หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความรสู้ ึก เฉลย
แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 2 เซลลป์ ระสาทและการทางานของเซลลป์ ระสาท
ใบงานท่ี 2.1
เรือ่ ง เซลลป์ ระสาท
คาชี้แจง : ระบุโครงสร้างและอธิบายลักษณะของเซลล์ประสาทที่กาหนดให้
1
2
3
4
หมายเลข 1 คอื .เ.ด...น..ไ..ด..ร..ต..์..................................... หมายเลข 2 คือ .ต..ัว..เ..ซ..ล..ล...์ ......................................
หนา้ ท่ี ..เ.ส...้น..ใ..ย..ป...ร..ะ..ส..า..ท...ท...น่ี ..า..ก...ร..ะ..แ..ส...ป..ร..ะ...ส..า..ท...เ.ข..้า..ส...ู่ . หนา้ ที่ ..ภ...า..ย..ใ..น..ป...ร..ะ..ก..อ...บ..ด...ว้ ..ย..น...ิว..เ.ค..ล...ีย..ส..ข...น..า..ด...ใ.ห...ญ...่ .
..ต..วั..เ.ซ...ล..ล..์...เ.ซ...ล..ล...ป์ ..ร..ะ..ส...า..ท....1...เ..ซ..ล..ล...์ .อ...า..จ..ม..ีเ.ด...น..ไ..ด..ร..ต...์ . ..แ..ล..ะ..ม...ีอ..อ...ร..แ์ ..ก..เ..น..ล...ล..ภ์...า..ย..ใ..น..ไ..ซ..โ..ท..พ...ล..า..ซ...ึม....ท..า..ห...น..้า..ท...ี่ .
..แ..ย..ก...อ...อ..ก...จ..า..ก...ต..ัว...เ.ซ..ล...ล..์.ห..น...่ึง..เ.ส...้น...ใ.ย....ห...ล...า..ย..เ..ส..้น...ใ.ย.... ..ส..ัง..เ..ค..ร..า...ะ..ห...์ส...า..ร..ท...่ีจ...า..เ.ป...็น...ต..่.อ..ก...า..ร..ด...า..ร..ง..ช...ีว..ิต...ข..อ...ง...
..ห..ร..อื..อ...า..จ..ไ..ม..่ม..เี..ด..น...ไ.ด...ร..ต..์เ.ล...ย....................................... ..เ.ซ...ล..ล...์แ...ล..ะ...ข..น...ส...่ง..ส...า..ร..จ...า..ก..ต...ัว..เ..ซ...ล..ล...์ไ..ป..ย...ัง..เ.ส...้น...ใ..ย...
..ป..ร..ะ..ส...า..ท..อ...ื่น....ๆ.........................................................
...............................................................................
หมายเลข 3 คอื .น...วิ ..เ.ค..ล...ยี ..ส...................................... หมายเลข 4 คือ .แ..อ...ก..ซ..อ...น.......................................
หน้าท่ี ..ค...ว...บ...ค..ุ.ม...ก..ิ.จ..ก...ร...ร..ม...ต..่.า..ง....ๆ....ข...อ...ง..เ.ซ...ล...ล..์.... หน้าที่ ..เ.ส...้น..ใ..ย..ป...ร..ะ..ส...า..ท..ท...ี่น...า..ก..ร..ะ..แ...ส..ป...ร..ะ..ส...า..ท..อ...อ..ก....
..ป...ร.ะ...ส..า..ท.................................................................. ..จ..า...ก..ต...ั ว...เ.ซ...ล...ล..์..เ..ซ...ล..ล...์ ป...ร...ะ..ส...า...ท....1.....เ.ซ...ล...ล..์ ..จ...ะ..ม...ี .
..แ..อ..ก...ซ..อ..น...เ.พ...ยี..ง..เ.ส...้น..ด...ยี ..ว..เ.ท...่า..น...้ัน.................................
...............................................................................
...............................................................................
...............................................................................
...............................................................................
...............................................................................
103
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรูส้ ึก
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 2 เซลลป์ ระสาทและการทางานของเซลลป์ ระสาท
เซลล์ในรา่ งกาย
104
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรู้สกึ
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 2 เซลล์ประสาทและการทางานของเซลล์ประสาท
เซลล์ในรา่ งกาย
105
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความร้สู กึ
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 2 เซลล์ประสาทและการทางานของเซลลป์ ระสาท
9. ความเห็นของผู้บรหิ ารสถานศึกษาหรอื ผูท้ ีไ่ ด้รับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ
ลงช่ือ .................................
( ................................ )
ตาแหน่ง .......
10. บันทึกผลหลงั การสอน
ด้านความรู้
ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ดา้ นอ่นื ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ีปัญหาของนักเรยี นเปน็ รายบุคคล (ถ้ามี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
106
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรู้สกึ
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 3 ศนู ย์ควบคมุ ระบบประสาท
แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 3
ศูนย์ควบคมุ ระบบประสาท
เวลา 3 ชั่วโมง
1. ผลการเรยี นรู้
7. อธิบาย และสรุปเกีย่ วกับโครงสร้างของระบบประสาทส่วนกลางและระบบประสาทรอบนอก
8. สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างและหน้าท่ีของส่วนต่าง ๆ ในสมองส่วนหน้า สมองส่วนกลาง สมอง
ส่วนหลัง และไขสนั หลัง
2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายโครงสร้างของระบบประสาทส่วนกลางและระบบประสาทรอบนอกได้ (K)
2. อธบิ ายโครงสรา้ งและหน้าท่ีของสมองและไขสนั หลงั ได้ (K)
3. ปฏิบัตงิ านตามหน้าที่ท่ไี ดร้ บั มอบหมายไดค้ รบถว้ น (P)
4. สนใจใฝร่ ใู้ นการศึกษาและมุ่งมัน่ ในการทางาน (A)
3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรทู้ อ้ งถิ่น
พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา
สาระการเรียนรู้เพิ่มเติ่ม
- สมองแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ สมองส่วนหน้า
สมองส่วนกลาง และสมองส่วนหลัง สมองแต่
ล ะ ส่ ว น จ ะ ค ว บ คุ ม ก า ร ท า ง า น ข อ ง ร่ า ง ก า ย
แตกต่างกัน โดยมีเส้นประสาทท่ีแยกออกจาก
สมอง 12 คู่ ไปยังอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งบางคู่ทา
หน้าท่ีรับความรู้สึกเข้าสู่สมอง หรือนาคาสั่ง
จากสมองไปยังหน่วยปฏิบัติงาน หรือทาหน้าท่ี
ท้งั สองอยา่ ง
- ไขสันหลังเป็นส่วนท่ีต่อจากสมองอยู่ภายใน
กระดูกสันหลัง และมีเส้นประสาทแยกออก
จากไขสันหลังเป็นคู่ ซ่ึงทาหน้าที่ประมวลผล
การตอบสนองโดยไขสันหลงั เช่น การเกิดรเี ฟล็
กซ์ชนิดต่าง ๆ และการถ่ายทอดกระแส
ประสาทระหวา่ งไขสันหลังกับสมอง
107
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความร้สู ึก สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถิ่น
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 3 ศนู ย์ควบคุมระบบประสาท
สาระการเรียนรู้เพิ่มเติ่ม
- เส้นประสาทไขสันหลังทุกคู่จะทาหน้าท่ีรับ
ความรู้สึกเข้าสู่ไขสันหลังและนาคาสั่งออกจาก
ไขสันหลงั
4. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
ศนู ยค์ วบคมุ ระบบประสาทแบ่งออกเป็น 2 สว่ น ดงั น้ี
- สมอง บรรจุอยู่ในกระโหลกศีรษะ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ สมองส่วนหน้าประกอบด้วย
เซรีบรัมทาหน้าที่ควบคุมความคิดและการทางานต่าง ๆ ของร่างกาย ไฮโพทาลามัสทาหน้าที่
ควบคุมอุณหภูมิ การเต้นของหัวใจ ความดันเลือด และความต้องการพื้นฐานของร่างกาย
ทาลามัสทาหน้าท่ีเปน็ ศูนย์รวบรวมกระแสประสาทเข้าและออก และแยกกระแสประสาทสง่ ไปยัง
สมองส่วนต่าง ๆ สมองส่วนกลาง คือ ออพติกโลบทาหน้าท่ีควบคุมการเคลื่อนไหวของลูกตาและ
การปิดเปิดของรูม่านตาเม่ือได้รับแสง สมองส่วนท้ายประกอบด้วยเซรีเบลลัมทาหน้าท่ีควบคุม
การเคลื่อนไหวและการทรงตัวของร่างกาย เมดัลลาออบลองกาตาทาหน้าท่ีควบคุมการทางาน
ของระบบประสาทอัตโนมัติ พอนสท์ าหน้าที่ควบคุมการเคยี้ ว การหลง่ั น้าลาย การเคลื่อนไหวของ
ใบหน้า และการหายใจ สมองมีเส้นประสาทแยกออกมา 12 คู่ ทาหน้าท่ีรับความรู้สึก (คู่ที่ 1 2
และ 8) สง่ั การ (ค่ทู ี่ 3 4 6 11 และ 12) หรือรับความรสู้ กึ และส่ังการ (คู่ที่ 5 7 9 และ 10)
- ไขสันหลัง เป็นระบบประสาทท่ีต่อมาจากสมอง อยู่ภายในกระดูกสันหลังต้ังแต่ข้อแรกถึงกระดูก
บั้นเอวข้อท่ี 2 และมีเส้นประสาทไขสันหลังแยกออกมา 31 คู่ ได้แก่ เส้นประสาทบริเวณคอ 8 คู่
เส้นประสาทบริเวณอก 12 คู่ เส้นประสาทบริเวณเอว 5 คู่ เส้นประสาทบริเวณกระเบนเหน็บ 5
คู่ และเส้นประสาทบรเิ วณก้นกบ 1 คู่
5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี นและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวนิ ัย
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้
1) ทกั ษะการสังเกต 3. มุ่งมั่นในการทางาน
2) ทักษะการสารวจคน้ หา
3) ทกั ษะการจาแนกประเภท
4) ทักษะการลงความเหน็ จากขอ้ มูล
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
108
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความรสู้ กึ
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 3 ศนู ย์ควบคมุ ระบบประสาท
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ ีสอน/เทคนิค : การบรรยาย (Lecture Method)
ชว่ั โมงท่ี 1
ขน้ั นา
การเตรยี มการบรรยาย
1. นาวดิ ที ศั น์แสดงการพัฒนาของสมองและไขสนั หลงั มาใช้ประกอบการสอน เช่น
- https://www.youtube.com/watch?v=RbejYkPTaZ8
- https://www.youtube.com/watch?v=t7y11Lw2ZSA
- https://www.youtube.com/watch?v=GN626O1iq30
แล้วถามคาถามเก่ียวกับการพัฒนาของสมองและไขสนั หลังจากวดี ทิ ศั น์ทนี่ ามาประกอบการสอน เชน่
- เม่ือเอ็มบรโิ อมีมายเุ พิม่ มากข้ึน นวิ รัลทวิ บม์ กี ารพัฒนาอย่างไร
(แนวตอบ: นิวรัลทิวบ์เป็นโครงสร้างท่ีพบในระยะเอ็มบริโอของสัตว์มีกระดูกสันหลัง มีลักษณะเป็น
หลอดกลวง ซึ่งจะพัฒนาเป็นสมองและไขสันหลัง โดยส่วนหน้าของนิวรัลทิวบ์จะพัฒนา
เปน็ สมอง และสว่ นท้ายของนิวรลั ทิวบจ์ ะพัฒนาเป็นไขสันหลงั )
- เม่อื ทารกในครรภ์มอี ายเุ พมิ่ มากข้นึ สมองสว่ นใดมีการพฒั นามากทสี่ ดุ
(แนวตอบ: สมองส่วนหน้ามีพฒั นาการมากทีส่ ดุ )
ขนั้ สอน
การบรรยาย
1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 6 คน โดยนักเรียนแต่ละกลุ่มแบ่งหน้าที่กันไปศึกษาแบบจาลองสมองของสัตว์
กลมุ่ ตา่ ง ๆ ดงั นี้
- สมองของสตั ว์สะเทนิ น้าสะเทินบก - สมองของปลา
- สมองของสตั ว์เลื้อยคลาน - สมองของสัตวป์ ีก
- สมองของสัตว์เล้ยี งลูกด้วยน้านม - สมองของมนษุ ย์
∆ แบบจาลองสมองของกบ ∆ แบบจาลองสมองของฉลาม ∆ แบบจาลองสมองของสตั ว์เลอ้ื ยคลาน
109
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรสู้ กึ
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 3 ศนู ย์ควบคุมระบบประสาท
∆ แบบจาลองสมองของนก ∆ แบบจาลองสมองของสนุ ัข ∆ แบบจาลองสมองของมนษุ ย์
2. นักเรียนแต่ละคนที่ถูกแบ่งหน้าที่ไปศึกษาแบบจาลองสมองของสัตว์กลุ่มต่าง ๆ กลับมารวมกลุ่มของ
ตนเอง แล้วอธบิ ายใหเ้ พอ่ื นในกลมุ่ ฟังเกย่ี วกับแบบจาลองที่ตนเองไดไ้ ปศกึ ษา
3. ส่มุ เลือกนกั เรยี น 6 กล่มุ ออกมาอธบิ ายแบบจาลองสมองของสัตว์กลุ่มตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ สตั ว์สะเทินนา้ สะเทิน
บก ปลา สัตว์เล้ือยคลาน สัตว์ปีก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านม และมนุษย์ โดยระหว่างท่ีนักเรียนนาเสนอให้
นกั เรยี นในชนั้ เรียนรว่ มกันเสนอแนะ และครูคอยเพม่ิ เติมประเด็นทีข่ าดหายไป
4. อธิบายให้นักเรียนฟังว่า สัตว์แต่ละกลุ่มมีพัฒนาการของสมองแตกต่างกัน เช่น ฉลามมีสมองส่วน
อัลแฟกทอรีบัลบ์ขนาดใหญ่เพื่อประมวลผลเกี่ยวกับการรับกล่ิน ทาให้ฉลามมีจมูกไวและล่าเหยื่อได้ดี
กบมีสมองส่วนออพติกโลบขนาดใหญ่เพื่อช่วยประมวลผลเกี่ยวกับการรับภาพ ทาให้กบมองเห็น
การเคลื่อนไหวของเหยื่อได้ดี นกมีสมองส่วนเซรีเบลลัมเจริญมากทาหน้าที่ช่วยควบคุมและประสาน
การเคลือ่ นที่และการทรงตัว ทาให้นกบนิ เคลื่อนท่ใี น 3 มิตไิ ด้ มนุษย์มีสมองส่วนเซรีบรมั เจริญดีมากทาให้
ใชค้ วามคิดและความจาได้ดีกว่าสตั ว์กลุ่มอื่น ๆ
5. อธิบายให้นักเรียนฟังว่า ปริมาณรอยหยักในสมองทาให้พ้ืนท่ีผิวของสมองเพิ่มมากข้ึน เน่ืองจากเนื้อสีเทา
ของสมองอยู่ส่วนนอก สัตว์ท่ีมีรอยหยักบนสมองมากจะมีพื้นท่ีผิวของเน้ือสีเทามาก หมายความว่ามี
จานวนเซลล์ประสาทมาก ทาให้สัตว์มีการเรียนรู้และความฉลาดมากกว่า สาหรับสัดส่วนของน้าหนัก
สมองต่อน้าหนักตัวเป็นเครื่องบ่งช้ีครา่ ว ๆ วา่ ถ้ามีสมองขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับน้าหนักตัว มีแนวโน้มว่า
จะมีเซลล์ประสาทมากกวา่ และฉลาดกวา่ แตไ่ มจ่ าเปน็ เสมอไป
6. ถามคาถามเพ่อื ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี น เชน่
- สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านมมีพัฒนาการของสมองส่วนใดมากกว่าสัตว์กลุ่มอื่น ๆ และสมองส่วนน้ันมี
ความสาคัญอยา่ งไร
(แนวตอบ: สมองส่วนหน้า ซงึ่ มีบทบาทเก่ยี วกับการเรียนรู้ ทาใหม้ คี วามฉลาดมากข้ึน)
- สตั ว์ทม่ี วี วิ ัฒนาการสงู ขึน้ สมองมพี ฒั นาการแตกต่างจากสัตวท์ ่มี วี ิวัฒนาการต่ากวา่ อยา่ งไร
