The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

eb นักวิชาการศึกษาปฏิบัติการ สนง.กศน. สนง.ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 64

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by venusjaree, 2021-10-16 02:10:09

eb นักวิชาการศึกษาปฏิบัติการ สนง.กศน. สนง.ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 64

eb นักวิชาการศึกษาปฏิบัติการ สนง.กศน. สนง.ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 64

คู่มือสอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 94

------------------------------------------------------------------------------
บุคคล ควำมเสมอภำค ควำมเป็นธรรม และประโยชน์ของทำงรำชกำร

39. กำรบรหิ ำรทรัพยำกรบคุ คล ตอ้ งคำนงึ ถึงผลสมั ฤทธิแ์ ละประสทิ ธิภำพของสงิ่ ใด

1. องค์กร 2. ลกั ษณะของงำน 3. ตวั บคุ คลเป็นสำคัญ 4. ถูกท้งั ขอ้ 1. และ 2.

ตอบ 4. แนวคดิ มำตรำ 42 (2) กำรจดั ระเบยี บขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญตำมพระรำชบญั ญัตนิ ีใ้ ห้คำนึงถึงระบบ

คุณธรรมดงั ตอ่ ไปนี้

(2) กำรบรหิ ำรทรัพยำกรบคุ คลตอ้ งคำนงึ ถึงผลสัมฤทธิแ์ ละประสทิ ธิภำพขององค์กรและลกั ษณะของงำน

โดยไม่เลือกปฏิบตั ิอยำ่ งไมเ่ ป็นธรรม

40. กำรพิจำรณำควำมดีควำมชอบ กำรเลื่อนตำแหน่ง และกำรให้ประโยชนอ์ ่ืนแกข่ ำ้ รำชกำร

ต้องเป็นไปอยำ่ งเป็นธรรมโดยพิจำรณำจำกสิง่ ใดเป็นอันดับแรก

1.ศักยภำพ 2. ผลงำน 3. ควำมประพฤติ 4. ควำมมีมนษุ ยสัมพันธ์

ตอบ 2. แนวคดิ มำตรำ 42 (3) กำรจัดระเบยี บข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญตำมพระรำชบญั ญัตินี้ใหค้ ำนึงถึงระบบ

คุณธรรมดังต่อไปน้ี

(3)กำรพิจำรณำควำมดีควำมชอบ กำรเล่ือนตำแหน่ง และกำรใหป้ ระโยชน์อ่ืนแกข่ ำ้ รำชกำรตอ้ งเปน็ ไป

อย่ำงเป็นธรรมโดยพจิ ำรณำจำก ผลงำน ศักยภำพ และควำมประพฤติ และจะนำควำมคิดเหน็ ทำงกำรเมืองหรอื

สังกดั พรรคกำรเมอื งมำประกอบกำรพจิ ำรณำมิได้

41. กำรดำเนินกำรทำงวินัยต้องเปน็ ไปตำมวตั ถปุ ระสงคต์ ำมข้อใด

1. ยุติธรรม 2. ปรำศจำกอคติ

3. คำนงึ ถึงประโยชน์ของทำงรำชกำรเป็นสำคัญ 4. ถูกเฉพำะขอ้ 1. และ 2.

ตอบ 4. แนวคิด มำตรำ 42 (4) กำรจัดระเบียบข้ำรำชกำรพลเรือนสำมญั ตำมพระรำชบญั ญัติน้ี ให้คำนงึ ถงึ ระบบ

คณุ ธรรมดังต่อไปน้ี

(4) กำรดำเนนิ กำรทำงวนิ ัย ต้องเป็นไปดว้ ย ควำมยตุ ิธรรม และ โดยปรำศจำกอคติ

42. ขอ้ ใดกลำ่ วผิด

1. กำรบรหิ ำรทรพั ยำกรบุคคลต้องมีควำมเป็นกลำงทำงกำรเมือง

2. ข้ำรำชกำรพลเรือนสำมญั มีเสรีภำพในกำรรวมกลมุ่ ตำมท่ีบญั ญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

3. ข้ำรำชกำรพลเรือนสำมญั มีเสรีภำพในกำรรวมกลุ่มเพือ่ มีวัตถุประสงค์ทำงกำรเมืองได้

4. ไมม่ ีข้อใดถูก

ตอบ 3. แนวคิด มำตรำ 43 ข้ำรำชกำรพลเรอื นสำมัญ มีเสรีภำพในกำรรวมกลมุ่ ตำมท่บี ญั ญัตไิ ว้ในรัฐธรรมนูญ

แต่ท้งั นี้ต้องไมก่ ระทบประสทิ ธิภำพในกำรบริหำรรำชกำรแผน่ ดินและควำมต่อเน่ืองในกำรจัดทำบรกิ ำรสำธำรณะ

และตอ้ งไมม่ วี ัตถปุ ระสงคท์ ำงกำรเมอื ง

หลกั เกณฑ์ วิธีกำร และเงอ่ื นไขในกำรรวมกล่มุ ตำมวรรคหนึง่ ให้เป็นไปตำมท่ีกำหนดในพระรำชกฤษฎีกำ

43. ตำแหน่งข้ำรำชกำรพลเรอื นสำมญั มี กี่ประเภท

1. 2 ประเภท 2. 3 ประเภท 3. 4 ประเภท 4. 5 ประเภท

ตอบ 3. แนวคดิ มำตรำ 45 ตำแหนง่ ขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญ มี 4 ประเภท ได้แก่

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 95

------------------------------------------------------------------------------
1) ตำแหนง่ ประเภทบรหิ ำร 2)ตำแหน่งประเภทอำนวยกำร 3)ตำแหนง่ ประเภทวิชำกำร 4)ตำแหนง่ ประเภท

ทัว่ ไป

44. ตำแหน่งประเภทบริหำร ของข้ำรำชกำรพลเรือน ไดแ้ ก่ข้อใด

1. ตำแหน่งหวั หน้ำสว่ นรำชกำรระดบั กระทรวง 2. ตำแหน่งหวั หน้ำสว่ นรำชกำรระดับกรม

3. รองหัวหนำ้ ส่วนรำชกำรระดับกระทรวง 4. ถกู ทกุ ขอ้

ตอบ 4. แนวคิด มำตรำ 45 (1) ตำแหน่งขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญมี 4 ประเภท ดังต่อไปน้ี

(1) ตำแหนง่ ประเภทบริหำร ไดแ้ ก่ ตำแหนง่ หวั หน้ำสว่ นรำชกำร และ รองหวั หนำ้ สว่ นรำชกำรระดบั

กระทรวง กรม และตำแหน่งอน่ื ที่ ก.พ. กำหนด เปน็ ตำแหนง่ ประเภทบรหิ ำร

45. ตำแหนง่ ประเภทอำนวยกำรของขำ้ รำชกำรพลเรือน ได้แก่ข้อใด

1. ตำแหน่งหัวหน้ำสว่ นรำชกำรที่ต่ำกว่ำระดับกรม

2. ตำแหน่งอ่ืนที่ ก.พ. กำหนด

3. ตำแหน่งท่ีจำเป็นต้องใช้ผู้สำเรจ็ กำรศึกษำระดับปริญญำตำมท่ี ก.พ. กำหนดเพื่อปฏบิ ตั ิงำนในหน้ำท่ขี อง

ตำแหน่งน้ัน

4. ถกู ทงั้ ข้อ 1. และ 2.

ตอบ 4. แนวคดิ มำตรำ 45(2) ตำแหน่งขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญมี 4 ประเภท ดงั ตอ่ ไปนี้

(2) ตำแหนง่ ประเภทอำนวยกำร ได้แก่ ตำแหนง่ หัวหนำ้ สว่ นรำชกำรท่ีตำ่ กว่ำระดบั กรมและตำแหนง่ อ่นื ท่ี

ก.พ. กำหนด เปน็ ตำแหน่งประเภทอำนวยกำร

46. ตำแหนง่ ประเภทวชิ ำกำรของขำ้ รำชกำรพลเรือน ไดแ้ ก่ข้อใด

1. ตำแหน่งท่ีจำเปน็ ตอ้ งใช้ผู้สำเรจ็ กำรศึกษำระดับปริญญำตำมที่ ก.พ. กำหนดเพ่ือปฏิบัติงำนในหนำ้ ที่ของ

ตำแหนง่ นั้น

2. ตำแหน่งหวั หน้ำส่วนรำชกำรระดับกระทรวง กรม

3. ตำแหน่งประเภทบริหำรทุกตำแหน่ง

4. ถูกทุกข้อ

ตอบ 1. แนวคิด มำตรำ 45 (3) ตำแหน่งขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมญั มี 4 ประเภท ดงั ต่อไปนี้

(3) ตำแหน่งประเภทวิชำกำร ไดแ้ ก่ ตำแหน่งท่จี ำเป็นต้องใชผ้ ู้สำเรจ็ กำรศกึ ษำระดับปริญญำ

ตำมท่ี ก.พ. กำหนดเพ่ือปฏิบตั งิ ำนในหนำ้ ท่ีของตำแหนง่ น้ัน

47. ตำแหนง่ ประเภททว่ั ไปของข้ำรำชกำรพลเรือน ไดแ้ กข่ ้อใด

1. ตำแหนง่ ทไ่ี ม่ใชต่ ำแหน่งประเภทบรหิ ำร 2. ตำแหน่งทไ่ี ม่ใชต่ ำแหนง่ ประเภทอำนวยกำร

3. ตำแหน่งที่ไม่ใชต่ ำแหนง่ ประเภทวชิ ำกำร 4. ถูกทุกข้อ

ตอบ 4. แนวคิด มำตรำ 45 (4) ตำแหน่งขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญ มี 4 ประเภท ดงั ตอ่ ไปน้ี
(4) ตำแหน่งประเภททัว่ ไป ไดแ้ ก่ ตำแหนง่ ที่ไม่ใช่ตำแหนง่ ประเภทบริหำร ตำแหน่งประเภทอำนวยกำร และ
ตำแหน่งประเภทวิชำกำร ทงั้ น้ี ตำมท่ี ก.พ. กำหนด

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 96

------------------------------------------------------------------------------

48. ตำแหน่งประเภทบรหิ ำรของขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมญั มีกีร่ ะดบั

1. 2 ระดบั 2. 3 ระดบั 3. 4 ระดับ 4. 5 ระดบั

ตอบ 1. แนวคดิ มำตรำ 46 (1) ระดบั ตำแหน่งขำ้ รำชกำรพลเรอื นสำมัญ มดี งั ต่อไปน้ี

(1) ตำแหนง่ ประเภทบริหำร มีระดบั ดงั ต่อไปนี้

(ก) ระดับตน้ (ข) ระดับสงู

49. ตำแหน่งประเภทอำนวยกำร ของขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญ มีกรี่ ะดับ

1. 2 ระดบั 2. 3 ระดับ 3. 4 ระดบั 4. 5 ระดับ

ตอบ 1. แนวคดิ มำตรำ 46 (2) ระดบั ตำแหน่งข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญ มดี งั ต่อไปนี้

(2) ตำแหนง่ ประเภทอำนวยกำร มรี ะดับดังตอ่ ไปนี้

(ก) ระดบั ต้น (ข) ระดับสูง

50. ตำแหนง่ ประเภทวิชำกำรของข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญ มีกร่ี ะดบั

1. 2 ระดับ 2. 3 ระดบั 3. 4 ระดับ 4. 5 ระดบั

ตอบ 4. แนวคดิ มำตรำ 46 (3) ระดบั ตำแหนง่ ข้ำรำชกำรพลเรอื นสำมัญ มดี งั ต่อไปน้ี

(3) ตำแหนง่ ประเภทวชิ ำกำร มรี ะดับดังต่อไปน้ี

(ก) ระดับปฏบิ ัตกิ ำร (ข) ระดับชำนำญกำร (ค) ระดบั ชำนำญกำรพิเศษ (ง) ระดับเช่ียวชำญ

(จ) ระดับทรงคุณวฒุ ิ

51. ตำแหน่งประเภททว่ั ไปของข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญ มกี ี่ระดับ

1. 2 ระดบั 2. 3 ระดับ 3. 4 ระดับ 4. 5 ระดบั

ตอบ 3. แนวคิด มำตรำ 46 (4) ระดับตำแหน่งข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญ มีดงั ต่อไปนี้

(4) ตำแหนง่ ประเภทท่ัวไป มรี ะดับดังต่อไปนี้

(ก) ระดับปฏบิ ัติงำน (ข) ระดับชำนำญงำน (ค) ระดับอำวโุ ส (ง) ระดับทักษะพเิ ศษ

52. ตำแหนง่ ข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญจะมใี นสว่ นรำชกำรใด จำนวนเทำ่ ใด และเป็นตำแหน่งประเภทใด สำย

งำนใด ระดบั ใด ให้เปน็ ไปตำมทผ่ี ู้ใดกำหนด

1. อ.ก.พ. กระทรวง 2. ก.พ. 3. คณะรัฐมนตรี4. นำยกรฐั มนตรี

ตอบ 1. แนวคดิ มำตรำ 47 ตำแหนง่ ข้ำรำชกำรพลเรือนสำมญั จะมใี นสว่ นรำชกำรใด จำนวนเท่ำใด และเป็น

ตำแหนง่ ประเภทใด สำยงำนใด ระดบั ใด ให้เป็นไปตำมท่ี อ.ก.พ. กระทรวงกำหนด

53. จำกขอ้ 52. กำรกำหนดดังกล่ำวตอ้ งคำนึงถึงอะไรเปน็ หลกั สำคัญ

1. ประสิทธิภำพ ประสิทธผิ ล 2. ควำมไมซ่ ำ้ ซ้อน

3. ควำมประหยัด 4. ถูกทกุ ขอ้

ตอบ 4. แนวคิด มำตรำ 47 ตำแหนง่ ขำ้ รำชกำรพลเรอื นสำมญั จะมีในส่วนรำชกำรใด จำนวนเทำ่ ใด และเปน็
ตำแหนง่ ประเภทใด สำยงำนใด ระดบั ใด ใหเ้ ป็นไปตำมท่ี อ.ก.พ. กระทรวงกำหนด โดยต้องคำนึงถงึ ประสทิ ธิภำพ
ประสทิ ธิผล ควำมไมซ่ ้ำซ้อน และ ประหยัด เปน็ หลกั ท้งั น้ี ตำมหลกั เกณฑ์และเง่อื นไขท่ี ก.พ. กำหนด และต้อง
เปน็ ไปตำมมำตรฐำนกำหนดตำแหน่งตำมมำตรำ 48

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 97

------------------------------------------------------------------------------
54. ผใู้ ดเปน็ ผู้มหี นำ้ ที่ในกำรจดั ทำมำตรฐำนกำหนดตำแหน่งโดยจำแนกตำแหนง่ เปน็ ประเภทและสำยงำนตำม

ลักษณะงำน และจัดตำแหนง่ ในประเภทเดียวกันและสำยงำนเดยี วกนั ทีค่ ุณภำพของงำนเทำ่ กันโดยประมำณเป็น

ระดับเดียวกนั ทั้งน้ี โดยคำนึงถงึ ลกั ษณะหนำ้ ท่ีควำมรบั ผดิ ชอบและคุณภำพของงำน

1.อ.ก.พ. 2. ก.พ. 3. คณะรฐั มนตรี 4.อธบิ ดี กรมฯ

ตอบ 2. แนวคิด มำตรำ 48 วรรคแรก ให้ ก.พ. จัดทำมำตรฐำนกำหนดตำแหนง่ โดยจำแนกตำแหนง่ เป็น

ประเภทและสำยงำนตำมลักษณะงำน และจัดตำแหน่งในประเภทเดยี วกนั และสำยงำนเดียวกนั ทคี่ ุณภำพของงำน

เทำ่ กนั โดยประมำณเป็นระดับเดียวกัน ท้งั น้ี โดยคำนึงถึงลักษณะหน้ำทคี่ วำมรับผิดชอบและคุณภำพของงำน

55. ในมำตรฐำนกำหนดตำแหน่งใหร้ ะบสุ ่งิ ใดไว้เปน็ สำคญั

1. ชื่อตำแหน่งในสำยงำน 2. หนำ้ ทีค่ วำมรบั ผิดชอบ

3. คณุ สมบัติเฉพำะสำหรับตำแหนง่ 4. ถูกทกุ ขอ้

ตอบ 4. แนวคิด มำตรำ 48 วรรคสอง ในมำตรฐำนกำหนดตำแหนง่ ให้ระบุ ช่อื ตำแหนง่ ในสำยงำน หน้ำท่คี วำม

รบั ผดิ ชอบหลัก และคณุ สมบตั เิ ฉพำะสำหรับตำแหนง่ ไว้ดว้ ย

56. ผ้ใู ดมีอำนำจพิจำรณำปรับเงินเดือนข้นั ตำ่ ข้ันสงู หรอื เงินประจำตำแหน่งของข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญให้

เหมำะสมยงิ่ ขนึ้ ตำมควำมจำเปน็ ได้

1. ก.พ. 2. อ.ก.พ.กระทรวง 3. คณะรฐั มนตรี 4. นำยกรฐั มนตรี

ตอบ 3. แนวคิด มำตรำ 51 คณะรฐั มนตรี จะพิจำรณำปรับเงนิ เดือนขั้นตำ่ ข้ันสูงหรือเงนิ ประจำตำแหนง่ ของ

ขำ้ รำชกำรพลเรอื นสำมัญใหเ้ หมำะสมยิ่งขนึ้ ตำมควำมจำเป็นกไ็ ด้

57. จำกขอ้ 56. หำกเป็นกำรปรับเงินเดือนขั้นตำ่ ข้ันสงู หรือเงินประจำตำแหนง่ เพิม่ ไมเ่ กินร้อยละสบิ ของ

เงนิ เดือน หรือเงนิ ประจำตำแหน่งทใี่ ช้บงั คับอยู่ ให้กระทำไดโ้ ดยวิธกี ำรอยำ่ งไร

1. ออกเป็นระเบียบ หรือคำสั่ง 2. ตรำเป็นพระรำชกำหนด

3. ตรำเป็นพระรำชกฤษฎกี ำ 4. ตรำเป็นพระรำชบญั ญตั ิ

ตอบ 3. แนวคดิ มำตรำ 51 วรรคแรก คณะรัฐมนตรีจะพจิ ำรณำปรับเงินเดือนขั้นต่ำขัน้ สูงหรอื เงินประจำ

ตำแหนง่ ของขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมญั ให้เหมำะสมย่งิ ข้ึนตำมควำมจำเป็นกไ็ ด้ โดยหำกเป็นกำรปรบั เงินเดือนข้ันต่ำ

ข้ันสงู หรือเงินประจำตำแหนง่ เพมิ่ ไม่เกินร้อยละสบิ ของเงินเดือน หรือเงนิ ประจำตำแหนง่ ที่ใช้บงั คับอยู่ ให้กระทำ

ได้ โดยตรำเป็นพระรำชกฤษฎกี ำ และให้ถือว่ำเงินเดือนขนั้ ต่ำข้นั สูง และเงินประจำตำแหน่งท้ำยพระรำชกฤษฎีกำ

ดังกล่ำว เปน็ เงินเดือนขนั้ ตำ่ ข้ันสูง และเงินประจำตำแหน่งทำ้ ยพระรำชบัญญตั ิน้ี

58. เมอื่ มีกำรปรบั เงินเดือนหรือเงินประจำตำแหนง่ ตำมข้อ 57. กำรปรบั เงินเดือนหรือเงินประจำตำแหนง่ ของ

ข้ำรำชกำรพลเรอื นสำมัญทไ่ี ดร้ ับอยู่เดิมเข้ำสู่อัตรำในบัญชที ีไ่ ด้รบั กำรปรบั ใหม่ ใหเ้ ปน็ ไปตำมหลกั เกณฑแ์ ละ

วิธีกำรทผ่ี ูใ้ ดกำหนด

1. ก.พ. 2. อ.ก.พ.กระทรวง 3. คณะรัฐมนตรี 4. นำยกรฐั มนตรี

ตอบ 3. แนวคิด มำตรำ 51 วรรคสอง เม่ือมีกำรปรับเงินเดือนหรือเงินประจำตำแหน่งตำมวรรคหนงึ่

กำรปรับเงินเดือนหรือเงินประจำตำแหนง่ ของขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมญั ทีไ่ ด้รับอยูเ่ ดิมเขำ้ สู่อตั รำในบัญชีท่ีไดร้ บั

กำรปรบั ใหม่ ให้เป็นไปตำมหลกั เกณฑ์และวิธกี ำรที่ คณะรัฐมนตรีกำหนด

คู่มือสอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 98

------------------------------------------------------------------------------
59. กำรสรรหำเพื่อให้ไดบ้ คุ คลมำบรรจุเข้ำรบั รำชกำรเปน็ ขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญและแต่งตั้งใหด้ ำรงตำแหน่ง

ต้องเป็นไปตำมส่งิ ใดเป็นสำคัญ

1.ระบบคุณธรรม 2.คำนึงถึงพฤติกรรมทำงจรยิ ธรรมของบุคคลดงั กลำ่ ว

3.ประโยชนข์ องทำงรำชกำร 4. ถกู ทุกขอ้

ตอบ 4. แนวคดิ มำตรำ 52 กำรสรรหำเพ่ือให้ได้บุคคลมำบรรจเุ ขำ้ รับรำชกำรเปน็ ขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญและ

แต่งต้ังให้ดำรงตำแหน่ง ตอ้ งเป็นไปตำม ระบบคุณธรรมและ คำนงึ ถงึ พฤติกรรมทำงจริยธรรมของบุคคลดังกลำ่ ว

ตลอดจนประโยชนข์ องทำงรำชกำร ทงั้ นี้ ตำมท่ีกำหนดในหมวดนี้

60. กำรบรรจบุ ุคคลเข้ำรบั รำชกำรเป็นขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมญั เพอื่ แตง่ ต้ังให้ดำรงตำแหน่ง ให้บรรจแุ ละ

แต่งตัง้ บคุ คลน้ันจำกข้อใด

1. ผูส้ อบแขง่ ขันได้ในตำแหนง่ นัน้

2. ผทู้ ี่ได้รบั กำรคัดเลือกจำกหนว่ ยงำนน้ัน โดยไม่จำตอ้ งสอบแข่งขัน

3. ไมม่ ีขอ้ ใดถูก 4. ถกู ทง้ั ข้อ 1. และ 2.

ตอบ 1. แนวคิด มำตรำ 53 วรรคหนึง่ กำรบรรจบุ คุ คลเขำ้ รับรำชกำรเป็นขำ้ รำชกำรพลเรอื นสำมัญเพ่ือแต่งตัง้

ให้ดำรงตำแหน่งใด ให้บรรจแุ ละแตง่ ตั้งจำกผู้สอบแขง่ ขันได้ในตำแหนง่ นั้น โดยบรรจแุ ละแต่งตั้งตำมลำดบั ทใี่ น

บญั ชผี ูส้ อบแขง่ ขันได้

61. กำรสอบแขง่ ขัน กำรข้นึ บัญชีผ้สู อบแขง่ ขนั ได้ และรำยละเอียดเก่ียวกบั กำรสอบแขง่ ขันให้เป็นไปตำม

หลกั เกณฑ์ วิธีกำร และเงอ่ื นไขที่ผใู้ ดกำหนด

1. อ.ก.พ. กระทรวง 2. ก.พ. 3. คณะรัฐมนตรี 4. นำยกรฐั มนตรี

ตอบ 2. แนวคดิ มำตรำ 53 วรรคสอง กำรสอบแข่งขนั กำรข้นึ บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ และรำยละเอียดเกย่ี วกบั
กำรสอบแขง่ ขนั ให้เปน็ ไปตำมหลักเกณฑ์ วิธกี ำร และเงอ่ื นไขที่ ก.พ. กำหนด
62. ข้อใด กล่ำวถูกต้อง

1. ผู้สมคั รสอบแขง่ ขนั ในตำแหนง่ ใดต้องมีคณุ สมบตั ทิ ่ัวไป
2. ผู้สมัครสอบแขง่ ขนั ในตำแหนง่ ใดต้องไมม่ ีลกั ษณะต้องหำ้ ม
3. ผสู้ มัครสอบแข่งขนั ตอ้ งมีคุณสมบัติเฉพำะสำหรับตำแหน่งที่ก.พ.กำหนด
4. ถกู ทกุ ขอ้
ตอบ 4. แนวคดิ มำตรำ 54 ผูส้ มัครสอบแขง่ ขันในตำแหนง่ ใด ต้องมีคุณสมบัติทว่ั ไปและไม่มีลกั ษณะตอ้ งหำ้ ม
หรือไดร้ ับกำรยกเว้นในกรณีทมี่ ีลกั ษณะตอ้ งห้ำมตำมมำตรำ 36 และตอ้ งมคี ุณสมบัตเิ ฉพำะสำหรับตำแหน่งหรือ
ได้รบั อนมุ ัตจิ ำก ก.พ. ตำมมำตรำ 62 ด้วย
63. ผบู้ งั คบั บญั ชำซึ่งมีอำนำจสัง่ บรรจตุ ำมมำตรำ 57 มอี ำนำจคดั เลือกบรรจุบคุ คลเข้ำรบั รำชกำรและแตง่ ตงั้ ให้
ดำรงตำแหนง่ โดยไมต่ ้องดำเนนิ กำรสอบแขง่ ขันตำมมำตรำ 53 ไดห้ รือไม่
1. ไม่ได้ เพรำะกำรบรรจบุ คุ คลเข้ำรับรำชกำรต้องมกี ำรสอบแข่งขนั ทุกกรณี
2. ไม่ได้ เพรำะไม่มีกฎหมำยยกเว้นไว้
3. ได้ หำกมเี หตุผลในกรณีพิเศษ และตำมท่ี ก.พ.กำหนด

คู่มือสอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 99

------------------------------------------------------------------------------
4. ได้ เพรำะเป็นอำนำจดุลพินจิ ของผู้บังคบั บัญชำโดยเฉพำะ

ตอบ 3. แนวคิด มำตรำ 55 ในกรณีท่ี มเี หตุพิเศษ ผู้บังคบั บญั ชำซงึ่ มีอำนำจส่งั บรรจตุ ำมมำตรำ 57 อำจคดั เลอื ก

บรรจุบคุ คลเขำ้ รบั รำชกำรและแตง่ ตัง้ ใหด้ ำรงตำแหน่งโดยไม่ต้องดำเนินกำรสอบแขง่ ขันตำมมำตรำ 53 ก็ได้ ท้ังนี้

ตำมหลักเกณฑ์ วิธกี ำร และเง่อื นไขที่ ก.พ. กำหนด

64. กระทรวง หรอื กรม จะบรรจุบคุ คลทม่ี คี วำมรคู้ วำมสำมำรถ และควำมชำนำญงำนสงู เข้ำรบั รำชกำรและ

แต่งตั้งให้ดำรงตำแหนง่ ประเภทวิชำกำรระดบั ชำนำญกำร ชำนำญกำรพิเศษ เชีย่ วชำญ หรือทรงคุณวุฒิ หรอื

ตำแหนง่ ประเภททัว่ ไประดับทกั ษะพเิ ศษได้ ต่อเม่ือมีเหตุตำมขอ้ ใด

1. มีเหตุผลสมควร 2. มคี วำมจำเปน็ อยำ่ งย่ิง

3. มคี ำสง่ั ของผบู้ งั คับบญั ชำ 4. ถูกทง้ั ข้อ 1. และ 2.

ตอบ 4. แนวคิด มำตรำ 56 กระทรวงหรือกรมใด มีเหตผุ ล และ ควำมจำเป็นอย่ำงยิ่ง จะบรรจบุ ุคคลทีม่ ี

ควำมรคู้ วำมสำมำรถ และควำมชำนำญงำนสงู เขำ้ รับรำชกำรและแตง่ ตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทวชิ ำกำรระดับ

ชำนำญกำร ชำนำญกำรพิเศษ เชยี่ วชำญ หรือทรงคณุ วุฒิ หรือตำแหน่งประเภทท่ัวไประดบั ทกั ษะพเิ ศษกไ็ ด้ ทัง้ น้ี

ตำมหลักเกณฑ์ วิธีกำร และเงือ่ นไขที่ ก.พ. กำหนด

65. กำรบรรจแุ ละแตง่ ต้ังข้ำรำชกำรพลเรือน ให้ดำรงตำแหนง่ ประเภทบริหำรระดับสูงตำแหนง่ หัวหนำ้ ส่วน

รำชกำรระดบั กระทรวง หวั หนำ้ สว่ นรำชกำรระดับกรม ทอ่ี ยู่ในบงั คบั บัญชำหรือรับผิดชอบกำรปฏิบตั ิรำชกำรขึ้น

ตรงต่อนำยกรฐั มนตรีหรือต่อรัฐมนตรี แล้วแตก่ รณี ให้ปฏิบตั ิอย่ำงไรเป็นอันดบั แรก

1. ใหร้ ฐั มนตรีเจำ้ สงั กดั นำเสนอนำยกรฐั มนตรเี พื่อพิจำรณำอนุมัติ

2. ให้รฐั มนตรีเจำ้ สังกดั นำเสนอคณะรัฐมนตรเี พื่อพิจำรณำอนุมัติ

3. ใหร้ ฐั มนตรีเจำ้ สังกดั นำเสนอ ก.พ. เพือ่ พจิ ำรณำอนุมัติ

4. ให้รฐั มนตรีเจ้ำสังกดั นำเสนอ อ.ก.พ.กระทรวง เพ่ือพจิ ำรณำอนมุ ตั ิ

ตอบ 2. แนวคิด มำตรำ 57 (1) กำรบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบรหิ ำรระดบั สูงตำแหนง่ หวั หนำ้

ส่วนรำชกำรระดบั กระทรวง หัวหนำ้ ส่วนรำชกำรระดบั กรมท่อี ย่ใู นบงั คบั บญั ชำหรือรบั ผดิ ชอบกำรปฏิบัตริ ำชกำร

ขึน้ ตรงตอ่ นำยกรฐั มนตรีหรือต่อรัฐมนตรแี ลว้ แตก่ รณใี ห้รัฐมนตรีเจำ้ สงั กดั นำเสนอคณะรฐั มนตรีเพอ่ื พิจำรณำ

อนมุ ัติ

66. จำกข้อ 65. เมอ่ื พิจำรณำอนุมัติแลว้ ขน้ั ตอนตอ่ ไปต้องปฏิบัตอิ ย่ำงไร

1. ใหน้ ำยกรฐั มนตรีเปน็ ผสู้ ง่ั บรรจแุ ละนำควำมกรำบบังคมทลู เพื่อทรงพระกรณุ ำโปรดเกลำ้ ฯ แตง่ ตง้ั

2. ให้รัฐมนตรีเจำ้ สงั กดั เป็นผสู้ ั่งบรรจุและใหน้ ำยกรฐั มนตรีนำควำมกรำบบงั คมทูลเพ่ือทรงพระกรณุ ำโปรด

เกล้ำ ฯ แต่งตั้ง

3. ให้ ก.พ. เปน็ ผู้สงั่ บรรจุและใหน้ ำยกรัฐมนตรีนำควำมกรำบบงั คมทลู เพือ่ ทรงพระกรณุ ำโปรดเกลำ้ ฯ

แต่งตงั้

4. ให้ อ.ก.พ. เปน็ ผู้สง่ั บรรจุและให้นำยกรัฐมนตรีนำควำมกรำบบงั คมทลู เพ่ือทรงพระกรณุ ำโปรดเกลำ้ ฯ

แตง่ ต้ัง

ตอบ 2. แนวคดิ มำตรำ 57 (1) ตอนท้ำย เม่ือไดร้ บั อนุมัตจิ ำกคณะรัฐมนตรีแลว้ ให้รัฐมนตรีเจำ้ สังกดั เป็นผสู้ ่ัง

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 100

------------------------------------------------------------------------------
บรรจุ และใหน้ ำยกรฐั มนตรีนำควำมกรำบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรณุ ำโปรดเกลำ้ ฯ แต่งตัง้
67. กำรบรรจแุ ละแต่งตัง้ ขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญให้ดำรงตำแหนง่ ประเภทบริหำรระดับสูงตำแหน่งรองหัวหน้ำ
ส่วนรำชกำรระดับกระทรวง หัวหน้ำส่วนรำชกำรระดบั กรม รองหวั หน้ำส่วนรำชกำรระดบั กรมท่ีอยใู่ นบงั คับ
บัญชำหรือรับผิดชอบกำรปฏิบตั ริ ำชกำรขึ้นตรงต่อนำยกรัฐมนตรหี รอื ต่อรัฐมนตรี แล้วแตก่ รณี หรือตำแหนง่ อ่นื ที่
ก.พ. กำหนดเป็นตำแหนง่ ประเภทบริหำรระดบั สงู ใหป้ ฏิบตั อิ ยำ่ งไร

1.ใหป้ ลัดกระทรวงผบู้ งั คบั บัญชำ หรือหัวหน้ำสว่ นรำชกำรระดบั กรมที่อยูใ่ นบงั คับบัญชำหรือรับผิดชอบ
กำรปฏบิ ตั ริ ำชกำรขนึ้ ตรงต่อนำยกรฐั มนตรีหรือต่อรัฐมนตรี แลว้ แตก่ รณี เสนอรัฐมนตรเี จ้ำสงั กดั เพอ่ื นำเสนอ
คณะรัฐมนตรีพิจำรณำอนุมัติ

2.ให้ปลดั กระทรวงผูบ้ งั คบั บัญชำ หรือหัวหนำ้ สว่ นรำชกำรระดับกรมทอี่ ย่ใู นบงั คบั บัญชำหรือรบั ผิดชอบ
กำรปฏิบตั ิรำชกำรขึน้ ตรงต่อนำยกรฐั มนตรีหรือต่อรัฐมนตรี แล้วแต่กรณี เสนอรัฐมนตรีเจ้ำสงั กัดเพ่ือนำเสนอ
นำยกรัฐมนตรพี ิจำรณำอนมุ ัติ

