้
แผนการจดการเรยนรูวิทยาศาสตร
ั
ี
์
ึ
ุ
์
(แผนการใช้นวัตกรรม : ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร)
หน่วยที่ ๑
หน่วยของชีวิตและชีวิตพืช
ี
่
ี่
ี
ึ
ชั้นมัธยมศกษาปท ๑ ภาคเรยนท ๑
ี
ผู้เขยน
ี
้
นายยรรยง ปกปอง
ครูช ำนำญกำรพิเศษ โรงเรยนบ้ำนดงเจรญ
ิ
ี
ั
ส ำนกงำนเขตพนที่กำรศึกษำประถมศึกษำยโสธร เขต ๑
้
ื
ค านา
ู
้
ี
แผนการจัดการเรยนรทด ต้องสอดคล้องกับหลักสตร มความชัดเจนและ
ี
ู
ี
่
ี
ุ
ู
ี
้
ู
้
ี
สอดคล้องกันระหว่างจดประสงค์ กิจกรรมการเรยนร สอการเรยนร ตลอดจน
่
ื
ี
ิ
ั
การวัดและประเมนผล มการปรบปรงและพัฒนา เพือให้สอดคล้องกับสภาพ
่
ุ
ึ
้
ี
แวดล้อม และความพรอมของผู้เรยนในแต่ละปการศกษาอยู่เสมอ
ี
้
้
แผนการจัดการเรยนร กล่มสาระการเรยนรวิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศกษา
ู
ุ
์
ึ
ู
ี
ี
ื่
ี่
ี
็
ปท 1 เรอง หนวยของชวิตและชวิตพืช เล่มน้ เปนแผนการใช้นวัตกรรมเพือ
ี
่
ี
ี
่
์
ุ
ั
ึ
ี
่
่
ี
ึ
การแก้ปญหาผู้เรยน ซงได้แก่ ชดฝกทักษะวิทยาศาสตรทเน้นการฝกทักษะ
ึ
ิ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร และความสามารถในการคดวิเคราะห์
์
ู
ึ
ี
้
ครผู้สอนทจะน าแผนการจัดการเรยนรน้ไปใช้ ควรทจะศกษาแผนการจัด
ู
ี
่
่
ี
ี
ู
้
การเรยนรให้เข้าใจ เพือท าความเข้าใจ และฝกทักษะในกิจกรรมบางอย่างให้
ี
่
ึ
ช านาญ เช่น การใช้ค าถาม การร้องเพลง ตลอดจนการเตรียมเอกสารต่าง ๆ
้
ุ
ชดฝกผู้เรยน สอการเรยนร และเครองมอประเมนผล ให้พรอม เพื่อให้การน า
ื่
ึ
ี
ู
ิ
ื่
ื
้
ี
ู
แผนการจัดการเรยนรน้ไปใช้ได้อย่างมประสทธภาพ
ี
ี
้
ี
ิ
ิ
ด้วยความปรารถนาด ี
้
นายยรรยง ปกปอง
ิ
ครช านาญการพิเศษ โรงเรยนบ้านดงเจรญ
ู
ี
ส านักงานเขตพื้นทการศกษาประถมศกษายโสธร เขต 1
ี
ึ
ึ
่
สารบัญ
หน้า
ู
• ขั้นตอนการออกแบบการจัดการเรยนร ………………………………………. 1
ี
้
ุ
ู
• ตอนที่ 1 หลักสตรกล่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช่วงชั้นที 3
่
ี
ู
์
้
-วิสัยทัศน์การเรยนรวิทยาศาสตร …………………………………………….. 2
-เปาหมายของการจัดการเรยนการสอนวิทยาศาสตร ……………………….… 3
์
้
ี
ู
ี
์
-สาระการเรยนรวิทยาศาสตร ……………………………………………….... 3
้
-มาตรฐานการเรยนร ………………………………………………………….. 4
ี
้
ู
ี
-ตัวช้วัด และสาระการเรยนรวิทยาศาสตร ์
ู
้
ี
่
ชั้นมัธยมศึกษาปีที 1 …………………………………………………………. 6
-ค าอธบายรายวิชา ว 21101 …………………………………………………… 13
ิ
ี
-หน่วยการเรยนร รายวิชา ว 21101 …………………...……………………... 14
้
ู
ี
ี
่
-ผังมโนทัศน์ รายวิชา ว 21101 หน่วยท 1 หน่วยของชวิตและชวิตพืช ……… 15
ี
ู
ี
้
ุ
• ตอนที่ 2 วิเคราะหหลักสตรกล่มสาระการเรยนรวิทยาศาสตร ์
ู
์
ู
์
ี
้
ี
ื
่
-วิเคราะหตัวช้วัด กิจกรรม สอการเรยนร โดยใช้ Facets Design …………… 16
์
ั
ี
ี
-ความสมพันธของตัวช้วัด แผนการจัดการเรยนร ู ้
ี
และอัตราเวลาเรยน ……………………………………………………….…. 29
ี
ึ
ุ
-ความสัมพันธ์ของแผนการจัดการเรยนร และชดฝกทักษะวิทยาศาสตร ์
ู
้
่
เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช ……………………………………….…….. 32
ี
ี
ื
หน้า
้
ู
ี
่
์
• ตอนที่ 3 แผนการจัดการเรยนรวิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศกษาปท 1
ึ
ี
ี
่
ี
หน่วยท 1 หน่วยของชวิตและชวิตพืช เวลา 30 ชั่วโมง
ี
ี
ี่
ื
่
-แผนท 1 เรอง พื้นฐานนักทดลอง ………………………………………….. 35
-แผนท 2 เรอง ใช้กล้องส ารวจหา …………………………………………... 55
ื่
ี่
ี
ี
ื
่
-แผนท 3 เรอง มองเหนว่ามชวิต …………………….……………………... 68
็
ี่
ิ
ื่
ี่
-แผนท 4 เรอง เซลล์น้อยนดมหัศจรรย์ ……………………………………. 84
ี่
ั
-แผนท 5 เรอง แตกต่างกันเซลล์พืชสตว์ ………………..…………………. 100
ื
่
ื่
ี่
ึ
-แผนท 6 เรอง ส ารวจชัดถงหน้าท …………..…………………………….. 112
ี่
ิ
ี
ื่
-แผนท 7 เรอง อธบายดเหนภาพพจน์ ……………………………………… 122
ี่
็
-แผนท 8 เรอง ออกแบบหมดให้แคล่วคล่อง ……………………..………... 133
ื
ี่
ึ
ื
่
ี่
-แผนท 9 เรอง ฝกทดลองการแพร่สาร ……………...……………………… 146
ี่
่
็
ื
-แผนท 10 เรอง ท านายกันลงความเหน ……….……………………………. 155
-แผนท 11 เรอง สรปเปนพรอมตความ …………………...…………………. 164
็
ี่
ี
ื่
ุ
้
ี่
ื่
-แผนท 12 เรอง ส ารวจท าสมมตฐาน …………………..……………………. 174
ิ
่
ี่
ื
-แผนท 13 เรอง ปจจัยนั้นมีมากมาย …………………………………………. 185
ั
-แผนท 14 เรอง ทดลองได้เพื่อตรวจสอบ ………………….……….………... 196
ื่
ี่
ื
-แผนท 15 เรอง ความรรอบเพราะสบค้น …………………………….………. 207
้
ู
ื่
ี่
ื
่
-แผนท 16 เรอง ทดลองจนเกิดเข้าใจ ………………………….……….…….. 218
ี่
ี่
-แผนท 17 เรอง อธบายได้ถงหน้าท ………………….……………………… 232
ึ
ี่
ิ
ื่
หน้า
ิ
่
้
ี่
ี
่
์
ื
ื
-แผนท 18 เรอง วิเคราะหดเรองส่งเรา ………………………….…………… 247
-แผนท 19 เรอง สบค้นเข้าน าไปใช้ …………………………………………. 259
ี่
ื
ื่
ิ
้
ื่
ุ
-แผนท 20 เรอง อภปรายได้พรอมเหตผล ……………………………....…... 270
ี่
• บรรณานกรม …………………………………………………………………. 284
ุ
• ภาคผนวก ……………………………………………………………………. 285
ี
ี
-เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน ………………………………………. 286
ิ
์
-แบบประเมนเจตคตและจตวิทยาศาสตร ……………………………………... 287
ิ
ิ
ิ
-แบบประเมนทักษะการทดลอง ………………………………………………. 288
ิ
-แบบประเมนการพูดน าเสนอผลงาน …………………………………………. 292
ี่
-ทปรกษาและผู้เชยวชาญ …………………………………………………...… 293
ี่
ึ
ิ
-ประวัตของผู้จัดท า ………………………………………………………...…. 294
ตอนท่ 1
ี
ุ
ั
่
ี
้
• หลกสูตรกลมสำระกำรเรยนรูวิทยำศำสตร ์
้
-วสัยทัศน์และเปำหมำย
ิ
ี
-มำตรฐำนกำรเรยนร ้ ู
-ตวชวด และสำระกำรเรยนร ชนมัธยมศึกษำปที่ 1
ี
ี
้
ั
้
ู
้
ี
ั
ั
-ค ำอธิบำยรำยวชำ ว 21101
ิ
-หนวยกำรเรยนรและผังมโนทัศน์ รำยวชำ ว 21101
ิ
ี
่
ู
้
-1-
ู
ขั้นตอนการออกแบบการจัดการเรยนร
ี
้
่
กล่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ว 21101) ชั้นมัธยมศึกษาปีที 1
ุ
ื
่
ี
หนวยที่ 1 เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช เวลา 30 ชั่วโมง
ี
่
ิ
ี
1. ศึกษา/วิเคราะห์หลักสตร ( ค าอธบายรายวิชา , หน่วยการเรยนร ู ้
ู
ผังมโนทัศน์ )
ี
ู
้
่
2. วิเคราะหมาตรฐานการเรยนรในแต่ละระดับ เพือท าความเข้าใจ
์
่
เกียวกับค าส าคัญ ความเข้าใจทีคงทน พฤติกรรม ฯลฯ
่
และความสอดคล้องของมาตรฐาน ( โดยใช้รปแบบของ
ู
Backward Design )
ื
็
่
ุ
ี
ี
์
ี
ู
3. วิเคราะหแหล่งเรยนร สอ ผู้เรยน และตัวช้วัด ให้เปนจดประสงค์
้
น าทาง (จดประสงค์ย่อย) ทเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม โดยใช้
ี
่
ุ
ู
รปแบบ Facets Design
ู
้
4. ออกแบบการจัดการเรยนร
ี
( ก าหนดรปแบบแผนการจัดการเรยนร )
ี
ู
ู
้
้
ู
ี
5. เขยนแผนการจัดการเรยนร
ี
6. จัดกิจกรรมการเรยนร ู ้
ี
7. ประเมนผลการสอน
ิ
ี
ั
8. ปรบปรงและพัฒนาแผนการจัดการเรยนร ู ้
ุ
-2-
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกราช 2544
ั
กล่มสาระการเรยนรวิทยาศาสตร เปนกล่มสาระการเรยนรหนงใน 8 กล่มสาระทผู้เรยน
ี
ุ
ี
้
ู
็
์
ู
ุ
ึ
ี่
ุ
ี
้
่
็
ู
้
มความจ าเปนต้องเรยนร ตามหลักสตรแกนกลางการศกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ู
ี
ึ
ี
ิ
ึ
ี
ี
ี
(กระทรวงศึกษาธการ. 2551 : 92-131 ) ซงมรายละเอยด ดังน้
่
์
์
้
ี
วิสยทัศนการเรยนรูวิทยาศาสตร
ั
ุ
ั
็
่
ุ
วิสยทัศน์เปนมมมองภาพในอนาคตทม่งหวังว่า จะมีการพัฒนาอะไร อย่างไร ก าหนดไว้
ี
่
ิ
ี
่
่
ึ
็
ิ
์
เพือเปนแนวทางให้ผู้ทเกียวข้องได้ร่วมกันพัฒนาการศกษาวิทยาศาสตร และปฏบัตร่วมกันส่ ู
ึ
่
ี
้
ู
ความส าเรจได้ ซงวิสัยทัศน์การเรยนรวิทยาศาสตร ตามมาตรฐานหลักสตรการศกษาขั้นพื้นฐาน
ู
็
์
ึ
ี
ก าหนดไว้ดังน้
้
ู
ี
ั
ู
็
ี
การเรยนรวิทยาศาสตร เปนการพัฒนาผู้เรยนให้ได้รบทั้งความร กระบวนการและเจตคต ิ
์
้
ุ
ื
ี
้
ื
ี
ี
่
ู
ุ
ผู้เรยนทกคนควรได้รบการกระต้น ส่งเสรมให้สนใจและกระตอรอรนทจะเรยนรวิทยาศาสตร ์
้
ิ
ั
่
่
ั
มความสงสย เกิดค าถามในสิ่งต่างๆ ทีเกียวกับโลกธรรมชาติรอบตัว มีความมุงมั่นและมีความ
่
ี
้
ู
่
ู
ุ
ึ
์
สขทจะศกษาค้นคว้า สบเสาะหาความรเพือรวบรวมข้อมล วิเคราะหผล น าไปส่ค าตอบของ
ื
ู
่
ี
ิ
ู
ุ
ี
ื
่
ค าถาม สามารถตัดสนใจด้วยการใช้ข้อมลอย่างมเหตผล สามารถสอสารค าถาม ค าตอบ ข้อมูล
ิ
ี
้
ี
่
และส่งทค้นพบจากการเรยนรให้ผู้อนเข้าใจได้
ื
่
ู
้
ื่
็
ี
ื่
ู
์
ี
์
ู
ู
ี
การเรยนรวิทยาศาสตร เปนการเรยนรตลอดชวิต เนองจากความรวิทยาศาสตร เปนเรองราว
็
้
้
่
ี
่
ิ
ุ
ู
เกียวกับโลกธรรมชาต (natural world) ซงมการเปลยนแปลงตลอดเวลา ทกคนจงต้องเรยนรเพื่อ
ี่
้
ี
ึ
ึ
ั
ี
ี
ื่
ู
ี
ี
์
น าผลการเรยนรไปใช้ในชวิตและการประกอบอาชพ เมอผู้เรยนได้เรยนวิทยาศาสตรโดยได้รบ
ี
้
ื
ั
่
ื
ิ
การกระต้นให้เกิดความตนเต้น ท้าทายกับการเผชญสถานการณหรอปญหา มการร่วมกันคด
ิ
ี
ุ
์
ิ
ี
่
ื
ิ
ลงมอปฏบัตจรง ก็จะเข้าใจและเหนความเชอมโยงของวิทยาศาสตรกับวิชาอนและชวิต ท าให้
็
่
ิ
ื
ื
์
ี
ิ
ี
สามารถอธบาย ท านาย คาดการณส่งต่างๆ ได้อย่างมเหตผล การประสบความส าเรจในการเรยน
็
์
ุ
ิ
์
่
ี
ั
ุ
ี
