์โมนท่ีผลิตจากต่อมไร้ท่อแล้ว ยังมีฮอร์โมนประสาทและสารส่ือประสาทท่ีผลิตจากเซลล์
ประสาทที่มีบทบาทควบคุมการทางานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายให้อยู่ในสภาวะสมดุลเช่นกัน ซึ่งการ
ทางานของสารส่ือประสาทจะเร็วกว่าการทางานของฮอร์โมนและฮอร์โมนประสาท เนื่องจากการส่งผ่าน
ของสารสื่อประสาทจากปลายแอกซอนของเซลล์ประสาทหนึ่งไปยังเดนไดรต์ของอีกเซลล์ประสาทหน่ึงมี
ระยะทางส้นั กว่า แตก่ ารทางานของฮอรโ์ มนและฮอร์โมนประสาทจะออกฤทธไิ์ ดย้ าวนานกว่า เนือ่ งจากไม่
ถูกทาลายอย่างรวดเร็วเหมือนสารสอ่ื ประสาท
6. ถามคาถามเพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี น เช่น
- ต่อมไรท้ อ่ และต่อมมที ่อลาเลยี งสารเหมอื นหรือแตกตา่ งกนั อยา่ งไร
(แนวตอบ: แตกต่างกัน ต่อมม่ท่อจะมีท่อลาเลียงที่จาเพาะช่วยลาเลียงสารที่ต่อมสร้างขึน แต่
ต่อมไรท้ อ่ ไมม่ ที ่อลาเลียง จงึ ลาเลียงผา่ นระบบหมุนเวียนเลอื ด)
- นกั เรียนคิดวา่ ระบบต่อมไรท้ อ่ และระบบประสาทมีความสัมพันธ์กนั หรือไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ: สัมพันธ์กัน เนื่องจากเซลล์ประสาทสามารถหล่ังฮอร์โมนประสาทปล้วลาเลียงผ่านระบบ
หมุนเวียนเลอื ดเพ่ือไปกระต้นุ การทางานของเซลล์เป้าหมายไดเ้ ช่นกัน)
- การควบคุมดลุ ยภาพของรา่ งกายรูปแบบใดรวดเรว็ ที่สดุ เพราะเหตุใด
(แนวตอบ: การทางานของสารสื่อประสาทจะรวดเร็วกว่าการทางานของฮอร์โมนและฮอร์โมน
ประสาท เนื่องจากการส่งผ่านของสารสื่อประสาทจากปลายแอกซอนของเซลล์
ประสาทหนึ่งไปยังเดนไดรต์ของอีกเซลลป์ ระสาทหน่ึงมีระยะทางสนั กว่า)
7. นักเรียนทา Topic Questions ท้ายหัวข้อ เรอ่ื ง ต่อมไร้ท่อ ในหนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ชีววทิ ยา ม.6 เลม่ 1 หนา้ 98 โดยทาลงในสมุดบันทึกของนักเรยี น
8. นักเรียนทาแบบฝึกหัด เรื่อง ต่อมไร้ท่อ ในแบบฝึกหัดรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชีววิทยา ม.6 เลม่ 1 (อาจส่งั ให้นกั เรยี นทาเปน็ การบ้าน)
170
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ อ่
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 1 ตอ่ มไรท้ อ่
ขน้ั สรุป
1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อเพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่า ระบบต่อมไร้ท่อเป็นระบบต่อมไม่มีท่อ
ทาหน้าท่ีสร้างฮอร์โมนแล้วหล่ังออกสู่ระบบหมุนเวียนเลือดเพ่ือลาเลียงไปควบคุมเนื้อเยื่อของอวัยวะ
ต่าง ๆ และตอ่ มไรท้ ่ออนื่ ๆ ทาใหม้ กี ารทางานอย่างสมดุล
2. นักเรียนเขียนตารางเปรียบเทียบโครงสร้างและการทางานของต่อมมีท่อและต่อมไร้ท่อ ลงในสมุดบันทึก
ของนักเรยี น
3. นักเรียบเขียนแผนภาพเปรียบเทียบการควบคุมการทางานของร่างกายโดยระบบต่อมไร้ท่อและระบบ
ประสาท ลงในกระดาษ A4
ข้นั ประเมิน
1. ประเมินความรู้เกี่ยวกับ เร่ือง ต่อมไร้ท่อ โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม ตรวจแบบทดสอบก่อน
เรยี น ตรวจตารางเปรียบเทยี บ และตรวจแบบฝกึ หัด
2. ประเมินทกั ษะและกระบวนการ โดยสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล
3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยสังเกตพฤติกรรมความสนใจใฝ่รู้ในการศึกษาและความมุ่งม่ันใน
การทางาน
7. การวดั และการประเมินผล
รายการวัด วธิ ีวดั เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
7.1 การประเมนิ ก่อนเรียน - ประเมินตาม
สภาพจริง
- แบบทดสอบก่อน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ
- รอ้ ยละ 60
เรียน หนว่ ยการ ก่อนเรยี น กอ่ นเรยี น ผา่ นเกณฑ์
เรียนร้ทู ่ี 1 - ร้อยละ 60
ผา่ นเกณฑ์
7.2 การประเมนิ ระหว่าง
- ระดบั คุณภาพดี
การจดั กิจกรรม ผา่ นเกณฑ์
1) ต่อมไรท้ ่อ - ตรวจ Topic Questions - Topic Questions
- ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝกึ หัด
- ตรวจแผนภาพ - แบบประเมนิ
เปรยี บเทียบการควบคุม แผนภาพ
การทางานของร่างกาย
โดยระบบต่อมไร้ท่อและ
ระบบประสาท
171
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 ระบบตอ่ มไรท้ อ่ วธิ ีวดั เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 1 ตอ่ มไรท้ ่อ - สังเกตพฤติกรรม
- แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพดี
รายการวัด การทางานรายบคุ คล
2) พฤติกรรม การทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
- สังเกตความมีวินัย
การทางาน ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมัน่ - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพดี
รายบคุ คล ในการทางาน คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
3) คุณลักษณะ อนั พงึ ประสงค์
อนั พงึ ประสงค์
8. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้
8.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้
ท่ี 3 ระบบต่อมไรท้ ่อ
2) แบบฝึกหัดรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้
ที่ 3 ระบบต่อมไร้ทอ่
3) แบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ระบบตอ่ มไร้ทอ่
4) PowerPoint เรอ่ื ง ระบบตอ่ มไร้ทอ่
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
172
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 1 ตอ่ มไรท้ อ่
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ีไ่ ด้รับมอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงช่อื .................................
( ................................ )
ตาแหน่ง .......
10. บนั ทึกผลหลงั การสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ดา้ นอืน่ ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมท่มี ีปัญหาของนกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแก้ไข
173
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ อ่
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 2 ฮอร์โมนจากตอ่ มไรท้ อ่ และอวยั วะที่สาคญั
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 2
ฮอร์โมนจากต่อมไร้ทอ่ และอวยั วะที่สาคญั
เวลา 11 ชัว่ โมง
1. ผลการเรยี นรู้
13. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเขียนแผนผังสรุปหน้าท่ีของฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและเน้ือเย่ือท่ีสร้าง
ฮอร์โมน
2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. สืบค้นขอ้ มูล อธบิ าย และสรุปหนา้ ทขี่ องฮอร์โมนจากตอ่ มไรท้ ่อและอวัยวะท่ีสรา้ งฮอรโ์ มน (K)
2. วิเคราะหแ์ ละสรปุ การทางานของฮอรโ์ มนจากต่อมไร้ทอ่ โดยใช้ข้อมลู การศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ (K)
3. เขยี นแผนภาพและตารางสรปุ หน้าที่และอาการของโรคเนื่องจากความผิดปกติของฮอร์โมนจากตอ่ มไร้
ท่อและอวัยวะที่สาคัญ (P)
4. สนใจใฝ่รใู้ นการศกึ ษาและมงุ่ ม่ันในการทางาน (A)
3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถ่ิน
พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
- ต่อมไพเนียลสร้างเมลาโทนินซ่ึงยับย้ังการ
เจรญิ เตบิ โตของอวัยวะสืบพันธุ์ช่วงก่อนวัยเจริญ
พันธุ์และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของแสง
ในรอบวัน
- ต่อมใต้สมองส่วนหน้าสร้างและหลั่งโกรท
ฮอร์โมน โพ รแลกทิน ACTH TSH FSH LH
เอนดอรฟ์ ิน ซ่งึ ทาหนา้ ที่แตกต่างกนั
- ต่อมใต้สมองส่วนหลังหลั่งฮอร์โมนซึ่งสร้างจาก
ไฮโพทาลามัส คือ ADH และออกซิโทซิน ซ่ึง ทา
หนา้ ที่แตกต่างกัน
- ตอ่ มไทรอยด์สร้างไทรอกซินซึ่งควบคุมอัตรา เม
แทบอลิซึมของร่างกาย และสร้างแคลซิโทนินซึ่ง
ควบคมุ ระดบั แคลเซยี มในเลือดให้ปกติ
- ตอ่ มพาราไทรอยด์สร้างพาราทอร์โมนซ่ึงควบคุม
ระดับแคลเซยี มในเลอื ดให้ปกติ
174
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ อ่ สาระการเรียนรทู้ ้องถิน่
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 2 ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไร้ทอ่ และอวยั วะทสี่ าคัญ พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
- ตับอ่อนมีกลุ่มเซลล์ที่สร้างอินซูลินและกลูคากอน
ซง่ึ ควบคุมระดับนา้ ตาลในเลือดให้ปกติ
- ต่อมหมวกไตส่วนนอกสร้างกลูโคคอร์ติคอยด์
มิเนราโลคอร์ติคอยด์ และฮอร์โมนเพศ ซึ่งมี
หน้าทีแ่ ตกตา่ งกัน ส่วนต่อมหมวกไตสว่ นในสร้าง
เอพิเนฟรินและนอร์เอพิเนฟริน ซึ่งมีหน้าที่
เหมือนกนั
- อัณฑะมีกลุ่มเซลล์สร้างเทสโทสเทอโรน ส่วน
รังไข่มี กลุ่ม เซลล์ที่ สร้างอีสโท รเจน และ
โพรเจสเทอโรนซึ่งมีหน้าท่แี ตกตา่ งกนั
- เน้ือเยื่อบางบริเวณของอวัยวะ เช่น รก ไทมัส
กระเพาะอาหาร และลาไส้เล็ก สามารถสร้าง
ฮอรโ์ มนได้หลายชนดิ ซงึ่ มหี น้าท่แี ตกต่างกนั
4. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
ฮอรโ์ มนจากต่อมไร้ทอ่ และอวัยวะทสี่ าคัญ มดี ังน้ี
- ต่อมไพเนียลสร้างเมลาโทนินซึ่งยับย้ังการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธ์ุช่วงก่อนวัยเจริญพันธุ์
และตอบสนองตอ่ การเปลีย่ นแปลงของแสงในรอบวนั
- ต่อมใต้สมองส่วนหน้าสร้างและหลั่งโกนาโดโทรฟิน (FSH และ LH) มีผลต่อระบบสืบพันธุ์เพศ
หญิงและเพศชาย โกรทฮอร์โมนทาหน้าท่ีควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกาย ไทรอยด์สติมิวเลติง
ฮอร์โมนทาหน้าที่กระตุ้นการสร้างไทรอกซินของต่อมไทรอยด์ อะดรีโนคอร์ติโคโทรฟินทาหน้าที่