3.ให้ อ.ก.พ. เสนอรัฐมนตรเี จ้ำสังกัดเพ่อื นำเสนอคณะรัฐมนตรพี ิจำรณำอนุมัติ
4.ให้ ก.พ. เสนอรัฐมนตรีเจำ้ สังกัดเพ่ือนำเสนอนำยกรัฐมนตรีพิจำรณำอนมุ ัติ
ตอบ 1. แนวคิด มำตรำ 57 (2) กำรบรรจแุ ละแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหำรระดับสูงตำแหน่งรอง
หัวหน้ำส่วนรำชกำรระดับกระทรวง หัวหน้ำส่วนรำชกำรระดับกรม รองหัวหน้ำสว่ นรำชกำรระดับกรมที่อยู่ใน
บงั คับบญั ชำหรอื รับผิดชอบกำรปฏิบัตริ ำชกำรข้ึนตรงต่อนำยกรัฐมนตรีหรือต่อรัฐมนตรแี ลว้ แตก่ รณี หรือตำแหน่ง
อนื่ ท่ี ก.พ. กำหนดเป็นตำแหนง่ ประเภทบริหำรระดบั สงู ให้ปลดั กระทรวงผู้บังคบั บัญชำ หรือหัวหน้ำส่วน
รำชกำรระดับกรมที่อยู่ในบงั คับบัญชำหรอื รับผิดชอบกำรปฏิบตั ริ ำชกำรข้ึนตรงต่อนำยกรฐั มนตรหี รือต่อรัฐมนตรี
แลว้ แตก่ รณี เสนอรัฐมนตรเี จำ้ สงั กัด เพอ่ื นำเสนอคณะรัฐมนตรพี ิจำรณำอนุมัติ
68. เมอ่ื พิจำรณำอนมุ ตั ิตำม ขอ้ 67. แล้ว ขนั้ ตอนต่อไปต้องปฏบิ ตั ิอยำ่ งไร
1. ใหป้ ลัดกระทรวงผบู้ งั คบั บัญชำ หรือหัวหน้ำสว่ นรำชกำรระดับกรมดงั กล่ำวเป็นผู้สั่งบรรจุ และให้
นำยกรฐั มนตรีนำควำมกรำบบังคมทลู เพ่อื ทรงพระกรุณำโปรดเกลำ้ ฯ แต่งตัง้
2. ใหร้ ัฐมนตรีเจำ้ สังกดั เป็นผู้ส่ังบรรจุและให้นำยกรัฐมนตรนี ำควำมกรำบบงั คมทูลเพื่อทรงพระกรุณำโปรด
เกลำ้ ฯ แต่งต้ัง
3. ให้ อ.ก.พ. กระทรวง เป็นผู้สัง่ บรรจแุ ละให้นำยกรฐั มนตรีนำควำมกรำบบงั คมทลู เพอ่ื ทรงพระกรณุ ำ
โปรดเกล้ำ ฯ แตง่ ต้งั

4. ให้ ก.พ. กระทรวง เป็นผู้ส่งั บรรจุ และใหน้ ำยกรัฐมนตรีนำควำมกรำบบังคมทูลเพ่ือทรงพระกรุณำ
โปรดเกลำ้ ฯ แต่งตง้ั
ตอบ 1. แนวคิด มำตรำ 57(2) ตอนทำ้ ย เมอื่ ได้รบั อนุมัตจิ ำกคณะรัฐมนตรแี ล้วให้ปลดั กระทรวงผบู้ ังคับบัญชำ
หรอื หวั หนำ้ สว่ นรำชกำรระดับกรมดงั กล่ำวเปน็ ผสู้ งั่ บรรจุ และให้นำยกรฐั มนตรีนำควำมกรำบบงั คมทูลเพอ่ื ทรง

พระกรุณำโปรดเกลำ้ ฯ แตง่ ตั้ง
69. กำรบรรจุและแต่งตัง้ ข้ำรำชกำรพลเรือนสำมญั ให้ดำรงตำแหนง่ ประเภทบริหำรระดับต้นให้ปฏิบัติอยำ่ งไร

1. ใหป้ ลดั กระทรวงผบู้ ังคับบญั ชำ หรือหัวหน้ำสว่ นรำชกำรระดบั กรมดังกลำ่ วเปน็ ผู้ส่ังบรรจุ และให้

คู่มือสอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 101

------------------------------------------------------------------------------
นำยกรัฐมนตรีนำควำมกรำบบงั คมทลู เพือ่ ทรงพระกรุณำโปรดเกลำ้ ฯ แตง่ ตง้ั

2. ใหร้ ฐั มนตรีเจ้ำสงั กดั เป็นผู้สั่งบรรจุและใหน้ ำยกรัฐมนตรีนำควำมกรำบบงั คมทลู เพ่ือทรงพระกรณุ ำโปรด
เกลำ้ ฯ แตง่ ตั้ง

3. ใหป้ ลัดกระทรวงผูบ้ งั คับบญั ชำ หรือหัวหนำ้ ส่วนรำชกำรระดบั กรมที่อยใู่ นบังคับบญั ชำหรือรับผิดชอบ
กำรปฏิบตั ิรำชกำรขึ้นตรงต่อนำยกรัฐมนตรีหรือต่อรัฐมนตรี แลว้ แตก่ รณี เป็นผู้มีอำนำจสงั่ บรรจแุ ละแตง่ ตัง้

4. ให้ ก.พ. กระทรวง เป็นผู้สั่งบรรจแุ ละแต่งตั้ง
ตอบ 3. แนวคดิ มำตรำ 57 (3) กำรบรรจแุ ละแต่งตง้ั ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหำรระดับตน้ ให้
ปลดั กระทรวงผ้บู ังคบั บัญชำ หรอื หวั หน้ำสว่ นรำชกำรระดบั กรมท่อี ย่ใู นบังคบั บัญชำหรือรบั ผิดชอบกำรปฏบิ ัติ
รำชกำรข้ึนตรงต่อนำยกรัฐมนตรีหรือต่อรัฐมนตรแี ล้วแต่กรณเี ปน็ ผูม้ ีอำนำจส่ังบรรจุและแตง่ ตง้ั
70. กำรบรรจแุ ละแตง่ ตั้งข้ำรำชกำรพลเรือนสำมญั ให้ดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยกำร ประเภทวิชำกำร ระดบั
ปฏิบตั กิ ำรชำนำญกำร ชำนำญกำรพิเศษ และเช่ยี วชำญ และประเภททัว่ ไปในสำนักงำนรัฐมนตรใี หป้ ฏบิ ตั อิ ย่ำงไร

1. ให้ปลัดกระทรวงผู้บงั คับบัญชำ หรือหัวหน้ำสว่ นรำชกำรระดบั กรมดังกลำ่ วเปน็ ผู้สงั่ บรรจุ และให้
นำยกรัฐมนตรีนำควำมกรำบบงั คมทลู เพือ่ ทรงพระกรุณำโปรดเกลำ้ ฯ แต่งต้ัง

2. ให้รฐั มนตรีเจ้ำสังกดั เป็นผสู้ ่งั บรรจุและให้นำยกรัฐมนตรีนำควำมกรำบบงั คมทลู เพื่อทรงพระกรณุ ำโปรด
เกลำ้ ฯ แต่งตั้ง

3. ใหป้ ลัดกระทรวงผ้บู งั คบั บัญชำ หรือหัวหนำ้ ส่วนรำชกำรระดับกรมท่ีอยู่ในบังคับบญั ชำหรือรบั ผิดชอบ
กำรปฏิบัติรำชกำรข้นึ ตรงต่อนำยกรัฐมนตรีหรือต่อรัฐมนตรี แล้วแต่กรณี เป็นผมู้ ีอำนำจสง่ั บรรจุและแตง่ ตงั้

4. ใหร้ ฐั มนตรีเจำ้ สงั กัดเป็นผมู้ อี ำนำจสงั่ บรรจุและแตง่ ตั้ง
ตอบ 4. แนวคิด มำตรำ 57 (4) กำรบรรจแุ ละแตง่ ต้ังให้ดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยกำร ประเภทวิชำกำร ระดบั
ปฏิบตั ิกำรชำนำญกำร ชำนำญกำรพเิ ศษ และเชยี่ วชำญ และประเภททัว่ ไปในสำนักงำนรัฐมนตรใี หร้ ัฐมนตรีเจำ้
สังกัดเปน็ ผู้มีอำนำจส่งั บรรจุและแตง่ ต้งั
71. กำรบรรจุและแตง่ ตงั้ ข้ำรำชกำรพลเรือนสำมญั ให้ดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยกำรระดบั สงู ใหป้ ฏบิ ตั ิ
อยำ่ งไร

1. ให้ปลัดกระทรวงผบู้ ังคับบัญชำหรือหัวหน้ำส่วนรำชกำรระดบั กรมดังกลำ่ วเปน็ ผสู้ ัง่ บรรจแุ ละให้
นำยกรฐั มนตรีนำควำมกรำบบังคมทลู เพ่อื ทรงพระกรุณำโปรดเกลำ้ ฯ แตง่ ตง้ั

2. ใหร้ ฐั มนตรีเจำ้ สังกัดเป็นผู้ส่งั บรรจุและใหน้ ำยกรฐั มนตรีนำควำมกรำบบังคมทลู เพ่ือทรงพระกรุณำโปรด
เกลำ้ ฯ แต่งต้งั

3. ใหป้ ลดั กระทรวง ผูบ้ ังคับบญั ชำ หรือหัวหนำ้ ส่วนรำชกำรระดบั กรมท่ีอยูใ่ นบังคบั บัญชำหรือรับผดิ ชอบ
กำรปฏบิ ัติรำชกำรข้นึ ตรงต่อนำยกรฐั มนตรีหรือต่อรัฐมนตรแี ล้วแต่กรณีเปน็ ผูม้ ีอำนำจส่งั บรรจุและแตง่ ตัง้

4. ใหร้ ฐั มนตรีเจ้ำสังกดั เป็นผู้มอี ำนำจสั่งบรรจุและแตง่ ต้ัง

ตอบ 3. แนวคดิ มำตรำ 57 (5) กำรบรรจแุ ละแต่งตั้งให้ดำรงตำแหนง่ ประเภทอำนวยกำรระดบั สูงให้
ปลัดกระทรวงผู้บงั คบั บัญชำ หรือหัวหนำ้ สว่ นรำชกำรระดับกรมท่อี ยู่ในบังคับบญั ชำหรือรบั ผิดชอบกำรปฏบิ ัติ
รำชกำรขึ้นตรงตอ่ นำยกรฐั มนตรีหรือต่อรัฐมนตรีแลว้ แต่กรณี เป็นผูม้ ีอำนำจสงั่ บรรจุและแต่งต้ัง

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 102

------------------------------------------------------------------------------
72. กำรบรรจแุ ละแต่งต้งั ขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยกำรระดับต้นให้ปฏิบตั ิ
อย่ำงไร

1. ใหป้ ลัดกระทรวงผู้บงั คับบญั ชำ หรอื หัวหนำ้ ส่วนรำชกำรระดับกรมดงั กล่ำวเปน็ ผู้สงั่ บรรจุ และให้
นำยกรฐั มนตรีนำควำมกรำบบงั คมทลู เพื่อทรงพระกรณุ ำโปรดเกลำ้ ฯ แต่งต้ัง

2. ให้อธบิ ดีผู้บงั คับบัญชำเป็นผ้มู อี ำนำจสง่ั บรรจุและแตง่ ตงั้ เมอ่ื ได้รบั ควำมเหน็ ชอบจำกปลัดกระทรวง
3. ให้ปลดั กระทรวงผู้บังคบั บัญชำหรือหัวหน้ำสว่ นรำชกำรระดบั กรมทอ่ี ยใู่ นบงั คบั บัญชำหรือรับผิดชอบ
กำรปฏิบัตริ ำชกำรขน้ึ ตรงต่อนำยกรฐั มนตรีหรือต่อรัฐมนตรีแลว้ แตก่ รณเี ปน็ ผูม้ ีอำนำจส่ังบรรจแุ ละแตง่ ตัง้
4. ให้รัฐมนตรีเจ้ำสงั กัดเป็นผ้มู ีอำนำจสงั่ บรรจุและแตง่ ตั้ง

ตอบ 2. แนวคดิ มำตรำ 57 (6) กำรบรรจุและแตง่ ตง้ั ให้ดำรงตำแหนง่ ประเภทอำนวยกำรระดบั ตน้ ให้อธบิ ดี
ผบู้ งั คับบญั ชำ เป็นผมู้ ีอำนำจส่ังบรรจุและแต่งตัง้ เมื่อได้รับควำมเหน็ ชอบจำกปลัดกระทรวง
73. จำกขอ้ 72. หำกเปน็ กรณีกำรบรรจแุ ละแตง่ ตง้ั ให้ดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยกำรระดบั ตน้ ในส่วนรำชกำร
ระดบั กรมทหี่ ัวหน้ำส่วนรำชกำรอยใู่ นบงั คบั บัญชำหรือรับผดิ ชอบกำรปฏิบัติรำชกำรขนึ้ ตรงตอ่ นำยกรัฐมนตรี หรือ
ต่อรัฐมนตรี แลว้ แต่กรณี จะต้องปฏบิ ตั ิอยำ่ งไร

1. ให้ปลดั กระทรวงผู้บังคับบัญชำหรือหัวหนำ้ สว่ นรำชกำรระดบั กรมดังกลำ่ วเป็นผูส้ งั่ บรรจุ และให้
นำยกรัฐมนตรีนำควำมกรำบบงั คมทูลเพ่อื ทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำ ฯ แตง่ ตัง้

2. ใหอ้ ธิบดผี ู้บังคบั บญั ชำเป็นผมู้ อี ำนำจส่งั บรรจุและแตง่ ต้ังเมอ่ื ได้รบั ควำมเหน็ ชอบจำกปลัดกระทรวง
3. ใหป้ ลดั กระทรวงผู้บงั คบั บญั ชำหรือหัวหน้ำส่วนรำชกำรระดับกรมทีอ่ ยใู่ นบังคับบัญชำหรือรับผดิ ชอบ
กำรปฏิบัตริ ำชกำรขึ้นตรงต่อนำยกรัฐมนตรีหรือต่อรัฐมนตรีแลว้ แต่กรณเี ปน็ ผมู้ ีอำนำจสัง่ บรรจุและแตง่ ต้ัง
4. ให้อธิบดผี ู้บังคบั บัญชำเป็นผู้มอี ำนำจสั่งบรรจุและแตง่ ตงั้
ตอบ 4. แนวคดิ มำตรำ 57 (6) ตอนทำ้ ย สว่ นกำรบรรจุและแตง่ ตง้ั ให้ดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยกำร
ระดับต้นในสว่ นรำชกำรระดับกร ท่ีหวั หน้ำสว่ นรำชกำรอยูใ่ นบังคับบญั ชำหรือรบั ผดิ ชอบกำรปฏบิ ตั ิรำชกำรขึ้น
ตรงต่อนำยกรฐั มนตรี หรือต่อรัฐมนตรี แล้วแตก่ รณี ให้อธบิ ดผี ู้บงั คบั บญั ชำเป็นผ้มู อี ำนำจสง่ั บรรจุและแตง่ ตั้ง
74. กำรบรรจุและแตง่ ตั้งขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมญั ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวชิ ำกำรระดับทรงคณุ วุฒิให้ปฏบิ ัติ
อย่ำงไร
1. ใหป้ ลดั กระทรวงผบู้ ังคับบญั ชำหรือหัวหน้ำสว่ นรำชกำรระดับกรมดงั กล่ำวเปน็ ผสู้ ่งั บรรจุและให้
นำยกรัฐมนตรีนำควำมกรำบบังคมทลู เพอ่ื ทรงพระกรุณำโปรดเกลำ้ ฯแต่งตัง้
2. ให้รฐั มนตรีเจ้ำสังกดั นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพ่อื พิจำรณำอนมุ ตั ิเม่อื ได้รบั อนุมตั ิจำกคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้
รฐั มนตรีเจำ้ สังกดั เป็นผู้สง่ั บรรจุและให้นำยกรัฐมนตรีนำควำมกรำบบงั คมทลู เพือ่ ทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำ ฯ
แตง่ ตัง้
3. ให้ปลดั กระทรวงผู้บงั คบั บัญชำหรือหัวหน้ำสว่ นรำชกำรระดบั กรมที่อย่ใู นบงั คบั บัญชำหรือรับผดิ ชอบ

กำรปฏบิ ัตริ ำชกำรขึ้นตรงต่อนำยกรฐั มนตรีหรือต่อรัฐมนตรแี ล้วแตก่ รณเี ป็นผมู้ ีอำนำจส่งั บรรจแุ ละแตง่ ตงั้
4. ให้อธิบดผี ู้บงั คบั บญั ชำ เป็นผมู้ อี ำนำจสั่งบรรจุและแต่งต้งั

ตอบ 2. แนวคดิ มำตรำ 57(7) กำรบรรจุและแตง่ ต้ังให้ดำรงตำแหนง่ ประเภทวชิ ำกำรระดบั ทรงคุณวุฒิ ให้

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 103

------------------------------------------------------------------------------
รัฐมนตรีเจ้ำสังกัดนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพือ่ พจิ ำรณำอนุมตั ิ เมอ่ื ได้รบั อนมุ ัติจำกคณะรัฐมนตรีแล้วใหร้ ัฐมนตรเี จำ้
สังกัดเป็นผ้สู ่ังบรรจุ และให้นำยกรฐั มนตรีนำควำมกรำบบังคมทลู เพ่อื ทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำฯแตง่ ตง้ั
75. กำรบรรจแุ ละแต่งตัง้ ข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญให้ดำรงตำแหนง่ ประเภทวชิ ำกำรระดบั เชี่ยวชำญให้ปฏิบัติ
อยำ่ งไร

1. ใหป้ ลดั กระทรวงผู้บังคับบญั ชำ หรอื หัวหนำ้ ส่วนรำชกำรระดบั กรมดงั กลำ่ วเปน็ ผสู้ ง่ั บรรจุและให้
นำยกรฐั มนตรีนำควำมกรำบบงั คมทูลเพื่อทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำ ฯ แตง่ ตัง้

2. ใหร้ ฐั มนตรีเจำ้ สังกัดนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพ่อื พิจำรณำอนุมัติ เม่อื ได้รับอนมุ ัติจำกคณะรัฐมนตรีแลว้
ให้รฐั มนตรีเจำ้ สังกดั เป็นผู้ส่ังบรรจุและใหน้ ำยกรฐั มนตรีนำควำมกรำบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณำโปรดเกลำ้ ฯ
แตง่ ต้งั

3. ให้ปลัดกระทรวงหรือหัวหน้ำส่วนรำชกำรระดับกรมที่อย่ใู นบังคบั บญั ชำหรอื รบั ผิดชอบกำรปฏบิ ตั ิ
รำชกำรข้ึนตรงตอ่ นำยกรัฐมนตรีหรือต่อรัฐมนตรีแลว้ แต่กรณเี ปน็ ผูม้ ีอำนำจสัง่ บรรจุและแตง่ ต้งั

4. ให้อธบิ ดผี ู้บงั คับบญั ชำเป็นผู้มอี ำนำจสง่ั บรรจุและแต่งตงั้

ตอบ 3. แนวคิด มำตรำ 57(8) กำรบรรจุและแต่งตัง้ ใหด้ ำรงตำแหน่งประเภทวิชำกำรระดับเช่ียวชำญ ให้
ปลดั กระทรวงหรอื หัวหน้ำส่วนรำชกำรระดบั กรมที่อยู่ในบังคับบญั ชำหรอื รับผดิ ชอบกำรปฏิบัติรำชกำรขน้ึ ตรงต่อ
นำยกรฐั มนตรีหรือต่อรัฐมนตรแี ล้วแตก่ รณี เป็นผู้มีอำนำจสั่งบรรจแุ ละแตง่ ต้ัง
76. กำรบรรจแุ ละแตง่ ตง้ั ข้ำรำชกำรพลเรือนให้ดำรงตำแหนง่ ประเภทวิชำกำรระดับชำนำญกำรพเิ ศษและ
ตำแหนง่ ประเภททั่วไประดบั ทักษะพเิ ศษ ใหป้ ฏิบตั อิ ย่ำงไร

1. ใหป้ ลดั กระทรวงผบู้ งั คับบัญชำหรือหัวหนำ้ ส่วนรำชกำรระดบั กรมดงั กล่ำวเปน็ ผสู้ งั่ บรรจแุ ละให้
นำยกรฐั มนตรีนำควำมกรำบบงั คมทูลเพื่อทรงพระกรุณำโปรดเกลำ้ ฯ แต่งตั้ง

2. ให้อธบิ ดีผู้บงั คับบญั ชำ เป็นผูม้ ีอำนำจสงั่ บรรจุและแตง่ ต้ังเมอ่ื ไดร้ ับควำมเหน็ ชอบจำกปลัดกระทรวง
3. ใหป้ ลดั กระทรวง ผบู้ งั คับบัญชำหรือหัวหน้ำสว่ นรำชกำรระดับกรมที่อยใู่ นบังคบั บัญชำหรือรับผิดชอบ
กำรปฏิบตั ริ ำชกำรข้นึ ตรงต่อนำยกรฐั มนตรีหรือต่อรัฐมนตรี แลว้ แต่กรณี เป็นผู้มีอำนำจส่ังบรรจุและแตง่ ต้ัง
4. ใหร้ ฐั มนตรีเจ้ำสังกัดเป็นผู้มีอำนำจสงั่ บรรจุและแต่งต้ัง

ตอบ 2. แนวคิด มำตรำ 57 (9) กำรบรรจุและแตง่ ตั้งให้ดำรงตำแหนง่ ประเภทวชิ ำกำรระดบั ชำนำญกำรพเิ ศษ และ
ตำแหนง่ ประเภททว่ั ไประดบั ทกั ษะพเิ ศษให้อธิบดผี ูบ้ งั คับบัญชำเป็นผมู้ ีอำนำจสั่งบรรจุและแต่งต้ัง เมื่อได้รับควำม
เหน็ ชอบจำกปลัดกระทรวง
77. จำกข้อ 76. หำกเป็นกำรบรรจุและแตง่ ตง้ั ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชำกำรระดบั ชำนำญกำรพิเศษ และ
ตำแหน่งประเภททั่วไประดบั ทกั ษะพเิ ศษในส่วนรำชกำรระดบั กรมทหี่ ัวหน้ำสว่ นรำชกำรอย่ใู นบงั คบั บัญชำหรอื
รับผดิ ชอบกำรปฏิบตั ิรำชกำรขึน้ ตรงต่อนำยกรฐั มนตรีหรือต่อรัฐมนตรีแลว้ แต่กรณีให้ปฏบิ ตั อิ ย่ำงไร

1. ใหป้ ลดั กระทรวงผู้บงั คบั บญั ชำ หรือหัวหน้ำส่วนรำชกำรระดับกรมดงั กล่ำวเป็นผู้สั่งบรรจุ และให้

นำยกรฐั มนตรีนำควำมกรำบบังคมทลู เพ่อื ทรงพระกรณุ ำโปรดเกลำ้ ฯ แตง่ ตงั้
2. ให้อธิบดผี ูบ้ งั คับบัญชำ เป็นผมู้ อี ำนำจสั่งบรรจุและแต่งต้ังเมอ่ื ได้รบั ควำมเห็นชอบจำกปลัดกระทรวง
3. ใหป้ ลัดกระทรวงผู้บงั คบั บัญชำหรือหัวหนำ้ สว่ นรำชกำรระดบั กรมที่อยูใ่ นบังคบั บัญชำหรือ

คู่มือสอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 104

------------------------------------------------------------------------------
รับผดิ ชอบกำรปฏบิ ตั ิรำชกำรขน้ึ ตรงต่อนำยกรฐั มนตรีหรือต่อรัฐมนตรีแล้วแตก่ รณีเป็นผมู้ ีอำนำจสัง่ บรรจุ
และแตง่ ตง้ั

4. ใหอ้ ธิบดผี บู้ ังคบั บญั ชำ เป็นผูม้ ีอำนำจส่ังบรรจุและแต่งตงั้
ตอบ 4. แนวคิด มำตรำ 57(9) ตอนทำ้ ย สว่ นกำรบรรจแุ ละแตง่ ตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชำกำรระดบั
ชำนำญกำรพิเศษ และตำแหนง่ ประเภทท่วั ไประดบั ทกั ษะพเิ ศษ ในส่วนรำชกำรระดบั กรมทห่ี ัวหนำ้ สว่ นรำชกำรอยู่
ในบังคับบญั ชำหรือรบั ผิดชอบกำรปฏิบตั ริ ำชกำรขึ้นตรงต่อนำยกรฐั มนตรีหรือต่อรัฐมนตรีแล้วแต่กรณใี หอ้ ธิบดี
ผบู้ งั คับบัญชำ เป็นผูม้ อี ำนำจสั่งบรรจุและแต่งตง้ั
78. กำรบรรจแุ ละแตง่ ตัง้ ข้ำรำชกำรพลเรือนให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชำกำร ระดบั ปฏิบัตกิ ำรชำนำญกำร
ตำแหนง่ ประเภทท่ัวไประดับปฏิบัตงิ ำน ชำนำญงำน และอำวโุ ส ให้ปฏิบัตอิ ย่ำงไร

1. ให้อธิบดีผูบ้ ังคับบญั ชำ เป็นผู้มีอำนำจส่งั บรรจุและแต่งต้งั เมอื่ ไดร้ บั ควำมเห็นชอบจำกปลดั กระทรวง
2. ให้ปลดั กระทรวง ผบู้ ังคบั บัญชำ หรือหัวหน้ำส่วนรำชกำรระดับกรมท่ีอยใู่ นบงั คบั บญั ชำหรือ
รับผดิ ชอบกำรปฏบิ ตั ิรำชกำรขึน้ ตรงต่อนำยกรฐั มนตรหี รือต่อรัฐมนตรแี ล้วแตก่ รณีเป็นผมู้ อี ำนำจสั่งบรรจแุ ละ
แตง่ ตัง้
3. ให้นำยกรฐั มนตรี เปน็ ผ้มู ีอำนำจสงั่ บรรจุและแตง่ ตง้ั
4. ให้อธบิ ดีผู้บงั คับบัญชำหรือผู้ซงึ่ ได้รับมอบหมำยจำกอธิบดผี บู้ ังคับบญั ชำเป็นผ้มู ีอำนำจสัง่ บรรจแุ ละ
แตง่ ตั้ง
ตอบ 4. แนวคิด มำตรำ 57 (10) กำรบรรจุและแต่งตงั้ ให้ดำรงตำแหนง่ ประเภทวชิ ำกำร ระดับปฏบิ ตั ิกำร ชำนำญ
กำรตำแหน่งประเภททวั่ ไประดบั ปฏบิ ตั งิ ำน ชำนำญงำน และอำวโุ ส ใหอ้ ธบิ ดผี ้บู งั คบั บัญชำ หรือผูซ้ ่งึ ได้รบั
มอบหมำยจำกอธบิ ดผี บู้ งั คบั บญั ชำ เป็นผู้มีอำนำจสง่ั บรรจุและแต่งตง้ั
79. กำรบรรจุและแตง่ ตง้ั ตำมมำตรำ 53 และกำรย้ำยตำมมำตรำ 63 ใหด้ ำรงตำแหนง่ ตำม 57(9) (ตำแหนง่
ประเภทวิชำกำรระดบั ชำนำญกำรพิเศษ ) ซ่ึงไมใ่ ชต่ ำแหนง่ ประเภทท่วั ไประดับทักษะพเิ ศษ และตำแหนง่ ตำม 57
(10) (ตำแหน่งประเภทวิชำกำร ระดบั ปฏบิ ตั กิ ำร ชำนำญกำรตำแหนง่ ประเภทท่วั ไประดับปฏบิ ตั งิ ำน ชำนำญงำน
และอำวโุ ส) ในรำชกำรบริหำรส่วนภูมภิ ำค ให้ปฏบิ ตั ิอย่ำงไร
1. ใหอ้ ธิบดีผูบ้ งั คับบญั ชำ เป็นผ้มู ีอำนำจสงั่ บรรจแุ ละแต่งตัง้ เมื่อได้รับควำมเหน็ ชอบจำกปลดั กระทรวง
2. ให้ผวู้ ำ่ รำชกำรจังหวัดผบู้ ังคบั บญั ชำ เป็นผู้มอี ำนำจสง่ั บรรจแุ ละแต่งต้งั
3. ให้นำยกรฐั มนตรี เป็นผมู้ ีอำนำจสง่ั บรรจุและแต่งต้ัง
4. ใหอ้ ธบิ ดผี ู้บังคับบญั ชำ หรือผู้ซ่งึ ได้รับมอบหมำยจำกอธบิ ดีผบู้ ังคบั บญั ชำ เป็นผมู้ ีอำนำจสงั่ บรรจุและ
แต่งตง้ั

ตอบ 2. แนวคดิ มำตรำ 57(11) กำรบรรจุและแตง่ ตง้ั ตำมมำตรำ 53 และกำรยำ้ ยตำมมำตรำ 63 ให้ดำรงตำแหน่ง
ตำม (9) ซึ่งไม่ใช่ตำแหนง่ ประเภททั่วไประดับทกั ษะพิเศษ และตำแหน่งตำม (10) ในรำชกำรบริหำรสว่ นภูมิภำค
ให้ผู้ว่ำรำชกำรจงั หวัดผู้บังคับบญั ชำ เปน็ ผู้มีอำนำจสง่ั บรรจแุ ละแต่งตั้ง
80. ในกำรเสนอเพอ่ื แต่งตงั้ ข้ำรำชกำรพลเรือนสำมญั ให้ดำรงตำแหนง่ จะต้องทำรำยงำนสงิ่ ใด ตำมหลักเกณฑ์
และวธิ กี ำรที่ ก.พ. กำหนดไปด้วย

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 105

------------------------------------------------------------------------------

1. เงินเดือนและค่ำตอบแทนตำ่ งๆ 2. ควำมสมควรพร้อมท้งั เหตุผล

3. ประวตั ิอย่ำงละเอยี ดของข้ำรำชกำรฯ ผู้เขำ้ รบั ตำแหน่ง

4. ถกู ทุกขอ้

ตอบ 2. แนวคดิ มำตรำ 57 วรรคท้ำย ในกำรเสนอเพื่อแตง่ ตั้งข้ำรำชกำรพลเรอื นสำมัญให้ดำรงตำแหนง่ ให้

รำยงำนควำมสมควรพร้อมทั้งเหตุผล ตำมหลักเกณฑ์และวิธีกำรที่ ก.พ. กำหนดไปดว้ ย

81. ข้ำรำชกำรพลเรอื นสำมัญผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหำรจะตอ้ งปฏิบัติหนำ้ ที่เดยี วตดิ ต่อกนั เปน็ เวลำครบก่ปี ี

ผู้บังคบั บัญชำจงึ จะมีอำนำจสั่งบรรจุตำมมำตรำ 57 เพื่อดำเนนิ กำรให้มกี ำรสบั เปลี่ยนหนำ้ ท่ี ย้ำย หรือโอนไป

ปฏิบตั หิ น้ำทอ่ี ่ืนได้

1. 3 ปี 2. 4 ปี 3. 5 ปี 4. 6 ปี

ตอบ 2 แนวคิด มำตรำ 58 ขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญผดู้ ำรงตำแหน่งประเภทบริหำรผูใ้ ดปฏิบัติหนำ้ ทเี่ ดียว

ตดิ ต่อกนั เป็นเวลำ ครบสี่ปี ให้ผบู้ งั คบั บญั ชำซึ่งมอี ำนำจสงั่ บรรจุตำมมำตรำ 57 ดำเนินกำรให้มกี ำรสบั เปลีย่ น

หน้ำท่ี ยำ้ ย หรือโอนไปปฏิบัติหน้ำที่อืน่

82. จำกข้อ 81. หำกมีควำมจำเป็นเพ่ือประโยชนข์ องทำงรำชกำร ผบู้ งั คบั บญั ชำจะขออนุมัติคณะรัฐมนตรใี ห้คง

อยูป่ ฏิบัตหิ น้ำท่เี ดมิ ต่อไป เป็นเวลำไม่เกินกปี่ ีก็ได้

1. 2 ปี 2. 3 ปี 3. 4 ปี 4. 5 ปี

ตอบ 1. แนวคิด มำตรำ 58 ตอนท้ำย เวน้ แตม่ ีควำมจำเปน็ เพ่อื ประโยชนข์ องทำงรำชกำรจะขออนมุ ตั ิ

คณะรัฐมนตรใี ห้คงอย่ปู ฏิบัติหนำ้ ท่ีเดมิ ตอ่ ไปเป็นเวลำ ไม่เกินสองปี ก็ได้ ทงั้ นี้ ตำมหลกั เกณฑแ์ ละวิธีกำรท่ี ก.พ.