วิทยาศาสตรจะเปนแรงกระต้นให้ผู้เรยนมความสนใจ ม่งมั่นทจะสงเกต ส ารวจ ตรวจสอบ
ี
ุ
็
ื
ึ
ี
สบค้นความรทมคณค่าเพิ่มข้นอย่างไม่หยุดยั้ง การจัดกิจกรรมการเรยนการสอนจงต้องสอด
่
ี
ึ
ี
ุ
ู
้
-3-
ี
่
ี
้
ึ
ึ
ิ
ี
ี
ิ
ู
คล้องกับสภาพจรงในชวิต โดยใช้แหล่งเรยนรหลากหลายในท้องถ่น และค านงถงผู้เรยนทม ี
ี
ู
้
วิธการเรยนร ความสนใจและความถนัดแตกต่างกัน
ี
ู
้
็
้
ี
่
์
ึ
ู
็
ี
การเรยนรวิทยาศาสตรพื้นฐาน เปนการเรยนรเพือความเข้าใจ ซาบซ้งและเหนความส าคัญ
ู
้
ิ
ื
ิ
ี
่
ึ
ของธรรมชาตและส่งแวดล้อม ซงจะส่งผลให้ผู้เรยนสามารถเชอมโยงองค์ความรหลายๆ ด้าน
่
้
ุ
ี
็
ี
ิ
เปนความรแบบองค์รวม อันจะน าไปส่การสรางสรรค์ส่งต่างๆ และพัฒนาคณภาพชวิต มความ
้
ู
ู
ู
สามารถในการจัดการ และร่วมกันดแลรกษาโลกธรรมชาตอย่างยั่งยืน
ั
ิ
้
ี
เปาหมายของการจัดการเรยนการสอนวิทยาศาสตร ์
ึ
้
การจัดการเรยนการสอนวิทยาศาสตรในสถานศกษา มเปาหมายส าคัญดังน้
์
ี
ี
ี
่
ี
ี
่
็
1. เพือให้เข้าใจหลักการ ทฤษฎทเปนพื้นฐานในวิทยาศาสตร ์
่
ิ
์
2. เพือให้เข้าใจขอบเขต ธรรมชาต และข้อจ ากัดของวิทยาศาสตร
ี่
3. เพื่อให้มทักษะทส าคัญในการศึกษาค้นคว้าและคดค้นทางวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
ี
ิ
์
ิ
4. เพือพัฒนากระบวนการคดและจนตนาการ ความสามารถในการแก้ปญหา
่
ั
ิ
ิ
ื่
และการจัดการ ทักษะในการสอสาร และความสามารถในการตัดสนใจ
่
ึ
ุ
์
ั
์
5. เพือให้ตระหนักถงความสมพันธระหว่างวิทยาศาสตร เทคโนโลยี มวลมนษย์
ิ
ิ
ิ
ี
่
ึ
และสภาพแวดล้อมในเชงทมอทธพล และผลกระทบซงกันและกัน
ี
่
์
ู
้
6. เพือน าความรความเข้าใจในเรองวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์
่
่
ื
ั
ต่อสงคมและการด ารงชวิต
ี
ิ
์
ี
7. เพือให้เปนคนมจตวิทยาศาสตร มคณธรรม จรยธรรม และค่านยมในการใช้วิทยาศาสตร
์
ี
ุ
ิ
่
ิ
็
้
และเทคโนโลยีอย่างสรางสรรค์
้
สาระการเรยนรูวิทยาศาสตร ์
ี
็
สาระทเปนองค์ความรของกล่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย
ี
ุ
่
ู
้
สาระท 1 ส่งมชวิตกับกระบวนการด ารงชวิต
ี่
ี
ี
ิ
ี
ิ
ี
สาระท 2 ชวิตกับส่งแวดล้อม
ี่
สาระท 3 สารและสมบัตของสาร
ี่
ิ
ื่
สาระท 4 แรงและการเคลอนท ี่
ี
-4-
ี่
สาระท 5 พลังงาน
ี่
ี่
สาระท 6 กระบวนการเปลยนแปลงของโลก
์
ี่
สาระท 7 ดาราศาสตรและอวกาศ
ี่
สาระท 8 ธรรมชาตของวิทยาศาสตร และเทคโนโลยี
์
ิ
ี
มาตรฐานการเรยนรู ้
้
ี
์
ู
ุ
ู
ี
ึ
้
มาตรฐานการเรยนรการศกษาขั้นพื้นฐาน กล่มสาระการเรยนรวิทยาศาสตร แยกตามสาระ
ื
ี
้
ู
การเรยนร ได้คอ
ี่
ี
ี
ิ
ี
สาระท 1 : ส่งมชวิตกับกระบวนการด ารงชวิต
ี
มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจหน่วยพื้นฐานของส่งมชวิต ความสมพันธของโครงสรางและ
ิ
ี
้
ั
์
้
่
ิ
หน้าทของระบบต่างๆ ของส่งมชวิตทท างานสมพันธกัน มกระบวนการสบเสาะหาความร
ั
ี
ื
ี
่
์
ี
ี
ู
ี
ี
ิ
ื
ู
้
ู
่
สอสารส่งทเรยนร น าความรไปใช้ในการด ารงชวิตของตนเองและดแลส่งมชวิต
ี
้
ู
ิ
่
ี
ี
ี
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจกระบวนการ และความสมพันธของการถ่ายทอดลักษณะทาง
์
ั
ิ
พันธกรรม วิวัฒนาการของส่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ การใช้เทคโนโลยีชีวภาพ
ุ
ื่
ี
ู
้
ทมผลต่อมนษย์และส่งแวดล้อม มกระบวนการสบเสาะหาความรและจตวิทยาศาสตร สอสาร
ิ
ิ
์
ื
่
ี
ี
ุ
ส่งทเรยนรและน าความรไปใช้ประโยชน์
ี
่
้
ี
ู
ิ
ู
้
ิ
ี่
ี
สาระท 2 : ชวิตกับส่งแวดล้อม
์
ั
ิ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจส่งแวดล้อมในท้องถ่น ความสมพันธระหว่างส่งแวดล้อมกับ
ิ
ิ
ื
ิ
์
ั
ี
ู
้
ี
ิ
ี
ิ
ี
ส่งมชวิต ความสมพันธระหว่างส่งมชวิตต่างๆ ในระบบนเวศ มกระบวนการสบเสาะหาความร
ี
ื
ิ
์
่
ิ
่
และจตวิทยาศาสตร สอสารส่งทีเรียนรู้ และน าความรู้ไปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจความส าคัญของทรพยากรธรรมชาต การใช้ทรพยากรธรรมชาต ิ
ิ
ั
ั
ู
้
ิ
ในระดับท้องถ่น ประเทศ และโลก น าความรไปใช้ในการจัดการทรพยากรธรรมชาตและส่ง
ั
ิ
ิ
แวดล้อมในท้องถ่นอย่างยั่งยืน
ิ
-5-
ี่
ิ
สาระท 3 : สารและสมบัตของสาร
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจสมบัตของสาร ความสมพันธระหว่างสมบัตของสารกับโครงสราง
ิ
ิ
้
ั
์
้
ุ
่
์
ู
ื
ื
ี
และแรงยึดเหนยวระหว่างอนภาค มกระบวนการสบเสาะหาความรและจตวิทยาศาสตร สอสาร
ี
่
ิ
้
ู
ี
ู
ิ
ส่งทเรยนรและน าความรไปใช้ประโยชน์
ี
้
่
่
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจหลักการและธรรมชาตของการเปลยนสถานะของสาร การเกิด
ิ
ี
ื
ี
ี
ิ
้
ิ
ู
ิ
์
สารละลาย การเกิดปฏกิรยาเคม มกระบวนการสบเสาะหาความร และจตวิทยาศาสตร สอสาร
ื
่
ู
ส่งทเรยนรและน าความรไปใช้ประโยชน์
ี
่
ิ
ี
้
้
ู
ี่
สาระท 4 : แรงและการเคลอนท
ื่
ี่
ิ
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจธรรมชาตของแรงแม่เหล็กไฟฟา แรงโน้มถ่วง และแรงนวเคลยร ์
ี
ิ
้
ู
้
้
่
่
ี
ู
ู
ี
ี
ื
มกระบวนการสบเสาะหาความร สอสารส่งทเรยนรและน าความรไปใช้ประโยชน์อย่างถกต้อง
ื
ิ
้
ู
ุ
ี
และมคณธรรม
่
ุ
ี
ี
ิ
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจลักษณะการเคลอนทแบบต่างๆ ของวัตถในธรรมชาต มกระบวน
ื
่
์
ู
ู
้
้
ี
ื
ิ
ี
่
่
ู
้
การสบเสาะหาความรและจตวิทยาศาสตร สอสารส่งทเรยนรและน าความรไปใช้ประโยชน์
ื
ิ
ี่
สาระท 5 : พลังงาน
ี
ั
ี
ู
์
่
มาตรฐาน ว 5.1 เข้าใจความสมพันธระหว่างพลังงานกับการด ารงชวิต การเปลยนรป
ิ
ั
ิ
พลังงาน ปฏสมพันธระหว่างสารและพลังงาน ผลของการใช้พลังงานต่อชวิตและส่งแวดล้อม
์
ี
ู
้
ู
้
มกระบวนการสบเสาะหาความร สอสารส่งทเรยนรและน าความรไปใช้ประโยชน์
ื
ู
้
ี
ี
ี
่
ิ
่
ื
สาระท 6 : กระบวนการเปลยนแปลงของโลก
ี่
ี่
ี
่
ั
มาตรฐาน ว 6.1 เข้าใจกระบวนการต่างๆ ทเกิดข้นบนผิวโลกและภายในโลก ความสมพันธ ์
ึ
ี
ู
ิ
ู
ี
ั
่
ี
ิ
ของกระบวนการต่างๆ ทมผลต่อการเปลยนแปลงภมอากาศ ภมประเทศและสณฐานของโลก ม ี
่
ระบบการสบเสาะหาความรและจตวิทยาศาสตร สอสารส่งทเรยนรและน าความรไปใช้ประโยชน์
ู
้
้
ู
่
ี
ี
ิ
้
่
์
ื
ิ
ื
ู
ี่
์
สาระท 7 : ดาราศาสตรและอวกาศ
ิ
ุ
ิ
ี่
มาตรฐาน ว 7.1 เข้าใจวิวัฒนาการของระบบสรยะและกาแล็กซ ปฏสัมพันธ์ภายในระบบ
้
สรยะและผลต่อส่งมชวิตบนโลก มกระบวนการสบเสาะหาความรและจตวิทยาศาสตร สอสาร
์
ู
ุ
ี
ิ
ื
ิ
ิ
ี
่
ี
ื
ส่งทเรยนรและน าความรไปใช้ประโยชน์
ี
ู
้
ู
่
ิ
้
ี
ตอนท่ 2
ี
์
้
ี
ุ
่
ั
์
• วิเครำะหหลกสูตรกลมสำระกำรเรยนรูวิทยำศำสตร
-วเครำะหตัวชวด โดยใช Facets Design
ี
้
ั
้
์
ิ
ั
ี
ู
ี
้
ี
-ควำมสัมพนธ์ของตัวชวด แผนกำรจัดกำรเรยนร และอัตรำเวลำเรยน
ั
้
ุ
ู
ึ
์
ิ
-ควำมสัมพนธ์ของแผนกำรจัดกำรเรยนรและชดฝกทักษะวทยำศำสตร
้
ี
ั
ี
ิ
ิ
ี
เรอง หนวยของชวตและชวตพช
ื
่
่
ื
-6-
ี่
มาตรฐาน ว 7.2 เข้าใจความส าคัญของเทคโนโลยีอวกาศ ทน ามาใช้ในการส ารวจอวกาศ
ี
่
ิ
ู
้
ี
ั
ิ
ื
่
และทรพยากรธรรมชาต ด้านการเกษตรและการสอสาร สอสารส่งทเรยนรและน าความรไปใช้
่
ื
ู
้
ี
ี
ประโยชน์อย่างมคณธรรมต่อชวิตและส่งแวดล้อม
ิ
ุ
ี่
ิ
์
สาระท 8 : ธรรมชาตของวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
์
มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตรและจตวิทยาศาสตร ในการสบเสาะ
ิ
์
ื
่
ี
ิ
ั
์
ี
ึ
่
้
ู
ู
ี
หาความร การแก้ปญหา รว่าปรากฏการณทางธรรมชาตทเกิดข้นส่วนใหญ่มรปแบบทแน่นอน
ู
้
ู
่
ื
ี
ิ
ี
่
สามารถอธบายและตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมลและเครองมอทมอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า
ื
ั
์
ี
วิทยาศาสตร เทคโนโลยี สงคมและส่งแวดล้อม มความเกียวข้องสมพันธกัน
ิ
์
่
ั
้
ี
์
่
ึ
ั
ี
้
้
ี
ตัวชวัด และสาระการเรยนรูวิทยาศาสตร ชนมัธยมศกษาปที 1
ี
ตัวช้วัดชั้นมัธยมศกษาปท 1 สาระการเรยนรชั้นมัธยมศกษาปท 1
ึ
ี
ึ
ู
้
ี
ี
ี
ี
่
่
1. เตรยมสไลด์สดเพือศกษาลักษณะและรปร่าง 1. การส ารวจ การสงเกตส่วนประกอบท ี ่
ี
ั
่
ึ
ู
ิ
ี
ี
ี
ของเซลล์ต่างๆ ของส่งมชวิตเซลล์เดยว และ ส าคัญของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์
ิ
ี
ี
ี
ิ
ุ
ุ
ส่งมชวิตหลายเซลล์ภายใต้กล้องจลทรรศน์ (นวเคลยส ไซโทพลาสซม เยื่อห้มเซลล์
ึ
(ว1.1-1) ผนังเซลล์ คลอโรพลาสต์)
่
ิ
ิ
ู
2. อธบายและเขยนแผนภาพแสดงส่วนประกอบ 2. การสบค้นข้อมลและการอภปรายเกียว
ื
ี
ู
ี่
ทส าคัญของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ จากการ กับลักษณะและรปร่างของเซลล์ต่างๆ
ิ
ุ
สังเกตภายใต้กล้องจลทรรศน์ (ว1.1-1) ของส่งมชวิตเซลล์เดยวและหลายเซลล์
ี
ี
ี
่
3. สบค้นข้อมลและอธบายหน้าทของส่วน 3. การสบค้นข้อมูลและการอภปรายหน้าท ี่
ู
ี
ิ
ื
ื
ิ
ประกอบทส าคัญของเซลล์พืช และเซลล์สัตว์ ของส่วนประกอบของเซลล์พืชและสตว์
ี่
ั
(ว1.1-1) 4. การทดลองการเกิดกระบวนการแพร่
ิ
4. ทดลองและอธบายการเกิดกระบวนการแพร่ และออสโมซส
ิ
ิ
และออสโมซส (ว1.1-1) 5. การออกแบบการทดลองและท าการ
่
5. ออกแบบและท าการทดลองเกียวกับการแพร่ ทดลองเกียวกับการแพร่และออสโมซส
่
ิ
่
ื
ิ