กระตุ้นการเจริญเติบโตและการสร้างฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตส่วนนอก โพรแลกทินทาหน้าที่
กระต้นุ การสรา้ งและหลั่งนา้ นม และเอนเดอร์ฟินมีผลทาให้ร่างกายตืน่ ตวั และมคี วามสุข
- ต่อมใต้สมองส่วนหลังหลั่งฮอร์โมนซึ่งสร้างจากไฮโพทาลามัส ได้แก่ ฮอร์โมนแอนติไดยูเรติก
ควบคุมการดูดน้ากลับของท่อหน่วยไต และออกซิโทซินกระตุ้นการบีบตัวของกล้ามเน้ือมดลูก
ในขณะคลอด
- ต่อมไทรอยด์สร้างไทรอกซินทาหน้าที่ควบคุมอัตราเมแทบอลิซึมของร่างกาย และสร้างแคลซิ-
โทนินทาหน้าทคี่ วบคมุ ระดบั แคลเซยี มในเลือดใหป้ กติ
- ตอ่ มพาราไทรอยด์สร้างพาราทอรโ์ มนทาหน้าที่ควบคมุ ระดบั แคลเซียมในเลือดให้ปกติ
- ตับอ่อนมีกลุ่มไอส์เลตออฟแลงเกอร์ฮานส์สร้างอินซูลินและกลูคากอนซึ่งควบคุมระดับน้าตาลใน
เลือดให้ปกติ
175
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 2 ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไรท้ อ่ และอวยั วะท่ีสาคัญ
- ต่อมหมวกไต แบ่งออกเป็นต่อมหมวกไตส่วนนอกสร้างกลุ่มกลูโคคอร์ติคอยด์ ทาหน้าท่ีควบคุม
เมแทบอลิซึมของร่างกาย เช่น คอร์ติคอยด์ กลุ่มมิเนราโลคอร์ติคอยด์ ทาหน้าที่ควบคุมสมดุลของ
นา้ และแร่ธสตุ เช่น แอลโดสเทอโรน และฮอรโ์ มนเพศ (สร้างในปริมาณน้อย) ตอ่ มหมวกไตส่วนใน
สร้างเอพิเนฟรินและนอร์เอพิเนฟริน ทาหน้าที่เพ่ิมระดับน้าตาลในเลือด กระตุ้นการเต้นของหัวใจ
และความดันเลอื ด
- อวัยวะสืบพันธ์ุ แบ่งออกเป็นอัณฑะมีกลุ่มเซลลส์ ร้างเทสโทสเทอโรน ทาหน้าท่ีสร้างเซลล์สืบพันธ์ุ
เพศชายและควบคุมลักษณะข้ันท่ีสองของเพศชาย และรังไข่มีกลุ่มเซลล์ที่สร้างอีสโทรเจนและ
โพรเจสเทอโรน ทาหน้าที่ควบคุมการเปลี่ยนแปลงชองเซลล์ไข่ในแต่ละรอบเดือนและควบคุม
ลกั ษณะขั้นทส่ี องของเพศหญิง
- รกสร้างฮิวแมนคอริโอนิกโกนาโดโทรฟินทาหน้าที่กระตุ้นคอร์ปัสลูเทียมให้เจริญต่อและสร้าง
โพรเจสเทอโรน
- ไทมัสสรา้ งไทโมซนิ ทาหน้าทกี่ ระตุน้ ตอ่ มไทมสั ใหส้ ร้างเซลลเ์ ม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์ชนิดเซลล์ที
- กระเพาะอาหารสร้างแกสตรินทาหน้าที่กระตุ้นการหลั่งกรดไฮโดรคลอริกและเอนไซม์ในระบบ
ย่อยอาหาร
- ลาไส้เล็กสร้างซีครีทินทาหน้าที่กระตุ้นการหล่ังโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตของตับอ่อน และ
คอลีซสิ โตไคนินทาหน้าท่ีกระตนุ้ การบีบตัวของถุงนา้ ดีและการหลงั่ เอนไซม์ของตบั ออ่ น
5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี นและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี นิ ัย
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้
1) ทกั ษะการสงั เกต 3. มงุ่ มั่นในการทางาน
2) ทักษะการสารวจคน้ หา
3) ทักษะการจาแนกประเภท
4) ทักษะการเปรียบเทียบ
5) ทกั ษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
176
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ
แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 2 ฮอร์โมนจากตอ่ มไรท้ อ่ และอวัยวะทส่ี าคัญ
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนคิ : แบบเน้นมโนทัศน์ (Concept Based Teaching)
ชั่วโมงที่ 1-2
ขั้นนา
การใชค้ วามรเู้ ดิมเชื่อมโยงความรู้ใหม่ (Prior Knowledge)
1. ทบทวนความรู้ เร่ือง ต่อมไร้ท่อ ซ่ึงนักเรียนได้ศึกษาจากช่ัวโมงที่ผ่านมาว่า ต่อมไร้ท่อเป็นต่อมไม่มีท่อ
ทาหน้าที่สร้างฮอร์โมนแล้วหล่ังออกสู่ระบบหมุนเวียนเลือดเพ่ือลาเลียงไปควบคุมเนื้อเย่ือของอวัยวะ
ต่าง ๆ และต่อมไร้ทอ่ อ่ืน ๆ ทาใหม้ กี ารทางานอย่างสมดุล
2. ถามคาถาม Key Question กับนักเรียนว่า “ต่อมไร้ท่อแต่ละชนิดผลิตฮอร์โมนชนิดใดบ้าง และมีผลต่อ
รา่ งกายย่างไร”
(แนวตอบ: ตอ่ มไรท้ ่อแตล่ ะชนิดสรา้ งฮอร์โมนแตกต่างกัน ซึง่ ฮอร์โมนแตล่ ะชนิดมีผลตอ่ อวัยวะเป้าหมาย
แตกต่างกัน เช่น ฟอลลิเคิลสติมิวเลติงฮอร์โมนและลูทิไนซิงฮอร์โมนสร้างจากต่อมใต้สมอง
ส่วนหน้า ทาหน้าท่ีควบคุมการเจริญเติบโตและการทางานของอวัยวะในระบบสืบพันธ์ุ
ไทรอกซินสร้างจากต่อมไทรอยด์ ทาหน้าท่ีควบคุมอัตราเมแทบอลิซึมของร่างกาย (นักเรียน
อาจยังไม่สามารถตอบคาถามได้))
ขน้ั สอน
รู้ (Knowing)
1. อธบิ ายให้นักเรยี นฟงั ว่า ร่างกายมนษุ ยม์ ีต่อมไร้ทอ่ อยู่บรเิ วณสว่ นตา่ ง ๆ จานวนมาก ดงั น้ี
- สมอง ได้แก่ ต่อมใตส้ มอง ตอ่ มไพเนียล
- อวัยวะภายใน ได้แก่ ต่อมไทรอยด์ ต่อมพาราไทรอยด์ ไทมสั ตับออ่ น ตอ่ มหมวกไต กระเพาะอาหาร
ลาไส้เล็ก
- อวัยวะสืบพันธุ์ ไดแ้ ก่ อณั ฑะ รงั ไข่
2. นักเรียนศึกษาหน้าท่ีและการทางานของต่อมไพเนียล ซึ่งเป็นต่อมขนาดเล็กอยู่ระหว่างสมองเซรีบรัม
ดา้ นซ้ายและด้านขวา ต่อมไพเนียลที่พบในสัตว์แต่ละกลุ่มจะทางานแตกต่างกัน โดยในกลุ่มสัตว์เลือดเย็น
ต่อมไพเนียลทาหน้าท่ีเป็นกลุ่มเซลล์รับแสง แต่ในกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านม ต่อมไพเนียลสร้างเมลา-
โทนินทาหน้าท่ียับย้ังการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธ์ุในช่วงก่อนวัยเจริญพันธ์ุไม่ให้เจริญเติบโตเร็ว
เกินไป โดยศึกษาจากหนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชีววทิ ยา ม.6 เล่ม 1 หน้า
100
177
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 2 ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไรท้ อ่ และอวัยวะทส่ี าคัญ
3. ถามคาถามเพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน เช่น
- บทบาทของต่อมไพเนยี ลในสตั ว์สะเทินน้าสะเทินบกและสัตวเ์ ล้ียงลกู ดว้ ยน้านมแตกต่างกันอย่างไร
(แนวตอบ: ในสัตวส์ ะเทนิ นาสะเทินบก ตอ่ มไพเนียลทาหน้าทีเ่ ป็นกลุ่มเซลล์รบั แสง ส่วนในสัตว์เลียง-
ลูกด้วยนานม ต่อมไพเนียลทาหน้าที่สร้างเมลาโทนิน ยับยังการเจริญเติบโตของอวัยวะ
สบื พนั ธุ์ในชว่ งกอ่ นวัยเจริญพนั ธุ์ไม่ให้เจริญเติบโตเรว็ เกนิ ไป)
- เมลาโทนินมผี ลตอ่ การเจริญเติบโตของระบบสืบพันธุ์ของมนุษย์ อย่างไร
(แนวตอบ: เมลาโทนินยับยังการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธุ์ในช่วงก่อนวัยเจริญพันธ์ุไม่ให้
เจริญเติบโตเร็วเกินไป หากต่อมไพเนียลไม่สามารถสร้างเมลาโทนินได้จะทาให้
เจริญเติบโตเข้าสู่วัยเจริญพันธ์ุเร็วกว่าปกติ แต่หากต่อมไพเนียลสร้างเมลาโทนินมาก
เกินไปจะทาใหเ้ จริญเขา้ สู่วัยเจรญิ พันธ์ุช้ากวา่ ปกต)ิ
4. นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 4-5 คน ร่วมกนั สืบค้นข้อมลู และศึกษาเกี่ยวกับฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง จากส่ือ
อิเล็กทรอนิกส์หรือจากหนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า
101-103 แล้วนักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า ต่อมใต้สมองแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ทา
หนา้ ทส่ี รา้ งฮอรโ์ มนต่าง ๆ ได้แก่
- ตอ่ มใตส้ มองส่วนหน้า สรา้ งฮอร์โมน ดงั น้ี
โกนาโดโทรปิน ประกอบด้วยฮอรโ์ มน 2 ชนิด ได้แก่ ฟอลลิเคิลสติมิวเลติงฮอร์โมนและลูมิไทซิง
ฮอร์โมน ซึง่ ฮอร์โมนทง้ั 2 ชนิด ซง่ึ มีผลต่อระบบสบื พันธ์เุ พศหญิงและเพศชาย
โกรทฮอรโ์ มน ทาหนา้ ทค่ี วบคมุ การเจริญเตบิ โตของรา่ งกาย
ไทรอยดส์ ติมวิ เลติงฮอรโ์ มน ทาหน้าทก่ี ระตุน้ การสร้างไทรอกซินของต่อมไทรอยด์
อะดรีโนคอร์ติโคโทรฟิน ทาหน้าที่กระตุ้นการเจริญเติบโตและการสร้างฮอร์โมนจากต่อมหมวก
ไตส่วนนอก
เอนเดอรฟ์ นิ มีผลทาใหร้ า่ งกายตืน่ ตวั และมคี วามสุข
โพรแลกติน ทาหนา้ ที่กระตุน้ การสรา้ งและหลงั่ นา้ นม
- ต่อมใต้สมองส่วนหลัง ไม่สามารถสร้างฮอร์โมนได้ แต่ฮอร์โมนที่ถูกหลั่งจากต่อมใต้สมองส่วนน้ีสร้าง
จากสมองสว่ นไฮโพทาลามสั ดังนี้
ฮอรโ์ มนแอนตไิ ดยูเรติก ทาหนา้ ทค่ี วบคุมการดดู น้ากลับของทอ่ หนว่ ยไต
ออกซโิ ทซนิ ทาหนา้ ที่กระตนุ้ การบบี ตัวของกลา้ มเนื้อมดลูกในขณะคลอด
5. ถามคาถามเพ่อื ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียน เชน่
- ตอ่ มใตส้ มองส่วนหน้าและต่อมใตส้ มองสว่ นหลงั แตกตา่ งกันอยา่ งไร
(แนวตอบ: ต่อมใต้สมองส่วนหน้าพัฒนามาจากเนือเยื่อชันเอ็กโทเดิร์ม สามารถสร้างฮอร์โมนได้ แต่
ต่อมใต้สมองส่วนหลังพัฒนามาจากเนือเยื่อประสาทที่ติดกับสมอง ไม่สามารถสร้าง
ฮอร์โมนได้ แต่มีปลายแอกซอนของนิวโรเซครีทอรีเซลล์จากสมองส่วนไฮโพทาลามัสหลั่ง
ฮอร์โมนประสาทมายังต่อมใตส้ มองสว่ นหลังเพ่ือหลงั่ เข้าสรู่ ะบบหมนุ เวยี นเลือดต่อไป)
178
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ อ่
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 2 ฮอร์โมนจากตอ่ มไร้ทอ่ และอวัยวะทีส่ าคัญ
- ต่อมใต้สมองสว่ นหนา้ และต่อมใตส้ มองส่วนหลังสรา้ งฮอร์โมนชนิดใดบ้าง
(แนวตอบ: ต่อมใต้สมองส่วนหน้าสร้างโกนาโทรปิน (ฟอลลิเคิลสติมิวเลตงิ ฮอร์โมน ลทู ิไนซิงฮอร์โมน)
โกรทฮฮรโ์ มน ไทรอยด์สติมิวเลตงิ ฮอรโ์ มน อะดรีโรคอร์ตโิ คโทรฟิน โพรแลกติน เอนดอร์-
ฟิน ส่วนต่อมใต้สมองส่วนหลังไม่สามารถสร้างฮอร์โมนได้ แต่ฮอร์โมนท่ีหล่ังจากต่อมใต้
สมองส่วนนีเป็นฮอรโ์ มนประสาทจากสมองสว่ นไฮโพทาลามัสซงึ่ ถูกส่งผา่ นนิวโรเซครีทอรี
เซลล์)
- ฮอร์โมนชนดิ ใดสร้างจากตอ่ มใตส้ มองและมีอวยั วะเปา้ หมายเปน็ ตอ่ มไรท้ ่อ
(แนวตอบ: อะดรีโนคอร์ติโคโทรฟิน มีอวัยวะเป้าหมาย คือ ต่อมหมวกไตส่วนนอก ไทรอยด์สติมิว-
เลติงฮอร์โมนมีอวัยวะเป้าหมาย คือ ต่อมไทรอยด์ ฟอลลิเคิลสติมิวเลติงฮอร์โมนและ
ลทู ิไนซิงฮอร์โมนมีอวัยวะเป้าหมาย คอื อณั ฑะและรังไข่)
- ฟอลลเิ คิลสตมิ วิ เลติงฮอร์โมนและลูทไิ นซิงฮอร์โมนมีบทบาทในเพศหญงิ และเพศชายอย่างไร