กำหนด

83. จำกขอ้ 81. และ 82. ระยะเวลำดังกลำ่ ว ไมใ่ ช้บังคบั แก่งำนตำแหนง่ ใด

1. ตำแหนง่ บริหำรระดับสูง 2. ตำแหนง่ นักวชิ ำกำรทรงคุณวฒุ ิ

3. ตำแหน่งประเภททว่ั ไป 4. ตำแหน่งทมี่ ีลกั ษณะงำนเฉพำะอย่ำง

ตอบ 4. แนวคิด มำตรำ 58 วรรคท้ำย ควำมในวรรคหนึ่งไมใ่ ห้ใช้บงั คบั แกผ่ ู้ดำรงตำแหน่งที่ ก.พ. กำหนดวำ่ เปน็
ตำแหนง่ ทมี่ ลี ักษณะงำนเฉพำะอย่ำง
84. ผไู้ ดร้ ับบรรจุและแตง่ ต้ังตำมมำตรำ 53 วรรคหน่ึง หรือมำตรำ 55 แล้วสง่ิ ตอ่ ไปที่จะต้องปฏบิ ตั ิ คือขอ้ ใด

1. ใหท้ ดลองปฏบิ ตั ิหนำ้ ที่รำชกำร
2. ให้ไดร้ บั กำรพัฒนำเพ่ือใหร้ ู้ระเบยี บแบบแผนของทำงรำชกำร
3. ใหไ้ ด้รับกำรพัฒนำเพื่อให้รู้ระเบยี บกำรเปน็ ข้ำรำชกำรท่ีดี
4. ถูกทุกข้อ
ตอบ 4. แนวคดิ มำตรำ 59 วรรคแรก ผ้ไู ดร้ บั บรรจแุ ละแต่งต้งั ตำมมำตรำ 53 วรรคหนง่ึ หรือ มำตรำ 55 ให้
ทดลองปฏบิ ตั ิหน้ำท่ีรำชกำรและให้ได้รบั กำรพัฒนำเพอ่ื ใหร้ รู้ ะเบยี บแบบแผนของทำงรำชกำรและเปน็ ขำ้ รำชกำรที่
ดี ตำมทก่ี ำหนดในกฎ ก.พ.
85. ถ้ำผู้ทดลองปฏิบตั หิ น้ำท่ีรำชกำร ผู้ใดมผี ลกำรประเมินทดลองปฏบิ ตั หิ นำ้ ท่ีรำชกำรตำมทีก่ ำหนดในกฎ
ก.พ. ไม่ต่ำกวำ่ มำตรฐำนทกี่ ำหนด ใหผ้ บู้ งั คบั บัญชำมอี ำนำจส่ังอยำ่ งไร

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 106

------------------------------------------------------------------------------
1. ให้ปฏบิ ตั งิ ำนต่อไปอกี ขัน้ หน่ึงก่อนจะสั่งบรรจุ
2. สง่ั ใหผ้ ้นู น้ั รับรำชกำรต่อไป
3. สั่งบรรจุ แตย่ งั ไม่ใหร้ ับรำชกำรจนกว่ำจะปฏิบตั ิตำมเงื่อนไขของผบู้ ังคับบัญชำในหน่วยงำนนั้นก่อน
4. ถูกทุกข้อ

ตอบ 2. แนวคิด มำตรำ 59 วรรคสอง ผทู้ ดลองปฏบิ ัติหนำ้ ท่รี ำชกำรตำมวรรคหนง่ึ ผู้ใด มผี ลกำรประเมนิ ทดลอง
ปฏิบัติหน้ำท่ีรำชกำรตำมที่กำหนดในกฎ ก.พ. ไม่ต่ำกวำ่ มำตรฐำนทกี่ ำหนด ให้ผบู้ งั คับบญั ชำซึ่งมอี ำนำจสงั่ บรรจุ
ตำมมำตรำ 57 สง่ั ให้ผนู้ นั้ รับรำชกำรต่อไป
86. ถำ้ ผทู้ ดลองปฏบิ ัติหนำ้ ที่รำชกำร ผ้นู ัน้ มผี ลกำรประเมินทดลองปฏบิ ัตหิ น้ำท่ีรำชกำรตำ่ กว่ำมำตรฐำนท่ี
กำหนด ใหผ้ ู้บังคบั บัญชำมีอำนำจสงั่ อยำ่ งไร

1. ให้ปฏบิ ัตงิ ำนต่อไปอกี ข้ันหนึง่ เพือ่ ดำเนินกำรแกไ้ ขข้อท่ผี ิดพลำด ก่อนจะสั่งบรรจุ
2. ส่ังบรรจุ และให้ผนู้ น้ั รับรำชกำร โดยกำหนดขอ้ ผดิ พลำดเพอื่ ปรบั ปรงุ ต่อไป
3. สั่งให้ผนู้ ัน้ ออกจำกรำชกำรไดไ้ ม่ว่ำจะครบกำหนดเวลำทดลองปฏบิ ตั หิ นำ้ ท่ีรำชกำรแลว้ หรือไมก่ ต็ ำม
4. เปน็ อำนำจของผบู้ งั คบั บัญชำโดยแท้ ทจ่ี ะส่ังอยำ่ งไรก็ได้

ตอบ 3. แนวคดิ มำตรำ 59 วรรคสอง ตอนทำ้ ย ถ้ำผู้นัน้ มผี ลกำรประเมินทดลองปฏิบตั หิ น้ำที่รำชกำร ตำ่ กวำ่

มำตรฐำนทกี่ ำหนด ก็ให้ส่ังให้ผู้นนั้ ออกจำกรำชกำรได้ไม่วำ่ จะครบกำหนดเวลำทดลองปฏิบตั ิหนำ้ ที่รำชกำรแลว้

หรือไมก่ ็ตำม

87. ขอ้ ใดกลำ่ วผดิ

1. กำรแตง่ ตง้ั ขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญให้ดำรงตำแหน่งในสำยงำนทไ่ี มม่ กี ำหนดไว้ในมำตรฐำนกำหนด

ตำแหนง่ สำมำรถกระทำไดโ้ ดยเป็นอำนำจสั่งกำรของผบู้ งั คบั บัญชำโดยไมจ่ ำต้องมเี หตุผลพเิ ศษใดๆ

2. กรณที ดลองงำนรำชกำรเมอื่ ผู้นน้ั ถูกส่ังให้ออกจำกรำชกำรใหถ้ ือเสมอื นวำ่ ผนู้ ้ันไม่เคยเป็นข้ำรำชกำรพล

เรือนสำมัญ

3. ผอู้ ยู่ในระหวำ่ งทดลองปฏิบตั ิหน้ำท่ีรำชกำรผใู้ ดมกี รณีอันมมี ูลทค่ี วรกล่ำวหำวำ่ กระทำผดิ วินยั ให้

ผู้บงั คบั บญั ชำดำเนนิ กำรทำงวนิ ยั ตำมท่บี ัญญัติไวใ้ นหมวด 7 กำรดำเนินกำรทำงวินยั ได้

4. ผไู้ ด้รบั แตง่ ตง้ั ให้ดำรงตำแหนง่ ขำ้ รำชกำรพลเรอื นสำมญั ตำแหนง่ ใดต้องมีคุณสมบตั ติ รงตำม

คุณสมบัติเฉพำะสำหรบั ตำแหนง่ นน้ั ตำมมำตรฐำนกำหนดตำแหนง่

ตอบ 1. แนวคิด มำตรำ 61 กำรแต่งตงั้ ข้ำรำชกำรพลเรือนสำมญั ใหด้ ำรงตำแหน่งในสำยงำนท่ี ไมม่ ีกำหนดไวใ้ น

มำตรฐำนกำหนดตำแหน่ง จะกระทำมิได้

88. ก.พ. อำจอนุมัติใหแ้ ต่งตัง้ ขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญ ทมี่ คี ุณสมบตั ติ ำ่ งไปจำกคุณสมบัติเฉพำะสำหรับ

ตำแหน่งตำมมำตรฐำนกำหนดตำแหนง่ ก็ได้ เม่ือมีเหตตุ ำมขอ้ ใด

1. ผบู้ งั คบั บัญชำในหน่วยงำนนัน้ รอ้ งขอ 2. กรณที ่ีมเี หตผุ ลและควำมจำเป็น

3. ถูกทง้ั ข้อ 1. และ 2. 4. ไม่มีข้อใดถกู

ตอบ 2. แนวคดิ มำตรำ 62 วรรคสอง ในกรณที ่ีมีเหตผุ ลและควำมจำเปน็ ก.พ. อำจอนมุ ตั ใิ หแ้ ตง่ ต้ังข้ำรำชกำร
พลเรือนสำมัญท่ีมคี ุณสมบตั ิต่ำงไปจำกคณุ สมบตั เิ ฉพำะสำหรบั ตำแหน่งตำมมำตรฐำนกำหนดตำแหนง่ กไ็ ด้

คู่มือสอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 107

------------------------------------------------------------------------------
89. กำรย้ำย กำรโอน หรือกำรเลื่อนขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหนง่ ข้ำรำชกำรพลเรือน

สำมญั ในหรือตำ่ งกระทรวงหรือกรม แล้วแตก่ รณี ให้เปน็ ไปตำมข้อใด

1. เหตผุ ลและควำมจำเป็น 2. อำนำจของผบู้ ังคับบัญชำสั่งกำรได้ทกุ กรณี

3. ตำมท่ีกำหนดใน กฎ ก.พ. 4. ถูกทกุ ขอ้

ตอบ 3. แนวคดิ มำตรำ 63 วรรคแรก กำรยำ้ ย กำรโอน หรือกำรเล่อื นขำ้ รำชกำรพลเรอื นสำมัญไปแตง่ ตงั้ ให้

ดำรงตำแหน่งขำ้ รำชกำรพลเรอื นสำมัญในหรือตำ่ งกระทรวงหรือกรมแล้วแต่กรณใี ห้เป็นไปตำมทกี่ ำหนดในกฎ

ก.พ.

90. กำรโอนขำ้ รำชกำรพลเรอื นสำมญั จำกกระทรวงหรือกรมหนง่ึ ไปแต่งต้ังให้ดำรงตำแหน่งขำ้ รำชกำรพลเรอื น

สำมญั ในต่ำงประเทศสงั กัดอีกกระทรวงหรือกรมหนงึ่ เปน็ กำรชั่วครำวตำมระยะเวลำทกี่ ำหนดให้กระทำได้ โดยมี

เหตุตำมขอ้ ใด

1. เหตุผลและควำมจำเป็น 2. อำนำจของผู้บังคับบัญชำสง่ั กำรได้ทุกกรณี

3. หลักเกณฑ์และวธิ ีกำรที่ ก.พ กำหนด 4. ถูกทกุ ขอ้

ตอบ 3. แนวคดิ มำตรำ 63 วรรคสอง กำรโอนขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมญั จำกกระทรวงหรือกรมหนงึ่ ไปแตง่ ต้งั ให้

ดำรงตำแหน่งขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญในตำ่ งประเทศสังกัดอีกกระทรวงหรือกรมหนึ่ง เป็นกำรช่วั ครำวตำม

ระยะเวลำทก่ี ำหนด ใหก้ ระทำได้ ตำมหลักเกณฑ์และวิธีกำรที่ ก.พ. กำหนด

91. กำรยำ้ ยหรอื กำรโอนข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญไปแตง่ ตั้งให้ดำรงตำแหนง่ ในระดับท่ีต่ำกวำ่ เดมิ จะกระทำมไิ ด้

เว้นแตจ่ ะได้รับควำมยินยอมตำมขอ้ ใด

1. ได้รับควำมยนิ ยอมจำกข้ำรำชกำรพลเรอื นสำมัญผู้น้ัน

2. ได้รับควำมยินยอมจำกผูบ้ ังคับบญั ชำของข้ำรำชกำรพลเรือนสำมญั ผู้นั้น

3. ไดร้ ับควำมยินยอมจำกหน่วยงำนตน้ สงั กดั ของขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญผู้นัน้

4. ถูกทกุ ขอ้

ตอบ 1. แนวคิด มำตรำ 63 วรรคสำม กำรยำ้ ยหรือกำรโอนข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญไปแต่งตงั้ ให้ดำรงตำแหนง่

ในระดบั ทตี่ ่ำกว่ำเดิมจะกระทำมิได้ เว้นแตจ่ ะได้รบั ควำมยนิ ยอมจำกขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญผู้นนั้

92. กำรโอนพนกั งำนสว่ นท้องถิ่นกำรโอนขำ้ รำชกำรทไี่ มใ่ ช่ขำ้ รำชกำรพลเรอื นสำมญั ตำมพระรำชบญั ญตั ินแ้ี ละ

ไม่ใชข่ ำ้ รำชกำรกำรเมือง และกำรโอนเจำ้ หน้ำทข่ี องหน่วยงำนอ่นื ของรัฐท่ี ก.พ.กำหนด มำบรรจเุ ป็นขำ้ รำชกำรพล

เรือนสำมญั ตลอดจนจะแตง่ ตงั้ ใหด้ ำรงตำแหนง่ ประเภทใดสำยงำนใด ระดบั ใด และใหไ้ ดร้ บั

เงนิ เดือนเท่ำใด ใหก้ ระทำได้ตำมขอ้ ใด

1. เหตผุ ลและควำมจำเปน็ 2. อำนำจของผู้บังคบั บัญชำสง่ั กำร ได้ทกุ กรณี

3. หลกั เกณฑ์และวิธีกำรท่ี ก.พ กำหนด 4. ถูกทกุ ข้อ

ตอบ 3. แนวคดิ มำตรำ 64 กำรโอนพนกั งำนส่วนท้องถิ่น กำรโอนข้ำรำชกำรท่ไี มใ่ ช่ขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมญั
ตำมพระรำชบัญญัติน้ีและไม่ใช่ขำ้ รำชกำรกำรเมืองและกำรโอนเจ้ำหนำ้ ท่ขี องหนว่ ยงำนอน่ื ของรัฐท่ี ก.พ. กำหนด
มำบรรจเุ ปน็ ขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมญั ตลอดจนจะแตง่ ต้ังให้ดำรงตำแหนง่ ประเภทใดสำยงำนใด ระดบั ใด และให้
ไดร้ ับเงินเดือนเทำ่ ใด ใหก้ ระทำได้ ตำมหลกั เกณฑ์และวธิ ีกำรท่ี ก.พ.กำหนด

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 108

------------------------------------------------------------------------------
93. ในกรณที ตี่ ำแหน่งข้ำรำชกำรพลเรอื นสำมัญวำ่ งลง หรือผู้ดำรงตำแหนง่ ไมส่ ำมำรถปฏิบัตหิ นำ้ ที่รำชกำรได้
และเป็นกรณที ่ีมิไดบ้ ัญญัติไว้ในกฎหมำยว่ำดว้ ยระเบียบบริหำรรำชกำรแผ่นดินใหผ้ บู้ ังคบั บญั ชำมอี ำนำจส่งั กำร
อย่ำงไร

1. ใหผ้ ู้บงั คับบัญชำซ่งึ มอี ำนำจส่ังบรรจุตำมมำตรำ 57 มอี ำนำจส่งั ให้ขำ้ รำชกำรพลเรือนท่เี หน็ สมควร
รกั ษำกำรในตำแหนง่ นั้นได้

2. ใหผ้ บู้ งั คับบัญชำซ่ึงมอี ำนำจส่งั บรรจตุ ำมมำตรำ 57 มีอำนำจแตง่ ต้ังให้ขำ้ รำชกำรพลเรอื นท่ีเห็นสมควร
บรรจุใหเ้ ขำ้ รับตำแหนง่ น้ันแทนได้ทนั ที

3. ผู้บังคับบญั ชำแม้มีอำนำจสัง่ บรรจุตำมมำตรำ 57 แต่ไม่มอี ำนำจสัง่ กำรใดๆได้ตอ้ งรอคำส่ังอนมุ ัติจำก
รัฐมนตรีเท่ำนัน้

4. ไมม่ ีขอ้ ใดถูก

ตอบ 1. แนวคิด มำตรำ 68 วรรคแรก ในกรณีท่ีตำแหน่งขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญวำ่ งลงหรอื ผู้ดำรงตำแหนง่ ไม่
สำมำรถปฏิบัติหนำ้ ที่รำชกำรได้ และเป็นกรณที ม่ี ิไดบ้ ัญญัตไิ ว้ในกฎหมำยวำ่ ด้วยระเบยี บบรหิ ำรรำชกำรแผ่นดิน ให้
ผู้บงั คบั บญั ชำซึ่งมอี ำนำจสง่ั บรรจตุ ำมมำตรำ 57 มอี ำนำจสัง่ ให้ขำ้ รำชกำรพลเรอื นทเ่ี ห็นสมควรรกั ษำกำรใน
ตำแหน่งน้นั ได้
94. ผูบ้ งั คบั บัญชำซึง่ มอี ำนำจส่ังบรรจตุ ำมมำตรำ 57 มอี ำนำจสัง่ ขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมญั ให้ประจำส่วนรำชกำร
เปน็ กำรชัว่ ครำว โดยให้พน้ จำกตำแหน่งหนำ้ ทีเ่ ดิมได้ตำมทก่ี ำหนดในกฎ ก.พ. อนั เน่ืองมำจำกข้อใด

1. มีเหตุผลและควำมจำเป็น
2. เปน็ อำนำจของผบู้ ังคบั บัญชำโดยเฉพำะไม่จำต้องมีเหตกุ ็ได้
3. ผูบ้ งั คบั บัญชำไม่มอี ำนำจสัง่ แตอ่ ย่ำงใด
4. ไดร้ ับควำมยินยอมของขำ้ รำชกำรพลเรอื นสำมัญผูน้ ั้น
ตอบ 1. แนวคิด มำตรำ 69 วรรคแรก ในกรณีทม่ี เี หตผุ ลควำมจำเป็น ผู้บังคับบัญชำซง่ึ มอี ำนำจสง่ั บรรจุ
ตำมมำตรำ 57 มอี ำนำจสง่ั ข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญใหป้ ระจำส่วนรำชกำรเป็นกำรช่ัวครำว โดยใหพ้ ้นจำก
ตำแหนง่ หนำ้ ทีเ่ ดิมไดต้ ำมท่ีกำหนดในกฎ ก.พ.
95. ผบู้ ังคบั บญั ชำซ่งึ มีอำนำจสั่งบรรจตุ ำมมำตรำ 57 มอี ำนำจสง่ั ให้ข้ำรำชกำรพลเรอื นสำมญั พ้นจำก
ตำแหนง่ หนำ้ ท่ีและขำดจำกอัตรำเงินเดอื นในตำแหนง่ เดมิ โดยใหร้ บั เงนิ เดือนในอัตรำกำลังทดแทนโดยมี
ระยะเวลำตำมท่ี ก.พ. กำหนดได้ หรือไม่ เพรำะเหตุใด
1. ไมไ่ ด้ เพรำะไม่มีกฎหมำยให้อำนำจ
2. ไมไ่ ด้ เพรำะต้องได้รบั ควำมยนิ ยอมของขำ้ รำชพลเรือนสำมัญก่อน
3. ได้ ในกรณีทีม่ เี หตุผลควำมจำเปน็
4. ได้ เพรำะเป็นอำนำจของผ้บู งั คับบัญชำโดยเฉพำะ

ตอบ 3. แนวคดิ มำตรำ 70 วรรคแรก ในกรณที มี่ ีเหตุผลควำมจำเปน็ ผ้บู งั คับบัญชำซึ่งมีอำนำจสั่งบรรจุตำม
มำตรำ 57 มอี ำนำจส่งั ให้ข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญพน้ จำกตำแหนง่ หน้ำทแี่ ละขำดจำกอัตรำเงินเดือนในตำแหนง่
เดิม โดยให้รบั เงินเดือนในอัตรำกำลงั ทดแทนโดยมีระยะเวลำตำมท่ี ก.พ. กำหนดได้ ทั้งน้ี ใหเ้ ป็นไปตำม

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 109

------------------------------------------------------------------------------
หลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ำรทก่ี ำหนดในกฎ ก.พ.

96. จำกข้อ 95. กำรใหพ้ ้นจำกตำแหน่ง กำรใหไ้ ด้รบั เงินเดือน กำรแตง่ ต้ัง กำรเลอ่ื นเงินเดอื น กำรดำเนินกำร

ทำงวนิ ัย และกำรออกจำกรำชกำรของขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญตำมวรรคหนงึ่ ให้เป็นไปตำมขอ้ ใด

1. เหตผุ ลและควำมจำเปน็ 2. อำนำจของผบู้ งั คบั บัญชำสง่ั กำร

3. ตำมที่กำหนด ในกฎ ก.พ. 4. ถูกทกุ ข้อ

ตอบ 3. แนวคดิ มำตรำ 70 วรรคสอง กำรใหพ้ ้นจำกตำแหน่ง กำรใหไ้ ดร้ ับเงนิ เดือน กำรแต่งต้งั กำรเลื่อน

เงินเดือน กำรดำเนินกำรทำงวินัย และกำรออกจำกรำชกำรของข้ำรำชกำรพลเรอื นสำมญั ตำมวรรคหนึง่ ให้เป็นไป

ตำมท่กี ำหนด ในกฎ ก.พ.

97. ในกรณีที่ศำลปกครองมคี ำพิพำกษำถงึ ที่สดุ สง่ั ใหเ้ พิกถอนคำสัง่ แตง่ ต้ังขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมญั ให้เป็น

หน้ำทีข่ อง ก.พ. โดยควำมเห็นชอบของผ้ใู ด ในกำรสง่ั กำรตำมสมควรเพ่อื เยยี วยำและแกไ้ ขหรอื ดำเนินกำรตำมท่ี

เห็นสมควรได้

1. นำยกรฐั มนตรี 2. คณะรฐั มนตรี 3. อ.ก.พ. กระทรวง 4. รฐั มนตรีเจำ้ สงั กัดฯ

ตอบ 2. แนวคดิ มำตรำ 71 ในกรณีที่ศำลปกครองมีคำพิพำกษำถึงทีส่ ดุ สั่งใหเ้ พิกถอนคำส่ังแตง่ ตัง้ ข้ำรำชกำรพล

เรือนสำมญั ให้เปน็ หนำ้ ทข่ี อง ก.พ. โดยควำมเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ในกำรสง่ั กำรตำมสมควรเพือ่ เยยี วยำและ

แก้ไขหรอื ดำเนินกำรตำมทเ่ี ห็นสมควรได้

98. ผบู้ งั คบั บัญชำต้องปฏิบัติตนตอ่ ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชำอย่ำงใด เพือ่ ให้ผู้อยู่ใตบ้ งั คับบัญชำดำรงตนเปน็

ขำ้ รำชกำรที่ดี

1. มคี ุณธรรม 2. เที่ยงธรรม 3. เสรมิ สร้ำงแรงจูงใจ 4. ถกู ทุกข้อ

ตอบ 4. แนวคิด มำตรำ 73 ผู้บงั คับบญั ชำต้องปฏิบตั ติ นต่อผู้อยใู่ ต้บังคับบัญชำอยำ่ ง มีคุณธรรมและ

เท่ียงธรรมและเสรมิ สร้ำงแรงจูงใจ ให้ผ้อู ยใู่ ตบ้ ังคับบัญชำดำรงตนเป็นขำ้ รำชกำรทด่ี ี

99. ขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมญั ผูใ้ ดประพฤตติ นอยใู่ นจรรยำและระเบยี บวนิ ยั และปฏบิ ตั ริ ำชกำรอยำ่ งมี

ประสทิ ธภิ ำพและเกิดผลสัมฤทธ์ิต่อภำรกิจของรัฐให้ผู้บงั คบั บัญชำมอี ำนำจอย่ำงใด

1. เลือ่ นเงินเดือนให้ตำมควรแกก่ รณี 2. ให้บำเหนจ็ ควำมชอบอยำ่ งอืน่

3. เล่ือนข้ันตำแหนง่ ให้ตำมควรแก่กรณี 4. ถูกเฉพำะขอ้ 1. และ 2.

ตอบ 4. แนวคดิ มำตรำ 74 ข้ำรำชกำรพลเรอื นสำมัญผใู้ ดประพฤตติ นอยู่ในจรรยำและระเบยี บวนิ ัยและปฏิบตั ิ

รำชกำรอย่ำงมปี ระสิทธิภำพและเกดิ ผลสมั ฤทธิ์ต่อภำรกิจของรัฐใหผ้ ู้บงั คับบัญชำพิจำรณำเล่ือนเงินเดือนให้ตำม

ควรแก่กรณี ตำมที่กำหนดในกฎ ก.พ. และจะใหบ้ ำเหน็จควำมชอบอย่ำงอน่ื ซึ่งอำจเป็นคำชมเชย เคร่อื งเชิดชเู กียรติ

หรอื รำงวลั ดว้ ยกไ็ ด้

100. ขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญผู้ใดถึงแก่ควำมตำยเนื่องจำกกำรปฏบิ ตั หิ น้ำที่รำชกำรให้ผบู้ ังคบั บัญชำมอี ำนำจ

อยำ่ งไร

1.พิจำรณำเล่ือนเงินเดือนให้ผนู้ ้นั เป็นกรณพี ิเศษเพ่อื ประโยชน์ในกำรคำนวณบำเหน็จบำนำญ

2. พจิ ำรณำเพื่อใหไ้ ด้รบั สิทธิประโยชน์อ่ืน

3.พิจำรณำเพื่อให้ได้รบั กำรเลอ่ื นตำแหน่งเพ่ือกำรเชดิ ชูเกียรติเป็นกรณพี ิเศษ

คู่มือสอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 110

------------------------------------------------------------------------------
4.ถูกเฉพำะข้อ 1. และ 2.

ตอบ 4. แนวคดิ มำตรำ 77 ขำ้ รำชกำรพลเรอื นสำมญั ผู้ใดถงึ แกค่ วำมตำยเนื่องจำกกำรปฏบิ ตั ิหนำ้ ที่รำชกำรให้

ผ้บู ังคบั บัญชำพิจำรณำเลอื่ นเงินเดือนให้ผนู้ ั้นเป็นกรณีพิเศษเพื่อประโยชนใ์ นกำรคำนวณบำเหน็จบำนำญหรือให้

ไดร้ บั สทิ ธิประโยชน์อน่ื ตำมระเบียบทค่ี ณะรัฐมนตรกี ำหนด

101. ข้ำรำชกำรพลเรือนสำมญั ต้องรักษำจรรยำขำ้ รำชกำรตำมท่ีสว่ นรำชกำรกำหนดไว้โดยม่งุ ประสงคใ์ ห้เปน็

ขำ้ รำชกำรทด่ี ี มีเกียรติและศักดศิ์ รีควำมเป็นขำ้ รำชกำร โดยเฉพำะในเรื่องใด

1. กำรยดึ มน่ั และยืนหยัดทำในสิง่ ทถ่ี ูกต้อง 2. ควำมซื่อสัตยส์ จุ ริตและควำมรบั ผิดชอบ

3. กำรปฏบิ ตั หิ น้ำทด่ี ้วยควำมโปรง่ ใสและสำมำรถตรวจสอบได้

4. ถกู ทกุ ข้อ

ตอบ 4. แนวคดิ มำตรำ 78 วรรคแรก ขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญต้องรกั ษำจรรยำขำ้ รำชกำรตำมที่สว่ นรำชกำร

กำหนดไว้โดยมุ่งประสงคใ์ ห้เป็นขำ้ รำชกำรทดี่ ี มีเกยี รตแิ ละศักด์ศิ รคี วำมเปน็ ข้ำรำชกำร โดยเฉพำะในเรอ่ื ง

ดงั ตอ่ ไปนี้

(1) กำรยดึ มั่นและยืนหยัดทำในสิง่ ทีถ่ กู ตอ้ ง

(2) ควำมซ่อื สัตย์สจุ ริตและควำมรบั ผดิ ชอบ

(3) กำรปฏบิ ตั ิหนำ้ ทด่ี ้วยควำมโปรง่ ใสและสำมำรถตรวจสอบได้

(4) กำรปฏบิ ตั ิหนำ้ ท่ีโดยไม่เลอื กปฏิบัติอยำ่ งไมเ่ ป็นธรรม

(5) กำรมงุ่ ผลสมั ฤทธข์ิ องงำน

102. ข้ำรำชกำรพลเรอื นสำมัญต้องปฏิบตั ติ ำมคำสัง่ ของผู้บังคับบัญชำซ่ึงสัง่ ในหน้ำท่รี ำชกำรโดย โดยไมข่ ัดขืน

หรอื หลีกเลีย่ ง เมอ่ื คำส่งั น้นั เปน็ คำสั่งอยำ่ งใด

1. ชอบด้วยกฎหมำยและถกู ตอ้ งตำมระเบียบของทำงรำชกำร

2. เป็นคำสง่ั ของผูบ้ ังคับบัญชำ ไมว่ ่ำกรณีใดๆ

3. ไมท่ ำให้ผูอ้ ืน่ เสยี ประโยชน์ 4. ถูกทกุ ขอ้

ตอบ 1. แนวคดิ มำตรำ 82(4) ตอ้ งปฏบิ ตั ิตำมคำส่งั ของผบู้ งั คับบัญชำซึ่งส่งั ในหนำ้ ที่รำชกำรโดยชอบด้วย

กฎหมำยและระเบยี บของทำงรำชกำร โดยไมข่ ดั ขืนหรือหลกี เลี่ยง

103. ขอ้ ใดกลำ่ วผิด เกย่ี วกบั เรอ่ื งกำรปฏบิ ัติหนำ้ ที่ตำมวนิ ยั ของข้ำรำชกำรพลเรือนสำมญั

1. ตอ้ งต้อนรับ ให้ควำมสะดวก ใหค้ วำมเปน็ ธรรม และใหก้ ำรสงเครำะห์แกป่ ระชำชนผ้ตู ิดตอ่ รำชกำร

เกยี่ วกบั หน้ำทข่ี องตน

2. ไม่จำตอ้ งวำงตนเปน็ กลำงทำงกำรเมืองในกำรปฏิบตั หิ นำ้ ทีร่ ำชกำรเปน็ เสรภี ำพอยำ่ งหนึง่ ของข้ำรำชกำร

ผ้นู ้นั

3. ต้องรกั ษำชื่อเสยี งของตน และรักษำเกียรตศิ ักดิข์ องตำแหนง่ หน้ำท่ีรำชกำรของตนมิใหเ้ สื่อมเสีย

4. ไมม่ ขี อ้ ใดกลำ่ วผิด

ตอบ 2. แนวคดิ มำตรำ 82 (8 )- (10)
(8) ตอ้ งต้อนรบั ให้ควำมสะดวก ให้ควำมเปน็ ธรรม และใหก้ ำรสงเครำะหแ์ ก่ประชำชนผู้ตดิ ต่อรำชกำร

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 111

------------------------------------------------------------------------------
เกี่ยวกบั หน้ำทีข่ องตน

(9) ตอ้ งวำงตนเป็นกลำงทำงกำรเมอื งในกำรปฏบิ ตั ิหนำ้ ที่รำชกำรและในกำรปฏิบตั กิ ำรอ่นื ท่ีเกย่ี วข้องกบั
ประชำชน กบั จะต้องปฏิบัติตำมระเบยี บของทำงรำชกำรวำ่ ด้วยมำรยำททำงกำรเมืองของขำ้ รำชกำรด้วย

(10) ต้องรกั ษำชอ่ื เสยี งของตน และรักษำเกยี รตศิ ักด์ิของตำแหน่งหน้ำท่ีรำชกำรของตนมใิ หเ้ สอื่ มเสีย
104. ข้อใดกลำ่ วผิด เก่ยี วกบั กำรกระทำกำรอนั เป็นข้อหำ้ มของพลเรือนสำมัญ

1. ต้องไม่รำยงำนเท็จต่อผู้บังคับบญั ชำ แตก่ ำรรำยงำนโดยปกปดิ ข้อควำมซึง่ ควรต้องแจง้ ไมถ่ ือวำ่ เป็นกำร
รำยงำนเท็จ หำกมพี ฤตกิ ำรณ์สมควรกระทำ

2. ตอ้ งไม่ปฏบิ ตั ิรำชกำรอันเป็นกำรกระทำกำรข้ำมผบู้ งั คับบัญชำเหนอื ตน เวน้ แต่ผบู้ ังคับบัญชำเหนือตนข้ึน
ไปเป็นผูส้ ัง่ ให้กระทำหรือได้รบั อนุญำตเปน็ พิเศษช่วั ครัง้ ครำว

3. ต้องไมอ่ ำศัยหรือยอมให้ผู้อน่ื อำศยั ตำแหนง่ หน้ำท่ีรำชกำรของตนหำประโยชน์ให้แกต่ นเองหรือผู้อื่น
4. ไมม่ ขี อ้ ใดกล่ำวผิด

ตอบ 1. แนวคดิ มำตรำ 83 (1) - (3)
(1) ตอ้ งไมร่ ำยงำนเทจ็ ต่อผู้บังคับบญั ชำ กำรรำยงำนโดยปกปิดขอ้ ควำมซึ่งควรต้องแจ้งถอื วำ่ เป็นกำร

รำยงำนเทจ็ ดว้ ย
(2) ต้องไม่ปฏบิ ตั ิรำชกำรอนั เป็นกำรกระทำกำรขำ้ มผบู้ งั คับบัญชำเหนือตนเวน้ แตผ่ บู้ งั คบั บญั ชำเหนอื ตนขน้ึ

ไปเป็นผู้สง่ั ใหก้ ระทำหรือได้รับอนุญำตเป็นพิเศษชว่ั ครง้ั ครำว
(3) ตอ้ งไม่อำศัยหรอื ยอมให้ผอู้ ่ืนอำศัยตำแหน่งหนำ้ ท่ีรำชกำรของตนหำประโยชนใ์ ห้แก่ตนเองหรือผู้อืน่

105. ขอ้ ใดกลำ่ วผิด เก่ยี วกบั กำรกระทำกำรอันเปน็ ข้อหำ้ มของข้ำรำชกำรพลเรือนสำมญั
1. ตอ้ งไม่ประมำทเลนิ เล่อในหนำ้ ท่ีรำชกำร
2. ต้องไมก่ ระทำกำรหรือยอมใหผ้ ู้อ่ืนกระทำกำรหำผลประโยชนอ์ ันอำจทำให้เสียควำมเท่ียงธรรมหรอื

เสอ่ื มเสียเกียรตศิ ักดิข์ องตำแหนง่ หน้ำท่ีรำชกำรของตน
3. ตอ้ งไม่เป็นผูถ้ ือหุ้นหรือดำรงตำแหน่งอ่ืนใดทม่ี ลี กั ษณะงำนคล้ำยคลึงกนั ในหำ้ งหนุ้ ส่วนหรือบรษิ ทั
4. ไมม่ ีข้อใดกล่ำวผดิ

ตอบ 3. แนวคิด มำตรำ 83 (4 ) - (5)
(4) ตอ้ งไม่ประมำทเลนิ เล่อในหนำ้ ที่รำชกำร
(5) ต้องไม่กระทำกำรหรือยอมให้ผู้อื่นกระทำกำรหำผลประโยชน์อันอำจทำใหเ้ สยี ควำมเทยี่ งธรรมหรือ