(แนวตอบ: สัตว์ท่ีมีวิวัฒนาการสูงจะมีสมองส่วนหน้าและสมองส่วนหลังพัฒนาดีกว่าสัตว์ท่ีมี
วิวัฒนาการต่ากวา่ แตส่ มองส่วนกลางจะมีพฒั นาการนอ้ ยกว่า)
110
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความรูส้ ึก
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 3 ศนู ยค์ วบคุมระบบประสาท
- สตั ว์แต่ละกลุ่มมีสมองสว่ นใดเจริญมากที่สดุ เพราะเหตใุ ด
(แนวตอบ: กบมีสมองส่วนออพติกโลบเจริญดีเพื่อช่วยประมวลผลเก่ียวกับการรับภาพทาให้มองเห็น
การเคลื่อนไหวของเหยื่อได้ดี ฉลามมีสมองส่วนอัลแฟกทอรีบัลบ์เจริญดีเพื่อประมวลผล
เกี่ยวกบั การรับกล่ินทาให้ฉลามมีจมูกไวและล่าเหย่อื ได้ดี นกมีสมองส่วนเซรีเบลลมั เจรญิ ดี
เพื่อช่วยควบคุมและประสานการเคลื่อนท่ีและการทรงตัว ทาให้นกบินเคล่ือนที่ใน 3 มิติ
ได้ สัตว์มีกระดกู สันหลงั มสี มองส่วนเซรีบรมั เจรญิ ดีมีทาให้ใชค้ วามคิดและความจาได้ดี)
ช่วั โมงท่ี 2
ขัน้ สอน
การบรรยาย
7. นักเรียนแต่ละกลุ่ม (กลุ่มจากชั่วโมงท่ี 1) ศึกษาหน้าที่ของสมองส่วนต่าง ๆ ของมนุษย์ จากแบบจาลอง
หรอื จากหนงั สอื เรยี นรายวชิ าเพิ่มเติมวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เลม่ 1 หน้า 60-61
8. นักเรียนแต่ละกลุ่มวาดภาพสมองส่วนต่าง ๆ ลงในกระดาษ A4 ระบุตาแหน่งของสมองสว่ นตา่ ง ๆ พร้อม
อธิบายหน้าท่ีของสมองแต่ละส่วน สุ่มเลือกนกั เรียน 3 กลุม่ นาเสนอภาพวาดสมองสว่ นตา่ ง ๆ
9. นกั เรยี นและครรู ่วมกนั อภปิ รายเพอื่ ให้ได้ขอ้ สรุปว่า สมองแบ่งออกเป็นส่วนตา่ ง ๆ ดงั น้ี
- เซรีบรัม เป็นสมองส่วนหน้า มีขนาดใหญ่ที่สุด มีรอยหยักเป็นจานวนมาก ทาหน้าที่ควบคุมความคิด
ความจา สติปัญญา การทางานต่างๆ เช่น การสัมผัส การมองเห็น การได้ยิน การรับรส การดมกลิ่น
การทางานของกล้ามเนื้อ โดยสมองส่วนเซรบี รมั ยงั แบ่งออกเปน็ 4 ส่วน ดงั นี้
ฟรอนทัลโลบ ทาหน้าที่ควบคุมการเคล่ือนไหว การออกเสียง ความคิด ความจา สติปัญญา
และความร้สู ึก
เทม็ พอรัลโลบ ทาหนา้ ทคี่ วบคุมการได้ยินและการดมกลน่ิ
ออกซพิ ทิ ัลโลบ ทาหน้าที่ควบคมุ การมองเห็น
พาเรียทัลโลบ ทาหน้าท่คี วบคมุ การพูด การสมั ผัส และการรบั รส
- ออลเฟกทอรบี ัลบ์ เป็นสมองส่วนหน้า อยู่ด้าหน้าสดุ ทาหน้าท่ีควบคุมการดมกล่ิน (ในมนุษย์ไม่เจริญ
มากนัก แตใ่ นปลา กบ และสตั ว์เลื้อยคลานจะมีขนาดใหญ)่
- ไฮโพทาลามัส เป็นสมองส่วนหน้า ทาหน้าท่ีเป็นศูนย์กลางของระบบประสาทอัตโนวัติ ได้แก่ ควบคุม
อุณหภูมิร่างกาย การเต้นของหัวใจ ความดันเลือด ความต้องการพื้นฐาน เช่น น้า อาหาร ความ
ตอ้ งการทางเพศ รวมทง้ั สรา้ งฮอร์โมนประสาทควบคุมการหล่ังฮอรโ์ มนของต่อมใต้สมองสว่ นหนา้
- ทาลามสั เป็นสมองส่วนหน้า อยูด่ ้านบนไฮโพทาลามัส ทาหน้าที่ศนู ยร์ วบรวมกระแสประสาทเข้าและ
ออก และแยกกระแสประสาทส่งไปยังสมองทีส่ ัมพนั ธก์ ับกระแสประสาทนนั้
111
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความรสู้ ึก
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 3 ศนู ย์ควบคมุ ระบบประสาท
- ออพติกโลบ เป็นสมองส่วนกลาง ทาหน้าท่ีควบคุมการเคลื่อนไหวของลูกตา การปิดเปิดของรูม่านตา
เมอื่ รบั แสง
- เซรบี รัม เป็นสมองส่วนท้าย อยู่ด้านหลังสมองส่วนพอนส์และใต้สมองส่วนเซรีบรัม ทาหน้าท่ีควบคุม
การเคลอ่ื นไหวและการทรงตวั ของรา่ งกาย
- เมดัลลาออบลองกาตา เป็นสมองส่วนท้ายท่ีต่อกับไขสันหลัง ทาหน้าที่ควบคุมการทางานระบบ
ประสาทอัตโนวัติ เช่น การเต้นของหัวใจ การหายใจ ความดันเลือด การจาม การสะอึก การอาเจียน
การกลนื เป็นทางผา่ นของกระแสประสาทระหวา่ งสมองกับไขสันหลัง
- พอนส์ เป็นสมองสว่ นท้าย อยดู่ ้านหนา้ ซรี ีเบลลัมและตดิ กับสมองสว่ นกลาง ทาหน้าท่ีควบคมุ การเคี้ยว
การหล่ังน้าลาย การเคลื่อนไหวของใบหน้า การหายใจ เป็นทางผ่านของกระแสประสาทระหว่าง
เซรบี รัมกบั เซรีเบลลมั และระหวา่ งเซรเี บลลัมกบั ไขสันหลงั
10. นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาตาแหน่งและหน้าท่ีของเส้นประสาทสมองทั้ง 12 คู่ จากหนังสือเรียนรายวิชา
เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 62 แล้วนักเรียนและครูร่วมกันอภิปราย
เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า เส้นเส้นประสาทสมองมี 12 คู่ แต่ละคู่ทาหน้าที่รับความรู้สึก สั่งการ หรือทั้งรับ
ความรสู้ กึ และสัง่ การ ดังน้ี
- เส้นประสาทสมองคทู่ ่ี 1 ทาหน้าที่รบั ความรูส้ ึกจากจมูก
- เส้นประสาทสมองคทู่ ี่ 2 ทาหน้าที่รับความรสู้ ึกจากตา
- เสน้ ประสาทสมองคทู่ ี่ 3 ทาหนา้ ทสี่ ่งั การไปยงั กลา้ มเนือ้ ลูกตา
- เส้นประสาทสมองคูท่ ่ี 4 ทาหนา้ ที่สง่ั การไปยังกลา้ มเน้ือลูกตา
- เส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 ทาหน้าทรี่ บั ความรู้สึกจากใบหน้าและฟัน
ทาหน้าทส่ี ั่งการไปยงั ใบหนา้ และฟนั
- เส้นประสาทสมองคู่ท่ี 6 ทาหนา้ ทส่ี ั่งการไปยงั กลา้ มเนื้อของลกู ตา
- เสน้ ประสาทสมองคทู่ ี่ 7 ทาหน้าทีร่ ับความรู้สึกจากตุม่ รับรส
ทาหนา้ ที่สั่งการไปยงั ตอ่ มนา้ ลายและกลา้ มเน้ือใบหนา้
- เส้นประสาทสมองคทู่ ี่ 8 ทาหนา้ ที่รบั ความรู้สกึ จากหู
- เส้นประสาทสมองคทู่ ี่ 9 ทาหนา้ ทร่ี ับความรู้สกึ จากคอหอยและตมุ่ รบั รส
ทาหน้าท่ีสงั่ การไปยังคอหอยและต่อมน้าลาย
- เสน้ ประสาทสมองคู่ท่ี 10 ทาหนา้ ทร่ี บั ความรู้สกึ จากช่องอกและชอ่ งท้อง
ทาหน้าที่สั่งการไปยังชอ่ งอกและช่องท้อง
- เส้นประสาทสมองค่ทู ่ี 11 ทาหนา้ ทีส่ ั่งการไปยังกล้ามเนือ้ ทใ่ี ชย้ กไหล่
- เส้นประสาทสมองคู่ที่ 12 ทาหน้าทส่ี ง่ั การไปยังลิน้
11. นกั เรียนทาใบงานท่ี 2.2 เรื่อง สมอง
112
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรูส้ ึก
แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 3 ศนู ย์ควบคมุ ระบบประสาท
12. ถามคาถามเพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี น เช่น
- สมองส่วนใดหากไดร้ บั การกระทบกระเทือนอาจทาใหเ้ กดิ อาการความจาเส่ือมและเป็นอัมพาต
(แนวตอบ: สมองส่วนเซรีบรัมทาหน้าที่ควบคุมความคิด ความจา สติปัญญา และการทางานของ
กล้ามเนื้อ หากได้รับการกระทบกระเทือนอาจทาให้เกิดอาการความจาเส่ือมและเป็น
อัมพาตได)้
- สมองสว่ นใดทาหน้าท่ีควบคมุ เกย่ี วกบั การรกั ษาดลุ ยภาพตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย
(แนวตอบ: สมองส่วนไฮโพทาลามัสทาหน้าท่ีควบคุมอุณหภูมิของร่างกายและยังสร้างฮอร์โมนไป
ควบคุมการหล่ังแอนติไดยูเรติกฮอร์โมนที่มีผลต่อการดูดน้ากลับท่ีท่อหน่วยไตซ่ึงมีผลต่อ
การรักษาดลุ ยภาพของน้าในร่างกาย และสมองส่วนพอนส์และเมดัลลาออบลองกาตาทา
หนา้ ทคี่ วบคุมการหายใจซงึ่ มีผลต่อการรักษาดุลยภาพของกรด-เบสในรา่ งกาย)
- เสน้ ประสาทสมองคูใ่ ดทาหนา้ ทีเ่ ป็นเส้นประสาทผสม ทาหน้าทรี่ บั ความรู้สึกและสัง่ การ
(แนวตอบ: เสน้ ประสาทสมองคู่ที่ 5 7 9 และ 10)
- ขณะรับประทานอาหาร เส้นประสาทสมองคู่ใดบ้างทที่ างานเกี่ยวขอ้ งโดยตรง
(แนวตอบ: เส้นประสาทสมองคูท่ ่ี 5 7 9 และ 12)
13. นักเรียนจับคู่กับเพื่อนท่ีนั่งข้างกัน ศึกษาสถานการณ์ที่กาหนดให้ในกิจกรรม Apply Your Knowledge
จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 90 ร่วมกันวิเคราะห์และตอบ
คาถามในกรอบ Apply Your Knowledge ว่า “นางสาวไข่มุกมีความผิดปกติของสมองส่วนใดหรือมี
ความผิดปกตขิ องเส้นประสาทสมองคูใ่ ด ใหน้ กั เรยี นวาดแผนภาพแสดงสมองสว่ นต่าง ๆ และเส้นประสาท
สมองท้ัง 12 คู่ พรอ้ มระบสุ าเหตคุ วามผิดปกติท่เี กดิ ขึน้ ลงในแผนภาพ”
(แนวตอบ: สมองส่วนท่ีผิดปกติ ได้แก่ สมองส่วนเซรีบรัมซึ่งเป็นสมองส่วนท่ีควบคุมคววามคิด ความจา
การดมกลิ่น และการทางานของกล้ามเน้ือ เป็นสาเหตุของอัมพฤกษ์ สูญเสียความจา และ
สูญเสียความสามารถการดมกลิ่น และสมองส่วนพอนส์ซ่ึงเป็นสมองส่วนท่ีควบคุมการเค้ียว
เป็นสาเหตุให้ไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้ด้วยตนเอง ส่วนเส้นประสาทสมองที่ผิดปกติ ได้แก่
เส้นประสาทสมองคู่ที่ 1 ทาหน้าที่รับความรู้สึกท่ีจมูก ส่งผลต่อการดมกลิ่น เส้นประสาท
สมองคู่ที่ 5 ทาหน้าที่รับความรู้สึกและสั่งการท่ีใบหน้าและฟัน ส่งผลต่อการเค้ียวอาหาร
เส้นประสาทสมองคู่ท่ี 11 ทาหน้าที่สั่งการกล้ามเน้ือท่ีใช้ยกไหล่ ส่งผลต่อการเป็นอัมพฤกษ์
และเส้นประสาทสมองค่ทู ี่ 12 ทาหน้าท่สี งั่ การลน้ิ สง่ ผลต่อการเคย้ี วอาหาร)
14. สุ่มเลือกนักเรียนอย่างน้อย 3 คู่ ออกมาเฉลยคาตอบในกรอบ Apply Your Knowledge ที่หน้าช้ันเรยี น
โดยระหว่างท่ีนักเรียนนาเสนอให้นักเรียนในชัน้ เรียนร่วมกันเสนอแนะ และครคู อยเพ่ิมเติมประเด็นที่ขาด
หายไป
113
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรสู้ กึ
แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 3 ศนู ยค์ วบคมุ ระบบประสาท
ชวั่ โมงท่ี 3
ขั้นสอน
การบรรยาย
15. นักเรียนแต่ละกลุ่ม (กลุ่มจากชั่วโมงท่ี 1) ศึกษาหน้าท่ีของไขสันหลังและเส้นประสาทไขสันหลังบริเวณ
ต่าง ๆ จากหนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 63-64
แล้วนักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า เส้นประสาทไขสันหลังแต่ละส่วนจะส่งกระแส
ประสาทไปควบคุมการทางานของอวัยวะต่าง ๆ แตกตา่ งกนั ดังนี้
- เส้นประสาทไขสันหลังบริเวณคอ มีจานวน 8 คู่ ทาหน้าที่ควบคุมการเคล่ือนไหวและการรับ
ความรสู้ กึ ของคอ แขน และอกท่อนบน
- เส้นประสาทไขสันหลังบริเวณอก มีจานวน 12 คู่ ทาหน้าท่ีควบคุมการเคล่ือนไหวและการรับ
ความร้สู ึกของอก ลาตัว และทอ้ ง
- เส้นประสาทไขสันหลังบริเวณเอว มีจานวน 5 คู่ ทาหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวและการรับ
ความรู้สึกของขา กระเพาะปัสสาวะ และอวัยวะสบื พันธุ์
- เส้นประสาทไขสันหลังบริเวณกระเบนเหน็บ มีจานวน 5 คู่ ทาหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวและ
การรบั ความรสู้ ึกของขา กระเพาะปัสสาวะ และอวยั วะสบื พันธุ์
- เส้นประสาทไขสันหลังบริเวณก้นกบ มีจานวน 1 คู่ ทาหน้าท่ีควบคุมการเคล่ือนไหวและการรับ
ความร้สู กึ ของลาไสต้ รงและทวารหนกั
16. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มศึกษาบัตรภาพการทดลองการส่งกระแสประสาทของเสน้ ประสาทไขสันหลังของกบ ดงั น้ี
ก. เสน้ ประสาทไขสนั หลงั ทไ่ี ปยงั ขากบ
ข. ตัดรากล่างของเส้นประสาทไขสัน
หลงั ระหวา่ งจดุ 1 กับ 2
ค. ตดั รากบนของเส้นประสาทไขสันหลัง
ระหว่างจดุ 3 กบั 4
∆ แผนภาพการทดลองการสง่ กระแสประสาทของเสน้ ประสาทไขสนั หลังของกบ
19. นักเรียนแต่กล่มุ สรุปผลจากแผนภาพการทดลองการสง่ กระแสประสาทของเส้นประสาทไขสนั หลงั ของกบ
114
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรูส้ ึก
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 3 ศนู ย์ควบคมุ ระบบประสาท
20. สรุปผลการทดลองการสง่ กระแสประสาทของเสน้ ประสาทไขสันหลงั ของกบใหน้ กั เรยี นทราบ ดังนี้
- เมื่อใช้เข็มแทงขาหลังของกบ พบว่า กบจะหดขาหนี แสดงว่ากบสามารถรับความรู้สึกที่ถูกแทงและ
ตอบสนองความรู้สึกได้ ซงึ่ การตอบสนองนี้ไมผ่ า่ นการควบคุมจากสมอง
- เมื่อตัดรากลา่ งของเสน้ ประสาทไขสันหลัง แล้วใช้เข็มแทงทขี่ าหลัง พบวา่ กบไม่หดขาหนี แต่ถ้าใชเ้ ข็ม
เขี่ยที่เส้นประสาทไขสันหลัง ตรงจุดท่ีถูกตัด (จุดที่ 2) พบว่า กบกระตุกขา แสดงว่ารากล่างของ
เส้นประสาทไขสันหลังทาหน้าท่ีนากระแสประสาทจากไขสันหลังส่งไปยังหน่วยปฏิบัติงาน (บริเวณท่ี
ตอบสนอง)
- เม่ือตัดรากบนของเส้นประสาทไขสันหลงั แลว้ ใช้เขม็ แทงขาหลัง พบวา่ กบไมก่ ระตุกขา แต่เมื่อใช้เข็ม
แทงจุดที่ถูกตัด (จุดที่ 3) พบว่า กบกระตุกขา แสดงว่ารากบนของเส้นประสาทไขสันหลัง ทาหน้าที่
นากระแสประสาทจากหน่วยรบั ความรู้สกึ เขา้ สไู่ ขสันหลงั
- เมอ่ื ใช้เข็มแทงที่ผวิ หนงั บรเิ วณขาหลังจะมีกระแสประสาทส่งไปยังรากบนเข้าสูไ่ ขสนั หลงั แล้วผ่านราก
ล่างไปยงั เสน้ ประสาทไขสันหลงั ซงึ่ ทาให้กบหดขาหนี
21. ถามคาถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน เชน่
- นักเรียนคิดว่า เส้นประสาทไขสันหลังเป็นเส้นประสาทรับความรู้สึก เส้นประสาทสั่งการ หรือ
เส้นประสาทผสม
(แนวตอบ : เส้นประสาทผสม ทาหน้าท่ที ้ังรบั ความรู้สึกและสั่งการ)
- นักเรยี นคดิ วา่ ไขสันหลังทาหนา้ ท่ใี ดบา้ ง
(แนวตอบ : นาความรู้สึกจากหน่วยรับความรู้สึก สั่งการหน่วยปฏิบัติงานให้ทางาน และเป็นทางผ่าน
ของกระแสประสาทระหว่างหน่วยรับความร้สู กึ กับสมอง และสมองกับหน่วยปฏิบัติงาน)
- เพราะเหตุใดการฉดี ยาทไ่ี ขสนั หลัง จงึ ควรฉีดยาเขา้ บรเิ วณทีต่ ่ากวา่ กระดกู สนั หลงั บริเวณเอวข้อที่ 2
(แนวตอบ : บริเวณดังกลาวไมม่ ีตัวเซลลข์ องเซลลป์ ระสาท มีแตเ่ สน้ ใยประสาท )
22. นักเรียนทา Topic Questions ท้ายหัวข้อ เร่ือง ศูนย์ควบคุมระบบประสาท จากหนังสือเรียนรายวิชา
เพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 65 โดยบันทึกลงในสมุดบันทึกของ
นักเรยี น
23. นักเรียนทาแบบฝึกหัด เร่ือง ศูนย์ควบคุมระบบประสาท ในแบบฝึกหัดรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เลม่ 1 (อาจส่งั ให้นกั เรยี นทาเปน็ การบา้ น)
115
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรสู้ ึก
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 3 ศนู ยค์ วบคมุ ระบบประสาท
ขัน้ สรปุ
1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเก่ียวกับศูนย์ควบคุมระบบประสาท เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าศูนย์ควบคุมระบบ
ประสาทแบง่ ออก 2 ส่วน ไดแ้ ก่
- สมอง ซ่ึงแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ สมองส่วนหน้า (เซรีบรัมทาหน้าท่ีควบคุมความคิด ความจา
สติปัญญา และการทางานด้านต่าง ๆ อัลแฟกทอรบี ัลบ์มาหน้าที่เก่ยี วกับการดมกล่ิน ไฮโพทาลามัสทา
หน้าท่ีควบคุมอุณหภูมิ ความดันเลือด การเต้นของหัวใจ และความต้องการพื้นฐานของร่างกาย ทา
ลามสั ทาหนา้ ท่เี ป็นศูนย์รวบรวมกระแสประสาทและแยกกระแสประสาทไปยงั สมองสว่ นต่าง ๆ) สมอง
สว่ นกลาง (ออพตกิ โลบทาหน้าท่ีควบคุมการเคลอื่ นไหวของลกู ตาและการเปิด-ปดิ ของรมู า่ นตา) สมอง
สว่ นท้าย (เซรเี บลลัมทาหน้าท่คี วบคมุ การเคลื่อนไหวและการทรงตัวของร่างกาย เมดัลลาออบลองกา
ตาทาหน้าท่ีควบคุมการเต้นของหัวใจ การหายใจ ความดนั เลอื ด การจาม การสะอึก การอาเจียน และ
การกลืน พอนส์ทาหน้าที่ควบคุมการเคี้ยว การหล่ังน้าลาย การเคลื่อนไหวของใบหน้า การหายใจ
และเป็นทางผ่านของกระแสประสาทระหว่างเซรีบรัมกับเซรีเบลลัมและระหว่างเซรีเบลลัมกับไขสัน
หลัง) มีเส้นประสาทแยกออกมาจากสมอง 12 คู่ ทาหน้าท่ีรับความรู้สึก ส่ังการ หรือท้ังรับความรู้สึก
และสัง่ การ
- ไขสันหลัง เป็นส่วนท่ีต่อมาจากสมอง อยู่ภายในกระดูกสันหลัง และมีเส้นประสาทแยกออกจากไขสัน
หลงั 31 คู่
2. นักเรยี นเขียนสรปุ ในรปู แบบผงั มโนทัศน์ เรอื่ ง ศูนยค์ วบคมุ การทางานของระบบประสาท ซง่ึ แบ่งออกเป็น
สมองและไขสันหลงั ลงในกระดาษ A4
ข้นั ประเมนิ
1. ประเมินความรู้เก่ียวกับ เร่ือง ศูนย์ควบคุมระบบประสาท โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม ตรวจ
แบบฝึกหดั และตรวจผงั มโนทศั น์
2. ประเมนิ ทักษะและกระบวนการ โดยสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล
3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยสังเกตพฤติกรรมความสนใจใฝ่รู้ในการศึกษาและความมุ่งม่ันใน
การทางาน
116
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความร้สู ึก
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 3 ศนู ย์ควบคมุ ระบบประสาท
7. การวัดและประเมินผล
รายการวัด วิธีวัด เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมิน
7.1 การประเมินระหว่าง - ใบงานที่ 2.2 - ร้อยละ 60
ผ่านเกณฑ์
การจัดกจิ กรรม - Topic Questions
- รอ้ ยละ 60
1) ศูนย์ควบคุม - ตรวจใบงานท่ี 2.2 - แบบฝึกหัด ผ่านเกณฑ์
ระบบประสาท - แบบประเมิน - ร้อยละ 60
ผังมโนทัศน์ ผา่ นเกณฑ์
- ตรวจ Topic Questions
- แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพดี
- ตรวจแบบฝึกหดั การทางานกลุม่ ผา่ นเกณฑ์
2) พฤติกรรม - ตรวจผังมโนทศั น์ เร่ือง - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพดี
การทางานกลุ่ม ศนู ย์ควบคมุ ระบบ คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
ประสาท อนั พงึ ประสงค์
3) คณุ ลักษณะ - ระดับคณุ ภาพดี
อันพงึ ประสงค์ - สังเกตพฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑ์
การทางานกลุ่ม
- สังเกตความมวี นิ ัย
ใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ ม่นั
ในการทางาน
8. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้
8.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี น รายวชิ าเพิม่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นรู้
ท่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความรู้สึก
2) แบบฝึกหัด รายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้
ที่ 2 ระบบประสาทและอวัยวะรับความร้สู กึ
3) ใบงานที่ 2.2 เรอ่ื ง สมอง
4) PowerPoint เรอ่ื ง ระบบประสาทและอวัยวะรบั ความร้สู กึ
5) QR Code เร่ือง สมอง เสน้ ประสาทสมอง และเส้นประสาทไขสันหลงั
6) แบบจาลองสมองของสตั วก์ ลมุ่ ตา่ ง ๆ
7) บตั รภาพการทดลองการส่งกระแสประสาทของเส้นประสาทไขสันหลังของกบ
117
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรู้สกึ
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 3 ศนู ยค์ วบคุมระบบประสาท
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) หอ้ งสมุด
3) สอ่ื อิเลก็ ทรอนกิ ส์
118
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความรูส้ กึ
แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 3 ศนู ยค์ วบคมุ ระบบประสาท
ใบงานที่ 2.2
เรือ่ ง สมอง
คาช้ีแจง : ระบุและอธิบายหน้าที่ของสมองส่วนต่าง ๆ ต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
1
6
2
35
4
1 2
สมองสว่ น............................................................................... สมองส่วน...............................................................................
หนา้ ที่..................................................................................... หนา้ ท.ี่ ....................................................................................
............................................................................................... ...............................................................................................
............................................................................................... ...............................................................................................
3 4
สมองสว่ น............................................................................... สมองส่วน...............................................................................
หน้าที่..................................................................................... หน้าท.่ี ....................................................................................
............................................................................................... ...............................................................................................
............................................................................................... ...............................................................................................
5 6
สมองสว่ น............................................................................... สมองส่วน...............................................................................
หน้าท่ี..................................................................................... หน้าท.ี่ ....................................................................................
............................................................................................... ...............................................................................................
............................................................................................... ...............................................................................................
119
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความรสู้ ึก
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 3 ศนู ย์ควบคุมระบบประสาท
ใบงานท่ี 2.2 เฉลย
เรอื่ ง สมอง
คาชี้แจง : ระบุและอธิบายหน้าที่ของสมองส่วนต่าง ๆ ต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
1
6
2
35
4
1 2
สมองส่วน....เ.ซ...ร..ีบ..ร..มั................................................................. สมองส่วน....ไ.ฮ...โ.พ...ท...า..ล..า..ม..ัส........................................................
หน้าท่ี...ค..ว..บ...ค..ุม...ค..ว..า..ม...ค..ดิ....ค..ว..า..ม...จ..า...ส...ต..ิป...ญั ...ญ...า...แ...ล..ะ....เ.ป..็น...ศ..นู...ย..์.. หนา้ ท.่ี ..ค..ว..บ...ค...ุม..อ...ุณ...ห...ภ..ูม...ิ.ก...า..ร..เ.ต..้.น..ข...อ..ง..ห..ั.ว..ใ.จ....ค..ว..า..ม...ด..ัน...เ.ล...ือ..ด.....
.ค..ว...บ..ค...ุม..ก..า..ร..ท...า..ง..า..น..ต...า่ ..ง..ๆ...เ..ช..่น....ก..า..ร..ส..มั...ผ..สั.....ก...า..ร..ม..อ...ง.เ..ห..็น....ก..า..ร.... .ค...ว..า..ม...ต..้อ...ง..ก..า..ร..พ...้ืน...ฐ..า..น....ส...ร..้า..ง..ฮ..อ...ร..์โ..ม..น...ป...ร..ะ..ส...า..ท..ม...า..ค...ว..บ...ค..ุม.....
.ไ..ด..้ย..ิน....ก...า..ร..ร..ับ..ร..ส....ก..า..ร..ด...ม..ก..ล...น่ิ ................................................... .ก...า.ร..ห...ล..่ัง..ฮ...อ..ร..์โ.ม...น..จ...า..ก..ต..่อ...ม..ใ..ต..้ส...ม..อ..ง...........................................
3 4
สมองสว่ น.......พ..อ...น..ส...์ .............................................................. สมองสว่ น.....เ..ม..ด..ลั...ล..า..อ...อ..บ...ล..อ..ง..ก...า.ต...า........................................
หน้าที่....ค...ว..บ..ค...ุม...ก..า..ร..เ..ค..ี้ย...ว...ก...า..ร..ห..า..ย...ใ.จ....ก...า..ร..เ.ค...ล..่ือ...น..ไ..ห...ว..ข..อ...ง... หนา้ ท.ี่ ..ค..ว..บ...ค..ุม...ก..า..ร..ท...า..ง..า..น..ข..อ...ง..ร..ะ..บ...บ..ป...ร..ะ..ส..า..ท...อ..ัต...โ.น...ว..ัต..ิ..เ.ช..่น.....
..ใ..บ...ห..น...้า...เ..ป..็น...ท...า..ง.ผ...่า..น..ข...อ..ง..ก..ร...ะ..แ..ส...ป..ร..ะ...ส..า..ท...ร..ะ..ห...ว..่า..ง..เ.ซ..ร..ีบ...ร..ัม.... .ก...า..ร..ด...ต..้น...ข...อ..ง..ห...ัว..ใ..จ....ก..า..ร..ห...า..ย...ใ.จ....ค...ว..า..ม...ด..ั.น..เ..ล..ือ...ด....ก..า...ร..จ..า..ม.....
..ก...บั ..เ..ซ..ร..ีเ.บ...ล..ล...ัม...แ...ล..ะ..เ..ซ..ร..ีเ.บ...ล..ล...มั ..ก..บั...ไ..ข..ส..ัน...ห..ล...งั ........................... .ก...า.ร..ส...ะ..อ..กึ....ก..า..ร..อ...า..เ.จ..ีย...น...ก...า..ร..ก..ล..นื..............................................
5 6
สมองส่วน.....เ.ซ..ร..เี.บ...ล..ล...มั ............................................................ สมองส่วน.......ท...า..ล..า..ม..ัส.............................................................
หน้าท่ี...ค...ว..บ...ค..มุ..ก...า..ร..เ.ค..ล...่ือ..น...ไ.ห...ว..แ..ล...ะ..ก..า..ร..ท...ร..ง..ต..วั..ข..อ...ง..ร..า่ ..ง.ก...า..ย..... หนา้ ท.ี่ ......เ..ป..็น...ศ...ูน..ย...์ร..ว..บ...ร..ว..ม...ก...ร..ะ..แ...ส..ป...ร..ะ..ส...า..ท...เ.ข..้.า..แ..ล...ะ..อ...อ..ก....
............................................................................................... ..แ..ล..ะ...แ..ย...ก..ก...ร..ะ..แ...ส..ป...ร..ะ..ส...า..ท...ส..่ง..ไ..ป..ย...ัง..ส..ม...อ..ง..ส...่ว..น...ท..ี่ส...ัม...พ..ัน...ธ..์ก...ับ....
............................................................................................... ..ก..ร..ะ..แ..ส...ป..ร..ะ...ส..า..ท...น..น้ั..................................................................
120
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความรสู้ กึก. เส้นประสาทไข ัสนห ัลง ่ีทไปยังขากบ
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 3 ศนู ย์ควบคุมระบบประสาท ข. ตัดราก ่ลางของเส้นประสาทไข ัสนหลังระห ่วาง
การทดลองการส่งกระแสประสาทของเส้นประสาทไขสันหลงั ของกบ ุจด 1 กับ 2
ค. ตัดรากบนของเส้นประสาทไข ัสนหลังระหว่าง ุจด
121
3 ักบ 4
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความรสู้ กึ
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 3 ศนู ย์ควบคุมระบบประสาท
9. ความเห็นของผู้บรหิ ารสถานศึกษาหรอื ผ้ทู ่ไี ดร้ ับมอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงชือ่ .................................
( ................................ )
ตาแหน่ง .......