และออสโมซสของเซลล์ เมออยู่ในสารละลาย ของเซลล์เมออยู่ในสารละลายทมความ
่
ื
่
ี
ี
ี
ี
ทมความเข้มข้นต่างกันได้ (ว1.1-1)
่
เข้มข้นต่างกัน
-7-
ึ
ึ
ี
ี
้
ี
ี
ู
ตัวช้วัดชั้นมัธยมศกษาปท 1 สาระการเรยนรชั้นมัธยมศกษาปท 1
ี
่
่
ี
ื
ั
6. ทดลอง สบค้นข้อมูลและอธบายปจจัยบาง 6. การทดลอง การสบค้นข้อมูล และการ
ื
ิ
ั
็
ิ
ประการทจ าเปนในการสังเคราะห์ด้วยแสง อภปรายปจจัยบางประการทจ าเปนในการ
ี่
็
ี่
ิ
์
ได้แก่แสง คลอโรฟลด์ คารบอนไดออกไซด์ สังเคราะห์ด้วยแสงและผลของกระบวนการ
และผลทได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสง สังเคราะห์ด้วยแสง
ี่
(ว1.1-2)
ิ
ื
ื
7. สบค้นข้อมูลและอธบายความส าคัญของ 7. การสบค้นข้อมูลและอภปรายความส าคัญ
ิ
ี่
่
กระบวนการสงเคราะหด้วยแสงทมต่อ ของกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงทม ี
ี
์
ั
ี
ิ
ส่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม (ว1.1-2) ต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
่
ั
8. ทดลอง สบค้นข้อมูล และอธบายโครงสราง 8. การส ารวจ การสงเกต การทดลองเกียวกับ
ื
ิ
้
่
ี
้
ี
และการท างานของระบบล าเลยงของพืช โครงสรางทใช้ในการล าเลยงน ้า แร่ธาต ุ
ี
ุ
ื
(ว1.1-3) และการสบพันธ์ของพืช
ิ
ื
้
ิ
ื
9. สบค้นข้อมูล ทดลอง และอธบายโครงสราง 9. การสบค้นข้อมูลและการอภปรายโครง
้
ี
ี่
และหน้าทในระบบสบพันธ์ของพืช (ว1.1-3) สรางและการท างานของระบบล าเลยง
ุ
ื
ุ
ื
ิ
10. วิเคราะห์ความสัมพันธ์ และอธบายการ และระบบสบพันธ์ในพืช
ิ
์
่
ี
ั
่
ี
ท างานทสมพันธกันของระบบต่างๆ ในพืช 10. การอภปรายการท างานทสมพันธกันของ
์
ั
(ว1.1-3) ระบบต่างๆ ในพืช
ิ
่
์
11. ทดลอง วิเคราะห และอธบายเกียวกับการ 11. การสังเกต การทดลองและการวิเคราะห์
ตอบสนองของพืชต่อส่งเรา ได้แก่ แสง การตอบสนองของพืชต่อส่งเรา ( แสง
ิ
้
ิ
้
ู
ิ
ุ
อณหภม น ้า และการสมผัส (ว1.1-4) อณหภม น ้า และการสมผัส )
ั
ุ
ั
ู
ิ
ู
12. สบค้นข้อมลและอธบายเกียวกับเทคโนโลยี 12. การสืบค้นข้อมลและการอภิปรายเกียวกับ
่
ู
ิ
ื
่
ี
ี่
ี
ั
ุ
ี่
ุ
ชวภาพทใช้ในการขยายพันธ์ ปรบปรงพันธ์ ุ เทคโนโลยีชวภาพทใช้ในการขยายพันธ์ ุ
ุ
ุ
ั
ิ
ิ
เพิ่มผลผลตของพืชในท้องถ่น (ว1.1-5) ปรบปรงพันธ์ เพิ่มผลผลิตพืชในท้องถิ่น
ิ
ื
่
ู
ิ
ิ
ื
13. สบค้นข้อมูล อภปราย และแสดงความคด 13. การสบค้นข้อมลและการอภปรายเกียวกับ
ี
ี
เหนเกียวกับผลของการใช้เทคโนโลยีชวภาพ ผลของการใช้เทคโนโลยีชวภาพในด้าน
่
็
ุ
ุ
ในด้านการเกษตรกรรม อตสาหกรรมอาหาร การเกษตรกรรม อตสาหกรรม อาหารและ
และการแพทย์ (ว1.1-5) การแพทย์
-8-
ี
ึ
้
ู
ี
่
ี
ตัวช้วัดชั้นมัธยมศกษาปท 1 สาระการเรยนรชั้นมัธยมศกษาปท 1
ี
ึ
ี
่
ี
ิ
14. ส ารวจ ทดลอง วิเคราะห์ และอธบาย 14. การสังเกต การทดลอง และการอภปราย
ิ
ิ
สมบัตทางกายภาพของสาร (ว 3.1-1) เกียวกับสมบัต ลักษณะเน้อสารของสาร
ิ
่
ื
็
ุ
15. จ าแนกสารเปนกล่มตามลักษณะของ เน้อเดยว สารเน้อผสม สารแขวนลอย
ื
ี
ื
เน้อสารและขนาดของอนภาค (ว 3.1-1) คอลลอยด์ สารละลาย
ื
ุ
ิ
16. ส ารวจ ทดลอง และอธบายความแตกต่าง 15. การจัดกล่มสาร ตามลักษณะเน้อสารและ
ื
ุ
ิ
ื
ระหว่างสมบัต ลักษณะเน้อสารของสาร ขนาดของอนภาค
ุ
ื
เน้อเดยว สารเน้อผสม ขนาดอนภาคของ 16. การส ารวจ การทดลอง และการวิเคราะห์
ื
ี
ุ
สารแขวนลอย คอลลอยด์ และสารละลาย สมบัตของสารเชงปรมาณและคณภาพ
ิ
ุ
ิ
ิ
(ว 3.1-1)
็
17. ตรวจสอบความเปนกรด-เบส ของสาร 17. การตรวจสอบความเปนกรด-เบสของ
็
์
ิ
ิ
ิ
์
ิ
ละลายโดยใช้อนดเคเตอร (ว 3.1-3) สารละลายโดยใช้อนดเคเตอร
ิ
ิ
์
ั
18. ทดสอบและอธบายความสมพันธระหว่าง 18. การทดลองและการอภปรายความสัมพันธ์
็
ิ
ค่า pH กับสมบัตความเปนกรด-เบส ระหว่างค่า pH กับ ความเปนกรด-เบส
็
ของสารละลาย (ว 3.1-3) ของสารละลาย
ิ
ิ
19. ส ารวจและอธบายสมบัตของสารละลาย 19. การอภปรายสมบัตของสารละลาย กรด-
ิ
ิ
กรด-เบส ทใช้ในชวิตประจ าวัน และผลทม ี เบสทใช้ในชวิตประจ าวันและผลทมต่อ
ี่
ี่
ี
ี
่
ี
ี
่
ี
ิ
ต่อตนเองและส่งแวดล้อม ( ว 3.1-3) ตนเองและส่งแวดล้อม
ิ
ิ
่
20. ทดลองและอธบายเกียวกับการแยกสารโดย 20. การทดลองแยกสารและสกัดสารบางชนด
ิ
ึ
การกลั่น กรอง ตกผลก สกัด และ ด้วยวิธการทเหมาะสม
ี่
ี
ี
โครมาโทกราฟ (ว 3.1-5)
ิ
21. การอภปรายหลักการแยกสารโดยการกลั่น
ิ
21. อธบายและยกตัวอย่างการน าหลักการแยก
ึ
สารไปใช้ในชวิตประจ าวัน (ว 3.1-5) กรอง ตกผลก สกัด และโครมาโทกราฟ ี
ี
ื
ิ
ิ
22. ส ารวจและอธบายองค์ประกอบของสาร 22. การสบค้นข้อมูล และการอภปรายการน า
ี
ละลาย ความเข้มข้นของสารละลาย หลักการแยกสารด้วยวิธการต่างๆ ไปใช้
ี
(ว 3.2-2) ในชวิตประจ าวัน
-9-
ี
ี
ี
ึ
ี
่
ึ
ู
ตัวช้วัดชั้นมัธยมศกษาปท 1 สาระการเรยนรชั้นมัธยมศกษาปท 1
ี
่
ี
้
ี
ี่
ิ
ี
23. เตรยมสารละลายทมความเข้มข้นตาม 23. การส ารวจ การอภปรายองค์ประกอบของ
หน่วยทก าหนดให้ (ว 3.2-2) สารละลาย ความเข้มข้นของสารละลาย
ี
่
ิ
ี
ึ
24. ทดลองและอธบายการเกิดผลกของสาร และการเตรยมสารละลาย
ึ
บรสทธ รวมทั้งการเตรยมผลกของสาร 24. การทดลอง การสงเกตการเกิดผลกของ
ึ
ี
ั
ิ์
ิ
ุ
ิ
ิ
บรสทธ และสารบางชนด (ว 3.2-2) สารบรสทธ ิ์
ิ์
ิ
ุ
ุ
25. ยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์จากสารละลาย 25. การสบค้นข้อมล การอภปรายเกียวกับ
ู
่
ื
ิ
้
ื่
ู
ี
และน าความรเรองสารละลายไปใช้ในชวิต การใช้ประโยชน์จากสารละลาย และการ
ประจ าวัน (ว 3.2-2) น าความรเรองสารละลายไปใช้ประโยชน์
ื่
้
ู
26. ทดลองและอธบายว่าแรงเปนปรมาณ ในชวิตประจ าวัน
ิ
ิ
็
ี
์
เวกเตอร (ว 4.1-1) 26. การทดลองและอภปรายเกียวกับเวคเตอร ์
ิ
่
ิ
27. ทดลองและอธบายแรงลัพธ์ของแรงหลาย ของแรง
ุ
ี
แรงทกระท าต่อวัตถในระนาบเดยวกัน 27. การทดลองหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรง
่
ี
(ว 4.1-1) 28. การทดลอง และการอภปรายผลของแรง
ิ
์
ิ
28. ทดลองและอธบายว่าผลของแรงลัพธท ี ่ ลัพธต่อการเคลอนทของวัตถทท าให้วัตถ ุ
่
์
ื
่
ี
่
ุ
ี
กระท าต่อวัตถุ ท าให้วัตถุนั้นมีความเร่งใน นั้นมีความเร่งในทิศเดียวกับแรงลัพธ
์
ิ
์
ทศเดยวกับแรงลัพธ (ว 4.1-2) 29. การทดลองและการอภปรายเกียวกับแรง
ี
่
ิ
29. ทดลองและอธบายหลักการของแรง เสยดทานทเกิดจากสถานการณต่างๆ ใน
ิ
์
่
ี
ี
เสยดทาน (ว 4.2-1) เชงคณภาพ
ี
ุ
ิ
่
ี
ี
์
30. วิเคราะหแรงเสยดทานทเกิดจากสถานการณ ์ 30. การทดลองเกียวกับการเพิ่มหรอลด
่
ื
ต่างๆ รวมทั้งเสนอแนวคดทจะเพิ่มหรอลด แรงเสยดทานเพื่อการใช้ประโยชน์ใน
ิ
ื
่
ี
ี
ี
่
แรงเสยดทาน เพือให้เกิดประโยชน์ใน สถานการณต่างๆ
์
์
สถานการณต่างๆ (ว 4.2-1)
่
31. การทดลองและการอภปรายเกียวกับ
ิ
31. ทดลองและอธบายหลักการของโมเมนต์ หลักการของโมเมนต์ของแรงในเชง
ิ
ิ
ิ
ิ
ของแรงในเชงปรมาณ (ว 4.2-2) ปรมาณ
ิ
32. วิเคราะห์และค านวณโมเมนต์ของแรงใน 32. การวิเคราะห์และการค านวณโมเมนต์
์
สถานการณต่างๆ (ว 4.2-2) ของแรงในสถานการณต่างๆ
์
-10-
ี
ตัวช้วัดชั้นมัธยมศกษาปท 1 สาระการเรยนรชั้นมัธยมศกษาปท 1
ึ
ี
่
ี
ู
ี
้
ึ
ี
ี
่
33. สบค้นข้อมล อธบาย และยกตัวอย่างการ 33. การสบค้นข้อมูลและการอภปรายการใช้
ื
ิ
ื
ู
ิ
ี
น าหลักการของโมเมนต์ของแรงไปใช้ ประโยชน์โมเมนต์ของแรงในชวิต
ประโยชน์ (ว4.2-2) ประจ าวัน
ิ
ี่
ุ
34. ส ารวจ สังเกต และระบการเคลอนทแบบ 34. การสังเกต การทดลอง และการอภปราย
ื่
่
่
ี
่
ี
ื
ี
ต่างๆ ในชวิตประจ าวัน (ว 4.2-3) เกียวกับการเคลอนทแบบต่างๆ ในชวิต
ี่
ิ
35. ทดลอง และอธบายผลของแรงทท าให้ ประจ าวันและการน าไปใช้ประโยชน์
ิ
ู
ื
่
ื่
วัตถเคลอนท (ว 4.2-3) 35. การสบค้นข้อมล การอภปรายเกียวกับ
ี่
ุ
้
ู
การใช้ประโยชน์จากความรเรอง การ
ื่
36. สบค้นข้อมูลและอธบายประโยชน์ของการ เคลอนทแบบต่างๆ ในชวิตประจ าวัน
ิ
ื
่
ื
ี
ี
่
ื
ี
่
่
เคลอนทแบบต่างๆ ในชวิตประจ าวัน 36. การทดลอง และการอภปรายเกียวกับงาน
ี
่
ิ
(ว 4.2-3) พลังงานศักย์โน้มถ่วง พลังงานจลน์ กฎ
ิ
37. ทดลองและอธบายเกียวกับงาน พลังงาน การอนรกษ์พลังงาน และการน าไปใช้
่
ั
ุ
ั
ศักย์โน้มถ่วง พลังงานจลน์ กฎการอนรกษ์ ประโยชน์
ุ
พลังงาน และการน าไปใช้ประโยชน์ 37. การสังเกต การวัดอณหภูม และการ
ิ
ุ
(ว 5.1-1) อภปรายเกียวกับอณหภมของส่งต่างๆ
ู
่
ุ
ิ
ิ
ิ
ู
38. สงเกตและวัดอณหภมของส่งต่างๆ และ 38. การทดลองและการอภปรายการถ่ายโอน
ิ
ิ
ั
ุ
ิ
ิ
้
ิ
อธบายความหมายของอณหภูม (ว 5.1-2) พลังงานความรอนโดยการน า การพา
ุ
ั
ี
39. ทดลองและอธบายการถ่ายโอนพลังงาน การแผ่รงส และการใช้ประโยชน์
ิ
่
ิ
ู
ื
ั
้
ความรอน โดยการน า การพา การแผ่รงส ี 39. การสบค้นข้อมลและการอภปรายเกียวกับ
ู
้
่
้
ื
และยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ (ว 5.1-3) การน าความรเรองการถ่ายโอนความรอน
ไปใช้ประโยชน์
ื
40. ทดลองและอธบายเกียวกับการดดกลนแสง 40. การทดลองเกียวกับการดดกลนแสงและ
ู
่
ิ
่
ื
ู
ุ
้
และการคายความรอนของวัตถต่างๆ การคายความรอนของวัตถต่างๆ
้
ุ
ยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ (ว 5.1-4)
้
ื
41. การสบค้นข้อมูล การออกแบบและสราง