เส่อื มเสียเกยี รติศักดิ์ของตำแหน่งหนำ้ ที่รำชกำรของตน
(6) ต้องไมเ่ ป็นกรรมกำรผจู้ ัดกำร หรอื ผู้จดั กำร หรือดำรงตำแหน่งอืน่ ใดทมี่ ลี ักษณะงำนคล้ำยคลงึ กันนั้นใน

ห้ำงหุ้นสว่ นหรือบริษัท
106. ข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญผู้ใดไมส่ นับสนนุ กำรปกครองระบอบประชำธปิ ไตยอันมพี ระมหำกษัตรยิ ์ทรงเป็น

ประมขุ ดว้ ยควำมบรสิ ทุ ธ์ิใจจะมผี ลตำมกฎหมำยในพระรำชบัญญัติน้ีอย่ำงไร
1. ผูบ้ งั คบั บัญชำมีอำนำจว่ำกล่ำวตกั เตอื นได้
2. ถอื วำ่ ข้ำรำชกำรผนู้ น้ั กระทำผดิ วินยั

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 112

------------------------------------------------------------------------------
3. ถอื วำ่ ขำ้ รำชกำรผู้นน้ั กระทำผดิ ว่ำด้วยมำรยำทของข้ำรำชกำร
4. ถือว่ำขำ้ รำชกำรผู้นั้น ไมไ่ ดก้ ระทำผิดแตอ่ ยำ่ งใด เป็นเสรีภำพโดยเฉพำะของข้ำรำชกำรผนู้ น้ั

ตอบ 2. แนวคิด มำตรำ 84 ข้ำรำชกำรพลเรอื นสำมัญผู้ใดไมป่ ฏบิ ตั ิตำมข้อปฏบิ ัติตำมมำตรำ 81 และมำตรำ 82
หรอื ฝำ่ ฝืนข้อห้ำมตำมมำตรำ 83 ผนู้ ้นั เป็นผู้กระทำผิดวนิ ัย

มำตรำ 81 ข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญต้องสนบั สนนุ กำรปกครองระบอบประชำธิปไตยอนั มพี ระมหำกษตั รยิ ์
ทรงเปน็ ประมขุ ดว้ ยควำมบริสุทธิ์ใจ
107. ขำ้ รำชกำรพลเรอื นสำมัญผ้ใู ดไมก่ ระทำกำรอันเป็นข้อปฏิบตั ิ ตำมมำตรำ 82 จะมผี ลตำมกฎหมำยใน
พระรำชบญั ญัตินอ้ี ย่ำงไร

1. ผบู้ ังคับบญั ชำมีอำนำจว่ำกลำ่ วตกั เตือนได้2. ถอื ว่ำข้ำรำชกำรผู้น้นั กระทำผิดวินยั
3. ถือว่ำข้ำรำชกำรผู้นน้ั กระทำผิดว่ำด้วยมำรยำทของข้ำรำชกำร
4. ถอื ว่ำขำ้ รำชกำรผู้นน้ั ไมไ่ ดก้ ระทำผดิ แต่อยำ่ งใดเป็นเสรีภำพโดยเฉพำะของขำ้ รำชกำรผ้นู ัน้

ตอบ 2. แนวคิด มำตรำ 84 ข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญผู้ใดไม่ปฏิบัติตำมข้อปฏบิ ตั ิตำมมำตรำ 81 และมำตรำ 82
หรือฝ่ำฝนื ข้อห้ำมตำมมำตรำ 83 ผนู้ ั้นเป็นผู้กระทำผิดวินัย

มำตรำ 82 (1)-(11) ขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมญั ต้องกระทำกำรอนั เปน็ ข้อปฏิบตั ิดังต่อไปนี้
108. ข้ำรำชกำรพลเรอื นสำมัญผใู้ ด กระทำกำรอันเปน็ ข้อหำ้ มตำมมำตรำ 83 จะมผี ลตำมกฎหมำยใน
พระรำชบญั ญตั ินอ้ี ย่ำงไร

1. ผบู้ ังคับบญั ชำมีอำนำจว่ำกลำ่ วตกั เตอื นได้2. ถือวำ่ ข้ำรำชกำรผ้นู ้ันกระทำผิดวนิ ัย
3. ถือวำ่ ข้ำรำชกำรผูน้ น้ั กระทำผิดวำ่ ดว้ ยมำรยำทของข้ำรำชกำร
4. ถือวำ่ ข้ำรำชกำรผนู้ น้ั ไม่ไดก้ ระทำผิดแต่อยำ่ งใด เป็นเสรีภำพโดยเฉพำะของข้ำรำชกำรผนู้ ้นั

ตอบ 2. แนวคิด มำตรำ 84 ขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมญั ผใู้ ดไมป่ ฏิบัตติ ำมขอ้ ปฏบิ ตั ิตำมมำตรำ 81 และมำตรำ 82
หรอื ฝ่ำฝนื ข้อหำ้ มตำมมำตรำ 83 ผู้น้ันเป็นผกู้ ระทำผิดวินัย

มำตรำ 83 (1) - (10) ขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญ ตอ้ งไมก่ ระทำกำรใดอันเป็นข้อหำ้ ม ดังตอ่ ไปนี้
109. ข้อใด เป็นควำมผดิ วินัยอยำ่ งร้ำยแรง

1. ประมำทเลนิ เล่อในหนำ้ ท่ีรำชกำร
2. เป็นกรรมกำรผู้จดั กำร หรือผจู้ ดั กำร หรอื ดำรงตำแหน่งอื่นใดท่มี ีลกั ษณะงำนคลำ้ ยคลึงกนั นนั้ ในห้ำง
หนุ้ สว่ นหรอื บริษทั
3. ปฏิบัติหรือละเวน้ กำรปฏิบตั หิ น้ำที่รำชกำรโดยมิชอบเพอ่ื ให้เกดิ ควำมเสยี หำยอยำ่ งรำ้ ยแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
หรือปฏบิ ัตหิ รือละเว้นกำรปฏิบัติหนำ้ ทร่ี ำชกำรโดยทุจริต
4. ถกู ทุกขอ้

ตอบ 3. แนวคดิ มำตรำ 85 (1) กำรกระทำผิดวนิ ัยในลกั ษณะดังต่อไปน้ี เปน็ ควำมผิดวินัยอย่ำงรำ้ ยแรง
(1) ปฏิบัตหิ รือละเว้นกำรปฏิบตั ิหนำ้ ที่รำชกำรโดยมิชอบเพื่อให้เกดิ ควำมเสยี หำยอย่ำงร้ำยแรงแกผ่ ู้หนึ่งผ้ใู ด

หรอื ปฏบิ ัติหรือละเวน้ กำรปฏบิ ตั ิหน้ำทรี่ ำชกำรโดยทุจริต

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 113

------------------------------------------------------------------------------
110. ขอ้ ใด ไมใ่ ชค่ วำมผดิ วินัยอย่ำงรำ้ ยแรง

1. กระทำกำรอนั ไดช้ ื่อว่ำเป็นผปู้ ระพฤติช่วั อย่ำงร้ำยแรง

2. ดูหมนิ่ เหยียดหยำม กดข่ี ขม่ เหง หรือทำร้ำยประชำชนผ้ตู ดิ ต่อรำชกำรอย่ำงรำ้ ยแรง

3. อำศยั หรือยอมให้ผู้อน่ื อำศยั ตำแหน่งหนำ้ ที่รำชกำรของตนหำประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผ้อู ืน่

4. เปน็ ควำมผดิ วนิ ยั รำ้ ยแรงทุกขอ้

ตอบ 3. แนวคิด เป็นควำมผิดวินยั ธรรมดำ ตำมมำตรำ 83(3) ประกอบ มำตรำ 84

มำตรำ 85 (4) –(5) กำรกระทำผิดวินยั ในลกั ษณะดังตอ่ ไปนี้ เปน็ ควำมผิดวินยั อยำ่ งร้ำยแรง

(4) กระทำกำรอนั ไดช้ ่ือว่ำเป็นผูป้ ระพฤตชิ ั่วอยำ่ งรำ้ ยแรง

(5) ดหู มน่ิ เหยยี ดหยำม กดขี่ ข่มเหง หรือทำร้ำยประชำชนผ้ตู ิดต่อรำชกำรอยำ่ งรำ้ ยแรง

111. โทษทำงวินัยมีกี่สถำน

1. 3 สถำน 2. 4 สถำน 3. 5 สถำน 4. 6 สถำน

ตอบ 3 แนวคิด มำตรำ 88 ข้ำรำชกำรพลเรอื นสำมญั ผู้ใดกระทำผิดวินยั จะตอ้ งได้รับโทษทำงวินยั เว้นแต่มีเหตุ

อันควรงดโทษตำมทีบ่ ัญญัติไว้ในหมวด 7 กำรดำเนินกำรทำงวินยั

112. โทษทำงวินยั ท่รี ุนแรงทีส่ ดุ คือสถำนใด

1. ปลดออก 2. ไลอ่ อก 3. จำคุก 4. ประหำรชวี ิต

ตอบ 2. แนวคดิ มำตรำ 88 วรรคสอง โทษทำงวินัย มี 5 สถำน ดงั ต่อไปนี้

(1) ภำคทณั ฑ์ (2) ตดั เงินเดือน (3) ลดเงนิ เดือน (4) ปลดออก (5) ไลอ่ อก

*ส่วนจำคกุ และประหำรชวี ิต ไม่ใชโ่ ทษทำงวินยั แตเ่ ป็นโทษทำงอำญำ ตำม ประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ 18

113 โทษทำงวินยั สถำนที่เบำทีส่ ดุ คือข้อใด

1. ภำคทณั ฑ์ 2. ตัดเงินเดือน 3. ตักเตือน 4. ลดเงนิ เดือน

ตอบ 1. แนวคดิ มำตรำ 88 วรรคสอง โทษทำงวินัย มี 5 สถำน ดังต่อไปน้ี

(1) ภำคทัณฑ์ (2) ตดั เงินเดือน (3) ลดเงินเดือน (4) ปลดออก (5) ไลอ่ อก

114. กำรลงโทษทำงวินัยแกข่ ำ้ รำชกำรพลเรือนสำมญั ใหท้ ำในรูปแบบใด

1. คำสัง่ 2. ประกำศ 3. คำพพิ ำกษำ 4. คำตดั สนิ

ตอบ 1. แนวคิด มำตรำ 89 กำรลงโทษข้ำรำชกำรพลเรือนสำมญั ใหท้ ำเป็น คำสงั่

115. ผู้สั่งลงโทษตอ้ งส่ังลงโทษแก่ผู้ถูกลงโทษทำงวนิ ัยอยำ่ งไร

1. ต้องส่ังลงโทษใหเ้ หมำะสมกบั ควำมผดิ 2. ตอ้ งเป็นไปด้วยควำมยตุ ธิ รรม

3. ปรำศจำกอคติ 4. ถูกทุกข้อ

ตอบ 4. แนวคิด มำตรำ 89 กำรลงโทษข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญให้ทำเป็นคำสง่ั ผูส้ ัง่ ลงโทษ ตอ้ งส่งั ลงโทษให้
เหมำะสมกบั ควำมผิดและ ต้องเป็นไปด้วยควำมยุตธิ รรม และโดยปรำศจำกอคติ
116. เมอ่ื มกี ำรกลำ่ วหำหรือมีกรณีเปน็ ที่สงสยั วำ่ ข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญผใู้ ดกระทำผิดวินยั ให้ผบู้ ังคบั บญั ชำมี
หน้ำทีท่ ีต่ ้องปฏิบตั อิ ยำ่ งไร

1. ใหผ้ ้บู ังคบั บญั ชำดำเนินกำรสอบสวนทนั ที

คู่มือสอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 114

------------------------------------------------------------------------------
2. ให้ผู้บงั คับบญั ชำมหี นำ้ ท่ีต้องรำยงำนให้ผ้บู งั คับบัญชำซง่ึ มีอำนำจสัง่ บรรจุตำมมำตรำ 57ทรำบโดยเร็ว
3. ให้ผู้บังคบั บญั ชำตง้ั คณะกรรมกำรสอบสวนทันที
4. เป็นอำนำจของผู้บงั คบั บัญชำท่ีจะส่งั กำรใดๆ ตำมท่เี ห็นควรก่อนกไ็ ด้

ตอบ 2. แนวคิด มำตรำ 90 เมอ่ื มีกำรกลำ่ วหำหรือมกี รณีเป็นทสี่ งสยั วำ่ ขำ้ รำชกำรพลเรอื นสำมัญผูใ้ ดกระทำผิด
วินยั ใหผ้ บู้ ังคับบัญชำมหี นำ้ ทต่ี อ้ งรำยงำนใหผ้ ู้บงั คับบัญชำซ่ึงมีอำนำจส่งั บรรจุตำมมำตรำ 57 ทรำบโดยเร็ว และ
ให้ผูบ้ งั คับบญั ชำซง่ึ มอี ำนำจสัง่ บรรจุตำมมำตรำ 57 ดำเนินกำรตำมพระรำชบัญญัตนิ ้ีโดยเร็วดว้ ยควำมยตุ ธิ รรมและ
โดยปรำศจำกอคติ
117. อำนำจในกำรดำเนินกำรทำงวินยั ของผบู้ ังคับบัญชำซงึ่ มอี ำนำจส่งั บรรจุตำมมำตรำ 57 จะมอบหมำยใหผ้ ู้
บงั คบั บัญชำระดบั ต่ำลงไปปฏิบัติแทนไดห้ รอื ไม่

1. ได้ ตำมหลกั เกณฑ์ ท่ี ก.พ. กำหนด
2. ได้ เพรำะเป็นอำนำจในกำรใชด้ ลุ พนิ จิ ของผู้บังคับบญั ชำโดยแท้
3. ไม่ได้ เพรำะไมม่ ีกฎหมำยให้อำนำจ
4. ไม่ได้ เพรำะเป็นเร่ืองที่ผู้บงั คับบญั ชำนนั้ จะตอ้ งทำเองเป็นกำรเฉพำะตวั จะสั่งผู้ใดกระทำแทนตนไมไ่ ด้

ตอบ 1 แนวคิด มำตรำ 90 วรรคสำม อำนำจหน้ำที่ของผบู้ ังคบั บัญชำซง่ึ มอี ำนำจส่งั บรรจตุ ำมมำตรำ 57 ตำม
หมวดน้ี ผู้บงั คบั บัญชำซ่ึงมอี ำนำจสง่ั บรรจุตำมมำตรำ 57 จะมอบหมำยใหผ้ ู้บังคบั บญั ชำระดบั ตำ่ ลงไปปฏบิ ัตแิ ทน
ตำมหลักเกณฑท์ ี่ ก.พ. กำหนดกไ็ ด้
118. ในกรณีทีผ่ ลกำรสบื สวนหรอื พิจำรณำตำมมำตรำ 91 ปรำกฏว่ำกรณีมมี ลู อันเป็นควำมผิดวินยั อยำ่ งรำ้ ยแรง
ผู้บังคับบัญชำซึ่งมีอำนำจบรรจุตำมมำตรำ 57 จะต้องปฏบิ ัตอิ ยำ่ งไร

1. ทำเรื่องรำยงำนตอ่ หนว่ ยงำนตน้ สงั กดั เพื่อขออนมุ ัตกิ ำรสอบสวนเรื่องดงั กลำ่ ว
2. ให้ผู้บังคับบญั ชำดงั กล่ำว แต่งตงั้ คณะกรรมกำรสอบสวน
3. สั่งลงโทษตำมควรแก่กรณีโดยไมต่ ัง้ คณะกรรมกำรสอบสวนก็ได้
4. ให้ผ้บู งั คับบัญชำดงั กล่ำวสั่งลงโทษทำงวินยั ได้ตำมทเ่ี ห็นควร
ตอบ 2. แนวคิด มำตรำ 93 วรรคแรก ในกรณีทผ่ี ลกำรสบื สวนหรือพิจำรณำตำมมำตรำ 91 ปรำกฏว่ำ กรณีมมี ลู
อันเป็นควำมผิดวนิ ัยอย่ำงรำ้ ยแรง ให้ผูบ้ งั คับบัญชำซงึ่ มอี ำนำจสงั่ บรรจุตำมมำตรำ 57 แตง่ ต้ังคณะกรรมกำร
สอบสวน ในกำรสอบสวนต้องแจ้งข้อกลำ่ วหำและสรุปพยำนหลกั ฐำนให้ผถู้ ูกกล่ำวหำทรำบพร้อมทัง้ รบั ฟังคำ
ช้แี จงของผถู้ กู กลำ่ วหำ เมื่อคณะกรรมกำรสอบสวนดำเนินกำรเสร็จ ใหร้ ำยงำนผลกำรสอบสวนและควำมเหน็ ตอ่
ผบู้ งั คับบัญชำซง่ึ มีอำนำจส่งั บรรจตุ ำมมำตรำ 57
119. เมอ่ื คณะกรรมกำรสอบสวนดำเนนิ กำรสอบสวนกรณีมมี ูลอันเปน็ ควำมผิดวินัยอย่ำงร้ำยแรงเสร็จเรยี บร้อย
และผบู้ งั คบั บญั ชำได้รบั รำยงำนพรอ้ มท้งั ควำมเห็นดังกลำ่ วแล้วหำกผ้บู ังคับบญั ชำซึ่งมีอำนำจส่งั บรรจุตำมมำตรำ
57 เห็นวำ่ ผูถ้ กู กลำ่ วหำไมไ่ ด้กระทำควำมผิดตำมข้อกลำ่ วหำผู้บังคบั บัญชำดงั กลำ่ วจะต้องมีคำสัง่ อยำ่ งไรต่อไป
1. ให้สั่งยุตเิ รื่องได้
2. ต้งั คณะกรรมกำรสอบสวนเพอ่ื ดำเนินกำรสอบสวนอีกครั้งหนึง่ และให้คณะกรรมกำรสอบสวนพจิ ำรณำ
อนุมัติกำรลงโทษหรอื กำรยุติเรื่องทำงวินัยน้ันแลว้ แต่กรณี

คู่มือสอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 115

------------------------------------------------------------------------------
2. ทำเรื่องรำยงำนต่อหนว่ ยงำนตน้ สงั กัดเพ่ือขออนุมัติกำรยตุ ิเร่ืองดงั กล่ำว

3. ถูกทกุ ข้อ

ตอบ 1. แนวคดิ มำตรำ 93 วรรคสอง ถ้ำผู้บงั คับบญั ชำซ่ึงมีอำนำจสัง่ บรรจุตำมมำตรำ 57 เห็นวำ่ ผู้ถกู กล่ำวหำ

ไม่ไดก้ ระทำผิดตำมข้อกลำ่ วหำ ให้สั่งยตุ เิ รื่องแต่ถำ้ เหน็ วำ่ ผถู้ ูกกล่ำวหำไดก้ ระทำผิดตำมข้อกล่ำวหำ ใหด้ ำเนนิ กำร

ตอ่ ไปตำมมำตรำ 96 หรือมำตรำ 97 แลว้ แต่กรณี

120. สำหรับขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญในกรมเดยี วกนั ทีอ่ ธบิ ดีหรือปลัดกระทรวงถกู กลำ่ วหำว่ำกระทำผดิ วินัย

ร่วมกบั ผู้อยู่ใตบ้ ังคบั บัญชำใหผ้ ้ใู ดเปน็ ผสู้ งั่ แตต่ ัง้ คณะกรรมกำรสอบสวน

1. ก.พ. 2. อ.ก.พ. กระทรวง

3. ปลัดกระทรวงหรอื รฐั มนตรวี ำ่ กำรกระทรวงแลว้ แต่กรณี

4. นำยกรฐั มนตรี

ตอบ 3. แนวคิด มำตรำ 94 (1) สำหรบั ขำ้ รำชกำรพลเรอื นสำมัญในกรมเดยี วกัน ที่อธบิ ดีหรือปลัดกระทรวงถูก
กล่ำวหำวำ่ กระทำผิดวินัยรว่ มกบั ผอู้ ยูใ่ ตบ้ งั คับบญั ชำ ให้ปลัดกระทรวงหรือรฐั มนตรีวำ่ กำรกระทรวง แลว้ แต่กรณี
เปน็ ผู้สัง่ แต่งต้ังคณะกรรมกำรสอบสวน
121. ในกรณกี ระทำผิดเลก็ น้อยและมเี หตุอันควรงดโทษให้ผูบ้ ังคบั บญั ชำซึ่งมอี ำนำจบรรจุตำมมำตรำ 57 มคี ำสง่ั
อย่ำงไร

1. จะงดโทษให้โดยทำทัณฑ์บนเป็นหนงั สอื ก็ได้
2. จะงดโทษใหโ้ ดยวำ่ กลำ่ วตักเตือนกไ็ ด้
3. จะงดโทษให้โดยใหป้ ระกันด้วยบคุ คลเปน็ วำจำไว้กไ็ ด้
4. ถกู เฉพำะขอ้ 1. และ 2.

ตอบ 4. แนวคดิ มำตรำ 96 วรรคสำม ในกรณกี ระทำผิดวินัยเลก็ น้อยและมีเหตุอันควรงดโทษ จะ งดโทษให้โดย

ให้ทำทัณฑบ์ นเป็นหนังสือ หรอื ว่ำกล่ำวตกั เตือนก็ได้

122. กรณที ว่ั ไปหำกขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญผูใ้ ดกระทำผิดวินัยอยำ่ งรำ้ ยแรงให้ลงโทษอยำ่ งไร

1. ปลดออก 2. ไล่ออก

3. ลดขน้ั เงนิ เดือน 4. ปลดออกหรอื ไล่ออกตำมควำมร้ำยแรงแห่งกรณี

ตอบ 4. แนวคิด มำตรำ 97 วรรคแรก ภำยใตบ้ ังคับวรรคสองขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญผู้ใดกระทำผิดวินัยอย่ำง

ร้ำยแรงใหล้ งโทษปลดออกหรือไลอ่ อกตำมควำมรำ้ ยแรงแหง่ กรณถี ำ้ มเี หตุอันควรลดหย่อนจะนำมำประกอบกำร

พิจำรณำลดโทษก็ได้ แต่หำ้ มมิใหล้ ดโทษลงต่ำกวำ่ ปลดออก

123. ข้ำรำชกำรสำมัญพลเรอื นผู้ใดถกู ลงโทษใหป้ ลดออกให้มีสทิ ธิไดร้ ับบำเหน็จบำนำญเสมอื นวำ่ ผู้นั้นเป็น

อยำ่ งไร

1. ผ้นู ั้นถงึ แกค่ วำมตำย ในกำรปฏบิ ตั ิหน้ำที่ 2. ผู้น้นั กระทำผดิ วนิ ยั ไม่ร้ำยแรง

3. ผนู้ ั้นลำออกจำกรำชกำร 4. ผนู้ ัน้ ถึงแก่ควำมตำย

ตอบ 3. แนวคิด มำตรำ 97 วรรคส่ี ผใู้ ดถกู ลงโทษปลดออก ใหม้ สี ิทธไิ ดร้ บั บำเหน็จบำนำญเสมือนวำ่ ผู้นัน้

ลำออกจำกรำชกำร

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 116

------------------------------------------------------------------------------
124. ขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมญั ผูใ้ ดใหข้ ้อมูลต่อผู้บงั คบั บัญชำหรอื ใหถ้ ้อยคำในฐำนะพยำนตอ่ ผมู้ หี น้ำที่สบื สวน

หรอื ตรวจสอบตำมกฎหมำยหรอื ระเบียบของทำงรำชกำรอนั เป็นประโยชน์และเปน็ ผลดียง่ิ ต่อทำงรำชกำร

ผบู้ งั คบั บญั ชำมอี ำนำจตำมข้อใด

1. พิจำรณำเลื่อนขั้นเงนิ เดอื นใหต้ ำมควำมเหมำะสม 2. พจิ ำรณำเล่ือนตำแหน่งให้ตำมควำมเหมำะสม

3. พิจำรณำให้บำเหนจ็ ควำมชอบเป็นกรณพี ิเศษ 4. ถกู ทุกข้อ

ตอบ 3. แนวคดิ มำตรำ 98 วรรคแรก ข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญผใู้ ดให้ข้อมูลตอ่ ผูบ้ ังคับบญั ชำหรือให้ถอ้ ยคำใน

ฐำนะพยำนต่อผมู้ ีหน้ำท่ีสบื สวนสอบสวนหรอื ตรวจสอบตำมกฎหมำยหรือระเบียบของทำงรำชกำร อันเป็น

ประโยชนแ์ ละเป็นผลดียงิ่ ต่อทำงรำชกำรผ้บู ังคบั บัญชำอำจพิจำรณำใหบ้ ำเหน็จควำมชอบเปน็ กรณพี ิเศษได้

125. ขำ้ รำชกำรพลเรอื นสำมญั ผู้ใดซ่งึ ออกจำกรำชกำรอันมใิ ช่เพรำะเหตุตำย มกี รณีถกู กลำ่ วหำเปน็ หนงั สือก่อน

ออกจำกรำชกำรว่ำ ขณะรับรำชกำรได้กระทำหรือละเวน้ กระทำกำรใดอันเป็นควำมผิดวนิ ัยอย่ำงร้ำยแรง ถ้ำเปน็ กำร

กลำ่ วหำตอ่ ผู้บังคับบัญชำของผู้นน้ั หรือตอ่ ผูม้ ีหน้ำทสี่ บื สวนสอบสวนหรอื ตรวจสอบตำมกฎหมำยหรือระเบียบของ

ทำงรำชกำร หรือเปน็ กำรกลำ่ วหำของผู้บังคบั บัญชำของผู้นัน้ หรือมีกรณีถกู ฟ้องคดีอำญำหรือต้องหำคดอี ำญำก่อน

ออกจำกรำชกำรวำ่ ในขณะรับรำชกำรได้กระทำควำมผดิ อำญำอันมใิ ช่เป็นควำมผิดท่ไี ด้กระทำโดยประมำทท่ไี ม่

เกย่ี วกับรำชกำรหรือควำมผดิ ลหุโทษ ผมู้ ีอำนำจดำเนินกำรทำงวนิ ัยมอี ำนำจดำเนินกำรสืบสวนหรือพจิ ำรณำ

ดำเนนิ กำรทำงวนิ ยั และสง่ั ลงโทษตำมทบ่ี ญั ญตั ิไว้ในหมวดน้ตี ่อไปได้เสมือนวำ่ ผู้นนั้ ยงั มิไดอ้ อกจำกรำชกำร แต่

ตอ้ งส่งั ลงโทษภำยในกปี่ ีนับแตว่ ันทีผ่ ู้นัน้ ออกจำกรำชกำร

1. ภำยใน 2 ปี 2. ภำยใน 3 ปี 3. ภำยใน 4 ปี 4. ภำยใน 5 ปี

ตอบ 2. แนวคดิ มำตรำ 100 วรรคแรก ขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมญั ผู้ใดซึ่งออกจำกรำชกำรอนั มิใช่เพรำะเหตุตำย

มีกรณีถกู กล่ำวหำเป็นหนงั สือกอ่ นออกจำกรำชกำรวำ่ ขณะรับรำชกำรไดก้ ระทำหรือละเว้นกระทำกำรใดอนั เปน็

ควำมผดิ วินัยอย่ำงร้ำยแรง ถ้ำเป็นกำรกลำ่ วหำตอ่ ผบู้ ังคับบัญชำของผู้นน้ั หรือต่อผู้มีหน้ำที่สบื สวนสอบสวนหรือ

ตรวจสอบตำมกฎหมำยหรอื ระเบยี บของทำงรำชกำร หรือเป็นกำรกลำ่ วหำของผูบ้ งั คับบัญชำของผู้นน้ั หรอื มกี รณี

ถกู ฟ้องคดีอำญำหรือต้องหำคดีอำญำกอ่ นออกจำกรำชกำรว่ำในขณะรับรำชกำรได้กระทำควำมผดิ อำญำอนั มใิ ช่เป็น

ควำมผดิ ทไ่ี ดก้ ระทำโดยประมำททไ่ี ม่เกี่ยวกับรำชกำรหรือควำมผิดลหุโทษ ผู้มีอำนำจดำเนนิ กำรทำงวนิ ัยมีอำนำจ

ดำเนินกำรสบื สวนหรือพจิ ำรณำดำเนินกำรทำงวนิ ัย และสงั่ ลงโทษตำมทบี่ ญั ญตั ไิ ว้ในหมวดนตี้ ่อไปไดเ้ สมือนวำ่ ผู้

นน้ั ยังมิไดอ้ อกจำกรำชกำร แตต่ ้องสงั่ ลงโทษภำยในสำมปีนบั แตว่ ันท่ีผู้นัน้ ออกจำกรำชกำร

126. ตำมข้อ 125. ในกรณีท่ีศำลปกครองมคี ำพิพำกษำถงึ ที่สุดใหเ้ พิกถอนคำสงั่ ลงโทษ หรือองค์กรพิจำรณำ

อทุ ธรณ์คำสัง่ ลงโทษทำงวนิ ัยหรือองค์กรตรวจสอบรำยงำนกำรดำเนินกำรทำงวนิ ยั มคี ำวนิ จิ ฉยั ถงึ ท่สี ุดหรือมมี ตใิ ห้

เพกิ ถอนคำส่ังลงโทษตำมวรรคหน่ึงหรือวรรคสอง เพรำะเหตกุ ระบวนกำรดำเนินกำรทำงวินัยไม่ชอบดว้ ยกฎหมำย

ใหผ้ ้มู ีอำนำจดำเนินกำรทำงวินัยดำเนนิ กำรทำงวนิ ัยให้แล้วเสรจ็ ภำยในกี่ปนี บั แตว่ ันที่มีคำพิพำกษำถึงที่สุด

1. ภำยใน 2 ปี 2. ภำยใน 3 ปี 3. ภำยใน 4 ปี 4. ภำยใน 5 ปี

ตอบ 1. แนวคิด มำตรำ 100 วรรคสำม ในกรณีท่ีศำลปกครองมคี ำพพิ ำกษำถงึ ทส่ี ดุ ใหเ้ พิกถอนคำสัง่ ลงโทษ
หรือองคก์ รพิจำรณำอุทธรณ์คำสัง่ ลงโทษทำงวินยั หรือองค์กรตรวจสอบรำยงำนกำรดำเนินกำรทำงวนิ ัยมีคำวนิ ิจฉัย
ถึงท่ีสุดหรือมีมติใหเ้ พิกถอนคำสัง่ ลงโทษตำมวรรคหน่ึงหรือวรรคสอง เพรำะเหตกุ ระบวนกำรดำเนนิ กำรทำงวนิ ัย

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 117

------------------------------------------------------------------------------

ไม่ชอบด้วยกฎหมำย ใหผ้ ู้มอี ำนำจดำเนินกำรทำงวินัยดำเนินกำรทำงวินัยให้แลว้ เสร็จภำยในสองปนี บั แต่วันทมี่ ีคำ

พิพำกษำถงึ ทีส่ ดุ หรอื มคี ำวนิ ิจฉยั ถึงทสี่ ดุ หรือมีมติ แล้วแต่กรณี

127. จำกขอ้ 125,126 ถ้ำผลกำรสอบสวนพจิ ำรณำปรำกฏว่ำ ผู้น้นั กระทำผดิ วินัยอย่ำงไมร่ ำ้ ยแรงจะต้องปฏบิ ตั ิ

อย่ำงไร

1. ลงโทษตำมทำงที่พจิ ำรณำไดค้ วำมน้ัน 2. ให้งดโทษ

3. ลงโทษสถำนเบำท่สี ดุ กรณกี ระทำผดิ วนิ ัยอยำ่ งไมร่ ำ้ ยแรง

4. เปน็ ดลุ พนิ จิ ของผ้บู งั คบั บัญชำซงึ่ มีอำนำจสง่ั บรรจตุ ำมมำตรำ 57

ตอบ 2. แนวคิด มำตรำ 100 วรรคสี่ กำรดำเนนิ กำรทำงวนิ ัยตำมวรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสำม ถำ้ ผลกำร
สอบสวนพจิ ำรณำปรำกฏวำ่ ผู้น้นั กระทำผิดวนิ ยั อยำ่ งไม่ร้ำยแรงกใ็ ห้งดโทษ
128. กำรสั่งพักรำชกำรใหส้ ่ังพักอย่ำงไร

1. สั่งพักตลอดเวลำท่สี อบสวนหรือพิจำรณำ 2. ส่ังพกั ไมเ่ กนิ 7 วนั นับแตว่ ันคำสั่งสอบสวน
3. สงั่ พกั ไมเ่ กิน 14 วนั นับแต่วนั คำสงั่ สอบสวน 4. สงั่ พักไม่เกนิ 30 วันนบั แต่วันคำสง่ั สอบสวน

ตอบ 1. แนวคิด มำตรำ 101 วรรคหก กำรสั่งพักรำชกำรให้สั่งพักตลอดเวลำทีส่ อบสวนหรือพจิ ำรณำ เว้นแตผ่ ู้

ถูกสั่งพกั รำชกำรผใู้ ดไดร้ ้องทกุ ขต์ ำมมำตรำ 122 และผมู้ อี ำนำจพิจำรณำคำรอ้ งทุกข์เห็นว่ำสมควรสงั่ ใหผ้ นู้ ้ันกลบั

เข้ำปฏิบัติหน้ำท่ีรำชกำรก่อนกำรสอบสวนหรือพจิ ำรณำเสร็จสิน้ เน่อื งจำกพฤตกิ ำรณข์ องผถู้ ูกส่งั พักรำชกำรไมเ่ ป็น

อุปสรรคต่อกำรสอบสวนหรือพจิ ำรณำ และไมก่ ่อให้เกดิ ควำมไมส่ งบเรยี บร้อยต่อไป หรือเนื่องจำกกำรดำเนินกำร

ทำงวินยั ได้ลว่ งพน้ หนง่ึ ปีนบั แตว่ นั พกั รำชกำรแล้วยังไมแ่ ลว้ เสรจ็ และผถู้ กู สั่งพกั รำชกำรไมม่ พี ฤตกิ รรมดังกล่ำว ให้

ผู้มอี ำนำจส่งั พกั รำชกำรส่ังใหผ้ นู้ น้ั กลับเขำ้ ปฏบิ ัติหน้ำทรี่ ำชกำรก่อนกำรสอบสวนหรือพิจำรณำเสร็จส้ิน

129. หลกั เกณฑ์และวิธกี ำรเก่ยี วกบั กำรสง่ั พกั รำชกำร กำรสง่ั ให้ออกจำกรำชกำรไวก้ ่อนระยะเวลำใหพ้ กั รำชกำร

และให้ออกจำกรำชกำรไวก้ ่อน กำรให้กลับเขำ้ ปฏบิ ัตริ ำชกำรหรือกลบั เขำ้ รับรำชกำรและกำรดำเนินกำรเพื่อให้

เปน็ ไปตำมผลกำรสอบสวนหรอื พิจำรณำให้เปน็ ไปตำมกำหนดในข้อใด

1. มตคิ ณะรฐั มนตรี 2. คำสง่ั ของนำยกรัฐมนตรี

3. ตำมที่กำหนดในกฎ ก.พ. 4. คำส่งั ของ อ.ก.พ. กระทรวง

ตอบ 3. แนวคิด มำตรำ 101 วรรคท้ำย หลกั เกณฑแ์ ละวิธีกำรเกีย่ วกบั กำรสงั่ พกั รำชกำร กำรสง่ั ให้ออกจำก

รำชกำรไวก้ อ่ นระยะเวลำให้พักรำชกำรและให้ออกจำกรำชกำรไวก้ อ่ นกำรให้กลับเขำ้ ปฏิบตั ิรำชกำรหรือกลับเข้ำ

รบั รำชกำรและกำรดำเนินกำรเพื่อให้เปน็ ไปตำมผลกำรสอบสวนหรอื พจิ ำรณำให้เป็นไป ตำมท่ีกำหนดในกฎ ก.พ.