(แนวตอบ: ในเพศหญิง ฟอลลิเคิลสติมิวเลติงฮอร์โมนทาหน้าที่กระตุ้นฟอลลิเคลิ ให้เจริญ และทางาน
ร่วมกับลูทิไนซิงฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นให้ฟอลลิเคิลสร้างอีสโทรเจน ส่วนในเพศชายฟอลลิ-
เคิลสติมิวเลติงฮอร์โมนทาหน้าที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของอัณฑะและการสร้างสเปิร์ม
ลทู ิไนซิงฮอร์โมนกระตุน้ กลุ่มเซลล์เลย์ดิกใหส้ รา้ งเทสโทสเทอโรน)
ชว่ั โมงท่ี 3-4
ขน้ั สอน
รู้ (Knowing)
6. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์การศึกษาเก่ียวกับต่อมไทรอยด์ จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เลม่ 1 หนา้ 104 แล้วถามคาถามนักเรียน ดงั นี้
- นกั เรยี นต้งั สมมตฐิ านจากการศึกษาของแมกนสั เลวี และการศกึ ษาของซี ซี โบมานน์ วา่ อย่างไร
(แนวตอบ: สมมติฐานของแมกนัส เลวี คือ ต่อมไทรอยด์สร้างสารที่เกี่ยวข้องกับการทางานต่าง ๆ
ของร่างกาย และสมมติฐานของซี ซี โบมานน์ คือ ไอโอดีนมีบทบาทต่อการผลิตสารท่ี
สร้างขนึ จากตอ่ มไทรอยด์)
- นักเรียนสรปุ ผลการทดลองของเดวิด มารีน วา่ อยา่ งไร
(แนวตอบ: การขาดธาตไุ อโอดีนมีผลทาใหเ้ กดิ โรคคอพอก)
7. นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลและศึกษาหน้าท่ีและการทางานของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ จากสื่อ
อเิ ลก็ ทรอนิกส์หรือจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววทิ ยา ม.6 เลม่ 1 หน้า 105-107 แล้ว
นักเรยี นและครูรว่ มกันอภิปรายเพ่อื ใหไ้ ด้ข้อสรุปว่า ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมน 2 ชนิด ไดแ้ ก่
179
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 ระบบตอ่ มไรท้ อ่
แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 2 ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไร้ทอ่ และอวัยวะทสี่ าคัญ
- ไทรอกซนิ สร้างจากเซลล์ไทรอยด์ฟอลลิเคิล ทาหน้าท่ีควบคุมอตั ราเมแทบอลิซมึ ของร่างกาย ซ่ึงหาก
มีระดับไทรอกซนิ ผดิ ปกตจิ ะทาให้เกิดโรคหรอื กลุ่มอาการตา่ ง ๆ ดงั น้ี
ขาดไทรอกซินในวยั เด็กจะทาใหเ้ กดิ อาการเครทนิ ิซึม
ขาดไทรอกซินในวยั ผ้ใู หญ่จะทาให้เกดิ อาการมิกซีดมี า
ร่างกายขาดธาตุไอโอดีนซึ่งเป็นธาตุที่เป็นองค์ประกอบของไทรอกซินจะทาให้เกิดโรคคอ
พอก เนื่องจากต่อมใต้สมองส่วนหน้าหลั่ง TSH มากระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้สร้างไทรอกซิน
ตลอดเวลาเน่ืองจากขาดธาตุไอโอดีน ทาให้ตอ่ มไทรอยด์มีขนาดใหญ่
ต่อมไทรอยด์ถูกกระตุ้นมากเกินไปจะทาให้เกิดโรคคอพอกเป็นพิษ เนื่องจากต่อม
ไทรอยดถ์ ุกกระตนุ้ ให้สรา้ งออร์โมนมากเกินไป
- แคลซิโทนนิ สรา้ งจากเซลล์พาราฟอลิคิวลาร์ ทาหน้าที่ควบคุมระดบั แคลเซยี มในเลือดให้ปกติ
8. ถามคาถามเพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน เชน่
- ตอ่ มไทรอยด์สรา้ งฮอรโ์ มนชนิดใด และฮอรโ์ มนแต่ละชนดิ มหี น้าท่ีอย่างไร
(แนวตอบ: ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมน 2 ชนิด ได้แก่ ไทรอกซินทาหน้าที่ควบคุมอัตราเมแทบอลิซึม
ของร่างกาย และแคลซโิ ทนินทาหนา้ ที่ลดระดับแคลเซียมในเลอื ด)
- หากร่างกายสร้างไทรอกซนิ ผิดปกติจะสง่ ผลอย่างไร
(แนวตอบ: หากขาดไทรอกซนิ ในวยั เด็กจะทาให้เกดิ กลมุ่ อาการเครทนิ ิซึม รา่ งกายมลี ักษณะเตียแคระ
แขนและขาสัน ผิวหยาบแห้ง ผมบาง การเจริญเติบโตช้า และปัญญาอ่อน หากขาด
ไทรอกซินในวัยผู้ใหญ่จะทาให้เกิดกลุ่มอาการมิกซีดีมา ทาให้มีอาการเหนื่อยง่าย นาหนัก
เพิ่ม ทนความหนาวไม่ได้ กล้ามเนอื อ่อนแรง ผมและผิวหนังแห้ง หัวใจโต ร่างการออ่ นแอ
ติดเชอื ง่าย มอี าการซึมเศรา้ )
- หากร่างกายไดร้ บั ธาตไุ อโอดนี ไมเ่ พียงพอจะสง่ ผลอยา่ งไร
(แนวตอบ: ทาให้เกิดโรคคอพอก เนื่องจากการขาดธาตุไอโอดีนทาให้ TSH หล่ังออกมามากเพื่อ
กระตุ้นการสร้างไทรอกซินจากต่อมไทรอยด์ แต่ร่างกายขาดธาตุไอโอดีนท่ีใช้สร้าง
ไทรอกซิน จึงมีการหลั่ง TSH อย่างต่อเนื่อง ทาให้ต่อมไทรอยด์ทางานตลอดเวลา จึงมี
ขนาดใหญ่กวา่ ปกติ)
- ระดบั ของไทรอกซินสง่ ผลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของมนุษย์และสตั วส์ ะเทนิ น้าสะเทินบกอยา่ งไร
(แนวตอบ: ในมนุษย์ หากร่างกายขาดไทรอกซินในวัยเด็กจะทาให้เกิดกลุ่มอาการเครทินิซึมและหาก
ขาดในผู้ใหญ่จะทาให้เกิดกลุ่มอาการมิกซีดีมา แต่หากร่างกายสร้างมากเกินไปจะทาให้
เกิดโรคคอพอกเป็นพิษ ส่วนในสัตว์สะเทินนาสะเทินบกจะมีผลต่อกระบวนการเมทา-
มอร์โฟซิส หากระดับไทรอกซินมากจะทาให้เกิดเมทอมอร์โฟซิสเร็ว แต่หากระดับ
ไทรอกซินมากจะทาให้ไมเ่ กิดเมทามอรโ์ ฟซิส)
180
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 ระบบตอ่ มไรท้ อ่
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 2 ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไร้ทอ่ และอวัยวะทส่ี าคัญ
- โรคคอพอกกบั โรคคอพอกเป็นพิษแตกตา่ งกันอยา่ งไร
(แนวตอบ: โรคคอพอกเกิดจากร่างกายขาดธาตุไอโอดีนท่ีใช้สร้างไทรอกซิน จึงทาให้ต่อมไทรอยด์ถูก
กระตุ้นให้ทางานตลอดเวลา ต่อมไทรอยด์จึงมีขนาดใหญ่ แต่โรคคอพอกเป็นพิษเกิดจาก
ต่อมไทรอยด์ถูกกระตุ้นให้สร้างไทรอกซินมากเกินไป ทาให้ร่างกายมีเมแทบอลิซมึ สงู ต่อม
ไทรอยด์จะใหญไ่ มม่ าก แต่จะมอี าการตาโปน)
9. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ สืบคน้ ข้อมูลและศกึ ษาหน้าท่แี ละการทางานของฮอร์โมนท่ีสรา้ งจากตอ่ มพาราไทรอยด์
จากส่ืออิเล็กทรอนิกส์หรือจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 107-
108 แล้วนักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่า พาราไทรอยด์สร้างพาราไทรอยด์ฮอร์โมน
ทาหน้าที่เพ่ิมอัตราการสลายแคลเซียมและฟอสฟอรัสท่ีกระดูดชก เพิ่มการดูดแคลเซียมกลับที่ท่อหน่วย
ไต กระตุ้นการขบั ฟอสฟอรัสออกทางปสั สาวะ และเพ่มิ อัตราการดดู ซมึ แคลเซียมเข้าสู่ลาไส้เล็ก โดยพารา
ไทรอยด์ฮอร์โมนทางานร่วมกับแคลซิโทนินท่ีสร้างจากต่อมไทรอยด์เพ่ือรักษาระดับแคลเซียมในเลือดให้
อยู่ในระดับปกติ ซึ่งหากมี Ca2+ ในเลือดสูง จะกระตุ้นการหลั่งแคลซิโทนินจากต่อมไทรอยด์เพื่อเพิ่มการ
สะสมแคลเซียมท่ีกระดูกและลดการดูดแคลเซียมกลับท่ีท่อหน่วยไตและลาไส้เล็ก แต่หาก Ca2+ ในเลือด
ต่า จะกระตุ้นการหล่ังพาราไทรอยด์ฮอรืโมนจากต่อมพาราไทรอยด์เพื่อเพิ่มการสลายแคลเซียมจาก
กระดกู และดเพ่มิ การดดู แคลเซยี มกลับทีท่ ่อหน่วยไตและลาไสเ้ ลก็
10. ถามคาถามเพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน เชน่
- พาราไทรอยด์ฮอร์โมนทางานรว่ มกับแคลซิโทนนิ อยา่ งไร
(แนวตอบ: เมื่อระดับแคลเซียมในเลือดต่าจะกระตุ้นการหลั่งพาราไทรอยด์ฮอร์โมนจากต่อมพารา-
ไทรอยด์ซงึ่ ทาหน้าท่ีเพ่ิมระดับแคลเซียมในเลือดโดยการสลายแคลเซียมท่ีกระดูก เพิม่ การ
ดูดแคลเซียมกลับท่ีท่อหน่วยไต และเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมที่ลาไส้เล็ก แต่เมื่อระดับ
แคลเซียมในเลือดสูงจะกระตุ้นการหล่ังแคลซิโทนินจากตอ่ มไทรอยด์ซ่ึงทาหน้าท่ีลดระดับ
แคลเซียมในเลือด โดยสะสมแคลเซียมท่ีกระดูก ลดการดูดแคลเซียมกลับท่ีท่อหน่วยไต
และลดการดูดซึมแคลเซียมที่ลาไส้เล็ก)
- พาราไทรอยด์ฮอรโ์ มนจะทางานได้ดีขน้ึ เม่ือใด
(แนวตอบ: เม่อื ทางานรว่ มกบั วิตามนิ ด)ี
- หากรา่ งกายสร้างพาราไทรอยด์ฮอรโ์ มนผิดปกตจิ ะสง่ ผลตอ่ ร่างกายอย่างไร
(แนวตอบ: หากสร้างพาราไทรอยด์ฮอร์โมนน้อยกว่าปกติจะทาให้ระดับแคลเซียมในเลือดต่า ทาให้
กล้ามเนือเกร็งและชักกระตุก หัวใจบีบตัวอ่อนลงและอาจเสียชีวิตได้ แต่หากสร้างพารา-
ไทรอยด์ฮอร์โมนมากกว่าปกติจะทาให้ระดับแคลเซียมในเลือดสูง ทาให้เกิดน่ิวที่ไต
กระดกู เปราะบาง และฟันผุง่าย)
181
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ อ่
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 2 ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไรท้ อ่ และอวยั วะทส่ี าคญั
ชว่ั โมงท่ี 5
ขน้ั สอน
รู้ (Knowing)
11. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์การศึกษาเกี่ยวกับตับอ่อน จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เลม่ 1 หน้า 109 แล้วถามคาถามนักเรยี น ดังนี้
- นักเรียนสรุปผลการทดลองของโยฮันน์ วอน เมอริง และออสการ์ มินคอฟสกิ วา่ อยา่ งไร
(แนวตอบ: ตับออ่ นมสี ่วนเกี่ยวข้องกับการย่อยอาหารประเภทลิพดิ และการควบคุมระดบั นาตาล)
- นกั เรยี นสรุปผลการทดลองของแอฟ จี แบนติง และซี เอช เบสต์ วา่ อย่างไร
(แนวตอบ: การมดั ท่อตับอ่อนของสุนัขทาให้เนือเยื่อท่ีผลิตเอนไซม์ฝ่อเนื่องจากเมื่อเซลลผ์ ลิตเอนไซม์แล้ว
ไม่สามารถส่งไปตามท่อเข้าสู่ลาไส้เล้กได้ แต่กลุ่มเซลล์ไอส์เลตออฟแลงเกอร์ฮานส์ยังสามารถ
ผลิตอินซูลินได้ตามปกติ และเมื่อสกัดอินซูลินจากกลุ่มเซลล์ไอส์เลตออฟแลงเกอร์ฮานส์และ
นามาฉดี ใหก้ ับสุนัขทเ่ี ป็นเบาหวาน กพ็ บวา่ สามารถลดระดับนาตาลในเลือดของสนุ ัขได้)
12. นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลและศึกษาโครงสรา้ งและหน้าที่ของกลุ่มเซลล์ไอส์เลตออฟแลงเกอร์ฮานส์
จากส่ืออิเล็กทรอนิกส์หรือจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 110-
111 แล้วนักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่า กลุ่มเซลล์ไอส์เลตออฟแลงเกอร์ฮานส์
ประกอบด้วยเซลล์ 3 ชนิด ได้แก่ เซลล์บีตาทาหน้าที่สร้างอินซูลินซ่ึงช่วยลดระดับน้าตาลในเลือด เซลล์
แอลฟาทาหนา้ ที่สร้างกลูคากอนซ่ึงชว่ ยเพม่ิ ระดบั นา้ ตาลในเลือด และเซลล์เดลตาทาหน้าทีส่ ร้างโซมาโทส