ี่
้
41. ออกแบบ สรางแบบจ าลองทแสดงการใช้ แบบจ าลองทแสดงการใช้ประโยชน์จาก
ี่
ื่
ื
ู
ประโยชน์ของหลักการ เรองการดดกลนแสง หลักการเรองการดดกลนแสงและการ
ู
ื่
ื
และการคายความรอน (ว 5.1-4) คายความรอน
้
้
-11-
ี
่
ี
ตัวช้วัดชั้นมัธยมศกษาปท 1 สาระการเรยนรชั้นมัธยมศกษาปท 1
ี
ึ
ี
ี
่
ี
ู
้
ึ
่
42. ทดลองและอธบายสมดลความรอน ผลของ 42. การทดลองเกียวกับสมดลความรอน ผล
้
้
ุ
ิ
ุ
้
ความรอนต่อการขยายตัวของวัตถ และ ของความรอนต่อการขยายตัวของวัตถ
้
ุ
ุ
ยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ (ว 5.1-5)
่
ู
ื
ื
ิ
43. สบค้นข้อมูล และอธบายองค์ประกอบและ 43. การสบค้นข้อมลเกียวกับการใช้ประโยชน์
ื่
ุ
้
การแบ่งชั้นของบรรยากาศ (ว 6.1-1) เรองสมดลความรอน
ื
ิ
์
ุ
ู
ั
44. วัดและอธบายความสมพันธระหว่างอณหภม ิ 44. การสบค้นข้อมูล อภปราย องค์ประกอบ
ิ
ื
ิ
ความช้น และความกดอากาศในท้องถ่น และการแบ่งชั้นบรรยากาศ
(ว 6.1-1)
ั
ื
ุ
ิ
ู
ุ
ิ
ื
ี
45. สังเกต สบค้นข้อมูล อธบาย และเขยนสรป 45. การส ารวจ การสงเกตอณหภม ความช้น
ิ
การเกิดเมฆ ชนดของเมฆ และการเกิดฝน และความกดอากาศในท้องถ่น
ิ
(ว 6.1-1)
์
ิ
ั
่
ื
ู
46. สบค้นข้อมลเกียวกับปรมาณน ้าฝนใน 46. การอภปรายความสมพันธระหว่าง
ิ
ุ
ื
ิ
ู
ิ
ท้องถ่น วัดปรมาณน ้าฝนและอธบายผลของ อณหภม ความช้น และความกดอากาศ
ิ
ิ
ปรมาณน ้าฝนต่อมนษย์และส่งแวดล้อม
ิ
ิ
ุ
ิ
ื
(ว 6.1-1) 47. การสังเกตชนดของเมฆ การสบค้นข้อมูล
ิ
47. สบค้นข้อมล เขยนรายงาน อธบายการเกิดลม และการอภปรายการเกิดเมฆ และการ
ี
ิ
ื
ู
เกิดฝน
ุ
และผลต่อมนษย์และส่งแวดล้อม (ว 6.1-1)
ิ
48. อธบาย และเสนอแนะวิธปองกันภัยทเกิดจาก 48. การส ารวจและการวัดปรมาณน ้าฝน
ิ
่
ี
้
ี
ิ
้
ปรากฏการณทางลมฟาอากาศ (ว 6.1-1)
์
ื
ิ
่
ู
ื
49. สบค้นข้อมูล แปลความหมายของสัญลักษณ ์ 49. การสบค้นข้อมล และการอภปรายเกียวกับ
้
ุ
ุ
ิ
์
และข้อความในพยากรณอากาศ และอธบาย ลมมรสมต่างๆ พายุหมนเขตรอนและพายุ
้
์
ความส าคัญของการพยากรณอากาศ (ว6.1-1) ฟาคะนอง
ิ
ู
ิ
ี
่
ื
ุ
่
50. วิเคราะหข้อมลและอธบายเกียวกับสาเหตท 50. การสบค้นข้อมูล การอภปรายผลของลม
์
ท าให้เกิดการเปลยนแปลงอณหภมของโลก พายุทมต่อมนษย์และส่งแวดล้อม วิธ ี
ุ
ู
ิ
ี
่
ี
่
ี
ิ
ุ
(ว 6.1-2) ปองกันปรากฏการณทางลมฟาอากาศ
้
์
้
-12-
ี
ึ
ี
ี
่
ึ
ู
้
ตัวช้วัดชั้นมัธยมศกษาปท 1 สาระการเรยนรชั้นมัธยมศกษาปท 1
ี
ี
ี
่
ิ
ื
่
ู
51. สบค้นข้อมล อธบายและยกตัวอย่างปรากฏ 51. การสบค้นข้อมล และการอภปรายเกียว
ู
ื
ิ
์
่
์
ิ
การณทเกิดข้นตามธรรมชาต และจาก กับผลของปรากฏการณต่างๆ ทั้งทเกิด
ึ
ี
ี
่
ุ
กิจกรรมของมนษย์ ทส่งผลต่อการด ารงชวิต ตามธรรมชาตและกิจกรรมของมนษย์
่
ุ
ี
ิ
ี
ี
และส่งแวดล้อม (ว 6.1-2) ทมต่อมนษย์และส่งแวดล้อม
ิ
ิ
่
ี
ุ
ื
ั
่
ี
52. ตั้งค าถามทก าหนดประเด็น หรอตัวแปร 52. การก าหนดค าถาม ปญหาและตัวแปร
ทส าคัญในการส ารวจตรวจสอบ หรอศึกษา ในเรองทสนใจ
ื
ี่
ี่
ื่
ค้นคว้าเรองทสนใจ (ว 8.1-1)
ื่
ี่
ิ
้
53. สรางสมมตฐานทสามารถตรวจสอบได้ 53. การตั้งสมมตฐานและวางแผนการส ารวจ
ี่
ิ
ี่
ื่
และวางแผนการส ารวจตรวจสอบหลายๆ ตรวจสอบในเรองทสนใจ
วิธ (ว 8.1-1)
ี
ิ
ิ
54. ส ารวจตรวจสอบเชงปรมาณ โดยใช้ 54. การส ารวจตรวจสอบเชงปรมาณ โดยใช้
ิ
ิ
ื
ื่
ี่
ื
ื่
เครองมอทเหมาะสม (ว8.1-1) เครองมอทเหมาะสม
ี่
ู
55. เก็บข้อมล จัดกระท าข้อมลเชงปรมาณ 55. การเก็บรวบรวมข้อมล และจัดกระท า
ู
ิ
ิ
ู
ิ
ิ
(ว 8.1-1) ข้อมูลเชงปรมาณ
ุ
ุ
56. วิเคราะห์ข้อมูล และสรปผลการส ารวจ 56. การวิเคราะห์ข้อมูล และสรปผลการ
่
ี
ตรวจสอบ ทสอดคล้องกับสมมตฐาน ส ารวจตรวจสอบ ทสอดคล้องกับ
่
ี
ิ
ิ
(ว 8.1-1) สมมตฐาน
57. อธบายและแสดงผลการส ารวจตรวจสอบ 57. การอภปรายผลการส ารวจตรวจสอบ
ิ
ิ
(ว 8.1-1)
่
ี
58. สรางค าถามทน าไปส่การส ารวจตรวจสอบ 58. การตั้งค าถามทน าไปส่การส ารวจ
ู
้
ู
่
ี
ต่อไป (ว 8.1-1) ตรวจสอบต่อไป
ู
ื
ิ
59. สบค้นข้อมลเพิ่มเตมจากการส ารวจ 59. การสบค้นข้อมลเพิ่มเตมจากการส ารวจ
ิ
ู
ื
ิ
ตรวจสอบเพื่ออ้างอง (ว 8.1-1) ตรวจสอบเพื่ออ้างอง
ิ
60. จัดแสดงผลงาน เขยนรายงาน อธบายผล 60. การจัดแสดงผลงาน เขยนรายงาน และ
ิ
ี
ี
ี
ิ
่
ของโครงงาน หรอช้นงานทแสดงกระบวน อธบายผลของโครงงาน หรอช้นงาน
ื
ิ
ิ
ื
การและผลของงาน (ว 8.1-1)
-13-
ค าอธบายรายวิชา ว 21101
ิ
์
ุ
ู
ี
้
ึ
ี
ี
่
กล่มสาระการเรยนรวิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศกษาปท 1 60 ชั่วโมง
ื
โรงเรยนบ้านดงเจรญ อ าเภอค าเขอนแก้ว จังหวัดยโสธร
ิ
ี
่
่
้
ี
ศกษา วิเคราะห เซลล์และส่วนประกอบของเซลล์ โครงสรางและหน้าทของพืช
ึ
์
ี
ิ
การสรางอาหารของพืช พฤตกรรมและการตอบสนองของพืช เทคโนโลยีชวภาพ
้
ื
ื
ี
การจ าแนกสาร สารเน้อเดยว สารเน้อผสม สารแขวนลอย คอลลอยด์ สารละลาย
กรด-เบส และการแยกสาร
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร การสบเสาะหาความร การส ารวจตรวจสอบ
์
ื
้
ู
ิ
ื
์
การสบค้นข้อมูล และการอภปราย จากข้อมูลในอนเตอรเนต แหล่งเรยนรในโรงเรยน
ู
้
ี
ี
็
ิ
ู
ุ
ี
ี
แหล่งเรยนรในชมชนและแหล่งเรยนรของประเทศไทยในลักษณะกิจกรรมค่ายวิชาการ
้
้
ู
ี
ี
่
ู
้
ิ
่
เพือให้เกิดความร ความคด ความเข้าใจ สามารถสอสารส่งทเรยนร มความสามารถ
ิ
ี
่
ื
้
ู
ุ
ิ
ู
้
ในการตัดสนใจ น าความรไปใช้ในชวิตประจ าวัน มจตวิทยาศาสตร จรยธรรม คณธรรม
ิ
์
ิ
ี
ี
และค่านยมทเหมาะสม
ิ
่
ี
-14-
่
หนวยการเรยนรู
้
ี
ี
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปที 1
่
รหัสวิชา ว 21101 เวลา 60 ชั่วโมง
ี
ิ
ี
ื
ิ
1. หน่วยของชวตและชวตพช ( 30 ชั่วโมง)
้
-โครงสรางและหน้าทของเซลล์
ี่
-กระบวนการแพร่และการออสโมซส
ิ
-กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
-การล าเลยง และการสบพันธ์ของพืช
ี
ุ
ื
ิ
-การตอบสนองต่อส่งเราของพืช
้
-เทคโนโลยีชวภาพ
ี
ิ
2. สมบัตของสารและการจ าแนก ( 30 ชั่วโมง)
ิ
-สารและสมบัตของสาร
-การจ าแนกสาร
-สารเน้อเดยวและสารเน้อผสม
ื
ี
ื
-สารแขวนลอย คอลลอยด์ สารละลาย
ิ
-สมบัตของสารละลายกรด-เบส
-การแยกสาร
-15-
ผังมโนทัศน ์
่
หนวยที 1 หนวยของชีวิตและชีวิตพืช เวลา 30 ชั่วโมง
่
่
-เซลล์และการค้นพบเซลล์
-สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวและหลายเซลล์
่
้
-เทคโนโลยีชีวภาพ -โครงสร้างและหนาทีของเซลล์ -การแพร่ ออสโมซิส
และแอกทีฟทรานสปอร์ต
์
์
-ประโยชนของเทคโนโลยีชีวภาพ -การใช้กล้องจุลทรรศน -การทดลองการแพร่
-ผลตอมนษย์และสิ่งแวดล้อม และออสโมซิส
ุ
่
1.โครงสร้างและ -ตัวอย่างในชีวิตประจ าวัน
้
หนาทีของเซลล์
่
7. เทคโนโลยีชีวภาพ 2. กระบวนการแพร่
และออสโมซิส
่
หนวยของชีวิต
และชีวิตพืช
6. การตอบสนอง
ตอสิ่งเร้าของพืช 3. กระบวนการ
่
สังเคราะห์ด้วยแสง
-การตอบสนองของพืช
ั
ตอสิ่งเร้า -ปจจัยและผลิตผลจากการ
่
-การทดลองการตอบ 5. การสืบพันธุ์ 4. การล าเลียงในพืช สังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
สนองของพืชตอ ของพืช -การทดลองการสังเคราะห์
่
สิ่งเร้า ด้วยแสงของพืช
-การสืบพันธุ์ของพืช -การล าเลียงในพืช -ผลตอชีวิตและสิ่งแวดล้อม
่
-โครงสร้างของดอก -ระบบท่อล าเลียง
่
-การถายละอองเรณ ของพืชชั้นสูง
ู
-การปฏิสนธิของพืชดอก -การทดลองการล าเลียง
่
-การเกิดผลชนิดตางๆ ในพืช
-29-
้
ี
์
ความสมพันธของตัวชวัด
ั
้
ี
แผนการจัดการเรยนรู และอัตราเวลาเรยน
ี
่
ี
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปที 1 รหัสวิชา ว 21101
่
่
หนวยที 1 หนวยของชีวิตและชีวิตพืช
่
้
ตัวชีวัด แผนการจัดการเรียนรู้ เวลา (ชั่วโมง)
้
่
่
1. เตรียมสไลด์สด เพื่อศึกษาลักษณะ แผนที 1 เรือง พืนฐานนักทดลอง 1
และรูปร่างของเซลล์ตางๆ ของ แผนที 2 เรือง ใช้กล้องส ารวจหา 2
่
่
่
สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว และสิ่งมีชีวิต
่
่
แผนที 3 เรือง มองเห็นว่ามีชีวิต 1
หลายเซลล์ภายใต้กล้องจุลทรรศน ์
ได้
่
้
่
2. อธิบายและเขียนแผนภาพแสดง แผนที 4 เรือง เซลล์นอยนิดมหัศจรรย์ 2
่
ส่วนประกอบทีส าคัญของเซลล์พืช แผนที 5 เรือง แตกต่างกันเซลล์พืชสัตว์ 1
่
่
และเซลล์สัตว์ จากการสังเกตภาย
ใต้กล้องจุลทรรศนได้
์
่
่
้
่
3. สืบค้นข้อมูลและอธิบายหนาทีของ แผนที 6 เรือง ส ารวจชัดถึงหนาที 2
้
่
่
ส่วนประกอบทีส าคัญของเซลล์พืช แผนที 7 เรือง อธิบายดีเห็นภาพพจน 1
่
์
และเซลล์สัตว์ได้
4. ทดลองและอธิบายการเกิดกระบวน แผนที 8 เรือง ออกแบบหมดให้แคล่วคล่อง 2
่
่
การแพร่ และการออสโมซิสได้
่
แผนที 9 เรือง ฝกทดลองการแพร่สาร 1
่
ึ
-30-
ตัวชีวัด แผนการจัดการเรียนรู้ เวลา (ชั่วโมง)
้
่
่
5. ออกแบบและท าการทดลองเกียวกับ แผนที 10 เรือง ท านายกันลงความเห็น 2
่
การแพร่ และออสโมซิสของเซลล์ แผนที 11 เรือง สรุปเปนพร้อมตีความ 1
่
็
่
่
่
่
เมืออยูในสารละลายทีมีความเข้มข้น
่
ตางกันได้
6. ทดลอง สืบค้นข้อมูลและอธิบาย แผนที 12 เรือง ส ารวจท าสมมติฐาน 2
่
่
ั
่
ปจจัยบางประการทีจ าเปนในการ ั
็
่
่