130. ข้ำรำชกำรพลเรือนสำมญั เมื่ออำยุครบก่ปี ใี นสนิ้ ปีงบประมำณและหำกทำงรำชกำรมีควำมจำเปน็ ท่จี ะให้รบั

รำชกำรต่อไป เพ่ือปฏบิ ัตหิ น้ำทีใ่ นทำงวชิ ำกำรหรือหนำ้ ท่ีทต่ี ้องใชค้ วำมสำมำรถเฉพำะตวั ในตำแหน่งจะให้รบั

รำชกำรต่อไปอกี ไมเ่ กินกป่ี ี

1. ครบ 60 ปบี รบิ ูรณแ์ ละต่อไปอกี ไมเ่ กนิ 5 ปี 2. ครบ 60 ปีบริบรู ณแ์ ละต่อไปอีกไม่เกนิ 10 ปี

3. ครบ 65 ปบี ริบูรณแ์ ละต่อไปอีกไม่เกนิ 5 ปี 4. ครบ 65 ปบี ริบรู ณ์และต่อไปอีกไมเ่ กนิ 10 ปี

ตอบ 2. แนวคิด มำตรำ 108 ขำ้ รำชกำรพลเรอื นสำมัญผู้ใดเมื่ออำยุ ครบหกสิบปบี รบิ ูรณ์ ในสนิ้ ปีงบประมำณ
และทำงรำชกำรมีควำมจำเป็นที่จะให้รับรำชกำรตอ่ ไปเพื่อปฏิบัตหิ น้ำทใี่ นทำงวิชำกำรหรือหนำ้ ทีท่ ีต่ ้องใช้

คู่มือสอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 118

------------------------------------------------------------------------------
ควำมสำมำรถเฉพำะตัว ในตำแหนง่ ตำมมำตรำ 46 (3) (ง) หรอื (จ) หรือ (4) (ค) หรือ (ง)จะให้รบั รำชกำร

ต่อไปอีก ไม่เกินสิบปี กไ็ ดต้ ำมทีก่ ำหนดในกฎ ก.พ.

131. ข้ำรำชกำรพลเรือนสำมญั ผ้ใู ดประสงค์จะลำออกจำกรำชกำรใหย้ ่นื หนงั สือขอลำออกต่อผบู้ ังคับบัญชำเหนือ

ขึน้ ไปช้นั หนึ่งโดยยืน่ ล่วงหน้ำก่อนวนั ขอลำออกไม่น้อยกว่ำกี่วันเพอื่ ให้ผบู้ ังคบั บญั ชำซึ่งมีอำนำจสั่งบรรจุตำม

มำตรำ 57 เป็นผพู้ ิจำรณำก่อนวันขอลำออก

1. 15 วนั 2. 30 วนั 3. 45 วนั 4. 60 วนั

ตอบ 2. แนวคดิ มำตรำ 109 วรรคแรก ขำ้ รำชกำรพลเรือนสำมัญผใู้ ดประสงค์จะลำออกจำกรำชกำรใหย้ ่ืน

หนงั สือขอลำออกต่อผู้บงั คบั บญั ชำเหนอื ขึ้นไปช้นั หนงึ่ โดยย่ืนลว่ งหน้ำก่อนวันขอลำออก ไม่นอ้ ยกวำ่ สำมสิบวนั

เพือ่ ให้ผูบ้ ังคบั บัญชำซง่ึ มีอำนำจสั่งบรรจตุ ำมมำตรำ 57 เป็นผพู้ ิจำรณำก่อนวันขอลำออก

132. ในกรณที ผ่ี ู้บังคับบัญชำซึ่งมอี ำนำจสั่งบรรจุตำมมำตรำ 57 เหน็ วำ่ จำเป็นเพื่อประโยชนแ์ ก่รำชกำร จะยับยั้ง

กำรลำออกไว้เป็นเวลำไม่เกนิ ก่ีวัน นับแต่วนั ขอลำออกก็ได้

1. 30 วนั 2. 60 วนั 3. 90 วนั 4. 120 วนั

ตอบ 3. แนวคิด มำตรำ 109 วรรคสำม ในกรณที ีผ่ ้บู งั คับบัญชำซง่ึ มีอำนำจสง่ั บรรจตุ ำมมำตรำ 57 เหน็ ว่ำจำเป็น

เพอื่ ประโยชน์แก่รำชกำร จะยบั ยั้งกำรลำออกไว้เป็นเวลำ ไมเ่ กินเกำ้ สบิ วนั นบั แตว่ ันขอลำออกกไ็ ดใ้ นกรณเี ช่นนัน้

ถ้ำผขู้ อลำออกมิไดถ้ อนใบลำออกก่อนครบกำหนดระยะเวลำกำรยบั ยงั้ ใหถ้ อื วำ่ กำรลำออกนัน้ มผี ลเม่ือครบ

กำหนดเวลำตำมทไ่ี ด้ยับยัง้ ไว้

133. ในกรณีท่ขี ำ้ รำชกำรพลเรือนสำมญั ผใู้ ดประสงค์จะลำออกจำกรำชกำรเพอ่ื ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตำม

รัฐธรรมนูญ ตำแหน่งทำงกำรเมือง หรือตำแหน่งอ่นื ท่ี ก.พ. กำหนด หรือเพื่อสมคั รรับเลือกตง้ั เป็นสมำชิกรัฐสภำ

สมำชิกสภำทอ้ งถิน่ หรือผ้บู ริหำรทอ้ งถน่ิ ให้ย่ืนหนังสือขอลำออกต่อผ้บู ังคบั บัญชำล่วงหนำ้ ไม่น้อยกวำ่ กว่ี ัน

1. 15 วนั 2. 30 วนั 3. 45 วนั 4. 60 วนั

ตอบ 2. แนวคดิ มำตรำ 109 วรรคห้ำ ในกรณีที่ข้ำรำชกำรพลเรือนสำมญั ผใู้ ดประสงค์จะลำออกจำกรำชกำร

เพื่อดำรงตำแหนง่ ในองค์กรอิสระตำมรฐั ธรรมนูญ ตำแหน่งทำงกำรเมือง หรือตำแหน่งอน่ื ท่ี ก.พ. กำหนด หรอื

เพอ่ื สมัครรับเลอื กตงั้ เปน็ สมำชกิ รัฐสภำ สมำชิกสภำท้องถนิ่ หรอื ผู้บริหำรท้องถนิ่ ให้ยื่นหนงั สือขอลำออกตอ่

ผู้บงั คบั บัญชำตำมวรรคหน่งึ และให้กำรลำออกมผี ลนับต้ังแต่วนั ทผี่ ู้นนั้ ขอลำออก

134. ข้ำรำชกำรพลเรือนสำมัญผ้ใู ดมคี วำมคบั ข้องใจอันเกดิ จำกกำรปฏบิ ัติหรือไม่ปฏบิ ตั ติ ่อตนของผูบ้ ังคับบญั ชำ

และเป็นกรณที ่ไี มอ่ ำจอุทธรณต์ ำมหมวด 9 กำรอุทธรณ์ ได้ ผู้น้นั มสี ิทธติ ำมข้อใด

1. กลำ่ วโทษได้ ตำมหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีกำรท่กี ำหนดไวใ้ นหมวดน้ี

2. รอ้ งทกุ ข์ได้ ตำมหลักเกณฑ์และวธิ ีกำรทกี่ ำหนดไวใ้ นหมวดน้ี

3. อุทธรณ์ต่อ ก.พ. ได้ตำมหลักเกณฑแ์ ละวิธีกำรท่ีกำหนดไว้ในหมวดน้ี

4. อุทธรณต์ ่อคณะรฐั มนตรี ได้ตำมหลักเกณฑ์และวิธีกำรทกี่ ำหนดไวใ้ นหมวดน้ี

ตอบ 2. แนวคดิ มำตรำ 122 ขำ้ รำชกำรพลเรอื นสำมัญผู้ใดมคี วำมคับข้องใจ อันเกิดจำกกำรปฏิบตั ิหรือไม่
ปฏิบตั ติ ่อตนของผ้บู งั คบั บญั ชำ และเป็นกรณที ไ่ี ม่อำจอทุ ธรณต์ ำมหมวด 9 กำรอทุ ธรณ์ ได้ ผู้นัน้ มีสิทธริ ้องทุกข์
ได้ ตำมหลกั เกณฑ์และวิธีกำรทก่ี ำหนดไวใ้ นหมวดน้ี

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 119

------------------------------------------------------------------------------
135. กรรมกำรวนิ ิจฉยั รอ้ งทุกข์อำจถูกคัดคำ้ นไดใ้ นกรณีใดบ้ำง

1. เป็นผ้บู งั คับบัญชำผเู้ ป็นเหตุให้เกิดควำมคับข้องใจ หรือเปน็ ผูอ้ ยู่ใต้บังคบั บัญชำของผบู้ ังคบั บัญชำดงั กล่ำว

2. มีส่วนได้เสียในเร่ืองท่ีร้องทุกข์

3. มสี ำเหตุโกรธเคอื งกบั ผู้ร้องทกุ ข์ 4. ถกู ทุกขอ้

ตอบ 4. แนวคิด มำตรำ 125 วรรคแรก เม่อื มกี รณีดังตอ่ ไปนี้ กรรมกำรวนิ จิ ฉยั ร้องทกุ ข์อำจถกู คดั ค้ำนได้

(1) เป็นผบู้ ังคับบัญชำผู้เป็นเหตใุ หเ้ กดิ ควำมคบั ข้องใจ หรือเป็นผู้อยูใ่ ต้บงั คบั บัญชำของผูบ้ ังคับบัญชำ

ดังกล่ำว

(2) มสี ่วนไดเ้ สียในเรือ่ งท่ีร้องทกุ ข์

(3) มีสำเหตุโกรธเคอื งกับผู้ร้องทุกข์

(4) มคี วำมเกยี่ วพนั ทำงเครือญำตหิ รอื ทำงกำรสมรสกับบุคคลตำม (๑) (๒) หรือ (๓)อันอำจก่อให้เกดิ

ควำมไมเ่ ปน็ ธรรมแก่ผู้รอ้ งทุกข์

-------------------------

คู่มือสอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 120

------------------------------------------------------------------------------

แนวขอ้ สอบพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562

1. พระรำชบัญญัตมิ ำตรฐำนทำงจริยธรรม พ.ศ. 2562 มผี ลใช้บงั คับเมื่อใด

ก. ตั้งแต่วนั ถัดจำกวนั ประกำศในรำชกิจจำนเุ บกษำเปน็ ตน้ ไป
ข. ตัง้ แตว่ นั ประกำศในรำชกจิ จำนเุ บกษำเปน็ ตน้ ไป

ค. เมื่อพ้นกำหนด 120 วัน นับแตว่ นั ถัดจำกวันประกำศในรำชกจิ จำนุเบกษำเป็นต้นไป

ง. เมือ่ พน้ กำหนด 180 วัน นบั แต่วันถัดจำกวนั ประกำศในรำชกจิ จำนุเบกษำเป็นต้นไป

เฉลย ก. พระรำชบัญญัติมำตรฐำนทำงจริยธรรม พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจา

นเุ บกษาเป็นตน้ ไป (มำตรำ 2)

2. หน่วยงำนใดบำ้ งที่ไม่อย่ภู ำยใต้บังคับของพระรำชบญั ญตั มิ ำตรฐำนทำงจริยธรรม พ.ศ. 2562

ก. รำชกำรส่วนท้องถ่ิน ข. หนว่ ยงำนธรุ กำรของรัฐสภำ

ค. องค์กำรมหำชน ง. รัฐวสิ ำหกิจ

เฉลย ข. หน่วยงำนของรัฐ หมำยควำมว่ำ กระทรวง ทบวง กรม ส่วนรำชกำรที่เรียกช่ืออย่ำงอ่ืน และมีฐำนะเป็นกรม

รำชกำรส่วนท้องถิ่น รัฐวิสำหกิจ องค์กำรมหำชน หรือหน่วยงำนอ่ืนของรัฐในฝ่ำยบริหำร แต่ไม่หมายความรวมถึง

หน่วยงานธรุ การของรัฐสภา องค์กรอิสระ ศาล และองค์กรอัยการ (มำตรำ 3)

3. คณะกรรมกำรใดทไ่ี มอ่ ยใู่ นควำมหมำยของ “องคก์ รกลำงบริหำรงำนบุคคล”

ก. คณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรอื น ข. คณะกรรมกำรข้ำรำชกำรตำรวจ

ค. คณะกรรมกำรอัยกำร

ง. คณะกรรมกำรขำ้ รำชกำรครแู ละบุคลำกรทำงกำรศึกษำ

เฉลย ค. องค์กรกลำงบริหำรงำนบุคคล หมำยควำมว่ำ คณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน คณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือนใน

สถำบันอุดมศึกษำ คณะกรรมกำรข้ำรำชกำรครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำ และคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรตำรวจ ตำมกฎหมำย

ว่ำด้วยระเบียบข้ำรำชกำรประเภทน้ัน รวมทั้ง คณะกรรมกำรกลำงบริหำรงำนบุคคลของเจ้ำหน้ำที่ของรัฐในฝ่ำยบริหำร และ

คณะกรรมกำรมำตรฐำนกำรบริหำรงำนบุคคลส่วนท้องถ่ินตำมกฎหมำยว่ำด้วยระเบียบบริหำรงำนบุคคลส่วนท้องถิ่น

(มำตรำ 3)

4. บคุ คลใดเป็นผรู้ ักษำกำรตำมพระรำชบญั ญัติมำตรฐำนทำงจรยิ ธรรม พ.ศ. 2562

ก. รัฐมนตรวี ำ่ กำรกระทรวงมหำดไทย ข. รัฐมนตรวี ่ำกำรกระทรวงศกึ ษำธิกำร

ค. นำยกรัฐมนตรรี กั ษำกำรรว่ มกบั รฐั มนตรีวำ่ กำรกระทรวงมหำดไทย

ง. นำยกรฐั มนตรี

เฉลย ง. ใหน้ ายกรฐั มนตรีรักษำกำรตำมพระรำชบญั ญตั ิมำตรฐำนทำงจริยธรรม พ.ศ. 2562 (มำตรำ 4)

5. “มำตรฐำนทำงจริยธรรม” คือ หลกั เกณฑ์กำรประพฤติปฏบิ ัตอิ ย่ำงมีคุณธรรมของเจำ้ หน้ำท่ขี องรัฐ ยกเว้นข้อใด

ก. ซื่อสัตยส์ ุจรติ มจี ติ สำนึกท่ดี ี และรบั ผิดชอบตอ่ หน้ำท่ี

ข. ม่งุ ผลสมั ฤทธ์ิของงำน

ค. แสวงหำควำมร้ใู หม่ ๆ เพอ่ื พฒั นำตนเองตลอดเวลำ

ง. กลำ้ ตดั สนิ ใจและกระทำในส่งิ ทถี่ กู ตอ้ งชอบธรรม

เฉลย ค. “มำตรฐำนทำงจริยธรรม” คือ หลกั เกณฑ์กำรประพฤติปฏิบัตอิ ย่ำงมีคุณธรรมของเจ้ำหน้ำท่ีของรฐั ซ่งึ มี 7 ประการ

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 121

------------------------------------------------------------------------------
ประกอบด้วย (มำตรำ 5)

(1) ยึดม่ันในสถำบันหลักของประเทศ อันได้แก่ ชำติ ศำสนำ พระมหำกษัตริย์ และกำรปกครองระบอบ
ประชำธปิ ไตยอนั มพี ระมหำกษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ

(2) ซอื่ สัตยส์ ุจริต มีจิตสำนึกทีด่ ี และรบั ผิดชอบต่อหน้ำที่

(3) กล้ำตัดสนิ ใจและกระทำในสง่ิ ที่ถกู ต้องชอบธรรม

(4) คิดถึงประโยชน์สว่ นรวมมำกกว่ำประโยชน์ส่วนตัว และมจี ิตสำธำรณะ

(5) มุ่งผลสมั ฤทธข์ิ องงำน

(6) ปฏบิ ัตหิ นำ้ ทีอ่ ย่ำงเป็นธรรมและไม่เลอื กปฏิบัติ

(7) ดำรงตนเปน็ แบบอย่ำงท่ดี ีและรกั ษำภำพลกั ษณ์ของทำงรำชกำร

6. “มำตรฐำนทำงจรยิ ธรรม” ใชเ้ ป็นหลกั สำคญั ในกำรจดั ทำส่งิ ใด

ก. ขอ้ กำหนดวินัยขำ้ รำชกำร ข. ประมวลจริยธรรมของหนว่ ยงำนของรฐั

ค. ประมวลกฎหมำย ง. คมู่ อื กำรปฏิบตั ิงำนกำรดำเนนิ กำรทำงวินัย

เฉลย ข. มำตรฐำนทำงจริยธรรม ให้ใช้เป็นหลักสำคัญในกำรจัดทำประมวลจริยธรรมของหน่วยงานของรัฐที่จะ

กำหนดเป็นหลกั เกณฑใ์ นกำรปฏบิ ตั ิตนของเจำ้ หนำ้ ทขี่ องรฐั (มำตรำ 5)

7. บคุ คลใดมหี น้ำทใ่ี นกำรจดั ทำ “ประมวลจรยิ ธรรม” สำหรับเจำ้ หน้ำที่ของรัฐท่อี ย่ใู นควำมรบั ผิดชอบ

ก. คณะกรรมกำรพฒั นำระบบรำชกำร ข. คณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรอื น

ค. องคก์ รกลำงบรหิ ำรงำนบคุ คลของหนว่ ยงำนของรัฐ

ง. คณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจรยิ ธรรม

เฉลย ค. ให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคลของหน่วยงานของรัฐมีหน้ำท่ีจัดทำประมวลจริยธรรมสำหรับเจ้ำหน้ำท่ีของรัฐท่ี

อยู่ในควำมรบั ผิดชอบ (มำตรำ 6)

8. องค์กรใดมีหนำ้ ท่ีในกำรจัดทำ “ประมวลจรยิ ธรรม” สำหรบั “ข้ำรำชกำรกำรเมอื ง”

ก. คณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม ข. คณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรอื น

ค. คณะกรรมกำรพัฒนำระบบรำชกำร ง. คณะรฐั มนตรี

เฉลย ง. ในกรณีท่ีเป็นเจ้ำหน้ำทข่ี องรัฐซึ่งไม่มีองค์กรกลำงบริหำรงำนบุคคลท่ีรับผิดชอบ ให้องค์กรต่อไปนี้เป็นผู้จัดทำ

ประมวลจรยิ ธรรม (มำตรำ 6)

(1) คณะรฐั มนตรี สาหรบั ข้าราชการการเมือง
(2) สภำกลำโหม สำหรบั ข้ำรำชกำรทหำรและข้ำรำชกำรพลเรอื นกลำโหม

(3) สำนักงำนคณะกรรมกำรนโยบำยรฐั วิสำหกจิ สำหรับผู้บรหิ ำรและพนกั งำนรัฐวิสำหกิจ และ

(4) คณะกรรมกำรพฒั นำและส่งเสริมองคก์ ำรมหำชน สำหรับผบู้ ริหำร เจ้ำหนำ้ ที่ และผู้ปฏิบัติงำนขององค์กำร

มหำชน

9. ในกรณีท่ีมีปัญหำว่ำองค์กรใดเป็นผู้จัดทำ “ประมวลจรยิ ธรรม” สำหรบั เจำ้ หนำ้ ท่ขี องรัฐ บคุ คลใดเป็นผมู้ ีอำนำจวนิ ิจฉยั

ก. คณะกรรมกำรพฒั นำระบบรำชกำร (ก.พ.ร.)

ข. คณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม (ก.ม.จ.)

ค. คณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน (ก.พ.) ง. คณะรฐั มนตรี

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 122

------------------------------------------------------------------------------
เฉลย ข. ในกรณที มี่ ปี ญั หำว่ำองคก์ รใดเปน็ ผู้จัดทำประมวลจรยิ ธรรมสำหรับเจำ้ หน้ำท่ีของรัฐประเภทใดให้ ก.ม.จ. เป็น

ผูม้ อี ำนำจวินจิ ฉัย (มำตรำ 6)

10. “คณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม” เรียกโดยยอ่ วำ่

ก. ก.ม.จ. ข. ค.ม.จ. ค. ก.ม.ธ. ง. ค.ม.ธ.

เฉลย ก. ใหม้ คี ณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรมคณะหนง่ึ เรยี กโดยยอ่ ว่ำ ก.ม.จ. (มำตรำ 8)

11. บุคคลใดทำหนำ้ ที่เป็น “ประธำนกรรมกำร” ในคณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม (ก.ม.จ.)

ก. นำยกรัฐมนตรี ข. รองนำยกรัฐมนตรซี ่ึงนำยกรัฐมนตรมี อบหมำย

ค. เลขำธกิ ำร ก.พ. ง. ท้งั ขอ้ ก. และ ข.

เฉลย ง. บุคคลที่เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม (ก.ม.จ.) คือ นายกรัฐมนตรีหรือ รอง

นายกรัฐมนตรซี ่งึ นายกรัฐมนตรีมอบหมาย (มำตรำ 8)

12. “กรรมกำรโดยตำแหนง่ ” ในคณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม (ก.ม.จ.) มจี ำนวนกี่คน

ก. 3 คน ข. 4 คน ค. 5 คน ง. 6 คน

เฉลย ค. “กรรมกำรโดยตำแหน่ง” ในคณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม (ก.ม.จ.) มีจานวน 5 คน (มำตรำ 8)
13. ข้อใดไมใ่ ช่ “กรรมกำรโดยตำแหน่ง” ในคณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม (ก.ม.จ.)

ก. ผ้แู ทนคณะกรรมกำรเลขำธิกำร ก.พ.

ข. ผู้แทนคณะกรรมกำรขำ้ รำชกำรพลเรือนในสถำบันอดุ มศึกษำ

ค. ผู้แทนสภำกลำโหม

ง. ผแู้ ทนคณะกรรมกำรมำตรฐำนกำรบริหำรงำนบุคคลส่วนทอ้ งถ่ิน

เฉลย ก. “กรรมกำรโดยตำแหน่ง” ในคณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม (ก.ม.จ.) มีจำนวน 5 คน ประกอบด้วย (มำตรำ

8)

(1) ผูแ้ ทนคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือนในสถำบนั อดุ มศึกษำ

(2) ผแู้ ทนคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรครูและบุคลำกรทำงกำรศกึ ษำ

(3) ผแู้ ทนคณะกรรมกำรขำ้ รำชกำรตำรวจ

(4) ผแู้ ทนคณะกรรมกำรมำตรฐำนกำรบริหำรงำนบุคคลส่วนทอ้ งถ่ิน

(5) ผ้แู ทนสภำกลำโหม

14. บุคคลใดเปน็ ผู้แตง่ ต้ัง “กรรมกำรผ้ทู รงคณุ วุฒ”ิ ในคณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจรยิ ธรรม (ก.ม.จ.)

ก. คณะรฐั มนตรี ข. ประธำนรัฐสภำ ค. นำยกรฐั มนตรี ง. เลขำธิกำร ก.พ.

เฉลย ค. ในคณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม (ก.ม.จ.) ให้มี “กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิ” ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งต้ังจำนวน

ไมเ่ กนิ 5 คน (มำตรำ 8)

15. “กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิ” ในคณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม (ก.ม.จ.) มจี ำนวนกี่คน

ก. ไมเ่ กนิ 3 คน ข. ไม่เกนิ 4 คน ค. ไม่เกิน 5 คน ง. ไมเ่ กิน 6 คน

เฉลย ค. ในคณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม (ก.ม.จ.) ให้มี “กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิ” ซ่ึงนำยกรัฐมนตรีแต่งต้ังจำนวน

ไมเ่ กนิ 5 คน (มำตรำ 8)

16. บคุ คลใดเป็น “กรรมกำรและเลขำนุกำร” ในคณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม (ก.ม.จ.)

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 123

------------------------------------------------------------------------------

ก. เลขำธิกำร ก.พ. ข. รัฐมนตรีประจำสำนกั นำยกรัฐมนตรี

ค. เลขำธกิ ำร ก.พ.ร. ง. เลขำธกิ ำรคณะรฐั มนตรี

เฉลย ก. ใหเ้ ลขาธกิ าร ก.พ. เป็นกรรมการและเลขานุการในคณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม (ก.ม.จ.) (มำตรำ 8)

17. หน่วยงำนใดมีหน้ำที่ปฏิบัติงำนธุรกำร งำนประชุม งำนวิชำกำร กำรศึกษำหำข้อมูล และกิจกำรต่ำง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้แก่

คณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม (ก.ม.จ.)

ก. สำนักเลขำธกิ ำรคณะรัฐมนตรี ข. สำนักงำน ก.พ.

ค. สำนักงำน ก.พ.ร. ง. สำนักงำนเลขำธิกำรวุฒิสภำ

เฉลย ข. สานักงาน ก.พ. มีหน้ำท่ีปฏิบัติงำนธุรกำร งำนประชุม งำนวิชำกำร กำรศึกษำหำข้อมูลและกิจกำรต่ำง ๆ ท่ี

เกี่ยวขอ้ งให้แก่คณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม (ก.ม.จ.) (มำตรำ 8)

18. “กรรมกำรผทู้ รงคณุ วุฒิ” ในคณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม (ก.ม.จ.) ตอ้ งมีอำยไุ ม่ต่ำกว่ำกี่ปี

ก. 35 ปี ข. 40 ปี ค. 45 ปี ง. 50 ปี

เฉลย ค. “กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิ” ในคณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจรยิ ธรรม (ก.ม.จ.) ต้องมีอำยุไมต่ ่ากว่าก 45 ปี (มำตรำ 9)

19. “กรรมกำรผู้ทรงคณุ วุฒิ” ในคณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม (ก.ม.จ.) พน้ จำกตำแหนง่ เม่อื ใด

ก. ขำดคณุ สมบตั ิหรอื มลี ักษณะตอ้ งหำ้ ม ข. ลำออก

ค. ก.ม.จ. มีมติให้ออกจำกตำแหน่งด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ำกึ่งหน่ึงของจำนวนกรรมกำรเท่ำท่ีมีอยู่เพรำะ

บกพร่องตอ่ หนำ้ ท่ี มคี วำมประพฤติเสอื่ มเสยี หรือหยอ่ นควำมสำมำรถ

ง. ถกู ทุกขอ้

เฉลย ง. “กรรมกำรผ้ทู รงคณุ วฒุ ิ” ในคณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจรยิ ธรรม (ก.ม.จ.) พน้ จำกตำแหนง่ เมอ่ื (มำตรำ 11)

(1) ตำมวำระครำวละ 3 ปี

(2) ตำย

(3) ลำออก

(4) ขำดคุณสมบตั ิหรือมลี ักษณะตอ้ งหำ้ ม (ดมู ำตรำ 9)

(5) ก.ม.จ. มีมติให้ออกจำกตำแหน่งด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ำกึ่งหน่ึงของจำนวนกรรมกำรเท่ำที่มีอยู่เพรำะ

บกพร่องตอ่ หน้ำท่ี มีควำมประพฤติเสอ่ื มเสีย หรอื หยอ่ นควำมสำมำรถ

20. เก่ยี วกบั วำระกำรดำรงตำแหนง่ ของ “กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิ” ในคณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม (ก.ม.จ.) ข้อใดกลำ่ ว

ถูกตอ้ ง
ก. มวี ำระกำรดำรงตำแหนง่ ครำวละ 3 ปี แตจ่ ะดำรงตำแหนง่ ตดิ ต่อกนั เกนิ 2 วำระไมไ่ ด้

ข. มีวำระกำรดำรงตำแหน่งครำวละ 4 ปี และดำรงตำแหนง่ ได้เพยี งวำระเดียว

ค. มีวำระกำรดำรงตำแหน่งครำวละ 5 ปี แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกนิ 2 วำระไมไ่ ด้

ง. มวี ำระกำรดำรงตำแหน่งครำวละ 6 ปี และดำรงตำแหน่งได้เพยี งวำระเดียว

เฉลย ก. “กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิ” ในคณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม (ก.ม.จ.) มีวาระการดารงตาแหน่งคราวละ 3

ปี หำกพน้ จำกตำแหนง่ ตำมวำระอำจไดร้ บั แตง่ ตั้งอีกได้ แต่จะดารงตาแหน่งติดตอ่ กนั เกิน 2 วาระไม่ได้ (มำตรำ 10)

21. ข้อใดไม่ใชอ่ ำนำจหนำ้ ท่ีของ ก.ม.จ.

ก. จัดทำประมวลจรยิ ธรรม

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 124

------------------------------------------------------------------------------
ข. กำกบั ติดตำม และประเมนิ ผลกำรดำเนินกำรตำมมำตรฐำนทำงจริยธรรม

ค. เสนอแนะและให้คำปรึกษำเกี่ยวกับนโยบำยและยุทธศำสตร์ด้ำนมำตรฐำนทำงจริยธรรมและกำรส่งเสริม
จริยธรรมภำครัฐตอ่ คณะรัฐมนตรี

ง. กำกับ ติดตำม และประเมนิ ผลกำรดำเนินกำรตำมมำตรฐำนทำงจริยธรรม

เฉลย ก. ก.ม.จ. มหี น้ำทแ่ี ละอำนำจ (มำตรำ 13) เช่น

(1) เสนอแนะและให้คำปรึกษำเกี่ยวกับนโยบำยและยุทธศำสตร์ด้ำนมำตรฐำนทำงจริยธรรมและกำรส่งเสริม

จรยิ ธรรมภำครัฐต่อคณะรัฐมนตรี

(2) กำกบั ติดตำม และประเมินผลกำรดำเนินกำรตำมมำตรฐำนทำงจริยธรรม
(3) ตรวจสอบรำยงำนประจำปขี องหน่วยงำนของรัฐ

(4) ตคี วำมและวนิ ิจฉัยปัญหำท่เี กดิ จำกกำรใช้บังคับพระรำชบัญญัตินี้

22. บุคคลใดมีอำนำจกำหนดหลักเกณฑ์เป็นระเบียบ คู่มือ หรือแนวทำงปฏิบัติเพื่อให้องค์กรกลำงบริหำรงำนบุคคลและ

หน่วยงำนของรัฐใช้เป็นหลักเกณฑ์สำหรับกำรจัดทำประมวลจริยธรรมและข้อกำหนดจริยธรรม

ก. คณะรฐั มนตรี ข. คณะกรรมกำรขำ้ รำชกำรพลเรอื น

ค. คณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม ง. คณะกรรมกำรพิทักษร์ ะบบคณุ ธรรม

เฉลย ค. ให้คณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม (ก.ม.จ.) มีอำนำจกำหนดหลักเกณฑ์เป็นระเบียบ คู่มือ หรือแนวทำง

ปฏิบัติเพ่ือให้องค์กรกลำงบริหำรงำนบุคคลและหน่วยงำนของรัฐใช้เป็นหลักเกณฑ์สำหรับกำรจัดทำประมวลจริยธรรม

และข้อกำหนดจริยธรรม (มำตรำ 14)

23. หำกปรำกฏแก่ ก.ม.จ. ว่ำ กำรจัดทำประมวลจริยธรรมขององค์กรกลำงบริหำรงำนบุคคลหรือข้อกำหนดจริยธรรม ของ

หน่วยงำนของรฐั แห่งใด ไม่สอดคล้องกบั มำตรฐำนทำงจริยธรรมหรือมีกำรปฏิบัติท่ีไม่เป็นไปตำมหลักเกณฑ์ท่ี ก.ม.จ.