แททินช่วยยับย้ังการหล่ังอินซูลิน กลูคากอน และฮอร์โมนบางชนิดในระบบย่อยอาหาร โดยอินซูลิน
และกลูคากอนจะทางานร่วมกันเพ่ือรักษาระดับน้าตาลในเลือดให้ปกติ ซ่ึงหากมีระดับน้าตาลในเลือดสูง
เซลล์บตี าจะหลัง่ อินซูลินเพื่อกระตุ้นการนากลูโคสเข้าสู่เซลล์ตับและเซลล์กล้ามเน้ือ และเก็บไว้ในรูปไกล
โคเจน แต่หากมีระดับน้าตาลในเลือดต่า เซลล์แอลฟาจะหล่ังกลูคากอนเพ่ือกระตุ้นการสลายไกลโคเจน
ของเซลลต์ ับและเซลลก์ ล้ามเน้ือเข้าส่รู ะบบหมนุ เวยี นเลือด
13. นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลและศึกษาเก่ียวกับโรคเบาหวาน จากส่ืออิเล็กทรอนิกส์หรือจากหนังสือ
เรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 112 แล้วนักเรียนและครูร่วมกันอภิปราย
เพือ่ ให้ไดข้ ้อสรปุ ว่า โรคเบาหวานเกดิ จากรา่ งกายไม่สามารถนานา้ ตาลไปใชไ้ ด้ ตับสะสมกลูโคสในรูปไดโค
รเจนได้ลดลง ทาให้มีระดับน้าตาลในเลือดสูง โรคเบาหวานแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทที่ 1
เกิดจากตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้เน่ืองจากเซลล์บีตาถูกทาลายโดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
และประเภทท่ี 2 เกดิ จากตัวรับสญั ญาณอนิ ซูลินผดิ ปกติ อินซลู นิ จึงไม่สามารถทางานได้
182
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 2 ฮอร์โมนจากตอ่ มไร้ทอ่ และอวยั วะทสี่ าคญั
14. ถามคาถามเพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียน เช่น
- ตบั ออ่ นสร้างฮอร์โมนชนดิ ใด และและฮอรโ์ มนแต่ละชนิดมหี น้าที่สาคญั อย่างไร
(แนวตอบ: กลุ่มเซลล์ไอส์เลตออฟแลงเกอร์ฮานส์ของตับอ่อนสร้างฮอร์โมน 3 ชนิด ได้แก่ อินซูลิน
ทาหน้าที่ลดระดับนาตาลในเลือด กลูคากอนทาหน้าที่เพ่ิมระดับนาตาลในเลือด และ
โซมาโทสแททินทาหนา้ ท่ียับยังการหลั่งอินซูลิน กลูคากอน และฮอร์โมนบางชนิดในระบบ
ย่อยอาหาร)
- อนิ ซลู ินและกลคู ากอนมกี ลไกควบคุมระดับน้าตาลในเลอื ดอย่างไร
(แนวตอบ: เม่ือระดับนาตาลในเลือดสูง เซลล์บีตาจะหล่ังอินซูลินเพื่อกระตุ้นการนากลูโคสเข้าสู่
เซลล์ตับและเซลล์กล้ามเนือ และเปล่ียนให้อยู่ในรูปไกลโครเจน แต่เมื่อระดับนาตาลใน
เลือดต่า เซลล์แอลฟาจะหล่ังกลูคากอนเพ่ือกระตุ้นการสลายไกลโคเจนจากตับและ
กล้ามเนอื และปล่อยเขา้ สูร่ ะบบหมุนเวยี นเลือด)
- โดยปกติ อนิ ซลู นิ จะถูกหล่งั ออกมามากในช่วงใด เพราะเหตใุ ด
(แนวตอบ: เม่ือมีระดับนาตาลในเลือดสูงหรือหลังรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตปริมาณ
มาก เน่ืองจากระดับนาตาลในเลือดที่สูงขึนจะไปกระตุ้นกลุ่มเซลล์บีตาของไอส์เลต-
ออฟแลงเกอร์ฮานสใ์ ห้หลัง่ อนิ ซูลินออกมา)
- ปัจจยั ควบคุมการหลง่ั อนิ ซูลินและกลคู ากอนจากกลมุ่ เซลล์ไอสเ์ ลตออฟแลงเกอร์ฮานส์คืออะไร
(แนวตอบ: ระดับนาตาลในเลือด)
- โรคเบาหวานเกิดจากสาเหตุใด และมีวิธกี ารรกั ษาอยา่ งไร
(แนวตอบ: ตับและกลา้ มเนือไม่สามารถเก็บสะสมกลูโคสในรปู ไกลโคเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมี
ระดับนาตาลในเลือดสูงจึงต้องกาจัดนาตาลออกทางปัสสาวะ และเม่ือร่างกายไม่สามารถ
นาสารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตไปใช้ได้จึงต้องมาใช้โปรตีนและลิพิดแทน ทาให้เลือดเป็นกรด
ส่งผลต่อกลไกการหายใจซึ่งอาจทาให้เสียชีวิตได้ โรคเบาหวานแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
แต่ละประเภทมีวธิ กี ารรกั ษาแตกต่างกัน ไดแ้ ก่ โรคเบาหวานประเภทที่ 1 เกดิ จากตับออ่ น
ไม่สามารถสร้างอินซูลินได้จึงต้องได้รับการฉีดอินซูลินเป็นประจา และโรคเบาหวาน
ประเภทท่ี 2 เกิดจากตับออ่ นสร้างอินซลู ินได้ แต่ตัวรับสัญญาณอนิ ซลู ินผิดปกติ จึงต้องรับ
ยาทม่ี ฤี ทธิ์เพมิ่ การตอบสนองของอนิ ซลู นิ ใหด้ ีขนึ )
183
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 2 ฮอร์โมนจากตอ่ มไร้ทอ่ และอวยั วะทสี่ าคัญ
ชั่วโมงท่ี 6
ขน้ั สอน
รู้ (Knowing)
17. นักเรยี นแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลและศกึ ษาโครงสร้างของต่อมหมวกไตและฮอร์โมนจากตอ่ มหมวกไต จาก
สื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 113-114
แล้วนักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า ต่อมหมวกไตแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ทาหน้าที่
สร้างฮอร์โมนแตกตา่ งกัน ดังน้ี
- ต่อมหมวกไตส่วนนอก สร้างฮอร์โมน 3 กลุ่ม ได้แก่ กลูโคคอร์ติคอยทาหน้าท่ีควบคุมเมแทบอลิซึม
ของคาร์โบไฮเดรต มิเนราโลคอร์ติคอยด์ทาหน้าที่ควบคุมสมดุลของน้าและแร่ธาตุในร่างกาย และ
ฮอร์โมนเพศทาหน้าท่คี วบคุมการเปล่ยี นแปลงของรา่ งกาย
- ต่อมหมวกไตส่วนใน สร้างฮอร์โมน 2 ชนิด ได้แก่ อะดรีนาลินและนอร์อะดรีนาลิน ซึ่งฮอร์โมนทั้ง
2 ชนดิ ทาหน้าทเ่ี พิม่ ระดบั น้าตาลในเลอื ด กระตนุ้ การเตน้ ของหวั ใจและความดนั เลือด
18. ถามคาถามเพ่อื ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียน เช่น
- ตอ่ มหมวกไตสร้างฮอรโ์ มนชนดิ ใด และและฮอรโ์ มนแต่ละชนดิ มีหน้าทสี่ าคญั อยา่ งไร
(แนวตอบ: ต่อมหมวกไตแบ่งออกเป็น 2 ส่วน แต่ละส่วนสร้างฮอร์โมนแตกต่างกัน ได้แก่ ต่อม
หมวกไตส่วนนอกสร้างฮอร์โมน 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มกลูโคคอร์ติคอยด์ทาหน้าท่ีควบคุม
เมแทบอลิซึมของร่างกาย กลุ่มมิเนอราโลคอร์ติคอยด์ทาหน้าที่ควบคุมสมดุลของนาและ
แร่ธาตุในร่างกาย และกลุ่มฮฮร์โมนเพศทาหน้าท่ีควบคุมการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
และต่อมหมวกไตส่วนในสร้างฮอร์โมน 2 ชนิด ได้แก่ อะดรีนาลินและนอร์อะดรีนาลิน ซึ่ง
ทาหน้าท่ีเพ่ิมระดับนาตาลในเลือด กระตุ้นการเต้นของหัวใจ หลอดเลือดอาร์เตอรี
ขยายตวั และมีผลเปลี่ยนไกลโคเจนในตบั เปน็ กลโู คสปล่อยเขา้ สู่ระบบหมนุ เวยี นเลอื ดเพ่ือ
สร้างพลงั งาน)
- การสร้างฮอร์โมนของตอ่ มหมวกไตถูกควบคุมจากฮอร์โมนหรือการกระต้นุ ชนิดใด
(แนวตอบ: การสร้างฮอร์โมนของต่อมหมวกไตส่วนนอกถูกควบคุมโดยอะดีโนคอร์ติโคโทรปิน
(ATCH) จากต่อมใต้สมองส่วนหน้า ส่วนการสร้างฮอร์โมนของต่อมหมวกไตส่วนในถูก
กระตุ้นจากสิ่งเร้าภายนอก เช่น เหตุการณ์บางเหตุการณ์ทื่ทาให้เกิดอาการตกใจ เช่น ไฟ
ไหม้ แผน่ ดนิ ไหว)
- ฮอร์โมนเพศที่สร้างจากต่อมหมวกไตส่วนในมีผลเช่นเดียวกับฮอร์โมนเพศที่สร้างจากอวัยวะเพศ
หรอื ไม่ อย่างไร
(แนวตอบ: มีผลเช่นเดียวกัน แต่สร้างปริมาณเพียงเล็กน้อยเม่ือเทียบกับฮอร์โมนเพศท่ีสร้างจาก
อวัยวะเพศจึงมีผลต่อการเปล่ียนแปลงของร่างกายไม่มากนัก แต่หากมีการสร้างฮอร์โมน
ผิดปกติก็สง่ ผลตอ่ การเปลย่ี นแปลงของรา่ งกายเช่นกนั )
184
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 2 ฮอร์โมนจากตอ่ มไรท้ อ่ และอวัยวะทส่ี าคัญ
ชั่วโมงที่ 7
ขั้นสอน
รู้ (Knowing)
19. นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ สืบคน้ ข้อมูลและศึกษาเก่ียวกับฮอร์โมนจากอวัยวะเพศ จากสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือจาก
หนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววทิ ยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 115-117 แล้วนักเรียนและครูร่วมกัน
อภิปรายเพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่า การสร้างฮอร์โมนจากอวัยวะเพศถูกควบคุมจากโกนาโดโทรปิน (FSH และ
LH) จากต่อมใต้สมองส่วนหน้า ซ่งึ จะแตกตา่ งกนั ในเพศชายและเพศหญิง ดงั น้ี
- อณั ฑะ มีกลุ่มเซลล์สรา้ งเทสโทสเทอโรน ทาหน้าท่ีสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศชายและควบคุมลักษณะข้ัน
ทสี่ องของเพศชาย
- รงั ไข่ สร้างฮอร์โมนเพศ 2 ชนิด ได้แก่ อีสโทรเจนทาหน้าท่ีควบคุมลักษณะขั้นท่ีสองของเพศหญิงและ
กระตุ้นการหลั่ง LH จากต่อมใต้สมองส่วนหน้าซ่ึงทาให้เกิดการตกไข่ และโพรเจสเทอโรนทาหน้าท่ี
ร่วมกับอีสโทรเจนกระตุ้นการเจริญของเย่ือบุผนังช้ันในของมดลูกเพื่อรองรับการฝังตัวของเอ็มบริโอ
ซ่ึงการหลั่งฮอร์โมนเพศหญิงทั้ง 2 ชนิด จะเปล่ียนแปลงในแต่ละรอบเดือน โดยอีสโทรเจนจะเพ่ิม
สงู ขึ้นในช่วงระยะกอ่ นตกไข่และจะลดลงหลังการตกไข่ ส่วนโพรเจสเทอโรนจะเพิ่มสูงข้ึนในระยะหลัง
ตกไข่ และจะลดต่าลงชว่ งที่เกดิ ประจาเดือนจนถึงช่วงทม่ี กี ารตกไข่
20. ถามคาถามเพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียน เช่น
- การหลั่งฮอร์โมนจากอวัยวะเพศถูกควบคุมจากฮอร์โมนใด และฮอรโ์ มนน้ีสรา้ งจากท่ีใด
(แนวตอบ: ถกู ควบคุมโดยโกนาโดโทรปิน (FSH และ LH) จากต่อมใตส้ มองสว่ นหน้า)
- ในชว่ งท่มี ีอสี โทรเจนสงู ท่สี ดุ เซลล์ไขแ่ ละผนงั ชั้นในของมดลกู มลี ักษณะอย่างไร
(แนวตอบ: เซลล์ไข่ถูกกระตุ้นให้เจริญถึงระยะโอโอไซต์ระยะที่ 2 พร้อมท่ีจะตกไข่ และผนังมดลูกจะ
หนาขึน แต่ยังไม่หนามากที่สดุ )
- ในช่วงหลังการตกไข่ ฮอร์โมนชนิดใดมีปริมาณสูงท่ีสุด และผนังช้ันในของมดลูกมีลักษณะอย่างไร
(แนวตอบ: โพรเจสเทอโรนซึ่งผนังชนั ในของมดลูกจะมคี วามหนาเพม่ิ ขนึ )
- ถ้าเอ็มบรโิ อเขา้ ฝังตวั ทีผ่ นังมดลกู ฮอรโ์ มนจากรังไขจ่ ะเปลย่ี นแปลงอยา่ งไร
(แนวตอบ: โพรเจสเทอโรนจะถูกสร้างอย่างต่อเนื่องจึงทาให้ไม่มีประจาเดือนและกระตุ้นให้เยื่อบุ
ชนั ในผนังมดลกู หนาขึน สว่ นอสี โทรเจนจะถกู สรา้ งนอ้ ยลงเพอื่ ทาให้ไม่มีการตกไข่)
- การเปลีย่ นแปลงของฮอรโ์ มนเพศหญงิ ในแตล่ ะรอบเดือนเปน็ อยา่ งไร
(แนวตอบ: อีสโทรเจนจะเพิ่มสูงขึนในช่วงระยะก่อนตกไข่และจะลดลงหลังการตกไข่ ส่วนโพรเจส -