สังเคราะห์ด้วยแสง ได้แก แสง แผนที 13 เรือง ปจจัยนั้นมีมากมาย 1
่
คลอโรฟลด์ คาร์บอนไดออกไซด์ แผนที 14 เรือง ทดลองได้เพื่อตรวจสอบ 2
่
่
ิ
และผลทีได้จากการสังเคราะห์
่
ด้วยแสงได้
7. สืบค้นข้อมูลและอธิบายความส าคัญ แผนที 15 เรือง ความรู้รอบเพราะสืบค้น 1
่
่
ของกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
่
่
ทีมีตอสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อมได้
8. ทดลอง สืบค้นข้อมูล และอธิบาย แผนที 16 เรือง ทดลองจนเกิดเข้าใจ 2
่
่
โครงสร้างและการท างานของระบบ
ล าเลียงของพืชได้
9. สืบค้นข้อมูล ทดลอง และอธิบาย แผนที 17 เรือง อธิบายได้ถึงหนาที 1
่
่
้
่
โครงสร้างและหนาทีในระบบสืบพันธุ์
้
่
ของพืชได้
-31-
ตัวชีวัด แผนการจัดการเรียนรู้ เวลา (ชั่วโมง)
้
10. วิเคราะห์ความสัมพันธ์ และอธิบาย แผนที 18 เรือง วิเคราะห์ดีเรืองสิ่งเร้า 2
่
่
่
่
การท างานทีสัมพันธ์กันของระบบ
่
ตางๆ ในพืชได้
11. ทดลอง วิเคราะห์ และอธิบาย
่
่
เกียวกับการตอบสนองของพืชตอ
้
ุ
่
สิ่งเร้า ได้แก แสง อณหภูมิ นา
และการสัมผัสได้
12. สืบค้นข้อมูล และอธิบายเกียวกับ แผนที 19 เรือง สืบค้นเข้านาไปใช้ 1
่
่
่
เทคโนโลยีชีวภาพทีใช้ในการขยาย
่
พันธุ์ ปรับปรุงพันธุ์ เพิ่มผลผลิต
ของพืชในท้องถิ่นได้
13. สืบค้นข้อมูล อภิปราย และแสดง แผนที 20 เรือง อภิปรายได้พร้อมเหตุผล 2
่
่
่
ความคิดเห็นเกียวกับผลของการใช้
เทคโนโลยีชีวภาพ ในด้านการ
เกษตรกรรม อตสาหกรรม อาหาร
ุ
และการแพทย์
-32-
ความสมพันธของแผนการจดการเรยนรู
ั
์
ั
ี
้
์
ึ
และชุดฝกทักษะวิทยาศาสตร
ี
ู
้
่
ี
ี
์
ึ
กล่มสาระการเรยนร วิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศกษาปท 1 รหัสวิชา ว 21101
ุ
่
ี
ี
ี
หน่วยท 1 หนวยของชวิตและชวิตพืช
่
่
ึ
แผนการจัดการเรียนรู้ ชุดฝกที เรื่อง
ี่
แผนท 1. พื้นฐานนักทดลอง 1. ใช้ทักษะการสังเกต
ุ
์
ุ
( 1 ชั่วโมง ) 2. ส ารวจวัสดอปกรณ
แผนท 2 ใช้กล้องส ารวจหา 3. ส่วนประกอบของกล้องจลทรรศน ์
ุ
ี่
( 2 ชั่วโมง )
ี
ี
็
ี่
แผนท 3. มองเหนว่ามชวิต 4. เซลล์พืชประกอบด้วยอะไรบ้าง
( 1 ชั่วโมง )
แผนท 4. เซลล์น้อยนดมหัศจรรย์ 5. โครงสรางของเซลล์พืช
้
ิ
ี่
( 2 ชั่วโมง )
่
แผนท 5. แตกต่างกันเซลล์พืชสัตว์ 6. ความเข้าใจเกียวกับเซลล์
ี่
( 1 ชั่วโมง )
ู
ุ
ี่
ึ
ี่
แผนท 6. ส ารวจชัดถงหน้าท 15. เพลงสนกอยากปลกพืช
( 2 ชั่วโมง )
ี่
ิ
ี
ี
แผนท 7. อธบายดเหนภาพพจน์ 7. เพลงน้ตความได้
็
ี
( 1 ชั่วโมง )
-33-
แผนการจัดการเรียนรู้ ชุดฝกที เรื่อง
่
ึ
แผนท 8. ออกแบบหมดให้แคล่วคล่อง 8. การแพร่ของสาร
ี่
( 2 ชั่วโมง ) 25. เขยนกลอนเชงสรางสรรค์
ี
้
ิ
ึ
ุ
แผนท 9. ฝกทดลองการแพร่สาร 9. สนกกับเพลงก่อนเก่งทดลอง
ี่
( 1 ชั่วโมง )
ี่
็
แผนท 10. ท านายกันลงความเหน 24. ท านายอะไรเอ่ย
( 1 ชั่วโมง )
แผนท 11. สรปเปนพรอมตความ 16. การคายน ้าของพืช
ี
ี่
็
ุ
้
( 2 ชั่วโมง )
แผนท 12. ส ารวจท าสมมตฐาน 10. พืชสรางอาหารได้อย่างไร
ี่
ิ
้
( 2 ชั่วโมง ) 19. ลงความคดเหนและท านายผล
ิ
็
่
ี่
ั
ี
แผนท 13. ปจจัยนั้นมมากมาย 12. ความเข้าใจเกียวกับการสังเคราะห ์
( 1 ชั่วโมง ) ด้วยแสง
ี่
ี่
แผนท 14. ทดลองได้เพื่อตรวจสอบ 11. ปจจัยใดบ้างทใช้ในการสังเคราะห ์
ั
( 2 ชั่วโมง ) ด้วยแสง
ื่
17. อธบายสอความหมาย
ิ
แผนท 15 ความรรอบเพราะสบค้น 13. ขนรากมลักษณะอย่างไร
ื
ู
ี
ี่
้
( 1 ชั่วโมง )
-34-
ึ
แผนการจัดการเรียนรู้ ชุดฝกที เรื่อง
่
่
แผนที 16 ทดลองจนเกิดเข้าใจ 14. ส่วนของพืชทีล าเลียงนา
่
้
( 2 ชั่วโมง ) และแร่ธาต ุ
18. การเจริญเติบโตของต้นถั่ว
้
่
แผนที 17 อธิบายได้ถึงหนาที 20. ส่วนประกอบของดอกไม้
่
่
( 1 ชั่วโมง ) ชนิดตางๆ
21. ร้องเพลงผลมาจากไหน
แผนที 18 วิเคราะห์ดีเรืองสิ่งเร้า 27. มาเริ่มปลูกต้นไม้กันเถอะ
่
่
( 2 ชั่วโมง )
่
แผนที 19 สืบค้นเข้านาไปใช้ 26. ใช้ความรู้เรืองพืชกับภาษาอังกฤษ
่
( 1 ชั่วโมง )
แผนที 20 อภิปรายได้พร้อมเหตุผล 22. จ าแนกพืชเปนกลุ่มๆ
่
็
( 2 ชั่วโมง ) 23. การงอกของละอองเรณ ู
ตอนท่ 3
ี
ิ
ี
ู
้
์
่
ี
•แผนการจัดการเรยนรวทยาศาสตร ชั้นมัธยมศกษาปท 1
ึ
ี
ิ
ื
ิ
ี
่
ี
หน่วยท 1 : หน่วยของชวตและชวตพช
ี
-แผนการใช้นวัตกรรม : ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร (เล่ม 1)
์
ุ
ึ
ี
เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช (แผนท 1-20)
่
ี
ื
ี่
-35-
แผนการจดการเรยนรู
ั
้
ี
กล่มสาระการเรยนร วิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศกษาปท 1 ภาคเรยนท 1
้
่
ู
ี
ี
ุ
ึ
์
ี
ี
ี่
ู
้
ี
ื่
ี
ี
่
ี
หน่วยการเรยนรท 1 เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช เวลา 30 ชั่วโมง
้
ื่
ี่
ู
ี
ั
แผนการจัดการเรยนรท 1 เรอง พื้นฐานนกทดลอง เวลา 1 ชั่วโมง
ี่
ื
สอนวันท ……. เดอน ………………..… พ.ศ. ............... ชอผู้สอน นายยรรยง ปกปอง
้
ื่
1. สาระสาคัญ
่
้
1.1 การเรยนรเกียวกับวิธการทางวิทยาศาสตร และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร จะท าให้เข้าใจ
์
ี
ี
ู
์
์
ิ
์
็
ธรรมชาตของวิทยาศาสตร เหนความส าคัญและจ าแนกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรได้
ี
็
ื
่
็
ี
ุ
่
ี
ุ
่
ึ
ิ
ื
์
1.2 กล้องจลทรรศน เปนเครองมอทใช้ตรวจสอบวัตถทมขนาดเล็ก ซงตาคนปกตไม่สามารถมองเหนได้
่
ี
่
่
ี
่
ุ
์
้
ิ
ุ
ี
ี
ี
็
ี
่
1.3 เซลล์เปนหน่วยพื้นฐานทเล็กทสดของส่งมชวิต มโครงสรางและหน้าทเกียวกับการด ารงพันธของ
ิ
ส่งมชวิต
ี
ี
ี
้
้
์
ี
2. มาตรฐานการเรยนรู ว 1.1 : เข้าใจหน่วยพื้นฐานของส่งมชวิต ความสัมพันธของโครงสรางและหน้าท ี่
ิ
ี
่
ของระบบต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิต ทีท างานสัมพันธ์กัน มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สือสารส่งทีเรียนรู้
่
่
ิ
ี
ิ
ี
น าความรไปใช้ในการด ารงชวิตของตนเอง และดแลส่งมชวิต
ี
ู
้
ู
้
ี
3. ตัวชวัด
ี
ี
ี
ี
ี
่
ึ
ู
3.1 เตรยมสไลด์สด เพือศกษาลักษณะและรปร่างของเซลล์ต่างๆ ของส่งมชวิตเซลล์เดยว และส่งมชวิต
ี
ิ
ิ
ุ
หลายเซลล์ ภายใต้กล้องจลทรรศน์
ิ
4. ภาระงาน / ชนงาน
้
ุ
์
4.1 ผลงานทผู้เรยนท าในชดฝกท 1 (ใช้ทักษะการสังเกต) ชดฝกที่ 2 (ส ารวจวัสดอปกรณ)
ุ
ี่
ึ
ุ
ี
ุ
ี่
ึ
ี
ี
4.2 คะแนนการทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ึ
ี
ิ
์
4.3 บันทกเจตคตและจตวิทยาศาสตรของผู้เรยน
ิ
ุ
5. จุดประสงคการเรยนรู (จดประสงค์น าทาง)
์
ี
้
ั
์
5.1 บอกวิธการทางวิทยาศาสตรทนักวิทยาศาสตรใช้ในการแก้ปญหาได้
่
์
ี
ี
-36-
์
ู
5.2 จ าแนกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรได้ถกต้อง
ุ
์
5.3 บอกประโยชนและส่วนประกอบของกล้องจลทรรศนได้
์
ี
์
ี
5.4 มความรอบคอบ อดทน มเหตมผลในการท ากิจกรรมทางวิทยาศาสตร
ุ
ี
ี
้
็
5.5 ร่วมกิจกรรมด้วยความสนใจ เหนความส าคัญ และเรยนรอย่างมความสข
ุ
ู
ี
6. สาระการเรยนรู
ี
้
6.1 วิธการทางวิทยาศาสตรและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร ์
ี
์
ุ
ิ
ุ
ิ
ุ
6.2 กล้องจลทรรศน์และวัสดอปกรณในห้องปฏบัตการทางวิทยาศาสตร ์
์
ี
7. กระบวนการจดการเรยนรู ้
ั
7.1 ขั้นสรางความสนใจ (engagement)
้
่
1. ผู้เรยนท าแบบทดสอบก่อนเรียน เพือตรวจสอบและทบทวนความรู้พื้นฐาน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
ี
ื่
ิ
้
ู
ิ
2. ครน าเสนอภาพเคลอนไหว (Animation) แสดงการเจรญเตบโตของพืช เพื่อสรางความสนใจ
ี
ี
ี
ิ
เกียวกับส่งมชวิต แล้วใช้ค าถามกับผู้เรยนดังน้ ี
่
ี
-นักเรยนเหนอะไรในภาพน้ (ต้นไม้)
็
ี
ิ
ิ
-ต้นไม้เปนอย่างไร (ก าลังเจรญเตบโต)
็
ิ
่
ิ
ี
ื
ี
-ทราบได้อย่างไรว่าเจรญเตบโต (มการเคลอนไหว เพิ่มขนาด ออกดอกและมผล)
ี
ิ
ื
็
็
-ต้นไม้จัดเปนส่งมชวิตหรอไม่ ใช้เกณฑ์ใดบ้างในการจัดว่าเปนส่งมชวิต (เปน / การเจรญเตบโต
ิ
ิ
็
ี
ี
ิ
ี
้
่
ี
ั
ื
ื
่
ี
ุ
์
่
การสบพันธ การเคลอนไหว การปรบตัว การจัดระบบโครงสรางทแน่นอน การเปลยนแปลงทางเคม ี
ภายในร่างกาย)
ี
ึ
ั
ู
3. ครอธบายเพิ่มเตมว่า ส่งมชวิตบนโลกเราน้ มผู้ศกษามาแล้วโดยเปนทยอมรบและตกลงเปน
ี
็
ิ
่
ิ
ี
ิ
็
ี
ี
กฎเกณฑ์ร่วมกันว่าแบ่งออกเปน 4 กล่มใหญ่ๆ หรอ 4 อาณาจักร คอ พืช สัตว์ โปรตสตา และมอนรา
ี
็
ุ
ิ
ื
ื
ี
ู
ครถามผู้เรยนต่อไปว่า
์
ี
่
ี
ี
่
ึ
-นักเรยนทราบไหมว่า ผู้ทศกษามาแล้วในทน้คอใคร (นักวิทยาศาสตร)
ี
ื
ื
-พวกเขาท างานอย่างไร (ท างานอย่างมระบบเปนทน่าเชอถอ)
ี
่
็
ี
ื
่
่
่
ู
ิ
ิ
4. ครอธบายเพิ่มเตมว่า นักวิทยาศาสตรจะท างานอย่างเปนระบบ มขั้นตอนเพือความน่าเชอถอ
ื
์
ื
็
ี
์
ี
เรยกวิธการท างานน้ว่า วิธการทางวิทยาศาสตร
ี
ี
ี
5. ครแนะน าให้ผู้เรยนศกษาใบความรท 1 (วิธการทางวิทยาศาสตร) ในชดฝกทักษะวิทยาศาสตร ์
ู
์
้
ี
ี่
ึ
ึ
ู
ี
ุ
ี
ของผู้เรยนแต่ละคน
-37-
7.2 ขั้นส ารวจและค้นหา (exploration)
6. ครซักถามความรความเข้าใจ จากการศกษาใบความรท 1 (วิธการทางวิทยาศาสตร) เช่น
ึ
์
ู
้
ู
ี
ี่
ู
้
ั
์
-ปญหาของนักวิทยาศาสตร ได้มาอย่างไร (ได้จากการสังเกต)
่
-ค าตอบทอาจเปนไปได้ทั้งหมดของปญหา เรยกว่าอะไร (สมมตฐาน)
ี