กำหนด ขอ้ ใดกล่ำวถกู ตอ้ ง

ก. ให้ ก.ม.จ. เสนอรำยงำนต่อนำยกรฐั มนตรเี พ่อื ใหม้ คี ำสง่ั ตอ่ ไป

ข. ให้ ก.ม.จ. เสนอรำยงำนต่อคณะรัฐมนตรีเพอื่ ให้มมี ตติ ่อไป

ค. ให้ ก.ม.จ. เปน็ ผู้ออกคำส่ังให้มีกำรแกไ้ ขให้ถกู ตอ้ ง

ง. ให้ ก.ม.จ. แจง้ ใหอ้ งค์กรกลำงบริหำรงำนบุคคลหรือหน่วยงำนของรฐั แห่งน้ันดำเนินกำรแก้ไขใหถ้ กู ต้อง

เฉลย ง. ในกรณีที่ปรำกฏแก่ ก.ม.จ. ว่ำ กำรจัดทำประมวลจริยธรรมขององค์กรกลำงบริหำรงำนบุคคลหรือข้อกำหนด

จริยธรรมของหน่วยงำนของรัฐแห่งใด ไม่สอดคล้องกับมำตรฐำนทำงจริยธรรมหรือมีกำรปฏิบัติท่ี ไม่เป็นไปตำม

หลักเกณฑ์ที่ ก.ม.จ. กำหนด ให้ ก.ม.จ. แจ้งให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคลหรือหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นดาเนินการ

แก้ไขใหถ้ ูกต้อง (มำตรำ 14)

24. โดยทัว่ ไป ก.ม.จ. ต้องจดั ใหม้ กี ำร “ทบทวนมำตรฐำนทำงจริยธรรม” เมือ่ ใด

ก. ทกุ 2 ปี ข. ทุก 3 ปี ค. ทกุ 4 ปี ง. ทกุ 5 ปี

เฉลย ง. ให้ ก.ม.จ. จัดให้มีกำรทบทวนมำตรฐำนทำงจริยธรรมทุก 5 ปี หรือในกรณีที่มีควำมจำเป็นหรือสถำนกำรณ์

เปล่ียนแปลงไป ก.ม.จ. จะพจิ ำรณำทบทวนในรอบระยะเวลำทีเ่ ร็วกวำ่ นัน้ ก็ได้ (มำตรำ 15)

25. กำรประชมุ ก.ม.จ. ต้องมกี รรมกำรมำประชมุ จำนวนเท่ำใดจึงจะเป็นองคป์ ระชมุ และกำรวนิ จิ ฉัยชีข้ ำดของที่ประชุม

ให้เปน็ เชน่ ใด

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 125

------------------------------------------------------------------------------
ก. ไม่น้อยกว่ำ 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมกำรทั้งหมดเท่ำที่มีอยู่ และกำรวินิจฉัยชี้ขำดของที่ประชุมให้ถือเสียง

ข้ำงมำก
ข. ไม่น้อยกว่ำ 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมกำรทัง้ หมดเทำ่ ทีม่ ีอยู่ และกำรวินิจฉัยชี้ขำดของที่ประชุมให้ถือมติเอก

ฉันท์

ค. ไม่น้อยกว่ำกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมกำรท้ังหมดเท่ำที่มีอยู่ และกำรวินิจฉัยช้ีขำดของท่ีประชุมให้ถือเสียง

ข้ำงมำก

ง. ไม่นอ้ ยกว่ำกงึ่ หน่ึงของจำนวนกรรมกำรทั้งหมดเท่ำที่มีอยู่ และกำรวินิจฉัยช้ีขำดของท่ีประชุมให้ถือมติเอก

ฉนั ท์

เฉลย ค. กำรประชุม ก.ม.จ. ต้องมีกรรมกำรมำประชุมไม่น้อยกว่าก่ึงหนึ่งของจานวนกรรมการทั้งหมดเท่า ที่มีอยู่จึง

จะเปน็ องค์ประชุม และกำรวนิ จิ ฉัยชี้ขำดของที่ประชมุ ให้ถือเสียงข้างมาก (มำตรำ 16)

26. กำหนดเวลำใดที่หนว่ ยงำนของรฐั ต้องจัดทำ “รำยงำนประจำปี” ตำมหลักเกณฑท์ ี่ ก.ม.จ. กำหนด

ก. ทกุ ส้นิ ปงี บประมำณ ข. ภำยในเดือนธันวำคมของทุกปี

ค. ทกุ วันที่ 15 ธันวำคมของทุกปี ง. ทกุ ปภี ำษี

เฉลย ก. ทุกสิ้นปีงบประมาณ ให้หน่วยงำนของรัฐจัดทำรำยงำนประจำปีตำมหลักเกณฑ์ที่ ก.ม.จ. กำหนด เสนอต่อ

ก.ม.จ. โดยให้เสนอรำยงำนประจำปีนั้นผ่ำนองค์กรกลำงบริหำรงำนบุคคลเพ่ือประเมินผลในภำพรวม ของหน่วยงำน

ของรัฐเสนอตอ่ ก.ม.จ. ด้วย (ข้อ 19)

27. กำรจัดหลักสูตรกำรฝึกอบรมและกำรเผยแพร่ควำมเข้ำใจ ตลอดจนกำรกำหนดมำตรกำรจูงใจเพื่อพัฒนำและ

ส่งเสรมิ ใหเ้ จำ้ หนำ้ ท่ขี องรัฐมพี ฤตกิ รรมทำงจริยธรรมเป็นแบบอย่ำงทด่ี ี เปน็ หน้ำทข่ี องผ้ใู ด

ก. หน่วยงำนของรฐั ข. ผบู้ งั คบั บญั ชำ

ค. คณะกรรมกำรมำตรฐำนทำงจริยธรรม ง. องคก์ รกลำงบริหำรงำนบุคคล

เฉลย ง. ใหอ้ งคก์ รกลางบรหิ ารงานบุคคล มีอำนำจและหน้ำทจี่ ดั หลักสูตรกำรฝึกอบรม กำรเผยแพร่ควำมเข้ำใจ ตลอดจนกำร

กำหนดมำตรกำรจูงใจเพ่ือพัฒนำและส่งเสริมให้เจ้ำหน้ำท่ีของรัฐในหน่วยงำนของรัฐมีพฤติกรรมทำงจริยธรรมเป็น

แบบอยำ่ งทด่ี ี (มำตรำ 20)

......................................

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 126

------------------------------------------------------------------------------

แนวข้อสอบ ระเบยี บสานกั นายกรฐั มนตรี ว่าดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ.2526

และทีแ่ กไ้ ขเพิม่ เติม ถึงฉบบั ท่ี 3 พ.ศ. 2560

1. ระเบยี บน้ีเรียกวำ่ “ระเบียบสำนกั นำยกรฐั มนตรีวำ่ ดว้ ยงำนสำรบรรณ พ.ศ. 2526 ” ถูกแก้ไขเพมิ่ เตมิ ฉบบั ที่

2 ในปี พ.ศ.ใด

1. พ.ศ. 2546 2. พ.ศ. 2547 3. พ.ศ. 2548 4. พ.ศ. 2549

ตอบ 3. แนวคิด ระเบียบสำนักนำยกรฐั มนตรี ว่ำดว้ ยงำนสำรบรรณ พ.ศ. 2526 และทีแ่ ก้ไขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ท่ี 2)

พ.ศ. 2548

2. บรรดำระเบยี บ ข้อบงั คับ มตขิ องคณะรัฐมนตรี และคำสั่งอ่นื ใด ในส่วนท่ีกำหนดไว้แลว้ ในระเบียบน้ี

หรือซ่ึงขดั หรือแยง้ กับระเบียบน้ี โดยหลักแล้วให้มผี ลอยำ่ งไร

1. ให้ตกเป็นโมฆะ 2. ใหใ้ ช้ระเบยี บนี้แทน

3. ใหใ้ ชร้ ะเบยี บ ขอ้ บังคบั มตคิ ณะรัฐมนตรีฯ นั้นๆ

4. ไม่มีขอ้ ใดถกู

ตอบ 2. แนวคดิ ข้อ 3. วรรคสอง บรรดำระเบยี บ ข้อบังคับ มติของคณะรฐั มนตรี และคำสั่งอนื่ ใด ในส่วนท่ี

กำหนดไวแ้ ล้วในระเบยี บนห้ี รอื ซึ่งขัดหรือแยง้ กับระเบียบน้ีใหใ้ ชร้ ะเบียบนแี้ ทน เว้นแตก่ รณีทีก่ ล่ำวในข้อ 5.

3. ระเบียบสำนักนำยกรฐั มนตรี วำ่ ด้วยงำนสำรบรรณ (ฉบับท่ี 2) ให้ใชบ้ งั คับต้ังแต่เมือ่ ใด

1. ต้ังแต่วันถดั จำกวันประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำเป็นต้นไป

2. ตงั้ แต่เกำ้ สบิ วนั ถัดจำกวันประกำศในรำชกจิ จำนุเบกษำเป็นต้นไป

3. ตง้ั แต่รอ้ ยยสี่ ิบวันถัดจำกวันประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำเปน็ ตน้ ไป

4. ตัง้ แต่รอ้ ยแปดสิบวันถัดจำกวนั ประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำเปน็ ตน้ ไป

ตอบ 1. แนวคดิ ระเบียบสำนักนำยกรฐั มนตรี วำ่ ดว้ ยงำนสำรบรรณ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2548 ให้ใชบ้ ังคับ ต้ังแต่

วนั ถดั จำกวนั ประกำศในรำชกจิ จำนเุ บกษำ เป็นตน้ ไป (ประกำศในรำชกจิ จำนุเบกษำ เลม่ 122 ตอนพเิ ศษ 99 ง

4. ตำมข้อ 3. ระเบยี บสำนกั นำยกรัฐมนตรี ว่ำด้วยงำนสำรบรรณ ฉบับท่ี 2 ประกำศในรำชกจิ จำนุเบกษำ เมื่อ

วนั ทีเ่ ท่ำใด

1. วนั ที่ 23 กนั ยำยน 2548 2. วนั ที่ 24 กันยำยน 2548

3. วันท่ี 25 กันยำยน 2548 4. วนั ท่ี 26 กนั ยำยน 2548

ตอบ 1. แนวคดิ ระเบยี บสำนกั นำยกรฐั มนตรี วำ่ ดว้ ยงำนสำรบรรณ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2548 ให้ใชบ้ งั คับตง้ั แต่วัน

ถดั จำกวันประกำศในรำชกจิ จำนเุ บกษำเปน็ ตน้ ไป ประกำศในรำชกิจจำนเุ บกษำ เลม่ 122 ตอนพิเศษ 99 ง วนั ที่

23 กนั ยำยน 2548
5. ในกรณีท่ีกฎหมำย ระเบยี บว่ำด้วยกำรรักษำควำมปลอดภัยแห่งชำติ หรือระเบยี บว่ำด้วยกำรรกั ษำควำมลับ

ของทำงรำชกำร กำหนดวิธีปฏิบตั เิ ก่ียวกับงำนสำรบรรณไวเ้ ป็นอยำ่ งอนื่ ให้ถือปฏิบตั ิอยำ่ งไร

1. ให้เปน็ อันใช้บงั คบั ไมไ่ ดเ้ ลย

2. ใหป้ ฏิบตั ิตำมกฎหมำยหรือระเบยี บดังกล่ำวเป็นบำงส่วนเทำ่ ท่ไี มข่ ัดกับระเบียบงำนสำรบรรณน้ี

3. ให้ถือปฏบิ ัตติ ำม กฎหมำย หรอื ระเบียบว่ำดว้ ยกำรน้ัน

คู่มือสอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 127

------------------------------------------------------------------------------
4. ตกเป็นโมฆะ

ตอบ 3. แนวคิด ข้อ 5. ในกรณีทีก่ ฎหมำย ระเบียบว่ำด้วยกำรรกั ษำควำมปลอดภยั แห่งชำติ หรือระเบยี บวำ่ ดว้ ย
กำรรักษำควำมลับของทำงรำชกำร กำหนดวธิ ีปฏิบัติเก่ยี วกบั งำนสำรบรรณไว้เป็นอยำ่ งอ่นื ให้ถือปฏบิ ัติตำม
กฎหมำย หรือระเบยี บวำ่ ดว้ ยกำรน้นั

หมำยเหตุ ข้อ 5. ควำมเดิมถูกยกเลิกโดยขอ้ 3 แห่งระเบยี บสำนักนำยกรัฐมนตรีว่ำด้วยงำนสำรบรรณ (ฉบับท่ี
2) พ.ศ. 2548
6. ในระเบยี บนี้ “งำนสำรบรรณ” มหี มำยควำมตำมข้อใด

1. งำนที่เกี่ยวกบั กำรบริหำรงำนเอกสำรทกุ กรณี
2. งำนที่เกย่ี วกบั กำรกำรจัดทำเอกสำรทกุ กรณี
3. งำนท่ีเกี่ยวกบั กำรบริหำรงำนเอกสำรเรม่ิ ตง้ั แต่กำรจัดทำ กำรรบั กำรส่ง กำรเกบ็ รกั ษำ กำรยืม จนถึงกำร
ทำลำย
4. งำนท่เี กย่ี วกบั กำรบริหำรงำนเอกสำรเร่ิมตง้ั แตก่ ำรจัดทำ กำรรบั กำรสง่ กำรเก็บรักษำ กำรยืม กำรทำลำย
และกำรเก็บรักษำควำมลับของทำงรำชกำรในหนว่ ยงำนต่ำงๆของประเทศ

ตอบ 3. แนวคิด ข้อ 6. วรรคแรก ในระเบียบนี้

“งำนสำรบรรณ” หมำยควำมวำ่ งำนท่ีเก่ียวกับกำรบริหำรงำนเอกสำรเริม่ ตั้งแตก่ ำรจัดทำ กำรรับ กำรส่ง กำรเกบ็

รักษำ กำรยืม จนถึงกำรทำลำย

7. ในระเบียบน้ี “หนังสอื ” มคี วำมหมำยตำมข้อใด

1. หนงั สือทุกชนิด 2. หนงั สือรำชกำร

3. หนังสือเอกชน 4. หนงั สือรำชกำรและเอกชนทีเ่ ก่ียวขอ้ ง

ตอบ 2. แนวคดิ ข้อ 6. ในระเบยี บนี้ “หนงั สอื ” หมำยควำมวำ่ หนงั สือรำชกำร
8. ในระเบยี บน้ี “อเิ ล็กทรอนกิ ส์” หมำยควำมตำมข้อใด

1. กำรประยกุ ต์ใชว้ ิธีกำรทำงอเิ ล็กตรอน ไฟฟำ้ คลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟ้ำ หรอื วิธีอน่ื ใดในลักษณะคลำ้ ยกนั
2. กำรประยุกตใ์ ช้วิธกี ำรทำงแสง วธิ กี ำรทำง แม่เหล็ก หรืออปุ กรณท์ เี่ ก่ยี วข้องกบั กำรประยุกต์ใช้ตำ่ งๆ เชน่
ว่ำนน้ั
3. ถกู ทั้งข้อ 1. และ 2.
4. กำรประยกุ ตใ์ ช้วิธีกรรมอิเลก็ ทรอนิกส์ในระบบงำนสำรบรรณ
ตอบ 3. แนวคิด ข้อ 6. ในระเบียบน้ี “อิเลก็ ทรอนิกส์” หมำยควำมว่ำ กำรประยกุ ตใ์ ช้วิธีกำรทำง
อเิ ลก็ ตรอน ไฟฟำ้ คลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้ำ หรือวิธีอ่ืนใดในลกั ษณะคล้ำยกนั และให้หมำยควำมรวมถงึ กำร
ประยุกต์ใชว้ ธิ ีกำรทำงแสง วิธกี ำรทำง แมเ่ หล็ก หรืออุปกรณท์ เ่ี กีย่ วข้องกับกำรประยกุ ตใ์ ชต้ ำ่ งๆ เชน่ วำ่ น้ัน
หมำยเหตุ บทนยิ ำมนเี้ พิ่มเติม โดยขอ้ 4 แหง่ ระเบยี บสำนกั นำยกรฐั มนตรี วำ่ ด้วยงำนสำรบรรณ (ฉบับท่ี 2)
พ.ศ. 2548
9. ในระเบียบนี้ “ระบบสำรบรรณอิเล็กทรอนกิ ส์” หมำยควำมตำมข้อใด
1. กำรรับสง่ ขอ้ มลู ข่ำวสำร ผ่ำนระบบสื่อสำรด้วยวิธกี ำรทำงอิเล็กทรอนกิ ส์

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 128

------------------------------------------------------------------------------
2. กำรรับส่งขอ้ มูลหนังสือ ผ่ำนระบบสอ่ื สำรด้วยวิธกี ำรทำงอเิ ล็กทรอนิกส์
3. ถูกทัง้ ข้อ 1. และ 2.
4. กำรจดั กำรขอ้ มลู ข่ำวสำรหรอื หนงั สอื ผำ่ นระบบสือ่ สำรดว้ ยวธิ ีกำรทำงอเิ ล็กทรอนิกส์

ตอบ 3. แนวคิด ข้อ 6. ในระเบยี บนี้ “ระบบสำรบรรณอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์” หมำยควำมวำ่ กำรรบั สง่ ขอ้ มลู ข่ำวสำร
หรอื หนังสอื ผำ่ นระบบสอื่ สำรดว้ ยวธิ ีกำรทำงอิเล็กทรอนิกส์
หมำยเหตุ บทนยิ ำมน้เี พมิ่ เติมโดยขอ้ 4 แหง่ ระเบียบสำนกั นำยกรฐั มนตรี วำ่ ด้วยงำนสำรบรรณ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ.
2548
10. ในระเบยี บน้ี “ส่วนรำชกำร” หมำยควำมตำมขอ้ ใด

1. กระทรวง ทบวง กรม
2. สำนักงำน หรือหน่วยงำนอนื่ ใดของรัฐ ในรำชกำรบริหำรสว่ นกลำงรำชกำรบริหำรสว่ นภมู ภิ ำค รำชกำร
บริหำรสว่ นทอ้ งถนิ่
3. สำนักงำน หรือหนว่ ยงำนอนื่ ใดของรัฐในตำ่ งประเทศ
4. ถกู ทุกข้อ

ตอบ 4. แนวคิด ข้อ 6. ในระเบียบนี้ “ส่วนรำชกำร” หมำยควำมวำ่ กระทรวง ทบวง กรม สำนกั งำน หรอื

หนว่ ยงำนอื่นใดของรฐั ทงั้ ใน รำชกำรบรหิ ำรสว่ นกลำง รำชกำรบริหำรส่วนภมู ิภำค รำชกำรบริหำรส่วนท้องถิ่น

หรือในตำ่ งประเทศ และ ให้หมำยควำมรวมถึงคณะกรรมกำรด้วย

11. ในระเบียบนี้ “คณะกรรมกำร” หมำยควำมตำมขอ้ ใด

1. คณะบคุ คลทไี่ ด้รับมอบหมำยจำกทำงรำชกำร ใหป้ ฏิบัติงำนในเร่ืองใดๆ

2. คณะอนุกรรมกำร คณะทำงำน หรือคณะบคุ คลอน่ื ท่ีปฏบิ ตั งิ ำนในลักษณะเดียวกนั

3. ถูกทั้งขอ้ 1. และ 2.

4. ไมม่ ีข้อใดถกู

ตอบ 3. แนวคิด ข้อ 6. ในระเบยี บน้ี “คณะกรรมกำร” หมำยควำมว่ำ คณะบคุ คลท่ีได้รับมอบหมำยจำกทำง

รำชกำรใหป้ ฏิบัติงำนในเรื่อง ใดๆ และใหห้ มำยควำมรวมถงึ คณะอนุกรรมกำร คณะทำงำน หรือคณะบคุ คลอน่ื ท่ี

ปฏบิ ัตงิ ำนในลกั ษณะเดยี วกนั

12. “คำอธิบำยซึ่งกำหนดไว้ท้ำยระเบียบ” ใหถ้ อื วำ่ มีผลอย่ำงไร

1. เปน็ สว่ นประกอบที่ใชง้ ำนสำรบรรณ 2. ใหใ้ ช้เปน็ แนวทำงในกำรปฏิบตั ิ

3. ถกู ท้ังขอ้ 1. และ 2.

4. ไมม่ ผี ลอยำ่ งใดเลยเป็นเพียงคำอธิบำยเพ่ือให้เขำ้ ใจไดช้ ัดเจนขึ้น

ตอบ 3. แนวคิด ข้อ 7. คำอธิบำยซง่ึ กำหนดไว้ทำ้ ยระเบียบใหถ้ ือวำ่ เปน็ สว่ นประกอบท่ใี ชง้ ำนสำรบรรณและให้

ใชเ้ ปน็ แนวทำงในกำรปฏบิ ัติ

13. ให้ผูใ้ ดรกั ษำกำรตำมระเบียบนี้

1. นำยกรัฐมนตรี 2. ปลัดสำนกั นำยกรฐั มนตรี

3. รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย 4. ก.พ.

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 129

------------------------------------------------------------------------------
ตอบ 2. แนวคิด ข้อ 8. ให้ ปลัดสำนักนำยกรัฐมนตรี รักษำกำรตำมระเบยี บนี้
14. ผรู้ ักษำกำรตำมข้อ 13. มีอำนำจตำมข้อใด

1. ตคี วำมและวนิ ิจฉยั ปัญหำเก่ยี วกบั กำรปฏบิ ตั ติ ำมระเบียบนี้
2. แกไ้ ขเพม่ิ เติมภำคผนวก และจัดทำคำอธบิ ำยเก่ียวกบั งำนสำรบรรณ
3. ให้มหี น้ำทดี่ ำเนินกำรฝกึ อบรมเก่ียวกบั งำนสำรบรรณ
4. ถกู ทกุ ข้อ
ตอบ 4. แนวคิด ข้อ 8. ให้ปลดั สำนกั นำยกรฐั มนตรีรกั ษำกำรตำมระเบียบน้ี และ ใหม้ อี ำนำจตีควำมและวนิ ิจฉยั
ปัญหำเกี่ยวกบั กำรปฏบิ ตั ิตำมระเบียบน้ี รวมท้ังกำรแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ภำคผนวกและจัดทำคำอธบิ ำย กับใหม้ ี หนำ้ ท่ี
ดำเนินกำรฝึกอบรมเก่ยี วกับงำนสำรบรรณ
15. กำรตีควำม กำรวนิ จิ ฉัยปัญหำ และกำรแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ภำคผนวก และคำอธบิ ำยตำมขอ้ 14. ปลัด สำนกั
นำยกรัฐมนตรี จะขอควำมเห็นจำกหนว่ ยงำนใด เพื่อประกอบกำรพจิ ำรณำก็ได้
1. สำนักงำน ก.พ.
2. คณะกรรมกำรพิจำรณำปรบั ปรงุ และพฒั นำระเบยี บสำนักนำยกรัฐมนตรี
3. คณะกรรมกำรพัฒนำงำนสำรบรรณ
4. สำนักนำยกรฐั มนตรี

ตอบ 2. แนวคิด ข้อ 8. วรรคสอง กำรตีควำม กำรวินิจฉัยปญั หำ และกำรแก้ไขเพิ่มเติมภำคผนวก และ
คำอธิบำยตำมวรรคหนงึ่ ปลดั สำนักนำยกรัฐมนตรีจะขอควำมเหน็ จำก คณะกรรมกำรพจิ ำรณำปรับปรุงและพัฒนำ
ระเบียบสำนักนำยกรฐั มนตรี เพ่ือประกอบกำรพจิ ำรณำก็ได้
16. หนงั สอื รำชกำรตำมระเบยี บน้ี คือ เอกสำรท่ีมีวัตถุประสงค์ตำมขอ้ ใด

1. เอกสำรทกุ ชนิดของรำชกำร
2. เอกสำรทเี่ ป็นหลกั ฐำนในรำชกำร
3. เอกสำรประจำหน่วยงำนรำชกำรต่ำงๆ
4. ถกู ทกุ ข้อ
ตอบ 2. แนวคิด ข้อ 9. หนงั สือรำชกำร คือ เอกสำรท่เี ป็นหลกั ฐำนในรำชกำร
หมำยเหตุ ข้อ 9 ควำมเดมิ ถูกยกเลิกโดยข้อ 5 แห่งระเบียบสำนักนำยกรฐั มนตรี ว่ำดว้ ยงำนสำรบรรณ (ฉบบั
ที่ 2) พ.ศ. 2548 และ ให้ใช้ควำมท่ีพิมพไ์ ว้แทน
17. หนงั สือรำชกำรตำมระเบียบนี้ ได้แกข่ ้อใด
1. หนงั สอื ทม่ี ีไปมำระหวำ่ งส่วนรำชกำร
2. หนังสือที่ส่วนรำชกำรมไี ปถงึ หนว่ ยงำนอน่ื ใดซ่งึ มิใชส่ ่วนรำชกำร หรือทมี่ ไี ปถงึ บุคคลภำยนอก
3. หนงั สอื ท่หี น่วยงำนอ่ืนใดซ่งึ มใิ ชส่ ว่ นรำชกำร หรอื ท่ีบุคคลภำยนอกมีมำถึงส่วน รำชกำร
4. ถูกทุกขอ้
ตอบ 4. แนวคิด ข้อ 9. หนงั สอื รำชกำร คอื เอกสำรที่เป็นหลกั ฐำนในรำชกำร ได้แก่
9.1 หนังสอื ท่มี ไี ปมำระหว่ำงสว่ นรำชกำร

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 130

------------------------------------------------------------------------------
9.2 หนงั สือท่ีสว่ นรำชกำรมไี ปถึงหน่วยงำนอื่นใดซึ่งมิใช่สว่ นรำชกำร หรือทม่ี ไี ปถงึ บุคคลภำยนอก
9.3 หนงั สอื ท่หี น่วยงำนอื่นใดซึง่ มใิ ช่สว่ นรำชกำร หรอื ท่ีบคุ คลภำยนอกมมี ำถึงสว่ น รำชกำร

หมำยเหตุ ข้อ 9. ควำมเดมิ ถูกยกเลิกโดยข้อ 5 แหง่ ระเบยี บสำนกั นำยกรัฐมนตรี ว่ำด้วยงำนสำรบรรณ (ฉบับท่ี 2)
พ.ศ. 2548 และ ให้ใชค้ วำมที่พมิ พไ์ ว้แทน
18. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ หนังสอื รำชกำรตำมระเบยี บน้ี

1. เอกสำรทที่ ำงรำชกำรจัดทำข้นึ เพ่อื เปน็ หลักฐำนในรำชกำร
2. เอกสำรทท่ี ำงรำชกำรจัดทำขึน้ ตำมกฎหมำย ระเบียบ หรือข้อบังคบั
3. หนงั สอื ของบุคคลภำยนอกทนี่ ำมำเกบ็ รกั ษำไว้กับทำงรำชกำร
4. ถูกทุกข้อ

ตอบ 3. แนวคดิ ข้อ 9. หนังสอื รำชกำร คือ เอกสำรที่เป็นหลกั ฐำนในรำชกำร ได้แก่

9.4 เอกสำรทที่ ำงรำชกำรจัดทำข้ึนเพือ่ เป็นหลกั ฐำนในรำชกำร

9.5 เอกสำรท่ที ำงรำชกำรจัดทำขน้ึ ตำมกฎหมำย ระเบยี บ หรอื ข้อบังคับ

9.6 ข้อมลู ขำ่ วสำรหรอื หนงั สือท่ีได้รับจำกระบบสำรบรรณอเิ ล็กทรอนกิ ส์

หมำยเหตุ ข้อ 9. ควำมเดิมถูกยกเลิกโดยขอ้ 5 แห่งระเบยี บสำนักนำยกรัฐมนตรี ว่ำดว้ ยงำนสำรบรรณ (ฉบบั ที่ 2)

พ.ศ. 2548 และ ใหใ้ ชค้ วำมทีพ่ ิมพไ์ ว้แทน

19. “หนังสือ” ตำมระเบียบนี้ มีก่ีชนิด

1. 4 ชนดิ 2. 5 ชนดิ 3. 6 ชนิด 4. 7 ชนิด

ตอบ 3. แนวคดิ ข้อ 10. หนังสือ มี 6 ชนดิ คอื

10.1 หนงั สือภำยนอก 10.2 หนงั สือภำยใน 10.3 หนังสือประทบั ตรำ

10.4 หนังสือสัง่ กำร 10.5 หนงั สือประชำสัมพนั ธ์

10.6 หนงั สือท่ีเจ้ำหนำ้ ท่ที ำข้ึนหรือรับไว้เป็นหลกั ฐำนในรำชกำร

20. ในระเบยี บนี้ “หนงั สอื ภำยนอก” หมำยถงึ หนงั สอื ตำมข้อใด

1. หนงั สอื ติดต่อรำชกำรทเี่ ป็นแบบพิธีโดยใชก้ ระดำษตรำครฑุ เปน็ หนังสอื ติดต่อระหว่ำงส่วนรำชกำร

2. หนงั สือติดต่อรำชกำรทีเ่ ป็นแบบพิธโี ดยใช้กระดำษตรำครุฑเป็นหนังสอื ตดิ ต่อระหว่ำงสว่ นรำชกำรมีถงึ

หน่วยงำนอื่นใดซึง่ มิใชส่ ว่ นรำชกำร

3. หนังสอื ติดต่อรำชกำรทเ่ี ป็นแบบพิธีโดยใช้กระดำษตรำครุฑเป็นหนงั สือตดิ ต่อระหว่ำงสว่ นรำชกำรทมี่ ถี ึง

บุคคลภำยนอก

4. ถูกทุกขอ้

ตอบ 4. แนวคดิ ข้อ 11. หนังสือภำยนอก คือ หนังสือติดต่อรำชกำรที่เปน็ แบบพิธีโดยใชก้ ระดำษตรำครฑุ
เปน็ หนังสือติดตอ่ ระหว่ำงส่วนรำชกำร หรือ ส่วนรำชกำรมีถงึ หนว่ ยงำนอื่นใดซ่ึงมใิ ช่ส่วนรำชกำร หรือ ทม่ี ถี ึง
บุคคลภำยนอก ใหจ้ ัดทำตำมแบบท่ี 1 ท้ำยระเบยี บ
21. รำยละเอียดของ “หนงั สอื ภำยนอก” ตำมข้อ 20. ในสว่ นของ “รำชกำรเจ้ำของหนังสือ”.. ให้กรอก
รำยละเอียดสิง่ ใดบ้ำง

คู่มือสอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 131

------------------------------------------------------------------------------
1. ใหล้ งชอ่ื ส่วนรำชกำร
2. ให้ลงชอื่ ส่วนรำชกำร สถำนทร่ี ำชกำร
3. ใหล้ งชอ่ื สว่ นรำชกำร สถำนทร่ี ำชกำรหรือคณะกรรมกำรซ่งึ เป็นเจ้ำของหนังสือนั้น
4. ให้ลงชอื่ สว่ นรำชกำร สถำนท่ีรำชกำรหรือคณะกรรมกำรซงึ่ เป็นเจ้ำของหนังสอื นั้น และโดยปกติใหล้ ง

ทต่ี ้งั ไวด้ ว้ ย
ตอบ 4. แนวคดิ ข้อ 11. หนังสือภำยนอก คือ หนงั สือติดตอ่ รำชกำรที่เป็นแบบพิธโี ดยใชก้ ระดำษตรำครุฑเป็น
หนังสอื ติดต่อระหว่ำงสว่ นรำชกำร หรือส่วนรำชกำรมีถึงหน่วยงำนอ่ืนใดซึง่ มใิ ช่สว่ นรำชกำร หรือทม่ี ีถึง
บุคคลภำยนอก ใหจ้ ดั ทำตำมแบบท่ี 1 ทำ้ ยระเบียบ โดยกรอกรำยละเอยี ดดังน้ี

11. 2 สว่ นรำชกำรเจำ้ ของหนงั สือ ให้ลงช่อื สว่ นรำชกำร สถำนที่รำชกำรหรือ คณะกรรมกำรซึ่งเป็น
เจำ้ ของหนังสอื นั้น และโดยปกติให้ลงทต่ี ง้ั ไวด้ ว้ ย
22. รำยละเอยี ดของ“หนงั สอื ภำยนอก” ตำมขอ้ 20. ในส่วนของ “วัน เดอื น ปี”.. ใหก้ รอกรำยละเอียดตำมข้อใด

1. ให้ลงตัวอักษรของวันท่ี ช่ือยอ่ ของเดือน และตวั เลขของปพี ุทธศักรำชท่ีออกหนงั สือ
2. ให้ลงตัวเลขของวันท่ี ชื่อยอ่ ของเดือน และตัวเลขของปพี ุทธศกั รำชทอี่ อกหนงั สือ
3. ให้ลงตัวเลขของวันท่ี ช่ือเตม็ ของเดือน และตัวเลขของปีพุทธศกั รำชท่อี อกหนงั สือ
4. ให้ลงตัวเลขของวันที่ ชื่อเตม็ ของเดอื น และตัวอกั ษรของปีพุทธศักรำชท่อี อกหนังสือ

ตอบ 3. แนวคิด ข้อ 11. หนังสอื ภำยนอก คือ หนังสือติดต่อรำชกำรทเี่ ป็นแบบพธิ ีโดยใช้กระดำษตรำครุฑเปน็
หนังสอื ติดต่อระหว่ำงส่วนรำชกำร หรือส่วนรำชกำรมถี ึงหนว่ ยงำนอื่นใดซงึ่ มิใชส่ ว่ นรำชกำรหรอื ที่มีถึง
บุคคลภำยนอก ให้จดั ทำตำมแบบท่ี 1 ท้ำยระเบยี บ โดยกรอกรำยละเอยี ดดังนี้

11. 3 วนั เดือน ปี ใหล้ งตัวเลขของวันท่ี ชือ่ เต็มของเดือน และตัวเลขของปีพุทธศักรำชทอ่ี อกหนงั สือ
23. รำยละเอยี ดของ“หนังสอื ภำยนอก”ตำมข้อ 20. ในส่วนของ “เร่ือง”.... ให้กรอกรำยละเอยี ดตำมข้อใด