เทอโรนจะเพ่ิมสูงขึนในระยะหลังตกไข่ และจะลดต่าลงช่วงที่เกิดประจาเดือนจนถึงช่วงท่ี
มีการตกไข)่
185
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 2 ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไรท้ อ่ และอวัยวะที่สาคัญ
ชว่ั โมงท่ี 8
ข้ันสอน
รู้ (Knowing)
21. นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลและศึกษาเก่ียวกับฮอร์โมนจากรก จากส่ืออิเล็กทรอนิกสห์ รอื จากหนังสือ
เรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 118 แล้วนักเรียนและครูร่วมกันอภิปราย
เพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่า รกเป็นโครงสรา้ งพิเศษที่สร้างขึ้นในช่วงต้งั ครรภ์ ทาหนา้ สร้างฮิวแมนคอริโอนิกโกนา
โดโทรปนิ ซง่ึ กระตนุ้ คอรป์ ัสลูเทยี มให้เจริญต่อและสรา้ งโพรเจสเทอโรนเพิ่มข้นึ
22. นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลและศึกษาเก่ียวกับฮอร์โมนจากไทมัส จากส่ืออิเล็กทรอนิกส์หรือจาก
หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 118 แล้วนักเรียนและครูร่วมกัน
อภิปรายเพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่า ไทมัสทาหน้าท่ีสร้างไทโมซนิ กระตุน้ เน้ือเยื่อของไทมัสให้สร้างเซลลเ์ ม็ดเลือด
ขาวลมิ โฟไซต์ชนิดเซลล์ที ซึ่งมคี วามสาคัญตอ่ ระบบภมู คิ ุ้มกนั ในวยั เด็ก
23. นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลและศึกษาเกี่ยวกับฮอร์โมนจากกระเพาะอาหารและลาไส้เล็ก จากส่ือ
อเิ ล็กทรอนิกส์หรือจากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววทิ ยา ม.6 เล่ม 1 หนา้ 118-119 แล้ว
นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่า กระเพาะอาหารและลาไส้เล็กสร้างฮอร์โมนต่าง ๆ
ไดแ้ ก่
- แกสตริน สรา้ งจากเซลลต์ ่อมในกระเพาะอาหาร ทาหนา้ ทก่ี ระตนุ้ การหลั่งกรดไฮโดรคลอริกและ
เอนไซมใ์ นระบบย่อยอหาร
- ซีครีทิน สร้างจากเซลล์ผนังลาไส้เล็กส่วนต้น ทาหน้าที่กระตุ้นตับอ่อนให้หล่ังโซเดียมไฮโดรเจน
คาร์บอเนตเพื่อลดความเป็นกรดของอาหารที่ผ่านเข้าสู่สาไส้เล็ก และยับย้ังการหลั่งแกสตรินของ
กระเพาะอาหาร
- คอลีซิสโตไคนิน สร้างจากเซลล์ผนังลาไส้เล็กส่วนต้น ทาหน้าท่ีกระตุ้นการบีบตัวของถุงน้าดีและตับ
อ่อนให้หลัง่ เอนไซม์ และยับยงั้ การหลัง่ แกสตรนิ ของกระเพาะอาหาร
24. ถามคาถามเพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียน เช่น
- ฮิวแมนคอริโอนิกโกนาโดโทรฟินถกู หล่ังเม่อื ใด และมีผลต่อระบบสืบพนั ธเุ์ พศหญงิ อย่างไร
(แนวตอบ: ถูกหลง่ั หลงั จากเอม็ บริโอเข้าฝังตัวท่ผี นังมดลูก ทาหน้าท่ีกระตนุ้ คอร์ปัสลเู ทียมให้เจริญต่อ
และสร้างโพรเจสเทอโรนซ่งึ กระตุ้นใหเ้ ยือ่ บุชันในผนงั มดลูกหนาขนึ )
- หากไทมัสตดิ เชอ้ื ต้งั แต่วยั เดก็ จะส่งผลกระทบต่อรา่ งกายอย่างไร
(แนวตอบ: ร่างกายไมส่ ามารถผลิตไทโมซนิ ได้ ทาให้ตดิ เชือและอาจเสยี ชีวจิ ได้)
- ฮอรโ์ มนที่สร้างจากกระเพาะอาหารและลาไสเ้ ล็กมีผลตอ่ การย่อยอาหารหรอื ไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ: มี เนื่องจากฮอร์โมนบางชนิดจะกระตุ้นการทางานของเอนไซม์ในระบบย่อยอาหาร เช่น
แกสตรินกระตุ้นการหล่ังกรดไฮโดรคลอริกในกระเพาะอาหาร คอลีซิสโตไคนนิ กระต้นุ การ
หลงั่ เอนไซมข์ องตบั ออ่ น)
186
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ อ่
แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 2 ฮอร์โมนจากตอ่ มไร้ทอ่ และอวยั วะที่สาคัญ
- ถ้ากระเพาะอาหารสรา้ งแกสตรินนอ้ ยกว่าปกติจะส่งผลต่อการย่อยอาหารประเภทใด และอย่างไร
(แนวตอบ: แกสตรินส่งผลต่อการหล่ังกรดไฮโดรคลอริกซ่ึงทาหน้าท่ีเปลี่ยนเพปซิโนเจนเป็นเพปซิน
ดังนัน หากมีแกสตรินน้อยจะมีการหล่ังกรดไฮโดรคลอริกน้อยซ่ึงทาให้มีเพปซินน้อย
เช่นกนั การย่อยอาหารประเภทโปรตนี จึงเกดิ ขนึ นอ้ ยลง)
เข้าใจ (Understanding)
25. นักเรียนแบง่ กลุม่ 10 กลุม่ จับสลากเลือกตอ่ มไรท้ อ่ และอวยั วะท่ีสร้างฮอรโ์ มน ดงั น้ี
กลมุ่ ท่ี 1 ตอ่ มไพเนยี ล กลุ่มท่ี 2 ตอ่ มใตส้ มองสว่ นหนา้
กลมุ่ ที่ 3 ตอ่ มใตส้ มองสว่ นหลัง กลมุ่ ท่ี 4 ตอ่ มไทรอยด์
กลมุ่ ท่ี 5 ต่อมพาราไทรอยด์ กล่มุ ท่ี 6 ตับออ่ น
กลุ่มที่ 7 ตอ่ มหมวกไต กลุ่มที่ 8 อณั ฑะ
กลุ่มที่ 9 รงั ไขแ่ ละรก กลุ่มที่ 10 ไทมัส กระเพาะอาหารและลาไส้เลก็
นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนแผนผังสรุปการทางานของฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและอวัยวะที่สาคัญ ความ
ผิดปกติของร่างกายที่เกิดจากฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมไร้ท่อและอวัยวะที่สาคัญท่ีจับสลากได้ โดยจัดทา
ปา้ ยนิเทศเพ่ือนาเสนอหนา้ ชั้นเรียน พร้อมตัง้ คาถามเกย่ี วกับตอ่ มไร้ทอ่ และอวัยวะท่ีสร้างฮอร์โมน กลุ่มละ
3-5 ขอ้ เพอื่ ใชป้ ระเมินนกั เรยี นกลมุ่ อืน่ ๆ
ชั่วโมงท่ี 9-10
ขนั้ สอน
เขา้ ใจ (Understanding)
26. นักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอป้ายนิเทศหน้าช้ันเรียน กลุ่มละ 10 นาที โดยระหว่างที่นักเรียนนาเสนอให้
นักเรียนกลุ่มอ่ืนๆ ร่วมกันเสนอแนะ และครูคอยเพิ่มเติมประเด็นที่ขาดหายไป พร้อมแจกคาถามให้
นกั เรยี นกล่มุ อ่นื ๆ ตอบคาถาม
27. สุ่มเลอื กนักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ออกมาเฉลยคาถามของกลมุ่ อนื่ 1 กลุ่ม เช่น
กล่มุ ท่ี 2 เฉลยคาถามของกลมุ่ ที่ 1 กล่มุ ท่ี 3 เฉลยคาถามของกลุ่มท่ี 2
กลุ่มท่ี 4 เฉลยคาถามของกลุม่ ท่ี 3 กลมุ่ ท่ี 5 เฉลยคาถามของกลมุ่ ท่ี 4
กลุ่มที่ 6 เฉลยคาถามของกลุ่มที่ 5 กลมุ่ ที่ 7 เฉลยคาถามของกลุ่มที่ 6
กลมุ่ ท่ี 8 เฉลยคาถามของกลุ่มท่ี 7 กล่มุ ที่ 9 เฉลยคาถามของกลมุ่ ที่ 8
กลมุ่ ท่ี 10 เฉลยคาถามของกลุ่มท่ี 1 กลมุ่ ท่ี 1 เฉลยคาถามของกลุม่ ท่ี 2
** ครูอาจใชก้ ารสุ่มเลือกในรูปแบบอื่น ๆ
187
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 ระบบตอ่ มไรท้ อ่
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 2 ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไรท้ อ่ และอวัยวะท่ีสาคัญ
28. นักเรียนทาจับคู่กับเพื่อนที่น่ังข้างกัน ศึกษาสถานการณ์ที่กาหนดให้กิจกรรม Apply Your Knowledge
จากจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 129 ร่วมกันวิเคราะห์และ
ตอบคาถามในกรอบ Apply Your Knowledge ว่า “ชายผู้น้ีมีการสร้างหรอื การทางานของฮอรโ์ มนชนิด
ใดผิดปกติ และผิดปกตอิ ยา่ งไร”
(แนวตอบ: ชายผนู้ ีการสรา้ งหรอื การทางานของฮอรโ์ มนผิดปกติ ดงั นี
- ต่อมไทรอยด์ถูกกระตุ้นให้สร้างไทรอกซินมากเกินไป ทาให้ร่างกายมีเมแทบอลิซึมสูง
คอโตเล็กน้อย มอี าการตาโปน
- เซลล์บีตาของกลุ่มเซลล์ไอส์เลตออฟแลงเกอน์ฮานส์สร้างอินซูลินผิดปกติทาให้ไม่
สามารถกระตุ้นการนานาตาลเข้าสู่เซลล์ตับและเซลล์กล้ามเนือ จึงมีระดับนาตาลใน
เลอื ดสงู
- ต่อมพาราไทรอยด์สร้างพาราไทรอยด์ฮอร์โมนมากกว่าปกติ ทาให้เพ่ิมการสลาย
แคลเซยี มทีก่ ระดกู จึงพบ Ca2+ ในเลอื ดสูง แต่มีระดับ H2PO4- ตา่ )
29. สุ่มเลือกนักเรียนอย่างน้อย 3 คู่ ออกมาเฉลยคาตอบในกรอบ Apply Your Knowledge ท่ีหน้าช้ันเรียน
โดยระหว่างทนี่ ักเรียนนาเสนอให้นักเรยี นในช้ันเรียนร่วมกันเสนอแนะ และครูคอยเพ่ิมเตมิ ประเด็นทีข่ าด
หายไป
30. นกั เรยี นทาใบงานท่ี 3.1 เรือ่ ง ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไรท้ ่อและอวัยวะทสี่ าคัญ
31. นักเรียนทา Topic Questions ท้ายหัวข้อ เรื่อง ฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและอวัยวะที่สาคัญ จาก
หนังสือเรียนรายวิชาเพม่ิ เติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 119 โดยบันทกึ ลงใน
สมดุ บนั ทกึ ของนักเรียน
32. นักเรียนทาแบบฝึกหัด เร่ือง ฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและอวัยวะที่สาคัญ ในแบบฝึกหัดรายวิชา
เพ่มิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชวี วิทยา ม.6 เลม่ 1 (อาจส่ังให้นักเรยี นทาเปน็ การบา้ น)
ข้นั ลงมอื ทา (Doing)
33. นกั เรียนเขียนแผนภาพหรอื แผนผงั สรปุ เรื่อง การควบคุมการทางานของต่อมไรท้ ่อ แบ่งออกไดเ้ ป็น ดงั น้ี
- ตอ่ มไรท้ อ่ ทีถ่ กุ ควบคุมโดยตอ่ มใต้สมอง
- ต่อมไรท้ ่อท่เี ป็นอสิ ระจากต่อมใต้สมอง
- ตอ่ มไรท้ ่อท่ีถกู ควบคมุ โดยระบบประสาท
34. นกั เรียนสร้างตารางสรุปเกยี่ วกบั ฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและอวัยวะที่สาคัญ ลงในสมุดบนั ทึกของนักเรียน
โดยมรี ายละเอยี ด ดงั นี้
- ตอ่ มไรท้ อ่ และอวยั วะท่สี าคัญ
- ฮอรโ์ มนจากต่อมไร้ทอ่ และอวัยวะท่ีสาคัญ
- อวัยวะเปา้ หมายของฮอร์โมนตา่ ง ๆ
- บทบาทหรือหนา้ ทขี่ องฮอร์โมนต่าง ๆ
188
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 ระบบตอ่ มไรท้ อ่
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 2 ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไรท้ อ่ และอวัยวะที่สาคญั
35. นักเรียนเลือกโรคหรือกลุ่มอาการท่ีเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและอวัยวะที่สาคัญ
(นอกเหนือจากในหนงั สอื เรียน) คนละ 1 โรคหรือกลมุ่ อาการ สบื ค้นข้อมูลในประเดน็ ตา่ ง ๆ ดังน้ี
- สาเหตขุ องการเกิดโรคหรอื กลมุ่ อาการ
- อาการของโรคหรือกล่มุ อาการ
- การรกั ษาโรคกล่มุ อาการ
ทาลงในใบงานที่ 3.2 โรคหรือกล่มุ อาการทเ่ี กดิ จากความผดิ ปกตขิ องฮอรโ์ มน
ชวั่ โมงที่ 11
ข้ันสรปุ