็
ั
ี
ิ
-วิธการทางวิทยาศาสตร ม 5 ขั้น ได้แก่อะไรบ้าง (การตั้งปญหา การตั้งสมมตฐาน การตรวจ
ั
ี
ิ
์
ี
ิ
ุ
์
สอบสมมตฐาน การเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะหข้อมูล และการสรปผลการทดลอง)
ุ
ื
ื
ี
่
ิ
่
่
ิ
ู
7. ครแนะน าเกียวกับเครองมอ และอปกรณในห้องปฏบัตการทางวิทยาศาสตร ทนักวิทยาศาสตร ์
์
์
ในอดตและปจจบันได้ใช้ในการศกษาเรองราวต่างๆ เช่น กล้องจลทรรศน บกเกอร หลอดทดสอบ
์
ุ
ึ
์
ื
่
ี
ี
ุ
ั
ตะเกียงแอลกอฮอล์ ฯลฯ
ู
ึ
ี่
ี่
้
ึ
8. ผู้เรยนศกษาใบความรท 2 (ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร) แล้วบันทกสาระส าคัญทได้
์
ี
ุ
ี
้
้
ู
ี่
จากการศกษาใบความรท 1 และใบความรท 2 ลงในสมดบันทกกล่มสาระการเรยนรวิทยาศาสตร ์
ุ
ึ
ู
ี่
ู
้
ึ
ของตนเอง ประมาณ 5-8 ข้อ
ี่
9. ผู้เรยนท าชดฝกท 1 (ใช้ทักษะการสังเกต)
ึ
ุ
ี
ุ
ุ
์
ึ
ี่
ุ
10. ผู้เรยนท าชดฝกท 2 (ส ารวจวัสดอปกรณ)
ี
ี
ี
่
ึ
ุ
11. ผู้เรยนส่งผลงานได้แก่ ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร ชดฝกท 1-2 ให้ครตรวจ
์
ุ
ึ
ู
7.3 ขั้นอธบายและลงข้อสรป (explanation)
ิ
ุ
ุ
12. ส่มตัวแทนกล่มผู้เรยนออกมาสรปสาระส าคัญ เรอง ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร หน้า
์
ื
ุ
ุ
ี
่
ี
ู
ิ
ชั้นเรยนประมาณ 1-2 คน (ครประเมนทักษะการพูดของผู้เรยน)
ี
่
ุ
ู
13. ผู้เรยนและครร่วมกันสรปอกคร้งหนง โดยยกตัวอย่างและใช้การซักถาม เช่น
ี
ี
ั
ึ
ิ
-การท าตาราง และแผนภมแท่งแสดงข้อมูลเปนการใช้ทักษะใด
็
ู
่
-ทักษะการทดลอง มกีขั้นตอน อะไรบ้าง
ี
7.4 ขั้นขยายความร (elaboration)
้
ู
14. ครแนะน าการน าเสนอข้อมูล การพูดรายงานของผู้เรยน เพือการปรบปรงในคราวต่อไป
ี
ั
ู
ุ
่
์
ุ
ี
ู
้
15. ผู้เรยนและครร่วมกันรองเพลง “ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร” ด้วยความสนกสนาน
ี
ู
16. ครแนะน าให้ผู้เรยนไปศกษาค้นคว้าความรเพิ่มเตม เรอง ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร ์
ื
ิ
้
ู
่
ึ
โดยใช้ห้องสมดหรอใช้อนเทอรเนต
ุ
์
็
ื
ิ
-38-
ิ
7.5 ขั้นประเมน (evaluation)
ี
17. ผู้เรยนท าแบบทดสอบหลังเรยน เพื่อตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรยน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
ี
ี
18. ประเมนผลงานการท าชดฝกทักษะของผู้เรยน
ึ
ุ
ี
ิ
ื
ี
ี
ิ
์
19. ประเมนผลพฤตกรรมด้านอนๆ โดยการสังเกต สัมภาษณทั้งในห้องเรยน และนอกห้องเรยน
่
ิ
่
ี
8. สอและแหลงเรยนรู
่
ื
้
ึ
่
8.1 บัตรค ายากหรอค าส าคัญ เพือใช้ฝกอ่านและสรปบทเรยน ได้แก่ค าว่า วิธการทางวิทยาศาสตร ทักษะ
์
ุ
ื
ี
ี
กระบวนการทางวิทยาศาสตร ทักษะการสังเกต ทักษะการจ าแนกประเภท ทักษะการวัด ฯลฯ
์
์
ื่
8.2 คอมพิวเตอรและโทรทัศน์ เพื่อใช้น าเสนอภาพเคลอนไหว
์
์
ิ
ิ
ุ
์
8.3 วัสดอปกรณในห้องปฏบัตการทางวิทยาศาสตร ได้แก่ กล้องจลทรรศน บกเกอร หลอดทดสอบ ฯลฯ
ุ
์
ุ
ี
ิ
์
ุ
์
์
8.4 ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร (ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและความสามารถในการคดวิเคราะห)
ึ
่
เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช ชั้นมัธยมศกษาปท 1
ื
ึ
ี
่
ี
ี
ี
ุ
8.5 ห้องสมด และห้องคอมพิวเตอร เพื่อใช้ในการสบค้นข้อมูลจากอนเทอรเนต
ื
ิ
็
์
์
9. การวัดและประเมินผล
่
ี
ิ
9.1 ส่งทต้องการวัด
้
ู
ี
ื่
์
-ความรความเข้าใจ เรองวิธการทางวิทยาศาสตร และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร
์
-ทักษะการพูดสรปเรองและพูดรายงาน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร ์
ื่
ุ
ี
-เจตคตทดต่อการเรยน ได้แก่ ความสนใจ ความตั้งใจ และเหนความส าคัญ
่
ี
็
ิ
ี
ี
่
ี
ิ
ี
์
้
ู
ุ
่
-จตวิทยาศาสตร ได้แก่ ความใฝรใฝเรยน ความรอบคอบ มเหตมผล ความอดทน
ิ
ึ
9.2 วิธการวัด ใช้การซักถาม การท าชดฝกทักษะ และการสังเกตพฤตกรรม
ี
ุ
9.3 เครองมอวัด
ื
ื่
-แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
ี
ึ
ุ
ึ
ี่
ุ
์
-ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร ชดฝกท 1 และชดฝกท 2
ึ
ี่
ุ
-แบบประเมนเจตคตและจตวิทยาศาสตร
ิ
์
ิ
ิ
9.4 เกณฑ์การประเมน
ิ
-ตอบถูกให้ 1 คะแนน และตอบผิดให้ 0 คะแนน
ู
-ข้นอยู่กับลักษณะและรปแบบของชดฝกทักษะ (เฉลยและเกณฑ์อยู่ในภาคผนวกแต่ละแผน)
ึ
ึ
ุ
ุ
็
-ให้คะแนนเปนระดับคณภาพ (แบบประเมนและเกณฑ์อยู่ภาคผนวกท้ายแผน)
ิ
-39-
10. กิจกรรมเสนอแนะ
้
10.1 แหล่งเรยนรควรยืดหยุ่นตามความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ เช่น สภาพแวดล้อมทางธรรมชาต ิ
ี
ู
็
เวลา งบประมาณ และความพรอมของผู้เรยน เปนต้น
ี
้
ี
่
้
ี
10.2 ผู้เรยนควรมความพรอมในด้านการพูดและการอ่านเพือจับใจความส าคัญ
ุ
11.3 ทักษะการเขยนเพือบันทกสรปสาระส าคัญ ควรฝกให้เกิดข้นในตัวผู้เรยนพรอมๆ กับการสราง
ี
ึ
ึ
้
่
้
ึ
ี
นสัยรกการอ่านและการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
ิ
ั
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / …….
้
ึ
็
้
11. ความเหนและขอเสนอแนะของผูบรหารสถานศกษา
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………...
(ลงชอ)
ื่
( ………………………………….)
ี
ิ
ผู้อ านวยการ โรงเรยนบ้านดงเจรญ
….. / ……….. / ……..
12. บันทึกหลังสอน
12.1 ผลการสอน
-ด้านพุทธพิสัย …………………………………………………………………………….…
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-40-
-ด้านทักษะพิสัย ……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-ด้านจตพิสัย …………………………………………………………………………………
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ุ
ั
12.2 ปญหาอปสรรค ………………………………………………………………………………
12.3 แนวทางแก้ไข ………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ……..
-41-
ภาคผนวก
• แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
ี
ึ
ุ
• เฉลย / เกณฑ์การให้คะแนนชดฝกท 1
ี่
(ใช้ทักษะการสังเกต)
• เฉลย / เกณฑ์การให้คะแนนชดฝกท 2
ุ
ี่
ึ
ุ
์
(ส ารวจวัสดอปกรณ)
ุ
์
ู
• ใบความรท 1 (วิธการทางวิทยาศาสตร)
้
ี
ี่
์
• ใบความรท 2 (ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร)
ี่
้
ู
-42-
ี
ี
แบบทดสอบก่อนเรยน – หลังเรยน
แผนท 1
ี่
้
พืนฐานนักทดลอง
ี่
ี่
ื่
จงท าเครองหมาย / หน้าข้อทถูก และท าเครองหมาย X หน้าข้อทผิด
ื่
ี
่
ิ
ั
ี
็
......... 1. ค าตอบทอาจเปนไปได้ทั้งหมดของปญหา เรยกว่า สมมตฐาน
่
ี
……. 2. ตัวแปรทอาจมผลต่อการทดลองแต่เราไม่ต้องการทีจะศึกษา
่
ี
เรยกว่า ตัวแปรต้น
ี
ี
็
……. 3. ตัวแปรทเปนผลเกิดมาจากตัวแปรต้น เรยกว่า ตัวแปรตาม
ี
่
……. 4. ประสาทสมผัสทั้งห้า มประโยชน์ต่อการใช้ทักษะการสงเกต
ี
ั
ั
ื
……. 5. ประสาทสมผัสทั้งห้า ได้แก่ ตา ห จมก มอ และกายสมผัส
ู
ั
ั
ู
……. 6. “เรยงล าดับความสงของต้นถั่วได้” ไม่ใช่ทักษะการจ าแนก
ี
ู
ประเภท
……. 7. “สามารถบอกเกณฑ์ในการแบ่งกล่มผลไม้ได้” เปนทักษะ
ุ
็
การจ าแนกประเภท
ู
……. 8. “ชั่งน ้าหนักของเมล็ดถั่วได้ถกต้อง” ไม่ใช่ทักษะการวัด
ื
ี
……. 9. ทักษะการทดลอง ม 3 ขั้นตอน คอ การออกแบบการทดลอง
การปฏบัตการทดลอง และการบันทกผลการทดลอง
ิ
ึ
ิ
ื
็
……. 10. “การบรรยายหรออธบายข้อมูลให้คนอนเข้าใจได้” เปนทักษะ
ิ
ื่
ื่
การจัดกระท าและสอความหมายข้อมูล
-43-
ชดฝกท 1
ี่
ึ
ุ
ใช้ทักษะกำรสังเกต
ี
• นักเรียนแต่ละกลุ่มนาพืชต่อไปน ได้แก่ เห็ด แหน ข้าว หญ้า และต้นมะเขือ
้
มาสังเกตโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าเท่าทีเปนไปได้ แล้วออกแบบตารางบันทึก
็
่
ผลการสังเกต ลงในช่องว่างข้างล่างน
ี
้
ั
พช ผลการสงเกต
ื
่
ี
้
ี
่
ึ
็
เหด ไมมใบ ไมมดอก ข้นตามขอนไมผุ
แหน มใบสเขยว เตบโตในน า
ี
้
ี
ิ
ี
ขาว มราก ล าตน ดอกและผล เสนใบขนานกัน
้
้
ี
้
้
ี
หญา มราก ล าตน เสนใบขนานกัน
้
้
ื
ตนมะเขอ มราก ล าตน ดอกและผล เสนใบสานกัน
ี
้
้
้
็
เปนรางแห
่
์
้
เกณฑการใหคะแนน
• คะแนนเต็ม 8 คะแนน
-ออกแบบตารางได้ถูกต้อง เหมาะสม 3 คะแนน
์
-บันทึกการสังเกตได้ถูกต้อง สมบูรณ 5 คะแนน
-44-
ชดฝกท 2
ี่
ึ
ุ
ส ำรวจวัสดุอุปกรณ์
์
• นักเรียนแต่ละกลุ่มส ารวจวัสดุอุปกรณในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์
แล้วใช้ทักษะการจ าแนกประเภทแบ่งกลุ่มชื่ออุปกรณทีส ารวจ พร้อมบอก
์
่
เกณฑ์ในการแบ่งกลุ่มด้วย
์
ตาชงสปรง บกเกอร กระบอกตวง แทงแกว
ั่
ี
ิ
้
่
ี่
์
ื
• อปกรณทส ารวจพบ คอ ……………………………………………………………....
ุ
ิ
ตะเกยงแอลกอฮอล ฟอรมารน สารละลายเบเนดก กรดอะซตก
์
ี
์
ิ
ิ
ี
…………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………..
ุ
• แบ่งกล่มได้ คอ ……………………………………………………………………….
ื
่
้
ี
์
กลุมท 1 ตาชงสปรง บกเกอร กระบอกตวง แทงแกว ตะเกยงแอลกอฮอล
ั่
่
ี่
ิ
ี
………………………………………………………………………………………….. ์
…………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………..
่
ิ
ิ
กลุมท 2 ฟอรมารน สารละลายเบเนดก กรดอะซตก
์
ี
ิ
ี่
…………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………..