1. ใหล้ งเรือ่ งย่อทีเ่ ปน็ ใจควำมใหม้ ีรำยละเอียดท่ีสุดของหนงั สือฉบบั นน้ั
2. ใหล้ งเรือ่ งท่ีเป็นคำข้นึ ตน้ ของหนังสือฉบับนนั้
3. ให้ลงเรอ่ื งย่อทเ่ี ป็นใจควำมสน้ั ๆ ของหนังสือฉบบั น้ัน
4. ให้ลงเรือ่ งย่อทเ่ี ป็นใจควำมส้นั ที่สุดของหนังสือฉบบั น้ันในกรณีทเี่ ป็น หนังสือต่อเน่ืองโดยปกตใิ ห้ลง
เร่ืองของหนงั สอื ฉบบั เดิม
ตอบ 4. แนวคดิ หนังสอื ภำยนอก คอื หนงั สอื ติดต่อรำชกำรท่เี ปน็ แบบพิธีโดยใช้กระดำษตรำครุฑเป็น
หนังสอื ติดต่อระหว่ำงส่วนรำชกำร หรือสว่ นรำชกำรมีถึงหน่วยงำนอื่นใดซงึ่ มิใชส่ ว่ นรำชกำรหรือทม่ี ถี งึ
บคุ คลภำยนอก ให้จัดทำตำมแบบท่ี 1 ทำ้ ยระเบยี บ โดยกรอกรำยละเอียดดังน้ี
11.4 เร่ือง ให้ลงเร่ืองยอ่ ที่เป็นใจควำมสน้ั ทส่ี ุดของหนงั สอื ฉบับนนั้ ในกรณที เ่ี ปน็ หนงั สือต่อเนื่องโดยปกติ
ให้ลงเรื่องของหนงั สือฉบบั เดมิ
24. รำยละเอยี ดของ“หนังสอื ภำยนอก”ตำมขอ้ 20. ในส่วนของ“ขอ้ ควำม”..ใหก้ รอกรำยละเอียดตำมข้อใด
1. ให้ลงสำระสำคัญของเรือ่ งให้ชัดเจน
2. ใหล้ งสำระสำคัญของเรือ่ งใหช้ ดั เจนและเข้ำใจตำมรูปแบบพิธี

คู่มือสอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 132

------------------------------------------------------------------------------
3. ให้ลงสำระสำคญั ของเรอื่ งใหช้ ัดเจนและเขำ้ ใจงำ่ ย หำกมีควำมประสงค์ หลำยประกำรให้แยกเป็นข้อๆ
4. ใหล้ งสำระสำคัญของเรอื่ งใหช้ ดั เจนและเข้ำใจง่ำย หำกมคี วำมประสงคห์ ลำยประกำรให้แยกเป็นยอ่ หน้ำ

เพือ่ ให้เขำ้ ใจในแต่ละบรบิ ท
ตอบ 3. แนวคิด ข้อ 11. หนังสอื ภำยนอก คือ หนงั สือติดต่อรำชกำรท่ีเปน็ แบบพิธีโดยใชก้ ระดำษตรำครุฑเป็น
หนังสอื ติดต่อระหวำ่ งสว่ นรำชกำร หรือสว่ นรำชกำรมีถงึ หน่วยงำนอื่นใดซึง่ มใิ ช่สว่ นรำชกำร หรือที่มถี งึ
บุคคลภำยนอก ให้จดั ทำตำมแบบที่ 1 ท้ำยระเบยี บ โดยกรอกรำยละเอียดดังน้ี

11. 8 ข้อควำม ให้ลงสำระสำคญั ของเรอ่ื งให้ชดั เจนและเข้ำใจงำ่ ย หำกมคี วำมประสงค์ หลำยประกำรให้
แยกเปน็ ขอ้ ๆ
25. รำยละเอยี ดของ“หนังสือภำยนอก”ตำมข้อ 20. ในส่วนของ “ลงชอื่ ”.. ใหก้ รอกรำยละเอียดตำมข้อใด

1. ให้ลงลำยมือช่อื เจำ้ ของหนังสอื เท่ำน้ัน
2. ให้ลงลำยมือชื่อเจำ้ ของหนงั สอื และให้พิมพช์ อ่ื เต็มของเจำ้ ของลำยมือช่ือ ไวบ้ นลำยมอื ช่อื
3. ใหล้ งลำยมือชอื่ เจ้ำของหนงั สอื และให้พิมพช์ ่อื เต็มของเจ้ำของลำยมอื ช่ือ ไว้ใต้ลำยมือช่ือ
4. ให้ลงลำยมอื ช่ือเจ้ำของหนังสอื ให้พิมพ์ช่ือเต็มของเจ้ำของลำยมอื ชื่อ ไว้ใตล้ ำยมอื ช่ือ พร้อมกับพิมพล์ ำย
น้ิมหวั แมม่ ือด้ำนขำ้ งซ้ำยของลำยมือชื่อน้นั

ตอบ 3. แนวคิด แนวคิด ข้อ11. หนังสอื ภำยนอก คือ หนังสอื ติดต่อรำชกำรทเี่ ป็นแบบพิธโี ดยใช้กระดำษตรำ
ครฑุ เป็น หนงั สือตดิ ต่อระหว่ำงสว่ นรำชกำร หรือสว่ นรำชกำรมีถึงหน่วยงำนอื่นใดซึง่ มใิ ช่สว่ นรำชกำร หรือที่มีถึง
บคุ คลภำยนอก ใหจ้ ดั ทำตำมแบบที่ 1 ท้ำยระเบียบ โดยกรอกรำยละเอยี ดดังนี้

11.10 ลงชื่อ ให้ลงลำยมือช่ือเจ้ำของหนังสือ และใหพ้ ิมพช์ ือ่ เตม็ ของเจำ้ ของลำยมอื ชื่อ ไวใ้ ตล้ ำยมอื ช่อื ตำม
รำยละเอียดท่ีกำหนดไวใ้ นภำคผนวก 3
26. ตำมระเบียบนี้ “หนงั สอื ภำยใน” หมำยถงึ ควำมหมำยตำมขอ้ ใด

1. หนังสอื ติดต่อรำชกำรท่เี ป็นแบบพธิ มี ำกกว่ำหนงั สอื ภำยนอกเปน็ หนงั สอื ติดต่อภำยในกระทรวง ทบวง
กรม หรือจังหวดั เดยี วกนั

2. หนงั สือติดต่อรำชกำรทเ่ี ป็นแบบพิธนี ้อยกวำ่ หนังสือภำยนอกเปน็ หนงั สอื ติดต่อภำยในกระทรวง ทบวง
กรม หรือจังหวัดเดยี วกนั

3. หนังสอื ติดต่อรำชกำรที่เป็นแบบพธิ ีเทำ่ กับหนงั สือภำยนอกเป็นหนงั สอื ติดต่อภำยในกระทรวงทบวง
กรม หรือจงั หวดั เดียวกัน

4. หนงั สือติดต่อรำชกำรท่ีไมจ่ ำต้องทำเปน็ แบบพิธีเป็นหนงั สือตดิ ต่อภำยในกระทรวง ทบวง กรมหรือ
จงั หวัดเดยี วกัน

ตอบ 2. แนวคิด ข้อ 12. หนังสือภำยใน คือ หนังสือติดตอ่ รำชกำรท่ีเป็นแบบพิธี น้อยกวำ่ หนังสอื ภำยนอก เปน็
หนงั สือติดต่อภำยในกระทรวงทบวงกรมหรอื จงั หวดั เดียวกนั ใชก้ ระดำษบันทกึ ข้อควำม และใหจ้ ดั ทำตำม แบบที่ 2
ท้ำยระเบยี บ
27. รำยละเอยี ดของ “หนงั สือภำยใน” ตำมข้อ 26. ในส่วนของ “ที่”.. ใหก้ รอกรำยละเอยี ดตำมขอ้ ใด

1. ใหล้ งชอ่ื เตม็ ของหน่วยรำชกำรนั้น ตำมทกี่ ำหนดไว้ใน ภำคผนวก 1 ทับเลขทะเบยี นหนงั สอื ส่ง

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 133

------------------------------------------------------------------------------
2. ใหล้ งรหัสตวั พยัญชนะของเจ้ำของเรื่อง ตำมท่ีกำหนดไวใ้ น ภำคผนวก 1 ทับเลขทะเบียนหนังสอื สง่
3. ให้ลงรหสั ตัวพยัญชนะและเลขประจำของเจ้ำของเรื่อง ตำมทกี่ ำหนดไว้ใน ภำคผนวก 1 ทับเลขทะเบยี น

หนังสอื สง่
4. ให้เวน้ ว่ำงได้ไม่ตอ้ งลงแต่อยำ่ งใด ตำมทกี่ ำหนดไวใ้ น ภำคผนวก 1 ทับเลขทะเบยี นหนงั สือสง่

ตอบ 3. แนวคดิ ข้อ 12. หนงั สอื ภำยใน คือ หนงั สือติดตอ่ รำชกำรทีเ่ ป็นแบบพิธี น้อยกวำ่ หนงั สอื ภำยนอก เปน็
หนงั สอื ติดต่อภำยในกระทรวงทบวงกรมหรอื จงั หวดั เดยี วกนั ใช้กระดำษบันทกึ ขอ้ ควำม และให้จดั ทำตำม แบบที่ 2
ทำ้ ยระเบยี บ โดยกรอกรำยละเอยี ด ดังนี้

12.2 ท่ี ให้ลงรหสั ตัวพยัญชนะและเลขประจำของเจำ้ ของเร่ือง ตำมที่กำหนดไว้ใน ภำคผนวก 1 ทบั เลข
ทะเบียนหนังสอื สง่ สำหรบั หนงั สือของคณะกรรมกำรใหก้ ำหนดรหสั ตัวพยญั ชนะ เพมิ่ ข้นึ ได้ตำมควำมจำเป็น
28. รำยละเอยี ดของ “หนังสอื ภำยใน” ตำมข้อ 26. ในส่วนของ “คำข้นึ ตน้ ”.. ใหก้ รอกรำยละเอยี ดตำมขอ้ ใด

1. ให้ใชค้ ำขึ้นตน้ ตำมฐำนะของผรู้ ับหนังสือตำมตำรำงกำรใชค้ ำข้ึนต้น สรรพนำม และคำลงทำ้ ย ทก่ี ำหนด
ไว้ในภำคผนวก 2 น้ี

2. ให้ใชค้ ำข้ึนตน้ ตำมฐำนะของผู้สง่ หนังสือตำมตำรำงกำรใชค้ ำขน้ึ ต้น สรรพนำม และคำลงทำ้ ย ท่ีกำหนด
ไวใ้ นภำคผนวก 2 นี้

3. ให้ใช้คำข้นึ ต้นตำมฐำนะของผทู้ ำหนังสือนั้น ตำมตำรำงกำรใช้คำขึน้ ตน้ สรรพนำม และคำลงทำ้ ย ท่ี
กำหนดไวใ้ นภำคผนวก 2 น้ี

4. ให้ใช้คำข้ึนต้นตำมฐำนะของผบู้ ังคับบญั ชำ ตำมตำรำงกำรใชค้ ำขน้ึ ตน้ สรรพนำม และคำลงทำ้ ย ที่
กำหนดไว้ในภำคผนวก 2 น้ี
ตอบ 1. แนวคดิ ข้อ 12. หนังสือภำยใน คือ หนงั สอื ติดต่อรำชกำรที่เป็นแบบพธิ ี น้อยกวำ่ หนงั สอื ภำยนอก เป็น
หนังสอื ติดต่อภำยในกระทรวงทบวงกรมหรือจงั หวัดเดยี วกนั ใชก้ ระดำษบนั ทึกขอ้ ควำม และใหจ้ ัดทำตำม แบบที่
2 ท้ำยระเบยี บ โดยกรอกรำยละเอยี ด ดังน้ี

12. 5 คำขึน้ ตน้ ให้ใช้คำข้ึนตน้ ตำมฐำนะของผู้รบั หนงั สือตำมตำรำงกำรใชค้ ำข้ึนต้น สรรพนำม และคำลง
ท้ำย ทก่ี ำหนดไว้ในภำคผนวก 2 แล้วลงตำแหนง่ ของผูท้ ี่หนงั สือน้ันมถี ึง หรือชอื่ บคุ คลในกรณที ่ีมถี งึ ตัวบุคคลไม่
เก่ียวกบั ตำแหนง่ หนำ้ ท่ี
29. รำยละเอียดของ “หนังสอื ภำยใน” ตำมข้อ 26. ในส่วนของ “ขอ้ ควำม”.. ใหล้ งรำยละเอยี ดตำมข้อใด

1. ใหล้ งสำระสำคัญของเรื่องใหช้ ัดเจนและเขำ้ ใจตำมรูปแบบทำงกำรพิธี
2. ให้ลงสำระสำคัญของเร่ืองให้ชัดเจนและเข้ำใจงำ่ ย หำกมีควำมประสงค์ หลำยประกำร ใหแ้ ยกเปน็ ยอ่ หน้ำ
3. ข้อควำม ใหล้ งสำระสำคัญของเรื่องให้ชดั เจนและเขำ้ ใจง่ำย หำกมคี วำมประสงค์ หลำยประกำร ใหแ้ ยก
เปน็ ขอ้ ๆ เทำ่ น้นั
4. ขอ้ ควำม ให้ลงสำระสำคญั ของเรื่องให้ชัดเจนและเขำ้ ใจงำ่ ย หำกมคี วำมประสงค์ หลำยประกำร ให้แยก

เปน็ ขอ้ ๆ ในกรณีท่ีมีกำรอำ้ งถงึ หนังสอื ทีเ่ คยมีติดต่อกันหรือมีสง่ิ ทส่ี ่งมำดว้ ย ใหร้ ะบุ ไว้ในข้อนี้
ตอบ 4. แนวคิด ข้อ 12 หนังสอื ภำยใน คือ หนังสอื ติดต่อรำชกำรทีเ่ ป็นแบบพธิ ี นอ้ ยกว่ำหนังสือภำยนอก เป็น
หนังสือติดต่อภำยในกระทรวงทบวงกรมหรอื จงั หวดั เดยี วกนั ใชก้ ระดำษบนั ทกึ ข้อควำม และใหจ้ ัดทำตำม แบบที่

คู่มือสอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 134

------------------------------------------------------------------------------
2 ท้ำยระเบียบ โดยกรอกรำยละเอียด ดงั นี้

12. 6 ข้อควำม ให้ลงสำระสำคญั ของเรอ่ื งใหช้ ัดเจนและเข้ำใจง่ำย หำกมคี วำมประสงค์ หลำยประกำร ให้
แยกเป็นขอ้ ๆในกรณีท่มี กี ำรอำ้ งถึงหนงั สือท่เี คยมีติดต่อกันหรือมีสิง่ ท่ีส่งมำด้วยให้ระบุไวใ้ นข้อน้ี
30. ในระเบยี บนี้ “หนังสอื ประทับตรำ” หมำยควำมตำมขอ้ ใด

1. หนงั สอื ที่ใช้ประทบั ตรำแทนกำรลงชื่อของหัวหน้ำส่วนรำชกำร ระดับแผนกขน้ึ ไป
2. หนงั สือท่ีใชป้ ระทบั ตรำแทนกำรลงชือ่ ของหวั หน้ำสว่ นรำชกำร ระดบั หนว่ ยงำนข้ึนไป
3. หนังสือที่ใช้ประทบั ตรำแทนกำรลงชอื่ ของหวั หน้ำส่วนรำชกำร ระดับกรมขึ้นไป
4. หนงั สอื ท่ีใช้ประทบั ตรำแทนกำรลงชือ่ ของหวั หนำ้ สว่ นรำชกำร ระดบั กระทรวงขนึ้ ไป

ตอบ 3. แนวคิด ข้อ 13. หนงั สือท่ีใช้ประทับตรำแทนกำรลงช่ือของหัวหน้ำส่วนรำชกำรระดับกรมขน้ึ ไป
31. จำกขอ้ 30. ผู้ใดเปน็ ผู้รับผดิ ชอบในกำรลงช่อื ย่อกำกบั ตรำ

1. หัวหน้ำสว่ นรำชกำรระดับกอง
2. ผทู้ ่ีไดร้ บั มอบหมำยจำกหัวหนำ้ ส่วนรำชกำร ระดบั กรมข้ึนไป
3. อธบิ ดีกรมฯ
4. ถกู ท้ังข้อ 1. และ 2.

ตอบ 4. แนวคดิ ข้อ 13. หนังสือประทบั ตรำ คือ หนงั สือทใี่ ช้ประทับตรำแทนกำรลงช่อื ของหัวหนำ้ สว่ นรำชกำร

ระดับกรมขนึ้ ไป โดยให้หัวหนำ้ ส่วนรำชกำรระดับกองหรือผ้ทู ไ่ี ดร้ บั มอบหมำยจำกหัวหนำ้ สว่ นรำชกำร ระดับกรม

ข้ึนไป เป็นผู้รบั ผิดชอบลงช่ือย่อกำกับตรำ

32. หนังสือประทับตรำ ตำม ขอ้ 30. ในระเบียบนี้ ใหใ้ ชไ้ ด้ตำมข้อใด

1. ระหวำ่ งสว่ นรำชกำรกบั ส่วนรำชกำร 2. ระหว่ำงสว่ นรำชกำรกับ บคุ คลภำยนอก

3. เฉพำะภำยในสว่ นรำชกำรน้นั เท่ำน้ัน 4. ถกู เฉพำะขอ้ 1. และ 2.

ตอบ 4. แนวคดิ ข้อ 13. วรรคสอง หนังสอื ประทับตรำให้ใช้ไดท้ ้ัง ระหวำ่ งส่วนรำชกำรกบั สว่ นรำชกำร และ

ระหว่ำงสว่ นรำชกำรกบั บุคคลภำยนอก

33. หนงั สอื ประทับตรำ ตำมข้อ 30. ในระเบียบน้ี ใหใ้ ชไ้ ดเ้ ฉพำะกรณที ไี่ มใ่ ชเ่ รื่องสำคัญตำมข้อใด

1. กำรขอรำยละเอยี ดเพิม่ เติม

2. กำรส่งสำเนำหนังสือ สง่ิ ของ เอกสำร หรือบรรณสำร

3. กำรตอบรับทรำบท่ีไมเ่ กยี่ วกับรำชกำรสำคญั หรือกำรเงิน

4. ถูกทกุ ขอ้

ตอบ 4. แนวคิด ข้อ 13 วรรคสอง หนงั สือประทบั ตรำให้ใช้ไดท้ ้งั ระหวำ่ งส่วนรำชกำรกบั ส่วนรำชกำร และ

ระหวำ่ งสว่ นรำชกำรกบั บุคคลภำยนอก เฉพำะกรณีทไี่ ม่ใชเ่ ร่อื งสำคัญ ไดแ้ ก่

13.1 กำรขอรำยละเอยี ดเพิ่มเตมิ

13.2 กำรสง่ สำเนำหนงั สือ สิ่งของ เอกสำร หรือบรรณสำร

13.3 กำรตอบรับทรำบท่ีไมเ่ กี่ยวกับรำชกำรสำคญั หรือกำรเงนิ

13.4 กำรแจ้งผลงำนท่ีได้ดำเนินกำรไปแลว้ ให้ส่วนรำชกำรทเี่ กยี่ วข้องทรำบ

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 135

------------------------------------------------------------------------------
13.5 กำรเตือนเร่ืองท่ีค้ำง

13.6 เรื่องซ่ึงหวั หน้ำสว่ นรำชกำรระดับกรมขึ้นไปกำหนดโดยทำเป็นคำสัง่ ให้ใช้ หนังสอื ประทับตรำ

34. หนังสือประทบั ตรำ ตำมข้อ 30. ในระเบียบนี้ ใชก้ ระดำษอยำ่ งไร

1. ใช้กระดำษประทับตรำในหนว่ ยงำนรำชกำร 2. ใชก้ ระดำษตรำครฑุ

3. ใชก้ ระดำษตำมคำส่ังของผบู้ งั คับบญั ชำ 4. ใช้กระดำษเปล่ำ

ตอบ 2. แนวคิด ข้อ 14. หนังสอื ประทับตรำ ใช้กระดำษตรำครฑุ และใหจ้ ัดทำตำมแบบที่ 3 ทำ้ ยระเบียบ

35. รำยละเอยี ดของ”หนงั สอื ประทบั ตรำ”ตำมข้อ 30. ในส่วนของ “ขอ้ ควำม”.. ให้กรอกรำยละเอยี ดตำมข้อใด

1. ใหล้ งสำระสำคญั ของเรอ่ื งให้ชัดเจนและเขำ้ ใจตำมรปู แบบทำงกำรพธิ ี

2. ให้ลงสำระสำคญั ของเรอ่ื งให้ชัดเจนและเขำ้ ใจงำ่ ย หำกมคี วำมประสงค์ หลำยประกำร ใหแ้ ยกเปน็ ย่อ

หน้ำ

3. ใหล้ งสำระสำคญั ของเร่อื งให้ชัดเจนและเข้ำใจงำ่ ย หำกมคี วำมประสงค์ หลำยประกำร ใหแ้ ยกเปน็ ข้อๆ

เท่ำน้ัน

4. ให้ลงสำระสำคัญของเรอ่ื งใหช้ ดั เจนและเขำ้ ใจง่ำย

ตอบ 4. แนวคดิ ข้อ 14. หนงั สอื ประทบั ตรำ ใชก้ ระดำษตรำครุฑ และให้จัดทำตำมแบบท่ี 3 ทำ้ ยระเบยี บ โดย

กรอกรำยละเอียดดงั น้ี

14.3 ข้อควำม ให้ลงสำระสำคัญของเร่ืองใหช้ ดั เจนและเขำ้ ใจงำ่ ย

36. รำยละเอยี ดของหนังสือประทับตรำ ตำมข้อ 30. ในส่วนของ “ตรำช่อื ส่วนรำชกำร”.. ให้ประทบั ตรำตำม

ข้อใด

1. ให้ประทับตรำชื่อส่วนรำชกำรตำมข้อ 72 ด้วยหมึกน้ำเงนิ

2. ใหป้ ระทบั ตรำช่ือส่วนรำชกำรตำมข้อ 72 ด้วยหมกึ แดง

3. ใหป้ ระทบั ตรำชื่อสว่ นรำชกำรตำมข้อ 72 ดว้ ยหมึกนำ้ เงิน และใหผ้ ู้รบั ผดิ ชอบลงลำยมือช่อื ยอ่ กำกับตรำ

4. ให้ประทบั ตรำชื่อส่วนรำชกำรตำมข้อ 72 ดว้ ยหมึกแดง และให้ผ้รู ับผิดชอบลงลำยมือช่ือย่อกำกับตรำ

ตอบ 4. แนวคิด ข้อ 14. หนังสอื ประทบั ตรำ ใช้กระดำษตรำครุฑ และใหจ้ ัดทำตำมแบบที่ 3 ทำ้ ยระเบียบ โดย

กรอกรำยละเอยี ดดังนี้

14. 5 ตรำช่ือสว่ นรำชกำร ใหป้ ระทบั ตรำชือ่ ส่วนรำชกำรตำมข้อ 72 ดว้ ยหมึกแดง และให้ผรู้ บั ผดิ ชอบลง

ลำยมือช่ือยอ่ กำกบั ตรำ

37. หนงั สอื ส่ังกำร ตำมระเบียบน้ี ให้ใช้ตำมแบบในข้อใด

1. ตำมแบบท่ีกำหนดไวใ้ นกฎกระทรวง 2. ตำมแบบท่กี ำหนดไว้ในระเบยี บน้ี

3. ตำมแบบท่ีกำหนดไว้ในมตคิ ณะรัฐมนตรี 4. ถกู ทกุ ขอ้

ตอบ 2. แนวคดิ ข้อ 15. หนงั สือส่ังกำร ให้ใช้ตำมแบบ ที่กำหนดไวใ้ นระเบยี บน้ี เว้นแตจ่ ะมกี ฎหมำยกำหนด

แบบไว้โดยเฉพำะ

38. หนังสือสงั่ กำร ตำมระเบยี บนี้ มีก่ีชนิด

1. 2 ชนิด 2. 3 ชนดิ 3. 4 ชนิด 4. 5 ชนดิ

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 136

------------------------------------------------------------------------------
ตอบ 2. แนวคิด ข้อ 15 วรรคสอง หนงั สอื ส่ังกำร มี 3 ชนดิ ได้แก่ คำส่ัง ระเบยี บ และข้อบงั คบั
39. “คำสงั่ ” ซ่ึงเปน็ หนงั สอื สง่ั กำรชนดิ หนง่ึ ในระเบยี บนี้ ใช้กระดำษตำมข้อใด

1. ใช้ กระดำษตรำของกระทรวง ทบวง กรมตำมทีอ่ อก และใหจ้ ดั ทำตำมแบบท่ี 4 ท้ำยระเบยี บ
2. ใช้ กระดำษตรำครุฑ และให้จดั ทำตำมแบบท่ี 4 ทำ้ ยระเบียบ
3. ใช้ กระดำษของหน่วยงำนรำชกำรน้ัน และให้จดั ทำตำมแบบที่ 4 ทำ้ ยระเบียบ
4. จะใชก้ ระดำษหรือส่งั กำรเป็นวำจำกย็ อ่ มได้
ตอบ 2. แนวคิด ข้อ 16. คำส่ัง คอื บรรดำขอ้ ควำมท่ีผู้บงั คบั บัญชำส่ังกำรให้ปฏิบัติโดยชอบดว้ ยกฎหมำยใช้
กระดำษตรำครุฑ และให้จดั ทำตำมแบบที่ 4 ทำ้ ยระเบียบ
40. รำยละเอียดของ “คำส่ัง” ในระเบยี บน้ี ในส่วนของ “คำสงั่ ”.. ให้กรอกรำยละเอยี ดตำมข้อใด
1. ใหล้ งชอื่ สว่ นรำชกำรและตำแหน่งของผู้มีอำนำจท่ีออกคำส่ัง
2. ใหล้ งช่อื ส่วนรำชกำรหรือตำแหนง่ ของผมู้ ีอำนำจที่ออกคำส่งั
3. ใหล้ งชอ่ื สว่ นรำชกำรทีอ่ อกคำส่งั
4. ใหล้ งตำแหนง่ ของผูม้ ีอำนำจทอ่ี อกคำสง่ั
ตอบ 2. แนวคิด ข้อ 16. คำสง่ั คอื บรรดำขอ้ ควำมที่ผู้บังคับบัญชำสั่งกำรให้ปฏิบัติโดยชอบดว้ ยกฎหมำยใช้
กระดำษตรำครฑุ และใหจ้ ัดทำตำมแบบที่ 4 ทำ้ ยระเบยี บ โดยกรอกรำยละเอยี ดดังน้ี
16.1 คำสั่ง ใหล้ งชื่อส่วนรำชกำรหรือตำแหน่งของผูม้ อี ำนำจทอี่ อกคำสัง่
41. รำยละเอยี ดของ “คำสัง่ ” ในระเบียบน้ี ในสว่ นของ “ขอ้ ควำม”.. ให้กรอกรำยละเอยี ดตำมข้อใด
1. ใหอ้ ำ้ งเหตุที่ออกคำสัง่ และข้อควำมต่ำงๆ
2. ให้อ้ำงเหตุทอ่ี อกคำสัง่ และอ้ำงถึงอำนำจทใ่ี ห้ออกคำส่ัง (ถำ้ มี) ไว้ดว้ ย
3. ให้อำ้ งเหตทุ ีอ่ อกคำสง่ั และอ้ำงถึงอำนำจที่ให้ออกคำสั่ง (ถ้ำม)ี ไวด้ ้วย และจงึ ลงขอ้ ควำมท่สี ั่ง และวนั ใช้
บงั คับ
4. ให้อ้ำงเหตทุ ี่ออกคำสั่ง และอำ้ งถึงอำนำจท่ใี ห้ออกคำสั่ง (ถำ้ ม)ี ไว้ด้วย และจึงลงขอ้ ควำมทสี่ ่ัง และวนั ใช้
บงั คับ ทงั้ จะตอ้ งอ้ำงชอ่ื ผบู้ งั คบั บญั ชำในหน่วยงำนนัน้ ๆดว้ ย
ตอบ 3. แนวคิด ข้อ 16. คำส่ัง คือ บรรดำขอ้ ควำมทผี่ ู้บงั คบั บัญชำส่ังกำรใหป้ ฏบิ ตั ิโดยชอบดว้ ยกฎหมำย ใช้
กระดำษตรำครฑุ และให้จดั ทำตำมแบบท่ี 4 ทำ้ ยระเบียบ โดยกรอกรำยละเอียดดังนี้
16.4 ขอ้ ควำม ให้อำ้ งเหตุท่ีออกคำสงั่ และอ้ำงถงึ อำนำจท่ใี ห้ออกคำสัง่ (ถำ้ มี) ไวด้ ้วย และจึงลงข้อควำมท่ี
ส่ัง และวันใชบ้ ังคับ
42. คำว่ำ “ระเบียบ” ซ่งึ เปน็ หนังสือสั่งกำรอย่ำงหนึ่ง ตำมท่ีบญั ญัตไิ ว้ในระเบียบน้ี คือควำมหมำยตำมข้อใด
1. บรรดำข้อควำมที่ผมู้ ีอำนำจหน้ำที่ไดว้ ำงไว้โดยจะต้องอำศัยอำนำจของกฎหมำยเท่ำนั้น เพ่ือถือเปน็ หลกั
ปฏิบตั ิงำนเป็นกำรประจำ
2. บรรดำข้อควำมท่ีผูม้ ีอำนำจหน้ำท่ีได้วำงไว้โดยจะอำศัยอำนำจของกฎหมำยหรือไม่ก็ได้ เพอ่ื ถอื เปน็ หลกั
ปฏิบัตงิ ำนเปน็ กำรประจำ
3. บรรดำขอ้ ควำมท่ีผูม้ ีอำนำจหนำ้ ท่ไี ดว้ ำงไว้โดยจะอำศัยอำนำจของกฎหมำย หรือไม่ก็ได้ เพ่อื ถือเป็นหลัก

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 137

------------------------------------------------------------------------------
ปฏิบตั งิ ำนเปน็ กำรชั่วครำว

4. ถูกท้ังขอ้ 2. และ 3.