1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเก่ียวกับฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมไร้ท่อและอวัยวะท่ีสาคัญเพื่อให้ได้ข้อสรุป
ว่า รา่ งกายมนษุ ยม์ ตี ่อมไร้ท่ออยูจ่ านวนมาก ต่อมไรท้ อ่ แตล่ ะชนิดสรา้ งฮอร์โมนทีแ่ ตกตา่ งกัน ได้แก่
- ต่อมไพเนียล สร้างเมลาโทนินซ่ึงยับยั้งการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธ์ุช่วงก่อนวัยเจริญพันธ์ุ
และตอบสนองตอ่ การเปลี่ยนแปลงของแสงในรอบวนั
- ต่อมใต้สมองส่วนหน้า สร้างและหล่ังโกนาโดโทรปิน (FSH LH) มีผลต่อระบบสืบพันธ์ุเพศหญิง
และเพศชาย โกรทฮอร์โมนทาหน้าท่ีควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกาย ไทรอยด์สติมิวเลติง
ฮอร์โมนทาหน้าท่ีกระตุ้นการสร้างไทรอกซินของต่อมไทรอยด์ อะดรีโนคอร์ติโคโทรฟินทาหน้าที่
กระตุ้นการเจริญเติบโตและการสร้างฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตส่วนนอก โพรแลกทินทาหน้าที่
กระตนุ้ การสรา้ งและหล่ังน้านม และเอนเดอร์ฟินมีผลทาใหร้ า่ งกายตืน่ ตวั และมคี วามสุข
- ต่อมใต้สมองส่วนหลัง หลั่งฮอร์โมนซึ่งสร้างจากไฮโพทาลามัส ได้แก่ ฮอร์โมนแอนติไดยูเรติก
ควบคุมการดูดน้ากลับของท่อหน่วยไต และออกซิโทซินกระตุ้นการบีบตัวของกล้ามเน้ือมดลูก
ในขณะคลอด
- ต่อมไทรอยด์ สร้างไทรอกซินทาหน้าท่ีควบคุมอัตราเมแทบอลิซึมของร่างกาย และสร้างแคลซิ-
โทนนิ ทาหนา้ ทค่ี วบคมุ ระดับแคลเซียมในเลือดให้ปกติ
- ตอ่ มพาราไทรอยด์ สร้างพาราทอร์โมนทาหนา้ ที่ควบคมุ ระดบั แคลเซียมในเลอื ดให้ปกติ
- ตับอ่อนมีกลุ่มไอส์เลตออฟแลงเกอร์ฮานส์สร้างอินซูลินและกลูคากอนซ่ึงควบคุมระดับน้าตาลใน
เลือดให้ปกติ
- ต่อมหมวกไต แบ่งออกเป็นต่อมหมวกไตส่วนนอกสร้างกลุ่มกลูโคคอร์ติคอยด์ ทาหน้าท่ีควบคุมเม
แทบอลิซมึ ของร่างกาย เช่น คอรต์ ิคอยด์ กลุ่มมิเนราโลคอรต์ ิคอยด์ ทาหน้าที่ควบคุมสมดุลของน้า
และแร่ธสตุ เช่น แอลโดสเทอโรน และฮอร์โมนเพศ (สร้างในปริมาณน้อย) ต่อมหมวกไตส่วนใน
สร้างเอพิเนฟรินและนอร์เอพิเนฟริน ทาหน้าท่ีเพ่ิมระดับน้าตาลในเลือด กระตุ้นการเต้นของหัวใจ
และความดนั เลอื ด
189
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 2 ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไร้ทอ่ และอวยั วะทส่ี าคญั
- อวัยวะสืบพันธ์ุ แบ่งออกเป็นอัณฑะมีกลุ่มเซลล์สร้างเทสโทสเทอโรน ทาหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์
เพศชายและควบคุมลักษณะข้ันท่ีสองของเพศชาย และรังไข่มีกลุ่มเซลล์ท่ีสร้างอีสโทรเจนและ
โพรเจสเทอโรน ทาหน้าท่ีควบคุมการเปลี่ยนแปลงชองเซลล์ไข่ในแต่ละรอบเดือนและควบคุม
ลักษณะข้ันทส่ี องของเพศหญิง
- รก สร้างฮิวแมนคอริโอนิกโกนาโดโทรปินทาหน้าท่ีกระตุ้นคอร์ปัสลูเทียมให้เจริญต่อและสร้าง
โพรเจสเทอโรน
- ไทมัส สรา้ งไทโมซินทาหนา้ ทก่ี ระตุ้นตอ่ มไทมสั ใหส้ ร้างเซลล์เมด็ เลอื ดขาวลิมโฟไซตช์ นิดเซลล์ที
- กระเพาะอาหาร สร้างแกสตรินทาหน้าที่กระตุ้นการหล่ังกรดไฮโดรคลอริกและเอนไซม์ในระบบ
ย่อยอาหาร
- ลาไสเ้ ล็ก สร้างซีครีทินทาหน้าท่ีกระตุ้นการหล่ังโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตของตับออ่ น และคอ
ลซี สิ โตไคนนิ ทาหน้าทีก่ ระตุ้นการบบี ตัวของถงุ นา้ ดแี ละการหล่งั เอนไซมข์ องตับออ่ น
2. นักเรียนเขียนสรุปในรูปแบบผังมโนทัศน์ เร่ือง ฮอร์โมนและหน้าท่ีของฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและอวัยวะ
ท่สี าคัญ ลงในกระดาษ A4
ข้นั ประเมนิ
1. ประเมินความรู้เกี่ยวกับ เรื่อง ฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและอวัยวะท่ีสาคัญ โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบ
คาถาม ตรวจแบบฝกึ หัด ตรวจใบงาน ตรวจแผนผงั ตรวจผงั มโนทศั น์ และตารางสรุป
2. ประเมินทักษะและกระบวนการ โดยสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล การทางานกลุ่ม และการ
นาเสนอผลงาน
3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยสังเกตพฤติกรรมความสนใจใฝ่รู้ในการศึกษาและความมุ่งม่ันใน
การทางาน
190
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 ระบบตอ่ มไรท้ อ่
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 2 ฮอร์โมนจากตอ่ มไร้ทอ่ และอวัยวะทสี่ าคัญ
7. การวดั และการประเมินผล
รายการวดั วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
7.1 การประเมนิ ระหว่าง - ใบงานท่ี 3.1 - รอ้ ยละ 60
- ใบงานที่ 3.2 ผ่านเกณฑ์
การจดั กจิ กรรม - Topic Questions
- แบบฝึกหัด - รอ้ ยละ 60
1) ฮอร์โมนจากตอ่ ม - ตรวจใบงานท่ี 3.1 - แบบประเมนิ แผนผงั ผา่ นเกณฑ์
ไรท้ ่อและอวยั วะ - แบบประเมนิ ตาราง - ร้อยละ 60
ผา่ นเกณฑ์
ที่สาคญั - ตรวจใบงานที่ 3.2 - แบบประเมิน
ผังมโนทศั น์ - ร้อยละ 60
- ตรวจ Topic Questions ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแบบฝกึ หดั - ระดบั คุณภาพดี
ผา่ นเกณฑ์
- ตรวจแผนผัง เร่อื ง การ
ควบคุมการทางานของ - ระดับคุณภาพดี
ตอ่ มไรท้ ่อ ผ่านเกณฑ์
- ตรวจตารางสรุปหน้าที่ - ระดับคุณภาพดี
และอวัยวะเป้าหมาย ผา่ นเกณฑ์
ของฮอรโ์ มนจากต่อมไร้
ทอ่ และอวัยวะท่ีสาคัญ
- ตรวจผังมโนทัศน์ เรือ่ ง
ฮอร์โมนและหน้าท่ีของ
ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไร้ท่อ
และอวยั วะทส่ี าคัญ
2) การนาเสนอ - ประเมนิ การนาเสนอ - ผลงานท่ีนาเสนอ - ระดบั คุณภาพดี
ผลงาน ผลงาน ผา่ นเกณฑ์
3) พฤติกรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพดี
การทางาน การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
รายบุคคล
- สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพดี
4) พฤติกรรม การทางานกลุ่ม
การทางานกลมุ่ การทางานกล่มุ ผา่ นเกณฑ์
- สังเกตความมีวินัย
5) คณุ ลักษณะ ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มั่น - แบบประเมนิ - ระดับคุณภาพดี
อนั พงึ ประสงค์ ในการทางาน
คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์
อันพึงประสงค์
191
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 2 ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไร้ทอ่ และอวัยวะทีส่ าคญั
8. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้
8.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้
ที่ 3 ระบบต่อมไร้ทอ่
2) แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3
ระบบต่อมไร้ท่อ
3) ใบงานที่ 3.1 เร่ือง ฮอรโ์ มนจากต่อมไรท้ อ่ และอวัยวะทสี่ าคัญ
4) ใบงานที่ 3.2 เรอื่ ง โรคหรอื กลมุ่ อาการท่เี กิดจากความผิดปกติของฮอรโ์ มน
5) PowerPoint เรือ่ ง 3 ระบบต่อมไร้ทอ่
6) QR Code เรื่อง ฮอรโ์ มนจากอณั ฑะ และฮอร์โมนจากรังไข่
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) หอ้ งสมดุ
3) สอ่ื อเิ ล็กทรอนิกส์
192
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 2 ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไรท้ อ่ และอวัยวะทส่ี าคัญ
ใบงานที่ 3.1
เร่ือง ฮอร์โมนจากตอ่ มไร้ท่อและอวัยวะทสี่ าคญั
คาชี้แจง : จงเติมข้อมูลในตารางให้สมบูรณ์
แหลง่ สรา้ ง ฮอรโ์ มน อวัยวะเปา้ หมาย หนา้ ที่
………………………… ………………………… มดลูกและ ………………………………………………………………
………………………… ………………………… ต่อมนา้ นม ………………………………………………………………
………………………… ………………………… ………………………… กระตนุ้ การสรา้ งเทสโทสเทอโรน
………………………… ………………………… …………………………
ไอส์เลตออฟแลง- ………………………… ………………………… เพ่ิมระดบั น้าตาลในเลอื ด
เกอรฮ์ านส์ (ตับออ่ น) ………………………… …………………………
………………………… อสี โทรเจน ………………………… ………………………………………………………………
………………………… ………………………… ………………………………………………………………
รก ………………………… ………………………… ………………………………………………………………
………………………… ………………………… ………………………………………………………………
ตอ่ มใตส้ มอง ………………………… กระดกู ………………………………………………………………
ส่วนหนา้ ………………………… ………………………………………………………………
………………………… ………………………… ………………………… กระตนุ้ การดูดน้ากลบั ทีท่ อ่ หนว่ ยไต
………………………… ………………………… …………………………
………………………… ไทโมซิน ………………………… ………………………………………………………………
………………………… ………………………… ………………………………………………………………
………………………… ………………………… ถุงนา้ ดี ………………………………………………………………
………………………… ………………………… ………………………………………………………………
อัณฑะ ………………………… ………………………… ………………………………………………………………
………………………… ………………………… ………………………………………………………………
………………………… ………………………… ………………………… กระตุ้นการเจรญิ ของฟอลลิเคลิ เพื่อให้สร้าง
………………………… ………………………… ………………………… อีสโทรเจน
193
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 2 ฮอร์โมนจากตอ่ มไร้ทอ่ และอวัยวะที่สาคัญ
ใบงานที่ 3.1
เรือ่ ง ฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและอวยั วะทีส่ าคญั
คาชี้แจง : จงเติมข้อมูลในตารางให้สมบูรณ์
แหลง่ สรา้ ง ฮอรโ์ มน อวัยวะเป้าหมาย หนา้ ท่ี
………………………… เมลาโทนนิ ………………………… ………………………………………………………………
………………………… ………………………… ………………………………………………………………
………………………… ………………………… ………………………… ช่วยระงบั ความเจบ็ ปวด
………………………… ………………………… ………………………… และเปน็ สารส่อื ประสาท
………………………… ………………………… ตอ่ มไทรอยด์ ………………………………………………………………
………………………… ………………………… ………………………………………………………………
………………………… อะดรีนาลีน ………………………… ………………………………………………………………
………………………… ………………………… ………………………………………………………………
………………………… ………………………… ………………………… กระต้นุ การเจริญเตบิ โตของเยือ่ บุช้ันใน
………………………… ………………………… ………………………… ของผนังมดลูก