้
่
สถานะของสาร ไดแก ของแข็ง และของเหลว
• เกณฑ์ทใช้แบ่งกลุ่ม คือ ……………………………………………………………….
่
ี
…………………………………………………………………………………………..
้
เกณฑการใหคะแนน
์
• คะแนนเต็ม 5 คะแนน
-บอกเกณฑ์ทีใช้ถูกต้อง 2 คะแนน
่
-แบ่งกลุ่มอปกรณได้ถูกต้อง 3 คะแนน
ุ
์
-45-
่
ชุดฝกที 1.
ึ
ิ
ทักษะกระบวนกำรทำงวทยำศำสตร์
่
่
• ลากเส้นเพือโยงกิจกรรมทางซ้ายมือทีสัมพันธ์กับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ทางขวามือให้ถูกต้อง
้
ี
อาหารจานนมีรสเค็ม 1. ทักษะการสังเกต
บ้านฉันอยู่ทางทิศตะวันออก 2. ทักษะการวัด
ของโรงเรียน 3. ทักษะการค านวณ
เขียนแผนภูมิแสดงความสูง 4. ทักษะการจ าแนกประเภท
ของต้นถั่วได้ถูกต้อง 5. ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่าง
สเปสกับสเปส และสเปสกับเวลา
่
้
้
ุ
ี
สาร 2 ถงนมีนาหนักเฉลีย 2.5 กรัม
6. ทักษะการจัดกระท าและสื่อความหมายข้อมูล
้
ชั่งแล้วได้นาหนัก 5 กรัม 7. ทักษะการลงความคิดเห็นจากข้อมูล
์
สรุปว่าวัตถนเปนโลหะแนนอน 8. ทักษะการพยากรณ
่
ี
้
็
ุ
ต่อไปพืชชนดนต้องตาย • เกณฑ์การให้คะแนน
ี
ิ
้
คะแนนเต็ม 8 คะแนน
้
ู
โยงเสนได้ถกต้องข้อละ
็
้
ี
แบ่งกลุ่มสารเหล่านออกเปน
1 คะแนน
2 กลุ่ม โดยใช้สีเปนเกณฑ์
็
-46-
ึ
่
ชุดฝกที 2.
เพลงนี้มีควำมหมำย
กิจกรรม
1. ร้องเพลง “ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ”
ทักษะกระบวนการวิทย์ สิบสามชวนคิดเช่นการสังเกต
การวัดการจ าแนกประเภท การหาความสัมพันธ์ของสเปสกับเวลา
เกณฑการใหคะแนน
์
้
การค านวณก็ควรจดจ า การจัดกระท าสื่อความข้อมูล • คะแนนเต็ม 5 คะแนน
์
่
ลงความคิดเห็นข้อมูล ใช้ความรู้เพิ่มพูนกอนจะพยากรณ • ตอบถูกต้องข้อละ 1 คะแนน
สมมติฐานและก าหนดนิยาม กอนจะกระท าควบคุมตัวแปร
่
่
่
ให้เทียงแท้กอนด าเนินการทดลอง สุดท้ายต้องตีความหมายของข้อมูล
่
2. อภิปรายและสรุปเกียวกับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ตอบค าถาม
1. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มี 13 ทักษะ
่
2. ทักษะทีต้องใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้แก่ ตา หู จมูก
ลิน และผิวกาย คือ ทักษะ การวัด
้
3. ตัวแปรทีต้องท าให้แตกต่างกันในการด าเนินการทดลอง
่
เรียกว่า ตัวแปร ต้น
ิ
4. การอธิบายความหมายของค าทีใช้ในการด าเนนการทดลอง
่
็
ิ
จัดว่าเปน ทักษะ การก าหนดนยามเชิงปฏิบัติการ
้
5. การคาดคะเนค าตอบล่วงหนาก่อนการด าเนนการทดลอง
ิ
็
จัดว่าเปน ทักษะ การพยากรณ ์
-47-
ใบควำมรูที่ 1.
้
ี
วิธการทางวิทยาศาสตร
์
1. การตังปญหา -ปญหาทีเกิดขึนจากการสังเกต ซึงท าให้ได้ข้อเท็จจริง ถ้า
้
ั
ั
่
่
้
ั
่
้
่
่
ข้อเท็จจริงนั้นไม่ตรงกับความรู้เกาทีเรามีอยู จึงเกิดปญหาขึน
ั
่
่
่
-ปญหาทีต้องสัมพันธ์กับข้อเท็จจริงทีมีอยู ต้องชัดเจน และต้องอยูในวิสัยที ่
่
จะค้นคว้าได้จากการทดลองหรือสังเกต
ั
้
็
่
2. การตังสมมติฐาน -ค าตอบทั้งหมดทีอาจเปนไปได้ของปญหานั้น
่
็
่
่
-สมมติฐานทีดีมักมีรูปแบบ ถ้า…ดังนั้น…. ซึงเปนการแนะแนวทางทีใช้ทดสอบ
ได้ด้วย
3. การตรวจสอบสมมติฐาน
ั
ึ
ท าโดยการทดลองทีต้องค านงถึงปจจัยตาง ๆ ทีจะเข้ามามีอิทธิพลตอการทดลอง
่
่
่
่
่
ซึงเรียกว่า ตัวแปร ซึงมี 3 แบบ
่
็
ตัวแปรอิสระ ไม่ต้องอยูภายใต้อิทธิพลของตัวแปรอืนและเปนตัวแปรที ่
่
่
ผู้ทดลองต้องการดูผลของมัน
่
ตัวแปรตาม เปลียนแปลงไปได้ตามการเปลียนของตัวแปรอิสระ ซึงก็คือ
่
่
่
ผลจากการทดลอง ทีต้องสังเกต เก็บข้อมูล
ตัวแปรควบคุม ตัวแปรทีถูกควบคุมให้คงทีตลอด เพราะไม่ต้องการให้ผล
่
่
่
ของมันมามีอิทธิพลตอตัวแปรตาม
4. การเก็บรวบรวมขอมูลและวิเคราะหขอมูล
์
้
้
คือ หาความสัมพันธ์ของข้อมูล และอธิบายความหมายของข้อมูล เพื่อนาไปสรุปผล
5. การสรุปผลการทดลอง
ได้มาจากผลการทดลองและการวิเคราะห์ผลการทดลอง ซึงจะได้มาซึงความรู้ใหม่
่
่
-48-
ใบควำมรูที่ 2.
้
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร
์
ิ
ั
์
็
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร เปนทักษะทางสตปญญา (Intellectual Skills)
ี
ทนักวิทยาศาสตร และผู้ทน าวิธการทางวิทยาศาสตรมาแก้ปญหา ใช้ในการศกษาค้นคว้า
่
ี
ึ
ี
่
ั
์
์
ู
ั
สบเสาะหาความรและแก้ปญหาต่างๆ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแบ่งออกได้เปน
้
์
ื
็
13 ทักษะ ดังน้ คอ
ี
ื
1. ทักษะการสังเกต
2. ทักษะการวัด
3. ทักษะการจ าแนกประเภท
ั
์
4. ทักษะการหาความสมพันธระหว่างสเปสกับสเปส และสเปสกับเวลา
5. ทักษะการค านวณ
6. ทักษะการจัดกระท าและสอความหมายข้อมูล
ื่
็
7. ทักษะการลงความคดเหนจากข้อมูล
ิ
8. ทักษะการพยากรณ ์
9. ทักษะการตั้งสมมตฐาน
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
10. ทักษะการก าหนดนยามเชงปฏบัตการ
11. ทักการก าหนดและควบคมตัวแปร
ุ
12. ทักษะการทดลอง
13. ทักษะการตความหมายข้อมูลและลงข้อสรป
ุ
ี
ั
ื
ึ
ั
่
1. การสงเกต (observing) หมายถง การใช้ประสาทสมผัสอย่างใดอย่างหนงหรอ
ึ
ุ
ั
ิ
ู
ื
หลายอย่างรวมกัน ได้แก่ ตาห จมูก ล้น ผิวกาย เข้าไปสมผัสโดยตรงกับวัตถ หรอ
็
เหตการณ เพื่อค้นหาข้อมูลซงเปนรายละเอยดของส่งนั้น โดยไม่ใส่ความเหนของผู้สงเกต
ั
ิ
ุ
ี
็
่
์
ึ
ี่
ลงไป ข้อมูลทได้จากการสังเกตประกอบด้วย ข้อมลเกียวกับลักษณะและสมบัต ข้อมูล
่
ิ
ู
-49-
ื
่
่
ี
ู
ิ
ี
ุ
่
ั
็
ิ
เชงปรมาณ และข้อมลทเกียวกับการเปลยนแปลงทสงเกตเหนได้จากวัตถ หรอเหตการณ ์
ุ
ี
่
นั้น ความสามารถทแสดงให้เหนว่าเกิดทักษะน้ ประกอบด้วยการบ่งช้ และบรรยายสมบัต ิ
ี
่
็
ี
ี
ุ
ี
่
ิ
่
ี
ของวัตถได้โดยการกะประมาณ และบรรยายการเปลยนแปลงของส่งทสังเกตได้
ื
ื
ึ
่
ื
ื
่
2. การวัด (measuring) หมายถง การเลอกใช้เครองมอ และการใช้เครองมอนั้นท า
ื
ิ
่
่
ี
การวัดหาปรมาณของส่งต่างๆ ออกมาเปนตัวเลขทแน่นอนได้อย่างเหมาะสมกับส่งทจะวัด
ิ
ี
ิ
็
แสดงวิธใช้เครองมอ บอกเหตผลในการเลอกเครองมอ และระบหน่วยการวัดได้ถกต้อง
ื
ื
ื
่
ุ
ุ
ื
่
ี
ื
ู
ี
ื
3. การจ าแนกประเภท (classifying) หมายถง การแบ่งพวก หรอเรยงล าดับวัตถ ุ
ึ
ี
ี
์
ี
ื
ื
หรอส่งทมอยู่ในปรากฏการณโดยมเกณฑ์ และเกณฑ์ดังกล่าวอาจจะใช้ความหมายเหมอน
ิ
่
่
ึ
ความแตกต่าง หรอความสมพันธอย่างใดอย่างหนงก็ได้ ความสามารถทแสดงว่าเกิดทักษะ
์
ั
ื
ี
่
่
ี
ื
่
น้แล้ว ได้แก่ การแบ่งพวกของส่งต่างๆ จากเกณฑ์ทผู้อนก าหนดให้ได้ นากจากนั้นสามารถ
ิ
ี
ิ
้
่
ิ
ี
ื
เรยงล าดับส่งของด้วยเกณฑ์ของตัวเอง พรอมกับบอกได้ว่า ผู้อนแบ่งพวกของส่งนั้น โดยใช้
อะไรเปนเกณฑ์
็
4. การหาความสมพันธระหวางสเปสกับสเปส และสเปสกับเวลา (space /space
ั
่
์
relationships and space / time relationships)
ี
ี
ุ
ี
ึ
่
่
ึ
ี
่
ุ
่
ู
ี
สเปสของวัตถ หมายถง ทว่างทวัตถนั้นครองท ซงจะมรปร่างลักษณะเช่นเดยวกับ
ื
ุ
วัตถนั้น โดยทั่วไปแล้วสเปสของวัตถจะม 3 มต คอ ความกว้าง ความยาว และความสง
ี
ู
ุ
ิ
ิ
ุ
์
ั
ิ
ความสมพันธระหว่างสเปสกับสเปสของวัตถ ได้แก่ ความสมพันธระหว่าง 3 มต กับ
์
ิ
ั
ี
ึ
่
์
2 มต ความสมพันธระหว่างต าแหน่งทอยู่ของวัตถหนงกับอกวัตถหนง ความสามารถท ี ่
ิ
ิ
ั
ึ
่
ุ
ุ
่
ี
ี
ู
็
ั
์
แสดงให้เหนว่า เกิดทักษะการหาความสมพันธระหว่างสเปสกับสเปส ได้แก่ การช้บ่งรป
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
2 มต และ 3 มตได้ สามารถวาดภาพ 2 มต จากวัตถหรอจากภาพ 3 มตได้
ุ
ื
ความสมพันธระหว่างสเปสกับเวลา ได้แก่ ความสมพันธระหว่างการเปลยนต าแหน่ง
ั
ี
่
ั
์
์
ื
ี
่
ทอยู่ของวัตถกับเวลา หรอ ความสมพันธระหว่างสเปสของวัตถทเปลยนไปกับเวลา ความ
์
ุ
่
ั
ุ
่
ี
ี
์
ี
่
ั
็
สามารถทแสดงให้เหนว่า เกิดทักษะการหาความสมพันธระหว่างสเปสกับเวลา ได้แก่การ
ุ
็
ื
่
ื
ุ
บอกต าแหน่งและทศทางของวัตถได้โดยใช้ตัวเองหรอวัตถอนเปนเกณฑ์ บอกความสมพันธ ์
ั
ิ
ระหว่างการเปลยนต าแหน่ง เปลยนขนาด หรอปรมาณของวัตถกับเวลาได้
ื
ุ
ิ
ี
่
ี
่
-50-
5. การใชตัวเลข (using numbers) หมายถง การนับจ านวนของวัตถ และการน า
ุ
ึ
้
ื
ู
่
ี
ี
ิ
่
่
ี
ตัวเลขทแสดงจ านวนทนับได้มาคดค านวณโดยการบวก ลบ คณ หาร หรอการหาค่าเฉลย
ความสามารถทแสดงให้เหนว่า เกิดทักษะน้ได้แก่ การนับจ านวนส่งของได้ถกต้อง เช่น
็
ี
ู
ี
ิ
่
ุ
ิ
ใช้ตัวเลขแทนจ านวนในการนับได้ ตัดสนได้ว่าวัตถในแต่ละกล่มมจ านวนเท่ากันหรอต่างกัน
ี
ุ
ื
เปนต้น การค านวณ เช่น บอกวิธค านวณ คดค านวณ และแสดงวิธคดค านวณได้อย่างถกต้อง
ี
็
ิ
ี
ู
ิ
่
ุ
ี
ี
ี
่
ื
ู
และประการสดท้ายคอ การหาค่าเฉลย เช่น การบอกและแสดงวิธหาค่าเฉลยได้ถกต้อง
6. การจดกระท าและ สอความหมายขอมูล (organizing data and communicating)
่
ั
้
ื
่
ู
ี
หมายถง การน าข้อมลทได้จากการสงเกต การวัด การทดลอง และจากแหล่งอนๆ มาจัด
ึ
่
ั
ื