10. บันทึกผลหลงั การสอน
ด้านความรู้
ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์
ด้านอนื่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมทมี่ ีปญั หาของนกั เรยี นเปน็ รายบุคคล (ถ้าม)ี )
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแก้ไข
122
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรู้สึก
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 4 การทางานของระบบประสาท
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 4
การทางานของระบบประสาท
เวลา 2 ชั่วโมง
1. ผลการเรยี นรู้
10. สืบค้นข้อมูล อธิบาย เปรียบเทียบ และยกตัวอย่างการทางานของระบบประสาทโซมาติกและระบบ
ประสาทอัตโนวัติ
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบาย เปรียบเทียบ และยกตัวอย่างการทางานของระบบประสาทโซมาติกและระบบประสาทอัตโนวัติ
(K)
2. เขยี นแผนผังแสดงการทางานของระบบประสาทโซมาติก (P)
3. สนใจใฝ่รูใ้ นการศึกษาและมุ่งมัน่ ในการทางาน (A)
3. สาระการเรยี นรู้
สาระการเรียนรู้เพมิ่ เติม่ สาระการเรียนรทู้ ้องถิ่น
- ระบบประสาทรอบนอกส่วนท่ีสั่งการแบ่งเป็น พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา
ระบบประสาทโซมาติกซ่ึงควบคุมการทางาน
ของกล้ามเนื้อโครงร่าง และระบบประสาทอัต
โนวัติซ่ึงควบคุมการทางานของกล้ามเน้ือหัวใจ
กล้ามเน้ือเรยี บ และต่อมต่าง ๆ
- ระบบประสาทอัตโนวัติแบ่งการทางานเป็น 2
ระบบ คือ ระบบประสาทซิมพาเทติก และ
ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ซ่ึงส่วนใหญ่
ทางานตรงกันข้ามเพ่ือรักษาดุลยภาพของ
กระบวนการต่าง ๆ ในรา่ งกาย
4. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การทางานของระบบประสาทแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนรับความรู้สึกและส่วนสั่งการ ซึ่ง
ส่วนสั่งการแบ่งการทางานออกเปน็ 2 ระบบ ไดแ้ ก่
- ระบบประสาทโซมาติก เป็นระบบประสาทภายใต้อานาจจิตใจ ถูกสั่งการโดยสมองส่วนเซรีบรัม
แบ่งออกเป็น 2 ระบบ ได้แก่ รีเฟล็กซ์แอกชันเป็นการทางานของระบบประสาทผ่านไขสันหลัง
เพยี งอยา่ งเดยี ว และรีเฟล็กอารก์ เปน็ การทางานของระบบประสาททผ่ี ่านไขสนั หลงั และสมอง
122
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรูส้ ึก
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 4 การทางานของระบบประสาท
- ระบบประสาทอัตโนวัติ เป็นระบบประสาทนอกอานาจจิตใจ ทาหน้าท่ีควบคุมการทางานของ
อวัยวะที่อยู่นอกอานาจจิตใจ แบ่งออกเป็น 2 ระบบ ได้แก่ ระบบประสาทซิมพาเทติกและระบบ
ประสาทพาราซมิ พาเทตกิ ซง่ึ ระบบประสาท 2 ระบบนจี้ ะทางานในสภาวะทต่ี รงขา้ มกัน
5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี นและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มีวินยั
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้
1) ทักษะการสงั เกต 3. มุ่งม่นั ในการทางาน
2) ทกั ษะการเปรยี บเทียบ
3) การลงความเห็นจากข้อมูล
3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธีสอน/เทคนิค : นริ นยั (Deduction Method)
ชั่วโมงท่ี 1-2
ขนั้ นา
กาหนดขอบเขตของปญั หา
1. ใช้กิจกรรมนาเข้าสู่การเรียน โดยสุ่มตัวแทนนักเรียน 1 คน ออกมาหน้าช้ันเรียน ใช้ค้อนขนาดเล็กเคาะท่ี
เอ็นใตห้ วั เขา่ เบา ๆ ให้นกั เรียนในชัน้ เรียนสงั เกตการตอบสนองทเี่ กดิ ขนึ้
2. ถามคาถามนักเรียน ดังนี้
- เมอ่ื ใช้ค้อนขนาดเลก็ เคาะที่เอ็นใต้หวั เข่าจะเกดิ เหตกุ ารณ์ใดขึ้น
(แนวตอบ: ขาของนักเรียนจะกระตุกทันที)
- นักเรียนคิดวา่ การกระตุกขาของนักเรียนเมื่อถูกเคาะท่เี อ็นใต้หวั เขา่ ถกู สัง่ การจากสมองหรือไม่
(แนวตอบ: ไมถ่ ูกส่งั การจากสมอง (นกั เรียนอาจยงั ไม่สามารถตอบคาถามได้ถูกต้อง))
3. ให้นกั เรยี นนึกถึงเหตุการณ์ท่เี กิดขึน้ ในชวี ติ ประจาวนั เช่น
- การยกเท้าหนเี มื่อเหยยี บเศษแกว้ ของมคี ม
- การยกมือหนีเม่ือสัมผสั ของร้อน
- การยกนิ้วหนอี อกจากหนามกุหลาบ
123
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรสู้ ึก
แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 4 การทางานของระบบประสาท
4. ถามคาถามนักเรียนเพื่อให้นักเรียนได้ร่วมกันวิเคราะห์ว่า “การตอบสนองที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในข้อ
ท่ี 3. กับการตอบสนองเม่อื ถูกเคาะที่เอ็นใต้หัวเขา่ เหมือนหรอื แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร”
(แนวตอบ: แตกต่างกัน เนื่องจากการตอบสนองที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในข้อที่ 3 ถูกสั่งการจากท้ังสมอง
และไขสันหลัง แต่การตอบสนองเม่ือถูกเคาะที่เอ็นใต้หัวเข่าถูกสั่งการณ์จากไขสันหลังเพียง
อยา่ งเดยี ว (นักเรียนอาจยงั ไมส่ ามารถตอบคาถามไดถ้ ูกต้อง))
5. อธบิ ายให้นักเรียนฟังว่า การตอบสนองท่เี กิดขน้ึ ข้างต้นล้วนเกดิ จากการสั่งการหน่วยปฏิบัติงานทสี่ ามารถ
ควบคุมได้ เชน่ กล้ามเนื้อแขน กล้ามเน้ือขา กล้ามเน้ือบริเวณน้ิว แล้วถามคาถามนักเรียนเพ่ือให้นักเรียน
ไดร้ ว่ มกันวิเคราะหว์ ่า “การทางานของอวยั วะภายในรา่ งกาย เช่น หวั ใจ ปอด กระเพาะอาหาร ถกู ส่ังการ
เชน่ เดยี วกบั กลา้ มเนอื้ แขน กล้ามเน้อื ขา หรือกลา้ มเน้อื บริเวณนิว้ หรอื ไม่ เพราะเหตุใด”
(แนวตอบ: ถูกส่ังการในลักษณะที่แตกต่างกัน เนื่องจากอวัยวะภายในเป็นน่วยปฏิบัติงานที่ไม่สามารถ
ควบคุมได้ (นักเรยี นอาจยังไม่สามารถตอบคาถามได้ถูกต้อง))
ขัน้ สอน
แสดงและอธบิ ายทฤษฏี
1. นกั เรียนแบ่งกลุ่ม 4-5 ศึกษาการทางานของระบบประสาทโซมาติก ร่วมกันเขียนแผนผังแสดงการทางาน
ของประสาทโซมาติก โดยใช้สถานการณ์ท่ีพบในชีวิตประจาวันกลุ่มละ 2 สถานการณ์ แบ่งเป็นรีเฟล็กซ์
แอกชนั 1 สถานการณ์ และรีเฟล็กอาร์ก 1 สถานการณ์ ลงในกระดาษ A4
2. สุ่มเลือกนกั เรยี นอย่างนอ้ ย 3 กลุ่ม นาเสนอแผนผังแสดงการทางานของรเี ฟลก็ ซแ์ อกชัน
สมุ่ เลือกนกั เรียนอย่างนอ้ ย 3 กลมุ่ นาเสนอแผนผงั แสดงการทางานของรีเฟล็กอาร์ก
3. นกั เรียนแต่ละกลุม่ สบื คน้ ข้อมูลและศึกษาการทางานของระบบประสาทอัตโนวัติ พร้อมเปรยี บเทยี บความ
แตกตา่ งของระบบประสาทซิมพาติกและระบบประสาทพาราซิมพาเทติกของอวยั วะตา่ ง ๆ ในร่างกาย
4. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ทาใบงานท่ี 2.3 เรอ่ื ง ระบบประสาทอตั โนวตั ิ
5. สุ่มเลือกนักเรียนกลุ่มที่เหลือ (จาการสุ่มเลือกในข้อท่ี 2) ออกมาเฉลยใบงานท่ี 2.3 (แบ่งตามจานวนข้อ/
จานวนกลุม่ นักเรียนทเี่ หลือในข้อที่ 2)
6. ถามคาถามเพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี น เช่น
- หากมือสัมผัสกบั กาน้าร้อน รา่ งกายมีการตอบสนองรปู แบบใดและอย่างไร
(แนวตอบ: รีเฟล็กซ์แอกชัน โดยหน่วยรับความรู้สึกที่มือจะส่งกระแสประสาทไปยังไขสันหลัง ซึ่งจะ
สั่งการไปยงั กลา้ มเนอื้ บรเิ วณแขนให้กระตกุ มอื หนี)
- อวัยวะหรอื โครงสร้างใดของร่างกายถูกควบคมุ โดยระบบประสาทโซมาตกิ และระบบประสาทอัตโนวัติ
(แนวตอบ: กล้ามเน้ือโครงร่างถูกควบคุมโดยระบบประสาทโซมาติก ส่วนกล้ามเน้ือเรียบ กล้ามเนื้อ
หัวใจ อวัยวะภายในของร่างกาย และต่อมไรท้ ่อถกู ควบคมุ โดยระบบประสาทอตั โนวตั ิ)
124
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความรสู้ ึก
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 4 การทางานของระบบประสาท
- ศูนย์กลางการส่งั การของระบบประสาทอัตโนวตั อิ ยบู่ ริเวณใดของรา่ งกาย
(แนวตอบ: ระบบประสาทซิมพาเทติกมีศูนย์สั่งการอยู่บริเวณไขสันหลังบริเวณอกและบ้ันเอว ส่วน
ระบบประสาทพาราซิมพาเทติกมีศูนย์ส่ังการอยู่บริเวณสมองส่วนเมดัลลาออบลองกาตา
และไขสนั หลังบรเิ วณกระเบนเหนบ็ )
- “ขณะที่มรกตกาลังขับรถ ในทันใดน้ันมีสุนัขว่ิงตัดหน้ารถ มรกตจึงเหยียบเบรกและหักหลบทันที
ทาให้ปลอดภัยท้ังคนและสุนัข” จาเหตุการณ์ข้างต้นเป็นการทางานของระบบประสาทแบบรีเฟล็กซ์
หรือไม่ อย่างไร
(แนวตอบ: ไม่ใช้การทางานของระบบประสาทแบบรีเฟล็กซ์ เน่ืองจากมีการใช้สมองควบคุมเท้าใน
การเหยียบเบรกและควบคุมมือในการหมุนพวงมาลัย ซ่ึงทางานของระบบประสาทแบบ
รเี ฟล็กซจ์ ะเกดิ จากการสัง่ การโดยไขสนั หลงั เท่านน้ั โดยไมผ่ ่านสมอง)
- จากเหตุการณ์ของมรกตข้างตน้ หลังการเหยียบเบรกและหักหลบทันที มรกตมีอาการตกใจ หัวใจเต้น
แรงและเรว็ และมีเหงือ่ ออกทีมือจานวนมาก อาการดังกล่าวเกิดจากการทางานของระบบประสาทใด
(แนวตอบ: เปน็ การทางานของระบบประสาทอัตโนวัติแบบซิมพาเทติก)
ขน้ั สรุป
ตรวจสอบและสรปุ
1. นักเรียนและครูร่วมกันสรปุ เกี่ยวกับการทางานของระบบประสาท เพื่อให้ได้ข้อสรุป ดังนี้ การทางานของ
ระบบประสาทรอบนอก แบง่ ออกเปน็ 2 ระบบ ไดแ้ ก่
- ระบบประสาทโซมาติก ทาหน้าท่ีสั่งการหน่วยปฏิบัติงานที่บังคับได้ แบ่งออกเป็นรีเฟล็กซ์แอกชันเป็น
การส่ังการโดยผา่ นไขสนั หลังเพียงอย่างเดียว และรเี ฟล็กอาร์กเป็นการสัง่ การโดยผ่านสมองและไขสันหลัง
- ระบบประสาทอัตโนวัติ ทาหน้าท่ีสั่งการหน่วยปฏิบัติงานที่ไม่สามารถบังคับได้ แบ่งออกเป็นระบบ
ประสาทซิมพาเทตกิ และระบบประสาทพาราซิมพาเทติก
2. นักเรียนเขยี นแผนผังสรปุ การทางานของระบบประสาทโซมาติก แบ่งออกเป็นรีเฟล็กซ์แอกชนั และรเี ฟล็ก
อารก์ ลงในกระดาษ A4
3. นักเรียนเปรียบเทียบการทางานของระบบประสาทซิมพาเทติกกับระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ลงใน
สมดุ บนั ทึกของนักเรียน
ฝึกปฏิบตั ิ
4. นักเรียนทาใบงานที่ 2.4 เรือ่ ง การทางานของระบบประสาท
5. นักเรียนทา Topic Questions เร่ือง การทางานของระบบประสาท จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชวี วทิ ยา ม.6 เลม่ 1 หน้า 71 โดยบันทึกลงสมดุ บนั ทกึ ของนกั เรยี น
6. นักเรียนทาแบบฝึกหัด เร่ือง การทางานของระบบประสาท ในแบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ชวี วทิ ยา ม.6 เลม่ 1 (อาจสงั่ ใหน้ กั เรียนทาเปน็ การบา้ น)
125
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความรู้สกึ
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 4 การทางานของระบบประสาท
ขน้ั ประเมิน
1. ประเมินความรู้เก่ียวกับ เร่ือง การทางานของระบบประสาท โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม ตรวจ
ใบงาน ตรวจแผนผงั และตรวจแบบฝึกหดั
2. ประเมินทักษะและกระบวนการ โดยสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล การทางานกลุ่ม และการ
นาเสนอผลงาน
3. ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ โดยสังเกตพฤติกรรมความสนใจใฝ่รใู้ นการศึกษาและความม่งุ ม่นั ในการ
ทางาน
7. การวดั และการประเมินผล
รายการวดั วธิ ีวัด เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารประเมิน
7.1 การประเมนิ ระหวา่ ง
การจัดกิจกรรม
1) การทางานของ - ตรวจใบงานที่ 2.3 - ใบงานที่ 2.3 - รอ้ ยละ 60
ระบบประสาท ผ่านเกณฑ์
- ตรวจใบงานที่ 2.4 - ใบงานท่ี 2.3 - ร้อยละ 60
ผ่านเกณฑ์
- ตรวจ Topic Questions - Topic Questions - ร้อยละ 60
ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝึกหดั - ร้อยละ 60
ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแผนผัง เรื่อง - แบบประเมินแผนผงั - ระดับคุณภาพดี
การทางานของระบบ ผ่านเกณฑ์
ประสาทโซมาติก
2) การนาเสนอ - ประเมินการนาเสนอ - ผลงานที่นาเสนอ - ระดับคุณภาพดี
ผลงาน ผลงาน ผ่านเกณฑ์
3) พฤติกรรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพดี
การทางานกลมุ่ การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
4) คณุ ลกั ษณะ - สงั เกตความมวี ินัย - แบบประเมนิ - ระดับคุณภาพดี
อันพึงประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมัน่ คณุ ลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์
ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์
126
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรสู้ กึ
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 4 การทางานของระบบประสาท
8. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้
8.1 สอื่ การเรียนรู้
1) หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้
ที่ 2 ระบบประสาทและอวัยวะรบั ความรู้สกึ
2) แบบฝึกหัด รายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้
ท่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรสู้ กึ
3) ใบงานท่ี 2.3 เรือ่ ง ระบบประสาทอตั โนวตั ิ
4) ใบงานที่ 2.4 เรือ่ ง การทางานของระบบประสาท
5) PowerPoint เรื่อง ระบบประสาทและอวัยวะรบั ความรูส้ ึก
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) หอ้ งสมุด
3) สื่ออิเลก็ ทรอนิกส์
127
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรสู้ ึก
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 4 การทางานของระบบประสาท
ใบงานที่ 2.3
เรอื่ ง ระบบประสาทอตั โนวัติ
คาชี้แจง : เปรียบเทียบผลของระบบประสาทซิมพาเทติกและระบบประสาทพาราซิมพาเทติกต่อ
อวัยวะต่าง ๆ
เนื้อเย่ือหรืออวยั วะ ระบบประสาทซิมพาเทติก ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก
หวั ใจ ............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
ต่อมนา้ ตา ............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
กลา้ มเนือ้ ยดึ มา่ นตา ............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
ต่อมนา้ ลาย ............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
กระเพาะอาหาร
และลาไสเ้ ลก็ ............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
ตับอ่อน ............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
ปอด ............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
มดลูก ............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
อวัยวะสืบพนั ธุ์เพศชาย ............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
กระเพาะปัสสาวะ ............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
128
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรู้สกึ เฉลย
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 4 การทางานของระบบประสาท
ใบงานท่ี 2.3
เรอ่ื ง ระบบประสาทอัตโนวัติ
คาช้ีแจง : เปรียบเทียบผลของระบบประสาทซิมพาเทติกและระบบประสาทพาราซิมพาเทติกต่อ
อวัยวะต่าง ๆ
เนอ้ื เยือ่ หรืออวัยวะ ระบบประสาทซิมพาเทติก ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก
หวั ใจ ..เ.ต..้.น...แ..ร...ง..แ...ล..ะ...เ.ร..็.ว....อ..ั.ต..ร...า..ก...า..ร..ส..ู.บ...ฉ..ี.ด... .เ..ต..้น...ช..้า..แ..ล...ะ..เ.บ...า...อ...ัต..ร..า..ก...า..ร..ส..ูบ...ฉ..ีด..เ..ล..ือ...ด...
..เ.ล..อื..ด...เ.พ...ิม่ ..ข...ึน้ .......................................... .ล...ด..ล..ง.....................................................
ต่อมนา้ ตา ..ก..ร..ะ..ต..นุ้...ใ..ห..ห้...ล..งั่..น...า้ .ต...า..ม..า..ก...ก..ว..า่..ป...ก..ต..ิ........ .ค..ว..บ...ค..ุม...ใ.ห...ห้...ล..่งั..น..า้..ต...า..ป..ก...ต..ิ.....................
............................................................. .............................................................
กลา้ มเน้ือยึดม่านตา ..ห..ด...ต..ัว..เ.ม...่ือ..ม...อ..ง..ภ..า..พ...ใ..น..ร..ะ..ย...ะ..ใ.ก...ล..้........... ..ค...ล..า..ย..ต...ัว..เ.ม..ื่อ...ม..อ...ง.ภ...า..พ...ใ.น...ร..ะ..ย..ะ..ไ..ก..ล.........
............................................................. .............................................................
ตอ่ มนา้ ลาย ..ล..ด...ก..า..ร..ห..ล...ั่ง..น..้า..ล...า..ย...ท...า..ใ.ห...น้ ..า้..ล...า..ย..ข..น้....... ..เ..พ..่ิ.ม..ก...า..ร..ห...ล...่ัง..น...้า..ล...า..ย...ใ.ห...้อ...ย..ู่ใ..น...ร..ะ...ด..ับ...
............................................................. ..ป...ก..ต...ิ ...................................................
กระเพาะอาหาร ..ย..ับ..ย...ั้ง..ก..า..ร..เ.ค...ล..่อื...น..ไ..ห..ว..แ...บ..บ...เ.พ...ร..สิ..ต...ัล..ซ...ิส... .ก...ร..ะ..ต..ุ้.น..ก...า..ร..เ.ค...ล..่ือ...น...ไ.ห...ว..แ...บ..บ...เ.พ...ร..ิส...ต..ั.ล...
และลาไสเ้ ลก็ ..แ..ล..ะ..ก...า..ร..ส..ร..า้..ง..เ.อ..น...ไ.ซ...ม..์.......................... .ซ...ิส..แ..ล...ะ..ก..า..ร..ส..ร..า้..ง..เ.อ...น..ไ..ซ..ม...์ .....................
ตบั ออ่ น ..ย..บั ..ย...ัง้ ..ก..า..ร..ห...ล..งั่ ..น..า้..ย...อ่ ..ย..แ...ล..ะ..เ.อ...น..ไ..ซ..ม..์....... .ก..ร..ะ..ต...นุ้ ..ก...า..ร..ห..ล...่งั .น...า้..ย..่อ...ย..แ..ล...ะ..เ.อ..น...ไ..ซ..ม..์.....
............................................................. .............................................................
ปอด ...ก..ร..ะ...ต..ุ้.น...ก..า..ร...ข..ย...า..ย...ต..ัว...ข..อ...ง..ห...ล...อ..ด...ล...ม.. .ก..ร..ะ..ต...นุ้ ..ก...า..ร..บ..ีบ...ต..วั..ข...อ..ง..ห...ล..อ..ด...ล..ม..ฝ...อ..ย.......
...ฝ..อ..ย...................................................... .............................................................
มดลูก ..บ..บี...ต..วั..ล...ด..ล..ง........................................... .บ..ีบ...ต..ัว...เ.พ...่ิม..ข..้ึน..........................................