ตอบ 2. แนวคดิ ข้อ 17. ระเบียบ คือ บรรดำขอ้ ควำมท่ีผู้มีอำนำจหนำ้ ที่ไดว้ ำงไว้โดยจะอำศยั อำนำจของ

กฎหมำย หรือไม่กไ็ ด้ เพื่อถือเปน็ หลักปฏิบตั งิ ำนเปน็ กำรประจำ ใชก้ ระดำษตรำครุฑและใหจ้ ัดทำตำมแบบที่ 5

ท้ำยระเบยี บ

43. รำยละเอียดของ” ระเบยี บ” ในระเบยี บนี้ ในสว่ นของ “ ว่ำดว้ ย ”.. ให้กรอกรำยละเอียดตำมขอ้ ใด

1. ใหล้ งชื่อส่วนรำชกำรที่ออกระเบียบ 2. ให้ลงชอื่ ของระเบยี บ

3. ใหล้ งตวั เลขพ.ศ.ทอ่ี อกระเบียบ 4. ถูกทกุ ข้อ

ตอบ 2. แนวคิด ข้อ 17. ระเบยี บ คือ บรรดำขอ้ ควำมทผ่ี ู้มีอำนำจหน้ำทไี่ ดว้ ำงไว้โดยจะอำศัยอำนำจของ

กฎหมำยหรอื ไมก่ ็ได้ เพ่ือถือเป็นหลกั ปฏิบตั งิ ำนเป็นกำรประจำใช้กระดำษตรำครุฑและใหจ้ ดั ทำตำมแบบท่ี 5 ท้ำย

ระเบยี บ โดยกรอกรำยละเอียดดังนี้

17. 2 วำ่ ดว้ ย ใหล้ งชอ่ื ของระเบียบ

44. รำยละเอียดของ “ระเบียบ” ในระเบยี บน้ี ในส่วนของ “ ขอ้ ควำม ”.. ให้กรอกรำยละเอียดตำมขอ้ ใด

1. ใหล้ งสำระสำคญั ของเรอ่ื งให้ชดั เจนและเขำ้ ใจตำมรูปแบบทำงกำรพิธี

2. ให้อำ้ งเหตุผลโดยย่อเพือ่ แสดงถงึ ควำมม่งุ หมำยท่ตี อ้ งออกระเบยี บและ อ้ำงถงึ กฎหมำยท่ใี หอ้ ำนำจออก

ระเบยี บ (ถ้ำม)ี

3. ใหล้ งสำระสำคญั ของเรือ่ งใหช้ ดั เจนและเข้ำใจงำ่ ยหำกมคี วำมประสงค์ หลำยประกำร ให้แยกเป็นข้อๆ

เท่ำนัน้

4. ใหล้ งสำระสำคัญของเรอ่ื งใหช้ ัดเจนและเขำ้ ใจงำ่ ย

ตอบ 2. แนวคิด ข้อ 17. ระเบียบ คอื บรรดำข้อควำมที่ผมู้ ีอำนำจหน้ำทไี่ ดว้ ำงไว้ โดยจะอำศยั อำนำจของ
กฎหมำย หรือไม่กไ็ ด้ เพือ่ ถอื เปน็ หลักปฏิบตั งิ ำนเป็นกำรประจำใชก้ ระดำษตรำครฑุ และใหจ้ ดั ทำตำมแบบที่ 5 ทำ้ ย
ระเบยี บ โดยกรอกรำยละเอียดดงั นี้

17. 5 ขอ้ ควำม ให้อำ้ งเหตุผลโดยย่อ เพ่ือแสดงถึงควำมมุ่งหมำยทีต่ ้องออกระเบียบและ อำ้ งถึงกฎหมำยที่
ใหอ้ ำนำจออกระเบยี บ (ถำ้ ม)ี
45. คำว่ำ “ข้อบังคบั ” ซง่ึ เป็นหนังสือสง่ั กำรอยำ่ งหนึง่ ตำมทบ่ี ญั ญัตไิ วใ้ นระเบียบน้ี คอื ควำมหมำยตำมขอ้ ใด

1. บรรดำระเบียบท่ผี ู้มีอำนำจหนำ้ ทกี่ ำหนดให้ใชโ้ ดยอำศัยอำนำจของกฎหมำยทีบ่ ญั ญัติให้กระทำได้
2. บรรดำคำสั่งทผ่ี มู้ อี ำนำจหนำ้ ทีก่ ำหนดใหใ้ ช้โดยอำศยั อำนำจของกฎหมำยท่ีบัญญัตใิ หก้ ระทำได้
3. บรรดำข้อควำมที่ผู้มีอำนำจหน้ำทีก่ ำหนดให้ใชโ้ ดยอำศัยอำนำจของกฎหมำยท่ีบัญญัติให้กระทำได้
4. ถูกทกุ ข้อ

ตอบ 3. แนวคิด ข้อ 18. ข้อบังคบั คอื บรรดำขอ้ ควำมทีผ่ มู้ อี ำนำจหน้ำท่ีกำหนดใหใ้ ช้โดยอำศัยอำนำจของ

กฎหมำยทีบ่ ัญญตั ิใหก้ ระทำได้ ใชก้ ระดำษตรำครฑุ และให้จดั ทำตำมแบบท่ี 6 ท้ำยระเบยี บ

46. รำยละเอยี ดของ “ขอ้ บังคับ” ในระเบียบนี้ ในสว่ นของ “ ขอ้ บังคบั ”.. ให้กรอกรำยละเอียดตำมข้อใด

1. ใหล้ งชื่อสว่ นรำชกำรท่ีออกข้อบงั คบั 2. ให้ลงชื่อของข้อบังคบั

คู่มือสอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 138

------------------------------------------------------------------------------
3. ใหล้ งตวั เลขของปพี ุทธศักรำชที่ออกขอ้ บังคบั 4. ถกู ทุกขอ้

ตอบ 1. แนวคดิ แนวคดิ ข้อ 18. ข้อบงั คบั คอื บรรดำขอ้ ควำมทผ่ี ู้มีอำนำจหน้ำที่กำหนดให้ใช้โดยอำศัย

อำนำจของ กฎหมำยทีบ่ ญั ญัติให้กระทำไดใ้ ชก้ ระดำษตรำครุฑ และให้จัดทำตำมแบบที่ 6 ท้ำยระเบียบ โดยกรอก

รำยละเอยี ด ดังนี้

18. 1 ข้อบังคบั ใหล้ งชือ่ สว่ นรำชกำรท่ีออกข้อบงั คับ

47. รำยละเอยี ดของ “ข้อบังคบั ” ในระเบียบนี้ ในส่วนของ “ ว่ำดว้ ย ”.. ให้กรอกรำยละเอียดตำมข้อใด

1. ให้ลงชื่อสว่ นรำชกำรทอี่ อกขอ้ บังคบั 2. ใหล้ งชือ่ ของข้อบงั คับ

3. ให้ลงตัวเลขของปีพุทธศักรำชที่ออกขอ้ บังคับ 4. ถูกทกุ ขอ้

ตอบ 2. แนวคดิ แนวคดิ ขอ้ 18. ข้อบงั คับ คอื บรรดำข้อควำมที่ผมู้ ีอำนำจหน้ำท่ีกำหนดใหใ้ ช้โดยอำศยั

อำนำจของ กฎหมำยทบ่ี ัญญัตใิ ห้กระทำได้ ใช้กระดำษตรำครฑุ และให้จัดทำตำมแบบท่ี 6 ท้ำยระเบียบ

โดยกรอกรำยละเอียด ดงั น้ี

18. 2 ว่ำดว้ ย ให้ลงชอื่ ของข้อบังคบั

48. รำยละเอียดของ “ข้อบังคับ” ในระเบียบน้ี ในส่วนของ “ ขอ้ ควำม ”.. ให้กรอกรำยละเอียดตำมข้อใด

1. ใหล้ งสำระสำคญั ของเรอ่ื งใหช้ ดั เจนและเขำ้ ใจตำมรปู แบบทำงกำรพธิ ี

2. ใหอ้ ำ้ งเหตุผลโดยย่อ เพ่อื แสดงถึงควำมมุง่ หมำยที่ต้องออกระเบยี บและ อ้ำงถงึ กฎหมำยท่ใี ห้อำนำจออก

ระเบยี บ (ถ้ำมี)

3. ข้อควำม ให้ลงสำระสำคญั ของเร่ืองใหช้ ดั เจนและเข้ำใจงำ่ ย หำกมีควำมประสงค์ หลำยประกำร ให้แยก

เป็นข้อๆ เทำ่ น้นั

4. ให้อำ้ งเหตุผลโดยยอ่ เพือ่ แสดงถึงควำมมุ่งหมำยที่ต้องออกข้อบงั คับและ อ้ำงถงึ กฎหมำยทใ่ี ห้อำนำจออก

ขอ้ บงั คบั

ตอบ 4. แนวคิด แนวคดิ ข้อ 18. ข้อบงั คับ คือ บรรดำขอ้ ควำมทผี่ ู้มีอำนำจหน้ำท่ีกำหนดใหใ้ ชโ้ ดยอำศัย

อำนำจของ กฎหมำยท่บี ญั ญัตใิ ห้กระทำได้ ใชก้ ระดำษตรำครุฑ และให้จัดทำตำมแบบท่ี 6 ทำ้ ยระเบียบ โดยกรอก

รำยละเอียด ดงั น้ี

18. 5 ข้อควำม ให้อ้ำงเหตุผลโดยยอ่ เพื่อแสดงถึงควำมม่งุ หมำยที่ต้องออกข้อบังคบั และ อำ้ งถงึ กฎหมำยท่ี

ใหอ้ ำนำจออกข้อบังคับ

49. หนงั สือประชำสัมพันธ์ตำมระเบียบน้ี ใหใ้ ช้ตำมแบบทีก่ ำหนดไวใ้ นข้อใด

1. กฎกระทรวง 2. คำส่ังปลดั สำนกั นำยกรฐั มนตรี

3. ระเบยี บนี้ 4. ถูกทุกขอ้

ตอบ 3. แนวคิด ข้อ 19. หนงั สอื ประชำสัมพันธ์ ให้ใช้ตำมแบบท่กี ำหนดไวใ้ นระเบียบนี้ เวน้ แตจ่ ะมกี ฎหมำย

กำหนดแบบไว้โดยเฉพำะ

50. หนังสือประชำสมั พนั ธต์ ำมระเบียบน้ี มกี ่ชี นิด

1. 2 ชนิด 2. 3 ชนิด 3. 4 ชนดิ 4. 5 ชนิด

ตอบ 2. แนวคิด ข้อ 19 วรรคสอง หนงั สอื ประชำสมั พนั ธม์ ี 3 ชนิด ได้แก่ ประกำศ แถลงกำรณ์ และข่ำว

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 139

------------------------------------------------------------------------------
51. “ประกำศ” ซ่งึ เป็นหนังสือชนดิ หนงึ่ ในหนงั สอื ประชำสัมพนั ธ์ มีควำมหมำยตำมขอ้ ใด

1. บรรดำคำสั่งที่ทำงรำชกำรประกำศหรือช้ีแจงใหท้ รำบ หรอื แนะแนวทำง ปฏบิ ัติ
2. บรรดำขอ้ บงั คับทที่ ำงรำชกำรประกำศหรือชีแ้ จงใหท้ รำบ หรอื แนะแนวทำง ปฏบิ ตั ิ
3. บรรดำข้อควำมทที่ ำงรำชกำรประกำศหรือชแี้ จงใหท้ รำบ หรือแนะแนวทำง ปฏิบตั ิ
4. ถูกทกุ ขอ้
ตอบ 3. แนวคิด ข้อ 20. ประกำศ คอื บรรดำข้อควำมที่ทำงรำชกำรประกำศหรือชแ้ี จงใหท้ รำบ หรือแนะแนวทำง
ปฏิบตั ิ ใช้กระดำษตรำครฑุ และใหจ้ ัดทำตำมแบบที่ 7 ท้ำยระเบียบ
52. รำยละเอียดของ “ประกำศ” ในระเบียบนี้ ในสว่ นของ “ ประกำศ ”.. ให้กรอกรำยละเอียดตำมข้อใด
1. ใหล้ งชื่อสว่ นรำชกำรที่ออกประกำศ
2. ให้ลงชื่อเรื่องทีป่ ระกำศ
3. ใหอ้ ้ำงเหตุผลท่ีต้องออกประกำศและข้อควำมทป่ี ระกำศ
4. ให้ลงตำแหนง่ ของผอู้ อกประกำศ

ตอบ 1. ขอ้ 20. ประกำศ คือ บรรดำข้อควำมทท่ี ำงรำชกำรประกำศหรือช้แี จงให้ทรำบ หรือแนะแนวทำง ปฏิบัติ
ใช้กระดำษตรำครุฑ และใหจ้ ัดทำตำมแบบท่ี 7 ทำ้ ยระเบยี บ โดยกรอกรำยละเอยี ดดงั นี้

20.1 ประกำศ ให้ลงชือ่ ส่วนรำชกำรที่ออกประกำศ
53. รำยละเอยี ดของ “ประกำศ” ในระเบียบนี้ ในส่วนของ “ เรื่อง ”.. ใหล้ งรำยละเอยี ดตำมขอ้ ใด

1. ให้ลงช่อื ส่วนรำชกำรทอี่ อกประกำศ
2. ใหล้ งช่ือเร่ืองทป่ี ระกำศ
3. ใหอ้ ้ำงเหตุผลท่ีต้องออกประกำศและข้อควำมท่ีประกำศ
4. ให้ลงตำแหนง่ ของผู้ออกประกำศ
ตอบ 2. ขอ้ 20. ประกำศ คือ บรรดำข้อควำมท่ีทำงรำชกำรประกำศหรือชี้แจงใหท้ รำบ หรอื แนะแนวทำง ปฏบิ ัติ
ใชก้ ระดำษตรำครฑุ และให้จัดทำตำมแบบที่ 7 ท้ำยระเบยี บ โดยกรอกรำยละเอยี ดดังนี้
20.2 เรื่อง ให้ลงช่ือเร่อื งท่ปี ระกำศ
54. รำยละเอียดของ “ประกำศ” ในระเบยี บนี้ ในสว่ นของ “ ขอ้ ควำม ”.. ใหล้ งรำยละเอยี ดตำมข้อใด
1. ใหอ้ ำ้ งเหตุผลท่ตี ้องออกประกำศและขอ้ ควำมท่ปี ระกำศ
2. ใหอ้ ำ้ งเหตผุ ลโดยย่อ เพอื่ แสดงถึงควำมมุ่งหมำยทต่ี อ้ งออกระเบียบและ อำ้ งถงึ กฎหมำยที่ใหอ้ ำนำจออก
ประกำศ (ถ้ำมี)
3. ใหล้ งสำระสำคัญของเร่ืองใหช้ ัดเจนและเขำ้ ใจงำ่ ย หำกมคี วำมประสงค์ หลำยประกำร ใหแ้ ยกเป็นข้อๆ
เท่ำน้ัน
4. ให้อำ้ งเหตผุ ลโดยย่อเพื่อแสดงถึงควำมมงุ่ หมำยท่ีต้องออกข้อบังคับและ อำ้ งถึงกฎหมำยที่ให้อำนำจออก
ขอ้ บังคับ

ตอบ 1. ข้อ 20. ประกำศ คือ บรรดำข้อควำมท่ีทำงรำชกำรประกำศหรือชี้แจงใหท้ รำบ หรอื แนะแนวทำง ปฏิบัติ
ใช้กระดำษตรำครฑุ และให้จัดทำตำมแบบที่ 7 ทำ้ ยระเบียบ โดยกรอกรำยละเอียดดงั นี้

คู่มือสอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 140

------------------------------------------------------------------------------
20.3 ขอ้ ควำม ให้อำ้ งเหตุผลท่ตี ้องออกประกำศและข้อควำมท่ปี ระกำศ

55. ในระเบยี บน้ี หำกในกรณที ่ีกฎหมำยกำหนดใหท้ ำเป็นแจ้งควำมจะตอ้ งเปลย่ี นคำว่ำประกำศ เป็นคำใด

1. แจง้ ควำม 2. คำรอ้ ง 3. ขอ้ กำหนด 4. แจ้งเพ่อื ทรำบ

ตอบ 1. แนวคิด ข้อ 20. วรรคสอง ในกรณที ่กี ฎหมำยกำหนดให้ทำเป็นแจง้ ควำม ใหเ้ ปลีย่ นคำวำ่ ประกำศ เปน็

แจ้งควำม

56. “แถลงกำรณ์” ซึ่งเป็นหนงั สือชนดิ หนึง่ ในหนงั สือประชำสัมพนั ธ์ มีควำมหมำยตำมข้อใด

1. บรรดำระเบยี บทีท่ ำงรำชกำรแถลงเพื่อทำควำมเข้ำใจในกิจกำรของทำง รำชกำร หรือเหตกุ ำรณ์หรือกรณี

ใดๆ ให้ทรำบชัดเจนโดยทวั่ กัน

2. บรรดำกฎข้อบงั คับตำ่ งๆ ทท่ี ำงรำชกำรแถลงเพอ่ื ทำควำมเขำ้ ใจในกิจกำรของทำง รำชกำร หรือเหตุกำรณ์

หรือกรณีใดๆ ให้ทรำบชดั เจนโดยท่ัวกัน

3. บรรดำขอ้ ควำมทท่ี ำงรำชกำรแถลงเพอ่ื ทำควำมเขำ้ ใจในกจิ กำรของทำง รำชกำร หรือเหตุกำรณ์หรือกรณี

ใดๆ ให้ทรำบชัดเจนโดยทั่วกัน

4. บรรดำประกำศท่ที ำงรำชกำรแถลงเพ่อื ทำควำมเข้ำใจในกจิ กำรของทำง รำชกำร หรือเหตุกำรณ์หรือกรณี

ใดๆ ใหท้ รำบชัดเจนโดยท่ัวกัน

ตอบ 3. แนวคิด ข้อ 21. แถลงกำรณ์ คือ บรรดำข้อควำม ที่ทำงรำชกำรแถลงเพ่ือทำควำมเข้ำใจในกจิ กำรของ

ทำง รำชกำร หรือเหตกุ ำรณ์หรอื กรณใี ดๆ ใหท้ รำบขัดเจนโดยท่ัวกนั ใช้กระดำษตรำครุฑ และใหจ้ ดั ทำตำมแบบ ที่

8 ทำ้ ยระเบียบ

57. “ข่ำว” ซ่ึงเป็นหนังสือชนดิ หนง่ึ ในหนงั สือประชำสัมพันธ์ มีควำมหมำยตำมข้อใด

1. บรรดำกฎระเบียบทท่ี ำงรำชกำรเห็นสมควรเผยแพรใ่ ห้ทรำบ

2. บรรดำขอ้ ควำมทีท่ ำงรำชกำรเห็นสมควรเผยแพรใ่ ห้ทรำบ

3. บรรดำกฎระเบียบที่เอกชนเผยแพร่ให้ทรำบ

4. บรรดำขอ้ ควำมที่เอกชนเผยแพรใ่ ห้ทรำบ

ตอบ 2. แนวคดิ ข้อ 22. ข่ำว คือ บรรดำข้อควำมท่ีทำงรำชกำรเหน็ สมควรเผยแพร่ให้ทรำบ ใหจ้ ัดทำตำมแบบ

ที่ 9 ท้ำยระเบยี บ

58. ในระเบยี บน้ี “หนังสอื ที่เจ้ำหนำ้ ท่ที ำข้ึนรบั ไว้เป็นหลกั ฐำนในรำชกำร” มีควำมหมำยตำมข้อใด

1. หนงั สือทส่ี ว่ นรำชกำรออกใหเ้ พอ่ื รับรองแก่ บคุ คลนิติบคุ คล หรือ หนว่ ยงำน

2. หนังสอื ที่หน่วยงำนอื่นใดซ่ึงมิใช่สว่ นรำชกำรหรอื บคุ คลภำยนอกมมี ำถงึ สว่ นรำชกำร และส่วนรำชกำร

รบั ไว้เปน็ หลักฐำนของทำงรำชกำร

3. ถูกทั้งขอ้ 1. และ 2. 4. ไม่มีขอ้ ใดถูก

ตอบ 2. แนวคดิ ข้อ 23. หนังสือท่เี จ้ำหนำ้ ท่ีทำขึ้นรบั ไวเ้ ป็นหลกั ฐำนในรำชกำร คือ หนงั สอื ทท่ี ำงรำชกำรทำ
ขึ้น นอกจำกทีก่ ล่ำวมำแลว้ ข้ำงตน้ หรือหนังสือทีห่ น่วยงำนอนื่ ใดซ่ึงมิใช่ส่วนรำชกำรหรอื บคุ คลภำยนอกมีมำถึง
สว่ นรำชกำร และสว่ นรำชกำรรบั ไว้เปน็ หลักฐำนของทำงรำชกำร มี 4 ชนิด คอื หนังสือรบั รองรำยงำนกำร
ประชมุ บนั ทึก และหนงั สืออ่ืน

คู่มือสอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 141

------------------------------------------------------------------------------
59. ในระเบยี บนี้ “หนงั สอื ที่เจำ้ หนำ้ ทีท่ ำขึน้ รบั ไวเ้ ปน็ หลักฐำนในรำชกำร” มกี ี่ชนดิ

1. 3 ชนดิ 2. 4 ชนิด 3. 5 ชนดิ 4. 6 ชนิด

ตอบ 2. แนวคิด ข้อ 23. หนงั สอื ทเี่ จำ้ หน้ำที่ทำข้ึนรับไว้เปน็ หลกั ฐำนในรำชกำร คือ หนังสือทที่ ำงรำชกำรทำขน้ึ

นอกจำกท่กี ลำ่ วมำแลว้ ข้ำงต้น หรือหนงั สือท่หี น่วยงำนอ่ืนใดซ่ึงมใิ ชส่ ่วนรำชกำรหรือบคุ คลภำยนอกมมี ำถงึ สว่ น

รำชกำร และสว่ นรำชกำรรบั ไว้เป็นหลกั ฐำนของทำงรำชกำร มี 4 ชนิด คือ หนังสือรับรองรำยงำนกำร ประชุม

บันทกึ และหนังสืออื่น

60. “หนังสือรบั รอง” ตำมระเบียบน้ี มีควำมหมำยตำมข้อใด

1. หนงั สือท่ีสว่ นรำชกำรออกใหเ้ พื่อรับรองแก่ บุคคลนิติบุคคล หรอื หนว่ ยงำน เพอ่ื วัตถปุ ระสงค์อยำ่ งหนง่ึ

อยำ่ งใดให้ปรำกฏแก่บคุ คลโดยทั่วไปไม่จำเพำะเจำะจง

2. หนงั สอื ท่ีสว่ นรำชกำรออกใหเ้ พอื่ รับรองแก่ บุคคลธรรมดำทีม่ ิใช่นิติบุคคล เพ่ือวัตถุประสงคอ์ ย่ำงหนง่ึ

อยำ่ งใดให้ปรำกฏแกบ่ ุคคลโดยทั่วไปไม่จำเพรำะเจำะจง

3. ถกู ทง้ั ขอ้ 1. และขอ้ 2.

4. ไม่มขี ้อใดถกู

ตอบ 1. แนวคิด ข้อ 24. หนังสอื รบั รอง คือ หนังสือที่ส่วนรำชกำรออกให้เพือ่ รับรองแก่ บุคคลนิตบิ ุคคล หรอื
หนว่ ยงำน เพื่อวตั ถปุ ระสงคอ์ ย่ำงหนง่ึ อยำ่ งใดให้ปรำกฏแกบ่ ุคคลโดยทว่ั ไปไม่จำเพำะเจำะจง ใช้กระดำษ ตรำครฑุ
และใหจ้ ดั ทำตำมแบบที่ 10 ท้ำยระเบียบ
61. รำยละเอียดของ “หนังสอื รบั รอง” ในระเบียบน้ี ในสว่ นของ “ ส่วนรำชกำรเจ้ำของหนงั สือ ”.. ให้กรอก
รำยละเอียดตำมข้อใด

1. ลงช่อื ของส่วนรำชกำรซง่ึ เป็นเจ้ำของหนงั สอื น้ัน
2. สถำนทต่ี ัง้ ของสว่ นรำชกำรเจ้ำของหนงั สือ
3. ให้ลงช่ือของส่วนรำชกำรซึ่งเปน็ เจ้ำของหนงั สือนน้ั และจะลงสถำนทต่ี ั้งของสว่ นรำชกำรเจ้ำของหนงั สือ
ดว้ ยกไ็ ด้
4. ให้ลงชอื่ ของส่วนรำชกำรซึ่งเป็นเจำ้ ของหนังสือนน้ั และจะลงสถำนท่ีตัง้ ของสว่ นรำชกำรเจ้ำของหนังสือ
รวมท้งั ชอ่ื ของผบู้ งั คบั บัญชำในหนว่ ยงำนนั้นๆ
ตอบ 3. แนวคดิ ข้อ 24. หนังสือรบั รอง คือ หนงั สือทส่ี ่วนรำชกำรออกให้เพอื่ รับรองแก่ บคุ คลนิตบิ คุ คล หรอื
หนว่ ยงำน เพื่อวตั ถปุ ระสงคอ์ ยำ่ งหน่งึ อยำ่ งใดให้ปรำกฏแกบคุ คลโดยทัว่ ไปไม่จำเพำะเจำะจง ใช้กระดำษ ตรำครุฑ
และให้จัดทำตำมแบบที่ 10 ทำ้ ยระเบยี บ โดยกรอกรำยละเอยี ดดังน้ี
24.2 สว่ นรำชกำรเจ้ำของหนังสอื ให้ลงช่อื ของส่วนรำชกำรซ่ึงเปน็ เจ้ำของหนังสือน้นั และจะลงสถำน
ท่ีต้ังของสว่ นรำชกำรเจำ้ ของหนงั สอื ด้วยก็ได้
62. รำยละเอียดของ “หนังสอื รบั รอง” ในระเบยี บนี้ ในส่วนของ “ รูปถ่ำยและลำยมือชอื่ ผู้ได้รบั กำรรับรอง ”..
ให้กรอกรำยละเอียดตำมข้อใด
1. ในกรณที กี่ ำรรับรองเป็นเรอ่ื งสำคัญที่ ออกให้แกบ่ ุคคลให้ตดิ รปู ถ่ำยของผ้ทู ีไ่ ด้รับกำรรับรอง ขนำด 3x6
เซนติเมตร หน้ำตรง ไมส่ วมหมวก ประทับตรำชอื่ ส่วนรำชกำรท่ีออกหนังสือบนขอบล่ำงด้ำนขวำของรปู ถ่ำยคำบ

คู่มือสอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 142

------------------------------------------------------------------------------
ตอ่ ลงบนแผ่นกระดำษ และ ให้ผู้นน้ั ลงลำยมอื ช่ือไว้ใต้รูปถำ่ ยพรอ้ มท้ังพมิ พช์ ่อื เต็มของเจำ้ ของลำยมอื ช่ือไวใ้ ต้

ลำยมอื ชือ่ ด้วย

2. ในกรณีทก่ี ำรรับรองเป็นเร่ืองสำคญั ที่ ออกใหแ้ กบ่ คุ คลใหต้ ิดรูปถำ่ ยของผูท้ ีไ่ ด้รับกำรรบั รอง ขนำด 4X6

เซนติเมตร หน้ำตรง ไม่สวมหมวก ประทบั ตรำชอื่ ส่วนรำชกำรท่ีออกหนงั สอื บนขอบล่ำงดำ้ นขวำของรูปถ่ำยคำบ

ต่อลงบนแผ่นกระดำษ และ ให้ผู้น้ันลงลำยมอื ชอื่ ไวใ้ ต้รูปถ่ำยพร้อมทั้งพิมพ์ช่อื เตม็ ของเจ้ำของลำยมือช่ือไวใ้ ต้

ลำยมอื ชื่อด้วย

3. ในกรณีท่ีกำรรับรองเป็นเรื่องสำคัญท่ี ออกให้แก่บุคคลให้ติดรปู ถ่ำยของผู้ทไี่ ด้รบั กำรรบั รอง ขนำด 5X6

เซนตเิ มตร หน้ำตรง ไม่สวมหมวก ประทับตรำชือ่ ส่วนรำชกำรที่ออกหนังสือบนขอบล่ำงด้ำนขวำของรปู ถ่ำยคำบ

ตอ่ ลงบนแผ่นกระดำษ และ ให้ผนู้ ้ันลงลำยมือช่ือไวใ้ ต้รูปถำ่ ยพรอ้ มท้งั พมิ พช์ ่อื เตม็ ของเจำ้ ของลำยมือชื่อไว้ใต้

ลำยมือชือ่ ด้วย

4. ในกรณที ่กี ำรรับรองเป็นเรื่องสำคัญท่ี ออกใหแ้ ก่บุคคลใหต้ ดิ รปู ถ่ำยของผูท้ ีไ่ ด้รบั กำรรบั รอง ขนำด 6X6

เซนติเมตร หนำ้ ตรง ไมส่ วมหมวก ประทับตรำชอื่ สว่ นรำชกำรทอ่ี อกหนงั สอื บนขอบลำ่ งด้ำนขวำของรูปถ่ำยคำบ

ต่อลงบนแผ่นกระดำษ และ ใหผ้ นู้ ัน้ ลงลำยมอื ชอ่ื ไว้ใตร้ ปู ถ่ำยพร้อมท้ังพิมพช์ ่อื เตม็ ของเจ้ำของลำยมอื ชื่อไวใ้ ต้

ลำยมอื ชือ่ ดว้ ย

ตอบ 2. แนวคดิ ข้อ 24. หนังสอื รับรอง คอื หนังสือท่ีสว่ นรำชกำรออกให้เพ่ือรับรองแก่ บุคคลนติ บิ ุคคล หรอื

หนว่ ยงำน เพื่อวตั ถปุ ระสงค์อยำ่ งหน่ึงอย่ำงใดใหป้ รำกฏแกบุคคลโดยทวั่ ไปไม่จำเพรำะเจำะจง ใชก้ ระดำษ ตรำ

ครุฑ และให้จัดทำตำมแบบที่ 10 ทำ้ ยระเบียบ โดยกรอกรำยละเอียดดงั น้ี

24.7 รปู ถ่ำยและลำยมอื ช่อื ผู้ไดร้ ับกำรรบั รอง ในกรณีทกี่ ำรรับรองเปน็ เรื่องสำคญั ที่ ออกใหแ้ กบ่ คุ คลใหต้ ิดรปู ถำ่ ย

ของผูท้ ่ไี ด้รบั กำรรบั รอง ขนำด 4X6 เซนตเิ มตร หนำ้ ตรง ไมส่ วมหมวก ประทับตรำชอื่ ส่วนรำชกำรที่ออกหนงั สอื

บนขอบลำ่ งด้ำนขวำของรปู ถ่ำยคำบต่อลงบนแผ่นกระดำษ และ ใหผ้ ู้นนั้ ลงลำยมอื ช่อื ไว้ใต้รปู ถ่ำยพรอ้ มท้งั พิมพ์ช่ือ

เต็มของเจ้ำของลำยมอื ช่อื ไว้ใต้ลำยมือชื่อดว้ ย

63. ในระเบยี บนี้ “รำยงำนกำรประชุม” มคี วำมหมำยตำมข้อใด

1. กำรบนั ทึกควำมคดิ เห็นของผมู้ ำประชุม 2. กำรบนั ทกึ ผู้เข้ำรว่ มประชุม

3. กำรบันทึกมติของทป่ี ระชุมไวเ้ ป็นหลกั ฐำน 4. ถกู ทกุ ข้อ

ตอบ 4. แนวคดิ รำยงำนกำรประชุม คือ กำรบนั ทึกควำมคิดเหน็ ของผมู้ ำประชุม ผู้เขำ้ รว่ มประชุม และมติ ของท่ี

ประชมุ ไวเ้ ป็นหลักฐำน ใหจ้ ัดทำตำมแบบที่ 11 ท้ำยระเบียบ

64. รำยละเอียดของ “รำยงำนกำรประชมุ ” ในระเบยี บนี้ ในสว่ นของ “รำยงำนกำรประชมุ ”.. ให้กรอก

รำยละเอียดตำมข้อใด

1. ให้ลงช่ือคณะท่ปี ระชมุ หรือชอื่ กำรประชุมน้ัน 2. ให้ลงคร้งั ท่ปี ระชมุ

3. ให้ ลง วนั เดือน ปี ทป่ี ระชมุ 4. ให้ลงสถำนทท่ี ี่ประชมุ

ตอบ 1. แนวคดิ ข้อ 25. รำยงำนกำรประชมุ คอื กำรบันทกึ ควำมคิดเหน็ ของผูม้ ำประชมุ ผู้เข้ำร่วมประชมุ และ
มติ ของท่ีประชุมไว้เป็นหลักฐำน ให้จัดทำตำมแบบที่ 11 ท้ำยระเบียบ โดยกรอกรำยละเอยี ด ดังน้ี

25.1 รำยงำนกำรประชมุ ให้ลงชอ่ื คณะที่ประชมุ หรือชื่อกำรประชมุ นั้น

คู่มอื สอบนกั วิชาการศึกษาปฏิบตั ิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 143

------------------------------------------------------------------------------
65. รำยละเอยี ดของ “รำยงำนกำรประชุม” ในระเบียบนี้ ในส่วนของ “ครง้ั ท่ี”.. ใหก้ รอกรำยละเอียดตำมขอ้ ใด

1. ให้ลงช่อื คณะทปี่ ระชมุ หรือชื่อกำรประชมุ นน้ั 2. ใหล้ งครั้งท่ีประชุม

3. ให้ ลง วัน เดือน ปี ที่ประชุม 4. ใหล้ งสถำนทที่ ่ปี ระชมุ

ตอบ 2. แนวคดิ แนวคดิ ขอ้ 25. รำยงำนกำรประชมุ คอื กำรบนั ทึกควำมคิดเห็นของผ้มู ำประชุม ผู้เขำ้ ร่วม

ประชุม และมติ ของทปี่ ระชุมไวเ้ ป็นหลักฐำน ให้จดั ทำตำมแบบที่ 11 ทำ้ ยระเบียบ โดยกรอกรำยละเอียด ดงั น้ี

25.2 คร้งั ที่ ให้ลงครงั้ ทป่ี ระชมุ

66. รำยละเอยี ดของ “รำยงำนกำรประชมุ ” ในระเบยี บน้ี ในสว่ นของ “เม่ือ”.. ให้กรอกรำยละเอียดตำมข้อใด

1. ใหล้ งชอื่ คณะทีป่ ระชมุ หรือช่ือกำรประชมุ นนั้ 2. ใหล้ งครัง้ ท่ีประชมุ

3. ให้ ลง วนั เดือน ปี ที่ประชุม 4. ใหล้ งสถำนทที่ ่ีประชุม

ตอบ 3. แนวคดิ ข้อ 25. รำยงำนกำรประชมุ คือ กำรบนั ทึกควำมคดิ เหน็ ของผมู้ ำประชมุ ผ้เู ขำ้ รว่ มประชุม และมติ

ของที่ประชมุ ไวเ้ ป็นหลักฐำนให้จดั ทำตำมแบบที่ 11 ท้ำยระเบียบ โดยกรอกรำยละเอียด ดงั นี้

25.3 เมอ่ื ให้ลงวันเดือนปที ี่ประชมุ

67. รำยละเอียดของ “รำยงำนกำรประชุม” ในระเบียบนี้ ในส่วนของ “ผู้มำประชุม”.. ให้กรอกรำยละเอยี ดตำม

ขอ้ ใด

1. ใหล้ งเฉพำะชอ่ื ผมู้ ำประชุม

2. ให้ลงช่ือและหรือตำแหน่งของผไู้ ด้รบั แต่งตั้งเป็นคณะทีป่ ระชุมซง่ึ มำประชุม หำ้ มต้ังผู้ใดมำประชุม

แทน

3. ใหล้ งช่อื และหรือตำแหน่งของผูไ้ ด้รบั แต่งต้งั เป็นคณะท่ีประชุมซงึ่ มำประชุมในกรณีทมี่ ผี ้มู ำประชมุ

แทนใหล้ งชือ่ ผมู้ ำประชุมแทน และลงวำ่ มำประชุมแทนผู้ใดหรือตำแหนง่ ใด

4. ไม่มขี ้อใดถูก

ตอบ 3. แนวคิด ข้อ 25. รำยงำนกำรประชมุ คือ กำรบันทึกควำมคดิ เห็นของผ้มู ำประชุม ผเู้ ขำ้ รว่ มประชมุ และ

มติ ของท่ีประชมุ ไว้เป็นหลักฐำน ให้จัดทำตำมแบบที่ 11 ทำ้ ยระเบียบ โดยกรอกรำยละเอียด ดังน้ี

25.5 ผมู้ ำประชุม ให้ลงช่อื และหรอื ตำแหน่งของผู้ได้รบั แต่งตั้งเป็นคณะท่ปี ระชมุ ซงึ่ มำประชุมในกรณีท่ีมี

ผ้มู ำประชุมแทนให้ลงช่ือผ้มู ำประชมุ แทน และลงว่ำมำประชุมแทนผ้ใู ดหรือตำแหน่งใด

68. รำยละเอยี ดของ “รำยงำนกำรประชมุ ” ในระเบยี บนี้ ในสว่ นของ “ผ้ไู ม่มำประชมุ ”.. ให้กรอกรำยละเอยี ด

ตำมขอ้ ใด

1. ให้ลงเฉพำะช่อื ผ้ไู ม่มำประชุม

2. ใหล้ งช่ือและตำแหนง่ ของผไู้ ด้รับแต่งต้งั เปน็ คณะที่ประชุมซ่งึ ไมม่ ำประชุม

3. ผูไ้ มม่ ำประชุม ให้ลงชอื่ และหรอื ตำแหนง่ ของผู้ที่ได้รับกำรแตง่ ตงั้ เปน็ คณะท่ี ประชมุ ซง่ึ มิได้มำประชมุ

พร้อมทัง้ เหตุผล (ถำ้ มี)

4. ไม่มขี อ้ ใดถกู

ตอบ 3. แนวคดิ ข้อ 25. รำยงำนกำรประชมุ คอื กำรบันทกึ ควำมคดิ เห็นของผู้มำประชุม ผู้เข้ำร่วมประชมุ และ
มติ ของทีป่ ระชุมไวเ้ ปน็ หลักฐำน ใหจ้ ัดทำตำมแบบที่ 11 ท้ำยระเบยี บ โดยกรอกรำยละเอยี ด ดังนี้


Click to View FlipBook Version