กระท าเสยใหม่ โดยการหาความถ เรยงล าดับ จัดแยกประเภทหรอค านวณหาค่าใหม่ เพือ
่
่
ี
ี
ื
ี
ิ
ื
่
ี
ให้ผู้อนเข้าใจความหมาย ได้ดข้น โดยอาจจะเสนอในรปของตาราง แผนภม แผนภาพ
ึ
ู
ู
่
็
็
ไดอะแกรม กราฟ สมการ และการเขยนบรรยาย เปนต้น ความสามารถทแสดงให้เหนว่า
ี
ี
ู
้
ู
ู
ี
ี
ี
เกิดทักษะน้แล้ว คอ การเปลยนแปลงข้อมลให้อยู่ในรปใหม่ทเข้าใจดข้น โดยจะต้องรจักเลอก
ื
ื
่
ี
ึ
่
ี
รปแบบทใช้ในการเสนอข้อมล ได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะการเสนอข้อมลในรูปของตาราง
ู
่
ู
ู
ื
ุ
ิ
ู
ิ
ู
การบรรจข้อมลให้อยู่ในรปของตาราง ปกตจะใส่ค่าของตัวแปรอสระไว้ทางซ้ายมอของตาราง
ื
ี
ิ
ี
และค่าของตัวแปรตามไว้ทางขวามอของตาราง โดยเขยนค่าของตัวแปรอสระไว้ ให้เรยงล าดับ
จากค่าน้อยไปหาค่ามาก หรอจากค่ามากไปหาค่าน้อย
ื
7. การลงความเหนจากขอมูล (inferring) หมายถง การเพิ่มความคดเหน ให้กับ
ิ
ึ
็
้
็
ข้อมลทได้จากการสงเกตอย่างมเหตผล โดยอาศัยความร และประสบการณเดมมาช่วย
้
ู
ี
ุ
์
ี
่
ู
ั
ิ
ความสามารถทแสดงให้เหนว่าเกิดทักษะน้ คอ การอธบายหรอสรป โดยเพิ่มความคดเหน
ุ
่
ื
ี
็
ิ
ิ
ื
ี
็
์
ิ
ู
ให้กับข้อมล โดยใช้ความรหรอประสบการณเดมมาช่วย
ื
้
ู
8. การพยากรณ (predicting) หมายถง การคาดคะเนค าตอบล่วงหน้าก่อนจะทดลอง
ึ
์
่
ื
่
์
ุ
ี
ี
่
ี
โดยอาศัยปรากฏการณทเกิดซ ้า หลักการ กฎ หรอทฤษฎทมอยู่แล้วในเรองนั้นมาช่วยสรป
ี
ื
ู
์
ึ
่
เช่น การพยากรณข้อมลทเกียวกับตัวเลข ได้แก่ ข้อมลทเปนตารางหรอกราฟ ซงท าได้สอง
็
ู
่
ี
ื
่
ี
่
่
ี
ู
์
ื
์
แบบ คอ การพยากรณภายในขอบเขตของข้อมลทมอยู่ กับการพยากรณนอกขอบเขตของ
ี
่
ี
ี
ู
ิ
็
ข้อมลทมอยู่ เช่น การท านายผลของข้อมลเชงปรมาณ เปนต้น
ู
ิ
-51-
ึ
9. การตังสมมติฐาน (formulating hypotheses) หมายถง การคดหาค าตอบล่วงหน้า
ิ
้
ั
ื
์
ิ
็
ู
ก่อนจะท าการทดลองโดยอาศัยการสงเกต ความรหรอประสบการณเดมเปนพื้นฐาน ค าตอบ
้
ทคดล่วงหน้าน้ยังไม่ทราบหรอยังไม่เปนหลักการ กฎหรอทฤษฎมาก่อน สมมตฐานคอ
่
ิ
ื
ิ
ี
ี
ี
ื
ื
็
ี
ี
่
ี
่
ิ
์
็
ั
ค าตอบทคดไว้ล่วงหน้ามกล่าวไว้เปนข้อความ ทบอกความสมพันธระหว่างตัวแปรต้นกับ
ิ
่
ื
่
ึ
ี
ึ
ู
ตัวแปรตาม สมมตฐานทตั้งข้นอาจถกหรอผิดก็ได้ ซงทราบได้ภายหลังการทดลองหา
ิ
่
่
ื
่
ุ
ค าตอบ เพือสนับสนนสมมตฐานหรอคัดค้านกับสมมติฐานทีตั้งไว้ สิ่งทีควรค านึงถึงในการ
ิ
ตั้งสมมตฐานคอ การบอกชอตัวแปรต้น ซงอาจมผลต่อตัวแปรตาม และในการตั้งสมมตฐาน
่
่
ึ
ิ
ื
ี
ื
ึ
ิ
ต้องทราบตัวแปรจากปญหา และสภาพแวดล้อมของตัวแปรนั้น สมมตฐานทตั้งข้นสามารถ
่
ี
ั
ึ
ึ
็
่
บอกให้ทราบถงการออกแบบการทดลอง ซงต้องทราบว่าตัวแปรตัวไหนเปนตัวแปรต้น
ุ
ี่
ตัวแปรตาม และตัวแปรทถูกควบคม
10. การก าหนดนยามเชงปฏิบัติการ (defining operationally) หมายถง การก าหนด
ิ
ิ
ึ
่
ี
ี
่
ความหมายและขอบเขตของค าต่างๆทอยู่ในสมมตฐานทต้องการทดลองให้เข้าใจตรงกัน
ิ
ิ
ี
ื
่
และสามารถสังเกตหรอวัดได้โดยให้ค าอธบายเกียวกับการทดลอง และบอกวิธวัดตัวแปร
ี
่
่
ทเกียวกับการทดลองนั้น
11. การก าหนดและควบคุมตัวแปร (identifying and controlling variables) การ
ุ
ึ
ก าหนดตัวแปร หมายถง การช้บ่งตัวแปรต้น ตัวแปรตาม และตัวแปรทต้องควบคม ในการ
ี
่
ี
ตั้งสมมตฐานหนงๆ
ึ
่
ิ
่
ี
ิ
็
ิ
่
ี
ตัวแปรต้น หมายถง ส่งทเปนสาเหตทท าให้เกิดผลต่างๆ หรอส่งทเราต้องการทดลอง
่
ุ
ี
ึ
ื
่
ู
ดว่าเป็นสาเหตุทีก่อให้เกิดผลเช่นนั้นจริงหรือไม
่
่
ื
ิ
ื
็
่
ื
่
ึ
ตัวแปรตาม หมายถง ส่งทเปนผลเนองมาจากตัวแปรต้น เมอตัวแปรต้นหรอส่งท ี ่
ี
ิ
ื
ิ
ี
็
ุ
่
ี
เปนสาเหตเปลยนไป ตัวแปรตามหรอส่งทเปนผลจะแปรตามไปด้วย
่
็
่
ี
ี
่
ุ
ื
ึ
ิ
ื
ตัวแปรทต้องควบคม หมายถง ส่งอนๆ นอกเหนอจากตัวแปรต้นทจะท าให้ผล
่
จากการทดลองคลาดเคลอน ถ้าหากไม่มการควบคมให้เหมอนกัน
ุ
่
ี
ื
ื
12. การทดลอง (experimenting) หมายถง กระบวนการปฏบัตการเพื่อหาค าตอบจาก
ิ
ิ
ึ
่
ี
ิ
สมมตฐานทตั้งไว้ ในการทดลองจะประกอบไปด้วยกิจกรรม 3 ขั้น คือ
-52-
ื
12.1 การออกแบบการทดลอง หมายถง การวางแผนการทดลองก่อนลงมอ
ึ
ิ
ทดสอบจรง
12.2 การปฏบัตการทดลอง หมายถง การลงมอปฏบัตจรง และใช้อปกรณได้
ิ
ุ
์
ึ
ิ
ิ
ื
ิ
ิ
ู
อย่างถกต้องและเหมาะสม
ี่
12.3 การบันทกผลการทดลอง หมายถง การจดบันทกข้อมูลทได้จากการทดลอง
ึ
ึ
ึ
็
ู
ั
่
ึ
่
ซงอาจเปนผลจากการสงเกต การวัด และอนๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว และถกต้อง การบันทก
ื
ึ
ื
ู
่
ผลการทดลอง อาจอยู่ในรปตารางหรอการเขยนกราฟ ซงโดยทั่วไปจะแสดงค่าของตัวแปร
ึ
ี
ิ
ต้นหรอตัวแปรอสระบนแกนนอน และค่าของตัวแปรตามบนแกนตั้ง โดยเฉพาะในแต่ละ
ื
แกนต้องใช้สเกลทเหมาะสม พรอมทั้งแสดงให้เหนถงต าแหน่งของค่าของตัวแปรทั้งสอง
่
ี
้
็
ึ
บนกราฟด้วย
ี
็
่
ื
ในการทดลองแต่ละคร้งจ าเปนต้องอาศัยการวิเคราะหตัวแปรต่างๆ ทเกียวข้อง คอ
่
์
ั
ิ
็
ิ
่
ี
สามารถทจะบอกชนดของตัวแปรในการทดลองว่า ตัวแปรนั้นเปนตัวแปรอสระ ตัวแปร
ตาม หรอตัวแปรทถกควบคม ในการทดลองหนงๆ จะต้องมตัวแปรตัวหนงเท่านั้น ทมผล
ี
ึ
่
่
่
ี
ึ
ุ
ี
่
ี
ู
ื
ต่อการทดลอง และเพือให้แน่ใจว่าผลทเกิดจากตัวแปรนั้นจรงๆ จ าเปนต้องควบคมตัวแปร
่
ี
ุ
ิ
่
็
ุ
ี
่
ู
ี
ื
ี
่
่
ึ
อนไม่ให้มผลต่อการทดลอง ซงเรยกตัวแปรน้ว่า ตัวแปรทถกควบคม
ี
13. การตีความหมายขอมูลและการลงข้อสรุป (interpreting data and making
้
ึ
ี
conclusion) การตความหมายของข้อมูล หมายถง การแปลความหมายหรอบรรยาย
ื
ี
ั
ี
่
ู
่
ลักษณะข้อมลทมอยู่ การตความหมายของข้อมลในบางคร้งอาจต้องใช้ทักษะอนๆ ด้วย
ื
ู
ี
ั
ึ
เช่น การสงเกต การค านวณ เปนต้น และการลงข้อสรป หมายถง การสรปความสมพันธ ์
็
ั
ุ
ุ
็
ุ
ู
ื
่
ของข้อมลทั้งหมด ความสามารถทแสดงให้เหนว่า เกิดทักษะการลงข้อสรป คอการบอก
ี
ู
์
ั
ความสมพันธของข้อมลได้ เช่น การอธบายความสมพันธระหว่างตัวแปรบนกราฟ ถ้า
ั
์
ิ
้
็
่
กราฟเปนเสนตรงก็สามารถอธิบายได้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับตัวแปรตามขณะทีตัวแปรอิสระ
ิ
เปลยนแปลง หรอถ้าลากกราฟเปนเสนโค้ง ให้อธบายความสมพันธระหว่างตัวแปรก่อน
็
์
ื
้
ั
ี
่
ทกราฟเสนโค้งจะเปลยนทศทาง และอธบายความสมพันธระหว่างตัวแปร หลังจากท ี ่
ี
์
้
่
ั
ิ
่
ิ
ี
กราฟเส้นโค้งเปลยนทศทางแล้ว
ิ
ี่
-53-
ภาพเคลื่อนไหวการเจรญเตบโตของพืช
ิ
ิ
(นาเสนอให้ผู้เรียนดู ในขั้นสร้างความสนใจ)
1. 2. 3.
4. 5. 6.
7. 8. 9.
-54-
่
ภาพนกวิทยาศาสตรในแผนใส
ั
์
ึ
(ใช้ฉายโดยเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ เพือฝกถาม-ตอบผู้เรียน)
่
์
ิ
อัลเบรต ไอสไตน์ (Albert Einstein)
ี
ื
ื
่
์
ี
นักวทยาศาสตรทมชอเสยงชาวเยอรมัน เกิดเมอ ค.ศ.1879
ิ
่
ี
่
เปนผู้ค้นพบทฤษฎแห่งความสัมพันธ ( E = mc )
2
์
็
ี
-55-
ี
้
ั
แผนการจดการเรยนรู
ี
ี
ี
ุ
่
ู
กล่มสาระการเรยนร วิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศกษาปท 1 ภาคเรยนท 1
ี
ี่
์
ึ
้
่
ี
ี
ี
ู
ี
้
ื่
หน่วยการเรยนรท 1 เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช เวลา 30 ชั่วโมง
้
ื่
ี่
ี
ู
แผนการจัดการเรยนรท 2 เรอง ใชกลองสารวจหา เวลา 2 ชั่วโมง
้
้
้
ื
ื่
สอนวันท ……. เดอน ………………..… พ.ศ. ............... ชอผู้สอน นายยรรยง ปกปอง
ี่
1. สาระสาคัญ
่
้
ี
์
ี
1.1 การเรยนรเกียวกับวิธการทางวิทยาศาสตร และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร จะช่วยส่งเสรม
์
ู
ิ
ให้สามารถสรางองค์ความรด้วยตนเองอย่างมระบบ
ู
้
ี
้
่
ึ
็
ิ
ื
ุ
่
ี
ี
ี
่
ื
่
็
์
1.2 กล้องจลทรรศน เปนเครองมอทใช้ตรวจสอบวัตถทมขนาดเล็ก ซงตาคนปกตไม่สามารถมองเหนได้
ุ
ี
1.3 เซลล์เปนหน่วยพื้นฐานทเล็กทสดของส่งมชวิต มโครงสรางและหน้าทเกียวกับการด ารงพันธของ
้
่
ี
่
ิ
ี
ี
ุ
็
ี
่
ุ
ี
์
่
ี
ส่งมชวิต
ี
ิ
้
ี
์
ิ
2. มาตรฐานการเรยนรู ว 1.1 : เข้าใจหน่วยพื้นฐานของส่งมชวิต ความสัมพันธของโครงสรางและหน้าท ี่
ี
้
ี
่
ของระบบต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิต ทีท างานสัมพันธ์กัน มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สือสารส่งทีเรียนรู้
่
่
ิ
ิ
ู
น าความรไปใช้ในการด ารงชวิตของตนเอง และดแลส่งมชวิต
ี
ี
้
ี
ู
3. ตัวชวัด
้
ี
ี
ี
ี
3.1 เตรยมสไลด์สด เพือศกษาลักษณะและรปร่างของเซลล์ต่างๆ ของส่งมชวิตเซลล์เดยว และส่งมชวิต
ิ
ึ
ี
ี
่
ิ
ี
ู
ุ
หลายเซลล์ ภายใต้กล้องจลทรรศน์
4. ภาระงาน / ชนงาน
้
ิ
ุ
ี่
ี่
ึ
4.1 ผลงานทผู้เรยนท าในชดฝกท 3 (ส่วนประกอบของกล้องจลทรรศน)
ุ
์
ี
ี
ี
4.2 คะแนนการทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ึ
4.3 บันทกเจตคตและจตวิทยาศาสตรของผู้เรยน
์
ี
ิ
ิ
ุ
5. จุดประสงคการเรยนรู (จดประสงค์น าทาง)
์
้
ี
์
ุ
5.1 บอกส่วนประกอบของกล้องจลทรรศนได้
ุ
ี
5.2 บอกวิธใช้กล้องจลทรรศน์ได้