............................................................. .............................................................
อวัยวะสืบพนั ธ์ุเพศชาย ..ก..ร..ะ..ต...ุ้น..ก...า..ร..ห..ล...ัง่ .น...้า..อ..ส...จุ ..ิใ.น...เ.พ...ศ..ช...า..ย........ ..ก...ร..ะ..ต..ุน้...อ..ง..ค..ช...า..ต..ใิ..ห..แ้..ข...็ง..ต..ัว..ใ..น..เ.พ...ศ...ช..า..ย....
............................................................. .............................................................
กระเพาะปสั สาวะ ...ก..ร..ะ..ต...ุ้น..ใ..ห..้.ก..ร..ะ..เ..พ..า..ะ..ป...ัส...ส..า..ว..ะ..ค...ล..า..ย..ต...ัว.. .ก...ร..ะ..ต...ุ้น...ใ.ห...้ก...ร..ะ...เ.พ...า..ะ..ป...ัส...ส..า...ว..ะ..บ...ีบ...ต...ัว...
...แ..ล..ะ..ย...ับ..ย...ั้ง.ไ..ม..ใ่..ห...้ป..สั...ส..า..ว..ะ....................... .แ...ล..ะ..ข..ับ...ป...ัส..ส..า..ว..ะ.....................................
129
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรูส้ กึ
แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 4 การทางานของระบบประสาท
ใบงานท่ี 2.4
เรอ่ื ง การทางานของระบบประสาท
คาชี้แจง : เปรยี บเทียบโครงสร้างและการทางานของระบบประสาทโซมาตกิ และระบบประสาทอัตโนวัติ
ข้อเปรียบเทียบ ระบบประสาทโซมาตกิ ระบบประสาทอตั โนวัติ
การควบคมุ ....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
หนว่ ยปฏิบัติงาน ....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
จานวนเซลลป์ ระสาทสั่งการ ....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
จานวนปมประสาทของเซลลส์ ่ัง
การที่อยนู่ อกระบบประสาท ....................................................... .......................................................
ส่วนกลาง ....................................................... .......................................................
……………………………………………….. ………………………………………………..
เส้นใยประสาท ....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
รา่ งแหประสาท ....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
สารสื่อประสาท ....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
………………………………………………. ……………………………………………….
....................................................... .......................................................
หน้าที่ ....................................................... .......................................................
………………………………………………. ……………………………………………….
ลกั ษณะการทางาน ....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
130
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรูส้ ึก เฉลย
แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 4 การทางานของระบบประสาท
ใบงานที่ 2.4
เรือ่ ง การทางานของระบบประสาท
คาช้ีแจง : เปรยี บเทยี บโครงสรา้ งและการทางานของระบบประสาทโซมาตกิ และระบบประสาทอตั โนวตั ิ
ขอ้ เปรยี บเทียบ ระบบประสาทโซมาตกิ ระบบประสาทอัตโนวตั ิ
การควบคุม ..ภ...า..ย..ใ..ต..้อ...า..น..า..จ..จ...ติ ..ใ..จ........................ ..ภ...า..ย..น...อ..ก...อ..า..น...า..จ..จ..ติ...ใ.จ.....................
....................................................... .......................................................
หน่วยปฏบิ ตั ิงาน ..ก..ล...้า..ม..เ.น...้ือ..โ..ค..ร..ง..ร..่า..ง.......................... ..ก...ล..้า..ม...เ.น...ื้อ..ห...ัว..ใ..จ....ก..ล..้า...ม..เ.น...้ือ...เ.ร..ีย..บ.....
....................................................... ..แ...ล..ะ..ต...่อ..ม...ต..า่..ง...ๆ...............................
จานวนเซลล์ประสาทส่งั การ ..1....เ.ซ..ล...ล..์......................................... ..2....เ.ซ...ล..ล..์.........................................
....................................................... .......................................................
จานวนปมประสาทของเซลล์สงั่
การทีอ่ ยู่นอกระบบประสาท ..ไ..ม..่ม..ี............................................... ..ม...ี.1....ป...ม..........................................
สว่ นกลาง ....................................................... .......................................................
……………………………………………….. ………………………………………………..
เยือ่ ไมอีลินทห่ี ุ้มเสน้ ใยประสาท ..ม...ีเ.ย..อ่ื..ไ..ม..อ...ลี ..ิน...ห..มุ้............................... ..ม..ี.เ.ย..่ื.อ...ไ.ม...อ...ีล..ิ.น...ห..ุ้.ม...เ.ฉ...พ...า..ะ...เ.ซ...ล...ล..์...
....................................................... ..ป..ร..ะ...ส..า..ท...ก..อ่..น...ไ.ซ...แ..น...ป..ส...์ ..................
ร่างแหประสาท ..ไ..ม..่ม..ีร..า่..ง..แ...ห..ป...ร..ะ..ส..า..ท......................... .ม...ีร..่า...ง..แ..ห...ป...ร..ะ...ส..า..ท...เ..ฉ..พ...า...ะ..บ...ร..ิเ..ว..ณ...
....................................................... .ท...า..ง..เ.ด...ิน..อ..า..ห...า..ร................................
สารส่ือประสาท ..แ..อ...ซ..ติ...ิล..โ.ค...ล..นี................................... ..น..อ...ร..์อ...ะ..ด..ร..ีน...า..ล...ีน....(.ร..ะ..บ...บ...ป...ร..ะ..ส..า..ท...
....................................................... ..ซ..ิม...พ...า..เ..ท...ต..ิก...)...แ..ล...ะ..แ...อ...ซ..ิต...ิล...โ.ค...ล..ีน...
………………………………………………. …(ร…ะ…บ…บ…ปร…ะ…ส…าท…พ…า…รา…ซ…มิ …พ…าเ…ท…ตกิ…).
..ป...ร..ับ...ส..ม...ด..ุล...ข..อ...ง..ร..่า..ง..ก..า..ย...ซ..ึ่ง..เ.ป...็น..ผ...ล.. ..ป...ร..ับ...ส..ม...ด..ุล...ข..อ...ง..ร..่า..ง..ก..า..ย...ซ..่ึง..เ.ป...็น..ผ...ล..
หนา้ ท่ี ..จ...า...ก...ก...า...ร...เ.ป....ล..่ี.ย...น....แ...ป....ล...ง..ข...อ....ง. ..จ...า...ก...ก...า...ร...เ.ป....ล..่ี.ย...น....แ...ป....ล...ง..ข...อ....ง.
…ส…่ิงแ…ว…ด…ล…อ้ ม…ภ…า…ยน…อ…ก…ร…า่ ง…ก…าย………. …ส…ง่ิ แ…ว…ด…ล…อ้ ม…ภ…า…ยใ…น…ร…า่ ง…ก…าย………….
ลกั ษณะการทางาน ..ก...ร..ะ..ต..้นุ............................................ ..ก...ร..ะ..ต..นุ้...แ..ล...ะ..ย..ับ...ย..ง้ั...........................
....................................................... .......................................................
131
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความร้สู ึก
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 4 การทางานของระบบประสาท
9. ความเห็นของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรือผูท้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงช่ือ .................................
( ................................ )
ตาแหนง่ .......
10. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน
ด้านความรู้
ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน
ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์
ดา้ นอ่นื ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมท่มี ปี ญั หาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้าม)ี )
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางการแก้ไข
132
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรูส้ ึก
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 5 อวัยวะรับความรู้สกึ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5
อวัยวะรับความร้สู กึ
เวลา 6 ชัว่ โมง
1. ผลการเรียนรู้
7. สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างและหน้าท่ีของ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวหนังของมนุษย์ ยกตัวอย่างโรค
ตา่ ง ๆ ทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง และบอกแนวทางในการดแู ลป้องกัน และรักษา
8. สงั เกต และอธบิ ายการหาตาแหนง่ ของจดุ บอด โฟเวีย และความไวในการรับสมั ผสั ของผวิ หนงั
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายโครงสรา้ งและหนา้ ท่ขี องอวยั วะรบั ความรสู้ ึกตา่ ง ๆ (K)
2. หาตาแหน่งของจดุ บอดและโฟเวีย และทดสอบความไวในการรับสัมผสั ของผวิ หนัง (P)
3. สบื ค้นข้อมลู เกี่ยวกับโรคทเี่ ก่ียวขอ้ งกับอวัยวะรบั ความรสู้ ึก (P)
4. สร้างแบบจาลองแสดงโครงสรา้ งของอวยั วะรบั ความรสู้ ึก (P)
5. นาความรู้มาใช้ในการดูแลรกั ษาและปอ้ งกนั อนั ตรายของอวัยวะรับความรสู้ กึ (A)
6. สนใจใฝร่ ู้ในการศกึ ษาและม่งุ มัน่ ในการทางาน (A)
3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ท้องถน่ิ
พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
- ตา หู จมูก ล้ิน และผิวหนัง เป็นอวัยวะรับ
ค ว าม รู้สึ ก ที่ รับ สิ่ งเร้าท่ี แ ต ก ต่ างกั น จึ งมี
ความสาคัญที่ควรดูแล ป้องกัน และรักษาให้
สามารถทางานได้เป็นปกติ
- ตาประกอบด้วย ช้ันสเคลอรา โครอยด์และเรติ
นา เลนส์ตาเป็นเลนส์นูนอยู่ถัดจากกระจกตาทา
ห น้ า ท่ี ร ว ม แ ส งจ า ก วั ต ถุ ไป ท่ี เร ติ น า ซ่ึ ง
ประกอบด้วย เซลล์รับแสง และเซลล์ประสาทท่ี
นากระแสประสาทสสู่ มอง
- หู ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ หู ส่วนนอก หู
ส่วนกลางและหูส่วนใน ภายในหูส่วนในมีคอเคลีย
ซ่ึงทาหน้าที่รับและเปลี่ยนคล่ืนเสียงเป็นกระแส
ประสาท นอกจากนี้ยังมีเซมิเซอร์คิวลาร์แคเเนล
ทาหน้าทรี่ บั รูเ้ ก่ยี วกบั การทรงตวั ของรา่ งกาย
133
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรูส้ กึ สาระการเรยี นรู้ท้องถ่นิ
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 5 อวยั วะรับความรู้สึก พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
- จมูกมีเซลล์ประสาทรับกล่ินอยู่ภายในเยื่อบุจมูก
ที่เป็นตัวรับสารเคมีบางชนิดแล้วเกิดกระแส
ประสาทสง่ ไปยังสมอง
- ล้ินทาหน้าที่รับรส โดยมีตุ่มรับรสกระจายอยู่ทั่ว
ผิวล้ินด้านบน ตุ่มรับรสมีเซลล์รับรสอยู่ภายใน
เม่ือเซลล์รับรสถูกกระตุ้นด้วยสารเคมีจะกระตุ้น
เดนไดรต์ของเซลล์ประสาทเกิดกระแสประสาท
สง่ ไปยงั สมอง
- ผิวหนัง มีหน่วยรับส่ิงเร้าหลายชนิด เช่น หน่วย
รับสัมผัส หน่วยรับแรงกด หน่วยรับความ
เจบ็ ปวด หน่วยรบั อุณหภูมิ
4. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
มนุษย์มีอวัยวะรับสัมผัสประกอบด้วยตา หู จมูก ล้ิน และผิวหนัง ซึ่งอวัยวะรับสัมผัสแต่ละอวัยวะมี
การทางานแตกตา่ งกัน ดังนี้
- ตา เม่ือแสงตกกระทบกับวัตถุและสะท้อนเข้าสู่นัยน์ตา แสงผ่านรูม่านตาโดยมีเลนส์ตาทาหน้าท่ี
รวมแสงไปตกบริเวณเรตินาที่ประกอบด้วยเซลล์รูปแท่งและเซลล์รูปกรวย แล้วแปลเป็นกระแส
ประสาทส่งไปทางเส้นประสาทสมองค่ทู ี่ 2 เข้าสสู่ มองสว่ นออพตกิ โลบ
- หู เมื่อคลืน่ เสียงผ่านเข้าหู จากหูส่วนนอก หูสว่ นกลาง และหูส่วนใน คลื่นเสียงจะทาให้ของเหลวใน
คอเคลียส่นั สะเทือน แล้วแปลเป็นกระแสประสาทส่งไปยังเส้นประสาทสมองคทู่ ี่ 8 เพื่อเข้าสู่สมอง
สว่ นเซรบี รมั และยังทาหน้าที่รับรู้การทรงตัวของร่างกายโดยอาศัยการเปล่ยี นแปลงของของเหลว
ในเซมิเซอร์คิวลาร์แคแนล แล้วแปลเป็นกระแสประสาทส่งไปยงั เส้นประสาทสมองคู่ที่ 8 เพอ่ื เข้าสู่
สมองสว่ นเซรเี บลลัม
- จมูก เมื่อโมเลกุลสารเคมีผ่านเข้าจมูก ออลแฟกทอรีเซลล์ทาหน้าท่ีรับกลิ่นและแปลเป็นกระแส
ประสาทส่งไปยงั เสน้ ประสาทสมองคทู่ ี่ 1 นาเขา้ สู่สมองส่วนเซรีบรัม
- ลน้ิ มีตุ่มรับรสทาหน้าท่ีรับรสและแปลเป็นกระแสประสาทสง่ ไปตามเส้นประสาทสมองคู่ท่ี 7 และ
9 เขา้ สสู่ มองส่วนเซรบี รัม
- ผิวหนัง มีเซลลป์ ระสาทรบั ความรู้สึกจานวนมาก ทง้ั การสัมผัส แรงกด ความร้อน ความเย็น ซง่ึ จะ
ส่งกระแสประสาทไปยงั สมอง
134
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความร้สู ึก
แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 5 อวัยวะรับความรู้สกึ
5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียนและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มวี นิ ยั
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้
1) ทกั ษะการสงั เกต 3. มงุ่ ม่ันในการทางาน
2) ทักษะการสารวจค้นหา
3) ทกั ษะการจาแนกประเภท
4) ทกั ษะการลงความเห็นจากขอ้ มลู
5) ทักษะการจัดกระทาและสอ่ื ความหมายข้อมูล
6) ทกั ษะการสรา้ งแบบจาลอง
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ สี อน/เทคนิค : แบบเนน้ มโนทัศน์ (Concept Based Teaching)
ชั่วโมงที่ 1-2
ขนั้ นา
การใชค้ วามรเู้ ดิมเชื่อมโยงความรูใ้ หม่ (Prior Knowledge)
1. จัดกิจกรรมโดยสุ่มเลือกนักเรียน 5 คน ออกมาเป็นตัวแทนนักเรียน ให้นักเรียนแต่ละคนปิดตา ดมกลิ่น
และชิมรสลูกอมรสชาติต่าง ๆ แล้วถามคาถามนักเรียนท้ัง 5 คน ว่า นักเรียนทราบหรือไม่ว่า ลูกอม ที่
นกั เรยี นชมิ เป็นรสอะไร
(แนวตอบ: คาตอบขึ้นอยกู่ ับรสของลกู อมที่ใช้ทากิจกรรม)
2. ถามคาถามเชอ่ื มโยงกับกิจกรรม ดงั น้ี
- จากกิจกรรมข้างต้น นักเรยี นใชอ้ วัยวะรบั รูส้ ึกใดบ้างในการทากิจกรรม