ต่อมไทรอยด์ ………………………… ส่วนต่าง ๆ ของ ………………………………………………………………
………………………… ร่างกาย ………………………………………………………………
………………………… แกสตริน ………………………… ………………………………………………………………
………………………… ………………………… ………………………………………………………………
………………………… ………………………… ………………………… เพิม่ ระดับน้าตาลในเลือดโดยสลายจาก
………………………… ………………………… ………………………… โปรตนี และลิพดิ
………………………… ………………………… ตอ่ มหมวกไต ………………………………………………………………
………………………… ………………………… สว่ นนอก ………………………………………………………………
………………………… อินซลู ิน ………………………… ………………………………………………………………
………………………… ………………………… ………………………………………………………………
………………………… ………………………… ไต ลาไสเ้ ล็ก ………………………………………………………………
………………………… ………………………… กระดกู ฟนั ………………………………………………………………
194
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ เฉลย
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 2 ฮอร์โมนจากตอ่ มไร้ทอ่ และอวัยวะท่ีสาคัญ
ใบงานที่ 3.1
เรือ่ ง ฮอรโ์ มนจากต่อมไรท้ ่อและอวยั วะที่สาคญั
คาชีแ้ จง : จงเติมข้อมูลในตารางให้สมบูรณ์
แหลง่ สรา้ ง ฮอรโ์ มน อวัยวะเปา้ หมาย หนา้ ที่
……ต…อ่ …ม…ใต…ส้ …มอ…ง…… ……อ…อ…ก…ซิโ…ท…ซ…ิน…… มดลูกและ …ก…ร…ะ…ต…ุ้น…ก…าร…บ…ีบ…ต…ัว…ข…อ…ง…มด…ล…ูก…แ…ล…ะ…ต…่อ…ม…
………ส…่ว…น…หล…งั ……… ………………………… ต่อมน้านม …น…า้ …น…ม……………………………………………………
……ต…่อ…ม…ใต…้ส…มอ…ง…… ……………L…H………… ……เ…ซ…ลล…์เ…ลย…์ด…กิ …… กระตุน้ การสรา้ งเทสโทสเทอโรน
………ส…ว่ …นห…น…้า……… ………………………… …………………………
ไอส์เลตออฟแลง- ………ก…ลูค…า…ก…อน……… ……ต…ับ…ก…ล…้าม…เ…นือ้…… เพ่มิ ระดับนา้ ตาลในเลอื ด
เกอรฮ์ านส์ (ตบั ออ่ น) ………………………… ……เน…้ือ…เ…ยอ่ื…ไ…ขม…นั ……
…………ร…งั …ไข…่ ……… อสี โทรเจน ……สว่…น…ต…า่ ง…ๆ…ข…อ…ง… …ค…ว…บ…คุม…ก…า…รเ…ปล…ี่ย…น…แ…ปล…ง…ขอ…ง…รัง…ไ…ข่แ…ล…ะ…มด…ล…ูก…
………………………… …ร…่าง…ก…าย…แ…ละ…ม…ด…ลกู… …แ…ล…ะก…า…รเ…ก…ิดล…กั …ษ…ณ…ะ…ขั้น…ท…ส่ี …อง…ข…อ…งเพ…ศ…ห…ญ…งิ ……
รก …………H…C…G………… …………ร…งั …ไข…่ ……… …ก…ร…ะ…ตุ้น…ก…า…ร…เจ…ร…ิญ…ข…อง…ค…อ…ร์ป…ัส…ล…ูเ…ทีย…ม…แ…ล…ะ…
………………………… ………………………… …ก…า…รส…ร…้าง…โ…พ…รเ…จส…เ…ทอ…โ…รน……………………………
ต่อมใตส้ มอง ……โก…ร…ท…ฮอ…ร…โ์ ม…น…… กระดูก …ก…ร…ะ…ตุ้น…ก…า…ร…เจ…ริ…ญ…ขอ…ง…ก…ระ…ด…ูก…แ…ล…ะค…ว…บ…ค…ุม…
สว่ นหนา้ ………………………… …เ…ท…แท…บ…อ…ล…ิซ…มึ ข…อ…ง…ไข…ม…ันแ…ล…ะ…ค…าร…์โบ…ไ…ฮ…เด…ร…ต…
……ต…่อ…ม…ใต…ส้ …มอ…ง…… …………A…D…H………… ……ท…่อ…ห…น…ว่ …ยไ…ต…… กระตนุ้ การดดู นา้ กลับท่ที ่อหนว่ ยไต
………ส…่ว…น…หล…ัง……… ………………………… …………………………
…………ไท…ม…ัส………… ไทโมซนิ …ร…ะ…บ…บ…ภ…มู คิ…ุ้ม…ก…ัน… …กร…ะ…ต…ุน้ ก…า…ร…สร…้า…งเ…ซล…ล…์เม…ด็ …เล…ือ…ด…ขา…ว…ล…มิ โ…ฟ…ไซ…ต…์
………………………… ………………………… …ชน…ิด…เ…ซล…ล…์ท…ี ……………………………………………
………ล…า…ไส…เ้ ล…็ก……… …ค…อ…ล…ีซสิ…โ…ต…ไค…น…นิ … ถุงนา้ ดี …ก…ระ…ต…้นุ …กา…ร…บ…บี …ตวั…ข…อ…งถ…ุง…น้…าด…ีให…้ห…ล…ง่ั ……………
………………………… ………………………… …เอ…น…ไซ…ม…์ …………………………………………………
อณั ฑะ …เ…ท…สโ…ท…ส…เท…อ…โร…น… ……ระ…บ…บ…ส…บื …พ…นั ธ…ุ์ … …ค…วบ…ค…มุ …ก…าร…ส…รา้…ง…เซ…ล…ลส์…ืบ…พ…นั …ธ…์ุขอ…ง…เพ…ศ…ช…าย……
………………………… ……แ…ล…ะร…่า…งก…า…ย…… …แล…ะ…ก…าร…เ…กิด…ล…ัก…ษ…ณ…ะ…ขนั้…ท…่ีส…อ…งข…อ…ง…เพ…ศ…ช…าย……
……ต…อ่ …ม…ใต…้ส…มอ…ง…… …………F…S…H………… ……………รงั …ไข…่ ……… กระตนุ้ การเจริญของฟอลลิเคิลเพ่ือให้สร้าง
………ส…ว่ …นห…น…า้ ……… ………………………… …………………………
อีสโทรเจน
195
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ เฉลย
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 2 ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไรท้ อ่ และอวัยวะทสี่ าคัญ
ใบงานที่ 3.1
เร่อื ง ฮอร์โมนจากตอ่ มไร้ท่อและอวยั วะท่สี าคัญ
คาช้ีแจง : จงเติมข้อมูลในตารางให้สมบูรณ์
แหลง่ สร้าง ฮอร์โมน อวัยวะเปา้ หมาย หนา้ ที่
……ต…อ่ ม…ไ…พ…เน…ยี …ล…… เมลาโทนนิ ………ส…ม…อง…ส…่วน……… …ย…บั …ยัง้…ก…า…รเ…จร…ญิ …เ…ติบ…โ…ต…ขอ…ง…อ…วัย…ว…ะส…บื …พ…นั …ธ…์ุ …
………………………… ……ไฮ…โ…พ…ท…าล…า…ม…สั … …ไ…ม่ใ…ห…เ้ จ…ร…ิญ…เต…ิบ…โต…เ…ร็ว…เก…ิน…ไป…………………………
……ต…่อม…ใ…ต…้สม…อ…ง…… ……เอ…น…ด…อ…ร์ฟ…นิ ……… ……เซ…ล…ล…ป์ …ระ…ส…าท…… ชว่ ยระงบั ความเจบ็ ปวด
………ส…ว่ น…ห…น…า้ ……… ………………………… ………………………… และเป็นสารสอ่ื ประสาท
……ต…่อม…ใ…ต…้สม…อ…ง…… ……………TS…H………… ตอ่ มไทรอยด์ …ก…ระ…ต…นุ้ …ต…่อ…มไ…ท…รอ…ย…ด…ใ์ ห…้ห…ล…ัง่ …ฮอ…ร…โ์ ม…น…อ…ย…า่ ง……
………ส…ว่ น…ห…น…้า……… ………………………… …ป…ก…ต…ิ ……………………………………………………
……ต…่อม…ห…ม…ว…กไ…ต…… อะดรีนาลีน …ก…ล…า้ ม…เน…อ้ื …ล…าย…แ…ล…ะ …เพ…มิ่…น…า้ …ตา…ล…ใน…เล…อื …ด…ก…ระ…ต…ุ้น…ให…้ห…วั …ใจ…เต…น้ …เร…ว็ ……
………ส…ว่ …น…ใน………… …ห…วั …ใจ…ห…ล…อ…ดเ…ล…อื ด… …ค…วา…ม…ด…ันเ…ล…ือด…ส…ูง…ก…ระ…ต…ุ้น…กา…ร…สล…า…ยล…พิ …ดิ …………
…………ร…งั ไ…ข่………… ……โพ…ร…เจ…ส…เท…อ…โร…น… …………ม…ด…ลูก………… กระตุ้นการเจริญเติบโตของเยอื่ บุชั้นใน
………………………… ………………………… ………………………… ของผนังมดลูก
ต่อมไทรอยด์ ………ไ…ท…รอ…ก…ซ…นิ …… ส่วนตา่ ง ๆ ของ …ค…ว…บค…ุม…เม…แ…ท…บ…อล…ิซ…ึม…ข…อง…ร…่าง…กา…ย…………………
………………………… ร่างกาย ………………………………………………………………
…ก…ร…ะเ…พ…าะ…อ…าห…า…ร… แกสตริน ……กร…ะ…เพ…า…ะอ…า…หา…ร… …ก…ระ…ต…ุน้ …ก…าร…ห…ล…่งั เ…อ…นไ…ซ…ม…์แล…ะ…ก…รด…ไ…ฮโ…ด…ร-………
………………………… ………………………… …ค…ล…อร…ิก……………………………………………………
……ต…่อ…มห…ม…ว…กไ…ต…… ………ค…อ…ร์ต…ซิ …อ…ล…… ……ส…ว่ น…ต…า่ ง…ๆ……ขอ…ง… เพมิ่ ระดับนา้ ตาลในเลือดโดยสลายจาก
………ส…ว่ น…น…อ…ก……… ………………………… …………รา่…ง…กา…ย……… โปรตนี และลพิ ดิ
……ต…อ่ ม…ใ…ต…้สม…อ…ง…… ………A…C…T…H………… ต่อมหมวกไต …ค…ว…บค…ุม…ก…า…รส…ร…า้ ง…ฮ…อร…์โ…มน…ข…อ…ง…ตอ่…ม…ห…ม…วก…ไ…ต…
………ส…่วน…ห…น…า้ ……… ………………………… สว่ นนอก ………………………………………………………………
………ต…ับ…อ…่อน………… อินซลู นิ ……ต…บั …ก…ล…้าม…เ…นื้อ…… …ล…ด…ระ…ด…ับ…น…า้ ต…า…ล…ใน…เล…ือ…ด……………………………
………………………… ……เน…้อื…เ…ยือ่…ไ…ขม…นั …… ………………………………………………………………
ต่อมพารา ……พ…า…รา…ไท…ร…อ…ย…ด์… ……ไ…ต…ล…า…ไส…้เล…ก็ …… …ล…ด…ระ…ด…ับ…แค…ล…เ…ซีย…ม…ใน…เ…ล…ือด…………………………
ไทรอยด์ …………ฮอ…ร…โ์ ม…น……… ……ก…ร…ะ…ดูก……ฟ…นั …… ………………………………………………………………
196
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ อ่
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 2 ฮอร์โมนจากตอ่ มไรท้ อ่ และอวัยวะทีส่ าคัญ
ใบงานที่ 3.2
เร่อื ง โรคหรือกลุ่มอาการที่เกิดจากความผดิ ปกตขิ องฮอรโ์ มน
คาชแี้ จง : สืบค้นข้อมูลเก่ียวกับโรคหรือกลุ่มอาการท่ีเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน แล้วบันทึกผลลงใน
ใบงานตอ่ ไปน้ี
โรคหรือกล่มุ อาการ ………………………………………………………………………………………………………………………….
สาเหตุ ............................................................................................................................. .................................
.......................................................................................... ................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
................................................................................................................................. .........................................
อาการ ............................................................................................................................. .................................
................................................................................................. .........................................................................
............................................................................................................................. .............................................
........................................................................................................................................ ..................................
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
การรักษา .........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
................................................................................................................................... .......................................
........................................................................................... ...............................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. .............................................
197
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ เฉลย
แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 2 ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไรท้ อ่ และอวัยวะที่สาคญั
ใบงานท่ี 3.2
เร่อื ง โรคหรอื กล่มุ อาการทีเ่ กดิ จากความผดิ ปกตขิ องฮอร์โมน
คาชีแ้ จง : สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับโรคหรือกลุ่มอาการที่เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน แล้วบันทึกผลลงใน
ใบงานตอ่ ไปนี้
โรคหรอื กล่มุ อาการ ……ภ…าว…ะ…ฮอ…ร…์โม…น…เ…พ…ศช…า…ย…ต่า……(H…y…po…g…o…na…d…is…m…)……………………………………………………….