(แนวตอบ: ใชจ้ มูกในการดมกลนิ่ และใชล้ ้นิ ในการรับรส)
- นอกจากจมกู และลนิ้ ร่างกายยงั มีอวัยวะรบั ความรูส้ ึกอ่ืน ๆ อีกหรือไม่
(แนวตอบ : ตา หู และผวิ หนงั )
3. ทบทวนความรู้ เรื่อง อวัยวะรับความรู้สึกของร่างกาย ว่า อวัยวะรับความรู้สึกเป็นระบบท่ีร่างกายสร้าง
ขึ้นมาเพ่ือทาหน้าท่ีในการตอบสนองต่อส่ิงเร้าท่ีมากระตุ้นร่างกายในรูปแบบต่าง ๆ ประกอบด้วยอวัยวะ
ต่าง ๆ ดงั น้ี
- ตา เป็นอวัยวะรบั ความรสู้ กึ จากสงิ่ เรา้ ประเภทแสง
- หู เป็นอวยั วะรบั ความร้สู ึกจากสิ่งเร้าประเภทเสยี ง
135
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความรสู้ ึก
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 5 อวยั วะรบั ความรู้สกึ
- จมกู เป็นอวัยวะรบั ความรสู้ ึกจากส่งิ เร้าประเภทสารเคมี
- ลนิ้ เป็นอวยั วะรับความรู้สึกจากสง่ิ เร้าประเภทสารเคมี
- ผิวหนัง เป็นอวัยวะรับความรู้สึกจากส่ิงเร้าประเภทการสัมผัสต่าง ๆ เช่น อุณหภูมิ ความเจ็บปวด
แรงกดแรงดึง
4. ถามคาถาม Key Question กบั นักเรียนว่า “อวัยวะรบั ความรู้สึกมีโครงสร้างที่เหมาะสมต่อการทาหน้าที่
อยา่ งไร”
(แนวตอบ: อวัยวะรับความรู้สึกมีลักษณะพื้นฐานประกอบด้วยเซลล์รับความรู้สึก ซงึ่ เป็นโครงสร้างพิเศษ
เพ่ือรบั ความรู้สึกต่าง ๆ เช่น ตามีเซลล์รูปแท่งและเซลล์รูปกรวยที่ไวต่อการรับแสง หูมีเซลล์
ขนภายในคลอเคลียและเซมิเซอร์คิวลาร์แคเนลซึ่งไวต่อการเปลี่ยนแปลงของของเหลวที่เกิด
จากคล่ืนเสียงหรือการเปล่ียนแปลงการทรงตัว จมูกมีออลแฟกทอรีเซลล์ท่ีไวต่อการรับกลิ่น
(โมเลกุลสารเคมี) ลิ้นมีเซลล์รับรสท่ีไวต่อการรับรส(โมเลกุลสารเคมี) และผิวหนังมีหน่วยรับ
ความรู้สกึ ซ่ึงไวต่อการรับสมั ผัสตา่ ง ๆ เซลล์เหล่านจ้ี ะสามารถแปลสัญญาณจากส่ิงเรา้ ที่ได้รับ
เป็นกระแสประสาทและส่งไปแปลผลท่ีสมองเพ่ือเกิดพฤติกรรมตอบสนองต่อสิ่งเร้าท่ีได้รับ
(นักเรียนอาจยังไมส่ ามารถตอบคาถามได้))
ข้ันสอน
รู้ (Knowing)
1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ร่วมกันสืบค้นข้อมูลและศึกษา เรื่อง โครงสร้างของตา และการ
มองเห็นภาพ จากแบบจาลองโครงสร้างของนัยน์ตาหรือจากหนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ชวี วิทยา ม.6 เล่ม 1 หนา้ 72-76
2. นักเรียนแต่ละกลุ่มทากิจกรรม การหาตาแหน่งของจุดบอดและโฟเวีย เพื่อหาตาแหน่งของจุดบอดและ
โฟเวียในการมองเห็นได้ จากหนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6
เลม่ 1 หน้า 77
3. สุ่มเลือกนักเรียนอย่างน้อย 3 กลุ่ม นาเสนอผลและอภิปรายผลกิจกรรม การหาตาแหน่งของจุดบอด
และโฟเวีย แล้วถามคาถามท้ายกจิ กรรมกับนักเรียน ดงั นี้
- เพราะเหตุใดเม่ือเลื่อนกระดาษเข้ามาใกล้นัยน์ตา ตาขวาจึงมองไม่เห็นเครื่องหมายจุด และตาซ้ายจึง
มองเห็นเคร่อื งหมายบวก
(แนวตอบ: ภาพเครื่องหมายจุดตกลงทีจ่ ดุ บอดของนัยนต์ าขวาพอดี)
- จากกจิ กรรม สามารถระบุไดห้ รือไมว่ ่าจุดบอดอยูเ่ ย้ืองไปด้านใดของตา
(แนวตอบ: จุดบอดของตาแต่ละข้างเยื้องไปทางด้านใกล้จมูก ดังนั้น ตาขวาจึงมีจุดบอดอยู่ด้านซ้าย
ของตา ตาซา้ ยจึงมีจดุ บอดอย่ดู ้านขวาของตา)
- ตาสามารถมองเหน็ สีของอุปกรณไ์ ดช้ ัดเจน เมอ่ื อุปกรณน์ ้นั อยูใ่ นทิศใด
(แนวตอบ: เม่ืออุปกรณเ์ คลื่อนท่ีใกล้แนวการมองเหน็ ของตาจงึ สามารถบอกสีได้ชดั เจน)
136
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรสู้ กึ
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 5 อวัยวะรบั ความร้สู ึก
4. ถามคาถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน เช่น
- หากแสงตกกระทบบรเิ วณเรตนิ าท่ีมเี ซลล์รปู กรวยจานวนมากจะเหน็ ภาพได้ชดั เจนหรอื ไม่ อย่างไร
(แนวตอบ: เห็นภาพชดั เจน เนอื่ งจากเซลล์รปู กรวยสามารถแยกความแตกต่างของแสงได้ แต่ต้องการ
แสงสว่างทเี่ พียงพอ)
- หากมองวัตถทุ ี่อยูไ่ กล เอน็ ยดึ เลนสแ์ ละกลา้ มเนื้อยดึ เลนส์จะมลี กั ษณะอยา่ งไร
(แนวตอบ: กลา้ มเนอ้ื ยดึ เลนสจ์ ะคลายตัว เอ็นยึดเลนสจ์ ะตงึ เลนสต์ าจะโค้ง จุดโฟกสั อยไู่ กลเลนส์)
- ส่วนประกอบใดของกลอ้ งจลุ ทรรศน์ทาหนา้ ท่เี ดียวกบั มา่ นตา และทาหน้าท่ีใด
(แนวตอบ: ไดอะแฟรม ซ่ึงทาหนา้ ทป่ี รบั ปรมิ าณแสงท่เี ข้าส่เู ลนสใ์ ห้เหมาะสม)
- เพราะเหตุใดเม่ือเข้าไปในห้องที่มีแสงสลัว ในช่วงแรกจะมองเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่เม่ือเวลาผ่านไปจะ
มองเหน็ ได้ชดั เจนข้นึ ทัง้ ทีไ่ มไ่ ดเ้ พ่มิ ความสว่าง
(แนวตอบ: นัยน์ตาของมนุษย์ต้องการระยะเวลาในการปรับให้ชินต่อการมองเห็นภาพ ซึ่งเมื่อเปลี่ยน
จากบริเวณท่ีมีแสงสว่างมากไปยังบริเวณที่มีแสงสว่างน้อยจะทาให้ม่านตาปรับไม่ทัน
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ระบบประสาทอัตโนวัติจะกระตุ้นให้กล้ามเน้ือม่านตาค่อย ๆ หดตัว
รมู ่านตาจึงเปิดกวา้ งมากขึน้ แสงทต่ี กบนเรตินามีมากขนึ้ ทาใหม้ องเห็นภาพได้ชดั เจนขึ้น)
- ภาพที่ตกบนเรตินาเป็นภาพชนดิ ใด
(แนวตอบ: ภาพจริงหัวกลบั )
- หากร่างกายขาดวิตามิน A จะส่งผลต่อการมองเห็นอยา่ งไร
(แนวตอบ: ส่งผลต่อการมองเห็นในบริเวณท่ีมีแสงน้อย เมื่อร่างกายขาดวิตามิน A จะทาให้เซลล์รูป
แท่งขาดเรตินอลจึงส่งผลให้ขาดโรดอพซิน ซ่ึงกระบวนการมองเห็นเกิดจากแสงกระตนุ้ ให้
โรดอฟซินเปล่ียนเป็นเรตินอลกับออปซิน แล้วเกิดกระแสประสาทไปยงั สมองเพ่ือแปลเป็น
ภาพ เมื่อโรดอฟซินน้อยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจึงเกิดน้อย ทาให้มองไม่เห็นภาพใน
บริเวณทีม่ ีแสงนอ้ ย)
ชั่วโมงท่ี 3-4
รู้ (Knowing)
5. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสืบค้นข้อมูลและศึกษา เรื่อง โครงสร้างของหู และการได้ยิน จากแบบจาลอง
โครงสร้างของหูหรือจากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1
หน้า 78-79
6. ถามคาถามนกั เรียนเพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี น ดงั นี้
- ลกั ษณะของใบหูและชอ่ งหูมีสว่ นชว่ ยในการไดย้ นิ อย่างไร
(แนวตอบ: ใบหูท่ีมีลักษณะแผ่กว้างช่วยดักคล่ืนเสียงให้เข้าหูง่ายข้ึน และช่องหูที่เป็นท่อยาวช่วยให้
เสยี ง เคล่อื นที่ไปยังหูสว่ นกลางได้เรว็ ขึ้น)
137
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความรสู้ ึก
แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 5 อวยั วะรบั ความรูส้ กึ
- ท่อยสู เตเชียนทาหน้าท่ีอย่างไร
(แนวตอบ: ปรับความดันระหวา่ งหสู ว่ นกลางและหสู ว่ นใน)
- เพราะเหตุใดจึงรู้สึกปวดแก้วหูเม่ือขึ้นดอยท่ีอยู่สูงจากระดับน้าทะเลมาก ๆ และร่างกายมีกลไกแก้ไข
อย่างไร
(แนวตอบ: เม่ือขึ้นดอยท่ีอยู่สูงจากระดับน้าทะเลมากจะมีการเปล่ียนแปลงความดันของอากาศในหู
ส่วนนอกทาให้เย่ือแก้วหูตึงจึงรู้สึกปวดแก้วหู ร่างกายมีกลไกปรับสมดุลโดยปรับความดัน
ภายในหูส่วนกลางให้เท่ากับหสู ่วนนอก)
- การส่ันของของเหลวในคอเคลยี และในเซมิเซอรค์ วิ ลารแ์ คแนลมผี ลต่อร่างกายแตกต่างกนั อย่างไร
(แนวตอบ: การสั่นของของเหลวเป็นการเปลี่ยนสัญญาณเสียงเป็นกระแสประสาทส่งไปยังสมอง แต่
การส่ันของของเหลวในเซมิเซอร์ควิ ลารแ์ คแนลเกิดจากการเปล่ยี นแปลงทศิ ทางของศรีษะ
หรอื การส่งตัว และกระตุ้นการส่งกระแสประสาทไปยงั สมอง)
- เพราะเหตใุ ดเม่ือเลน่ ปัน่ จ้งิ หรดี หลาย ๆ รอบ แลว้ หยดุ ยนื ตรง จึงไม่สามารถทรงตัวได้ตามปกติ
(แนวตอบ: ของเหลวในเซมิเซอร์คิวลาร์แคแนลยังเคลื่อนที่อยู่ทาให้เซลล์รับความรู้สึกยังทางานอยู่
เช่นกัน ซ่ึงส่งสัญญาณไปควบคุมกล้ามเน้ือที่เก่ียวกับการทรงตัวท้ังสองข้างของร่างกายไม่
เทา่ กัน จงึ ไม่ สามารถทรงตวั ได้ตามปกติ)
7. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสืบค้นข้อมูลและศึกษา เรื่อง โครงสร้างของจมูก และการดมกลิ่น จาก
แบบจาลองโครงสร้างของจมกู หรือจากหนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชวี วิทยา
ม.6 เล่ม 1 หน้า 80
8. นักเรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกันสืบค้นขอ้ มูลและศึกษา เรอื่ ง โครงสร้างของลิน้ และการรับรส จากแบบจาลอง
โครงสร้างของล้ินหรือจากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1
หนา้ 81
9. นักเรียนแต่ละกลุ่มกลุ่มร่วมกันสืบค้นข้อมูลและศึกษา เร่ือง โครงสร้างของผิวหนัง และการรับความร้สู ึก
ต่าง ๆ จากแบบจาลองโครงสร้างของผิวหนังหรือจากหนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ชวี วทิ ยา ม.6 เลม่ 1 หนา้ 82
10. นักเรียนแต่ละกลุ่มทากิจกรรม ความไวของผิวหนังแต่ละบริเวณ เพ่ือตรวจสอบความไวของการรับ
ความรูส้ กึ ของผวิ หนงั แตล่ ะบรเิ วณ จากหนังสอื เรยี นรายวิชาเพมิ่ เตมิ ชีววิทยา ม.6 เลม่ 1 หน้า 83
11. สุม่ เลือกนักเรียนอย่างน้อย 3 กลุม่ นาเสนอผลและอภปิ รายผลกจิ กรรม ความไวของผวิ หนังแต่ละบริเวณ
แล้วถามคาถามทา้ ยกจิ กรรม ดังนี้
- นักเรียนสรุปผลกิจกรรมน้ีได้อย่างไร
(แนวตอบ: ผิวหนังแต่ละบริเวณของร่างกายรับความรู้สึกได้แตกต่างกัน เนื่องจากมีจานวนปลาย
ประสาทแตกต่างกัน บริเวณท่ีมีปลายประสาทอยู่มากจะรับความรู้สกึ ได้มาก ส่วนบริเวณ
ท่มี ปี ลายประสาทอยูน่ ้อยจะรบั ความร้สู ึกไดน้ อ้ ย)
138
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรู้สึก
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 5 อวยั วะรับความรูส้ กึ
- แต่ละบรเิ วณของร่างกายรบั สมั ผสั ได้เหมือนหรือแตกต่างกนั อยา่ งไร
(แนวตอบ: ข้นึ อยู่กับผลการทากจิ กรรมของนักเรียนบรเิ วณปลายน้วิ จะมจี านวนปลายประสาทมากจึง
สามารถแยกได้ แต่บริเวณตน้ คอมจี านวนปลายประสาทน้อยอาจไม่สามารถแยกได้)
13. ถามคาถามเพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียน เช่น
- การรับรู้ความอร่อยของอาหารประกอบด้วยใช้อวัยวะรับความรู้สึกใดบ้าง และอวัยวะรับความรู้สึก
ตา่ ง ๆ ทางานรว่ มกนั อย่างไร
(แนวตอบ: ใช้ลิ้น จมูก และตา เพ่ือรับรู้ความอร่อยของอาหาร โดยลิ้นทาหน้าท่ีรับรสอาหาร จมูกทา
หน้าท่ีรับกลิ่นอาหาร และตาทาหน้าทีร่ ับภาพอาหาร ซ่งึ หากขาดอวยั วะรับความรู้สึกหนึ่ง
ไปอาจทาให้รับประทานอาหารไม่อรอ่ ยได้ เช่น ในช่วงที่เป็นหวัดและมีน้ามูก เยื่อจมูกจะ
ถกู ปกคลมุ ดว้ ยเมอื กจงึ ทาให้ความสามารถในการรับกล่ินลดลง)
- เพราะเหตุใดเมอื่ ลูบเส้นขนเบา ๆ จึงรบั ร้คู วามรู้สึกได้เช่นกนั
(แนวตอบ: บริเวณโคนเสน้ ขนมีปลายประสาทพันอยู่ จึงสามารถรบั ความร้สู ึกได้)
14. นกั เรยี นทาใบงานท่ี 2.5 เรอื่ ง อวัยวะรบั ความรู้สึก
15. นักเรียนแบ่งกล่มุ 5 กลุ่ม ทากิจกรรม โรคที่เกี่ยวข้องกบั อวัยวะรบั ความรสู้ ึก เพื่อสืบค้นข้อมูลเกีย่ วกับโรค
ตา่ ง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับอวัยวะรับสัมผัสต่าง ๆ และบอกแนวทางในการดูแลและรักษาโรค จากหนงั สอื เรยี น
รายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชวี วทิ ยา ม.6 เลม่ 1 หน้า 84 โดยแบ่งกลุ่ม ดงั นี้
- กลุ่มท่ี 1 โรคทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับตา - กลมุ่ ท่ี 2 โรคท่ีเกี่ยวข้องกับหู
- กลุ่มที่ 3 โรคทเ่ี กีย่ วขอ้ งกับจมูก - กลุม่ ที่ 4 โรคทเี่ กย่ี วข้องกับลนิ้
- กลมุ่ ท่ี 5 โรคท่เี กี่ยวขอ้ งกบั ผิวหนัง
จัดทารายงาน แผน่ พับนาเสนอ และป้ายนิเทศเพ่อื นาเสนอหน้าชั้นเรียน
ชั่วโมงท่ี 5-6
ข้นั สอน
ขัน้ เขา้ ใจ (Understanding)
16. นักเรียนแต่ละกลุ่ม (ตามกลุ่มในกิจกรรม โรคท่ีเก่ียวข้องกับอวัยวะรับความรู้สึก) สง่ ตัวแทนกลมุ่ กลุ่มละ
3 คน ออกมาอธิบายโครงสร้างและการทางานของอวยั วะรบั ความรสู้ ึกทไ่ี ด้รับมอบหมาย โดยระหว่างการ
นาเสนอให้นักเรยี นในชน้ั เรียนร่วมแสดงความคิดเห็น และครคู อยเพ่ิมเติ่มในประเด็นที่ขาดหายไป
17. นักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอป้ายนิเทศหน้าชั้นเรียน กลุ่มละ 10 นาที โดยระหว่างท่ีนักเรียนนาเสนอให้
นกั เรยี นกลมุ่ อ่นื ๆ รว่ มกันเสนอแนะ และครคู อยเพมิ่ เติมประเดน็ ที่ขาดหายไป
18. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายกิจกรรม โรคท่ีเกี่ยวข้องกับอวัยวะรับความรู้สึก เพ่ือให้ได้ข้อสรุป ดังน้ี
โรคท่ีเกยี่ วกบั อวยั วะรบั สมั ผสั มีหลายโรค แต่ละโรคมแี นวทางในการดแู ลและรกั ษาโรคแตกตา่ งกัน เช่น
139
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรสู้ กึ
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 5 อวัยวะรับความรู้สกึ
- ต้อหิน (glaucoma) เป็นโรคท่ีเกิดจากความดันในลูกตาสูงและไปกดเส้นประสาทตา เนื่องจากการ
ถา่ ยเทของของเหลวในตาขัดข้อง หรือเกิดจากการใช้ยาหยอดตาบางชนิดบ่อยเกินไป มีวิธีการรักษา
โดยลดความดันของลกู ตาโดยใช้ยาทมี่ ีสมบัติขับของเหลวในลูกตา แตห่ ากเป็นมากต้องผ่าตัดระบาย
ของเหลวในลูกตาเพือ่ ลดความดันในลกู ตา
- ต่อกระจก (cataract) เป็นโรคท่ีเกิดจากเลนส์ตาขุ่นม่ัวทาให้เห็นภาพมั่วเหมือนมองผ่านหมอก มี
วิธีการรักษาโดยการผ่าตัดเปล่ียนเลนส์ตา อาการตาเพลียเป็นอาการปวดรอบ ๆ ตาและหน้าผาก
เน่ืองจากใช้สายตามากเกินไปหรือมีแสงสว่างน้อยเกินไป มีวธิ ีแก้ไขโดยการจัดแสงให้เหมาะสมและ
พกั สายตา
- โรคน้าในหูไม่เท่ากัน (Meniere’s disease) เกิดจากความผิดปกติของน้าในหูชั้นในซ่ึงเกิดจากการ
ระบายของของเหลวในหูช้ันในท่ีผิกปกติ สารเคมีของน้าในหูไม่สมดุล การติดเช้ือ การบาดเจ็บ
บริเวณศีรษะ หรือความบกพร่องทางพนั ธุกรรม ผู้ป่วยจะมอี าการวิงเวียนศีรษะ หูอื้อ สูญเสียการได้
ยนิ ซ่ึงอาการมักเกดิ ขึ้นอย่างกระทันหัน ตอ่ เนื่อง และเกิดขึน้ กับหขู ้างใดข้างหน่ึง มีวิธีการรกั ษาโดย
การรบั ประทานยา ฉดี ยา การใช้เครอ่ื งชว่ ยฟัง หรอื การผ่าตัด
- โรคหูน้าหนวก เกิดจากการติดเชอ้ื แบคทีเรียในหูช้ันกลาง ทาให้เกิดหนองซ่ึงจะดันเยื่อแกว้ หูใหท้ ะลุ
เป็นรูและรนู ั้นอาจไม่สามารถปิดเองได้ ผู้ป่วยมีอาการหูอื้อ หูตุง มีของเหลวหรือหนองไหลออกจาก
หชู ้นั กลาง มีวธิ กี ารรกั ษาโดยการใช้ยาตา้ นจุลชีพ หรอื การผา่ ตัด
- โรคไซนสั อกั เสบ (sinusitis) เปน็ ภาวะท่ีเยื่อบุบริเวณโพรงอากาศข้างจมกู เกิดการอกั เสบจากการติด
เช้ือแบคทีเรียท่ีผ่านเข้ามาทางกระบวนการหายใจ ทาให้มีอาการคัดจมูก มีน้ามูกข้น ปวดบริเวณ
จมูก ตา โหนกแก้ม หน้าผาก และฟัน ลมหายใจมีกล่ินเหม็น มีวิธีการรักษาโดยการใช้ยาพ่น ยา
รับประทาน หรือการผา่ ตัด
- โรคจมูกอักเสบชนิดแพ้ (allergic rhinitis) เป็นโรคท่ีมีการอักเสบของเน้ือเยื่อจมูกทาให้มีอาการ
บวมแดงและมีเมือกภายในโพรงจมูกมากกว่าปกติ มีสาเหตุเกิดจากการติดเช้ือระบบทางเดินหายใจ
เกิดจากโรคภูมิแพ้ หรือการเปลี่ยนแปลงทางอากาศ มีวิธีการรักษาโดยการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้
การใช้ยา หรือการให้วคั ซนี ภมู แิ พใ้ นผูป้ ว่ ยที่มีอาการรนุ แรง
- ลิ้นอักเสบ (glossitis) เป็นภาวะท่ีล้ินมีอาการอักเสบ บวม เปลี่ยนสี ผิวของลิ้นมีลักษณะเปล่ียนไป
จากเดิม หรือตุ่มรับรสได้รับความเสยี หาย ทาให้เกิดอาการบวม ปวด และส่งผลต่อการรับรสอาหาร
หรือการพูด มีสาเหตุเกิดจากการบาดเจ็บที่เกิดบริเวณปากซ่ึงอาจส่งผลต่อล้ิน การแพ้ยาบางชนิด
การแก้ยาสีฟันหรือผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก พฤติกรรมการบริโรคอาหารท่ีก่อให้เกิดอาการปวดแสบ
ปวดร้อน หรือการติดเช้ือแบคทีเรีย เช้ือรา หรือเช้ือไวรัส มีวิธีการรักษาจะข้ึนอยู่กับสาเหตุของการ
เกิดโรค ซึ่งอาจเป็นใช้การดูแลสุขภาพของช่องปาก การปรับเปล่ียนพฤติกรรมการบริโถค หรือการ
รกั ษาด้วยยา
140
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความร้สู กึ
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 5 อวยั วะรบั ความรสู้ ึก
- เกล้ือน (Tinea versicolor) เกิดจากเชื้อ Malassezia spp. ทาให้ผู้ป่วยมีผื่นขึ้นตามผิวหนังใน
บริเวณท่ีมีต่อมไขมันมาก เช่น หน้าอก หลัง ไหล่ ซอกคอ ลาคอ ต้นแขน หน้าท้อง ใบหน้า และ
ผู้ป่วยอาจมีอาการคันในช่วงทม่ี ีเหง่ือออกมาก มีวธิ ีการรกั ษาโดยการใช้ยาแบบทา (ในกรณีที่มีผนื้ ไม่
มาก) ยาแบบดิน (ในกรณีทมี่ ผี นื่ มากและเปน็ บริเวณกวา้ ง) หรอื อาจใช้สมุนไพรรักษาโรคเกลอื้ น
- โรคเริม (herpes) เกิดจากการติดเช้ือไวรัส HPV (Herpes Simplex Virus) ผู้ป่วยจะมีตุ่มน้าใส
บริเวณท่ีติดเช้ือ เช่น ปาก อวัยวะเพศ ทวารหนัก ต้นขา ทาให้มีอาการปวด แสบท่ีแผล โรคเริมเป็น
โรคผิวหนังท่ีไม่สามารถรักษาให้หายขาด เนื่องจากเช้อื ไวรัสจะยังคงแฝงอยู่ในร่างกายแม้อาการของ
โรคจะสงบลงแล้ว และอาจจะกลับมาแสดงอาการอีกหากร่างกายมีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ การ
รกั ษาจึงเปน็ การบรรเทาอาการเจบ็ ปวดและควบคมุ การแพร่กระจายของเชอ้ื ไวรสั
- โรคอีสุกอีใส (chickenpox/varicella) เป็นโรคติดต่อทางผิวหนังที่เกิดจากการติดเช้ือไวรัสวีซีวี
(Varicella Zoster Virus: VZV) ผปู้ ่วยจะเกดิ ผื่นเปน็ จุดแดง ๆ ตามร่างกายและจะเริ่มกลายเป็นตุ่ม
พองขนาดเล็กท่ีมนี ้าใส อีกทงั้ ยงั มีอาการไขต้ ่า รู้สึกคร่ันเน้อื ครั่นตัว เหน่ือยงา่ ย ปวดศีรษะ และเจ็บ
คอ โดยทั่วไปการรักษาโรคอีสุกอีใสเป็นการประคับประคองตามอาการที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยเป็นหลัก
เพือ่ ช่วยบรรเทาอาการของโรคให้ดขี ึ้น เช่น การทานยาในกลุ่มต้านการอับเสบ การใช้ยาทาภายนอก
เพื่อลดอาการคันและเก็บความช้ืนแก่ผิวหนัง แตใ่ นผู้ป่วยท่ีมีอาการรุนแรงอาจต้องใชย้ าในกลุ่มต้าน
ไวรสั เพ่ือชว่ ยฆา่ เช้อื
19. นักเรียนทา Topic Questions ท้ายหัวข้อ เร่ือง อวัยวะรับความรู้สึก จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชวี วิทยา ม.6 เล่ม 1 โดยบนั ทกึ ลงในสมดุ บนั ทึกของนกั เรยี น หนา้ 85
20. นักเรียนทาแบบฝึกหัด เรื่อง อวัยวะรับความรู้สึก ในแบบฝึกหัดรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ชวี วทิ ยา ม.6 เลม่ 1 (อาจสั่งให้นักเรียนทาเป็นการบา้ น)
21. นกั เรียนทา Self Check หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก จากหนังสอื เรียน
รายวิชาเพิ่มเติมวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววทิ ยา ม.6 เลม่ 1 หนา้ 90
22. นักเรียนทา Unit Questions ท้ายหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก จาก
หนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 91-92 โดยบันทึกลง
ในสมุดบนั ทกึ ของนักเรยี น (ครอู าจสง่ั ใหน้ กั เรียนทาเปน็ การบา้ น)
23. นักเรียนทา Test for U ท้ายหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก จากหนังสือ
เรียนรายวชิ าเพิ่มเติมวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 93 (ครูอาจสั่งให้นักเรียนทา
เปน็ การบ้าน)
24. นกั เรียนทาแบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 ระบบประสาทและอวัยวะรับความรสู้ กึ
141
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความรสู้ กึ
แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 5 อวยั วะรับความรู้สึก
ข้นั ลงมือทา (Doing)
20. นักเรียนแบ่งกลุ่ม (ตามกลุ่มท่ีแบ่งในกิจกรรม โรคท่ีเก่ียวข้องกับอวัยวะรับความรู้สึก) สร้างแบบจาลอง
โครงสร้างของอวัยวะรับความรู้สึก ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวหนัง โดยใช้วัสดุอุปกรณ์ที่เหมาะสมและ
มีราคาถกู เพ่อื ใชเ้ ปน็ แบบจาลองสาหรบั การศึกษาของนกั เรยี นในรุน่ ตอ่ ไป
ขั้นสรปุ
1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุป เร่ือง อวัยวะรับความรู้สึก เพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่า ร่างกายมนุษย์มีอวัยวะรับ
ความรู้สึกประกอบดว้ ยอวัยวะต่าง ๆ ซงึ่ มโี ครงสร้างและหน้าท่ีแตกต่างกัน ดงั นี้
- ตา เมื่อแสงตกกระทบกับวัตถุและสะท้อนเข้าสู่นัยน์ตา แสงผ่านรูม่านตาโดยมีเลนส์ตาทาหน้าที่
รวมแสงไปตกบริเวณเรตินาท่ีประกอบด้วยเซลล์รูปแท่งและเซลล์รูปกรวย แล้วแปลเป็นกระแส
ประสาทสง่ ไปทางเสน้ ประสาทสมองคู่ท่ี 2 เข้าสูส่ มองส่วนออพตกิ โลบ
- หู เม่ือคล่นื เสียงผ่านเข้าหู จากหูสว่ นนอก หูส่วนกลาง และหูส่วนใน คลื่นเสยี งจะทาให้ของเหลว
ในคอเคลียสั่นสะเทือน แล้วแปลเป็นกระแสประสาทส่งไปยังเส้นประสาทสมองคู่ที่ 8 เพื่อเข้าสู่
สมองส่วนเซรีบรัม และยังทาหน้าที่รับรู้การทรงตัวของร่างกายโดยอาศัยการเปล่ียนแปลงของ
ของเหลวในเซมเิ ซอร์ควิ ลาร์แคแนล แล้วแปลเป็นกระแสประสาทสง่ ไปยงั เส้นประสาทสมองคทู่ ี่ 8
เพ่อื เขา้ สสู่ มองส่วนเซรีเบลลัม
- จมูก เม่ือโมเลกุลสารเคมีผ่านเข้าจมูก ออลแฟกทอรีเซลล์ภายในจมูกทาหน้าที่รับกลิ่นและแปล
เป็นกระแสประสาทสง่ ไปยังเส้นประสาทสมองคู่ที่ 1 นาเขา้ สู่สมองส่วนเซรบี รมั
- ลน้ิ มตี ุ่มรับรสทาหน้าที่รบั รสและแปลเป็นกระแสประสาทส่งไปตามเส้นประสาทสมองคทู่ ่ี 7 และ
9 เข้าสู่สมองส่วนเซรบี รมั
- ผิวหนัง มีเซลล์ประสาทรับความรู้สึกจานวนมาก ท้ังการสัมผัส แรงกด ความร้อน ความเย็น ซ่ึง
จะสง่ กระแสประสาทไปยังสมอง
2. นักเรียนเขียนผังมโนทัศน์ เขียนผังมโนทัศน์ เร่ือง อวัยวะรับความรู้สึก อธิบายถึงโครงสร้าง การทางาน
และความผิดปกติทเ่ี กดิ ข้นึ จากอวัยวะรบั ความรู้สึกต่าง ๆ
ขั้นประเมนิ
1. ประเมินความรู้เกยี่ วกับ เร่อื ง อวัยวะรับความรู้สึก โดยสงั เกตพฤติกรรมการตอบคาถาม ตรวจแบบฝึกหัด
ตรวจผงั มโนทัศน์ ตรวจรายงาน ตรวจแผน่ พับนาเสนอ และตรวจป้ายนิเทศ
2. ประเมินทักษะและกระบวนการ โดยสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม การทาปฏิบัติการ การสร้าง
แบบจาลอง และการนาเสนอผลงาน
3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยสังเกตพฤติกรรมความสนใจใฝ่รู้ในการศึกษาและความมุ่งม่ันใน
การทางาน
142
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรสู้ ึก
แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 5 อวัยวะรบั ความร้สู กึ
7. การวัดและประเมนิ ผล
รายการวัด วิธวี ดั เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมนิ
7.2 การประเมินระหว่าง - ร้อยละ 60
ผา่ นเกณฑ์
การจัดกิจกรรม
- ร้อยละ 60
1) อวยั วะรบั - ตรวจใบงานท่ี 2.5 - ใบงานท่ี 2.5 ผา่ นเกณฑ์
ความรูส้ ึก - รอ้ ยละ 60
ผา่ นเกณฑ์
- ตรวจ Topic Questions - Topic Questions
- ระดับคุณภาพดี
- ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหดั ผ่านเกณฑ์
- ตรวจรายงาน เรื่อง โรค - แบบประเมินใบงาน - ระดบั คณุ ภาพดี
ผา่ นเกณฑ์
ท่เี กีย่ วข้องกบั อวยั วะรับ
- ระดบั คุณภาพดี
ความรูส้ กึ ผา่ นเกณฑ์
- ตรวจแผ่นพบั นาเสนอ - แบบประเมิน - ระดบั คณุ ภาพดี
ผ่านเกณฑ์
เรื่อง โรคทเี่ ก่ยี วข้องกับ แผ่นพับนาเสนอ
- ระดบั คุณภาพดี
อวยั วะรบั ความรสู้ กึ ผา่ นเกณฑ์
- ตรวจปา้ ยนเิ ทศ เร่อื ง - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพดี
ผา่ นเกณฑ์
โรคทเี่ กย่ี วข้องกบั ป้ายนเิ ทศ
- ระดับคณุ ภาพดี
อวัยวะรบั ความรูส้ กึ ผ่านเกณฑ์
- แบบจาลอง อวยั วะรบั - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพดี
ผ่านเกณฑ์
ความรู้สึก แบบจาลอง
2) การปฏบิ ตั ิการ - ประเมิน - แบบประเมนิ
3) การนาเสนอ การปฏิบัตกิ าร การปฏบิ ตั กิ าร
ผลงาน
- ประเมนิ การนาเสนอ - ผลงานทีน่ าเสนอ
4) พฤตกิ รรม
การทางานกลุ่ม ผลงาน
4) คณุ ลกั ษณะ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม
อันพงึ ประสงค์
การทางานกลมุ่ การทางานกลุ่ม
- สงั เกตความมีวินยั - แบบประเมิน
ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น คุณลักษณะ
ในการทางาน อันพงึ ประสงค์
143
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความร้สู ึก
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 5 อวยั วะรบั ความรสู้ กึ
รายการวัด วธิ ีวดั เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
7.2 ประเมนิ หลังเรยี น
- ตรวจ Unit Questions - Unit Questions - รอ้ ยละ 60
- Unit Questions หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 ผา่ นเกณฑ์
หน่วยการเรยี นรู้
ท่ี 2 - ตรวจ Test for U - Test for U - ร้อยละ 60
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 ผา่ นเกณฑ์
- Test for U
หนว่ ยการเรยี นรู้ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลงั เรียน - รอ้ ยละ 60
ท่ี 2 หลังเรียน ผ่านเกณฑ์
- แบบทดสอบ
หลังเรยี น หนว่ ย
การเรียนรู้ที่ 2
8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
8.1 สือ่ การเรียนรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้
ที่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรู้สกึ
2) แบบฝึกหัดรายวิชาเพ่ิมเต่ิมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่
2 ระบบประสาทและอวัยวะรบั ความรสู้ กึ
3) แบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรูส้ ึก
4) ใบงานท่ี 2.4 เรื่อง อวัยวะรบั ความรสู้ กึ
5) แบบจาลองโครงสร้างของตา หู จมกู ลนิ้ และผวิ หนัง
6) PowerPoint เรอ่ื ง ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สกึ
7) QR Code เรอ่ื ง โครงสรา้ งของตา โครงสร้างของหู และโครงสร้างของผิวหนงั
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) หอ้ งสมดุ
3) ห้องปฏิบัตกิ าร
4) สอ่ื อิเลก็ ทรอนกิ ส์
144
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความร้สู กึ
แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 5 อวยั วะรับความรูส้ ึก
ใบงานท่ี 2.5
เรือ่ ง อวัยวะรบั ความรสู้ กึ
คาชแ้ี จง : จงอธิบายกลไกการรับความรู้สึกตา่ ง ๆ ของอวัยวะรับความร้สู ึกตอ่ ไปน้ี
1
2
3
4
5
145
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความร้สู ึก
แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 5 อวัยวะรบั ความรสู้ ึก
ใบงานที่ 2.5
เรอ่ื ง อวยั วะรบั ความรสู้ ึก
คาช้ีแจง : จงอธิบายกลไกการรบั ความรู้สึกตา่ ง ๆ ของอวยั วะรับความรสู้ ึกต่อไปน้ี
หมายเลข อวัยวะ ประเภทสงิ่ เรา้ โครงสรา้ ง/เซลล์ กลไกการรับความรสู้ กึ
...................... ............................... ................................ ......................................................................
1 …………………………… ................................ ......................................................................
…………………………… ................................ ......................................................................
…………………………… ................................ ......................................................................