สาเหตุ ....อ..ั.ณ...ฑ...ะ..ท...า..ง..า..น...ผ..ิด...ป..ก...ต..ิท...า..ใ..ห..้ผ...ล..ิต...ฮ..อ...ร..์โ.ม...น...เ.พ...ศ..ช...า..ย....ไ.ด...้แ..ก..่..เ.ท...ส..โ..ท...ส..เ..ท..อ...โ.ร..น....น...้อ..ย..ล...ง...ห...ร..ือ..อ...า..จ..เ..ก..ิด.....
...จ..า..ก..ค...ว..า..ม..ผ...ิด..ป...ก..ต...ิข..อ...ง.ต...่อ..ม...ใ.ต...้ส..ม...อ..ง..ส..่ว...น..ห...น...้า..ท..่ีท...า..ห...น..้า..ท...่ีผ..ล...ิต..โ.ก...น..า..โ..ด..โ..ท...ร..ป..ิน....ซ...ึ่ง..เ.ป...็น..ฮ...อ..ร..์โ..ม..น...ท..่ีค...ว..บ...ค..ุม...ก..า..ร....
...ส..ร..้า..ง..ฮ..อ..ร..์โ..ม..น...จ..า..ก...อ..ัณ...ฑ...ะ...................................................................................... .............................................
............................................................................................................................. .............................................
อาการ ....ภ...า..ว..ะ..ฮ..อ...ร..โ์ .ม...น..เ.พ...ศ...ช..า..ย..ต...่า..เ.ก..ิด...ข..้ึน...ไ.ด...ก้ ..ับ...ท..ุก...ว..ยั ....จ..งึ..แ..ส..ด..ง..อ...า..ก..า..ร..แ..ต...ก..ต..า่..ง..ก...นั ....ด..งั..น..ี้..................................
.................-.......ท..า..ร..ก...ใ..น..ค...ร..ร..ภ..ท์...ม่ี...โี .ค...ร..โ.ม...โ..ซ..ม...เ.ป...น็ ...เ.พ...ศ..ช...า..ย....ท..า..ใ..ห..เ้..ก..ดิ...ค..ว..า..ม..ผ...ิด..ป...ก..ต..ขิ..อ...ง..อ..ว..ยั..ว...ะ..เ.พ...ศ......................
.................-.......ผ..ู้ท...่ีก...า..ล..ัง..เ..ข..้า...ส..ู่ว...ัย..เ.จ...ร..ิญ....พ...ัน...ธ..์ุ ..ท..า..ใ..ห...้อ..ว..ัย...ว..ะ..เ..พ..ศ...แ..ล...ะ..ร..ะ...บ..บ...ส..ื.บ..พ...ัน...ธ..์บ. .ก...พ...ร..่อ..ง....ม..ว..ล...แ..ล...ะ..ค...ว..า..ม....
........................แ..ข..็ง..แ...ร..ง.ข...อ..ง..ก..ล...้า..ม..เ..น..้ือ...ม..ีก...า..ร..พ..ั.ฒ...น...า..น..้อ...ย..ล..ง.. .แ...ล..ะ..อ...า..จ..พ...บ...ด..้ว..ย...ว..่า..ก..า..ร..เ.จ...ร..ิญ...เ.ต...ิบ..โ..ต..ข...อ..ง..แ..ข...น...แ..ล..ะ....
........................ข..า..ม..ขี...น..า..ด...ไ.ม...ส่ ..ัม..พ...นั...ธ..์ก..ับ...ล..า..ต...วั ..แ..ล..ะ...เ.ส..ีย...ง.อ...า..จ..ไ..ม..่ท...มุ้ ..ต...า่ ..เ.ห..ม...อื..น...เ.ด...็ก..ค..น..อ...ื่น....ๆ....ท..ี่อ...ย..ู่ใ..น..ว..ยั...เ.ด..ยี...ว..ก..ัน.......
.................-.......ว..ัย..ผ...ู้ใ..ห..ญ....่ .ม...ีค..ว..า..ม...ผ..ิด...ป..ก...ต..ิใ..น..ก...า..ร..เ.ก...ิด..ผ..ม...แ..ล...ะ..เ.ส..้.น..ข...น....โ.ด..ย...ใ.ช...้เ.ว..ล...า..ใ.น...ก.า..ร..ง..อ...ก..น...า..น..ข...้ึน..ใ..น...จ..า..น..ว...น....
........................ท..ี่น...้อ..ย...ล..ง...แ...ล..ะ..อ...า..จ..พ...บ..ป...ญั ...ห...า..ใ.น...ก..า..ร..แ...ข..็ง..ต..วั. .ข..อ...ง..อ..ว..ัย..ว...ะ..เ.พ...ศ....ร..ว..ม..ถ..ึง..ภ...า..ว..ะ..ม...ีล..ูก...ย..า..ก....ร..ว..ม...ท..้ัง..อ..า..จ....
........................ส..ญู...เ.ส...ีย..ม...ว..ล..ก..ล...า้ ..ม..เ.น...อื้....ม..ว..ล...ก..ร..ะ..ด...ูก....แ..ล..ะ..ค...ว..า..ม..ห...น...า..แ..น..่น...ข..อ...ง..แ..ร..ธ่..า..ต..ใุ .น...ก..ร..ะ..ด...ูก...............................
การรักษา .......ก...า..ร..ร..ัก...ษ...า..ภ...า..ว..ะ..ฮ...อ..ร..์โ..ม...น..เ..พ...ศ..ช...า..ย..ต...่า..เ.ป...็น...ก...า..ร..ใ.ห...้ฮ...อ..ร..์โ..ม...น..เ..พ...ศ..ช...า..ย..ท...ด...แ..ท...น.. ..(.T..e..s..t..o..s..t.e...r.o...n..e...
....R..e...p..l.a..c..e...m...e...n..t...T..h...e..r.a...p..y..)...เ.ป...็น..ก...า..ร..ใ.ห...้ฮ..อ...ร..์โ.ม...น...เ.พ...ศ..ช...า..ย..เ.พ...ื่อ..ท...ด..แ..ท...น...ส..่ว..น...ท...ี่ข..า..ด...ไ.ป...แ..ล...ะ..ร..ัก..ษ...า..ค..ว...า..ม..ผ..ิ.ด..ป...ก..ต...ิ
....ท...ีเ่ .ก..ดิ...ข..ึ้น....ม..ีห...ล..า..ย...ว..ิธ..ี .......................................................................................................................................
.........................-.......ก..า..ร..ใ..ห..้ฮ...อ..ร..์โ..ม..น...เ.พ...ศ...ช..า..ย..ท...ด...แ..ท...น..ใ..น...ร..ูป..แ...บ...บ..ย...า..ใ.ช...้ภ..า..ย...น..อ...ก....เ.ช..่น....ก..า..ร..ใ..ช..้แ...ผ..่น...แ..ป...ะ..ฮ..อ...ร..์โ.ม...น...
................................ก..า..ร..ท...า..เ.จ..ล....ก..า..ร..ฉ...ีด..เ.ข...า้ ..ท..า..ง..จ..ม...ูก............................................................................................
.........................-.......ก..า..ร..ใ..ห..้ฮ...อ..ร..์โ..ม..น...เ.พ...ศ..ช..า..ย...ท..ด...แ..ท...น..ใ..น...ร..ปู ..แ...บ..บ...ย..า..ใ..ช..้ภ...า..ย..ใ..น....เ.ช..่น....ก..า..ร..ฉ..ีด...เ.ข..้า..ก...ล..้า..ม..เ..น..้อื....ก...า.ร..ฝ...ัง..
................................ฮ..อ..ร..์โ..ม..น...เ.พ...ศ..ช...า..ย....ก..า..ร..ร..บั ...ป..ร..ะ..ท...า..น...ฮ..อ..ร..์โ..ม..น...ท..ด...แ..ท...น..แ...บ..บ...เ.ม...ด็ ................................................
.................................................................................... ......................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
**....ห..ม...า..ย..เ..ห..ต...ุ:...ข..้อ...ม..ูล...ท..ีเ่..ฉ..ล...ย..ใ..น..ใ..บ...ง..า..น...เ.ป...็น..ต...วั ..อ...ย..่า..ง..ข...อ..ง..โ..ร..ค..เ.ท...า่..น...ั้น.....................................................................
198
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 ระบบตอ่ มไรท้ อ่
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 2 ฮอร์โมนจากตอ่ มไรท้ อ่ และอวัยวะทสี่ าคญั
9. ความเห็นของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรือผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงชื่อ .................................
( ................................ )
ตาแหน่ง .......
10. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน
ดา้ นความรู้
ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน
ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ดา้ นอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมทีม่ ีปัญหาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแก้ไข
199
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 ระบบตอ่ มไรท้ อ่
แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 3 การรกั ษาดลุ ยภาพของรา่ งกายดว้ ยฮอรโ์ มน
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 3
การรกั ษาดุลยภาพของร่างกายด้วยฮอรโ์ มน
เวลา 1 ชั่วโมง
1. ผลการเรียนรู้
13. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเขียนแผนผังสรุปหน้าที่ของฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและเน้ือเยื่อที่สร้าง
ฮอรโ์ มน
2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายและเปรียบเทยี บการควบคุมแบบป้อนกลบั ยบั ย้ังและการควบคุมแบบป้อนกลบั กระตุ้น (K)
2. เขียนสรปุ กระบวนการรกั ษาดลุ ยภาพดว้ ยฮอรโ์ มน (P)
3. สนใจใฝ่รู้ในการศกึ ษาและมุ่งมั่นในการทางาน (A)
3. สาระการเรยี นรู้
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ ้องถน่ิ
- การควบคุมการหล่ังฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อ มี พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา
ทั้งการควบคุมแบบป้อนกลับยับยั้ง และการ
ควบคุมแบบป้อนกลับกระตุ้น เพื่อรักษาดุลย
ภาพของร่างกาย
4. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การหล่ังฮอร์โมนถูกควบคุมโดยวิธีการควบคุมแบบป้อนกลับ (feedback control) แบ่งออกเป็น 2
ประเภท ดังน้ี
1. การควบคุมแบบป้อนกลับยับยั้ง (negative feedback control) เป็นการควบคุมการหล่ัง
ฮอร์โมนโดยมผี ลยับยง้ั การทางานของต่อมไรท้ ่อ เชน่ การหล่งั พาราไทรอยดฮ์ อรืโมน
2. การควบคุมแบบป้อนกลับกระตุ้น (positive feedback control) เป็นการควบคุมการหลั่ง
ฮอร์โมนโดยมผี ลกระตุ้นการทางานของต่อมไรท้ ่อ เช่น การหล่งั ออกซิโทซนิ
200
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 3 การรักษาดุลยภาพของรา่ งกายดว้ ยฮอร์โมน
5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี นและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวินัย
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
1) ทกั ษะการสารวจค้นหา 3. มงุ่ มัน่ ในการทางาน
2) ทกั ษะการจาแนกประเภท
3) ทกั ษะการลงความเห็นจากข้อมลู
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : การบรรยาย (Lecture Method)
ชัว่ โมงท่ี 1
ข้ันนา
การเตรียมการบรรยาย
1. ทบทวนความรู้เก่ียวกบั การหล่งั ฮอรโ์ มนประเภทตา่ ง ๆ เช่น
- การหล่งั อินซูลินจากกลมุ่ เซลล์ไอส์เลตออฟแลงเกอร์ฮานส์ของตับอ่อนเมื่อมีนา้ ตาลในเลอื ดสูง
- การหลงั่ แคลซโิ ทนนิ จากเซลล์พาราฟอลลิคิวลารข์ องต่อมไทรอยดเ์ ม่ือมแี คลเซียมในเลือดสงู
- การหลั่งฮอร์โมนแอนติไดยูเรตกิ จากต่อมใต้สมองสว่ นหลังเม่ืออยู่ในสภาวะขาดน้า
2. ถามคาถามนาเข้าสกู่ ารเรียน ดงั น้ี
- การสร้างฮอร์โมนของต่อมไร้ท่อเกิดข้ึนเมื่อไร และส่งผลอยา่ งไร
(แนวตอบ: การสรา้ งฮอรโ์ มนของต่อมไร้ท่อจะต้องมสี ่ิงเร้ามากระต้นุ ใหห้ ล่ังฮอร์โมนแต่ละชนิด ซึง่ จะ
ควบคมุ การทางานของอวัยวะเปา้ หมายอย่างจาเพาะเจาะจง)
- จากข้อมลู ที่ไดศ้ ึกษามา นักเรียนคกิ ว่ามปี จั จยั ไดบ้ า้ งที่ทาใหเ้ กดิ การหล่งั ฮอร์โมนมากขน้ึ หรอื ลดลง
(แนวตอบ: คาตอบขนึ้ อยู่กับดลุ ยพนิ จิ ของครูผสู้ อน เช่น ปรมิ าณสารตา่ ง ๆ เชน่ ระดับนา้ ตาลในเลอื ด
มีผลต่อการหล่ังของอินซูลินและกลูคากอน ระดับแคลเซียมในเลือดมีผลต่อการหลั่งของ
แคลซิโทนินและพาราไทรอยด์ฮอร์โมน ปรมิ าณฮอร์โมน เช่น ปริมาณของโกนาโดรโทปิน
มีผลต่อการหลังของฮอร์โมนเพศ ปริมาณของ ACTH มีผลต่อการหลั่งของฮอร์โมนจาก
ตอ่ มหมวกไตส่วนนอก)
201