…………………………… ………………………….. ......................................................................
...................... ............................... ................................ ......................................................................
2 …………………………… ................................ ......................................................................
…………………………… ................................ ......................................................................
…………………………… ................................ ......................................................................
…………………………… ………………………….. ......................................................................
...................... ............................... ................................ ......................................................................
3 …………………………… ................................ ......................................................................
…………………………… ................................ ......................................................................
…………………………… ................................ ......................................................................
…………………………… ………………………….. ......................................................................
...................... ............................... ................................ ......................................................................
4 …………………………… ................................ ......................................................................
…………………………… ................................ ......................................................................
…………………………… ................................ ......................................................................
…………………………… ………………………….. ......................................................................
...................... ............................... ................................ ......................................................................
5 …………………………… ................................ ......................................................................
…………………………… ................................ ......................................................................
…………………………… ................................ ......................................................................
…………………………… ………………………….. ......................................................................
146
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความรสู้ ึก
แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 5 อวยั วะรับความร้สู ึก
ใบงานท่ี 2.5
เรื่อง อวัยวะรบั ความรสู้ กึ
คาชแี้ จง : จงอธิบายกลไกการรบั ความรู้สกึ ตา่ ง ๆ ของอวยั วะรบั ความร้สู ึกตอ่ ไปน้ี
1
2
3
4
5
147
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 ระบบประสาทและอวยั วะรับความรู้สกึ
แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 5 อวยั วะรับความร้สู ึก
ใบงานที่ 2.5
เรอื่ ง อวัยวะรบั ความรสู้ ึก
คาชแี้ จง : จงอธบิ ายกลไกการรับความรู้สึกต่าง ๆ ของอวัยวะรับความรู้สึกต่อไปน้ี
หมายเลข อวัยวะ ประเภทส่ิงเรา้ โครงสร้าง/เซลล์ กลไกการรบั ความรู้สกึ
...........ต...า........ .............แ..ส...ง............. ..........เ.ร..ต...นิ...า.............. .แ...ส..ง..ต...ก..ก..ร..ะ...ท..บ...ก...บั ..ว..ัต...ถ..ุแ...ล..้ว..ส...ะ..ท..้อ...น..เ..ข..้า..ส...ู่ต..า...
1 …………………………… .....(.เ.ซ...ล..ล..ร์..ปู...แ..ท...ง่......... .แ...ส..ง..ผ..่.า..น..ร..ูม...่า..น...ต..า..โ..ด..ย..ม...ีเ.ล...น..ส...์ต..า..ร..ว...ม..แ..ส...ง..ไ..ป...
…………………………… ....เ.ซ...ล..ล..์ร..ูป...ก..ร..ว..ย...)....... .ต...ก...ท...่ี.เ.ร...ต..ิ.น...า....แ...ล..้ว...แ...ป...ล...เ..ป..็.น...ส..ั.ญ....า..ญ....า...ณ....
…………………………… ................................. .ป...ร...ะ..ส...า..ท...ไ.ป...ท...า..ง..เ.ส...้น...ป...ร..ะ..ส...า..ท...ส...ม..อ...ง..ค..ู่ท...ี่..2...
…………………………… ………………………….. .เ..ข..า้..ส..สู่...ม..อ...ง.ส...่ว..น...อ..อ..พ...ต..ิก...โ.ล...บ............................
.........จ...ม..ูก........ ...........ส..า..ร..เ.ค...ม..ี........ .....อ..อ..ล...แ..ฟ...ก..ท...อ..ร..ี-....... ..โ.ม...เ.ล..ก...ลุ ..ส...า.ร..เ..ค..ม...ผี ..า่..น...เ.ข..้า..จ..ม...ูก....อ..อ...ล..แ..ฟ...ก..ท...อ..ร..ี.
…………………………… ............เ.ซ...ล..ล..์............. ..เ.ซ...ล...ล..์.ท...า...ห...น..้.า..ท...ี่.ร..ับ...ก...ล...ิ่น...แ...ล...ะ...แ...ป...ล...เ.ป...็.น...
2 …………………………… ................................. ..ส..ัญ....ญ....า..ณ....ป...ร..ะ..ส...า..ท...ส...่ง..ไ..ป..ย...ัง..เ..ส..้น...ป...ร..ะ...ส..า...ท...
…………………………… ................................. ..ส..ม...อ..ง..ค..ู่ท...่ี.1....เ.ข..า้..ส...สู่ ..ม...อ..ง..ส..ว่..น...เ.ซ..ร..บี...ร..มั...............
…………………………… ………………………….. ......................................................................
..........ล..ิ้น.......... .........ส..า..ร..เ..ค..ม..ี.......... .......เ..ซ..ล..ล...ร์ ..ับ..ร..ส........... .ล...ิ้น..ม...ีต..ุม่...ร..ับ...ร..ส..ซ..ึ่ง..ม...เี .ซ..ล...ล..์ร..ับ...ร..ส..อ...ย..่ภู...า..ย..ใ.น....ท...า...
…………………………… ................................. .ห...น...้า..ท...่ีร..ับ...ร..ส..แ...ล..ะ..แ...ป...ล..เ.ป...็น...ก..ร..ะ...แ..ส...ป..ร..ะ...ส..า..ท....
3 …………………………… ................................. .ส...ง่ ..ไ.ป...ต..า..ม...เ.ส...้น..ป...ร..ะ..ส...า..ท..ส...ม..อ...ง..ค..ู่ท...ี่ .7....แ..ล...ะ..ค..ู่ท...ี่.
…………………………… ................................. .9....เ.ข...า้ ..ส..สู่..ม...อ..ง..ส..่ว..น...เ.ซ...ร..ีบ..ร..ัม...............................
…………………………… ………………………….. ......................................................................
.......ผ..ิว...ห..น...งั ..... ..........แ..ร..ง..ก...ล............ ...ห...น...่ว..ย..ร..ัค..ว...า.ม...ร..้สู..ึก..... ..ล..ิ้น...ม...ีต..ุ่.ม...ร.ั.บ...ร..ส...ซ..่ึง..ม...ีเ.ซ...ล...ล..์ร..ับ...ร...ส..อ...ย..ู่ภ...า..ย...ใ..น...
4 ………อ…ุณ…ห…ภ…ูม…ิ ……… ................................. ..ท...า..ห....น..้.า..ท...ี่ร..ั.บ...ร...ส...แ..ล...ะ...แ...ป...ล...เ..ป..็.น...ก...ร..ะ...แ...ส...
…………………………… ................................. ..ป...ร..ะ..ส..า..ท...ส..่ง..ไ..ป..ต...า..ม..เ..ส..น้...ป..ร..ะ..ส...า..ท...ส..ม..อ...ง..ค..ู่ท...ี่ .7...
…………………………… ................................. ..แ..ล...ะ..ค..่ทู...่ี .9....เ.ข..้า..ส...ู่ส..ม..อ...ง..ส..่ว..น...เ.ซ..ร..ีบ...ร..ัม.................
…………………………… ………………………….. ......................................................................
.........ห...ู.......... ........ค...ล..่นื...เ.ส..ีย...ง......... .....ค..ล..อ...เ.ค..ล...ยี ..แ..ล...ะ........ ค..ล..่ื.น..เ.ส...ีย..ง..เ..ข..้า..ห...ูท..า..ใ..ห...้ข..อ...ง.เ..ห..ล...ว..ใ..น..ค...อ..เ.ค...ล..ีย...ส..ั่น..
5 …………………………… ...เ.ซ..ม...ิเ.ซ..อ...ร..์ค..ิว..ล...า..ร.-.์ ..... แ..ป...ล..เ.ป...็น..ก...ร..ะ..แ..ส...ป..ร..ะ...ส..า..ท...ส..่ง..ไ.ป...ย..ัง..เ.ส...น้ ..ป...ร..ะ..ส..า..ท..
…………………………… ..........แ..ค...แ..น..ล.............. ส..ม..อ...ง..ค..ู่ท...่ี .8....เ.ข..้า..ส...ู่ส..ม..อ...ง..ส..่ว..น...เ.ซ..ร..ีบ...ร..ัม....แ..ล...ะ..ห...า..ก.
…………………………… ................................. ข..อ..ง..เ.ห...ล...ว..ใ.น...เ.ซ...ม..ิเ..ซ..อ..ร..์ค...ิว..ล...า..ร..์แ..ค...แ..น...ล..ส..่ัน...จ..ะ...ส..่ง.
…………………………… ………………………….. ก..ร..ะ..แ..ส...ป..ร...ะ..ส..า..ท...ไ.ป...เ.ช..่น...เ.ด...ีย..ว..ก...ัน........................
148
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความรสู้ กึ
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 5 อวยั วะรบั ความรสู้ กึ
9. ความเห็นของผู้บรหิ ารสถานศึกษาหรือผทู้ ีไ่ ด้รับมอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงชื่อ .................................
( ................................ )
ตาแหนง่ .......
10. บันทกึ ผลหลงั การสอน
ดา้ นความรู้
ด้านสมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ดา้ นอนื่ ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมทม่ี ปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
ปัญหา/อุปสรรค
แนวทางการแกไ้ ข
149
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 ระบบตอ่ มไรท้ ่อ
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3
ระบบต่อมไร้ท่อ
เวลา 14 ชว่ั โมง
1. ผลการเรียนรู้
เข้าใจการย่อยอาหารของสัตว์และมนุษย์ การหายใจและการแลกเปลี่ยนแก๊ส การลาเลียงสารและ
การหมุนเวียนเลือด ภูมิคุ้มกันของร่างกาย การขับถ่าย การรับรู้และการตอบสนอง การเคล่ือนท่ี การ
สืบพันธุ์และการเจริญเติบโต ฮอรโ์ มนกับการรักษาดลุ ยภาพ และพฤติกรรมของสัตว์ รวมทั้งนาความรูไ้ ปใช้
ประโยชน์
13. สืบค้นขอ้ มลู อธบิ าย และเขียนแผนผังสรุปหน้าที่ของฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและเน้ือเยอ่ื ท่ีสร้าง
ฮอร์โมน
2. สาระการเรยี นรู้
2.1 สาระการเรยี นรู้เพ่ิมเติม
1) ฮอร์โมนเปน็ สารที่ควบคุมสมดุลต่างๆ ของร่างกายโดยผลิตจากต่อมไรท้ ่อหรือเนือ้ เย่ือ โดยต่อม
ไร้ทอ่ นี้จะกระจายอยูต่ ามตาแหน่งตา่ งๆ ทวั่ ร่างกาย
2) ต่อมไรท้ อ่ ทสี่ รา้ งหรือหลง่ั ฮอร์โมน ไมม่ ีท่อในการลาเลยี งฮอร์โมนออกจากต่อมจึงถูกลาเลียงโดย
ระบบหมุนเวียนเลอื ดไปยังอวยั วะเป้าหมายทีจ่ าเพาะเจาะจง
3) ต่อมไพเนียลสรา้ งเมลาโทนนิ ซ่ึงยับย้งั การเจริญเติบโตของอวยั วะสืบพันธชุ์ ่วงก่อนวยั เจริญพนั ธ์ุ
และตอบสนองต่อการเปลย่ี นแปลงของแสงในรอบวัน
4) ตอ่ มใตส้ มองสว่ นหน้าสรา้ งและหลัง่ โกรทฮอร์โมนโพรแลกทิน ACTH TSH FSH LH เอนดอรฟ์ ิน
ซง่ึ ทาหน้าที่แตกต่างกัน
5) ต่อมใต้สมองส่วนหลังหลั่งฮอร์โมนซ่ึงสร้างจากไฮโพทาลามัส คือ ADH และออกซิโทซิน ซึ่ง
ทาหนา้ ท่ีแตกต่างกัน
6) ต่อมไทรอยด์สร้างไทรอกซินซ่ึงควบคุมอัตราเมแทบอลิซึมของร่างกาย และสร้างแคลซิโทนินซึ่ง
ควบคุมระดับแคลเซียมในเลอื ดให้ปกติ
7) ต่อมพาราไทรอยด์สร้างพาราทอรโ์ มนซึ่งควบคมุ ระดบั แคลเซยี มในเลือดให้ปกติ
8) ตบั ออ่ นมีกลมุ่ เซลล์ทสี่ ร้างอนิ ซลู นิ และกลูคากอนซึ่งควบคุมระดับน้าตาลในเลือดให้ปกติ
9) ต่อมหมวกไตส่วนนอกสร้างกลูโคคอร์ติคอยด์ มิเนราโลคอร์ติคอยด์ และฮอร์โมนเพศ ซึ่งมีหน้าท่ี
แตกต่างกัน ส่วนต่อมหมวกไตส่วนในสร้างเอพิเนฟรนิ และนอรเ์ อพิเนฟริน ซงึ่ มหี นา้ ทเ่ี หมือนกัน
10) อณั ฑะมีกลุ่มเซลล์สร้างเทสโทสเทอโรน ส่วนรังไข่มีกลุ่มเซลล์ที่สร้างอีสโทรเจน และโพรเจสเทอ
โรนซึง่ มหี น้าทแี่ ตกต่างกัน
150
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ระบบต่อมไรท้ ่อ
11) เนื้อเย่ือบางบริเวณของอวัยวะ เช่น รก ไทมัส กระเพาะอาหาร และลาไส้เล็ก สามารถสร้าง
ฮอร์โมนไดห้ ลายชนดิ ซึง่ มีหนา้ ทีแ่ ตกต่างกนั
12) การควบคมุ การหลั่งฮอร์โมนจากต่อมไรท้ ่อ มีทั้งการควบคมุ แบบปอ้ นกลับยบั ยั้ง และการควบคุม
แบบป้อนกลับกระตนุ้ เพื่อรกั ษาดุลยภาพของรา่ งกาย
13) ฟีโรโมนเป็นสารเคมที ี่ผลติ จากต่อมมีทอ่ ของสัตว์ซง่ึ ส่งผลตอ่ สัตวต์ ัวอ่นื ท่ีเป็นชนดิ เดียวกัน
2.2 สาระการเรียนรูท้ อ้ งถนิ่
(พิจารณาตามหลักสตู รสถานศึกษา)
3. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
ระบบต่อมไร้ท่อ (endocrine system) เป็นระบบต่อมไม่มีท่อ ทาหน้าท่ีสร้างฮอร์โมนแล้วหลั่งออก
ของเหลวภายในร่างกาย เพื่อลาเลียงไปควบคุมเน้ือเยื่อของอวัยวะต่าง ๆ และต่อมไร้ท่ออื่น ๆ ทาให้มีการ
ทางานอย่างสมดุล ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไรท้ ่อและอวัยวะทีส่ าคัญ มีดงั นี้
- ต่อมไพเนียล สร้างเมลาโทนินซึ่งยับยั้งการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธุ์ช่วงก่อนวัยเจริญพันธ์ุ
และตอบสนองตอ่ การเปลย่ี นแปลงของแสงในรอบวนั
- ต่อมใต้สมองส่วนหน้า สร้างและหลั่งโกนาโดโทรฟิน (FSH LH) มีผลต่อระบบสืบพันธุ์เพศหญิง
และเพศชาย โกรทฮอร์โมนทาหน้าท่ีควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกาย ไทรอยด์สติมิวเลติง
ฮอร์โมนทาหน้าที่กระตุ้นการสร้างไทรอกซินของต่อมไทรอยด์ อะดรีโนคอร์ติโคโทรฟินทาหน้าท่ี
กระตุ้นการเจริญเติบโตและการสร้างฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตส่วนนอก โพรแลกทินทาหน้าท่ี
กระตุ้นการสรา้ งและหล่งั นา้ นม และเอนเดอร์ฟนิ มผี ลทาใหร้ ่างกายต่นื ตวั และมคี วามสุข
- ต่อมใต้สมองส่วนหลัง หลั่งฮอร์โมนซ่ึงสร้างจากไฮโพทาลามัส ได้แก่ ฮอร์โมนแอนติไดยูเรติก
ควบคุมการดูดน้ากลับของท่อหน่วยไต และออกซิโทซินกระตุ้นการบีบตัวของกล้ามเน้ือมดลูก
ในขณะคลอด
- ต่อมไทรอยด์ สร้างไทรอกซินทาหน้าที่ควบคุมอัตราเมแทบอลิซึมของร่างกาย และสร้างแคลซิ-
โทนนิ ทาหน้าทคี่ วบคมุ ระดบั แคลเซียมในเลือดใหป้ กติ
- ตอ่ มพาราไทรอยด์ สรา้ งพาราทอรโ์ มนทาหน้าท่ีควบคมุ ระดบั แคลเซียมในเลือดให้ปกติ
- ตับอ่อน มีกลุ่มไอส์เลตออฟแลงเกอร์ฮานส์สร้างอินซูลินและกลูคากอนซ่ึงควบคุมระดับน้าตาลใน
เลือดใหป้ กติ
- ต่อมหมวกไต แบ่งออกเป็นต่อมหมวกไตส่วนนอกสร้างกลุ่มกลูโคคอร์ติคอยด์ ทาหน้าท่ีควบคุมเม
แทบอลิซมึ ของรา่ งกาย เช่น คอร์ติคอยด์ กลุ่มมเิ นราโลคอร์ติคอยด์ ทาหน้าทีค่ วบคุมสมดุลของน้า
และแร่ธาตุ เช่น แอลโดสเทอโรน และฮอร์โมนเพศ (สร้างในปริมาณน้อย) ต่อมหมวกไตส่วนใน
สร้างเอพิเนฟรินและนอร์เอพิเนฟริน ทาหน้าที่เพิ่มระดบั น้าตาลในเลือด กระตุ้นการเต้นของหัวใจ
และความดนั เลือด
151